>>586 มึงนี่น่าจะเป็นเพื่อนกับกูได้นะ มีไรก็อยากให้พูดตรงๆ 555
คนมันคิดไม่เหมือนกันอะมึง อย่างมึงกับกูมีไรก็อยากให้พูดกันตรงๆ (สำหรับกูพูดกันตรงนั้น ถ้าจะโกรธจะระเบิดอารมณ์กรณีเรื่องใหญ่มากๆ กูก็จะจบแค่ตรงนั้นไม่เอามาคิดต่อ) แต่เพื่อนกูก็จะอีกแบบ คิดเล็กคิดน้อย มันบอกว่าที่ไม่อยากพูดตรงๆเพราะกลัวกูโกรธ แต่ที่กูจะโกรธมากกว่าคือไม่พูดตรงๆนี่แหละ ปล่อยให้กูสับสนคิดไปเองคนเดียวด๊วก ถ้าเรื่องมีเหตุผลพอกูก็ไม่โกรธมั้ยล่ะ ถ้ามึงมีเพื่อนแบบนี้มึงต้องทำตัวมึนๆไปอะ กูใช้วิธีทำตัวแบบที่กูทำมาตลอด รับได้ก็อยู่ไป รับไม่ได้ก็เลิกคบ ถ้าไม่พูดออกมาว่าชอบตรงไหนไม่ชอบตรงไหนกูก็จะยังเป็นแบบเดิม กูเคยเป็นแบบมึงนะ แคร์ความรู้สึกคนอื่น แต่กูแคร์มากไป สุดท้ายกูก็เจ็บเองเพราะกูรู้ว่าต่อให้กูแคร์คนอื่นไป100คนที่แคร์กูกลับอย่างมากก็50 กูเลยเปลี่ยนแนวคิด ต่อให้ไม่มีคนแคร์กู กูก็ต้องแคร์ตัวเอง เป็นห่วงตัวเอง สำหรับคนที่กูคิดว่าเป็นเพื่อน กูก็ยังแคร์เหมือนเดิมแหละ ต่กูไม่แคร์เท่าเดิมแล้ว มึงต้องเห็นคุณค่าตัวเองนะ อย่าเอาตัวเองไปผูกกับคนอื่นมาก มึงน่ะมีคุณค่าเสมอ เรื่องความสนิทกูหันมาสนิทกับไดอารี่แทนแล้ว มีไรก็ระบายลงในนั้น ไม่ต้องกลัวว่าเพื่อนจะเห็น ทวิตกูก็เลิกบ่น ปล่อยร้างไป กูก็ไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกกูยังไงดี แต่กูเจ็บมาเยอะเลยไม่ค่อยเชื่อใจใคร โซเชี่ยลอันไหนที่มีเพื่อนกูจะไม่ค่อยบ่นไรลงไป เพราะมันจะมีคนบางพวกชอบมาส่องแล้วก็แคปไปนินทา เอาง่ายๆก็กูหันมาเซฟตัวเองก่อนดีกว่า ไม่มีไรทำร้ายเราได้แย่กว่าเราทำตัวเองหรอก กูว่าเรื่องความสนิทมันมีไม่เท่ากันทุกคนหรอก ตอนกูอยู่ม.ต้นกูคิดว่ากูสนิทกับเพื่อนคนหนึ่งสัก90 พอโตมาตอนนี้มองย้อนกลับไปเพื่อนมีค่าความสนิทให้กูแค่10เองมั้ง ตอนนี้กูก็ใช้วิธีอยากสนิทกับใคร ก็สนิทเท่าที่ตัวเองสบายใจ ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับอีกฝ่าย
ถ้ามึงอ่านแล้วมึงรู้สึกงงๆ กูก็ขอโทษเพราะกูพิมพ์เองกูยังงงเลย อาจจะช่วยมึงไม่ได้มากแต่กูก็อยากแชร์วิธีป้องกันตัวเองในแบบของกูน่ะ