>>475 เฮ้ย มึงกลัวเหมือนกูตอนนี้เลยแฮะ กูเอง ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าสนิทกับใครได้เปล่า คือเพื่อนมีคบมั้ย มันก็มี แต่ไม่อยู่ห่างกันก็ติดธุระ ไม่ค่อยได้เจอกันอีก
กูเป็นคนที่จะมีคนชอบมาบ่นเรื่องนู้นเรื่องนี้ให้ฟังตลอดอะ เวลาใครเครียดหรือใครรำคาญใครเขาจะมาเล่าให้กูฟัง อย่างเพื่อนที่กูคิดว่าสนิทที่สุดคนแรก เรื่องที่คุยส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องปลอบมันที่ไปเจอเพื่อนเฮงซวย โทรคุยกันบ่อยก็จริงนะ แต่เรื่องส่วนใหญ่ที่คุยจะเป็นเรื่องบ่นชีวิตนี่สิ..กูเลยแอบกังวลว่าถ้าซักวัน มันไม่มีปัญหาอะไรแล้ว กูจะยังสำคัญอยู่มั้ย หรือกูก็เป็นได้แค่กระโถนพระโรงเหมือนเดิม
เพื่อนที่คิดว่าสนิทตอนม.ปลาย ปกติก็จับกลุ่มคุยกันเหมือนทั่วๆไปแหละ แต่กูจะชอบโดดมาคนเดียวตลอด เพราะกูรู้สึกโดยบรรยากาศ(กูค่อนข้างอ่านบรรยากาศกับสีหน้าคนออกเร็ว อันนี้มีหลายคนบอกมานะ เพราะกูจะรู้ก่อนตลอดว่าใครมีปัญหาอะไรกันหรือคำพูดไหนทำให้ใครรู้สึึกยังไง)เลยว่าเขาอยากคุยกับคนนั้นคนนี้แค่สองคน ไม่ใช่กู แต่กลายเป็นว่าพอมีปัญหาอะไรขึ้นมา ก็มาหากู มาขอคำปรึกษาอะไรทำนองนี้ ซึ่งถามว่ากูดีใจมั้ย ก็ดีใจนะที่เป็นที่พึ่งให้ใครได้ แต่ว่าก็เกิดคิดขึ้นมาอีก ว่าถ้าไม่มีปัญหาอะไร แล้วกูจะยังสำคัญอะไรอยู่มั้ย
กูชอบการเป็นที่พึ่งให้ใครได้นะ แต่กูก็ไม่รู้สึกว่ากูจำเป็นอะไรขนาดนั้น กูเข้าใจว่าต่างคนต่างก็มีชีวิตของตัวเอง แต่กูก็รู้สึกว่าถ้าในช่วงชีวิตกู กูหาเพื่อนแท้ได้จริงๆก็คงดี ไม่ต้องเป็นเพื่อนที่ตัวติดกัน โทรคุยกัน ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดเงลาก็ได้ แต่เป็นคนที่ยังรับรู้ตัวตนของต่างฝ่ายในฐานะเพื่อนได้ แม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าไหนก็ตาม
กูรู้สึกกลัวว่าต่อไป พอกูโตขึ้น กูจะไม่มีใครที่จำได้ว่ากูเป็นเพื่อนที่เคยสนิท เป็นคนที่เคยให้คำปรึกษา เป็นคนที่คอยดูแลจัดการอะไรหลายๆอย่างให้
แต่กูก็โคตรเกลียดเลย ถ้าจะต้องเอาตัวเองมาผูกไว้กับคนอื่นเนี่ย รู้สึกตัวเองไร้สาระมากที่ต้องไปแคร์ใครขนาดนั้น เพราะงั้นกูก็คิดว่าเวลาคงจะบอกเองแหละ ว่าใครที่จะเป็นเพื่อนของเราไปได้ตลอด
สุดท้ายกูก็ดันบ่นซะยาวเลยแฮะ แต่มึงอย่าไปคิดอะไรมาก เพื่อนมันมาตามจังหวะชีวิตนั่นแหละ เวลาจะเป็นตัววัดเองว่าใครที่จะเป็นเพื่อนจริงๆของเราได้