กูตั้งให้ เห็นใกล้เต็มละ
โม่งคุยเรื่องเพื่อน กระทู้แรก >>fanboi.ch/lifestyle/1526/
Last posted
Total of 1000 posts
กูตั้งให้ เห็นใกล้เต็มละ
โม่งคุยเรื่องเพื่อน กระทู้แรก >>fanboi.ch/lifestyle/1526/
เชี่ย ลิงค์ผิด >>>/lifestyle/1526/
ขอปรึกษาทริคในการพูดคุย หาเพื่อน เข้าสังคมได้ปะวะ งั้นก็ขอคำเเนะนำหน่อยสิ
กูอยู่มหาลัย ทีนี้เพื่อนเก่าๆกูมันก็ย้ายไปอยู่สาขาอื่น
กูมีเพื่อนน้อยมาก คือกูเข้าหาคนไม่เก่ง กิจกรรมไม่ชอบทำ เเต่กูดันอยากจะคุยเก่งๆ
เพื่อนในชั้นเรียน เซคก็มีนะเเต่ก็เเค่เพื่อนในชั้นเรียนว่ะ คือด้วยความที่กูคุยไม่เก่ง มุขเมิกไม่มี เข้าหาคนยาก
เวลาคุยๆก็ไม่รู้จะคุยอะไร คนอื่นๆมันก็คงอึดอัด เอาง่ายๆคือกูคุยด้วยเเล้วอึดอัด
อยากฝึกการคุยให้คุยได้ราบรื่นว่ะ กูก็เข้าใจว่าของเเบบนี้มันเปลี่ยนเเปลงกันยาก เเต่ก็อยากฝึก
ควรทำไงดีวะ อยากคุยกับคนเเปลกหน้าเก่งๆด้วยให้เขารู้สึกสบายใจเวลาคุยไรเงี้ย
>>3 ถ้าเป้าหมายมึงคืออยากให้เขาสบายใจเวลาคุย อยากคุยกะคนแปลกหน้าเก่งๆ มึงต้องเปลี่ยนความคิดก่อน จำใหม่นะว่า "คุยสนุก" ไม่เหมือนกับ "คุยเก่ง"
มึงลองหันมาเป็นฝ่ายนั่งฟังดูบ้าง
กูเองเมื่อก่อนก็เป็นคนคุยไม่เก่ง กูรู้ตัวว่ากูคุยไม่สนุก กูเลยไม่พูดมาก เน้นนั่งนิ่งๆ ฟังอย่างเดียว
แต่เพื่อนหลายคนที่ได้รู้จักกับกูบอกกูว่า กูเป็นคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ และเพื่อนๆหลายคนชอบมาเล่าเรื่องส่วนตัวให้กูฟัง เขาบอกว่า เขาไว้ใจที่จะเล่าให้กูฟัง เพราะกูตั้งใจฟังเขา และให้คำแนะนำดีมาก
แต่เอาตรงๆนะ... กูไม่ได้ให้คำแนะนำไรดีเลยว่ะ กูแค่ใช้หลักจิตวิทยาทำให้เขาคิดหาคำตอบจากปัญหาได้ด้วยตัวเองต่างหาก
กูจะแนะนำทีละเรื่องนะ มึงอยากอ่านเรื่องไรก็อ่านไป กูเขียนเผื่อคนอื่นๆที่จะอ่านด้วย เผื่อได้นำไปใช้ เพราะกูเข้าใจดีว่าคนเงียบๆมันมีอุปสรรคในการเข้าสังคมยังไง และกูผ่านมันมาแล้ว
1.บุคลิก
มึงต้องพยายามไม่ทำตัวมืดมน และไม่ควรออกตัวเข้าหาคนอื่นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
first impression สำคัญมาก มึงต้องคิดให้ได้ตลอด ว่ามีคนกำลังมองมึงอยู่ เพราะฉะนั้นจุดแรกที่จะเปลี่ยนให้มีคนกล้าเข้ามาพูดคุยกะมึง คือบุคลิกของตัวมึงเอง
ไม่จำเป็นต้องยิ้มตลอดเวลา แต่เวลาสบตาใคร ห้ามทำหน้าบึ้งเด็ดขาด ถ้าหน้ามึงเป็นคนหน้าดุ ก็ยิ้มกลบหน้าดุๆนั้นไป ถ้าหน้าปกติ มึงก็ลองอมยิ้มนิดนึงพอ ไม่จำเป็นต้องเป็นคนรู้จักนะ ถ้าคนไม่รู้จักเขามองมึงนานๆจนมึงรู้ตัว หันกลับไปยิ้มให้เขาเลย วิธีนี้ถ้าเป็นผญ อาจได้แฟน แต่ถ้าเป็นผช อาจโดนหาว่าม่อ รึเกย์ ก็ระวังๆหน่อยแล้วกัน ยิ้มนิดเดียว อย่ามากไปนะเว้ย!
ถ้ายิ้มกลับไปแล้วโดนหลบหน้าก็อย่าตกใจ คนส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนั้น แต่ลึกๆมึงก็ได้คะแนนบวกในใจเขาไปละ
2.โอกาสคุย
มี 2 ทางให้มึงได้คุย คือ 1.รอเวลาให้มีคนเข้ามาหามึงเอง 2.มึงเข้าไปหาเค้า
ถ้ามึงเป็นคนที่บุคลิกเงียบ มึงไม่จำเป็นต้องฝืนยิ้มเริงร่าเข้าไปทักทายคนอื่น ให้มึงเลือกชอยส์ 1 เป็นหลักเลย ส่วนชอยส์ 2 โอกาสจะได้ทำแบบนั้นมีเฉพาะเวลาทำกิจกรรมกับคนเยอะๆ ซึ่งมึงไม่ทำกิจกรรม ดังนั้นข้อนี้กูขอไม่พูด
ถ้ามึงเปลี่ยนบุคลิกตัวเองได้สักระยะ ออร่ารอบตัวมึงจะเปลี่ยนไป และจะมีคนเข้ามาหามึงมากกว่าเดิมเอง ตอนนี้อยู่ที่มึงรับมือยังไง
เวลาคนเข้ามาหามึงเนี่ย มีหลายอย่าง แต่ส่วนใหญ่เขาเข้าหาเพราะหวังประโยชน์จากมึง(เอาจริงๆแม้แต่เพื่อนสนิทก็เข้าหากันเพราะต้องการ "ความสบายใจ" ดังนั้นไม่ผิดที่เขาจะเข้าหามึงเพราะประโยชน์ มึงจงดีใจที่มึงมีประโยชน์) ก็สนองเขาไป ทำตัวไม่เป็นศัตรู และยิ้มให้ถ้าเขาขยับตัวเข้ามาใกล้มึงมากขึ้น เป็นการสอนเขาอย่างลับๆว่า "ฉันเป็นมิตรกะเธอนะ เธอจะได้ประโยชน์กว่าเดิมถ้าเธอสนิทกับฉันมากกว่านี้"
(การที่มึงคุยๆกันแล้วฝ่ายไหนก้าวเข้าหา หรือปลายเท้าหันไปทางคู่สนทนา แสดงว่าฝ่ายนั้นวางใจและรู้สึกเป็นมิตรแล้ว)
3.หนทางคุยยาวๆของคนเงียบ
คืออย่าที่ว่าแหละ "คุยเก่ง" กับ "คุยสนุก" ไม่เหมือนกัน
อย่างกู กูเป็นคนคุยไม่สนุก(หมายความว่า ถ้ากูเป็นฝ่ายพูด จะไม่สนุกเฮฮาเท่าไหร่)
แต่กูคุยเก่ง เพราะกูคุยแล้ว อีกฝ่ายเข้าหากูมากขึ้น ไว้วางใจกูมากขึ้น และอยากจะคุยกับกูอีกยาวๆ
(และเวลาอยู่ในกลุ่ม กูก็ไม่ได้ไร้ตัวตนเหมือนเมื่อก่อน เพราะเมื่อคนในกลุ่มเห็นกูมีตัวตน เขาจะเป็นฝ่ายดึงกูเข้าไปร่วมวงกับเขาเอง)
วิธีการคุยของกูคือ เป็นฝ่ายฟัง และให้อีกฝ่าย "เล่า" วิธีนี้จะได้ผลที่สุดถ้ามึงได้คุยกะเพื่อนแค่ 2 คนนะ
ถ้าเป็นเพื่อนใหม่ มึงอาจบอกไว้ก่อนก็ได้ว่า มึงเป็นคนพูดไม่เก่ง เพื่อให้เขารู้สึกว่าเขาควรเป็นฝ่ายพูด
เวลาเขาเล่าอะไรมา มึงก็ใช้วิธีการ "ทวนคำ" แทนคำว่า "อืม" เพื่อแสดงให้เห็นว่า มึงเข้าใจในสิ่งที่เขากำลังพูด อาจจะทวนด้วยคำถาม หรือแค่คำเฉยๆก็ได้
เช่น เพื่อน: เมื่อวาน"ดีใจ"มากเลย
มึง: "ดีใจ"เรื่องอะไรเหรอ?
เพื่อน:ก็เมื่อวาน บลาๆๆๆๆ
มึง: อ่อ มึง บลา มึงก็เลย บลา อย่างงี้นี่เอง ยิ้มแป้นเชียว
เพื่อน:ใช่มะ แล้ววันนี้ก็ บลาๆๆ
มึง: //ทวนคำเป็นระยะๆ
การทวนคำนี้ใช้กะตอนสงสัยได้ด้วย เช่น
เพื่อน:เหนื่อยอะ
มึง:เหนื่อย? (เชิงถาม)
เพื่อน:(ถูกบังคับให้ตอบเหตุผล)ก็เมื่อเช้าดิ ทำเลขไม่ค่อยได้เลยว่ะ
มึง:ไม่ค่อยได้เหรอ ยังไง?
เพื่อน: ก็ข้อนั้น บลาๆๆ ข้อนี้ บลาๆๆ สุดท้ายก็ทำไม่ทัน
มึง:ไม่เป็นไรมึง มันผ่านไปแล้ว แล้วตอนนี้เหลือสอบไรอีกปะเนี่ย
เพื่อน:ก็มีสอบวันนู้น วันนี้แล้วก็วันนั้น บลาๆๆๆ
มึง: อ๋อๆ เอ้ยย สอบวันเดียวกันเลย วิชาไรนะ
ฯลฯ
4.จิตวิทยา
พอมึงสนิทกันได้ระดับนึงแล้ว เขาจะเริ่มกล้าเปิดใจกะมึง ทีนี้จิตวิทยาสำคัญมาก มันจะทำให้มึงดูใส่ใจเขา และเขาจะสนิทกับมึงแบบก้าวกระโดดเลย ถ้าผ่านช่วง"ระบายทุกข์"ไปได้ สุดท้ายแล้วถ้ามึงจะกลับไปห่าง เขาก็ยังรู้สึกสนิทกับมึงเหมือนเดิม
จิตวิทยาที่กูจะสอนมียิบย่อยเยอะสัสๆ เอาเท่าที่จำได้นะ
-เวลาฟัง พยายามสบตาบ่อยๆ ถ้าไม่สะดวกมองตา ก็มองที่ดั้งจมูก(ระหว่างตา) รับรองคนโดนมองไม่รู้หรอก เขาจะคิดว่ามึงมองตาอยู่(ใช้กับเวลาที่ต้องคุยกับคนที่ไม่ชอบหน้าได้ด้วย จ้องดุๆไปที่ดั้งแม่งเลย เดี๋ยวมันกลัวเอง)
-ลอกเลียนท่าทางเขาเป็นระยะๆ เช่น เขาเอามือเกาคาง ก็ลองเกาคางตาม เขาเอามือคำโต๊ะ ก็ค้ำบ้าง อย่ามากไปนะ มันจะดูกวนตีน
เวลาคนเราทำอะไรตามๆกัน คนที่เป็นคนเริ่มทำจะรู้สึกเป็นพวกเดียวกับคนที่ทำตาม ไม่เชื่อมึงลองสังเกตเวลาเด็กๆเล่นกัน เขาจะทำท่าทางตามกันโดยไม่รู้ตัว
อันนี้ใช้กลับกันได้ด้วย คือถ้ามึงพูดอยู่แล้วอยากรู้ว่าใครตั้งใจฟังมึง ก็ลองทำท่าทางเบสิกๆดู เช่นกอดอกหลวมๆ หรือมองไปทางอื่นแวบนึง ถ้าใครทำตามคือกำลังฟังมึงอยู่ แต่อันนี้ไม่ได้หมายความว่าคนไม่ทำตามคือไม่ฟังนะเว้ย
-ปลายเท้า ถ้ามึงยืนคุยกัน มึงลองใช้หางตาสังเกตปลายเท้าดู ถ้าปลายเท้าเขาหันไปทางอื่น แสดงว่าเขาเริ่มเบื่อที่จะคุยกะมึงแล้ว แต่อาจจะไม่กล้าปิดบทสนทนาเอง มึงก็ลองหาข้ออ้างปิดการสนทนาไป
-คนที่สนิทกัน เวลาเดินด้วยกันจะก้าวเท้าไปพร้อมๆกัน
เวลาเขาทักมึงตอนเดิน มึงก็ลองไปเดินข้างเนียนๆ ให้เท้าลงจังหวะพร้อมกัน เขาจะคุยกะมึงเพลินเลย
-เรื่องแย่ๆของตัวเอง เก็บไว้ถ้าไม่มีใครถาม หรือถ้ามีใครถาม ก็ตอบเฉพาะที่เขาถาม ถ้าใครให้เล่า ก็เล่าสั้นๆ เพราะคนส่วนใหญ่ไม่ชอบฟังเรื่องที่ไม่เกี่ยวกะตัวเอง ยิ่งเป็นเรื่องที่ไม่สนุก ไม่ฮา ไม่ขำ ยิ่งไม่มีใครชอบฟัง
อันนี้ยกเว้นกะพวกที่สนิทมากๆ ยิ่งเล่ายิ่งสนิท อันนี้เล่าไปเลย
-ใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ
อันนี้ใช้กะผู้หญิงได้ผลดี มึงลองสังเกตรายละเอียดเล็กๆดู แล้วทักบ้างไม่ต้องบ่อย แต่ทักให้รู้ว่า ตูใส่ใจนะ
หรือถ้าจะมุ่งสายเงียบเสน่ห์ ก็ไม่ต้องทัก แต่อาจจะเทคแคร์ด้วยการกระทำเลย เช่น รู้ว่าชอบกินขนมอะไร ถ้ามึงซื้อขนมนั้นมาพอดีก็แบ่งให้กิน เจาะจงคนที่เขาชอบขนมนั้นเลย
หรือเวลาเจอของที่รู้ว่าเขาชอบ เช่นกระเป๋าลายนั้น เคสมือถือสีนั้น ก็ลองแนะนำเขาดู(ไม่ต้องซื้อให้ นั่นทุ่มเทไป)
อันนี้ทำอย่างพองาม อย่าเยอะไป ถ้าเยอะไปเรียกหน้าม่อนะจ๊ะ (เช่นซื้อเคสมือถือที่เขาชอบมาให้เลย..อันนี้ไม่ใช่เพื่อนละ)
กูเพิ่งรู้สึกตัวว่ากูเขียนละเอียดไป ข้อความเยอะไปแล้ว
ขออภัยเพื่อนโม่งที่รู้สึกรกด้วยนะ ถ้าที่กูเขียนมันมีประโยชน์ซัก 1 ประโยค หรือทำให้ใครมีเพื่อนเพิ่มมาได้ซัก 1 คน แค่นี้กูก็ดีใจและ -/\-
ขอให้ชาวมนุษย์เงียบจงมีชีวิตที่ดีด้วยเถิด
กุสรุปให้ฟังย่อๆ
-ปรับบุคลิก อย่าทำตัวหม่น
-สบตา
-ทวนคำ แทนการใช้ อือ อืม ซ้ำๆ
-ลอกท่าทาง
-เดินจังหวะเดียวกัน
-ดูปลายเท้า
-สังเกตสิ่งเล็กๆน้อยๆ
>>12 ขอบคุณมากที่มึงเข้าใจจจ กูคิดว่าจะโดนด่าซะแล้ว บอร์ดโม่งแม่งโหดตลอด กูแทบไม่อยากเม้นอะไรเลย แต่นี่กูเจอคนที่เคยมีปัญหาเดียวกะกูกูเลยอยากช่วย(แอบทำใจไว้แล้วว่าถ้าโดนด่ากูจะนิ่ง)
ข้อมูลเรื่องจิตวิทยานั้นบางส่วนกูอ่านในหนังสืออังกฤษสักเล่มอะ คนเขียนเป็นผญที่ทำงานวงการบันเทิง แล้วต้องรับมือกับการพูดคุยเพื่อธุรกิจและข่าว เขาก็แนะนำวิธีการทำให้ดาราสนิทใจกล้าคุยกับเขา กับวิธีหยุดบทสนทนากับคนที่ไม่ชอบ ไรงี้ อ่านแล้วแบบ หูวว ล้ำสัส
กับอีกเล่มนึงเป็นหนังสือของจิตแพทย์เลย กูซื้อมาเพราะกูอยากพูดเก่งๆเนี่ยแหละ คือทั้งเล่มนี่ดีมาก สอนหมดจดและอธิบายด้วยเหตุผลวิชาการหมดเลย มีภาษาไทย อ่านแล้วงงนิดหน่อยถ้าไม่มีพื้นฐานจิตวิทยา แต่รวมๆก็ดีมาก มันทำให้เข้าใจมนุษย์มากกว่าเดิมเยอะ เล่มนี้ช่วยเรื่องการวางตัวและบุคลิกมากๆ
แต่ทั้งสองเล่มกูจำชื่อหนังสือหรือคนเขียนไม่ได้แล้วว่ะ ขอโทษนะ ; - ;
>>16 เหมือนกันๆ มู้นี้มีประโยชน์สัสๆกับพวกมีปัญหาด้านความสำพันธ์กะคนอื่นอย่างกู ไปอยู่ที่ไหนเป็นต้องถูกหมั่นไส้ตลอด ที่แย่คือกูไม่รู้ตัวเองว่าไปทำไรถึงน่าหมั่นไส้ กูโดนเพื่อนเกลียดตั้งแต่สมัยม.ต้น ม.ปลายก็โดนจับกลุ่มนินทา พอเข้ามหาลัยก็โดนตั้งแง่เพื่อนไม่คบ พอทำงานก็เหมือนจะเข้ากะคนอื่นไม่ได้อีก ทำไมกันวะ ทั้งๆที่ตอนประถมก็มีเพื่อนเยอะแยะ แต่พแเข้าม.ต้นแล้วโดนแกล้งหลังจากนั้นก็มีปัญหาตลอด
>>17 บางทีมึงลองชุบตัวก็ได้นะ ไม่จำเป็นต้องย้ายที่เรียน แต่หมายถึงให้ไปทำกิจกรรมแยกตัวออกไปจากสังคมปัจจุบันเลย ไปรู้จักคนใหม่ๆที่เขาไม่รู้จักเพื่อนมึง เผื่อเขาจะได้ไม่มองมึงแบบอคติเหมือนสังคมปัจจุบันของมึงไง
ส่วนเรื่องถูกหมั่นไส้กูว่ามันอาจจะมีมูล มึงลองสังเกตดีๆว่าเขาเดินหนีจากมึงตอนไหน หรือชักสีหน้าใส่มึงตอนไหน หรือบางทีมึงอาจจะแค่มโนไปเอง เขาอาจจะไม่ได้เกลียดมึงแต่ไม่กล้าเข้าหามึงเพราะมึงไม่ยิ้มก็ได้
ฟังจากฝ่ายเงียบละกูใจชื้นขึ้นเยอะ แต่กูอยากฟังความเห็นจากพวกคุยเก่งบ้างว่ะ
พอดีรุ่นพี่กูคนนึงเป็นคนพูดมาก(แต่พูดเก่งน่าฟัง) ชอบดันๆให้กูพยายามฝึกพูด ฝึกต่อรอง ฝึกเมาท์
ซึ่งกูไม่ชอบเลยว่ะ เขาจะชอบพูดว่า ห้ามนั่งเงียบ ให้พูดเยอะๆ กล้าๆเข้าไว้ เหมือนเขามองว่ากูขี้อายเลยไม่พูด
แต่ที่จริงกูไม่ได้ขี้อายหรอก แต่นิสัยกูไม่พูดเยอะอยู่แล้วไง
พอเจอคนเงียบที่เข้าสังคมได้กูเลยดีใจว่าแนวคิดกูไม่ผิด เพราะกูก็อยากมีสังคมโดยไม่ต้องเปลี่ยนนิสัยตัวเอง
กูขอบ่นหน่อย กูทำงานกลุ่ม แล้วแม่งกูแจงงานไปเสือกไม่ทำ ตอนแรกคือกูแค่ฝากมันทำงานเล็กๆนิดหน่อยเล็กๆแค่นั้น กูจะทำส่วนอื่นรอ คือแม่งทำงานไม่ได้ไงกูก็ให้แค่นั้น แต่พอถึงวันนัดทำงานเสือกไม่มีงาน ไม่ทำห่าไร
แล้วทีนี้กูก็แจงงานส่วนอื่นไป ทำไม่ได้ ไม่มีมาถามคือมึงทำไม่ได้แต่เอางานไปหมกแม่งโคตรเสียเวลาจะทำส่วนอื่นก็ทำห่าไรไม่ได้ ต้องรอ ต้องมานั่งแก้ ที่สำคัญคือเรียกมาทำกันเสือกไม่มา มาก็โพล่หัวนิดเดียวแล้วหาย เฮ้ยมึง คือกูไม่แจงงานปรึกษางานตอนนั้นก็ไม่ได้หมายความว่ากูจะไม่มีมาคุยงานนะเว้ย
>>21 เออกูเคยเป็นหัวหน้ากลุ่มงานใหญ่ๆมาแล้วหลายครั้งกูพอเข้าใจความรู้สึก มันจะมีคนบางส่วนที่ไม่ทำเหี้ยไรเลยแต่ไม่ยอมบอกว่าไม่ทำ ต้องรอหมดเวลาละให้กูไปทวงงาน ถึงบอกว่าทำไม่ได้
มึงลองกระจายอำนาจให้ดีๆ ให้คนทวงงานเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่มึง เช่น กูมีกลุ่ม 10 คน มี 3 คนเป็นเพื่อนสนิทกันและดูเหมือน 1 ใน 3 คนนั้นเป็นหัว มึงก็บอกงาน(ที่ทำ 3 คน)กับไอ้คนนั้นคนเดียวพอ ละให้มันไปแบ่งงานกันเอง ให้คนรับผิดชอบเป็นแค่คนเดียวในนั้นพอ
พอมันเป็นเพื่อนสนิทกันมันจะเกิดการเกรงใจ อย่างน้อยก็ทำให้มันทำงานได้(เพราะเกรงใจเพื่อนในกลุ่มตัวเอง ถ้าไม่ทำงาน=เพื่อนลำบาก)
พยายามสร้างสถานการณ์ที่มึงไม่ต้องไปง้อ แต่เขาต้องมาง้อมึงแทน เช่น ใครไม่ทำงานมึงไม่ใส่ชื่อและบอกอาจารย์
ถ้าเพื่อนจะเกลียดมึงเพราะเขาไม่ทำงานก็ปล่อยมันไป มันนินทาอะไรมึงไม่ได้อยู่แล้วเพราะมึงไม่ได้ผิดอะไร เขาต่างหากที่ผิด
ทุกวันนี้ทำงานแล้วเพื่อนที่มหาลัยไม่ค่อยจะมีใครเป็นฝ่ายมาคุยกับกูเลยว่ะ กูต้องเป็นฝ่ายทักคนอื่นก่อนตลอดมันเซ็งๆไงไม่รู้
พวกทักกูก่อนก็มีแต่พวกขอยืมตังอย่างเดียว
กูรำคานพวกที่เหนกูออนเฟสตี3ตี4แล้วหาว่ากูซุ่ม ซุ่มเหี้ยอะไรติดเอฟขนาดนี้ เอาจริงๆกูจะซุ่มไม่ซุ่มอ่านตอนไหนก็เรื่องของกู ไม่เสือกดิ
>>24 อิพวกนั้นในใจคิดระแวงว่าคนอื่นจะเอาชนะมัน(กลัวแพ้) ไม่ต้องไปให้ราคา กูเองขนาดกูบอกไม่อ่านๆๆๆๆ คือกูไม่อ่านจริงเพราะกูขี้เกียจ แต่พอใกล้สอบกูก็อ่านรอบนึงแล้วไปสอบ กลับทำได้คะแนนดี(เพราะกูอ่านแบบเข้าใจไม่ปล่อยผ่าน นานแค่ไหนก็อ่านให้จบ)
ละพอมันมาถามคะแนน มันก็มาด่ากู "ทำไมตอนถามชอบบอกไม่รู้ๆไม่อ่านๆ ที่แท้ซุ่มมาตลอดสินะ" ฟวย ก็ตอนนั้นกูไม่ได้อ่านเลยจริงๆนี่หว่า ในห้องเรียนก็ไม่ได้ฟัง จะให้กูตอบไรวะ
ใครมีวิธียิ้มแหยๆบ้างวะ กูนึกไม่ออกว่าจะทำไงส่องกระจกก้ไม่รู้อีกว่ายิ้มดีรึยัง โดนด่าเอ๋อประจำ -_-
เพื่อนฆ่าตัวตาย แต่ช่วยไว้ได้ทัน เลิกคบกันมะ
รำคาญเพื่อนตัวเองว่ะ แม่งไม่เคยพยายามอะไรด้วยตัวเองเลย ต้องให้คนอื่นช่วยทั้งๆที่เป็นเรื่องง่ายๆมันก็ทำได้
แต่บอกไปมันก็นอยด์อีก กูควรทำไงดีวะ
ทำใจ
>>32 ต้องเลิกรำคาญมันและเลิกแนะนำมันอะ คนบางคนแม่งชอบมีปัญหาเวลาเจอคนมาสั่งสอน ต้องให้มันตื่นเองดู กูเองก็เป็นคนไทป์นั้นมาก่อน ตอนนั้นเวลามีคนมาสอนกู(โดยเฉพาะสอนแบบด่าหรือบอกให้กูทำฯลฯ) กูมักจะรู้สึกว่าไอ้นี่คงแค่อยากมีส่วนในความสำเร็จของกู อย่ามาสอนกู กูรู้อยู่แล้วว่ากูควรทำอะไร ปัญหาคือกูไม่มีความอยากส่วนตัวและกำลังใจ ถ้าไม่คิดจะช่วยเหลือกันในเรื่องนี้ก็ได้โปรดใสหัวไปไกลๆพลีส กูรำคาญ แต่ก็ไม่รู้จะตรงเคสนายมั้ยนะโม่ง หวังว่าอดีตแสนทุเรศกูจะพอเป็นไอเดียให้ได้
กูรู้สึกแย่จัง กูเป็นคนติดเพื่อนมากๆ ไม่ได้แสดงออกหรอกแต่พอเพื่อนเริ่มไปสนิทกับคนอื่นกูจะรู้สึกแย่ เหมือนเสียจุดยืน แต่กูก็ไม่ได้ไปงอแงกับมันหรอก พอเป็นงี้ทีไรกูก็ถอยๆออกมาไม่ค่อยคุยกับมันบ่อยเหมือนเดิม เคยคุยครั้งนึงมันก็ตอบแห้งๆกูเลยไม่ทัก แต่พอทำงี้มันห่างกันมากกว่าเดิมอีก มันก็ติดเพื่อนใหม่ กูไม่อยากเป็นคนรู้จักมันเลย
กูขอพื้นที่ระบาย ไม่รู้ว่ากูมาถูกมู้ไหม 5555 กูเป็นพวกหน้านิ่งว่ะ บางทีติดจะเย็นชามากๆ แต่ไม่ใช่ไรว่ะกูเป็นคนขี้อายมากๆ กูไม่รู้จะทำยังไงเลยปั้นหน้านิ่งๆไว้ก่อน เวลาอยู่กับคนอื่นหรือคนอื่นมาคุยกับกูแม่ง กูรู้สึกได้ว่าเขาอึดอัด และสุดท้ายแม่งก็เงียบกันไป กูไม่รูจะทำไงกับตัวเองดีว่ะ55555 การเริ่มความสัมพันธ์กับเพื่อนใหม่สำหรับกูจึงเป็นเรื่องยากสุดๆ กูเเสดงออกไม่เก่งเลย แต่อย่างเพื่อนกูมีเพื่อนเยอะนะ เเต่กูไม่สนิทกับใครจริงๆสักคน ลึกๆเเล้วกูกลัว เมื่อตอนที่กูเรียนมปลายกูโดนเพื่อนที่กูรักมากๆทำให้กูสิ้นหวัง ท้อเเท้ โทษตัวเอง รู้สึกเเย่ มันเป้นความเจ็บฝังใจมากๆ กูเลยคิดว่าถ้ากูเลิกที่จะผูกพันกับใครกูคงจะเสียใจน้อยลง กูเเม่งขี้ขลาดจังว่ะ
โหลดแอพแชทไม่ดัง พวก Telegram Wechat Whatapp มาใช้คุยใช้หาเพื่อนในนี้ก็ดีนะ ไม่อยากโชว์ข้อมูลก็ไม่ต้องใส่
กูขอระบายหน่อย เดี๋ยวมาไปหยิบกระดาษกับสีแปป
สำหรับโม่งที่อยากคุยเก่งๆ หรือว่าหาเทคนิคพูดคุย
กุแนะนำหนังสือ "The Fine Art of Small Talk"
กุลองแล้ว มันดีและช่วยชีวิตกุไว้มากตอนที่กุต้องปรับตัวมาเข้าทำงาน
มันไม่ต้องฝืนตัวเองมากเวลาจะหาเรื่องคุย
มึงแค่ถามเค้าไปเรื่อยๆให้เค้าเล่าเรื่องของตัวเองมา มึงก็จับประเด็นในเรื่องเล่าเค้าอะ มาถามเค้าต่ออีกแล้วก็แสดงความคิดเห็นบ้าง
มึงไม่ต้องเหนือยคิดเยอะ แล้วยังดูใส่ใจคนอื่นด้วย
>>46 กูใช้วิธีนี้เข้าสังคมในมหาลัยกะคนที่ทั้งสนิทและไม่สนิท
เน้นถามๆให้อีกฝ่ายพูดๆมาเยอะๆเพราะกูขี้เกียจพูด...
แต่กูไม่เคยอ่านเล่มที่มึงบอกนะ
จะแฟนคลับเกาหลีหรือพวกติดแฟนหรือเด็กเรียนจนถึงคุอนิเมะกูก็คุยได้เรื่อยๆ
เพราะถามๆเวลามันพูดๆนี่ละ ไม่ก็ถามเหตุการข่าวปัจจุบันเอาชีวิตประจำวันทั่วไป
เอาจริงๆอาจเป็นเพราะกูขี้เสือกด้วยแหละกูชอบฟังความเห็นคนหลายๆแบบ
บางคนนี่น่าสงสารมากเขาติดนิสัยพูดมากไม่รู้ตัว พูดไม่คิด พูดไม่รู้เรื่อง
เค้าไม่รู้ตัวว่าโดนรำคาญ ไปๆมาๆคุยเองกูยังรำคาญก็มี
เวลาถามอะไรๆดูมันยิ่งเข้าใจคนมากขึ้นโดยที่ไม่รู้ตัวทำให้มึงเป็นผู้ฟังที่ดี
เวลาฟังได้หัดสบตาคนบ่อยๆสังเกตคนพูดด้วยลองพยายามดูโม่ง สู้ๆ
ใครที่เขาทำท่ารำคาญมึง แนะนำให้ค่อยๆถอยมาเลยแล้วเริ่มคุยดะไปเรื่อยๆ
มันต้องมีที่มึงโอเคสักคนบ้างละ
ตอนแรกกูเข้ามาในม.ด้วยความหว่าเว้มาก กูเกลียดม.ที่อยู่เลยแหละ
แต่แม่งไม่มีทางเลือก อาจารย์ก็ไม่ค่อยได้เรื่องครูมัธยมกูยังเก่งกว่าอีก
ช่วงแรกเพื่อนไม่มี มีคนมาชวนคุยแล้วอยู่กลุ่มนั้นประมาณอาทิตย์หนึ่ง
เอาตัวรอดได้ยิ้มได้ไม่อึดอัดแต่ไม่ค่อยโอเคเพราะกลุ่มนั้นเขามีแฟนแล้ว
กูไม่มีไงไม่ค่อยมีไรคุยมีแต่ถามกะแสดงความเห็นคุยได้แค่เรื่องทั่วไป
แต่ก็ไม่เยอะอยู่ดี ก็มันไม่สนิทไม่มีโมเม้นแหย่ล้อเล่นได้แบบเพื่อนกันจริงๆ
อารมแบบกูไม่กลืนไปกะคนในกลุ่มอะ
พอเจอเพื่อนอีกกลุ่มหนึ่งกูเนียนไปนั่งกะเขาเพราะกูทำเป็นมาสาย
(รอที่นั่งแถวๆกลุ่มเดิมเต็ม)กูดันโอเคกับอีกกลุ่มเฉยและคบมาตอนนี้
พอเจอเพื่อนกลุ่มเก่าก็คุยได้ดีขึ้นนิดหนึ่ง
ที่สำคัญมึงยิ้มบ่อยๆเว้ย กูเปลี่ยนร่างไวมากตอนรับน้องกูนิ่งแบบมึงบอกเลย
เพราะกูรำคาญการรับน้องมาก วันสุดท้ายนี่ไม่มาเลยสัส แกล้งป่วย555
เวลายิ้มกูจะอารมดีขึ้นไม่รู้เกี่ยวไหม แต่ตอนกูรมเสียนี่ไม่มีกระจิตกระใจยิ้มเลย
พออารมซาๆลงก็ยิ้มได้เหมือนเดิม อารมดีขึ้นด้วยเข้ากะคนอื่นง่ายด้วย
อีกอย่างกูเพิ่งคิดได้ตอนหลังๆว่าระหว่างทำหน้าเฉยๆกับยิ้มนี่ยิ้มง่ายกว่าวะ
มันดูเป็นมิตรอะมึงได้ภาพลักคนบ้ามานิดหนึ่งมันดีนะ
เพราะชาวบ้านจะไม่คิดมากเวลาเข้าหา ไม่คิดมากเวลาคุยด้วยไม่เกร็ง
ไม่รู้ว่าช่วยอะไรมึงได้ไหมแต่สู้ๆนะ การอยู่คนเดียวต่อให้มีความสุขแค่ไหน
ถ้ามันมากไปมันจะทำให้มึงไม่มีความสุขกับการเข้าสังคมได้
พยายามหาตวามสุขเวลาอยู่กะคนอื่นทีละนิดๆให้ชินที่ได้อยู่กับคนอื่นบ้าง
สู้ๆโม่ง หวังว่าจพช่วยมึงได้บ้างนะ ถ้าช่วยอะไรไม่ได้ขอโทษที่ทำมึงเสียเวลาอ่านละกัน
>>47 จะลองเอาวิธีมึงไปใช้ แต่กูขี้รำคาญนี่ดิ แถมขาดนิสัยชอบเสือกแบบมึงอีก 5555555
กูทำกิจกรรมคณะแทบทุกงานนะ ซึ่ง กูบอกเลย ถ้ากูไม่ทำกิจกรรมเหี้ยพวกนี้ กูคงมีเพื่อน6-7คนจากคนทั้งหมดสองร้อยกว่าคน ถึงกูจะไม่สนิทอะไรมากก็เถอะ แต่อย่างน้อยก็พอมีเพื่อนไปกินข้าวด้วย คุยเล่นด้วย กวนประสาทในบางครั้ง
ขอแนะนำแล้วกันว่าถ้ามึงไม่ใช่มนุษย์สายเฟรนด์ลี่ ยิ้มง่าย และขี้รำคาญ ไม่ชอบพูดเรื่องตัวเอง ไปหากิจกรรมหรืองานที่ทำร่วมกับคนอื่นเยอะๆซะ เขาจะรู้จักมึงเองโดยที่มึงไม่ต้องตีสนิทอะไรวุ่นวาย ถ้ามึงโผล่หน้าให้เพื่อนเห็นบ่อยๆ เดี๋ยวมันก็จะจำได้เองแหละว่ามึงเคยมาช่วยงานมัน คราวหน้ามึงจะเป็นคนแรกๆที่โดนเรียกตัวไปทำงาน ถถถถถถถถ
อยากคุยกับคนคนนึง แต่กลัวเขารำคาญว่ะ คือไม่ได้ทะเลาะอะไรนะ แต่เป็นเพื่อนที่สนิทกันมากสมัยม.ปลาย แต่พอเขาไปเรียนคนละมหาลัยบวกกับเขาได้ทุนไปเมืองนอกก็เริ่มห่างกัน เขาอยู่ที่นั่นหลายปี เวลาออนก็ไม่ค่อยตรงกันเลยไม่ได้คุยมาก เคยนอนดึกๆคุยแต่เขาก็ดูยุ่งๆถามคำตอบคำ เราก็ไม่อยากเซ้าซี้เพราะเห็นอัพสเตตัสว่าเรียนหนัก แต่กลายเป็นว่าเขาไปสนิทกับคนอื่นแทน มีอะไรก็ไประบายกับคนนั้น เรามารู้ทีหลังทุกที แถมกว่าจะรู้ ปัญหามันก็จบไปแล้วด้วย เคยลองถาม มีอะไรก็บอกเราได้นะเว้ย เผื่อเราจะช่วยได้ โดนตอบกลับมาว่าไม่เกี่ยวกับแกมั่ง เรื่องนี้แกไม่ต้องยุ่งหรอกเราจัดการเองมั่งล่ะ พูดไปแกก็ไม่รู้เรื่องหรอกอย่าสนใจเลยมั่งล่ะ แล้วก็ไปคุยกับเพื่อนใหม่ของเขาดูหนุงหนิงดี แต่เวลาเราเมนท์บ้าง ดันข้ามคอมเมนท์เราเฉยเลย ทุกวันนี้ก็ไม่กล้าทักแล้วว่ะ กลัวเขาจะรำคาญ พอจะมีวิธีไหนไม่ให้ชวนคุยแล้วน่าเบื่อมั่งมะ จะพูดแต่เรื่องเก่าๆก็จะดูเป็นคนย้ำคิดย้ำทำไปหน่อย แต่ไม่มีเรื่องจะคุยจริงๆ
กูก็เคย เคยมีเพื่อนทางเนตคนนึง คุยกันได้เพราะชอบเรื่อง้ดียวกันแล้วเค้าก็ไปลากอีกคนมารวมกลุ่มด้วย จนวันนึงเค้าย้ายไปเรียนนอก ก็ห่างๆกันไป มาเจออีกทีแม่งกลายเป็นคนดังในเนตไปซะละ แถมอีคนที่ไปลากมาก็ยังคุยอยู่จนถึงทุกวันนี้ (ทำเอาสงสัยว่ามันสนิทกันมาตั้งแต่แรกแล้วป่าววะ ส่วนกูแค่เพิ่งโผล่ ผ่านมาก็ผ่านไป) พอตอนนี้จะไปคุยไปทักก็ไม่กล้า กลัวรำคาญ เพิ่งมารู้ทีหลังด้วยว่าเค้าก็คุยไปทั่วแหละ เจอใครสนใจเหมือนกันก็ชวนคุยไปหมด กูเคยถามถึงคนที่ถูกลากเข้ากรุ๊ปว่ตอนนั้นว่าเป็นไงมั่งเผื่อมีโอกาสกลับมารวมกลุ่มกันอีก ก็บอกแต่ยุ่ง ไม่ว่าง กูก็ไม่กล้าถามเฟสอะไรพวกนี้ไว้ติดต่อโดยตรงด้วย กลายเป็นปัจจุบันกูถูกลบถูกลืมซะแล้ว เหอๆ
ถ้าเกิดว่ามึงไม่ได้ทำอะไรเลยแต่มีคนเข้าหามึงแบบไม่ค่อยเกรงใจมึงจะทำไงวะ ไม่เกรงใจกลับ? มันไม่ได้แก้ปัญหารึป่าวพวกมึงว่าไง
อยากระบายเรื่องเพื่อนเหมือนกันครับ คือโดนเพื่อนลืมอยู่ตลอดเลย กลุ่มผมที่นับ ๆ ว่าเจอกันก็ประมาณ 5 คนครับรวมผมด้วย
เวลาเขาไปไหนมาไหนกันหรือเล่นเกมก็ไม่เคยชวน มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นผมก็จะเป็นคนที่รู้เป็นคนสุดท้ายตลอด
เคยถามตรง ๆ ครับว่าโกรธอะไรรึเปล่าบอกได้นะ ก็จะตอบมาว่าไม่ได้โกรธอย่าคิดมาก แต่สิ่งที่ทำกันมันก็ทำให้ต้องเอามาคิดตลอด
ส่วนนึงอาจจะเป็นเพราะผมเป็นคนคุยไม่สนุกแหละครับ แล้วก็มีปมเรื่องเพื่อนมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนโตขึ้น ๆ
ในกลุ่มเพื่อนผมก็ยังเป็นอากาศอยู่ดี เคยชวนคุยชวนเล่นเกมครับ แต่ก็เหมือนผ่าน ๆ ไป เหมือนเค้าจะอยากคุย อยากเล่นกับคนอื่นมากกว่า
เรื่องความชอบหรือรสนิยมของผมก็ไม่เหมือนในกลุ่มเพื่อนเลย เช่น เพื่อนชอบดูหนังฮีโร่ แต่ผมไม่ชอบดู
เพื่อนชอบเล่นเกม FPS แต่ผมไม่ชอบเล่น เพราะเล่นแล้วเวียนหัว ประมาณนี้แหละครับ แต่ทุกวันนี้ก็ยังเจอหน้าค่าตากันเหมือนเดิมครับ
เจอกันทีไรผมก็เป็นอากาศทุกทีไร้ตัวตน...
เพื่อนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มสุดท้ายแล้วครับเพราะโต ๆ กันหมดแล้ว วัยทำงาน ผมควรทำยังไงดีครับ
ขอโทษนะครับที่ยาวไปหน่อย ขอบคุณที่อ่านครับ
>>54 เหมือนผมเลย 55555 เพื่อนเคยชวนเล่นฮอน แต่ดันเล่นไม่เก่ง สุดท้ายโดนด่า แถมหลังจากนั้นไม่เคยชวนอีกเลย บางครั้งเหมือนมันสบายใจที่อยู่คนเดียวน่ะจะได้ไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ แต่มันก็ไม่ใช่ มันมีอะไรที่เราอยู่ร่วมกับเขาได้ละ กิจกรรมอะไรที่สามารถทำร่วมได้ ถ้าพร้อมจะปรับตัว ถ้าไม่ไหว ลองก็ลองหาไลฟ์สไตล์ที่ไม่ต้องสังคมมาก แต่มีความสุขเอา
>>54 เคยเป็นคล้ายๆกันเลยเราคุยไม่ค่อยสนุก อารมณ์แบบ ถ้าต้องมากินข้าวสองคนในกลุ่มคงเลือกมากับเราเป็นคนสุดท้ายอะ
เพื่อนชอบดอทแต่กูไม่ชอบ ชอบพวก FPS บลาๆ เยอะ ฝืนชีวิตนิดหน่อยเวลาอยู่กับเพื่อน แต่หลายๆครั้งก็สนุกดีเวลาอยู่
แล้วมันทำเรื่องที่กูไม่ชอบนิดหน่อย แต่ตอนนั้นกูปี2ไง เริ่มเรียนแยกภาคพอดี
เลยตัดสินใจออกมาพยายามหาเพื่อนในภาคแทน (ตอนนั้นกูค่อนข้างหักดิบเลย มีตามมาบ่นบ้างหายไปไหน)
ก็ได้เจอเพื่อนที่อยู่แล้วสบายใจกว่าเยอะ ไม่ได้ฝืนตัวเอง
กูก็ไม่ใช่ไม่มองหน้าเพื่อนเก่ากันเลยนะ เจอหน้าก็ทักทายกันปกติ กับคนที่ไม่มีปัญหาอะไร แต่ก็ไม่ได้อยู่กันบ่อยๆเหมือนแต่ก่อน
ส่วนบางอย่างที่ทำบ่อยๆตอนอยู่กับกลุ่มเก่าอย่างดูหนังแล้วกลุ่มใหม่ไม่ค่อยดู ตอนมีเรื่องที่อยากดูมากๆกูลองไปดูคนเดียวมันก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิดนะ
ตอนนั้นกูปี2 ยังมีโอกาสหาเพื่อนด้วยหละเลยเลือกแบบนี้ (และก็โชคดีพอสมควร) ซึ่งอันนี้กูคงตอบให้ตรงๆไม่ได้อะ
กูว่าคงต้องถามตัวเองหละว่าอยู่กับมันแล้วสบายใจไหม ถ้าไม่มีมันอยู่ยังไง โอเคไหม
ขอบคุณที่อ่าน (กลายเป็นกูระบายไปซะงั้น)
กูเคยแคร์เพื่อนสนิทกูมากหลังๆมันผิดคำพูดบ่อยฟีลแบบเหมือนกูเป็นของตายไงไม่รู้ คือกูให้เกียรติเพื่อนกูตลอด ถ้ากูอารมไม่ดีกูจะทิ้งแชทไว้ตอบทีหลังแต่เพื่อนกูบางเรื่องกูไม่อยากคุยพอมันจับอาการได้มันก็เหวี่ยงใส่กูเลยหว่ะ กับเพื่อนคนอื่นมันทำดีด้วยเข้าขั้นอวยละมันชอบมาบ่นกับกูว่าอยู่กับคนอื่นละอึดอัด แรกๆกูโอ๋มันนะตอนนี้แบบรู้สึกว่าต้องเอาอกเอาใจมันฝ่ายเดียวพอมีเรื่องอยากบ่นก็มาหาพอกูมีเรื่องนิ่ไม่สนใจ ออกแนวเมินกับสมน้ำหน้ากู แต่เพื่อนคนนี้เคยไม่คุยกับกูเป็นเดือนอ่ะ ละมาขอโทษกูทีหลังบอกว่ามันเรียนหนักทั้งที่มันอ่านแชทกูละไม่ตอบเอง ทิ้งไว้เป็นเดือนจะให้กูเสร่อทักไปอ่อ กูว่ากูพอแล้วหว่ะ ไปปรับความเข้าใจกูยิ่งดูงี่เง่าแต่จะตีตัวออกห่างไงดีคนเคยสนิทกันมากอ่ะ
ขอบ่นเฉยๆ มีเพื่อนในห้องคนนึงที่กูไม่ค่อยชอบมัน(และกูสัมผัสได้ว่ามันก็ไม่ชอบกูเหมือนกัน) แต่มันเป็นที่รักของทุกคนในห้อง วันนึงเพื่อนในห้องแม่งคุยกันว่าจะจัดงานวันเกิดให้มัน และให้ทุกคนช่วยกันจ่ายตังค์หารค่าของขวัญ กูนี่แบบWTF ทำไมกูต้องจ่ายเงินกูซื้อของให้อีนี่ด้วยวะ กูโคตรหงุดหงิด แต่ก็ทำห่าไรไม่ได้ กูดูเลวเนอะ แต่กูไม่ชอบมันจริงๆ
กูไม่กลับไทยมานานมาก เกือบ 10 ปีได้แล้วหลังจากจบม.ปลาย หลังจากกลับไปพักผ่อนเจอเพื่อนเก่าๆ ไปโรงเรียนเก่าคุยกับครู
สิ่งที่ยังไม่เปลี่ยนไปเลยระหว่างกูกับเพื่อนก็คือ พวกกูยังเรียกกันด้วยชื่อพ่อชื่อแม่กับฉายาอยู่เพราะแม่งติดปากไปแล้ว
คำแรกที่กูทักเพื่อนเก่ากูคนนึงหลังไม่ได้เจอกันนานคือ ไอ้เหี้ย กูคิดถึงมึงสัสๆวิชัย ซึ่งวิชัยคือชื่อพ่อมันนั่นเอง แม่งเป็นอะไรที่ฮาสัสมาก
ตอนอยู่กันหลายๆคน เออ แล้วมีเพื่อนกูคนนึงแม่มันชื่อเล่นว่าแต๋ว ทั้งกลุ่มกูไม่มีใครจำชื่อมันได้เลย มาถึงเรียกกันเห้ยแต๋วๆๆๆ
พวกกูก็นั่งนึกไอสัสชื่อมันคืออะไรวะ นึกอยู่นานกว่าจะนึกออกเพราะสมัยเรียนก็ไม่เคยเรียกเลย
กูมีความรุ้สึกว่าเพื่อนสมัยเด็กๆนี่ดูจริงใจกว่าเพื่อนที่มาคบกันตอนโตเยอะเลย เพราะมีอะไรก็คุยกันได้หมด กูไปห้องซ้อมย้อนความหลังเล่นกันแต่เพลงเก่าๆกูไม่ได้แตะกีตาร์มาเกือบ 5 ปีเล่นอย่างกาก จริงๆมันก็กากกันทุกคนแต่มันสนุกจริง ไปเตะบอลนี่ก็ฮาสัส เพราะนึกถึงอะไรเก่าๆ ในกลุ่มกูมีเพื่อนคนนึงมันไม่ค่อยเต็ม แม่งเอาถุงเท้ามันใส่เป็นถุงมือบอล มันตลกสัสๆ
อ้อ แต่มีที่เปลี่ยนไปอย่างนึง คือเพื่อนผู้หญิงว่ะ กูมีเพื่อนสนิทเป็นทอมคนนึงก็อยุ่กลุ่มกูนี่ล่ะ 10 ปีผ่านไปมันก็ยังคงความเป็นทอมไว้เหมือนเดิมกูนับถือมันจริงๆมันเคยบอกกูไว้ว่ามันคือทอมที่แท้จริงกูฮา ภูมิใจในความเป็นทอมสัสๆ เออ มันก็มาเล่าให้กูฟังว่าเพื่อนผุ้หญิงมันเปลี่ยนไปจริงๆ
เพราะที่มาโรงเรียนเก่านี่มันบอกหลายคนมากทำเหมือนเป็นคนอื่นกันไปแล้ว บางคนที่ยังสนิทกันก็มาจับกลุ่มมองว่าเพื่อนผู้ชายคนไหนน่าจับไปทำผัว
เชี่ยกูสยองเลย แล้วกลุ่มกูอนาคตดีทุกคนด้วยเลยฮอตสัสอันนี้มันบอกมานะกูไม่ได้มโน แต่ว่าพวกกูคงไม่เอาหรอก พูดเป็นเสียงเดียวกันเลย
ตอนม.ต้นอีเหี้ยนี่กูจีบตั้งนานเสือกไปเอารุ่นพี่ เพื่อนกูอีกคนก็ตอนนั้นกูก็เคยจีบอีนี่แม่งไปคบเด็กห้องอินเตอร์กูไม่เอามันหรอกสัสกบฏต่อกู
ไอ้เชี่ยกูฮา มาไทยได้เจอเพื่อนเก่าๆนี่มันเป็นอะไรที่ดีจริงๆ
มึง ถ้ามึงมีเพื่อนที่ชอบโกหก(เรื่องงาน ประมาณจะเสร็จแล้ว เดี๋ยวส่งๆ อะไรทำนองนี้ เอ้อ แต่ไม่เคยส่งงานสายจากกำหนดจริงนะ แต่แค่โกหกเรื่องความคืบหน้า ไม่ก็เรื่องของขวัญวันเกิด บอกจะให้ แต่ก็ลืมจนไม่ได้ให้ซักที)แล้วก็เป็นพวกรู้มาก คือหูตาไวอะ ชอบสังเกตแล้วก็วิเคราะห์จนบางทีเรื่องที่คิดว่าเป็นความลับ ไอ้นี่ก็รู้หมดจนน่ากลัวอะ มึงจะยังคบมันเป็นเพื่อนอยู่มั้ยวะ
>>63 แล้วมันไม่ดีตรงไหนวะ กุงง มันช่างสังเกตก็ไม่มีไรไม่ดี ส่วนเรื่องโกหกเรื่องงานไปถึงไหนแล้วแต่ก็เสร็จตรงเวลาก็ไม่เห็นมีไรเสียหาย ส่วนเรื่องของขวัญถ้าคนมันลืมมึงก็ลองเตือนความจำมันดิ กุว่ามันก็ปกติ ถ้ามันโกหกเรื่องงานว่าจะเสร็จแต่สุดท้ายไม่เสร็จนี่สิน่าคิด เรื่องมันรู้มากถ้ามันรู้แบบขี้เสือกนี่ก็น่าคิด ส่วนเรื่องของขวัญกุไม่รู้เพราะปกติพวกกุกับเพื่อนไม่คิดเล็กคิดน้อย ถ้ามันเป็นแบบกุยกตัวอย่างนี้กุก็ไม่ยุ่ง แต่ที่มึงบอกมามันเสียหายตรงไหนวะ
>>67 กูไม่ได้แสดงท่าทีว่ารู้นะ เก็บเงียบถ้าไม่จำเป็นน่ะแหละ..ส่วนเรื่องอึดอัดนี้กูลืมคิดจริงๆว่ะ เพราะเวลาเพื่อนถามประมาณคนนั้นรู้สึกยังไง อะไรแบบไหนแล้วกูดันวิเคราะห์ตรงทุกครั้งเนี่ย กูคิดแค่ว่าอยากให้เขาสบายใจขึ้นเพราะจะได้มีอะไรซักอย่างให้เชื่อจริงๆ ไม่ได้นึกเลยว่าเพื่อนจะระแวงกูขนาดนี้
ช่วงนี้กูกับเพื่อนผชคนนึงแบบห่างๆกันแบบแปลกๆ
คือคิดว่าเป็นเพราะเพื่อนกูชอบไปชง ว่ากูกับเขาเป็นแฟนกัน
กูชอบเขา เขาชอบกู อะไรแบบนี้
คือกูโดนเพื่อนแซวบ่อยมาก แต่ฝั่งผชกูไม่รู้ว่าขนาดไหน
แบบกูก็อึดอัด แบบโอ่ย พวกมึงเป็นอะไรมากมั้ย กูกับเขาเป็นเพื่อนกันเฉยๆ
แล้วช่วงนี้เพื่อนผชก์คนนี้เขาก็แบบแปลกๆไปก่บกูพอสมควร
กูรู้สึกได้อยู่
บ่นในเฟซในทวิตก็ไม่ได้เพื่อนฟอล เซ็ง
เพื่อนในกลุ่มกูเป็นคนเห็นแก่ตัว จนกูคบกับมันแล้วกูเหนื่อยใจอ่ะ เวลากูขอให้ช่วยอะไรที่มันจะไม่ได้ประโยชน์ มันก็จะปฏิเสธ ชอบอ้างว่าตัวเองยังเอาตัวไม่รอดเลย แล้วก็ไม่ค่อยชอบช่วยเหลือคนอื่น แบบมันจะเห็นว่าเรื่องคนอื่นไม่ใช่เรื่องของตัวมันเอง
ล่าสุดกูทะเลาะกับเพื่อนอีกคน มันก็ไม่ช่วยห้ามอะไรเลย เพราะมันไม่เห็นว่าเรื่องของเพื่อนในกลุ่มเป็นปัญหาของมัน
แล้วมันก็ไม่ชอบให้ไปยุ่งกับเรื่องส่วนตัวของมันด้วย ชอบพูดประมาณว่า เรื่องของกูๆๆ จนกูก็สงสัยนะว่าทั้งที่ก็เป็นเพื่อนกัน ทำไมแม่งไม่ค่อยเปิดใจให้พวกกูเลย นี่กูเป็นเพื่อนกับมันอยู่ฝ่ายเดียวรึเปล่าวะ
เห็นว่าเมื่อก่อนมันไม่มีเพื่อนคบ กูเลยคิดว่านี่เป็นสาเหตุที่ทำให้มันไม่รู้ว่าควรทำตัวยังไงกับเพื่อนถึงจะดีรึเปล่า
กูเคยถามถึงปัญหาชีวิตที่มันเคยเจอมาหลายๆอย่าง เผื่อกูจะได้รู้ว่าทำไมมันถึงกลายเป็นคนแบบนี้ แต่พอกูแตะเรื่องชีวิตมันนิดๆหน่อยๆแม่งก็ดราม่าทันที ไม่ยอมเปิดใจให้กูจริงๆ หรือกูควรรอให้มันพูดออกมาเองวะ กลัวว่าแม่งจะไม่มีวันนั้น เพื่อนคนอื่นในกลุ่มกูจะทนกันไม่ไหวซะก่อนด้วย
จริงๆกูอยากปรึกษาพวกนักจิตวิทยาอะไรทำนองนี้เลย อยากรู้ว่าอะไรคือสาเหตุที่คนเราจะไม่เปิดใจให้คนอื่น สนใจแต่ตัวเองจนเห็นแก่ตัวได้ขนาดนี้
แล้วกูก็คิดว่า มันไม่น่าจะรู้ตัวด้วย ว่าการกระทำหลายๆอย่างของมันคือมันกำลังเห็นแก่ตัวอยู่อ่ะ(หรือกูมองโลกในแง่ดีเกินไปรึเปล่าก็ไม่รู้นะ)
เกิดมากูก็ไม่เคยเจอคนประเภทนี้เลย มันทำให้กูเหนื่อยใจจริงๆ แต่กูก็ทิ้งมันไม่ได้ด้วย กูควรทำยังไง ถึงจะไม่รู้สึกเหนื่อยแบบนี้วะ เห้อออ
เปลี่ยนห้องเรียนแล้วไม่มีคนรู้จักอยู่เลยตั้งรกรากไงดีวะ
>>70 กูเหมือนเป็นพวกไม่เปิดใจเหมือนกันนะ แล้วก็ไม่ชอบเล่าปัญหาหรือเรื่องส่วนตัวอะไรให้คนอื่น(แม้แต่คนในครอบครัว)ฟังด้วย กูรู้ตัวดีว่าบางทีกูก็เก็บกด แต่ส่วนหนึ่งกูก็ไม่อยากให้ใครเห็นด้านอ่อนแอของกู เพราะกูรู้สึกแม่งไม่เท่เลย55 กูว่าเพื่อนมึงก็อาจจะคิดคล้ายๆกับกูนะ ไม่กล้าจะเล่าอะไรออกไปเพราะกลัวว่าคนอื่นจะทิ้งตัวเองไป เพื่อนมึงอาจจะมีปมสมัยก่อนอยู่ก็ได้แหละ ถ้าถึงขนาดจะปฏิเสธคนอื่นขนาดนั้น มันก็แสดงว่ามึงสำคัญกับเขามากเลยไม่อยากให้มีอะไรเปลี่ยนแปลงแหละ
(ส่วนเรื่องไม่ช่วย กูไม่ออกความเห็นนะ กูมีเพื่อนที่เวลาในกลุ่มทะเลาะอะไรกัน มันจะบอกให้ไปเคลียร์กันเองเพราะเป็นปัญหาของคนสองคน จะว่ามันถูกมันก็ถูก แต่กูก็เป็นพวกทนเห็นบรรยากาศมาคุไม่ได้อยู่ดี555)
เออมึง อยากได้คำแนะนำว่ะ คือกูมีเพื่อนสนิทอยู่สองที่ เพื่อนสมัยม.ต้นกับม.ปลาย แล้วทีนี้ ปรากฏเอนท์ติดมาอยู่คณะเดียวกัน กูดีใจนะ ที่ได้เจอแม่งสองที่เลย แต่แบบ กูจะทำยังไงดีวะ..กูไม่อยากเลือกสนิทอะ แต่เพื่อนมันก็เป็นคนละแบบกันเลย..
เออ แล้วถามหน่อย กลุ่มเพื่อนสนิทกูมันน้อยใจที่กูไปดูหนังกับเพื่อนคนอื่น แต่ไม่ชวนมันอะ คือสำหรับกู ใครชวน กูก็ไป แล้วหนังที่กูดูมันก็แนวเฉพาะทางอะ บวกกับกูไม่ใช่พวกชอบชวนคนอื่นก่อนอยู่แล้วด้วย แล้วเขาชวนกู กูก็ไปดูกับเขา กูคิดแค่นี้ว่ะ ไม่เคยน้อยใจอะไรถ้าเพื่อนสนิทกูมันไปดูกันเองด้วย แต่กูก็ขี้เกียจมีปัญหา อย่างน้อยกูอยากจะเข้าใจว่าที่กูทำมันขนาดต้องงอนกันอะไรเลยเหรอ
กุมีเพื่อนสนิท ค่อนข้างเป็นคนคิดมาก อมทุกข์ กุก็อยู่กับเขามาตลอด
พอกุมาเจอเพื่อนที่สภาพจิตนอมอล กุรู้สึกรีเฟรชชิ่งมาก แบบกุไม่ต้องเจอออร่ากระแสอะไรลบๆ
กุรู้สึกผิด แต่ก็รู้สึกว่า ควรห่างกะเพื่อนสนิทกุหน่อยดีไหม เหมือนคิดมากกะคิดมากมาเจอกันแล้วมันแย่ลงแฮะ
ไม่ได้เลิกคบ แต่แค่เว้นสเปซบ้าง กุไม่อยากพ่นเรื่องเศร้า แล้วก็ฟังเรื่องเคล้าน้ำตาของเขาอีกแล้วอ่ะ
เพื่อนที่สนิทที่สุดในมหาลัยจะลาออกเฉยเลยว่ะ รู้สึกเสียศูนย์เลย ขนาดแค่มันไม่ไปมอกูยังรู้สึกโหวงๆละนี่ถ้าแม่งไม่อยู่ก็จะรอดมั้ย กลุ่มกูแม่งก็เล็กๆด้วย นี่เพื่อนจะออกไปอีกสองคน กูนี่ทำอะไรไม่ถูกเลยเห้อ
>>75 เออกุเจอปัญหานี้อยู่เลย ช่วงนี้ไม่รู้เพื่อนกูเป็นอะไรแม่งดูซึมๆ เหนื่อยๆ ว่ะ ชอบบ่นอะไรด้านลบตลอดเวลา กูเลยนอยด์ไปด้วย กว่าจะกู้อารมณ์ตัวเองให้กลับมาโอเคได้ก็ใช้เวลา ตื่นเช้ามาเจอแม่งถอนหายใจใส่อีกละ รู้สึกอยากไปอยู่ไกลๆ สักระยะนึงเลยอะ ไม่ใช่ไม่อยากร้บฟังแต่มันก็มีผลกระทบกับตัวกูเหมือนกัน กูไม่โอเคอะ
ไม่รู้มู้นี้ถูกเปล่า แต่กูขอระบายนิดนึง คือกูเป็นหัวหน้าวงดนตรีที่กูกับเพื่อนฟอร์มขึ้นมาในโรงเรียน แล้วมันมีรุ่นน้องเข้าวงมาเมื่อปีที่แล้ว เป็นเด็กม.สี่ วงกูค่อนข้างได้รับความนิยมอยู่เพราะคนเล่นเป็นหญิงล้วนแล้วดูมีกิมมิคเฉพาะตัว แต่ทีนี้เพราะปีหน้ากูจะจบไปจากรร.แล้วก็เลยห่วงน้องที่อยู่วงเดียวกัน มันแม่งดันเป็นน้องคนเดียวในกลุ่มเลยด้วย นิสัยมันยิ่งขี้แยขี้ตกใจอีก กูเลยห่วงว่าปีที่พวกกูไม่อยู่แล้ว น้องแม่งจะอยู่ได้เปล่าวะ กูก็กะจะดันมันให้เป็นหัวหน้าวงแทนกูในเปิดเทอมนี้แล้วช่วยมันหาสมาชิกเข้าวง แต่เพื่อนกูอีกคนมันไม่โอว่าถ้าจะหาสมาชิกใหม่ เหมือนเพื่อนมันอยากให้จบที่รุ่นมันไปเลยเพราะกูกับมันเป็นคนเริ่ม ไม่ต้องการคนสานต่อ ส่วนเพื่อนอีกคนที่เป็นนักร้องก็โนคอมเม้นบอกให้ตัดสินใจเอง น้องมันก็คิดมากกลัวว่ามันเป็นภาระให้รุ่นพี่ต้องมาช่วยเลยว่าจะพยายามเต็มที่แต่ยังไม่รู้ที่เพื่อนกูอีกสองคนพูด
กูลังเลอยู่ว่าจะเอาไงดี กูห่วงน้องมัน ดูนิสัยแล้วไม่น่ารอดด้วยเพราะมันคุมใครไม่ได้เลย เผลอๆจะเหวี่ยงเองอะไรเอง..แต่เพราะมันดูเสียใจมากๆที่กูลองเปรยๆไปว่าจะยุบวงนี่แหละ..กูเลยตัดสินใจไม่ถูกอยู่
กูไปเจอเพื่อนในเน็ตคนหนึ่ง วงการคอสนี่หละ คุยในเน็ตสองสัปดาห์ แล้วมันมีงานคอสก็เลยจะไปมีทติ้งกัน เขานัดกูไป พอถึงวันนั้นกูก็ไปแบบง่ายๆของกูไม่ได้คอสกูไม่ใช่สายคอส แต่คนนั้นเขาชอบคนที่คอส พอกูไปถึงงานกูก็เดินหาเขาพอเจอทักทายกันในกลุ่ม พอทักทายแนะนำตัวเสร็จ เขาก็หันไปคุยซุบซิบกับเพื่อนในกลุ่มแบบไม่ให้กูได้ยิน แต่กูมันเหี้ย กูเลยถามไปเลยว่าคุยไรกันเหรอเราไม่ควรรู้เหรอถึงต้องกระซิบอะ เขาก็ไม่ตอบกูเว่ยกูเลยเดินไปทักคนอื่นที่เขามาวันนี้ด้วยก็คุยได้ไม่กี่คำก็เดินออกมาดูของขายในงานแล้วกูจะเดินไปหากลุ่มนั้นอีกรอบปรากฎว่าคนที่นัดกูมาเขาทำท่าตีตัวออกห่างไม่อยากเข้าใกล้กูแล้วก็ทำตัวเลี่ยงๆกูตลอด กูเห็นแบบนั้นกูเลยออกมาจากงานนั้นแล้วไปที่อื่นต่อเลย แล้วอีกสองวันกูต้องเจอคนนี้อีกคราวนี้กูเห็นหน้าเขากูก็ไม่ทัก เขาก็ไม่ทักกูเว่ย ต่างคนต่างทำเป็นไม่รู้จักกันไปเลย
กูยอมรับว่ากูน้อยใจว่ะเจอกันทำไมต้องทำท่าทางแบบนั้นใส่กูด้วย กูบอกเลยว่ากูไม่ได้มาแบบโรคจิตหรือเชิงชู้สาวอะไรทั้งนั้น คนนั้นก็เพศเดียวกัน คือมาเจอแบบเพื่อนจริงๆ สองวันถัดมากูเลยตัดสินใจไม่ทักเขาอีก กูไม่รู้หรอกว่ากูทำถูกไหมแต่คนนั้นไม่อยากคุยกับกูนี่แล้วกูทำไมจะต้องทำตัวเฟลนด์ลี่ไปทักทายก่อนด้วยวะ
>>84 กูว่าถ้าอีกฝ่ายเเสดงท่าทีชัดขนาดนั้นมึงคงไม่ต้องถามให้เคลียร์อีกเเล้วอ่ะ ไม่มีประโยชน์ เอาเวลาไปหาเพื่อนที่ศีลเสมอกันดีกว่า
เเล้วคนที่ควรติดค้างใจควรเป็นฝ่ายนั้นที่ทำตัวเสียมารยาาทกับมึง ไม่ใช่มึงที่ต้องเก็บมาคิดซะเอง กูถึงบอกว่าคนเเบบนี้คิดไปก็รกสมองเปล่าๆ
กูเคยเจอคล้ายๆนะ เเต่เปลี่ยนเป็นเพื่อนที่สนิทกันตั้งเเต่ประถมที่ไม่เจอกันหลายปีนัดเจอ กูเลยไปหา พอไปเเล้วเหมือนกูไม่เข้าพวกซะงั้น
ฝั่งนั้นคุยกันเหมือนฝูงชะนีขี้เม้าขี้นินทา เเล้วคือกูไม่ชอบไม่อยากร่วมวงเลยขอตัวกลับเเล้วก็เลิกคบไปเลย กูรำคาญ
>>85 มึงก็เด็ดขาดดี ของกูนี่เพิ่งเคยคุยกันแค่สองสัปดาห์เองนะเหย กูเลยรู้สึกว่ามันน้อยไปนะ ที่จะทำให้คนนึงอยู่ดีๆก็เมินกัน หรือเพราะกูหน้าตาไม่ดีวะ แต่งตัวมาก็เชยๆด้วยอะมึง กูลากแตะเสื้อยืดเกงธรรมดาๆ รูปลักษณ์ภายนอกแม่งก็จำเป็นว่ะกับการมีสังคม ตอนนี้กูยังหาเหตุผลอยู่เลยนะเว้ย กูไม่ชอบมีศัตรูอะ มันไม่มีอะไรดีเลย เพราะตอนนี้คนนั้นเขาตั้งแง่กับกูเต็มที่เลยเว้ย อย่างถ้ากูเสนออะไรมาแม่ขัดไม่เลี้ยงเลยอะ กูก็เบื่อๆเซ็งๆอะ
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.