Fanboi Channel

โม่งคุยเรื่องเพื่อนx2

Last posted

Total of 1000 posts

1 Nameless Fanboi Posted ID:KiPZKSPVi

กูตั้งให้ เห็นใกล้เต็มละ
โม่งคุยเรื่องเพื่อน กระทู้แรก >>fanboi.ch/lifestyle/1526/

2 Nameless Fanboi Posted ID:KiPZKSPVi

เชี่ย ลิงค์ผิด >>>/lifestyle/1526/

3 Nameless Fanboi Posted ID:UBZgvOb7f

ขอปรึกษาทริคในการพูดคุย หาเพื่อน เข้าสังคมได้ปะวะ งั้นก็ขอคำเเนะนำหน่อยสิ
กูอยู่มหาลัย ทีนี้เพื่อนเก่าๆกูมันก็ย้ายไปอยู่สาขาอื่น

กูมีเพื่อนน้อยมาก คือกูเข้าหาคนไม่เก่ง กิจกรรมไม่ชอบทำ เเต่กูดันอยากจะคุยเก่งๆ
เพื่อนในชั้นเรียน เซคก็มีนะเเต่ก็เเค่เพื่อนในชั้นเรียนว่ะ คือด้วยความที่กูคุยไม่เก่ง มุขเมิกไม่มี เข้าหาคนยาก
เวลาคุยๆก็ไม่รู้จะคุยอะไร คนอื่นๆมันก็คงอึดอัด เอาง่ายๆคือกูคุยด้วยเเล้วอึดอัด

อยากฝึกการคุยให้คุยได้ราบรื่นว่ะ กูก็เข้าใจว่าของเเบบนี้มันเปลี่ยนเเปลงกันยาก เเต่ก็อยากฝึก
ควรทำไงดีวะ อยากคุยกับคนเเปลกหน้าเก่งๆด้วยให้เขารู้สึกสบายใจเวลาคุยไรเงี้ย

4 Nameless Fanboi Posted ID:+TyVSeBeC

>>3 ถ้าเป้าหมายมึงคืออยากให้เขาสบายใจเวลาคุย อยากคุยกะคนแปลกหน้าเก่งๆ มึงต้องเปลี่ยนความคิดก่อน จำใหม่นะว่า "คุยสนุก" ไม่เหมือนกับ "คุยเก่ง"
มึงลองหันมาเป็นฝ่ายนั่งฟังดูบ้าง
กูเองเมื่อก่อนก็เป็นคนคุยไม่เก่ง กูรู้ตัวว่ากูคุยไม่สนุก กูเลยไม่พูดมาก เน้นนั่งนิ่งๆ ฟังอย่างเดียว
แต่เพื่อนหลายคนที่ได้รู้จักกับกูบอกกูว่า กูเป็นคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ และเพื่อนๆหลายคนชอบมาเล่าเรื่องส่วนตัวให้กูฟัง เขาบอกว่า เขาไว้ใจที่จะเล่าให้กูฟัง เพราะกูตั้งใจฟังเขา และให้คำแนะนำดีมาก
แต่เอาตรงๆนะ... กูไม่ได้ให้คำแนะนำไรดีเลยว่ะ กูแค่ใช้หลักจิตวิทยาทำให้เขาคิดหาคำตอบจากปัญหาได้ด้วยตัวเองต่างหาก
กูจะแนะนำทีละเรื่องนะ มึงอยากอ่านเรื่องไรก็อ่านไป กูเขียนเผื่อคนอื่นๆที่จะอ่านด้วย เผื่อได้นำไปใช้ เพราะกูเข้าใจดีว่าคนเงียบๆมันมีอุปสรรคในการเข้าสังคมยังไง และกูผ่านมันมาแล้ว

5 Nameless Fanboi Posted ID:jwi3TlH4m

1.บุคลิก
มึงต้องพยายามไม่ทำตัวมืดมน และไม่ควรออกตัวเข้าหาคนอื่นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
first impression สำคัญมาก มึงต้องคิดให้ได้ตลอด ว่ามีคนกำลังมองมึงอยู่ เพราะฉะนั้นจุดแรกที่จะเปลี่ยนให้มีคนกล้าเข้ามาพูดคุยกะมึง คือบุคลิกของตัวมึงเอง
ไม่จำเป็นต้องยิ้มตลอดเวลา แต่เวลาสบตาใคร ห้ามทำหน้าบึ้งเด็ดขาด ถ้าหน้ามึงเป็นคนหน้าดุ ก็ยิ้มกลบหน้าดุๆนั้นไป ถ้าหน้าปกติ มึงก็ลองอมยิ้มนิดนึงพอ ไม่จำเป็นต้องเป็นคนรู้จักนะ ถ้าคนไม่รู้จักเขามองมึงนานๆจนมึงรู้ตัว หันกลับไปยิ้มให้เขาเลย วิธีนี้ถ้าเป็นผญ อาจได้แฟน แต่ถ้าเป็นผช อาจโดนหาว่าม่อ รึเกย์ ก็ระวังๆหน่อยแล้วกัน ยิ้มนิดเดียว อย่ามากไปนะเว้ย!
ถ้ายิ้มกลับไปแล้วโดนหลบหน้าก็อย่าตกใจ คนส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนั้น แต่ลึกๆมึงก็ได้คะแนนบวกในใจเขาไปละ

6 Nameless Fanboi Posted ID:jwi3TlH4m

2.โอกาสคุย

มี 2 ทางให้มึงได้คุย คือ 1.รอเวลาให้มีคนเข้ามาหามึงเอง 2.มึงเข้าไปหาเค้า
ถ้ามึงเป็นคนที่บุคลิกเงียบ มึงไม่จำเป็นต้องฝืนยิ้มเริงร่าเข้าไปทักทายคนอื่น ให้มึงเลือกชอยส์ 1 เป็นหลักเลย ส่วนชอยส์ 2 โอกาสจะได้ทำแบบนั้นมีเฉพาะเวลาทำกิจกรรมกับคนเยอะๆ ซึ่งมึงไม่ทำกิจกรรม ดังนั้นข้อนี้กูขอไม่พูด

ถ้ามึงเปลี่ยนบุคลิกตัวเองได้สักระยะ ออร่ารอบตัวมึงจะเปลี่ยนไป และจะมีคนเข้ามาหามึงมากกว่าเดิมเอง ตอนนี้อยู่ที่มึงรับมือยังไง

เวลาคนเข้ามาหามึงเนี่ย มีหลายอย่าง แต่ส่วนใหญ่เขาเข้าหาเพราะหวังประโยชน์จากมึง(เอาจริงๆแม้แต่เพื่อนสนิทก็เข้าหากันเพราะต้องการ "ความสบายใจ" ดังนั้นไม่ผิดที่เขาจะเข้าหามึงเพราะประโยชน์ มึงจงดีใจที่มึงมีประโยชน์) ก็สนองเขาไป ทำตัวไม่เป็นศัตรู และยิ้มให้ถ้าเขาขยับตัวเข้ามาใกล้มึงมากขึ้น เป็นการสอนเขาอย่างลับๆว่า "ฉันเป็นมิตรกะเธอนะ เธอจะได้ประโยชน์กว่าเดิมถ้าเธอสนิทกับฉันมากกว่านี้"
(การที่มึงคุยๆกันแล้วฝ่ายไหนก้าวเข้าหา หรือปลายเท้าหันไปทางคู่สนทนา แสดงว่าฝ่ายนั้นวางใจและรู้สึกเป็นมิตรแล้ว)

7 Nameless Fanboi Posted ID:+TyVSeBeC

3.หนทางคุยยาวๆของคนเงียบ
คืออย่าที่ว่าแหละ "คุยเก่ง" กับ "คุยสนุก" ไม่เหมือนกัน
อย่างกู กูเป็นคนคุยไม่สนุก(หมายความว่า ถ้ากูเป็นฝ่ายพูด จะไม่สนุกเฮฮาเท่าไหร่)
แต่กูคุยเก่ง เพราะกูคุยแล้ว อีกฝ่ายเข้าหากูมากขึ้น ไว้วางใจกูมากขึ้น และอยากจะคุยกับกูอีกยาวๆ
(และเวลาอยู่ในกลุ่ม กูก็ไม่ได้ไร้ตัวตนเหมือนเมื่อก่อน เพราะเมื่อคนในกลุ่มเห็นกูมีตัวตน เขาจะเป็นฝ่ายดึงกูเข้าไปร่วมวงกับเขาเอง)

วิธีการคุยของกูคือ เป็นฝ่ายฟัง และให้อีกฝ่าย "เล่า" วิธีนี้จะได้ผลที่สุดถ้ามึงได้คุยกะเพื่อนแค่ 2 คนนะ
ถ้าเป็นเพื่อนใหม่ มึงอาจบอกไว้ก่อนก็ได้ว่า มึงเป็นคนพูดไม่เก่ง เพื่อให้เขารู้สึกว่าเขาควรเป็นฝ่ายพูด
เวลาเขาเล่าอะไรมา มึงก็ใช้วิธีการ "ทวนคำ" แทนคำว่า "อืม" เพื่อแสดงให้เห็นว่า มึงเข้าใจในสิ่งที่เขากำลังพูด อาจจะทวนด้วยคำถาม หรือแค่คำเฉยๆก็ได้
เช่น เพื่อน: เมื่อวาน"ดีใจ"มากเลย
มึง: "ดีใจ"เรื่องอะไรเหรอ?
เพื่อน:ก็เมื่อวาน บลาๆๆๆๆ
มึง: อ่อ มึง บลา มึงก็เลย บลา อย่างงี้นี่เอง ยิ้มแป้นเชียว
เพื่อน:ใช่มะ แล้ววันนี้ก็ บลาๆๆ
มึง: //ทวนคำเป็นระยะๆ

การทวนคำนี้ใช้กะตอนสงสัยได้ด้วย เช่น
เพื่อน:เหนื่อยอะ
มึง:เหนื่อย? (เชิงถาม)
เพื่อน:(ถูกบังคับให้ตอบเหตุผล)ก็เมื่อเช้าดิ ทำเลขไม่ค่อยได้เลยว่ะ
มึง:ไม่ค่อยได้เหรอ ยังไง?
เพื่อน: ก็ข้อนั้น บลาๆๆ ข้อนี้ บลาๆๆ สุดท้ายก็ทำไม่ทัน
มึง:ไม่เป็นไรมึง มันผ่านไปแล้ว แล้วตอนนี้เหลือสอบไรอีกปะเนี่ย
เพื่อน:ก็มีสอบวันนู้น วันนี้แล้วก็วันนั้น บลาๆๆๆ
มึง: อ๋อๆ เอ้ยย สอบวันเดียวกันเลย วิชาไรนะ
ฯลฯ

8 Nameless Fanboi Posted ID:+TyVSeBeC

4.จิตวิทยา
พอมึงสนิทกันได้ระดับนึงแล้ว เขาจะเริ่มกล้าเปิดใจกะมึง ทีนี้จิตวิทยาสำคัญมาก มันจะทำให้มึงดูใส่ใจเขา และเขาจะสนิทกับมึงแบบก้าวกระโดดเลย ถ้าผ่านช่วง"ระบายทุกข์"ไปได้ สุดท้ายแล้วถ้ามึงจะกลับไปห่าง เขาก็ยังรู้สึกสนิทกับมึงเหมือนเดิม
จิตวิทยาที่กูจะสอนมียิบย่อยเยอะสัสๆ เอาเท่าที่จำได้นะ
-เวลาฟัง พยายามสบตาบ่อยๆ ถ้าไม่สะดวกมองตา ก็มองที่ดั้งจมูก(ระหว่างตา) รับรองคนโดนมองไม่รู้หรอก เขาจะคิดว่ามึงมองตาอยู่(ใช้กับเวลาที่ต้องคุยกับคนที่ไม่ชอบหน้าได้ด้วย จ้องดุๆไปที่ดั้งแม่งเลย เดี๋ยวมันกลัวเอง)
-ลอกเลียนท่าทางเขาเป็นระยะๆ เช่น เขาเอามือเกาคาง ก็ลองเกาคางตาม เขาเอามือคำโต๊ะ ก็ค้ำบ้าง อย่ามากไปนะ มันจะดูกวนตีน
เวลาคนเราทำอะไรตามๆกัน คนที่เป็นคนเริ่มทำจะรู้สึกเป็นพวกเดียวกับคนที่ทำตาม ไม่เชื่อมึงลองสังเกตเวลาเด็กๆเล่นกัน เขาจะทำท่าทางตามกันโดยไม่รู้ตัว
อันนี้ใช้กลับกันได้ด้วย คือถ้ามึงพูดอยู่แล้วอยากรู้ว่าใครตั้งใจฟังมึง ก็ลองทำท่าทางเบสิกๆดู เช่นกอดอกหลวมๆ หรือมองไปทางอื่นแวบนึง ถ้าใครทำตามคือกำลังฟังมึงอยู่ แต่อันนี้ไม่ได้หมายความว่าคนไม่ทำตามคือไม่ฟังนะเว้ย
-ปลายเท้า ถ้ามึงยืนคุยกัน มึงลองใช้หางตาสังเกตปลายเท้าดู ถ้าปลายเท้าเขาหันไปทางอื่น แสดงว่าเขาเริ่มเบื่อที่จะคุยกะมึงแล้ว แต่อาจจะไม่กล้าปิดบทสนทนาเอง มึงก็ลองหาข้ออ้างปิดการสนทนาไป

9 Nameless Fanboi Posted ID:+TyVSeBeC

-คนที่สนิทกัน เวลาเดินด้วยกันจะก้าวเท้าไปพร้อมๆกัน
เวลาเขาทักมึงตอนเดิน มึงก็ลองไปเดินข้างเนียนๆ ให้เท้าลงจังหวะพร้อมกัน เขาจะคุยกะมึงเพลินเลย
-เรื่องแย่ๆของตัวเอง เก็บไว้ถ้าไม่มีใครถาม หรือถ้ามีใครถาม ก็ตอบเฉพาะที่เขาถาม ถ้าใครให้เล่า ก็เล่าสั้นๆ เพราะคนส่วนใหญ่ไม่ชอบฟังเรื่องที่ไม่เกี่ยวกะตัวเอง ยิ่งเป็นเรื่องที่ไม่สนุก ไม่ฮา ไม่ขำ ยิ่งไม่มีใครชอบฟัง
อันนี้ยกเว้นกะพวกที่สนิทมากๆ ยิ่งเล่ายิ่งสนิท อันนี้เล่าไปเลย
-ใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ
อันนี้ใช้กะผู้หญิงได้ผลดี มึงลองสังเกตรายละเอียดเล็กๆดู แล้วทักบ้างไม่ต้องบ่อย แต่ทักให้รู้ว่า ตูใส่ใจนะ
หรือถ้าจะมุ่งสายเงียบเสน่ห์ ก็ไม่ต้องทัก แต่อาจจะเทคแคร์ด้วยการกระทำเลย เช่น รู้ว่าชอบกินขนมอะไร ถ้ามึงซื้อขนมนั้นมาพอดีก็แบ่งให้กิน เจาะจงคนที่เขาชอบขนมนั้นเลย
หรือเวลาเจอของที่รู้ว่าเขาชอบ เช่นกระเป๋าลายนั้น เคสมือถือสีนั้น ก็ลองแนะนำเขาดู(ไม่ต้องซื้อให้ นั่นทุ่มเทไป)
อันนี้ทำอย่างพองาม อย่าเยอะไป ถ้าเยอะไปเรียกหน้าม่อนะจ๊ะ (เช่นซื้อเคสมือถือที่เขาชอบมาให้เลย..อันนี้ไม่ใช่เพื่อนละ)

10 Nameless Fanboi Posted ID:+TyVSeBeC

กูเพิ่งรู้สึกตัวว่ากูเขียนละเอียดไป ข้อความเยอะไปแล้ว
ขออภัยเพื่อนโม่งที่รู้สึกรกด้วยนะ ถ้าที่กูเขียนมันมีประโยชน์ซัก 1 ประโยค หรือทำให้ใครมีเพื่อนเพิ่มมาได้ซัก 1 คน แค่นี้กูก็ดีใจและ -/\-
ขอให้ชาวมนุษย์เงียบจงมีชีวิตที่ดีด้วยเถิด

11 Nameless Fanboi Posted ID:+TyVSeBeC

กุสรุปให้ฟังย่อๆ
-ปรับบุคลิก อย่าทำตัวหม่น
-สบตา
-ทวนคำ แทนการใช้ อือ อืม ซ้ำๆ
-ลอกท่าทาง
-เดินจังหวะเดียวกัน
-ดูปลายเท้า
-สังเกตสิ่งเล็กๆน้อยๆ

12 Nameless Fanboi Posted ID:rAFp0XhAT

มึงใส่ใจจัง มีสรุปด้วย
ตรง >>8 คุ้นๆ เหมือนเคยอ่านเจอนานแล้ว แต่ไม่ได้สนใจมาก มึงมาเขียนเลยได้ทวนอีกรอบไปด้วย ขอบใจมากเน้อ
เอ้า โม่งคนไหนลองทำตามได้ผล ก็เล่าสู่กันฟังละกัน

13 Nameless Fanboi Posted ID:+TyVSeBeC

>>12 ขอบคุณมากที่มึงเข้าใจจจ กูคิดว่าจะโดนด่าซะแล้ว บอร์ดโม่งแม่งโหดตลอด กูแทบไม่อยากเม้นอะไรเลย แต่นี่กูเจอคนที่เคยมีปัญหาเดียวกะกูกูเลยอยากช่วย(แอบทำใจไว้แล้วว่าถ้าโดนด่ากูจะนิ่ง)

ข้อมูลเรื่องจิตวิทยานั้นบางส่วนกูอ่านในหนังสืออังกฤษสักเล่มอะ คนเขียนเป็นผญที่ทำงานวงการบันเทิง แล้วต้องรับมือกับการพูดคุยเพื่อธุรกิจและข่าว เขาก็แนะนำวิธีการทำให้ดาราสนิทใจกล้าคุยกับเขา กับวิธีหยุดบทสนทนากับคนที่ไม่ชอบ ไรงี้ อ่านแล้วแบบ หูวว ล้ำสัส

กับอีกเล่มนึงเป็นหนังสือของจิตแพทย์เลย กูซื้อมาเพราะกูอยากพูดเก่งๆเนี่ยแหละ คือทั้งเล่มนี่ดีมาก สอนหมดจดและอธิบายด้วยเหตุผลวิชาการหมดเลย มีภาษาไทย อ่านแล้วงงนิดหน่อยถ้าไม่มีพื้นฐานจิตวิทยา แต่รวมๆก็ดีมาก มันทำให้เข้าใจมนุษย์มากกว่าเดิมเยอะ เล่มนี้ช่วยเรื่องการวางตัวและบุคลิกมากๆ
แต่ทั้งสองเล่มกูจำชื่อหนังสือหรือคนเขียนไม่ได้แล้วว่ะ ขอโทษนะ ; - ;

14 Nameless Fanboi Posted ID:rAFp0XhAT

>>13 กูกะแล้วมึงต้องตอบกู อิอิ
เปล่า กูไม่ได้จะว่าอะไร แต่ดูการพิมพ์มึงแล้ว ถ้านิ่งไป มึงเครียดชัวร์ อย่าไปคิดมาก มู้นึงกว่าจะตันก็พันคอมเม้นท์ มึงเขียนมามีประโยชน์ กูผ่านมาให้กำลังใจ

15 Nameless Fanboi Posted ID:jwi3TlH4m

>>14 มึงใจดี

16 Nameless Fanboi Posted ID:v.M3bDISz

>>13 กูอยากศึกษาด้านนี้มั่งว่ะ ถ้ามึงนึกชื่อหนังสือออกบอกกูด้วยนะ กูเดินหาแถวชั้นหนังสือหมวดจิตวิทยาทีไรก็เจอแต่แบบ ทำอย่างไรให้รวยภายในยี่สิบสี่ชั่วโมง อิสัดดูเพ้อฝันชิบหาย

17 Nameless Fanboi Posted ID:T0lS/yrcz

>>16 เหมือนกันๆ มู้นี้มีประโยชน์สัสๆกับพวกมีปัญหาด้านความสำพันธ์กะคนอื่นอย่างกู ไปอยู่ที่ไหนเป็นต้องถูกหมั่นไส้ตลอด ที่แย่คือกูไม่รู้ตัวเองว่าไปทำไรถึงน่าหมั่นไส้ กูโดนเพื่อนเกลียดตั้งแต่สมัยม.ต้น ม.ปลายก็โดนจับกลุ่มนินทา พอเข้ามหาลัยก็โดนตั้งแง่เพื่อนไม่คบ พอทำงานก็เหมือนจะเข้ากะคนอื่นไม่ได้อีก ทำไมกันวะ ทั้งๆที่ตอนประถมก็มีเพื่อนเยอะแยะ แต่พแเข้าม.ต้นแล้วโดนแกล้งหลังจากนั้นก็มีปัญหาตลอด

18 Nameless Fanboi Posted ID:QvDfveTRb

>>17 บางทีมึงลองชุบตัวก็ได้นะ ไม่จำเป็นต้องย้ายที่เรียน แต่หมายถึงให้ไปทำกิจกรรมแยกตัวออกไปจากสังคมปัจจุบันเลย ไปรู้จักคนใหม่ๆที่เขาไม่รู้จักเพื่อนมึง เผื่อเขาจะได้ไม่มองมึงแบบอคติเหมือนสังคมปัจจุบันของมึงไง
ส่วนเรื่องถูกหมั่นไส้กูว่ามันอาจจะมีมูล มึงลองสังเกตดีๆว่าเขาเดินหนีจากมึงตอนไหน หรือชักสีหน้าใส่มึงตอนไหน หรือบางทีมึงอาจจะแค่มโนไปเอง เขาอาจจะไม่ได้เกลียดมึงแต่ไม่กล้าเข้าหามึงเพราะมึงไม่ยิ้มก็ได้

19 Nameless Fanboi Posted ID:QvDfveTRb

ฟังจากฝ่ายเงียบละกูใจชื้นขึ้นเยอะ แต่กูอยากฟังความเห็นจากพวกคุยเก่งบ้างว่ะ
พอดีรุ่นพี่กูคนนึงเป็นคนพูดมาก(แต่พูดเก่งน่าฟัง) ชอบดันๆให้กูพยายามฝึกพูด ฝึกต่อรอง ฝึกเมาท์
ซึ่งกูไม่ชอบเลยว่ะ เขาจะชอบพูดว่า ห้ามนั่งเงียบ ให้พูดเยอะๆ กล้าๆเข้าไว้ เหมือนเขามองว่ากูขี้อายเลยไม่พูด
แต่ที่จริงกูไม่ได้ขี้อายหรอก แต่นิสัยกูไม่พูดเยอะอยู่แล้วไง
พอเจอคนเงียบที่เข้าสังคมได้กูเลยดีใจว่าแนวคิดกูไม่ผิด เพราะกูก็อยากมีสังคมโดยไม่ต้องเปลี่ยนนิสัยตัวเอง

20 Nameless Fanboi Posted ID:QvDfveTRb

>>16 กูว่ามันคือ หมวดจิตวิทยาและการพัฒนาตัวเอง ปะวะ กูเห็นร้านหนังสือส่วนใหญ่ชอบตั้งรวมกัน เพราะลูกค้าวัยทำงานต้องสนใจเรื่องเงินๆทองๆอยู่ละ

21 Nameless Fanboi Posted ID:iY/zp6qcn

กูขอบ่นหน่อย กูทำงานกลุ่ม แล้วแม่งกูแจงงานไปเสือกไม่ทำ ตอนแรกคือกูแค่ฝากมันทำงานเล็กๆนิดหน่อยเล็กๆแค่นั้น กูจะทำส่วนอื่นรอ คือแม่งทำงานไม่ได้ไงกูก็ให้แค่นั้น แต่พอถึงวันนัดทำงานเสือกไม่มีงาน ไม่ทำห่าไร
แล้วทีนี้กูก็แจงงานส่วนอื่นไป ทำไม่ได้ ไม่มีมาถามคือมึงทำไม่ได้แต่เอางานไปหมกแม่งโคตรเสียเวลาจะทำส่วนอื่นก็ทำห่าไรไม่ได้ ต้องรอ ต้องมานั่งแก้ ที่สำคัญคือเรียกมาทำกันเสือกไม่มา มาก็โพล่หัวนิดเดียวแล้วหาย เฮ้ยมึง คือกูไม่แจงงานปรึกษางานตอนนั้นก็ไม่ได้หมายความว่ากูจะไม่มีมาคุยงานนะเว้ย

22 Nameless Fanboi Posted ID:ZK+UuY9OM

>>21 เออกูเคยเป็นหัวหน้ากลุ่มงานใหญ่ๆมาแล้วหลายครั้งกูพอเข้าใจความรู้สึก มันจะมีคนบางส่วนที่ไม่ทำเหี้ยไรเลยแต่ไม่ยอมบอกว่าไม่ทำ ต้องรอหมดเวลาละให้กูไปทวงงาน ถึงบอกว่าทำไม่ได้
มึงลองกระจายอำนาจให้ดีๆ ให้คนทวงงานเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่มึง เช่น กูมีกลุ่ม 10 คน มี 3 คนเป็นเพื่อนสนิทกันและดูเหมือน 1 ใน 3 คนนั้นเป็นหัว มึงก็บอกงาน(ที่ทำ 3 คน)กับไอ้คนนั้นคนเดียวพอ ละให้มันไปแบ่งงานกันเอง ให้คนรับผิดชอบเป็นแค่คนเดียวในนั้นพอ
พอมันเป็นเพื่อนสนิทกันมันจะเกิดการเกรงใจ อย่างน้อยก็ทำให้มันทำงานได้(เพราะเกรงใจเพื่อนในกลุ่มตัวเอง ถ้าไม่ทำงาน=เพื่อนลำบาก)
พยายามสร้างสถานการณ์ที่มึงไม่ต้องไปง้อ แต่เขาต้องมาง้อมึงแทน เช่น ใครไม่ทำงานมึงไม่ใส่ชื่อและบอกอาจารย์
ถ้าเพื่อนจะเกลียดมึงเพราะเขาไม่ทำงานก็ปล่อยมันไป มันนินทาอะไรมึงไม่ได้อยู่แล้วเพราะมึงไม่ได้ผิดอะไร เขาต่างหากที่ผิด

23 Nameless Fanboi Posted ID:/8fbSCnv3

ทุกวันนี้ทำงานแล้วเพื่อนที่มหาลัยไม่ค่อยจะมีใครเป็นฝ่ายมาคุยกับกูเลยว่ะ กูต้องเป็นฝ่ายทักคนอื่นก่อนตลอดมันเซ็งๆไงไม่รู้
พวกทักกูก่อนก็มีแต่พวกขอยืมตังอย่างเดียว

Posts limit exceeded

Topic has reached maximum number of posts.

Please start a new topic.

Be Civil — "Be curious, not judgemental"

  • FAQs — คำถามที่ถามบ่อย (การใช้บอร์ด การแบน ฯลฯ)
  • Policy — เกณฑ์การใช้งานเว็บไซต์
  • Guidelines — ข้อแนะนำในการใช้งานเว็บไซต์
  • Deletion Request — แจ้งลบและเกณฑ์การลบข้อความ
  • Law Enforcement — แจ้งขอ IP address

All contents are responsibility of its posters.