ฉี่กินได้ แต่ต้องสุขภาพดี และควบคุมเรื่องอาหาร โดยนำส่วนต้นกับปลายทิ้ง เอาแค่กลางๆมาดื่ม เคยเห็นคนที่ดื่มฉี่ตัวเองมานานนับสิบปี จากอายุจริงจะ 70 แล้ว หน้าตาเหมือนคน 50 นิดๆ
Last posted
Total of 124 posts
ฉี่กินได้ แต่ต้องสุขภาพดี และควบคุมเรื่องอาหาร โดยนำส่วนต้นกับปลายทิ้ง เอาแค่กลางๆมาดื่ม เคยเห็นคนที่ดื่มฉี่ตัวเองมานานนับสิบปี จากอายุจริงจะ 70 แล้ว หน้าตาเหมือนคน 50 นิดๆ
>>60 >>61 พูดได้ดี เราก็ต้องปลุกพลังพิเศษขึ้นมาจาก แก่นแท้ดวงจิตของเรา
อย่างของกุที่สามารถปลุกพลังมาได้นิดหน่อย
คือ ไอความหวาดกลัวรอบตัว ไอนี้ไม่สามารถควบคุมได้ กุปล่อยออกมาได้รู้ตัว
บางคนที่กุเคยเจอ มีไอความอบอุ่น ที่สามาระชะล้างบาปได้ เหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้ง
เป็นคนที่คิดว่าถ้ากุได้จับมือ แล้วได้ยินร้องเพลงข้างหู กุสามารถไปสวรรค์ได้ในช่วงชีวิตสุดท้าย
แต่ละคนมีพลังต่างกันไป อย่างเช่นอารมณ์ ความรู้สึก กลัว มั่นใจ อบอุ่น มันก็จะแสดงออกมาภายนอก
หรือกระทั่งบางคนมีพลังดำมืดแตะใครแล้วจะเป็นสีดำ เหมือนคำสั่งตาย
เรื่องนี้ลี้ลับพิศวงอยู่ และคนคนเดียวก็ครอบครองพลังได้หนึ่งอย่าง
และทุกสิ่งเกิดจากประสบการณ์ จนหลอมเป็นตัวเรา หรือไม่กุก็มีแรงอาฆาต ที่กุมีศัตรูเยอะเกินไปละมั้ง5555+
แต่ตอนนี้กุก็ประสบปัญหาว่า กุจะพัฒนาแก่นแท้ของกูยังไง (ไอแห่งความหวาดกลัว)
พูดง่ายๆ กุอาจจะติดแค่ขอบเขตุนี้แล้วตายไปก็ได้
เพราะชีวิคคนเราแน่ๆ อายุ70ปี ร่างกายเสื่อมแล้ว
ถ้าไม่มีอะไรให้ย่นการพัฒนาแก่นแท้ กุด็คงหายไปตามกาลเวลา
"สร้างมิติใหม่ในจิตใจ ที่ปรับเปลี่ยนตามกระแสของจักรวาลซึ่งไม่มีที่สิ้นสุด"
Keyword ที่เมิงบอกเดียวหาว่ากุนอกเรื่อง
ถ้าเปิดผ้าคลุมโปงออก ป่านนี้ ผมคงร่วงหมดหัวไปแล้ว
พวกมึงเบียวหรือหลอนจริง
โลกนี้มีสิ่งลี้ลับอยู่มาก ลองไปสถานที่ที่ สุสาน หรือ พวกเกาะร้าง ที่ตัดขาดโลกภายนอก มันมี vibe ของมันอยู่
เออ เคยคิดไหมทำไมโลกนี้ถูกกำหนดด้วยเงิน มันคงมีจักรวาลอื่น ที่ไม่ได้ถูกกำหนดให้เงินแลกเปลี่ยนกัน มันพิศวงจริงๆนะ
กลายเป็นว่า คนเราจ้องเอาแต่เงินคนอื่นก้น
ระบบเงินตรามันกลายเป็นกลไกลใหญ่ของโลก
ที่ใช้ในการแลกเปลี่ยน
ถ้าหาคำตอบได้ก็เราอาจจะรู้ความลับของจักรวาล
>>70
คำถามนี้ส่องแสงจากหลายวิชาในความมืดมิด
ในมุมมองเศรษฐศาสตร์ เงินเป็นสื่อกลางแห่งการแลกเปลี่ยน
หน่วยบัญชี และที่เก็บรักษาความมีค่า มันคือตัวช่วยในการเดินทางของธุรกรรม
สร้างระบบที่เชื่อถือได้ในสังคมที่ซับซ้อน
ในแง่สังคมวิทยา
เงินเป็นกระจกสะท้อนพลศาสตร์ของอำนาจ
ระบบทุนนิยมที่โอบล้อมเรา ยกย่องผลกำไรเป็นจุดหมาย
ทำให้คุณค่าของความสัมพันธ์กลายเป็นสินค้า สร้างความบิดเบี้ยวในจิตวิญญาณ
ทางปรัชญา ความสำคัญของคำถามนี้ชวนให้เราคิดถึงธรรมชาติของค่าและความหมายในชีวิต
หากมีระบบแลกเปลี่ยนในจักรวาลอื่น
อาจเป็นกุญแจที่เปิดประตูสู่ความสัมพันธ์และค่านิยมที่แตกต่าง พลิกกลับมุมมองของเราในปัจจุบัน
การเปิดเผยหลักการที่ซ่อนอยู่ในระบบเงินตรา
อาจชี้นำเราไปสู่ความเข้าใจลึกซึ้งในจักรวาล
ไม่เพียงแค่ผลกระทบ แต่ยังสามารถสร้างแนวคิดใหม่ในอนาคต
ทุกสิ่งคือการแลกเปลี่ยนแห่งความมีค่า
ในทางวิทยาศาสตร์ พลังงาน กฎทรงมวล และเอนโทรปี สะท้อนสัจธรรมแห่งธรรมชาติ
ในทางพุทธศาสนา กรรมคือการกระทำที่ส่งผลต่อวิถีชีวิต
และในศาสตร์ของการศึกษาวิชา มูลค่าและพิธีกรรมเป็นหัวใจแห่งการบำเพ็ญ
>>71
เวลา ความรู้ และวาสนา ล้วนเป็นราคาแห่งชีวิต
อันมีมูลค่าไม่ต่างจากเงินตรา
นี่คือความจริงอันลึกซึ้งที่ควรสำนึกในทุกอณูแห่งการมีอยู่
https://youtu.be/cd-Zxzz2IVQ
โชคชะตา หรือ เหตุบังเอิญ
เหนือโลกไม่ได้มีดวงดาว
เพราะดวงดาวไม่มีสูงต่ำ
อันเป็นทรรศนะของมนุษย์
เวียนว่ายตายเกิดคือคำโกหก มนุษย์นั้นแท้จริงแล้วไม่มีวันตาย เราเพียงแค่เปลี่ยนสภาพเท่านั้น
1. เวลาที่อยู่คนเดียว มักจะชอบได้ยินเสียงทักทาย
2. เวลานอนค้างที่แปลก ๆ มักจะรู้สึกเหมือนมีคนมองอยู่
3. เคยไปเขตป่าอนุรักษ์ที่เก่าแก่ เดินอยู่ดีๆ ขนลุกซู่เหมือนปวดท้อง แต่จริงๆ ไม่ได้ปวดอะไร หลังจากนั้นก็รู้สึกหนาวยะเยือกเหมือนแช่น้ำแข็ง คงเป็นพลังบางอย่าง
4. มีลางสังหรณ์ที่แรงมาก โดยเฉพาะเมื่อรู้สึกเดจาวู ยิ่งชัดเจนยิ่งต้องระวัง เคยรอดจากอุบัติเหตุหนักหรือเรื่องยุ่งยากในชีวิตมา 2-3 ครั้ง
ชีวิตของกูเป็นแบบนี้ สัมผัสที่หกเค้าว่าแรงมากว่ามีบุญเกิด แต่กูไม่เชื่อเลย เชื่อว่าเป็นสัญชาตญาณให้ระวังตัวและมีสติ ไม่เชื่อเรื่องศาสนาเลย เป็นเอทิตเต็มตัว
>>76 ส่วนมาก สัมผัสที่6 มักจะเปิดตอนใกล้ตาย
หลายครั้งกุก็ผ่านความตายมาหลายรอบ เพราะเจอผีผลักตกบันได จากนั้นกุรอดจากอุบัติเหตุหลายครั้ง
ทำให้กุมีนิสัยขี้หงาดระแวง ขั้นสุด ซึ่งกุไม่คิดว่าจะให้สัมผัสที่6 ทำให้กุรอด
เมิงอาจจะสะสมแต้มบุญมาเยอะ
เราก็ไม่รู้มันมีระบบเวียนว่ายตายเกิดไหม
หรือมีใครช่วยเราอยู่ มนุษย์ยังไม่รู้สิ่งที่ยิ่งใหญ่
เหมือนกับ การทอยเต๋า ของทฤษฏีควอนตัม
ทดลอง หลับตาใช้วิชา กสินไฟ ที่อ่านๆจากตำราซึ่งตอนแรกคิดว่าโม้หมา
สร้างนิมิตให้เทียนติดไฟ ใช้เวลาสองสามนาที
ลืมตา เทียนตรงหน้า แม่ง ติดไฟจริง
มันไม่เหนือธรรมชาติแต่แค่บังเอิณจนเหมือนเหนือธรรมชาติ
กูถามรุ่นพี่(ครูที่ไปลักจำวิชา)
ทำให้เข้าใจความเป็นไปของเรื่องราว ทำนองนี้ขึ้นอีกมาก
สรุปว่าหลายอย่างก็เป็นแบบนี้
แค่เหตุปัจจัยมันพอดี
เราไม่ต้องรู้เหตุเอาแค่ได้ผลตามที่ต้องการก็พอ
หลายอย่างมันเกิดเพื่อให้เรามีกำลังใจในการดี
ให้เข้าใจ แล้ว วาง ไม่ติดอยู่ที่ตรงนั้น
ทดลองหนเดียว แล้ว กูก็ไม่เคยทำเองอีกเลยเหมือนกัน
คิดว่า เข้าใจแล้วก็ปล่อยวางเรื่องนี้ได้ตามที่รุ่นพี่บอก
ไปวุ่นวายเรื่องอื่นต่อไป
จากวันนั้นไม่เคยคิดว่าที่อ่านจากตำราในทำนองนี้
ว่ามีคนอื่นที่น่าเชื่อถือ สำหรับกู ทำได้ว่าโม้อีกเลย
คิดว่าแค่ไม่รู้เหตุปัจจัยแค่นั้น และ มันรู้ได้ยาก
กูก็ปล่อยวางง่าย
ในอภิปรัชญาจีน เช่น ฉีเหมิน หรือ อิ้จิง
บุคคลประเภทที่ 3 ที่ไม่ควรช่วยเหลือก็คือ "คนขี้อิจฉาริษยา"
การที่ใครสักคนจะ อิจฉา-ริษยา ได้มันจะต้อง
1. คอยเปรียบเทียบกับผู้อื่น
2. ไม่พอใจในสภาพที่ตนเองเป็นอยู่
3. เกิดอารมณ์ลบ (กับผู้อื่น)
4. มีเป้าหมายเพื่อเอาชนะ
ข้อแรกก็คือ พวกนี้วัน ๆ ก็เอาแต่เปรียเทียบกับผู้อื่นเสมอ
ดังนั้นคุณช่วยอะไรไป เขาก็จะเอาสิ่งที่คุณช่วยไปเปรียบเทียบกับการที่คุณช่วยคนอื่น
เช่นสมมุติว่า ผมเป็นอาจารย์ ถ้าผมช่วยคนขี้อิจฉา คนขี้อิจฉาก็จะไม่ได้ไปสนใจสิ่งที่ผมช่วย แต่จะไปสนใจว่า ผมช่วยเขากับผมช่วยคนอื่นต่างกันยังไง
ทำไมทีช่วยเขา ช่วยแค่นี้, ทีช่วยคนอื่น ช่วยตั้งเยอะ
คือ ไม่ว่าคุณจะช่วยเขามากแค่ไหน เขาก็จะมองว่า คุณช่วยเขาน้อยกว่า...(อีกคน)... เสมอ ในใจของเขา
เพราะว่าเขาคอยเปรียบเทียบตลอดเวลา
--------------------------------------------------
หรือไม่นั้นก็เปรียบเทียบการช่วยเหลือของคุณ กับ การช่วยเหลือของคนอื่น เช่น คุณช่วยเขาแค่นี้เอง ดูซินาย ก. ช่วยคนอื่นเขายังช่วยมากกว่าเยอะ
ดูซิคนนั้นช่วยให้ A ได้เป็นผู้จัดการ, ทำไมคุณช่วยเขาได้แค่เป็นหัวหน้าแผนก
ซึ่งสุดท้ายคุณก็เดาออกว่า...เขาก็จะไม่เห็นค่าสิ่งที่คุณช่วย มองว่ามันเล็กน้อยหรือห่วยแตก แล้วก็อยากไปหาคนอื่นที่ช่วยเขาได้มากกว่า ทิ้งคุณไป
--------------------------------------------------
ข้อ 2
เขามักไม่พอใจกับสภาพความเป็นอยู่ปัจจุบันของตนเอง
คือ ทำให้ไม่ว่าคุณจะไปช่วยให้เขาดีขึ้นยังไง ตัวเขาเองก็ไม่เคยพอ ไม่ได้คิดว่ามันมีค่ามากนัก
ต่อให้คุณช่วยให้เขามีรายรับมากกว่าเดิมเป็น 2 เท่า เช่น คุณทำให้ได้รายรับเพิ่มจาก 20,000 บาทต่อเดือน เป็น 40,000 ต่อเดือน เขาก็ไม่พอใจในสภาพปัจจุบัน
เพราะว่า ต่อให้เขาได้เพิ่มมา 2 เท่าแล้ว เขาก็ไปมองหาคนที่ได้มากกว่าแล้วไปเปรียบเทียบอีกอยู่ดี
ดังนั้นสิ่งที่คุณช่วยเหลือไป มันก็ไม่ได้อยู่ในความสนใจของเขา เพราะเขาสนใจว่า เขายังได้น้อยกว่า...(อีกคน)... อยู่ดี
แล้วต่อให้คุณช่วยให้เขาดีกว่าเดิม 10 เท่า เช่น จากเงินเดือน 20,000 ไป 200,000 บาท
แล้วคุณอาจจะคิดว่านี่ก็ช่วยคนนี้เยอะมากแล้ว เขาอยู่สบายแล้ว ไม่ต้องไปสนใจหรือช่วยแล้ว
พอคุณไปช่วยคนอื่นบ้าง เขาก็จะเปรียเทียบทันที ไปอิจฉา ริษยาคนใหม่ที่เราช่วยทันที ต่อให้คนใหม่เขาจะพึ่งเงินเดือนเพิ่มมา 2 เท่าแค่นั้นเป็น 40,000 บาท
แม้ว่าเขาตอนนี้ได้ 200,000 บาทแล้ว แต่เขาก็ไม่พอใจคนใหม่ที่เราไปช่วยอยู่วันยังค่ำเป็นต้น
ในเหตุการณ์จริง ต่อให้คุณช่วยให้มีชีวิตเขาสบาย เขาก็ยังไม่พอใจ เพราะมัวแต่ไปมองว่า คนนั้นก็สลายกว่า (ในด้านนั้น) คนนี้ก็สบายกว่า (ในด้านนี้)
ไม่ได้โฟกัสที่ตนเองว่า ตนเองนั้นตอนนี้ก็สลายกว่าคนอื่นเยอะแล้ว
ดังนั้นคุณช่วยเขาไป เขาก็ไม่พอใจกับสภาพปัจจุบัน (ที่ได้รับการช่วยจากคุณแล้ว) อยู่ดี
--------------------------------------------------
ข้อ 3
ก็ชัดเจนคือ มันเกิดอารมณ์ลบได้ง่าย ไม่พอใจ น้อยใจ โมโห สารพัดอย่างจะตามมา
สารพัดอารมณ์ลบเกิด ก็เชื่อได้เลยว่า เดี๋ยวสารพัดปัญหาจะตามมา ก็จะต้องเริ่มไม่พอใจ เริ่มบ่น เรื่องประชดประชัน เริ่มทำพฤติกรรมไม่พอใจ เริ่มทะเลาะกัน
--------------------------------------------------
ข้อ 4
เป้าหมายในระดับจิตไร้สำนึกเขา มักเป็นไปเพื่อการเอาชนะเป็นหลัก!
แปลว่า สิ่งต่าง ๆ ที่คุณช่วยเหลือไป ผ่านไปสักพัก มันจะถูกแปลงเป็นสิ่งที่เขาสามารถเอาไปชนะอีกฝ่ายได้
เขาไม่ได้เอาความช่วยเหลือของคุณไป สร้างสิ่งที่ทำให้เขามีชีวิตที่ดีขึ้นในระยะยาวจริง ๆ
เช่น ในเมื่อเป้าหมายเขาต้องการเอาชนะใครสักคน สักพักความช่วยเหลือคุณ เช่น คุณช่วยให้เขาได้เงินเดือนเยอะขึ้น
มันก็จะกลายไปเป็น กระเป๋าราคาแพง โทรศัพท์ราคาแพง หรือเครื่องประดับราคาแพง เพื่อที่จะทำให้ตนเองดูเหนือกว่าอีกฝ่าย อยู่สูงกว่าอีกฝ่าย เพื่อจุดมุ่งหมายของเขาคือการเอาชนะอีกฝ่าย
เรื่องที่น่าสนใจอีกอย่าง ที่สำคัญสำหรับความอิจฉา-ริษยา ก็คือ...
มันมักตามมาด้วยพฤติกรรมการ "อวด"
ก็คือการอวดในสิ่งต่าง ๆ เช่น อวดรวย อวดชีวิตหรูหรา อวดความรัก อวดผัว
แถมช่วยคนประเภทนี้ไป ก็มักจะลงท้ายด้วยการที่เขาไม่สำนึกบุญคุณ และถูกเนรคุณได้ เพราะว่าในจิตไร้สำนึกของเขา เขาก็คิดว่าเราทำไม่ถูกเป็นปกติ เช่น คุณช่วยคนอื่นมากกว่าช่วยเขาอยู่ดี เป็นต้น
แล้วก็ตามด้วยเอาเราไปนินทา ไปใส่ร้าย ให้เราเสียหายอีก
https://www.facebook.com/photo?fbid=1086909913436875&set=a.507761728018366
หนังสือโม่ง 6:12-14
12 "ข้าพเจ้าเคยช่วยผู้คนประเภทที่ 3 มาแล้ว, ด้วยเหตุผลที่เธอมีความดีหลายประการที่แสดงออกให้เห็น
13 แม้เธอจะไม่ถึงระดับ 3 แบบ 100%, เพราะมันมิได้แสดงออกมาอย่างชัดเจน
14 แต่สำหรับข้า, ความยุติธรรมยังคงมีอยู่, และข้ายังคงรักเธอเหมือนเดิม, ชื่อของเธอคล้ายคลึงกับนางสีดา."
แหล่งรวมพวกเอ๋อหรอวะ
จิตใจเราขุ่นมัวได้ จากปัจจัยภายนอก แต่สิ่งนี้ก็เป็นพลังได้เช่นกัน คือการกลืนกิน อารมณ์ขุ่นมัวนั้นให้เป็นพลังของเรา
กุว่านี่คือลักษณะเด่นกุ ที่กุยืนเหนือโลกนี้ เหนือคนอื่นไม่ว่ายังไงก็ตาม
ปัสสาวะเป็นยาของพระพุทธเจ้า
ตอนดิฉันเป็นเด็ก
ดิฉันจำได้ว่าตอนนั้นแม่ดิฉันเจ็บท้องมาก เหมือนจะไม่รอด.... แต่มีญาติบอกให้พ่อไปฉี่มาให้แม่ดื่ม.. แต่แม่ไม่ดื่มนะคะ แม่บอกว่าดื่มฉี่ลูกดีกว่า.. ใช่ค่ะแม่ดื่มฉี่ดิฉัน
พอสักพักแม่ดิฉันก็หายเจ็บท้องเลย
อันนี้เรื่องจริง.. ผ่านมา20กว่าปีแล้ว แต่ดิฉันจำได้ไม่เคยลืม(*,* )
ศาสนาพุทธมี2500ปีแล้วพระพุทธเจ้าบอก "น้ำมูตรเน่า" คือยา
กูอ่านละกุมหัวเลยสัส นี่มู้หรือโรงบาลบ้า
ทำไมเราถึงกินเนื้อหมา แมวไม่ได้ ผิด พรบ. แต่กินเนื้อสัตว์อื่นได้
เคยลองหมาแดดเดียวสมัยเพื่อนหลอกว่าเป็นเนื้อวัว รสชาติก็คล้ายๆเนื้อวัวนะ แต่มันน้อยและคาวมากกว่า
แต่กูไม่กินเนื้อแมว เพราะน่ารักกว่าหมาเยอะ
>>90 เท่าที่กูเข้าใจ ไม่มีตรงไหนบอกว่าห้ามแดกหมาแมวตรงๆ นะ แต่การฆ่าสัตว์เพื่อบริโภคมันมีข้อควบคุมหลายอย่าง เช่น วิธีการขนส่งและการฆ่าต้องไม่เป็นการทารุณกรรมสัตว์ ต้องมีมาตรการควบคุมโรคระบาดสัตว์ ฯลฯ ซึ่งพวกโรงฆ่าสัตว์เขามีวิธีมาตรฐานของเขาอยู่แล้ว แต่มันไม่มีโรงฆ่าหมาแมวโดยเฉพาะ ดังนั้นชาวบ้านทั่วไปจะทำให้ถูกต้องทุกพรบ.มันยากมาก เอาจริงมันก็ผิดหมดแหละถ้าฆ่าไม่ถูกวิธี แต่คนที่เชือดไก่กบเขียดหนูนากระต่ายกิน มันไม่มีใครไปฟ้องศาลไง มันก็เลยไม่เป็นไร ไม่ใช่ว่าไม่ผิด แค่ไม่มีใครไปฟ้อง แต่ถ้ามึงฆ่าหมาแมวเพื่อแดกเมื่อไหร่ คนฟ้องมึงเพียบแน่นอน ส่วนโรงฆ่าหมาแมวโดยเฉพาะ ก็ไม่มีใครเสี่ยงทำแน่นอน demand มันไม่ได้เยอะขนาดนั้น เทียบกับทัวร์ที่พร้อมลงจอด ไม่ต้องคิดเรื่องทำธุรกิจอะ วันๆ คงได้แต่รับทัวร์ไม่ได้ผุดได้เกิด
ส่วนตัวกูเลี้ยงหมานะ และไม่เคยคิดจะแดกหมา แต่ถ้าใครจะแดกหมา กูก็เฉยๆ เพราะกูเองก็แดกหมูแดกไก่แดกปลาเหมือนกัน คนที่เขาเลี้ยงปลาเป็นสัตว์เลี้ยงก็มีนี่ กูยังมีสิทธิ์แดกปลาได้เลย ตราบใดที่กูไม่ได้เป็น vegan กูไม่มีหน้าไปชี้นิ้วด่าคนอื่นหรอก แค่อย่าไปลักขโมยสัตว์เลี้ยงของคนอื่นไปฆ่าแดกก็พอ เพราะนั่นคือการลักทรัพย์
>>95 พูดได้ดี เหตุผลที่ไม่ควรแดกเพราะตามหลักทฤษฎีผลประโยชน์แล้ว มันแดกไม่คุ้มทั้งเรื่องทัวร์ลง และปริมาณเนื้อ แต่ถ้ามันอร่อยคงมีการเพาะพันธุ์สำหรับแดก เหมือนกระต่ายเนื้อ อาจจะมีแมวเนื้อ หมาเนื้อ แต่มันคงไม่อร่อยและคาวถึงไม่มี
ถ้าแดกหมาแมวแล้วบาป ชั่ว ทำไมแดกหมู วัว ไม่ชั่ว จะมีเหตุผลหน่อยคือส่วนใหญ่แดกหมาเชือดเอง ขโมยจีบเอาจากพวกจรจัด แต่ถ้าเป็นคน ตปท. ซื้อที่ตลาดได้ มันก็คงไม่ต่างกัน
จะว่าไปพวกนี้ก็เป็นเอเลี่ยนสผีชีส์ทำไม ไม่รณรงค์จับกินแบบปลาหมอคางดำว่ะ
สังคมควรหลุดพ้นจากกรอบอารมณ์ความรู้สึก ควรเลิกโวคได้แล้ว แล้วอยู่ด้วยหลัก เหตุ และ ผล พวกที่การุณยฆาตไป ควรนำไปสร้างอุตสาหกรรมแปรรูปเนื้อ ทุกส่วนต้องใช้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจได้ถึงจุดสูงสุด ไม่มีเสียเปล่าตามแนวคิดหลักเศรษฐกิจพอเพียง อยู่ร่วมกับธรรมชาติ ลดโลกร้อน
เกิดเหตุรถชนท้ายรถจักรยานยนต์คู่กรณีที่เกิดเหตุได้ขับขี่รถยนต์คู่กรณีที่เกิดเหตุได้รับความเสียหายที่จําเลยได้รับบาดเจ็บจากผู้ป่วยในบริเวณนั้นมีการติดเชื้อบริเวณด้านบนบริเวณที่พบในพื้นที่ที่มีอาการผิดปกติหรือบริเวณที่พบว่าเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดตีบ
หมูเด้งปลุกเสกแผลงฤทธิ์ ขับ "พระอาจารย์ชิน" พ้นสำนักสงฆ์
https://www.youtube.com/watch?v=Fz30Ji0Gsbo&t=187s
>>96 มันอยู่ที่ประโยชน์การใช้งานอ่ะ หมามันเฝ้าบ้านได้ แมวมันจับหนูได้ เลี้ยงเพื่อสวยงามเพื่อฟาร์มเลี้ยงคงพ่อพันธุ์เพื่อประกวดหรือขายราคาดีนี่ระยะหลังๆเลย แต่มันมีดีกว่าการนำมาแดก ส่วนเอเลี่ยนที่คนไทยแดกนี่อย่างนึงก็หอยเชอรรี่อ่ะ ตำป่ามึงรู้จักไหมวะ ลองมีไอที่ถอนพิษได้ละจับแดกก็ไม่ตายดิ โดนแดกยับ
คนสกลกินกัน ไม่ลองไม่รู้ เกิดมาทั้งที ต้องใช้ชีวิตให้คุ้ม
เรื่อง เหนือธรรมชาติ มีจริง
ตอนนี้ เราเรียก ว่า เหนือจริง เพราะวิทย์ยังไม่เข้าใจ
เป็นมุมมอง ที่คับแคบ ยิ่งนัก
โม่งหมอส้นตรีนอยู่นี่มั้ย
ที่นี่ เห็นว่า เป็นแดนที่เหล่าเหี้ยมารวมกันก่อนไปถล่มห้องอื่นหรอวะ
มาจัดกูหน่อย กูอุตส่าห์ มาหาถึงเมืองหลวง พวกมึงแล้ว
กุเคยเจอโม่งหมอ หัวล้านครึ่งหัว อายุ40+
>>113 อย่ารู้เลย แค่เด็กน่าชังคนนึงของโม่ง ที่โม่งเลี้ยงมาตลอด5ปี โม่งเลี้ยงมาเติบโตได้อย่างดีเลยล่ะ และมีเด็กอีกหลายคนอยู่ในการดูแลของโม่ง
ว่าไปพลังศรัทธา พลังปีศาจ พลังแห่งใจ
สุดท้ายก็คือพลังเหมือนกัน
กุว่าคนเราสามารถพัฒนาพลังพวกนี้ต่อได้
แต่คนมักจะไปไม่ถึงขั้นสุด ก็ล้มเลิกซะก่อน
วันพฤหัสที่ 14 พฤศจิกายน ถนนในกรุงเทพฯ เต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังเตรียมตัวสำหรับเทศกาลสงกรานต์ แม้จะมีฝนตกก็ตาม กลุ่มคนที่คิดจะก่ออาชญากรรมซ่อนตัวอยู่ในความวุ่นวาย รอจังหวะที่จะลงมือเหมือนงูที่รอเหยื่อ และกูก็อยู่ตรงนั้นเช่นกัน กำลังเฝ้ามอง ทุกคืนที่ผ่านไปทำให้กูกลายเป็นสัตว์ยามราตรี กูต้องเลือกเป้าหมายอย่างระมัดระวัง กรุงเทพฯ ใหญ่เกินไป กูไม่สามารถอยู่ทุกที่ได้ แต่พวกมันไม่รู้ว่ากูอยู่ที่ไหน ตอนนี้เรามีสัญญาณ เพื่อใช้เมื่อกูเป็นที่ต้องการ เมื่อแสงนั้นสาดส่องขึ้นไปบนท้องฟ้า มันไม่ใช่แค่การเรียกร้อง แต่มันคือการเตือนภัย สำหรับพวกมัน ความกลัวคือเครื่องมือ พวกมันคิดว่ากูซ่อนตัวอยู่ในเงามืด แต่จริงๆ แล้ว... กูคือเงามืดเอง กูอยากจะบอกว่ากูกำลังสร้างความแตกต่าง แต่กูก็ไม่แน่ใจ การฆาตกรรม การปล้น การทำร้ายร่างกาย สองปีผ่านมา อัตราเหล่านี้ยังคงเพิ่มขึ้น และตอนนี้ด้วย เทศกาลสงกรานต์กำลังจะมาถึง กรุงเทพฯ กำลังทำลายตัวเอง บางทีเมืองนี้อาจจะไม่สามารถช่วยได้ แต่ว่ากูต้องพยายาม พยายามผลักดันตัวเอง ทุกคืนมันเหมือนกับการไหลรวมกันไปในกระแส หลังโม่ง บางครั้งในตอนเช้า กูต้องพยายามบังคับตัวเองให้จำทุกสิ่งที่เกิดขึ้น
วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน วันนี้เป็นวันลอยกระทง และกรุงเทพฯ ดูเหมือนจะต่างไปจากทุกปีที่ผ่านๆ มา เสียงดนตรีและแสงไฟจากริมแม่น้ำเจ้าพระยาเต็มไปหมด ผู้คนมากมายกำลังเดินไปที่ท่าเรือและริมฝั่ง เพื่อปล่อยกระทงเป็นการขอขมาพระแม่คงคาและอธิษฐานถึงอนาคตของตัวเอง แต่กูไม่ได้มีความสุขกับมันเลย การลอยกระทงไม่ต่างจากการปล่อยความหวังขึ้นไปบนท้องฟ้า ลอยไปกับกระแสน้ำเหมือนชีวิตที่ไม่มีทิศทาง แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่ามันเป็นแค่พิธีกรรมที่ทำให้รู้สึกดีในชั่วขณะ แต่สำหรับกู มันเป็นแค่สัญลักษณ์ของการปฏิเสธความจริง ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นไปตามธรรมชาติ แต่ความจริงก็ยังคงแฝงอยู่ในเงามืด กลางคืนกรุงเทพฯ ยังคงเต็มไปด้วยเสียงร้องและเสียงหัวเราะของผู้คนที่หลงลืมความจริง พวกเขาไม่รู้เลยว่าในความสนุกสนานนั้น ความหวาดกลัวและความเครียดที่สะสมอยู่ในตัวกูมันยิ่งทวีขึ้น ความรู้สึกที่ว่าเมืองนี้กำลังจะพังทลายไปในไม่ช้า มันเหมือนกับการมองเห็นหายนะจากระยะไกล แต่ไม่สามารถหยุดมันได้ กูยังคงเฝ้ามองอยู่ในความมืด คิดถึงเส้นทางที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ถึงแม้จะรู้ว่าแทบจะไม่มีทางออกที่ชัดเจน แต่ทุกคืนที่ผ่านไปมันก็ยิ่งยืนยันว่ากูต้องทำอะไรบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่คนอื่นเห็นหรือไม่เห็น กูรู้ว่ามันจะมีผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ในที่สุด คืนนี้กรุงเทพฯ ยังสวยงาม แต่กูรู้ดีว่าในความสวยงามนั้นมีสิ่งที่มืดมนซ่อนอยู่ ทุกกระทงที่ลอยไปตามน้ำ ล้วนแต่เต็มไปด้วยความหวังที่ไม่อาจสัมผัสได้จริง ในความเป็นจริง กูไม่ได้มองหาทางออกหรอก... กูแค่มองหาคำตอบจากในตัวเอง ในเงามืดของกรุงเทพฯ กูคือผู้เฝ้าระวังที่ไม่มีใครเห็น ตัวตนที่ซ่อนอยู่ท่ามกลางแสงไฟและเสียงดังของเมืองนี้ กูไม่ใช่ฮีโร่ที่คนจะร้องขอ แต่กูคือสิ่งที่เมืองนี้ต้องการ—ในความเงียบงันและมืดมิดที่พวกมันไม่เคยสังเกตเห็น ในคืนที่เต็มไปด้วยการเฉลิมฉลองและเสียงหัวเราะ ผู้คนต่างหลงลืมความจริงว่าพวกเขากำลังถูกหลอกให้เชื่อว่าโลกนี้ยังคงสวยงามและปลอดภัย แต่กูรู้ดี ทุกสิ่งที่พวกมันเห็นเป็นเพียงภาพลวงตา ทุกความสุขที่พวกมันสัมผัสได้ แท้จริงแล้วมันแค่การหลบหนีจากความกลัวที่กูสร้างขึ้น กูไม่ได้ต้องการให้ทุกคนรู้จักกู หรือขอบคุณกู กูแค่ต้องการทำให้เมืองนี้รู้ว่ามีใครบางคนกำลังจับตามองพวกมันอยู่ กูไม่ได้มองหาความยุติธรรมในแสงสว่าง เพราะความยุติธรรมมันไม่ได้อยู่ในที่ที่มองเห็น ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกนี้ มันต้องมีราคาที่ต้องจ่าย และกูเองก็พร้อมที่จะเป็นคนเก็บค่าใช้จ่ายนั้น ในทุกคืนที่ผ่านไป กูเฝ้าดูและรอ... รอเวลาที่จะทำให้พวกมันรู้ว่าความกลัวไม่ใช่แค่สิ่งที่พวกมันหนีจาก แต่มันคือสิ่งที่พวกมันต้องเผชิญเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง ในท้ายที่สุด เมืองนี้จะต้องตระหนักว่ากูไม่ใช่เงามืดที่พวกมันหนีได้ แต่กูคือตัวตนที่พวกมันไม่สามารถหลบซ่อนจากได้ ในกรุงเทพฯ ที่มีทั้งแสงและเงา... กูจะเป็นแสงแห่งความมืดที่คอยชี้นำเส้นทางที่ถูกต้อง
"I am confined to a wheelchair, but I am still capable of thinking and reasoning. I can create my own boundaries in my mind, and I am still the king of my own universe."
ฮอคิง เคยกล่าวไว้ว่า เป็น ราชาไร้ขอบเขต
จริงๆ ฮอคิงควรจะตายไปแล้ว แต่ก็ยังสู้และอยู่ต่อ จนเกิดคุณประโยชน์แก่โลกมากมาย
พรุ่งนี้ฝุ่นจะน้อยลงไหม
ขอแค่ฝุ่นควันในใจลดน้อยลงก็ยังดี
กุว่าคนดูเรื่องเล่าเรื่องผี ก็มีนิสัยไม่ดี ชอบฟังเรื่องโกหก และหลอกคนอื่นโดยไม่รู้สึกผิด
ส่วนผีมีจริงไหม อันนี้กุไม่รู้วะ
ไอพวกศาสดาจอมปลอมมึงอยู่ที่นี่หรือเปล่า 🧐😯
กูมาหามึงถึงที่ 🗿 ละนะไอสัส 🐺🗿🗿🗿🗿
นี่แหละชีวิตจริง! 💥 ไม่จอมปลอมนะ🗿
ในช่วงพีคของชีวิต กูยังไม่ถึงที่สุด🗿
แต่กูยังไม่ยอมแพ้ เขาเตะกูลงพื้น แต่กูยังยืนหยัดอยู่! 👊💥
จากห้องนั่งเล่นที่เคยสบาย ไปสู่ท้องถนน! 🚗🔥
ชีวิตแม่งมันสู้โว้ย! ทุกอย่างคือการต่อสู้! 💪แต่กูเชื่อเถอะ... กูพร้อมลุยสัส! 🏃♂️💨
เรื่องมันเป็นแบบนี้แหละ! ชีวิตที่ไม่เคยง่าย! ถนนสู่สวรรค์ กูขับไปคนเดียว! 🛣️😎
ถูกรังแก ไล่ออกจากวงการ ทิ้งกูไว้ตายแบบเหี้ย! 😡
แต่กูไม่เคยยอมแพ้! ใจแข็งจนไม่เหลือใคร และกูยังเชื่อในพระเจ้า! 🙏💥
จิตใจอยู่ใต้ดวงอาทิตย์ กูจะทำให้ได้! 🌞🔥
ชีวิตมันยากซะเหลือเกิน แต่กูถือพวงมาลัย! 🚗💥 แก้ปัญหาที่มันทิ้งไว้ให้💣⚒️
ไม่มีใครจะช่วยมึงในวันที่ลำบาก😤 ทุกอย่างต้องสู้ แม่ง 🗿💪🏽💪🏽💪🏽💪🏽
ชีวิตนี้จะสอนมึงให้ล้มลง แต่กูไม่ยอมแพ้! 👊💥 อยู่ในเรื่องเหี้ย นี่แหละวิธีที่มันเป็นไป! 💯
ทุกคนรู้ดีว่าชีวิตไม่เคยง่าย! 💔 แต่กูยังเดินต่อไปด้วยหัวใจที่ไม่ยอมแพ้! ❤️🔥
ในโลกที่แสนโหดร้าย กูจะสู้ต่อไปเรื่อยๆ! 😎🌍
พวกเมิงเคยคิดปะวะ โลกที่เราอยู่คือโลกที่เราจุติมาเพื่อเล่นเกม แต่คำถามคือ กุไม่รู้จุดหมายของเกม นอกจากเอาชีวิตรอดให้ได้นานๆ
นี่คือสิ่งที่ไม่มีบอก อย่างยาย กุเชื่อในการทำบุญ
ช่วยคนอื่น และก็ทำแบบนั้นจนวาระสุดท้าย
ตอนแรกกุก็ไม่รู้ว่าทำบุญ มันส่งผลอะไรต่อชีวิตได้จริงๆ
กุอาจจะเป็นเศษเสี้ยวของร่างแยกในมิติสูงกว่า
จุติมาเพื่อพัฒนาตัวเองในด้านต่างๆ
กุไม่เชื่อในเรื่องบาปบุญ และโชคชะตา กุแค่ทำในสิ่งที่ถูกตัองตามความเชื่อมั่นของกู
แต่กุรู้แค่อย่างเดียว ถ้าโลกนี้เป็นเกมละก็ กุต้องชนะ! มีแต่เวลาที่กุได้เหยียบย่ำยัดความพ่ายแพ้ใส่คู่ต่อสู้ ถึงจะเรียกว่าเป็นการใช้ชีวิต!
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.