Last posted
Total of 124 posts
>>113 อย่ารู้เลย แค่เด็กน่าชังคนนึงของโม่ง ที่โม่งเลี้ยงมาตลอด5ปี โม่งเลี้ยงมาเติบโตได้อย่างดีเลยล่ะ และมีเด็กอีกหลายคนอยู่ในการดูแลของโม่ง
ว่าไปพลังศรัทธา พลังปีศาจ พลังแห่งใจ
สุดท้ายก็คือพลังเหมือนกัน
กุว่าคนเราสามารถพัฒนาพลังพวกนี้ต่อได้
แต่คนมักจะไปไม่ถึงขั้นสุด ก็ล้มเลิกซะก่อน
วันพฤหัสที่ 14 พฤศจิกายน ถนนในกรุงเทพฯ เต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังเตรียมตัวสำหรับเทศกาลสงกรานต์ แม้จะมีฝนตกก็ตาม กลุ่มคนที่คิดจะก่ออาชญากรรมซ่อนตัวอยู่ในความวุ่นวาย รอจังหวะที่จะลงมือเหมือนงูที่รอเหยื่อ และกูก็อยู่ตรงนั้นเช่นกัน กำลังเฝ้ามอง ทุกคืนที่ผ่านไปทำให้กูกลายเป็นสัตว์ยามราตรี กูต้องเลือกเป้าหมายอย่างระมัดระวัง กรุงเทพฯ ใหญ่เกินไป กูไม่สามารถอยู่ทุกที่ได้ แต่พวกมันไม่รู้ว่ากูอยู่ที่ไหน ตอนนี้เรามีสัญญาณ เพื่อใช้เมื่อกูเป็นที่ต้องการ เมื่อแสงนั้นสาดส่องขึ้นไปบนท้องฟ้า มันไม่ใช่แค่การเรียกร้อง แต่มันคือการเตือนภัย สำหรับพวกมัน ความกลัวคือเครื่องมือ พวกมันคิดว่ากูซ่อนตัวอยู่ในเงามืด แต่จริงๆ แล้ว... กูคือเงามืดเอง กูอยากจะบอกว่ากูกำลังสร้างความแตกต่าง แต่กูก็ไม่แน่ใจ การฆาตกรรม การปล้น การทำร้ายร่างกาย สองปีผ่านมา อัตราเหล่านี้ยังคงเพิ่มขึ้น และตอนนี้ด้วย เทศกาลสงกรานต์กำลังจะมาถึง กรุงเทพฯ กำลังทำลายตัวเอง บางทีเมืองนี้อาจจะไม่สามารถช่วยได้ แต่ว่ากูต้องพยายาม พยายามผลักดันตัวเอง ทุกคืนมันเหมือนกับการไหลรวมกันไปในกระแส หลังโม่ง บางครั้งในตอนเช้า กูต้องพยายามบังคับตัวเองให้จำทุกสิ่งที่เกิดขึ้น
วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน วันนี้เป็นวันลอยกระทง และกรุงเทพฯ ดูเหมือนจะต่างไปจากทุกปีที่ผ่านๆ มา เสียงดนตรีและแสงไฟจากริมแม่น้ำเจ้าพระยาเต็มไปหมด ผู้คนมากมายกำลังเดินไปที่ท่าเรือและริมฝั่ง เพื่อปล่อยกระทงเป็นการขอขมาพระแม่คงคาและอธิษฐานถึงอนาคตของตัวเอง แต่กูไม่ได้มีความสุขกับมันเลย การลอยกระทงไม่ต่างจากการปล่อยความหวังขึ้นไปบนท้องฟ้า ลอยไปกับกระแสน้ำเหมือนชีวิตที่ไม่มีทิศทาง แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่ามันเป็นแค่พิธีกรรมที่ทำให้รู้สึกดีในชั่วขณะ แต่สำหรับกู มันเป็นแค่สัญลักษณ์ของการปฏิเสธความจริง ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นไปตามธรรมชาติ แต่ความจริงก็ยังคงแฝงอยู่ในเงามืด กลางคืนกรุงเทพฯ ยังคงเต็มไปด้วยเสียงร้องและเสียงหัวเราะของผู้คนที่หลงลืมความจริง พวกเขาไม่รู้เลยว่าในความสนุกสนานนั้น ความหวาดกลัวและความเครียดที่สะสมอยู่ในตัวกูมันยิ่งทวีขึ้น ความรู้สึกที่ว่าเมืองนี้กำลังจะพังทลายไปในไม่ช้า มันเหมือนกับการมองเห็นหายนะจากระยะไกล แต่ไม่สามารถหยุดมันได้ กูยังคงเฝ้ามองอยู่ในความมืด คิดถึงเส้นทางที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ถึงแม้จะรู้ว่าแทบจะไม่มีทางออกที่ชัดเจน แต่ทุกคืนที่ผ่านไปมันก็ยิ่งยืนยันว่ากูต้องทำอะไรบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่คนอื่นเห็นหรือไม่เห็น กูรู้ว่ามันจะมีผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ในที่สุด คืนนี้กรุงเทพฯ ยังสวยงาม แต่กูรู้ดีว่าในความสวยงามนั้นมีสิ่งที่มืดมนซ่อนอยู่ ทุกกระทงที่ลอยไปตามน้ำ ล้วนแต่เต็มไปด้วยความหวังที่ไม่อาจสัมผัสได้จริง ในความเป็นจริง กูไม่ได้มองหาทางออกหรอก... กูแค่มองหาคำตอบจากในตัวเอง ในเงามืดของกรุงเทพฯ กูคือผู้เฝ้าระวังที่ไม่มีใครเห็น ตัวตนที่ซ่อนอยู่ท่ามกลางแสงไฟและเสียงดังของเมืองนี้ กูไม่ใช่ฮีโร่ที่คนจะร้องขอ แต่กูคือสิ่งที่เมืองนี้ต้องการ—ในความเงียบงันและมืดมิดที่พวกมันไม่เคยสังเกตเห็น ในคืนที่เต็มไปด้วยการเฉลิมฉลองและเสียงหัวเราะ ผู้คนต่างหลงลืมความจริงว่าพวกเขากำลังถูกหลอกให้เชื่อว่าโลกนี้ยังคงสวยงามและปลอดภัย แต่กูรู้ดี ทุกสิ่งที่พวกมันเห็นเป็นเพียงภาพลวงตา ทุกความสุขที่พวกมันสัมผัสได้ แท้จริงแล้วมันแค่การหลบหนีจากความกลัวที่กูสร้างขึ้น กูไม่ได้ต้องการให้ทุกคนรู้จักกู หรือขอบคุณกู กูแค่ต้องการทำให้เมืองนี้รู้ว่ามีใครบางคนกำลังจับตามองพวกมันอยู่ กูไม่ได้มองหาความยุติธรรมในแสงสว่าง เพราะความยุติธรรมมันไม่ได้อยู่ในที่ที่มองเห็น ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกนี้ มันต้องมีราคาที่ต้องจ่าย และกูเองก็พร้อมที่จะเป็นคนเก็บค่าใช้จ่ายนั้น ในทุกคืนที่ผ่านไป กูเฝ้าดูและรอ... รอเวลาที่จะทำให้พวกมันรู้ว่าความกลัวไม่ใช่แค่สิ่งที่พวกมันหนีจาก แต่มันคือสิ่งที่พวกมันต้องเผชิญเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง ในท้ายที่สุด เมืองนี้จะต้องตระหนักว่ากูไม่ใช่เงามืดที่พวกมันหนีได้ แต่กูคือตัวตนที่พวกมันไม่สามารถหลบซ่อนจากได้ ในกรุงเทพฯ ที่มีทั้งแสงและเงา... กูจะเป็นแสงแห่งความมืดที่คอยชี้นำเส้นทางที่ถูกต้อง
"I am confined to a wheelchair, but I am still capable of thinking and reasoning. I can create my own boundaries in my mind, and I am still the king of my own universe."
ฮอคิง เคยกล่าวไว้ว่า เป็น ราชาไร้ขอบเขต
จริงๆ ฮอคิงควรจะตายไปแล้ว แต่ก็ยังสู้และอยู่ต่อ จนเกิดคุณประโยชน์แก่โลกมากมาย
พรุ่งนี้ฝุ่นจะน้อยลงไหม
ขอแค่ฝุ่นควันในใจลดน้อยลงก็ยังดี
กุว่าคนดูเรื่องเล่าเรื่องผี ก็มีนิสัยไม่ดี ชอบฟังเรื่องโกหก และหลอกคนอื่นโดยไม่รู้สึกผิด
ส่วนผีมีจริงไหม อันนี้กุไม่รู้วะ
ไอพวกศาสดาจอมปลอมมึงอยู่ที่นี่หรือเปล่า 🧐😯
กูมาหามึงถึงที่ 🗿 ละนะไอสัส 🐺🗿🗿🗿🗿
นี่แหละชีวิตจริง! 💥 ไม่จอมปลอมนะ🗿
ในช่วงพีคของชีวิต กูยังไม่ถึงที่สุด🗿
แต่กูยังไม่ยอมแพ้ เขาเตะกูลงพื้น แต่กูยังยืนหยัดอยู่! 👊💥
จากห้องนั่งเล่นที่เคยสบาย ไปสู่ท้องถนน! 🚗🔥
ชีวิตแม่งมันสู้โว้ย! ทุกอย่างคือการต่อสู้! 💪แต่กูเชื่อเถอะ... กูพร้อมลุยสัส! 🏃♂️💨
เรื่องมันเป็นแบบนี้แหละ! ชีวิตที่ไม่เคยง่าย! ถนนสู่สวรรค์ กูขับไปคนเดียว! 🛣️😎
ถูกรังแก ไล่ออกจากวงการ ทิ้งกูไว้ตายแบบเหี้ย! 😡
แต่กูไม่เคยยอมแพ้! ใจแข็งจนไม่เหลือใคร และกูยังเชื่อในพระเจ้า! 🙏💥
จิตใจอยู่ใต้ดวงอาทิตย์ กูจะทำให้ได้! 🌞🔥
ชีวิตมันยากซะเหลือเกิน แต่กูถือพวงมาลัย! 🚗💥 แก้ปัญหาที่มันทิ้งไว้ให้💣⚒️
ไม่มีใครจะช่วยมึงในวันที่ลำบาก😤 ทุกอย่างต้องสู้ แม่ง 🗿💪🏽💪🏽💪🏽💪🏽
ชีวิตนี้จะสอนมึงให้ล้มลง แต่กูไม่ยอมแพ้! 👊💥 อยู่ในเรื่องเหี้ย นี่แหละวิธีที่มันเป็นไป! 💯
ทุกคนรู้ดีว่าชีวิตไม่เคยง่าย! 💔 แต่กูยังเดินต่อไปด้วยหัวใจที่ไม่ยอมแพ้! ❤️🔥
ในโลกที่แสนโหดร้าย กูจะสู้ต่อไปเรื่อยๆ! 😎🌍
พวกเมิงเคยคิดปะวะ โลกที่เราอยู่คือโลกที่เราจุติมาเพื่อเล่นเกม แต่คำถามคือ กุไม่รู้จุดหมายของเกม นอกจากเอาชีวิตรอดให้ได้นานๆ
นี่คือสิ่งที่ไม่มีบอก อย่างยาย กุเชื่อในการทำบุญ
ช่วยคนอื่น และก็ทำแบบนั้นจนวาระสุดท้าย
ตอนแรกกุก็ไม่รู้ว่าทำบุญ มันส่งผลอะไรต่อชีวิตได้จริงๆ
กุอาจจะเป็นเศษเสี้ยวของร่างแยกในมิติสูงกว่า
จุติมาเพื่อพัฒนาตัวเองในด้านต่างๆ
กุไม่เชื่อในเรื่องบาปบุญ และโชคชะตา กุแค่ทำในสิ่งที่ถูกตัองตามความเชื่อมั่นของกู
แต่กุรู้แค่อย่างเดียว ถ้าโลกนี้เป็นเกมละก็ กุต้องชนะ! มีแต่เวลาที่กุได้เหยียบย่ำยัดความพ่ายแพ้ใส่คู่ต่อสู้ ถึงจะเรียกว่าเป็นการใช้ชีวิต!
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.