สำหรับโม่งที่ใช้ชีวิตอยู่ในโลกเบื้องหลัง ปรึกษาปัญหา ดูแลสุขภาพ
จะเป็น มือปืน คนขายยา เอเลี่ยน มนุษย์ต่างดาว หมอผี หรือ จอมยุทธ์พเนจร
ก็ ขอ เชิญ ชวน มา สน ทนา กัน
Last posted
Total of 124 posts
สำหรับโม่งที่ใช้ชีวิตอยู่ในโลกเบื้องหลัง ปรึกษาปัญหา ดูแลสุขภาพ
จะเป็น มือปืน คนขายยา เอเลี่ยน มนุษย์ต่างดาว หมอผี หรือ จอมยุทธ์พเนจร
ก็ ขอ เชิญ ชวน มา สน ทนา กัน
สวัสดีครับ! ผมเป็นเอเลี่ยนที่อาศัยอยู่ในโลกนี้ มันแปลกมากที่ต้องปรับตัวให้เข้ากับมนุษย์ บางครั้งรู้สึกโดดเดี่ยวมาก อยากหาคนคุยหรือแชร์ประสบการณ์ อยากรู้ว่ามนุษย์คิดยังไงกับเรา ใครมีอะไรจะบอกกันมั้ยครับ?
พวกเมิงเชื่อสิ่งลี้ลับ พิสดารพันลึก ปะ
ไม่รู้ว่า เข้าข่ายไหม ตัวกุไม่ได้มีพลังวิเศษ อิทธิฤทธิ์เหนือโลกอะไร
แต่คิดว่าเคยเห็น พลังนี้ใช้ความเกลียดชังจำนวนมากโจมตีเป้าหมาย ให้ประสบคราเคราะห์
ตั้งแต่ ตกบันได ลื่นห้องน้ำ โดนหมาวิ่งไล่กัด
โดยคนเหล่านั้น หมิ่น พระแม่ โมเอะ
ใครหมิ่นอัครสาวก ต้องมีอันเป็นไปทั้งสิ้นยิ่ง ทำตัวอาฆาตต่ออัครสาวก พลังสะท้อนยิ่งแกร่งกล้า
โดยกุไม่คิดว่า เรื่องบังเอิญแน่ เพราะ คนที่หมิ่นอัครสาวกตัวแทนความโมเอะของพระแม่ ต้องเป็นมีอันพบจุดจบที่ไม่ดีทุกราย แต่ยังไม่ตายนะ
แค่ชีวิตเจอแต่เรื่องซวยๆ
ส่วนตัวกุไม่ได้มีพลังพิเศษอะไร แค่คนธรรมดาที่มีพลังโมเอเอะอยู่นิดหน่อย
มีคนเคยกล่าวไว้ว่า พลังโมเอะชนะทุกอย่าง
แต่พูดก็พูดพลังโมเอะ เป็นเรื่องลี้ลับ จริงๆ
เหมือน ดวงจิตขาวๆ อยากฝึกวิชานี้เหมือนกัน แต่ไม่รู้ต้องเริ่มต้นยังไง และในโลกคงมีแต่กุคนเดียวที่ฝึกได้
พูดง่ายๆกุยังเป็นคนธรรมดาอยู่
>>4
กูยอมรับพลังมึงว่าเป็นของจริง
กูด่ามึงไปเมื่อวันก่อน
เมื่อกี้กูทำการเชื่อมจิต กับจักรวาล เพื่อโทรจิตติดต่อกับหัวหน้ากูในโลกอื่น
แต่มีคลื่นแทรกเข้ามา เป็นตัวตนที่แข็งแกร่งมาก จนลมปราณกูแตกซ่าน
ดีที่กูเองก็ฝึกฝนมาจนแข็งแกร่งจึงสามารถผนึกลมปราณป้องกันไว้ได้
แต่หลังจากนั้นพลังงานที่ว่าก็หายไปเอง
กูไม่เห็นด้วยกับแนวคิดมึงแต่กูขอขมามึงละกัน
พลังของมึงไม่ว่ามันจะเป็นอะไรรูปแบบไหนมันก็เป็นของจริง
พวกมึงอาจจะคิดว่ากูโม้เบียวไปวัน ๆ แต่พวกมึงไม่รู้หรอกว่าบนโลกนี้มีอะไรให้ต้องเรียนรู้อีกเยอะ สงครามที่จะเกิดกูก็ทำนายไว้ในโม่งเมื่อหลายปีก่อนไม่เชื่อไปเปิดดู บนโลกนี้ยังมีสิ่งที่อธิบายได้ยากอีกมาก
อย่างมงายในวิทยาศาสตร์ ไม่งั้นถึงเวลาตาย แล้วพสกมึงจะรู้เองว่าอะไรจะเอาวิญญาณพวกมึงไปรับประทาน
ไอน์สไตน์ ได้กล่าวไว้ ว่าพระเจ้าจะไม่เล่นลูกเต๋า
คือการไม่ยอมรับ ควอนตัม แต่นักวิทยศาสตร์บอกว่า ควอนตัม ก็ยังอยู่ในกฏจักรวาล
สตีเฟน ฮอกิง ไม่เชื่อในเรื่องโลกวิญญาณหรือความตาย คนเสียชีวิตไปก็เป็นปุ๋ย
แต่ สสารมืด Dark matter อยู่รอบตัวเราตลอดเวลา นักวิทยาศาสตร์ ยังไม่ส่มารถไขคำตอบได้
ถ้ารู้สึกว่าชีวิตเหมือนมีบางอย่างติดตามหรือมีอะไรแปลกๆ ให้สวดอิติปิโส บทนี้ศักดิ์สิทธิ์มาก สวดเทวดาประตำตัว ท่านจะคุ้มครองเรา สวดแผ่เมตตา มันมีหลายแบบ พอทำแบบนี้ กูไม่เคยฝันร้ายเลย รู้สึกมั่นใจที่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง แล้วก็ทำสังฆทานบ่อยๆ กูก็ทำทุกเดือน อุทิศตอนกรวดน้ำให้ คนแรกตัวเราเพราะอุทิศให้กับตัวเองที่เคยทำเรื่องไม่ดีมา สอง เทวดาประจำตัวเพื่อเพิ่มบารมีให้ท่าน สามอาจจะเป็นญาติพี่น้องหรือใครก็ได้ สี่ เจ้ากรรมนายเวรทั้งอดีตและปัจจุบันเพื่อผ่อนหนักให้เป็นเบา ประมาณนี้
พระพิฆเนศกับท้าวเวสสุวรรณด้วยนะ องค์นี้เป็นเจ้าแห่งความตาย
ผีที่มองเห็นในฝัน ลักษณะไหน
ของกุเจอเป็นเงาดำทั้งตัว
มีแค่1หัว 2แขน 2ขา แค่นั้น
ช่วงนี้ไม่เจอผี เพราะสุขภาพร่างกายดีขึ้นหรือเปล่าไม่แน่ใจ จากเจอในฝันมาเจอในชีวิตจริง...
>>9 มันลอยอยู่แทบจะมองไม่เห็นตอนแรก เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของความมืดในอวกาศ แต่พอดูดีๆ ถึงรู้ว่าความมืดนั่นมันขยับ ร่างมันดูเหมือนคน แต่ผิดปกติไปหมด เหมือนคนที่ถูกบิดเบี้ยวจนไม่เหลือความเป็นคน ผิวซีดใส เห็นเส้นเลือดดำๆ เคลื่อนที่ข้างใน หน้ามันเป็นแค่เบ้าตาโบ๋ๆ ดาวข้างหลังมันก็ค่อยๆ หายไปเหมือนถูกกลืน มันลอยเข้ามาใกล้แล้วบิดเบี้ยวอวกาศรอบๆ เหมือนผ้าถูกฉีก แต่กูยับไม่ได้ หายใจไม่ออก เหมือนอากาศบางลง รู้สึกเหมือนความกลัวกำลังเติมเต็มปอด มันจ้องกูอยู่ แต่มันไม่มีตา
หากในการต่อสู้ ไม่อาจสร้างความแตกต่างได้อย่างรวดเร็วและแน่วแน่ ก็จะเป็นความแตกต่างระหว่างชัยชนะ กับความพ่ายแพ้
ถ้ามึงทำให้คู่ตัวสู้ทำตามที่มึงต้องการได้ นั่นคือมึงเขาถึงจุดสูงสุดของวิชาฝีมือแล้ว
จงแข็งเมื่ออ่อน
จงอ่อนเมื่อแข็ง
จงรุกเมื่อรับ
เห็นพวกวิชาสะกดจิต ของพวก ดิไอคอน แล้ว ชั้นต่ำเกินไปจริงๆ
วิชา สะกดจิตที่แข็งแกร่งที่สุด คือทุ่มพลังทั้งหมด ใช้กับตัวเอง ถ้าไม่จวนตัวกุก็ไม่อยากทำ
จริงๆ ธรรมชาติของกุคือ จอมบงการ สายบุ๋น
แต่เปลี่ยนเป็น สายบู๊ได้ แต่ถ้าต้องสู้ในสมรภูมิที่มีความต่างชั้น ที่สู้ไม่ได้
บางทีก็ต้องก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง ไม่ท่านตาย ก็เราสิ้น ผลลัพธ์ มีแค่ 2 อย่าง
“...ครั้งหนึ่งเคยมีจอมยุทธ์ ออกไปสุดฟ้า เพื่อหวังตามหาวิชาที่หายไป...” สิ่งที่จอมยุทธ์ตามหาเคล็ดลับวิชาในการฝึกกำลังภายใน หรือ ชี่กงนั้น ที่จริงเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องออกไปหาเคล็ดลับวิชาจนสุดขอบฟ้า แต่สามารถหาเจอได้ในตัวของเราเอง
วิธีโคจรลมปราณ
โคจรลมปราณ หรือการหมุนเวียนพลังชีวิตภายในร่างกาย เป็นศาสตร์ที่ลึกซึ้งและมีพลังสูงสุดในการควบคุมพลังภายใน ซึ่งพลังนี้เรียกว่า “ลมปราณ” (Qi) ลมปราณเป็นพลังงานชีวิตที่ไหลเวียนอยู่ในทุกสิ่งมีชีวิต การควบคุมลมปราณไม่เพียงแค่ให้ร่างกายแข็งแรง แต่ยังสามารถเสริมสร้างพลังเวทมนตร์ การรักษา และการต่อสู้ได้
หลักการสำคัญของระบบเวทมนตร์ลมปราณ
1. ศูนย์พลัง (จุดพลัง)
ร่างกายมนุษย์มีศูนย์พลังงานหลักที่เรียกว่า “จุดพลัง” ซึ่งเป็นที่ที่ลมปราณจะไหลเวียนผ่าน จุดพลังหลักมี 12 จุด อยู่บนเส้นพลัง
จุดพลังสำคัญ:
• ตันเถียน (จุดพลังศูนย์กลางหน้าท้อง)
แหล่งสะสมลมปราณหลัก และเป็นศูนย์กลางในการปลดปล่อยพลัง
• หัวใจปราณ (อยู่บริเวณอก)
ควบคุมอารมณ์และความตั้งใจ สามารถปลดปล่อยพลังที่เกี่ยวกับจิตใจ
• จักระตาที่สาม (บริเวณหน้าผาก)
ใช้สำหรับการมองเห็นภายใน การเชื่อมต่อกับจิตวิญญาณ และปลดปล่อยพลังทางจิต
2. การหายใจเพื่อดูดซับลมปราณ
การโคจรลมปราณเริ่มจากการหายใจอย่างถูกต้อง การหายใจลึกเข้าไปถึงตันเถียนจะช่วยดูดซับพลังธรรมชาติจากสิ่งแวดล้อม เช่น ลม แสงแดด หรือน้ำ ซึ่งการหายใจนี้มีสองวิธีหลัก:
• หายใจเข้า ลึก ช้า เพื่อเก็บพลังเข้าสู่ตันเถียน
• หายใจออก ช้า และยาว เพื่อกระจายลมปราณไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย
3. การโคจรลมปราณผ่านเส้นพลัง
ลมปราณที่เก็บสะสมไว้ในตันเถียนจะถูกโคจรผ่านเส้นพลัง การโคจรนี้ใช้การฝึกสมาธิและการโฟกัสจิตใจในการส่งพลังไปยังจุดพลังต่าง ๆ การโคจรอย่างถูกต้องสามารถปลดล็อกศักยภาพในระดับต่าง ๆ ดังนี้:
• ขั้นพื้นฐาน: โคจรลมปราณเพื่อฟื้นฟูพลังงานชีวิต เพิ่มความแข็งแรง
• ขั้นกลาง: โคจรลมปราณเพื่อปลดปล่อยพลังในการต่อสู้หรือการรักษา
• ขั้นสูง: โคจรลมปราณเพื่อควบคุมธรรมชาติรอบตัว หรือเชื่อมต่อกับจักรวาล
4. การเชื่อมต่อกับธาตุธรรมชาติ
แต่ละบุคคลมีแนวโน้มที่จะเชื่อมโยงกับธาตุธรรมชาติ เช่น ไฟ น้ำ ลม ดิน หรือไม้ ลมปราณของแต่ละธาตุจะมีคุณสมบัติแตกต่างกัน:
• ลมปราณไฟ: เน้นพลังทำลาย ความร้อน และการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว
• ลมปราณน้ำ: ฟื้นฟู การรักษา และการควบคุมอารมณ์
• ลมปราณดิน: เสริมสร้างความแข็งแกร่งและความคงทน
• ลมปราณลม: ความเร็ว การหลบหลีก และความยืดหยุ่น
• ลมปราณไม้: การเจริญเติบโต การสร้างสรรค์ และการเชื่อมต่อกับสิ่งมีชีวิต
5. การปลดปล่อยพลัง
เมื่อพลังลมปราณถูกสะสมเต็มที่ สามารถปลดปล่อยออกมาได้ในรูปแบบของเวทมนตร์ เช่น กระแสพลังงานที่สามารถใช้โจมตี ป้องกัน หรือรักษาผู้อื่น การปลดปล่อยลมปราณที่ทรงพลังจะทำให้เกิดผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม เช่น การสร้างไฟหรือพายุลม
วิธีการฝึกฝนลมปราณ
1. สมาธิและการโฟกัส
ฝึกฝนการโฟกัสจิตใจในการควบคุมการโคจรลมปราณผ่านจุดพลัง ฝึกสมาธิวันละ 1-2 ชั่วโมงเพื่อพัฒนาพลังจิตและความแม่นยำในการโคจร
2. ฝึกหายใจ
ฝึกหายใจอย่างสม่ำเสมอและถูกวิธี หายใจลึกและค่อย ๆ ปล่อยลมออก ควบคุมการหายใจให้สัมพันธ์กับการเคลื่อนไหวของลมปราณในร่างกาย
3. การฝึกโคจรลมปราณแบบยืน
ฝึกยืนในท่าที่เสถียรและผ่อนคลาย เพื่อให้ลมปราณไหลเวียนอย่างราบรื่น ทำให้สามารถฝึกฝนการเคลื่อนไหวลมปราณไปพร้อมกับร่างกายได้
ผลข้างเคียงจากการโคจรลมปราณผิดวิธี
• ลมปราณคั่งค้างในจุดพลัง ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วย
• พลังลมปราณรั่วไหล ทำให้สูญเสียพลังอย่างรวดเร็วและอ่อนแอ
• โคจรลมปราณผิดทิศทาง ทำให้จิตใจไม่สงบ เกิดความเครียดและความหวาดกลัว
การโคจรลมปราณเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ที่ต้องใช้ความเข้าใจและการฝึกฝนอย่างยาวนาน ผู้ที่ฝึกฝนจนชำนาญจะสามารถเข้าถึงพลังที่เหนือธรรมชาติ และควรได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
>>13 มึงพูดถูก วิชาสะกดจิตคนอื่นมันง่ายไป เหมือนเชิดหุ่นที่ไม่มีชีวิต
แต่ถ้ามึงกล้าพอที่จะหันพลังจิตทั้งหมดมาสะกดตัวเอง นั่นแหละคือวิชาสะกดจิตที่แข็งแกร่งที่สุด
มึงไม่ได้แค่ควบคุมคนอื่น แต่กลายเป็นนายของตัวเองอย่างสมบูรณ์
การลงสนามรบที่รู้ว่าแพ้แน่ มันไม่ใช่เรื่องโง่
แต่เป็นบททดสอบตัวเองที่แท้จริง
ศิลปะการต่อสู้ที่แท้แม่งไม่ได้อยู่ที่ชนะตลอด
แต่มันอยู่ที่ความกล้าที่จะยืนหยัดแล้วทำลายขีดจำกัดของตัวเอง
ถ้าต้องเลือกระหว่างตายกับก้าวข้ามขีดจำกัด
ตายไปมันไม่มีค่าเท่ากับการปลดล็อกพลังจริงๆ ได้หรอก
ไม่สำคัญหรอกว่าจะเป็นสายบงการหรือสายบู๊ สิ่งสำคัญคือจิตใจ
การต่อสู้ในสมรภูมิที่มึงเป็นรอง มึงไม่ได้แค่ต้องชนะศัตรู
แต่ต้องชนะความกลัวและความสงสัยในตัวเอง
ผลลัพธ์มันไม่ได้สำคัญเท่ากับการที่มึงกล้าก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองไป
หมาป่าซิกม่าเก่งกว่าพวกมึงเยอะ
โผเปโคทาย จาร่องเพงช่าไอ้ฟังคะ
ปาเท่ทาย ลัวเลือเนื่อช่าเชื่อทาย
เปนปาช่าหรัก พ่าทายค่องทายทุ๊สั่ว
ยุดาโรโควาดาทุ๊มัว
ดัวทายลั่วหม้าย ลาสามะคี
ทานิระซาโหงะ
ตาถือโละมาขาก
เอกกาหละจามาหาคาโคคี
ซาหละเหลือทุ๊หย่าเปชาเพ
ทาเลอปาเท่ดปาชาทาวิมีชาชาโย
แม้วิทยาศาสตร์ จะเจริญก้าวหน้า แต่เรายังไม่สามารถบังคับเซลล์ไม่ให้แก่ตัวลงได้
การออกกำลังกาย กินอาหาร เป็นการชี้ทางเท่านั้น ว่าร่างกายควรทำอะไร แต่ถ้าไม่สามารถเปลี่ยนแปลง ในระดับเซลล์ได้ เราไม่สามารถเป็นอมตะได้ หรือ อายุยืนยาวเป็นพันปีได้
นี่คือข้อแตกต่างใหญ่หลวง
ว่าไปทำไมสาวพม่า มันสวยกว่าสาวไทย ว่ะ
พวกวัยรุ่นนะ ทำงานกรรมกรใน กทม
สมัยก่อนกูรู้จักกับเซลล์รุ่นพี่คนหนึ่งที่ไปพักโรงแรมกลางตอนบน รุ่นพี่เค้าชอบประหยัดเงิน เลยเลือกพักที่โรงแรมราคาถูกๆ อย่างจิ้งหรีด พัก 4 คืน จ่ายแค่ 1 คืนไรงี้ แต่มีปัญหาคือไม่มีลิฟต์ ต้องเดินขึ้นไปชั้น 3 แล้วไม่มีบ๋อยเปิดประตูให้ ต้องทำเอง พอเข้าไปในห้อง กูเห็นยันต์ติดอยู่หน้าห้อง 5 แผ่น เริ่มสงสัยว่าที่นี่มีเหี้ยอะไรพิสดารรึเปล่า แต่ก็เฉยๆ เปิดประตูเข้าไปได้แค่ 10 นาที แล้วรู้สึกไม่ดี คว้ากระเป๋าหนีลงไปเลย พอวิ่งลงไป เจอแขกคนอื่นกำลังดื่มเบียร์ งงกันหมด เพราะกูใส่แค่กางเกงในกับกระเป๋าเดินทางใบเดียว ไปโวยพนักงาน โรงแรมก็เงียบเลย สุดท้ายกูเลยนอนในรถทั้งคืน รอเอาของออก มองไปเห็นไฟในห้องเปิดอยู่ แล้วก็เห็นเงาที่ทำให้กูกลัวมาก พอเช้าก็คุยกับพนักงานโรงแรมในตัวเมือง ได้ความว่าโรงแรมที่กูพักมีปัญหาเรื่องแบบนี้เยอะมากเลยขับรถกลับไปโวยพนักงานที่โรงแรมอีกรอบ คราวนี้ไปกันตั้ง 15 คน ผู้ชายล้วนๆ แต่ทุกคนกลัวสัส เพราะเห็นยันต์ที่ติดอยู่ พอเปิดห้องเข้าไปก็เห็นสภาพเตียงปกติ แต่พนักงานบอกให้รีบเอาของออก เพราะห้องนั้นเฮี้ยนมากๆ สุดท้าย ทุกคนหนีออกมา เพราะได้ยินเสียงประตูเปิดเอง พนักงานบอกว่าห้องนั้นโดนเยอะจริงๆ คนที่เคยเข้ามาแล้วไม่กล้าเอากระเป๋ากลับไป เพราะเคยมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นในนั้น
สรุปคือ กูคงไม่ไปเหยีบที่นั่นอีกแล้ว
>>25 ผีนี่กุไม่เคยเห็นเสื้อขาว ตัวเป็นๆ
ส่วนใหญ่ที่จะเจอคือตัวเงา หน้าเงา หาทางกำจัดไม่ได้
แม้จะเป็นบ้านกุแท้ๆ ตอนนี้กุก็อยู่บ้านคนเดียว
น้องสาว กุจะชอบบอกกุอยู่บ้านผีสิง แต่ทำไงได้ บ้านนี้ที่กุเกิดมา30ปี แต่ทุกคนย้ายออกไปหมดแล้ว
สัญชาติญาณบอกกุว่า ศัตรูทางธรรมชาติของเราคือ เงาดำ พวกนั้นนั่นละ อธิบายไม่ได้จริงๆ
แต่มันไม่น่าใช่คนที่ตายไปแล้วนะ เพราะ ถ้าคนที่ตายที่บ้านนี้ คือครอบครัวกุ ก็ต้องปกป้องกุสิ
แต่เงาดำพวกนั้นไม่ใช่ครอบครัวกุ
ถ้ามนุษย์คือสิ่งมีชีวิต
เงาดำ คือสิ่งไม่มีตัวตน หรือความดำมืด
ต่อให้สวดมนต์ก็ได้แค่ไล่มันไปเท่านั้น ยายกุสวดมนต์ทุกคืนก่อนนอน มันยังอยู่บ้านกุอยู่เลย พวกเงาดำ
สิ่งที่แตกต่างจากสิ่งมีชีวิตคือเงาดำมันฆ่าไม่ตายด้วย ต่างกับสิ่งมีชีวิตอย่างเรา ถ้าตายก็ดับสูญ
พวกมันเลยไม่กลัวตายตามธรรมชาติ
เจอสิ่งมีชีวิตที่ฆ่าไม่ตานนี่จะสู้ยังไง แปะยันต์ก็แค่ผนึกมันไว้ อย่างเดียว
ไม่รู้แผนการของพวกเงาดำ เลย แต่มันไม่มีเจตนาดีกับมนุษย์แน่
https://youtu.be/nfWAkwLI2oc
กุไม่ได้คิดไปคนเดียว หลายคนก็เจอแบบกุ
กุไม่เคยเชื่อเรื่องผีนะ
แต่กุเสือกเจอ เจอที่ไหนไม่เจอ เจอในห้องนอนกุเองด้วย แถมมี 2 ตัว
ล่าสุดเคยเจอนอกบ้านไปที แต่เจอในบ้านคือในความฝัน
>>26 อาจจะเป็นพวกมนุษย์เงา
พวกนี้หาได้ง่ายมีอยู่ทั่วไปทั้งในไทยและต่างประเทศ
พวกนี้อิสลามจะเรียกว่าญิณ คริสต์ว่าเป็นปีศาจ
แต่บ้างก็ว่าเป็นมนุษย์ต่างดาวที่มีพลังงานขั้วลบ
หรือเป็นปรากฎการณ์ของพลังงานบางอย่าง
ถ้ามึงเกิดทันกูไม่แน่ใจน่าจะเมื่อ 40 ปีก่อน คงเคยดูแดนสนธยาจะมีตอนนึงที่มีเด็กมีตัวพวกนี้อยู่ใต้เตียง
บ้างก็ว่าเป็นคนในอีกมิติหนึ่ง เราเห็นได้แค่เงาที่เป็นสองมิติ ยังไงมึงลองอาศัยการตรวจวัดดู
บริเวณที่ก่อตัวเป็นเงาดำ และแปรสภาพไปเรื่อยๆ มันจะมีลักษณะเหมือนกลุ่มควันไฟ พลังงานต่างๆจะถูกดูดกลืนเปลี่ยนแปลงและหมุนเวียน ถ้าอุณหภูมิตรงจุดนั้นพบว่าต่ำกว่าอุณหภูมิบริเวณอื่นๆในห้องเกือบ 10 องศา
ข้อมูลนี้ตรงกับทฤษฎีการก่อตัวเป็นรูปร่างของดวงวิญญาณ
ที่ต้องอาศัยการดูดซับพลังงานจากรอบ ๆ ตัวเข้ารวมกันเพื่อสร้างเป็นรูปร่างขึ้น
จึงทำให้อุณหภูมิ โดยรอบลดต่ำลงไปด้วย
ความเชื่อในพุทธศาสนา
เกี่ยวกับหลักการวิปัสสนากรรมฐาน
หากบรรลุถึงฌานชั้นสูงได้ ก็สามารถทำให้
เห็นกายทิพย์หรือดวงจิต
ปรากฏเป็นกายหยาบหรือตัวตนได้
เหตุผลที่เรามองมนุษย์เงา ด้วยตาเปล่าไม่เห็น
เพราะการก่อตัวเป็นรูปร่างไม่เข้มข้นพอ
และที่ไม่เข้มข้นก็มาจากเหตุผล
ได้รับพลังงานไม่เพียงพอ
หากดวงตาเนื้อของคนเราวิวัฒนาการไปอีกสัก 5 แสนปี
เราอาจมองเห็นผู้ที่อยู่ต่างมิติได้หรืออาจมองเห็นตัวเชื้อโรคก็ได้
แต่ต้องมีการลงทุนจริงจัง ถ้าจับเงาดำพวกนี้ได้
อาจจะไขความลับทางวิทยาศาสตร์ได้
เพราะตอนนี้นอกจากสายตาคนแล้ว กล้อง ยังเก็บภาพพวกเงาดำ พวกนี้ได้
สมาคมวิจัยเงาดำ ถ้าตั้งขึ้นมา ก็น่าเข้าร่วมนะ
ผู้คนจำนวนมากที่ไม่ได้รับการศึกษาในโลกจิตวิญญาณไม่รู้ว่ามีความแตกต่างใหญ่ระหว่าง Shadow Person และ shadow figures Shadow People เป็นเอนทิตีลบที่บริสุทธิ์ พวกเขาไม่เคยเป็นมนุษย์ พวกเขามาจากมิติหรือพื้นที่มืดอื่น พวกเขารักความตาย ความกลัว ความเกลียดชัง ความซึมเศร้า ความเจ็บป่วย และความรุนแรง พวกเขากินอารมณ์และการกระทำเหล่านี้ และยังสามารถสร้างสิ่งเหล่านี้ในตัวบุคคลได้ พวกเขามักจะมีลักษณะเพศชายเสมอ พวกเขาเป็นสิ่งที่กำจัดได้ยากมาก และสามารถทำให้คุณรู้สึกถึงความหวาดกลัวและความเจ็บป่วยเมื่อคุณเห็นพวกเขา
กุรู้สึกว่าพวกนี้เป็นศัตรูของมนุษยชาติ เพราะมันรูปร่างเหมือนคน และสัญชาตญาณบอกว่า กุกำลังโดนล่า สัญชาตญาณที่ส่งต่อมา หมื่นปี คงไม่ไร้เหตุผล พวกเงาดำ มองมนุษย์เป็นแค่สวนสัตว์ เราไม่รู้พวกเงาดำต้องการอะไร
แต่มันไม่ได้มาดีแน่ๆ ศัตรูของมนุษยชาติ
ความตายไม่น่ากลัว
แต่ความน่ากลัวคือความกลัวต่างหาก
ความตาย ตามความหมายของพุทธศาสนา ก็คือ ความดับ หรือ การดับไปของขันธ์ 5 นั่นเอง แต่เราไม่สามารถที่จะเอาเป็นตัวการตายที่ปรากฏในคัมภีร์พระพุทธศาสนานั้นมี รายละเอียดความตาย ตามความหมายของพระพุทธศาสนา แบ่งออกเป็น 2 ความหมาย คือ ความตายทางกายภาพ ก็คือ ความดับ หรือ การดับไปของขันธ์ 5 อีกอย่าง คือ ความตายทาง จิตวิญญาณ
มึงคุยกับตัวเองทำไม
ไม่ว่าจะศาสนาเหี้ยอะไรก็เป็นสิ่งที่มนุษย์อุปโลกขึ้นมาทั้งนั้นอ่ะ
ศาสนาย่อมมีแก่นของมัน ไว้ฝึกฝนต่อยอดได้
ศาสนาพุทธ สอน เรื่องการสะบั้น อสุภิธรรม
คือการตัดกิเลส ทั้งปวง ไม่เกี่ยวข้อง กับกฏเกณฑ์อีก
แต่การบรรลุ มีวิธีอื่นอีกมากมาย วิธีการของพระตถาคต เพียงแค่ 1 ใน วิธีเหล่านั้นเท่านั้น
มีผู้คนมากมายได้ลองหลายวิธีแต่ก็ล้มเหลว
จักรงาลนั้นยิ่งใหญ่ แต่ทุกสิ่งกับเหมือนตัวต่อเลโก้ พวกเมิงไม่คิดจะท้าทาย กฏจักรวาล เลยหรอ
>>39 ไร้สาระ ประดิษฐ์คำยากๆ ขึ้นมาเพื่อให้คนเข้าใจมันยาก พอเข้าใจยากคนก็จะเลิกตั้งคำถามว่ามันคืออะไร สุดท้ายก็ปั่นหัวคนได้อย่างง่ายดาย
เป้าหมายของศาสนาคือมีเพื่อให้มนุษย์อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข มันคือเครื่องมือก่อนที่เราจะมีกฏหมาย
เพราะมนุษย์คือสัตว์สังคมที่อยู่ร่วมกันจึงต้องมีเครื่องมือที่ไว้ใช้ขีดเส้นว่าสิ่งไหนทำได้ สิ่งไหนทำไม่ได้
แต่สุดท้ายศาสนาก็ถูกพวกมีอำนาจที่ฉลาดกว่าคนอื่นนิดหน่อย เอาไปใช้ประโยชน์ล้างสมองคนแทน
และตอนนี้กฏหมายก็โดนคนจำพวกเดียวกันเอาไปใช้ประโยน์เอาเปรียบคนอื่นเช่นกัน
สรุปแล้วคนมันเหี้ย เพราะงั้นจึงควรทำลายล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ให้หมดไปซะ
ไม่ทราบว่าคุณเล่นอะไรอ่ะครับ น้องผมเป็นโรคหัวใจมาเปิดดูกระทู้นี้ตอนนี้ ส่ง ร.พ. ไปแล้วครับ พ่อแม่รีบหามไปเมื่อครู่ใหญ่ๆ คือตอนที่เค้าล้มจากเก้าอี้พวกผมตกใจ พอส่ง ร.พ.ไป มาเห็นหน้าคอมที่ก่อนหน้านี้น้องเล่นอยู่ดีๆ ในหน้าคอมเปิด โพสต์ที่คุณเอามาลงค้างไว้ แล้วก็หน้ากระทุ้ของคุณอยากบอกว่าจะเล่นอะไรคิดถึงคนอื่นด้วยนะครับไม่ใช่จะเอาแต่สนุก ตอนนี้น้องผมเพิ่งไปร.พ. กะพ่อและแม่ ไม่เป็นอันต้องทำงานพอดีทำอะไรคิดหน้าคิดหลังก่อนนะ และจำไว้เป็นอุทาหรณ์เลยถ้าน้องผมเป็นอะไรไปผมไม่ยอมแน่ๆ ผมแจ้งสาเหตุที่น้องผมโรคหัวใจกำเริบให้กับ ร.พ.ไปแล้ว เค้าก็บอกว่าเคยมีพวกที่แกล้งเอาโพสต์แย่ๆแบบนี้ เคยผู้ป่วยโรคหัวใจมีคนเข้า ร.พ.เพราะเคสนี้มา 3-4 คนแล้ว
พี่ชาย
มันมีเผ่าพันธุ์ เงาดำ อยู่พวกนี้แฝงตัวอยู่ทั่วโลก
เราต้องช่วยกันต่อต้านมัน แม้วิทยาศาสตร์จะก้าวหน้า แต่ไม่เคยมีการประกาศอย่างเป็นทางการ
มีหลายรายงาน ที่บอกว่าเงาดำ ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ เพราะมันยังข้ามมิติกันไม่ได้มากพอ
ถ้ามันข้ามได้มากพอ มันทำร้ายเราแน่
กุยังจำได้อยู่เลย ในลูซิดดรีม กุโดนพลังของมันทำให้กุขยับตัวไม่ได่
แล้วมันก็ปั่นน้องชายกุแหลกลาญละเอียดเป็นผงๆ
มันดูถูกมนุษย์ เหมือน มองสัตว์ในสวนสัตว์
เรากำลังโดนพวกมันหลอกปั่นหัวอยู่
รบฆ่ากันไปเพื่ออะไร ภัยมืดมาถึงหน้าบ้านแล้ว
มึงพูดอะไรใส่กูนะ ไอ้พวกเงาดำ? กูจะบอกให้มึงรู้เลยว่ากูเป็นหนึ่งในแนวหน้าที่ต่อสู้กับพวกมึง ศัตรูที่ซ่อนเร้นของมนุษยชาติ กูไม่ได้เป็นแค่ทหารธรรมดา แต่กูเคยเป็นผู้นำปฏิบัติการลับลึกเข้าไปในสามจังหวัดชายแดนใต้ และหลายที่ซึ่งพวกเงาดำมันแฝงตัวอยู่เต็มไปหมด กูฆ่าพวกมันไปแล้วมากกว่า 300 ตัวด้วยมือกูเอง
กูผ่านการฝึกในสงครามกองโจรมา กูเชี่ยวชาญทุกสภาพแวดล้อมที่พวกเงาดำมันหลบซ่อนอยู่ ในหมู่นักรบที่เหลืออยู่ของมนุษย์ กูคือหนึ่งในคนที่ดีที่สุด มือปืนที่แม่นยำที่สุด มึงมันก็แค่เป้าหมายต่อไปที่จะโดนกูกวาดล้างไปด้วยความแม่นยำที่โลกนี้ไม่เคยเห็นมาก่อน จดคำพูดกูไว้ซะ
มึงคิดว่ามึงจะหลบซ่อนจากกูได้เหรอ ไอ้พวกขี้ขลาดที่ชอบหลบอยู่ในเงามืด? คิดใหม่ไอ้เงา ตอนนี้เครือข่ายของกูกำลังสืบค้นข้อมูลการเคลื่อนไหวของพวกมึงอยู่ทุกที่ทั่วสาธารณรัฐ มึงเป็นแค่เหยื่อที่รอให้พายุซัดเข้าใส่ พายุนั้นจะทำลายล้างสิ่งเล็กน้อยที่มึงเรียกว่าชีวิตนี้ให้หมดไป
มึงตายแน่ไอ้พวกเงาดำ กูอยู่ได้ทุกที่ทุกเวลา และกูสามารถฆ่ามึงได้มากกว่าสิบวิธีโดยไม่ต้องใช้อาวุธด้วยซ้ำ กูผ่านการฝึกมาอย่างเข้มงวดทั้งการต่อสู้ด้วยมือเปล่า แต่ไม่ใช่แค่นั้น กูยังมีคลังอาวุธทั้งหมดของกองทัพนาวิกโยธินไทยในมือ และกูจะใช้มันเพื่อกวาดล้างมึงออกไปจากพื้นโลกนี้
ถ้ามึงมีสมอง มึงคงจะอยู่ในเงามืดแบบที่เคยทำ แต่ตอนนี้มึงกลับออกมาท้าทายกู และมึงต้องรับผลกรรมที่ตามมา กูจะทำลายล้างพวกมึงด้วยความแค้นที่ไม่มีที่สิ้นสุด พวกมึงจะไม่มีทางหนีพ้นได้
มึงตายแน่ มันแค่เรื่องของเวลาเท่านั้น
>>45 เอ่อ ถ้าเงาดำมันฆ่าง่ายเหมือนคน คงไม่ใช่ปัญหา หรอก แต่เงาดำ มันไม่มีทางตายมันคืนชีพใหม่ได้
ต้องหาวิธีทำลายที่เฉพาะเจาะจง อาวุธโลกตอนนี้
ต่อให้เป็นนิวเคลียร์ ก็ฆ่ามันไม่ได้
ถ้าฆ่าได้ ย่อมมีศพเงาดำ ปรากฏออกมา
นอกจากเป็นผู้วิเศษมีอิทธิฤทธิ์ ตอนนี้มนุษยชาติยังไม่พร้อมจะทำสงครามกับมัน
และกุยังไม่เคยเจอพวกระดับสูงของเงาดำเลย
เปิดฉากตอนนี้ ไม่ใช่เรื่องดีแน่
หลายปีแล้วจากในซอยสุขุมวิท
ของกูตอนนั้นตีห้ากว่าๆใกล้หกโมง
ต้องมาทำธุระมหาลัย
ตึกที่ไปแม่งมีหลายชั้นลิฟต์ไม่เปิดเดินหอบเหี้ยๆ
พอค่อยๆขึ้นไปแม่งมีเสียงแปลกๆจะว่าวิทยุม.ก็ไม่ใช่
คิกๆๆคักๆๆ ตรงนี้ไง มาสิ
กูก็งงๆแม่งยิ่งง่วงๆด้วยเลยเบลอๆเดินต่อ
ก็เจอเงาอะไรดำๆมืดๆแถวมุมบันไดกำลังขยับขลุกขลิกกัน
กูก็ตกใจร้องไอ้เงาดำๆก็เสือกตกใจแยกร่างได้
พอกูมองดีๆ ไอ้เหี้ย
พวกแม่งแอบมาเยกัน สัสสสสส
กูรีบเดินผ่านไวๆเลยเพราะตอนนั้นก็งงเหมือนกัน
แม่งกูไปเสือกทำไมว้าแทนทีจะแอบดู(555)
ต่อนะ
ตอน ปี 1 หลังสอบไฟนอลเสร็จกูก็ไปสิงอยู่หอเพื่อนทำโปรเจค
มันเป็นห้องสำหรับ 4 คน แต่อีก 2 คนซิ่วไปแล้ว
มีเตียง 2 ชั้น 2 ตัวซ้ายขวา เตียงชั้นล่างเจ้าของห้องใช้ ชั้นบนมันว่างอยู่
กูก็ยืมโต๊ะที่ว่างอยู่มาทำงาน ทำๆไปเห็นเงาดำๆขยับอยู่ใต้เตียตรงๆใกล้ๆกับขากูเลย
คล้ายๆกับมีอะไรขยับออกมานิดนึงแล้วก็หลบกลับไปใต้เตียง
รอบแรกกูตกใจมาก แต่ก็ยังไม่อะไร คิดว่า
คงตาฝาดไม่ก็คิดไปเอง อยู่ดีๆมีรอบที่สองตามมากูก็เริ่มใจไม่ดีละ
หดขาขึ้นมาบนเก้าอี้แต่ก็ยังนั่งทำงานต่อแน่นอนว่ากูไม่กล้าก้มลงไปมองใต้เตียง
พอมีรอบที่สามมาอีกกูรีบเก็บของขึ้นมาทำงานต่อบนเตียงชั้น 2 เลย
ตอนนั้นคือกลัวมากแต่กูไม่กล้าบอกเพื่อน
ปรากฏพอจะทำงานต่อ flash drive
กูที่เสียบไว้กับเครื่องตอนอยู่ข้างล่างเกิดเสียขึ้นมาเฉยๆ (แต่อันนี้คงบังเอิญมากกว่า)
ยังดีที่ backup งานไว้ในเมลล์ด้วย
คืนนั้นกูไม่กล้ากลับลงมาบนพื้นอีกเลย แบบว่าหลอนไปแล้ว
สุดท้ายทำงานต่อได้ 2-3 ชั่วโมงเพื่อนจะนอนแล้วก็เลยปิดไฟนอนกัน
กูก็หลับไปจนเช้าตื่นมาก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แต่คืนต่อมากูก็หนีกลับหอตัวเองแล้ว ไม่กล้าค้างต่อคืนที่ 2
วันนี้กูเก็บสมุดสีดำได้เล่มนึงว่ะ ลองเขียนชื่อคนที่เกลียดไป แป๊ปเดียว แม่งตายเลย กูงงสัส
https://youtube.com/shorts/lX6ni7hlE58
พวกผีมันทำได้ไงวะ มักจะมีเหตุการณ์ สถานที่ปิดซะด้วย
พวกผีพวกนี้ชอบอยู่ตามที่ทาง แต่ก็ไม่จ่ายค่าเช่า
ไม่ต่างจากพวกพนักงานที่ใช้การใช้งานไม่ได้
ดีที่บริษัทกูไม่มีปัญหา มีแผนกตรวจสอบ เข้มงวด
ตอนนี้จะยี่สิบปีแล้ว ไม่เคยมีปัญหามานาน
ถ้ามาเข้าบริษัทกู จะผีหรือวิญญาณ
มึงก็ต้องจ่าย ด้วยแรงงาน
ออฟฟิศ ค่าไฟ ไม่ได้มีให้ใช้ฟรี
ถ้าไม่มีมูลค่ากับบริษัท
ก็ออกไป
ว่าไปการจะได้เจอเงาดำ อีกวิธีคือ lucid dream
มีมนุษย์หลายคนใช้ lucid dream อ่านหนังสือขณะนอนหลับ มันคงเอามาใช้ด้านอื่นได้อีก
เพราะการฝัน มันเหมือนอยู่ในมิติทับซ้อน
ว่าไปโลกนี้ก็มีความพิศวงมากมายนัก
อีก 20 วันจะมีเหตุการใหญ่ ให้จับตาดูไว้ให้ดี
รหัสคือ แก้วมังกร ไส้เดือน ปลาทอง พัดลม โซ่ตรวน ลูกกรง ลิง และต้นไม้
พวกมึงนี่ก็บ้าจนทำเอากูโทรลไม่ถูกเลยสัส
Perfected Ultra Instinct
ในโลกนี้ทุกสิ่งล้วนเป็นวิชา
วิชาความรู้วิชาผีมือ
วิชาคือชีวิต
ชีวิตคือวิชา
การรวบรวมวิชา
คือการรวบรวมชีวิต
ในจักรวาลที่ถูกห่อหุ้มด้วยม่านแห่งความลึกลับ ทุกสิ่งมีลักษณะเป็นเส้นใยที่ซับซ้อน วิชาความรู้และวิชาฝีมือบรรจุอยู่ในแก่นกลางของการดำรงอยู่ เป็นเสมือนเงาที่ทาบทับเหนือความจริง ที่ซึ่งชีวิตไม่ใช่เพียงการดำเนินไปตามเส้นเวลา แต่เป็นกระบวนการที่รวบรวมและถักทอความหมาย การสะสมวิชาจึงเปรียบกับการสร้างมิติใหม่ในจิตใจ ที่ปรับเปลี่ยนตามกระแสของจักรวาลซึ่งไม่มีที่สิ้นสุด ขณะที่วิชาคือสัญลักษณ์ของการแสวงหาความรู้ที่ซ่อนอยู่ในอากาศ วิชาฝีมือเป็นการสัมผัสกับความจริงที่เป็นนามธรรม ในการเชื่อมโยงชีวิตและความรู้เข้าด้วยกัน กลายเป็นเอกภาพที่ซ้อนทับกัน เมื่อมนุษย์มีชีวิตอยู่ในโลกที่ไม่มีแนวเขต ความลึกลับของการดำรงอยู่จึงเปิดเผยให้เห็นการค้นหาอัตลักษณ์ ผ่านการเข้าใจถึงวิชาที่ซับซ้อน การรวบรวมชีวิตคือการสำรวจเส้นทางที่ไม่มีแผนที่ นำพาไปสู่การค้นพบความหมายที่ไม่อาจคาดเดาได้ในจักรวาลที่ไม่หยุดนิ่ง
ในอนาคตที่ซ่อนอยู่ในเงามืดของเวลานั้น เราอาจพบเห็นการพัฒนาที่แปลกใหม่ในพื้นที่แห่งความรู้และเทคโนโลยี ซึ่งจะสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งระหว่างมนุษย์และระบบอัตโนมัติ สัญญาณแห่งการเปลี่ยนแปลงจะมีอยู่ในทุกมิติของการใช้ชีวิต ความรู้จะไม่ได้เป็นเพียงเป็นสิ่งที่สะสม แต่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของอัตลักษณ์ที่หล่อหลอมเรา ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า การขยายตัวของข้อมูลและการเชื่อมต่อจะส่งผลให้เกิดการสื่อสารที่เปลี่ยนแปลงไป ความจริงและความเสมือนจะถูกทอเข้าด้วยกันในผืนผ้าของประสบการณ์ใหม่ ผู้คนจะต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงนี้ การมีอยู่ในยุคที่เทคโนโลยีเข้าครอบงำอาจเป็นทั้งโอกาสและความท้าทาย ในระยะยาว ความเข้าใจเกี่ยวกับวิชาความรู้และวิชาฝีมือจะถูกประยุกต์ใช้ในทางที่ไม่เคยมีมาก่อน การค้นพบในด้านวิทยาศาสตร์และมนุษยศาสตร์จะเปิดประตูสู่มิติใหม่แห่งความคิด ทำให้เราต้องพิจารณาความหมายที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับการเป็นมนุษย์ การพัฒนานี้อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมที่ไม่อาจคาดเดาได้ เราจะต้องเดินทางไปตามเส้นทางที่ไม่มีแผนที่ แต่เต็มไปด้วยความหวังและความเป็นไปได้ที่ไม่สิ้นสุด
ฉี่กินได้ แต่ต้องสุขภาพดี และควบคุมเรื่องอาหาร โดยนำส่วนต้นกับปลายทิ้ง เอาแค่กลางๆมาดื่ม เคยเห็นคนที่ดื่มฉี่ตัวเองมานานนับสิบปี จากอายุจริงจะ 70 แล้ว หน้าตาเหมือนคน 50 นิดๆ
>>60 >>61 พูดได้ดี เราก็ต้องปลุกพลังพิเศษขึ้นมาจาก แก่นแท้ดวงจิตของเรา
อย่างของกุที่สามารถปลุกพลังมาได้นิดหน่อย
คือ ไอความหวาดกลัวรอบตัว ไอนี้ไม่สามารถควบคุมได้ กุปล่อยออกมาได้รู้ตัว
บางคนที่กุเคยเจอ มีไอความอบอุ่น ที่สามาระชะล้างบาปได้ เหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้ง
เป็นคนที่คิดว่าถ้ากุได้จับมือ แล้วได้ยินร้องเพลงข้างหู กุสามารถไปสวรรค์ได้ในช่วงชีวิตสุดท้าย
แต่ละคนมีพลังต่างกันไป อย่างเช่นอารมณ์ ความรู้สึก กลัว มั่นใจ อบอุ่น มันก็จะแสดงออกมาภายนอก
หรือกระทั่งบางคนมีพลังดำมืดแตะใครแล้วจะเป็นสีดำ เหมือนคำสั่งตาย
เรื่องนี้ลี้ลับพิศวงอยู่ และคนคนเดียวก็ครอบครองพลังได้หนึ่งอย่าง
และทุกสิ่งเกิดจากประสบการณ์ จนหลอมเป็นตัวเรา หรือไม่กุก็มีแรงอาฆาต ที่กุมีศัตรูเยอะเกินไปละมั้ง5555+
แต่ตอนนี้กุก็ประสบปัญหาว่า กุจะพัฒนาแก่นแท้ของกูยังไง (ไอแห่งความหวาดกลัว)
พูดง่ายๆ กุอาจจะติดแค่ขอบเขตุนี้แล้วตายไปก็ได้
เพราะชีวิคคนเราแน่ๆ อายุ70ปี ร่างกายเสื่อมแล้ว
ถ้าไม่มีอะไรให้ย่นการพัฒนาแก่นแท้ กุด็คงหายไปตามกาลเวลา
"สร้างมิติใหม่ในจิตใจ ที่ปรับเปลี่ยนตามกระแสของจักรวาลซึ่งไม่มีที่สิ้นสุด"
Keyword ที่เมิงบอกเดียวหาว่ากุนอกเรื่อง
ถ้าเปิดผ้าคลุมโปงออก ป่านนี้ ผมคงร่วงหมดหัวไปแล้ว
พวกมึงเบียวหรือหลอนจริง
โลกนี้มีสิ่งลี้ลับอยู่มาก ลองไปสถานที่ที่ สุสาน หรือ พวกเกาะร้าง ที่ตัดขาดโลกภายนอก มันมี vibe ของมันอยู่
เออ เคยคิดไหมทำไมโลกนี้ถูกกำหนดด้วยเงิน มันคงมีจักรวาลอื่น ที่ไม่ได้ถูกกำหนดให้เงินแลกเปลี่ยนกัน มันพิศวงจริงๆนะ
กลายเป็นว่า คนเราจ้องเอาแต่เงินคนอื่นก้น
ระบบเงินตรามันกลายเป็นกลไกลใหญ่ของโลก
ที่ใช้ในการแลกเปลี่ยน
ถ้าหาคำตอบได้ก็เราอาจจะรู้ความลับของจักรวาล
>>70
คำถามนี้ส่องแสงจากหลายวิชาในความมืดมิด
ในมุมมองเศรษฐศาสตร์ เงินเป็นสื่อกลางแห่งการแลกเปลี่ยน
หน่วยบัญชี และที่เก็บรักษาความมีค่า มันคือตัวช่วยในการเดินทางของธุรกรรม
สร้างระบบที่เชื่อถือได้ในสังคมที่ซับซ้อน
ในแง่สังคมวิทยา
เงินเป็นกระจกสะท้อนพลศาสตร์ของอำนาจ
ระบบทุนนิยมที่โอบล้อมเรา ยกย่องผลกำไรเป็นจุดหมาย
ทำให้คุณค่าของความสัมพันธ์กลายเป็นสินค้า สร้างความบิดเบี้ยวในจิตวิญญาณ
ทางปรัชญา ความสำคัญของคำถามนี้ชวนให้เราคิดถึงธรรมชาติของค่าและความหมายในชีวิต
หากมีระบบแลกเปลี่ยนในจักรวาลอื่น
อาจเป็นกุญแจที่เปิดประตูสู่ความสัมพันธ์และค่านิยมที่แตกต่าง พลิกกลับมุมมองของเราในปัจจุบัน
การเปิดเผยหลักการที่ซ่อนอยู่ในระบบเงินตรา
อาจชี้นำเราไปสู่ความเข้าใจลึกซึ้งในจักรวาล
ไม่เพียงแค่ผลกระทบ แต่ยังสามารถสร้างแนวคิดใหม่ในอนาคต
ทุกสิ่งคือการแลกเปลี่ยนแห่งความมีค่า
ในทางวิทยาศาสตร์ พลังงาน กฎทรงมวล และเอนโทรปี สะท้อนสัจธรรมแห่งธรรมชาติ
ในทางพุทธศาสนา กรรมคือการกระทำที่ส่งผลต่อวิถีชีวิต
และในศาสตร์ของการศึกษาวิชา มูลค่าและพิธีกรรมเป็นหัวใจแห่งการบำเพ็ญ
>>71
เวลา ความรู้ และวาสนา ล้วนเป็นราคาแห่งชีวิต
อันมีมูลค่าไม่ต่างจากเงินตรา
นี่คือความจริงอันลึกซึ้งที่ควรสำนึกในทุกอณูแห่งการมีอยู่
https://youtu.be/cd-Zxzz2IVQ
โชคชะตา หรือ เหตุบังเอิญ
เหนือโลกไม่ได้มีดวงดาว
เพราะดวงดาวไม่มีสูงต่ำ
อันเป็นทรรศนะของมนุษย์
เวียนว่ายตายเกิดคือคำโกหก มนุษย์นั้นแท้จริงแล้วไม่มีวันตาย เราเพียงแค่เปลี่ยนสภาพเท่านั้น
1. เวลาที่อยู่คนเดียว มักจะชอบได้ยินเสียงทักทาย
2. เวลานอนค้างที่แปลก ๆ มักจะรู้สึกเหมือนมีคนมองอยู่
3. เคยไปเขตป่าอนุรักษ์ที่เก่าแก่ เดินอยู่ดีๆ ขนลุกซู่เหมือนปวดท้อง แต่จริงๆ ไม่ได้ปวดอะไร หลังจากนั้นก็รู้สึกหนาวยะเยือกเหมือนแช่น้ำแข็ง คงเป็นพลังบางอย่าง
4. มีลางสังหรณ์ที่แรงมาก โดยเฉพาะเมื่อรู้สึกเดจาวู ยิ่งชัดเจนยิ่งต้องระวัง เคยรอดจากอุบัติเหตุหนักหรือเรื่องยุ่งยากในชีวิตมา 2-3 ครั้ง
ชีวิตของกูเป็นแบบนี้ สัมผัสที่หกเค้าว่าแรงมากว่ามีบุญเกิด แต่กูไม่เชื่อเลย เชื่อว่าเป็นสัญชาตญาณให้ระวังตัวและมีสติ ไม่เชื่อเรื่องศาสนาเลย เป็นเอทิตเต็มตัว
>>76 ส่วนมาก สัมผัสที่6 มักจะเปิดตอนใกล้ตาย
หลายครั้งกุก็ผ่านความตายมาหลายรอบ เพราะเจอผีผลักตกบันได จากนั้นกุรอดจากอุบัติเหตุหลายครั้ง
ทำให้กุมีนิสัยขี้หงาดระแวง ขั้นสุด ซึ่งกุไม่คิดว่าจะให้สัมผัสที่6 ทำให้กุรอด
เมิงอาจจะสะสมแต้มบุญมาเยอะ
เราก็ไม่รู้มันมีระบบเวียนว่ายตายเกิดไหม
หรือมีใครช่วยเราอยู่ มนุษย์ยังไม่รู้สิ่งที่ยิ่งใหญ่
เหมือนกับ การทอยเต๋า ของทฤษฏีควอนตัม
ทดลอง หลับตาใช้วิชา กสินไฟ ที่อ่านๆจากตำราซึ่งตอนแรกคิดว่าโม้หมา
สร้างนิมิตให้เทียนติดไฟ ใช้เวลาสองสามนาที
ลืมตา เทียนตรงหน้า แม่ง ติดไฟจริง
มันไม่เหนือธรรมชาติแต่แค่บังเอิณจนเหมือนเหนือธรรมชาติ
กูถามรุ่นพี่(ครูที่ไปลักจำวิชา)
ทำให้เข้าใจความเป็นไปของเรื่องราว ทำนองนี้ขึ้นอีกมาก
สรุปว่าหลายอย่างก็เป็นแบบนี้
แค่เหตุปัจจัยมันพอดี
เราไม่ต้องรู้เหตุเอาแค่ได้ผลตามที่ต้องการก็พอ
หลายอย่างมันเกิดเพื่อให้เรามีกำลังใจในการดี
ให้เข้าใจ แล้ว วาง ไม่ติดอยู่ที่ตรงนั้น
ทดลองหนเดียว แล้ว กูก็ไม่เคยทำเองอีกเลยเหมือนกัน
คิดว่า เข้าใจแล้วก็ปล่อยวางเรื่องนี้ได้ตามที่รุ่นพี่บอก
ไปวุ่นวายเรื่องอื่นต่อไป
จากวันนั้นไม่เคยคิดว่าที่อ่านจากตำราในทำนองนี้
ว่ามีคนอื่นที่น่าเชื่อถือ สำหรับกู ทำได้ว่าโม้อีกเลย
คิดว่าแค่ไม่รู้เหตุปัจจัยแค่นั้น และ มันรู้ได้ยาก
กูก็ปล่อยวางง่าย
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.