สำหรับโม่งที่ใช้ชีวิตอยู่ในโลกเบื้องหลัง ปรึกษาปัญหา ดูแลสุขภาพ
จะเป็น มือปืน คนขายยา เอเลี่ยน มนุษย์ต่างดาว หมอผี หรือ จอมยุทธ์พเนจร
ก็ ขอ เชิญ ชวน มา สน ทนา กัน
Last posted
Total of 124 posts
สำหรับโม่งที่ใช้ชีวิตอยู่ในโลกเบื้องหลัง ปรึกษาปัญหา ดูแลสุขภาพ
จะเป็น มือปืน คนขายยา เอเลี่ยน มนุษย์ต่างดาว หมอผี หรือ จอมยุทธ์พเนจร
ก็ ขอ เชิญ ชวน มา สน ทนา กัน
สวัสดีครับ! ผมเป็นเอเลี่ยนที่อาศัยอยู่ในโลกนี้ มันแปลกมากที่ต้องปรับตัวให้เข้ากับมนุษย์ บางครั้งรู้สึกโดดเดี่ยวมาก อยากหาคนคุยหรือแชร์ประสบการณ์ อยากรู้ว่ามนุษย์คิดยังไงกับเรา ใครมีอะไรจะบอกกันมั้ยครับ?
พวกเมิงเชื่อสิ่งลี้ลับ พิสดารพันลึก ปะ
ไม่รู้ว่า เข้าข่ายไหม ตัวกุไม่ได้มีพลังวิเศษ อิทธิฤทธิ์เหนือโลกอะไร
แต่คิดว่าเคยเห็น พลังนี้ใช้ความเกลียดชังจำนวนมากโจมตีเป้าหมาย ให้ประสบคราเคราะห์
ตั้งแต่ ตกบันได ลื่นห้องน้ำ โดนหมาวิ่งไล่กัด
โดยคนเหล่านั้น หมิ่น พระแม่ โมเอะ
ใครหมิ่นอัครสาวก ต้องมีอันเป็นไปทั้งสิ้นยิ่ง ทำตัวอาฆาตต่ออัครสาวก พลังสะท้อนยิ่งแกร่งกล้า
โดยกุไม่คิดว่า เรื่องบังเอิญแน่ เพราะ คนที่หมิ่นอัครสาวกตัวแทนความโมเอะของพระแม่ ต้องเป็นมีอันพบจุดจบที่ไม่ดีทุกราย แต่ยังไม่ตายนะ
แค่ชีวิตเจอแต่เรื่องซวยๆ
ส่วนตัวกุไม่ได้มีพลังพิเศษอะไร แค่คนธรรมดาที่มีพลังโมเอเอะอยู่นิดหน่อย
มีคนเคยกล่าวไว้ว่า พลังโมเอะชนะทุกอย่าง
แต่พูดก็พูดพลังโมเอะ เป็นเรื่องลี้ลับ จริงๆ
เหมือน ดวงจิตขาวๆ อยากฝึกวิชานี้เหมือนกัน แต่ไม่รู้ต้องเริ่มต้นยังไง และในโลกคงมีแต่กุคนเดียวที่ฝึกได้
พูดง่ายๆกุยังเป็นคนธรรมดาอยู่
>>4
กูยอมรับพลังมึงว่าเป็นของจริง
กูด่ามึงไปเมื่อวันก่อน
เมื่อกี้กูทำการเชื่อมจิต กับจักรวาล เพื่อโทรจิตติดต่อกับหัวหน้ากูในโลกอื่น
แต่มีคลื่นแทรกเข้ามา เป็นตัวตนที่แข็งแกร่งมาก จนลมปราณกูแตกซ่าน
ดีที่กูเองก็ฝึกฝนมาจนแข็งแกร่งจึงสามารถผนึกลมปราณป้องกันไว้ได้
แต่หลังจากนั้นพลังงานที่ว่าก็หายไปเอง
กูไม่เห็นด้วยกับแนวคิดมึงแต่กูขอขมามึงละกัน
พลังของมึงไม่ว่ามันจะเป็นอะไรรูปแบบไหนมันก็เป็นของจริง
พวกมึงอาจจะคิดว่ากูโม้เบียวไปวัน ๆ แต่พวกมึงไม่รู้หรอกว่าบนโลกนี้มีอะไรให้ต้องเรียนรู้อีกเยอะ สงครามที่จะเกิดกูก็ทำนายไว้ในโม่งเมื่อหลายปีก่อนไม่เชื่อไปเปิดดู บนโลกนี้ยังมีสิ่งที่อธิบายได้ยากอีกมาก
อย่างมงายในวิทยาศาสตร์ ไม่งั้นถึงเวลาตาย แล้วพสกมึงจะรู้เองว่าอะไรจะเอาวิญญาณพวกมึงไปรับประทาน
ไอน์สไตน์ ได้กล่าวไว้ ว่าพระเจ้าจะไม่เล่นลูกเต๋า
คือการไม่ยอมรับ ควอนตัม แต่นักวิทยศาสตร์บอกว่า ควอนตัม ก็ยังอยู่ในกฏจักรวาล
สตีเฟน ฮอกิง ไม่เชื่อในเรื่องโลกวิญญาณหรือความตาย คนเสียชีวิตไปก็เป็นปุ๋ย
แต่ สสารมืด Dark matter อยู่รอบตัวเราตลอดเวลา นักวิทยาศาสตร์ ยังไม่ส่มารถไขคำตอบได้
ถ้ารู้สึกว่าชีวิตเหมือนมีบางอย่างติดตามหรือมีอะไรแปลกๆ ให้สวดอิติปิโส บทนี้ศักดิ์สิทธิ์มาก สวดเทวดาประตำตัว ท่านจะคุ้มครองเรา สวดแผ่เมตตา มันมีหลายแบบ พอทำแบบนี้ กูไม่เคยฝันร้ายเลย รู้สึกมั่นใจที่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง แล้วก็ทำสังฆทานบ่อยๆ กูก็ทำทุกเดือน อุทิศตอนกรวดน้ำให้ คนแรกตัวเราเพราะอุทิศให้กับตัวเองที่เคยทำเรื่องไม่ดีมา สอง เทวดาประจำตัวเพื่อเพิ่มบารมีให้ท่าน สามอาจจะเป็นญาติพี่น้องหรือใครก็ได้ สี่ เจ้ากรรมนายเวรทั้งอดีตและปัจจุบันเพื่อผ่อนหนักให้เป็นเบา ประมาณนี้
พระพิฆเนศกับท้าวเวสสุวรรณด้วยนะ องค์นี้เป็นเจ้าแห่งความตาย
ผีที่มองเห็นในฝัน ลักษณะไหน
ของกุเจอเป็นเงาดำทั้งตัว
มีแค่1หัว 2แขน 2ขา แค่นั้น
ช่วงนี้ไม่เจอผี เพราะสุขภาพร่างกายดีขึ้นหรือเปล่าไม่แน่ใจ จากเจอในฝันมาเจอในชีวิตจริง...
>>9 มันลอยอยู่แทบจะมองไม่เห็นตอนแรก เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของความมืดในอวกาศ แต่พอดูดีๆ ถึงรู้ว่าความมืดนั่นมันขยับ ร่างมันดูเหมือนคน แต่ผิดปกติไปหมด เหมือนคนที่ถูกบิดเบี้ยวจนไม่เหลือความเป็นคน ผิวซีดใส เห็นเส้นเลือดดำๆ เคลื่อนที่ข้างใน หน้ามันเป็นแค่เบ้าตาโบ๋ๆ ดาวข้างหลังมันก็ค่อยๆ หายไปเหมือนถูกกลืน มันลอยเข้ามาใกล้แล้วบิดเบี้ยวอวกาศรอบๆ เหมือนผ้าถูกฉีก แต่กูยับไม่ได้ หายใจไม่ออก เหมือนอากาศบางลง รู้สึกเหมือนความกลัวกำลังเติมเต็มปอด มันจ้องกูอยู่ แต่มันไม่มีตา
หากในการต่อสู้ ไม่อาจสร้างความแตกต่างได้อย่างรวดเร็วและแน่วแน่ ก็จะเป็นความแตกต่างระหว่างชัยชนะ กับความพ่ายแพ้
ถ้ามึงทำให้คู่ตัวสู้ทำตามที่มึงต้องการได้ นั่นคือมึงเขาถึงจุดสูงสุดของวิชาฝีมือแล้ว
จงแข็งเมื่ออ่อน
จงอ่อนเมื่อแข็ง
จงรุกเมื่อรับ
เห็นพวกวิชาสะกดจิต ของพวก ดิไอคอน แล้ว ชั้นต่ำเกินไปจริงๆ
วิชา สะกดจิตที่แข็งแกร่งที่สุด คือทุ่มพลังทั้งหมด ใช้กับตัวเอง ถ้าไม่จวนตัวกุก็ไม่อยากทำ
จริงๆ ธรรมชาติของกุคือ จอมบงการ สายบุ๋น
แต่เปลี่ยนเป็น สายบู๊ได้ แต่ถ้าต้องสู้ในสมรภูมิที่มีความต่างชั้น ที่สู้ไม่ได้
บางทีก็ต้องก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง ไม่ท่านตาย ก็เราสิ้น ผลลัพธ์ มีแค่ 2 อย่าง
“...ครั้งหนึ่งเคยมีจอมยุทธ์ ออกไปสุดฟ้า เพื่อหวังตามหาวิชาที่หายไป...” สิ่งที่จอมยุทธ์ตามหาเคล็ดลับวิชาในการฝึกกำลังภายใน หรือ ชี่กงนั้น ที่จริงเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องออกไปหาเคล็ดลับวิชาจนสุดขอบฟ้า แต่สามารถหาเจอได้ในตัวของเราเอง
วิธีโคจรลมปราณ
โคจรลมปราณ หรือการหมุนเวียนพลังชีวิตภายในร่างกาย เป็นศาสตร์ที่ลึกซึ้งและมีพลังสูงสุดในการควบคุมพลังภายใน ซึ่งพลังนี้เรียกว่า “ลมปราณ” (Qi) ลมปราณเป็นพลังงานชีวิตที่ไหลเวียนอยู่ในทุกสิ่งมีชีวิต การควบคุมลมปราณไม่เพียงแค่ให้ร่างกายแข็งแรง แต่ยังสามารถเสริมสร้างพลังเวทมนตร์ การรักษา และการต่อสู้ได้
หลักการสำคัญของระบบเวทมนตร์ลมปราณ
1. ศูนย์พลัง (จุดพลัง)
ร่างกายมนุษย์มีศูนย์พลังงานหลักที่เรียกว่า “จุดพลัง” ซึ่งเป็นที่ที่ลมปราณจะไหลเวียนผ่าน จุดพลังหลักมี 12 จุด อยู่บนเส้นพลัง
จุดพลังสำคัญ:
• ตันเถียน (จุดพลังศูนย์กลางหน้าท้อง)
แหล่งสะสมลมปราณหลัก และเป็นศูนย์กลางในการปลดปล่อยพลัง
• หัวใจปราณ (อยู่บริเวณอก)
ควบคุมอารมณ์และความตั้งใจ สามารถปลดปล่อยพลังที่เกี่ยวกับจิตใจ
• จักระตาที่สาม (บริเวณหน้าผาก)
ใช้สำหรับการมองเห็นภายใน การเชื่อมต่อกับจิตวิญญาณ และปลดปล่อยพลังทางจิต
2. การหายใจเพื่อดูดซับลมปราณ
การโคจรลมปราณเริ่มจากการหายใจอย่างถูกต้อง การหายใจลึกเข้าไปถึงตันเถียนจะช่วยดูดซับพลังธรรมชาติจากสิ่งแวดล้อม เช่น ลม แสงแดด หรือน้ำ ซึ่งการหายใจนี้มีสองวิธีหลัก:
• หายใจเข้า ลึก ช้า เพื่อเก็บพลังเข้าสู่ตันเถียน
• หายใจออก ช้า และยาว เพื่อกระจายลมปราณไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย
3. การโคจรลมปราณผ่านเส้นพลัง
ลมปราณที่เก็บสะสมไว้ในตันเถียนจะถูกโคจรผ่านเส้นพลัง การโคจรนี้ใช้การฝึกสมาธิและการโฟกัสจิตใจในการส่งพลังไปยังจุดพลังต่าง ๆ การโคจรอย่างถูกต้องสามารถปลดล็อกศักยภาพในระดับต่าง ๆ ดังนี้:
• ขั้นพื้นฐาน: โคจรลมปราณเพื่อฟื้นฟูพลังงานชีวิต เพิ่มความแข็งแรง
• ขั้นกลาง: โคจรลมปราณเพื่อปลดปล่อยพลังในการต่อสู้หรือการรักษา
• ขั้นสูง: โคจรลมปราณเพื่อควบคุมธรรมชาติรอบตัว หรือเชื่อมต่อกับจักรวาล
4. การเชื่อมต่อกับธาตุธรรมชาติ
แต่ละบุคคลมีแนวโน้มที่จะเชื่อมโยงกับธาตุธรรมชาติ เช่น ไฟ น้ำ ลม ดิน หรือไม้ ลมปราณของแต่ละธาตุจะมีคุณสมบัติแตกต่างกัน:
• ลมปราณไฟ: เน้นพลังทำลาย ความร้อน และการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว
• ลมปราณน้ำ: ฟื้นฟู การรักษา และการควบคุมอารมณ์
• ลมปราณดิน: เสริมสร้างความแข็งแกร่งและความคงทน
• ลมปราณลม: ความเร็ว การหลบหลีก และความยืดหยุ่น
• ลมปราณไม้: การเจริญเติบโต การสร้างสรรค์ และการเชื่อมต่อกับสิ่งมีชีวิต
5. การปลดปล่อยพลัง
เมื่อพลังลมปราณถูกสะสมเต็มที่ สามารถปลดปล่อยออกมาได้ในรูปแบบของเวทมนตร์ เช่น กระแสพลังงานที่สามารถใช้โจมตี ป้องกัน หรือรักษาผู้อื่น การปลดปล่อยลมปราณที่ทรงพลังจะทำให้เกิดผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม เช่น การสร้างไฟหรือพายุลม
วิธีการฝึกฝนลมปราณ
1. สมาธิและการโฟกัส
ฝึกฝนการโฟกัสจิตใจในการควบคุมการโคจรลมปราณผ่านจุดพลัง ฝึกสมาธิวันละ 1-2 ชั่วโมงเพื่อพัฒนาพลังจิตและความแม่นยำในการโคจร
2. ฝึกหายใจ
ฝึกหายใจอย่างสม่ำเสมอและถูกวิธี หายใจลึกและค่อย ๆ ปล่อยลมออก ควบคุมการหายใจให้สัมพันธ์กับการเคลื่อนไหวของลมปราณในร่างกาย
3. การฝึกโคจรลมปราณแบบยืน
ฝึกยืนในท่าที่เสถียรและผ่อนคลาย เพื่อให้ลมปราณไหลเวียนอย่างราบรื่น ทำให้สามารถฝึกฝนการเคลื่อนไหวลมปราณไปพร้อมกับร่างกายได้
ผลข้างเคียงจากการโคจรลมปราณผิดวิธี
• ลมปราณคั่งค้างในจุดพลัง ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วย
• พลังลมปราณรั่วไหล ทำให้สูญเสียพลังอย่างรวดเร็วและอ่อนแอ
• โคจรลมปราณผิดทิศทาง ทำให้จิตใจไม่สงบ เกิดความเครียดและความหวาดกลัว
การโคจรลมปราณเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ที่ต้องใช้ความเข้าใจและการฝึกฝนอย่างยาวนาน ผู้ที่ฝึกฝนจนชำนาญจะสามารถเข้าถึงพลังที่เหนือธรรมชาติ และควรได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
>>13 มึงพูดถูก วิชาสะกดจิตคนอื่นมันง่ายไป เหมือนเชิดหุ่นที่ไม่มีชีวิต
แต่ถ้ามึงกล้าพอที่จะหันพลังจิตทั้งหมดมาสะกดตัวเอง นั่นแหละคือวิชาสะกดจิตที่แข็งแกร่งที่สุด
มึงไม่ได้แค่ควบคุมคนอื่น แต่กลายเป็นนายของตัวเองอย่างสมบูรณ์
การลงสนามรบที่รู้ว่าแพ้แน่ มันไม่ใช่เรื่องโง่
แต่เป็นบททดสอบตัวเองที่แท้จริง
ศิลปะการต่อสู้ที่แท้แม่งไม่ได้อยู่ที่ชนะตลอด
แต่มันอยู่ที่ความกล้าที่จะยืนหยัดแล้วทำลายขีดจำกัดของตัวเอง
ถ้าต้องเลือกระหว่างตายกับก้าวข้ามขีดจำกัด
ตายไปมันไม่มีค่าเท่ากับการปลดล็อกพลังจริงๆ ได้หรอก
ไม่สำคัญหรอกว่าจะเป็นสายบงการหรือสายบู๊ สิ่งสำคัญคือจิตใจ
การต่อสู้ในสมรภูมิที่มึงเป็นรอง มึงไม่ได้แค่ต้องชนะศัตรู
แต่ต้องชนะความกลัวและความสงสัยในตัวเอง
ผลลัพธ์มันไม่ได้สำคัญเท่ากับการที่มึงกล้าก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองไป
หมาป่าซิกม่าเก่งกว่าพวกมึงเยอะ
โผเปโคทาย จาร่องเพงช่าไอ้ฟังคะ
ปาเท่ทาย ลัวเลือเนื่อช่าเชื่อทาย
เปนปาช่าหรัก พ่าทายค่องทายทุ๊สั่ว
ยุดาโรโควาดาทุ๊มัว
ดัวทายลั่วหม้าย ลาสามะคี
ทานิระซาโหงะ
ตาถือโละมาขาก
เอกกาหละจามาหาคาโคคี
ซาหละเหลือทุ๊หย่าเปชาเพ
ทาเลอปาเท่ดปาชาทาวิมีชาชาโย
แม้วิทยาศาสตร์ จะเจริญก้าวหน้า แต่เรายังไม่สามารถบังคับเซลล์ไม่ให้แก่ตัวลงได้
การออกกำลังกาย กินอาหาร เป็นการชี้ทางเท่านั้น ว่าร่างกายควรทำอะไร แต่ถ้าไม่สามารถเปลี่ยนแปลง ในระดับเซลล์ได้ เราไม่สามารถเป็นอมตะได้ หรือ อายุยืนยาวเป็นพันปีได้
นี่คือข้อแตกต่างใหญ่หลวง
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.