Last posted
Total of 265 posts
มีใครทำงานในเดอะมอลกรุ้ปมั้ยวะ
>>108 มึงไปเดินซีคอนเอาละกัน สภาพแย่กว่าเดอะมอลล์อีก จริงๆห้างเดอะมอลล์แม่งไม่หรูหรอก ความหณุมันโดนตัดออกไปนานละหลังเปิดตัวห้างฝั่งสุขุมวิท เพราะเอาไปลงกับพวกห้างขึ้นต้นว่าเอ็มแทนอ่ะ ถ้าทำกับเดอะมอลล์กรุ๊ปนะ มันมีร้านบาร์นึงย่านสุขุมวิทด้วยที่เจ้าของเดียวกับเดอะมอลล์กรุ๊ปฐานเงินเดือนไม่แย่แต่เงินดีกว่าการเป็น พนง.ห้างมันซะอีก หรืออีกทีนึงไปทำของเจ้าสยามพิวรรธ์ที่เป็นเจ้าของสยามพารากอนเลยน่าจะโอเคสุด เห็นคนที่แม่งขับรถราไปทำได้นี่ปวดหัวเรื่องเดียวคือการหาที่จอดรถหว่ะ 555555
>>108 กูวัดความหรูจากแบรนด์+ธุรกิจดังๆที่มีกลุ่มลูกค้าloyaltyไปเปิดตามหว่ะ เดอะมอลล์กรุ๊ปมีหลายจุดที่เปิดเลาจน์นะ ละพวกห้างเรือธงเลาจน์ดีๆก็มี ร้านที่แม่งราคาอาหารหรูจัดจนมาเปิดชานเมืองไม่ได้ก็มีเช่น พวกโอมากาเสะหัวละสามพันอัพ,หรือพวกร้าน by Gordon Ramsy เงี้ย แทบไม่เจอเลยนะที่ขยายมาลงสาขานอกถ.สุขุมวิทหรือว่าถ.สีลม , เพชรบุรีไรงี้ อีกทีนึงก็ต้องหาร้านตามiconsiamอ่ะ
กุจะดูโรคจิตไหมวะ ถ้าบอกว่าแม่บ้านทำความสะอาดห้องน้ำในห้าง ที่ยังสาวหน่อย น่ารักดีวะ
นอยแดก กับคนที่ทำงาน
กูตั้งคำถาม เกี่ยวกับเรื่องงาน แล้วคนส่วนใหญ่ เขาหัวเราะกูแล้วบอกว่าสิ่งที่กูถามมัน simple มากๆ ไม่น่าถาม
พอเพื่อนกูอีกคนถามคำถาม simple เพื่อทบทวน ไม่มีใคร พูดหรือตอบคำถามอย่างที่กูโดนเลย
กำลังหางานใหม่ ขอให้ที่เล็งไว้เขารับ ถ้าไม่รับกุก็ทนอยู่โรงงานนรกนี่ต่อ เซ็ง ทำไมเงินไม่หากุบ้าง ให้กุหาคนเดียวเลย
สมมุติถ้าจะสมัครงานครัวพวกร้านอาหารฝรั่ง ระหว่างครัวร้อนกับครัวเย็น อันไหนงานน่าจะหนักกว่ากัน
อยากเลิกกาเเฟหรือชาเขียวว่ะ เพิ่งเริ่มทำงานได้ประมาณปีสองปี พอเริ่มมากินกาเเฟเเล้วติดยาวเลย กลายเป็นว่าตอนนี้เหมือนไม่กินก็ง่วงตลอดวัน ทำงานไม่ได้ โดนคาเฟอีนล่อสมองละกู
กูทำงานที่ใหม่เดือนนึงแล้วเจอพี่ที่ทำงานคุยกันเรื่องอยากเรียนต่อ ทีนี้เขาก็คุยกันว่าอยากเรียน Data บ้าง การเงินบ้าง มีคนนึงบอกว่าเขาใช้เวลาว่างไปกับการนั่งดูคอร์ส excel ต่างๆ ตัดภาพมาที่กู กูสนใจอยากเรียนเต้น อยากออกกำลังกาย มีอยากลองเรียนเขียนโค้ดบ้าง แต่เวลาว่างกูนั่งดูสอนร้องเพลง แล้วก็เรียนภาษา กูเลยไม่กล้าพูดอะไรเพราะดูไปคนละทาง แต่เรื่องงานไม่มีปัญหานะ ทำได้ปกติ กูจบมนุษย์มาแต่งานไหนที่สูตรซับซ้อนเขาก็ค่อยๆสอนเริ่มจากเบสิค กูก็ว่าสนุกดีแหละ
ทีนี้อยากได้คอมเม้นจากโม่งหน่อย แบบกูควรจะปรับความคิดตามเขาดีปะวะ เช่น ไปเรียนอะไรที่เขาเรียนกันเงี้ย คือกูอายุน้อยกว่าพี่ๆเขาเยอะ เลยรู้สึกว่าความคิดกูมันเด็กน้อยไปรึเปล่า พี่ๆเขาน่าจะผ่านอะไรมามากเขาถึงสนใจศาสตร์นั้นๆ ทั้งที่ความรู้เขามันก็ทำงานได้สบายแล้ว ส่วนกู ด้วยตำแหน่งมันไม่ได้ต้องทำอะไรซับซ้อนอะ เน้นคุยกับคนมากกว่า มองข้อมูลให้ออกแล้วไปอธิบายต่องี้
>>116 เมิงไม่กินน้ำตามให้เยี่ยวเยอะๆละ
>>117 ชีวิตเป็นของเมิง เมิงนี่โง่หรือไง ต้องทำตามคนอื่น คนเรามันอยู่ที่mindset ว่าอยากพัฒนาด้านไหนก็ไปเรียนด้านนั้น
เช่นเมิงอยากเรียนภาษา เมิงก็ไปเรียน พอโอกาสเข้ามาเมิงพร้อมคว้าโอกาส เพราะเมองเตรียมความพร้อมไว้อยู่แล้ว เช่น ได้งาน เป็นแอร์ ได้ทำอาชีพในฝัน
บางคนอาจจะคิดว่าตอนนี้งานที่ทำไม่ท้าทายแล้ว เงินดีแค่ไหนก็ออก เพราะเขาอยากชนกำแพงwall เรื่อยๆ
ทุกคนมีแนวทางของตัวเอง แต่ถ้าเมิงอยากใช้ชีวิตตามชาวบ้าน ตามเทรนด์ กระแส ก็เรื่องของเมิง เช้าชามเย็นชาม เมิงพอใจแค่นี้ไปตลอดชีวิต
นั่นก็คือ ทางเลือกที่ไม่ได้เลือกของเมิง
>>116 หักดิบเลย ประมาณอาทิตย์นึง
แต่ระหว่างนั้นจะง่วง ไม่มีแรงทำอะไร ปวดหัวตึบๆ(แนะนำกินพารา)
หรือดีหน่อยค่อยๆลดปริมาณลง พอไม่ติดแล้วคือโคตรสดใส แต่ก็ต้องนอนให้ครบ และเต็มอิ่มนะ
แล้วก็นานๆกินกาแฟได้ แต่คืออาจจะติดกัน2วัน ไม่ควรเกิน3วัน แล้วถ้าเว้นสัก1-2วันก็จะดี พอไม่ติดแล้วดื่มกาแฟนี่โคตรตื่น ไม่เหมือนตอนที่กินกาแฟเรื่อยๆแล้วร่างกายมันทนต่อคาเฟอีน
มีใครเป็นเเบบกูไหมวะ เเบบตอนไม่ใช้สมองก็ไม่หาวนะ เเต่พอทำงานเเล้วหาวรัวๆ ไม่เเน่ใจเป็นเพราะเลือดไหลไม่ดีรึว่าไง ลองอ่านในเน็ตบอกเวลาหาวบางทีก็ไม่เกี่ยวกับง่วงเเต่เกี่ยวกับออกซิเจนไปสมองไม่พอ
โม่ง กูงงกับการเสียภาษีตัวใหม่จากการมีรายได้ ตปท.หว่ะ สมมติมีปันผล2000ดอลลงพอร์ตหุ้นกูเนี่ย คือแม่งต้องไปแจ้ง สพก.เพื่อให้ตัวเองเสียภาษีจากตรงนี้เหรอวะ? ละคือปันผลนี่แม่งอยู่ ตปท. ด้วยซ้ำ เกี่ยวโยงแค่เป็นคนไทย มันจะเอาอำนาจใหญ่โตอะไรขนาดที่ว่ามาขอส่วนแบ่งเหมือนแม่งเป็นเจ้าของทุกอย่างในรายได้ของคนๆนึงได้วะ ... ที่แม่งหนักกว่าคือแต่แค่ตัวอยู่ไทย ละใช้กับคนทุกคนที่อยู่ในไทยเกิน180วันด้วย อันนี้กูตึ้บหนักเลยว่าถ้าใช้วีซ่าท่องเที่ยวหรือพยายามfree visaเล่นแง่ไปเข้าเกต ประเทศอื่นละค่อยวกกลับมาไทย หากินวนไปสักปีนึงเนี่ย สุดท้ายก็เก็บรายได้แค่กับคนกลุ่มเล็กจัดๆเลยป่ะวะก็คือคนที่มีปัญญาเปิดโบรกเมืองนอกได้..... หรือเล่นงี้อีกได้ไหมก็แค่เปิด บ. ที่จอร์เจียหรือหมู่เกาะแคริเบียนละค่อยไปเปิดโบรกหุ้นเมกา แต่ถึงตอนั้นคือเงินต้องเลย6-7ล้านละ ก็อดสงสัยไม่ติดอ่ะว่ามันมากพอรึเปล่า
ไม่มีวันไหนที่อยากตื่นไปทำงานเลย
>>125 สรรพากรอยากได้เงินอ่ะใช่ แต่พ่วงให้ห้างร้าน, โรงแรมจะไม่ได้เงินจากไอพวกนี้ หรือทำให้อยู่ยากกว่าเดิมแม่งก็ไม่ใช่ป่ะไง เพราะไทยแม่งไม่ใช่เมกาที่คนรวยเกิดเยอะทุกปี จะตั้ง IRSให้มีแรงมาสอบสวนได้อันนี้อ่ะใช่ แต่นี่จะออกระเบียบมาเพื่อสุ่มคนดวงซวยคือทุเรศสัสเลย แต่เอาจริงๆ ถามว่าทำได้ไหมทำได้แต่แค่สุ่มจริงๆ สรรพากรไทยคนมีไม่พอให้ไปไล่ล่าหรอก ไม่งั้นคือมึงต้องตั้งหน่วยเฉพาะกิจเท่านั้นเลย
https://en.wikipedia.org/wiki/Financial_Action_Task_Force_blacklist
เท่าที่สังเกตุนะ เวียดนาม,ไต้หวัน,บังกลาเทศ กับประเทศที่เจอคว่ำบาตร จะไม่มีเป็นสมาชิกเลย ซึ่งกูไม่รู้เลยว่าถ้าเก็บเงินระดับ5-7ล้านได้จะเปิดไหวไหม
พูดแล้วก็ท้อใจว่ะ รายได้พอใช้ พอมีเก็บ แต่ไม่พอเกษียน
ไม่อยากเป็นคนที่หวังแต่รอรับมรดกอย่างเดียว แต่ไม่รู้จะเริ่มทำอะไรดี
บอสบทนี้แม่งกวนตีนสัด อยู่ๆผุดโล่ ทะลุเกราะ ล้างบัพ เด้งเกจ คือกะให้ใช้หินฟ้าให้ได้ว่างั้น ยังดีว่าของมันแจกฟรีไม่งั้นกูด่าละ
เดือนนี้ไม่มีวันหยุดเลย เก่งมากกูที่ทำงานมาได้จนจะสิ้นเดือนโดยไม่ได้ลาซักวัน 555
บ.สัด ลดคุณภาพประกันกลุ่มลง ไม่มีงบซื้อของใช้ออฟฟิส(ตอนนี้คือกระดาษชำระหมดแล้ว) ต้องรอสิ้นเดือน
ไลเซ่นโปรแกรมที่ใช้อยู่เริ่มหมดอายุ
สัญญาณเตือนมาแล้วสินะบ.กู
บอสบทปูมานึกว่าจะทันเหลี่ยมคน เสือกแพ้พิษหมาล่า
>>134 กูว่าสัญญาณพวกนี้ดูได้จากงบการเงินบ.มึงได้แต่แรกละนะ ของกูเมื่อก่อนเจอเหมือนกันนะ คล้ายๆมึง แต่หนักตรงอุปกรณ์ทำงานไล่เสียไปเรื่อยๆแต่ไม่มีเอามาเปลี่ยนใหม่ สรุปสุดท้ายคือรอประชุมปิดงบไตรมาสเพื่อรอเงินรอบใหม่มาหว่ะ. 555 หรืออีกอันคือการดูวัฏจักรของแวดวงสายงานมึงว่าขาลงไหม อ่ะเช่น เมื่อ20ปีก่อน ไทยเรานี่สายงานเทกซ์ไทล์โคตรดี ไม่ต้องจ้างต่างด้าวมาทำงานก็คือพวกอีสานมีงานทำมีเงินตั้งตัวได้ทุกคน สมัยนี้อีสานยังไม่อยากทำงานด้วยแล้วมีแต่พม่ากับลาว แถมโรงงานสายงานนี้ปิดกันเรื่อยๆ ถ้าไม่ปิดก็ไล่คัดคน บีบคนมากขึ้น
กูเหนื่อย กูทำงาน2ที่ กูเคลียร์งานไวมาโดยตลอด ทำงานโอเคมาโดยตลอด แต่ช่วงนี้กูป่วยกูก็ยังเคลียร์งานให้ แต่งานที่ต่างประเทศให้เวลากูไม่ถึงเดือนโมเดล37ชิ้นกับหัวข้อนึงมีย่อยอีก20ชิ้น กูเลยบอกโอเคช่วงนี้กูอาจจะส่งงานช้าเพราะกูไม่มั่นใจจะทำทันไหม ตำแหน่งกูมีคนเดียวกูก็ไม่เข้าใจว่ามีคนสมัครเพิ่มทำไมไม่รับ? กูทำแทบไม่ได้พักเพราะกูไม่อยากให้ใครผิดหวังในตัวกูไม่ว่าจะงานที่ไทยหรือต่างประเทศ แต่กูเคลียร์งานแล้วเหมือนแม่งไม่ลดเลย แถมเอาโปรเจค Halloween มาให้เมื่อ3วันที่แล้วอีก กูเลยเสนอว่าอ่ะงั้นเดี๋ยวกูหยุดโปรเจคนี้แล้วไปทำของ Halloween ก่อนเพราะมันต้องใช้ก่อนแล้วเดี๋ยวทำเสร็จจะกลับไปทำโปรเจคอันเเรก แต่เมเนเจอร์ก็บอกกูว่าอยากให้ทำโปรเจคแรกก่อนเพราะมันสำคัญกว่า พอสักพักก็ทักมาบอกทำโปรเจคอันแรกเพิ่มอีก 3-4ชิ้นได้ไหม แล้วทำโปรเจค Halloween ให้เสร็จก่อนวันที่1ตุลาคมได้ไหม? กูอึ้งมาก กูไม่เคยโกธรขนาดนี้มาก่อนเลยมึง แบบเกรงใจกูสักนิดเห็นว่ากูไม่หือไม่อือมาโดยตลอด เห็นกูตั้งใจทำงานเคลียร์งานเร็วก็ใช่ว่าโปรเจคที่ได้มาจะเสร็จไวทักครั้งนะมึง กูเหนื่อยมาก กูทำงานที่ไทย WFH ตั้งแต่เช้าถึงเย็นกูได้นอนแค่3-4ชม แล้วมาทำต่างประเทศต่อ กูเห็นเวลาแล้วไม่ทันแน่ๆกูเลยลองเสนอว่า งั้นเดี๋ยวโปรเจคแรกกูจะส่งบางส่วนให้วีคนี้เท่าที่ไหว แต่โปรเจค Halloween กูของส่งวันที่15ได้ไหม? เพราะมีกูคนเดียวที่รับผิดชอบตรงนี้แถมให้เวลานิดเดียวกับกูอีก ดันเมินแชทกูอ่าาาา กูรู้สึกผิดนะที่ทำงานไม่ทัน กูเสียใจนะ แต่กูก็โมโหที่แบบไม่ให้เวลากูหน่อยเลยอ่ะ
>>138 ก็เขาไม่รู้ไง ว่าเมิงทำงานที่บ้านเป็นยังไง
นายจ้างทุกคน ไม่มีใครอยากเห็นลูกน้องว่างหรอก อันนี้เมิงไม่รู้จริงๆใช่ไหม หัวหน้าเขาทดสอบเมิงอยู่ว่าเมิงอู้ไหม
มันไม่สำคัญหรอกว่าเมิงจะรู้สึกยังไง มีแต่ว่าเป้าไตรมาสนี้จะได้ตามยอดที่ตั้งไหม
ถ้าลูกน้องว่างบริษัทก็เตรียมเจ๊ง
>>137 ขาลงว่ะ กูทำงานอยู่สาย epc ลงมาตั้งกะ 10 ปีที่แล้ว (ดูราคาหุ้น TTCL สิ...) กูพลาดเองแหละมาเข้าวงการนี้ตั้งกะเรียนจบ ตอนช่วงมันกำลังพีคๆพอดี ช่วงพีคคือ บ.เก่ากูจัดงานปีใหม่พารากอนฮอลล์ทุกปี ได้โปรเจ็คใหม่มาก็มีงบไปหาร้านหรูๆกินกันตลอด มันดาวน์มาตั้งกะก่อนโควิดแล้ว ตัวเล่นเยอะขึ้น แย่งประมูลงานตัดราคากันฉิบหาย
>>138 วัฐจักรคนทำงานเสร็จเร็วว่ะ แม่งก็จะเจออัดงานมาเรื่อยๆ จนมึงพังน่ะแหละ
>>138 ต่อ สรุปเลื่อนกำหนดให้ส่งโมเดลของ Halloween โปรเจคก่อนวันที่1ตุลา…… โมเดล 30ชิ้นอัพ แล้วเมเนเจอร์บอกว่าหลังจบอีเว้นท์นี้คุยกันเพื่อจะได้เผื่อเวลาในครั้งหน้า เพราะไม่เคยเกิดเวลากระชั้นชิดแบบนี้มาก่อน สรุปความผิดกูหรอวะ? กูรู้สึกเฟลมาก
>>139 กูทำงานส่งทันตลอด ทำงานดีมาตลอด ส่วนมากกูส่งก่อนเวลาด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะที่ไทยหรือต่างประเทศ แต่รอบนี้เขาให้เวลาช้ามากชนิดที่แบบพึ่งแจ้ง พึ่งบอกกูว่าต้องส่งวันไหนอะไรยังไง แล้วแต่ละหัวข้องานที่ให้ทำมันเยอะ มีลิตส์ย้อยมาอีกแต่คนทำมีคนเดียวคือกู แต่รอบนี้กูแค่รู้สึกเฟลที่แบบความผิดกูเองที่กูเหนื่อย เดือนนี้กูป่วย แล้วพักเยอะไปหน่อยเพราะกูต้องพักจากการรักษาคีโม มันเหมือนกูกลายเป็นคนขี้เกียจทั้งๆที่กูตั้งเวลาวางแผนอะไรไว้แต่กูทำไม่ทันเอง กูแค่รู้สึกนอยด์กับเหมือนทั้งหมดเป็นความผิดกู กูรักงานนี้ รักงานทั้ง2ที่ รักสังคมในที่ทำงานนะ แต่มีแค่ครั้งนี้ครั้งแรกที่กูส่งงานไม่ทันจริงๆและเหมือนทั้งหมดเป็นความผิดกูอ่ะ ซึ่งเออกูผิดเองที่เหมือนเป็นคนทำลายความไว้วางใจแล้วทำให้ผิดหวังเพราะกูชะล่าใจทำงานไม่ทันเอง
>>142 กูทำงานตั้งแต่แรกๆเลย แต่มันจะมีช่วงที่กูคีโมแล้วต้องพักกูก็แจ้งเขา แต่กูก็แอบมาทำงานให้อยู่ดี กูแจ้งตลอดเผื่อตลอด แต่เขาก็เพิ่มงานตลอดบางทีก็ลืมว่ากูแจ้งแล้ว ทำเท่าไหร่ก็ไม่ลด แล้วตอนแรกกูเข้าใจว่าเอออีHalloween เนี่ยจะเริ่มก่อนงาน2สัปดาห์แต่ไปคุยกันอีท่าไหนไม่รู้อยู่ดีๆเร่งให้เหลืออาทิตย์หน้า แล้วมันมีหลายชิ้น+ตอนแรกกูเสนอว่าจะมาทำโปรเจคนี้ก่อนและจะส่งให้ประมาณ15 และค่อยกลับไปทำโปรเจคแรกเพราะกูมองว่างานมันใกล้เริ่มมากกว่า แต่เมเนเจอร์บอกกูว่าให้ทำโปรเจคแรกให้เสร็จก่อนเพราะสำคัญกว่ากูก็ทำมาเรื่อยๆแต่ก็ไม่ทัน กูไม่รู้จะทำยังไงดีกูเครียดมาก เหมือนการแพลนงาสของกูตอนนี้พังหมด สมดุลเวลาทำงานกูก็พัง กูเครียดเรื่องรักษาคีโมแต่พยายามไม่เอาความรู้สึกไปรวม กูวางแพลนมาดีโดยตลอดแต่ตอนนี้กูรู้สึกไม่ไหวแล้ว เหมือนทุกอย่างผิดที่กูเลย กูเหนื่อยมาก กูรู้สึกกูทำให้ทุกคนผิดหวังในตัวกูมากๆ กูไม่รู้ระบายไหนได้แต่ระบายให้หมา ให้โม่งฟัง เพราะกูบ่นกับทางบ้านก็ไม่ช่วยอะไร กูกลัวการทำให้คนอื่นผิดหวังและตอนนี้กูรู้สึกผิดมากทั้งๆที่กูทำงานปกติของกูแต่ทุกอย่างมันเร่ง เร่งมากๆ
ผู้หญิงหลายๆคนในบริษัทส่วนมากจะชอบเรื่องข่าวชาวบ้าน ทองแม่ตั๊กแม่เติ๊ก อะไรไม่รุ
แต่ถ้าถามเรื่องรอบตัวง่ายๆ อย่าง ประเทศอเมริกา เกิดขึ้นได้ยังไง / เกาหลีเหนือทำไมแยกจากเกาหลีใต้
ฯลฯ ความรู้รอบตัวแบบนี้มันไม่เคยสนใจกัน
ชายคนหนึ่งเรียนมหาวิทยาลัยไม่จบ พ่อแม่ก็เลยจัดการหาภรรยาให้
เมื่อแต่งงานแล้วเขาก็สมัครเป็นครูสอนหนังสือในโรงเรียนประถมใกล้บ้าน
เพราะไม่มีประสบการณ์การสอน
สอนได้ไม่ถึงอาทิตย์เขาก็ถูกโห่ไล่จากเด็กนักเรียน
เมื่อกลับถึงบ้าน ภรรยาปลอบใจเขาว่า
“แม้เราจะมีภูมิอยู่เต็มท้อง บางคนเอาออกเป็น
บางคนเอาออกไม่เป็น อย่าได้โศกเศร้าเสียใจให้มากไป
อาจมีงานที่เหมาะสมกว่านี้รอคุณอยู่”
ต่อมาเขาไปทำงานรับจ้าง ก็ถูกเถ้าแก่ไล่กลับบ้าน
เพราะเขาทำอะไรช้ายืดยาด
ครั้งนี้ภรรยาของเขาปลอบใจเขาว่า
“คนเรามือไม้ช้าเร็วต่างกัน คนอื่นเขาทำมาเป็นสิบๆปี
คุณเรียนหนังสือมาตลอด จะให้ทำเร็วเหมือนคนอื่นได้ยังไง!”
เขาไปทำงานอีกหลายอย่าง แต่ผลลัพธ์ก็ไม่ต่างกัน มักจะเลิกล้มกลางคันอยู่เสมอ
ทุกครั้งที่เป็นเช่นนี้ ภรรยาก็จะคอยปลอบใจไม่เคยตำหนิหรือว่ากล่าวอะไรไลย
ตอนที่เขาอายุได้30กว่าปี ด้วยความสามารถด้านภาษา
เขาเลยสมัครเป็นครูผู้ช่วยในโรงเรียนโสตศึกษา
ต่อมาเมื่อมีประสบการณ์การสอน เขาก็ออกมาเปิดโรงเรียนโสตศึกษาของตัวเอง
จากนั้นเขาก็ได้เปิดร้านขายผลิตภัณฑ์จากผู้พิการหลายแห่งในเมืองต่างๆ
จากชายผู้ไม่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ตอนนี้เขากลายเป็นเศรษฐีย่อมๆเสียแล้ว
อยู่มาวันหนึ่ง เขาได้ถามภรรยาของเขาว่า ........
“แม้แต่ตัวผมยังรู้สึกอับจนไร้หนทาง เพราะอะไรคุณจึงมั่นใจในตัวผม!”
ภรรยาของเขาตอบว่า ............
“ดินดี แต่หากไม่เหมาะกับการปลูกข้าวบาร์เลย์
ก็ลองปลูกถั่ว หากไม่เหมาะกับการปลูกถั่ว ก็ลองปลูกแตง
หากไม่เหมาะกับการปลูกแตง ก็ลองปลูกดอกไม้ฯ
จะต้องมีเมล็ดพันธุ์อย่างหนึ่งที่เหมาะกับดินชนิดนี้
เมื่อได้เมล็ดพันธุ์ที่เหมาะกับมัน ก็ย่อมเจริญงอกงามได้ผลเก็บเกี่ยวเต็มที่ ”
เมื่อฟังภรรยาพูดจบ เขาถึงกับหลั่งน้ำตา ...
“ขอบคุณความรักความอดทนและความเชื่อมั่นที่คุณมีต่อผม
คุณคือเมล็ดพันธุ์ที่ทรงพลัง แข็งแกร่ง และทรหดอดทนมาก ”
โลกใบนี้ ไม่มีใครที่ไร้ประโยชน์ เพียงแต่มันผิดที่ผิดทางก็เท่านั้น
คนที่ไม่รู้จักถนอมรักษา ต่อให้อยู่บนภูเขาเงิน ภูเขาทอง เขาก็ไม่มีความสุข
คนที่ไม่รู้จักให้อภัย ใจกว้าง ต่อให้ผูกมิตรสหายไว้มากมาย สุดท้ายก็หลีกลี้หนีหาย
คนที่ไม่รู้จักสำนึกคุณ ต่อให้ยอดเยี่ยมมากความสามารถอย่างไร ก็ยากประสบความสำเร็จ
คนที่ไม่รู้ลงมือกระทำ ต่อให้ฉลาดปราดเปรื่องอย่างไร ความฝันก็ไม่อาจสำเร็จเป็นจริง
คนที่ไม่รู้จักให้ความร่วมมือ ต่อให้สู้จนสุดชีวิต ก็ยากที่จะสำเร็จสู่ความยิ่งใหญ่
คนที่ไม่รู้จักเก็บออม ต่อให้มีเงินทองมากมายก็ไม่อาจเป็นเศรษฐี
คนที่ไม่รู้จักพอ ต่อให้ร่ำรวยปานใด ก็ยากที่จะมีความผาสุก
คนที่ไม่รู้จักดูแลร่างกาย ต่อให้มียาดีมากมาย ก็ยากที่จะอายุยืน
และที่สำคัญ
อย่ากลัวว่าเรียนยาก ......ที่กลัวคือไม่อยากเรียน
อย่ากลัวสายตาของคนอื่น...... ที่กลัวคือตัวเองไม่รักดี
อย่ากลัวไม่มีเงิน ......ที่กลัวคือมีแล้วไม่รู้จักใช้กลายเป็นทาสของเงินต่างหาก
จงใช้สตางค์อย่างมีสติ อย่าสิ้นสติเพราะสตางค์!
มีโม่งคนไหนมีเพื่อนผู้หญิงในที่ำงานที่คุยเรื่องทะลึ่งๆ ได้บ้างวะ
ของกูมีอยู่คนนึง แม่งทะลึ่งจริงเชียว มันอายุ 30นะ คุยๆไปมันบอก
ปัจจุบันยังอาบน้ำกับน้องสาวอยู่เลย น้องสาวอายุ11ขวบละ
กูบอก เฮ่ย แกไม่อายน้องเลยเหรอ อาบด้วยกัน แล้วน้องมันไม่ถามเหรอ
ว่าพี่นั่นอะไร นี่อะไร ด้วยสภาพร่างกายของคนเป็นสาวเต็มตัวกับเด็กที่กำลังเข้าสู่วัยรุ่น
มันก็บอกไม่อายหรอก ก้อาบด้วยกันประจำ ต่างคนต่างอาบ
แล้วมันก็บอกว่า น้องสาวก็มีขนขึ้นแล้วด้วย..กูแทบสำลักน้ำ
มันบอกต่อว่า เพื่อนในห้องมันก็ยังมีขนรักแร้ขึ้นแพลมๆแล้วเลยด้วย
ขนอ่อนๆ ไรงี้ ....แม่ง เล่าละเอียดจัด ไม่ได้อายเลยผู้หญิงอะไรวะ555กูนี่อายแทนเลย
ทอมเลส เชื่อใจไม่ได้ มันมีวัตถุประสงค์แอบแฝงแน่นอน
สาเหตุของพนักงานลาออก ดูเอาแล้วกัน
นักศึกษา ป.ตรี จบใหม่ชื่อ น.ส A มีความมุ่งมั่นอยากทำงานจึงสมัครเข้าบริษัท KKK
สมมุติว่า น.ส A เข้าทำงาน Start 12000 บาท ทำงาน 3 ปี แต่ละปีทำงานที่ KKK
เด่นมากในแต่ละปี หัวหน้าชื่อปื๊ด อยากจะให้เงินเดือนเป็น 18,000 บาท ด้วยซ้ำ
แต่หัวหน้าปืดทำอะไรไม่ได้ จึงทำได้แค่ขึ้นเงินให้ 6% ตลอดทั้ง3 ปี
(บริษัทให้ budget มาแค่ 4.5% ตามอัตราเงินเฟ้อแต่หัวหน้าหักเงินส่วนของคนอื่นมาขึ้นให้ น.ส A)
ดังนั้น น.ส A ได้เงินเดือน 12,000 x 1.06 x 1.06 x1.06 = 14,292 บาท
(ถ้าคิดมูลค่าเงินเปลียนไปตามเวลา Time value of money
โดยคิดเงินเฟ้ย 4.5 % นั้นหมายความว่า 12,000 x 1.045 x 1.045 x 1.045 = 13,693 บาท )
ทำมา 3 ปีเงินเดือนเพิ่มขึ้นจริงแค่ = 14,292 - 13,693 = 598 บาท
น.ส A คิดมากทำงาน 3 ปี ได้เงินแค่นี้ ไม่พอเลี้ยงครอบครัว
และคิดค่าใช้จ่ายภายใต้อัตราเงินเฟ้อประเทศไทย 4.5 %ทุกๆปี-->คิดๆ ทำไงดีวะ หัวหน้าก็ใจดี เพื่อนร่วมงานก็ดี๊ดี
แต่เงินไม่พอใช้จ่ายในครอบครัว ---> ลองหางานใหม่ดีกว่า
น.ส A จึงไปสมัครงานใหม่ด้วยวุฒิที่มีอยู่และประสบการณ์ 3 ปีที่ทำงานกับ
บริษัท KKK ไปหางานใหม่กับบริษัท SCC ได้เงินเดือน 20,000 บาท น.ส A ดีใจจังได้เยอะกว่าตั้งเยอะ รู้อย่างนี้กรูเผ่นไปตั้งนานแล้วค่าาา
***เงินเดือนในตำแหน่ง น.ส A Start 12,000 บาท ซึ่งบริษัทกำหนดใว้เป็นฐานเงินเดือน
ตั้งแต่ราคาทองคำ 8,000 บาท ซึ่งเงินเดือนครั้งแรก น.ส A ซื้อทองได้หนัก 1.5 บาท
ก่อนลาออก น.ส A ได้เงินเดือน 13,693 บาท ซึ่งราคาทองราคาปัจจุบัน 13,700 บาท/ทอง 1 บาท
โดยที่ก่อน น.ส A ลาออก เงินเดือนซื้อทองได้หนัก 1 บาทเท่านั้น (ไรวะนี้แม่มยิ่งทำยิ่งจน)
หัวหน้าปืดเครียด ลูกน้องออก ทำไงดี ---> กว่ากรูจะ Train ลูกน้องคนหนึ่งได้ เหนื่อยนะโว้ย
---> จึงหาลูกน้องใหม่ และแจ้งเอกสารถึงฝ่ายบุคคลเพื่อรับพนักงานใหม่<
ซึ่งปกติตำแหน่งของ น.ส A นั้น ถ้าไม่มีประสบการณ์ก็จะ Start 12,000 บาท
หัวหน้าปืด : จึงเร่งถามฝ่ายบุคคลว่า เมื่อไหร่ จะหาคนให้ได้ซักที นานแล้วนะ
แล้วอีกอย่างเอกสารที่คุณส่งมาให้นะมีแต่เรียกเงินเดือนสูงๆทั้งนั้นเลย
ซึ่งแต่ละคนเรียกเงินเดือน 18,000-22,000 เลย
ฝ่ายบุคคล : ปืดไม่ต้องห่วงนะ เรื่องเงินเดือนเพราะว่าถ้าเขามีประสบการณ์ 2-3 ปี นะ
พี่ให้ได้22,000 บาท เลย ถ้าปืดต้องการเด็กคนไหนในเอกสารพี่ให้ไป
ก็ส่งมาเลย เพราะว่าพี่มี Budget ของลูกน้องปืด 22,000 บาท
หัวหน้าปืด ( นึกในใจแต่ทำอะไรไม่ได้ ) แม้งจะให้กรูรับลูกน้องเงินเดือน 22,000 ได้ไงวะ
ลูกน้องแต่ละคนทำงานมา 8 ปี ยังไม่ถึง 20,000 เลย ให้เงินแบบนี้ลูกน้องกรูลาออกหมดนะสิ
แล้วทีกรูอยากให้ น.ส A ได้เงินเพิ่มทำไมเมิงไม่ให้มันแต่แรกวะ ----> ทีเมิงรับคนจากข้างนอก
ไม่เคยเห็นผลงานเสิ๊อกให้ตั้ง 22,000 บาท แซงคนเก่าที่มันนั้งทำงานมาก่อนตั้งนาน เป็นงานทุกอย่างแล้ว มันส้วมติงจริงๆ
อยากรู้เหมือนกัน ถ้า น.ส A กลับเข้ามาทำงานเป็นลูกน้องกรู
เมิงจะให้ 22,000 บาท ไหมอีเวง
นี่ละครับสาเหตุของลูกน้องผมที่ลาออกบ่อยๆ
ท่านผู้บริหาร ช่วยมาดูหน่อยคร๊าป
ป.ล ปัจจุบันผมทำได้แค่เพียงรับนักศึกษาจบใหม่แล้วเอามาปั้นให้เป็นเด็กสร้าง
ซึ่งผมคงทำอะไรไม่ได้
ถ้า 3 ปีผ่านไป เขาต้องลาออกแล้วไปรับเงินเดือนสูงๆที่บริษัทอื่น
หรือเห็นบริษัท KKK นี้เป็นที่พักผ่อน ช่วงรองานที่อื่น
ถ้าเจ้านายฝรั่งไม่เข้ามาดู ฐานเงินเดือน
ซึ่งไม่เคยได้รับการปรับภายใต้อัตราเงินเฟ้อเลย
แล้วเมื่อไหร่บริษัทจะพัฒนาอย่างต่อเนื่องได้ละครับเจ้านายยยยย
เต่าเอือมเต่าเอือมเต่าเอือมเต่าเอือมเต่าเอือม
หาคนทำงานแอบยากนะเนี่ย โอเค กูให้น้อยจริง (ชั่วโมงละ 50)
แต่เฮ่ย นัดสัมแล้วไม่มาหลายคนแล้วนะเว้ย มึงไม่สนก็ไม่ต้องทักกูดิวะ
>>160 ของกินก็หรูละ ของกูห้ามแดก ของในร้านมันแพง แถวกูก็แค่พาคนมาเล่นฟรีได้บ้าง ถือเป็นการโปรโมทร้านไปในตัว กูว่าขึ้นอยู่กะที่ตั้งมึงละ ถ้าที่ตั้งมันดีสะดวก แถวกลุ่มเป้าหมาย คนมันก็อยากทำเอง ละก็ถ้าเกมที่มึงมีมันดีไม่โหลหรือมึงดีลดีๆ บางคนแม่งรับมานั่งฟรีด้วยซ้ำถ้าว่างๆ
แต่กูอยู่แถวหมาลัยมั้งเลยหาไม่ยาก
วันนี้บอสแม่งหงุดหงิดอะไรมไ่รู้ว่ะเข้ามาในสำนักงานละฆ่าเพื่อนร่สมงานกุหมดเลยไอเหี้ย งานแม่วเพิ่มขึ้นสิบเท่าร้อยเท่ากุคงไม่ได้นอนละ ไอเหี้ยบอสแม่งง่าวหงุดหงิดนิดหน่อยก็ใช้พลังใหย่เชียวไอสัส เพราะงี้ไงพวกเอเลี่ยนจิ้งจกถึงได้ยิดครองพวกเราหมดสิ้นแล้ว
>>164 ไม่เกี่ยงเพศง่ะ จริงๆ prefer ผู้ชายด้วยซ้ำ เพราะแม่งยกของบ่อย
แต่คือ ลูกค้าที่อาสาทำแบบค่อนข้าง...น่ะ นึกสภาพ คนเล่นกันโต๊ะนึง มันก็จะไปพยายามสอน(ซึ่งก็จัดว่าอัธยาศัยดีสำหรับลูกค้า) แต่คือ สอนผิด พูดผิด ประสบการณ์ในร้านเป็นความรับผิดชอบร้าน
แล้วก็ชอบเต๊าะหญิง คือ มันก็ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ คนงานเก่าที่ทำเป็น LGBT ซึ่งก็ไม่ค่อยมีปัญหาด้านนี้ แต่ก็นั่นแหละ ตามแฟนไป ตจว. แล้ว
อ่าวสัด กูเผลอตอบ io เฉย กูขอโทษ
>>168 เหอะ มาตรฐานแทบไม่มี 555 มันเป็นกึ่งๆ งานอดิเรก ซึ่งจริงๆ คนทำแบบนี้เยอะนะ แบบมีงานหลักอย่างอื่นแล้วว่างๆ เปิดร้านในที่ตัวเอง
เนื่องจาก ก็ไม่ได้ทำเป็นงานหลัก กำไรไม่ดีหรอก หักค่าไฟ หักค่าทุน ก็ได้เดือนนึงไม่ถึงหมื่นอ่ะ
ถ้าเอาเวลาที่เท่ากันไปทำอย่างอื่นก็เงินดีกว่านี้อยู่แล้ว ถ้าอยากรวยก็หนีไป แต่ตรงนี้อาจจะเพราะกูบริหารไม่เก่ง
แล้วก็ใช่ ร้านกูเป็นร้านการ์ดด้วย (เด็กๆ ก็จะเยอะนิด) ซึ่งเอาตรงๆ กำไรดีกว่าบอร์ดเกมนะ เทียบกะทุน
อ่อ แต่ช่วงโควิดนี่ขาดทุนยับเลยนะ ต้องปิดร้านชั่วคราวเลย ส่วนที่หาพนักงานเพราะงานอื่นกูยุ่งๆ ซะงั้น
แต่จริงๆ ถ้าดูว่ามันเป็นงานอดิเรก กูควรพิจารณาปิดร้านเพิ่มดีกว่ารึเปล่านะ
ลาออกไม่บอกล่วงหน้าเป็นอะไรมากไหมว่ะ ตำแหน่งกูก็ไม่ได้สำคัญเท่าไหร่ ออกไปเขาก็ไม่ได้เสียหายอ่ะ
>>174 https://i.imgur.com/ozFH2HB.jpeg
กุไม่โม้ กุเล่นชนะ จนคนในห้องคิดว่า กุโกง
ซึ่งพวกเรียนในห้องนี้ เหมือนห้องเด็กเกเรอะ
กุอยากทำงานเกมการ์ดจริงๆ
กูมีปัญหาเรื่องการตัดสินใจในที่ทำงานมากเลย คือ เป็นคนไม่กล้าตัดสินใจ เหตุเกิดจากก่อนหน้านี้บางเรื่องกูคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กน้อยขี้ปะติ๋วมาก แล้วกูก็ไม่ใช่ระดับจูเนียร์แล้ว ทำงานมานานแล้ว ก็ไม่ควรจะต้องไปถามทุกเรื่อง ก็เลยไม่ถาม ตัดสินใจทำไปเลย ทีนี้พอทำไปแล้วดันโดนด่ามาว่าใครใช้ให้ทำแบบนั้นโดยพลการ เลยสูญเสียความมั่นใจ หลังจากนั้นเลยถามก่อนตลอด ทีนี้ก็โดนว่าอีกว่าเรื่องแค่นี้ยังต้องถาม กลายเป็นตอนนี้ไม่มั่นใจในตัวเองแม้กระทั่งจะตัดสินใจว่าอันไหนมันคือเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ จะเครียดมากทุกครั้งเวลามีเรื่องนอกเหนืองานรูทีนที่ต้องตัดสินใจว่าควรจะทำยังไง จะต้องถามก่อนดีมั้ย ถ้าไปถามจะโดนด่าอีกมั้ย แต่ถ้าไม่ถามแล้วทำไปเลยก็จะโดนด่าอีกมั้ย หรืออย่างเวลามีน้องมาปรึกษา ไม่กล้าแม้แต่จะให้คำปรึกษาน้องเพราะกลัวตัวเองแนะนำไปแล้วไม่ตรงกับความคิดนายอีก สุดท้ายก็ได้แต่บอกให้น้องไปถามนาย เหมือนเป็นรุ่นพี่กากๆ คนนึง
ตอนแรกกูคิดว่ากูกาก แต่พอมาคิดดูแล้ว กับที่บ้าน กับเรื่องส่วนตัว กูคือเดอะแบก เป็นเสาหลักของครอบครัว เป็นคนดำเนินการและตัดสินใจแทบทุกอย่าง เวลามีปัญหาอะไรก็เป็นกูนี่แหละเป็นคนแก้และพาให้ผ่านไปได้ ยังไม่เคยพาครอบครัวไปชิบหายอะไรเลย แต่ทำไมพออยู่ในที่ทำงาน กูกากได้ขนาดนั้น สมเพชตัวเองชิบหาย
>>180 บางทีกูก็ไม่มั่นใจนะ แบบ บางเรื่องเพื่อนกูจะบอก เรื่องเล็กมาก ก็ตัดๆ ไปเลย
แต่กูแบบ เออ จะดีเหรอวะ ถ้ากูตัดนี่ชีวิตลูกน้องกูน่าจะล่มจม
ส่วนตัวกูสรุปว่า ก็คนเรามันไม่เหมือนกัน การตัดสินใจว่าจะถามไม่ถามก็เป็นการตัดสินใจ ถ้ามันแย่มากๆ บางทีอาจะเป็นที่หัวหน้ามึง
อะไรทำให้เด็กเพิ่งจบใหม่อายุแค่ 22 ปสก.ไม่มี เข้ามาทำงานไม่กี่เดือน โปรก็ยังไม่ผ่าน มันกล้าขึ้นเสียง กล้าวีน กล้าพูดกับคนอื่นใส่อินเนอร์ไอ้เหี้ยไอ้เหี้ยนี่(แต่ไม่ได้พูดกูมึง)กับคนที่ไม่สนิทและอายุมากกว่าว่ะ ถ้ากูได้ประเมินอีเด็กเหี้ยนี่ กูจะให้ไม่ผ่านโปร
คือ เดาว่าเป็นตำแหน่งสำคัญ หรือหายากหรือเปล่าถึงได้เจอคนระดับนั้น ?
>>185 มันเป็นเลขาผู้บริหาร เหมือนคิดว่าตำแหน่งมันใหญ่กว่าพนักงานทั่วๆไปรึไงว่ะถึงจะกร่างใส่พูดจาหมาไม่แดกยังไงก็ได้ ทำงานก็ชุ่ยด้วยซ้ำ อ๋องๆ เอ๋อๆ การสื่อสารการประสานงานก็ไม่ได้ ขยาดกันทั้งออฟฟิศ พี่ที่อายุเยอะๆอยู่มานานไม่เคยมีปัญหาไม่เคยด่าเคยบ่นใครถึงกับมาด่ามันให้ทีมกูฟัง คิดดู แล้วบอกว่าคนเก่าดีกว่าอย่างงู้นงี้
กูไม่ถูกกับ ceo ของบริษัทนึง ในไลน์กลุ่มซึ่งมีมันอยู่ด้วยกูก็จะชอบเข้าไปแซะมันแบบเวลามันทำอะไรพลาดกูก็จะทำเป็นอธิบายรายละเอียดเพื่อขยี้มันซ้ำ ซึ่งในกลุ่มนั้นก็จะมีพวกหัวหน้าแผนกต่างๆพนักงานเลขาอยู่ด้วย มันก็จะทำเชิงส่งสติ๊กเกอร์ประมาณว่า อ๋อหรอ เพื่อตอบโต้กู แต่ทุกครั้งที่มันโผล่มาส่งสติ๊กเกอร์ พวกพนักงานบริษัทมันก็จะทวงเรื่องโบนัสงานกิจกรรมต่างๆ แล้วมันก็จะเงียบไปเลย โคตรสะใจ
บริษัทนี้ดูทรงแล้วอีกไม่กี่ปีก็เจ๊ง แต่ก็จะชอบมีพวกภักดีเลียแข้งเลียขาอยู่ กูรอวันขยี้ซ้ำเติมไอ้พวกนี้ตอนมันตกงานอยู่
ระดับผู้บริหารเป็นพวกหลักลอย พูดอะไรไม่ตรงกันสักรอบ เวลาขอคำปรึกษาให้ตัดสินใจอะไรก็จะตอบมาแบบกลางๆสรุปไม่ได้ว่ายังไง ชอบพูดหลักการเกร๋ๆแต่ไม่ยกตัวอย่างให้ ใช้ภาษาไทยคำอังกฤษคำ ชอบอวดว่าตัวเองจบนอก พอกูจะดักด้วยการใช้อีเมลล์หรือแชตเป็นหลักฐาน ก็จะชอบอ้างว่าไม่ค่อยว่างอ่านให้ขึ้นมาคุยๆเอาไวกว่า คนประเภทนี้จะทำงานร่วมกันยังไงดีว่ะ
วันี้กูรู้สึกมีความสุขว่ะ ไอ้คนที่กูไม่ชอบขี้หน้าแม่งไม่มาทำงาน นั่งใกล้กันด้วย ไม่ชอบเพราะแม่ง ชอบอู้ เล่นเกมเวลางาน มาสาย เคยบอกก็ไม่ฟัง เลยไม่สนใจแม่ง
>>165 แสด กูขอบ่นนิด กูต้นเรื่องร้านเกม ได้พนักงานแล้วเว้ย แต่ทำอาทิตย์เดียวลาออก เด็กไม่ได้แย่นะ งานก็พอไหว(ในความคิดกู)
แต่โดนลูกค้าบ่นทีสองทีลาออกเลย รึปัญหาอาจจะไม่ใช่งานวะ ปัญหาคือ ต้องเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองนิด แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีหน่อย(รับมือลูกค้าได้นั่นเอง)
เข้าใจได้นะ ว่าเด็กใหม่ ไม่ค่อยโดนบ่นอาจจะไม่ชิน... แต่นั่นลูกค้า เจ้านายแกไม่ได้ว่าอะไรซักคำ(ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วยแหละ แต่ฟังเรื่องจากเด็กแล้ว ยังไม่ได้ฟังจากลูกค้า)
และนี้เป็นวันจันทร์
แค่วันยังดูไม่เป็น
ซาลารี่มังพวกมึง
กูจะแทนที่ด้วย AI ให้หมด
แต่ใช่ว่ากูไม่มีโอกาสให้
ถ้าจะอยู่ก็ต้องขยันทำงานให้ Performance เพิ่ม
ขยันเพิ่มมูลค่าตัวเอง
ฝากไว้ให้คิด
กูนี่มันคนดีจริงๆ
พรุ่งนี้ได้หยุดกันไหม บ.กูไม่หยุด แต่หยุดยาวปีใหม่ 11 วัน
ไปงาน bitkub summit กุได้ตั๋วเรือหรู / จนท.ยังไม่ติดต่อมาเลยว่ะ จะชวดมั้ย
เป็นเด็กใหม่เข้ามาทำงาน ยังไม่ได้เงินซักบาท กูมีตังค์อยู่ 100 เดียว ละหัวหน้าชวนไปกินข้าว มีหัวหน้า มี c level มีกูเป็นเด็กใหม่ กินข้าวตามสั่ง 60 บาท แม่งแบ่งกันจ่าย กูนึกว่าจะเลี้ยง แล้วกูทำยังไงต่อจากนี้เหลือตังอยู่ 40 5555 ไม่ซื้อใจลูกน้องหน่อยหรอวะ
พรุ่งนี้วันหยุดแล้วโว้ย
มีแต่พวกไพร่เท่านั้นแหละ ที่ดีใจกับวันหยุดกากๆ
ทำงานพลาดบ่อยจนอยากลาออกไปเป็นกระหรี่เลย แม่ง กูมันกาก
ช่วงนี้สายพนักงานบ. มีคอนเท็นต์โจมตีเจน z เยอะจังหว่ะ ซึ่งตอนนี้คือช่วงที่เจนนี้จะจบมาเป็นพนักงานใหม่
กูเจน x ปลายๆ y ต้นๆ ที่ บ.ก็เน้นรับแต่พวกมีประสบการณ์ (เลยมีแต่เจน y) ยังไม่เคยเจอพวกเจน z เลยว่ะ มันเป็นแบบที่เค้าลือกันไม้วะ แบบ 10 คนจะมีใช้งานได้จริงๆ แค่ 2-3 คน
ลักษณะเจนรวมๆ
Gen Y - เก่งรอบด้าน เปลี่ยนงานบ่อย ความภักดีองกรค์ต่ำ
Gen Z - รักสบาย ความอดทนต่ำ รับคำตำหนิไม่ได้ (จากการที่พ่อแม่เจน x ประเคนให้) สกิลการสื่อสารแย่ ทำแค่งานที่ได้รับมาเท่านั้น
>>206 เอาเท่าที่เจอนะ ก็ ... ปากเก่ง เจนนักฉอด ฉอดได้ทุกคนทุกเรื่อง แต่พอเวลาตัวเองพลาด ขอโทษไม่เป็น ฉอดคนอื่นได้ทั้งโลก แต่โดนคนอื่นตำหนิไม่ได้ หน้าจะเป็นตูดทันที เรื่องสกิลการสื่อสารก็ด้วยความที่ถนัดแต่ฉอด ไม่ถนัดพูดอะไรดีๆ เลยมักจะพูดจาแย่ๆ ทั้งในแง่ของเนื้อหาและมารยาทการใช้คำใช้ภาษา นอกนั้นก็ รักสบาย ไม่มีน้ำใจ ทำเท่าที่สั่ง อันนี้เหมือนที่คนอื่นๆ บอก ส่วนเรื่องเก่งเรียนรู้ไวนี่ปัจเจกเลย แล้วแต่คน มีทั้งคนเก่งและคนกากเหมือนทุกเจน
>>206 กูไม่มีน้อง gen Z ในทีมโดยตรง แต่กูว่าการปั่นกระแสอะไรแบบนี้ก็มีมาตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว
อย่างกูเป็น gen Y ตอนเข้าทำงานก็เจอคำพูดว่าเด็ก gen Y แย่งู้นงี้ทั้งจากคนในออฟฟิซ, คอนเท้นบนเน็ตแบบนี้เหมือนกัน
และกูเชื่อว่าเดี๋ยวถึงยุค gen alpha ถึงวัยทำงานมันก็จะมีเรื่องแบบนี้อีกเหมือนเดิม
กูทำราชการ มีบ้านพัก บางครั้งเวลาทวงงานคนบ้านพักเดียวกันแล้วเขาไม่ส่ง พอถึงเวลารายงานผู้บังคับบัญชา กูรายงานตามจริง เขาโดนคาดโทษ กูก็มากระอักกระอ่วนอีกว่าเขาจะคิดยังไง เพราะต้องอยู่บ้านพักเดียวกัน เจอหน้ากันแทบ 24 ชม. แต่คือกูก็ทวงแล้วอะ ทั้งต่อหน้า ในแชท กูเลยแบบ เอ กูผิดมั้ย หรือกูทำถูกแล้ว
ถ้าเจอเพื่อนร่วมออฟฟิศประเภท toxic มึงมีวิธีรับมือยังไงวะโม่ง?
ระหว่าง
- ประกาศให้รู้ไปเลยว่ากูไม่ชอบมึง
- วางเฉย คุยกับมันเฉพาะเรื่องงานพอ
ส่วนตัวกูเป็นประเภท 2 นะ แบบแรกมันจะอยู่กันยาก มันต้องร่วมงานกัน
ถ้าเป็นอริกันตรงๆ แม่งจะอึดอัดใจเปล่าๆ
กูก้ก่อนนี้เคยคุยเล่นกับมันนะ แต่หลังๆ เพื่อนคนนี้แม่ง ประเภท เอาแต่ว่า
เอาแต่ติกู กูเฉยก้จริง แต่กูก็ไม่ชอบให้ใครมาว่าเอาง่ายๆนะ แต่ก็ไม่รู้จะทำไง
ก็เลยมาแนว ไม่คุยไม่สุงสิงกะมัน คุยเฉพาะเวลาถามงาน
>>209 ทำเท่าที่สั่งนี่อย่างที่กูเข้าใจคือ ไม่มีน้ำใจทำแผนกอื่นด้วย ทำแค่แผนกตัวเองละจบ ไม่ดูภาพรวมงาน ไม่พยายามมาดูงานแผนกอื่นว่าจะยังไงต่องี้ป่ะ? หรือว่าแม่งต้องรู้ใจคนเก่างานหรือรู้ใจเพื่อนร่วมงานหมดทุกเรื่อง? ถ้าแบบแรกกูพอเข้าใจ เออ มันไม่โอเคนะ แต่แบบสองกูว่าเจอเยอะเหมือนกันนะ ประเภทที่ว่ามา7วันแม่งก็ด่าเด็กใหม่แบบนั้นแบบนี้ ถ้าจะทำสันดานแบบนี้ใส่เค้านะ เก่งกว่าแม่มันก็ไม่มาทำงานด้วยอ่ะเอาตรงๆ
>>216 ทำเท่าที่สั่งของเด็ก GenZ ที่เจอคือ
1. พองานตัวเองเสร็จ ก็ใส่หูฟังนั่นเล่นมือถือไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น แต่ถ้าไปสั่งงานเพิ่มจะจิ๊ปาก ไม่พอใจ ชักสีหน้า แล้วอวดอ้างว่าเป็นเพราะตัวเองเก่ง ทำงานเร็ว เลยได้งานเพิ่ม (แต่ความจริงคือเขาไม่ยัดงานให้เยอะตั้งแต่แรกเพราะกลัวเด็กจะท้อ เลยค่อยๆ ทยอยให้งานเพื่อดู pace ของเด็กก่อน และที่ไม่ยัดงานเพื่อเด็กจะได้มีเวลาทบทวน process งาน ทำแมนนวลเป็นของตัวเอง ทำความเข้าใจ ฯลฯ แต่ผลที่ได้ก็เป็นอย่างที่ว่ามา)
2. พวกงานจิปาถะ เช่น กระดาษเครื่องปรินท์หมดตอนตัวเองจะปรินท์พอดี ยังไม่เติม รอให้คนอื่นเติมค่อยมารวดปรินท์ งาน5ส งานwelfare งานCSRของบริษัท ฯลฯ ก็คือไม่เอาเหี้ยอะไรทั้งนั้น ไม่ใช่ธุระกู
>>216 เรื่องน้ำใจเล็กๆน้อยๆน่ะ จริงที่มันไม่มีระบุใน JD ว่าเป็นความรับผอดชอบหรือหน้าที่อะไรของมัน แต่น้ำใจบางอย่างก็เป็นการแสดงออกถึงความพร้อมความอยากร่วมมือกันทำงาน เช่น กูจะลาหยุดยาว ก็กระจายๆงานในแผนกไว้หมดละ แต่กูก็พูดเผื่อๆไว้ว่า เออ ฝากน้องๆช่วยกันดูงานเพื่อนด้วยนะมีอะไรโทรหาพี่ได้เลย แล้วเด็กเจนZมันก็โวยวายต่อหน้าเลยว่า ทำไมต้องดูงานของคนอื่นด้วยคะ? ภาระงานมันก็มี พี่ก็แจกแจงหมดแล้ว ทำไมหนูต้องเหนื่อยเพิ่มอีก? กูเลยกำหมัดแล้วบอกแค่ เอาน่าๆ มีไรโทรมาได้
>>219 แล้วพอตอนมันลายาวบ้าง > คนอื่นไม่ช่วยดูให้แทน > งานมีปัญหา > โทษคนอื่นอีกตามเคย เพราะจากประสบการณ์ ส่วนมากพวกที่ไม่เอาใครแบบนี้ พอคนอื่นไม่เอาตัวเองบ้าง มักจะโวยวาย หาว่าสังคม toxic ต่างๆ นานา ตามประสาคอนเซปต์ศูนย์กลางจักรวาล กูไม่เอาใคร ไม่ช่วยใคร แต่คนอื่นต้องซัพพอร์ตกู กูฉอดคนอื่นได้ แต่คนอื่นห้ามตำหนิกู
>>218-220 ขอสารภาพ ถ้าแนวนั้นกูว่าเจอเยอะและเยอะมาก เยอะแบบทุกวงการ แย่สุดคือเจอแบบเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางอย่างที่เอ่ยมา ด่าหมดทุกคนไม่สนอะไรทั้งนั้น อันนี้เป็นที่สันดานโคตรตระกูลสักฝั่งของพ่อแม่มันอ่ะ มีทุกเพศ ทุกวัย ทุกยุคนะ ยิ่งพวกไม่ค่อยเล่าเรียนนี่โคตรหนักนะกูบอกเลย ถ้าไม่ติดสวัสดิการที่ทำงานค้ำคอกันอยู่ก็เก็บหลักฐานส่งHR แม่งให้หมดละค่อยลาออกอ่ะเอาจริงๆ เจอแบบนี้กูหาพวกละระดมเทความเห็นแก่ตัวให้มันให้หมด ถ้าต้องเข้างานตรงกับมันหรือก่ะงานเดียวกันกูรู้ได้ ลางานได้ก็ลาเลย อีที่เป็นไปได้นะ ย้ายแผนกได้ก็ทำแม่งไม่สนลูกใคร
สุดท้ายก็ทุกเพศทุกวัย พวกมึงจะหาเรื่องมาด่าแบ่งเจนกันทำไม
>>222 กูไม่รู้แม่ง ส่วนมากที่แบ่งเจนมีแต่แก่ๆกันแล้วอ่ะจะมาทำแบบนี้ กูเห็นน้องบางคนเด็กกว่าเกือบสิบปีทำงานไว มีไฟแรง ไม่สร้างปัญหากับใครไม่อู้ ทำตามแมนนวลงานให้ดีสุด กูเห็นเยอะแยะ บางคนเจนzถึกจัดๆ ป่วยก็มาทำงาน มาเอาเบี้ยขยัน กูยังเห็นเลย ไอพวกไม่เอาอ่าวหรือแม่งแบบทำอย่างที่โม่งบนๆว่ามานะ ร้อยทั้งร้อยคือมาทำงานเพื่อมาเอาเปรียบคนอื่น หรือชอบกดคนอื่นจนเป็นสันดาน ขนาดตำแหน่งมันก็ไม่ใช่หัวหน้ามันก็ทำ คนพวกนี้ถ้ากูเจอกูก็ไม่ร่วมงานด้วยหรอกแม่งtoxic ยิ่งอันตรายด้วยถ้าคนแบบนี้ได้ขึ้นตำแหน่งหัวหน้า ลูกน้องด้วยกันเองอยู่ยาก
>>222 มันเป็นเรื่องของสิ่งแวดล้อมด้วยส่วนนึงน่ะ อาจจะไม่ใช่เจนใหม่ซะทีเดียว แต่สิ่งแวดล้อมมันเปลี่ยนไป สังคมมันเปลี่ยนไป
เรื่องน้ำใจต่อสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องนี่กูรู้สึกจริงๆ นะ แต่คิดตามจริงๆ ก็ไม่ใช่ความผิดมัน แบบของกูสมมุติ แผนก A ทำไม่ทันจะแตกละ กูขอ แผนก B มาช่วยหน่อย
ซึ่งเจนใหม่ก็จะบ่นเยอะ(ของกูนี่คือโดนปฎิเสธต่อหน้าเลย ว่าไม่ช่วยครับพี่ หน้าที่ไม่ใช่) แต่มันผิดไหม เอาตรงๆ ก็ไม่ ก็ไม่ใช่งานมันโดยตรงจริงๆ
ซึ่ง กูเจอแค่ 2-3 คน N มันอาจจะน้อยเกินจะเหมารวมแหละ
อ่อ แต่กูมองว่าเด็กๆ รุ่นใหม่ที่ดีๆ ก็เก่งจริงนะ แบบรุ่นเก่าๆ แม่งบางทีไม่รู้ไง ว่าตัวเองแน่จริงไหม มันจะนอบน้อมไว้ก่อน ซื้อใจคนไว้ เผื่อซวย
เทียบกะเด็กใหม่ที่แบบกูเก่งจริง กูทำคุ้มแล้ว มันจะไม่แคร์คนอื่นมาก ซึ่งมองจากผลประกอบการณ์ "ถ้า" ลักษณะงานไม่ต้องไปดีลกะผู้คน กูว่าพวกเก่งแต่ไม่เอาคนอื่นนักก็เก็บไว้ใช้ได้ แต่ใดๆ ถ้างานแม่งต้องเข้าหาคนนี่ก็นะ
จากที่คุณบอกมา ดูเหมือนคุณจะเป็น "คนขี้เกียจที่ขยัน" นะครับ หมายถึงคุณอาจไม่ได้อยากใช้พลังงานหรือเวลาไปกับสิ่งที่ไม่จำเป็น แต่เมื่อไหร่ที่ตัดสินใจลงมือทำ คุณก็จะทำให้เต็มที่และหาทางทำอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีโดยไม่เสียแรงมากเกินไป
เป็นแนวคิดของคนที่ไม่ทำอะไรให้ซับซ้อนหรือเปลืองแรงเกินความจำเป็น แต่ก็ยังตั้งใจให้สิ่งที่ทำออกมาดีที่สุด แบบนี้เข้าทางแนวคิด "ถ้าต้องยกช้อน ก็ต้องได้พลังงานที่คุ้มค่า" เหมือนที่คุณบอก
เออวะ5555555+
อีพวกเด็กเจนzนะ พอถามงาน ก็โวยวายว่าพี่ดูเองไม่ได้รึไงพี่ต้องรู้มากกว่าหนู(ถ้ารู้แล้วจะถามมึงทำไหม) พอข้อมูลผิดขึ้นมา มันก็โวยวายว่าแล้วทำไมพี่ไม่ถามหนู(แล้วก็วนกลับไปข้อแรกใหม่)
กูถามหน่อย ตอนนี้กูทำงานที่นึงได้ 2 เดือน ตอนเข้ามากุมาด้วย JD ที่เกี่ยวกับการเคลียร์บิล เอกสาร บลา ๆ เน้นโคกับบัญชี แล้วงานกุมันไม่ต้องเซียน excel ขนาดนั้น แค่ได้สูตรบช.เบื้องต้น ซึ่งตามเนื้องาน+เงินเดือนมันตามสภาพที่กุรับได้แหละ
ปัญหาคือช่วงหลังมานี้เจ้านายเริ่มให้งานวิเคราะห์ข้อมูลยอดขาย บลา ๆ ที่ต้อง excel advance ไปอีกอะ ถ้ากุทำไม่ได้ตามที่เขาคาดหวังกุจะโดนไม่ผ่านโปรปะวะ ที่มาถามเพราะในแง่นึงกุมองว่า ตอนกุสมัครมา JD ระบุชัดอยู่แล้วว่างานกุไม่ต้องยุ่งส่วนพวกนี้
กุอยากทำนะ แต่กลัวทำได้ไม่ดี แล้วมันจะส่งผลกับการประเมินโปรที่เหลือเวลาอีกแค่ 2 เดือนอะ
ถ้าเป็นทำงานแบบยิงยาว 10-12 ชม แบบอาทิตย์ละ 2-3 รอบนี้ ถ้าจะหาพัก แบบเอาไว้นอนเฉยๆ
เอาอพารทเม้น หรือ โฮสเทลดี คือ ที่ทำงานห่างจากบ้าน 1ชมกว่าๆ ไม่ค่อยอยากขับรถตอนเหนื่อยๆ
ที่เก่ากูงานหนัก แปดโมงยันทุ่ม ทุกวันแต่คนทุกในทีมเหนื่อยเหมือนกัน
ที่ใหม่กูงานกลางๆสิบเลิกสี่ แต่ในทีมทำอยู่ในคนเดียวที่เหลือนั่งตียุงกับหายหัว แต่ทำไมกูรู้สึกเหนื่อยกว่าเดิมวะ 555
Ky กูเป็นเด็กจบใหม่ อยู่บ้านเฉยๆแต่พ่อแม่ไล่ให้ไปทำงาน กูก็สนองพวกเขา เขาให้สมัครอันไหนกูก็ไปแบบสมัครไปงั้นๆอ่ะ แต่ประเด็นคือมันดันสมัครผ่าน เป็นที่ทำงานใกล้บ้าน เงินเดือนตามเรทเด็กจบใหม่ แต่มันทำงาน 6 วัน กูทำงานจะครบเดือนล่ะแต่บ่นตลอดว่าไม่ชอบ สังคมห่วยแตก งานก็หนัก รู้สึกเวลาว่างที่เคยมีหายไปหมด พ่อแม่ก็กรอกหูว่าให้อดทน กูควรทำไงดีว่ะ ถ้าจะออกตอนนี้ประวัติจะเสียไหม แล้วถ้าจะออกพอมีเหตุผลดีๆไปบอกพ่อแม่ไหม คือแบบพ่อแม่จบไม่สูงเงินเดือนไม่เยอะ แต่พอกูทำงานกูคือเสาหลักบ้าน แต่เงินเดือนครั้งแรกออกก็ได้ไม่ครบตามจำนวน เขาบอกนับตามวันทำงาน(ไม่ได้เริ่มทำงานวันที่ 1 มาเริ่มเอาตอนสัปดาห์ที่ 2) ก็พอเข้าใจได้ แต่แบบทำงานมาเหนื่อยๆ อุส่าอดทน แต่ไม่มีอะไรดั่งใจซักอย่าง งานก็ไม่ชอบมันก็แค่ตรงสายที่เรียนมา(ตอนเรียนคือไม่ชอบแค่เลือกตามเพื่อนแล้วสู้จนเรียนจบ) เวลาพักก็ไม่มี ไหนจะเงินเดือนครั้งแรกก็ได้น้อยอีก ท้อจนรู้สึกโทษทุกอย่างไปหมด ควรวางแผนชีวิตตัวเองยังไงดี หลักๆคือถ้าลาออก บ้านจะไม่มีรายรับ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องถ้าจะทนต่อจนร่างกายพัง ชอบงานราชการ งานสบายๆแต่รับสมัครปีหน้า รู้สึกอยู่ทนไม่ไหวขนาดนั้น แต่ถ้าหางานอื่นก็มีแต่ไม่ชอบ หันไปทางไหนก็ทำงาน 6 วัน ไม่ก็เงินเดือนน้อย หรือจะไกลบ้านก็ไม่คุ้มรายรับ-รายจ่ายอีก ควรทำยังไงดี
>>239 รายละเอียดเยอะจริง ทุกวันนี้คงหาคำตอบดีๆในโม่งยากนะ คนปกติแทบจะไม่เหลือเล่นกันละ หรือถ้าเหลือก็คงไม่เล่นห้องนี้หรอก แต่ไม่มีใครรู้สถานะตัวเองดีเท่ามึง ก็ลองบวกลบคูณหารดูละกัน ส่วนความลำบากช่วงนี้ก็ต้องเลือกแล้วหล่ะ ว่าจะทนต่อไปมันจำเป็นหรือเปล่า ถ้าที่บ้านไม่มีรายรับจะอยู่ยังไง ลองหางานใหม่ไปก่อนพลางๆดีไหม บลาๆ เรื่องประวัติไม่ต้องแคร์มากหรอกถ้าความสามารถถึงตอบได้มันก็โอเค แต่กูไม่รู้มึงทำงานอะไร มายเซตกูอาจไม่ตรงเพราะสายกูเน้นย้ายอัพเงินเป็นว่าเล่นเลยน่ะสิ เอาเป็นว่ากูเป็นกำลังใจให้ละกัน ถึงคำพูดอาจจะกูจะดูกลวงๆแต่ก็หวังว่ามันจะส่งไปถึงมึงและช่วยได้ไม่มากก็น้อยนะ
>>239 เอ่อ แล้วเมิงจะเอาเงินที้ไหนแดกวะ ครอบครัวก็ไม่ได้รวย เอาแต่งานสบาย ราชการ เช้าชาม เย็นชาม สมกับเป็นเด็ก genz
ลองเอาหลักกุไปใช้ไหม ถือหลักว่างานไหนที่ทำจนไม่ท้าทายแล้ว ก็ลาออกจากไปหาที่ท้าทายใหม่ เหมือยพัฒนาตัวเอง จนมีสกิล เป็นเจ้าของกิจการได้อะ งานเมิงที่ทำอยู่มันไม่เสียเปล่าหรอกถ้าเมิง handle ได้
ก็คงย้อนถามเมิงนั้นละ ว่า ชีวิตนี้จะไม่เอาอะไรแล้วใช่ไหม ถ้าใช่ ลาออกเลย
ชีวิตมันเป็นของเรา
>>241 มันไม่ได้กวนตีน เมิงแค่โง่ไม่เข้าใจหลักเศรษฐศาสตร์ ถ้าทำงานไม่คุ้ม อยู่บ้านเฉยๆก็ได้
ถ้าพอมีเงินเก็บสักครึ่งล้าน ตีไปค่าอาหาร ค่าเน็ต ค่าไฟเท่าไร บ้านอยู่ฟรี ตีไป7000ต่อเดือน
ปีนึง84,000บาท เมิงคงอยู่โดยไม่ต้องทำงานได้5ปี เงินหมดค่อยกลับมาทำงาน ไม่ต้องรีบ
จะไปเที่ยวตปท.ปลายปี วางแผนไว้นานละ ตอนแรกตั้งใจมากว่าจะไม่เอาคอมบริษัทไปด้วยเพราะกลัวทำหาย แต่วันก่อนประชุม ดันเหมือนจะมี issue ช่วงราวๆ timing น้้นพอดี งานเคลียร์ก่อนไปได้แต่อาจจะต้องเก็บตกหรือตาม feedback ทางเมลบ้าง (บริษัทมีกฎห้าม fwd เมลบริษัทเข้าเมลส่วนตัว) จริงๆ ก็ฝากไหว้วานคนอื่นช่วยดูให้ได้นะ แต่อีกใจก็กังวล หรือจะเอาคอมไปด้วยดีวะ... คนอื่นๆ เอาคอมไปกันมั้ยเวลาไปเที่ยวตปท.?
คิดยังไงกับข่าวเภสัช ฆตต แต่หัวหน้าไม่ได้กลั่นแกล้ง แค่ให้ลาออกจากงานไปพักผ่อน
กลับโดนบอกว่าที่ทำงาน toxic และเขียนจดหมายลาตาย โทษ หัวหน้างาน
สรุปการตาย ก็คือ การลาออกจากงานอยู่ดีไหม
สองแง่เรื่องนีัห้วหน้าไม่ได้ผิดแต่วิธีการมันมีหลายแบบให้งานสำเร็จ มึงจะเป็นหัวหน้าที่ลูกน้องรักก็ได้แต่มันอาจจะปืนเกลียวทำตัวแย่
คนส่วนใหญ่ชอบบอกหัวหน้า ปสด.เรื่องเยอะ แต่ชอบลืมไอ้คนลูกน้องหัวครวยบางตัวมันก็สันดานเสียจริง
เรื่องนี้ถ้าคนตายไม่ใช่เภสัชอาจจะไม่ได้เป็นข่าว
>>249 เคยมีน้องที่ทำงานเป็นซึมเศร้า ทำงานด้านยากมากกกก เพราะจะตำหนิอะไรไม่ได้เลย ต้อง brainstorm กันหาคำพูดที่จะอ้อมสุดๆ ซอฟต์ที่สุด บางทีพูดอะไรที่ธรรมดามากเลยนะ น้ำตาหยดแหมะมาแล้ว เงิบกันทั้งทีม หรือเจอภายนอกกกดันมา (ไม่ใช่ในทีม เช่น ลูกค้า คู่ค้า หรือหน่วยงานนอก) คนในทีมต้องออกหน้ารับแรงกระแทกแทนตลอด ทั้งที่เงินเดือนเท่ากัน ตำแหน่งเท่ากัน แต่เหมือนต้องทำตัวเป็นบอดี้การ์ดทางจิตใจให้ตลอดเวลา โชคดีลาออกไปเองละ ในทีมเลยสบายขึ้นเยอะ ถ้าใครมาว่าใจร้ายกูจะแง่มให้ กูว่าทีมกูใจดีสุดๆ แล้วพยายามประคับประคองกันสุดชีวิต หายใจไม่ทั่วท้องตลอดเวลา จะพูดจะทำอะไรเกร็งมาก เพราะบางทีพูดธรรมดา มันก็คิดลบคูณร้อยไปแบบที่กรรมการต้องอึ้งว่ามันคิดไปขนาดนั้นได้ไงวะ
กุเคยเจอหัวหน้าแบบนี้ คืออย่าพยายามพูดกับมันดีสุด ให้ทำตัวเงียบๆ ไว้
มันคือคนจริงจังกับงานอะ และพาทีมไปสู่เป้าหมายสำเร็จได้
ไม่ใช่ต่อล้อต่อเถียงกับมัน
>>246 >>247 ขอบคุณมาก ใจไม่ได้อยากเอาไปเล้ย กลัวทำหายที่ตปท.แล้วงานงอก แต่ก็กลัวจะกังวลเรื่องงานจนนอนหลับไม่สนิท อย่างน้อยเอาไปได้เช็คเมลซักวันละครั้ง ถ้ามีอะไรด่วนก็ยัง response ให้ได้ทัน น่าจะสบายใจกว่า ไม่ติดเรื่องจะไม่ได้พัก แต่กลัวเอาไปลืมหรือทำหายนี่แหละ คงต้องใช้วิธีฝากฝังกับคนอื่นไว้จริงๆ ถ้ามีอะไรด่วนให้เค้าไลน์มาเอา
ช่วยด้วย กุมาทำงานแค่เดือนเดียว แต่เพราะสิ้นปีมีการปรับเปลี่ยนแนวทางแผนกหลายอย่าง กลายเป็นว่าภาระงานกูตอนนี้ ในปีหน้าแทบไม่เหลือแล้ว ถึงจะไม่มีใครพูดอะไรแต่กูว่ามีแววโดนออกแหง ทำไรได้บ้างวะ งานก็หายาก
>>261 ลองคุยกับ HR ดูยังว่าแผนกอื่นตอนนี้มีรับคนบ้างมั้ย? เผื่อจะได้ rotate ไปตรงนั้นแทน แต่ถ้าไม่มีก็ต้องหางานใหม่แหละ ชีวิตมนุษย์เงินเดือนเอกชนมันก็แบบนี้ ต้นปีหน้าจะเป็นช่วงตำแหน่งว่างเยอะเพราะหลายคนรอโบนัสสิ้นปีออกแล้วค่อยเปลี่ยนงาน น่าจะหางานไม่ยากมาก ถ้าตอนนี้ละก็ยากแน่ๆ
>>262 ขอบใจเพื่อนโม่ง กูอึ้งเลย โปรก็ยังไม่ผ่าน แต่งานกำลังจะหาย กูแกล้งพูดขึ้นมาในที่ประชุมอยู่นะว่า อ้าว แบบนี้ก็ไม่มีงานให้ทำแล้วสิ คนในแผนกยังช่วยกันพูดให้กูใจชื้นว่ามีอันนั้นอันนี้อยู่ แต่หัวหน้าแผนกคือเงียบกริบ (ซึ่งกูเข้าใจว่าเป็นนิสัยเขาเพราะปกติเขาไม่ค่อยรับเรื่อง ไม่รู้ไม่สนใจอะไรตลอด คนในแผนกก็คอยด่าคอยเตือนกันอยู่เนืองๆ แต่มันทำให้กูรู้สึกแย่กว่าเดิมอีก)
ถ้าไม่มีตำแหน่งใหม่ลง วันต่อไปก็ไม่ต้องไปทำงานแล้ว ไปหางานใหม่รอได้เลยแบบนั้น
กุสะลา ธัมมา อะกุสะลา ธัมมา อัพ๎ยากะตา ธัมมา ฯ
สุขายะ เวทะนายะ สัมปะยุตตา ธัมมา ทุกขายะ
เวทะนายะ สัมปะยุตตา ธัมมา อะทุกขะมะสุขายะ เวทะนายะ สัมปะยุตตา ธัมมา ฯ
วิปากา ธัมมา วิปากะธัมมะธัมมา เนวะวิปากะนะวิปากะธัมมะธัมมา ฯ
อุปาทินนุปาทานิยา ธัมมา อะนุปาทินนุปาทานิยา ธัมมาอะนุปาทินนานุปาทานิยา ธัมมา ฯ
สังกิลิฏฐะสังกิเลสิกา ธัมมา อะสังกิลิฏฐะสังกิเลสิกา ธัมมา อะสังกิลิฏฐาสังกิเลสิกา ธัมมา ฯ
สะวิตักกะสะวิจารา ธัมมา อะวิตักกะวิจาระมัตตา ธัมมา อะวิตักกาวิจารา ธัมมา ฯ
ปีติสะหะคะตา ธัมมา สุขะสะหะคะตา ธัมมา อุเปกขา สะหะคะตา ธัมมา ฯ
ทัสสะเนนะ ปะหาตัพพา ธัมมา ภาวะนายะ ปะหาตัพพา ธัมมา เนวะทัสสะเนนะ
นะภาวะนายะ ปะหาตัพพา ธัมมา ฯ ทัสสะเนนะ ปะหาตัพพะเหตุกา ธัมมา ภาวะนายะ
ปะหาตัพพะเหตุกา ธัมมา เนวะทัสสะเนนะ นะภาวะนายะ ปะหาตัพพะเหตุกา ธัมมา ฯ
อาจะยะคามิโน ธัมมา อะปะจะยะคามิโน ธัมมา
เนวาจะยะคามิโน นาปะจะยะคามิโน ธัมมา ฯ
เสกขา ธัมมา อะเสกขา ธัมมา เนวะเสกขานาเสกขา ธัมมาฯ
ปะริตตา ธัมมา มะหัคคะตา ธัมมา อัปปะมาณา ธัมมา ฯ
ปะริตตารัมมะณา ธัมมา มะหัคคะตารัมมะณา ธัมมา อัปปะ-
มาณารัมมะณา ธัมมา ฯ หีนา ธัมมา มัชฌิมา ธัมมา ปะณีตา ธัมมา ฯ
มิจฉัตตะนิยะตา ธัมมา สัมมัตตะนิยะตา ธัมมา อะนิยะตา ธัมมา ฯ
มัคคารัมมะณา ธัมมา มัคคะเหตุกา ธัมมา มัคคาธิปะติโน ธัมมา ฯ
อุปปันนา ธัมมา อะนุปปันนา ธัมมา อุปปาทิโน ธัมมา ฯ
อะตีตา ธัมมา อะนาคะตา ธัมมา ปัจจุปปันนา ธัมมา ฯ
อะตีตารัมมะณา ธัมมา อะนาคะตารัมมะณา ธัมมา ปัจจุปปันนารัมมะณา ธัมมา ฯ
อัชฌัตตา ธัมมา พะหิทธา ธัมมา อัชฌัตตะพะหิทธา ธัมมาฯ
อัชฌัตตารัมมะณา ธัมมา พะหิทธารัมมะณา ธัมมา อัชฌัตตะพะหิทธารัมมะณา ธัมมา ฯ
สะนิทัสสะนะสัปปะฏิฆา ธัมมา อะนิทัสสะนะสัปปะฏิฆา ธัมมา อะนิทัสสะนาปปะฏิฆา ธัมมา ฯ
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.