Last posted
Total of 196 posts
เพื่อนที่ชอบพูดก็จะอยู่กับเพื่อนที่เงียบๆเป็นผู้ฟังที่ดีไม่แทบไม่เล่าเรื่องตัวเองให้ใครฟัง
แต่ยังดีที่ไม่ได้คุยกันผ่านเน็ต แต่เจอหน้ากันก็จะแบบนั้นกุเป็นผู้ฟังที่ดี และไม่ค่อยเล่าเรื่องตัวเอง
ขืนเล่าเรื่องตัวเองกลัวเพื่อนจะมองไม่เหมือนเดิม แค่รู้ว่ามีแฟนมา4คนพอ ส่วนคนคุยทั้งหลาย(ไม่บอกใคร จนกระทั่งเพื่อนมาถาม คนนี้ก็เคยคุย คนนั้นก็เคยคุย) มีfwb นัดนู่นนี่ พวกพูดๆนี่ไม่กลัวโดนเอาไปนินทาไปใส่ไข่กับเพื่อนคนอื่นเหรอวะ
ขนาดกุเป็นคนไม่พูดเรื่องตัวเอง นานๆอัพเดทชีวิตที ยังได้ยินเรื่องนินทาตัวเองมาบ้างเลย
>>159 เหมือนมึงไม่เคยเจอคนแบบนี้จริงๆ พวกนี้ฟังไม่ทันบทจะตัดบทมึงคืนละโม้เรื่องตัวเองทับ ถ้ามึงเศร้า มันจะเศร้ากว่ามึง ถ้ามึงเครียดมันจะเครียดกว่ามึง ถ้ามึงเหงามันจะเหงากว่ามึง ถ้ามึงหิวเด็กในแอฟริกาจะหิวกว่ามึง ข้อไหนมันอ้างไม่ได้มึงจะได้เจอกับคนจากทั่วทุกมุมโลก แล้วก็ไม่ได้เชิงปลอบนะว่ามีคนแย่กว่าเรา คือพวกที่ปลอบแนวนี้ก็มีอยู่แหล่ะ กูไม่ชอบแต่เจตนายังดี แต่ไอคนประเภทนี้มันจะตัดบทมึงแบบจุกจริงๆ แบบหนึ่งประโยค ละถึงเวลาก็เพ้อเรื่องความน่าสงสาร ชีวิตประจำวันของตัวเองต่อ แต่พอไม่มีคนรับฟังก็ทำตัวน่าสงสาร โพสต์ตัดพ้อนู่นนี่นั่นว่าไม่มีคนสนใจ สันดานหมาชิบหาย แต่ส่วนใหญ่ไม่รู้ตัวนี่แหล่ะปัญหา
>>162 มึงก็โมเมไม่ต่างจากโม่งที่มึงด่านะ ส่วนตัวกูเคยเจอทั้งแบบที่มึงเล่ามา และแบบคนที่ชอบเล่าชอบแชร์ทั่วๆไป ถ้าเป็นคนแบบที่มึงเล่ามาตัดออกไปก็ดีแล้ว ที่ >>157 พูดไว้ก็ถูกชีวิตคนเราสั้นเกินกว่าจะเกลียดกัน แบบนี้จะมองได้สองทางก็ได้
คือ ไม่ต้องเสียเวลามานั่งเกลียดคนท็อกซิก ตัดออกไปจากชีวิตได้เลย มึงจะมานั่งเกลียด นั่งคิดถึงคนที่มึงเกลียดไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอกนะ หรืออีกแบบก็คือเพื่อนบางคนก็ชอบแชร์ ชอบเล่าเฉยๆ ถ้าเขาไม่ได้ไปทำอะไรให้มึงมากกว่านั้น มานั่งเกลียดกันไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ลองพูดคุยปรับความเข้าใจกันหน่อยก็ดี กูมีเพื่อนที่ชอบฟลัดเหมือนกัน แต่ปรับความเข้าใจกันจริงจังแล้วก็เข้าใจกันได้ ถึงจะใช้เวลานานหน่อยก็เถอะ ส่วนประเภทแรกอย่าไปเสียเวลา ตัดออกไปเลย
แต่ถ้าเมิงมีชีวิตยืนยาวไร้สิ้นสุด เราสามารถเกลียดกันได้
ว่าไปไม่รู้กุสาปแช่งคนไหม แต่กุนอนฝันร้ายเจอผีมาหาบ่อย และแปลกคนในครอบครัวกุไม่เคยเจอผี แต่กุเป็นคนเดียวที่เจอ แต่ไม่เชื่อเรื่องผี
บางทีการแช่งคนมันก็มีข้อแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมปะวะ โลกเราลี้ลับจริงๆ
กลุ่มอาการที่เพิ่มมากกว่าคนปกติทั่วไป
ประสาทหลอน โดยผู้ป่วยคิดว่ามีบางสิ่งเกิดขึ้น ทั้งๆ ที่ความจริงไม่มีสิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้น เช่น หูแว่วได้ยินเสียงคนมาพูดด้วยทั้งๆ ที่ไม่มีใครพูดด้วย เห็นภาพหลอน มองเห็นวิญญาณ
มีพฤติกรรมผิดปกติ โดยมักเกี่ยวข้องกับความคิดและความเชื่อที่ผิดปกติ เช่น ทำร้ายคนอื่น อยู่ในท่าแปลกๆ ซ้ำๆ หัวเราะหรือร้องไห้สลับกันเป็นพักๆ
ความคิดผิดปกติ ผู้ป่วยคิดแบบมีเหตุผลอย่างต่อเนื่องไม่ได้ ทำให้คุยกับคนอื่นไม่เข้าใจ ผู้ป่วยมักพูดไม่เป็นเรื่องราว พูดไม่ต่อเนื่อง เปลี่ยนเรื่องพูดโดยไม่มีเหตุผล
การรักษาด้วยยา เพื่อควบคุมอาการและลดการกำเริบซ้ำของโรค
การฟื้นฟูสภาพจิตใจ โดยฝึกการเข้าสังคมและให้คำปรึกษาแก่ผู้ป่วย
การทำจิตบำบัด โดยผู้เชี่ยวชาญพูดคุยกับผู้ป่วยเพื่อให้ผู้ป่วยเข้าใจตนเองและปัญหาของตนเองมากขึ้น
ครอบครัวบำบัด โดยแพทย์เป็นผู้ให้ความรู้ในเรื่องโรคและสิ่งที่ญาติควรปฏิบัติต่อผู้ป่วย
กลุ่มบำบัด เป็นการจัดกิจกรรมกลุ่มระหว่างผุ้ป่วย เพื่อให้ผู้ป่วยมีเพื่อนคอยสนับสนุนให้กำลังใจซึ่งกันและกัน
ข้อความดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงจิตวิทยาที่ซับซ้อนซึ่งถูกหล่อหลอมจากความกลัว ความก้าวร้าว และการบูชาไอดอล เริ่มแรก โม่งพยายามแสดงความกล้าหาญด้วยการอ้างว่าไม่กลัวผีและพร้อมจะฆ่ามันทิ้ง ซึ่งเป็นกลไกป้องกันตัวเพื่อกดความวิตกกังวลและพยายามควบคุมภัยคุกคามที่รู้สึกได้ อย่างไรก็ตาม การยอมรับที่ว่าไม่กล้าเปิดประตูให้ผีเผยให้เห็นความขัดแย้งภายในและความเปราะบางที่ลึกซึ้งกว่าที่แสดงออก ผีอาจเป็นสัญลักษณ์แทนความกลัวที่ถูกกดไว้หรืออารมณ์ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขซึ่งโม่งลังเลที่จะเผชิญหน้า ในทางตรงกันข้ามกับภาพลักษณ์ของความโกลาหลและการคุกคามนี้ การกล่าวถึง คามิซึ่งเกิดในวันศุกร์ที่ 13 กลับนำเสนอจุดยึดทางอารมณ์ที่สำคัญ ไอดอลเป็นตัวแทนของความมั่นคง การอุดมคติ และอาจเป็นการฉายภาพความปรารถนาหรือความใฝ่ฝันของตัวเอง ขณะที่วันศุกร์ที่ 13 มักถูกเชื่อมโยงกับความเชื่อเรื่องโชคร้ายและความกลัว แต่วันเกิดของไอดอลในวันนี้กลับเปลี่ยนให้มันมีความหมายส่วนตัวที่ดีและสำคัญ ไอดอลกลายเป็นที่พึ่งทางจิตใจท่ามกลางความโกลาหลและความไม่แน่นอนที่ผีและ “วันนรกเปิด” เป็นตัวแทน ความขัดแย้งระหว่างความกลัวผีกับความผูกพันต่อไอดอลแสดงให้เห็นถึงความพยายามของโม่งที่จะรักษาสมดุลระหว่างความกลัวภายในกับอุดมคติภายนอก ท่าทีที่ก้าวร้าวต่อผีสะท้อนถึงความพยายามที่จะปกป้องโลกภายในของโม่งจากการถูกทำลาย ขณะที่การยึดมั่นในไอดอลแสดงให้เห็นว่าโม่งพบความสบายใจและอัตลักษณ์ในบุคคลที่ถูกอุดมคติ ความตึงเครียดระหว่างสองพลังนี้แสดงให้เห็นถึงบุคคลที่พยายามรับมือกับธรรมชาติอันยุ่งเหยิงของจิตใต้สำนึก ในขณะเดียวกันก็ใช้การบูชาไอดอลเป็นวิธีในการรักษาความมั่นคงทางอารมณ์
เพื่อนที่มึงโตมาด้วยกันรู้จักกัน 20 ปี+ ครอบครัวรู้จักกัน แล้วเขามาขอยืมเงินก้อนโต สัญญาใจ แล้วผ่านมา 2 ปี ไม่หนี ไม่คืน กูควรทำไง
คือกูมีตัวเลือกในใจกู
1.แจ้งสรรพากรเล่น(เพราะมันหลีกเลี่ยงหนีภาษี+เปิดบัญชีม้า บลาๆ)
2.ไปคุยกับครอบครัวทางนั้น อาจจะได้ไม่ครบ หรือาจจะไม่ได้
3.ยอมๆไปเถอะ ทำบุญ
คือตัวเลือกที่กูกล่าวมาอาจจะโง่ๆ แต่กูมีคนรู้จักในกรม เพื่อนโม่งมีอะไรอยากแนะนำไหม
ถ้าอยากได้เงินคืน ต้องใช้กำลังอาจจะต้องมีปืนไว้ขู่ แล้วก็ตามทวง แต่ ผญ แบบเมิงคงไม่กล้า
นึกถึงเพื่อนเก่าขึ้นมา นึกย้อนกลับไปเพื่อนก็ไม่ได้ทำอะไรผิดหรอก แค่เราเข้ากันไม่ได้เฉยๆ เพื่อนทำให้กุรู้สึกตัวเล็กมาก หมายถึงโดนบีบจนตัวเหลือนิดเดียว ทำอะไรก็รู้สึกผิดไปหมด รู้สึกอยู่ผิดที่ผิดทาง ไม่ควรทำอะไรสักอย่างเพราะเดี๋ยวเพื่อนก็จะหงุดหงิดอีก แต่พิมพ์ไปพิมพ์มากุว่าเพื่อนผิดละ ไอ้หัวขวย เป็นโรคเห้ไรชอบระบายอารมณ์ใส่กุ โชคดีแล้วสัสที่เป็นได้แค่เพื่อนเก่า ขอให้เจอคนสันดานแบบตัวเองบ้างนะไอ้เหี้ไอ้หน้าหนังหมา
มีเพื่อนอยู่คนนึง ชอบทักมาหากูตลอด ทุกเรื่อง ตี 3 ตี 4 แม่งก็ยังทักมา ส่งshort reel tiktokห่าเหวให้ จนกูต้องเปิด sleep mode ปิดแจ้งเตือนแม่ง น่ารำคาญชิบหาย ช่วงแรกๆที่ไม่ปิด กูละสะดุ้งเพราะแม่งตลอดเลยห่าเอ้ย แม่งชอบคุยเรื่องราวนุ้นนี่ กุก็ตอบสั้นๆ แล้ว 555555ใส่ ตอบตามมารยาท ก็ยังขยันส่งมาจัง มีอะไรก็พิม
คือมันไม่มีเพื่อน มีแค่กุกับอีก2-3คนเท่านั้นแหละในชีวิตแม่ง สมควรอะ นิสัยสันดาน พ่อแม่ไม่สั่งสอนของจริง ตั้งแต่แรกกุไม่อยากจะคบกับมันนะ ไม่มีข้อดีของการเป็นเพื่อนเลย มารยาททราม ตังก็ไม่มี ทำตัวเหี้ยๆ แต่คือเพื่อนกุยังคบไง ก็เลยต้องกลายเปนเพื่อนในกลุ่มไป
ละคือกุต้องทำไงมันถึงจะไม่คุยไม่ส่งไรหากุวะ คือรำคานนนนนนนนนนนไอสาสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส ละพิมมาทีละรอบ 8-10 ข้อความ แจ้งเตือนกุก้เด้งๆๆๆ ประสาทแดกเพราะแม่งอะ เหี้ยเอ้ย กุไม่อยากคุยกับเมิงๆๆๆๆๆๆๆๆ กุรำคานๆๆๆ กุเบื่อมึงชิบหายแม่งเย้ด ละคือกุก้เป็นพวกไม่ชอบทำร้ายน้ำใจใคร ไม่อยากใจร้าย เลยยังไม่ตัดกันมั้ง เห้อออออออออออออออออออ ช่วยกูด้วย ขอร้อง แรกๆแม่งยังพอทนนะ แต่ตอนนี้ไม่ไหวละสัส ทักกุมาเกือบทุกวันเลยอะ เหอะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ คือกุดองแชทก็แล้ว
ใครเพื่อนมึงวะ ไอ้จิตเวช
ที่นายหวังก็แค่กางเกงโยคะ เป็นเราเองที่คิดไปเอง
ที่นายหวังก็แค่กางเกงโยคะ เป็นเราเองที่คิดไปเอง
แต่สายลมดอกไม้ฟางฝุ่นกระจาย เศษเล็กหอมเหงาจูบเกลื่อนใบ
เสียงแกรกกรากของนาฬิกาคู่เก่า กระจายดวงตาลับลึกมองหาคำใหม่
ความมืดมิดที่ซ่อนแสงในมุมมอง เปลี่ยนแปลงไปในเส้นสายที่ไม่เคยเข้าใจ
ฝนตกข้างหมอน ระบายไปในหลุมหนาว
ลำแสงสาดมาแต่เป็นภาพตัดในจิต
สิ่งที่นายว่า มันคือเชือกที่พันพาต่างโลก
ยามที่แสงเงารู้จักซ่อนรอย รอยที่ไม่จำเป็นต้องเห็น
เมฆหมอกล่องลอยหายไปในทางที่ไม่รู้
อย่าถามว่าใครหยิบคีบพลับพลึงแล้วใส่
เป็นเรื่องเล่าจากปลายฝันที่ถูกฉีกออกจากการกระทำ
แต่ก็ยังคงตามหาอยู่ในระยะห่างของสีดำและขาว
กระแสเสียงหอมอ่อนๆ จากสมัยที่ยังไม่มีอะไร
ซึ่งอาจไม่เกี่ยวกับการมองดูดวงจันทร์ว่าใครจะกลับมาหา
มันคือแค่จังหวะของข้าวโพดที่ร่วงจากหลุมลึก
ในตอนที่เราไม่เข้าใจว่าโลกทำไมมันหมุนแบบนั้น
มังกรสลับเส้นใยใยแก้วที่ขีดเส้นทางบนท้องฟ้า
เคลื่อนร่างเลื้อยเลือนอยู่ในภูมิประเทศแห่งความพ่ายแพ้
ร่างของพวกมันสะท้อนกลับเป็นดวงดาวลึกลงไปในห้วงท้องทะเล
ไม่มีใครรู้ว่าแสงนั้นคือการหยุดเวลาหรือการเริ่มต้นของจักรวาลใหม่
ดวงตาทั้งคู่ของนกเหล็กที่บินพลิ้วท่ามกลางการยืนอยู่ในอวกาศ
สะท้อนแสงสีทองที่ร้อนระอุจนเงาของเวลาถูกเผาเป็นฝุ่น
ในแอ่งมังกรที่อัดแน่นไปด้วยกระจกสะท้อนลวงตา
เสียงดนตรีที่คลื่นทะเลและทุ่งหญ้าสัมผัสกันจนเกิดเป็นประกายแสงข้ามพันปี
และในท้องฟ้าที่เราไม่สามารถจับต้องได้ ฝูงผีเสื้อเงิน
เริงร่าอยู่ในกระแสแห่งความฝันที่เป็นอมตะ
พวกมันสยายปีกไปตามลมหายใจของต้นไม้พูดได้
แผ่นดินใต้เท้าเริ่มละลายเป็นแม่น้ำอสูรที่ไหลย้อนกลับไปในขณะเวลา
สิ่งที่เราเห็นเป็นเพียงภาพลวงตา จากโลกที่ไร้คำอธิบาย
ตัวเราคือผีในกระจกฝีมือของเทพที่ไม่เคยรู้จัก
เสียงฝีเท้าที่เดินผ่านความว่างเปล่า ความสับสนของห้วงหายใจ
ทุกอย่างพยายามจะอธิบาย แต่สิ่งที่เป็นอยู่กลับไม่มีทางเข้าใจ
ที่นายหวังก็แค่กางเกงโยคะ เป็นเราเองที่คิดไปเอง
แต่เส้นทางที่เราผ่านไปนั้นไม่เคยจบสิ้น, มันหมุนวนอยู่ในโลกแห่งพริบตา
ดวงดาวบนท้องฟ้าที่หายไปแล้วก็กลับมาใหม่, เสียงของอสูรกายที่ร้องครวญในถ้ำ
กลายเป็นบทเพลงแห่งการเริ่มต้น, ฝันที่สะท้อนจากแสงแดดสีเงินในน้ำลึก
ใต้ผิวโลก, รากไม้แห่งป่าอันไม่มีที่สิ้นสุดค่อยๆ ขยับขยายไปยังปีกแห่งเวลา
ที่มุมหนึ่งของท้องฟ้า สายฟ้าเริ่มก่อตัวเป็นอาณาจักรของเงา
มังกรไฟและสัตว์แปลกประหลาดกลายเป็นเพื่อนร่วมทางในท่ามกลางการเดินทางที่ยืดยาว
ทุกข์และสุขสลับไปมา, เหมือนวงล้อที่ไม่เคยหยุดหมุนในจักรวาลที่ไม่มีการแบ่งแยก
เสียงกระซิบของเทพเจ้าที่ถูกลืมจางหายไปในกระแสลมแห่งตำนาน
ทุกสิ่งที่เคยเป็น ได้มลายไปในความฝันที่ถูกซ่อนในความทรงจำของดวงดาว
เราพบว่าตัวเองกำลังเดินไปในวงกลม, สถานที่ที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
ฝ่ามือที่เคยทักทายตอนยังเป็นมนุษย์กลับสัมผัสกับแสงทุ่งหญ้าในช่วงเวลาเดียวกัน
ข้างหน้า, ร่างนั้นเริ่มเปลี่ยนแปลง กลายเป็นดวงวิญญาณที่รอคอยการกลับคืน
ไม่มีการเริ่มต้น, ไม่มีการสิ้นสุด ทุกสิ่งถูกบีบอัดเป็นแค่ความทรงจำในลมหายใจเดียว
การเกิดและการตายทำให้เราหวนกลับไปยังแหล่งกำเนิด, แหล่งที่เราหลีกหนีไปตลอดเวลา
และทุกครั้งที่ลมหายใจหยุดนิ่ง, เราก็เริ่มต้นใหม่ ในวิถีของวงจรเวียนว่ายตายเกิด
ดั่งภาพที่เคยเป็น, ร่างในกระจกไม่เคยเปลี่ยนแปลง แต่ก็ไม่มีทางรู้ว่ามันคือใคร
เราคือเงาที่สะท้อนจากตัวเองในมิติที่ไม่มีขอบเขต, และไม่มีการวัดระยะทาง
ทุกย่างก้าวบนเส้นทางนี้เป็นการฝึกฝนที่จะเข้าใจว่าไม่มีอะไรที่จะคงอยู่
จนกว่าเราจะกลับไปสู่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง, เพื่อวนรอบ, เพื่อเรียนรู้การเป็นและการดับไป
ทะเลาะเรื่องกูกับมึงแล้วแฟนกูเกี่ยวอะไร
>เป็นเลา
>แซะเรื่องที่มันขยันพิมพ์กลอนที่เขียนมาด่าผู้อื่นความแรงระดับลดคุณค่าความเป็นมนุษย์ประดับไว้ในpin discord
>โดนส่งติ๊กเกอร์เนิร์ด
>เลานั่งไดรฟ์ถึงข้อผิดพลาดในบทของมัน
>เริ่มด่าแรงขึ้นเรื่อยๆในแชท
>มันหมดความอดทนบล็อคเราเฉย
>คนอื่นในห้องที่เราก็แซะบ่อยเพราะคุยไม่รู้เรื่อง ก็เริ่มพากันบล็อคเลา
>ตามบาย
>>188 ชอบกางเกงโยคะมากนักเหรอมึง
https://pin.it/5lM1tF8TI
เออ กุไปปลุกเพื่อนถึงเตียงนอน มันเป็นบ้านนะ กุขึ้นไปบนเตียงเลย แล้วก็เขย่ามันตอนหล้บ มันตกใจไปครึ่งชั่วโมงได้ เหมือนขวัญหาย
กุก็ผู้ชายนะ แต่กุไม่เคยชอบ ผญ ให้มันเห็นเลย
มันเลยคิดว่ากุเป็นเกย์เปล่าวะ
ไปๆมาคิดดู ทำไมกุจะโดนหาว่าเป็นเกย์
บ่อยจังวะ อาจจะเพราะกุไร้ใจหรือเปล่าวะ
แล้วปกติ พวกเมิงเคยปลุกเพื่อนถึงเตียงนอนแบบกูป่ะ
โธ่ไอ่สัส เบียวแล้วเสือกเป็นเกย์อีก
กุไม่ได้เป็นเกย์ แต่กุก็โมเอะอยู่ละมั้ง
เพราะคนก็ระบุเพศกุไม่ได้ กุอาจจะรักตัวเอง
หรืออาจจะแต่งงานกับตัวเองก็ได้
ครึ่งซีกชาย คนี่งซึกหญิง
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.