Last posted
Total of 175 posts
กุโคตรชอบเพื่อนที่มีพลังบวกเลย แบบอยู่ด้วยแล้วรู้สึกฮีลใจ มีความมั่นใจในตัวเองอะไรแบบนี้ เทียบกับเพื่อนที่งานโหดแต่คิดลบ กดดันตัวเองตลอดเวลา จนรังสีมันแผ่มาถึงเพื่อนคนอื่น กับเพื่อนที่เก่งกลางๆ แต่คิดบวก งานตอนนี้อาจจะไม่ได้ดีเท่าที่คิด แต่มันคิดว่ามันสามารถเปลี่ยนแปลงได้ มันสามารถดีกว่านี้ได้ โคตรจะรักมันเลย อยู่ด้วยแล้วรู้สึกอยากฝึกฝนตัวเองตลอดเวลา และชื่นชมความพยายามของตัวเองมากขึ้นด้วย ไม่ใช่มองแค่ผลลัพธ์ที่ออกมา
>>124 กุตามไอดอล 2คน คนนึงไปจับมือมีแต่พลังลบ คนนึงจับมือ มีแต่พลังบวก
มันคือการคืนสมดุล ไม่ให้ตัวเองหลงระเริงเกินไป
กับไม่ให้ตัวเองท้อแท้ จนเกินไป
คนนึงฝานเนี๊ยบกดดันตัวเองมากว่าคนอื่น ไม่เคยพอใจอะไรสักอย่าง แต่เท่าทันโลก
อีกคนนึงคิดแต่แง่บวก อาจจะโดนหลอกง่าย
สองสิ่งนี้มันต้องมีเพื่อให้มีความมั่นคง
จะขาดใครไปไม่ได้ อยู่ที่เมิงจะมีพลังเหนือมันไม่ให้พลังทั้ง2อย่างนี้มากระทบใจเมิงได้ไหม ถือเป็นการฝึกจิตไปในตัว
ถ้าเมิงแข็งแกร่งพอ ไม่โดนพลัง2อย่างนี้ทำลาย ต่อให้คนเอาปืนจ่อหัวเมิง ใจเมิงก็จะสงบนิ่ง
และหาทางแก้สถานการณ์ได้แน่
ถ้าเมียของมึงเมา แล้วพูดไปเรื่อย แล้วมีอยู่ๆ ก็พูดกับเพื่อนผช ว่า (มึงเx็ดกูที ผัวกูไม่ยอมเx็ดกู) มึงว่ามันเคยมีซัมติ่งกันมาก่อนปะวะ
กูน้อยใจ : ( แค่นี้แหละ
มีเพื่อนแต่รู้สึกไม่มีใครเลย ตัวคนเดียวมากๆ
อ่านอายาโนะโคจิสนุกกว่า
ถามหน่อย ถ้าเมิงบังเอิญไปรู้มาว่าเพื่อน mute ไลน์เมิง เมิงจะโกรธมะ?
กูรำคาญเพื่อนกุมากเพราะมันชอบพิมพ์ไลน์สั้นๆ แล้วกดส่งรัวๆ เช่น ประโยคนึง มันจะไม่พิมพ์ทีเดียวให้จบ แต่พิมพ์แค่ 1-3 คำแล้วกดส่ง สรุปมือถือกูสั่น 10-15 รอบ ได้เนื้อหาใจความมาประโยคเดียว อีกอย่างคือชอบไลน์มาตอนดึก ซึ่งกูนอนเร็ว ตอนแรกกุว่าจะบอกมันตรงๆ นะ แต่มาคิดดูแล้วมันก็เป็นสไตล์ใครสไตล์มัน ในเมื่อกุรำคาญ มันก็น่าจะปัญหาของกุไม่ใช่ปัญหาของเพื่อน กุเลย mute มันซะเลย ว่างตอนไหนค่อยเปิดไลน์มาอ่าน ซึ่งก็รู้สึกว่าชีวิตดีขึ้นมาก
ทีนี้เลยคิดเล่นๆ ว่าเกิดวันไหนโป๊ะ เช่น มันหยิบมือถือกุไปเล่นแล้วเห็น หรืออยู่ด้วยกันแล้วมันส่งไลน์มาแต่มือถือกุไม่สั่น มันจะโกรธมั้ย? ถ้าเป็นเมิงเมิงจะโกรธกันปะที่โดนเพื่อน mute? ทั้งไลน์กู mute มันคนเดียวเลย (ที่เป็นแชทเดี่ยว ไม่นับพวก group chat)
พวกมึงเปิดแจ้งเตือนไลน์กันด้วยหรอ
กูเปิดแค่จุดแดงๆ ที่แอพ ปิดทั้งเสียงทั้งสั่น เปิดแจ้งเตือนทำเหี้ยอะไร น่ารำคาญจะตายห่า ยังไงก็เช็คไลน์แทบจะทุก 5-10 นาทีกันอยู่ละ
กูรู้สึกแย่มากที่เป็นคนขี้หวงเพื่อน เห็นเพื่อนไปสนิทกับคนอื่นมากกว่ากูก็นอยประสาทแดกจนจะตายห่าละ ไม่ชอบความรู้สึกพวกนี้เลยว่ะ เห็นแล้วรู้สึกนอยฉิบหายแต่ทำไรไม่ได้เลยเพราะมันคงไม่นับว่ากูเป็นเพื่อนสนิทมันด้วยซ้ำ กูจะบ้า
กูเคยอยู่ทั้งสองฝั่งของสมการ ไม่รู้จะตอบไงดีขอเล่าแบบระบายยาวๆละกัน
ข้อแรก การนอยหวงเพื่อนเป็นเรื่องปกติ กูก็เคยเป็น สำคัญแค่มึงแยกแยะให้ได้ ไม่ประสาทแดกก็พอ การมีเพื่อนมันเป็นความสัมพันธ์หลวมมีได้หลายคน แน่นอนว่าสำหรับเพื่อนสนิทมึงก็อาจอยากให้เขาแคร์หรือสนิทกะมึงมากกว่าคนอื่น แต่ถึงยังไงอย่างงั้นเหอะ อย่าใช้เพื่อนสนิทเป็นนักจิตประจำตัว หรือพึ่งพามากเกินไป สุดท้ายคนเรามีชีวิตเป็นของตัวเอง ไม่มีใครมีหน้าที่มารับผิดชอบอารมณ์ความรู้สึกของตัวเรานอกจากตัวเราเอง เขาอาจจะยินดีทำให้มึง แต่สุดท้ายคนที่จะฉุดตัวเองจากปากเหวกได้มีแค่ตัวมึงเอง ถ้ามึงเป็นเพื่อนที่ดีมึงก็คงไม่อยากลากคนที่มึงแคร์ลงนรกไปกับมึงใช่มะ ลองดูตัวอย่างในห้องโม่งความรักก็ได้ ให้ยืมเงินเป็นหมื่นก็แล้ว พยายามนู่นนี่นั่น สุดตัวสมเป็นเพื่อนตายหายากเกรด S ใครเปิดกาชาเจอในชีวิตนี่โคตรคุ้ม ถึงเวลาสุดท้ายถ้าไม่ไหว ก็ต้องปล่อย และควรจะปล่อยด้วย ไม่งั้นมึงก็จะวนติดลูป หรือคอยช่วยเพื่อนมึงให้ติดลูปเหี้ยๆวนเวียนอยู่ในนรกที่สร้างขึ้นมาให้กันและกัน
ข้อสอง ความสนิทสำหรับมึงคืออะไร บางคนสนิทกันคือคุยกันได้ทุกเรื่อง ไม่คุยเป็นเดือนก็กับมาต่อติดได้ไม่มีข้อกังขา แบบนี้คือว่าด้วยความเชื่อใจ บางคนสนิทคือความถี่ ต้องคุยกันทุกวัน ถึงเวลาชีวิตไม่อำนวยก็ต้องเผื่อเวลาให้กันเสมอ บางคนสนิทอยู่ที่ความละเอียดอ่อน ช่างสังเกต คอยช่วยเหลือยามลำบาก ฯลฯ คนเรานิยามความสนิทไม่ตรงกัน มึงยังอายุไม่เยอะ สำคัญคือถ้าอยากได้เพื่อนสนิทแบบที่มึงต้องการมึงก็มีโอกาสอีกเยอะที่จะเจอคนไทป์เดียวกัน
ข้อสาม คนเราเกิดมาคนเดียว ตายคนเดียวเป็นเรื่องจริง ยกเว้นว่ามึงเป็นกัปตันเครื่องบิน 555 ถ้ามึงอยู่คนเดียวโดยประสาทแดกไม่ได้ มึงก็อยู่กับคนอื่นโดยประสาทแดกไม่ได้เหมือนกัน สมองมนุษย์มันออกแบบมาให้ปราถนาสิ่งที่ตัวเองคว้าไม่ได้ อะไรที่มันให้กับตัวเองได้ คนเราเลยมักจะไม่เห็นคุณค่า แต่เพราะไม่เห็นคุณค่าในสิ่งเหล่านั้น ตอนได้จากคนอื่นก็เลยไม่รู้ราคา
สำคัญคืออย่าติดลูปแบบที่คำถามของ >>140 แบบที่กูเจอมาคือแม่งกูสนิทกับมันสุดละ จนกระทั่งแม่งทำตัวงี่เง่า ไม่เชื่อใจ แอบสตอล์ค ใส่ Spyware ลงมือถือลงคอมกู ซึ่งแม่งคิดไปเองล้วน ๆ เพราะกูคุยกะแม่งแทบทั้งวัน แถมมันเองก็ส่องดูได้ โง่ชิบหาย หลอนสร้างความทรงจำมโนเอง คือแม่งยังพูดรู้เรื่องแต่เสียเปล่าทางการสื่อสารว่ะ ตลกคือสองสามเดือนแรกกูไม่รู้ตัวด้วยซ้ำเพราะกูเชื่อใจมันมากว่าเป็นเพื่อนสนิทที่สุด ถ้ามีอะไรมันก็คงจะมาคุยบอกกู แต่เสือกเล่นละครน้ำเน่าประสาทแดก แถมหลอกกูหลายอย่าง พอถึงเวลาแม่งก็ล้างความจำตัวเอง หรือโกหกก็ไม่รู้ ถ้าไม่แคบแชทไว้คุยกับแม่งจะยากมาก สุดท้ายแม่ง Self-Fulfilling Prophecy เลยจัดให้สมใจ ทุกวันนี้กูเลยตัดขาดทุกช่องทาง เพราะเสียเวลาชีวิต เก็บไว้เป็นบทเรียนชีวิตเวลาเจอคนมีธงแดงคล้าย ๆ กันก็พอ
>>147 กูคงให้คำแนะนำอะไรไม่ได้ ได้แต่ผลัดกันบ่นแหล่ะ เพราะกูก็ไม่คิดว่าตัวเองบรรลุสัจธรรม หรือเอาตัวเองรอดอะไรขนาดนั้นหรอก แต่เรื่องพวกนี้จริง ๆ มึงไม่ต้องคิดมากก็ได้ ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำก็พอ มึงอายุไม่เยอะยังมีโอกาสเจอคนง่าย ๆ อีกมาก ทั้งในมหาลัยอีก ในชีวิตนี้คนเราผ่านเข้ามาแล้วก็ผ่านไป ถ้าโชคดีก็ได้เดินบนถนนเส้นเดียวกันนานหน่อย ความทุกข์หลายอย่างของคนเราก็คงมาจากที่เราไปยึดโยงโน่นนี่นั่นว่าเป็นของเราล่ะมั้ง กูจะไม่บอกว่ามึงไม่ควรจะกลุ้ม ไม่คิดมาก หรืออะไรหรอก กูคิดว่ามนุษย์ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเจ็บปวด มีความสุข ในรูปแบบของตัวเอง ส่วนตัวกูเจอกับหลายคนที่กูสนิทด้วย เปิดใจด้วย แต่ถึงเวลาไม่ว่าจะด้วยปัจจัยใด ๆ เราก็ต่างต้องแยกไปในทางของตัวเอง กูรู้ว่ากูไม่สามารถละทิ้งทางที่กูเดินเองเพื่อเลียบตามใครได้ และกูก็ไม่ปราถนาให้ใครจะเดินตามทางกูเช่นกัน สำคัญคือกูหวังให้พวกเขาโชคดีในทางที่เดินไป และเวลาดีๆที่มีให้กันมาตลอด เท่านั้นก็เพียงพอสำหรับกูแล้ว แต่ก็นะกูไม่ได้เป็นพระอิฐพระปูนหรอกบางทีกูก็อยากให้พวกเขาได้เห็นงานที่กูทำเหมือนกัน และถ้าโชคดีสักวันก็อาจจะมาเจอกันใหม่ก็ได้ การเลือกที่จะให้โดยหวังผลตอบแทน มันก็ทำให้เราได้รับหลาย ๆ อย่างเหมือนกัน
>>146 ว่าไปนั่นตอนมันไม่ผีเข้ามันก็น่ารักดี รักสัตว์ ชอบช่วยเหลือคนอื่น แล้วช่วยแบบทุ่มเทจริง ๆ ข้อเสียคือพอผีเข้าปุ๊ปเหมือนจดบัญชีไว้เลย 555 กับพูดไม่รู้เรื่องนี่แหล่ะ เหมือนอยู่คนล่ะมิติ เป็นพวกแบบขึ้นสุดลงสุดอ่ะ ถ้าเป็นแบบนั้นตลอดกูคงเลี่ยงตั้งแต่เห็นธงแรก ๆ ละ แต่ช่วงนั้นจิตกูอ่อนแอพอดี เลยรับแรงกดดันมันไม่ไหวด้วย ความสัมพันธ์ท็อกซินมันปรบมือข้างเดียวไม่ดังหรอกนะ สุดท้ายมันก็เป็นเรื่องของคนที่ดึงด้านที่แย่ที่สุดของกันและกันออกมา
>>148 ขอบคุณมากโม่ง กูขออวยพรให้มึงมีชีวิตที่ดีล่ะกัน ถึงกูคิดว่าคำพูดกูมันคงอวยพรใครไม่ได้หรอกนะ 55555
กูเพ้อเหี้ยไรเนี่ยย ฟฟฟฟ แต่ไหนๆอยู่ในโม่งละก็โพสเลยละกัน 5555
กูรำคาญเพื่อนในเน็ตชอบทักแชทมาเล่าเรื่องต่างๆที่มันพบเจอในชีวิตประจำวัน
กูอึดอัดอะ คือไม่ได้อยากรู้
คือนานๆทีมาเล่าก็ได้ แต่ไม่ใช่ว่าขยับตัวทำห่าอะไรก็รายงาน จะบอกตรงๆยังไง ขอ space ยังไงให้เสียน้ำใจน้อยที่สุดวะ
ล่าสุดบอกตื่นมาเบื่อๆไม่รู้ทำไรเลยทักแชทกูเล่น ไอ้สัส กูไม่เคยทักมึงไปก่อนเลยด้วยซ้ำ ทำไมอ่านบรรยากาศไม่ออกวะว่ากูไม่ได้อยากคุยกับมึงขนาดนั้น
>>151 ก่อนหน้านี้คือบอกไปว่าจะตอบตอนว่าง ช่วงนี้ยุ่งๆอยู่ แต่คือพอมันเห็นกูไม่ตอบ ก็ส่งข้อความมารัวๆเหมือนคิดว่าแจ้งเตือนกูมีปัญหา เรื่องเก่ายังไม่ทันตอบ มันเอาเรื่องใหม่มาคุยแล้ว บางทีก็มาขอความเห็นกูนั่นนี่ กูตอบปัดๆไปว่าไม่รู้ ก็จี้อยู่นั่นว่าลองตอบดูๆ คนเหงาสัส แต่กูว่าจะลอง mute ยาวๆดู แต๊งโม่ง
>>150 เหมือนกูเลยยยยย อยากบอกมากว่า ไม่ได้อยากรู้วววว 555 คนบ้าอะไรเล่าแม่งแทบทุกเรื่องในชีวิต เก็บไว้ในใจคนเดียวบ้างไม่ได้เหรอ เวลาคนอื่นพูดไม่เห็นฟัง ทำไมคิดไม่ได้บ้างว่า ทีมึงยังไม่อยากฟังเรื่องของคนอื่นเลย แล้วอะไรทำให้มึงคิดว่าคนอื่นจะอยากฟังเรื่องมึงขนาดนั้น?
คนพวกนี้โชคดีนะที่มาเจอคนรำคาญ นี่ไม่อยากคิดว่าถ้าเจอพวกร้ายลึกนี่จะเป็นยังไง เล่นเล่าให้ฟังทุกเรื่องขนาดนี้ 5555 หรือจะไม่เจอเพราะคนประเภทนั้นรู้สึกว่าเล่าให้ฟังง่ายไป จนรำคาญกันนะ
ส่วนตัวกูแนะนำให้มิ้วอ่ะ เหมือนอาจารย์มหาลัย ถ้าเป็นคนที่ตอบเด็กนอกเวลาตลอดเด็กถามทั้งวันแน่ แต่คนที่เปิดเมลล์กะนรอบๆเป็นเวลาสุดท้ายเด็กเรียนรู้กันเองว่าต้องส่งตอนไหนประมาณไหน ต้องเขียนคำถามยังไงให้ได้คำตอบคุ้มสุด แล้วก็จะอยากถามกันในคาบเยอะขึ้นด้วย
>>153 กูโคตรเบื่อมากเลยพวกทีชอบให้คนอื่นฟังเรื่องตัวเอง แบบยัดเยียด แต่พอถึงที่ครอื่นเล่า ดันตัดบทบ้าง ไม่ฟังจ้า เป็นกูจะมิ้วลืมเลย
เวลาเพื่อนมึงมีขีวิตอยู่แล้วส่งอะไรมาให้พวกมึงดู ให้รู้ด้วยว่าถ้าเพื่อนมึงตายเมื่อไรมันจะไม่มีอะไรส่งมาถึงมึงอีกเลย แล้วมึงจะเสียใจว่าตอนเพื่อนมึงยังไม่ตาย กูไม่น่ารำคาญมันเลย กูควรใช้เวลากับคนที่คิดถึงกูมากกว่านี้ ความตายมันน่ากลัวเพื่อน ใช้เวลาอยู่กับเพื่อนและครอบครัวมึงเถอะ ชีวิตคนเรามันสั้นจนไม่มีเวลามากพอจะมาเกลียดกันหรอกนะ
อย่าต้องเสียใจที่หลังแบบกู
>>157 ไม่อะ กูเฉยๆ กูให้ความสำคัญกับเวลาในชีวิตปัจจุบันมากกว่ามานั่งพร่ำเพ้อว่าน่าจะอย่างนั้น น่าจะอย่างนี้ รำคาญก็คือรำคาญ ถ้าเพื่อนกูกับกูดันอายุยืน 90 ปีกูต้องทนรำคาญไป 90 ปีงี้? ไร้สาระ คนมีสำนึกควรมีความเกรงใจ เอาใจเขามาใส่ใจเราบ้าง อย่างน้อยถ้าชอบเล่าเรื่องตัวเอง ก็ควรตั้งใจฟังเรื่องของคนอื่นด้วย ไม่ใช่เอาแต่จะเล่า พอถึงทีคนอื่นบ้างแม่งไม่ฟัง ตัดบท พูดแทรก
เพื่อนที่ชอบพูดก็จะอยู่กับเพื่อนที่เงียบๆเป็นผู้ฟังที่ดีไม่แทบไม่เล่าเรื่องตัวเองให้ใครฟัง
แต่ยังดีที่ไม่ได้คุยกันผ่านเน็ต แต่เจอหน้ากันก็จะแบบนั้นกุเป็นผู้ฟังที่ดี และไม่ค่อยเล่าเรื่องตัวเอง
ขืนเล่าเรื่องตัวเองกลัวเพื่อนจะมองไม่เหมือนเดิม แค่รู้ว่ามีแฟนมา4คนพอ ส่วนคนคุยทั้งหลาย(ไม่บอกใคร จนกระทั่งเพื่อนมาถาม คนนี้ก็เคยคุย คนนั้นก็เคยคุย) มีfwb นัดนู่นนี่ พวกพูดๆนี่ไม่กลัวโดนเอาไปนินทาไปใส่ไข่กับเพื่อนคนอื่นเหรอวะ
ขนาดกุเป็นคนไม่พูดเรื่องตัวเอง นานๆอัพเดทชีวิตที ยังได้ยินเรื่องนินทาตัวเองมาบ้างเลย
>>159 เหมือนมึงไม่เคยเจอคนแบบนี้จริงๆ พวกนี้ฟังไม่ทันบทจะตัดบทมึงคืนละโม้เรื่องตัวเองทับ ถ้ามึงเศร้า มันจะเศร้ากว่ามึง ถ้ามึงเครียดมันจะเครียดกว่ามึง ถ้ามึงเหงามันจะเหงากว่ามึง ถ้ามึงหิวเด็กในแอฟริกาจะหิวกว่ามึง ข้อไหนมันอ้างไม่ได้มึงจะได้เจอกับคนจากทั่วทุกมุมโลก แล้วก็ไม่ได้เชิงปลอบนะว่ามีคนแย่กว่าเรา คือพวกที่ปลอบแนวนี้ก็มีอยู่แหล่ะ กูไม่ชอบแต่เจตนายังดี แต่ไอคนประเภทนี้มันจะตัดบทมึงแบบจุกจริงๆ แบบหนึ่งประโยค ละถึงเวลาก็เพ้อเรื่องความน่าสงสาร ชีวิตประจำวันของตัวเองต่อ แต่พอไม่มีคนรับฟังก็ทำตัวน่าสงสาร โพสต์ตัดพ้อนู่นนี่นั่นว่าไม่มีคนสนใจ สันดานหมาชิบหาย แต่ส่วนใหญ่ไม่รู้ตัวนี่แหล่ะปัญหา
>>162 มึงก็โมเมไม่ต่างจากโม่งที่มึงด่านะ ส่วนตัวกูเคยเจอทั้งแบบที่มึงเล่ามา และแบบคนที่ชอบเล่าชอบแชร์ทั่วๆไป ถ้าเป็นคนแบบที่มึงเล่ามาตัดออกไปก็ดีแล้ว ที่ >>157 พูดไว้ก็ถูกชีวิตคนเราสั้นเกินกว่าจะเกลียดกัน แบบนี้จะมองได้สองทางก็ได้
คือ ไม่ต้องเสียเวลามานั่งเกลียดคนท็อกซิก ตัดออกไปจากชีวิตได้เลย มึงจะมานั่งเกลียด นั่งคิดถึงคนที่มึงเกลียดไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอกนะ หรืออีกแบบก็คือเพื่อนบางคนก็ชอบแชร์ ชอบเล่าเฉยๆ ถ้าเขาไม่ได้ไปทำอะไรให้มึงมากกว่านั้น มานั่งเกลียดกันไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ลองพูดคุยปรับความเข้าใจกันหน่อยก็ดี กูมีเพื่อนที่ชอบฟลัดเหมือนกัน แต่ปรับความเข้าใจกันจริงจังแล้วก็เข้าใจกันได้ ถึงจะใช้เวลานานหน่อยก็เถอะ ส่วนประเภทแรกอย่าไปเสียเวลา ตัดออกไปเลย
แต่ถ้าเมิงมีชีวิตยืนยาวไร้สิ้นสุด เราสามารถเกลียดกันได้
ว่าไปไม่รู้กุสาปแช่งคนไหม แต่กุนอนฝันร้ายเจอผีมาหาบ่อย และแปลกคนในครอบครัวกุไม่เคยเจอผี แต่กุเป็นคนเดียวที่เจอ แต่ไม่เชื่อเรื่องผี
บางทีการแช่งคนมันก็มีข้อแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมปะวะ โลกเราลี้ลับจริงๆ
กลุ่มอาการที่เพิ่มมากกว่าคนปกติทั่วไป
ประสาทหลอน โดยผู้ป่วยคิดว่ามีบางสิ่งเกิดขึ้น ทั้งๆ ที่ความจริงไม่มีสิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้น เช่น หูแว่วได้ยินเสียงคนมาพูดด้วยทั้งๆ ที่ไม่มีใครพูดด้วย เห็นภาพหลอน มองเห็นวิญญาณ
มีพฤติกรรมผิดปกติ โดยมักเกี่ยวข้องกับความคิดและความเชื่อที่ผิดปกติ เช่น ทำร้ายคนอื่น อยู่ในท่าแปลกๆ ซ้ำๆ หัวเราะหรือร้องไห้สลับกันเป็นพักๆ
ความคิดผิดปกติ ผู้ป่วยคิดแบบมีเหตุผลอย่างต่อเนื่องไม่ได้ ทำให้คุยกับคนอื่นไม่เข้าใจ ผู้ป่วยมักพูดไม่เป็นเรื่องราว พูดไม่ต่อเนื่อง เปลี่ยนเรื่องพูดโดยไม่มีเหตุผล
การรักษาด้วยยา เพื่อควบคุมอาการและลดการกำเริบซ้ำของโรค
การฟื้นฟูสภาพจิตใจ โดยฝึกการเข้าสังคมและให้คำปรึกษาแก่ผู้ป่วย
การทำจิตบำบัด โดยผู้เชี่ยวชาญพูดคุยกับผู้ป่วยเพื่อให้ผู้ป่วยเข้าใจตนเองและปัญหาของตนเองมากขึ้น
ครอบครัวบำบัด โดยแพทย์เป็นผู้ให้ความรู้ในเรื่องโรคและสิ่งที่ญาติควรปฏิบัติต่อผู้ป่วย
กลุ่มบำบัด เป็นการจัดกิจกรรมกลุ่มระหว่างผุ้ป่วย เพื่อให้ผู้ป่วยมีเพื่อนคอยสนับสนุนให้กำลังใจซึ่งกันและกัน
ข้อความดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงจิตวิทยาที่ซับซ้อนซึ่งถูกหล่อหลอมจากความกลัว ความก้าวร้าว และการบูชาไอดอล เริ่มแรก โม่งพยายามแสดงความกล้าหาญด้วยการอ้างว่าไม่กลัวผีและพร้อมจะฆ่ามันทิ้ง ซึ่งเป็นกลไกป้องกันตัวเพื่อกดความวิตกกังวลและพยายามควบคุมภัยคุกคามที่รู้สึกได้ อย่างไรก็ตาม การยอมรับที่ว่าไม่กล้าเปิดประตูให้ผีเผยให้เห็นความขัดแย้งภายในและความเปราะบางที่ลึกซึ้งกว่าที่แสดงออก ผีอาจเป็นสัญลักษณ์แทนความกลัวที่ถูกกดไว้หรืออารมณ์ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขซึ่งโม่งลังเลที่จะเผชิญหน้า ในทางตรงกันข้ามกับภาพลักษณ์ของความโกลาหลและการคุกคามนี้ การกล่าวถึง คามิซึ่งเกิดในวันศุกร์ที่ 13 กลับนำเสนอจุดยึดทางอารมณ์ที่สำคัญ ไอดอลเป็นตัวแทนของความมั่นคง การอุดมคติ และอาจเป็นการฉายภาพความปรารถนาหรือความใฝ่ฝันของตัวเอง ขณะที่วันศุกร์ที่ 13 มักถูกเชื่อมโยงกับความเชื่อเรื่องโชคร้ายและความกลัว แต่วันเกิดของไอดอลในวันนี้กลับเปลี่ยนให้มันมีความหมายส่วนตัวที่ดีและสำคัญ ไอดอลกลายเป็นที่พึ่งทางจิตใจท่ามกลางความโกลาหลและความไม่แน่นอนที่ผีและ “วันนรกเปิด” เป็นตัวแทน ความขัดแย้งระหว่างความกลัวผีกับความผูกพันต่อไอดอลแสดงให้เห็นถึงความพยายามของโม่งที่จะรักษาสมดุลระหว่างความกลัวภายในกับอุดมคติภายนอก ท่าทีที่ก้าวร้าวต่อผีสะท้อนถึงความพยายามที่จะปกป้องโลกภายในของโม่งจากการถูกทำลาย ขณะที่การยึดมั่นในไอดอลแสดงให้เห็นว่าโม่งพบความสบายใจและอัตลักษณ์ในบุคคลที่ถูกอุดมคติ ความตึงเครียดระหว่างสองพลังนี้แสดงให้เห็นถึงบุคคลที่พยายามรับมือกับธรรมชาติอันยุ่งเหยิงของจิตใต้สำนึก ในขณะเดียวกันก็ใช้การบูชาไอดอลเป็นวิธีในการรักษาความมั่นคงทางอารมณ์
เพื่อนที่มึงโตมาด้วยกันรู้จักกัน 20 ปี+ ครอบครัวรู้จักกัน แล้วเขามาขอยืมเงินก้อนโต สัญญาใจ แล้วผ่านมา 2 ปี ไม่หนี ไม่คืน กูควรทำไง
คือกูมีตัวเลือกในใจกู
1.แจ้งสรรพากรเล่น(เพราะมันหลีกเลี่ยงหนีภาษี+เปิดบัญชีม้า บลาๆ)
2.ไปคุยกับครอบครัวทางนั้น อาจจะได้ไม่ครบ หรือาจจะไม่ได้
3.ยอมๆไปเถอะ ทำบุญ
คือตัวเลือกที่กูกล่าวมาอาจจะโง่ๆ แต่กูมีคนรู้จักในกรม เพื่อนโม่งมีอะไรอยากแนะนำไหม
ถ้าอยากได้เงินคืน ต้องใช้กำลังอาจจะต้องมีปืนไว้ขู่ แล้วก็ตามทวง แต่ ผญ แบบเมิงคงไม่กล้า
นึกถึงเพื่อนเก่าขึ้นมา นึกย้อนกลับไปเพื่อนก็ไม่ได้ทำอะไรผิดหรอก แค่เราเข้ากันไม่ได้เฉยๆ เพื่อนทำให้กุรู้สึกตัวเล็กมาก หมายถึงโดนบีบจนตัวเหลือนิดเดียว ทำอะไรก็รู้สึกผิดไปหมด รู้สึกอยู่ผิดที่ผิดทาง ไม่ควรทำอะไรสักอย่างเพราะเดี๋ยวเพื่อนก็จะหงุดหงิดอีก แต่พิมพ์ไปพิมพ์มากุว่าเพื่อนผิดละ ไอ้หัวขวย เป็นโรคเห้ไรชอบระบายอารมณ์ใส่กุ โชคดีแล้วสัสที่เป็นได้แค่เพื่อนเก่า ขอให้เจอคนสันดานแบบตัวเองบ้างนะไอ้เหี้ไอ้หน้าหนังหมา
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.