กูติดคอมฟอร์ทโซนละเพื่อนโม่ง ชิบหายเจรงๆ ตรงๆ มีงานใหม่ที่กูส่องเจอนะ รายได้รวมๆน่าจะ 2x,xxxx ขึ้นไป อยู่ถึงปีมีโอกาสอัพงานไปที่ทำงานอื่นได้ง่ายขึ้นมาก สวัสดิการดีใช้ได้เลย ตัวงานน่าจะหนักเยี่ยงวัวควานแน่นอน กูควรร่างเรซูเม่ละยื่นๆไปเลยดีไหมวะ?
Last posted
Total of 1000 posts
กูติดคอมฟอร์ทโซนละเพื่อนโม่ง ชิบหายเจรงๆ ตรงๆ มีงานใหม่ที่กูส่องเจอนะ รายได้รวมๆน่าจะ 2x,xxxx ขึ้นไป อยู่ถึงปีมีโอกาสอัพงานไปที่ทำงานอื่นได้ง่ายขึ้นมาก สวัสดิการดีใช้ได้เลย ตัวงานน่าจะหนักเยี่ยงวัวควานแน่นอน กูควรร่างเรซูเม่ละยื่นๆไปเลยดีไหมวะ?
ไม่กล้าถามในพันทิป กลัวโดนด่า ขอถามในนี้แล้วกัน โดนด่าเหมือนกันแต่อาจจะไม่เจ็บ
คืองี้ เราจบป.ตรีนะ แล้วงานที่ตรงสาย มันทำงาน 6วัน/สัปดาห์ 12ชม./วัน (แบบ 9โมง ถึง3ทุ่มงี้)ได้เงินสตาทไม่ถึง 15k
เป็นแบบนี้ควรทำดีไหมอ่ะ?? คือมันตรงสายนะ แต่ภาระงานหนักมากๆ(ใช้ทั้งแรงงานและสมอง)
หรือจะไปงานอื่นๆๆเลย ที่เบากว่า แล้วเอาเวลาไปอ่านหนังสือ ไว้ไปสอบงานสายวิชาการอีกที
เพิ่มเติม เพราะไม่ได้ชอบสายที่เรียนขนาดนั้น เลยอยากทำงานทั่วไปที่เลิก5-6โมง แล้วเอาเวลามาพัฒนาตัวเองด้านอื่นๆที่สนใจจริงๆมากกว่า ก็คือเรามีธงในใจแหละ ว่าไม่อยากทำงานนั้น แต่เราก็กังวลกับตัวเอง ว่างานแรกๆที่ทำ เราควรทำอะไรที่มันตรงสายก่อนรึเปล่า
>>541 กูว่าถ้าสนใจแต่ยังไม่แน่ใจก็ยื่นๆไปก่อนก็ได้ ถ้าเค้าเรียกสัมค่อยคุยกับเค้าแล้วตัดสินใจอีกทีก็ได้
ถ้าคุยแล้วไม่ชอบก็แค่ไม่ต้องไปทำ แต่ถ้าไม่ลองยื่นไปแต่แรกอาจจะพลาดอะไรดีๆไปก็ได้
>>542-543 กูว่างานหนักและเงินน้อยจนน่าเกลียดสำหรับ ป. ตรี เลยนะ ไม่รู้เป็นมาตราฐานของวงการหรือมึงแค่เจอที่ทำงานเหี้ย
กูคิดว่าต่อให้มาจราฐานวงการมันไม่ดี ก็ไม่ได้แปลว่ามึงจะหาที่ๆดีกว่านี้ไม่ได้ อาจจะยกเว้นถ้าเกรดและโปรไฟล์มึงไม่สวยจริงๆ
ถ้าไม่ได้อยากทำงานตรงสายที่เรียนมาแต่แรก ก็ไม่มีความจำเป็นว่างานแรกต้องทำตรงสายเลย หางานอื่นที่มีเวลามากกว่าได้ก็ไปเถอะ
ทุกคนทำงานต้องเคยผ่านช่วงที่เป็นคนกลางๆ ใช่ไหม คนกลางในที่นี้หมายถึง ตำแหน่งกลางๆ ไม่ใช่เล็กสุดแต่ก็ยังไม่ถึงขั้นมีความสำคัญ บางทีก็ทำตัวไม่ถูกว่าตำแหน่งเราควรทำอะไรบ้างกันแน่ เงินเดือนกลางๆ มากกว่าเด็กจบใหม่แค่นิดเดียวแต่ก็ต้องทำทั้งงานของตัวเองทั้งเทรนคนเข้าใหม่ คนกลางๆ อีกความหมายคือโดนใช้งานให้ทำหลายโปรเจ็คในเวลาเดียวกันเพราะคนไม่พอ
กลายเป็นว่าชีวิตช่วงนี้คือตอนเช้าทำงานส่วนรวม เข้ามีตติ้ง ตอนบ่ายช่วยสอนและแก้ปัญหางานน้อง ตอนเย็นถึงหัวค่ำถึงจะมีเวลาได้ทำงานตัวเองสักที บอกตัวเองทุกวันว่าให้สู้ๆ ถ้าได้โปรโมตอัพเงินเดือนคงจะสบายขึ้นและมีกำลังใจทำงานมากกว่านี้ เข้าใจว่าหลายๆ บริษัทก็ทำแบบนี้คือให้จับงานที่ความรับผิดชอบมากขึ้นไประยะหนึ่งก่อนถึงจะทำเรื่องโปรโมตได้ แต่กูก็ไม่ได้ปรับเงินเดือนมาปีหนึ่งละ เหนื่อยจุง
>>544 โอเค ขอบใจมึงมากนะ ช่วยให้มีแรงใจทำresumeต่อเลย ไม่ใช่อะไรหรอก กูมีปัญหาความพร้อมในการทำงานใหม่3อย่าง
1.เงินสำรองฉุกเฉินเกิน6เดือนถึง1 ปีดูไม่ค่อยพร้อม
2.ถ้าได้งานนี้กูต้องย้ายห้องเช่าใหม่เลย แปลว่าต้องรับความท้าทายใหม่ทุกอย่าง
3.กูไม่ได้เล็งที่ทำงานอื่นเพิ่มเติมเลย(ไม่ได้ร่อนเรซูเม่ไปทั่วอ่ะ) ซึ่งเสี่ยงตรงที่ว่าสมมติงานนี้คนที่ทำงานกูเจอว่าไม่โอเคจัดๆ จะย้ายแผนกก็เสือกคนเต็ม มันมีเคว้งแน่นอน
เป็นมึงเจอความท้าทายเริ่มต้น3 อย่างนี้มึงมองว่าไงหล่ะ?
ในนี้มีโม่งชายวัยกลางคนบ้างไหมวะ
กูรู้สึกว่าชีวิตตัวเองล้มเหลว ส่วนนึงคือกำบังคิดจะออกจากงานซึ่งให้เงินกูเยอะ แต่กูรู้สึกไม่มีความสุข ไม่อยากตื่นมาทำงานเลย ด้วยระบบ ขั้นตอนในการทำงาน
มึงว่ากู Loser ขั้นหนักไหมวะ เพิ่งครบ 2 ปี เพิ่งรับโบนัสไปเลยมีความคิดอยากเปลี่ยนงาน
กู 549 นะ ที่กูรู้สึกว่ Loser อาจจะเพราะด้วย 35 แล้ว ยังไม่รู้สึกว่าที่นี่กูจะอยู่ได้ยาว 5 ปีเลย เครียด กลับบ้านดึกทุกวัน
แต่พอคิดเรื่องหางาน ก็ดันใจป๊อดเพราะที่นี่โบนัสแม่งให้จุกจริง ถึงฐานเงินเดือนจะเฉยๆ
กูเห็นข่าวบ้านเรา มันดูตลาดงานไม่ได้ว่างเยอะด้วยมั้งเลยหลอน ไม่กล้าจะเปลี่ยน ทั้งกูรู้สึกหมดใจมาสักพักแล้ว
>>553 สังคมที่เปลี่ยนไปประชุมทุกวัน
ยอมแพ้บ้างจะเป็นไร คนเราไม่ใช่เครื่องจักรทำงานได้ตลอด หุ่นยนต์ทำงานเดียวนี้ มันยังพังได้เลย ถ้าทำงานหนักเกิน life timeก็น้อยลง
อย่าไปเทียบกับคนอื่น งานหนักไม่เคยฆ่าคนตายไม่จริง
โบนัสมันล่อเมิงไง ถ้าเมิงบ้าเงินอาจจะทำให้เมิงทำงานต่อได้ แต่เงินกับสุขภาพจิต และสุขภาพกาย มันคุ้มแล้วหรอ ถึงเมิงหายไปในวัฏจักรนี้ ยังไงก็มีฟันเฟือง ตัวอื่นเข้ามาแทนที่เมิงอยู่ดี
สุดท้ายแล้วเมิงแค่ต้องยอมรับในการตัดสินใจของตัวเอง
ไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็ตาม
>>548 รุ่นน้องขยับเงินเดือนขึ้นมาเท่ากันแล้วกูยังอยู่ที่เดิมเพิ่มเติมก็คืองานเยอะขึ้น
ส่วนพนักงานใหม่จากที่อื่นบริษัทกูไม่ค่อยรับคนมีประสบการณ์เพิ่มเท่าไร นานๆ ทีมีคน เลยไม่ค่อยน้อยใจ 555
บริษัทกูเทียบอัตราขึ้นเงินเดือนกับบริษัทอื่นในสายเดียวกัน คือไม่ได้เลยว่ะ แต่ก็ยอมอดทนทำๆ ไปเพราะยังเป็นเซฟโซน และได้ประสบการณ์เยอะ ก่อนหน้านี้เคยอยู่บริษัทชิลอาจได้เงินเดือนน้อยกว่าแต่มั่นคง พอมานึกเทียบกับที่ปัจจุบันแล้วที่ทำอยู่รู้สึกไม่คุ้มเท่าไร งานโหลดไม่คุ้มเงินเดือนที่เพิ่มขึ้นมานิดเดียว เครียดกดดัน เบิร์นเอ๊าท์หนักมาก ก็หาวิธีประคับประคองจิตใจไป
>>549 อยากให้มีมู้วัยกลางคนเหมือนกันนะ เป็นวัยที่อะไรถาโถมดีจริงๆ 555 มิน่ามันถึงมี midlife crisis พ่อแม่ก็แก่เจ็บป่วยออดแอดตลอด สลับกันป่วยแทบจะไม่เว้นแต่ละวัน งานก็ความรับผิดชอบสูง ต้องเป็นที่พึ่งให้เด็กๆ ต้องคอยแก้ปัญหาให้เด็ก ในขณะเดียวกันก็โดนกดดันจากด้านบน เป็น middle management โดนทั้งบนทั้งล่าง สังขารตัวเองก็เริ่มถดถอย แต่ก็ต้องประคองร่างประคองจิตใจตัวเองดูแลคนรอบข้าง อ่อนแอไม่ได้
พอย้อนกลับไปคิด ชีวิตตอน 2x นี่คือเริ่ดสุดละ เพราะเรียนจบมีงานทำ มีเงินใช้เป็นของตัวเอง หน้าที่การงานก็ยังไม่เครียดเท่าไหร่เพราะเป็นแค่ระดับจูเนียร์ พ่อแม่ก็ยังไม่แก่มาก ยังแข็งแรง ยังดูแลตัวเองได้ จะถือซะว่าช่วงวัยแห่งการลั้ลลาได้จบลงไปแล้ว ตอนนี้คือวัยใช้กรรมละกัน 555
>>556 +เรื่องเงินด้วย ตอน 2X แค่ส่งเงินให้พ่อแม่ส่วนนึง เพราะพ่อแม่ยังไม่แก่ ยังทำงานหาเงินเองได้ ตอนนี้คือกูต้องแบกและรับผิดชอบคชจ.ทุกอย่างในบ้านอ่วมๆ กูว่าคงเหมือนตอนเราสมัยเด็กแหละ ตอนเราเด็กมากๆ พ่อแม่ก็ต้องอดหลับอดนอนดูแล 100% พอเราเริ่มโตหน่อย ก็เริ่มพอจะดูแลตัวเองได้ ช่วยแบ่งเบาภาระได้ คนแก่กับเด็กมันแค่สลับกัน เด็กค่อยๆ เติบโต ส่วนคนแก่มันมีแต่ถดถอยลงเรื่อยๆ สัจธรรมของชีวิต
>>556 ยังไม่ขึ้นเลข 3 แต่กำลังเข้าสู่ 2 ปลายก็เริ่มหมดแพชชั่นในการทำงานแล้ว ไม่เคยมีช่วงลั้ลลาในชีวิตเลย
สมัยเรียนจนมาก ไม่กล้าเข้าสังคม ขยันเรียน เก็บเงิน จบมาทำงานก็ทำแต่งานทั้งวันทั้งคืน มีเงินแต่ก็ใช้ไม่ได้ เพราะต้องเก็บออมไว้ดูแลพ่อแม่ …
เห็นเด็กจบใหม่หลายคนรีบเร่งกับชีวิต อยากโตอยากเลื่อนตำแหน่งไวๆ ยังคิดเลยว่า เป็นจูเนียร์นี่ดีที่สุดแล้ว ไม่ต้องเครียด ไม่ต้องรีบเรียนรู้พัฒนาตัวเอง(แบบหักโหม)ก็ได้ ทุกอย่างมีเวลาของมัน ควรใช้เวลาปัจจุบันให้คุ้มค่า
เตรียมใจกับตัวเองทุกวันว่าถ้าขึ้นเลขสาม ทุกอย่างคงจะยากกว่านี้ :(
สุดท้ายแล้วยังหาความหมายไม่เจอว่าเกิดมาทำไมนอกจากเป็นแรงงาน
กู 549 ขอบคุณทุกคนมากสำหรับกำลังใจ อย่างที่บอกอะ วัย30 นี่คือไม่พ่อแม่เกษียณไม่มีรายได้ ก็เริ่มมีอาการเจ็บป่วย
สมัยก่อนพ่อแม่ยังมีลูกหลายคนแชร์ค่าดูแลกัน แต่ตอนนี้ตัวกูเองยังเอาไม่รอดเลย รถก็ของที่บ้าน บ้านก็พ่อแม่เป็นคนซื้อ แทบจะไม่ได้สร้างอะไรเป็นของตัวเองเลย
เอาจริงใครบอกจะเกษียณต้องมีเงิน 6 ล้าน กูนี่แทบจะอยากตุยหลังเกษียณทันทีเลย ไม่งั้นก็เป็นภาระรุ่นหลัง ภาระสังคมอีก
>>558 มึงอย่าเพิ่งรีบเครียดไปล่วงหน้าเลย ไม่แน่นะ มึงอาจจะเป็นคนที่ไปมีความสุขเอนจอยกับชีวิตตอนเลข 3 เลข 4 ก็ได้ จังหวะชีวิตของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน ถ้าไปถาม คนส่วนมากจะชอบตอนเด็ก 1X เพราะสบาย ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร แต่อย่างกูชอบวัย 2X เพราะกูชอบที่จะรับผิดชอบชีวิตตัวเอง ชอบที่ตัวเองหาเงินได้เอง บางคนเขาไปชอบชีวิตตอนเลข 5 ด้วยซ้ำ เขาบอกว่าเป็นวัยที่รู้สึกว่าตัวเองตกผลึกในทุกๆ ด้าน
ถามเฉพาะคนที่ยื่นภาษีแล้วต้องจ่ายภาษีเพิ่ม : จ่ายตัดบัตรเครดิตเรียบร้อย เขาจะเรียกเอกสารเพิ่มไหม? กูช็อปดีไป 40,000 แต่ในระบบขึ้นมาให้ไม่ครบ (เฉพาะอันที่เป็น e-invoice ก็ไม่ครบละ) แต่กูเก็บหลักฐานไว้ทุกใบ กูเลยลงไป 40,000 เต็ม กูยังต้องคอยเข้าไปดูสถานะในเว็บไหมว่าเขาจะเรียกเอกสารเพิ่มเติมหรือเปล่า หรือกูสามารถปิดจ็อบเรื่องภาษีได้เลย
>>561 เป็นกู .... กูFirst jobberและเช่าบ้านใกล้ที่ทำงาน เสือกโชคดีตรงที่สรรพากรติดที่ทำงานด้วย กูเลยไปยื่นถึงที่เลยแบบง่ายๆ เวลามีคำถามกูถามไปเลย จนท.ช่วยรุมตอบให้ได้ และกูเคยมานั่งอ่านสัญญาการใช้งานในระบบออนไลน์แบบละเอียดละ ว่าก็ว่านะ ให้มันชุ่ยที่หน้าเคาน์เตอร์สรรพากรยังดีกว่าชุ่ยกับระบบคอมในเน็ต บอกเลยว่าเหี้ยมาก ข้อตกลงการใช้งานบัดซบ รับไม่ได้ชิบหาย ....ว่าแต่ สรรพากรแม่งรับการจ่ายภาษีด้วยบัตรเครดิตด้วยเหรอวะ? เพิ่งรู้เลยนะ เป็นไปได้ มึงหาสรรพากรที่ใกล้มึงที่สุดละในรอบปีนึงมึงว่างตอนไหนไปเที่ยวๆแถวๆสรรพากรแถวนั้นบ้างก็ได้ มึงสงสัยอะไรไปถาม จนท ได้นะ เค้าตอบตามปกตินะ
>>562 คำถามกูนะ อยากถามต่อเลย ไม่ใช่โม่งซาราลี่วัยกลางคนแต่กูมีคำถามเยอะ มีงานหลักเป็นเควสย่อยก็จริง แต่มึงจะหาหลักการอะไรที่มึงทำงานประจำที่ทำทุกวันแล้วจะไม่เผลอทำพลาด ทำตกหล่น จนเพื่อนร่วมงาน หัวหน้ามองว่าทำงานบกพร่องได้บ้างวะ? ทุกวันนี้กูทำงานไปก็กลัวๆหวั่นๆมากเลยว่ามีเวลาให้เป้าหมายหลักในชีวิตมากๆ แบ่งเวลาไปให้มากไป สุดท้ายเอาพลังชีวิตมาทำงานหลัก ทำพลาด ทำงานออกมาผิดบ่อยไรงี้ จะให้ตีมึนนี่เสี่ยงเจอสงครามประสาทแดกในที่ทำงานจากหัวหน้าและเพื่อนรวมงานชัวร์
>>556 ช่วง 40+ โม่งที่อยุ่วัยนี้ จะรู้สึกความเอนจอยชีวิตหายไปเยอะ ด้วยเราก็สุขภาพถดถอย สายตายาว หนวดเคราหงอก ไขมัน คอเลสเตอรอลเกิน ..พอย้อนไปดูพ่อแม่..ท่านก็ยิ่งกว่าเรา พ่อแม่ก็ราวๆ 60+ ป่วยออดแอด เข้ารพ. หาหมอ ไม่เว้นแต่ละอาทิตย์
แบบอายุช่วง 20+ นี่เอนจอยไลฟ์สุดๆ ละ
ปาร์ตี้แก๊งได้ทุกอาทิตย์ พ่อแม่ยังแข็งแรง
แกก็อยุ่บ้านทำไรของแกเองได้ (ตอนนั้นพ่อแม่
ก็เพิ่ง40-50)
อยากทำงาน มีโม่งไหนเป็นเจ้าของธุรกิจบ้างจ้างกูหน่อย
ตอนเด็กๆกูฝันว่าอยากลองรับงานนอกหารายได้เสริมมาตลอด แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง เลยไม่ได้เริ่ม
ตอนอายุใกล้จะ 30 มีคนมาชวนทำ ตอนแรกดีใจมาก พอต้องทำจริงรู้สึกคิดผิดป่าววะ
เหนื่อยจากงานมาทั้งวันแล้วยังต้องมาทำงานนอกต่อ แทนที่จะได้พัก
ถ้าเป็นตอนเรียนจบใหม่คงรู้สึกดีใจที่ได้ลองทำอะไรใหม่ๆ แต่ตอนนี้ขี้เกียจสัส เหมือนกูแก่แล้วทั้งกายและใจ
กูคนกรุงเทพที่อยากแสร้งทำตัวเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวกรุงเทพสัก 2 วัน ช่วยแนะนำไอเดียจัดโปรแกรมแบบฝรั่งนักท่องเที่ยวจัดๆทีโม่ง
ส่วนตัวกูพออายุขึ้นเลขสามเเล้วรู้สึกชีวิตดีขึ้นเเฮะ อย่างว่าเพราะจังหวะชีวิตของเเต่ละคนไม่เหมือนกันจริงๆ
ตอนอายุเลข2กูเริ่มทำงานตอนอายุ25-26 กูทำงานในสายที่เรียนจบมา ทีนี้พออายุใกล้ๆเลข3 ตอนนั้นฉุกคิดได้ว่ากูอยากลองทำอะไร อยากจะทำอะไร เลยตัดสินใจหาโอกาสย้ายสายงาน
มองย้อนกลับไปเออรู้สึกคิดถูกมากๆเเล้วเเหละ บางอย่างถ้าไม่ได้ลองทำก็ไม่มีทางรู้นะ ส่วนเรื่องสุขภาพกูบอกเลยว่าอายุเลข2xนี่คือดีสุดเเล้วเป็นวัยที่สามารถนอนดึกอะไรได้ เเต่เลข3ขึ้นไปนี่ต้องใส่ใจเรื่องการพักผ่อนมากขึ้น วันไหนนอนวันละ3-4ชม.จะรู้สึกไม่ไหวจริงๆ น้ำหนักก็เยอะขึ้นเเม้จะออกกำลังกาย อัตราการเผาผลาญเเย่ลง
เซ็งว่ะ กูมีบ้านสองหลัง สลับอยู่อาทิตย์ละ 4, 3 วัน
จำนวนคนที่อยู่บ้านเท่ากัน 3 / 3 คน ค่าไฟหลังแรก 4,000 ที่ครอบครัวอยู่
อีกหลังที่อยู่กับแฟนกับพี่ 1,500 กูงง ใช้กันยังไงให้ขึ้นขนาดนั้น
ถ้าบริษัทไม่สามารถจ่ายเงินเดือนที่ "เกินพอ" สำหรับการดำรงชีวิต ก็ไม่ควรจ้างใครทำงานเต็มเวลา
แล้วตอนนี้แก้สายไฟใหม่ละ โม่งแม่งพูดทำกุคิดเลย ปลวกแดกมาตั้งนาน
>>573 มันอยู่กับว่าชีวิตส่วนมากอยู่บ้านหรืออยู่นอกบ้านด้วย อย่างบ้านกูมีพ่อแม่ที่อยู่บ้านตลอด กูบอกพ่อแม่เสมอว่าให้เปิดแอร์เปิดเครื่องฟอกอากาศเต็มที่เลย (กูเป็นคนจ่ายค่าน้ำค่าไฟค่าทุกอย่างในบ้าน) ห้ามทนร้อนห้ามทนฝุ่น จ่ายค่าไฟยังไงก็ดีกว่าเป็นมะเร็งปอด ดังนั้นบ้านกูเปิดแอร์เปิดเครื่องฟอกเกือบ 24 ชั่วโมง กลางวันเปิดแค่ตัวเดียวห้องนั่งเล่น แต่ถ้ากลางคืนก็ 8 เครื่อง 4 ห้องนอน (ห้องนึงมีแอร์ 1 เครื่องฟอก 1) //ถ้าเป็นคนทำงานหมดทั้งบ้าน กลางวันไม่มีใครอยู่บ้าน จะใช้ไฟน้อยกว่าก็ไม่แปลกอะ
กูเพิ่งยื่นขอคืนภาษี งงว่าไม่มีให้ upload เอกสารแล้วหรอ หรือกู submit ไปแล้วเค้ามีข้อสงสัยค่อนมาขอทีหลัง
ที่ทำงานผู้บริหารทยอยลาออกทีละคนเลยวุ้ย สาขาอื่นก็ทยอยปิดตัว ในใจก็คิดกูจะโดน layoff ไหมวะ จะได้ค่าชดเชยไหมหรือจะโดนบีบออก แล้วกูจะหางานใหม่ได้ไหมวะเครียส T-T
เห้อ.... ชีวิตอุตส่าห์กลับมานิ่งได้แค่ไม่กี่เดือนเอง อยากทำงานเก็บตังค์เที่ยวเหมือนคนอื่นเค้าบ้างจัง
เพื่อนโม่งว่าไงบ้าง แบบเรามีงานประจำอยู่ละ แต่เงินเดือนไม่ได้แย่ ชอบตรงใกล้บ้านมากๆเลยไม่ต้องเสียค่าเดินทาง แต่แอบอยากหารายได้เสริมเพราะพี่ชายจะ30ละยังไม่หางานทำละมันเบียดเบียนเงินที่น้อยนิดอยู่แล้ว ชีวิตมันเหนื่อยจัง
>>589 ไม่เชิงเจียดเงินเดือนไปเลี้ยง แต่แบบสมมุติออกไปกินข้างด้วยกันแล้วปกติกูก็จะจ่ายก่อนน่ะ พี่อีกคนก็จ่ายตามปกติ แต่คนโตกูเขาไม่ยอมจ่ายคืนดีๆเท่าไร ไม่ก็กูซื้อของไว้ทำกับข้าวกินเองไว้ที่บ้าน แล้วเขามาเอาไปทำข้าวตัวเขาเองไม่ขอ พี่อีกคนเห็นพอนี่ถามเขาก็บอกว่าเห็นว่าคนนี้กิน เพราะพี่อีกคนเขารู้ว่าอะไรของกูแล้วกูหวงของเขาจะไม่ยุ่งหรือมาถามนี่ก่อน อยากหาเสริมเพราะจะได้ไม่ต้องคิดมาเรื่องพี่+มาจ่ายค่าใช้จ่ายอย่างอื่นในบ้านที่ต้องจ่ายร่ววมกันด้วย ส่วนเรื่องย้ายออก ยากหน่อยพอดีที่ทำงานแบบใกล้บ้านเดิน5นาทีถึงน่ะ ละพวกกูก็อยู่กับพ่อแม่ด้วย แต่พี่ชายก็ยังเกาะพ่อกินอยู่ พ่อกับแม่พยายามให้ออกไปทำงานแต่ก็นอนตายคาห้องเหมือนเดิม หรือแบบบางทีกูอยากกินอะไรสักอย่าง ซื้อมาไว้ที่บ้าน หรือพอกินของตัวเองบางที เขาก็ถามกูแบบ ทำไมไม่ใช่บัตรพ่อซื้อเอา กูไม่เข้าใจอ่ะ โตๆกันแล้ว โตพอที่จะหาเงินเลี้ยงดูตัวเองได้ ทำไมต้องเกาะพ่อแม่กิน พ่อแม่ก็แก่แล้วอ่ะ เหนื่อย
อีก 1 ชั่วโมงเท่านั้นนน จะเลิกงานนนน
จบใหม่ ทำงานมาเกือบหกเดือนแล้ว แต่อยากลาออกเพราะเงินเดือนน้อย+ไม่ชอบเนื้องาน+ไม่ชอบหัวหน้าขี้ gaslight +ที่บ้านอยากให้กลับมาช่วยธุรกิจ และงานมีคนเก่าออกคนใหม่เข้ามาตลอด คิดว่าบอไม่มีปัญหาขาดคน เลยไปปรึกษา hr สรุปเขาไม่ให้ลาออก เพราะบอกว่าเพิ่งอยู่แปบเดียว ให้ทำสัก 1 ปีก่อนแล้วค่อยออก(แต่ในสัญญาไม่ได้บังคับเรื่องระยะเวลางาน)
อยากถามพี่โม่งว่าหกเดือนมันน้อยมาก ห้ามออกไม่งั้นจะมีประวัติด่างพร้อย ไม่มีที่ไหนรับทำงานอีกจริงเรอะ เพราะคนรอบตัวก็ลาออกระหว่างออนโปรกับหลังเพิ่งผ่านโปรเยอะมาก ก็ไม่มีปัญหาชีวิตกัน เลยมองว่าปกติ
สำหรับโม่งที่ไปหางานทำในโรงแรมนะ ล่าสุดกูไปสมัครมาแล้ว ขนาดมี ปสก ร้านอาหารแม่งก็ไม่รับกูพอกัน แล้วทำได้ทั้งครัวและเสิร์ฟ ผลลัพธ์คือตอนนี้เงียบหายไม่มีการติดต่อมาใดๆทั้งสิ้นนาจา
เรียนจบวิทยาศาสตร์ ไม่ทำงานตรงสาย แปลกไหม โอกาศได้งานมีไหม
งานเดิม
หยุด2วันต่อวีคได้ แต่ตอนเทศกาลนี่ทำ6วันรัวๆ
มีประกันกลุ่ม, ใช้สิทธิ์ลาได้ถ้ามีใบรับรองแพทย์, OT จ่ายจริง คิดเป็นรายนาทีด้วยซ้ำ
มีโบนัส เบี้ยขยัน
ไม่ได้สกิลต่อยอดสายงานเลย เพราะตัวงานมีแบบแผนมาให้ละ
การเมืองเยอะบ้าบอคอแตก
งานใหม่
เงินเดือนไม่ชัวร์ มีสิทธิ์ได้น้อยลงมาจากงานเดิม
หยุด6วันต่อเดือน ช่วงเทศกาลไม่รู้เลย ละไม่ชัวร์ด้วย
มีโบนัส ทิป เบี้ยขยัน โอที(ที่ไม่รู้จ่ายจริงไหม)
สวัสดิการคือน้อยแบบน้อยเท่าคนทำงานต่ำกว่าวุฒิ ป.ตรีอ่ะ
ถ้าทำงานกันได้นานๆ สกิลงานคืออัพได้รัวๆมากๆ มีโอกาสได้งานที่สวัสดิการดีกว่าที่ปัจจุบันไปไกลโขเลย
ตอนนี้สกิลสายงานกูยังพอได้นะถ้าต้องกลับไปทำอีก แต่ไปลงคอร์สเรียนเพิ่มก็ได้ เอาไงดีวะ? กควรอัพสกิลก่อนหางานใหม่คือเรื่องดีกว่าใช่ไหม?
ปกติจากพนักงาน สัญญาปีต่อปี ถ้าถูกย้ายมาเป็นประจำ เงินเดือนจะลด หรือเพิ่มนะ
นี่เจอลด แต่มันก็ไม่ต่างเพราะสวัสดิการ และโบนัส แต่งานอาจจะทำหลายอย่างมากกว่าเดิม
กูเครียดกับการเงินมากเลย ไม่ได้ไม่มีนะ แต่มีแล้วมันไม่ถึงเป้าที่คิดไว้คือจะเครียดมาก กลัวว่ามันจะไม่พอวันที่จำเป็นต้องใช้
พอมันผิดพลาดไปกูก็มานั่งประสาทแดกคนเดียวอีก
>>604 กูเคยเป็นตอนมีหนี้นะ ตอนนั้นสมัยเริ่มทำงานใหม่ๆอยากได้อยากมี ไปสมัครบัตรเครดิตเเล้วรูดเยอะรูดหลายอย่าง มือถือใหม่ คอมใหม่ เก้าอี้ทำงาน รูดๆจนมีหนี้เยอะ ตอนนั้นพลาดก็เลยค่อนข้างเครียดเพราะไม่ได้ประเมินกำลังจ่าย
เเต่ปัจจุบันหนี้หมดเเล้วพวกนั้น สบายตัวไป มีเเค่หนี้บ้านอย่างเดียวเเต่กูมีรายได้ที่มากขึ้นพอจ่ายก็เลยไม่ได้อะไร เเนะนำว่าถ้ารายได้ไม่เยอะ เเล้วยอดหนี้มึงเกิน 70% 80%ของเงินเดือน ไม่เเปลกว่ะที่จะรู้สึกเครียดเรื่องการเงิน ทุกคนก็เครียดกันหมดเเหละ
>>605 ต้องเซฟ คชจ แหละ อย่างล่าสุดกูแพลนว่าเคลียร์เงินเสร็จเดือนมีนาจะมีเงินเหลือเท่านี้ แต่แม่งไม่ได้ตามเป้าเพราะมีเหตุ out of plan ต้องใช้เงิน กูก็เลยมานอยของกูเองว่ามันไม่ได้ตามเป้า กูแค่กดดันตัวเองมากเกินไป กูรู้แหละแต่มันห้ามไม่ได้ เหมือนเป็นโรคจิตอ่อนๆ
>>606 กุไม่มีหนี้นอกจากบ้านกะรถ แต่มีเงินใช้ปกติเลยโม่ง มึงพูดแบบนี้รู้สึกโล่งใจขึ้นมาหน่อย กูแค่เครียดไปเองแหละ
>>606 โชคดีที่กูไม่เคยเจอตัวแทนบัตรเครดิตเลยในช่วงที่ทำงานรายได้ไม่ถึงหมื่นห้า 555+ เลยเรียนรู้วิธีจัดการเงินแบบเข้มข้นสุดๆ วิธีบริหารแบบเริ่มต้นละเห็นภาพชัดขึ้นคือบัญชีรายรับ-รายจ่าย เป็นไปได้เขียนบัญชีทวนแม่งทุก5-6เดือนได้ยิ่งดีว่าเราใช้จ่ายไรไป จะได้รู้ว่าอะไรควรลดอะไรควรเพิ่ม จริงๆลองไปหาดูคลิปพวกที่แม่งประสบความสำเร็จด้านบริหารเงิน บริหารค่าใช้จ่ายแล้วเก็บเงินได้เก่งๆแบบRamit Sethiไรเงี้ยหรือRobert T Kiyosakiแล้วดูMindsetเค้าว่าบริหารเงินยังไง เอามาปรับใช้ได้ยังไง
ทำรายรับรายจ่ายนี่เห็นด้วยจริง บางทีซื้อๆของไปจ่ายๆไป เเบบเช่นอยู่ๆอยากเเดกstarbuck สมัยนี้ง่ายกดเข้าเเอปเเล้วสั่งได้เลย พอทำบ่อยๆเข้าติดนิสัยความสบายอยากเเดกก็กิน รูดกดเอา จนบางเดือนกูเคยค่ากินทะลุไป15k พอตัดสินใจอยากเก็บเงินกูเริ่มทำรายรับรายจ่าย บางอย่างกินอะไรก็ถูกลงหรือนานๆกินทีก็พอ เดือนนึงก็ประหยัดได้เยอะ
มึงงง อยากไปทำงานที่ญปอะ กุพึ่งเรียนจบป.ตรีด้านไอทีมาได้1ปี ตอนเรียนป.ตรียังไม่อยากไป แต่ตอนนี้รู้สึกอยากไปเหี้ยๆ ยังไงดีวะ หรือไปต่อโทที่ญปแล้วค่อยหางานทำต่อดี ทุนพ่อแม่พอมีอยู่ แต่ทางที่ดีก็อยากหาทุนช่วยแบ่งเบา
ตอนนี้กุทำงานมา1ปีละ คือจบแล้วทำงานเลย อยู่บ.เร้กๆที่บอกว่าเราอยู่กันแบบครอบครัวแห่งหนึ่งในไทย ทำแม่งทุกอย่างยิ่งกว่าไอทีซัพพอต ตั้งแต่ทำบิลเปิดPOยันเขียนเวป555555 เลยคิดๆว่านานๆเข้าก็ไม่ไหวว่ะ บ.ครอบครัว ตอนแรกๆก็ดีถือว่าได้เรียนรู้งานทุกอย่างได้ฝึกความอดทน แต่นานๆละเรื้อรัง เปนเดอะแบก
พอดีตอนฝึกงานก็ทำบ.ใหญ่ในไทยไปแล้ว ได้ซึมซับความเปนไคฉะอินเตมที่ แสกนนิ้วเข้างานตรงเวลา เลยลองมาทำกับอิบ.ครอบครัวที่ดูเหมือนชิลๆ ทำงาน24/7 ตอบไลน์ตี2 ปั่นเอกสารยันเช้า เออได้รู้ซึ้งละ เลยอยากลองไปทำที่ญปดูบ้าง มีแนะนำอะไรบ้างมะ
นึกถึงตอนตัวเองตอนจบใหม่ ทำงานมา3ปี มีเงินให้ที่บ้านทุกเดือน เก็บเงินได้หลายแสน
มาตอนนี้ได้เกิน2เท่า ให้ที่บ้านเท่าเดิม แต่ก็เก็บเงินได้พอๆกัน
มานั่งทบทวนตัวเองก็พบว่า พอเราได้เยอะขึ้น ไลฟ์สไตล์เราก็เปลี่ยน ออกไปข้างนอกเยอะขึ้น กินร้านอร่อยได้มากขึ้น ของที่เลือกใช้ก็อัพขึ้นมาอีกระดับ และก็เอาเงินไปเที่ยว ซื้อของที่อยากได้ที่แต่ก่อนต้องเก็บ3-4เดือน แต่ตอนนี้เดือนเดียวก็ซื้อได้เลย
นึกถึงคำพูดหัวหน้าที่บอกว่าพอไปถึงจุดใหม่ ไลฟ์สไตล์เราก็จะอัพตามรายได้
นับถือพวกที่ประหยัดมีวินัย แต่ก่อนใช้เท่าไหร่ ตอนนี้ก็ใช้เท่าเดิม แล้วพอรายได้อัพไปเรื่อยๆ เงินเก็บก็จะพุ่งไปเรื่อยๆ
>>611 โม่ง มึงลองวางแผนกิเลสมึงดู ละพยายามผนวกกิเลสกับการยั้งกิเลสของมึงให้ได้ แล้วมึงจะเป็นแบบไอพวกที่มึงว่ามาท้ายประโยคนี่ยังได้เลยนะ ตัวกูคือวางแผนเรื่องความจำเป็นหว่ะ
-ใช้กฎ 1 วันด้วย ตั้งคำถามตัวเองไปเรื่อยๆในแต่ละวันว่าอยากได้ไหม ที่เรามีมันวิ่งชีวิตให้เราได้สะดวกขนาดไหน ถ้าใช่คือควรซื้อ ถ้าไม่ใช่ มีอย่างอื่นแทนได้ก็เบรกไว้
-มีอีกกฎเหล็กนึงนะ มีเศรษฐีบางคนทำงี้เลย อยากซื้ออะไรให้เก็บเงินสัก 3-4เท่าของราคาของที่เราอยากซื้อมันมากๆ
-ลองอ่าน I Will Teach You To be Rich. ของ รามิต เศรษฐี อันนี้คือมีอะไรที่how-to เชิงปฏิบัติได้เยอะมาก
-มีหนังสือที่ชื่อว่า "Don't eat Mashmellow yet" ของ ดร.โจอาคิม เดอ โพซา ควรค่าแก่การอ่าน
>>613 กุเล่นเกมกาชา ตอนนี้เพชร 130,000 หลายคนก็ทำไม่ได้แบบกูว่าเก็บเพชรเยอะได้ไง
ไม่ได้เปิดกาชาทุกตู้ เปิดตัวที่จำเป็นจริงๆ
ไม่ใช่บ้าว่าของมันต้องมี ตั้งเป้าเอาไว้ เช่น กุชอบความเป็นญี่ปุ่น กุชอบอาสึกะ แลงเลย์ กุชอบgameplayตัวนี้ก็กด
แค่นั้นก็พอ ไม่ต้องมีกฏอะไรหรอก กุชอบกุซื้อ
>>611 กูดันเป็นตรงกันข้าม อัพเงินเดือนหรือหาเงินได้มามากเท่าไรก็รู้สึกไม่พอ ไม่กล้าอัพไลฟ์สไตล์ของตัวเองขึ้นตาม ประหยัด ยังใช้ของราคาถูก ข้าวสั่งทีเดียวมาแบ่งกินหลายๆ มื้อ ไม่เที่ยวไม่ฟุ่มเฟือย เดือนนึงกูใช้เงินแค่ 20% ของรายได้นอกนั้นเก็บหมด
กูรู้สึกว่ามันเครียดเกินไปว่ะ ไม่กล้าใช้จ่าย ไม่กล้าซื้อของที่อยากได้ เทียบกับคนที่เงินเดือนพอกันหรือน้อยกว่า ไลฟ์สไตล์กูติดดินมาก ประหยัดเกิน รู้สึกตัวว่ามันตึงไปนะ เป็นทุกข์เพราะอยากได้แต่ไม่กล้าซื้อทุกวัน แต่ถ้าจะให้เสียเงินกูก็รู้สึกทุกข์พอกัน สิ่งที่คิดในหัวตลอดเวลาคือกูเป็นเสาหลัก ในอนาคตถ้ากูล้ม พ่อกับแม่ล้มหมด เพราะบ้านกูแทบไม่มีทรัพย์สินอะไรเลย อยากมีชีวิตสบายๆ ไม่ต้องเครียดเรื่องเงินจัง เฮ้อ หวังว่าสักวันกูจะหาเงินได้มากพอที่จะใช้อะไรก็ได้ จะได้ไม่ต้องเครียดแบบนี้
กูบ่นในนี้โม่งจะโขกมั้ยนะ คือตอนนี้กูรู้สึกเหนื่อยมากแม้ไม่ได้ทำงานก็ตาม
คืองานประจำกูมีอยู่แล้ว เป็นฝ่ายบัญชีให้กับบริษัทซึ่งโอเคอันนี้กูไม่ติดอะไร เพราะทำ จ-ศ เลิก 4-5 โมงตามปกติ
แต่ปัญหาคือหลังจากนั้นเนี่ยล่ะ กูรู้สึกว่ากูยังคงทำงานตลอดไม่ได้ผ่อนคลายอะไรเลยซะงั้น
หลังเลิกงานกูจะเข้ายิม เข้าฟิตเนสเป็นประจำวันละ 1-2 ชั่วโมง จากนั้นก็จะเดินทางกลับบ้าน + หาอะไรกินอีกซัก 1 ชั่วโมง จะทำให้กูกลับถึงบ้านราวๆ 1-2 ทุ่ม ซึ่งจะเป็นแบบนี้ทุกวัน หลังจากนั้นกูก็จะเปิดคอมเล่นเกมซักหน่อยจนถึงเวลาเข้านอนละ ส่วน เสาร์-อาทิตย์ ก็อยู่บ้านเฉยๆ ตกเย็นก็ไปตีแบดกับคนในกลุ่มไลน์ ใช้ชีวิตวนแบบนี้ไปเรื่อยๆ มาตลอด
และปัญหาก็จะอยู่ตรงนี้ล่ะ คือกูว่ากูพยายามหาอะไรทำอย่างอื่นนอกจากงาน อย่างการเข้ายิมไม่ก็นั่งเล่นเกมเพื่อผ่อนคลายนะ แต่พอทำเป็นกิจวัตรเข้าก็รู้สึกไม่ผ่อนคลายเลยซักนิด เผลอๆ ให้ความรู้สึกเหมือนกับกำลังทำงานอยู่ซะด้วยซ้ำ จนพาลคิดว่าอะไรก็ตามที่ต้องขยับตัวแม่งก็จะรู้สึกเหมือนกับเวลาทำงานไปทั้งหมดจนรู้สึกไม่ผ่อนคลายเลยซักนิด ตอนนี้เลยรู้สึกเบื่อกับชีวิตยังไงก็ไม่รู้ว่ะ
คือคิดหลายครั้งนะว่าอยากจะนอนโง่ๆ นิ่งๆ ไม่ทำอะไรเลย แต่พอลองทำเข้าจริงก็ทำไม่ได้ว่ะ วันหยุดอยู่เฉยๆ นิ่งๆ ไม่ก็นอนงีบกลางวันกูก็ทำได้ไม่ถึงชั่วโมงก็ตื่นละ นอนดูหนังดูซีรีย์ก็ไม่อยากจะดูยาวๆ อยากดูแค่จบไปเป็นตอนๆ แล้วลุกไปหาอะไรอย่างอื่นทำมากกว่านอนแช่ซะงั้น จะออกไปข้างนอกก็ขี้เกียจ + ร้อน ไปเดินห้างก็ไม่รู้ไปเดินเพื่ออะไร ไปเที่ยวยิ่งแล้วใหญ่เหมือนใช้พลังงานไปแบบเสียเปล่า สุดท้ายกูเลยไม่รู้หาทางผ่อนคลายยังไงดีแล้วว่ะ orz
>>616 เห้ย มึงเก่งมาก แต่ 20% ที่ว่านี่คือเอาไปวางแผนประกัน แล้วก็วางแผนหักลดหย่อนภาษีอะไรเรียบร้อยแล้วใช่ป่ะ ถ้าใช่ก็ถือว่าเก่งมาก จริงๆ แต่ว่าแนะนำว่าลองใช้ขยับขึ้นไป 30 ถึง 35% ดูจะได้ไม่มีความรู้สึกแบบนี้ แล้วที่เหลือแนะนำว่าลองเอาไป ลองเอาไปเรียนกับ โค้ชสอนการลงทุนที่เราคิดว่าไว้ใจได้ แล้วเราลงทุนในแบบที่เราไม่ต้องไปมานั่งหมกมุ่นกับมันตลอดเวลาเอาเวลาไปทำอย่างอื่นได้ ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ดูทั้งนี้นะ เรื่องการศึกษาพยายามถ้ามันอัพสกิลตัวเองเราได้ อย่าไปยั้ง เพราะมันจะทำให้เราหารายได้มากขึ้นเมื่อเรามีสกิลมากขึ้นและมีความรู้ในความสมองของตัวเองมากขึ้
อีเหี้ย กูได้รู้ซึ้งสังคมโรงงานที่เค้าร่ำลือกิตติศัพท์กันก็วันนี้ แค่กูเฟรนลี่กับทุกคนไม่แบ่งฝ่ายก็โดนทีมนินทาว่าเป็นนกสองหัว จากแรกๆที่คุยถูกคอกันดีพอรู้ว่ากูไม่เลือกข้างก็ทำมึนตึงใส่ เคยหยอกล้อกันปกติมาวันนี้บอกกูไม่มีมารยาท แถมทำไรมาพวกมึงก็หาข้อติกูไปซะทุกเรื่อง เชิญพวกมึงอยู่กันใน echo chamber ซะให้พอทั้งหัวหน้าทั้งลูกน้อง กูไม่สู้พวกมึงหรอกกูจะไปเองอีเวร
ช่วงนี้เหมือน burn out เลยว่ะ มีช่วงนั่งโง่ๆไม่มีอารมณ์ทำงานเยอะมาก
แต่สุดท้ายก็ต้องมาปั่นเลยเวลาทำงาน ไฟลนก้นตอนใกล้ deadline อีก
จริงๆรู้สึกเป็นแบบนี้มาซักพักละ แต่ช่วงนี้เหมือนยิ่งหนักขึ้น
ทำงานเหมือนเดิมมาสิบรอบแล้ว ใช้งบเท่าเดิม
ดันมาว่ากูที่รับช่วงต่อว่าใช้งบเยอะเกินแล้วกูจะรู้ไหม มาทำแทนก็รับงานต่อคนก่อน ไม่ชอบอะไรกูป่าววะ
กลายเป็นคนว่างงานซะแล้ว ทำอะไรดีวะ
รู้สึกเหมือนโดนใช้ทำงานเกินลิมิต แล้วโดนด่าที่ทำงานผิดพลาดอ่ะ กูง่วงแทบจะล้มพับไปอยู่แล้ว ก็ยังจะให้ทำ แล้วก็มาด่ากูเวลาทำผิด
ได้userกับรหัสของบัญชีองค์กรซึ่งเป็นของคนที่กูเกลียดในที่ทำงานมาไว้ในครอบครองได้ละ ได้มาแบบงงๆด้วย คำถามกูนะ เอาไปทำไรดีวะ? อีนี่มันสอบใส่ไฟชาวบ้าน เล่นละครเก่ง ยุยงให้คนนั้นเกลียดคนนี้เพื่อประโยชน์ตัวเอง อยากให้ฝ่ายบุคคลเล่นงานมันหรือมันเองเจอpower harrassmentจากหัวหน้ากูนี่มันมีวิธีไหนเด็ดๆบ้างป้ะ?
ขอคืนภาษีได้คืนกันยัง
ยื่นไปตอนต้นเดือน มันติดคนเยอะ + หยุดสงกรานต์ด้วยปะ ยังไม่ได้คืนเลย
หยุดสงกรานต์ 11 วัน ผ่านมาแล้ว 6 วันกูยังไม่ได้ก้าวขาออกบ้านแม้แต่ก้าวเดียว ไกลสุดคือออกไปรับอาหารกับไรเดอร์ตรงรั้วบ้าน 555 และก็ยังไม่รู้สึกอยากออกบ้านเลยด้วย ตั้งแต่ผ่านโควิดมา สกิลการอยู่ติดบ้านกูเลเวล 99 ตีนเรืองแสงละ อังคารหน้าตอนจะออกบ้านไปทำงานคงสภาพเหมือนคนป่าจะออกจากถ้ำ 555
เห้อพรุ่งนี้กูทำงานแล้ว เศร้าเหลือเกิน
เมื่อวานทำงานวันสุดท้าย(งานกูหยุดไม่ตรงส-อาและนักขัตฤกษ์)กูแจ้งออกตั้งแต่เดือนที่แล้ว แล้วทีนี้ไปเห็นไลน์ที่เมเนคุยกับพี่อีกคนเลยแอบไล่อ่านถึงได้รู้(จริงๆรู้อยู่ล่ะว่าต้องนินทาแอบด่าอะไรกูอยู่แล้ว)ว่าอยากให้กูไปให้พ้นๆตั้งแต่เดือนแรกๆแล้ว ถึงขนาดที่พี่อีกคนชีบอกเมเนบอกให้เอากูออกก่อนโปร กูโดนด่าว่าเป็นภาระไปแล้วเกิน 10 คำได้ เมเนกับพี่บอกว่าให้ย้ายกูไปไหนก็เป็นภาระเขา อะไรนิดอะไรหน่อยก็เอามาฟ้องเมเนหมดแค่เปิดคอมไม่ติดเปิดเครื่องปริ้นไม่เป็นเพราะมันคนล่ะรุ่นคนล่ะแบรนด์ที่กูเคยใช้หน้าตาไม่เหมือนกันงี้ถึงกับด่ากูไม่มีคอมม่อนเซ้นส์ กดโทรผิดเข้าเบอร์สนง.ก็ฟ้องครั้งเดียว ถอนหายใจหาว่าชักสีหน้าทำหน้าไม่พอใจใส่แต่พี่ก็ชักสีหน้าใส่กูแทบทุกวันเลยอ่ะกูพูดเลย อยู่ต่อหน้าก็ชอบพูดกระแนะกระแหนว่าน้องช่วยอะไม่ได้หรอก น้องทำอะไรไม่ได้หรอก คือกูอ่านแล้วแบบพี่คนนี้มันจับผิดทุกอย่างมารายงานเมเนหมด เข้าห้องน้ำไปนานหรือเข้าไปคุยโทรศัพท์ก็ฟ้องแต่ทีพี่เวลาเข้าห้องน้ำกูก็เห็นเข้านานไม่ต่ำกว่า 3 นาทีเหมือนกันทำมาบ่นกับเมเน เคยมีครั้งนึงเมเนได้ยินกูคุยโทรศัพท์เรื่องงานใหม่ชีรีบไลน์เม้าท์กับพี่ว่าข่าวดีที่มีงานใหม่ติดต่อกูมาแล้วบอกขอให้กูได้แล้วรีบออกไป กูเข้ามาแรกๆยังใช้ระบบบอสัดไม่เป็นเพราะมันต้องหัดใช้บ่อยๆจนชินมือแค่จำอย่างเดียวไม่ได้ยังเอาไปบ่นกับเมเน แล้วพี่ก็ไม่ไว้ใจให้กูทำอะไรเลยเอาทุกอย่างไปทำเองแล้วไปนั่งบ่นว่างานโหลดรู้สึกทำทุกอย่างอยู่คนเดียวแล้วก็ดูไม่ได้เต็มใจสอนกูแต่แรกแล้ว กูอิ้งไม่ได้ฟังไม่ออกหันถามก็แซะกูน้องมีโทอิคไม่ใช่เหรอคะ พี่ไม่มีผลเลยนะ ผลประเมินมีบอกว่ากูไม่ให้ความร่วมมือ คือถ้าบ่นที่กูทำงานแย่ทำผิดกูเข้าใจกูรับผิดตรงนี้นะเพราะกูรู้ตัวว่ากูทำงานแย่เพราะงานนี้ไม่เหมาะกับกูซึ่งกูหางานใหม่รอตั้งแต่เข้ามาได้อาทิตย์แรกแล้ว บางทีก็หาว่ากูมีไรไม่ถามพอถามโดนหาว่าไม่ช่วยตัวเองก่อน มีแชทวันหลังจากที่กูแจ้งออกบ่นว่าทำไมไม่ไปสักทีอยู่ก็เป็นภาระ คนใหม่จะได้มาซึ่งวันก่อนหน้านี้ทำเป็นมาเป็นพูดดีแนะนำกูว่าให้ขอเมเนไปเลยจะได้เริ่มงานใหม่ไว้ๆถ้าเป็นพี่พี่อยู่แค่สิ้นเดือนพี่ไม่อยากให้เสียโอกาสเรียนรู้งานที่ใหม่ เมเนก็ไม่ได้ต่างกันแค่ไม่ชักสีหน้าไม่กระแนะกระแหนตรงๆแต่ไปเม้าท์ไปด่าลับหลัง ..... กูเหนื่อย กูท้อมาก ทนทำงานที่ไม่เหมาะไม่ชอบมาหลายเดือนเจอความท็อกซิกอีก กูจะตาย วันหยุดก็น้อยหยุดไม่ตรงที่ชาวบ้านเขาหยุดจนไม่ได้เจอเพื่อน จะเริ่มงานที่ใหม่อาทิตย์หน้ากูรู้สึกไม่มั่นใจอะไรเลยกูรู้สึกกูไร้ค่า เป็นภาระทุกคนมากๆจนอยากหายไปจากโลกว่ะ
>>635 มึง ที่เก่ามึงท็อกซิกสัสๆ ยินดีด้วยที่หลุดพ้นสักที ขอให้ได้เจอสังคมที่ใหม่ดีๆ นะเป็นกำลังใจให้ และไม่ต้องรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า พี่ที่ทำงานเก่าและเมเนมึงต่างหากที่ควรจะพิจารณาตัวเอง อ่านแล้วขึ้นว่ะ สำหรับกู กฎเหล็กเวลาทำงานคือ ถ้ามีน้องใหม่เข้าทีม ทุกคนไม่มีใครไร้ค่าหรือมีค่าน้อยกว่าคนอื่นแค่เพราะต้องมาทำอะไรที่ตัวเองไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน เพราะถ้าได้ลองเรียนรู้ยังไงเดี๋ยวก็ทำได้เอง ถ้าตัวเองอยากเติบโตแต่ยังมองน้องในทีมเป็นภาระก็ควรไปพัก ไอเหี้ยย
>>635 มึงเก่งมากที่ทนมาได้ เจอแบบนี้มึงไปอ่ะถูกแล้ว เรียนรู้ไว้เยอะๆเลย เผื่อมึงเจออีกจะได้รู้ว่าไม่ควรทำงานด้วย กูเห็นด้วยกับโม่งตัวบนๆเลยว่าท๊อกซิกจริงแล้วสภาพงานน่าจะสอนงานไม่เป็นด้วย คนแบบนี้นะ ถ้าทำงานให้มันได้นี่มึงเจอมันทำนาบนหลังมึงชัวร์ สภาพสันดานคนที่นั่นน่าจะแบบหาคนที่ไม่ต้องสอนงานละมาทำได้เลย กูบอกให้ เป็นกูเป็นงานได้แต่ต้องทำงานกับมันกูก็ไม่เอา
หยุดยาววันสุดท้ายแล้วว่ะ OTL
มองไม่เห็นหนทางที่จะร่ำรวยได้เลยว่ะ เด็กๆก็ฝันนะอยากมีบ้านอยากขับบีเอ็ม
ตอนนี้ผ่อนซิตี้ก็หืดจับละ อายุปีนี้ 27 แล้วสมบัติคือรถ1คัน(เพิ่งผ่อนหมด) แต่มีหนี้บัตรอีกนิดหน่อย
นั่งดูคลิปรีวิวบ้านแต่ละครั้งรู้สึกมันไกลเกินเอื้อมจังว่ะ ทั้งๆที่เมื่อก่อนคิดว่ามันไม่น่าจะเกินกำลังแท้ๆ
ท้อว่ะ มองไม่เห็นยอดความฝันพลางให้หมดไฟ
>>639 อยากรวย มึงต้องขายวิญญาณ เป็นแบบพวกนี้ เป็นต้น
-ออนลี่แฟน/ขายรูปตีน/เด็กเสี่ย
-เป็นร่างทรงเจ้าลัทธิให้คนศรัทธาถวายเงิน
-เป็นศิลปินวาดรูปขาย ไม่มีฝีมือแต่เล่าขายงานโม้เก่ง
-นักทําคอนเท้นยูทูปติ๊กตอกช่องเด็กแบบไร้สมองหรือไม่ก็คอนเท้นก๊อปเน้นปริมาณไม่เน้นคุณภาพ แต่ได้ล้านซับ
ลฯ
https://youtu.be/bdXIk2bjYVg?si=zOVBD4eNb4DgA-hX
เป็นผู้ชาย ก็เปลี่ยนมาคอสเดรสซะ อย่างไอหมอนี่ ทําได้ทัังคอนเท้นยูทูป ขายOLF ซื้อแบรนด์เนมให้ได้เมียหลายใบละ
พวกมึง กุเริ่มงานใหม่ล่ะเข้ามาจริง บ.เล็กมีกันไม่กี่คน นั่งแยกเดี่ยวๆ ซึ่งกุไม่ชินอ่ะ เคยทำบ.ที่คนเยอะๆนั่งติดกันมีอะไรหันไปถามได้เลย พี่ที่สอนงานเพิ่งอธิบายระบบกับ process ไปตอนเช้า ตอนบ่ายหัวหน้าจะเรียกถามเลยว่าเข้าใจมั้ย หางานใหม่เผื่อเลยมั้ยว่ะหรือกุคิดมากไปเอง
ดีละสัส ได้เป็นส่วนตัว หรือมึงจะชอบห้องเล็กๆอัดเป็นปลากระป๋องนั่งติดเป็นพรืด จนแทบไม่มีที่เดิน อึดอัดกว่าห้องเรียนเด็กมัธยมอีก
ทำไมหัวหน้าชอบอารมเสียใส่วะ ทำเอกสารนี้ครั้งแรก ไปถามก็บอกไปลองทำมา เดี๋ยใดูให้ พอทำไปส่ง อส ด่าซะกูจะร้องไห้เหมือนไปฆ่าแม่มัน
ย้ายจากสัญญาปีต่อปี กลายมาเป็นประจำ เพราะตำแหน่งว่าง จากที่มีคนออก
ได้เงินเท่าเดิม ที่เพิ่มคือโบนัส benefit ต่างๆพวกวันหยุด ประกันกลุ่ม ตามอารมณ์บริษัทใหญ่ๆ
แต่แลกมากับงานที่โคตรจะหนัก เพราะกุอยู่มาสักพักเห็นข้างในหมดว่ามีอะไร process เต็มไปหมด แถมไม่ได้ถือแค่งานเดียว มีคุมโปรเจคระยะยาว และงานหยิบย่อย มีmonitor ส-อ บางเดือน ไหนจะต้องประชุมที่มากกว่าทำงาน และคุยกับทีมอื่นๆ
เทียบกับงานปัจจุบันที่เป็นoutsourceดูแค่โปรเจคอย่างเดียว
ใจจริงก็ไม่อยากย้ายวะ แต่ได้ยินจากเพื่อนโปรเจคอื่นว่า หัวหน้าที่ปัจจุบันที่คุมทีม ถ้าอยากลดคอส(เพิ่มกำไรให้บริษัท) จะใช้วิธีเอาคนเก่าที่ค่าตัวแพงทำงานเป็นออก แล้วเอาเด็กจบใหม่มาแทน โดยให้คนเก่าสอนงานให้แล้วก็ไม่ต่อสัญญา หรือใช้วิธีการดิสเครดิตกับผู้บริหารว่า performance คนนี้ไม่ดี คือหัวหน้าไม่ได้ลงมาทำงานด้วยเป็นแค่คนคุม แต่เป็นคนpresentเก่ง และมีconnectionเยอะ แถมชอบพูดเอาดีเข้าตัวเอาชั่วให้คนอื่น ซึ่งก็เคยเห็นหลายๆรอบจากน้องๆที่เคยมาปรึกษา (แต่ลูกค้าที่เป็นผู้บริหารก็สงสัยเลยให้มาสืบ เพราะคนทำงานด้วยกันก็รู้อยู่ จนความแตกว่ามีการดิสเครดิตกัน)
คือแม่งไม่ professional เลย ดีที่กุกับเขายังสัมพันธ์ดีกันอยู่ แต่กุก็ห่วงอนาคต ดีไม่ดีเขาไม่ต่อสัญญาเพราะเรื่องพวกนี้แม่งแย่เลย เพราะถ้าย้ายไปเป็นลูกค้ากุก็ยังทำงานโปรเจคเดิม+เพิ่มงานอีกมากมาย แต่ก็เหมือนช่วยเขาทางอ้อม เพราะเขาคงจ้างเด็กใหม่มาแทนกุ แล้วกุก็ต้องสอนงาน+คุมน้องๆ เขาก็เลยไม่ติดใจอะไร(มั้ง ไม่รู้ว่าลับหลังเขาจะพูดอะไรไหม)
ข้อเสียก็คงมีแค่ย้ายไปแล้วงานเยอะกว่า2-3เท่า ไม่มี work life balance แน่นอน แฟนไม่ต้องมี อาจจะไม่ได้เที่ยว
ส่วนข้อดีคงเป็นมีโอกาสที่จะได้คุมโปรเจค มีอะไรให้ทำหลายๆอย่าง คือฟาร์มเลเวลเก็บโปรไฟล์ แล้วกุก็ชอบทำงานเพราะกุเป็นคนที่คิดอะไรในหัวเยอะไปหมด การที่ยุ่งกับงานกุจะได้ไม่ไปฟุ้งเฟ้อกับความคิดอื่นๆ แล้วกุเป็นสายITเงินเดือนเกิน50k แต่ไม่ใช่พวก tech talent ที่คนแย่งจับตัว แต่ก็คือ above average การได้มีโอกาสฝึกเป็นPM-PMOโปรเจคเล็กๆ-กลางๆ พร้อมกับทำงาน technical ไปด้วย มันไม่ค่อยมีโอกาสในบางบ.ที่เขามีแบ่ง role ชัดเจน (ก็คือแม่งใช้คนคุ้ม) กุก็เลยแอบอยากเก็บสกิลพวกนี้ไว้ เพื่อในอนาคตถ้าย้ายงานเพื่ออัพเงินให้ถึง6หลักไวๆ
แม่งบ่นยาวจังวะ ขอแชร์หน่อย มันเหมือนจังหวะชีวิต มีใครที่ต้องคิดมาเรื่องย้ายงานไหมนะ
>>645 ถ้าหัวหน้าที่เก่าทะแม่งๆ แล้วงานใหม่น่าสนใจ ได้ประสบการณ์ กูว่าลองย้ายออกมาก็ดีแล้ว
แต่งานหนักมากก็อย่าลืมรักษาสุขภาพ กับถ้ายุ่งเกินจนไม่มีเวลาคิดอะไรเลยกูว่าก็ไม่ดี ควรมีช่วงพักเบรคที่ได้คิดทบทวนอะไรต่างๆเป็นระยะๆ
กูทำงาน IT เหมือนกัน รู้สึกว่าตัวเองเป็น above average แต่ไม่ถึงขั้น tech talent เหมือนกัน
อารมณ์ตอนนี้ไม่เชิงอยากย้ายงาน กูอยู่มาหลายปีจนเบื่อ และ burnout พอประมาณ process บริษัทก็ประสาทแดกมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่ยังไม่อยากออกเพราะงานไม่หนักกับเพื่อนร่วมทีมดี ที่นี่โบนัสเยอะ แต่เงินเดือนขึ้นไม่เยอะ เหมือนเค้าตั้งใจวางกับดักไว้ให้ย้ายออกยาก
กูรู้สึกว่าตัวเองเริ่มกลัวความเปลี่ยนแปลงด้วย กูก็ไม่รู้นะว่าหรือจริงๆแล้วกูคิดน้อยไป และจริงๆควรจะเริ่มหางานใหม่ได้แล้วรึเปล่า
>>646 ส่วนมากคนที่ออกก็มีไม่กี่เหตุผลแหละ หลังช่วงโบนัสออกด้วย
1. งานที่เก่าหนัก process เยอะ การ management ไม่ดี
2. อัพเงินเดือน อาจจะเพิ่มไม่เยอะ แต่เยอะกว่าขึ้นประจำปี
3. ย้ายสายงาน ต้องบอกว่าพอเป็น IT แล้ว ถ้าไม่ใช่ specialist หรือไประดับ lead มันก็ยังพอย้ายได้
แต่ก็สงสัยคนที่อยู่ที่เดิมมาเป็น10ปีนะ คือเงินมันก็ขึ้นแหละ แต่ไม่น่าจะเท่าย้ายงาน ยกเว้นอยู่เอาความอาวุโส เอาตำแหน่ง เพราะตามโครงสร้าง คนที่เป็นระดับหัวก็มักจะเป็นคนที่อยู่มานาน หรือมีconnection ภายใน
แต่กุก็30ต้นๆแล้ว อาจจะยังพอย้ายได้ อยู่ที่ละ2-3ปี แต่พอขึ้นเลข4 นี่น่าจะเริ่มยาก ยกเว้นเป็น lead/specialist หรือมีสกิล management
จากที่เห็นคนที่เติบโตที่ไปไกลกว่า teamlead ส่วนมากนี่มาจาก connection ซะส่วนมาก
ขอปรึกษา กูคือ >>642 นะ เพิ่งเริ่มงานใหม่มาได้อาทิตย์ที่กูบ่นไปวันก่อนว่าบ.เล็ก คืองี้บ.ใหม่กูมันเล็กมาก ออฟฟิศเล็กมีคน(รวมกูและพี่อีกสองคนเข้าใหม่พร้อมกู)กันแค่ 7 คน จข.บอสัด(ก็คือหัวหน้า)2 คน พี่คนนึงอยู่มา 1-2 ปี(ไม่นับหัวหน้าก็คืออยู่มานานสุด) พี่แอดมินคนนึงเพิ่งมาก่อนแค่ 5-6 เดือน และกูกับพี่อีกสองที่เพิ่งมาใหม่พร้อมกันเลย เรื่องของเรื่องคือพอบ.มันเล็กคนมีแค่นี้ ขาดคนด้วยเลยรับใหม่เข้าพร้อมสามคน หัวหน้าเลยกดดันกูกับพี่ที่มาใหม่อีกสองว่าต้องเป็นต้องรู้ต้องเข้าใจในอาทิตย์นึงอ่ะ ตอนนี้ทุกอย่างเหมือนตกมาที่พี่แอดมิน กูเห็นเขาทำแทบทุกอย่างเป็นทั้ง hr โทร offer งาน ทำงานแอดมินทั่วๆไป มีอะไรก็โดนหัวหน้าจิกเรียกมีกระทั่งโดนใช้ซื้อข้าว และพี่เขาก็ได้หน้าที่ให้สอนงานคนใหม่ทั้งสามคนและคิดดูนะ คนใหม่ตั้งสาม+พี่ก็มีงานต้องทำต้องเคลียร์ไม่ได้สะดวกขนาดนั้นและหัวหน้าก็ชอบเรียกพี่เขาไปคุยบ่อยๆ วันแรกที่กูมาพี่เขาก็สอนงานให้กูแต่ด้วยความเพิ่งมาวันแรก+อะไรหลายอย่างพวกระบบ process งานมันเยอะมากจำภายในวันเดียวได้ไม่หมด ตอนเย็นหัวหน้าเรียกคุยเรียกเทสดูว่าเข้าใจระบบและการทำงานยังซึ่งกูตอบผิดๆถูกๆและกลายเป็นว่าวันถัดมาพี่สอนอยู่ลองให้กูอธิบายว่าเข้าใจยังไงและบอกหัวหน้าจะเรียกน้องไปเทสอีกถ้าน้องยังไม่เข้าใจพี่ก็จะโดนเรียกไปคุยอีก กูถึงกับ ห่ะ เลย พี่เขาโดนกดดันเรื่องสอนงานด้วย จากนั้นคนใหม่จะโดนเรียกคุยเรียกเทสเนื้อหางานทุกวันและเวลามีอะไรจะชอบเรียกเอาตอนใกล้เวลาพักเที่ยงกับเลิกงาน เริ่มงานมากูยังไม่เคยกลับตรงเวลาเลยเพราะโดนเรียกเทสทุกเย็นและคุยนานเป็นชั่วโมงเลยเวลาเลิกงานมาครึ่งชม.ซึ่งไม่จำเป็นมั้ยอ่ะ คุยพรุ่งนี้จะเช้าจะบ่ายก็ได้ ไม่ได้เจองานเร่งงานปั่นไฟไหม้นะ และกูกับพี่ที่มาใหม่อีกสองตอนนี้ยังไม่ได้ทำอะไรเลยสักทีนอกจากนั่งอ่านชีทอ่านฟอร์ม process งานวนไปเหมือนอ่านจะไปสอบเพราะหัวหน้ายังไม่ได้สั่งอะไร สั่งแต่ให้พี่แอดมินสอนงานเลยสอนได้แบบท่องจำซึ่งมันจะไม่ได้ช่วยอะไรเลย รู้มาอีกว่าคนเก่าๆออกหมด เหลือพี่เขาคนเดียวถึงได้รับใหม่มาพร้อมกันสามคน วันนี้้รียกไปเทสเรื่องคำนวณซึ่งกูโง่เลขไม่ได้จบอะไรแบบนี้มาเรซูเม่ก็มีบอกว่าจบอะไรมาตอนสัมก็บอกว่าเคยทำอะไรมาไม่มีประสบการณ์ด้านนี้และโดนเรียกเทสกูได้แต่สตั้นนั่งงงทำความเข้าใจ หัวหน้าพูดลอยๆ”แค่นี้ทำไม่ได้ก็ทำอย่างอื่นไม่ได้“ สวัสดิการอะไรไม่มี มีแค่ประกันสังคมหัวหน้าแม่งก็ย้ำคิดย้ำถามย้ำพูด ถามทุกวันทุกเวลาเข้าใจมั้ยๆๆๆ เหนื่อยชิบหาย จากที่ปล่อยดอง linkedin เพราะรู้สึกใช้ยาก กูนี่ถึงบ้านรีบอัตเดตประวัติทันที
กูเป็น IT ที่ above average เหมือนกัน ช่วงนี้เริ่มเนือยๆ กับชีวิต เป็น mean + 1 SD ก็รู้สึกว่าพยายามไปชาตินี้ก็ไม่ได้แสงอยู่ดี สู้ทำสบายๆ กินเงินเดือนไปวันๆ ดีกว่า เงินเดือนขึ้นแต่ละปีเปอร์เซ็นต์ไม่ได้ขี้เหร่หรอก แต่เริ่มรู้สึกว่ากว่าเงินเดือนจะแตะแสนนี่ยากจังไม่เหมือนกับที่เคยคิดไว้เลย ยังต้องขึ้นอีกหลายรอบ เห็นคนมาอวดสายงานอื่นเงินเดือนพอๆ กันหรือมากกว่า แต่ไม่ต้องมานั่งทำงานใช้สมองทรมานจิตใจแบบ IT เพียบ ไม่เข้าใจทำไมคนไหลมาทำไอทีอยู่ดี
และรู้สึกด้วยว่าช่วงนี้งานไอทีตำแหน่งงานเริ่มหายากมาก กูนั่งเฝ้า LinkedIn ตลอดทุกวันเผื่อมีตำแหน่งน่าสนใจเปิดใหม่หลุดมาบ้าง แค่แทบไม่มีเลย เทียบกับสมัยเรียนจบใหม่นี่มีให้เลือกแบบบุฟเฟ่ต์ สัมภาษณ์จนเหนื่อย หรือเพราะอายุงานกูมันอยู่ในระดับหาตำแหน่งยาก (3 ปี) ที่เปิดรับสมัครและพอจะน่าสนใจรับแต่ 5 ปีขึ้นไปทั้งนั้น
พยายามปั้นโปรไฟล์อยู่ ประสบการณ์ก็ค่อนข้างหลากหลาย ใบเซอร์เยอะแทบจะถมบ้าน แต่ก็ไม่มี recruiter ทักมาเลยว่ะ
เพราะมึงประสาทแดกไม่ช่วยกันคิดไง แล้วยังจะมานึกว่าตัวเองดีตัวเองเก่งอยู่คนเดียว ทุเรศ
ยังอยู่ในช่วงโปรแต่จะแอบไปสัมภาษณ์ที่ใหม่ เนียนไงว่ะ โปรห้ามลาด้วยสิ
กู ผช หุ่นปกติ แต่ตูดใหญ่ว่ะเวลาใส่พวกกางเกงคาร์โก้แล้วเหมือนทรงทอมจัดเลย ขาสั้นเสื้อยืด สูท-แสลค ใส่ได้ปกตินะเข้ารูปสวย แต่พอเป็นเสื้อเชิ้ต กางเกงคาร์โก้ กางเกงผ้านี่ตูดแม่งใหญ่แล้วทำให้ต้นขาพอง เหมือนทอมเลย ละเมียกูก็ชอบที่กูตูดใหญ่ด้วยนะ ขยำตูดกูทุกวัน เฮ้อ
อาการ burnout กู กูว่ามันเริ่มหนักขึ้นทุกทีละ
แต่ก่อนเริ่มจากประชุมอะไรที่เกี่ยวกับกูพอประมาณ กูตั้งสมาธิฟังไม่ค่อยไหว ได้แต่นั่งเล่นมือถือ
จนตอนนี้ขนาดอะไรที่เกี่ยวกับกูเต็มๆและควรจะตั้งใจฟังยังบังคับตัวเองไม่ไหว เหลือแต่ประชุมที่ตัวเองเป็คนนำประชุมถึงจะไหวละ
ถึงเวลาทำงานจริงก็ทำงานจริงๆได้น้อยมาก ที่ผ่านมายังกลบเกลื่อนไหวนะ แต่เดือนที่ผ่านมาคือหนักมาก งานแทบไม่เดิน
พรุ่งนี้ต้องไปรายงานประจำเดือนให้ทีมกับหัวหน้าฟังละ คิดว่าเค้าคงยังไม่ว่าอะไร แต่เป็นแบบนี้อีกเดือนคงเป็นเรื่องแหงๆ OTL
เพื่อน ขอวิธีเก็บเงินยังไงให้อยู่ดีวะ เงินเดือน ประมาณ8000 จ่ายทุก1กับ16 ค่าคอมจะอยู่ประมาณไม่ต่ำกว่า900 มีค่าใช้จ่ายส่วนตัวประมาณ800-1000ที่เป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายในบ้าน เงินที่เหลือหมุนไปเก็บๆไงดี
ทำไงดีวะเพื่อนโม่ง กูไม่ได้โดนอัพเงินเดือนมา 1 ปีเกือบ 2 แล้วว่ะ
กูทำงานมา 2 ปี 3 เดือนแล้วนะ แต่แบบ อัพไปแค่รอบเดียวคือ ตอนปรับฐานเงินเดือนอ่ะ หลังจากนั้นก็ไม่ได้อัพเลย รายจ่ายกับหนี้ก็เยอะ เครียดว่ะ
อ๊ากดกกกกกกก อิคุๆๆๆๆๆๆๆ อิไต๊ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เอาอีกๆๆ อย่าหยุดสิ อ๊าๆๆๆๆๆๆ อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!!!
เพื่อนโม่ง มีใครรู้สึกเหมือนกูไหมว่าชีวิตวัยเด็กเรามันหลอกลวงชิบหาย ให้เรียนอะไรสนุกๆ ยากๆ คิดว่าโตมาจะต้องได้ทำงานแสนสนุก ได้ใช้ความรู้ความสามารถทำอะไรสักอย่าง สรุปโตมา ทำงานมันก็ยากสุดๆ เลยแค่ประมาณนึง พอทำเป็นก็หายตื่นเต้นแล้ว จริงๆ ต้องบอกว่างานมันยากตรงที่มันวุ่นวายมากกว่าจะยากที่ต้องใช้สมอง (เน้นต้องใช้ซอฟต์สกิลมากกว่า)
กูปล่อยจอยละ ทำงานไปวันๆ หาเงิน กิน นอนแบบวนลูป ไม่มีความสุขความน่าตื่นเต้นอะไรแม้แต่น้อย น่าเบื่อมาก ขนาดกูเลือกเรียนสายและเลือกอาชีพที่คิดว่าน่าจะได้ใช้สมองบ้างในระดับหนึ่ง พอทำงานจริงก็ไม่มีอะไรยากเท่าตอนเรียนแล้วว่ะ อะไรยากๆ ส่วนใหญ่มีเครื่องมือ มีมาตรฐาน มีคนคิดให้แทนเป็นไกด์หมดแล้ว เหลือแค่เราลงมือทำ
ถ้ากูเป็นผู้ใหญ่สิ่งเดียวที่จะสอนเด็กคือให้หาแพชชั่นตัวเองให้เจอ แบ่งเวลาทำอย่างอื่นบ้างนอกจากเรียน ไม่งั้นก็เป็นแค่ผู้ใหญ่กลวงๆ เป็นเครื่องมือหาเงินให้บริษัท ชีวิตไม่มีความสุขก็ไม่รู้จะใช้ไปทำไม
ประหยัดเหี้ยอะไรก็ได้นะ แต่ปิดพัดลมระบายอากาศห้องน้ำนี่ไม่ไหวนะ ทั้งร้อนทั้งเหม็น ไม่ได้มาใช้ร่วมกับคนอื่นก็ออกกฎไปเรื่อย
กูเพิ่งรู้ตัวว่าตอนยื่นภาษีกูไม่ได้กรอกที่กูขาย LTF ตอนต้นปี (เพิ่งเคยขายเป็นครั้งแรก) เพราะเข้าใจผิดว่าถ้าขายถูกเงื่อนไข ไม่ต้องกรอกแล้ว จริงๆ คือต้องกรอกแต่ได้รับยกเว้นภาษี ไปหาอ่านใน google มาส่วนมากเขาจะบอกว่า สรรพากรจะแจ้งให้แก้ไขให้ถูก แต่ของกูไม่เห็นมีใครติดต่อมาว่าไง (เคสกูเป็นเคสจ่ายภาษีเพิ่ม กูรูดบัตรจ่ายไปตั้งแต่ตอนยื่นภาษีแล้วทุกอย่างก็เงียบหายไป) แบบนี้กูควรทำอะไรมั้ยหรืออยู่เฉยๆ ช่างมัน ถ้ามีอะไรเขาจะติดต่อมาเอง?
ถ้าเขาไม่ได้แจ้งอะไรมาก็ไม่น่าเป็นไรมั้ง
บริษัทกูซึ่ง WFH อาทิตย์ละ 1 วัน แถมไม่เคร่งกฏมากมาตลอด อยู่ดีๆจะให้เข้าออฟฟิซอาทิตย์ละ 2 วันแบบซีเรียสแทน
ถ้าบริษัทมันมีอะไรอย่างอื่นน่าดึงดูดอย่างเงินดี งานน่าสนใจ ระบบงานดี กูก็คงพอจะโอเคอ่ะนะ
แต่นี่คือปัจจัยอื่นๆเทียบกับบริษัทอื่นของสายงานเดียวกันก็ไม่ได้ดี คนที่อยู่ส่วนมากอยู่เพราะชอบเรื่องไม่ต้องเข้าออฟฟิซกัน
แถมให้เข้าออฟฟิซไปที่นั่งก็ไม่มีให้ เพราะบริษัทอยากลดค่าเช่าตึกเลยคืนพื้นที่ไปตั้งหลายชั้น
ก็ไม่รู้ผู้บริหารไม่เข้าใจปัญหาหรืออะไร แต่นึกภาพว่าต้องมาย้ายงานไปบริษัทอื่นเอาตอนนี้ก็เหนื่อยแล้วว่ะ
กูรู้สึกตัวเองแก่แล้ว ใจไม่ค่อยอยากเปลี่ยนแปลงอะไรแล้ว อยากอยู่เปื่อยๆไปเรื่อยๆ
แต่ถ้าเค้าจะบังคับจริงๆอาจจะเป็นโอกาสดีก็ได้มั้ง เพราะไม่มีเรื่องนี้กูคงเอาแต่กลัวไม่กล้าไปไหนซักที
ถ้าHRบอกจะแจ้งผลในวันนี้ๆ แล้วเงียบเลย แปลว่าไม่ได้ใช่ไหม ทำไมว่ะ ก็คุณบอกแล้วว่าจะแจ้งผลให้ทราบ ก็ควรแจ้งจริงๆไหมอ่ะ บอกหน่อยว่าได้ไม่ได้ ขอชัดๆ ชัวร์ๆ บอกตั้งแต่เช้า-สาย จะได้ตัดใจหาที่ใหม่เลย คนรอแบบมีความหวัง ตั้งแต่เช้าถึงเย็นมันไม่สนุก
บริษัทไม่มีกำหนดว่าต้องแจ้งก่อนลาออกกี่วัน แต่ว่าจะ 30 วัน ถ้าแจ้งลาออกวันที่ 13 นี้ ต้องออกวันที่ 31 สิ้นเดือน หรือวันที่ 12 เดือนหน้าวะ
ตอนแรกอยากยื่นวันนี้เลย แต่ว่าถ้ารอวันที่ 13 จะเจอหยุดเสาร์ อาทิตย์เยอะในเดือนหน้าก่อนออก + ใช้วันลาที่ไม่ได้ใช้ด้วย
คือกูอยากทำงานบอนึง ในตำแหน่งนึง แต่ด้วยประสบการณ์ตอนนี้กูยังเข้าตำแหน่งนั้นไม่ได้
ถ้ากูเลือกสมัครอีกตำแหน่งแทน แล้วสมมุติว่าได้ขึ้นมา กูทำตำแหน่งที่ได้ไปเรื่อยๆ แล้วรอขอเปลี่ยนตำแหน่งทีหลังได้มั้ยวะ
>>679 แล้วแต่นโยบายหัวหน้ากับความถูกใจของเจ้านายมึงเลยนะ เรื่องนี้ต้องไปสัมๆละไล่ถามดู แต่บางตำแหน่งอ่ะ มันเฉพาะทางจัดๆ หรือการจะพิสูจน์ถึงฝีมือในตำแหน่งงานนั้นมันอาจจะเป็นการทำงานในตำแหน่งนั้นมานานพอจนได้ใบผ่านงานหรือต้องไปหา ปสก. งานนั้นเพียวๆเลยเพื่อหน้างานตรงนี้ก็มีนะมึง
โม่ง กูเสียเซลฟ์ชห วันนี้มีเพื่อนผู้หญิงมาบอกกูว่า กูราดส้วมไม่เกลี้ยง มีผู้หญิงอีกคนเข้าต่อจากกูแล้วเจอขี้ แต่ไม่อยากบอกกูเลยให้เพื่อนสนิทมาบอกแทน อิเหี้ย อายยยยยย
กูเข้ามาอยากจะระบายที่ช่วงนี้งานเหนื่อยมาก เจอแต่คนพูดไม่รู้เรื่อง เอาตัวเองเป็นใหญ่ ทัศนคติไม่ตรงกัน กูจริงจังก็ปัดไปติดเล่น
แต่พอกูเห็นเมนต์บน กูก็เข้าใจว่าปัญหากูมันเล็กจริงๆ ให้กำลังใจมึงนะ บอกเค้าไปว่ามึงรีบกลับมาทำงานเพราะขยัน เลยราดไม่หมด เค้าอาจเข้าใจ
>>682 กู 681 นะ ขอบคุณมึงที่เข้าใจ ฮรืออออ
กูก็บอกว่า ไม่ได้เช็คให้ดี โทษที คือมันเสียเซลฟ์สุดๆว่ะ
อารมณ์เดียวกับ ชว่ ตอนวัยรุ่นแล้วแม่มาเห็น อะไรประมาณนั้นอะ
แม่ง ยังดีนะกูค่อนข้างเป็นคนหน้าด้าน ก็ทำตลกกลบเกลื่อนไป
บอก เนี่ย ขยัน รีบกลับมาทำงาน แล้วก็มีแต่คนมารุมส่งงานให้
ก็เลยไม่ได้ดูให้ดีๆ ตอนนี้กูคิดมีทางเลือก 2 ทางคือ
1.พยายามไม่ปวดขี้ที่ทำงาน
2. ถ้าอั้นไม่ไหวจริงๆก็ หันหน้า ลุยกับมันเลย
ถ้าเรากลัว เราหนี เราต้องหนีจนกว่าจะออกจากบริษัทนี้ ถูกมั้ย?
ในมื่ออั้นขี้ไม่ได้ ก็ใช้วิกฤติครั้งนี้ให้เป็นบทเรียน พรุ่ีงนี้ดูซิกูจะราดหมดมั้ย
ให้กำลังใจกูด้วยนะโม่ง
กฏข้อที่ 1 ห้ามขี้ในที่ทำงาน
กฏข้อที่ 2 ทำตามกฏข้อที่ 1 อีกที นั่นละความรับผิดชอบ
เข้าใจนะปัญหานี้ไม่เล็ก ผญ กุไม่รู้ แต่ผู้ชายเรื่องใหญ่มากกกกกกก
ถ้าทำตามกฏพวกนี้ได้ ก็ไม่มีอะไรต้องกลัวอีก
ห้างสรรพสินค้า ปั๊มน้ำมัน ไม่มีให้ขี้หรอวะ!!
เทคนิคกูคือไปขี้ชั้นอื่นที่ตัวเองไม่ได้ทำงาน/ไม่รู้จักใคร ยิ่งเป็นชั้นที่คนน้อยๆยิ่งดี เพราะแนวโน้มห้องน้ำจะสะอาดกว่า ใส่หน้ากากเพิ่มด้วยอีกอย่างยิ่งดี
กู682 และกูผญนะ
กูยืนยันว่าเราควรกล้าอึในที่ทำงานอะ ไม่งั้นถ้าปวดขึ้นมาก็จะกังวล คราวหน้าก็ดูให้ดีก็พอมั้ง คนโตๆ กันแล้วต้องเข้าใจดิ ทุกคนต้องอึ ไรงี้ กอดๆ น้า
สิ่งที่มึงควรทำคืออย่าลืมหันมาเช็คให้ชัวร์ก่อนออกจากห้องน้ำทุกรอบแค่นั้นแหละ
ลืมๆไปซะ แล้วเดินหน้า ขึ้ต่อไป
boss makes a dollar i make a dime that's why i poop on company time
เพื่อนโม่ง
กูเก็บเงิน 43% จากเงินเดือน ที่เหลือตัดเข้าค่าใช้จ่ายแต่ละเดือน
ให้ที่บ้าน 3k
ใช้แดก+เดินทาง+ซื้อของใช้จุกจิกบ้าง 6k
ค่าใช้จ่ายรายเดือน+ค่าผ่อนของใช้ที่ตัดบัตรเครดิต 3-4k
กูเพิ่งรู้สึกตัวว่ากูเครียด ใช้ชีวิตแต่ละเดือนแบบเครียดกับเรื่องค่าใช้จ่ายวีคต่อวีคตลอด(กูแบ่ง 6k เป็นสี่ก้อน สำหรับห้าสัปดาห์)
แบบนี้คือกูควรลดเงินเก็บลงใช่มั้ยวะ555555555 กูไม่รู้จะลดค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยจากไหนได้แล้วนอกจากลดค่าแดก
>>691 เปลี่ยนเป็นเก็บสัก 25-30% ดูไหม จะได้มีเงินใช้มากขึ้น ลดความเครียดลงบ้าง
เมื่อก่อนกูก็เคยเป็นแบบมึงนี่แหละ ตอนนี้ก็ยังเป็น แต่เริ่มเก็บน้อยลงแล้วเอาไปทำอย่างอื่นแล้ว ชีวิตมีความสุขแบบมากๆ เลย แค่มีเงินกินบุพเฟต์ทุกอาทิตย์จากเดือนละครั้ง แค่นี้แม่งก็มีความสุขแล้วอะมึง
>>691 เกบเชี้ยไรตั้ง 43%
รู้สึกได้ว่าคิดอะไรละเอียดจุกจิก เพราะมีเลขหลักหน่วยที่ไม่ใช่ 0 หรือ 5
นี่ยังดีที่ไม่มีทศนิยมมาด้วยนะ
เงินมีก็ใช้ๆแม่งไปเถอะ เหลือเท่าไหร่ก็เท่านั้นแหละ ต่อให้เก็บไว้เยอะก็โดนเงินเฟ้อกินอยู่ดี
แต่ถ้าจะกำหนดขั้นต่ำไว้ เอาแค่ 10-20% ก็พอละมะ ถ้าเก็บได้เกินกว่านั้นก็ถือว่าเก่งแล้ว
จะเก็บได้เท่าไหร่ มันอยู่ที่รายได้ด้วยแหละ อย่างกูนี่รายเดือนแทบเก็บไม่ได้เลยนะ 555 มีแค่ pvd 15% ที่โดนหักไปก่อน นอกนั้นใช้เรียบ 555 ดีหน่อยมีโบนัส อาศัยไปเก็บตอนได้โบนัสเอา ได้โบนัสมานี่กูไม่ใช้เลยนะ เก็บทั้งก้อนเลย (แต่เก็บในรูปแบบการซื้อกองทุน/ประกันสะสมทรัพย์เพื่อลดหย่อนภาษี) เอามาเฉลี่ยกับรายได้ทั้งปีแล้วก็เก็บได้ประมาณ 30%
ใครใคร่เก็บแบบไหนก็เก็บไปเหอะ สุดท้ายก็เป็นเราที่ต้องรับผลจากการกระทำของตัวเอง ไม่ใช่ใครอื่น อย่างกูก็เคยพยายามประหยัดนะ แต่รู้สึกว่ามันทรมานและลำบากชีวิตจนเกินไป ทำงานเหนื่อยๆ ยังต้องมาเครียดมาลำบากเพื่อแลกกับการประหยัดอีก ปัจจุบันก็เอาประมาณนี้แหละ ใช้เงินซื้อความสุขความสะดวกสบายบ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับใช้เกินตัว
หลังเรียนจบก็แก็ปเยียร์(aka เปนนีท)มาจะปีครึ่งละ ตอนนี้กำลังจะกลายร่างไปเป็นมนุดออฟฟิศแล้วคัฟพรี่ๆ ฮือๆๆ ขอกำลังจัยย กำลังอยุ่ในช่วงสัมภาษณ์งานเลย อยากรุ้ว่าถ้าคุณสมบัติครบ(จบตรงสาย+ม.ดัง+เกรดสูง+คะแนนอิ้งสูง+ใช้โปรแกรมนู่นนี่นั่นได้) การเปนนีทมีผลต่อการรับแค่ไหนวะ
แล้วแบบกุห่างจากวงการไปปีนึง ลืมทุกอย่างหมดแล้วอะ พูดก็ไม่ค่อยรุ้เรื่อง แต่เดี๋ยวกุคงทวนๆได้แหละมั้ง ไม่รุ้คนคาดหวังกับเด็กจบใหม่แค่ไหน ไม่อยากไปเปนภาระเขาเลยว่ะ (เอาจริงๆจบมากุจำเหี้ยอะไรที่เรียนมาไม่ได้เลย กลัวไปทำอะไรไม่เป็นในที่ทำงานเลยไม่กล้าหางานซะที แต่ออกมาจากรูเพราะคิดได้ว่าทำไรไม่เป็นตอนยังเปนเด็กอายุ24 ยังไงก็ดีกว่าทำไรไม่เป็นตอนเปนผู้ใหญ่อายุ30แหละนะ)
ตื่นเต้นว่ะ อยากสัมผัสความรุ้สึกของการแบ่งเงินเดือนไปช่วยแม่จ่ายค่าบ้าน+ตื่นเช้าเพื่อไปขึ้นบีทีเอสอัดกันเปนปลากระป๋องแล้วไปทำงานให้ทัน ฮิๆๆๆ
ทีมทำงานแม่งมีแต่หมูตัวเมีย แล้วเข้าใจนิสัยพวกหมูตัวเมียมั้ย มันจะกระจุ๊กกระจิ๊กเรื่องเยอะเรื่องแยะทำ 1 งาน คุยไปแล้ว 10งาน กับอีกชั่วโมงกว่าๆซึ่งที่แม่งแพร่มออกมาไม่ได้เกี่ยวกับงานเลย อีคนนึงก็เคียวจัดๆคิดถึงผัว อยากเจอผัว ไม่อยากทำงานแล้วโว๊ย อยากรีบไปหาผัวไวๆแฉะไปหมดแล้ว อีคนนึงก็เฟี๊ยสๆทำทรงเจ๊ขาใหญ่(ซึ่งก็ใหญ่จริง) ชั้ลสวยชั้ลอยากมีกิ๊กอยากอ่อยคนนู้นคนนี้ ชั้ลรวยชั้ลลุ้นหวยทุกวัน ดูดวงดูเลขเด็ดมาแบ่งปันน้อลๆ เป็นไงชั้ลเจ๊ไหมล่ะๆๆ แล้วคือกรุอยากพัฒนาอะไร เสนออะไรแม่งไม่เคยช่วยหรอก อ๋อ งานนี้ต้องทีมนั้นดูแล งานนี้มันเป็นแบบนี้แหละปรับปรุงไม่ได้หรอก อึดอัดชิบ อยากตะโกนว่า ครูไวดังๆๆๆๆ
>>701 ตัวผู้ก็ไม่ต่างกันจ้า ยิ่งพวกอยู่มานานไม่ก็ตำแหน่งสูงๆ ปสด ขี้วีน แสนงอนชิบหาย ง๊องแง๊งๆๆๆจนกูรำคาน เอาแต่ใจเป็นที่ 1 งานหนักไม่เอา เบาก็ไม่สู้ อยากทำงานแต่ใช้แรงงาน พอให้ทำเอกสารนิดหน่อยเช่นแหกตาดูรายละเอียดนิดนึงก่อนลงมือปฎิบัติยังอิออดง๊องแง๊ง อยากแต่จะสบายไม่ใช้หรอกสมองเหนื่อยละ ใช้แต่แรงนี่แหละ กวยยยย notall
>>701 อือ นิสัยน่ารำคาญของผู้หญิงในที่ทำงาน กูเกลียดมานานละ แต่ทำไรไม่ได้ ยังต้องร่วมงานกันไปอีกนาน แล้วเอาจริงๆมันก็เป็นมนุษย์อะ มีด้านที่กูรู้สึกว่าก็ดี เอาใจใส่ ทำงานคล่อง หรือด้านดีอื่นๆ ฯลฯ แต่ละคนก็ต่างกันไป แต่ก็มีด้านที่น่าเกลียดอะไรงี้ด้วย โดยเฉพาะเรื่องคุยนินทาในที่ทำงานที่รบกวนประสาทกูชิบหาย ตั้งใจทำงานเงียบๆ หรือคุยเรื่องที่มันน่าฟังกว่านี้หน่อยไม่ได้หรอวะ
>>704 อาละวาดอีกสิอีสัสหมูตอนดอกทองแตดเบียดร่องขาหนีบ อู๊ดๆ อีสัส กูก็ไม่เคยเห็นสภาพหมูตัวเมียปกติๆได้เยอะนักหรอก อีที่แวะเวียนแถวที่ทำงานกูนี่เค้าลือกันให้แซ่ดถึงความเหี้ยและความเรื่องมากกับความสัปดนประสาทแดกแบบมึงอ่ะ ไล่ทำตัววัยทองสวนทางกับคอลลาเจนบนตัวชิบหาย แต่ตัวเองแบกความขี้เกียจมาควบคู่กับไขมันบนร่าง ขนาดไปแดกข้าวร้านอาหารในห้างกูแอบเห็นมันจากอีกโต๊ะกูยังเค้นจากน้อง พนง. ก็ยังเจอเหมือนกันเลยว่าอีหมูสัสดอกที่สันดานเผ่าเดียวกับมึงนี่เรื่องมาก เอาแต่ได้เข้าตัว ระรานหาเรื่องเค้าไปทั่วใช่ไหม เค้ายังรู้กันทั่วอีเวร เรื้อนสังคมประเทศนี้ชิบหาย ถ้ามันปวดหัวกับร่างอ้วนๆหนักๆของตัวเองมากขอความกรุณาโดดจากตึกชั้นสิบซะนะอีสวะ ไม่ใช่มาไล่gaslightคนอื่นอีหมูนรก อู๊ดๆ อีหมูแก้วหน้าม้าที่สันดันหมา อีอ้วนโอ่งมังกร อีหมูตอนประดับอเวจี เกะกะสังคมหว่ะ ไม่ขยับร่างกายละเสือกสันดานแย่อีก หุหุ
>>701 ระบายอกมาเลยโม่ง ของกูก็มีเหมือนกัน แถมสภาพมันคือมีลูก มีครอบครัวละด้วย ผัวมันเอือมกับนิสัยสัสๆ5555+ กูงงจัดว่าสันดานมันขนาดเข้าที่ทำงานมามันคงหาว่าจะเอาเปรียบใครดีขนาดนี้เลย ความเป็นแม่ในตัวมันจะมีแค่ในใบเกิดลูกมันละค่อยๆกลายร่างไปเป็นปรสิตเกาะลูกตอนลูกโตรึเปล่าก็ไม่รู้ สาธุ ขอให้ความดัน คอเรสเตอรอลเร่งให้แม่งไปหายมบาลไวๆ คิกคิกคิก
มาแจ้งปัญหาหลังเวลาทำงาน 17:00 แล้วก็บอก อ๋อ ลืมไปว่าเลิกงานตามเวลากัน มึงต้องเป็นคนยังไงวะครับ
มาบอกกูทำงานไม่ครบ ยังมีงานค้างอยู่ พอกูถามว่างานไหนนะ ก็บอกว่ากูควรจะรู้อยู่แล้ว พอกูไปไล่เช็คย้อนหลัง เออ มึงสั่งมาแค่ให้เช็คความพร้อม กูก็ส่งข้อมูลไปให้ แล้วมึงแค่อ่าน แต่ก็เงียบไป พอมาวันนี้บอกกูควรรู้ด้วยตัวเองว่าต้องยังไงต่อ มึงโตมาแบบไหนวะอีหมูตัวเมีย
ไงพี่โม่ง กุ >>701 เองนะ ผ่านหมดแล้วว่ะ เหลือ final สัมกับหัวหน้า แต่อยากขอคำปรึกษาเกี่ยวกับการสัมอะ
คือ hr เขาดูใบ Transcript แล้วก็ถามว่า ทำไมติด W วิชาหลัก 2 ตัวติดๆกันเลย
- กุก็เล่าไปว่าช่วงโควิดมาใหม่ เทอมนั้นม.ให้ online 100% กุก็ไม่ได้ไปม./ไม่ได้กลับบ้านเลย อยุ่หอคนเดียวตลอดทั้งเทอม กุเหมือนจะเป็นซึมเศร้า(ไม่ได้หาหมอ/กินยานะ) เครียดมาก ปรับตัวไม่ทัน+เรียนวิชาหลักตัวยากหลายตัวอีก กุเรียนไม่ไหว มิดเทอมออกมาไม่ดี วิชา major 1 เลยถอนไป
- พอเทอมถัดมา ยังออนไลน์อยุ่เหมือนกันแต่กุได้ย้ายกลับมาอยู่บ้านละ ก็ยังไม่หายซึม เหมือนพอกุไม่ได้อยุ่ในสภาพแวดล้อมที่นั่งในห้องเรียน เห็นคนรอบตัวเรียนกัน บางทีกุก็หลุดง่ายว่ะ มิดเทอมก็ไม่ดีอีก กุเลยถอนวิชา major 2 ไป
- เทอมถัดไปได้กลับมาม. กุก็ลง major 1 ได้ A แล้วเทอมสุดท้ายลง major 2 ได้ A เหมือนกัน
เขาฟังแล้วก็เข้าใจเรื่อง mental health กุนะ แต่ก็แนะนำกุว่าให้ปรับคำตอบหน่อย เพราะงานมันก็มีกดดันอยู่ ถ้าตอบแบบนี้แล้วมันดูเหมือนกุทนแรงกดดันไม่ค่อยได้ หัวหน้าฟังแล้วอาจจะคิดว่ากุทรงงานไม่ไหว
ถ้ากุตอบว่า major 1 ถอนเพราะเรียนออนไลน์ครั้งแรก เรียนไม่สะดวก กำลังปรับตัว ส่วน major 2 ตั้งใจจะเอาไว้เรียนเทอมสุดท้ายอยู่แล้ว ที่เข้ามาเรียนแล้วถอนเพราะจะเอา material+ข้อสอบมิดเทอมเฉยๆ มันจะดูดีกว่าเดิมหรือเหี้ยกว่าเดิมวะ
>>710 เปิดประตูมิติด่วน กุต้องการไปเวิร์สเดียวกับมึง
อยากระบายกับคนไม่รู้จัก กูทำงานให้อิหนูผี เอออิหนูผีที่พวกมึงน่าจะรู้จักกันอ่ะ แต่อยู่ทีมโปรเจคนึงขอไม่เอ่ย แต่ตัวกูอยู่ไทยเพราะไม่พร้อมจะย้ายไปเมกาตอนนี้ กูเข้ามาสักพักหัวหน้าออกไปทำตามฝัน กูอึ้ง1 สักพักเพื่อนร่วมทีมคนนึงออกเพราะไม่พอใจกู กูอึ้ง2 กูพูดก่อนว่ากูไม่ได้ไปทำไรให้นะ (สังคมที่นี่ดีเพื่อนร่วมงานดี เงินเดือนดี แต่งานเหนื่อยฉิบหาย) กูมารู้ทีหลังว่าเพื่อนร่วมงานคนนั้นไม่พอใจเพราะเหมือนกูทำงานเร็วส่งเร็วแล้วเหมือนแย่งงานเขาไป กูแค่ทำงานที่เมเนเจอร์ให้กูอ่ะเขาให้มาแค่ไหนกูก็ทำตามนั้นและที่กูรีบเคลียร์งานเพราะ 1.ทำเร็วส่งเร็ว พอมีปัญหาก็มีเวลาเหลือเฟือในการแก้งาน 2. กูจะได้มีเวลาว่างเล่นเกม ใช้เวลากับที่บ้าน 3. รักษาอาการป่วย 4.มีเวลาว่างให้ทำงานเพิ่มได้อีกนิด คือกูกะเวลาไว้เผื่อเพราะมันต้องส่งงานต่อให้ทีมอื่น แต่ช่วงนี้กูเหนื่อยว่ะงานเข้ามาเยอะมากกูแทบไม่ได้นอน คนก็ไม่พอ แบบเคลียร์งานนึงเสร็จลัดไปเคลียร์อีกงานแล้วลัดไปเพิ่มงานเก่า คืองานเก่ายังไม่เสร็จงานใหม่ที่มาแบบรีบต้องปั่นให้ก่อน
กูรักสังคมที่นี่นะ แต่กูเกลียดประโยค “No rush! Just work it when you have a free time” ในหัวกูตีมาเลยว่า กูไม่รีบนะแต่ขอไวหน่อย ที่เมเนเจอร์ส่งมาให้กูมาก แล้วเรื่องเวลาอ่ะตอนแรกคุยตกลงว่าเออกูสามารถทำได้ตอน 8โมงถึง6โมงเย็นเวลาไทยนะ เพราะช่วงดึกอาจจะตอบไม่ได้เพราะนอนแล้วมันดึก แต่กูก็เข้าใจนะเรื่องTime zone กูพอจะผ่อนผันให้ได้ แต่เหมือนเขาลืมเล่นทักกูในดิสคอร์ดมาตลอด24ชมเลยมึง กับเรื่องstyleงานที่ต้องทำหลากหลาย ไม่เหมือนที่ตกลงกันไว้เลยมึง กูอึ้งแต่กูรักงานนี้และสังคมที่นี่ในทีมกูเฟรนลี่นะ แต่กูขอแค่ให้เวลากูได้พักหน่อย กูไม่ไหวจริงๆ งานเยอะเกินไปแล้วแถมเบื้องบนก็เรื่องมากเปลี่ยนนู่นเปลี่ยนนี่เป็นไรก่อน ต่อให้กูรักงานมากแค่ไหนแต่ถ้าไม่ได้พักกูก็เหนื่อยเป็นอ่ะ
ส่วนเรื่องเงินเดือนคือดีกูเลยยอมเหนื่อยเพื่อแลกกับเงิน
ส่วนเรื่องทำไมกูไม่ย้ายไปเมกา เพราะกูไม่พร้อมไหนจะต้องทำวีซ่า ไหนจะต้องเตรียมความพร้อมเรื่องเสื้อผ้า เรื่องกิน ที่อยู่ เรื่องยารักษา อุปกรณ์ทำงานที่ต้องแพ็คไป ไหนจะต้องห่างที่บ้านกับหมากูอีก พวกเขาไม่อยากให้กูไปด้วยเพราะห่วงด้วยแหละ สรุปกูเหนื่อยอ่ะ
วันหยุดกำลังจะผ่านไปอีกแล้ว...
หลายปีก่อนกูเคยบ่นในโม่งเรื่องพี่คนที่เคยรู้จักกันในที่ทำงานเก่าที่ทำงานไม่ค่อยดีเท่าไหร่ จะย้ายมาเป็นหัวหน้า
ซึ่งกูก็งงๆว่าแกสัมภาษณ์มาเป็นหัวหน้าผ่านได้ยังไง เพราะความสามารถทั้งด้านเทคนิคและคนไม่ไหวทั้งคู่
สุดท้ายย้ายมาแล้วแกก็ไม่ได้เป็นหัวหน้าเต็มตัว เพราะตอนนั้นทุกคนยังใหม่กันหมด ก็กลายเป็นช่วยๆกันไปก่อน
พอพ้นช่วงนัวๆมึนๆคนเริ่มเยอะก็แยกเป็นหลายทีมย่อย ก็เป็นโชคดีของกูที่ไม่ต้องไปอยู่ทีมเดียวกับแก
แถมพอแยกไปทีมย่อยแล้วก็ตามคาดว่าแกก็ยังทำงานได้ไม่ดีเหมือนเดิม ทีนี้กระทั่งหัวหน้าทีมย่อยก็ยังไม่ได้เป็น
แล้วคนทีมกูเองก็มารยาทดีนะ พยายามไม่นินทากันสุด ถึงกูจะสัมผัสได้ว่าคนในทีมย่อยนั้นไม่โอเคกับแกเลยก็ตาม
พอมาวันนี้อยู่ดีๆตอนเย็นหัวหน้าก็ประกาศว่าแกทำงานวันสุดท้ายสิ้นเดือนหน้าแล้ว
และกูเดาเองว่าแกน่าจะโดนบีบออก ไม่ได้สมัครใจออกเอง
ก็รู้สึกใจหายเหมือนกัน ถึงจะอยู่คนละทีมย่อยจนไม่ค่อยได้คุยกันเลยก็เถอะ แต่ก็อยู่กันมาหลายปี
ใจนึงก็สงสารแกนะ เพราะอายุเริ่มเยอะแล้ว แกไปหางานใหม่ก็คงลำบาก
แต่อีกใจนึงก็รู้แหละว่าให้เลี้ยงคนที่แทบทำงานไม่ได้ไว้มันก็ไม่เป็นผลดีกับทีม
ปล่อยให้อยู่มานานขนาดนี้ก็ถือว่าใจดีมากแล้ว และคนทีมย่อยนั้นเค้าก็คงโล่งใจกัน
>>715 มึงทำสายก่อสร้างหรือเวชระเบียน รพ. วะ? ทำไมถึงชีวิตมาพัวพันกับอีหนูผี แต่ที่กูตกใจสุดเลยคือ เงินเดือนบ.อีเหี้ยหนูผีนี่ดีจัดๆเลยเหรอ? เทียบกับอีเจ้าย่านบางนาตราดนี่แค่ระดับล่างๆยังโกงโอทีกันฉ่ำเลย นโยบาย บ.สื่อที่พ่อของฟ้ามันเคยถือก็บงการลูกน้องโคตรบ้ง อีเหี้ย มิติใหม่สำหรับกูมาก
กูเพิ่งขึ้นเลข3ปีนี้เเต่รู้สึกว่าสุขภาพไม่ฟิตเหมือนเเต่ก่อนเลยว่ะ หรือเป็นเพราะไม่ได้ออกกำลังกาย คนรอบข้างกูก็ยังปกติกันดี ทำงานหนัก นอนน้อยชิวๆ
เดือน 4-5-6 หยุดรัวๆจัด ก็ชื่นใจนะ แต่โปรเจ็คมันล่าช้าโว้ย ต้องคุยกัน3-4ทีม เวลามีทติ้งก็อาทิตย์ละครั้งแยกทีม แม่ม
ในนี้มีใครทำงานกับนายญป.เปล่าวะ รีวิวหน่อย กูโดนบอที่มีนายเป็นชาวญป.เรียกสัมภาษณ์ (เขาพูดไทยได้นะ) แต่กูก็กังวลอยู่ดี ปกติทำงานแต่กับคนไทย
>>725 ญี่ปุ่นเดี๋ยวนี้หลากหลาย ไม่ stereotype เหมือนสมัยก่อนแล้ว เพราะเดี๋ยวนี้โลกมัน world wide ไม่ใช่ว่าเป็นเกาะแล้วนิสัย/วัฒนธรรม/ชุดความคิดจะอยู่แต่ในเกาะแบบสมัยก่อน ยิ่งถ้าอายุต่ำกว่า 40 ลงมานี่ยิ่งไม่ค่อยเจอพวกนิสัยแบบญี่ปุ๊นญี่ปุ่นละ แต่คนแก่ที่หัวสมัยใหม่หัวนอกก็มี บ.กูนี่หลากหลายมาก แบบเดิมเดิมก็มี(ส่วนมากจะแก่ๆ) แบบนิสัยฝรั่งจ๋าก็มี นิสัยไทยสัสก็เจอ 555 ดังนั้นไปลุ้นเอาเองว่าจะเจอแบบไหน
>>728 ขอให้โชคดีนะ ขอให้ได้งานและได้นายที่ดี มีนายดีชีวิตการทำงานก็ดีไปเกินครึ่งละ
ส่วนของบ.กูเป็นลักษณะ expat มาประจำครบวาระแล้วก็เปลี่ยนคนใหม่ เจอคนดีไม่ดียังไงเดี๋ยวก็จากไป ต้องมาลุ้นคนใหม่อยู่ดี เลยไม่ค่อยคิดอะไรมาก แต่ถ้าเจอคนดีๆ ตอนเขาครบวาระจะกลับ ก็จะเสียดายมากหน่อย
อีหมูตัวเมียที่ทำงานคือนิสัยน่ารำคาญจัดๆ ยกตัวอย่างนะ
1.บ่นๆๆๆ พูดๆๆๆ ทั้งวัน แล้วสุดท้ายจบประโยคด้วยการพูดกับตัวเองว่า ทำไมชั้ลพูดมากจัง? ทำไมชั้ลขี้บ่นจัง?
2.เหวี่ยง วีน เล่นใหญ่ ทำเรื่องเล็กๆให้เป็นเรื่องชิบหายวายป่วงได้ แล้วสุดท้ายจบประโยคด้วยการพูดกับตัวเองว่า ทำไมชั้ลขี้วีนจัง?
3.คำสแลง คำมั่วๆเพี้ยนๆ ต้องมาครบ อัพเดตอินเทรนตลอด จนคุยงานไม่รู้เรื่อง เช่น อลก อมก ไม่ปัง เหน่ย จะเครซี่ ต๊าซ
4.ชอบพูดดัดเสียงแหลมๆ ทำปากจือๆ บิดๆ
5.ชอบด่าผัว เรียกผัวว่าคนขับรถบ้าง เพื่อนสนิทบ้าง ทำตัวฮีท อยากอ่อยคนนู้นจัง งู้ยคนนี้งานดีอยากจีบจัง
กูจะรับมือกับอีหมูตัวเมียแบบนี้ยังไงดีว่ะ
>>730 ปล่อยไปไม่ต้องไปสนใจหรอกมึง เขาแค่เป็นsomeoneในที่ทำงานมึง เขาไม่ได้เป็นownerชีวิตหรือเพื่อนมึงสักหน่อย พอมึงไม่สนใจเดี๋ยวมันก็เสียเซลล์ว่าทำไมไม่มีคนสนใจเอง เดี๋ยวมันก็รู้ตัวปรับตัวเอง คำแสลงไม่ผิดพูดได้ถ้าสนิทกันระดับนึง แต่ถ้ามึงไม่ได้มองมันเป็นเพื่อนก็ไม่ต้องสนใจหรอก ส่วนอ่อยคนอื่นที่ไม่ได้สนิทหรือรู้จักทั้งๆที่ตัวเองมีผัว กูเรียกจำพวกนี้ว่า “ร่าน”
ถามหน่อยดิโม่ง ไม่รู้ถูกที่ป่าวนะ พวกงานร้านอาหาร คนครัว มันทำงานกี่ชม.ต่อวันอะ มีเวลาพักยังไง มีโอทีไหม
พวกมึงกูถามเป็นความรู้หน่อย คือมีพี่คนนึงในบ.ที่ยังอยู่ในช่วงโปรเขาสมัครใจลาออกเองหลังอยู่มาเดือนนึงเพราะทนความท็อกซิกกับความปสดหัวหน้าไม่ได้ แล้วพอตอนจะเซ็นออก พี่เขาโดนให้ไม่ผ่านโปร อันนี้ได้เหรอว่ะ ออกเองนะ
>>733 เขาสามารถทำได้ทุกอย่างแหละ เพราะเรื่องผ่านโปรไม่ผ่านโปรอะไรนี่มันไม่ได้มีในข้อกฎหมายเลย บริษัทตั้งกันขึ้นมาเอง แค่อาศัยประโยชน์จากกฎหมายแรงงานข้อที่ว่าช่วงเวลา 119 วันแรก นายจ้างสามารถเลิกจ้างโดยบอกกล่าวล่วงหน้า 1 รอบเงินเดือน ไม่ต้องจ่ายชดเชย บริษัทส่วนมากก็เลยเอาช่วงเวลา 119 วันนี้มาเป็นช่วงโปร ทดลองงาน บลาๆๆ
แล้วเวลาไปที่ใหม่ ก็ไม่ต้องพูดถึงงานนี้ไปเลย เพราะทำงานแค่เดือนเดียว ต่อให้ออกเองหรือไม่ผ่านโปร ยังไงมันก็เป็นประวัติไม่สวยที่ไม่ควรใส่ลงไปใน resume อยู่แล้ว
ไม่ชอบตัวเองที่เป็นคนขี้อาย ไม่กล้าพูดอไม่กล้าปฎิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานเลยว่ะ กลายเป็นแกะดำ อยู่มาจะเดือนยังไม่สนิดกับใครเลย แค่พูดเฉยๆยังไม่ค่อยกล้า มันทำงานได้ไม่ติดขัดนะ แค่บรรบากาศไม่จอยอ่ะ แบบกูบุคลิคน่าเบื่อจนเขาคงไม่อยากคุยกับกู
จริงๆก็ทำอยู่นะ 5555 เพราะมันพูดเก่งไม่ได้อยู่แล้ว เลยตั้งใจฟัง ยิ้มเยอะมากเหมือนคนบ้า ยิ้มคนเดียวเขาคุยกัน ไม่สบตาเราเลยด้วยซ้ำ เหมือนเราไม่ได้อยู่ตรงนั้น
แต่ถามว่าทำงานโอเครไหม โอเคร ชอบที่ไม่ต้องพูดด้วยซ้ำ แต่มันแค่รู้สึกหว่สเหว่อ่ะนะ
และไม่รู้เขาอคติคนพูดน้อยตั้งหน้าตั้งตาทำงานอย่างเดียวหรือเปล่า เห็นเขาชอบนินทาพี่คนนึง ที่แกไม่ค่อยเข้าพวก กลับตรฃเวลาตลอด กูก็งงๆ เขาออกตรงเวลาแล้วมันผิดตรงไหน มีตรงไหนให้น่าแซว(แบบอคติ) เพราะพี่เขามาทำงานก่อนเวลาตั้งเป็นครึ่งชั่วโมง เขากลับตรงเวลา เพราะหน้าที่เขาเสร้จแล้ว มันก็ไม่เห็นจะแปลก จะให้เขาอยู่รอรึ
>>732 งานร้านอาหารนะ ที่เหมือนๆกันทั้งใน รร. และ ตามห้าง คือ
-โอทีจ่ายจริงน้อยมาก บางทีเจอหัวหน้าระดับเลยรอง ผจก.ขึ้นไปอยากปรับ ชม. การทำงานที่เกินมาก็แก้ๆได้ แก้ในทางเลวๆก็ทำได้
-สังคมยิ่งเจอเด็กๆทำงานกันเยอะละหัวหน้าไม่มีวุฒิภาวะมากพอนี่โคตรtoxic เลย หาที่ที่มั่นใจว่าหัวหน้าโอเค ทีมงานโอเคให้ได้
-ถ้าไม่เคยเป็นนักกีฬาหรือใช้แรงงานหนักมาก่อน งานครัวโคตรเหนื่อย
-โอทีโรงแรมไม่ค่อยปล่อย แต่ดีตรงที่มีsvcมาแลกกัน บางคนตำแหน่งกระจอกๆแต่svc นี่ดีกว่า พนง. ออฟฟิศใจกลาง กทม.อีกนะ
-สวัสดิการร้านใหญ่ๆถ้าเป็นของต่างชาติเลย หรือของโรงแรมจะดีแบบดีเท่า พนง. ออฟฟิศ
-ย่านสุขุมวิท ตามถนนสุขุมวิทไม่ก็ถ.วิทยุ ทองหล่อ เป็นจุดที่กูว่าบริษัทร้านอาหารจ่ายโหดๆอยู่กันเยอะสุด มีบ้านติดในเมืองจัดๆก็ลุยเลย
-ย่านอื่นๆมีแค่ตาม ตจว. เช่น พัทยา , หัวหิน , ภูเก็ท, กระบี่
เอองานร้านอาหาร พวกเชฟไม่เหนื่อยหรอวะ
งงพักนี้คนทำร้านเนื้อย่างง่ายดี. มีเตามีเนื้อพอ
มักง่ายดี
อยากมีเงินจังน้า กูควรเลิกขายของแล้วเอาตังไปทำอย่างอื่น แบบ ทำทั้งเดือน ได้จึ๋งนึง แต่เริ่มแก่แล้ว ร่างกายเริ่มไม่ดี ขายของก็สบายอยู่
ได้รับทาบทามให้เป็นระดับ ผจก แต่รับเข้ามาในตำแหน่งหัวหน้าเฉยๆ จะทำยังไงเพื่อโชว์ให้เห็นว่าพร้อมรับตำแหน่ง ผจก วะ ในเมื่อตอนนี้เป็นแค่หัวหน้า อำนาจ หน้าที่ มันก็จำกัด สั่งอะไรไปก็เหมือนโดนเขม่นว่าเป็นแค่หัวหน้า
>>732 จากปสก.เคยทำร้านในห้าง (เสิร์ฟเฉยๆ) งานครัวงานหนัก ร้านกุคนเต็มครัวแต่ก็ดูยุ่งตลอด แทบไม่ได้นั่ง กินข้าว 1 ชม.สลับกันไป ทำงาน 8 ชม.ต่อวัน (ไม่รวมกินข้าว) แล้วบางช่วงลูกค้าเข้าเยอะ กูได้ยินพี่ในครัวด่ากันถึงขั้นแบบ ลูกค้าเข้าอีกแล้ว โอ้ย มาทำเหี้*ไรวะ งี้เลย 555 ฟังมุมคนในร้านก็ฮาๆแหละ เพราะเขาด่าแต่ก็ลุกมาทำงานกันปกติ ฟีลโยนหนังสือเรียนละบอกว่าไม่เรียนแล้วโว้ยแต่ก็ ล้อเล่นครับแล้วเก็บหนังสือมาถือต่อ แต่ถ้ามองมุมลูกค้าก็แล้วแต่คนล่ะว่าจะโกรธกันมั้ย ดีหน่อยที่ทำงาน 5 วัน (หยุดไม่ตรงส.อา.) +ส่วนใหญ่เชฟเป็นวัยจบใหม่-ไม่เกิน 35 โอทีไม่ชัว เพราะกูเห็นเขากลับตรงเวลากัน
แล้วกูเคยทำร้านอาหารคนไทย (อยู่ฝ่ายอื่นที่ไม่ใช่ครัวนะ แต่สนิทกับในครัวเพราะเข้าไปกินข้าว55) ครัวงานหนักเหมือนเดิม ยืนกันตลอดเวลา พักก็ไม่เป็นเวลา แบบว่างก็กิน กินเสร็จลุกทำงานเลยไม่ได้นับว่าชั่วโมงนึงนะไรงี้ คนส่วนใหญ่รุ่นแบบผู้ใหญ่ละ (45+) แล้วก็มีแรงงานต่างด้าวอายุน้อยๆเป็นลูกมือ ทำงาน 6 วันแต่หลายคนกูเห็นเขาไม่หยุดกันเลย โอทีมีปกติ วันหยุดตามปฎิทินไม่มี (ถ้าลาโดนหักสองแรงอีก) ได้หยุดแค่ช่วงร้านปิดปีละครั้งซึ่งมันจะไม่ตรงเทศกาลห่าไรเลย ทำงานตั้งแต่สิบโมงถึงห้าทุ่ม ฐานเงินเดือนแม่งน้อยกว่าตอนกูเสิร์ฟในห้างซะอีก
ทำงานด้านบริการร้านอาหารมันงานหนักแต่แรกแล้วล่ะ
แม้ว่าตามร้านอาหารจะมีคนทำงานหลายคนก็เถอะ แต่ลูกค้าเยอะมันก็ทำให้กระจายงานไม่ทันอยู่แล้ว ไหนยังมีเรื่องงานเก็บกวาด งานทำความสะอาดตามมาหลังเลิกงานอีก กลายเป็นว่าถ้ามีลูกค้าเข้าทั้งวันก็แทบจะไม่มีเวลาทำอย่างอื่นเลย
ขนาดญาติกูเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวเล็กๆ ต่างจังหวัด ทำคนเดียวยังรู้สึกลำบากอะ ต้องตื่นตี 4 ไปตลาดซื้อของ เช้ามานั่งเตรียมวัตถุดิบเตรียมเปิดร้าน พอทำงานไปซักพักช่วงเที่ยงคนล้นจนทำอะไรแทบไม่ทัน กว่าจะได้หยุดพักก็ช่วงบ่ายหลังปิดร้านนั่นล่ะ แต่เพราะต้องตื่นแต่เช้ามาทำลูปแบบนี้ทุกวัน พอ 6 โมงเย็นก็ปิดบ้านเข้านอนละ
ตกงานวะ ได้ค่าชดเชยแต่ไม่ดีใจเลย แถมอาทิตย์แรกประเดิมว่างงานมาก็เสือกป่วยซะอีก
เซ็งโว้ย รีคุดก็โทรมาแต่ละเจ้ากูต้องการหาคนที่ภาษาอังกฤษคล่องแบบเจ้าของภาษา แสรดขนาดกูทำงานกับคนสิงคโปรมาหลายปีมันก็ยังบอกว่าไม่คล่องพอ ส่วนเจ้าที่เคยสัมภาษณ์ก็เงียบไปเลย เจ้าที่ส่งข้อสอบมาให้ทำกูมั่นใจว่าทำถูกหมดก็เงียบ เห้อ
>>751 กุคือ 749 นะ จากปสก.ที่สองร้านอาหารไทย(ไม่ใช่ในห้าง) คนทำงานเยอะมาก (ส่วนใหญ่ต่างด้าว) งานเก็บกวาดทำความสะอาดที่ว่ามีคนทำทั้งหมด ตำแหน่งละหลายคนด้วย (เกิน5) แต่ยังคงงานหนักอยู่ ที่แย่คือ เงินน้อย โดนกดกันแบบหน้ามืด เริ่มต้นที่เก้าพันงี้ อยู่สองปี+ ถึงได้ขึ้นทีนึง คนที่เงินสองหมื่นอัพคือต้องอยู่มา 7-8 ปี เรทเงินสูงสุดในร้านคือ 25k (ฝ่ายบัญชี) ส่วนตัวเจ้าของร้านเองได้เดือนละแสน (กูไม่ใช่บช.นะ แต่พอดีมีวิธีเผือกจนเห็นเงินเดือนคนทั้งร้าน ปจบ.ลาออกแล้วเลยมาเล่า55)
ที่จะบอกคืองานมันกดขี่เกิน งานหนัก-เงินหนักยังพอว่า นี่ดันกดเงินด้วย ใครไม่ใจรักคืออย่าไปเลย ยกเว้นเจอร้านที่มีเจ้าของดี หรือเปิดร้านตัวเองอะมันยังเหมือนเป็นใจรักไง ธุรกิจส่วนตัวงี้ แต่ถ้าใครจะเป็นลูกจ้าง ไม่แนะนำ
ย้ายจากสัญญาไปประจำโดนลดตั้ง5พัน บอกว่าที่ลดเพราะมองว่าโบนัสขั้นต่ำเดือนนึงคือสวิสดิการ แต่โบนัสจริงๆอาจจะ2เดือนก็ได้ แต่แม่งก็ตามประเมินอยู่ดีไม่การันตีอะไร
ประกันบริษัทปกติก็ไม่ได้ใช้หรืออะไรอยู่แล้ว วันลาเยอะกว่าแต่กุก็ไม่ค่อยจะลา ต่อให้ไปก็ทำงานตัวแตกไม่มีเวลาอยู่ดี
ก็คือเหมือนย้ายไปแล้วเงินเท่าเดิม แต่ทำงานหนักเพิ่มขึ้นแบบขายวิญญาณ ต้องมาทำตามหัวหน้าสั่ง ที่ยืดหยุ่นไม่ค่อยได้ ไหนจะรับหลายงานพร้อมกัน
เพราะเห็นพวกตำแหน่งประจำ ก็เหนื่อยจัด คนที่ออกไปหลายคนก็น่าจะเพราะงานเยอะ แต่ยังไม่รับใครเพิ่ม กะเอากุที่เคยช่วยทำอยู่แล้วมาแทน
ส่วนปัจจุบันก็ต่อสัญญามาปีที่2แล้ว แต่โปรเจคแม่งยาว3ปีกว่า ถ้าย้ายไปก็ทำงานเดิม+งานเพิ่ม แค่จะดีในส่วนได้ทำหลายอย่างสร้างพอตให้ตัวเอง
กูคือคนที่เคยลงว่าทำงานให้กับหนูผีนะ กูเหนื่อยไม่ไหวแล้ว T_T กูเคลียร์งานเสร็จ ก็มีงานเก่ามาเพิ่ม แล้วก็มีโปรเจคใหม่ทุ่มลงมาเลย กับอีกโปรเจคใหม่อีก2-3โปรเจค กูนอนไม่พอจริงๆ เกมกูไม่ได้แตะมา2เดือนแล้ว พอกูนอนก็ต้องตื่นเพราะทักมาเรื่องงาน กูแอบไปเห็นว่ามีฝ่ายแผนกอื่นถามว่าใครว่างทำโปรเจคเล็กๆโปรเจคนึงนี้บ้างในแชท กูภาวนาไม่ใช่กู กูเหนื่อยมากเหมือนข้อตกลงเรื่องเวลาTime zone เขาลืมตลอดเลยอ่ะมึงงง กูต้องไปนอนตอนเที่ยงหรือนอนแค่3-5ชม.ตลอดเลย งานชิ้นนึงมันใช้เวลานาน แล้วกูไม่เข้าใจใครแม่งบ้าขอเพิ่มงานตลอดเวลา ที่ส่งไปมันไม่พอหรอวะ? ฟีลกูตอนนี้คือเกรงใจกูบ้าง กูเหนื่อยใจจะขาดแล้วจริงๆ คือกูรักงานนะ กูเอ็นจอยกับสนุกกับงานมาโดยตลอดแต่ตอนนี้งานมันทำให้กูไม่มีเวลาส่วนตัวหรือเวลาพักผ่อนเลย
เหยดเข้ บ. กู กะลังขาด part time ตอนแรกมี 2 กะลังหาเพิ่ม 1 คน กลายเป็นว่าคนเก่าลาออก 1 คน กลายเป็นต้องหาเพิ่ม 2 คน 555
รับนักศึกษาเป็นหลักก็งี้แหละ 555 พอเขายุ่งเขาติดโปรเจ็คก็ต้องปล่อยเขาไป กูเข้าใจได้ เพราะสมัยกูกูก็จบช้ากว่าชาวบ้าน
โคตรรำคาญพวกหมูตัวเมียที่ทำงาน เป็นพวก Stereotype เจ๊าะแจ๊ะ พูดมาก ไม่ฟังใคร ตัวเองรู้ดีรู้หมด แล้วเหมือนระบบสมองมันจะไม่เข้าใจอะไรที่มันง่ายๆ ทำอะไรให้มันง่ายๆ ต้องทำเล่นใหญ่ มีคำถามมีปัญหาตลอด คำติดปากพวกมันคือ "แล้วคุณรู้มั้ย, เรามองออกนะคุณรู้มั้ย" กูก็อยากตอบไปว่า เออ เรื่องของมึงอีปึก ทำเดือดร้อนไรสัส กะอีแค่ตามของ ซึ่งไม่ใช่หน้าที่กูด้วยซ้ำ ถ้ามึงรู้ทุกอย่างจริง มึงก็ต้องรู้ว่าของจะขาดอะไร ไม่ต้องให้กูมาตามหรอก แล้วพอกูตาม แทนที่จะหาให้ สั่งให้ มึงเสือกถามย้อนอีกว่า "ทำไมต้องมาตามของ" "เช็คดูรึยัง" ปึกจริงๆ ถ้าไม่เช็คก็คงไม่ต้องมาตามมึงหรอก
ช่วงนี้งานประจำหายากจริงแฮะ มีแต่คอนแทรกระยะสั้นทั้งนั้นเลย T-T
ขยับจากเงินเดือน 25,000 ไป 50,000 ภายใน 3 ปี เป็นไปได้ไหม
>>763 ถามว่าเป็นไปได้มั้ยน่ะมันเป็นไปได้อยู่แล้ว แต่มันก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย
เช่นสายอาชีพที่ทำเงินมันเยอะมั้ย สภาพ ศก. ความสามารถ และสำคัญสุดคือจังหวะและโอกาส (ดวงนั่นแหละ)
ถ้ามึงคิดว่าตัวเลขเงินเดือนมันสำคัญมากอยากไปให้ถึง แต่ปัจจัยอย่างอื่นไม่เอื้อให้ไปถึง
ก็อาจจะต้องลองดูว่าจะยอมทิ้งอะไรไปแทนมั้ย เช่นหาที่ๆงานหนักหรือสวัสดิการแย่ลง แต่ให้เงินเยอะขึ้นแทน
กุขยับจาก 4X เป็น6X ในปีเดียว เพื่อนบางคนก็6Xเป็น8X
บอกตามตรงว่ามันคือโอกาสเป็นหลักเลย เช่น หัวหน้าย้ายงาน ตำแหน่งว่าง มีงานที่ต้องใช้ความสามารถ หรือมีคนอื่นชวนย้าย
แต่สิ่งที่ได้มามันคือความรับผิดชอบ กับงานที่เพิ่มขึ้นเน้นๆ ส่วนความสามารถก็มีกันอยู่แล้วแหละ
เป็นขวยอะไรกันครับ ก็โทรศัพท์ออฟฟิศมันอยู่ใกล้ๆกู เวลามีสายใครโทรมา ด้วยความนิสัยดีกูก็เลยรับสายให้ก่อนเสมอๆถ้าไม่ติดงานอะไร ทีนี้พอก็รับสายแล้วปรากฏว่าโทรหาคนอื่นในออฟฟิศ พอเรียกให้คนๆมารับ แทนที่มรึงจะรีบมารับสาย แต่มรึงทำไมต้องถามกันก่อนวะว่า ใครโทรมา? พอกูบอกว่าไม่รู้ ก็มาทำอารมณ์เสียใส่ คือถ้าโทรมาหามรึงแล้วมรึงไม่อยู่ อันนั้นอ่ะกูจะถามให้ว่า ใครโทรมาครับ? แล้วจะได้บอกมรึงถูกว่าให้โทรกลับ แต่อันนี้พวกมรึงนั่งสลอนเม้าท์มอยกันอยู่ในออฟฟิศ ไม่ได้ติดพันอะไร ไม่ได้ทำงานอยู่ มรึงก็แค่ลุก ย้ายตูดอ้วนๆมารับแล้วค่อยประมวลผลเองว่าใครโทรมากำลังคุยกับใคร ไม่เข้าใจมายด์เซ็ทมรึงจริงๆว่ะอีหมูสกปรก
มีอะไรที่กินเเทนกาเเฟหรือชาได้ไหม ว่าจะเลิกๆหรือถอนลงละ รู้สึกพักหลังติดคาเฟอีนจัดๆ
>>770 ไม่ต้องหาอะไรแทน ถ้าอยากเลิกไปเลยก็หักดิบ ยอมปวดหัวอาทิตย์นึง จบ ที่เหลือก็แค่นอนพักผ่อนให้เพียงพอ นอนให้เป็นเวลา นอนอย่างมีคุณภาพร่างกายจะได้สดชื่น ตอนพักเที่ยงอย่ากินอาหารจนอิ่มเกินไป ตอนบ่ายจะได้ไม่ง่วง
แต่ส่วนตัวกูไม่เลิกนะ การได้ดื่มกาแฟอร่อยๆ ตอนเช้าสำหรับกูคือความฟิน คือโมเมนต์ที่ดีที่สุดโมเมนต์นึงของวันทำงานเลย ยิ่งวันไหน WFH มีเวลาดริปเองชิลล์ๆ นี่ยิ่งโคตรฟิน
ครเฟอีน น้ำหวานมันเป็นสิ่งเยียวยาใจนะ ให้เลิกไม่ยอม จนกว่าจะเป็นโรคนั้นแหละ5555
โค้กคาเฟอีนมันน้อยจัด ต้องวันละ3-4ขวด ดื่มทุกวัน
ถึงจะเหมือนกับดื่มกาแฟวันละแก้ว
ทำงานกับพวกหมูตัวเมียสกปรกแม่งมีปัญหาตลอดว่ะ ความเป็นหมูตัวเมียอ่ะเน๊อะ แม่งทำงานด้วยยาก มันจะไม่มองที่ผลสำเร็จของงานนั้น แต่จะใช้อารมณ์ทำงานเพื่อสำเร็จความใคร่ส่วนตัวก่อน ขอให้ได้บ่น ได้ด่า ได้แซะ ได้เฟี๊ยส ได้ขิง งานจะพังยังไงชั่งมัน อย่างล่าสุด ส่งเอกสารผ่านอีเมลล์ ก็ไม่ได้บอกกูว่าต้องส่งเป็นไฟล์เอ็กเซล ด้วยความเคยชิน+ป้องกันการแก้เอกสาร กูเลยส่งเป็น PDF ไป ละอีหมูตัวเมียสกปรกตอบมาแค่ ว่า โอเค เดี๋ยวแก้เป็นเอ็กเซลให้ แค่นั้น กูก็รับรู้อ่อครับๆ จนมาได้คนอื่นๆเมาท์มอยกัน(กูเข้าห้องน้ำอยู่พอดี) ด่าว่ากูไม่รู้เรื่อง อีหมูตัวเมียมันตอบประชดว่าโอเค แต่จริงๆมันนอยด์มาก บ่นๆๆว่าทำไมกูต้องส่ง PDF มันแก้ไม่ได้ หาว่าก่อนส่งทำไมกูไม่ถามก่อน คือ ถ้าจะมีปัญหาอะไร มึงก็บอกกูตรงๆเลยดิวะ พิมพ์บอกมาเลยก็ได้ว่าจะเอาไฟล์ต้นฉบับ รำคาญนิสัยหยอยหมาแบบนี้ว่ะ สงสัยจะทำงานร่วมกับพวกหมูตัวเมียสกปรกไม่ได้
ไม่ได้มีปัญหาที่งาน แต่มีปัญหาที่คนอ่ะ ถ้ากูลาออก กูรู้สึกเป็นไอ้ขี้แพ้ว่ะ พวกหมูตัวเมียสกปรกมันก็ไม่มีไรมากหรอก บ่นหยุมหยิมหยอยหมาไปวันๆ กูแค่อยากบ่น ระบายออกบ้าง เผื่อให้โม่งที่กำลังจะไปทำงานกับพวกนี้จะได้เตรียมตัวเตรียมใจรับมือไว้ก่อนเนิ่นๆ ว่าพวกหมูตัวเมียสกปรกแม่งไม่ควรมาทำงานที่เป็นสายบริหารอ่ะ เพราะมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ใช้อารมณ์นำเหตุผล ใช้ความสะใจนำความเข้าใจ ทำงานต้องเฟี๊ยสกี ต้องมั่น ต้องสับ ซึ่งกูมองไม่เห็นประโยชณ์อะไรเลยนอกจากเพื่อสำเร็จความใคร่ตัวเอง และได้มั่นหน้าโชว์คนอื่นซึ่งเป็นสิ่งที่พวกมันเสพย์ติดเป็นปัจจัยที่5
เครียดอ่ะ พูดไม่เก่งเลย คุยเรื่องงานได้ แต่คุยเล่นไม่เป็น เหมือนเป็นใบ้ พูดวันล่ะ5คำ
เมต้าเลี้ยงลูกเดี๋ยวนี้คือส่งอินเตอร์/นานาชาติกันหมดเลยหรอวะ กูไปงานแต่งเพื่อนมาไม่นานเจอร่วมรุ่นเยอะคุยกันพวกมีลูกแล้วไม่มีใครส่งตั้งใจส่งรร.เก่ากันเลยสักคน ส่งนานาชาติอินเตอร์กันหมด
เป็นฟรีแลนซ์ได้ตกเดือนละ 20k ไม่พอใช้ว่าจะออกไปทำพาร์ทไทม์ อายุ20กว่าแล้วทำพาร์ทไทม์นี่น่าอายปะวะ
มึง กูขอบ่นหน่อย วันนี้ Bad day มาก ตามงานห่าอะไรไม่ได้เลย หัวหน้าก็ตามกูยิกๆๆๆๆ ก็แม่งไม่ส่งข้อมูลมาให้กูแล้วจะให้กูทำยังไง วันนี้ครบรอบ 1 ปีพอดีที่ทำงานที่นี่ แต่แม่งเฟลไปหมด ฝนก็ดันมาตกหนักตอนเย็นอีก กว่าจะถึงบ้าน ขึ้นรถเมล์ก็ไม่ได้นั่งตลอดทาง กลับมาถึงบ้านยังไม่รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นเลย ค่ดแย่ ☹️☹️
hr นี่ได้เงินเดือนจากการไล่คนออกเหรอวะ ขยันปรับนู่นนี่ไล่คนออกจัง
ถามหน่อยเพื่อนโม่ง ตอนแรกทำงาน บ. ธรรมดาทั่วไปเงินไม่ถึง 20k ดีที่เค้าน่าจะยื่นภาษีอะไรให้ครบ ตอนนี้ออกมาเป็นฟรีแลนซ์ outsource เต็มตัว ได้เงินต่อเดือนราวๆ 30k +- มาหลายเดือนละ ถ้ามีโดนเรียกเก็บภาษีผมต้องทำยังไงบ้างครับ ขอวิธีที่ง่ายจบเร็วสุดได้ก็ดี
ถามเพื่อนโม่ง
คือปจบ.กูกำลังรันงานโปรเจคนึงอยู่ มันเป็นเจคย่อยที่ตั้งทีมทำเป็นพิเศษ ไม่ใช่หน้าที่ประจำ ซึ่งถ้าจบแล้วจะได้เงินต่างหาก(ไม่รวมกับเงินเดือน) ยอดที่จะได้ก็หลักหมื่นอยู่(หลังหารจำนวนคนที่ทำแล้ว)
ทีนี้กูรันโปรเจคด้วยตัวคนเดียวมาตั้งแต่ 0 แล้วยื่นลาออกสิ้นเดือนนี้ ทีแรกกุกะจะปล่อยจอยให้คนอื่นมาทำต่อ แต่นี่กลายเป็นว่าหัวหน้าไม่ให้กุทำงานอื่นเลย ให้เคลียร์โปรเจคให้จบด้วยตัวคนเดียวต่อไป (ทั้งที่จริงงานนี้มันต้องทำหลายคนแต่คนอื่นชอบอ้างว่างานเยอะ กูที่ทำงานไวกว่าคนอื่นเลยทยอยทำให้ คู่กับงานในตำแหน่งตัวเองไปด้วย)
ปัญหาของกูคือ ถ้างานนี้เสร็จสิ้น ได้รับการพรูฟว่าผ่านแล้วหลังกูออก มันจะให้เงินกูปะวะ หรือกูควรทวงส่วนของกูมั้ย ใจนึงกูคิดว่าทำให้ไปถือว่าช่วยกัน แต่อีกใจนึงก็คือกูทำจาก 0 เลย มันเรียกช่วยกันตรงไหน แล้วคนที่ทำจาก 0 มาจนตอนนี้ 80% ละ ควรยอมให้คนที่เหลือซึ่งไม่ได้ทำห่าไรเอาเงินไปจริงเหรอ
ฝรั่งแผนกอื่นชอบเสนอหน้ายื่นไอเดียไรสาระกับแนะนำเอเจนซี่มาให้แผนกกูจ้างช่วยทำงานทั้งที่ไม่จำเป็น งบจ้างก็งบแผนกกูมายุ่งอะไรนักหนาวะ หัวหน้ากูก็หงิมเหี้ยๆ ไม่สู้กับเค้าเลยปล่อยให้พวกผีบ้าพวกนี้ยื่นหน้าเข้ามาเผางบในแผนกเล่น แถมช่วยไม่รับผิดชอบตอนเอเจนซี่ที่เอามามันทำงานห่วยอีก
>>794 ไปศึกษาวิธีการยื่นภาษีซะ วิธีที่ง่ายและจบเร็วที่สุดคือทำให้มันถูกต้อง ในเน็ตมีความรู้ให้อ่านเยอะแยะ https://www.ofm.co.th/blog/tax-freelance/
>>794 มึงไปถามกับสรรพากรที่ใกล้ที่สุดเลย หาวันว่างสักวันไปถามให้ได้ว่าเอาไรบ้าง อันไหนที่มึงมองว่าไม่เข้าข่ายที่จะถูกส่งข้อมูลให้กระทรวงการคลังหรือแบงก์ชาติ หรือโดนหักภาษี ณ ที่จ่ายไปแล้ว ไม่ต้องยื่น ถ้าเอาชัวร์สุด หาบริการตามบริษัทรับทำบัญชีแล้วขอคำปรึกษาดูว่าอันไหนควรรวบละยื่น อันไหนพอเลี่ยงได้ เช่น เปิดแผงรถขายก๋วยเตี๋ยวข้างทาง, วิ่งรถส้มตำเคลื่อนที่ ไรแบบนี้มึงไม่ต้องไปรวบๆะยื่นเอานะ ของมึงเหมือนมันใช้วิธีของซาลารี่แมนไม่น่าได้หว่ะ
เด็กจบใหม่ทำที่แรกไม่ถึงปีแล้วย้ายมาทำที่ใหม่ให้ระวังระบบอายุงานให้ดี ทำหมดไฟได้ง่ายๆ เลย ไม่รู้จะขยันไปทำไม ทำเยอะรู้เยอะก็เลื่อนขั้นไม่ได้เพราะอายุงานไม่ถึงเกณฑ์ เหมือนเสียเวลาชีวิตไปฟรีเกือบปี จะหาที่ใหม่ อายุงานรวมแล้วก็ยังอยู่ในช่วงหางานยาก หลายที่ระบุอายุงานขั้นต่ำ ย้ายได้แค่ตำแหน่งที่อัพเงินเดือนไม่ได้อยู่ดี ทำงานเกินขั้นตัวเองมาปีกว่าล่ะ เงินเดือนไม่หนีกับเด็กใหม่เท่าไหร่ ยังทนทำต่อไปเพราะงานได้ประสบการณ์เยอะและกลัวตกงาน เพิ่งรู้ว่าอายุงานมีผลขนาดนี้ แบบนี้อยู่บริษัทที่นั่งๆ นอนๆ ไม่ดีกว่ารึ
เออ กูขอถามอะไรอย่างนึงนะมึง งานJob Expo คืองานที่ควรไปไหมวะ? กูว่าจัดงานไม่ดูกาลเทศะเล้ยยย มันควรจัดตอนสิ้นปี เวลาโบนัสออกเว้ย 55555+
>>800 เพิ่งรู้เหรอ? กูก็เพิ่งรู้ตอนทำบัตรเครดิตอ่ะมึง ทำอะไรไม่ทำ ทำกับKTCที่ลือชาว่าออกบัตรให้ยากที่สุดชิบหาย5555+ ขนาดกูอายุงานจะเข้าปีที่2เชื่อเหอะว่ายังไม่ผ่านเลย แล้วอีกเรื่องนะ อยากย้ายงานชิบหายแต่ติดคอมฟอร์ทโซนมาก แต่ถ้าอยู่ต่อไปไม่มีห่าไรคืบนอกจากอายุงานนี่กูว่าอันตรายนะ คือควรมีอะไรสำรองไว้ในชีวิตหว่ะ
งานที่ต้องเจอลูกค้าต้องคีพลุคตลอดเวลานี่น่าอึดอัดมาก จะทำอะไรก็ต้องมานั่งประดิษฐ์ประดอยคำพูด คอยเอาใจ ทำตามใจลูกค้า พยายามขายของ และของที่งานกูขายคือ แรงงานคนว่ะ ทำไปทำมาเหมือนขายวิญญาณเลย ลูกค้ามองหาความคุ้มค่า คาดหวังให้ทำงานเกิน บริษัทต้องการกำไรก็ลดจำนวนคนลง
เร็วๆ นี้กูเพิ่งได้ลองใช้บริการแบบที่ยอมจ่ายแพงเป็นพิเศษ โรงพยาบาลเอกชน เสริมสวย ร้านอาหารแพงๆ งี้ เคลิ้มเลยกู เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่มีคนเอาใจ ปกติต้องเอาใจคนอื่นตลอด เอาใจคนอื่นเพื่อหาเงินมาให้คนอื่นเอาใจอยู่ดี นี่สินะสัจธรรม
>>804 คล้ายงานไอดอลนั่นละ
แต่ไอดอลทำงาน24ชั่วโมง
ลูกค้าเขาก็ยอมจ่ายให้คนที่ขายของเป็น ไม่เกลือ
จับมือแล้วไม่ยอมปล่อยมือ
แอร์ก็เหมือนกัน ถ้าเมิงไม่ได้ใช้สมองหาเงินทางอื่น เมิงก็ต้องใช้แรงงานแบบนี้ละ
แต่น่าแปลกความฝันผญ ก็คือเป็นแอร์ขี้ข้าคนอื่น
แทนที่จะเรียนขับเครื่องบิน เพราะอะไรละ
คำตอบอยู่ในเม้นเมิงละ
>>804 กุทำงานบริการกูชอบนะ สมัยเริ่มงานใหม่ๆรุ่นพี่ที่มีหน้าที่ประเมินกูเขาทักเลยว่าตอนกูทำงานนี่เหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนเลย เขาว่าตอนสืบประวัติและตอนเจอกันใหม่ๆกูเป็นคนเงียบๆไม่เข้าสังคม ไม่มีเพื่อน พูดจาแปลกๆ คุยด้วยยาก จนเขากังวล แต่ต่อหน้าลูกค้าคือกูพูดดี พูดชัดเจน พูดเพราะ ประดิษฐ์คำดี บทสนทนาลื่นไหล ซึ่งตอนนั้นกุก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่ามันเป็นยังไง 5555 แต่พอเขาทักมาแบบนี้ กุก็เอาบุคลิกตอนทำงานกับลูกค้ามาใช้กับชีวิตประจำวันกุด้วย ค่อยๆปรับมาเรื่อยๆตอนนี้ก็เกือบ10ปีละ ซึ่งเพื่อนเก่ามาเจอกุก็บอกเลยว่ากูเปลี่ยนไปเยอะมาก คุยง่ายขึ้นเยอะ กูก็ภูมิใจกับบุคลิกใหม่กุพอสมควร
แต่ก็มีข้อเสียนิดหน่อย กุใช้บุคลิกนี้คุยเรื่องที่กุชอบจริงๆไม่ได้ เรื่องเล่น เรื่องงานอดิเรกไรงี้ แต่เดิมกุก็ไม่สามารถคุยเรื่องพวกนั้นกับใครได้อยู่ละ ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ เก็บไว้กับตัวเองเหมือนเดิม
>>804 เขาถึงบอกว่าผู้หญิงที่ไปเที่ยวโฮสต์เยอะที่สุด ไม่ใช่ผู้หญิงแก่ๆขี้เหร่หรอก แต่เป็นสาวสวยที่ทำงานเป็นพวกเด็กบาร์เด็กนั่งดริงค์ต่างหาก เพราะต้องพูดจาหวานๆ เอาอกเอาใจคนอื่นเยอะแล้ว เลยอยากให้คนอื่นมาเอาใจบ้าง อยากสลับบทบาท
ส่วนตัวกูเวลาไปใช้บริการพวกช็อปไฮเอนด์อะไรพวกนี้ ก็แอบคิดเหมือนกันว่าไม่ต้องพินอบพิเทากูขนาดนั้นก็ได้ ก็คนเหมือนกัน เอาแบบปฏิบัติต่อกันอย่างสุภาพก็พอ แต่ก็เข้าใจว่าเขาจำเป็นต้องทำเพราะถูกสั่งมา ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งเดียวที่กูทำได้คือปฏิบัติกับเขาอย่างสุภาพเช่นกัน
เบื่อสังคมทำงานของผู้หญิง
ไม่รู้ใครเคยเจอบ้างมั้ย
วันๆเอาแต่นั่งซุบซิบนินทา เสี้ยมกันไปเสี้ยมกันมา
ไม่แปลกใจเลยทำไมในออฟฟิศถึงมีคนเกลียดกัน
>>811 จริงตามนั้น ด้วยความที่เพศเมียมันมีประชากรมากกว่าเพศชาย 3 เท่านั้น ก็ปกติในเมื่อ Product มัน Over supply ผู้ขายก็ต้องแข่งกันชูจุดเด่น ยกตัวเองขึ้นมาให้ได้ จึงไม่แปลกใจเลยที่จะเจอพฤติกรรม นอน-เซ้นต์, โบล์วเฮด หรือ ปสด. จากพวกหมูตัวเมียในที่ทำงานต่างๆ ดังเช่น แข่งกันอวดแก้วกาแฟมากกว่าจะทำ KPI, ซุบซิบนินทาชีวิตชาวบ้านมากกว่าช่วยกันวิเคราะห์ปัญหาจากเนื้องาน, แบ่งพักพวกเป็นก๊กๆมสกกว่าร่วมมือกันทำเพื่อองค์กร ยังรวมไปถึงพฤติกรรมที่หาคำตอบ หาจุดหมายไม่ได้ เช่น บ่นเช้า-เย็นว่าอยากออก แต่ก็อยู่มาหลายปี , ทำตัวจุกจิกหยอมหมากับสีคลิปหนีบกระดาษ, พูดเสียงดังๆทำปากเป็ดๆใช้ศัพท์ที่ดูโก้ดูอินเทรนด์แต่ไม่เข้ากับบริบท เช่น ยอดเดือนนี้ปังมากคร่ะ, โซนนี้ขายจนตุยแล้วคร่ะ, ชั้ลปวดเฮดกับแผนกนี้คร่ะ แต่ที่เห็นชัดเจนคือพฤติกรรมที่แสดงออกถึงการต้องเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งในปริมาณซัพพลายที่ล้นตลาด ด้วยการพูดๆๆๆว่าโนสนโนแคร์ผู้ชายจร่ะ ชั้ลชอบใครชั้ลก็จะอ่อย ชั้ลจะไปหาแต่ลูกค้ารวยๆไม่ใช่เพื่อขายงานทำยอดแต่ชั้ลจะจับเค้าทำผัว แต่เรียกผัวตัวเองว่าลูกค้า เรียกกิ๊กๆว่าคนของใจ ทำงานกับหมูตัวเมียก็ต้องถอดสมอง ใจเย็นระดับนึง อย่าร้อน บ้า ไปตามเกมส์ของมันมาก
>>811 เคยเจอตอนเรียนจบใหม่ แล้วด้วยความที่กูไม่รู้จักใครก็เลยเงียบ (เพราะไม่รู้จะนินทาร่วมยังไง ก็มันไม่รู้จัก) สรุปหัวหน้าไปบอก HR ว่ากูเข้ากับคนอื่นไม่ได้ (ตอนนั้นเพิ่งผ่านไปยังไม่ถึงเดือน) พี่ HR ก็งง เพราะกูคุยกับเขาปกติดีมาก (กับ HR คุยเรื่องทั่วไปไม่ใช่นินทาชาวบ้าน)
แล้วที่ทำงานนั้นแม่งมี 3-4 ตึก แต่คนในแผนกกูนินทาไปยันตึกอื่น เก่งจัด บวกกับคนในนั้นคือ 20 ปลายจนถึงแก่ๆ ดูแล้วสังคมไม่น่าเหมาะกับกู เลยลาออก
Job Expo เป็นไงบ้างวะ ไม่เคยไปเลย
จะมีสายงานเกี่ยวกับฝั่ง IT ขนาดไหน
เพื่อไปคุยๆหาคอนเนคชั่น
>>814 เห็นที่กรมจัดหางานและกรมแรงงานเอากิจการมาลงนะ 80-90%แม่ง บ.คนไทย(ของเจ้าสัว)กับบ.จีนแผ่นดินใหญ่ทั้งนั้น มีกันยงบ้าง มีแบรนด์ยุ่นบ้างแต่น้อยแบบน้อยจัดๆ ละเห็นเงื่อนไขการทำงานกับสวัสดิการนี่ได้แต่ส่ายหัวเลย แต่ถ้ากูไหวจะลองไปส่องๆในงานดูเพราะมีงานอื่นในhall อื่นด้วย คือ ส่วนตัวกูนะ งานJob fairก่อนหน้านี้นี่ดูดีกว่ามาก
>>813 แล้วพวกหมูตัวเมียแม่งนิสัยเสียแบบนี้เยอะจริงๆ ใครไม่เข้าร่วมวงนินทา แม่งก็กันออก แล้วบอกว่าอัธยาศัยไม่ดี ตีคะแนนมนุษย์สัมพันธ์กูต่ำอีก ทั้งๆที่ กูไม่อยากเป็นพวกสันดานเสียแบบมึง ไม่อยากนินทาใครเสียๆหายๆถ้าไม่กระทบกับงานกู ก็จะไม่ยุ่งอะไร แต่นี้ นินทายันเจ้าของบริษัท แล้วพอกูไม่ได้ไปร่วมเมาท์มอยหอยสังข์ด้วย เพราะกูต้องการให้เกียรติคนที่กูทำงานให้ ก็พากันลงคะแนนประเมินมนุษย์สัมพันธ์กูยับๆ
>>816 ไหนจะพวกสายเฟี๊ยช ปากแซ่บ อะไรนิดๆหน่อยแม่งจ้องจะด่าไว้ก่อน ขนาดแค่ถามเฉยๆว่า เมลล์นี้ต้องแนบไฟล์เอกสารไปอีกชุดไหม เพราะตัวจริงกูส่งไปแล้ว แม่งงงยังตอบมาว่า แล้วชั้ลจะรู้หรอค่ะ ทำไมคุณไม่ลองหาข้อมูลก่อน ไม่ได้คุยยืนยันรายละเอียดใช่ไหม คือมึงตอบมาแค่ว่า แนบ หรือ ไม่แนบ เท่านั้นเอง พ่อแม่มึงคงไม่อายุสั้นลงสักปีหรอกมั้ง
>>814 รุ่นพี่กูไป บอกว่ามีแต่ที่เงินเดือนน้อย 12-15 มั้ง กูว่าจะไปเนี่ยยังคิดหนัก
>>816 จริง ตอนนั้นกูจิตตกเลย จบใหม่ภูมิคุ้มกันต่ำ แบบสาขาที่กูเรียนไม่มีฝึกงาน ไปทำที่แรกเจอฟีดแบคแบบนั้น ทั้งที่ตอนทำงานรุ่นพี่ก็ชมกูว่าเรียนรู้ไว ทำงานได้เร็วกว่าสมัยเขามาใหม่ๆ บลาๆ แต่ลับหลังคงจะใส่กันยับๆ คิดแล้วแม่งเหี้*ว่ะ
อ้อ เคยเจออีกอย่าง ตอนนั้นกูเรียนจบด้วยไอแพดเครื่องเดียว กูก็ชิน เลยใช้ไอแพดโน้ตงาน แม่งด่าหาว่ากูไม่โฟกัสงานเอาแต่เล่นไอแพด ห้าห้าห้า หัวโบราณแก่จัด
เวลาสัมถ้าเจอถามว่า ตอนทำงานเจอปัญหาอะไรบ้าง อันไหนที่ยากที่สุดแล้วแก้ไขอย่างไร แม่งตอบยากชิบ คือทำงานแม่งก็เจอปัญหาทุกวันนะ แต่พอให้ยกมาแบบนี้ก็ไม่รู้จะยกอันไหนมา
ทำไมรบฮ.ต้องมาแตกตอนกูกำลังหางานฟระ ทะเลแดงเลยสัส
กุกำลังจะจบ ที่บ้านกุเชียร์ให้ไปสอบราชการนี่เป็นไงบ้างวะในยุคนี้ เงินเดือนมันน้อยอย่างเขาว่าจริงไหม (กุเรียน it)
กูกำลังจะออกงานที่ปัจจุบันหว่ะ ขอปรึกษาหรือขอคำแนะนำหน่อยว่ะ
กูทำตำแหน่ง Call Cen ที่บริษัทนึงในเมืองทำมา 2 ปีกับประมาณ 4-5 เดือนได้แล้วแต่เงินเดือนกูไม่มีการขึ้นให้เลยว่ะ แล้วที่กูออกก็เพราะค่าใช้จ่ายที่มากขึ้น กับเหม็นหน้าคนที่ทำงานด้วยนี่แหละ เลยว่าจะไปทำพวก งานบริการเช่น โรงหนังหรืออะไรแบบนี้ไปก่อน ที่มันใกล้กับแถวบ้าน เพราะที่ๆกูทำปัจจุบันแมร่งไกลสลัดหมา ถึงจะมี รฟฟ ก็เถอะ แบบนี้จะเวิร์คกว่าป่ะวะ ดีกว่าตกงานตอนนี้
>>823 ส่วนตัวเชียร์เอกชนมากกว่า ถ้าเรียน it แล้วมีความรู้พื้นฐานพวกนี้ หรือไปลงคอสเรียนเสริมเอาความรู้ แล้วไปลองสมัครดู บริษัทกลางๆได้20-25k แต่งานก็ส่วนมากก็ใช้คุ้ม ทำได้3-5ปี เก็บประสบการณ์ จะย้าย หรืออัพขั้น อย่างน้อยก็ขึ้นไปได้ 30-40k แน่ๆ
หลังจากนั้นจะไปต่อก็น่าจะต้องมีความรู้ในสายอาชีพ มีสกิลแมนเนจน้องๆระดับนึง ก็น่าจะไป 50k+ ได้ แล้วจะยิ่งเพิ่มมากกว่านี้ถ้าเก่ง หรือ จะเพิ่มค่าตัวด้วยการเรียนป.โทเอา
หรือไม่ก็ลองหางานแบบ contract สัญญาปีต่อปี ที่เป็นพวกโปรเจค อาจจะไม่มั่นคง แต่เริ่มต้นทำงานมันยังอีกไกล ไว้ไปห่วงตอน 35-40+
อีพวกหมูตัวเมียแม่งทำงานกันไม่เป็นหรอก ใช้อารมณ์นำเหตุผล ใช้หัวคลิตอริสนำผลงาน ปัญหาอะไรเล็กๆน้อยๆพวกแม่งขอด่าก่อนแทนที่จะบอกสาเหตุวิธีแก้ไข แล้วการทำงานแม่งจะขึ้นกับอรมณ์ในวันนั้นๆเป็นหลัก วันไหนนอนไม่เต็มอิ่ม เมื่อคืนผัวไม่จัดการบ้าน ก็จะมาทำงานแบบนอยส์ๆแล้วพาลใส่คนอื่นไปหมด เวลาคุยงานอะไรก็ยากเหี้ยๆ เพราะพวกหมูตัวเมียมันมีมายด์เซ็ทว่าต้องเฟี๊ยส ต้องปากดีปากแจ๋วถึงจะเป็นคนทำงานดี คุวยเหอะครับ ต่อหน้านายทำเงียบๆ ลับหลังนินทากันไม่หยุด บ่นอยากออกทุกวันๆ บุลลี่คนที่ทำงานอยู่งกๆว่าไม่มีวันเจริญในที่นี้หรอก สันดานแบบนี้ควรไม่ต้องทำงาน กลับไปอยู่บ้าน หาอะไรขาย เป็นแม่ค้าตลาดนัดไปเหอะว่ะ ไม่ผิดหรอกที่เค้าจะมองพวกมึงเป็นแค่ เครื่องล้างจาน โถรับน้ำเงี่ยน เครื่องผลิตลูก แค่นั้นแหละ
>>831 อ่าา อันนี้กูเข้าใจมรึงเลยนะเพื่อนโม่ง แต่อันนี้มรึงก็เดือดเกิ๊น เดือดจนกูเดือดตามด้วยละ แล้วประเด็นคือ กูไม่เข้าใจว่าที่รับสมัครงานหลายที่ แมร่งทำไมต้องรับแต่ ผญ วะสัสทั้งๆที่ ผช แมร่งก็มีสกิลหรือประสบการณ์ตรงนั้น แล้วก็อยากจะได้งานตรงนั้นแต่เสือกไม่ใช่เพศที่แมร่งต้องการ กูเนี่ยดูนั่งไล่หามาหลายที่ละ ส่วนใหญ่เป็นแบบที่กูบอกหมดเลยสัส
>>805 กูคือ 804 เพิ่งว่างเข้าโม่ง 55 งานกูใช้สมองเป็นหลักนะ ทำสาย technical แต่ต้องทำงานกับลูกค้าเยอะ เคยคิดว่าไม่อยากให้ลูกค้าจับมือแล้วเกลือเหมือนกัน งานก็ต้องคิด ลูกค้าก็ต้องเอาใจ ทำงานวันละ 10-12 ชั่วโมง แต่ค่าเหนื่อยสู้แอร์ไม่ติดเลยว่ะ
>>806 ดีว่ะ กำลังฝึกให้พูดเก่งๆ หาคอนเนคชั่นง่าย พยายามทำตามในหนังสือในคลิปสอน แต่งหน้าแต่งตัวดูแลตัวเอง แต่ยังรู้สึกไม่สำเร็จผล
กูอายุยังน้อย มีปัญหากับลูกค้าที่ช่วงอายุ 35-45 มากเลยว่ะรู้สึกจูนไม่ติด ทำตัวไม่ถูก โดยปกติกูเป็นคนแข็งๆ พอต้องพินอบพิเทามันฝืนมาก เห้อออ
พึ่งเข้างานวันแรก(บริษัทไทย) โดนนินทาเลยว่า “แบบคนนี้เนี่ยนะ ประวัติการศึกษาก็ไม่ได้เรียนอินเตอร์หรือเรียนนอกมาเหมือนพวกเรา แต่เคยทำงานกับต่างประเทศมาก่อนดูบ้านนอกมาก” กูอึ้งมากที่แบบนี่แค่วันแรกยังขนาดนี้ กูอาจจะไม่ได้เก่งอิ้งแบบเจ้าของภาษาแต่กูพอเข้าใจกับพูดได้แบบสื่อสารรอดนะ และแม้ว่ากูจะไม่ได้เรียนอินเตอร์มาแล้วมันทำไมวะ? มันต้องวัดมารตฐานการทำงานไหม? ยังดีที่หัวหน้าให้กูทำ2ที่ได้เลยไม่ต้องสนใจใครนินทา เน้นทำงานพอ
เลือกงานไหนดี กูอายุ 24 นะ
ทำงานแนว BD ในบริษัทด้าน IT, อยากเป็นเจ้าของ start up
เงินเดือน 35,000-40,000
- ได้ทำงานที่ได้สกิลไปเป็นเจ้าของธุรกิจจริงๆ
- ไม่ได้เก่งสกิลพวกนี้มาก แต่เป็น soft skill ที่พัฒนาได้
เงินเดือน 100,000+
- wfh บริษัทต่างชาติ
- ได้ทำตำแนห่ง BD/ sales ซึ่งก็เป็นตำแหน่งที่ค่อนข้างถนัด
- แต่รู้สึกว่าไม่ได้พัฒนาสกิลที่ได้เป็นเจ้าของบริษัทจริงๆ
>>834 parent support (international school+abroad education) vs self support (has working experience with foreign company)
Those niggas have no shame lmao
จากใจคนที่เรียนเมืองนอก สังคมเด็กไทยในเมืองนอกโครตบ้านนอกจะตัยห่าน มามีอะไรให้มาโอ้อวด? แม่งทําตัวเป็นอย่างกับเด็กเจ๊.ก เกาะกันเป็นกลุ่ม ทำตัวบ้านนอกไม่เข้ากับสังคมคนที่นั่น ตังค์ก็เกาะพ่อแม่แดก เรียนก็ไม่ได้เรื่อง)
สันดานไพร่ กูขอโทษที่ฟลัดมู้นะ แต่กูไม่ว่าจะไปอยู่ไหน ตั้งแต่เด็กเรียนโรงเรียน ฝึกงานแต่ละที่พาร์ทไทม์ ยันจนมาเรียนต่างประเทศ และกลับมาทำงาน majorityของคนไทยที่เกาะกลุ่มแม่งจะทรงๆนี้หมด กูขอเรียกว่าพวกไพร่ กูไม่รู้แหละบ้านกูผู้ดีมาแต่โบราณมีไรพูดตรงๆเป็นคนใหญ่คนโตไม่ต้องมานั่งเจ๊าะแจ๊ะเคี้ยวหมากนินทาชาวบ้านเรื่องหีๆคววยๆปสด ตามภาษาไพร่บ้าบอ แต่ทีนี้กูหมดวาสนาบุณที่รุ่นทวดรุ่นปู่รุ่นพ่อกูก่อมาแล้ว กูต้องมาเป็นลูกจ้าง กูรับไม่ได้ที่จะต้องมาเข้าสังคมพรรนี้อีก กูมีความฝันว่าจะย้ายกลับไปทำงานต่างประเทศให้ได้ กูจะพยายามทําให้ได้จริงๆ สาธุกรรมอาเมนอามีนมาชาอัลเลาะฮุ์ซาลามอาลัยกุม
>>842 อันนี้กูบอกก่อนนะว่า กูไม่ใช่สายไหนทั้งนั้นแหละสัส ไม่ว่าจะเป็นไอพวกสามกีบ หรือ พวกไหนก็ตาม แต่กูแค่อยากรู้ว่า ที่มรึงพูดมาแมร่งเกี่ยวห่าไรกับพวกมันวะ แล้วเกี่ยวอะไรกับกระทู้นิ เผลอๆสามกีบที่มรึงพูดถึงได้เงินมากกว่ามรึงขนาดที่มรึงต้องลงไปเลียตรีนเลยก็ได้นะ
มันเป็นสันดานหมูตัวเมียหรือมายด์เซ็ทเด็กยุคนี้วะ พอเวลาได้ที่ทำงานใหม่ หรือ กำลังจะลาออก ก็จะทำตัวเหลวไหลละ ไม่ส่งถ่ายงาน ไม่ทำอะไรทั้งนั้น นั่งตากแอร์บริษัท บ่นนินทาคนนู้นคนนี้ไปวันๆ ด่าบริษัทว่าไม่มีวันเจริญ คือแทนที่มึงจะทำหน้าที่ทำงานให้ดีที่สุดจนวันสุดท้ายซึ่งบริษัทก็จ่ายเงินจ้างอยู่ ดันทำตัวบิซส์ชี่ เฟี๊ยสๆ ตัวแม่ ตัวมัม ไปวันๆไม่เกิดประโยชน์อะไร คิดไปแม่งก็แปลกนะ ค่านิยมสมัยนี้คือคนปากหมา คนพูดจาแรง มั่นหน้า ไม่ไว้หน้าใครคือคนเก่งหรอวะ
พฤติกรรมที่ไม่สามารถหาคำตอบได้ของพวกหมูตัวเมียที่ทำงาน ซึ่งไร้ประโยชน์มีแต่ก่อให้เกิดมลพิษไปวันๆ
-แข่งกันอวดแก้วกาแฟแบรนด์ต่างๆ แต่ซื้อกาแฟถุงละ 25 มาเทใส่
-ทำปากเจ่อ ปากเป็ด เวลาพูด
-ถ้านัดคุยงานนอกสถานที่ มันจะไม่หาข้อมูลเตรียมไว้ก่อน แต่จะหาก่อนว่าร้านที่ไปคุยงานมีมุมถ่ายรูปสวยๆไหม
-ต่อที่การคุยงาน ถ้าตัวเองเป็นฝ่ายรู้ข้อมูลมากกว่า จะเก็บเงียบ ไม่แชร์ก่อน รอส่งมาตอนค่ำๆที่ทุกคนนอนแล้ว ขึ้นต้นว่า "จริงๆรู้อยู่แล้ว"
-หัวข้อ chitchat คือการบูลลี่ ดูถูกคนอื่น
-เป้าหมายในการทำงาน คือ มีผัวรวยๆ
-แต่ชอบอ่อยผู้ชายแผนกช่าง ชวนกินเบียร์ กินเหล้า จะได้ดูเท่ ดูเป็นหญิงแกร่ง
-ลาแฮงค์ อ้างปวดประจำเดือน
-มักพยายามหาคนเป็นศัตรูให้ได้อย่างน้อย 1 แผนก
-ใช้เวลาเบลค(15นาที)ไปกินข้าว ส่วนเวลากินข้าว(1ชั่วโมง)ไปนั่งเมาท์มอย
-ทุกๆวันหวยออก ถ้าสั่งงานช่วงเวลา 15:00 จะไม่สามารถติดต่อได้
-หรือถ้าติดต่อได้ ก็จะไม่รับงานให้แล้วเพราะ ไปฉลองถูกหวย กับ ไปย้อมใจไม่ถูกหวย
-เช้าวันหลังหวยออก ห้ามตามงานก่อน 10:00 เพราะหาเลขงวดหน้าที่จะซื้ออยู่
ก่ะจะขอใบผ่านงานเพื่อไปหาสมัครงานใหม่ โทรไปถาม HR กลับได้คำตอบมาว่าให้ไปขอจาก ผจก.กูเองนี่สิ ซึ่งหน่วยกูมีการเปลี่ยน ผจก.ไปเมื่อต้นปี คนนี้เข้าถึงยาก คุยยากชิบหาย กลัวขอละแม่งไม่ยอมทำให้เลยหว่ะ ไหนจะมีข่าวเรื่องคนพากันลาออกไปอีก กูไปขอก็กังวลว่าเค้าจะไม่ให้เพราะร้ว่ากูจะออกไปอีกคนอ่ะ
กูลาออกจากที่ทำงานเก่า แล้วต้องสอนงานคนใหม่ก่อนออก มันปกตินะ แต่คนที่มาใหม่แม่งเป็นพวกไม่ฟัง คือทำหน้าเหมือนฟัง แต่พอพูดจบเขาถามว่า อันนี้คืองานอะไรนะ แล้วทำยังไงนะ ขออีกที ในใจกูแบบเชี่ย แม่งไม่ฟังเลยเหรอวะ อะ กูก็อธิบายซ้ำ เป็นอย่างงี้สามสี่รอบต่อ 1 ชิ้นงาน มาถึงตรงนี้กูยังทนได้ แต่ สิ่งที่ทำให้กูกำหมัดที่สุดคือ หลังจากกูอธิบายไป 4 รอบ จนเขาเริ่มเข้าใจ เขาจะเริ่มพูดประโยค เช่น ห้ะ แค่นี้เองเหรอ ทำไมง่ายจังอะ โห มียากกว่านี้อีกมั้ยเนี่ย
โคตรเชี่ยอะ ตลอดเวลา 8-9 ชม.ที่กูต้องสอนคนใหม่มาประมาณ 3 วัน กูเจ็บคอมากๆ (ที่ไม่ใช่คำเปรียบเทียบ) กูเจ็บคอจริงๆ แบบเสียงจะไม่ออกแล้ว เพราะกูทำงานบัญชี มีเอกสารเยอะที่เขาต้องเรียนรู้ และเขาไม่จำตั้งแต่ครั้งแรก กูต้องอธิบายบิลละ 3-4 รอบแบบที่บอกตอนแรก แล้วมาเจอคำพูดอวดดีหลังจากกูสอนไปตั้งขนาดนั้น โคตรโกรธอะ
แล้วตามกำหนดการณ์กูจะออกจากที่นี่ในอีกไม่นาน เขาชอบพูดประมาณว่าเนี่ย จำของวันนี้ได้ละ จนลืมที่สอนเมื่อวาน แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวเขาจะโทรหาเรารัวๆ จนกว่าจะรับเลย ซึ่งตัวกูอะต้องออกไปทำงานที่ใหม่ กลัวเขาจะโทรมารบกวนตลอดเวลามากๆ ทำยังไงกับคนแบบนี้ได้วะ (เขาอายุมากกว่ากูหลักสิบปีเลย)
ออฟฟิศกูมีคนมึนๆคนนึง มาสายทุกวัน 8โมวครึ่ง เจ้านายเคยเรียกคุยก็แล้ว มันก็ยังมาสายเหมือนเดิม เขาไม่ยอมหักเงินมันก็งี้ แม่งก็ทำหน้ามึนๆเกินมาเข้างาน8ครึ่งทุกวัน คนเขาทำงานกันโครมๆตั้งแต่ 8 โมงละไอ้อ้วนเอ๊ย
โม่งในนี้มีใครเคยสอบ scrum มั้ย มันอัพเงินเดือนได้จิงป้ะ
นอยอ่ะหัวหน้า บอกกูอย่าง บอกอีกคนอย่าง เวลาคุยงานคุยแค่แบบเข้าใจกัน2คน ส่วนกูถามวิธีทำแต่เมิน รู้แหละไม่ได้อยากได้กูเข้าทำงานด้วยแต่แรก แต่ได้เข้ามาเพราะคนไม่พอ+เริ่มโปรเจคใหม่เลยต้องการคน บอกให้ดูตัวอย่าง(โมเดล) พอกูทำเป้ะบอกไม่ใช่แล้วบอกงานกูน่าเบื่อ แต่ไปชมอีกคนที่ทำเหมือนกู กูรู้สึกนอยมาก
พฤติกรรมพวกหมูตัวเมียที่มีหมูตัวเมียรุ่นพี่ถ่ายทอดให้ทำตามต่อๆกันซึ่งไร้สาระและไม่เกิดประโยชน์ใดๆ
-เป้าหมายชีวิตคือมีผัวรวย
-การพัฒนาตัวเองคือท่องบทสวดมนต์ก่อนเริ่มงาน
-ไม่สน KPI องค์กรณ์ สนแต่พระวัดไหนปัง
-ไม่มีความ Poactive, 7 habit เพราะเป็นสายมู
-อยากหางานใหม่เพราะหมอไพ่ทาโร่ 50 บาททักมาว่าให้เปลี่ยนงาน
-เมื่อเกิด Accident ในเนื้องาน จะวิเคราะห์ก่อนว่าวันนี้ใส่ชุดสีไม่ตรงตามตารางสีนำโชค
-ใครไม่เข้าร่วแก๊งค์นินทาจะโดนประเมินมนุษย์สัมพันธ์เป็นศูนย์
-มักจะบอกว่าตัวเองรู้ทุกอย่าง แต่พอเกิดปัญหางานกผ้จะบอกว่าทำไมไม่มีใครบอก
-กาแฟที่ดีคือ ยี่ห้ออะไรก็ได้ที่เอามาใส่แก้วสตาร์บัค
-ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางเพราะเป็นเพศแม่นะยะ
-ไม่รู้จักวางแผนการทำงาน เพราะรู้จักแต่วางแผนลาหยุดเพื่อไปเที่ยวกับผัว
-ถ้าไม่มีโอทีก็บ่นได้เงินน้อย จะลาออกๆ แต่ถ้ามีโอทีก็บ่นไม่มีเวลาอยู่กับผัว จะลาออกๆ
-ควาสำเร็จที่เอามาแชร์ให้ฟังคือ สามารถออกจากงานแล้วอยู่บ้านให้ผัวเลี้ยงได้
-งานที่ดีคืองานที่ใหม่ ทุกๆที่
-การสร้างสมาธิเวลาทำงานคือเปิดเดอะโกสส์ฟังไปด้วย
-แล้วก็กลัวจิตปรุงแต่งตัวเอง ไม่กล้าไปหน้างาน ต้องจ้างช่างไปดูให้ด้วยเบียร์ 1 ขวด
>>863 กูยังคงรู้สึกนอยอยู่ดีนะแบบรู้แหละหัวหน้าเขาไม่ได้ต้องการกูเข้ามาทำงานด้วยแต่แรกแต่ให้เข้าเพราะคนไม่พอเฉยๆ งานโมเดลกูดีในสายตากูหรือคนอื่นแค่ไหนแต่ไม่เคยดีพอต่อหัวหน้าอ่ะ กูพึ่งเข้ามาได้อาทิตย์ที่2 แต่แบบมึงหัวหน้าเขาพูดบอกงานกูอีกอย่าง แล้วอีกวันบอกกูน่าจะเข้าใจผิด ทั้งๆที่กูจดทุกอย่างที่เขาพูดเลยอ่ะ แล้วเขาบอกงานอีกคนอีกอย่างที่ถูกใจเขา. นี่กูทำอะไรผิดหรือป่าว? หรือเขาจะทดสอบไรกู? ฝึกงานก็ผ่านได้มาทำงานจริงแล้ว(ถึงแม้เขาบอกกูยังไม่พร้อมอ่ะ) กูนอยมาทั้งคืน นั่งคิดแล้วคิดอีกหรือกูควรยอมแพ้ดีว่ะ
เพื่อนโม่ง กุเศร้า55 กุทำงานสามวันแรกบอญป. กุก็เข้าใจนะว่าเขาระเบียบจัด แต่กูโดนคอมเพลนเรื่องลายมือ ซึ่งสาขาที่กูเรียนใช้แต่คอม ทำงานที่เก่ากูก็ใช้แต่คอม (รวมตอนเรียนคือ 5-6 ปี) มือกูไม่ได้จับปากกาเขียนไรมานานละ
แล้วสมัยม.ต้น กูเคยตั้งใจทำงานส่งอย่างดี อาจารย์ถามว่า เหนื่อยมั้ย เพิ่งทำตอนเช้าอะ (ประมาณว่าลายมืกุคงดูเหมือนคนรีบ ทั้งที่ทำมาตั้งแต่เมื่อคืน)
ก็แปลว่าทุนเดิมลายมือกูมันเชี้ยอยู่ละไง แต่เขาด่าฟีลว่ากูไม่ตั้งใจเขียน เขาดูออก แม่งนอยชิบหาย ไม่ตั้งใจห่าไร กูร่างเนื้อหาก่อนเขียนด้วยซ้ำ แค่ลายมือกูมันไก่เขี่ยก็ผิดเหรอวะ
การไม่สนิดกับหัวหน้านี้ถือว่าชะตาขาดในที่ทำงานไหมว่ะ กรณีที่ทำงานใกล้ชิดกันด้วย
มาอีกละ ไอ้อ้วน
มาถึงอแฟฟิศ 8ครึ่ง
ไม่มีงานมานั่งไถโทรศัพท์
แล้วก็นั่งสัปหงกท่านั่งทำงาน
มือขวาจับเมาส์ ตาปรือๆ พร้อมจะหลับ
ขณะนี้เพิ่งจะ 9โมงเองนะ ถ้าแม่งง่วง
ช่วงบ่ายหลังกินข้าวก็ว่าไปอย่าง..
โรคประหลาด แบบนี้เขาเรียกโรคลมหลับ
เคยทักมันก็ยังไม่ยอมไปหาหมงหาหมอ
ปล่อยแม่งหลับไปงึ้ละ
>>873 มากูกลับมารีวิววันนี้ เจ้านายเรียกกูไปคุยเรื่องลายมืออีกละ แถมพอกูบอกไปว่าไม่ได้จับปากกามานาน มือแข็ง ไหนจะพื้นที่เขียนเอกสารน้อย (ทำให้ต้องเขียนตัวเล็ก) ทีนี้กูก็ยิ่งต้องบีบตัวอักษรไปใหญ่ บวกกับกูเขียนไม่มีหัวอยู่แล้วบางตัว อธิบายไปปั๊บก็ไม่เชื่อกูอีก 555 ทีนี้เขาก็พูดเหตุผลที่เขาคิดมา ถึงจะไม่ใช่แบบนั้นแต่กูก็ต้องยอมรับว่ามันเป็นแบบที่เขาคิดให้เรื่องมันจบ ห้าห้าห้า
ขอถามอะไรแปลกๆ มึงเคยซื้อของฝากไปให้ที่ทำงานแล้วไม่มีใครกินป่าววะ…. กุก็ซื้อไปเป็นมารยาทเฉยๆ ไม่ได้สนิทกับใครซะด้วย แต่ของมันจะเสียแล้วน่ะสิ ถ้าปล่อยให้มันเสียน่าจะเป็นประเด็นแตกตื่นในที่ทำงาน แต่ถ้าแอบเอากลับไปกินเองจะน่าเกลียดมั้ยวะ
>>879 มีทั้งต่อหน้าและลับหลังเลย เช่นประชุมกูก็เอามาวางตรงกลาง ชวนคนอื่นกิน แล้วก็หยิบเองด้วย
ส่วนกลับมาจากกินข้าวแล้วไม่เห็นใครอยู่ ก็มีแอบหยิบมาแดกบ้าง เพราะอยากให้มันหมด แต่สุดท้ายกินเยอะจนเบื่อแล้วก็จบที่ถังขยะ
ส่วนของมึงกูว่าเอากลับบ้านไปเหอะ ไม่มีใครแดกแปลว่าเค้าน่าจะไม่สนใจกัน กลัวน่าเกลียดก็แอบๆหยิบตอนคนไม่อยู่
มีคนถามขึ้นมาจริงๆก็อาจจะโกหกครึ่งนึงไปว่าเห็นมันใกล้เสียเลยเอาไปทิ้ง เพราะกลัวมันเน่าคาออฟฟิซก็ได้
ขอบ่นหน่อย (หรือถ้ามีคำแนะนำไรก็จะยินดีมากนะพี่โม่ง) กุพึ่งจบใหม่ ทำงานที่แรกวันนี้วันที่ 5 ละ (ไม่นับเสาร์-อาทิตย์ + วันแรกๆที่ยังไม่ได้ทำอะไร)
คนที่เทรนกุมีหัวหน้ากับพี่อีกคนที่ทำตำแหน่งคล้ายๆกัน แล้วกุรู้สึกว่าพี่เลี้ยงไม่ค่อยชอบกุเท่าไหร่
เขาทำตัวกับกุไม่เหมือนกับคนอื่นอะ เขาจะตอบกุสั้นๆ ชอบทำหน้าแหยๆ นิ่งๆเวลาคุยกับกุ ดูไม่ค่อยอยากจะคุยด้วยเท่าไหร่ แต่กับคนอื่นก็ยิ้มคุยเล่นต่อบทกันปกติ ไม่ค่อยมองหน้าสบตากุด้วย มองผ่านไปตลอดเลย เวลากุถามเรื่องที่เขาสอนไปแล้ว บางครั้งเขาก็กรอกตาถอนหายใจแล้วค่อยตอบ (อันนี้เข้าใจได้ น่าจะเป็นสาเหตุที่ไม่ชอบกุไหม แต่กุไม่เคยถามคำถามเดิมเกิน 2 ครั้งเลยนะ)
กุจริงจังกับงานกลุ่มมาก เวลาเห็นคนอื่นทำงานของตัวเอง แล้วยังต้องมาแบกงานกุเพราะกุยังทำไรไม่ได้เลย มันทำให้กุอยู่ไม่สุขอะ กุก็เลยกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้มาก พยายามจดแล้วก็จำทุกอย่าง แต่เพราะกุสมาธิสั้นก็เลยมีหลุดระหว่างเรียน ไม่ได้เข้าใจทั้งหมด + กุจะออกอะเลิร์ทหน่อย ยิ้มๆ ลนๆ ไม่ค่อยละเอียดรอบคอบ เน้นตอบเร็ว ไม่เน้นตอบถูก ขี้ลืมด้วย ก็เลยตกพวกดีเทลต่างๆ แล้วกุก็นิสัยอ้อนๆเหมือนเด็กอะ พี่เขาก็คงจะหมั่นไส้หรือรำคาญกุ
กุอึดอัดมาก แล้วก็ไม่ค่อยอยากจะเรียนหรือถามอะไรจากเขาเลย แต่ก็ใจดีสู้เสือไปเพราะกุก็อยากเป็นงานเร็วๆ พยายามปลอบใจตัวเองว่ากุเขามาช่วงที่เขากำลังยุ่งๆ พี่เขาต้องเร่งทำงานของเขาแล้วก็ต้องมาสอนงานกุอีก เขาคงกดดันอะ ก็เลยหงุดหงิดที่กุช้า รีบสอนรีบไปทำงานของตัวเองต่อ + เขาอายุมากกว่ากุ 3-4 ปีเอง ก็ถือว่าอายุน้อยเลยสำหรับการมาเป็น mentor น่าจะพึ่งสอนงานกุเป็นคนแรกเนี่ยแหละ เลยไม่รู้ว่าต้องประมาณไหน + เขาอาจจะเป็นคนแบบนี้อยุ่แล้ว อาจจะต้องทำงานไปด้วยกันนานกว่านี้เขาถึงจะเปิดใจให้
แม่ง ดูแล้วคงต้องใช้เวลาอย่างเดียวเลย ดีที่หัวหน้ากุดีมากๆๆๆ กุก็เลยมีกำลังใจ ตอนนี้กุก็พยายามทำความเข้าใจกับ process งาน เอกสารเก่าๆ ฟังคลิปเสียงที่อัด จะได้เห็นภาพงานของตัวเองมากขึ้น เครียด สิ้นเดือนต้องประเมินละ กุยังเห็นภาพทุกอย่างไม่ชัดเลย แถมพี่คนอื่นก็เริ่มเงียบๆใส่กุอีก OTL
>>881 เมิงทำงานแล้วจะลาออกไวไหมละ เขาคงเห็นเมิงดูไม่เอาอ่าว
แล้วเมิงเป็นผญ เปล่า ผญ มันไม่ค่อยสู้งาน
แค่ถามซ้ำ 2 รอบ ก็ไม่ได้เรื่องแล้วไหวพริบไม่มี
ลองใช้สมอง ถ้าเขาสั่งงานวันนี้ เมิงทำเสร็จเมื่อวานดู
เป็นกุก็เบื่อต้องมาคอยนั่งสอนไอโง่ ตั้งแต่ 0 ถามจริงๆนะ ถ้าเป็นเมิงเอง เมิงไม่เบื่อหรอวะ
บางทีภาระหน้าที่ก็ไม่ใช่ แต่ไม่มีใครรับเป็นพี่เลี้ยงเพราะคนอื่นงานยุ่งกว่า
แล้วสันดานเมิงก็ขี้อ้อนแอ็บแบ๋ว ทำงานไม่เป็น เมิงยังจะมีหน้ามาถามโม่งอีกหรอวะ 55555+
ของแบบนี้มันต้องเป๊ะๆ ไม่ใช่พลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า
คำตอบก็อยู่ในคำถามเมิงแล้วเนี่ย
>881 กูเคยมีพี่เลี้ยง ญ ในทีมที่มีผู้ชาย 2 คน (รวมกูแล้ว) อยู่ 4 ปี
ตีกรอบกูยับๆ งานเป็นกึ่ง research ขนาดสไตล์การเขียนเเม่งยังไม่เว้น
ปีเเรกไม่เคยชอบหน้ากู เช่นพอจะถามก็ไม่ค่อยตอบ หาว่ากูกวนสมาธิตอนทำงานบ้าง
แต่พอกูเขียนเป็นโน๊ตถามไว้ตอนว่างๆค่อยตอบกู ก็ไม่ชอบใจ
กูไม่เคยใช้ fax เเม่งทำเป็นหัวเสียจะเป็นจะตาย
ไอ้ห่ามีที่ไหนมันสอนบ้าง เเล้วกูเดินไปโท่งๆหาร้านเเฟกซ์ไปเรียนได้งี้อ่อ แม่งก็ต้องบอกเบอร์ภายในอยู่ดีปะวะ
บ.เหี้ยนี่แม่ง Manual ก็ไม่ทำ
ปีที่ 2 กูทำงานเป็นแล้วเเต่ยังไม่ไว้ใจกู คือแม่งถ้ากูไม่เก่งเท่าเขาก็ไม่ปล่อย แล้วจะให้ทำไงกูพึ่งมาได้ปีเดียว จะให้เก่งเท่าคนอยู่ 4 ปี
งั้นจะสมัคร Junior ทำเหี้ยอะไร กูเริ่มเข้าใจว่าเขาไม่อยากเทรนงานกูตั้งเเต่วันเเรกด้วยเหตุผลส้นตีนไรไม่รู้กูก็ขี้เกียจถาม
แล้วกูรำคาญงานกูไม่ผ่านมาตรฐาน ISO 69420 ของแม่งสักที กูเลยวิ่งตรงไปที่หัวหน้าเลย เขาก็ไม่ค่อยพอใจ เพราะข้ามหน้าข้ามตา แต่สุดท้ายแล้วผลลัพธ์ดีขึ้นเพราะเขาไม่ต้องรับผิดชอบละ แฟร์ๆ แม่งไม่ได้อยากสอนงานกูแต่แรกป่าววะ จะโมโหทำเหี้ยอะไร
ปีที่ 3 กูโซโลงาน คุยตรงกับหัวหน้าแล้ว ความสัมพันธ์ดีขึ้น และชวนกูคุยบ่อยเหี้ยๆเพราะกูเป็นตัวเลือกที่ใกล้ที่สุดเวลาเสี้ยนอยากนินทาหัวหน้า และกูไม่เคยเเย้ง เเต่ก็ก็ไม่เคยเเจมนินทาด้วยอะนะ
ปีที่ 4 กูออกละ ไกปู
สั้นๆ มึงหาคนอื่นในทีมสอนงาน หรือหัวหน้าไป
>>885 มึงเก่งมากกกกก สุดยอด
>>881 ไม่ต้องไปฟังไอ >>884 >>886 นะมันปั่นไปเรื่อย สงสัยว่างไม่มีงานทำมั้ง? กูคิดว่ามึงอาจจะต้องปรับตัวแล้วบังคับตัวเองหน่อยนะ จดไว้เยอะๆ แล้วทวนเอา จะได้เป็นงานเร็ว ลองนึกภาพ พี่ๆเขาอาจจะทำงานเป็นปกติ แต่พอมึงมา เขาต้องทำงานมากขึ้นเพราะต้องสอนมึงด้วยก็ต้องหงุดหงิดเป็นธรรมดา พยายามทำให้พี่ๆไม่รู้สึกเหนื่อยเหมือนมีงานเพิ่มดู สู้ๆนะ
การอดหลับอดนอน นอนไม่มีคุณภาพ
แล้วมาแอบนอนที่ทำงานทุกวัน วันละ
นิดวันละหน่อย บางทีว่างๆก็นอนแม่งชม.นึงไปเลย มันพอจะชดเชยได้มั้ยวะ
>>885 >>887 ขอบคุณพวกพี่มึงมาก ตอนแรกกุก็กังวล ตอนนี้น้อยลงแล้ว ขอบคุณที่แนะนำแล้วก็ให้กำลังใจนะ กุมีกำลังใจขึ้นกว่าเดิมมากๆๆ พวกมึงไม่ต้องห่วง กุเอาคอมเอาเอกสารเก่าๆกลับบ้านมาทบทวน แล้วก็ทวนงานตัวเองก่อนส่งทุกครั้ง 2-3 รอบเลย แล้วก็จัดตาราง+เผื่อเวลาทำงานส่งงานต่างๆด้วย ตั้งใจจะไม่เป็นภาระพี่ๆแน่นอน
ที่พี่เขาหงุดหงิดน่าจะเพราะงานยุ่งจริงๆ เพราะหลังกุโพสต์ คือช่วงที่เขาส่งงานกันหมดแล้วพอดี พี่เลี้ยงกุเขาก็ดูผ่อนคลายขึ้น ไม่หงุดหงิดไม่ทำหน้าตอนตอบงานกุแล้ว พูดจากันดีเลย แต่ก็ไม่ค่อยสุงสิงกับกุมากอยุ่ดี แล้วส่วนที่พี่เขาต้องสอนกุก็สอนไปช่วงยุ่งๆไปแล้วซะส่วนใหญ่ ตอนนี้เลยจะเป็นส่วนที่หัวหน้าต้องสอน ซึ่งดีมากๆๆ เขาเตรียมตัวทำสรุปทำเอกสารให้กุ ไม่รำคาญที่จะตอบกุ ชวนกุคุยไม่ให้กุเครียดมาก แล้วก็ชมกุด้วย กุตั้งใจไว้เลยว่าจะไม่ลืมช่วงเวลานี้ ในตอนที่มีคนใหม่เข้ามาแล้วกุต้องสอนงานเขา กุจะทำให้ได้แบบหัวหน้ากุ
พวกมึง กูเครียดมาก เพิ่มเริ่มงานใหม่วีคเดียว แล้วพบว่าพี่ที่ดูแลกูเวลาเขามีไรเขาไม่พูดกับกูตรงๆ แต่จะไปรีพอร์ตที่หัวหน้าเลย แล้ววันนี้หัวหน้าก็มารุมด่ากูตู้มเดียวงี้ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องงาน แต่เป็นเรื่องคำพูด ท่าทางกูไรงี้ เช่นมีวันนึงกูอาจจะถอนหายใจออกมาระหว่างเขาสอนงาน หัวหน้าก็มาด่ากูว่าไม่มีมารยาท ไม่สำนึกบุญคุญคนสอน ทั้งที่กูจำไม่ได้ด้วยซ้ำ ว่ากูถอนหายใจจริงมั้ย บางทีกูแค่อึดอัดร่างกายหายใจไม่ทั่วท้องไรงี้อะ แล้วเขาพูดถึงขั้นกูไม่เหมาะกับองค์กร ประหนึ่งจะไล่กูออกเดี๋ยวนั้นเลย
แต่สวัสดิการมันดี(ตรงวันหยุดเยอะ) เงินก็สูงอยู่ถ้าเทียบกับที่อื่นในสายงานเดียวกัน กูจะทนต่อหรือพอดีวะ
>>890 มารยาทโครตทราม ลองใครพูดอยู่แล้วเมิงถอนหายใจสิ เมิงเป็นผญ ใช่ไหมเนี่ย ข้ออ้างมันไม่ขึ้นวะ
คำพูด ท่าทางมันบ่งบอก เมิงลองไปทำงานแล้วไม่ไหว้ผู้ใหญ่ดูสิ ทำไมต้องไหว้
ไปลามาไหว้คือวัฒนธรรมไทย
แล้วทำตัวแบบนี้ยังจะโทษคนอื่นอีก ที่บ้านครอบครัวเมิงได้สอนมาไหม ไม่ก็เพื่อนๆ มีใครเคยเตือนเมิงไหม
"สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล" สุภาษิตไทย ตอนนี้ก็ยังใช้ได้ แต่เด็กสมัยนี้คิดว่าตัวเองเจ๋งกว่าผู้ใหญ่
ภาษาไทยเมิงไม่ได้เรียน หรือ จำใส่สมองไว้ก็ดี
เรื่องแบบนี้มันคือเรื่องหล่อหลอมความเป็นเรา เมิงไม่สามารถซ่อนได้ ความคิดกับจิตใจร่างกายมันไปทางเดียวกัน
ผิดรู้ว่าผิดก่อน ไม่ใช่ดื้อเงียบ คนอื่นเขาไม่มีปัญหา ทำไมมีปัญหาอยู่คนเดียว อันนี้เมิงควรคิดได้นะ
ใครรำคาญเชิญใช้บริการ
>>>/vtuber/16496/6 วิธีบล็อกไอดีน่ารำคาญ (iOS ก็ทำได้) (ใหม่! แก้ปัญหา ID6)
>>891 มึงไม่เข้าใจคำว่า กูจำไม่ได้ด้วยซ้ำ เหรอ ถ้าเกิดสิ่งนั้นกูไม่ได้ทำล่ะวะ เขาหลอกด่ากูเลยนะ แล้วกูก็รู้สึกผิดจริง กูขอโทษเขาหลายรอบมากทั้งที่กูไม่ได้ตั้งใจด้วยซ้ำ ถ้าไม่พอใจก็ให้มันพูดตอนนั้นสิวะ คนที่สอนกูนั่นแหละที่เป็นผู้หญิงแท้ คนปกติเขาไม่คุยกันก่อนเหรอ มีอะไรก็รายงานเลยรึไง ส่วนไหว้ไม่ไหว้เกี่ยวอะไร กูไหว้หมดทุกตำแหน่งต่อให้กูจะไม่รู้จักก็ตาม มึงหลอนอะไรมา กูมาขอคำปรึกษาดีๆเนี่ย แล้วคำว่าไม่สำนึกบุญคุณที่เขาพูดใส่กู มันถูกต้องเหรอไง การสอนงานกันนี่นับเป็นบุญคุณเหรอวะ อันนี้ไม่รู้จริงๆ
>>892 ห๋า ถ้าผิดรู้ว่าผิด กูรู้อยู่แล้ว ถ้ากูจำได้ว่าทำจริง กูก็จะยอมรับทันทีว่าผิด กูรู้ว่ากริยาแบบนั้นมันผิด แต่กูจำไม่ได้ว่ากูทำไง เก็ทมั้ย ส่วนเคสที่กูบอกหายใจไม่ทั่วท้องคือสิ่งที่กูเพิ่งมาสังเกตตัวเองว่าวันนี้กูก็ทำแทบทั้งวัน แค่มันไม่ได้มีใครมาผ่านกูในจังหวะนั้น แล้วแบบนี้ถ้ากูยังเป็นอาการนี้อยู่ พอมีคนมาเดินผ่านกูต้องกลั้นหายใจมั้ย กูต้องระวังตัวขนาดนั้นเลยมั้ย ไม่กล้าหายใจละไอห่า ตายๆไปเลย
ส่วนเรื่องความคิดกับจิตใจร่างกายมันไปทางเดียวกัน กูเห็นด้วยไง กูหายใจไม่เต็มที่ ร่างกายกูมันก็เอาตัวรอดไง พวกมึงนี่แม่งชอบตัดสินว่ะ
ฮือ ตกงานโดนไล่ออกมาครึ่งปีแล้ว อายุจะ 25 แล้วด้วย
รู้สึกสิ้นหวังกับตัวเอง มองคนอื่นก็มีแต่ก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ ส่วนกูยังย่ำอยู่กับที่ อาจจะถดถอยลงด้วยซ้ำ
กูเหนื่อยแล้วอะมึง เหนือยกับชีวิตแล้ว เหนื่อยจะพยายามแล้วด้วย จริงๆช่วงที่ตกงานแม่งควรจะได้พักจิตใจ
แต่กูกลับคิดมาก กดดันตัวเองมาตลอด เหนื่อยเหลือเกิน อยกพอแล้ว
บ้าขนาดต้องคุยกับตัวเองเลยเหรอ
>>897 ว่าแต่ที่ไทยเดี๋ยวนี้ 25 ก็เริ่มคิดว่าเป็นอายุที่ควรประสบความสำเร็จแล้วเหรอ มันพึ่งเริ่มทำงานได้สองสามปีเอง กุรุ้ว่ามันฟังดูโลกสวยแต่มึงยังมีเวลาให้ลองผิดลองถูกอีกเยอะนะ ถ้าบ้านไม่ได้ลำบากอยากให้ลองเดินทางพบเจอคนใหม่ๆ รีเซ็ตตัวเอง ไม่ต้องไกลๆ หรือแพงๆ ก็ได้ เอาให้ได้ออกจาหอะไรเดิมๆ
ทำไมวันเสาร์มันหมดไวจังวะ
กูรู้ตัว่าตัวเองผิดที่เข้าสังคมไม่เป็น แต่ก็อดเศร้าไม่ได้อยู่ดี ว่ามันผิดชนาดนั้นเลยหรอว่ะ กับการทำงานเงียบๆ ไม่พูดเล่นอะไรกับใครเนี้ย (แต่เรื่องงานอะไรไม่เข้าใจ กูล้าพูดกล้าถามนะ) กูพยายามทำงานออกมาให้มันดี ทดแทนส่วนด้อยของกู แต่การกระทำของหัวหน้า ที่ดูรำคาญ รังเกียจไม่อยากอยู่ใกล้ มันแสดงออกชัดสุดๆ กลับมาร้องไห้ทุกวัน กูอยากเปลี่ยนนิสัยของจัวเองนะ แต่มันยากมากๆ แค่จะถามว่ากินอะไร กูยังติดวนในหัว5 6 รอบ กว่าจะกล้าถามออกไป
>>904 เปลี่ยนงานมั้ย งานแรกกูก็เจอแบบมึง ของกูเป็นบริษัทลูกของบริษัทฝรั่ง แต่วัฒนธรรมไทยจ๋า แล้วยังพยายามหลอกตัวเองว่าวัฒนธรรมฝรั่ง
ลาออกมาที่อื่นไม่เห็นเค้าจะประสาทแดกแบบนั้นกัน มองย้อนกลับไปแล้วไม่รู้ทนอยู่ไปได้ยังไง
คนที่นั่นก็ไม่เก่งอะไรกันหรอก เงินเดือนน้อยด้วย แต่ปั้นภาพลักษณ์ภายนอกกันสุดฤทธิ์ โคตรปลอม
เศร้าว่ะ การที่ต้องใส่หน้ากากซ่อนตัวตนของตัวเองเพื่อเข้าสังคมนี่มันเหนื่อยจริงๆนะ ยังทึ่งกับบางคนที่เคยทำงานด้วยเลยแบบว่าอยู่ต่อหน้ากันก็คุยจีบปากจีบคอกันเหมือนคนคถ้นเคย แต่ลับหลังใส่กันยับเหมือนเป็นศัตรูคู่อาฆาต
สัสเอ้ย วันนี้กุทำพลาดเยอะชิบหาย พลาดแบบถ้าเปนกุเจอก้คงวีนเหมือนที่พี่เขาวีนกุอะ การทำงานที่ไม่เหมาะกับตัวเองแม่งทรมานชิบหาย จะตายละสัส
>>911 เออ เศร้าสัสเลยแหละ พอเราดูออกว่าเขาไม่ชอบเรา มันก็ยิ่งไม่อยากคุย มีเขาอยู่รอบตัวแล้วแม่งรู้สึกผิดที่ผิดทางไปหมด ยิ่งพยายามคุยยิ่งอึดอัดว่ะ กุพยายามคุยแค่เรื่องงานอยู่ช่วงนี้ ถ้ามึงไม่ไหวก็ไม่ต้องฝืนตัวเองคุยเล่นกับเขาก็ได้ ไม่ก็หางานใหม่พลาง ๆ ไปเลย ยิ่งอยู่นานยิ่งเสียว่ะกูว่า
>>912 มึงเข้าใจกูมากอ่ะ คือแบบนี้เลย เขาปิดใจกูไปแล้ว กูที่พูดไม่เก่ง เข้าสังคมไม่เป็น ยิ่งไม่กล้าพูดกับเขาเลย แล้วมันต้องทำงานด้วยกันไงประเด็น ถ้าไม่ได้อยู่ด้วยกัน กูคงไม่ต้องกลับบ้านมาร้องไห้แบบนี้หรอก ...😢 น้ำเสียง สายตา การกระทำ มันแสดงออกชัดแบบตะโกนอ่ะมึง อึดอัดไปหมด คือกูรู้ว่สปัญหามันมาจากตัวกู ที่เป็นคนเงียบ แต่นิสัยคนมันเปลี่ยนทันทีไม่ได้ กูเลยพยายามเปลี่ยนตัวเองทีล่ะนิด ให้กล้าพูด กล้าคุยขึ้น กูมีมิชชั่นต้องทักทายทุกคนวันลาะนิดด้วยซ้ำ ค่อยๆขยับไป กัลคนที่เขาไม่ปิดใจ กูทักไป เขาก็ยิ้มแย้ม คุยนิดๆหน่อยๆปกติ แต่กับคนที่เขาปิดใจ แค่เริ่มต้นจะทักกูยังไม่กล้าเลย มันเหมือนมีรังสีบางอย่างออกมาอ่ะ ไม่รู้ว่ากูจะเปลี่ยนนิสัยตัวเองได้หรือกูจะกลายเป็นซึมเศร้าก่อน กลัวว่าถึงย้ายงาน ก็ต้องเจอคนประเภทนี้อีกอยูาดี (คนประเภทที่อคติกังคนเงียบๆอ่ะ )
กุว่ามันแสดงออกทางภาษากาย ความกระตือรือร้น อะไรเมิงไม่มีหรือเปล่า
ทำไมปัญหา มีแต่กับ ผญ อันนี้เมิงเคยคิดบ้างไหม แต่ผู้ชายเขาไม่เป็นกัน
พรุ่งนี้รู้สึกไม่อยากทำงานเลยว่ะ รู้ว่าก็ปกติของมนุษย์เงินเดือนกับวันจันทร์แหละ
แต่ไม่รู้ทำไมคืนนี้กูรู้สึกอยากพักต่ออีกวันมากเป็นพิเศษเลย
สวัสดีวันจันทร์ครับ
work hard ไม่ได้การันตีว่าเค้าจะไม่ lay off คุณออกนะครับ
ในแง่ธุรกิจคำว่าเมตตาไม่อยู่ในพจนาณุกรมครับ เวลาเค้า layoff เค้าไม่ได้ดูที่ผลงานใครดีใครขยันใครทำงาน 10 ชม ต่อวัน 7 วันนะครับ เค้าดูจาก profit และความสำคัญของ department และทีมต่างๆ ถ้าทีมไหนสำคัญน้อยสุดเค้าก็โละก่อนครับต่อให้คนในทีมนั้นเก่งระดับ NASA ก็ตาม
เพราะฉะนั้นอย่าไปเชื่อครับเวลาใครบอกว่า work hard to survive
work hard แทบตายคุณก็ die อยู่ดี <<<<<<<<< จำคำนี้ไว้นะครับ
>>916 https://i.imgur.com/vGoYFcq.jpeg
บางทีมันทำงานหนัก มันคิดของมันคนเดียวก็มีนะพวกนี้
สำหรับกุ ไม่ได้มีค่าอะไร
มันทำงานหนักแต่ผิดทางมีเยอะแยะพวกนี้ lay off ตัวเองก็มี นี่คือตัวอย่างเลย
สุดท้ายออกไปเตะฝุ่น คิดว่าตัวเองจะมีงานมารองรับ
แต่กุเชื่อนะว่าคนเก่งยังไงก็รอดได้ อยู่ที่เมิงเก่งจริงไหม ซึ่งส่วนมากจะคิดว่าตัวเองเก่งและสำคัญแบบคนที่กุโพสเป็นต้น
เคยโดนบอกว่าไม่ผ่านโปรกันเร็วสุดคือกี่วันอะเพื่อนโม่ง ส่วนใหญ่เป็นปัญหาเรื่องไหน แล้วรับมือยังไงได้บ้าง
กูเคยโดนสมัยจบใหม่ด้วยข้อหาเข้ากับคนอื่นไม่ได้ ในตอนนั้นกูไม่ค่อยคุยกับใครเพราะเกร็งว่าควรคุยยังไง แต่ด้วยความใหม่ พอ hr แจ้งว่ามีคอมเม้นแบบนั้นกูเลยออกเอง
แล้วงานที่ปัจจุบันก็เหมือนจะกำลังโดนข้อหานี้อีกเลย55 อยากเตรียมตัวไว้ก่อน อยากรับมือได้แบบไม่เสียผลประโยชน์หลังออกด้วย
เบื่องาน อยากโดน layoff บ้าง อย่างน้อยก็มีเงินชดเชยแทนที่จะออกตัวเปล่า
แต่ดูทางแล้วบริษัทที่กูอยู่ไม่น่าจะ layoff ง่ายๆ อย่างเลวสุดถ้าเค้าอยากให้กูออกคงหาทางบีบออกมากกว่า
>>919 ทั้งบริษัทมีกี่แผนก แผนกละกี่คน มีแม่บ้าน มียาม มั้ย? มึงจะไม่คุยกับใครเลยจริงๆหรอ ถ้างั้นกูว่าปัญหาอยู่ที่ตัวมึงเองแล้วนะ อย่างน้อยก็ต้องมีคุยเล่น chit-chat ในส่วนงานที่ตัวเองดูแลได้บ้าง หรือ แผนกข้างๆก็คุยเล่นนิดหน่อยได้ แต่งานต้องเป๊ะนะ มึงมีอารมณ์ขันมั้ย ถ้าไม่มี งั้นติดตามข่าว หัวข้อเด่นๆในแต่ละวันลองหาข้อมูลลึกๆบันทึกเมมไว้แต่แบบนี้ไม่แนะนำเพราะเปลืองพื้นที่ในสมอง และมึงจะเหนื่อย เสียเอเนอจี้ไปกับอะไรที่ไร้สาระมากๆ เอาเป็นที่ลองหัดคุยในอารมณ์แบบที่ไม่ใช่งานจ๋าๆดู อาจจะมีใช้คำสแลงบ้าง แต่ไม่ต้องพยายามสแลงจนดู คริ้นจ์ สู้ๆ โชคดีที่มึงโทรติด
>>922 ไม่ใช่มึง คือที่ล่าสุดนี้เขาต้องการคนไม่คุยน่ะ
ตั้งแต่ทำงานที่แรกกูคุยกับคนอื่นปกติ มีคุยเล่นบ้าง ตอนนั้นยังกล้าๆ กลัวๆ แล้วท้อปปิคส่วนใหญ่เขาคุยเรื่องคนในแผนกอื่นที่กูไม่รู้จัก กูเลยไม่กล้าแทรก ทีนี้หัวหน้าไปบอก hr ว่ากูไม่คุยงั้นงี้ hr แค่มาแง้มๆเตือน กูแพนิคเองเลยออก
ส่วนที่ใหม่คือ กูพยายามคุยชิทแชทให้ดูเฟรนลี่ ผลที่ได้คือ โดนเรียกตักเตือนว่าไม่ควรพูดคุยนอกลู่ทาง คนในที่ทำงานคือผู้ใหญ่ (แต่ดูแล้วไม่เกิน 30 กันเลยนะ) บวกกับเขาว่ากูพูดดังทำให้คนตกใจ ทุกคนไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน (กูสาบานว่ากูไม่ได้แหกปาก และจากการสังเกตกูพบว่าเขาพูดกันในระดับ เบากว่าปกติ กูก็เข้าใจเลยพยายามปรับ) แล้วกูก็ขอโทษเขาไปทุกเรื่องแหละ เวลาเหงาก็ไปคุยกับรปภ.แม่บ้านเอา คนนอกแผนกเขาปกติกับกูมาก แต่ผ่านไปไม่กี่วันเขาเรียกกูคุย ทำนองว่าขอโทษก็คือขอโทษ เขาไม่ได้ให้อภัย บลาๆ ให้กูคิดใหม่ว่าจะอยู่ที่นี่ต่อจริงมั้ย ทำนองกดดันอะ กูอาจจะจิตใจอ่อนแอด้วยมั้ง
>>923 โอเคๆ จากที่อ่านมามึงไม่ได้เป็นคนมีจิตใจอ่อนแอ เพราะกล้าทำอะไรที่แตกต่าง เพียงแต่มึงแค่อ่านสถานการณ์ไม่เก่ง คล้ายๆพวก Asperger(n.) ที่มึงต้องมีคือ สติ และ ความใจเย็น ค่อยๆอ่านสถานการณ์ไป ถ้าในวันทำงาน เริ่มที่ใหม่ก็อาจจะเงียบๆ คุยเฉพาะเรื่องงาน ระหว่างนี้ก็เป็นผู้ฟังที่ดีอ่านอารมณ์ อ่านธรรมชาติของสถานที่ทำงานก่อน แล้วค่อยดูว่าแต่ละคนสนใจเรื่องไหนบ้าง สัดส่วนหัวข้อที่คุยมีกี่เรื่องกี่เปอร์เซ็นต์ ยังไม่ต้องรีบมาก แต่ตั้งธงเอาไว้ภายใน 1 อาทิตย์ ต้องคุยเล่นสักอย่างได้ หรือถ้าสุดแล้วจริงๆ ก็ใช้วิธีเข้าหาด้วยการสอพลอ หาเรื่องชม เรื่องเยินยอไปเรื่อย แต่อย่าให้มากเกินหรือออกนอกหน้าเกินไป ตรงนี้ต้องระวังให้ดี มึงตั้งสติดีๆแล้วเข้าไปถามงานใครสักคน จากนั้นก็ขอบคุณแล้วชมสักเล็กน้อย ลองดูเว้ย โชคดีที่มึงโทรติด
>>923 อาจจะเรื่องบุคลิกเมิงด้วยมั้ง อาจจะต้องลองถามดูตรงๆไปเลยว่ามีตรงไหนที่เขาไม่ชอบ จะได้เอาไปปรับใช้ที่ใหม่ด้วย
พูดตรงๆ กูแย่กว่าเมิงอีก ไปทำงานวันแรกๆกุไหว้คนในออฟฟิศ(กุไปเช้ามาก ตอนเข้าออฟฟิศมีคนอยู่ไม่เกิน2คน) แล้วพอกุสวัสดีเขา เขาเมินกุนั่งแดกข้าวนั่งดูการ์ตูน กุเลยไม่ทำละแดกข้าวของกุบ้าง สรุปตอนน้องคนอื่นเข้าออฟฟิศแล้วสวัสดีพี่ๆ เขาแซะลอยๆว่า น้อง…นี่ดีเนอะ ไปลามาไหว้ น่าจะชมผสมแซะกู แต่กุก็ผ่านโปรมาได้ แค่โดนเหม็นยาวๆ บอกเลยกุโดนแซะหนักมากกกกก ปัญหาหลักเมิงน่าจะอย่างอื่น
อายุ 25-26 นี้เงินเดือน ไม่ถึง 20K นี้ ปกติไหมวะ🥲🥲
เป็นฟรีแลนซ์แล้วลำบากว่ะ กูทำแล้วได้เงินน้อย แต่มันดีตรงอิสระ และกูได้ทำงานที่ชอบเดีกว่าทำงานบริษัทเยอะ
ชีวิตพวกมรึงนี่ดูจะท้อแท้กับชีวิตกันเหลือเกินนะ กูทำงานใน Black Company ยังไม่บ่นเลยสัส เข้ากะ 24 ชั่วโมงทำมา 2 ปีกว่าไม่ได้ขึ้นเงินเดือนเหี้ยไรเลย แถมคุมเข้มอีก แล้วประธานบริษัทแมร่งมีหน้ามาบอกว่า เข้าใจนะที่อยาก Work life Balance แต่มันก็ life เกินไปหน่อย
เกินไปหน่อยเหี้ยไรละ เงินเดือนไม่ถึง 20K ยังจะเรียกร้องอะไรพวกกูอีกสัส ไม่ดักทืบก็ดีแค่ไหนละ
กูมาอัพเดต >>923 สรุปเขาให้กูเขียนใบลาออก เพราะไม่เชื่อว่ากูจะปรับตัวได้ เขาบอกว่าที่ขอโทษก็คือส่วนขอโทษ เขาไม่ได้คิดจะยกโทษให้
เขาให้ข้อเสนอคือ ถ้าไม่เขียนออกเองก็จะทำรายงานว่ากูไม่มีประสิทธิภาพ มีแนวโน้มว่าจะทำงานไม่ได้ ซึ่งลาออกเองก็จะให้เงิน 1 เดือน เหมือนกัน บวกกับเขาจะไม่ปล่อยกูไปไหนจนกว่ากูจะเขียนใบลาออก กูเจรจาว่าขอเวลาคิดได้มั้ย ตอนเย็นตอบก็ได้ เขาไม่ยอมสักทางเลย เขาบอกว่าการมีอยู่ของกูทำให้คนในองค์กรรู้สึกไม่สบายใจ (ที่นี่เป็นบอเล็ก มีพนง 6 คน) เขาพูดถึงขั้นว่า ถ้ากูอยู่ต่อ คนที่อยู่มาก่อนอาจจะไม่อยากสอนงานกู จนขั้นลาออกเลย กูคงผิดเองแหละ อาจจะมีบางครั้งที่กูคุยเล่นแล้วลืมใส่หางเสียงให้สุภาพ เขาเลยมองว่ากูลามปามรึเปล่า แต่กูสาบานเลยว่าไม่มีเจตนาจะไม่เคารพรุ่นพี่
>>932 ใช้คำว่าแนวโน้ม เพราะเขายังไม่เคยสอนงานกูจริงจังเลย ตั้งแต่ไปว้นแรกเขาจั่วเลยว่า จะสอนมารยาทก่อน คงยังสอนงานไม่ได้ มาตรฐานมารยาทกูกับเขาอาจจะไม่ตรงกันด้วยมั้ง ส่วนเรื่องหลักฐานต่างๆ กูเก็บอะไรไม่ได้เลย ตั้งแต่สัญญาจ้างแล้ว เพราะเขาตรวจตัวกูก่อนจะเข้าห้องเขาห้องที่เรียกคุย ว่าพกอุปกรณ์อะไรมารึเปล่า
กูรู้สึกว่าชีวิตแม่งโหล่ยโท่ยชิบหายเลยว่ะ
ปัจจุบันกูอายุ 3x ทำงานที่เดิมมาราวๆ 7-8 ปีละ เงินเดือนก็วิ่งอยู่ราวๆ 20k นี่ล่ะ บางเดือนอาจจะได้เยอะพุ่งขึ้น 30k แม้จะน้อยแต่ยังดีคือมันใกล้บ้านมากขี่จักรยานไฟฟ้าไปทำงานได้ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายไปโข แถมยังอนุญาตให้ไปทำงานสายได้ ชีวิตกูเลยชิลมาตลอดช่วงที่ทำงานอยู่ที่นี่
แต่พอมองอนาคตแล้วแม่งสิ้นหวังชิบหาย เพราะเงินแค่นี้มันคงไม่พอไปทำอะไรในอนาคตกูเองก็จะเกาะบ้านกินอยู่ฟรีแบบนี้ไปตลอดก็คงไม่ดี ทว่าการใช้ชีวิตแบบนี้ทำเอากูชินกับความสบายไปแล้วว่ะ จะให้ตื่นเช้าเตรียมเดินทาง 2 ชั่วโมงเข้าเมืองไปทำงาน แม่งก็รู้สึกไม่อยากทำละ ขนาดเพื่อนกูชวนกูไปทำงานกลางเมืองกูส่ายหน้าก่อนเลยแม้เงินจะเยอะขึ้น ทำเอากูรู้สึกว่าตัวเองแม่งติดสบายเกินไปรึเปล่ากันเลย
ถ้าจะย้ายไปอยู่ใกล้ๆ ที่ทำงานก็ใช่เรื่อง ในเมื่อกูมีบ้านอยู่ใน กทม. อยู่แล้ว
เป็นแอร์มันหารายได้เสริมจากการหิ้วของเข้ามาขาย/รับพรีออเดอร์อะไรพวกนี้ได้ด้วยมั้ง อีกอย่างได้ไปต่างประเทศบ่อยๆ ถ้าคนชอบเที่ยวน่าจะชอบ
วันนี้คุณไหว้เจ้าที่รึยัง
>>947 ถ้ากูมีHee .... เรื่องแบบนี้ไม่ค่อยสนุกหว่ะ ไม่รู้ดิ ไปต่างที่ละเราไม่มีข้อมูลเลยว่าบางไฟล์ทไปพักบางโรงแรมจะโดนยกเค้าตอนไหนนี่ไม่โอเคหว่ะ ละมีรายได้พื้นฐานมันน้อยจนต้องไปหามาเพิ่มอีกจากงานเดียวที่เหนื่อยๆอยู่แล้ว มันควรจะอัพฐานจากรายได้เดิมตัวเองน่าจะดีกว่าไง จะได้ไม่ต้องไปวิ่งเต้นหารายได้เสริมที่ไหน
คิดยังไงกับwork hard work balanceที่โผล่ในโซเชียลช่วงนี้
>>952 https://i.imgur.com/vGoYFcq.jpeg
เอาสั้นๆนะ การwork hard แต่ไม่รู้จุดเป้าหมายของกลุ่มเป้าหมาย มันก็คือการเสียแรงเปล่า คนนี้สุดท้ายลาออกไปแล้ว
เพราะไม่เข้าใจอะไรเลยนี่ละ กุให้เมิงไปคิดสั้นๆนะ "งานเมิงมีคุณค่าประโยชน์กับสังคม ไหม"
ถ้า "ไม่" มันก็คือขยะ งานออกพรุ่งนี้ต้องดีกว่าวันนี้ โลกมันเป็นแบบนี้
ถ้ามองในมุมมองแคบๆ เมิงก็ไม่มีความก้าวหน้าในชีวิตได้หรอก เพราะสิ่งที่เรียกว่า safe zone เนี่ยละ
ยิ่งยุคนี้AI ทำงานแทนเราหมดแล้ว การศึกษา มีลูกเอาเข้าโรงเรียน จำเป็นอยู่ไหม??? ในเมื่อเรามีchatgpt
และAIตอนนี้อยู่แค่ระดับ 1 กำลังเข้า ระดับ 2 ระดับ 2 คือ มีความรู้ระดับปริญญาเอก
โดยมี 5 ระดับ แบบที่เมิงจะจินตนาการไม่ออกเลย ว่าระดับนั้นน่ากลัวแค่ไหน
เทียบกับ รศดอกเตอร์ ในคณะเมิงที่ฉลาดล้ำนั่นละ เมิงเคยคิดจะมีความรู้ก้าวข้าม ศาสตร์จารย์คณะไหมละ
มันคือกำแพง ที่ไม่อาจก้าวข้ามได้ AI ก็จะน่ากลัวยิ่งกว่านี้ และนี่คือ ระดับเลเวล 2 เท่านั้นนะ
สุดท้ายเมิงก็ไม่มีทางตามAIได้ ถ้าใครเคยเล่นเกมจะรู้ว่า AIมันน่ากลัวมาก มนุษย์ใช้เวลา เทรนทั้งชีวิต กับเวลา ชั่วชีวิต แค่ 60 ปี เอาแบบเทรนมาโครตนานเลยนะ แต่ AI สามารถเล่นเกมได้ประมาณ 180 ปีของเกมจริงในเวลาเพียง 10 เดือน
โดยการเทรนของ AI เกมหมาที่คุณก็รู้ว่าเกมอะไร เป็นการเล่นกับAIด้วยกันเอง ในห้องแห่งกาลเวลา หรือโลกคู่ขนานของAI
จะว่ากุขี้แพ้ก็ได้ แต่กุ I don't like expending more effort than i have to.
สิ่งที่AIขาด เมิงมีอะไรสู้ได้บ้างละ ฝากไว้ให้คิด
เป็นรุ่นน้องเตือนรุ่นพี่ที่ทำงานไม่ได้เหรอวะ
คือก่อนหน้านี้มันมีงานกินเลี้ยงที่บริษัท ตอนจบงานเขากินกันไม่หมด เขาก็เลยบอกให้กุกินให้หมดหน่อย กุก็โอเคไม่มีปัญหา แล้วระหว่างที่กุกำลังกิน
ยังกินไม่หมดเลยอีห่า ก็มาเก็บกวาดถูโต๊ะละ แล้วมันไม่มีที่วางอื่น (เก้าอี้ก็ทั้งยวบทั้งเอียง วางไม่ได้หกหมด) กุก็ต้องยกจานกับแก้วขึ้นมาถือไว้ ทีนี้กุเห็นว่ายังมีรอยเปื้อนๆตรงกลางโต๊ะ กุก็เลยบอกพี่เขาว่าพี่คะเช็ดตรงกลางด้วย หนูเหมือนเห็นมีรอย เขาก็มองหน้ากุนิ่งๆ แล้วก็บอกว่าวันหลังก็มาเช็ดเองเนอะ กุก็เลยตอบไปหยอกๆว่ากินอยู่ไงง แล้วเขาก็ตอบกลับมาว่างั้นวันหลังก็ไม่ต้องกิน คือ??? กุเล่าให้แม่ฟังแม่กุก็ด่ากุว่ากุเป็นผู้น้อยไปสั่งผู้ใหญ่แบบนั้นได้ไง อ้าว ไอ้เหี้ย แค่เช็ดโต๊ะเนี่ยนะ
บ่นเฉยๆมึง เอาจริงๆ ที่เรื่องนี้มันติดอยุ่ในหัวกุ เป็นเพราะว่ากุไม่อยากจะยอมรับว่ามันเป็นความผิดของกุเองแหละ
มาคิดดูแล้ว กุก็พลาดเอง สิ่งที่กุควรทำตอนนั้นคือเงียบปากไว้แล้วค่อยเอาผ้ามาเช็ดทีหลัง ไม่ก็วางจานไว้กับพื้นแล้วขอผ้าแม่งมาเช็ดเองเลย หรือไม่ก็บอกไปเลยว่าไม่ต้องเก็บ เดี๋ยวกุเก็บเอง หรือไม่ก็ใช้คำพูดที่ดูเหมือนสั่งน้อยกว่านี้
ช่างเหอะ งานเลี้ยงไม่ได้มีหนเดียว ไว้รอบหน้าจะปรับปรุงตัวใหม่แล้วกัน
ปล. เรื่องดีๆ ก็ยังมีอยู่บ้าง ก็คือกุได้คุยกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นมากขึ้นนิดนึง : )
Are you ready?
เราเห็นเพื่อนคนนึงที่บอกว่าตัวเองเป็นโค้ชในเรื่องความรัก คือเพื่อนคนนี้เขาไม่เคยมีแฟน แล้วก็ไม่เคยมีคนคุยแล้วก็คุยไม่เก่ง เวลาใครไปปรึกษาเรื่องความรักเขาก็จะตอบไม่ได้เพราะไม่เคยมีใครเข้าหา แต่เขาก็จะบอกว่าตัวเองเป็นโค้ชในเรื่องความรัก
แล้วคือเรางงมาก หรือเราเข้าใจผิดมาโดยตลอดว่าโค้ชในเรื่องความรักนี่ต้องเซียนในเรื่องความรักถึงจะขึ้นชื่อว่าเป็นโค้ช
หรือ ไม่เคยมีคนคุยหรือแฟนก็สามารถเป็นโค้ชในเรื่องความรักได้😁😁
พวกเหี้ยนี่ก็โง่เหมือนแอดมินเว็บนี้
ช่วงนี้งานยุ่งมาก โหลดมาก ทำงานแบบไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน เพิ่งรู้ว่าเมื่อวานคนอื่นเขาเจอจอฟ้ากันทั้งโลก 555 แสดงว่าบริษัทกูและในเครือไม่ได้ใช้ Crowdstrike สินะ เมื่อวานกูยังทำงานปกติ เมลเข้าออกปกติ ไม่ได้รู้เรื่องเลยว่าโลกภายนอกเขาปั่นป่วนกันสุดๆ เพราะจอฟ้า
>>963 กูโดน ตอนแรกกูเครียดชิบหายว่างานที่ทำมานานบางงานมันไม่ทันได้ backup ไว้ที่อื่น
แล้ว IT แม่งเอะอะชอบล้างเครื่องแบบไม่ถามก่อนด้วย ทำเอากูกินข้าวเที่ยงไม่อร่อยเลย
พอรู้ทีหลังว่าเป็นกันหมด แถมวิธีแก้ไม่ต้องล้างเครื่องก็โล่งใจละ
ครึ่งบ่ายออกไปเดินห้างเล่นชิวๆ แต่ที่กูสยองคือวันอังคารที่ต้องเข้าออฟฟิซไปให้ IT บริษัทแก้คิวจะยาวขนาดไหนวะ
ใจจริงคืออยากแงะเครื่องแกะเอา SSD มาเปิดในอีกเครื่องแก้เองแม่งไปเลย ขี้เกียจรอ แต่ถ้าบริษัทรู้นี่ถึงขั้นโดนไล่ออกได้ ไม่เสี่ยงดีกว่า
>>969 ปัญหามันอยู่ตรงแค่เปิดเครื่องมายังไม่ต้อง login ก็จอฟ้าเลยนี่แหละ
เลยใช้วิธีลง patch แก้จากส่วนกลางเหมือนปัญหาอื่นๆไม่ได้
แถมคอมบริษัทแบบนี้พนักงานเข้า safe mode ไปลบไฟล์ที่มีปัญหาเองเหมือนคอมบ้านไม่ได้อีก
ไม่งั้นให้พนักงานที่รู้เรื่องคอมบ้างแก้เองได้ก็ยังช่วยประหยัดเวลาไปเยอะ
ส่วนการที่บริษัทมึงไม่ใช้แปลว่ารอบหน้าหวยอาจจะออกที่โปรแกรมอื่นก็ใช่ แต่ต่อไปนี้บริษัทที่ทำโปรแกรมพวกนี้คงระวังกันมากขึ้น
ส่วนไอ้บริษัทนี้มีคนไปขุดว่าจริงๆอดีตก็มีปัญหาเยอะนะ แต่ไม่เป็นข่าวเพราะไม่ได้กระทบวงกว้างเท่านี้
แถมไอ้ CEO นี่เคยก่อวีรกรรมไว้สมัยเป็น CTO ของ McAfee จนบริษัทเละมาแล้วด้วย ไม่รู้ทำไมยังมีคนให้โอกาส
>>932 บ.เล็กๆมีพนงไม่กี่คนแบบนี้ เป็นงี้ทุกที่เปล่าว่ะ ที่เก่ากุตอนเข้าไปมีกันแค่ 7 คน 3 ในนี้รวมกุคือพนง.ใหม่ที่รับเข้ามาพร้อมกันแล้วกรรมไปตกที่พี่แอดมินหลักที่ต้องสอนงานทั้งสามคนแล้วพี่เขาก็มี task ของเขาที่ต้องทำเยอะมาก อยู่มาจนออกไม่เคยเห็นพี่เขาได้กลับตรงเวลาเลย กุเข้าไปวันแรกยังจำแต่ละอย่างได้ไม่หมดตอนเย็นเรียกจี้ถามกุอันนี้คืออะไรๆๆ ให้กุอธิบาย process งาน ระบบที่ใช้ กุก็ตอบตามที่กุจดไว้ซึ่งพี่แอดมินสอนไงกุก็จดตามที่พี่พูดแต่หัวหน้าแม่งก็แบบ แล้วยังไงต่อคะ อยู่แบบนี้ หลังกุกลับพี่ที่สอนโดนเรียกไปด่าว่าสอนยังไงน้องยังไม่เข้าใจคือแบบ มึง มันวันแรกนะ แล้วไหนจะทำงานโคตรไม่มีระบบ เอาแน่เอานอนไม่ได้ สั่งแบบนี้แต่ทำตามเสือกไม่พอใจแล้วให้ทำใหม่ยุ่งยากกว่าเดิม เอะอะเรียกเข้าห้องประชุมไปคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง เรื่องแค่นี้ก็เรียกคุย เสียเวลางานไม่เดิน เรื่องเล็กทำเป็นเรื่องใหญ่ได้ ไม่เคารพเวลาคนอื่นเรียกคุยเรื่องไม่สำคัญชอบมาเรียกเอาตอนใกล้จะเลิกงานแล้วเลทกลับตรงเวลานับครั้งได้ และใช่ แม่งเคลมว่าเราอยู่กันแบบพี่น้อง สวัสดิการไม่มีด้วยจ้า มีประกันสังคมอย่างเดียว กุที่เคยทำบ.ใหญ่ๆมาก่อนถึงกับไปไม่ถูกเปลี่ยนงานมา 2 ที่ก่อนหน้านี้เข้าไปแรกๆเขาไม่กดดันว่าจะต้องเข้าใจทุกอย่างภายในวันแรกเขาให้ค่อยๆเรียนรู้ไปเรื่อยๆไม่เรียกจี้ถามอันนี้คืออะไรๆ หลังออกมากุคิดเลยจะไม่เอาบ.เล็กๆคนน้อยแบบนี้อีกแล้ว
เออ งงอ่ะ ทำไม บ.กูทำงานร่วมกับระบบคอมด้วย บริการลูกค้าด้วยเทคนี่คือเส้นเลือดหลักเลย ถ้ามีระบบเน็ตเน่า หรือไฟฟ้าไม่ทำงานทีนึงนี่เรียกว่าขายของไม่ได้เลย แต่วันที่ระบบล่มทั้งหมด บ.กูทำงานได้ปกตินะ ไม่แน่ใจว่าเพราะไม่ได้ใช้บริการsecurity ของCloudstrikeรึเปล่าก็เลยรอดตัวไป
>>971 ปกติในบ. เล็กที่จะเจอความปสด. กูเคยทำใน บ.มีทุนหนาแต่ทีมในไทยมันเล็ก เวลาสอนงานเด็กใหม่แม่งเหมือนไล่เด็กใหม่ชิบหาย ตอนแรกมาแบบดูมีมืออาชีพนะ เข้าใจน้องใหม่ทุกคน แต่สักพักเวลาทำงานละคิดระบบงานเอง ทำอะไรเองละสบายเรามันไม่สบายใจก็เรียกมาติเตียน ตอนแรกกูprocessมันไม่ใช่จริงๆ แต่หลังๆมันมาด้วยอย่างที่มึงว่าอะ เช่นทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่, บางเรื่องให้เสียเวลา,ทำแบบนี้ทั้งๆที่อีกแบบลูกค้าได้รับงานไวกว่ามี,พวกลูกที่รักมักที่ชัง เดือนกว่าๆต่อมาก็คือเจอบ. ใหม่เป็นเจ้าที่ใหญ่กว่าเปิดรับคนทำงานแบบMass Recruitment กูเอาที่ใหม่ทันที
เจออีกที่ก่อนหน้านี้ช่วง Covid 19ก็บ. เล็กแบบกูลืมนึกไปว่าบ. มันเล็กมาก แล้วมารู้อีกทีว่าผลประกอบการโคตรแย่ ที่หนักเลยคือคนที่มาเป็นหัวหน้าคือฝ่ายจัดซื้อ ทำงานไม่เป็นแต่ทำทรงว่าสอนงานคนได้ หลอกเจ้าของไปวันๆ เห็นพี่คนนึงมาสมัครงานและสัมเสร็จละพอเค้าผ่านมาทำงานวันแรก เค้าโดนด่าติเตียนสารพัดเหมือนเค้าไปเอาน้ำกรดราดแตดแม่มันเลย สองเจ้านี้นีก็เป็นบทเรียนดีๆที่ทำให้รู้ว่าไม่ควรเข้าไปทำในบ. เล็กๆเพราะไร้มาตรฐาน+คนทำงานขาดวุฒิภาระจจะสร้างปัญหาให้เราได้ทุกเมื่อ
กูลองพัฒนาตัวเอง ด้วยการชวนคนไม่รู้จักคุยแหละ สรุป ปัญหามันไม่ใช่ว่ากูกลัวการเข้าสังคมขนาดนั้นว่ะ กับคนอื่นกูก็พอคุยเล่นได้ ถ้าเขามีท่าทางเปิดใจ ยิ้มแย้ม สบตา กูก็คุยเล่นได้แบบสบายๆเลยนี้หวา แต่คนที่ทำงานมันตรงข้ามเลย ตาแข็ง คุยงานไม่สบตา ท่าทางรังเกียจไม่อยากเห็นไม่อยากอยู่ใกล้ น้ำเสียงแข็งสุดๆ ท่าทางแบบนี้ จะให้กูกล้าคุยเล่นได้ไง แล้วพวกของเขาก็คงโดนบรีฟมาให้ไม่ชอบกูไปด้วย เพราะท่าทางต่างไปจากเดิมมาก เชิ่อแล้วว่าเหนื่อยงานไม่เท่าไหร่ แต่เหนื่อยคนสิอยู่ยาก
>>975 ยินดีด้วยที่เอาชนะความกลัวของตัวเองได้ และ พิสูจน์แล้วว่ามันไม่ใช่ปัญหาของมึง ซึ่งเป็นปัญหาในสังคมที่บางทีก็จะเจอคนแบบไอ้ >>976 ที่สมองมันหยุดพัฒนาตั้งแต่อยู่ในครรถ์แม่มันทำให้มีระดับไอคิวต่ำกว่าสาหร่ายเซลล์เดียว พวกนี้มันจะมีอคติต่อคนอื่นไปหมด เหมือนปักธงตัดสินชีวิตคนๆหนึ่งไปแล้วโดยไม่ได้สนใจจะเปิดรับตัวตนหรือรับฟังใดๆ คนพวกนี้มันน่าขยะแขยงนะ คิดแต่ว่าตัวเองดีที่สุด ฉลาดที่สุด ทุกคนต้องเป็นฝ่ายเข้าหามัน ต้องเข้าใจมัน วิธีแก้เกมส์คือก็อย่าไปสนใจมัน คุยกันแค่งาน สื่อสารแค่ที่มันถามพอ เพราะพวกนี้มันจะคิดว่าตัวเองฉลาดที่สุดเลยต้องรักษาฟอร์มทำเป็นรู้ดีรู้มาก และมันจะพลาดง่ายๆจากความมั่นใจของตัวเองตรงนี้แหละ เอ็งทำดีแล้ว สู้ๆเว้ย
>>976 ส่วนเอ็งเป็นแค่ขยะเปียกเก่งแต่บนคีย์บอร์ด
>>971 >>973 กูคือ 932 เอง กูก็เพิ่งเคยเจอบอเล็กแบบนั้นเป็นครั้งแรก ขอบคุณเพื่อนโม่งมาก ที่ทำให้กูรู้ว่าตัวเองไม่ได้เจอเรื่องแย่ๆ คนเดียว ช่วงทำงานที่นั่นจนถึงลาออก(แบบโดนบังคับ) กูตั้งคำถามกับตัวเองทุกวันว่ากูนิสัยไม่ดีขนาดนั้นเลยเหรอ ถึงขั้นสงสัยว่าที่ผ่านมาทำไมเพื่อนถึงมาคบกับกู บลาๆ แต่พอได้มานั่งทบทวนตัวเองบวกกับครอบครัวและเพื่อนก็คอยซับพอร์ตว่ากูไม่ใช่คนแย่แบบที่บริษัทนั้นเบลมมา กูก็ดีขึ้น
เป็นบทเรียนเลยว่ากูคงจะไม่เอาบอทรงนี้อีกแล้ว เข็ดจริงๆกับพวกมือถือสาก ปากถือศีล แถมมาทำให้กูเสียความเชื่อมั่นในตัวเองไปอีก
>>978 กอดมึงจ้าา จำคำที่โม่งบางตัวเคยสอนกูไว้นะ อย่าอยู่กับคนที่ทำร้ายมึง ...มันจะทำให้มึงเห็นคุณค่าในตัวเองมากกว่าเวลามึงเจอสังคมทำงานที่ใช่อ่ะ เจอแบบนี้มึงดีกว่าไม่เจอและโลกสวยไปเรื่อยๆนะ เพราะมีภูมิคุ้มกัน เวลาเห็นสัญญาณอะไรในที่ทำงานใหม่ละคิดว่าไม่ใช่จะได้รีบออกๆกันก่อน ไม่เสียสุขภาพจิตระยะยาว 55555
พวกมึง กูทิ้งประวัติไว้ในเว็บส้มแล้วบ.ที่โทรมาส่วนใหญ่โทรมาพูดแค่ว่าโทรมาจากบ.ไหนแล้วถามสนใจตำแหน่งนี้มั้ยแต่ไม่บอกรายละเอียดเลยว่าบ.ทำเกี่ยวกับอะไรตำแหน่งที่ออฟเฟอร์มาทำอะไรบ้าง แล้ววันนี้เจอยิ่งกว่าคือโทรมาพูดขอสายคุณxxx อยากนัดเข้ามาสัมภาษณ์งาน แต่ไม่บอกว่าโทรมาจากบ.ไหนแล้วตำแหน่งอะไรจนกูต้องถาม คือมันปกติมั้ยว่ะพวกมึง ด้วยความที่กูเปลี่ยนงานมา 2-3 แล้วเป็นองค์กรขนาดใหญ่ตอน hr โทรมาจะบอกหมดเลยบ.ทำเกี่ยวกับอะไร ตำแหน่งอะไรทำอะไรบ้าง เวลาเข้างานเลิกงาน หยุดวันไหนทำกี่วัน บางที่บอกเงินเดือนมาเลย จนกูไม่ต้องถามจะมีก็แค่สโคปงานถามเอาให้ชัวร์ แต่ละที่กูลองเสิร์ทดูล่ะ บ.จริงๆไม่หลอก แต่รู้สึก hr แม่งไม่มืออาชีพว่ะ จนไม่อยากไปสัม กลัวเป็นบ.เล็กคนน้อย เราอยู่กันแบบครอบครัว อยากที่พวกมึงบ่นๆว่า
ทำงานธนาคาร หันซ้ายก็เจอน้องกระโปรงสั้น หันขวาก็เจอน้องกระโปรงสั้น นั่งหำแข็งทั้งวัน แล้วแม่งชอบเล่นถึงเนื้อถึงตัวกู ทำไงดีวะ
รู้สึกเหมือนจะโดนเด็กถอนหงอกว่ะ คือมันมีอีน้องคนนึง(เพศเมีย) ชอบพูดขัดกู แนวๆว่า ไม่พี่ ฟังนะ ความหมายคือยังงี้ๆ หรือไม่ก็ พี่หมายถึงยังงี้ใช่มั้ย แบบนี้คือต้องบอกว่าอย่างนี้นะ ซึ่งกูพูดไม่รู้เรื่องก็ไม่น่าใช่ เพราะมันมีอีน้องนี่คนเดียวที่ชอบขัดกูแบบนี้ ละบางทีตอนมันมาอธิบายเสริมจากกู มันก็แค่ทำพูดวกไปวนมา แล้วก็สรุปจบแบบเดิม กูต้องจัดการมันยังไงวะ สงสัยแม่งเขม่นกูตั้งแต่ตอนไปดูงาน แล้วกูก็ทำเอกสาร ออกแบบฟอร์มไว้จดบันทึกให้ดูเข้าใจง่ายๆ แต่อีน้องนี่มันหิ้วไปแค่ตารางเอกเซลโง่ๆก็โดนเจ้านายดุไปว่าทำไมไม่เตรียมเอกสารมาเหมือนกู มันอ้างว่า ก็คนก่อนๆเค้าให้หนูมาแบบนี้ มันเลยเขม่นกูตั้งแต่ตอนนี้ละมั้ง(ตามนิสัยพวกหมูตัวเมีย)
แอบน้อยใจที่แบบทำอะไรนิดหน่อยหัวหน้าไม่พอใจงานกู ต่อให้ทำดีแค่ไหนก็ตาม กูโกธรและน้อยใจมากนะแต่กูสามารถระงับความโกธรได้ กูจะไม่พูดเวลากูไม่พอใจเพราะกูเชื่อว่าถ้ากูพูดทีคือกูใส่เต็มร้อยแน่นอน กูเลยเลือกที่จะเงียบ ไม่เถียง ไม่หืออือ อต่ถ้าถามกูก็ตอบ
มาวันนี้หัวหน้าถามว่าเขาทำไรไม่พอใจหรอ กูเลยตอบไปว่ากูน้อยใจที่หัวหน้าบอกงานกูก๊อบงานคนอื่นแล้วเอากูไปด่าลงกลุ่ม ทั้งๆที่กูไม่ได้ก๊อบใครเลยกูนั่งทำของกูคนเดียวคนอื่นก็รับรู้ว่ากูไม่ได้ทำ แล้วรู้ป่ะหัวตอบว่าอะไร “โหเรื่องแค่นี้เองอย่าไร้สาระเอาเรื่องนี้มาโกธรสิ” กูปรี้ดแตกเลยจากที่โกธรแต่คุมสติได้กูเจอคำนี้กูปรี๊ดมากมึง แบบกล่าวหาว่ากูก๊อบงานแล้วไปประจานกูลงกลุ่มทั้งที่กูไม่ได้ทำ แถมขอโทษก็ไม่มีสักคำ หัวหน้าเหี้ยไรว่ะกล่าวหาลูกน้องไม่ขอโทษอีก แถมมาพูดแบบนี้ใช่คำที่ควรพูดจากปากหัวหน้าหรอว่ะ? แล้วรู้ป่ะพอกูมาคุมสติกลับกลายเป็นกูที่มาคิดมากว่ากูพูดแรงไปไหมอีก กูเหนื่อยละ
ตอนนี้กุทำงานที่ออส ก้เปิดบช.ที่นี่เลยไม่เคยโอนเงินกลับไทย ทีนี้ที่นี่ดอกเบี้ยมันเยอะกว่าถ้ากุจะย้ายเงินฝากที่ไทยมาแช่บช.ที่นี่ได้มั้ยวะ กุพึ่งลองสมัครไวซ์แต่ไม่รุ้ไงมันโอนจากบช.ไทยมาเข้าไม่ได้ ทำได้แต่โอนเงินบช.ออสเข้าไวซ์เหมือนเตรียมส่งกลับไทย
>>984 วันนี้ประชุมหัวหน้าก็ไม่หยุดเอากูไปพูดที่ห้องประชุมว่ากูก๊อบงาน ทั้งๆที่กูไม่ได้ทำ เมื่อวาณกูด่าเขาชุดใหญ่ไปแล้ววันนี้กูก็เถียงกลับจนกูขี้เกียจพูดแล้ว พอกูโอเคถ้าคิดว่ากูก๊อบงานเดี๋ยวกูทำใหม่ให้ พอกูทำใหม่ก็บอกงานยังคล้ายเหมือนเดิม กูท้อมากเลยนะ เสียเวลาใช้ความคิดไปเยอะ ลงมือไปเยอะเจอพูดแบบนี้ คือเฟลมากเขากลายๆบีบให้กูลาออกหรือป่าวว่ะ
พวกผู้หญิงอออฟฟิศนี่ตลกว่ะ แค่คนมาใหม่ตอบกลับเมลล์โดยไม่ได้ใช้เทมเพลตเก่า ก็แซะเค้าละ หาว่าอยากเด่น อยากหักหน้าคนเก่าๆ คือมึงพิจารณาก่อนมั้ยว่าเค้าไม่รู้ ไม่มีใครบอกรึป่าว แล้วตอบเมลล์ทั่วไปมันจำเป็นต้องมีเทมเพลตไหม ไร้สาระจริงๆพวกหมูตัวเมียเนี่ย(บางตัว)
รอให้เขาไล่ออกดีกว่าแหละป่ะ
>>991 ไล่ออกต้องได้รับเงินค่าตกใจ 1 เดือนนะ ขอเสือกหน่อย ไล่ออกเพราะเมิงทำความผิดอะไรวะ ปกติจะมีให้เซ็นต์เอกสารยอมรับความผิด ตรงนี้ต้องดูดีๆนะ ว่ามันให้มึงจ่ายค่าชดเชยอะไรมั้ย แล้วก็ดูวันที่เอกสารดีๆ มันจะใช้อ้างอิงเหตุผลที่ไล่เมิงออก ดูดีๆอีกที มีระบุขอไม่รับค่าตกใจมั้ย เป็นไปได้ ขอถ่ายรูปหรือสแกนเอาไว้เลย เอาตอนที่เมิงยังไม่เซ็นต์นะ
>>986 ไม่รู้ทำงี้ได้ไหม .... ใช้western union เป็นตัวกลางได้ไหมวะ? ลองใช้stripeยังอ่า? หรืออีกทางนะ ใช้paypalโง่ๆได้ไหมวะ? แบบว่าโอนบัญชีฝั่งไทยผูกแบงก์ไทยไปฝั่งบัญชีออสของมึง จำไม่ผิดมันเปิดสองบัญชีได้ในคนเดียวกันนะ.... แต่เห็นในwestpacละ เหยดเข้ ดอกเบี้ย 3-4% ต่อปี ... บ้าไปแล้ว ถ้าทำงานในออสละมีบัญชีถูกต้องตาม กม.ก็เปิดterm depositได้ทุกคนไม่สนสัญชาติจริงดิมึง?
>>993 เดี๋ยวไปลองหาข้อมูลทุกเจ้าที่ว่ามาเลย ขอบใจมาก กุกะเอาเงินมาแช่ใน ing ดอก 5.5% แค่มีเงื่อนไขเงินต้องเพิ่มทุกเดือนกับใช้บัตรจ่าย 5 รายการ กุคิดแล้วว่าต้องเสียfee ค่าแปลงเงินโอนมาตอนแรกนี่แหละแต่หักลบกับดอกแล้วพอคิดเป็นออสไปไทยยังไงก็คุ้ม กุไม่ไ้ฉลาดพอจะเล่นหุ้นก้หาทางเก็บเล็กเก็บน้อยเอาแบบนี้ล่ะวะ 555 ปล.กุมาถูกกฎหมาย โครงการเวิ้คแอนด์ฮอลิเดย์
กูจะแก้เผ็ดอีจอมวีนที่ทำงานตัวนึง ตอนนี้รู้รหัส พนง.มันและรู้วิธีเข้าไปสวมรอยแทนมันในเว็บระบบขององค์กรละ ที่ผ่านมาแผนกกูเปลี่ยนชุดหัวหน้าใหม่ ละบัญชาการไม่ได้เรื่อง แถมมันก็เริ่มกลับมาออกลายต่อเพราะรู้ว่าหัวหน้าคนใหม่มันไม่รู้สันดานไง ที่ผ่านมาก็พยายามทำงานเอาหน้าต่างๆนาๆให้ดูเหมือนว่าทำงาน เลยก่ะว่าจะสวมรอยเป็นมันเข้าไปวีนฉ่ำให้HRรับรู้แทนกู ซึ่งกูว่านี่ยังเป็นสูตรสำเร็จที่ไม่เวิร์กพอหว่ะ มีคอมโบแนะนำให้กูได้ไหมวะ? อาจจะเป็นในทางที่แบบที่ทำงานพวกมึงทำกันได้อ่ะ เพื่อบางทีกูเอาปรับใช้ได้ โม่งแบบพวกมึงเคยทำกันไหมวะ แบบใช้วิธีเหี้ยๆแก้เผ็ดคนtoxicแบบนี้5555
>>997 let her drown in her venom. อยากเอาหน้านักก็สวมรอยเป็นมัน เสนอหน้าไปรับงาน ช่วยคนนั้นคนนี้เยอะๆสิ แล้วคนพวกนี้มันจะพยายามรักษาหน้าไว้ มันไม่มีทางปฎิเสธ "ชั้นไม่ได้เป็นคนรับ" แต่มันจะปั้นหน้าปลอมๆแล้วแบกงานไว้ทั้งหมด ถ้ากำหนดวันเวลาส่งมอบงานไปด้วย จะยิ่งบีบให้มันเครียดหนักๆไปอีก จนถึงจุดๆหนึ่ง Breaking point มันจะสติหลุด มันจะวีนแว้งกัดทุกคน เพราะสมองมันไม่สมารถรับอะไรได้อีกแล้วเลยต้องสร้างกลไกป้องกันตัวเองขึ้นมา แล้วตอนนั้นทุกตนจะเห็นสันดานที่แท้จริงของมันเอง Thank me later bro.
>>998 คือไอระบบเว็บองค์กรเนี่ย เสียอย่างนึงคือ ...ระบบตรงนี้มันเอาไว้สำหรับพูดคุยการอบรมหลักสูตรการทำงานในที่ทำงานไง แต่มันมี HRมาสอดส่องอะไรในเว็บบอร์ดเยอะอยู่ กูก่ะจะเอาตัวตนมันแทงข้างหลังหัวหน้าดูเฉยๆ แต่อยากได้คอมโบจัดหนักกว่านี้ว่าจะเอาอะไรอีกดี มีสักแผนเพิ่มไหม? ปลาปักเป้าแม่งตายเพราะพิษตัวเองยากไง
แผนมึงที่ว่าแบบนี้ถ้ากูต้องมีเวลาทำงานกับมันเนี่ย กูจะมีปัญหาเอาอ่ะดิ เพราะต้องลางานเพื่อหนีมันไง วินัยกูเสี่ยงเสีย แต่มันไม่ค่อยยอมทำงานนะว่าตรงๆ เวลาทำงานกับมันด้วยมันจะใช้ปากทำงานละมาว่ากูท่าเดียว คือทำงานแบบใช้ปากทำงานอ่ะ ละเกาะแรงงานชาวบ้านเขาเอาเข้าว่า มันมีคนทำงานแนวนี้ละใช้สันดานแบบนี้ขึ้นตำแหน่งหัวหน้ามาได้แล้วไง คงเลยหวังเจริญรอยตามหาคนเป็นที่รองรับอารมณ์มัน ทุเรศจัด
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.