Last posted
Total of 1000 posts
>>939 ทดลองงานมีเงินเดือนให้ บางที่อาจจะมีการให้น้อยกว่าเงินเดือนปกติ แต่ก็ไม่ควรน้อยกว่ามาก
ถ้าเจอบริษัทที่เหี้ยจริงๆให้ทำฟรีช่วงทดลองงานนี่คืออย่าไปทำแต่แรกเลย
ส่วนถ้าไม่ผ่านมันมีหลายแบบ เช่นเค้ารู้สึกว่าไม่โอเคตั้งแต่ก่อนหมดช่วงโปรก็มีให้ออกก่อนก็มี
หรือแจ้งตอนครบกำหนดแบบปกติ หรือถ้าเค้ารู้สึกว่ายังไม่ผ่าน แต่มึงมีแววถ้าพยายามต่อ
ก็อาจจะมีการยืดช่วงโปรออกไปได้ แต่ก็ไม่น่ายืดให้หลายรอบหรือยืดไปเรื่อยๆ
ถ้าเจอที่ไหนไม่ให้ผ่านซักทีแต่ยืดให้เรื่อยๆนี่คือผิดปกติละ อาจจะเป็นเทคนิคกดเงินเดือน
กำลังจะหาจังหวะไปบอกหัวหน้าว่าจะลาออกธันวานี้ แต่ยังหวั่นๆ คือ ทุนสำรองไม่ได้มากมาย พออยู่ได้ เดือน สองเดือน แต่นี่มีอาชีพเสริมอยู่แล้ว ที่ถ้าขยันหน่อยก็จะมีเงินเรื่อยๆ แหละ แต่พอนึกถึงว่า ออกจากวงการกากี แล้วค่อนข้างกะทันหัน เพราะหมดใจ หมดไฟกะมันแล้ว มันเลย เคว้งๆ ลังเลๆ //ทนต่อ หรือ พอแค่นี้ แล้วไปตุยเอาดาบหน้า
เป็นตำรวจเบื่องานก็หาย้ายไปตำแหน่งที่อื่นๆก็ได้มั้ง บางตำแหน่งนี่ว่างฉิบหาย แต่ถ้ามึงบอกจะออกแสดงว่าไม่ได้กู้สหกรณ์และทำไม่ได้นานมาก เพราะปกติคนทำขรก.มานานๆแล้วไม่ค่อยกล้าออกไปทำงานเอกชนหรอกไม่ชินกับวิธีการทำงาน ส่วนใหญ่คนแก่ๆเออรี่มาแต่ละคนนี่ทำสวน ทำไร่ เปิดร้าน
อยากออกก็ออกไปเหอะตำรวจเงินน้อย โตช้า อยากสบายต้องวิ่งขึ้น สว. ขึ้น ผกก. โน้นอะซึ่งใช้เวลานานกว่าจะไปถึง ถ้าระดับรตอ. ลงมากูถือว่าทำงานเอกชนดีกว่า เว้นแต่มึงจะออกได้ไปอยู่บริษัทกิ๊กๆก๊อกๆอยู่เป็นขรก. ต่อไปนี่ละ
วุฒิ ม.6 ทำงานไรดี ดูในเว็บเห็นรับสมัครเต็มไปหมดพอโทรไปบอกเต็ม
>>947 กูก็วุฒิ ม.6 แต่กูพยายามเก็บประสบการณ์ทุกงานไว้เลย อันไหนทำละเค้าให้อยู่ทนทำต่อได้ก็ทำไป หางานที่แบบวุฒิไม่ต้อง เอาสกิลเข้าว่าไปเลย หรืออีกอย่างที่กูว่าดีคือไปหางานในสายที่ตลาดแม่งต้องการอยู่ถึงจะไม่มีเหี้ยไรในหัวเลย ทำกับ บ. กระจอกๆเจ้าของคนไทยสักปี ถ้าไม่ถูกขูดรีดค่อยออก แต่ที่ไม่แนะนำสุดคือทำร้านสะดวกซื้อ เพราะกดขี่ทุกร้าน แต่ถ้าใจกล้า ร่างกายไหว ไปทำได้นะ ได้สกิล ได้ความอึด ได้ประสบการณ์เวลาตกในช่วงภาวะสุดขีดจะรู้ว่าต้องทำไง พวกงานที่กูแบ่งไปเลยนะว่ากดขี่มาก - น้อย
-ร้านสะดวกซื้อ24ชม.มีหุ้นใน ตลท
-ร้านอาหารจานด่วนแบบไก่ทอด เฟรนช์ฟราย หรือขนมปังอบในเครือห้างดังลาดพร้าว ไอพวกนี้สลิ่มบริหาร โคตรกดเงินเดือน
-ร้านขายของตามตลาดนัดหรือข้างทางที่จ้างต่างด้าวไปก็ได้
-ร้านที่ขนาดจ้างต่างด้าวมาทำมันยังบ่นว่าเหนื่อยมาก
.
.
.
นี่คือจากที่กูเริ่มทำงานประจำมาตั้งแต่ช่วงโควิดมาจนตอนนี้นะ ที่เหลือคือขึ้นกับหัวหน้าล้วนๆหว่ะ
ทำไงกะลูกน้องกูดีวะ ไม่ใช่ไม่ทำงาน สั่งก็ทำ แต่ไม่สั่ง ก็นิ่ง แบบลักษณะงานก็ไม่ได้ยุ่งมาก แต่ทำไมกูต้องสั่งทุกอย่างอ่ะ
หลังจากกูว่างงานเกือบปีที่ไทย สมัครที่ไทยไม่ได้สักที่ วันนี้กูได้งานใหม่ที่ต่างประเทศแล้วหว่ะ กูดีใจมาก เงินเดือนไม่เยอะมากแต่งานไม่หนัก สบายกว่าที่ไทย แล้วพอหักรายจ่ายต่างๆแล้วเงินเหลือครึ่งนึงของเงินเดือน เก็บเงินได้สบายๆ //ปล.กูบินมาทำงานแล้วนะถึงได้บอกว่าหักแล้วเหลือเก็บ
>>952 กู 950 นะ ค่าครองชีพหนักทุกประเทศนั่นแหละ และเงินเฟ้อมีทุกที่ แต่กูเป็นคนไม่ค่อยช้อปปิ้งกับเที่ยวอ่ะ อะไรที่จำเป็นก็ใช้ อะไรไม่จำเป็นก็ไม่ใช้ แต่ที่ประเทศที่กูอยู่ค่าเดินทางและค่าอาหารมันถูก(ถูกกว่าไทยสำหรับกู) สวัสดิการแม่งดี ส่วนเรื่องเงินกูไม่ได้ลำบากอะไรแต่แรกอยู่แล้ว ส่วนวีซ่ากูจะยื่นทำบัตรปชช.ชาวต่างชาติละ รอย้ายถิ่นฐาน //ปล.ไม่บอกประเทศอะไรแต่ไม่ใช่เอเชีย 5555
>>955 กู 950 นะ กูไม่ได้อยู่ออสฯ อยู่โซนเมกา ส่วนค่าน้ำไฟมันรวมกับค่าเช่าบ้านรายเดือนแล้ว และสาธารณูปโภคที่นี่ดีกว่าที่ไทยอีก เช่นน้ำก๊อกสะอาดจนแดกได้แบบไม่ต้องกรอง ค่าพยาบาลครอบคลุมแม้แต่ต่างชาติ ค่ารถค่าเดินทางต่างๆราคาถูก ถึงได้บอกว่ากูประหยัดหรือมีเก็บได้เพราะกูคำนวณรายจ่ายทั้งหมดแล้วซึ่งมันโอเคกับรายได้ ไม่ว่าจะค่าบ้าน(รวมน้ำ/ไฟ/แก๊สไว้สำหรับฮีทเตอร์) ค่าเดินทาง ค่ากิน และรายจ่ายอื่นๆ ต่อให้ไฟดับมันก็ไม่ได้ดับทั้งจังหวัด จะดับแค่เขตย่อยเท่านั้น และการจัดการที่นี่ค่อนข้างไว ส่วนหิมะไม่ต้องห่วง เมืองกูไม่มีหิมะแต่แค่หนาวสัสๆ แต่บางจังหวัดหิมะตก(กูอยากไปเที่ยวอยู่) กูบาลานซ์ชีวิตตัวเองมาได้หลายเดือนแล้ว ตอนนี้กูคงตัวแล้วมึง
รู้สึกหมดไฟในการทำงานจังวะ ตอนแรกๆที่เริ่มรู้สึกอะไม่เท่าไรแต่ตอนนี้มันเริ่มส่งผลกับการทำงานแล้ววะกูตรวจงานอะไรหลุดตลอด กูอยากทำให้มันดีนะแต่กูตั้งสมาธิกับงานไม่ได้เลย กูหลุดตลอดแล้วแม่งก็เละ แล้วกูก็ยิ่งเครียด
กุเคยอยู่มา2ประเทศ เรียนภาษาฝึกงาน และอีกที่เรียนโท ทำงานพิเศษไปด้วยทั้งคู่
ส่วนตัวเจอคนที่อยู่เมืองนอกแบบสบายๆ ฐานะจะต้องประมาณว่าบินไปกลับได้สัก2-3ครั้งใน1ปี โดยที่ไม่คิดว่ามันแพง หรือทานข้าวนอกบ้านอาทิตย์ละ3-4มื้อได้สบายๆ
นอกเหนือจากนั้นก็คือ คุมค่าใช้จ่าย ชอปปิ้ง2-3เดือนครั้ง ทานข้าวนอกบ้านอาทิตย์ละ1-2มื้อ ที่เหลือทำกินเอง เที่ยวoneday trip
เงินที่ได้มาจะไปลงกับค่าที่พักค่ากินอยู่จิปาถะ ถ้าไม่เซฟค่าใช้จ่าย พวกนั้นจะกลายเป็นค่าของสุรุ่ยสุร่ายหมด เอาจริงๆไปอยู่ตปท.ทั้งทีมันก็ต้องเที่ยวต้องใช้ชีวิตอะนะ กุก็ทำงานพิเศษเท่าไหร่ก็เก็บตัง เอาไปเที่ยว ซื้อของใช้บ้าง ในระดับไม่กระทบเงินเก็บ แต่ถ้าคนที่จะเก้บเงินได้คือของพวกนี้ต้องตัดเลย ชีวิตจะroutineมากๆ แทบไม่เจอใคร เพราะทำแต่งาน เลิกงานก็กลับบ้าน ส-อ ก็พอเที่ยวเล่นได้ ระยะแบบนั่งรถไฟไม่เกิน3ชม.
ส่วนตอนนี้ตัดภาพกลับมาที่ไทย ใช้ชีวิตแบบอยากกินบุฟก็กิน กินในห้างบ่อยๆ อยากซื้ออะไรก็ซื้อได้ ส-อ ก็ขับรถออกไปเที่ยว ไปพักบ้าง แบบอิสระในการใช้จ่าย และมีเหลือเก็บ อาจจะเพราะไม่ต้องจ่ายค่าเช่าหอส่วนนึง แต่ถ้าวันทำงานอันนี้จะใช้จ่ายวันละไม่เกิน150นะ
ลืมไปอย่างอยู่นอกแล้วรู้สึกพวกเสื้อผ้าราคาไม่แพง อาจจะเพราะค่าอาหารมันแพงประมาณว่า ไม่กินข้าวตามร้าน4-6มื้อ ก็ซื้อรองเท้าระดับทั่วๆไปอย่าง nike adidas หรือพวกเสื้อzara อะไรพวกนี้ได้ละ
>>960 ตอนกูได้ทุนไปเรียนตปท. 1 ปี แค่ไปเดินสวนสาธารณะ อากาศหนาวๆ เจอวิวต่างประเทศที่เราไม่คุ้นเคย มันก็ฟินแล้วไง แต่อยู่เมืองไทยทำแบบนั้นมันไม่ฟิน 555 จะฟินต้องเที่ยวแบบใช้เงิน อยู่โน่นปั่นจักรยานสบายเพราะอากาศดี บ้านเมืองปลอดภัย อยู่ไทยขืนใช้จักรยาน คงได้ตายเพราะอากาศร้อน เพราะโดนรถชน หรือไม่ก็โดนโจรฆ่าข่มขืนตอนปั่นกลับบ้านช่วงกลางคืน ก็เลยต้องซื้อรถยนต์ ฯลฯ
ดังนั้นสำหรับกูตอนอยู่ไทยกูเลยใช้เงินเปลืองกว่าสมัยอยู่ตปท.มากๆ แต่ก็โชคดีนี่แหละที่เคยได้ทุนเต็มไปเรียน โปรไฟล์เลยดูดีหน่อย จบมาได้งานดีๆ เงินเดือนโอเคทำ ไม่งั้นคงเงินเดือนน้อย
>>961 กู958นะ บ้านกูไม่ได้รวยหรือมีฐานะอะไร แต่กูมาต่างประเทศด้วยทุนตัวเองล้วนๆเพราะตอนอยู่ไทยกูก็ทำงานเก็บเงิน ไม่ค่อยช้อปเท่าไหร่ กูมีความสุขมากกว่าเวลาเห็นตัวเองมีเงินในบัญชีเยอะๆ 555555 ถ้าจะพูดคือกูสร้างตัวด้วยตัวเองเลย เพราะพ่อแม่กูไม่ให้ทุนอะไรนอกจากการศึกษาตอนอยู่ไทย บ้านกูสอนว่าอยากได้อะไรให้ทำงานเก็บเงินเอาเองแล้วเลือกทางเดินชีวิตตัวเอง ขอแค่เป็นคนดีก็พอ ทุกอย่างกูเลยขวนขวายด้วยตัวเองหมด 🥹 อย่างมาทำงานที่ต่างประเทศนี่ก็ตัวคนเดียว บินมาคนเดียวและครั้งแรกในชีวิต(ที่มาต่างประเทศ)
เป็นเด็กจบใหม่ มี offer ให้ไปทำงานด้าน customer service ที่ฟิลิปปินส์ เงินเดือน 50k น่าไปป่ะวะ แต่ทำงานเป็นกะ มีกะปกติกับมีกะดึกจนเช้าด้วย มีอีก offer เป็นงาน sales ได้ค่าคอมมิชชั่นนิดหน่อย เงินเดือน 25k ในไทย ใช้ภาษาอิ้งล้วน เอาอันไหนดีวะ อยากได้เงินเยอะๆเพราะจะรีบเก็บมาทำธุรกิจ แต่ก็ไม่อยากเสียสุขภาพ
เพื่อนร่วมงานใส่น้ำหอมฉุนมาก เป็นกลิ่นที่ปวดหัวชิบหาย จะบอกนางยังไงดีวะว่ากูเวียนหัวกับกลิ่นน้ำหอมมึง เอาแบบคุยดีๆอย่างผู้เจริญแล้ว
>>965 ถ้าเป็นกูนะ กูจะแบ่งเป็นสองกรณี ถ้าเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดูจนๆ ใช้น้ำหอมซีซีราคาถูก แบบนี้จบ กูยอมแพ้ เพราะพวกน้ำหอมราคาถูกกลิ่นมันมักจะฉุนปวดหัวทั้งนั้น แถมราคามันถูกเลยประโคมได้เต็มที่ ยกเว้นเป็นเพื่อนร่วมงานที่นิสัยดี สนิทกัน กูจะซื้อน้ำหอมแบรนด์ให้เป็นของขวัญวันเกิดไปเลย
แต่ถ้าเป็นเพื่อนร่วมงานรวยๆ น่าจะใช้น้ำหอมแบรนด์ ไม่ได้ประโคมเยอะ แค่ดันเลือกแบบ sillage แรงมาก กูจะชวนคุยเรื่องน้ำหอมไปเลย จะถามเลยว่าใช้กลิ่นของอะไร แบรนด์อะไร ชอบ note แนวไหน ที่แกใช้อยู่มัน sillage แรงเหมาะสำหรับไปผับนะ ถ้ามาทำงานแล้วชอบ note ประมาณนี้ ใช้อันนี้ดีกว่าแกร พร้อมกับส่งรีวิว youtube ให้ไปเลย
กูเป็นคนนึงที่เคยเลือกน้ำหอมพลาดมาก่อน เพราะสมัยอายุน้อยๆ ชอบ note แนวหนักๆ sillage แรงๆ คิดว่าน้ำหอมกูแพง ดังนั้น projection ต้องแรง performance ต้องดี ชาวบ้านต้องรับรู้ ถึงจะคุ้ม น่าจะเคยสร้างภาระให้คนรอบข้างมาเหมือนกัน 555 (เก๊าผิดไปแล้วเก๊าขอโทษ) แต่เดี๋ยวนี้เปลี่ยนไปแล้วน้า เวลาเลือกจะเลือกแบบที่ note โปร่งๆ projection แคบๆ ดมคนเดียวฟินคนเดียวพอ ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร แต่เวลามีคนเข้ามาประชิดแล้วชมว่าหอม นี่แหละคือความฟินที่แท้จริง ไม่ใช่ให้ชาวบ้านเค้าแซวเอาว่าเดินผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้วกลิ่นยังอยู่
>>967 กูคิดว่าอาจจะเป็นน้ำหอมตลาดนัด ต่อให้เป็นน้ำหอมแบรนด์แต่ประโคมฉีดแบบหนึ่งชั่วโมงกลิ่นก็ยังไม่หายนี่แม่งก็เกินไปอะ เข้าห้องน้ำต่อจากนางทีไรกูปวดหัวเลย กำลังคิดหาวิธีพูดไม่ให้ขุ่นเคืองใจกันอยู่เนี่ย กูกับนางไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นด้วย น้ำหอมแม่งฉุนชิบหายจนปวดหัวเลย
แต่กูคิดว่าจะแจ้งหัวหน้าแทนละกัน ให้ไปหัวหน้าไปคุยนางน่าจะเกรงๆอยู่ ดีกว่ากูออกหน้าเองแล้วจะมองกันไม่ติด
ลืมไปว่ากูก็มีคำถามเองนี่หว่า ทำงานมาได้ปีนึงละ เริ่มไม่ไหวกับคนละจริงๆ เริ่มอยากย้ายงานชิบหายเพราะตอนนี้ในสายงานเริ่มเปิดรับคนเข้าทำงานกันเยอะมากแล้ว ปัญหาคือจะถึกทนต่อไปรอรับโบนัสที่เดิมหรือลาออกดีวะ? แล้วพักร้อนคือยังใช้ไม่หมดด้วยนี่ดิประเด็นสำคัญ 555+ ชั่งน้ำหนักไม่ถูกเลยสัส
ในที่ทำงานกูมีติดกล้องCCTVแทบทุกมุม ใครพูดไรอัดเสียงไว้หมด มีคนทำงานมีปากเสียงกัน ทีนี้หนักข้อเข้า คนแรกไปดักตบคนที่สองนอกที่ทำงานเพราะประเด็นนี้ สุดท้ายHRเรียกไปคุย แต่แจกใบเตือนใส่ทั้งเหยื่อกับคนก่อเหตุ พวกมึงว่าที่ไหนๆก็ทำกันเหรอวะ?
สวัสดี ใครทำงานวันอาทิตย์ขอเสียงหน่อยเร็ว วุ้ววว เย่ ค
ถ้าทำร้าน/โรงงาน เรื่องติดกล้องนี่เรื่องปกติเลย กันเด็กขโมยของ อู้งาน บริษัทงานออฟฟิตที่มีความคาดหวังในตัวมึงสูงปรี๊ดจะติดบ้างก็ไม่แปลก ไหงๆงานนั่งโต๊ะนี่ก็ชอบอู้กันอยู่แล้ว
เรื่องคนจ่ายเงินเดือนคอยจับตามึงทุกฝีก้าว เผลอๆเดี๋ยวแม่งกลายเป็นเทรนสำหรับบริษัทใหญ่ๆในอนาคตด้วยซ้ำ ฝั่งตะวันตกบางที่นอกจากติดกล้องแล้วยังเอา AI มาประวลผล หรือติดพวก keylogger ไปดูด้วยวันๆทำมึงทำอะไรกันบ้าง พิมพ์อะไรเกี่ยวกับงานไหม ใคร productivity ต่ำๆก็โดนคัดออก
>>972 ติดกล้อง+อัดเสียงในออฟฟิซกูว่าไม่ปกติ แต่ทะเลาะกันในที่ทำงานถึงขั้นจะไปดักตบกันก็ไม่ปกติเหมือนกันว่ะ
ไม่รู้ว่าบริษัทมึงต้องทำแบบนี้เพราะมีเคสแบบนี้มาก่อนรึเปล่า หรือทำเพื่อกันคนอู้งานอย่างเดียว
ส่วนถ้าเพิ่งเกิดเป็นเคสแรกก็ซวยไป เพราะหลังจากนี้บริษัทก็สามารถใช้เรื่องพฤติกรรมพนักงานมาเป็นข้ออ้างได้ละ
บริษัทกูติดกล้องเป็นจุดๆ ส่วนมากจะติดแค่ตรงทางเข้าออก หลักๆ คือเอาไว้กันขโมยแหละ ไม่ได้เอาไว้จับผิดพนักงาน แต่ช่วงที่มีข่าวแอมไซยาไนด์ กูอยากให้แม่งติดทั่วออฟฟิศเลยด้วยซ้ำ ยอมโดน monitor เลยเอ๊า เพราะกูกลัวโดนเพื่อนร่วมงาน (มีอยู่คนเดียวแหละทั้งบริษัท ที่เป็นโรคจิต แต่เสือกนั่งใกล้กูไปอี๊กT_T) หยอดยาพิษใส่ในแก้วน้ำตอนกูไม่อยู่โต๊ะไรงี้ 555 กูว่าถ้าเราไม่ได้ทำอะไรผิดก็ไม่น่าจะต้องกลัวกล้องนะ เพราะเวลางานเราต้องทำงานอยู่แล้ว อย่างกรณีแชทในเวลางานมากไป ก็เป็นเหตุให้เลิกจ้างโดยไม่ต้องจ่ายชดเชยยังได้เลย เคยมีฎีกาออกมาอยู่นะ
>>979 กู >>982 นะ อธิบายงี้ก่อนเลย มันมีระบบตรวจสอบแบบที่ >>978 >>975 บอกมาจริงๆ ของกูนายจ้างคนญี่ปุ่นก็เห็นว่าจ้างคนมาดูกล้องเพื่อจับผิดโดยเฉพาะเลยตั้ง10กว่าคนอ่ะ มันmonitorยันที่ว่าทำงานให้ได้ตามwork cultureที่วางไว้ไหม
>>980 มึงว่าไม่ปกติจริงเหรอวะ? มีหลายที่ที่ทำแบบนี้นะ คือกล้องมันมีไมค์บันทึกเสียงได้ในตัวอ่ะ ตามโรงแรมแม่งก็มีกล้องลักษณะนี้เหมือนกัน มึงจำมาเฟียสยามได้ไหมที่มันไปอาละวาดใส่GSAของโรงแรมละเค้ามาเอาเรื่องละ นั่นก็บันทึกเสียงได้ มันไม่ปกติยังไงวะ? กูงง ส่วนทำไมต้องติดกล้องแบบนี้ก็เพราะว่าเค้าจะไล่จับผิดไอพวกที่ทำงานไม่ตรงขั้นตอนของเค้าหรือลัดขั้นตอนเค้านั่นแหละ ซึ่งสิ่งที่กูไม่รู้คือในสามปีที่ บ. กูมาตั้งในไทยเนี่ยมันเคยมีเหตุการณ์หนักสุดแบบลงไม้ลงมือมาก่อนคาที่ทำงานไหม แล้วคาหน้ากล้องนี่จะอะไรยังไงกูไม่รู้ แต่เคสที่กูเจอคือไปดักตบนอกที่ทำงานแทนเว้ย เรื่องของเรื่องคือพฤติกรรมของไอเพื่อนร่วมงานกูคนนึงมันไม่สมควรจริงๆอ่ะ มันจะใส่คนนั้นคนนี้มาหลายรอบละ จะทำต่อหน้ากล้องด้วย กูไม่เข้าใจเหมือนกันนะว่ากล้องก็จับตลอดทำไมถึงกล้าจะทำอีก แต่ที่สงสัยกว่าคือ ทะเลาะกันแล้วคนเป็นเหยื่อเสือกโดนใบเตือนด้วยนี่ถือว่าปกติเหรอวะ? หรือจริงๆHRแม่งดุลพินิจห่วยแตก? อยากหาทำโทษก็ใช้อำนาจมั่วซั่วไปหมด?
เพืาอนโม่ง เด็กจบใหม่ มีงานที่นึงเค้าเสนอเงิน 28k เป็นงานที่กูคิดว่าทำได้ เริ่มงานกลางเดือน อยู่ในขั้นตอนจะตกลงละ แล้วทีนี้มีอีกงานนึงติดต่อมา ซึ่งเค้าอยากได้กูมาก ให้เงินอยู่ประมาณ 40-50k กำลังจะสัมภาษณ์งานกัน ซึ่งเอาจริงๆ เรซูเม่กูเขียนดูดีมาก แต่จริงๆกูก็ไม่เป็นโล้เป็นพาย ทำอะไรไม่เป็น555 ละสายที่สมัครกูจบด้านนี้มาก็จริงแต่ความรู้กูก็แทบไม่มี มีแต่ชื่อมหาลัย
1. กูควรเอาอันไหนดีวะ
2. ละสมมติถ้าตกลงเอางานแรกไว้ก่อน ซึ่งเริ่มกลางเดือน ละงานสองเค้ารับกูเข้าทำงานก่อนวันเริ่มทำงานของวันแรก กูไปยกเลิกงานแรกได้มั้ยวะ
>>984 มึงมั่นใจว่าทำที่สองได้ป่ะล่ะ มั่นใจว่ามีสกิลพอมั้ย เนื้องานเค้าเป็นไง ถ้าคิดว่าไม่ก็ไปเอาที่แรกดีกว่า แต่ถ้ามองว่าถึงสัมไม่ผ่าน หรือสัมผ่านแต่ไม่ผ่านโปรก็ไม่เดือดร้อนก็ไปที่สอง
2. ไม่ควร ถ้ามึงตกลงแล้วไม่ควรไปยกเลิก มันทำให้มึงดูไม่โปรอย่างแรง บางบริษัทนี่มีค่าปรับในสัญญาเลยนะ ตัดสินใจให้เด็ดขาดไปเลยก่อนที่จะไปตกลงอะไรกับใคร
>>986 ไม่เกี่ยวว่าเป็นเด็กจบใหม่หรือเด็กโข่ง to be fair ถ้ามึงมองในมุมบริษัทการที่มึงตอบตกลงเซ็นสัญญาไปแล้วเค้าก็หยุดหาคน หรืออาจจะปฎิเสธ candidate คนอื่นไปเลย บางบริษัทมีการซื้อพวกอุปกรณ์เตรียมไว้ให้พนักงานตามที่พนักงานรีเควสเลยด้วยซ้ำ ไหนจะค่า license และอื่นๆที่เค้าเตรียมรอมึงมาทำงาน แต่อยู่ๆก็มาเทเค้าก็เสียหาย เสียเวลา เสียเงิน งานบางอย่างแพลนไว้ว่าจะมีคนนี้ๆมารับช่วงต่อ อยู่ๆมาเทแพลนก็เจ๊งดิ มึงคิดว่าหาคนที่ใช่ใช้ค่าดำเนินการเท่าไหร่ล่ะ โดนปรับค่าผิดสัญญากุว่าก็เมกเซ้นว่ะ บางที่โดนเทบ่อยจนต้องเขียนระบุในสัญญาเลย คือเอาจริงมันไม่มีใครอยากได้เงินมึงหรอก แต่เค้าไม่อยากให้มึงทำเค้าเสียหาย ค่าปรับมันมีขึ้นมาเพื่อให้มึงคิดให้ดีก่อนเซ็นตะหากว่าถ้ามึงทำคนอื่นเสียหายไม่ใช่ว่าจะลอยตัวไม่ต้องรับผิดชอบอะไรนะ ไม่งั้นก็จะมีคนคิดง่ายๆแบบ >>984 ไงที่ตอบตกลงแล้วจะไปยกเลิกสัญญาตอนจะเริ่มงานเพราะคิดว่าไม่ต้องรับผิดชอบอะไรอ่ะ มันไม่ใช่ว่าบริษัทนั้นไม่ดีแต่เค้าก็ต้องปกป้องตัวเองจากคนเหี้ยอ่ะ
ลองคิดกลับกันถ้าบริษัททำแบบนี้กับมึง รับมึงเข้าทำงานแล้วก่อนวันเริ่มงาน 1 วันบอกไม่เอาแล้วมึงคิดว่าไง การที่มึงตอบตกลงทำสัญญากับที่ไหนไปแล้วแปลว่ามึงต้องปฎิเสธที่อื่นไป มึงก็เสียหายเสียโอกาสนะ บริษัทเองก็เสียหายอย่างเดียวกันน่ะแหละ มันไม่มช่ว่า black listed แล้วมึงจะได้โอกาสกลับมาซะหน่อย
>>987 อันนี้กูว่าต้องตำแหน่งสำคัญแล้วล่ะ ไม่งั้นก็ต้องแบบเฉพาะทางจัดๆ วงการงานแคบ ที่มึงว่ามานี่มันคือแบบไม่ใช่จบใหม่แน่ๆอ่ะ เพราะยังไงไม่มีหรอกว่าพนักงานใหม่จะมารีเควสนั่นนี่ได้ รับคนมาทำงานต้องตัวเลือกเยอะกว่าลูกจ้างป่ะวะ ตลกสัส ส่วนคิดกลับกันของมึงว่านายจ้างเสียหายแม่งไม่เสียเยอะเท่าลูกจ้างอยู่ละ เริ่มงาน1วันแล้วไม่เอามันก็ทำได้นะ ก็คือไม่ผ่านโปรไง จะยากไรวุ่นวายวะ เบื้องบนมองว่าไม่โอเคก็บีบออกไปดิ
>>989 มึงไม่เคยเจอบริษัทที่เค้าทรีตพนักงานดีๆหรอวะ หรือบริษัทต่างชาติอ่ะ กูทำงานสายเทคมา 4 บริษัท 2 ใน 4 ให้พนักงานเลือกคอมแบบระบุรุ่นมาให้เลยด้วยซ้ำแล้วเค้าก็ไปซื้อให้ หรืออย่างน้อยๆเลยก็ให้เลือก os ไม่จำเป็นต้องเป็นเด็กจบใหม่รึเปล่าด้วยเพราะใครๆก็ได้เหมือนกัน ตำแหน่งก็เป็น dev ธรรมดาเนี่ยไม่ใช่ผู้บริหารหรือเฉพาะทางอะไร ตัวเลือกเค้าเยอะแต่เค้าเลือกทีละคนถ้าชอบก็เอาเลย ไม่ชอบก็ปฎิเสธเลย ไม่มีมาดองกั๊กๆ เพราะงั้นการที่บอกจะเอาแต่ไม่เอามันถึงกระทบไง เพราะเค้าจะหยุดหาใหม่ทันทีแล้ววางแผนให้มึงมาสานต่อ อยู่ๆมึงไม่มาเค้าก็หาใหม่ไม่ทันเค้าก็เดือนร้อนมั้ย
แล้วเสียหายคือเสียหาย ใครมากกว่าน้อยกว่าไม่สำคัญ คือมึงจะสื่ออะไร เพราะบริษัทเสียหายน้อยกว่าเลยปล่อยให้มันเสียหายไปดิงั้นหรอ? แล้วอะไรคือตัววัดว่าใครเสียหายมากกว่ากัน candidate เสียมากสุดคือโอกาส แต่บริษัทเสียทั้งเงินทั้งโอกาสนะ
แล้วการผิดสัญญากับไม่ผ่านโปรแม่งคนละเรื่องไม่เกี่ยวกับระยะเวลาเลยสัส มาทำงาน 1 วันมีผู้บริหารอยากบีบออกก็แปลว่ามึงเหี้ยจัดไม่ก็บริษัทแม่งควายอ่ะ กว่าจะได้มาแต่ละคนแม่งสูญทั้งเงินและเวลา ไม่มีหรอกจะมาบีบออกเล่นๆ มันต้องเหี้ยสัสๆจนทำงานร่วมกันต่อไม่ได้เถอะ ขนาดกุเจอคนที่ aggressive จัดๆจนทีมเหวอแดก เค้าก็ยังได้ทำงานจนครบเวลาโปรเลยเหอะ มึงพูดแบบอยากไล่ใครออกก็ได้ ชิลๆ อันนี้เพ้อเจ้อนะ ถ้ามาทำจริงแล้วมันไม่ใช่ก็ออกได้ทันที ไม่เหมือนกับยังไม่ทำงานแต่อยู่ๆก็เปลี่ยนใจนะ
>>990 แบบมึงนี่เค้าเรียกว่า มี ปสก. ละนะ การที่เค้าทรีตมึงดีก็คงรู้ว่ามีของป้ะ อีกอย่างนึงเลยนะ ถ้า บ. มี benefitsดีจัดๆ ไปเบี้ยวเค้าแบบนั้นก็สมควรโดน กูบอกให้นะในฐานะที่มึงคงทำงานบนหอคอยงาช้างหว่ะ คนทั่วๆไปบนฐานพีระมิดเจอเงื่อนไขแบบที่คนทำงานแนวมึงเจอนะ แต่ทรีต พนง.แบบตามกม.แรงงานทั่วๆไป ไม่งั้นเข้าขั้นเหี้ยเลยก็มี กูเลยเอะใจนะว่าเจอเงื่อนไขปรับชาวบ้านเค้าก่อนทำงานนี่คือปกติหรือเปล่า ถ้านโยบายดี สวัสดิการดี อันนี้ไม่มีใครติดใจหรอก
>>992 หอคอยงาช้างอะไรของมึง กุก็แค่ dev กระจ๊อกธรรมดา บริษัทกุเด็กจบใหม่ก็ได้ benefit แบบกุจ่ะ ไม่ได้หมายความว่าถ้ามึงเป็นเด็กจบใหม่ไม่มีสิทธิเลือก มันเลือกได้ทุกคน
และใช่ บริษัทกุทรีตพนักงานทุกคนดี สวัสดิการดี กุถึงได้บอกไงว่าบางบริษัทเขียนเงื่อนไขลงหนังสือสัญญา กุอ่านเม้นมึงแล้วกุไม่เข้าใจว่ามึงติดอะไร เพราะตอนแรกกุเข้าใจว่ามึงจะโจมตีว่าบริษัทที่ปรับคือบริษัทที่ไม่ดี แต่กุก็บอกแล้วว่ามันไม่ใช่กุเลยยังงงว่ามึงกำลังจะสื่ออะไรอยู่ คือกุพยายามจะบอกว่าบริษัทดีๆที่โดนคนเหี้ยเทบ่อยๆเค้าก็เลยป้องกันตัวเองด้วยวิธีนี้เฉยๆ และการกระทำของไอ้ต้นเรื่องมันเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ แต่กุไม่เข้าใจเม้นมึงว่ามึงกำลังจะสื่ออะไรเพราะเราไม่ได้เถียงกันเรื่องบริษัทของไอ้ต้นเรื่องสวัดิการมันดีหรือเปล่า ไม่ใช่หรอ งง
>>993 เออ เข้าใจทีหลังนี่ไงว่ามึงกำลังเอ่ยถึง บ. ที่นายจ้างมันทรีตลูกจ้างดีจริงๆ ถ้าชี้แจงตั้งแต่ตอนสัมภาษณ์ว่าbenefitsที่เหนือชั้นกว่าที่อื่นมีไรบ้างแล้วยื่นข้อเสนอว่าถ้าเทก็เจอปรับนะ มึงไม่ได้บอกแต่แรกเนอะว่าไม่ใช่ บ. ดาดๆ เจ้าของคนจีน/ไทย แถมมันไม่ปกติกับ บ. ที่สวัสดิการธรรมดาๆมาไล่ปรับชาวบ้านเค้าไปทั่วนะ
มึง มีใครเข้าไปรายงานตัวว่างงานไม่ได้บ้างวะ กูลองเปลี่ยนจากทศเป็นคอมก็เข้าไม่ได้
เลือกคอมเลือกosเองนี่ไม่ใช่standardบ.ทั่วๆไปเหรอวะ
ถ้าจะไปล้างจานที่อเมริกาให้ร้านญาติด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว แบบนี้ถือว่าผิดกฏหมายหรือเป้นผีน้อยแบบพวกวีซ่าขาดไม่กลับไทยป่ะ?
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.