Last posted
Total of 1000 posts
บ กูตอนนี่รุ่น early ถึง mid ออกกันเยอะมากเพราะปีนี้ไม่ปรับเงินเดือนกับจ้างคนเพิ่ม รู้ตัวอีกทีรุ่นเดียวกันในทีมเหลือแต่กูซะแล้ว เศร้าชิบหาย
ค่าเดินทางจากหอพักไปที่ทำงานประมาณ 3500 ต่อเดือนนี่ถือว่าเยอะไปมั้ยวะ นั่งรถเมล์ไปต่อ bts จริงๆมันก็มีรถเมล์ผ่านแต่มันต้องขึ้นหลายต่อแล้วกูจะไปสายเอา กูเด็กจบใหม่เงินเดือน 17000 +- นิดหน่อย
>>858 กูไม่ได้จบใหม่ ไร้ปริญญาแต่เงินเดือนน้อยกว่ามึงนิดนึง(ทำOTชดหน่อยๆก็เท่ามึงละ) กูเช่าหอพัก3500รวมค่าไฟก็ราว4000-42xx แบบปั่นจักร-เดินแป๊บๆก็ถึงที่ทำงาน คิดเอาละกันว่าให้ค่าเดินทางยัดลงในปัจจัย4แล้วจะได้อะไรขึ้นมาไหม กูทำแบบนี้ เงินเก็บก็ไม่น่าเกลียดไรมาก ตามนั้น
ขึ้นอยู่กับระยะเวลาเดินทางอะ สำคัญคือเวลา ถ้าสมมุติเดินทาง1-2ชม.เป็นกูเช่าหอพักรวมน้ำไฟอาจจะเสีย4000-5000 ดีกว่า เวลาสำคัญกว่ามาก1-2ชม.นี่มึงเอาไปออกกำลังกายในห้อง ทำงานเสริมหรือนั่งดูกาตูนยังฟินกว่าเหนื่อยเดินทาง
เเต่ก็นะบางคนชอบอยู่บ้านมากกว่า ถ้าไม่ไกลจากบ้านมากกูก็เลือกไปกลับ
ปล.อยู่หอเเล้วยังต้องเสียค่าเดินทางเพิ่มเยอะขนาดนั้นเพิ่มอีกเหรอ เป็นกูหาหอที่อยู่ใกล้ๆเน้นเดินไปได้หรือลดค่าใช้จ่ายเดินทางลงดีกว่า
กุเดินทางชั่วโมงนิดๆ ค่าเดินทางเดือนละ4พัน รถไฟฟ้า3ต่อ ตอนแรกว่าจะอยู่หอใกล้ๆแบบเดินไปได้เดือนละ8พัน แต่คิดไปคิดมา
แม่งไม่ใช่แค่ค่าหอ ค่าน้ำ/ไฟ ค่าอาหาร ค่าซักผ้า ค่าจิปาถะเยอะไปหมด เพราะอยู่บ้านช่วยๆกัน แถมโอนให้ที่บ้านอีก5พันตลอด
เลยยอมเดินทางไปกลับแทน เสียเวลาไป-กลับเกือบ3ชม ส-อ อยากไปไหนก็ใช้รถที่บ้านเอาถ้าไม่มีใครใข้
>>863 มึงหาหอยังไงเจอเดือนละ 8พันวะ? มันอยู่แบบระดับสุขุมวิท ย่านอโศกหรือ ถ.วิทยุแน่ๆเลยหว่ะ .... แถมส่งให้ที่บ้านใช้อีก มึงต้องบริหารเงินให้ดีกว่านี้อ่ะถ้าจะเวย์นี้ต่อไป เรื่องปัจจัย4ต้องดีมากๆ ไม่มีปัญหาซ่อมบ้าน ไม่มีปัญหาสุขภาพเหี้ยไรเลย ถ้าจะเดินทาง+ทำงานแบบนี้ มึงสำรวจละว่าดีก็แล้วไปนะ กับกูคือแพง และกูมีปัญหาตรงที่อยู่บ้านละคนในบ้านเป็นปลิงกับtoxicจัดๆ เลยหนีออกมาละ จัดการปัญหาชีวิตตัวเองได้ละเงินเก็บมีพอตัวเลย
ปรึกษาว่ะ เดือนก.ย.นี้บริษัทกูจะพาไป Outing ข้างนอก แล้วมีการจับฉลากสี แล้วเผอิญกูดันจับได้สีเดียวกับ Director แผนกกู แล้วต้องนั่งรถบัสตามสีที่จับได้ กูยังไม่แน่ใจว่ากูจะได้นั่งรถคู่ใคร คงไม่พ้น Director ว่ะ แล้วกูก็พูดไม่เก่ง แถมเพิ่งมาทำงานที่นี่ได้เดือนกว่าๆ เอง กูควรวางตัวไงดีวะ
ปล. กูโม่งญ. แต่ Director เป็นผู้ชาย
>>865 เป็นกู จะโชว์นิสัยจริงๆ เวลาทำงานก็อีกนิสัยไป กูทำแบบนี้เวลาทำงาน คนพอยอมรับกันได้ เวลาทำงานสุภาพเอาไว้ ไม่ใช้คำพูดทำร้ายใครช่วงทำงาน เถียงบ้างแต่ไม่ยอมทุกอย่าง ส่วนเลิกงานคือออกจากที่ทำงานอะไรไม่โอเคก็ไม่ยอม ว่ามาว่ากลับ ที่ทำงานสายกูแบบเศรษฐกิจดี คนมีเงินมากองๆให้เรื่อยๆนะ เลยกล้าวางตัวแบบนี้ เรียกว่าก็ตรงๆอ่ะ อยู่ที่ทำงานอีกแบบ อยู่นอกที่ทำงานมาIce breakingคืออีกแบบ ตามนี้เลย หรือีกทางถ้าDirectorบ้ากีมึงลองพยายามเช็คดูว่าบ้าไหม เพราะเวลาไต่นี่ง่ายสัส 555+
>>865 เป็นกูกูจะนั่งเงียบๆ สุภาพ เรียบร้อย ถ้าผู้ใหญ่เขาอยากคุยเดี๋ยวเขาชวนคุยเอง แต่กูจะไม่เอาหูฟังยัดหู เพราะเด็กที่เอาหูฟังยัดหูเหมือนชูป้ายประกาศแล้วว่าอย่ามาชวนกูคุย ซึ่งมันดูไม่เป็นมิตรไปหน่อย กับเด็กด้วยกันทำได้ แต่นั่งรถกับผู้ใหญ่ กูว่าไม่ค่อยเหมาะ (คหสต.นะ)
>>865 ถ้าเป็นคนไทยเวลาคุยกับผู้ใหญ่ก็มารยาทพื้นฐานเลย สุภาพ สวัสดีก่อน มือไหว้อะยกไปเหอะ น้ำเสียงก็ต้องอ่อนน้อมนิดนึง และถ้าเป็นระดับสูงกว่ามึง เวลาเรื่องต้องใช้แรงมึงจะต้องไวกว่า เช่นพวก ยกของ ปัดกวาดเช็ดถู พวกนี้มึงใช้ตลอดละพวกนี้ยันมึงกลายเป็นแก่ในบริษัทซะเอง
แต่มึงบอกเป็นรถบัสนี่ไม่ต้องห่วงหรอกมั้ง ไม่ใช่ต้องไปนั่งคู่กันสักหน่อยส่วนใหญ่พวกนี้นะเขาจะมีพวกเลขาคอยเอาใจอยู่แล้ว เข้าไปทักทายก็พอ
กูว่าอย่าเอาหูฟังยัดหูตั้งแต่เริ่มเดินทางก็พอ 5555555 แรกๆ ถ้าเขาชวนคุยก็คุุยตามหน่อย แต่ไงๆ มันไม่น่ามีคนคุยต่อเนื่องอยู่แล้วล่ะ ซักพักอาจจะนอนหรืออะไรก็ได้ ช่วงที่เงียบๆ กันไปก็ค่อยใส่หูฟัง
ทำไมเลขา ต้องเป็นที่ระบายความงี่ ของเจ้านาย ด้วยวะ
ไม่อยากทำงานวันนี้เลย ฟ้าคคคคคคคคค
>>869 พูดถึงเอาหูฟังยัดหู เห็นเด็กสมัยนี้ทำกันเยอะนะเอาหูฟังยัดหูเวลาทำงาน แล้วพอเจ้านายเรียกไม่ได้ยิน เจ้านายเลยต้องเดินไปหาถึงโต๊ะเพื่อสะกิด หรือไม่ก็คนข้างๆ ต้องช่วยสะกิดให้ว่าเจ้านายเรียก เด็กสมัยนี้กล้ากันดีว่ะ ไม่สนโลกดี 555 ไปเตือนก็ไม่ได้ด้วยจะโดนหาว่าเป็นมนุษย์ป้าจ้องจับผิดเด็กอิจฉาเด็กอีก 555 ก็ต้องปล่อยไป ส่วนตัวกูไม่กล้าทำนะ 555 เด็กบางคนดียังหน่อยฟังแค่ข้างเดียว เหลืออีกข้างไว้ให้ได้ยินเสียงนายเรียก เสียงโทรศัพท์เข้า
>>873 สำหรับกูมันต้องดูก่อนว่าคนอื่นทำกันมั้ย แต่กูจะรู้สึกไม่ค่อยกล้าทำถ้าคนอื่นไม่เริ่มทำก่อน
ตอนกูทำงานแรกเกือบๆ 10 ปีที่แล้วเห็นพี่ที่อายุห่างกันไม่มากทำกันเป็นปกติ กูก็เลยทำบ้าง
ถ้าใครใส่หูฟังแล้วคนเรียกไม่ได้ยินก็แค่โดนแซวขำๆ ไม่มีใครมองว่าเป็นเรื่องเสียมารยาทอะไร
แต่งานที่ทำทุกวันนี้เข้าไปเป็นหัวหน้า แต่กูเห็นคนอื่นไม่มีใครเค้าใส่กันเลย กูก็เลยไม่กล้าใส่
แต่เรื่องเด็กกล้าทำนี่เคยได้ยินคนทีมอื่นบ่นว่าไปกินข้าวด้วยกัน เด็กบางคนกินเสร็จแล้วเบื่อๆเอาหูฟังแบบครอบหูขึ้นมาใส่บนโต๊ะกินข้าว
แล้วก็เล่นมือถือแบบไม่สนใจคนอื่น กูว่าไอ้แบบนี้มันก็ฮาร์ดคอร์ไปนิดนึง กูว่าถ้าจะทำแบบนี้อย่าไปกินข้าวกับเค้าแต่แรกดีกว่า
>>874 กูว่ารุ่นเดียวกันเพื่อนร่วมงานกันเรียกไม่ได้ยินมันก็ขำๆ ได้นะ แต่เจ้านายเรียกไม่ได้ยิน จนต้องให้เจ้านายเป็นฝ่ายลุกมาหาถึงโต๊ะ โทรศัพท์ดังก็ไม่ได้ยินจนโต๊ะอื่นต้องดึงสายให้ แต่ก็ไม่แคร์ ยังทำตัวเหมือนเดิม ก็กล้าดี อย่างที่บอกเด็กสมัยนี้แม่งกล้าดี ไม่สนโลกดี พอเจ้านายตำหนิก็หาว่าแก่โบราณ มนุษย์ลุง มนุษย์ป้า พอประเมินออกมาไม่ค่อยดีก็โทษบริษัท โทษเจ้านาย ไม่ได้มองพฤติกรรมตัวเองเลย
>>875 เจ้านายไม่ได้ตะโกนเลย เรียกธรรมดานี่แหละ แต่เด็กใส่หูฟังมันไม่ได้ยินไง
>>876 แต่กูก็คงมนุษย์ลุงจริงๆ แหละ เพราะถ้าคิดแบบเด็กเจนนี้ ใครอยากคุยด้วยก็คงต้องเป็นฝ่ายลุกไปหาเอง ไม่สนใจเรื่องเจ้านายลูกน้องอาวุสงอาวุโสอะไรกันแล้ว โบร๊าณโบราณ ในเมื่อเจ้านายมีธุระจะคุยกับเด็ก ก็ต้องเป็นฝ่ายลุกไปหาเด็กถึงที่ เด็กจะนั่งใส่หูฟังชิลล์ในที่ทำงานไม่รับรู้สรรพสิ่งใดๆ รอบตัวก็เป็นสิทธิ์ของเด็ก
>>877 อย่าเพิ่งเหมารวมเด็กไป บางทีเด็กมันเพิ่งเข้าสังคมบอสัดครั้งแรก ไม่ก็ที่เก่าวัฒนธรรมเป็นแบบนั้น อย่าเพิ่งรีบตั้งแงใช้ไม้อ่อนเข้าสู้ก่อน บอกมันดีๆยกเหตุผลประกอบ หรือไม่ก็หาจุดวินวิน ถ้าเด็กมันดื้อถึงค่อยกาหัว ว่าก็ว่ากูเคยเป็นเด็ก yes man มาก่อน ไม่เคยดื้อ เค้าเตือนเค้าสอนไรมากูทำตามหมด ลงเอยด้วยคำว่าไม่มีหัวคิดนายว่าไงว่าตามได้ครับผมเหมาะสมครับนาย หาว่ากูเลียนายไปนู่น เหอะๆ
>>876-877 คงเป็นเรื่องวัฒนธรรมจริงๆ กูเคยเจอแต่เหมือน >>875 คือถ้าอยากคุยกับใครก็ลุกไปหาเค้าเอง อาวุโสหรือตำแหน่งไม่เกี่ยว
ยกเว้นตำแหน่งใหญ่ๆหน่อย เช่นผู้บริหารพวกนี้จะมีโซนหรือห้องของตัวเองไปเลย
ถ้าเค้าอยากคุยกับใครก็ทักหาโปรแกรมแชทบริษัทเรียกไปคุยเอา หรือยุคหลังๆถ้าคุยเรื่องไม่ความลับอะไรก็ call หากันเอา
สอนเริ่มดูหุ้นเล่นหุ้นบน pc หน่อย เขาใช้เว็บไหนโปรแกรมไหนกัน
>>877 ไม่ได้ตั้งใจจะว่ามึงมนุษย์ลุงหรืออะไร ที่ต้องการจะสื่ออยู่ที่ประโยคแรกน่ะ ว่ามันแล้วแต่ที่ทำงาน แต่ละที่ก็มีพวกวิธีการทำงานหรือข้อตกลงที่ไม่เหมือนกัน ยกตัวอย่างก็อย่างการ call คุยกัน บางที่บังคับเปิดกล้องในขณะที่บางที่ก็ไม่ได้บังคับ
คือถ้ามีข้อตกลงหรือข้อห้ามร่วมกันแบบนี้แต่ยังฝืนทำก็เป็นสิ่งนึงที่แสดงให้เห็นว่าคนๆนั้นอาจจะไม่เข้ากับวัฒนธรรมองค์กรนั้นๆ ก็ บอกกล่าว>ตักเตือน>ประเมิน กันไปตามเรื่อง เพราะกูเข้าใจว่าหลายๆที่พวกหัวข้อประเมินมันก็จะมีเรื่องการเข้ากันได้กับที่ทำงานอยู่ด้วย
ออฟฟิศกูเพิ่งย้ายเข้าไปในซอยลึก ตอนเลิกงานกูเลยติดรถพี่ที่ทำงานออกมาปากซอยทุกวันเป็นเดือนแล้ว จะเดินเองมันก็ไกลกับเปลี่ยว กูจะเสนอจ่ายค่าน้ำมันช่วยเขาก็ไม่เอา เขาบอกยังไงเขาก็ต้องขับรถออกมาปากซอยอยู่ละ กูแค่นั่งไปด้วยแป๊บเดียวห้านาที แต่กูก็ยังไม่สบายใจอยู่ดีว่ะ ควรตอบแทนเขายังไงดี หรือยัดๆเงินใส่มือเขาไปจะได้ไม่รู้สึกผิด
มันเป็นการช่วยเหลือเล็กๆน้อยๆฝั่งรับก็เกรงใจเหมือนกัน มึงก็นะคิดไปได้จะเอาเงินยัดมือ
ถ้าเขาไม่รับก็ไม่จำเป็นต้องตอบแทนเป็นเงิน ให้ซื้อของมาฝาก เลี้ยงน้ำ เลี้ยงขนมตามโอกาสให้พองามก็พอ
ดีที่ไม่เจอคนแบบกูเสนอจะจ่ายค่าน้ำมันให้นี่กูให้เติมเต็มถังเลย
ถ้ากูยืนยันจะไม่เอาเงิน แล้วยัดให้กู กูโกรธอะ ซื้อน้ำซื้อไรฝากเค้าไปละกัน
เห็นข่าวคุณพรี่กบแล้วร้อง อ.ห. เลย ที่ทำงานใครเป็นแบบนั้นบ้างวะ เลือดเย็นดีแท้ แม่แท้ๆ นะนั่น ย้อนกลับมามองบริษัทกู ญาติของพี่สาวของป้าข้างบ้านของแม่ยายสะดุดยอดหญ้าหกล้มนิ้วก้อยซ้น แม่งยังลางานแบบกะทันหันได้เลยมั้ง ถถถ ใจดีจนบางทีกูก็คิดว่าใจดีเกิ๊น
ตอนนี้รถ dmax แม่งแมสเลยว่ะ ขับไปเจอที่ไหนก็ต้องเหลียว
ถ้าอยู่ตรงยอดพีระมิดของสายอาชีพตัวเอง จะทำอาชีพอะไรก็หางานใหม่ง่ายทั้งนั้นแหละ
>>895 แล้วแต่มึง คนเราเชื่อจากประสบการณ์ตัวเอง กูผู้ชีวิตนี้ไม่เคยมีคอนเนคชั่นห่าเหวอะไรทั้งนั้น ตลอดชีวิตที่ผ่านมาก็สมัครงานแบบหาเองยื่น resume เข้าไปเองแบบไม่รู้จักใครใดๆ ทั้งสิ้น ก็ได้งานดีๆ บริษัทโกลบอลดีๆ ตลอด ดังนั้นกูจึงไม่เชื่อว่าคนเราไม่มีคอนเนคชั่นแล้วมันจะหางานดีๆ ไม่ได้
แต่คนที่ได้งานเพราะมีคอนเนคชั่น อันนี้กูเชื่อ และคิดว่าไม่แปลก แต่ถึงกับชีวิตได้ดีไม่ได้เลยเพราะไม่มีคอนเนคชั่น อันนี้กูไม่เชื่ออย่างที่สุด
>>893 กูว่าส่วนนึงที่เมกามีปัญหาคงเพราะปัญหาบริษัท IT ใหญ่ๆเมกามันจ้างคนมากไปเลยปรับลด
เดี๋ยวพอมันเข้าที่เข้าทางก็จ้างเพิ่ม แล้วก็กลับมาปลดคนวนลูปไปเรื่อยๆ
อีกอย่างเงินเดือนคนสายนี้มันเฟ้อเกินไปด้วยมั้ง เคยมีคนเอามาเทียบเงินเดือนคนทำงาน IT เมกาเยอะกว่าประเทศโลกที่ 1 อื่นๆไปพอตัว
ส่วนในไทยถามว่ามันเพราะค่าแรงไม่แพงมั้ยก็ใช่ แต่มันก็ถือว่าไม่แย่เทียบกับค่าครองชีพและเงินเดือนคนอาชีพอื่นๆในประเทศ
แต่เอาจริงๆกูก็ไม่ใช่พวกใจถึงขนาดนั้น ส่วนมากกว่าจะคิดหางานใหม่ก็คือต้องถึงจุดที่แม่งรู้สึกว่าอยู่ไม่ได้จริงๆก่อนทุกที
สาย IT ยังหางานง่ายอยู่ โดยเฉพาะช่วงนี้ เพราะเทรน AI กำลังมา คนเลยไม่ค่อยพอกัน
>>896 กูไม่รู้ว่ามึงสายงานอะไรนะ แต่สายงานหลายๆที่มีอีกเยอะที่ถ้ามึงขาดคอนเนคชั่นละมึงไม่เอาเลยจริงๆ ต่อให้ครบเครื่อง ไปอยู่ผิดที่ผิดเวลา เส้นสายไม่ใช่ มันจะแกล้งให้มึงอยู่ไม่รอด แสดงว่าตอนนี้มึงอยู่ในจุดที่แบบหาคนแทนที่ได้น้อยรายมากกว่า หรือจริงๆมีคอนเนคชั่นดีๆรอบตัวมึงแล้วโดยที่มึงไม่รู้ตัว การที่มึงไต่ถึงยอดพีระมิดได้ทุกวันนี้มึงคงไม่ได้รับรู้ว่ามีสิ่งเหล่านี้ อาจจะจากของเพื่อนมึงหรือของใครคอยช่วยมึงไว้อยู่ก็ได้
>>900 กูไม่มีเพื่อนในสายงาน ไม่มีใครทั้งนั้น พ่อแม่ก็ตาสีตาสาชาวบ้าน มึงก็นะ พยายามจะยัดเยียดคอนเนคชั่นให้กูให้ได้ เฮ้อออออ ก็บอกแล้วไงว่าคนที่ได้งานดีๆ เพราะมีคอนเน็คชั่นอะมี กูเชื่อ กูรู้ แต่มันไม่ใช่ว่าทุกที่จะเอาแต่คอนเน็คชั่นอย่างเดียว ทั้งบริษัทมีแต่คนมาจากเส้นสายล้วนๆ ไม่มีคอนเน็คชั่นก็หางานดีๆ ได้ ถ้าโปรไฟล์ดี ประวัติสวย ตอนสัมภาษณ์ทำได้ดี ทำข้อสอบเข้าได้ดี ขนาดหน่วยงานราชการยังมีปะปนทั้งคนที่เข้ามาด้วยเส้นสายกับคนที่เข้ามาด้วยความสามารถจริงๆ เลย เพราะกูก็เคยสอบราชการติดโดยไม่มีเส้นเช่นกัน แต่สุดท้ายกูไม่เอา เพราะคำนวณแล้วว่าอยู่ไม่ไหวจริงๆ บ้านกูจน รอสบายตอนแก่ไม่ไหว ต้องการเงินเยอะตอนนี้เลย กูถึงบอกว่าคนเรามันเชื่อจากประสบการณ์ตัวเองนี่แหละ เพราะกูไม่มีเส้นใดๆ ไม่รู้จักใครเลย แต่กูเคยได้รับโอกาสดีๆ มากมายจากการหาค้นคว้าหาข้อมูลเอง เข้าไปสมัครเอง สอบเองทุกอย่าง กูถึงรู้ว่ามันมีจริง แต่สัดส่วนเท่าไหร่เป็นอีกเรื่อง
มึงพูดจาได้ดูถูกความสามารถกูมากๆ เลยนะนั่น 555 หาว่ามีคนแอบคอยช่วยกูอยู่โดยกูไม่รู้ โถ นึกว่าซีรีส์เกาหลี พระเอกสัสๆ ชายนิรนามที่แอบช่วยกูอยู่โดยที่กูไม่รู้จักมันด้วยซ้ำ 555
>>904 สายงานหมอ สายงานทหาร มึงไปคุ้ยดูเอานะว่าใช้เส้นเบอร์ไหน ฝีมือดีจริงแต่เส้นไม่มีมันโตยากมาก เข้ามานอกระบบ เริ่มผิดจุดผิดสถาบันนี่ก็ไต่ไม่ได้ละ มึงเคย career switchมาแบบงูๆปลาๆป่ะวะทำไมถึงไม่รู้ว่าแต่ละสายงานที่ผ่านมานี่จะไต่ไปถึงยอดพีระมิดมันต้องพึ่งพาใครบ้าง ต้องเข้าถึงเครือข่ายไหน ถ้ามึงเคยไต่ไปถึงยอดพีระมิดทุกสายงานที่มึงเคยทำมาเพื่อขิงกูละก็นะ เอาเถอะ เทพจ้า เก่งสัสๆ elite จนมาบอกคนอื่นได้ว่าซั่น555
กูโม่ง first jobber ที่มีพี่ที่ทำงานชอบแซะกู อยากออกจากงานสัสๆทั้ๆที่พึ่งทำไม่ถึง 2 เดือนเพราะหลายอน่างรวมกัน
ล่าสุดกูก็กินข้าวกะเพื่อนลงไอจีสตอรีกัน ก็ลงเรื่อยๆ กูก็ไปกินกับเพื่อนๆวีคละสองสามครั้งอะนะ เค้าก็แซะกูทั้งต่อหน้าและในแชทว่าไปกินข้าวแต่ละร้านเหมือนเงินเดือนหลายแสน ทั้งๆที่
1. เงินกู ไม่ใช่เงินเค้า
2. อาหารที่กูแดกไม่ได้แพงเลย มากสุดก็ตกหัวละ500บาท
ละกูก็ต้องทำเป็นขำ ละบอกว่ากูไม่มีภาระ อยู่กะพ่อแม่ ออกแค่ค่าข้าวเลยมีเงินเหลือกินเล่นกะเพื่อนได้เยอะ ซึ่งก็คือความจริงอะ55555 รถกูก็ไม่ขับ บ้านกูก็ไม่ต่องผ่อน น้ำไฟกูก็ไม่ออก แต่พอกูบอกเค้าไปกลับโดนสอนต่อ (ทุกคนในบริษัทห่างกะกูประมาณ7-15ปี) ว่าแบบแล้วถ้าพ่อแม่ตายกูจะอยู่ยังไง กูคืองงมากทำไมต้องมาแช่งพ่อแม่กู ละกูบ้านมีฐานะอยู่แล้ว ที่บ้านมีธุรกิจถึงพ่อแม่กูตายกูก็อยู่แบบสบายๆต่อไป กูเลยไม่เข้าใจว่าที่ทำงานจะมายุ่งอะไรกับพ่อแม่กู ชอบมาถามว่าพ่อกูตำแหน่งอะไร ทำไมมีเวลาว่างมารับส่งกู คือมันแอบเป็นเรื่องส่วนตัวมากอะ
คร่าวๆเลยที่กูอยากออก เพราะกูไม่ชอบการที่เค้าไม่มีเส้นแบ่งระหว่างเพื่อนกับเพื่อนร่วมงาน พฤติกรรมอื่นๆก็มีโยนงานแนวadminของทั้งแผนกมาให้กูทำคนเดียว และชอบพูดเล่นกะกูแรงๆ แนวจบงานนี้เดี๋ยวก็โดนหัวหน้าไล่ออกแล้ว/ ไม่ผ่านโปรแน่/ ไปกินเลี้ยงกันรอบนี้ก็เลี้ยงส่งกูไง กินเต็มที่เลยนะ กูรู้ว่าพูดเล่น แต่ไม่เข้าใจว่าพูดทำไม กูไม่ขำเลยซักนิดอะ
แล้วเอาจริงงาน admin กูทำได้นะ แต่กูจบมหาลัยดัง คณะดัง เกียรติ1 ทำงานเบ็ดเตล็ดนอก jd คือทำได้ แต่อยู่มาจะสองเดือน ให้กูทำแต่งานแบบนี้ แล้วไหนdevelopmentในตัวกูอะ ไหนเนื้องานที่กูควรได้เรียนรู้อะ อยู่ไปก็ไม่โต อันนี้ matter กูที่สุดเลย กูลดตัวลงมาทำงานในบริษัท in-house ก็เพื่อwork-life balance และลดความเครียดตัวเองลง ไม่ใช่มาทำงานแอดมิน ไม่งั้นกูจะเรียนมาตั้งเยอะเพื่อไรวะ ถ้ากูรู้ว่าเป็นงี้ กูกลับไปทำบริษัทที่กูฝึกงานมาที่ competitive จ๋าๆในการทำงานดีกว่าไหมวะ5555
>>908 กูแนะนำมึงอย่างนะ ทีหลังอย่าให้ social กับคนที่มึงทำงานด้วย เพื่อน/รุ่นพี่ ที่ทำงาน ไม่ใช่เพื่อนมึง วันดีคืนดีมึงอาจจะโดนแทงหลังได้
แล้ว sns ก็อย่าตั้งให้คนทั่วไปเห็น แค่เพื่อนมึงเห็นพอ
สมมุติมึงพลาดบ่นอะไรที่ทำงานปุ๊ป แม่งแคปส่งนายหาเรื่องมึงไล่มึงออกได้นะ ตัวอย่างมีให้เห็นเยอะแยะ
และถ้าเค้าดึงดันจะขอ account ให้ได้มึงไปสร้าง account ใหม่ส่งให้แทน
>>908 เอาข้อมูลแค่เท่าที่มึงเล่านะ ทั้งเรื่องไม่มีเส้นแบ่งระหว่างเพื่อนกับเพื่อนร่วมงาน
พฤติกรรมเหี้ยๆของพี่ที่ทำงานทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องงาน แถมเนื้องานที่ทำแล้วรู้สึกไม่ได้เรียนรู้อะไรอีก
คือฟังแล้วมันไม่น่าอยู่เลยว่ะ อยากแนะนำว่าออกน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า แต่ก็ต้องเอาปัจจัยอื่นๆที่มึงอาจจะไม่ได้เล่ามาคิดด้วยอ่ะนะ
เพิ่งเริ่มงานแรกถ้าไม่ได้รังเกียจสายที่ตัวเองเรียนมากูว่าก็น่าจะลองทำงานตรงตามสายที่เรียนก่อนดีกว่า ไม่ชอบค่อยว่ากัน
ส่วนเรื่อง work-life balance นี่แนะนำยาก เพราะถ้า บ. ใหญ่ๆมันขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมทีมมากกว่าตัวบริษัท
แต่กูคิดว่าสำหรับสมัยนี้ถามไปตรงๆเลยตอนสัมภาษณ์งานก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไร
ไอ้เรื่องแดกอะไรแพงๆแล้วโดนแซะนี่กูโดนเพื่อนมหาลัยแซะเยอะมากจนรำคาญ ทั้งที่ของที่กูกินมันก็ไม่ได้แพงเวอร์อะไร
แถมไอ้คนที่ชอบมาแซะกูบางคนก็ไม่ได้กินของราคาถูกเลยนะ เสียดายว่าเพื่อนหลายๆคนมาทำสันดานแบบนี้ตอนเรียนจบแล้ว
นึกย้อนกลับไปตอนเรียนพวกมันมีปัญหาอะไรกูก็อุตส่าห์ช่วยฟรีๆตั้งเยอะ รู้งี้ไม่น่าช่วยแม่งเลย
>>908 กฎข้อแรกเลยคืออย่าให้แอคเคาท์โซเชียลกับเพื่อนร่วมงาน มันมาส่องแล้วแคปมึงไปฟ้องเจ้านายแทงหลังมึงได้ง่ายๆเลยนะ กูแนะให้ลาออกแล้วหาที่ใหม่ ไม่ต้องพูดเรื่องเฟซหรืออะไรกับที่ใหม่ กูทำงานมา 11 ปี ยังไม่เคยบอกเฟซบอก ig กับใครเลย ig กูก็ตั้งไพรเวทแชร์กับเพื่อนอย่างเดียวไม่รับคนนอก เพื่อนร่วมงานคือเพื่อนร่วมงาน สนิทได้แต่ต้องขีดเส้น ไอ้เรื่องมาถามพ่อตำแหน่งอะไรทำไมว่าง อันนี้คนมีมารยาทเขาไม่ถามกัน มันเหมือนพวกอิจฉาเลยจ้องหาเรื่องมึงอะ กูว่ามึงรีบๆหางานใหม่เหอะจะได้ไม่ต้องทนเพื่อนร่วมงานประสาทแดกแบบนี้
>>907 คือมึงจะบอกว่าถ้ากูเป็นหมอสมองฝีมือฉกาจ รักษาเคสผ่าตัดยากๆสำเร็จมาแล้วหลายพันเคส เป็นตัวท๊อปของสายการแพทย์ฝั่งประสาทวิทยา แต่ถ้ากุไม่มีคอนเนคชั่นกับผู้บริหารรพ. อื่นๆเลย กุจะไม่สามารถเปลี่ยนงานจากรพ.a ไปรพ.b ได้ ว่างั้น? มึงเวอร์ป๊ะ ถ้ามึงเป็นตัวท๊อปของสายงานนั้นจริงๆมีหรอที่คนรพ. อื่นจะไม่มีใครมาทาบทามมึงเลย ไม่สนใจมึงเลย ไม่รู้จัก ไม่เคยเห็นงานวิจัยของมึง แต่เลือกไปเอาคนรู้จักที่ความสามารถด้อยกว่ามึงมาแทนแล้วทำให้ตัวท๊อปอดตาย หรือถึงขนาดมึงเอาโปรไฟล์หรูๆไปสมัครก็ยังไม่แลเพราะมึงไม่รู้จักคนใน??? หรือมึงมองว่าถ้าเป็นหมอมีชื่อเสียงแล้วจนผู้บริหารอีกรพ.รู้จักนี่คือคอนเนคชั่น???
โนโน กุว่าไม่ใช่ละ กุเห็นมีแต่ถูกแย่งตัวกัน เพราะขนาดกุไม่ใช่ตัวท๊อป กุยังถูกทาบทามแบบลาออกปุ๊บได้งานใหม่ทันทีอ่ะ คือถ้ามึงคือตัวท๊อป ครบเครื่องจัดๆแต่โดนรีเจคเพราะไม่รู้จักคนใน รพ.นั้นคงรอวันเจ๊งอ่ะ ไอสัส กุคิดว่าเคสคิดไปเองว่าตัวเองครบเครื่องแต่จริงๆมาตรฐานไม่ถึงยังดูน่าเป็นไปได้กว่า
>>914 แสดงว่ายังไม่เคยเห็นเคสที่ถูกปฏิเสธงานด้วยเหตุผลว่า overqualified .....เด็กทุนErasmus เคยเจอมาแล้ว
https://twitter.com/stupefy_Malfoy/status/1644860562067578890
>>915 overqualified คือมึงศักยภาพสูงกว่าที่เค้าต้องการไม่ใช่หรอวะ เหมือนเปิดรับตำแหน่งยามแล้วมีป.โท ประสบการณ์ CEO มาสมัครเป็นยาม เงินเดือน 8,000 อ่ะ คนละเรื่องกับคนเก่งหางานไม่ได้ถ้าไม่มีเส้นป่ะ คือมึงศักยภาพสูงเกินกว่างานที่เค้าจะให้มึงทำอ่ะ ต่อให้มีเส้นก็คือไม่ได้อยู่ดีป่ะ คือมึงไม่เก็ตจริงๆ หรือแค่อยากเอาชนะไอโม่งที่มันบอกว่ามันพยายามมาได้ด้วยตัวเองโดยไม่ใช่เส้นอ่ะ
>>909 >>910 >>912 กูไม่เคยให้ไอจีเลย อีพี่คนที่ขี้แซะกูมันหาไอจีกูจนเจอละมาฟอลเอง แอดเฟซกูมาด้วย คือกูไม่ได้ตั้งไพรเวทไอจีแหละ เพราะก่อนหน้านี้เคยฝึกงานสองที่ก็ไม่เคยเจอคนที่จู่ๆมานั่งหาไอจีกูจนเจอแล้วฟอลมาเองอะ ตอนนี้รู้สึกแย่ละที่ไม่ตั้งไพรเวท55555 กูรู้สึกเหมือนโดนส่องไอจีตลอดเวลา mute ไอจีสตอรี่เค้าก็ไม่ได้ เพราะเค้าจะรู้เลยถ้าเข้ามาส่องโปรไฟล์กูแล้วไฮไลท์สตอรี่หายหมด
>>911 ขอบคุณมาก เอาจริงที่กูยังลังเลเพราะwfhวีคละสองวันกูแทบจะนอนเฉยๆ และเงินเดือนมันก็ค่อนข้างเยอะมากถ้าเทียบกับเนื้องานและคนรุ่นเดียวกัน อันนี้ตอนสัมกูก็แจ้งเค้าชัดมากว่ากูอยากได้ work life balanceนะ55555 กูก็งงว่าทำไมออกมาอีหรอบนี้
>>916 ละมึงไม่เคยคิดสินะว่าต่อให้มึงฝีมือระดับพระกาฬแต่คนแบบมึงไม่ได้มีgenetic connection มึงมันไม่ใช่เด็กของคนตำแหน่งใหญ่ๆในที่ทำงาน มึงคือคนต่างชาติ มันก็ยัดหาเหตุผลให้มึงถูกrejectได้นะ ที่มึงบอกใน >>914 ต่อให้ฝีมือดี ริมน้ำอาจไม่รับมึงเหมือนกันนะ ไม่คิดเหรอว่ามีเด็กในนั้นที่ทุกอย่างอ่อนกว่ามึงละต้องมารับตำแหน่งตรงนี้เหมือนกัน มึงไม่ได้ต้องแข่งแค่ฝีมือ มึงต้องแข่งกับเด็กโปรดในสถาบันด้วย เวลาถูกrejectทั้งๆที่ฝีมือโหดขนาดนี้ profileดีชิบหายก็เพราะoverqualified เค้ายัดให้มึงได้ ไม่ต้องตรงนิยามหรอก เอาตัวอย่างง่ายๆหน่อยก็เช่น มึงเก่งมาก จบเยอรมันมาเฉพาะทางด้านก่อสร้าง มีผลงานฝึกงานมาร่วมกับคนเก่งๆตรงนั้น มาสมัครเข้าSCGมึงก็เจอrejectได้นะเพราะมึงมันไม่ใช่ไง SCGต้องจบจากมหาลัยแถวสามย่านเท่านั้น เลือดข้นคนจางมันมีจริง แค่มึงยังไม่เจอมากับตัวนะ
สู้คนหน่อย ตอบพี่เค้าไปว่าอย่าเสือก
>>919 เอิ่ม กุว่ามึงหลอน จริงๆต้นเรื่องมันพูดถึงคนเก่งมีทางเลือกไม่ต้องกลัวตกงานป่ะวะ ถ้าอยู่ยอดพีระมิดยังไงก็หางานได้ แล้วคือมึงมาบอกว่า ไม่จริง ต่อให้เก่งแต่ไม่มีเส้นก็หางานไม่ได้ในบางสาย ซึ่งมึงเหมาว่าบางสายไม่เส้นคือไม่เอาเลย แต่ที่มึงยกตัวอย่างมันไม่ใช่บางสายไง มันแค่บางที่ ที่คอนเซอเวทีฟจ๋าๆเท่านั้น เหมือนมึงบอกว่าบริษัทสายเทครับคนที่เส้นเท่านั้น แล้วยกตัวอย่างบางบริษัทที่เป็นงั้นมาเหมาว่าทั้งสายเป็นงั้นอ่ะ แล้วก็เสือกไปบลัฟว่าที่ต้นเรื่องมันหางานได้เพราะมันมีเส้นแต่มันไม่รู้ตัวอีก
คือคนอื่นก็ไม่ได้เถียงนะว่าการมีเส้นช่วยให้ได้งานจริง แต่มันเถียงที่มึงบอกว่าถ้าไม่มีเส้นครบเครื่องแค่ไหนก็จะหางานไม่ได้ถ้าไม่เส้นซึ่งแม่งไม่จริงไง ในเมื่อมันมีคนที่ใช้แค่ความสามารถมายืนยันแต่มึงก็จะเอาแต่พูดว่าไม่จริง ต้องมีเส้นเท่านั้นถึงจะได้งานเพราะบริษัทบางที่ ที่มึงเจอมามันใช้เส้น บลัฟเรื่อง career switch ก็แตก เลยมาบลัฟเรื่อง overqualified ก็แตกอีก มึงทำอย่างกับคนอื่นแม่งโง่ประสบการณ์น้อยงั้นแหละ ในโม่งมีแค่มึงคนเดียวมั้งที่มีงานทำอ่ะ แหม่
แล้วเอาจริงๆนะ ที่บอกบริษัทบางที่รับคนจบเฉพาะมหาลัยนู้นนี่เท่านั้นน่ะมันใช่ แต่ไม่ได้หมายความว่านี่คือการใช้เส้น ไอสัส การใช้เส้นคือมึงรู้จักคนใน แล้วเค้าเอามึงเข้าทำงานได้เลยโดยไม่ต้องไปแข่งขัน นี่คือการใช้เส้น ถ้าแค่จบมหาลัยที่เค้าระบุแม่งไม่ได้เรียกว่าใช้เส้น สัส มันแค่จะเอาเด็กมหาลัย top เฉยๆ มั้ย หรืออย่างสายแพทย์ รพ.อยากได้เด็กที่มหาลัยปั้นมากับมือเองมันก็ได้ป่ะ แนวคิดมึงแม่งโครต underrate พวกเด็กมหาลัย top เลยสัส ถ้าเอาตามมึงว่าทุกคนแม่งใช้เส้นหมดอ่ะ กุบอกเลย
My English is broken af but I’m the one in the company who can speaks English So I have to deal with foreign costumer all alone… want to kill my self
>>922 like I’m struggling with the difference of working culture and language
Yea I can talk shit with ppl as a fren but as a service man and customer I don’t know which kind of word should I use
And I know what I’m autistic shit I have been struggling with social norm for years
It takes years for learning all that shit like how to speak how to behave shit and then I have to do this shit again in different Cultures like fuck I’m so done
Dude I’ve been raised by non-speaking English family and neighborhood… like some of y’all might don’t understand how is it hard for me to learn English bro
Imma quit this company fr
sir, this is Wendy.
Just do it
ไอเห้ นั่งทำทั้งวันได้สไล้เดียวมีอยู่จริง ยากชิบหายย เว๊นนนนน
กูเพิ่งลางานไปเดินป่ามา ถ้ากูไม่มีของฝากนิดๆหน่อยๆติดมือมันดูน่าเกลียดปะ เพราะกูไม่ได้ซื้อ
กูคิดว่ากูไปเดินป่าไม่ได้ไปเที่ยวชิวๆ เลยไม่ซื้อ
เพื่อนโม่ง เด็กจบใหม่ ม.ดัง เกรด 2.8 TOEIC 900+ ได้ 3 ภาษา ได้เงินบริษัท Start up ดังในกรุงเทพ 17k น้อยไปป่ะหรือโอเคแล้ว ตอนแรกเรียกเงิน 20k อ่ะ ถือว่าน้อยไปหรือพอดี มือใหม่มาก แนะนำหน่อย ทำงาน Business Development ละเงินเท่านี้ใช้จ่ายในกรุงเทพได้ป่ะ จะเช่าหอประมาณ 6000 รวมน้ำไฟ บริษัทอยู่กลางเมือง ไม่ติด รฟฟ
>>933 ไม่ได้ว่านะ แต่อย่านับเลยภาษาลาวแค่เกิดอีสานก็พูดได้ละ2ภาษางี้หรอ แต่อย่างน้อยมึงก็เก่งอังกฤษละวะ ภ.ญป. ถ้าถีบขึ้นมาN2-3 จะดีมาก เป็นภาษาที่เงินดีชห
ค่ากินดูๆแหล่งที่มีร้านข้าวแกงเยอะๆ เผื่อวันไหนกลับมาเหนื่อยๆไม่อยากทำอะไร ถ้ามันไกลสั่งแกรบแพง ถ้าทำเองก็ตะถูกลงมากก เดือน4-5พันเฉพาะค่ากินคือเหลือๆเลย ส่วนค่าเดินทางตอบยากมาก กูนั่งบีไปกลับวันนึง 64 เดือนนึงก็ประมาณ1400 กูก็ไม่ได้อยู่ใกล้บีขนาดนั้นนะ ถ้านั่งวินจากบีไปก็ประมาณ20บาท ไปกลับก็40 แต่กูเลือกเดิน เลยประหยัดค่าวินไปเยอะ555555
ค่าห้อง 6000 ค่ากิน(ทำเอง) 5000 ค่าน้ำไฟเน็ตมือถือ 2500 ค่าเดินทาง 1400 ค่าใช้จ่ายในอื่นๆ สบูยาสระผมผงซักฟอกไรงี้ 1000
=15900
ถ้าเที่ยวหรือกินนอกบ้านก็จะแพงกว่านี้แต่โชคดีที่กูไม่ค่อยมีเพื่อน งดตี้=ประหยัด สบายยย
ถ้าเงินเดือน 20k-22k คือมีเก็บอยู่แล้ว
>>939 ทดลองงานมีเงินเดือนให้ บางที่อาจจะมีการให้น้อยกว่าเงินเดือนปกติ แต่ก็ไม่ควรน้อยกว่ามาก
ถ้าเจอบริษัทที่เหี้ยจริงๆให้ทำฟรีช่วงทดลองงานนี่คืออย่าไปทำแต่แรกเลย
ส่วนถ้าไม่ผ่านมันมีหลายแบบ เช่นเค้ารู้สึกว่าไม่โอเคตั้งแต่ก่อนหมดช่วงโปรก็มีให้ออกก่อนก็มี
หรือแจ้งตอนครบกำหนดแบบปกติ หรือถ้าเค้ารู้สึกว่ายังไม่ผ่าน แต่มึงมีแววถ้าพยายามต่อ
ก็อาจจะมีการยืดช่วงโปรออกไปได้ แต่ก็ไม่น่ายืดให้หลายรอบหรือยืดไปเรื่อยๆ
ถ้าเจอที่ไหนไม่ให้ผ่านซักทีแต่ยืดให้เรื่อยๆนี่คือผิดปกติละ อาจจะเป็นเทคนิคกดเงินเดือน
กำลังจะหาจังหวะไปบอกหัวหน้าว่าจะลาออกธันวานี้ แต่ยังหวั่นๆ คือ ทุนสำรองไม่ได้มากมาย พออยู่ได้ เดือน สองเดือน แต่นี่มีอาชีพเสริมอยู่แล้ว ที่ถ้าขยันหน่อยก็จะมีเงินเรื่อยๆ แหละ แต่พอนึกถึงว่า ออกจากวงการกากี แล้วค่อนข้างกะทันหัน เพราะหมดใจ หมดไฟกะมันแล้ว มันเลย เคว้งๆ ลังเลๆ //ทนต่อ หรือ พอแค่นี้ แล้วไปตุยเอาดาบหน้า
เป็นตำรวจเบื่องานก็หาย้ายไปตำแหน่งที่อื่นๆก็ได้มั้ง บางตำแหน่งนี่ว่างฉิบหาย แต่ถ้ามึงบอกจะออกแสดงว่าไม่ได้กู้สหกรณ์และทำไม่ได้นานมาก เพราะปกติคนทำขรก.มานานๆแล้วไม่ค่อยกล้าออกไปทำงานเอกชนหรอกไม่ชินกับวิธีการทำงาน ส่วนใหญ่คนแก่ๆเออรี่มาแต่ละคนนี่ทำสวน ทำไร่ เปิดร้าน
อยากออกก็ออกไปเหอะตำรวจเงินน้อย โตช้า อยากสบายต้องวิ่งขึ้น สว. ขึ้น ผกก. โน้นอะซึ่งใช้เวลานานกว่าจะไปถึง ถ้าระดับรตอ. ลงมากูถือว่าทำงานเอกชนดีกว่า เว้นแต่มึงจะออกได้ไปอยู่บริษัทกิ๊กๆก๊อกๆอยู่เป็นขรก. ต่อไปนี่ละ
วุฒิ ม.6 ทำงานไรดี ดูในเว็บเห็นรับสมัครเต็มไปหมดพอโทรไปบอกเต็ม
>>947 กูก็วุฒิ ม.6 แต่กูพยายามเก็บประสบการณ์ทุกงานไว้เลย อันไหนทำละเค้าให้อยู่ทนทำต่อได้ก็ทำไป หางานที่แบบวุฒิไม่ต้อง เอาสกิลเข้าว่าไปเลย หรืออีกอย่างที่กูว่าดีคือไปหางานในสายที่ตลาดแม่งต้องการอยู่ถึงจะไม่มีเหี้ยไรในหัวเลย ทำกับ บ. กระจอกๆเจ้าของคนไทยสักปี ถ้าไม่ถูกขูดรีดค่อยออก แต่ที่ไม่แนะนำสุดคือทำร้านสะดวกซื้อ เพราะกดขี่ทุกร้าน แต่ถ้าใจกล้า ร่างกายไหว ไปทำได้นะ ได้สกิล ได้ความอึด ได้ประสบการณ์เวลาตกในช่วงภาวะสุดขีดจะรู้ว่าต้องทำไง พวกงานที่กูแบ่งไปเลยนะว่ากดขี่มาก - น้อย
-ร้านสะดวกซื้อ24ชม.มีหุ้นใน ตลท
-ร้านอาหารจานด่วนแบบไก่ทอด เฟรนช์ฟราย หรือขนมปังอบในเครือห้างดังลาดพร้าว ไอพวกนี้สลิ่มบริหาร โคตรกดเงินเดือน
-ร้านขายของตามตลาดนัดหรือข้างทางที่จ้างต่างด้าวไปก็ได้
-ร้านที่ขนาดจ้างต่างด้าวมาทำมันยังบ่นว่าเหนื่อยมาก
.
.
.
นี่คือจากที่กูเริ่มทำงานประจำมาตั้งแต่ช่วงโควิดมาจนตอนนี้นะ ที่เหลือคือขึ้นกับหัวหน้าล้วนๆหว่ะ
ทำไงกะลูกน้องกูดีวะ ไม่ใช่ไม่ทำงาน สั่งก็ทำ แต่ไม่สั่ง ก็นิ่ง แบบลักษณะงานก็ไม่ได้ยุ่งมาก แต่ทำไมกูต้องสั่งทุกอย่างอ่ะ
หลังจากกูว่างงานเกือบปีที่ไทย สมัครที่ไทยไม่ได้สักที่ วันนี้กูได้งานใหม่ที่ต่างประเทศแล้วหว่ะ กูดีใจมาก เงินเดือนไม่เยอะมากแต่งานไม่หนัก สบายกว่าที่ไทย แล้วพอหักรายจ่ายต่างๆแล้วเงินเหลือครึ่งนึงของเงินเดือน เก็บเงินได้สบายๆ //ปล.กูบินมาทำงานแล้วนะถึงได้บอกว่าหักแล้วเหลือเก็บ
>>952 กู 950 นะ ค่าครองชีพหนักทุกประเทศนั่นแหละ และเงินเฟ้อมีทุกที่ แต่กูเป็นคนไม่ค่อยช้อปปิ้งกับเที่ยวอ่ะ อะไรที่จำเป็นก็ใช้ อะไรไม่จำเป็นก็ไม่ใช้ แต่ที่ประเทศที่กูอยู่ค่าเดินทางและค่าอาหารมันถูก(ถูกกว่าไทยสำหรับกู) สวัสดิการแม่งดี ส่วนเรื่องเงินกูไม่ได้ลำบากอะไรแต่แรกอยู่แล้ว ส่วนวีซ่ากูจะยื่นทำบัตรปชช.ชาวต่างชาติละ รอย้ายถิ่นฐาน //ปล.ไม่บอกประเทศอะไรแต่ไม่ใช่เอเชีย 5555
>>955 กู 950 นะ กูไม่ได้อยู่ออสฯ อยู่โซนเมกา ส่วนค่าน้ำไฟมันรวมกับค่าเช่าบ้านรายเดือนแล้ว และสาธารณูปโภคที่นี่ดีกว่าที่ไทยอีก เช่นน้ำก๊อกสะอาดจนแดกได้แบบไม่ต้องกรอง ค่าพยาบาลครอบคลุมแม้แต่ต่างชาติ ค่ารถค่าเดินทางต่างๆราคาถูก ถึงได้บอกว่ากูประหยัดหรือมีเก็บได้เพราะกูคำนวณรายจ่ายทั้งหมดแล้วซึ่งมันโอเคกับรายได้ ไม่ว่าจะค่าบ้าน(รวมน้ำ/ไฟ/แก๊สไว้สำหรับฮีทเตอร์) ค่าเดินทาง ค่ากิน และรายจ่ายอื่นๆ ต่อให้ไฟดับมันก็ไม่ได้ดับทั้งจังหวัด จะดับแค่เขตย่อยเท่านั้น และการจัดการที่นี่ค่อนข้างไว ส่วนหิมะไม่ต้องห่วง เมืองกูไม่มีหิมะแต่แค่หนาวสัสๆ แต่บางจังหวัดหิมะตก(กูอยากไปเที่ยวอยู่) กูบาลานซ์ชีวิตตัวเองมาได้หลายเดือนแล้ว ตอนนี้กูคงตัวแล้วมึง
รู้สึกหมดไฟในการทำงานจังวะ ตอนแรกๆที่เริ่มรู้สึกอะไม่เท่าไรแต่ตอนนี้มันเริ่มส่งผลกับการทำงานแล้ววะกูตรวจงานอะไรหลุดตลอด กูอยากทำให้มันดีนะแต่กูตั้งสมาธิกับงานไม่ได้เลย กูหลุดตลอดแล้วแม่งก็เละ แล้วกูก็ยิ่งเครียด
กุเคยอยู่มา2ประเทศ เรียนภาษาฝึกงาน และอีกที่เรียนโท ทำงานพิเศษไปด้วยทั้งคู่
ส่วนตัวเจอคนที่อยู่เมืองนอกแบบสบายๆ ฐานะจะต้องประมาณว่าบินไปกลับได้สัก2-3ครั้งใน1ปี โดยที่ไม่คิดว่ามันแพง หรือทานข้าวนอกบ้านอาทิตย์ละ3-4มื้อได้สบายๆ
นอกเหนือจากนั้นก็คือ คุมค่าใช้จ่าย ชอปปิ้ง2-3เดือนครั้ง ทานข้าวนอกบ้านอาทิตย์ละ1-2มื้อ ที่เหลือทำกินเอง เที่ยวoneday trip
เงินที่ได้มาจะไปลงกับค่าที่พักค่ากินอยู่จิปาถะ ถ้าไม่เซฟค่าใช้จ่าย พวกนั้นจะกลายเป็นค่าของสุรุ่ยสุร่ายหมด เอาจริงๆไปอยู่ตปท.ทั้งทีมันก็ต้องเที่ยวต้องใช้ชีวิตอะนะ กุก็ทำงานพิเศษเท่าไหร่ก็เก็บตัง เอาไปเที่ยว ซื้อของใช้บ้าง ในระดับไม่กระทบเงินเก็บ แต่ถ้าคนที่จะเก้บเงินได้คือของพวกนี้ต้องตัดเลย ชีวิตจะroutineมากๆ แทบไม่เจอใคร เพราะทำแต่งาน เลิกงานก็กลับบ้าน ส-อ ก็พอเที่ยวเล่นได้ ระยะแบบนั่งรถไฟไม่เกิน3ชม.
ส่วนตอนนี้ตัดภาพกลับมาที่ไทย ใช้ชีวิตแบบอยากกินบุฟก็กิน กินในห้างบ่อยๆ อยากซื้ออะไรก็ซื้อได้ ส-อ ก็ขับรถออกไปเที่ยว ไปพักบ้าง แบบอิสระในการใช้จ่าย และมีเหลือเก็บ อาจจะเพราะไม่ต้องจ่ายค่าเช่าหอส่วนนึง แต่ถ้าวันทำงานอันนี้จะใช้จ่ายวันละไม่เกิน150นะ
ลืมไปอย่างอยู่นอกแล้วรู้สึกพวกเสื้อผ้าราคาไม่แพง อาจจะเพราะค่าอาหารมันแพงประมาณว่า ไม่กินข้าวตามร้าน4-6มื้อ ก็ซื้อรองเท้าระดับทั่วๆไปอย่าง nike adidas หรือพวกเสื้อzara อะไรพวกนี้ได้ละ
>>960 ตอนกูได้ทุนไปเรียนตปท. 1 ปี แค่ไปเดินสวนสาธารณะ อากาศหนาวๆ เจอวิวต่างประเทศที่เราไม่คุ้นเคย มันก็ฟินแล้วไง แต่อยู่เมืองไทยทำแบบนั้นมันไม่ฟิน 555 จะฟินต้องเที่ยวแบบใช้เงิน อยู่โน่นปั่นจักรยานสบายเพราะอากาศดี บ้านเมืองปลอดภัย อยู่ไทยขืนใช้จักรยาน คงได้ตายเพราะอากาศร้อน เพราะโดนรถชน หรือไม่ก็โดนโจรฆ่าข่มขืนตอนปั่นกลับบ้านช่วงกลางคืน ก็เลยต้องซื้อรถยนต์ ฯลฯ
ดังนั้นสำหรับกูตอนอยู่ไทยกูเลยใช้เงินเปลืองกว่าสมัยอยู่ตปท.มากๆ แต่ก็โชคดีนี่แหละที่เคยได้ทุนเต็มไปเรียน โปรไฟล์เลยดูดีหน่อย จบมาได้งานดีๆ เงินเดือนโอเคทำ ไม่งั้นคงเงินเดือนน้อย
>>961 กู958นะ บ้านกูไม่ได้รวยหรือมีฐานะอะไร แต่กูมาต่างประเทศด้วยทุนตัวเองล้วนๆเพราะตอนอยู่ไทยกูก็ทำงานเก็บเงิน ไม่ค่อยช้อปเท่าไหร่ กูมีความสุขมากกว่าเวลาเห็นตัวเองมีเงินในบัญชีเยอะๆ 555555 ถ้าจะพูดคือกูสร้างตัวด้วยตัวเองเลย เพราะพ่อแม่กูไม่ให้ทุนอะไรนอกจากการศึกษาตอนอยู่ไทย บ้านกูสอนว่าอยากได้อะไรให้ทำงานเก็บเงินเอาเองแล้วเลือกทางเดินชีวิตตัวเอง ขอแค่เป็นคนดีก็พอ ทุกอย่างกูเลยขวนขวายด้วยตัวเองหมด 🥹 อย่างมาทำงานที่ต่างประเทศนี่ก็ตัวคนเดียว บินมาคนเดียวและครั้งแรกในชีวิต(ที่มาต่างประเทศ)
เป็นเด็กจบใหม่ มี offer ให้ไปทำงานด้าน customer service ที่ฟิลิปปินส์ เงินเดือน 50k น่าไปป่ะวะ แต่ทำงานเป็นกะ มีกะปกติกับมีกะดึกจนเช้าด้วย มีอีก offer เป็นงาน sales ได้ค่าคอมมิชชั่นนิดหน่อย เงินเดือน 25k ในไทย ใช้ภาษาอิ้งล้วน เอาอันไหนดีวะ อยากได้เงินเยอะๆเพราะจะรีบเก็บมาทำธุรกิจ แต่ก็ไม่อยากเสียสุขภาพ
เพื่อนร่วมงานใส่น้ำหอมฉุนมาก เป็นกลิ่นที่ปวดหัวชิบหาย จะบอกนางยังไงดีวะว่ากูเวียนหัวกับกลิ่นน้ำหอมมึง เอาแบบคุยดีๆอย่างผู้เจริญแล้ว
>>965 ถ้าเป็นกูนะ กูจะแบ่งเป็นสองกรณี ถ้าเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดูจนๆ ใช้น้ำหอมซีซีราคาถูก แบบนี้จบ กูยอมแพ้ เพราะพวกน้ำหอมราคาถูกกลิ่นมันมักจะฉุนปวดหัวทั้งนั้น แถมราคามันถูกเลยประโคมได้เต็มที่ ยกเว้นเป็นเพื่อนร่วมงานที่นิสัยดี สนิทกัน กูจะซื้อน้ำหอมแบรนด์ให้เป็นของขวัญวันเกิดไปเลย
แต่ถ้าเป็นเพื่อนร่วมงานรวยๆ น่าจะใช้น้ำหอมแบรนด์ ไม่ได้ประโคมเยอะ แค่ดันเลือกแบบ sillage แรงมาก กูจะชวนคุยเรื่องน้ำหอมไปเลย จะถามเลยว่าใช้กลิ่นของอะไร แบรนด์อะไร ชอบ note แนวไหน ที่แกใช้อยู่มัน sillage แรงเหมาะสำหรับไปผับนะ ถ้ามาทำงานแล้วชอบ note ประมาณนี้ ใช้อันนี้ดีกว่าแกร พร้อมกับส่งรีวิว youtube ให้ไปเลย
กูเป็นคนนึงที่เคยเลือกน้ำหอมพลาดมาก่อน เพราะสมัยอายุน้อยๆ ชอบ note แนวหนักๆ sillage แรงๆ คิดว่าน้ำหอมกูแพง ดังนั้น projection ต้องแรง performance ต้องดี ชาวบ้านต้องรับรู้ ถึงจะคุ้ม น่าจะเคยสร้างภาระให้คนรอบข้างมาเหมือนกัน 555 (เก๊าผิดไปแล้วเก๊าขอโทษ) แต่เดี๋ยวนี้เปลี่ยนไปแล้วน้า เวลาเลือกจะเลือกแบบที่ note โปร่งๆ projection แคบๆ ดมคนเดียวฟินคนเดียวพอ ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร แต่เวลามีคนเข้ามาประชิดแล้วชมว่าหอม นี่แหละคือความฟินที่แท้จริง ไม่ใช่ให้ชาวบ้านเค้าแซวเอาว่าเดินผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้วกลิ่นยังอยู่
>>967 กูคิดว่าอาจจะเป็นน้ำหอมตลาดนัด ต่อให้เป็นน้ำหอมแบรนด์แต่ประโคมฉีดแบบหนึ่งชั่วโมงกลิ่นก็ยังไม่หายนี่แม่งก็เกินไปอะ เข้าห้องน้ำต่อจากนางทีไรกูปวดหัวเลย กำลังคิดหาวิธีพูดไม่ให้ขุ่นเคืองใจกันอยู่เนี่ย กูกับนางไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นด้วย น้ำหอมแม่งฉุนชิบหายจนปวดหัวเลย
แต่กูคิดว่าจะแจ้งหัวหน้าแทนละกัน ให้ไปหัวหน้าไปคุยนางน่าจะเกรงๆอยู่ ดีกว่ากูออกหน้าเองแล้วจะมองกันไม่ติด
ลืมไปว่ากูก็มีคำถามเองนี่หว่า ทำงานมาได้ปีนึงละ เริ่มไม่ไหวกับคนละจริงๆ เริ่มอยากย้ายงานชิบหายเพราะตอนนี้ในสายงานเริ่มเปิดรับคนเข้าทำงานกันเยอะมากแล้ว ปัญหาคือจะถึกทนต่อไปรอรับโบนัสที่เดิมหรือลาออกดีวะ? แล้วพักร้อนคือยังใช้ไม่หมดด้วยนี่ดิประเด็นสำคัญ 555+ ชั่งน้ำหนักไม่ถูกเลยสัส
ในที่ทำงานกูมีติดกล้องCCTVแทบทุกมุม ใครพูดไรอัดเสียงไว้หมด มีคนทำงานมีปากเสียงกัน ทีนี้หนักข้อเข้า คนแรกไปดักตบคนที่สองนอกที่ทำงานเพราะประเด็นนี้ สุดท้ายHRเรียกไปคุย แต่แจกใบเตือนใส่ทั้งเหยื่อกับคนก่อเหตุ พวกมึงว่าที่ไหนๆก็ทำกันเหรอวะ?
สวัสดี ใครทำงานวันอาทิตย์ขอเสียงหน่อยเร็ว วุ้ววว เย่ ค
ถ้าทำร้าน/โรงงาน เรื่องติดกล้องนี่เรื่องปกติเลย กันเด็กขโมยของ อู้งาน บริษัทงานออฟฟิตที่มีความคาดหวังในตัวมึงสูงปรี๊ดจะติดบ้างก็ไม่แปลก ไหงๆงานนั่งโต๊ะนี่ก็ชอบอู้กันอยู่แล้ว
เรื่องคนจ่ายเงินเดือนคอยจับตามึงทุกฝีก้าว เผลอๆเดี๋ยวแม่งกลายเป็นเทรนสำหรับบริษัทใหญ่ๆในอนาคตด้วยซ้ำ ฝั่งตะวันตกบางที่นอกจากติดกล้องแล้วยังเอา AI มาประวลผล หรือติดพวก keylogger ไปดูด้วยวันๆทำมึงทำอะไรกันบ้าง พิมพ์อะไรเกี่ยวกับงานไหม ใคร productivity ต่ำๆก็โดนคัดออก
>>972 ติดกล้อง+อัดเสียงในออฟฟิซกูว่าไม่ปกติ แต่ทะเลาะกันในที่ทำงานถึงขั้นจะไปดักตบกันก็ไม่ปกติเหมือนกันว่ะ
ไม่รู้ว่าบริษัทมึงต้องทำแบบนี้เพราะมีเคสแบบนี้มาก่อนรึเปล่า หรือทำเพื่อกันคนอู้งานอย่างเดียว
ส่วนถ้าเพิ่งเกิดเป็นเคสแรกก็ซวยไป เพราะหลังจากนี้บริษัทก็สามารถใช้เรื่องพฤติกรรมพนักงานมาเป็นข้ออ้างได้ละ
บริษัทกูติดกล้องเป็นจุดๆ ส่วนมากจะติดแค่ตรงทางเข้าออก หลักๆ คือเอาไว้กันขโมยแหละ ไม่ได้เอาไว้จับผิดพนักงาน แต่ช่วงที่มีข่าวแอมไซยาไนด์ กูอยากให้แม่งติดทั่วออฟฟิศเลยด้วยซ้ำ ยอมโดน monitor เลยเอ๊า เพราะกูกลัวโดนเพื่อนร่วมงาน (มีอยู่คนเดียวแหละทั้งบริษัท ที่เป็นโรคจิต แต่เสือกนั่งใกล้กูไปอี๊กT_T) หยอดยาพิษใส่ในแก้วน้ำตอนกูไม่อยู่โต๊ะไรงี้ 555 กูว่าถ้าเราไม่ได้ทำอะไรผิดก็ไม่น่าจะต้องกลัวกล้องนะ เพราะเวลางานเราต้องทำงานอยู่แล้ว อย่างกรณีแชทในเวลางานมากไป ก็เป็นเหตุให้เลิกจ้างโดยไม่ต้องจ่ายชดเชยยังได้เลย เคยมีฎีกาออกมาอยู่นะ
>>979 กู >>982 นะ อธิบายงี้ก่อนเลย มันมีระบบตรวจสอบแบบที่ >>978 >>975 บอกมาจริงๆ ของกูนายจ้างคนญี่ปุ่นก็เห็นว่าจ้างคนมาดูกล้องเพื่อจับผิดโดยเฉพาะเลยตั้ง10กว่าคนอ่ะ มันmonitorยันที่ว่าทำงานให้ได้ตามwork cultureที่วางไว้ไหม
>>980 มึงว่าไม่ปกติจริงเหรอวะ? มีหลายที่ที่ทำแบบนี้นะ คือกล้องมันมีไมค์บันทึกเสียงได้ในตัวอ่ะ ตามโรงแรมแม่งก็มีกล้องลักษณะนี้เหมือนกัน มึงจำมาเฟียสยามได้ไหมที่มันไปอาละวาดใส่GSAของโรงแรมละเค้ามาเอาเรื่องละ นั่นก็บันทึกเสียงได้ มันไม่ปกติยังไงวะ? กูงง ส่วนทำไมต้องติดกล้องแบบนี้ก็เพราะว่าเค้าจะไล่จับผิดไอพวกที่ทำงานไม่ตรงขั้นตอนของเค้าหรือลัดขั้นตอนเค้านั่นแหละ ซึ่งสิ่งที่กูไม่รู้คือในสามปีที่ บ. กูมาตั้งในไทยเนี่ยมันเคยมีเหตุการณ์หนักสุดแบบลงไม้ลงมือมาก่อนคาที่ทำงานไหม แล้วคาหน้ากล้องนี่จะอะไรยังไงกูไม่รู้ แต่เคสที่กูเจอคือไปดักตบนอกที่ทำงานแทนเว้ย เรื่องของเรื่องคือพฤติกรรมของไอเพื่อนร่วมงานกูคนนึงมันไม่สมควรจริงๆอ่ะ มันจะใส่คนนั้นคนนี้มาหลายรอบละ จะทำต่อหน้ากล้องด้วย กูไม่เข้าใจเหมือนกันนะว่ากล้องก็จับตลอดทำไมถึงกล้าจะทำอีก แต่ที่สงสัยกว่าคือ ทะเลาะกันแล้วคนเป็นเหยื่อเสือกโดนใบเตือนด้วยนี่ถือว่าปกติเหรอวะ? หรือจริงๆHRแม่งดุลพินิจห่วยแตก? อยากหาทำโทษก็ใช้อำนาจมั่วซั่วไปหมด?
เพืาอนโม่ง เด็กจบใหม่ มีงานที่นึงเค้าเสนอเงิน 28k เป็นงานที่กูคิดว่าทำได้ เริ่มงานกลางเดือน อยู่ในขั้นตอนจะตกลงละ แล้วทีนี้มีอีกงานนึงติดต่อมา ซึ่งเค้าอยากได้กูมาก ให้เงินอยู่ประมาณ 40-50k กำลังจะสัมภาษณ์งานกัน ซึ่งเอาจริงๆ เรซูเม่กูเขียนดูดีมาก แต่จริงๆกูก็ไม่เป็นโล้เป็นพาย ทำอะไรไม่เป็น555 ละสายที่สมัครกูจบด้านนี้มาก็จริงแต่ความรู้กูก็แทบไม่มี มีแต่ชื่อมหาลัย
1. กูควรเอาอันไหนดีวะ
2. ละสมมติถ้าตกลงเอางานแรกไว้ก่อน ซึ่งเริ่มกลางเดือน ละงานสองเค้ารับกูเข้าทำงานก่อนวันเริ่มทำงานของวันแรก กูไปยกเลิกงานแรกได้มั้ยวะ
>>984 มึงมั่นใจว่าทำที่สองได้ป่ะล่ะ มั่นใจว่ามีสกิลพอมั้ย เนื้องานเค้าเป็นไง ถ้าคิดว่าไม่ก็ไปเอาที่แรกดีกว่า แต่ถ้ามองว่าถึงสัมไม่ผ่าน หรือสัมผ่านแต่ไม่ผ่านโปรก็ไม่เดือดร้อนก็ไปที่สอง
2. ไม่ควร ถ้ามึงตกลงแล้วไม่ควรไปยกเลิก มันทำให้มึงดูไม่โปรอย่างแรง บางบริษัทนี่มีค่าปรับในสัญญาเลยนะ ตัดสินใจให้เด็ดขาดไปเลยก่อนที่จะไปตกลงอะไรกับใคร
>>986 ไม่เกี่ยวว่าเป็นเด็กจบใหม่หรือเด็กโข่ง to be fair ถ้ามึงมองในมุมบริษัทการที่มึงตอบตกลงเซ็นสัญญาไปแล้วเค้าก็หยุดหาคน หรืออาจจะปฎิเสธ candidate คนอื่นไปเลย บางบริษัทมีการซื้อพวกอุปกรณ์เตรียมไว้ให้พนักงานตามที่พนักงานรีเควสเลยด้วยซ้ำ ไหนจะค่า license และอื่นๆที่เค้าเตรียมรอมึงมาทำงาน แต่อยู่ๆก็มาเทเค้าก็เสียหาย เสียเวลา เสียเงิน งานบางอย่างแพลนไว้ว่าจะมีคนนี้ๆมารับช่วงต่อ อยู่ๆมาเทแพลนก็เจ๊งดิ มึงคิดว่าหาคนที่ใช่ใช้ค่าดำเนินการเท่าไหร่ล่ะ โดนปรับค่าผิดสัญญากุว่าก็เมกเซ้นว่ะ บางที่โดนเทบ่อยจนต้องเขียนระบุในสัญญาเลย คือเอาจริงมันไม่มีใครอยากได้เงินมึงหรอก แต่เค้าไม่อยากให้มึงทำเค้าเสียหาย ค่าปรับมันมีขึ้นมาเพื่อให้มึงคิดให้ดีก่อนเซ็นตะหากว่าถ้ามึงทำคนอื่นเสียหายไม่ใช่ว่าจะลอยตัวไม่ต้องรับผิดชอบอะไรนะ ไม่งั้นก็จะมีคนคิดง่ายๆแบบ >>984 ไงที่ตอบตกลงแล้วจะไปยกเลิกสัญญาตอนจะเริ่มงานเพราะคิดว่าไม่ต้องรับผิดชอบอะไรอ่ะ มันไม่ใช่ว่าบริษัทนั้นไม่ดีแต่เค้าก็ต้องปกป้องตัวเองจากคนเหี้ยอ่ะ
ลองคิดกลับกันถ้าบริษัททำแบบนี้กับมึง รับมึงเข้าทำงานแล้วก่อนวันเริ่มงาน 1 วันบอกไม่เอาแล้วมึงคิดว่าไง การที่มึงตอบตกลงทำสัญญากับที่ไหนไปแล้วแปลว่ามึงต้องปฎิเสธที่อื่นไป มึงก็เสียหายเสียโอกาสนะ บริษัทเองก็เสียหายอย่างเดียวกันน่ะแหละ มันไม่มช่ว่า black listed แล้วมึงจะได้โอกาสกลับมาซะหน่อย
>>987 อันนี้กูว่าต้องตำแหน่งสำคัญแล้วล่ะ ไม่งั้นก็ต้องแบบเฉพาะทางจัดๆ วงการงานแคบ ที่มึงว่ามานี่มันคือแบบไม่ใช่จบใหม่แน่ๆอ่ะ เพราะยังไงไม่มีหรอกว่าพนักงานใหม่จะมารีเควสนั่นนี่ได้ รับคนมาทำงานต้องตัวเลือกเยอะกว่าลูกจ้างป่ะวะ ตลกสัส ส่วนคิดกลับกันของมึงว่านายจ้างเสียหายแม่งไม่เสียเยอะเท่าลูกจ้างอยู่ละ เริ่มงาน1วันแล้วไม่เอามันก็ทำได้นะ ก็คือไม่ผ่านโปรไง จะยากไรวุ่นวายวะ เบื้องบนมองว่าไม่โอเคก็บีบออกไปดิ
>>989 มึงไม่เคยเจอบริษัทที่เค้าทรีตพนักงานดีๆหรอวะ หรือบริษัทต่างชาติอ่ะ กูทำงานสายเทคมา 4 บริษัท 2 ใน 4 ให้พนักงานเลือกคอมแบบระบุรุ่นมาให้เลยด้วยซ้ำแล้วเค้าก็ไปซื้อให้ หรืออย่างน้อยๆเลยก็ให้เลือก os ไม่จำเป็นต้องเป็นเด็กจบใหม่รึเปล่าด้วยเพราะใครๆก็ได้เหมือนกัน ตำแหน่งก็เป็น dev ธรรมดาเนี่ยไม่ใช่ผู้บริหารหรือเฉพาะทางอะไร ตัวเลือกเค้าเยอะแต่เค้าเลือกทีละคนถ้าชอบก็เอาเลย ไม่ชอบก็ปฎิเสธเลย ไม่มีมาดองกั๊กๆ เพราะงั้นการที่บอกจะเอาแต่ไม่เอามันถึงกระทบไง เพราะเค้าจะหยุดหาใหม่ทันทีแล้ววางแผนให้มึงมาสานต่อ อยู่ๆมึงไม่มาเค้าก็หาใหม่ไม่ทันเค้าก็เดือนร้อนมั้ย
แล้วเสียหายคือเสียหาย ใครมากกว่าน้อยกว่าไม่สำคัญ คือมึงจะสื่ออะไร เพราะบริษัทเสียหายน้อยกว่าเลยปล่อยให้มันเสียหายไปดิงั้นหรอ? แล้วอะไรคือตัววัดว่าใครเสียหายมากกว่ากัน candidate เสียมากสุดคือโอกาส แต่บริษัทเสียทั้งเงินทั้งโอกาสนะ
แล้วการผิดสัญญากับไม่ผ่านโปรแม่งคนละเรื่องไม่เกี่ยวกับระยะเวลาเลยสัส มาทำงาน 1 วันมีผู้บริหารอยากบีบออกก็แปลว่ามึงเหี้ยจัดไม่ก็บริษัทแม่งควายอ่ะ กว่าจะได้มาแต่ละคนแม่งสูญทั้งเงินและเวลา ไม่มีหรอกจะมาบีบออกเล่นๆ มันต้องเหี้ยสัสๆจนทำงานร่วมกันต่อไม่ได้เถอะ ขนาดกุเจอคนที่ aggressive จัดๆจนทีมเหวอแดก เค้าก็ยังได้ทำงานจนครบเวลาโปรเลยเหอะ มึงพูดแบบอยากไล่ใครออกก็ได้ ชิลๆ อันนี้เพ้อเจ้อนะ ถ้ามาทำจริงแล้วมันไม่ใช่ก็ออกได้ทันที ไม่เหมือนกับยังไม่ทำงานแต่อยู่ๆก็เปลี่ยนใจนะ
>>990 แบบมึงนี่เค้าเรียกว่า มี ปสก. ละนะ การที่เค้าทรีตมึงดีก็คงรู้ว่ามีของป้ะ อีกอย่างนึงเลยนะ ถ้า บ. มี benefitsดีจัดๆ ไปเบี้ยวเค้าแบบนั้นก็สมควรโดน กูบอกให้นะในฐานะที่มึงคงทำงานบนหอคอยงาช้างหว่ะ คนทั่วๆไปบนฐานพีระมิดเจอเงื่อนไขแบบที่คนทำงานแนวมึงเจอนะ แต่ทรีต พนง.แบบตามกม.แรงงานทั่วๆไป ไม่งั้นเข้าขั้นเหี้ยเลยก็มี กูเลยเอะใจนะว่าเจอเงื่อนไขปรับชาวบ้านเค้าก่อนทำงานนี่คือปกติหรือเปล่า ถ้านโยบายดี สวัสดิการดี อันนี้ไม่มีใครติดใจหรอก
>>992 หอคอยงาช้างอะไรของมึง กุก็แค่ dev กระจ๊อกธรรมดา บริษัทกุเด็กจบใหม่ก็ได้ benefit แบบกุจ่ะ ไม่ได้หมายความว่าถ้ามึงเป็นเด็กจบใหม่ไม่มีสิทธิเลือก มันเลือกได้ทุกคน
และใช่ บริษัทกุทรีตพนักงานทุกคนดี สวัสดิการดี กุถึงได้บอกไงว่าบางบริษัทเขียนเงื่อนไขลงหนังสือสัญญา กุอ่านเม้นมึงแล้วกุไม่เข้าใจว่ามึงติดอะไร เพราะตอนแรกกุเข้าใจว่ามึงจะโจมตีว่าบริษัทที่ปรับคือบริษัทที่ไม่ดี แต่กุก็บอกแล้วว่ามันไม่ใช่กุเลยยังงงว่ามึงกำลังจะสื่ออะไรอยู่ คือกุพยายามจะบอกว่าบริษัทดีๆที่โดนคนเหี้ยเทบ่อยๆเค้าก็เลยป้องกันตัวเองด้วยวิธีนี้เฉยๆ และการกระทำของไอ้ต้นเรื่องมันเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ แต่กุไม่เข้าใจเม้นมึงว่ามึงกำลังจะสื่ออะไรเพราะเราไม่ได้เถียงกันเรื่องบริษัทของไอ้ต้นเรื่องสวัดิการมันดีหรือเปล่า ไม่ใช่หรอ งง
>>993 เออ เข้าใจทีหลังนี่ไงว่ามึงกำลังเอ่ยถึง บ. ที่นายจ้างมันทรีตลูกจ้างดีจริงๆ ถ้าชี้แจงตั้งแต่ตอนสัมภาษณ์ว่าbenefitsที่เหนือชั้นกว่าที่อื่นมีไรบ้างแล้วยื่นข้อเสนอว่าถ้าเทก็เจอปรับนะ มึงไม่ได้บอกแต่แรกเนอะว่าไม่ใช่ บ. ดาดๆ เจ้าของคนจีน/ไทย แถมมันไม่ปกติกับ บ. ที่สวัสดิการธรรมดาๆมาไล่ปรับชาวบ้านเค้าไปทั่วนะ
มึง มีใครเข้าไปรายงานตัวว่างงานไม่ได้บ้างวะ กูลองเปลี่ยนจากทศเป็นคอมก็เข้าไม่ได้
เลือกคอมเลือกosเองนี่ไม่ใช่standardบ.ทั่วๆไปเหรอวะ
ถ้าจะไปล้างจานที่อเมริกาให้ร้านญาติด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว แบบนี้ถือว่าผิดกฏหมายหรือเป้นผีน้อยแบบพวกวีซ่าขาดไม่กลับไทยป่ะ?
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.