>>319
1)อยากฝึกเขียนโปรแกรมกับกฏหมายเป็นหลักครับ ด้านภาษาที่สามกับการเงินเป็นรอง เป็นรองคือไม่คาดหวังว่าต้องจบ4ปีนะ เหมือนด้านบน คงต้องเก็บไปเรื่อยๆ ดัวนั้นตั้งเป้าเลยจะเรียนอะำร ทำอะไร คล้ายๆเอา หิน ทราย กรวดวางในขวดแก้วอะครับ ปัจจุบัน ผมก็ทำทั้งสี่อย่างได้โดยไม่เครียดอะไร เงินมันหอมด้วยส่วนนึง ร่างกายยังดีรีบๆคว้าโอกาสครับ อายุเยอะผมเห็นบ่นว่าปวดหลังแล้ว นอนดึกไม่ได้ ตอนนี้ผมสบายๆจึงสู้ดีกว่า
2)สอบใบ เช่น ceh นี่ผมว่ามีความรู้ก็ดีนะครับ มีวุฒิด้วยได้ก็ดี ผมเลือกทั้งสองอย่างได้ ไม่ต้องทิ้งสิ่งใด ส่วนการเรียนราม ผมใกล้ราม คงไม่มีประเด็นอะไร ส่วนการเรียนเท่าที่จำเป็น ก็จริงครับ แต่ตนอนนี้ผมหาตัวเอง จึงกว้างๆไว้ก่อนดีกว่า ไปขอชีทพี่ๆแต่ละคณะเลย google driveสายรหัสอะไรงี้ มีชีทมีข้อสอบคำแนะนำ ส่วนค่าเรียน ผมว่ารามถูกอยู่นะครับ ดีกว่าหลงไปเรียนแล้วซิ่ว ตอนนี้pre degreeเอง
3)ย้ายปท ก็น่าสนนะครับ เดี๋ยวจะศึกษาลึกๆดูว่าหนีได้มั้ย ส่วนเรายังไม่ใช่ประเทศนวัตกรรม คือมันเป็นนโยบายทางการค้าครับ เหมือนปลอดภาษี เรายอมให้เค้ามาผลิตในบ้านเรา จะไปแข่งกับเค้าก็ยังไงๆ เราจึงยอมเป็นประเทศฐานการผลิตโดยจะไม่ทำสินค้ามาแข่งนั่นเองครับ ส่วนตัวอยากไปlawfirm ไม่ก็สอบสนามเล็กสนามใหญ่ หวังว่าจะได้เป็นอัยการสูงสุดบ้าง ส่วนมากจบนิติตรี นิติโท บ้างก็เอก แต่จบวิศวะด้วยนิติด่วย เด่นแน่นอน หรือทนายความ ทำคดีๆดังได้หลายล้านเลยนะครับ สมมติผมมีความเฉพาะทาง มันก็น่าเชื่อถิอ สมมติผมสอบการเขียนเอกสารกฏหมายเป็นภาษาอื่นได้ จากปกติเรียกใบละ3หมื่น เดินไปส่งโรงพักแค่เนี่ย ผมดีดไปเป็น7หมื่นได้เลย ไม่รวมค่าว่าความ ไปศาลตจว ให้ลูกความออกให้ ที่เหลือเที่ยว
4)เรียนเอาวุฒิเฉยๆครับ ผมลงนิติราม เราไปลงกวดวิชาข้างนอกเอาแทน อย่างคนสอบเนติ ไปติวที่เนติก็ไม่ติดหรอกครับ เค้าไปกวดกันทั้งนั่น ม้นต้องเจอข้อสอบเก่า ข้อสอบหลายๆแบบ ไปติวเนติเวลาวิทยากรท่านจำกัด ไม่มีเวลามาเก็งให้เราหรอกครับ อย่างเก่งก็เขียนตามคำบอก แต่ไปติวเราได้problem solving คนละทักษะกัน
5)โรงเรียนรัฐนี่แหละครับ ส่วนมากไม่รู้กัน แต่ขอยากอยู่ ต้องลองถามดู อย่างของผมจะลองทำเอกสารไปขอดู