กูขอระบายนะ คือกูพยายามทนกับสภาพที่บ้านจนเริ่มจะทนไม่ไหวหลายต่อหลายที ได้แต่ทำใจยอมรับแต่มันก็มีความรู้สึกเครียดอยู่ในอกน่ะแหละว่ะ ขอเริ่มจากสภาพทั่วไปของครอบครัวกูแล้วกัน มีสมาชิกสี่คน พ่อ แม่ พี่สาว กู แล้วทุกคนก็เป็นคนอารมณ์ร้อนทุกคน โดยเฉพาะพ่อ ที่หงุดหงิดง่ายมาก สามารถไม่พอใจได้กับทุกสิ่งทุกอย่างและกับทุกคน (บ้านเกือบแตกมาหลายครั้งเพราะพ่อแม่อารมณ์แรงทั้งคู่และเริ่มจากประเด็นขี้ประติ๋วส่วนมาก อาทิเช่น แม่เข้าห้องน้ำเลยออกจากบ้านช้า พ่อหิวแต่แม่หรือพนักงานร้านทำอาหารช้า แม่ไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่างที่พ่อรู้แล้วถามเขาพ่อก็ด่า ตอนต้องไปธุระแม่บอกว่าลูกกินข้าวอยู่ไม่ต้องรีบเร่งมากก็ได้เพราะเผื่อเวลาไว้้แล้วส่วนหนึ่งพ่อก็ขึ้นเสียงด่าเสียงดังกลางร้านอาหารว่าถ้าออกไปแล้วเกิดยางระเบิดมีรถชนตายห่ากันข้างหน้าร้านเนี่ยยังทันมั้ย มึงรู้แล้วจะพูดทำห่าอะไร ทำนองนี้)
ในวัยเด็กกูเคยโดนทำร้ายร่างกายและจิตใจมาแล้วตั้งแต่จำความได้จนถึงปัจจุบันอายุ 30 กว่าแล้วยังนึกกลัวจนไม่อยากอยู่ใกล้ ไม่อยากเห็น ไม่อยากสนทนาด้วย เพราะสิ่งที่เจอมาตลอดถึงแม้จะมีช่วงที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดบ้าง ซึ่งกูคิดว่าการไม่ได้อยู่ด้วยกันเป็นเรื่องดีแล้วเพราะนิสัยแบบนั้นของเขาและทุกอย่างที่เค้าทำมันคือการกดดันให้กูและคนอื่นในชีวิตของเขาทำตามที่เขาต้องการ ซึ่งกูโดนมาจนรู้สึกว่าชีวิตไม่ใช่ของกูแล้ว อย่างเรื่องเรียนที่บังคับให้เรียนให้สาขาที่ตัวเขาเองสนใจและคิดว่าน่าจะดี และกูสรุปให้เลยว่าไม่ดีต่อตัวกูและสุขภาพจิตมาก ทำให้กูที่ตั้งใจจะเรียนต่อเอกคิดว่าไม่อยากเรียนห่าอะไรแล้ว และ 4 ปีที่เรียนโทคือหมดอาลัยตายอยากสุดๆขนาดที่คิดว่าในเทอมสุดท้ายก็พยายามที่สุดแล้วกับสิ่งที่ไม่ถนัด ไม่ชอบ ไม่สนใจ แถมยังเกลียดด้วย ถ้าแม่งจะไม่ผ่านไม่จบ กูก็ช่างแม่งเอา 4 ปีนี้ทิ้งชักโครกไปเถอะ ถึงรู้ว่ามันแย่กับความคาดหวังและเงินค่าส่งเสียจากเขาที่จะถูกกูทำลายสิ้นก็ตาม แต่โชคดีที่ฟ้ายังเมตตา กูจบได้สำเร็จ และแน่นอนพ่อก็เตรียมป.เอกไว้ให้กู แต่กูขอพักจากการเรียนต่อด้วยสาเหตุข้างต้น
แล้วต่อมาสภาพการของกูคือ หางานยากเพราะเรียนมาตลอดไม่เคยทำงานที่ไหน ไร้ประสบการณ์แต่อายุเยอะแล้ว และสาขาที่เรียนมาโคตรเฉพาะทางขนาดห้าปีรัฐบาลจะเปิดสักตำแหน่งมั้ยยังสงสัย บริษัทเอกชนคือไม่มีแน่นอน
กูพยายามหางานห่าอะไรก็ได้ตามที่พ่อกับแม่บอก สุดท้ายได้งานแต่พ่อกับแม่ก็ไม่ให้เอาเพราะเงินเดือนไม่คุ้มปริญญาโทจุฬา แล้วไง กูก็หางานต่อไปในการกดดันของพ่อแม่ พี่ และญาติพี่น้องมากมาย ซึ่งหาได้แต่งานที่ไม่ค่อยดี แต่กูก็บอกเอาเพราะตอนนั้นคิดว่าต้องรับส่งแม่ที่ยังทำงานอยู่ และงานนี้บอกมีเวลาให้ครอบครัวแล้วโดยสรุปงานนั้นก็กินเวลาในชีวิตกูไปจนเวลาให้ตัวเองยังไม่มีเลยไม่ต้องพูดถึงครอบครัว และเงินยังไม่ได้เลยเพราะถือว่ายังไม่บรรลุขีดของการทำงานในสายนั้น
กูก็เก็บเงียบเรื่องไม่ได้เงินแล้วตอบรับงานของคนรู้จักที่เงินได้ต่ำตมแถมต้องย้ายไปอยู่ต่างจังหวัด กูก็บอกพ่อแม่แล้วไปเลย อยู่ได้เกือบปี ความที่เศรษฐกิจไม่ดีรายรับไม่เป็นไปตามคาดในที่สุดแผนกที่กูทำก็ถูกยุบไปท่ามกลางความสะใจของพ่อแม่ที่คัดค้านมาตลอด (จริงๆคือคัดค้านแม่งทุกงานที่กูทำเพราะอยากให้ได้ดีกว่านั้น)
จากนั้นกูก็อยู่แบบหางานไปช่วยธุระของที่บ้านไป แล้วเพื่อนกูแนะนำให้เรียนภาษาเพิ่มเผื่อจะหางานได้มากขึ้น กูก็ไปเรียนและเริ่มสนุกกับมัน หลังจากนั้นกูก็พอได้งานบ้างจากเส้นและตัวเองอีกหลายงาน แต่เพราะยังหางานประจำที่พ่อแม่พอใจไม่ได้ (เค้าจะพูดทุกครั้งที่ได้งานว่าให้ออกแล้วหางานอื่น) จนว่างงานพักใหญ่และกูรู้ว่าถ้าได้คงเป็นแบบเดิม แล้วอายุมันเยอะจนหางานยากมากๆ เขาก็บอกไปทำงานเป็นเด็กปั๊มไปมีรับสมัครอยู่ เหมือนโดนตบหน้าอ่ะมึง เงินเดือนหมื่นกว่าบอกน้อยไปให้ลาออก มาตอนนี้บอกเด็กปั๊มได้วันละ100-200ก็เอา
มาปัจจุบันคือบังคับกูทำงานการเกษตร คือว่ากูไม่เคยมาทางนี้เลยสักนิดและร่างกายกูไม่ให้กับการทำงานแบบนี้เลย แต่เพราะเขาบังคับก็เลยต้องทำ เพราะเขาบอกไม่ทำก็ออกจากบ้านไปเลย ไม่มีเงินให้ด้วย ไปหากินหาอยู่เอาเอง กูก็จะไปแล้ว รู้สึกทนไม่ไหวที่ถูกบังคับขนาดนั้นเพื่อทำในสิ่งที่พ่ออยากทำ ไม่ได้ถามความเห็น ไม่ได้รับฟังเลยด้วยซ้ำว่ากูจะทำมั้ย สนใจมั้ย แต่ข้อแรกคือ เงินที่มีคงอยู่ได้ไม่เกินครึ่งปีถ้าไม่มีงานหรือที่พัก ข้อสองคือ ถ้าไปก็เหมือนตัดขาดกับพ่อแม่ครอบครัวไปเลย ก็คิดอยู่ทั้งที่อารมณ์ขึ้นน่ะแหละ เลยตัดสินใจว่าทนไปก่อน รอมีเงินมีหนทางมากพอค่อยไป