Last posted
Total of 1000 posts
ทำไมมนุษย์เงินเดือน ชอบได้กันเอง ตอนไปเอ้าติ้งวะ บางคนมีแฟนอยู่แล้วด้วยนะ ยังมาเอากับเพื่อนร่วมงาน
>>864 กุเคยทำงานที่นึงคนในแผนกเหมือนกินกันเองทั้งๆที่มีเมีย มีผัวแล้ว กูก็ไม่รู้ว่าคิดมากไปเองมั้ย แต่มันจะมีหลายคู่เลยที่แบบไปนอนจับมือกัน นอนกอดกัน แยกเป็นคนละคู่เลย และทุกคนมีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้ว อย่างครั้งนึงไปเอาท์ติ้ง อยู่ๆ ก็มีการผู้ชายคนนึงไปคอยเทคแคร์ผู้หญิงอีกคน แบบเดินจับมือกันตลอดทริป กูงงสัส แล้วเหมือนทุกคนทำเหมือนกับว่ามันไม่มีอะไรด้วยนะ เหมือนนี่คือปกติเพื่อนกันนอนกอดกันบนเตียงเดียวกันคือปกติ จนกูรู้สึกว่ากูไม่ปกติเลยสัส
หรืออย่างบางทีบอกทุกคนในบริษัทว่ามีแฟนแล้ว แต่ก็ชอบเหมือนจะหยอดกู แต่ก็บอกกูว่ามีแฟนแล้วนะ กูก็งงว่าต้องการไรจากกูวะ กูงง หรือกูไม่ปกติวะ
ปรึกษาหน่อยดิเพื่อนโม่ง
กูจะออกรถใหม่ กูควรจะเอาโบนัสที่ได้ทุกปีโปะรถให้จบใน 2 ปี หรือถือเงินเย็นไว้แล้วทยอยผ่อนให้ครบ 5 ปีดี
ปล.มีเงินเย็น 6 เท่าของเงินเดือน
ปล2. ฐานะทางบ้านไม่ขัดสน ถ้ามีอะไรฉุกเฉินสามารถขอร้องให้เขาซัพพอร์ทได้ (แต่จ่ายคืนนะ ไม่ขอฟรี เหมือนกู้ที่บ้านดอก 0%)
มีใครทำงานเงินเดือนน้อยบ้างไหม พวก15k-30k อยากรู้ว่าถีบตัวเองยังไงให้ขึ้นไประดับกลางๆได้ 40k-60k ถ้าสายงานไม่ใช่พวกเเบบวิศวกร coding หมอ หรืออะไรพวกนั้น
เพื่อนโม่ง พอดีได้งานใหม่แถวบีทีเอสพระโขนง แนะนำหน่อยได้มั้ยว่าควรจะเช่าห้องพักที่ไหนดี จะขับรถยนต์ไปทำงาน และที่ทำงานมี fleet card ให้เพราะงั้นไม่ติดปัญหาเรื่องค่าน้ำมัน แต่อยากได้โซนที่แบบราคาไม่แพงเท่าพวกในเมือง แต่ขับรถเข้าพระโขนงได้ง่ายๆ รถไม่ติดจนเกินไป (ไปเซอร์เวย์ตอนเสาร์อาทิตย์มาแล้ว แต่ไม่รู้ตอนเช้าวันธรรมดา มาจากเส้นไหนจะติดมากติดน้อยยังไง)
>>875 ต้องถามรายได้มึงก่อนว่าราวๆไหน .... ที่สำคัญกว่าอีกนะ ย่านนั้น ราคาก็แพงพอๆกันแถมหอพักมีแต่แบบเหี้ยๆทั้งนั้น พยายามตั้งเกณฑ์ไว้สูงนิดนึงก็ได้ แล้วราคาใกล้ทำเล บางจุดมึงระวังนะ ความพีคอาจบังเกิดคือที่พักมึงใกล้ที่ทำงานจนทางทฤษฎีเดินไปทำงานก็ได้แต่เรื่องจริงอาจจะเดินทางไปนั่นนี่ด้วยทางเท้าไม่ได้แบบแถวๆเดอะมอลล์บางกะปิที่ที่พักต่อให้ใกล้ห้างแต่เดินทางเท้าเข้าห้างไม่ได้ไรงี้ก็มีนะ
แก่แล้วขี้เกียจว่ะ ทำไมสมัย 2x กูขยันได้ขนาดนั้นวะ เฮ้อ
กูเพิ่งเจอ recruiter เข้ามาเสนองานใหม่เลย แบบรุกกูมากๆ เงินเดือนที่เสมอมามากกว่าที่กูได้ตอนนี้ประมาณหนึ่งในสามได้ สวัสดิการก็พอใช้ได้ แต่ประเด็นคือกูยังไม่อยากเปลี่ยนงานตอนนี้ไง ทำที่ปัจจุบันได้ปีเดียว กับกูรู้สึก Fit In กับที่ปัจจุบันไปแล้ว เดินทางสะดวกด้วย ที่ใหม่ที่เสนอมาคือต้องเข้าเมืองลึกกว่าที่กูทำปัจจุบัน
ลำบากใจเหมือนกันระหว่างค่าตอบแทนกับความสบายใจ ระยะการทำงานหาเงินคนยิ่งสั้นๆ อยู่
>>885 1 ใน 3 ถ้าเงินเดือนมึง 30,000 อีกที่ให้ 40,000 งี้ปะ
สำหรับกูนะ กูไม่ย้าย เพราะไม่รู้ที่ใหม่มันจะสบายใจเท่าที่เดิมไหม กูถือคติใช้ชีวิตให้มีความสุข
แต่มึงลองดูภาพรวม การเดินทาง เวลาที่ใช้เดินทาง เอามาหักลบกัน ลองหาข้อมูลบริษัทฯมาตัดสินใจเพิ่มเติมด้วยก็ดี
กำลังรองาน
ในบ.กูลาออกคนนึง แล้วงานก็ต้องกระจายไปให้คนที่อยู่ในตำแหน่งเดียวกันแบบเท่าๆกันตามความเหมาะสม มีชีนึงนางไม่เอา บอกว่าถ้าจะให้ทำต้องเพิ่มเงินเดือนให้นาง ก็เข้าใจนะว่าไม่อยากได้งานเพิ่ม แต่คนอื่นก็ได้งานเหมือนกัน แล้วตัวเองวันๆก็ว่างแทบไม่ทำอะไร เอาเปรียบคนในที่ทำงานไปไหมวะ
หัวหน้าห่วยอีกเสียง
กุเห็นโพสเพื่อนกุพูดถึงอายุ 30 แต่เงินเดือนแค่ 2 หมื่นแล้วรู้สึกลูสเซอร์ กูก็รู้สึกสะอึกขึ้นมาแฮะ เพราะตอนอายุ 29 กุก็คือคนที่เงินเดือนแค่ 23,000 เหมือนกัน แต่กุทำงานหลายตำแหน่งมากในช่วงกลางปีเลยขอเจรจาของเงินเพิ่มซึ่งก็ได้มาไม่ถึงสามหมื่นอยู่ดี สุดท้ายเลยตัดสินใจลาออกในวัย 30 และมาเริ่มงานใหม่ที่โดดไปเงินเดือนสามหมื่นปลายๆ แต่ก็ทำได้ไม่นานก็โดดไปอีกที่ที่ได้เกือบห้าหมื่นแล้ว ซึ่งตอนนี้กูก็ยังรุ่สึกเงินเดือนยังน่อยอยู่เมื่อเทียบกับคนอื่น แต่ก็ไม่รู้สึกว่าตัวเองดูด้อยอะไร
แต่เอาจริงพอหันกลับไปมองตัวเองในวัย 29 เกือบ 30 ถ้ากุไม่เลือกลาออกมา กุในวันนี้ก็คงไม่ต่างจากคนในนิยามความลูสเซอร์ของเพื่อนเหมือนกัน มันก็รู้สึกแย่แปลกๆนะถึงตอนนี้ตัวเองจะไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้ว แต่ก็รู้สึกเหมือนกูโตช้ามากๆ ในตอนนั้นกุไม่รู้สึกว่าเงินเดือน 23,000 มันกระจอกอะไรด้วย แต่สำหรับคนอายุ 30 จริงๆมันคือเกณฑ์ของคนขี้แพ้งั้นสินะ และกุก็อยู่ในจุดนั่นมาแบบไม่เคยรู้ตัวเลย ในจุดนึงที่ผ่านมา กุก็เคยเป็นขี้แพ้งัินหรอวะเนี่ย กุไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเคยแย่แบบนั้นเลย เพราะกูก็มีกินพอใช้ แอบช๊อคแปลกๆ จริงๆแล้วตอนนี้กูดีพอแล้วรึเปล่าวะ
>>892 ไม่นะ กุว่าการทำงานไม่ใช่การแชร์อย่างเท่าเทียม แต่เป็นการดีลกันมากกว่า ในเมื่อเค้าเข้ามาทำงานใน scope นี้ด้วยเงินเท่านี้ อยู่ๆมาวันนึงจะมายัดงานเค้าเพิ่ม แต่ไม่ยอมให้เงินเพิ่ม กุมองว่าบริษัทต่างหากที่เอาเปรียบพนักงาน การที่คนอื่นยอมแล้วมันมีคนนึงไม่ยอม คนนั้นก็ไม่ผิดไรนะ เค้าแค่รักษาผลประโยชน์ของตัวเองที่คนอื่นๆไม่ยอมรักษามากกว่า แทนที่มึงจะไปด่านางคนนั่น มึงต้องไปด่าบริษัทมากกว่าถ้าจะมาโยนงานให้มึงทำหมดแต่นางไม่ต้องทำ มันไม่เกี่ยวกับน้ำใจ จริงๆบริษัทต้องหาตัวตายตัวแทนมาทำให้ได้ แต่ถ้าหาไม่ได้ถึงจะมาดีลกับคนที่เหลือ ซึ่งสุดท้ายเค้าก็มีสิทธิ์ปฎิเสธอยู่ดี ถ้าสุดท้ายงานมาลงที่มึงหมด มึงก็ไม่มีสิทธิไปด่าเค้าที่ปกป้องตัวเอง แต่ต้องด่าบริษัทและพิจารณาตัวเองว่าทำไมมึงยอมให้คนอื่นเอาเปรียบ
แล้วเอาจริงน้ำใจมันมีสำหรับคนที่ความสัมพันธ์ดีมากพอจนเค้ายอมเสียประโยชน์บางอย่างให้ได้ แต่ไม่ใช่สิ่งที่จะมาบังคับเอาจากกัน
>>895 พูดอย่างงี้อาจจะคลิเช่ แต่กุเชื่อจริงๆ นะว่าเราต้องเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง อย่าเทียบกับคนอื่นมากไปอ่ะ อายุเท่านั้นมันมีทั้งคนที่คิดว่าเงินสองหมื่นเยอะ สองหมื่นน้อย(แบบเพื่อน) และสองหมื่นก็โอเค(แบบมึง) ทำไมถึงเปลี่ยนมาตรวัดไปใช้ตามเพื่อนวะในเมื่อเราไม่ได้คิดแบบนั้น? ถ้าตอน "29" มึงไม่ได้รุ้สึกแย่ พอใจกับเงินที่ได้ พอเก็บพอใช้ไม่เดือดร้อน มีความสุขไปตามภาษาก็ดีแล้วนี่หว่า แต่ถ้าตอน29 มึงท้อแท้หดหู่ใช้เดือนชนเดือน ตอนนี้ที่การเงินดีขึ้นแล้วมองกลับไปค่อยรุ้สึกลูเซอร์ก็ไม่สาย
>>898 มันเพราะว่าไม่ได้มีแค่เพื่อนที่พูดแบบนี้ คนอื่นที่รู้ส่ากุเงินเดือนสองหมื่นในตอนนั้นก็มองว่ามันน้อยไปอยู่ดีเมื่อเทียบกับอายุงาน อย่างงานใหม่ที่กูได้หลังจากนั้นเจ้านายก็พูดเองว่าสองหมื่นปลายๆที่กูได้ตอนลาออกมามันก็ยังน้อยอยู่ แต่ตอนนั้นกุไม่เดือดร้อนเพราะกุก็ไม่ได้มีชีวิตย่ำแย่ แต่มันก็แค่กุ กุเลยรู้สึกว่าสำหรับสังคมแล้วเค้ามองว่าถ้าคนอายุเกือบ 30 ได้เงินแค่นี้มันต้องพิจารณาตัวเองแล้วนะ เพราะถึงกุจะบอกว่ากุใช้พอ แต่มันก็แค่ใช้พอเพราะกุไม่ใช่คนใช้เงินเยอะมากกว่า ถ้าจะเที่ยวต่างประเทศหรือซื้อประกันสุขภาพ เงินแค่นั้นไม่พอหรอก ซึ่งพอเป็นแบบนั้นก็เลยรู้สึกตามเพื่อนว่า เออ กุก็เคยอยู่ในจุดลูซเซอร์เหมือนกัน จนเกิดคำถามกับตัวเองว่าที่บอกว่าพอใช้ แต่ใจลึกๆมันพอใจรึเปล่า เพราะกุก็แค่ใช้เงินตามกำลัง แต่กุไม่มีสิทธิฟุ่มเฟือย มันก็แค่กุไม่เดือดร้อยที่กุไม่ได้มีเงินพอฟุ่มเฟือยอ่ะ แต่กุก็ไม่สามารถเข้าถึงของคุณภาพดีที่สุดด้วยเช่นกัน
แล้วพอเทียบกับตอนนี้ที่มีเงินเหลือแล้ว แต่ก็อดีู้สึกไม่ได้ว่าแล้วมันโอเคจริงรึเปล่า เพราะกูก็แค่คนใช้เงินตามกำลังที่มี ตอนนี้ที่พอใจ มันพอใจจริงๆ หรือเพราะนิสัยกุที่โอเคกับสิ่งที่มีกันแน่ เลยไม่รู้ว่าเวินเดือนกูตอนนี้สามารถพูดได้ว่ามากพอสำหรับอายุเท่านี้แล้วหรือยัง
ลาหยุดแต่ต้องเอางานกลับมาทำที่บ้าน เซ็งว่ะ จะไม่เอามาก็ไม่ได้ งานต้องส่งต่อให้คนอื่น กูผิดเองแหละที่ลาล่วงหน้า แล้วงานมันมาช่วงจะลาพอดี เห้อ
>>901 แต่กูเป็นผู้หญิงนะ 5555 กุไม่ซีเรียสเรื่องแต่งงานว่ะ กุแค่กลัวว่ากุจะตกหล่มของการพอใจในีวิตที่มีจนเกือบไม่พัฒนาอ่ะ คือเพราะกุมีความสุขตามอัตภาพกกุเลยไม่ไขว่คว้า จนเกือบทำให้ตัวเองอยู่ในจุดมี่เป็นขี้แพ้ไปซะแล้ว กลัวว่าทุกวันนี้มันจะกลับไปเป็นแบบเดิมอีกที่คิดว่าชีวิตดีแล้ว แต่จริงๆมันดีได้มากกว่านี้อีก
ตอนนี้กู 30 เงินเดือนราวๆ 150k-200k (แล้วแต่เดือน) หักค่าเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงผัวเลี้ยงลูกผ่อนบ้านผ่อนรถก็เหลือเก็บแค่หน่อยเดียวละ ส่วนตัวกูอยู่ไม่ได้อะเงินเดือนสองสามหมื่นเนี่ย ถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝัน ป่วย,อุบัติเหตุ,มีคดีฟ้องร้องหรือต้องการใช้เงินด่วนๆไปแก้ปัญหาอะไรซักอย่างคือจบเห่เลยนะ
สังคมเรามันเหี้ยแบบนี้แหละ เอ๊ะหรือแค่กูที่เหี้ย แต่กูรู้สึกงี้จริงๆ
ส่วนตัวกูจะรู้สึกloserก็ต่อเมื่อในสายงานเดียวกันถ้าเป็นสายอาชีพที่มีทักษะ เช่น เป็นวิศวกรมึงทำอายุ30 เเต่ถ้ายังได้23kนี่ต้องพิจารณาละควรรู้สึกloserจริงๆ (เเต่คนส่วนใหญ่คงไม่มีเเบบนี้) เเต่ถ้าให้พูดกว้างๆอายุเท่านี้ต้องมีรายได้เท่านี้ส่วนตัวกูเฉยๆกับคำถามนี้มาก หลายๆคนทำอาชีพunskill labor รปภ เเม่บ้าน บางคนอายุ40 50 เงินเดือนยัง20kอยู่เลย พูดเเบบนี้จะบอกว่าเขาloserก็ไม่ใช่ เพราะเเต่ละงานมันก็มีเพดานก็ของมัน มันมีข้อจำกัดของมัน เเต่ละคนมีความสามารถ โอกาส ไม่เท่ากัน
ทำงานที่แรก 1 ปีออก ทำงานที่สอง 1 ปีออก คิดว่ายังไงกันบ้าง?
การที่ต้องมาเป็นคนประเมิน perfomance คนอื่นนี่แม่งยากชิบหายเลยว่ะ ฮรืออออ
กูมีความสงสัยเรื่องเงินชดเชย คือเราได้จากบ.90วัน แล้วจะได้จากปกสค.อีก6เดือนด้วยไหม กรณีว่างงาน
กูเคยเป็นคนที่เงินเดือนพอใช้แบบกินมื้อละหลักร้อยได้โดยไม่ต้องคิดอะไรเลย หลักพันนี่คิดนิดหน่อยแต่ก็กิน ของในตัวก็แบรนด์เนมไฮเอนด์บ้าง จนมาวันนี้สะดุด (ยังไม่ถึงขั้นวิกฤต รายได้ยังเท่าเดิม แต่รายจ่ายงอกแบบสาหัส) ต้องประหยัด แค่จะกินก๋วยเตี๋ยวต้มยำ 60 บาทยังต้องตัดใจไปกินข้าวราดแกงสองอย่าง 40 บาทแทน ประหยัดไปได้ 20 บาท เคยกินกาแฟสดทุกวันวันละแก้วสองแก้ว เดี๋ยวนี้น้ำเปล่ายังไม่สั่ง ยอมคอแห้งกลับไปกินน้ำฟรีที่บริษัทเอา 555 แต่กับคนอื่นก็ยังทำตัวเหมือนเดิมนะ ยังต้องใส่ซองน้องๆ ที่ทำงานเหมือนเดิม ปีใหม่ก็ต้องพาน้องในทีมไปเลี้ยงข้าวเหมือนเดิม แล้วมาประหยัดในส่วนของตัวเองเอา มันก็เป็นรสชาติชีวิตที่ปะแล่มๆ บอกไม่ถูก ก็ต้องสู้กันต่อไปล่ะนะชีวิต
เลี้ยงข้าวเมิงก็เบิกบริษัทดิ ไม่มีเงินเอาไว้ส่วนนี้หรอ คนเป็นหัวหน้าต้องคิดเยอะๆ
>>913 ขอบคุณมึงทั้งคู่ ของกูกูจะลาออกอยู่แล้วอ่ะ แต่ไปคุยกับหัวหน้าขอเป็นเลิกจ้างแทน เพราะลาออกกูได้แค่นิดเดียว แล้วหัวหน้าให้เพราะเขาอยากให้กูได้เงินเยอะกว่าลาออกอ่ะ เพื่อจะได้เอาเงินก้อนไปทำธุรกิจตัวเอง เป็นพวกร้านเล็กๆ แล้วบ.ก็ให้ด้วย ฟังดูแปลกแต่บ.กูมันแปก ถถถถถ
เงินประกันสังคม 3 เดือนได้ประมาณ 13500 ตกเดือนละ 4500 ไม่เยอะ แต่ดีกว่าไม่ได้อะไร อย่าลืมไปใช้สิทธิ์ของตัวเองนะเพื่อนโม่ง
เบื่อเจ้านาย 😮💨
ที่ไม่ควรรู้เงินเดือนคนอื่นเพราะจะทำให้หยุดคิดไม่ได้ว่าเพื่อนที่นั่งทำงานเหมือนๆกันข้างๆกันได้เงินเยอะกว่ากูหลักหมื่น ส่วนรุ่นน้องจบใหม่สดๆที่เพิ่งเข้ามายังทำอะไรไม่เป็นเลยได้เงินเดือนมากกว่ากูครึ่งหมื่น สุดยอดจริงๆเลยบริษัทกู
>>921 เอาเข้าจริงแม่งก็แบบที่ >>922 บอกแหละ ซึ่งมันก็เหี้ยไง กูเคยเจอนะ แล้วเจอในบริษัทที่แบบออกกฎห้ามแม้กระทั่งจะยกเรื่องเงินเดือนมาพูดในช่วงปฏิบัติงานเลยนี่คือแม่งแบบระยำเต็มคาราเบลมาก รายได้แม่งต่ำพอๆกับครูชนบทแต่จะใช้งานกูแบบเทียบเท่าถวายหัว 24 ชม.ไงอีสัส จริงๆได้มารู้เลยว่าละแวกแถวบ้านกูมีแต่ที่ทำงานเหี้ยๆทั้งนั้น นายจ้างสวะโสมมเต็มไปหมดจนทุกวันนี้ย้ายหนีมาหางานทำในเมืองแทบไม่ทัน
>>923 ถ้า ผจก มึงมาทำงานที่ บ. เก่ากูนะ มีแต่โดนไล่ออกหรือไม่งั้นก็ปราณีสุดๆตรงได้ใบเตือนอ่ะ
นี่คือสิ่งที่กูคิดไปเองหรือทำงานกับคนญี่ปุ่่นต้องเหลี่ยมจัดกว่านี้วะ? ทำงานถวายหัวนะ แต่สุดท้ายเหมือนจะถูกเขี่ยออกตลอดเวลาทั้งๆที่ใส่ความตั้งใจขนาดไหนคือแม่งก็ไม่เห็นคุณค่า ไม่รับรู้ โดนเพ่งเล็ง ต้องเป็นเครื่องจักรให้ได้ ห้ามทำตัวเป็นมนุษย์ให้มันเห็น ส่วนคนที่มีคอนเนคชั่นหรือสุงสิงคนนั้นคนนี้นี่แบบว่าหัวเรือจัดๆ ทำงานพลาดกูเห็นเยอะแยะไปแต่ไม่เห็นโดนว่าเท่ากู โอทีให้แบบกระหน่ำ ต่อให้ต้องแบกก็ตาม .....ขนาดนี่ไม่ใช่แบล๊กนะ ถ้าแบล๊กจ๋าๆเลยจะขนาดไหนเนี่ย หรือจริงๆละกูไม่สุงสิงใครเยอะจนเวลาโดนใส่ไฟลับหลังก็เลยถูกมองว่าแย่ยันสายตานายเหรอ? มีอีกคนที่โดนและแม่งน่าจะเพราะเป็นสาวสองด้วย อีนี่คุยๆจริงๆก็ไม่ได้นิสัยแย่นะแต่เห็นพลาดจนพาลโดนด่าจริงๆจะโดนหนักชิบหาย ถึงนายยุ่นไม่ได้ลงมาด่าเองก็เหอะ ถ้ายังจะทำกับนายยุ่น จะต้องชินกับบรรยากาศการทำงานแนวนี้เหรอ?
การที่กูไปสมัครงานที่เขาใช้วุฒิม.3ขึ้นไปเเต่วุฒิกูมากกว่าม.3เเล้วเขาไม่เอานี่ปกติป่าววะ คือกูถามเขาเเล้วว่าไม่มีประสบการณ์ทำได้มั้ยเขาก็บอกได้มีสอนงานเเต่ดูสภาพตอนนี้ส่งสมัครไปหายเงียบเขาคงไม่รับกู กูทำไรผิดวะก็ยื่นวุฒิไปเเบบปกติ.......
เยอะแยะไป ส่ง resume ตรงวุฒิแต่เขาไม่เรียกสัมภาษณ์ มันเข้าใจยากตรงไหน ไม่ใช่ว่าเขาจะเรียกแม่งหมดทุกคนขอแค่ตรงวุฒิ มันมีเหตุผลเยอะแยะ ส่วนเรื่องเหตุผลคืออะไรมันก็มีแค่คนตัดสินใจที่รู้
>>929 เคยเจอเหมือนกันนะ มีปสก.ตรงสายงานแต่ไม่รับ ทั้งๆที่โทรถามก่อนละนะว่ารับใช่ไหม ไปถึงจะนั่งสัมไปคุยๆกันมากลับลำไม่รับเฉย มารู้อีกทีว่าสายงานกูก็ต้องใช้เส้นสายกันด้วย ถ้ามีเส้นสายเลยนะ จะบล๊อกคนนอกแบบมึงๆก่อนเลย ประกาศรับว่าขาดคนเป็นพิธี 1วันต่อมาก็ทำเหมือนว่าได้รับคนแล้วจบไรงี้ บางทีมาสมัคร มีเมียหัวหน้ามาสมัครด้วยก็คือมึงเสี่ยงตกกระป๋องเพราะเส้นสายนี่แหละ
>>932 สังคมทำงานในญี่ปุ่นสมัยนี้มัน stereotype แบบเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว สมัยก่อนอาจจะมีแบบเดียวคือแบบชาวเกาะ ด้วยความที่ปิดกั้นตัวเองจากโลกภายนอก ประกอบกับสังคมที่ห้ามแปลกแยก มันเลยคล้ายกัน แต่ตอนนี้มันแล้วแต่ว่าจะไปเจอบ.ญี่ปุ่นแบบไหนละ แบบยึดติดดั้งเดิม / แบบคนมีอายุ ความคิดดั้งเดิมเป็นพื้นฐาน แต่ก็ไปเป็น expat มาแล้วทั่วโลก / แบบเด็กยุคใหม่หัวนอกจ๋าๆ แทบไม่มีความเป็นญป. / แบบโดนไทยกลืนไปซะเยอะ ฯลฯ มันมากะเกณฑ์ไม่ได้หรอก
ระหว่างซื้อหวย กับทายผลบอลไปรษณีย์ แบบไหนมีโอกาสถูกกว่ากันวะ
ส่งไปรษณีย์ มึงอาจส่งไม่ถึง
แต่ซื้อหวย มึงได้โอกาสลุ้นตอนที่มึงซื้อทันที
เผลอแป๊บเดียวก็เดือนสุดท้ายของปีแล้ว พอแก่ละเวลามันผ่านไปไวจริงๆ แป๊บปีแป๊บปี ชอบเดือนธันวาที่สุดเพราะทั้งวันหยุดเยอะ ทั้งได้โบนัส 🥺🥺🥺
หวัดดีพวกชนชั้นแรงงานั้นต่ำชาวอีสาน
มึง กูจะหาโรงพิมพ์งาน พิมพ์การ์ด แต่กูไม่รู้ราคาเท่าไหร่ มีทางเลือกอะไรมั้ย นอกจาก ถามไปเรื่อยๆ ทีละที่หาราคามาตรฐาน แล้วค่อยไปดูงานพิมพ์
คำว่า Thank you for your request นี่มันไม่สุภาพขนาดนั้นเลยเหรอ เราพิมพ์ตอบเมลคนไทยที่เค้าแจ้งมาเรื่องนัดคุยเกี่ยวกับโบนัส ในเมลก็บอกวันนัดต่อด้วยถามว่าสะดวกมั้ยตามสเต็ป เราก็ตอบไปตามข้างต้นแล้วบอกว่า i'm available บลาๆ แต่เค้าเอาเราไปนินทาว่าเป็นพวกสำคัญตัวผิด คิดว่าสำคัญขนาดต้องขอร้องให้ตอบเลยเหรอ มันเป็นหน้าที่คุณชั้นไม่ได้ขอร้อง อะไรทำนองนี้ คือประโยคที่เราตอบเมลไปมันไม่ควรใช้ใช่ไหม? แล้วเราควรจะตอบเค้าว่าไรถึงจะเหมาะสม?
>>940 ไม่เก็ตอีกคน ตกลงใครนัดใคร ทำไมถึงต้อง Thank you for your request (???) ปกติถ้าเค้าเป็นคนนัดแก แกก็ต้อง Thank you for the invitation / Thank you for inviting me แต่ถ้ามึงเป็นคนนัดแล้วเขาตอบรับ แกก็ต้อง Thank you for your reply to my invitation มันงงตรงอยู่ดีๆ มี request โผล่มายังไงจากไหน นัดคุยเรื่องโบนัส เขาไม่ได้ร้องขออะไรมึงนี่ แต่ใดๆ ก็ตามแต่มันก็ไม่น่าเกี่ยวกับการสำคัญตัวผิด แค่ใช้ภาษาผิดเฉยๆ
>>941 >>942 ขอโทษทีที่เล่าคลุมเครือ คือเราระแวงว่าจะมีคนในที่ทำงานมาเห็นกระทู้นี้น่ะ แต่ช่างเถอะ เอาตรงๆก็คือคนที่เมลหาเราน่ะคือหัวหน้าเรา เค้าจะนัดคุยเรื่องโบนัสของคนในทีมว่าแต่ละคนทำตามเป้าได้มั้ยไรงี้ เค้าก็เมลมาแจ้งวันนัดแล้วก็ถามว่าสะดวกมั้ยนั่นแหละ เราเลยตอบไปว่า thank you for your request. I'm available... บลาๆ เราก็มาตงิดใจทีหลังแหละว่าเราอาจจะใช้คำพูดตอบเมลไม่เหมาะกับบริบท แต่เราก็ได้ยินมาว่าหัวหน้าเราเอาไปนินทาตามที่เราบอกไปข้างบนจนเละแล้ว เค้าคงเข้าใจว่าเราข่มเขาล่ะมั้ง เขาว่าเรา(นินทา)สำคัญตัวผิด คุณไม่ได้สำคัญขนาดต้องให้ชั้นมาขอร้อง คุณจะมาหรือไม่มาตามนัดก็เรื่องของคุณหน้าที่คุณ จริงๆเหมือนเค้าคงใช้คำแรงกว่านี้อ่ะนะ แต่ความหมายก็ประมาณนี้
นั่งคำนวณว่าปลายปีต้องซื้ออะไรลดหย่อนบ้างแล้วรู้สึกผะอืดผะอมเหมือนจะอ้วก รู้สึกเหมือนทำงานมาเพื่อเอาเงินไปขัง 555 ซื้อจนแม่งไม่มีเงินจะใช้ ได้โบนัสเอาไปซื้อของขวัญให้ตัวเองงั้นเหรอ โถ เกิดมาไม่เคยมีคำนั้นในพจนานุกรมกู ซื้อประกันซื้อกองทุนกดฐานวนไป
>>945 เอาจริงมันก็เข้าใจได้อ่ะว่าต้นเรื่องมันใช้คำผิด ถ้าคนกันเองก็คงขำๆ เด็กมันเขียนไรมาวะ แต่ถ้าเหม็นกันนิดหน่อยนี่โดนเอาไปใส่ต่อยับ
เก็บไว้เป็นบทเรียนละกันเมิง ไม่ต้องพิมสวยหรูยืดยาว ok im available on xx / im free anytime, up to your comvenience ไปเลยยังได้ คุยกับคนไทยกุตอบภาษาไทยด้วยซ้ำ ง่ายดี ถ้ามีต่างชาติก็เพิ่มคำแปลไว้อีกแถวบรรทัดล่าง เผื่อเขาอยากรู้เรื่อง
ถือเป็นเงินเก็บไป อย่าคิดมาก
>>951 ของกู ประกัน 100k กองทุน 200k pvd เต็มที่ เหมือนกัน แต่ไม่มีดอกเบี้ยบ้าน ไม่มีช็อปดี
เรื่องเป็นเงินเก็บหลังเกษียณนี่บางทีกูก็คิดนะว่ามันดีจริงๆรึเปล่าวะ ไหนจะกลัวตายก่อนได้ใช้
หรือบางทีก็กลัวว่าตอนนั้นแก่จนไม่มีแรงทำอะไร ได้ไปเที่ยวไปกินมันก็คงไม่สนุกเหมือนไปตอนนี้
อีกอย่างก็กลัวเงินเฟ้อหนักๆจนเงินที่เก็บมามันเหลือค่าน้อยมากนี่แหละ
และแล้วปีนี้กูก็ยังหางานใหม่ไม่ได้เช่นเดิม
Resume ส่งไปเป็นร้อยเป็นพัน เรียกสัมภาษณ์หลักหน่วย แถมได้ไม่ตรงกับสายงาน
สมัครสอบราชการ พนักงานนั่นโน้นนี่ ก็ไม่มีอันไหนผ่าน สุดท้ายก็กินเงินบริษัทผีของที่บ้าน หลอกตัวเองว่ามีงานทำเหมือนเดิมไปอีกปี
นี่ก็ใกล้จะ 2 ปีละนะ ตั้งแต่กูเรียน ป.ตรี ใบที่สอง (บัญชี) จบมา สงสัยปีหน้าต้องต่อ ป.โท แล้วล่ะถ้ามันไม่มีที่ไหนเรียกอีกจริงๆ
ว่าไปถามหน่อย มีใครทำงานเกี่ยวกับขายประกันอะไรทำนองนี้มั่งหว่า
เพื่อนกูแนะนำบอกให้ไปสอบใบอนุญาตเป็นนายหน้าขายประกันเอาไว้ ก็คิดว่าจะสอบอยู่แต่ถ้าจะให้ขยับไปเป็นคนขายด้วยนี่ก็ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไรว่ะ เพราะกูคุยไม่เก่งเลย แถมเดิมทีกูเป็นคนขี้รำคาญด้วยกลัวว่าตอนลูกค้าถามนั่นโน้นนี่แล้วต้องตอบวกวนหลายรอบกูจะวีนแตกเนี่ยล่ะ
>>954 เกิดมาบ้านรวยก็โชคดีกว่าอีกหลายๆคนในนี้แล้ว ลองกูหางานไม่ได้สองปีแบบมึงสิ คงได้ไปนอนอนาถาข้างถนนแล้ว 555 นี่บางทีก็คิดนะว่าที่ตัวเองเป็นผู้เป็นคนได้ทุกวันนี้เพราะบ้านจนนี่แหละ 555 เลยต้องดิ้นรน ตะเกียกตะกาย เพราะรู้ว่าไม่มีใครรอซัพพอร์ตอยู่ข้างหลังแบบที่มึงมี ถ้าบ้านกูรวย กูน่าจะเหลวแหลกไม่เอาถ่านไปละ
>>956 ก็ไม่ได้รวยหรอก ที่บ้านกูทำงานกันหนักพี่น้องกูนี่ขยันออกทำงานสายๆ กลับบ้านทีเที่ยงคืนแทบทุกวัน พอมีรายได้ก็เอามาใส่กองกลางใช้จ่ายกันทั่วบ้าน แถมกูคอยช่วยบริหารเรื่องเงินๆ ทองๆ เพราะกูจบทั้งนิติฯ และบัญชีเลยถนัดหาช่องว่างทำให้มีเงินเหลือเก็บเยอะ อีกอย่างบ้านกูไม่ได้ฟุ่มเฟือยด้วยอยู่กัน 5-6 คนแต่อยู่บ้านทาว์นโฮมเล็กๆ งี้
ตอนแรกกูก็มีงานทำอยู่ที่ต่างจังหวัดนะ แต่เมื่อ 5-6 ปีก่อนที่บ้านเรียกเข้ามา กทม. เพื่อช่วยบริหารงานกิจการที่บ้าน แต่กว่าจะรู้ความจริงว่าให้มาทำงานบริษัทผีของที่บ้านแม่งก็กลับตัวไม่ได้ละ ตอนนี้คิดอยากจะออกเดินต่อแต่ติดปัญหาคือมันไม่มีที่ไหนจะเอากูเนี่ยล่ะ เลยต้องเกาะบ.ผีนี่ต่อไป
>>959 .....สงสัยเลย ประกันออมทรัพย์นี่คือเซฟโซนไหมวะ? หลายๆครั้งเห็นข่าวประกันถูกยกเลิกกรมธรรม์(แล้วข่าวมักถูกปิด) บางทีจ่ายเบี้ยทุกงวดก็กลัวๆหว่ะว่าถ้าเกิดมีเหตุชักดาบเงินลูกค้าคู่สัญญาสักอย่างขึ้นมาจริงๆกับบ.ประกันที่ทำอยู่ ถึงจะเป็นประกันออมทรัพย์ก็เหอะ เวลาจะขอยกเลิก ขอเงินคืน มันไม่ง่ายจนแบบเหมือนทำเรื่องขอถอนออกมาเพราะครบสัญญากรมธรรม์นี่ดิ จนตอนนี้กูกังวลสัสๆเลยว่าไปซื้อพันธบัตรรัฐบาล หุ้นในตลาดหลักทรัพย์ อย่างน้อยๆคือมันยังพอขายคืนได้ไง แค่เหี้ยสุดก็มูลค่าลดลงจนขาดทุนก็ยังได้เงินคืนบ้างบางส่วน แต่บ.ประกันนี่กลัวเหมือนลงเงินกับแชร์ลูกโซ่ชิบหายเลย พวกเงื่อนไขห่าไรไม่ให้ดูง่ายๆถ้าไม่ซื้อกรมธรรม์มันก่อนด้วยนะ
ของกูซื้อให้ลงมาแตะที่ฐาน15%ก็พอละ เยอะกว่านั้นไม่ไหวว่ะ เหมือนทำงานมาแล้วไม่ได้ใช้เงิน
กูเป็นพนักงานออฟฟิศ อายุ 35 แล้ว ขึ้นเป็นซีเนียร์ในสายงานมาได้ซักพัก แต่อะไรต่อมือะไรตันหมดแล้ว ถ้าอยากได้เงินสูงกว่านี้หรือความก้าวหน้ากว่านี้ต้องลาออกไปบริษัทอื่นเพื่อสมัครตำแหน่งใหม่ แต่ก็รู้สึกไม่ค่อยมั่นคงเท่าไหร่เพราะเห็นเพื่อนหรือรุ่นพี่บางคนโดนบีบให้ออกเพื่อจะได้จ่ายเงินชดเชยแล้วเอาเงินไปจ้างเด็กใหม่หรือคนที่ประสบการณ์น้อยกว่านี้จะได้เซฟค่าใช้จ่าย กูควรมองหาลู่ทางที่ไม่ต้องทำงานออฟฟิศหลังอายุสี่สิบ แต่กูก็ยังไม่รู้จะทำอะไรดีว่ะ แม่งเคว้งคว้างไปหมด
>>962 ............ส่วนมากนะ ถ้าอยากได้เงินเดือนสูงขึ้นละไปไกลกว่านี้ มันต้องมีคอนเนคชั่น คือ มีคนอีกกลุ่มไปทำงานที่ที่ดีกว่าละช่วยเชิญมึงมาที่ใหม่ละเจรจาขอเงินเดือนเพิ่มได้ เป็นทางออกเดียวเลยสำหรับคนธรรมดาที่จะไม่ธรรมดาได้ ไม่งั้นก็ต้องหางานเสริมที่สะดวกตัวเองไว้ก่อน
>>960 ถ้ามึงไม่ได้ฐานภาษี 20-25 ขึ้นไป ก็ไม่ต้องซื้อหรอกประกันออมทรัพย์ พวกกูซื้อเพราะมันลดหย่อนภาษีได้เท่านั้นแหละ พันธบัตร หุ้น มันลดหย่อนไม่ได้ไง
>>961 จริงมากมึง เหมือนทำงานมาแต่ไม่ได้ใช้เงิน ต้องเอาเงินไปขังไว้ 10 ปีอัพหมด เสียดายดันเกิดช้า สมัยก่อน LTF 5 ปีเอง อิจฉาสมัยก่อนโคตรๆ พอตรูเข้าวัยทำงานแม่มขยายเวลา ขยายสักพักแม่งยกเลิกเฉย สาส
ประกันพ่วงออมทรัพย์นี่ ถ้ามึงแย่งส่วนคิดนี่ ส่วนมากแม่งแพงกว่าประชีวิตปกติ กะIRR ได้น้อยกว่าฝากประจำอีก
คนทำประกันออมทรัพย์หวังผลลดหย่อนภาษีกันทั้งนั้นแหละ ลองลดหย่อนภาษีไม่ได้สิ ขายไม่ออกหรอก สำหรับคนฐาน 20-25% ขึ้นไป ได้ลดหย่อนภาษี+ผลตอบแทนประกันกรุบกริบ คุ้มอยู่ เชื่อเหอะว่าฐานเท่านี้จัดกันเต็ม 100k ทุกคน
โดนเพื่อนร่วมงาน จับจู๋บ่อยๆ คือ sh ปะวะ แม่งบอกขำๆ กูบอกไม่เอาไม่ชอบหลายครั้ง แต่ไม่ได้โมโหใส่ แม่งไม่หยุดหวะ
ลงทุนไรดีวะแบ่งไว้ลงทุนเดือนละ500 กรือเก็บยาวๆรอได้เงินก้อน
>>967 OK ขอบคุณมึงมาก ในที่สุดกูสามารถตัดแม่งออกจากทางเลือกการลงทุนได้ละ......ที่นี้เหลือกองทุนRMFกับกองทุนบำนาญ สิ่งที่กูสงสัยเลยคือ ไอสองกองทุนนี้มีการแนะนำมาเยอะมาก ถ้าต้องการPassive Incomeที่เติบโตขึ้นมาบ้างหลังอายุระดับ50ขึ้นไป กูควรลงเงินไปกับตรงนี้ไหมวะ?
สังคมโรงงานนี่เปิดโลกกุจริมๆ
>>962 เชี่ย กุนึกว่าตัวเองแยกร่างมาพิมพ์ กุ 36 แล้วก็งงชีวิตเหมือนกัน แต่กูร่อนใบสมัครไปทั่วเลยนะ หามาเป็นปีแล้ว สัมภาษณ์งานแทบทุกเดือน บางตำแหน่งมีเทสด้วย แต่ไม่โดนเรียกซักทียิ่งนอยด์หนักกว่าเก่า อยากจะออกไปทำอะไรของตัวเองมากๆ แต่ อะไร นี่สิ ลองนู่นลองนี่ไปเรื่อยแต่ไม่มีอันไหนที่ทำให้มั่นใจขนาดทำจริงจังเป็นแผนออกจากงานได้เลย ถ้ามึงนึกออกอยากได้หุ้นส่วนมึงเรียกกูด้วยนะ กูทำกราฟิกได้ทำเว็บได้ woocommerce ก็ทำได้แต่เสือกไม่รู้ว่าจะทำมาขายอะไรดี
กูเป็นเจนวายที่เบื่อการย่อแม่งทุกสิ่งทุกอย่างของเด็กเจน z ชิบหาย ยิ่งยุคนี้ทำงานที่บ้านมันมักจะสื่อสารกันผ่านแชท Teams เป็นหลัก หัวจะปวด แม่งพิมพ์มา พี่คะ หนูขอหน.เซ็นอกส.กับบสส.ให้หน่อยนะค่ะ ดด.พน. ค่ะ (ของแท้ต้องพิมพ์ค่ะ/คะผิดด้วย) แม่งจะย่อเหี้ยอะไรนักหนาาาาา
ผญจริงอะพิมพ์คะค่ะผิด สาวดุ้นพิมพ์ถูกตลอด
wait… am i being sexist?
อยากซื้อทัวร์พาทีบ้านไปต่างประเทศแต่เงินเดือนแค่สองหมื่น ไม่เจียมตัวไปมั้ยวะ 5555 กลัวเขาแก่กว่านี้แล้วไม่มีโอกาสเที่ยวแล้ว
>>988 กูเข้าใจฟีลที่มึงบอกว่า กลัวเขาแก่กว่านี้ไปไม่ไหวแล้ว อย่างกูทำงานจนเงินเดือนพอโอเคหน่อยก็ตอนอายุ 20 ปลาย พวกเขาเพิ่ง 50 ปลาย เลยยังพาไปเที่ยวไหวอยู่ ช่วงนั้นแหละที่กูพาไปเที่ยวตปท. บ่อยเหมือนกัน พอซัก 60 กว่าเริ่มเที่ยวได้แต่ในประเทศแล้วว่ะ เพราะไป ตปท. มันลำบากเกิน เหมือนพาไปทรมานมากกว่า (ไปกับทัวร์ถึงสบายหน่อยก็ไม่ใช่ว่าไม่ลำบากเลย สำหรับคนแก่ที่เขาไม่ได้เรี่ยวแรง 100% แบบเรา) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับสุขภาพพ่อแม่มึงด้วย บางคน 60-70 กูก็เห็นแข็งแรงดี ส่วนพ่อแม่กูสมัยอายุน้อยทำทุกอย่างที่มันเสียสุขภาพอะ 555 ก็เลยสังขารไปไวหน่อย
กลับมาที่เรื่องของมึง ถึงเงินเดือนมึงจะสองหมื่น แต่ถ้าอนาคตการงานมึงมั่นคงแน่นอน กูว่าก็พอไหวนะ ถ้าไปประเทศแถวเอเชียไม่เว่อร์มาก มันไม่ได้แพงอะไรมากมาย และเดี๋ยวนี้มันมีพวกโปรบัตรเครดิตผ่อน 0% อะไรก็มี ลองหาดู แต่ถ้าเป็นกูกูไม่กล้าว่ะ เพราะงานกูมันไม่ได้มั่นคงขนาดนั้น เลยไม่กล้าใช้เงินในอนาคต รอจนมีเงินเก็บเป็นกอบเป็นกำค่อยพาไปเที่ยว
รายได้ 60 (หัก pvd ปกส. ภาษี เหลือรับจริง 50) ให้พ่อแม่ 15 ค่าที่พัก+น้ำไฟ+เน็ต+โทร 10 กินใช้ส่วนตัว 25 สรุปเหลือเดือนละ 10 ปีนึงเก็บได้แค่แสนสอง + pvd ใจนึงก็อยากเก็บเงินให้ได้มากกว่านี้ แต่อีกใจก็รักสบาย อยากอยู่ในที่พักที่ดี อยากกินอะไรที่อยากกิน ไม่อยากมานั่งกระเบียดกระเสียน ตอนแก่อาจจะแดกอะไรไม่อร่อยแบบตอนนี้แล้วก็ได้ แต่อีกใจก็กลัวแก่ไปอดอยากอนาถาเพราะเงินเก็บน้อย สับสนกับตัวเองมาตลอด มีช่วงที่พยายามลองประหยัดแล้วก็รู้สึกอึดอัดทรมาน ทางสายกลางมันคือตรงไหนวะ สับสนโว้ยยย
กูอยากรายได้เยอะๆมั่ง รายได้30kเองเลยต้องจำใจใช้น้อยๆ
ปล.ใช้15k กินปานกลาง-ประหยัด5-6k เเต่ไม่ได้ให้ตังค์พ่อเเม่นะ เก็บเดือนละ15k
>>989 ขอบคุณมากมึง ของกูมันก็มั่นคงแหละมั้งสองปีกว่าแล้ว กูไม่ชัวร์ด้วยซ้ำว่า 20 ปลายเงินเดือนกูจะเรียกถึงสามหมื่นได้มั้ย(มีสิทธิ์ไม่ได้สูง) เคยคิดว่าถ้าเงินเดือนสูงกว่านี้จะเริ่มเก็บเงินพาเขาไปเที่ยวแต่นั่นแหละ
คงพยายามเจียดเงินจากเงินใช้รายเดือนไปเป็นเงินเก็บเผื่อพาเขาเที่ยวตั้งแต่ปีหน้าละ สองปีอย่างน้อยกูคงได้ซัก 5 หมื่นกว่า555
รู้สึกว่าหลังจากทำงานมาสักพักนึงแล้ว กูเหมือนเหมือนเด็กกระโปกโตแต่ตัว ไม่ผิดพอวันหยุดก็เป็นนีท อยู่หออย่างเดียวไม่ไปไหนเลย
อยากจะมีแฟน เหมือนกัน แต่พอยู่คนเดียวมานาน ยังกังวลว่าจะปรับตัวได้ไหมวะ อยากซื้อคอนโด อยากซื้อรถ
ใจนึงก็อยู่หอนี่แหละดีแล้วมีเงินเก็บ แต่พออยู่ไปเบื่อเสียตังค์ซื้อเกม ซื้อของเล่น เสียเงินอยู่ดี
ตอนนี้จะกลับบ้านต้องให้พ่อมารับ แต่ก็คิดนะ ถ้ากู 40 50 เค้าคงขับไม่ไหว
กูควรจะทำไงดีวะ หรือว่าควรจะ move on ตอนที่ยังไหวอยู่ดี เคยเห็นเพื่อนใน face แต่ละคนอิจฉามาก ถ้าไม่อวดลูกก็ไปได้งานบริษัทดีๆ ที่ต่างประเทศทั้งนั้น ช่วงหลังกูลบบัญชี fb ทิ้งเลยเพราะทนไม่ไหว ToT
กูต้องมาประสานกะรุ่นพี่ที่เคยสนิท ตอนหลังเขาย้ายฝ่ายแต่ยังมีงานที่ต้องประสานกะฝ่ายเก่าอยู่เนืองๆ (ซึ่งก็คือกูนี่แหละ)
ฝ่ายที่เขาย้ายไปงานมันหนักขึ้น พักหลังๆ เขาเลยพาลมาแซะ มาเหน็บที่เก่า ซึ่งกูว่าเจตนาคงกระทบกระเทียบกู ระบายอารมณ์ด้วยแหละ
ที่ผ่านมากูก็เห็นว่าเคยสนิทกันอะนะ แล้วงานเขาก็หนักจริงๆ ก็เห็นใจอยู่ แต่ตอนนี้ดันไม่แยกแยะ ทำงานเหี้ยๆ หน้ามึนส่งมาด้วย กูเลยชักไม่ไหว
กูควรแจ้งหัวหน้าเพื่อเปลี่ยนคนประสานโดยไม่บอกกล่าวก่อน (อยากรู้จริง ต้องมาประสานกะคนอื่นที่ไม่สนิทจะกล้าปากดีอยู่มั้ย)
หรือควรเคลียร์เปิดใจที่เขาทำ เผื่อจะปรับปรุงตัวได้+อยากให้รู้ถึงความคับแค้นใจกูดี
>>995 ถ้าซื้อเกมแต่ยังเหลือเงินเก็บก็โอเคนี่ อย่างน้อยๆ ถ้าเก็บได้ 10% จากรายได้กูก็ว่าไม่น่าเกลียด ที่เหลือก็ค่อยๆ ลองหัดทำอะไรใหม่ๆ ไปเรื่อย อะไรไม่ชอบก็เลิกแล้วไปลองอื่นๆ เช่น ลองไปลงเรียนขับรถดู ถ้าขับแล้วชอบมึงอาจอยากซื้อรถ ก็ค่อยต่อๆ ไปเรื่อยๆ แหละ ลองเลือกอันที่คิดว่าเหมาะกับตัวเอง ดีแล้วที่ไม่ต้องไปตามเปรียบเทียบใคร เรื่องที่อยู่หอกูเห็นด้วยนะ คอนโดอาจจะไม่จำเป็นขนาดนั้น เก็บเงินไว้เผื่อเกิดในอนาคตมึงอยากไปอยู่ ตปท หรือซื้อบ้าน ตจว มันจะได้ไม่กลายมาเป็นภาระ
1000
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.