ถ้าสำหรับกูที่เห็นเป็นพฤติกรรมของเจนใหม่คือ ตอนสัมถามเด็กว่ามีไรจะถามอีกไหม เด็กถามได้ยินว่าบริษัททำเกี่ยวกับทหาร เรื่องการเมือง บลาๆ เอาวะ กล้าถามก็กลัารับ ส่วนคนที่เข้ามาก่อนไม่มีใครเคยถาม ทำงานได้เงินก็จบกัน ไม่ได้คิด
Last posted
Total of 1000 posts
ถ้าสำหรับกูที่เห็นเป็นพฤติกรรมของเจนใหม่คือ ตอนสัมถามเด็กว่ามีไรจะถามอีกไหม เด็กถามได้ยินว่าบริษัททำเกี่ยวกับทหาร เรื่องการเมือง บลาๆ เอาวะ กล้าถามก็กลัารับ ส่วนคนที่เข้ามาก่อนไม่มีใครเคยถาม ทำงานได้เงินก็จบกัน ไม่ได้คิด
คนมาใหม่ในแผนกกุเอาใบลงเวลางานไปให้หัวหน้าเซ็นแกพูดให้คนเก่าๆฟังทำนองว่าดูไว้เขาไม่เคยสาย แล้วบอกคนใหม่ว่าอย่าเอาคนมาสายเป็นตัวอย่าง แล้วคนที่อยู่มานานพูดขึ้นว่า มาตรงเวลาแต่ขายไม่ได้ก็เท่านั้นในเมื่อเขาดูยอด กุฟังอยู่ก็คิดนะว่าจะใช้ตรรกะนี้จริงๆเหรอ? เพราะวันเดียวกันเลยมีพี่ในแผนกกุจะย้ายตำแหน่งแต่ทำที่เดิมพวกเจ้านายตำแหน่งสูงๆเขายังไม่อยากให้ย้ายเพราะพฤติกรรมสายไม่ตรงเวลาอ่ะ
>>381 ถ้าเป็นคนไม่รู้จัก กูใช้วิธีส่ง Dear Mr/Ms ตามด้วยนามสกุล แล้วรอดูเขาตอบกลับมาว่าเขาเรียกเรายังไง
แต่ขอโทษเหอะ ของคนไทยยังพอทน แต่ของคนชาติอื่นเนี่ยแยกไม่ออกอันไหนชื่ออันไหนนามสกุล ชื่อกลางอีก แล้วก็ต้องมานั่งแยกเพศอีก แยกไม่ออกเฟ้ยย เป็นเรื่องที่ปวดหัวที่สุดในการเขียนเมลเลย
เคยอยู่บริษัทอินเตอที่ต้องติดต่อคนหลายชาติ เป็นวัฒนธรรมว่าทุกคนใช้ Hello ตามด้วยชื่อเลย อันนี้ดีสุด ไม่ต้องมากความ
พรุ่งนี้วันจันทร์
กุก็ลาออกเดือนนี้ ตอนแรกอุตส่าห์มาให้ครบเดือน ไม่ใช้วันลา แต่ตอนนี้โคตรอยากลาเลย น่าจะลาๆไป อีโง่ไม่น่าทำตัวเป็นคนดี
อยู่ขั้นต่ำกี่เดือนดีวะให้ดูไม่น่าเกลียดเกินไปเวลาใส่ในเรซูเม่
กูเลือกงานแบบละเอียดมากๆ เพราะเคยเจ็บจากงานเหี้ยๆมาก่อน ตอนนี้เจอที่ที่อยากทำแล้ว สมัครไป เขานัดวันสัมละ แล้วก็ดันใส่ความหวังไปเต็มเหนี่ยวเลย อยากได้มากๆเลยโว้ย สัมภาษณ์พรุ่งนี้ เป็นกำลังใจให้กูด้วย ฮืออออ
มีโม่งตัวไหนทํางานหรือจะทํางานสายพิพิธภัณฑ์มั้ยวะ กูอยากปรึกษา
ขอพื้นที่บ่นหน่อย ไม่รู้มีใครเป็นเหมือนกันไหม ที่ทำงานกุมีหัวหน้าเป็นยายแก่ๆอายุ60 เป็นมะเร็งที่กุไม่เคยคิดจะถามว่ามะเร็งอะไร บ่นว่าปวดตัวทั้งวัน กุโดนแกใช้ให้โทรไปแผนกอื่นบอกเรื่องงาน แต่พอโทรไปบอกรายละเอียดยังไม่ถึงครึ่ง จู่ๆแกแม่งบอกว่ากูฟังไม่รู้เรื่อง แกบอกอีกแบบนึงต่างหาก กุก็งง อะไรวะ คือถ้ามึงจะเป็นแบบนี้แล้วทำไมไม่โทรไปเองวะ ตัวเองก็ว่างอยู่
>>404 เคยมี เป็นยายๆ วัยใกล้เกษียณสมัยกุเข้าไปทำงานใหม่ๆ ไม่รู้ชังน้ำหน้ากุหรือไง ชอบมาใช้กูทำงานจุกจิกไม่สำคัญ (จริงๆ ไม่ต้องทำเลยก็ได้ แต่ตอนนั้นเด็กใหม่ไง นึกว่างานด่วน เขาใช้ฝากทำหน่อยก็ทำ) แล้วก็มาเร่งมากดดันให้ทำให้ละเอียด ให้ดูให้ดี หนักเข้าก็ด่า ต้องให้วางงานอื่นมาทำให้แกเดี๋ยวนั้น หัวหน้าคนอื่นก้รู้ แต่แบบ เออ อย่าไปอะไรมาก แกแก่แล้วงี้
วันเกษียณที่ทำงานวันสุดท้าย มาพูดๆ บอก ไม่รู้เธอจะดีใจหรือเปล่าที่ชั้นไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว กูยิ้มแหะๆ ในใจ ดีใจจจจจจจจจจจมากกกกกกกกกกกกกกค่าาาาาาาาาา ลาก่อนและตลอดกาลค่ายายยยยยยยย
ถ้ามีคนในแผนกป่วยแล้วรับเรื่องเครียดมากๆไม่ได้เพราะจะกระทบต่อสุขภาพ จึงให้อีกคนในแผนกมารับงานที่เครียดๆแทน คนที่ต้องรับแทนควรรู้สึกยังไง เพราะสุขภาพดีเลยรับเรื่องเครียดๆได้ดีกว่า? กูไม่เข้าใจเลยเพื่อนโม่ง อยากระบายอีกหลายๆอย่างแต่ไม่รู้จะสื่อยังไง ตอนนี้กูเครียดมาก เครียดจนไม่อยากไปทำงานแล้ว กูรู้สึกไม่เหมาะกับงาน มันแย่ไปหมดเลย
พึ่งย้ายมาแผนกใหม่แล้วในแผนกเดียวกันมีซีเนียร์อยู่คนนึงแม่งก็โยนๆงานทักษะใหม่ที่แม่งไม่สนใจจะเรียนรู้ให้กูทำ ส่วนแม่งก็เอาแต่จมกับหน้างานเดิมๆลักษณะงานเดิมๆ จนงานของกูโหลดมากๆทำให้เพอฟอร์มานส์ตก ตัวหน้าเรียกไปคุยแก้ปัญหาให้ สรุปประเมินกูออกมาว่ารับความกดดันไม่ได้ ให้เกรดกูน้อยกว่าไอซีเนียร์ที่แม่งทำตัวชิวๆเพราะรับแต่หน้างานเดิมๆมาเป็นสิบๆปี ส่วนคนที่พยายามแบกประคองงานไว้ทั้งแผนกแม่งกลับโดนประเมินให้ไม่ได้ KPI เหอะ ความยุติธรรมคือไร คนที่แบกงานมาให้ตลอดได้เกรดแพ้พวกเช้าชามเย็นชาม งานกูโหลดขนาดไหนประชุม MS team ยังต้องวางหูมาอธิบายงานกับไอแก่นั้น แล้วมือก็ต้องเซ็นต์เอกสารให้ลูกน้องไปด้วยอีกคิดดูเอาละกัน
การนินทามันเป็นเรื่องปกติของการทำงานใช่ป่ะ แล้ว ที่ทำงาน มีการแบน แอนตี้ กลั่นแกล้ง แบบโจ่งแจ้งป่ะ
>>412 มี ยิ่งกับพวกเด็กที่จบใหม่เอกชนโนเนมหรือ ตจว.แบบตามสถาบันRadzนี่ตัวดีเลย เอาความคิดตัวเองเป็นหลักมาก บางคนทำรายวันแค่ได้ ปสก. หน่อยเอามาข่มแล้วยังมีเลย แล้วแบน แอนตี้ ทำยากอยู่ ถ้าเกิดมึงอยู่แค่เดือนสองเดือนมันได้ไม่ถึงขั้นนั้น แล้วที่แย่สุดคือแจ้งHRไปแต่HR ไม่ทำห่าไร ยิ่งหัวหน้าเหี้ยๆนี่คือมึงจะรู้ซึ้งเลยว่าที่แบบนี้ไม่ควรอยู่ละควรหางานใหม่ด่วน แต่ว่าก็ว่านะ กูเคยเจอคนที่ชอบทำแบบนี้ใส่คนอื่นละเจอโต้กลับอยู่เหมือนกัน ไม่รู้ว่าไปแกล้งเค้าแบบไหน แต่อีกฝั่งแม่งท่าทางเอาเรื่องมากๆ ท้าชนกับทุกคน มันจิกหัวตบเลย พอมันรู้ว่ามวยจะโดนล้มก็เดินออก โทรหาพี่ๆ ญาติที่รู้จักมาเตรียมดักกระทืบอีตัวเก๋าคนนั้นตอนพักเบรคจนเค้าแบบอยู่ไม่ได้ สองวันต่อมาต้องลาออก คือกลั่นแกล้งแล้วคนที่โดนเสือกเดือดกว่าก็เสี่ยงเจอนอกรอบได้อ่ะ
วันหยุดที่ต้องมาทำงาน เข้ามากูก็เจอลูกน้องมาบ่นๆใส่รับพลังลบแต่เช้า อส.
วันหยุดที่ต้องมาทำงาน กูควรได้อะไรชดเชยไหม ไม่ใช่บอกว่าเอาวันหยุดไปทบสิ้นปีจะได้หยุดยาว กูไม่ได้ทำงานถึงสิ้นปีจ้า
วันหยุดกูต้องมาทำงานเหมือนกันนะ แต่กูเจอ บ. ที่กูตกใจมากว่าจะลุ้นเจอความ ปสด แบบไหนแทนนี่ดิ เพราะวันหยุด2วัน/สัปดาห์มันก็ให้ แค่หยุดนักขัตกับ ส.-อา ไม่ได้เพราะมันเอานักขัตตรงนี้มาเฉลี่ยให้แล้วแค่นั้น แถมทำประกันกลุ่มให้ด้วย ถึงเบี้ยคุ้มครองถูกแต่ก็ดูใส่ใจแปลกๆดี ไม่ค่อยมี บ. ที่ไหนทำให้
ไหนใครบ่นวันหยุดต้องทํางาน มึงเจอแบบกูมั้ย ต้องทําวันนี้ยันวันอาทิตย์ งานด่วน กูจะตายแล้วววววว😭
คนที่วันหยุดแต่ต้องทำงานเพราะมีงานรออยู่นี่พอเข้าใจได้ (เหรอ?)
แต่ของกูนี่ดิเป็นซัพพอร์ท แต่บริษัทลูกค้าหยุดกันหมดจะให้พวกกูแหกขี้ตามาเข้าออฟฟิสว่างๆทำไมไม่เข้าใจ
>>421 มึงไม่มีงานของตัวเองเลยเหรอนอกจากซัพพอร์ต งานกู JD หลักๆ ก็คือซัพพอร์ตลูกค้า แต่วันที่ลูกค้าหยุดนี่คือสวรรค์ชัดๆ จะได้เคลียร์งานตัวเองแบบไม่ต้องมีใครโทรมากวน ไม่ต้องมานั่งเช็คเมลตอบเมล และไม่มีประชุม ปกติวันธรรมดากว่าจะได้ทำงานตัวเองจริงๆ คือหลัง 5 โมงโน่น ตอนกลางวันแม่งมีแต่คนมาวุ่นวายจะเอาโน่นจะเอานี่
แต่ถ้าไม่มีงานจริงๆ กูก็ลานะ การลางานในวันที่ลูกค้าไม่ได้หยุดแม่งก็เหมือนไม่ได้ลาอยู่ดี เพราะงั้นต้องเล็งเอาไว้ลาวันที่ลูกค้าหยุดนี่แหละ
แม่งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
เซฟงานใน usb พอเอา usb มาเสียบกับคอมตัวเองเสือกไม่เห็นไฟล์ อะไรจะดวงเหี้ยขนาดนี้วะ
กูถามหน่อยพอเราลาออกจากงานนั้น แล้วเขาสามารถมาตามเอกสารเก่าๆที่เราเคยทำได้ปะวะ 3เดือนปุ้บ กูลบ ถึงในใจกูจะบอกให้ลบตั้งแต่วันออกก็เหอะแต่นี่มาตามสำเนาบิลที่ส่งให้ไปแล้วเมื่อ6เดือนแล้วเขาหาไม่เจอ ด่ากูอีกบอกกูเป็นคนรับผิดชอบกู ทำแบบนี้ได้ยังไง อิหยังวะ
>>428 ส่งไลน์อะมึงเอ้ย ก่อนอื่นมึงคิดว่าทุกที่จะมีคอมให้ ไม่ใช้คอมตัวเอง?เจอหลายที่ไดรฟ์ของบอยังไม่มีด้วยซ้ำไม่ต้องไปพูดถึงคอมให้ แล้วไม่ใช่ทุกทีจะทำเป็นระบบขนาดนั้น แต่ถึงว่างั้นนี่ขนาดงานกับมหาลัยสักแห่งในกทม ตอนเจอให้ส่งไลน์กูก็เหนื่อยใจ กูเปลี่ยนไลน์หนีไงมึง สุดท้ายโทรเบอร์มาด่า เห้อ
คืนตีหนึ่งวันอาทิตย์หัวหน้ากูพึ่งสั่งเหล้าสาเกมาขวดใหญ่ กูเมามากแล้วยังจะยุให้กินต่ออีก แล้วพรุ่งนี้มีพรีเซนต์โปรเจ็คใหม่ด้วย เอาไงเอากันวะ พรุ่งนี้มึงลากูก็ลาได้ว่ะ 555
ใครเคยเจอโมเม้นนี้มั้ยเพื่อนโม่งที่ทำงานไม่มีคนคุยกับกูเลย กูเดินไปของานยังเมินกูอะ กูต้องทำตัวยังไงวะกับบรรยากาศแบบนี้
>>434 เชียร์ให้หางานใหม่คือกัน กูยังเคยถามเจ้าของเว็บนี้ที่เป็นพนง.เงินเดือนเลยว่าถ้าเจอแบบมึงหรือไม่มีความสุขเวลาไปทำงานมึงจะทำยังไง ทางที่ดีคืออกจากงานไปเลยเว้ย ซึ่งล่าสุดที่มันได้งานนอร์เวย์มันก็รู้สึกแย่กับงานที่ญี่ปุ่นอ่ะ ถึงจะเล็กๆน้อยๆก็เหอะ นายจ้างประเทศนี้ไม่ได้มีแค่คนเดียวเหมือนที่มึงเกิดมากับพ่อแม่แท้ๆของมึง หาใหม่ได้หาไปเลยอย่าไปกลัว
สงสัยว่าปรกติแล้วควรจะเลือกแบบไหนดีระหว่าง หอพักโทรมๆ แต่ไกล้ที่ทำงาน นั่งวินต่อเดียวถึง แต่เป็นห้องว่างไม่มีเฟอร์เลย ปูพูกนอนเอา กะว่าถ้าอยู่ที่นี่คงซื้อแอร์เคลื่อนที่มาต่อ กับมาเช่าคอนโด ติดรถไฟฟ้า แต่ขยับออกมานอกเมืองซัก 4 สถานีดี
>>437 ปัจจัย4ถ้าไม่ดี ชีวิตการงานมึงจะบัดซบไปด้วย กูเจอมากับตัวแล้ว ถ้าบ้านทำให้มันดีไม่ได้ อย่างอื่นจะไปได้ดีคงไม่ได้ด้วยพอกัน กูสงสัยอ่ะว่าในละแวกนั้นมึงหาดีแล้วใช่ไหม? มีที่ที่ดีกว่านี้ไหม?.... จริงๆหอพักโทรมๆแล้วมึงยังต้องต่อวินนี่กูไม่ถือว่าใกล้นะบอกไว้ก่อน ต้องเช่าละเดินถึงเลยนี่ดิคือใกล้จริง ถ้าเหลืออดจริงๆแล้วต้องเช่าคอนโดมึงควรดูทำเลก่อนเช่าด้วยนะ โดยเฉพาะทิศทางหน้าต่างกับระเบียง แล้วพวกน้ำซึม รั่วจากฝ้าด้วย
ทำงานที่ใหม่แล้วยังไม่มีเพื่อนเลย คนที่คุยกันวันแรกๆก็ไม่ค่อยอยากจะอยู่กับกุ พักเที่ยงเขาก้ออกไปกินข้าวกับแฟน แม่งเหงาอะ แล้วตำแหน่งกุยังมีกุคนเดียวด้วย เลิกหวังเรื่องได้เพื่อนใหม่เลย เห้อออ
>>440 ถ้ามีแพนทรีช่วงแรกๆ ก็นั่งกินคนเดียวไปก่อน เดี๋ยวพอคนเห็นมึงเอาข้าวมากินบ่อยๆ เข้าก็ชวนคุยเองแหละ ของกุมีเพื่อนกินเพราะงี้อ่ะ อุ่นข้าวในเวฟอยุ่พี่ป้าน้าอาเขาก็ชวนมานั่งด้วยกัน หรือบางทีเจอที่เครื่องถ่ายเอกสารบ่อยๆ ก็มีคนทักทายบ้าง เราก็เนียนๆ ถามไปว่สรแถวนี้ร้านไรอร่อย ถ้าเขาถูกโฉลกมึงเขาอาจจะชวนไปกินด้วย
>>443 จริง ตัวกูนี่ไม่อยากมีเพื่อนใจแทบขาด ออฟฟิศอยู่ในห้าง อยากรีบกินรีบลงมาเดินเล่นดูนั่นนี่คนเดียว แต่มันมีพี่ในทีมเกาะกูติดหนึบเลย เช้ากุมาถึงที่ทำงานยังไม่ทันนั่งต้องเดินมาเกาะโต๊ะคุยกับกุละ เที่ยงก็แชทมาบอกให้รอกินข้าวพร้อมเขา ถ้าปช.ถึงบ่ายกุก้ต้องรอไปกินบ่ายด้วยละกลับมาเข้างานบ่ายสอง ละเค้านิสัยผู้ยิ้งผู้หญิงชอบมาพากุไปเลือกของขวัญแฟน/พ่อแม่แฟน ไม่ก็วาระบ้าบออะไรไม่รุ้ กุไม่อินโว้ย กุโสด ลำไยไฟแดงมากๆ กุจะปลีกตัวไปกินข้าวคนเดียวเดินคนเดียวก้ทำหน้าตาน่าสงสารใส่ หุ้ย อึดอัดเหี้ย
>>442 ทำไมกูคิดว่าถ้าชุดทำงานไม่ต้องกระโปรงทรงเอหรือเครื่องแบบไปทางข้าราชการโง่ๆระเบียบเปรตๆเฮงซวยๆนะ ไม่ต้องระยะเดินหรอก ระยะขี่จักรยานได้นี่คือน่าให้อภัยอยู่ เว้นแต่ว่าเจ้าของหอเหี้ยสัตว์นรกก็อีกเรื่องนึงเลย ถ้าเช่าหอของกูคือยอมเจอหอแบบมีลิฟต์นะ จะเจอกับตึก6ชั้นอัพ ตึกไหนเกินหกชั้นละลิฟต์ไม่มีให้นี่แจ้งกรมโยธาหรือประจานลงเฟสได้เลยเพราะ ผิด กม. โคตรๆ เอาจริงๆมันตลกมากที่ในเมืองแทนที่ทุกอย่างควรจะให้มีอะไรๆเข้าถึงแบบต่อเดียวยังต้องเสือกนั่งวินเสีย20บาทขั้นต่ำนี่แม่งมันไม่ใช่สุดๆละ เว้นแต่ว่าวินน่าไว้ใจ ทางกลับบ้านไม่เปลี่ยว ซึ่งการอยู่ใกล้มันควรลดค่าเดินทางที่เฉลี่ยละ20%ของเงินเดือนเราเว้ย ไม่งั้นมึงจ่ายค่าเช่าด้วย ค่าเดินทางก็ยังต้องจ่าย ทำไปทำเหี้ยอะไร
กูตำแหน่งหัวหน้างานแต่ต้องรับงานระดับผู้ช่วยหัวหน้าแผนก ส่วนไอคนผู้ช่วยหัวหน้าแผนกก็รับงานรูทีนชิวๆไปวันๆ สุดท้ายงานกูโหลดอย่างหนัก กูต้องมานั่งปั่นในคอมทำเองทั้งหมด ทั้งๆที่แผนกอื่นๆก็เป็นระดับผู้ช่วย/หัวหน้าแผนกขึ้นไปเป็นคนทำทั้งนั้น สุดท้ายหัหวหน้ากูก็มาประเมินให้กูไม่ผ่าน บอกกกูเพอฟอร์มมานส์ไม่ดี ทำงานไม่ทัน อยากจะถุยดังๆมึงรึเปล่าที่บริหารจัดการทีมไม่ดี ตัวเองมีแค่พูดอะไรไปเรื่อยเปื่อย พูดมาแล้วทำได้ไม่จริงสักอย่างไอวันๆแค่นั้นมันก็งานสบายดีอ่ะสัส ลองมาเป็นคนเก็บตกงานหลังบ้านให้มึงแบบนี้ไหมสัส
เพื่อนโม่งคนไหนอายุเกิน 35 แต่ตอนนี้ล่องลอยสุดๆเหมือนกูบ้างวะ
แบบไม่มีบ้าน ไม่มีรถ งานที่ทำก้เงินน้อย ที่บ้านไม่มีธุรกิจ เงินเก็บไม่มี คือไม่มีอนาคตแหละว่าง่ายๆ
วางแผนอนาคตหรือหรือจัดการความรู้สึกตัวเองยังไงกันบ้างครับ
ว่าที่เด้กจบใหม่ปรึกษาพี่โม่งหน่อยคับ เวลาสมัครงานนี่ถ้าเรากรอกเงินเดือนที่ต้องการ 'สูงเกิน' เรทปกติของเขา (ที่เราก็ไม่รู้ว่าแม่งให้กันเท่าไหร่วะ) เขาจะมองเราไม่ดีปะวะ กุควรเรียกต่ำ ๆ ไว้ก่อนมั้ย หรือเอาที่อยากได้ไปเลย ค่อยต่อรองอีกที
กูอยากรู้ว่าถ้าเราสวย หุ่นดี นิสัยดี มันจะช่วยลดแรงกระแทกเวลากุทำงานโง่ หรือทำพลาดไรได้มั่งมั้ย แบบจะช่วยให้กุสามารถอ้อนเพื่อนร่วมงานให้คอยช่วยเหลือกุแบบไม่รำคาญได้ป่าว อันนี้สังคมแบบฝรั่งและไทยนะ
คือกุแอบหมดหวังกับความโง่ของตัวเองเล็กๆแล้วว่ะ เลยว่าจะไปอัปรูปร่างภายนอกแม่งเป็นหลักไปเลย แล้วเอาความสวยไปขอให้เพื่อนร่วมงานเทรนกุจนเก่งแทน คือกุกลัวว่าถ้าต้องมาช่วยคนไม่สวยบ่อยๆเค้าจะรำคาญและกุจะโดนประเมินไม่ดีอ่ะ ตอนนี้เรื่องนิสัยดีกุสอบผ่านแหละ ไม่มีใครเกลียดกุแน่นอน แต่กุกลัวถูกรำคาญแล้วโดนปล่อยเกาะอ่ะ ถ้าสวยจะช่วยกุได้ป่าววะ
นี่ขนาดมาพิมในนี้กุยังรู้สึกว่ากูพิมอะไรโง่ๆเลยเลยอิเหี้ย
>>451 ที่ทำงานกุมีแบบนี้คนนึง ไม่ได้สวยมากแต่รุ้จักแต่งเนื้อแต่งตัว เฟรนลี่กับทุกคน กล้าเข้าหาทั้งไทยฝรั่ง ขี้อ้อน แต่หัวโคตรช้าถามซ้ำซาก อธิบายไปเหมือนจะเข้าใจแต่พอกลับมาถามอีกครั้งคนรุ้เลยว่าแม่งแกล้งเข้าใจนี่หว่า ตรงๆ คือคนอื่นๆ ก็แอบบ่นกันเองแหละเพราะต้องเสียเวลาสอนบ่อย แต่ก็ไม่ใช่ว่าเกลียดอะ เพราะความน้องงงงงของมันและพอสอนซ้ำๆ ก็เริ่มทำได้ ถ้าพูดแบบเผื่อซวยเพราะกุไม่รุ้สภาพบ.มึงเปนไง คือความสวยเฟรนลี่จะช่วยมึงได้ 80% อีก20%ที่เหลือขึ้นอยุ่กับว่าคนที่มึงไปอ้อนเขาใจดีอดทนไหวหรือจะเป็นพวกไม่ทนแล้วบอกตรงๆ
>>453 กูเป็นเพื่อนร่วมงานมึงป่าววะ ใบ้หน่อยได้มั้ยว่าเป็นคนอวบๆป่าว มึงทำงานสายไหน กุเนี่ยเรื่องเฟรนลี่นี่น่าจะโอเคเลย รู้จักแต่งตัว ตอนนี้เหลือแค่ต้องลดหุ่นให้เป๊ะกูก็น่าจะเพอเฟกในเรื่องลักษณะภายนอกแล้ว แปลว่าระหว่างที่กำลังลดหุ่นกุต้องเฟรนลี่ให้มากๆไว้ก่อน และแต่งตัวให้ดีเข้าไว้จะได้ไม่ถูกเกลียดก่อนสินะ อันนี้กุว่ากุไหวอยู่
>>452 ไม่ต้องห่วง กุเฟรนลี่กับเพื่อนสาวสุดๆ ถ้าไม่ใช่คนที่ชอบหมั่นไส้คนอื่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้วไม่ค่อยเกลียดกุกันหรอก เพราะกุอ้อนหมดทั้งชายหญิง
>>449 ถ้ามึงเก่ง โปรไฟล์ดี พรีเซ้นต์ตัวเองดี เค้าก็อาจจะไม่ได้มองมึงไม่ดีนะ แต่มองว่ามันให้ไม่ได้และทำให้มึงไม่เหมาะกับบริษัท
อย่างตอนสัทภาษณ์งานแรก กูหน้าด้านขอไปเลย 30k เพราะเผื่อโดนต่อ และคุยๆกับเพื่อนเห็นว่าเค้าก็ขอประมาณนี้กัน (แต่ไม่มีใครได้ถึงหรอก)
HR เค้าก็สะดุ้งแล้วรู้สึกได้เลยว่าบรรยากาศแม่งเปลี่ยน แล้วเค้าก็บอกตรงๆเลยว่าเงินเดือนเด็กจบใหม่ที่นี่ให้กัน 23k
และ 30k สำหรับเด็กจบใหม่มันเยอะไป ถ้าอยากได้เงินเดือนนี้จริงๆคงต้องหางานงานสัญญาจ้างที่อื่น ซึ่งสวัสดิการแย่และไม่มั่นคง
กูก็เลยทำเป็นฟอร์มแก้ตัวไปว่าถ้าสวัสดิการและปัจจัยอื่นๆดีกูก็โอเคกับเงินเดือนที่น้อยกว่า 30k นะ
สรุปก็ได้มา 23k แต่มารู้ทีหลังงว่าบริษัทนี้เด็กจบใหม่ทุกคนได้ 23k ไม่มีค่าเกียรตินิยม ผ่านโปรไม่ได้เพิ่ม เหมือนกันหมด
ปล. นั่นคือประมาณ 10 ปีที่แล้วนะ ไม่รู้เรตเงินเดือนจบใหม่ตอนนี้มันเท่าไหร่
อยากถามเพื่อนโม่งว่าในนี้มีใครทำงานละแม่งทำบัญชีให้ตัวเองแบบเหมือนงบการเงินของบริษัทห้างร้านกันไหมวะ? แล้วทำเพราะอะไร? มีปัจจัยอะไรที่ทำบัญชีเดี่ยวละเริ่มไม่เวิร์กกับตัวเองมั่ง
>>451 อ่านแล้วสัมผัสได้ถึงความโง่จริงๆ ยังดีใจที่มึงรู้ตัว กูว่ามึงอัพความสวยแล้วเบนเข็มไปสายหาผัวรวยดีกว่าเถอะ กูเคยมีเพื่อนร่วมงานที่หล่อชิบหาย หล่อวัวตายควายล้ม มาวันแรกคนแม่งกรี๊ดแตกกันหมด มีแต่คนอิจฉากูที่ได้ทำงานกับน้อง แต่....โง่สัส ทำงานไปทำงานมาความหล่อแม่งหายไปจากสายตากูหมดเลยเหลือแต่ความรำคาญและท้อแท้ หลังๆ มาแค่เห็นหน้าก็หงุดหงิดละ น้องแม่งเป็นตัวถ่วงของทีมสัสๆ ใจนึงก็สงสารนะ แต่อีกใจก็รำคาญ หงุดหงิด ประสาทจะกิน ดังนั้นถ้าไหนๆ มึงจะ give up ในแง่หายโง่ แต่ตั้งเป้าไปสวยแทน กูว่ามึงเบนเข็มไปในทางหาผัวรวยแทนดีกว่า จะได้ไม่ต้องทำงานอยู่บ้านเป็นคุณนายไปไม่ทำให้ใครเดือดร้อน
>>457 ไม่ได้มึง กุยังอยากเลี้ยงตัวเองได้ ถ้าไปหาผัวรวยวันนึงผัวทิ้งกุทำไงอ่ะ ยิ่งโง่อยู่ด้วย แล้วความสวยต่อให้พยายามแค่ไหนก็ต้องหมดไปตามกาลเวลาเพราะงั้นเรื่องใช้ Beauty privilege มันมีเวลาจำกัดนะมึง แม่งก็ได้แค่ช่วงยังไม่เกิน 50 นี่แหละวะที่ยังดึงให้สวยได้
เพราะงั้นก่อน 40 กุอยากหายโง่แล้วทำงานเลี้ยงตัวเองรอด อยู่ได้สบายไม่เดือดร้อน ไม่ต้องไปเป็นทาสกามให้ใคร แล้วเอาจริงแค่อ้อนเพื่อนร่วมงานกุไม่ได้เสียหายไร ถ้าเค้าช่วยงานกุก็ดี กุก็สามารถสูบความรู้และประสบการณ์มาได้เต็มที่ แต่ถ้าไปแต่งงานมันคือเอาชีวิตไปผูกกับคนเดียวเลยนะ ไม่ได้ความรู้แถมเสียอิสรภาพอีก ไม่รู้ว่าจะโดนทิ้งเมื่อไหร่อีก ถ้าออกจากงานไปนั่งโง่นานๆก็หางานทำไม่ได้แล้ว ไม่ลงทุนไปหน่อยหรอวะ
>>458 อ่า แล้วแต่มึงละกัน ประเด็นที่กูจะสื่อคือความสวยหล่อเป็น first impression ช่วยได้แค่ตอนเจอกันครั้งแรกลากยาวไปถึงช่วงแรกๆ แต่ถ้ามึงโง่จนทำให้คนในทีมต้องลำบาก เหนื่อยเกินความจำเป็น หรือเดือดร้อนเพราะมึงซ้ำแล้วซ้ำเล่า สุดท้ายสวยหล่อแค่ไหนก็ไม่ช่วยว่ะกูบอกเลย อันนี้ไม่ใช่แค่กูคนเดียวด้วยที่เอือม คนอื่นเค้าก็เอือมกันหมด แล้วพอเอือมมากๆ เข้าสายตาที่ผ่านฟิลเตอร์ความเอือมก็จะมองไม่เห็นความสวยหล่อของคนคนนั้นไปแล้ว
>>459 ขอเสริมว่าบางทีโดนอ้อนแล้วอยากโดดเตะด้วย เพราะรำคาญ ไบแอสแหละยอมรับ คือคนเราพอมันเหนื่อยซ้ำๆ ซากๆ กับเรื่องคนที่เป็นตัวปัญหาคนเดิมๆ มันจะหงุดหงิดเท่าทวีคูณ อย่างที่บอกว่าถ้าสายตามันฟิลเตอร์ด้วยความเหนื่อยหน่ายใจและเอือมระอาที่มีต่อคนคนนั้นไปแล้ว มันก็มองไม่เห็นความน่ารักสวยหล่อแล้ว
>>462 ไม่จริงว่ะ หน้าเหี้ยแล้วโง่แต่ยังอยู่ก็มีหลายคนที่บ.กูเอง ถถถถ ความโง่มันไม่ใช่ความผิดร้ายแรง ถ้าไม่ได้ทำงานในจุดที่เป็น core business ของบริษัท ไม่มีโอกาสใด้สร้างความเสียหายใหญ่โตให้บริษัทได้ มันก็แค่อยู่โง่ๆ สร้างความเดือดร้อนและเอือมระอาให้เพื่อนร่วมงานไปวันๆ ประเมินมาได้ C ได้ D ทุกปี ก็หน้าด้านหน้าทนอยู่ไปเพราะก็รู้ตัวว่าไปสมัครงานที่อื่นไม่น่ารอด ส่วนบ.ก็ไม่ได้มีความจำเป็นต้องเสียเงินมากมายเพื่อจ้างออก เพราะอย่างที่บอก บ.ไม่ได้เดือดร้อนอะไร ทำงานหลังบ้าน งานไม่ได้สำคัญ ไม่มีอะไรเสียหาย คนที่เดือดร้อนก็มีแค่เพื่อนร่วมทีมนี่แหละ แต่มันก็ไม่ได้เรียกว่าความเสียหายอยู่ดี มันคือความรำคาญ เอือมระอา เท่านั้นแหละ
คนทำงานทุกคนในโลกนี้ก็ไม่ได้เก่งฉลาดทุกคนหรอก ก็เก่งๆ โง่ๆ ปะปนกันไปนี่แหละ ไม่ใช่ว่าทุกคนที่โง่จะโดนไล่ออกไม่มีงานทำซะหน่อย งั้นคนโง่ก็อดตายตายห่ากันหมดโลกแล้ว พอยท์ที่กูจะสื่อมันมีแค่ความสวยหล่อแม่งใช้ได้ช่วงแรก สุดท้ายถ้ามึงโง่จนทำให้เพื่อนร่วมงาน/หัวหน้าเหนื่อยเกินความจำเป็น มันก็จะกลายเป็นความเอือมระอา เมื่อถึงตอนนั้นความสวยหล่อก็จะไม่ช่วยอะไร แค่นั้นแหละ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะทำงานไม่ได้ มันก็ทำได้แบบถูลู่ถูกังกันไป แบบโดนด่าบ่อยๆ แบบประเมินออกมาไม่ดี ไม่ก้าวหน้า เงินเดือนไม่ค่อยขยับ อย่าไปหวังว่าความสวยมันจะมาช่วยชดเชยความโง่ได้ ยกเว้นแต่ว่าอาชีพที่มึงทำต้องการความสวย ไม่ได้ต้องการคนทำงานเก่ง ดังนั้นถ้ารู้ตัวว่าไม่เก่งแต่อยากประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ก็ไปหางานที่ requirement มันคือความสวย เอาให้มันตรงจุด แต่มาหวังใช้ความสวยชดเชยความโง่ แบบนี้มันน่าจะไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่
ความเห็นกูคือ มึงควรจะมอง ของที่ต้องมีกะของที่ควรมีออกนะ งานมึงจะง่ายขึ้น
ของบางอย่างแม่งจะให้จากโง่เป็นฉลาดมันไม่ได้หรอก แต่ ของที่ควรได้ก็ควรถูกไม่ผิดบ่อย
อัพความสวยก็ดีแหละ แต่ต้องดูสิ่งที่ลงทุนไปด้วย
>>459 ประเด็นนี้กูเข้าใจนะ แต่ก็คิดแบบ>>462 ถ้าหน้าเหี้ยคือโดนเกลียดแต่เนิ่นๆละ กุเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะโง่ไปตลอด อย่างที่บอกแหละว่ากุอยากเก่งขึ้น แต่รู้ตัวว่าโง่เลยจะใช้ความสวยยื้อเวลาไม่ให้เค้าเกลียดซะก่อนจนโดนไล่ออกอ่ะ
>>461 จริงๆก็สนใจนะ แต่ใจไม่ถึงว่ะ
>>464 เด๋วนี้วิทยาการแม่งดึงความสวยผู้หญิงยาวไปหลายสิบปีนะ อย่างตัวกุเองคนยังคิดว่าเป็นเด็กมหาลัยอยู่เลยทั้งๆที่อายุไม่น้อยแล้วนะ แล้วกุก็ไม่ได้อยากไปเป็นแม่ให้ลูกใครอ่ะ น่ารำคาญออก ต้องเสียโอกาสในชีวิตตั้งหลายอย่าง เสียเงินด้วย ถ้า 40 กุฉลาดแต่ไม่มีผัว กุก็ไม่ได้เดือดร้อนนะมึง กุกลัวไม่มีงานทำ ไม่มีเงินใช้ ไม่ได้เที่ยวใช้ชีวิตมากกว่า เพราะงั้นกุยอมแลกการมีครอบครัวกับเงินว่ะ
ตอนเด็กกูอยากรีบโตอยากทำงานไวๆเพราะจะได้ไม่ต้องตื่นเช้าๆไปโรงเรียน ตอนนี้กูก็ทำงานละแต่ที่ทำงานกูเริ่ม 07:30 เหมือนโรงเรียนเลยสัส
กุถามเรื่องบุคลิกภาพในที่ทำงานหน่อย กุเป็นคนอายุ 30 ที่โตและมีเหตุผลนะ แต่หน้าตาและบุคลิกของกุมันเหมือนเด็กจบใหม่อ่ะ คือกุติดนิสัยขี้อ้อน ชอบเกรงใจคนอื่น แล้วก็เป็นคนที่แบบชอบแสดงออกติ๊งต๊องหน่อยๆ เช่น เวลาดีใจก็จะเย้ๆ มีท่าทาง หรือเดินๆเต้นๆ
เอาเป็นว่ากุมีบุคลิกแบบพวกทำตัวสนุกสนานอ่ะ ไม่ได้สุขุมอย่างที่คน 30 จะเป็นกัน วิธีการพูดกูยังดูอ้อนๆอยู่เลย และบอกเลยว่ากุชอบที่ตัวเองเป็นแบบนี้มากเพราะมันทำให้คนไม่เกร็งเวลาอยู่กับกุ แต่ว่าพอ 30 แล้วมันก็แอบกลัวว่าถ้าเป็นคนบุคลิกแบบนี้ในที่ทำงานมันจะถูกคนด่าว่าไม่รู้จักโตมั้ย หรือมันไม่เกี่ยว เราจะอายุเท่าไหร่ก็เป็นคนโอเวอร์แอค ร่าเริง ขี้อ้อน เหมือนวัยรุ่นได้ป่ะวะ
>>471 อันนี้ขอเสริมอีกนิด >>469 มันบอกว่ามันจะเอาบุคลิกนี้ไปใช้ในงานนะ ไม่ได้ใช้ส่วนตัว แต่กูมองว่าต่อให้ใช้ในงานมันก็มีหลายกาลเทศะอยู่ดี เช่นเวลาทำงานอยู่กับทีมแค่ไม่กี่คน มีแต่คนกันเองที่สนิทกัน อายุไล่เลี่ยกัน แบบนี้จะเล่นบ้าง โอเวอร์แอคติ้งบ้าง กูมองว่าก็ยังพอได้อยู่ แต่ถ้าใช้ในงานแบบเวลาอยู่ในสถานที่ส่วนรวม อยู่ร่วมกับคนอื่นที่ไม่สนิท อยู่กับผู้ใหญ่ เจ้านาย ผู้บริหาร อยู่ในที่ประชุม เวลามีประชุม หรือเลวร้ายสุดคือเวลาอยู่กับคนนอก แบบนี้ก็ดูไร้วุฒิภาวะและปัญญาอ่อนสัดๆ
พูดถึงเปลี่ยนงานแล้ว เปลี่ยนงานบ่อยมันเงินขึ้นไวกว่าเลื่อนตำแหน่งที่เดิมเรื่อยๆไหม
สมมติมีงานหลักสองอย่าง มึงกับอีกคนสลับกันทำคนละเดือนแต่หน.เป็นเหี้ยอะไรไม่รู้ชอบเอางานพิเศษที่ควรจะเป็นของ task อีกคนมาให้มึงทำตลอด บางทีเห็นจะๆ ว่าเป็นผลจากความผิดพลาดที่อีกคนทำไว้แล้วเขามาให้มึงตามแก้ไขแทนที่จะไปบอกคนที่ทำว่าผิดตรงไหนจะได้ปรับปรุงตัว มึงจะพูดกันป่ะวะว่าเดือนนี้ฉันไม่ได้ดูงานี้นะ ทำไมเอามาให้ฉัน? กุคือเดาเอาว่าที่เขาชอบให้กุทำเพราะกุทำเร็ว อธิบายละเอียด เซฟสถานการจากความหงุดหงิดของคนที่อัปเซตได้ดีกว่าแต่มันใช่ที่เหรอวะที่แก้ปห. แบบนี้ นี่จินตนาการออกเลยว่าถ้ากุถามไปตรงๆ หน. ต้องตีมึนแบบ lol i fogot you're working on other task this month but can youpls do it anyway ka? ไอ้เหี้ยเอ๊ยหงุดหงิดดดด
เกลียดคนนึงในที่ทำงานซึ่งกุเป็นคนไม่ค่อยออกจากบ้านบางเรื่องก็ตอบไปซื่อๆมันคิดว่ากุกวนตีนมัน บางครั้งมันก็คิดว่ากุบ้าเวลากุไปถามขอความช่วยเหลือจากมันพอกุขอบคุณ มันตอบว่าเอากองไว้ตรงนั้น กุตอบกลับมันไปว่าไม่รับก็ตามใจ บางครั้งกุขอความช่วยเหลือจากอีกคนในแผนกมัน กุก็พูดขอบคุณปกติมันอยู่ด้วยก็สะเหร่อตอบเอากองไว้ตรงนั้นอีก กุเลยตอบกลับไปว่าไม่ได้ขอบคุณพี่ พี่ไม่ได้ช่วยอะไร ขอบคุณพี่อีกคนต่างหากแล้วรีบเดินหนีมา กุเกลียดคำพูดคำจามันชิบหายพูดดีๆไม่เป็น
รู้สึกตะหงิดๆ เหมือนกำลังโดนบีบให้ออก ช่วงก่อนเครียดและสับสนอยากหาคำตอบมากเลยว่าเป็นเราที่คิดมากไปเองหรือกำลังโดนบีบให้ลาออกจริงๆ แต่อีกใจก็คิดว่าจะกำลังโดนบีบหรือเปล่าก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องสนใจ ถ้าเราอยู่ได้ก็อยู่ต่อไป อยู่ไม่ได้ก็หางานใหม่ ส่วนทางบริษัทถ้ามันทนได้มันก็ทนเล่นเกมส์กับเราต่อไป แต่ถ้ามันทนไม่ไหวมันก็คงจ้างกูออกเอง
บอสัดเริ่มเปรยๆเรื่องจ่าย75แล้วว่ะ มีบอกหลายที่เริ่มแล้วแต่เรายังไม่อยากทำถ้าไม่จำเป็น
เห้อม เซ็งเรื่องมึนตึงกับคนอื่นในแผนกแล้วยังต้องมาเสียวว่าจะโดนลดเงินเดือนรึเปล่าอีก
เบื่อโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ดีนะอย่างน้อยอาทิตย์นี้วันศุกร์หยุด
นานมาแล้วกุเคยลองสูบบุหรี่เพราะอยากรุ้ว่ามันเป็นไง ผลคือแค่รุ้สึกว่าทำให้ไม่อยากอาหารกับคิดไปเองว่า CO ที่สูดเข้าไปมันคงเป็นพิษกับสมองตอนสูบเลยมึนๆ (กุคงสูบไม่เป็นด้วยแหละไม่รุ้จังหวะหายใจ) ไม่ได้รุ้สึกติด ไม่ได้ฟินหายเครียดอะไร เคยลองสักยี่สิบกว่ามวนได้มั้งทั้งชีวิต กุลองหลายที พอดีตอนเด็กขี้สงสัย แต่ทีนี้ไม่รุ้ทำไมเวลากุเครียดทีไรชอบมีความรุ้สึกอยากสูบอย่างแรงกล้าตลอด ยิ่งตอนทำงานเครียดจัดๆ นี่อยากให้มีความรุ้สึกของควันแสบๆ เหม็นๆ เข้ามาในปอดจนอยากวิ่งไปซื้อมาสูบเดี๋ยวนั้น มันเป็นภาพจำทางใจเฉยๆ ป่ะวะ แบบคนบอกว่าสูบแล้วจะหายเครียดกุเลยอยากสูบงี้ แต่กุก้ห้ามตัวเองไว้นะว่าจะเสียเงินเลเซอร์กับสกินแคร์ทำไมถ้าจะมาสูบบุหรี่
ไม่อยากไปทำงานว่ะจิตใจห่อเหี่ยวร่อนที่ใหม่เป็นสิบๆที่ก็ไม่มีติดต่อมาเลย
คือกูเป็น DEV มาได้ 2 ปีแล้วพึ่งเปลี่ยน บ ใหม่มา ตอนนี้ผ่านโปรแล้วแหละ แต่แม่งรู้สึกกูโง่ฉิบหายเลย
ต้องให้ซีเนียเทพๆคอยช่วยเรื่องโง่ๆอยู่บางเรื่อง เพราะตัวเนื้องาน และเทคที่ใช้แม่งไม่เหมือนที่เคยทำที่แรก
แต่พี่ซีเนียกูใจดีชิบหายเลยแถมคิดบวกตลอด ทำเอากูรู้สึกผิดเวลาทำงานพลาดหรือคิดไม่ออก
กูไม่อยากให้พลาดหรือปล่อยไก่ให้พี่เค้าเห็นเลย
มึงว่าพี่เค้าจะมองว่ากูแม่งไร้ค่าบ้างไหมว่ะ คือเหมือนแกไม่ค่อยหวังอะไรจากกูมากอะ เลยไม่ซีเรียส
>>487 ไม่รู้หว่ะโม่ง ที่แรกกูทำมา เกือบ 2 ปี เจองานแต่เถื่อนๆ เมเนเจอเหี้ยๆ ซีเนียที่เข้มๆ
เลยคิดว่าโลก Dev แม่งต้องแบบนี้หรอว่ะ 555 พอมาเจอที่ใหม่แม่งตรงข้ามกับที่เจอมาทุกอย่าง
เลยคิดว่าเราต้องทำงานดีๆตอบแทนเค้าอะ แต่งานกูบางชิ้นมันโง่ไปอ่ะ เลยเผลอกดดันว่าต้องทำมาเนียบๆ
เค้าจะได้ชอบๆกัน เคยเผลอคิดนะว่าเค้ารอกูออกไปเองไหม แบบ ไม่อยากเสียแรงไล่ออกไรงี้ 55555555
จะได้หยุดสามวันแล้วโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
งานยังไม่เสร็จเลยสาสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส
feel like friday night ♥
>>486 สำหรับ senior คิดว่าตอนนี้เค้าไม่ได้คิดอะไรกับ junior ที่เข้ามาใหม่มากกว่านะ ติดก็ช่วยแค่นั้น เพราะงานที่จ่ายมามักเป็นงานที่เค้าทำเองแป๊ปเดียวเสร็จได้อยู่แล้ว ไม่ได้เป็นงานสำคัญหรือคอขาดบาดตายอะไรมากนัก
ถ้าจะคาดหวังก็คง หวังว่าจะโอนงานที่หนักๆ หน่อยในอนาคตเพื่อทุนแรงได้ล่ะมั้ง
อ๊า พรุ่งนี้วันจันทร์
กังวลเรื่องต่อสัญญาว่ะ ถึงพี่คนอื่นจะบอกว่าถ้าไม่ได้ทำผิดร้ายแรงอะไรยังไงเค้าก็ต่อ แต่กูก็รู้สึกว่าตัวเองมีทำพลาดบ้างบางเรื่อง ยังไม่ดีพอว่ะ
กำลังหาค่าขนม พอดีไปเจอประกาศรับสมัครแอดมิน
เนื้อหางานคือ ตอบเพจ กับลงโพสวันละ 3-4 โพสทุกวัน
ได้เดือนละ 800
เพื่อนโม่งคิดว่าโอเคไหมวะ
ทำงานมาปีกว่า ความสัมพันธ์กะคนในทีมเริ่มดิ่งลงเหวลงเรื่อย ๆ
แรก ๆ กูเข้ามา ด้วยความเด็กสุดในทีมเจอหน้าคนในทีมกูก็ไหว้ก็ทัก ชวนคุยนู่นนี่เค้าก็ปฏิสัมพันธ์กะกูปกติ
แต่เมื่อไม่นานมานี้กูทำงานพลาดจนโดนเรียกประชุมทีม 2-3 รอบ
แถมมีครั้งนึงที่กูไม่ได้ผิดด้วย แต่ก็ไปลากเรื่องอื่นมาโยงให้กูผิด
แล้วตั้งแต่นั้นทุกคนก็ตึง ๆ ใส่กู คุยถาม-ตอบได้แค่เรื่องงาน
พักกลางวันปกติกูจะไปนั่งฟังเขาคุยกันหรือแจมบ้าง มาตอนนี้ทำเหมือนอากาศธาตุ
พอกูจะพูดแจมทุกคนแม่งเงียบ มีหัวหน้าที่ยังชวนคุยได้แต่ก็รู้สึกได้ว่าไม่เหมือนเดิม
ทั้งๆที่บอกเองว่าจะแยกเรื่องงานกะส่วนตัวแต่ทุกวันนี้บางคนเจอหน้าไม่สนใจ กูไหว้ก็ทำเฉย
กูเองไม่เคยเอาใครมาด่าลับหลังทั้งเรื่องงานหรือส่วนตัวแท้ ๆ
เรื่องที่โดนตำหนิอย่าว่าแต่ระบายให้ใครฟังเลย ในโซเชี่ยลยังไม่เคยพิมพ์ด้วยซ้ำ เพิ่งมาลงที่นี่นี่แหล่ะ
อยากแยกตัวออกมาให้จบ ๆ แต่ก็เสียวจะมาหาเรื่องตำหนิกูว่าแยกเรื่องงานกะเรื่องส่วนตัวไม่ได้น่ะสิ
ดีอย่างนึงคือกูจะได้ออกเร็วขึ้น กำหนดเดิมคือตั้งใจว่าอีกสองปีออกแต่ถ้าแบบนี้อีกปีเดียวก็พอ
พวกมึงมีงานแนะนำไหมที่หยุดเสา อาทิตย์ นักขัต ไม่เอาราชการ ส่วนงานก็รูทีนทั่วไปไรเงี้ย
>>497 บรรยากาศในการทำงานมันเสียไปแล้วว่ะเอาคืนมายาก ลับหลังเค้าคงแทงมึงยับกันอ่ะ ออกไปเจอที่ใหม่ บรรยากาศใหม่ๆเหอะ
มึงยังดียังใหม่อยู่ ของกูเคยพลาดสมัยจบใหม่ๆ แล้ววงการมันแคบไปสมัครที่ไหนก็มีเสียงเล่าเสียงลือเรื่องของกูตามไปแทงหลังกูตลอด บรรยากาศรอบตัวกูอึมครึมตลอดไม่มีใครคุยด้วย คุยได้แค่เรื่องงาน แม่งเครียด
ถ้าไม่ใช่เพราะเศรษฐกิจมันแย่มากๆ กูคงออกไปทำอะไรก๊อกๆแก๊กๆที่มันไม่เกี่ยวกับสายงานเดิมแล้ว
>>498 สายงานแบบunskilled labour มึงจะเอาไหม? มีนะ แถมรายได้ในวงการนี้ก็เริ่มมาสูงกว่าที่อื่นๆ กูเจอมาละ ข้อเสียมีไม่กี่เรื่องคือ(ซึ่งมักจะทนไม่ค่อยได้)
1.มึงไม่ต้องหวังว่าจะเติบโตในสายงานเว้นแต่ย้ายไปทำที่ดีกว่า เพราะยิ่งโตมึงยิ่งเจอทำงานนานและหนักกว่าเดิม รายได้ราวๆ ป.ตรีจบใหม่ คนอยู่นานแต่ตำแหน่งไม่เตื้องเพราะเค้ารู้ว่าไปรับจ๊อบเสริม(ขับแกร๊บ, ขายของ) มันมีรายได้เสริมที่เราอิสระกว่าแล้วเวลามันมีให้เราบริหารเองได้เยอะกว่า จัดการความเหนื่อยตัวเองได้ เป็นนายตัวเองได้บ้าง
2.ทำงานแบบคนญี่ปุ่น(นายจ้างญี่ปุ่น) วัฒนธรรมญี่ปุ่นมาเต็มมาก ซึ่งเน้นเลี้ยงคนและทำงานแบบถ้าจะเติบโตกับแม่งก็ต้องทนกับโอทีเหมา
3.วันหยุด ไม่หยุดตรงเสาร์-อาทิตย์ ไม่มีนักขัต แต่มึงจะได้หยุด2วันต่อสัปดาห์ ทำ5วันต่อสัปดาห์
4. สวัสดิการพื้นฐานถือว่าฝั่งแถวบ้านกูออกจะดีที่สุดในที่ทำงานวงการเดียวกัน บ.ไทยๆยังไม่ค่อยมีปัญญาจะให้ บ.ไต้หวันที่คิดว่าดีละนี่มีดีกว่านี้มาก unskilled labour แต่มีประกันกลุ่มให้เสริมกับประกันสังคม ไม่หักจากเงินเดือนเพิ่ม OTไม่ค่อยปล่อย แต่ถ้าปล่อยทีก็โคตรงาม ไปทำงานที่สาขาอื่นมีค่าเดินทางให้ชัวร์ป้าบ เครื่องแบบไม่ต้องเงินค้ำ ไม่ต้องซื้อ เบิกได้ถ้าทำงานครบรอบเรื่อยๆ
ก็.... กูไม่ก่ะจะทำแม่งตลอดชีวีนะ แค่เห็นว่าเออถ้ากูทำตรงนี้แล้วเรียนรามควบได้จริงๆ พอรับปริญญาได้ก็มองหางานใหม่ละออกไปที่ที่ตรงสายงานบ้าง แค่นั้นเลย
มันจะมีไอ้คนนึงในที่ทำงานคือมันก็ตั้งใจทำงานดีแหละแต่ปากมันหมานไง ทั้งๆที่มันอาจจะไม่คิดอะไรแบบนั้นก็ได้แต่ปากมันพาะูดให้เหมือนดูถูกคนอื่นตลอดเวลาเช่นตอนประชุมคุยงาน มันก็จะพูดจาเหมือนดูถูกคนฟังเช่น ตรงนี้ผมจะอธิบายช้าๆนะ พี่อย่างงนะ พี่เข้าใจที่ผมต้องการสื่อรึเปล่า? พี่มองประเด็นเดียวกับผมไหม? ทั้งๆที่กูก็เก๊ทตามมันมาเรื่อยๆไม่ได้มีหลุดหรือถามตรงไหน หรือตอนแชร์ไอเดียกัน มันก็มาอีกละ พูดขวางๆแบบ ผมว่าไอเดียพี่ไม่ถูกไหนลองเอาข้อมูลมาดูหน่อย พี่เอาข้อมูล?นี้มารู้ได้ไงว่าจริงสุดแล้ว ผมเอาข้อมูลผมมาเทียบกับพี่ได้ไหม(ซึ่งมันก็ชุดเดียวกันกับกูเลย) เอางี้นะพี่เรามานิยามคำถามเรากันใหม่ไหม คือกูก็ชอบที่มันทำงานขยันดีนะ แต่มันจะคำพูดชวนเอาหูกระดิกอะไรตลอดเวลาวะ คือถ้ามึงอยากโชว์เหนือหรือไม่มีประเด็นอะไรเพิ่มก็ไม่ต้องเอาคำประดิษฐ์มารวมๆกันแล้วพูดออกมาก็ได้
เป็นเซลส์ที่ต้องมาหาลูกค้าใหม่ในตลาดที่ลูกค้ามีจำกัด แถมรายใหญ่ก็เป็นลูกค้าเซลส์คนก่อนหน้าอยู่แล้วนี่โคตรลำบากเลย ไอ้บอสัดแม่กูก็ต้องการลูกค้าสั่งvolumnเยอะๆ ส่วนลูกค้าที่กูติดต่อเจอกำแพงmoqเข้าไปก็หนีหมด ไปขายลูกชิ้นดีกว่ามั้งกู
>>497 ไม่ต่างจากกูเลยว่ะบรรยากาศอืมครึม คุยกันแค่เรื่องงานอย่างเดียว ไม่สนุกสนาน แบ่งแยกชัดเจน ใครไม่ถูกกับใคร กลุ่มใครกลุ่มมัน พักเที่ยงตัวใครตัวมัน กลุ่มใครกลุ่มมัน ไม่มีการชวนนอกกลุ่ม ตกเย็นปาตี้กินเหล้า ก็ชวนแค่เฉพาะกลุ่ม งานเลี้ยงปีใหม่รวมในที่ทำงานก็นั่งแยกกันเป็นกลุ่ม คุยกันเองในกลุ่ม เจ้าพ่อเจ้าแม่ในที่ทำงานไม่มีใครสนใจ ส่วนใหญ่กลับก่อน ส่วนพวกตัวแรง ๆ โดนโดดเดี่ยว โดนแบน แต่ก็เห็นอยู่ได้แบบโนสนโนแคร์ แล้วทำตัวแรง ๆ เป็นเจ้าพ่อเจ้าแม่ไม่มีเปลี่ยนเหมือนเดิม
สงสัยและหาเป็นความรู้พวกที่ทำงานออฟฟิศในตัวเมืองกรุงเทพทำไมชีวิตมันดูดีจังกินหรูซื้อของขวัญให้กันมีแต่ของแบรนเนมลงไอจีกันแบบหรูหราเงินเดือนมันเท่าไหร่กันวะกุทำงานแถบชานเมืองได้สองหมื่นนิดๆเงินยังตึงมือเลยขนาดรายจ่ายไม่เยอะนะ
>>512 บางทีก็เป็นพวกหาได้เยอะเลยใช้เยอะแบบไม่ได้เก็บมากมายอะไรอะ เพื่อนกุคือขายของออนไลน์ด้วย เงินเดือน30k+ขายของก็10-20k ต่อเดือน กลางวันกินข้าวในห้างแบบมื้อละสามถึงหกร้อยบ่อยมาก เงินเก็บมันสองสามแสนนิดๆเองมั้ง ขณะที่กุผุ้ซึ่งไม่กินไม่เที่ยวเงินเก็บเยอะกว่ามันแต่ก้พลอยไม่ทะเยอทะยานอยากหาเพิ่มด้วยอะ
ถ้าสกิลไม่เจ๋งจริงนี่ไม่ควรเป็น Jop Hopper สินะ
>>512 กูทำงานในตัวเมือง เงินเดือนปัจจุบันฐานภาษี 20 ไม่รู้เงินเดือนคนอื่นในออฟฟิศเดียวกัน แต่คิดว่าคง+/-ไม่ห่างกันเท่าไหร่ กูคิดว่ากูฐานะปานกลางสำหรับมุมมองคนไทยทั่วๆ ไปนะ แต่กลายเป็นว่ากูจนที่สุดในบริษัทแล้วอะ ถถถ กูเป็นคนตจว.ที่มาทำงานกทม. แต่คนในออฟฟิศกูส่วนมากเป็นคนกทม.ตั้งแต่กำเนิด+บรรพบุรุษก็กทม. ขอแค่มีที่ดินใน กทม.ซะหน่อย ก็คือรวยแล้วอะ เพราะมูลค่าที่ดินในกทม.มันขึ้นพรวดๆ ดังนั้นเท่าที่กูเห็นกินหรูอยู่แพงกันในออฟฟิศ=บ้านรวยเป็นทุนเดิม ชีวิตไม่มีภาระอะไรทั้งสิ้น อยู่บ้านพ่อแม่ฟรีไม่ก็พ่อแม่ซื้อคอนโดให้อยู่ ซื้อรถให้ขับ ไม่ต้องให้เงินพ่อแม่ ไม่ต้องเก็บออมเงินออมเผื่อตอนแก่ (เพราะมรดกเพียบ) ในขณะที่กูต้องส่งเงินให้พ่อแม่ ต้องเช่าหออยู่ ต้องเก็บออมเผื่อตัวเองตอนแก่ไม่งั้นได้นอนอนาถาอยู่ข้างถนนแน่ สรุปที่อยากจะบอกคือ ต่อให้เงินเดือนพอๆ กัน ชีวิตก็ต่างกันเยอะ เพราะจำนวนเงินที่สามารถใช้ได้จริงมันต่างกัน กูได้เงินมาเท่าไหร่ ได้ใช้จริงๆ คือไม่ถึงครึ่งอะ ในขณะที่เพื่อนร่วมงานกูคือได้มาเท่าไหร่ก็ใช้ได้หมดเลยเท่านั้น
ไม่อยากให้ถึงเสาอาทิตย์เลย วันทํางานนรกของคนสอนพิเศษ
กูคือเด็กใหม่มีงานไรก็ช่วยหมดขอให้ทำอะไรก็ทำ ติดที่ว่ากูไม่ค่อยคุยไม่ค่อยกินข้าวกับเพื่อนร่วมงานเค้าจะแบนกูมั้ยวะ
>>526 ของกูตามนี้เช่นกัน ตาม criteria ของบริษัท บางเมลกูต้องส่งหาคนหลายสิบหรือเป็นร้อย
TO คือ PIC โดยตรง คนที่ต้อง tack action
CC คือคนที่ต้องรับรู้ ต้องอ่านเมล จะมาอ้างทีหลังว่าไม่รู้ไม่ได้
ส่วนที่เหลือส่งเป็น FYI เฉยๆ จะอ่านหรือไม่อ่านก็เรื่องของมึง แต่ต้องส่งให้ ไม่ส่งไม่ได้ ไม่งั้นจะกลายเป็นการไม่แจ้งผู้เกี่ยวข้อง ไม่ถูกต้องตาม procedure
โม่ง แชร์แพลนการใช้เงินพวกมึงหน่อยได้มั้ย กูเพิ่งย้ายออฟฟิศแล้วรู้สึกค่ากินค่าเดินทางเยอะจนเบียดเบียนค่าใช้จ่ายเพื่อสนองนี้ดมาก อยากรู้ว่าปกติแพลนกันยังไง เผื่อว่าของกูมันเยอะไปจะได้ลองเบาบางจุดลง
>>528 ค่าเดินทางไม่เท่ากันว่ะ กูขับรถไปออฟฟิศเติมน้ำมันอาทิตย์ละ 300-500 โดยประมาณ
ค่ากินก็เช้ากาแฟ 50 เที่ยงข้าว 60 น้ำหวาน 20 น้ำเปล่า 10 เย็นแล้วแต่ถ้าไปกินกะแฟนก็ 150-300
ปกติกูจะคุมงบวันนึงไม่เกิน 300 ค่าเดินทางอีก 100 ตกวันละ 400
ที่เหลือก็ค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าเน็ต ค่ามือถือ ค่ารถยนต์ต่างๆ เหลือก็เก็บไม่ก็ซื้อของ ไปเที่ยว
>>528 ย้ายออฟฟิศ ...เป็นกูกูจะหาทางย้ายที่อยู่ด้วย ละถ้าเจอของดีที่ใกล้ที่ทำงานมึงด้วย ก็ลองคิดถึงค่าเช่าดู ถ้าค่าเช่าผ่าน ผลลัพธ์อย่างที่สองคือค่าเดินทางมันควรลด ไม่งั้นก็อาจจะแบบหายไปเลย จากที่มีคนเคยก่นด่าเรื่อง รฟฟ. แพง ก็เจอสื่อเจ้านึงบอกอ่ะว่าคนไทยใช้จ่ายการเดินทางวันนึงแล้ว20%ของรายได้ต่อวันของตัวเอง ถ้าลดตรงนี้ไปได้หรือตัดๆแม่งให้หายไปเลย ชั่งตวงเทียบละยังไงก็ไม่โหลด ซื้อความสบายใจได้ไม่ขนหน้าแข้งร่วง มันน่าทำ
>>528 ส่วนตัวกูนะ ถ้าจะแพลนการเงินยังไง... กูอ่านหนังสือที่เรียกว่า อ่านงบการเงินด้วยปากกา3สี มันจะสอนมึงเรื่องการทำระบบบัญชีเดี่ยวและระบบคู่(ที่นิยมใช้ในบริษัทห้างร้านจนทุกวันนี้) และกูก็ถามๆคนจบบัญชีมานะว่าเออ ทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายทำยังไง เค้าก็สอนคร่าวๆว่าก็เอาคอนเซปต์ระบบบัญชีเดี่ยวมาใช้นี่แหละ เขียนมาว่ารายได้มึงที่โดนหักค่านั่นนี่ละมึงจะแบ่งเอาไว้จ่ายเท่าไหร่ เก็บเท่าไหร่ กินเท่าไหร่ แค่นั้นเลย แต่กูไม่ได้แค่ว่าเขียนละจบ กูพยายามร่างบัญชีเพื่อทบทวน/หาปัญหาการใช้จ่ายกูทุกๆเดือนสองเดือนที่ว่างๆ เพื่ออุดช่องโหว่ที่กูจะดึงเงินข้ามกองเงินที่ตั้งไว้มั่วซั่วด้วย
ไม่ผ่านโปรที่นึง หางานได้อีกที่นึง แต่ทำไปได้เกือบเดือน เขาบอกว่ากูอาจจะไม่ผ่านโปร ให้รีบปรับปรุงตัว กูเฟลมาก เหมือนทำอะไรได้ไม่ดีพอเลยอะ ทั้งที่ก็นั่งอยู่ตรงนั้น ใช้เวลาอยู่ตรงนั้นเหมือนทุกคนแท้ๆ
>>541 ที่จะไม่ผ่านโปรอันล่าสุดคืองานแอดมินบ.เอกชนอะ ทำเอกสารให้ลูกค้าเอาไปติดต่อราชการแล้วก็ต้องต้อนรับลูกค้า(ต่างชาติ) พาร์ทเอกสารก็โดนติว่าทำตกหล่นจุดเดิม (พวกลืมปั๊มลืมเซ็นเอกสารอะ แล้วมีเป็นร้อยหน้า) กูก็พยายามไม่ให้ผิดแล้วนะ ถ้าเช็คหลายรอบก็ใช้เวลานาน ถ้าทำไวเช็คไม่ละเอียดก็เผลอทำหลุด ซึ่งงานแบบนี้ไม่ควรหลุดเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่ก็ต้องทำไวด้วย ส่วนพาร์ทต้อนรับลูกค้า กูเป็นพวกติดสตั้น ชอบชะงักก่อนตอบคำถาม เพราะในหัวประมวลผลนานกว่าคนทั่วไปว่าต้องตอบยังไงถึงจะเหมาะ ทำให้เวลาคุยกับคน(ทุกภาษา) อยู่แล้ว บุคลิกมันเลยดูไม่ดี ดูคิดช้า ตอนคอมเม้นเขาโฟกัสเรื่องการสื่อสารของกูกับเรื่องผิดซ้ำซากนี่แหละ แล้วกูก็ไม่แน่ใจว่าจะแก้ได้ด้วย
>>542 งานประเภทหลายหน้าอาจไม่เหมาะกับมึงก็ได้ถ้าหางานอีกหางานที่ทำหน้าเดียวไม่ต้องประสานใครดูแต่ขอให้เป็นสิ่งสุดท้ายที่คิดนะ:)
ส่วนนึงมึงมีความไม่มั่นใจในตัวเองลึกๆและขี้กังวลเลยออกมาเป็นพฤติกรรมภายนอกต้องคนเข้าใจมึงถึงจะมองออกและใช่กูเป็นแบบนั้นถ้างานใหม่ที่พึ่งได้ทำมึงคงต้องใช้เวลาหน่อย ถ้ามึงเข้าใจงานมึงคล่องแน่นอนอาจคล่องกว่าคนอยู่มาก่อนด้วยซ้ำให้กำลังใจว่ะ โฟกัสไปทีละจุดของงานสู้ๆ
>>544 ก็คืออันนี้แหละ มันบอกว่าที่จะไม่ผ่านโปรไง แปลว่ามันก็พูดถึงที่ปัจจุบันที่มันกำลังจะไม่ผ่านโปรอยู่
ส่วนปัญหาของมัน บอกตรงว่ากุก็ไม่ใช่สายเอกสารไม่รู้จะช่วยหาทริคยังไงดีว่ะ กุเคยทำงานเป็น pm ที่ต้องทำเอกสารเยอะชิบหายมาก่อนเหมือนกัน แต่กูรู้ตัวเองว่าไม่เหมาะกับการทำไรแบบนี้ กุเลยเปลี่ยนสายงานไปทำอะไรที่เหมาะกับตัวเองแทน คือกูเข้าใจเลยกับเรื่องการทำเอกสารให้ถูกต้องและไว และกุก็เจอปัญหาเดียวกับมึงตรงที่ถ้าไวก็จะขาดความรอบคอบ ถ้ารอบคอบก็ต้องใช้เวลา ถ้าจะให้กุหาวิธี เป็นกุคงทำเทมเพลตรอไว้อ่ะ แล้วเวลาทำแต่ละหน้าก็คือเช็คให้จบก่อนที่จะเปลี่ยนหน้าใหม่ไปเลย ก็จะประหยัดเวลาใช้การเช็ครอบสุดท้ายได้
ส่วนเรื่องสื่อสารกุว่ามึงต้องเพิ่มความมั่นใจในตัวเองอ่ะ แล้วก็ต้องหัดคุยกับคนบ่อยๆ ปัญหาน่าจะมาจากไม่มั่นใจว่าที่ตอบจะดีมั้ยเลยคิดเยอะกว่าจะตอบแต่ละที อาจต้องมีคลังประโยคไว้ในหัวแล้วฝึกพูดในแต่ละสภานการณ์บ่อยๆ ถ้ารู้สึกปลอดภัยเด๋วความมั่นใจจะมาเอง
>>543 >>545 ขอบใจมากสำหรับคำแนะนำ ตามที่บอกเลยว่ากูขาดความมั่นใจในตัวเองจริงๆแหละ แล้วก็เป็นคนไม่ค่อยรอบคอบด้วย ที่ทำงานบอกว่าให้เวลากูแก้ไขตัวเองจนถึงสิ้นเดือน แต่กูคิดว่าเขาแค่บอกล่วงหน้าอย่างสุภาพต่างหาก พอทำงานจนครบเดือนก็คงบอกลากันอยู่ดี เพราะเวลาที่ผ่านมาก็ดูกันออกแล้วว่านิสัยกูเหมาะหรือไม่เหมาะกับงาน ยังไงก็ขอบคุณทุกคนที่ให้คำแนะนำมากๆนะ จะเก็บไปทบทวนตัวเองให้ดี
>>546 ไม่รอบคอบ สื่อสารไม่เก่ง ไม่มั่นใจ แล้วมึงถนัดอะไรบ้างล่ะ? คนเรามันต้องมีจุดแข็งซักอย่าง แล้วหางานที่เหมาะกับตัวเอง แต่ถ้าคิดว่ายังไม่มีเลยก็ต้องสร้างขึ้นมา พัฒนาตัวเอง เลือกมาซักอย่างที่คิดว่าน่าจะพอมีแววมากที่สุด
อย่างกูก็สื่อสารห่วยมาก 555 ที่ทำงานกูก็สื่อสารห่วยกันหลายคน ออกแนวพูดภาษาคนไม่ค่อยรู้เรื่อง มีแต่พวก geek ๆ เดินกันเต็มบริษัท 555 แต่ก็หางานทำกันได้ผ่านโปรสบายเพราะรู้ว่าตัวเองถนัดอะไรนี่แหละ ส่วนเรื่องไม่รอบคอบนี่กูก็ที่สุดเหมือนกัน แต่กูใช้วิธีสร้าง tools ขึ้นมาป้องกันความผิดพลาด เช่น สร้าง check list หรือถ้าอะไรมันสามารถใช้ command เขียน code อะไรขึ้นมาป้องกัน human error ได้ กูทำหมด
มึง ....เป็นพวกมึงคือจะไปต่อหรือพอแค่นี้.... ที่กูทำปัจจุบันคืองานที่เคร่งมาก เน้นเร็ว และหน้างานตามที่นายจ้างสั่ง งานมีระบบดีระดับนึงเพราะเป็น บ.ข้ามชาติ งานรายได้ดีนะแต่เรื่องจุกจิกมีเยอะตามตัวแต่ไม่ถึงขั้น ปสด. หลายๆอย่างพอเข้าใจได้ว่ามีเหตุผลรองรับ แต่พอคนทำงานน้อยลงคือทุกคนจะโหลดมากขึ้น มีทีมสอนงานให้และวางระบบพื้นฐานที่ทำงานทีมกูให้บ้าง โอกาสเติบโตมีแต่จะเจอกับโอทีเหมาซึ่งกูก็ไม่ค่อยโอเค รุ่นพี่ที่กูทำตอนนี้แกเคยมาจากงานที่โปรกว่านี้มาก เค้ามีสังคมอีกฟาก และแนะนำกูเปรยๆด้วยว่าหัวหน้าคนเก่าโทรมาตามให้ไปทำงานที่ใหม่เพราะย้ายจากที่เก่าทั้งทีมแล้ว งานรายได้ดีกว่าที่ทำงานปัจจุบันมากเพราะทำใน บ.ที่รับลูกค้าจ่ายเงินหนักกว่า ถ้ากูลองเข้าไปทำนานๆหน่อยก็อาจได้ประวัติงานดีๆมาใส่resumeอ่ะ งานตรงนี้ถ้าไม่มีเส้น ไม่มีคนแนะนำงานมาคือไม่รับตาสีตาสากัน แต่ที่น่ากลัวไม่แพ้กันเลยคือไองานที่จะทำนี่เน้นการสอนงานจากคนที่อยู่มาก่อนแล้ว กูกลัวเค้าไม่สอนกูด้วยอะไรต่างๆนาๆร้อยแปด อีกเรื่องคือสวัสดิการเอาเข้าจริงๆกลัวจะไม่ได้ง่ายๆ(ที่กูทำอยู่คือหยุด2วันต่อสัปดาห์ได้ และพอจะมีประกันกลุ่มให้แบบไม่หักจากฐานเงินเดือน เครื่องแบบทำงานระยะใกล้ๆก็มีมาให้อีกฟรีๆ มีสลิปเงินเดือนส่งแบบดิจิตัลตามปกติ) ต่อมาอันนี้สำคัญสุดคือกูกลัวทำล่วงเวลาละไม่ได้โอที ส่วนสวัสดิการที่ใหม่เห็นมีเหมือนกับที่ทำงานที่กูทำอยู่ตอนนี้ เพิ่มเติมขึ้นมาอีกคือมีข้าวแดกฟรีสามมื้อด้วย แต่เครื่องแบบเหมือนจะเบิกฟรีไม่ได้เหมือนที่ทำงานปัจจุบันกูหว่ะ แล้วแถวบ้านกู(ขนาดเช่าอยู่ละนะ)อยู่ฝั่งธนแบบเลยแนวBTSด้วย แต่ที่ทำงานอยู่แถวๆอนุสาวรีย์ชัย ปัญหาเรื่องหาข้าวแดกตัดออกไป ปัญหาใหม่คือการเดินทางเลย มีรถผ่านนะแต่มีแค่สายเดียว ที่สำคัญชิบคือกูขับรถไม่เป็น อยากขอความเห็นพวกมึงว่ากูควรย้ายงานเดิมตอนนี้ที่ทำมาแล้วราวๆ1-2เดือนดีไหม? หรือย้ายไปเลย?
>>548 กุยังไม่เข้าใจขอสรุปแปป คือมึงไม่ได้มีปัญหากับที่เก่าใช่ป่ะ มีแค่เรื่องเหมาโอทีกับงานไม่ได้เป็นระบบขนาดนั้นที่มึงไม่ชอบ แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาถ้าจะทำต่อ
สิ่งที่มึงจะได้จากที่ใหม่คือเงินที่มากขึ้น กับระบบที่โปรขึ้น แต่มึงก็กังวลว่ามึงจะไม่ได้โอที ไม่ได้หยุดเสาร์ทิตย์ และไม่มีคนสอนงาน และที่ทำงานไกล มึงก็เลยลังเลว่าจะย้ายดีมั้ย ไรงี้ป่ะ
กุว่าจ้องถามก่อนว่ามึงมีปัญหากับงานปัจจุบันระดับไหน และเมื่อเอามาหักลบกับสิ่งที่จะได้จากที่ใหม่ มึงว่ามันดีกว่ามั้ย เช่นถ้ามึงแคร์เรื่องเงินมากแล้วที่ใหม่เค้าให้เยอะมากมันก็อาจตอบโจทย์มึงแล้วไง แล้วค่อยออามาเทียบข้อเสียจากวิธีการดำเนินชีวิตของมึง ดูระยะยาวแล้วว่ามึงจะสามารถเดินทางได้โดยไม่ล้ามั้ย อะไรแบบนี้
ส่วนเรื่องสวัสดิการที่มึงกังวลเหมือนมึงเองก็ยังไม่รู้ว่าเค้าจะให้หรือไม่ให้ กุว่ามึงไปเก็บข้อมูลมาให้ชัดก่อนดีกว่าว่าจะได้โอมั้ย ได้หยุดเหมือนเดิมมั้ย แล้วค่อยมาตัดสินใจอีกที คือถ้ามันไม่ได้ตามที่ต้องการ ไม่ย้ายก็อาจดีกว่า คือเข้าใจป่ะถ้ามึงอยากได้เงินเพิ่มจริงๆ มันก็อาจมีบริษัทที่ให้เงินมากขึ้นแต่สวัสดิการเหมือนเดิมก็ได้ ไม่จำเป็นต้องไปยึดติดเพียงเพราะที่ๆที่มึงจะไปตอนนี้ต้องใช้เส้นหรอก
ทำไมพวกมึงไม่มาอเมกากันวะ
อย่ามาเลยอเมกา ได้เจอแต่พวกไอ้ดำทำท่าตาตี่ใส่
>>551 บางทีไม่โอเคเหมือนกันนะถ้าเจอฝรั่งเหี้ยๆอ่ะ คือ เอเชียไปหางานที่นั่นแม่งเสี่ยงเหนื่อยคนอ่ะมึง แล้วฝรั่งที่นั่นนี่แบบถ้าหางานใหม่ได้มันจะไปมันเดินออกไปเลย มันมีบ้าน มันมีเงินเก็บพอใช้ของมัน มันมีสวัสดิการ แต่กับพวกเราแม่งไม่ใช่ไง ละวีซ่าเมกาทำยากจะตายชัก ใครเค้าจะไปวะ ถ้าได้อังกฤษสู้ไม่ทำวีซ่าลงออส, นิว ก็ได้มั้ง แต่ต้องเก็บเงินแบบเยอะจัดๆหน่อย ....เออ ใช่ เมกาเน็ตกากกว่าไทยอ่ะ รับไม่ได้จริงๆตรงนี้ อยู่กับเน็ตเร็วๆจนเคยตัวละ
>>549 ที่ทำงานปัจจุบัน กูทำจนถึงตอนนี้ไม่มีปัญหาอะไร ผจก., แอเรีย, ยันMDก็น่ารักกับกูดี ประเด็นคือกูเจอคนที่ทำงานด้วยกันมาก่อนแล้วเค้าอยู่มาตั้งแต่ บ. เปิดกิจการรกรากที่ไทยเลย ละแม่งงานอาวุโสกว่าพวกทีมเทรนนิ่งงานของกูที่ตั้งขึ้นมาใหม่อีก(รุ่นพี่กลุ่มนี้คือเก่าแก่สุดละเป็นคนสอนงานให้ทีมเทรนนิ่งด้วยนะ) กูไม่อยากทิ้งเพราะฐานเงินเดือนเริ่มมาก็ไม่ขี้เหร่แล้ว แต่ทำงานมันเคร่งครัดกับระบบงานอยู่เยอะ สิ่งที่กูเจอกับที่นี่นะ
-ทำงานด้วยกันยังทีมใหม่ๆเลย ไม่มีใครอาวุโสกว่าใคร ยังไม่มีการตั้งหัวหน้าขึ้นมานอกจากคนที่มีอยู่
-มีทีมเทรนนิ่ง การกั๊กวิชาไม่มีนะ และคนเก่าแก่ที่ย่ำตำแหน่งเดิมก็ไม่หวงวิชาด้วย น่ารักมาก ชวนคุยละโคตรโปรงานมาก
-ตำแหน่งหัวหน้าคือตำแหน่งที่รายได้ดีกว่าที่กูทำอยู่ โตไปก็เจอโอทีเหมา ถ้าจะโดนย้ายช่วยสาขาอื่นก็ตำแหน่งนี้เลย ต้องคุมงานอะไรต่อมิอะไรเยอะ ตารางงานบางทีขึ้นตรงกับแอเรียกับระดับสูงๆก็มี เป็นผู้รับผิดชอบเดินทางไปจุดนั้นจุดนี้ของ บ. เพื่อไปเอาสินค้า เอาวัตถุดิบมาที่ทำงานจุดที่กูทำ เรียกว่าความรับผิดชอบงอกมาเป็นเท่าตัวเลย เริ่มงานบางทีต้องเริ่มก่อนตำแหน่งกูหรือเลิกหลังอีก
-สวัสดิการดีกว่าที่คิดทั้งที่รายได้สูงกว่าที่เก่ากูทั้งหมด นอกจากหักประกันสังคมแล้วก็ที่กูบอกไปอ่ะมีทั้งเครื่องแบบฟรี ,ประกันกลุ่ม, ค่าเดินทางก็มีให้ ,incentive,เบี้ยขยันไม่ใช่คิดแบบ บ.ไทย ที่มาสายรอบเดือนนึงละอด แต่แบ่งเป็นสองช่วง สายช่วงครึ่งรอบเดือนแรกก็อดแต่จะได้อีกครึ่งถัดไปถ้าไม่มีสายในอีกครึ่งรอบเดือน
-นโยบายการทำงานคือทำ5วันหยุด2วันแบบไม่ตรงเสาร์-อาทิตย์กับไม่มีวันนักขัตฯให้
-ผจก. ใจดีนะ มีทำระบบขอวันหยุดได้ ขอสลับวันได้ แล้วจะลาล่วงหน้าก็คุยกันได้ด้วย
-ทำงานเกินเวลาไปไม่มีข้อกำหนดว่าจะไม่ให้OT มีให้นะ แต่ต้องตามที่ ผจก. อนุมัติ
ทีนี้กูจะบอกข้อเสีย
-ใครสักคนลางานหน่อยทีนึงงานโคตรโหลดเลย ละนี่สามสี่วันพอคนมันได้ประจำปุ๊บลากันสนุกชิบหาย ขอใบรับรองแพทย์เป็นขี้โรคกันสารพัดจนกูสงสัยเลยว่าMDจะพิจารณาอะไรกับพวกนี้ไหม บางทีลากงานยาวไปก็มี
-มีแผนกนึงที่คิดระบบแก้ปัญหาดีๆออกมายังทำไม่ได้ คนน้อยมันจะงานโหลด ซึ่งถ้าคนทนไม่ได้แล้วลาออกเพราะตรงนี้ขึ้นมานะ คนแผนกกูและรวมถึงกูเองต้องไปทำงานตรงแผนกนี้ และคนที่เป็นงานแผนกอื่นที่เค้าไม่ต้องทำตรงนี้ต้องมาสละเวลาทำๆจนมันงานโหลดทั้งๆที่เอาจริงๆถ้าโครงสร้างที่ทำงานของแผนกนี้มันดีกว่านี้มันจะสบายขึ้นมาก
-จากปัญหาสองข้อด้านบนนะ ถ้าคนพากันลาออกเยอะเพราะหาทางแก้ลำบากขึ้นมานี่ เลิกงานช้ากันทุกคนแน่ๆ เพราะต้องช่วยๆกันอ่ะ
-รองMDกับMDโคตรงก จะเบิกอะไรก็ยากเย็นชิบหาย อุปกรณ์เสีย นโยบายการเบิกแอบเรื่องมากตามสไตล์ บ.ข้ามชาติเลย ต้องสั่งของจากซัพประเทศมันเท่านั้นด้วยนะ
-เครื่องแบบที่กูใส่ไปทำงาน ถ้าลาออกเมื่อไหร่เอามาคืนให้หมด
ส่วนงานที่ใหม่รายละเอียดก่ะว่าจะสืบๆพรุ่งนี้ รุ่นพี่ในที่ทำงานเดียวกับกูจะลองไปสัมภาษณ์ดู ถ้าเกิดว่ามันมีนโยบายทำงานเหมือนกับที่กูทำตอนนี้ละดีกว่าอาจจะย้ายไปอนุเสาวรีย์ชัยฯ ซึ่งกูก็จะปวดหัวกับเฟอร์ที่หอพักกูไปอีกเพราะจะไปเก็บที่บ้านก็ยังไงๆอยู่ละ555555+ หรือไม่งั้นก็หาหอเช่าที่ถูก เฟอร์น้อยๆแทนแต่ใกล้ที่ใหม่ ไม่รู้ว่าจะมีไหมแถวนั้น ทำแถวซอยราชปรารถอ่ะ ที่ใหม่คร่าวๆที่กูรู้มานะ
-ค่าข้าวสามมื้อฟรี
-ค่าincentiveโหดกว่าที่เดิมกูสิบเท่า
-ไม่แน่ใจว่ามีค่าเดินทางไหม ถ้ามีคือเลิฟสัสๆ ย้ายที่ทำงานแน่ๆ 5555
แค่วันจันทร์ก็รู้สึกเหนื่อยชิบหายแล้ว อยากลาพักยาวๆซักปีแต่ก็ไม่อยากลาออกเพราะมั่นใจว่าหางานใหม่ยากแน่ๆ
กูก็เหนื่อย เบื่อ แต่กูใช้เงินเปลือง ชอบช็อปปิ้งเป็นชีวิตจิตใจ เลยพักไม่ได้ว่ะ ถถถ ทำใจไม่ได้ที่จะรายได้หายไป ทำได้มากสุดคือลาพักร้อนยาวๆ รวดตอนวันหยุดยาว เคยพักนานสุดครึ่งเดือน คือวันหยุดเทศกาลที่บริษัทหยุดอยู่แล้ว 9 วัน + พักร้อนอีก 5 วัน + ส.อ. 2 วัน ประมาณนี้ แต่พอหยุดยาวๆ แม่งกลายเป็นขี้เกียจกว่าเดิมอีก
พวกมึงแบ่ง % เงินเก็บเงินใช้ยังไงกันวะจากเงินเดือน/รายได้ กูเฉี่ยวๆ เดือนชนเดือนบ่่อยทั้งๆที่แทบไม่เที่ยว เลยต้องจัดสรรเงินใหม่ละ
>>564 แบ่งกองเงินตามชื่อหนังสือเลย กูไม่ได้อ่านเล่มนั้นนะ แต่กูทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายละแบ่งกองเงินเอง ของกู..... ชีวิตสามปีที่ผ่านมาเปลี่ยนงานเริ่มบ่อย เลยมีบัญชีแม่งสี่แบงก์ 55555+ มือถือกูนี่ความจุแอพธ. อ้วนตุ๊ต๊ะเลย กูแบ่งเงินตามปัจจัย4พอสมควร เช่น กิน ก็คือซื้อของมากิน, ใช้จ่าย(ค่าเช่า, ค่าน้ำ-ไฟ, ค่าโทร, ค่าสกินแคร์) , เก็บออมไว้ซื้อของก็อีกส่วน, ลงทุนก็จัดอีกส่วน แล้วบัญชีอะไรจะจัดไว้ตรงไหนละเหมาะสมก็สำรวจตัวมึงเองว่าแถวบ้านมีตู้atm, ธนาคารอะไรสะดวกมึงบ้างก็ว่าไป ละกูชอบให้ความสำคัญกับการสำรองเงินไว้กับค่ากินกับใช้จ่ายหนักๆเลย ลงทุนรอเติบโตในสายงานค่อยว่ากัน ในบัญชีรายรับ-รายจ่ายก็ก่ะเพิ่มค่าใช้จ่ายจากตามจริงไว้ก่อนด้วยเพราะจะได้ไม่ต้องใช้เงินแบบรัดเข็มขัด มันเครียด แต่ถ้างานมึงรายได้ทำให้รัดเข็มขัดจริงๆ ตอนนี้เปิดเมืองละ มึงสมควรหาทางเปลี่ยนงานถ้ารายได้มึงยังกระจอก แต่สิ่งสำคัญนะ .... มึงลองแพลนรายการซื้อของเดือนต่อเดือน หรือหาแผนลงทุนไว้ก็ดี มึงจะได้มีวินัยเอาเงินมาออมมากกว่าใช้จ่าย ลดการเสพติดชอปปิ้งได้เยอะมากนะบอกไว้ก่อน
ถ้าของกูช่วงเเรกๆก็ทำบัญชีออมเเยกไว้เก็บให้ได้ซัก6เดือน หมายถึง6เดือนของรายจ่ายไว้เป็นสำรองฉุกเฉิน ก็ใช้เวลาประมาณปีนึงตอนเริ่มทำงานเก็บออม10 20เปอเซ็น+รวมโบนัสของปีนั้นๆ พอปีถัดๆมาก็เอาเงินเก็บที่ได้เริ่มศึกษาลงทุนจัดอีกส่วน ก็เริ่มปล่อยปละละเลยกินของเเพงๆบ้างอะไรบ้าง
เเต่ต้องมีเงินฉุกเฉินก่อนอย่างเเรก ถ้าไม่มีเลยมันเสี่ยง
สมัยนี้ยังมีที่ไหนไม่รับคนมีรอยสักเข้าทำงานบ้างวะ สักแค่ในร่มผ้า ลายมินิมอลๆ กูจะ30แล้วอยากทำอะไรที่ชอบๆกับร่างกายตัวเองบ้างว่ะ
ถ้าเป็นกูจะแนะนำให้ลองทำบัญชีรายจ่าย(กูทำแค่รายจ่าย ไม่ได้ทำรายรับ)ซักเดือนก่อน เพราะก่อนจะจัดสรรเงินเราควรจะต้องรู้ก่อนว่าปัจจุบันเราใช้เงินไปกับอะไรเท่าไหร่บ้าง (แนะนำโหลดแอพพวกบัญชีรายรับรายจ่ายมาใช้ เดี๋ยวนี้ของฟรีมีให้เลือกเพียบ ข้อดีคือมันจัดหมวดหมู่กับทำสรุปทำกราฟให้เลย สิ้นเดือนมาดูได้ง่ายๆ) ทีนี้พอรู้แล้วว่าใช้อะไรเท่าไหร่ก็ค่อยมาเลือกว่าควรลดอันไหนเพิ่มอันไหน (บางทีรายจ่ายบางอย่างแม่งเยอะทั้งที่ไม่ควรจะเยอะ ถ้าไม่ทำบัญชีมาดูก็ไม่สังเกตุ) ส่วนพวกหนังสือแบ่งเงินทั้งหลายกูเคยอ่านนะ แต่ก็เอาไว้เป็นไกด์ไลน์เฉยๆ เพราะแต่ละคนก็มีสิ่งที่ต้องจ่ายหรือให้ความสำคัญไม่เหมือนกัน
แต่ถ้ากางมาดูแล้วทุกอย่างสำคัญ ตัดอะไรไม่ได้เลย ก็ก้มหน้ายอมรับความจริงซะ ค่าของชีพต่อเงินเดือนของประเทศเหี้ยนี่แม่งโหดร้าย
อุตส่าดีใจที่กูได้ปรับฐานเงินเดือนขึ้นมาค่อนข้างเยอะ แต่พอมาเห็นบอประกาศรับเด็กใหม่ ตำแหน่งเดียวกะกูแล้วได้เงินเท่ากัน แอบเศร้าว่ะ
ไม่บังคับทำโอที ไม่บังคับทำวันเสาร์ แต่ถ้าไม่มาทำต้องมีเหตุผลบอกนะจ๊ะๆๆๆ เจริญจริงๆบริษัทกู
เครียดจัง พรุ่งนี้กูต้องไปดีเฟ้นต่อลูกค้าในสิ่งที่ทีมกูคิดมา(แต่กูไม่ได้เห็นด้วย) แต่ก็ประชาธิปไตยอะนะ สัสเอ้ย ทีมโหวตมาแล้ว สู้ๆนะตัวกู ไม่เห็นอนาคตเลย
กลุ้มชีวิตจังว่ะ กำลังจะได้งานใหม่ แต่ก็มีสิ่งที่อยากทำ
ถามว่าทำควบคู่กันได้มั้ย มันก็ทำได้ เช้าทำงานปกติ เย็นมาทำสิ่งที่อยาก แต่ผลคือชีวิตจะกลายเป็นไม่มีเวลาพักกันเลยเนี่ยล่ะ
ความแตกต่างระหว่างหัวหน้ากับผู้นำมันดูง่ายๆจากคำพูดว่ะ เช่น
หัวหน้า: ทำไม ไม่ได้หรอ ต้องได้ซิ ทำให้ได้สิ ผมจะเดือดร้อนนะ
ผู้นำ:ติดตรงไหนหรอ ให้ช่วยไหม ทำยังงี้นะ ทำแบบนี้ก็ได้ ลองดูก่อนนะ
ไอเหรี้ยยยยยยยยยยยยย
>>580 อีเหี้ย ไอแบบหัวหน้าตรงกับกูตอนทำงานที่ทำงานเก่ามาก แล้วแบบ...... ไม่ใช่กับหัวหน้าแต่คนที่ทำตัวเหมือนหัวหน้ามาก สันดานเสียมาก กล้าทำตัวแบบนี้เพราะแค่ ปสก. มากกว่า หวงวิชา แล้วทำตัวกวนตีนสัส มีหัวหน้าแบ๊คให้ เข้าข้างให้ตลอด เจอมาสองเดือนก่อนเดือนเดียวพอมีที่ทำงานใหม่รายได้ดีกว่า คนเฟรนลี่กว่า ขนาดองค์กรแข่งขันกับอี บ. เหี้ยนี่แต่ใหญ่กว่าคือกูส่งเรื่องไปหาHRแล้วออกเลย เห็นคนเก่าๆที่รู้จักบอกว่าหัวหน้าคนแรกเลยเจอถูกเพ่งเล็งละ เพราะว่าให้ท้ายกับคนที่ไม่ควรให้ท้าย มีวันนึงเห็นนายไต้หวันเข้าละกูเดินๆไปเยี่ยมที่ทำงานเก่าก็ถึงนี่ถ้าพูดจีนได้จะเข้าไปถามเลยว่าวัฒนธรรมองค์กรบัดซบได้ขนาดนี้เลยเหรอ รู้ไหมว่าHRกับหัวหน้าระดับสูงที่นี่กากเดนขนาดไหนที่ปล่อยให้คนtoxicลอยหน้าลอยตาไปได้เรื่อยๆจนคนเข้ามาทำ3-4คนออกภายในเดือนเดียวแบบไม่คิดอะไรเลยได้ไง คิดว่าองค์กรเติบโตด้วยวิธีการแบบนี้ทั้งๆที่ให้เงินเดือนกับสวัสดิการห่วยแตกแล้วจะขับเคลื่อนองค์กรได้ใช่ไหมก็ให้มันทำดู แต่กูไม่อะไรมากหรอก คนมันบัดซบ สันดานบัดซบ คิดซะว่าต้องเจ็บปวดก่อนถึงจะรู้ว่ารับมือกับคนแบบนี้ยังไงดี จะได้มองออกว่าที่แบบนี้มันคืออะไร
>>583 หลายองค์กรใหญ่ๆมักจะชอบเลี้ยงพวกเชี่ยนี่ไว้เสมอๆอยู่นานอยู่ทนแต่วันๆไม่ทำห่าไรเลย รับโปรเจคมาสัญญาปากเก่งไปทั่วว่าทำได้ๆๆแต่จริงๆคือรับมาแล้วโยนงานให้กูทำรายละเอียดดีเทลอะไรไม่ให้เลย บอกแต่ว่าต้องการอะไร พอกูแย้งไปว่ามันทำไม่ได้แม่งก็จ้องจะเอากูออกเชี่ยสัสหมามาก
>>584 กูเจอมาสองแบบกับสอง บ. แต่ บ.ล่าสุดไม่ใช่หว่ะ เจอกับรายวัน ไม่ใช่หัวหน้า มันทำงานนะ ทำไปแล้วเป็นเหี้ยไรไม่รู้มาใส่ไฟกูลับหลังกับคนอื่น แล้วที่ทำได้เพราะว่าทำจนชำนาญ หน้าตามันสวย หัวหน้าเสือกบ้าหีด้วยมันเลยปล่อยวิชาให้รายวัน ละกับพวกทำรายเดือนคือกั๊กวิชา มันตลกไหมละ คนที่ต้องทำงานหกวันกับมันคือกูแต่ไม่พยายามถ่ายทอดวิชา สอนรอบเดียวแล้วไม่ไล่ดีเทลให้กูละ ส่วนอีรายวันดอกทองนี่ก่ะจะสั่งงานกูได้ เห็นกูทำให้ก็เอาใหญ่เลย แต่ก็แนวคล้ายๆกับที่มึงบอกมาอ่ะ ถึงได้ลาออกไง จะบอกว่ากูต้องทนกับงานแถมสวัสดิการต่ำตมจมโคลนมันก็ไม่ใช่อีก เพราะมีที่ที่ดีกว่า เสนอรายได้(เริ่มต้น) กับสวัสดิการที่ว้าวกว่าอยู่แล้ว
อยากเป็นเด็กหัว ค ในที่ทำงานแล้วหวะ คือที่ทำงานดีกะกูมากนะ
แต่ช่วงนี้กูไม่อยากทำงานแบบนี้แล้วอะ มันไม่ค่อยตรงกะที่กูคิด ไม่มีกระจิตกระใจตอนทำงานเลย
แถมมีงานติดระเบิดก้อนบะเริ่มรอวันระเบิดวันพรุ้งนี้อยู่
ปัญหาคือคนที่ซวยหนักน่าจะเป็นคนนำเสนอ ส่วนกูน่าจะซวยจากภายใน
กูไม่ซีหรอกถ้ากูโดนด่า แต่ไม่อยากโดนเกลียดจากคนที่โดนลูกหลงเลย
น้อง ๆ ในทีมที่สนิททำงานพลาด >> ทุกคนในทีมช่วยกันหาสาเหตุแต่ไม่ตำหนิอะไร
กูทำงานพลาด >> เรียกทีมเข้าห้องเย็น รุมกดดันกูกันใหญ่ 🤨
เคยคิดว่าโปรแกรมเม่อแม่งเท่ ทุกคนต้องคิดว่าเราฉลาด ทำน้อยได้มาก คิดโลจิกเข้มๆ
พอได้ทำงานแล้วเจอโลกจริงในไทย ทำไมเจอแต่ บ ที่กดเงิน dev งานก็ก็อปโครงเก่าๆที่เคยทำไว้
ถือโปรเจ็ก 5 - 6 ตัว โดนเร่งงาน เจอ user ด่า เจองานไม่ต่างจากกรรมกร เหี้ยไรเนี่ย
กูอยากได้คนมาช่วยทำงานว้อยยยย ฟหกด่าสว
บ่นๆๆ แต่แม่งถ้ากูไม่ได้ประกาศจริงจังมันจะมีมั้ย แสรสสส ด่าตัวเอง
เอางานฝ่ายบัญชีมาให้การตลาดทำ ทั้งที่แม่งไม่ใช่หน้าที่ พูดก็ไม่ได้เพราะเคยมีคนถามละอีผู้บริหารแม่งพูดว่า "คนก่อนยังทำได้" แหม มึงพูดง่ายสิ คอยแต่รับเงินอย่างเดียว ไหนจะอีฝ่ายบัญชีสบายอีก งานสบาย ว่างทั้งวัน แต่การตลาดงานก็ยุ่งอยู๋ละ ทำนละคนละสิบกว่าอย่าง อยากลาออกชิบหาย รอได้งานใหม่อย่างเดียว
สังคมคนทำงานปกติ นี่มันต้องเอาเปรียบ เห็นแก่ตัว พร้อมแทงข้างหลังกันตลอดเวลาหรือเปล่า กุเด็กสุดในนั้น สมัยเข้าใหม่ใครใช้อะไรกุช่วยตลอด ไม่คิดอะไร แต่พอกุขอให้ช่วยมาบอกว่าไม่ใช่หน้าที่ กุเลยหัดปฏิเสธไปบ้าง หลังๆก็พาลหาเรื่อง ไม่ก็ตะคอก กุเลยตัดปัญหาไม่ยุ่งไม่คุยกับแม่ง คราวนี้พยายามจับผิดกุทุกอย่าง ทั้งๆที่ตอนพวกมันแอบเอาเวลางานไปทำผม ซื้อของ ออกก่อนเวลา กุก็ช่วยพวกมันตลอด กุไม่ไหวแล้วจริงๆ คงลาออกแล้วแหละ ทำไมที่กุทำดีกับพวกมันไว้ไม่เห็นจะได้อะไรกลับมาเลย ปล. {ที่ทำงานกุผู้หญิงล้วน}
ดีเนอะ คนอื่นมีสิทธิ์พูด ลค.มีสิทธิ์คอมเพลน แต่กูไม่มีสิทธิ์ทั้งที่กูไม่ผิด ทุเรศดี ละอีกพวกคนใหญ่โตก็โอ๋แต่ลค.ดุจพระเจ้า ถุย พระเจ้าเหี้ยไร
>>598 กู ผช เคยเข้าไปที่ทำงาน ญ ล้วน หรือบางที่ ผญ. 80% เป็นแบบ >>597 เกือบทั้งนั้น ทำงานก็โดนด่า ไม่ทำก็โดนด่า สรุปคือกูไม่ทำห่าอะไรให้เยอะละโดนด่ายังดีซะกว่าอีก อารมณ์คนทำงานโคตรไม่ปกติสุด ทำงาน คุยกันปกติ อยู่ๆยกเรื่องอะไรไม่รู้มาด่าก็มี ด่าเรื่องนี้ละโยงไปด่าเรื่องอื่นก็ทำ คุยกันอยู่มาโมโหใส่ก็มี มึงจะทำตัวยังไงกูไม่รู้แต่กูยืนเอ๋อดิสัส 5555 มันทำให้นึกถึงคำพูดแอเรียคนนึงเลยว่าทำงานที่ผช.อยู่ด้วยกันเยอะๆละโอเคกว่ามาก ของที่มึงเจอมานี่คือโคตรแรร์ไอเทมเชี้ยๆเลย ที่กูเจอมานี่จิกหำจีกหีจิกเปียมีหมด 5555
ส่วนใหญ่คนที่ทำงานเป็นผู้หญิง กูไม่ค่อยอะไรนะ กูจะมีปัญหารายคนกับผู้หญิงที่ออกตัวออกหน้าว่า นิสัยไม่เหมือนผู้หญิง จะชอบพูดแบบ เนี่ย ตัวเองอะ ไม่ใช่ผู้หญิงหวาน เป็นคนห้าวๆ ไม่จุกจิก ไม่ค่อยมีเพื่อนผู้หญิงหรอกรำคาญ ชอบคบเพื่อนผู้ชายมากกว่า
มาสไตล์นี้ทีไรนะ จากประสบการณ์คือเหี้ยหมด 55555 เยอะ เรื่องมาก จุกจิกโคตรๆๆๆ พูดเสียงดัง เที่ยวแซวคนนั้นคนนี้แบบไม่รู้มารยาท
คนเราไม่ต้องออกตัว อวดอ้างสรรพคุณก็ได้จ้า อยู่ๆ กันไปคนก็รู้เองแหละมึงสันดานยังไง
งานออกมาห่วยก็ถามว่าทำไม งานออกมาดีมากก็ถามว่าทำไม สรุปๆๆๆๆคือตำแหน่งมึงที่เค้าจ้างมาให้นั่งหัวโต๊ะเป็นเจ้านายคุมเนี่ย มีหน้าที่แค่ถามว่า ทำไมครับ เพราะอะไรครับ แค่นั้นเองหรอวะ คุวยๆๆๆๆๆ
วันจันทร์อีกแล้วโว้ย เมื่อไหร่จะวันศุกร์
เดือนนี้ไม่มีวันหยุดราชการเลย เศร้าจัง
หมดไฟละ ได้แต่ทำงานเอาตัวรอดไปวันๆ
>>608 แล้วมึงจะรีบด่ากูทำไม ก็กูดูรีวิวมาจากเว็บ workventure จริงๆ ถ้าไม่มีรีวิวกูก็ไม่อยากเสี่ยงสมัครอะ กูเลือกงานมาก เพราะกูเจ็บมาเยอะ แล้วกูก็เล่าจากประสบการณ์กู กูใช้วิธีนี้แล้วเจอที่ทำงานสังคมดีๆ ถ้าวิธีเดียวกันมันใช้ไม่ได้กับสิ่งที่มึงเจออยู่ก็ปล่อยผ่านไปสิเย้ดแม่ กูไม่รู้ว่ามึงทำที่ไหนหรือบ.มึงมีรีวิวในเว็บนั้นหรือเปล่าหรอกนะ แต่บ.ที่กูเคยทำหลายที่มีรีวิวในเว็บนั้น บางบ.ก็มีคนพูดถึงในพันดิ้ฟ นี่คือวิธีรู้บรรยากาศที่ทำงานเบื้องต้นของกู ถ้ามึงไม่ซื้อแล้วจะหาวิธีอื่นก็เรื่องของมึง
ทำงานกลับมาเหนื่อยๆแล้วดูอะไรแบบนี้มันชื่นใจจริงๆ
https://youtu.be/-bcxTjpCnLE
ทำงานมาก็เหนื่อยละ ไม่เคยเจอที่ๆแม่งให้งานไม่จบในตัวแล้วให้ยกกลับมาทำที่บ้านแบบนี้มาก่อนเลย รายได้ก็กลางๆนะ แต่ในละแวกเดียวกันคือเยอะสุดแล้ว ซึ่ง.....งานทำ5วันพร้อมกับต้องเหนื่อยกับงานที่ต้องเจอทุกๆวันส่งงานไม่เสร็จทันแน่ๆ แถมที่เหี้ยกว่าอีกขั้นคือ อีกสามเดือนต้องส่งขี้ตัวเองให้ สนง. ใหญ่ ส่งตรวจแลปอีกถ้าเกิดว่าได้รับการผ่านโปร อีสัส เสือกยันขี้ พนง. ขนาดนี้ เป็นโม่งจะยังสนใจทนทำต่อไหมวะ 55555 กูเตรียมคุยกับรุ่นพี่อีกที่ทำงานนึงละ ขอถามพวกมึงเลยว่าเจอแบบนี้สมควรอยู่ต่อหรือย้ายดี มีโบนัสให้ มีโอทีงามๆให้ แต่ฐานรายได้ไม่ได้ขยับในระยะยาว มีวันหยุดให้สองวันต่อสัปดาห์ มีประกันสุขภาพกลุ่มให้ฟรีๆ แต่งานมันเก็บเป็นโปรไฟล์ไม่ค่อยได้ โม่งๆว่าไงดี
ชอบมาถามกูจังว่ากูเป็นไง กูทำงานแล้วอึดอัดมาก แต่มาบอกกูว่า"ถ้าอคติจะยิ่งอึดอัดใจ อยากให้อยู่ต่อ บลาๆๆๆ" แต่ดูสิ่งที่มึงทำกับกูสิ อึดอัดจะให้บอกว่า"อุ้ย สบายดีค่ะพี่ เพื่อนร่วมงานดี ทุกอย่างเฟอร์เฟคมากค่ะ" งี้หรอ
กูติดคาเฟอีนมาก ไม่ใช่แบบไม่กินแล้วปวดหัวนะ แต่ถ้าไม่กินแล้วมันจะตันๆไม่แอคทีฟไม่มีเอ้าท์พุทงานอะไรเลย ต้องรอประมาน 10:00 ถึงจะเริ่มปล่อยงานได้ แต่พอซดคาเฟอีนเข้าไปถึงจะเช้ามากสัก 7:30 กูก็ปล่อยงานรัวๆๆๆแล้ว เลยคิดว่าจะลองหาคาเฟอีนแบบเม็ดหรือแบบพ้นมาติดโต๊ะไว้ดีป่าววะ มีใครเคยลองมั่ง บางทีกูเดินเข้าๆออกๆห้องกาแฟบ่อยๆก็โดนมองไง
>>617 เชี่ย มึงแดกวันนึงกี่แก้วเนี่ย? ละใส่กี่ช้อน กูช้อนชาครึ่งก็ดีดละนะ แดกขนาดนั้นไม่กลัวใจสั่นเหรอวะ? หรือมึงแดกกาแฟมานานแล้ว? ..... จริงๆนะ ซดกาเฟอีน ควรมีของกินมาควบๆด้วย หรือไม่งั้นลองเป็นชาชงได้ไหม? คือกาเฟอีนเบากว่าแต่ก็ช่วยได้นะ
ปล. ทุกเช้ากูคุมกาเฟอีนโดยการหาอะไรกินๆรองท้อง ละค่อยตามด้วยกาแฟ พอมันเริ่มทำงานกูชงอาหารเสริมน้ำกินเข้าไปต่อกันอาการอยากและให้น้ำเต็มๆกระเพาะไป เพราะอาหารเสริมมีพวกวิตามินบี 12 ดีดได้ไม่มากแต่ก็ดีดพอตัว
ผช.ทำงานแผนกที่ผญ.ล้วนยังดีนะ แต่แผนกกุนี่คนแก่ล้วนคนละเจนเลย เขาคุยกันแต่เรื่องสุขภาพเรื่องลูกหลานกุเข้าไม่ถึงจิงๆ มาทำงานไม่มีคนที่คุยกันถูกคอ กินข้าวคนเดียวทุกวันเพราะคนแก่เขาทำอาหารมากันเองบางคนก็ฝากกุซื้อ บอกตรงๆโคตรเหงา
อาจจะไม่เกี่ยวกับทำงานเท่าไร เเต่มีใครเคยใช้หูฟังANCมะ มันเงียบเเละช่วยให้มีสมาธิในการทำงานมากขึ้นเเค่ไหน
ขอให้ทุกคนโชคดีเเบบในคลิปนะครับ
https://www.youtube.com/watch?v=Skvk2vRMrhw
อ้าวไอชิบหายผิดมู้โทด
กูไม่ใช่คอกาแฟ แต่มีวันนึงง่วง ๆ เลยจัดกาแฟสำเร็จไปขวดนึง ยีห้อ boss ไรนี่แหละ แม่งตื่นยันสี่ทุ่ม ตอนหัวค่ำกูฉี่มายังมีกลิ่นกาแฟอยู่เลย ถถถ
ฮุกกรวย ประชุมเหี้ยนักหนาไรวะ แดกเวลาชิบหาย
ฝนตกหลังเลิกงานโคตรเหี้ยเลย มีเงินจะเรียกแกรบยังไม่มีใครรับ เปียกกลับห้อง สาส อยากwfh
>>631 เออ เปียกกลับห้องคือกัน แต่ของกูคือลืมหมวกไว้ที่ทำงาน 5555 โดนฝนแต่หัว แต่ก็เปียก
>>605 มึง กู >>601 นะ เคยเจอแบบนี้ไหม เข้าที่ทำงานมาก่อน 10-15 นาที มาเตรียมตัวสำรวจตัวเองก่อนเข้างาน หาไรแดกๆให้อิ่มท้องก่อน ทีนี้เข้างานไปหาเรื่องด่ากูว่ากูไม่ยอมเข้างานมาก่อนเพื่อช่วยมันแล้วมันไม่บอกส้นตีนไรกูเลย วดฟ. สัสๆ อยากได้น้ำใจด้วยความส้นตีนแบบนี้ไม่สมควรได้หว่ะ ตอนนั้นรายได้กูไม่ถึงหมื่นแต่ตัวมันรายได้อัพขึ้นเรื่อยๆ อยากเถียงกับแม่งจริงๆถ้าไม่ติดว่ามันเป็นหัวหน้านะ.....กูก็ว่าอยู่ทำไมมันต้องเปิดรับสมัครในโซเชียลกลุ่มต่างๆพอได้คนละพยายามลบโพสต์ทิ้งบ่อยๆ เพราะเหี้ยทุกระบบนี่เอง แล้วถ้าเปิดเมืองแบบตอนนี้แล้วรายได้ยังให้ๆคนทำงานกันแค่นั้นนี่ประกาศหาคนคงอยู่บนหน้าเว็บหางานตลอดไป 55555
กูเป็นเซลส์ ลูกค้าเป็นจัดซื้อนะ ซึ่งบริษัทลูกค้ากูจะ rotation กันบ่อยๆ เพราะเขาไม่อยากให้จัดซื้อสนิทกับเซลส์ ซึ่งคนเก่าก็ไม่ได้ลาออก ยังอยู่ในแผนกนั่นแหละ แค่เปลี่ยนโปรดักส์ที่ดู แต่กูสังเกตเลยทุกครั้งที่จัดซื้อเปลี่ยนคน ต้องมาถามเซลส์ใหม่หมดว่าอะไรทำยังไงเอกสารไหนอะไรยังไง มันใช่หน้าที่กูต้องไปสอนลูกค้าเหรอวะ? เขาไม่ได้ถ่ายทอดงานกันเองเหรอวะ หรือถ้าถ่ายทอดแล้วแต่ตกหล่น เขาไปถามกันเองไม่ได้เหรอ rotate ไปแล้วคือตัดขาดเลย? (กูยังไม่เคย rotate)
ทำงานมา2เดือน รู้สึกว่าไม่ชอบเนื้องาน(งานรูทีน ทำเอกสาร) ไม่ชอบสังคมด้วย ถ้าลาออกตอนนี้จะแย่มั้ยวะ ยังอยู่ในช่วงโปรก็จริงแต่เหมือนทางนั้นเขาไม่ได้จ้างใครเพิ่ม ถ้ากูออกก็ไม่รู้ว่ากว่าจะหาคนใหม่เข้ามาทำได้ตอนไหน แอบเกรงใจเขา
ระหว่างไอพวกทำงานเช้าชามเย็นชามต้องได้รับเมลล์สั่งงานหรือมีคนมาบอกก่อนค่อยขยยับไปทำงาน กับ ไอ้คนไฟแรงเดินเข้าหางานเองไม่ต้องมีใครมาสั่งมันหางานเองและจบงานเองได้ คนที่พวกผู้ใหญ่นายๆๆชอบคือแบบแรกนะรู้ป่าว เพราะมันดูทำงานตามคำสั่งดีไง ส่วนไอ้คนแบบหลังก็เหนื่อยฟรีไปทำงานแบบลับๆไม่มีใครเห็น จะห็นก็ตอนที่มันเหนื่อยแวะพักจิบน้ำซะหน่อยแล้วก็โดนมองว่าอู้งานไปเรียบร้อย
พวกมึงมีเเผนในอนาคตบ้างปะวะหรือว่าจะทำซาลารี่เเมนไปจนเกษียณ หรือวางเเผนจะไปทำอะไรของตัวเอง หรือออกมาทำฟรีเเลนซ์เองยังไงกันบ้าง
ประสบการณ์ที่กูเจอมา คนที่โตไวสุดคือพวกขยันแล้วเสียงดังว่ะ(แต่ต้องไม่ใช่ไทป์โง่แต่ขยันนะ) ขยันแล้วเงียบเนี่ยทำอะไรไปทำไหร่ก็ไม่มีคนเห็นหรอก
แต่ข้อเสียของการขยัน+เสียงดังคือมักจะโดนคนเลเวลเดียวกันเหม็นแทน
ทำงานมาเหนื่อยๆ อยากมีแบบนี้รอรับอยู่ที่บ้านจังน้า
https://i.imgur.com/Y4dRWCz.mp4
เพราะความดันต่ำเลยเกลียดการตื่นเช้า กูจะเบลอยาวไปจนกว่าจะหลังเที่ยงเลย
จินตนาการตัวเองไม่ออกเลยที่ต้องตื่นตั้งแต่ 6 โมงเพื่อไปเข้างานให้ทัน แล้วจะข่มตัวเองไม่ให้หลับได้ยังไงยันเลิกงาน กาแฟก็ไม่ช่วย
ไอชิบหาย กูเกลียดพวกหัวหน้าแบบนี้ "ทำไมครับ พี่ไม่สะดวกครับ พี่ติดประชุม" ถ้ามึงเป็นห่วงที่ทำงานจริงอย่างที่มึงแพล่มในที่ประชุมทุกวันมึงก็มาทำเองสิวะดอก แต่นี่ "ครับๆ ได้ครับ แบบนี้ดีกว่าครับ ผมว่าผมมีไอเดียครับ" แล้วก็โยนงานมาให้กูทำ สัสส ปากเก่งจังนะในที่ประชุม หาแสงเก่ง แต่ไม่เคยทำอะไรเองเลยยยย มึงเป็นแค่เหลือบไรเกาะแสงอ่ะ ในทุกที่ประชุมที่มีระดับ CEO,COO เข้า มึงแม่งเสนอหน้าไปตลอด รับงานมา โยนให้กูทำ พอทำเสร็จฏ้เอางานไปเสนอหน้าต่อ มนุษย์หัวขวยแบบมึงกูละสงสัยจังว่าทำไมได้ดีจังวะ
มึงงงง กูสัมภาษณ์งานแล้วระหว่างสัมภาษณ์อีกฝ่ายส่ายหัวตลอดตอนกูตอบคำถามเลยอะ
แบบนี้คือกูปิ๋วแล้วจริงๆ ใช่มั้ยเนี่ยยย
ถามเรื่องนึงนะ มีคนเข้ามาทำงานเป็น พนง.ใหม่เหมือนกูเลย ทีนี้กูรู้ตัวนะว่าทำงานได้ไม่ดีมาก รู้วิธีทำงานได้ไม่หมด พยายามทำตัวให้โง่ๆเพื่อรับคำสอนไว้ ไม่เถียงแต่เน้นถาม ทีนี้ มีคนที่สมัครใหม่พร้อมกูเนี่ยแหละ มันเถียงแถมทำตัวขวางงานแบบชัดๆเลย ต่อหน้ารองmdแม่งยังทำ รองmdเลยพยามให้มันไปแผนกอื่นๆ จนมันวนทั่วทุกแผนกแล้วก็ทำงานแบบไม่สนเพื่อนร่วมงาน ทุกคนพูดมาเป็นเสียงเดียวกันว่าทำงานช้าถึงช้ามาก พอเพื่อนร่วมงานถามมันว่าทำไมทำงานแบบนี้มันอ้างว่ามีคนทำของใส่มัน มึงว่ามันอ้างได้ด้วยเหรอวะ55555+
>>652 ของกูไปจดทะเบียนที่ สรรพากร พูดไรไปอีกฝ่ายส่ายหัวนิดๆ ตลอดนะ
ตอนแรกกูคิด เห กูผิดไร แต่พักนึงกูก็นึกที่เรียนมาได้เล็กน้อย ว่า แกส่ายหัวด้วยท่าเดิมๆ ตลอด
ซึ่งท่าถ้าเดิมเนี่ย บางคนเป็น tic ซึ่งเป็นอาการทางประสาทที่ไม่ร้ายแรง
จริงๆ กูก็ไม่รู้หรอก ว่า จนท แกเป็น tic หรือส่ายหัวให้งานกูทุกเรื่อง
แต่พอคิดซะว่าเป็นโรคของแกแล้ว กูก็ไม่ติดใจละ
น้ำท่วมออกบ้านไม่ได้งี้ ปกติพวกมึงแจ้งเป็นลาพักร้อนหรืออะไรวะ ถ้าลาพักร้อนกุไม่อยากใช้เลย หรือยอมฝ่าไปทำงาน
ที่ทำงานใครเป็นมั่ง คือกูรักษาบรรยากาศที่ทำงานก็หาว่าติดเล่น พอกูตึงก็หาว่าทำลายบรรยากาศที่ทำงาน เอาใจยากจนยังก่ะทำพิธีบวงสรวงอีสัสดอก
>>666 เอาง่ายๆ กูเล่นแต่กูทำงาน และกูรักษาความสัมพันธ์ของคนทำงานถึงแม้จะงานยุ่ง เวลาเร่งรีบต้องส่งงานก็พยายามทำ มันจะมีไม่กี่หน่อแตดส้นตีนนรกหรอกที่ไม่เข้าใจว่ากูมีแต่สองมือ ทำให้ทั้งหมดไม่ได้ แต่ใครทำงานไม่ได้ดั่งใจมันมันก็มาฟาดใส่ คนบางคนทนไม่ได้เดินออกไปเลยก็มี ส่วนเบื้องบนเหมือนรู้นะแต่ก็เดาได้ว่าไม่เอากลุ่ม พนง. พวกกูมากนัก ตัวเลือกเยอะเลยทำแบบนี้ได้ ซึ่งระดับ ผจก. ก็บอกตั้งแต่อบรม คอร์สอบรมที่ บ. ก็บอกอยู่ตลอดว่าเออ ต้องทำงานแบบให้บรรยากาศไม่เครียด ใครมาทำตัวแบบอารมณ์ติดลบใส่สมควรถูกไล่กลับบ้านเลย เออ กูก็โอเคนะ เชื่อมาตลอด แต่ตลอดหนึ่งเดือนนี่คือมันเริ่มไม่ใช่เลย ส้นตีนชิบหาย แทนที่จะบอกว่าวิธีรับมือคืออะไรได้บ้าง สิ่งที่คนเป็นหัวหน้างานในตำแหน่งสอนงานมันพยายามทำคือ ทำไม่ถูกใจมัน มันด่าอย่างเดียว เข้าใจแหละ มีเฉพาะบางคนที่เป็นแบบนี้ แต่ผลลัพธ์ที่กูเจอทุกๆครั้งคือ คนที่ชี้นำให้บรรยากาศที่ทำงานแย่ และทำให้คนทำงานขาดความสุขทุกครั้ง กูเคยเจอมาแล้วกับสายงานกู มันไม่ควรทำ เพราะผลลัพธ์ของ บ. ที่เลี้ยงคนแบบนี้คือ คนไม่มาสมัครงานกันเลย แล้วคนเข้า-ออก ถี่มาก ยกเว้นพวกที่ประมาท ไม่มีงานทำจริงๆถึงจำใจเดินเข้าไปทำ
>>627 ส่วนตัวกูว่าไม่นะ มึงแดกตอนไหนถึงยิงได้ยันสี่ทุ่ม ของกูพอฉี่ออกปุ๊บแม่งแรงทำงานเริ่มแผ่วแล้ว ช่วงห้าโมง หกโมงคือแรงเปลี้ยเลย มีแค่แรงพอเดินลากเท้าแค่นั้นเอง ทั้งๆที่ข้าวปลาอาหารกูแดกมาเต็มที่เพื่อให้กาแฟมาช่วยย่อยเอาไปดีดเป็นพลังงานนะ .....กูซัดสูตรลาเต้ หรือควรเล่นอเมริกาโน่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ซัดขวดเดียวแบบไม่ได้แบ่งซดอ่ะ หรือมันมีสูตรในการกินกาแฟให้ไม่หมดแรงป่ะวะ 5555
การลาป่วย แล้วหัวหน้าตอบกลับมาว่า"หายไวๆครับ" โดยที่ไม่ซักนู่นนี่ต่อแม่งรู้สึกดีชิบ
โม่งมือใหม่ขอมาร่วมบ่นประสบการณ์ที่ทำงานบ้าง ของกุเป้นงานสาย helpdesk หลักๆก็รับโทรศัพท์แก้ปัญหาเป็นเคสๆไป อันไหนใหญ่ๆแก้ปัญหาไม่ได้ก็ส่งบริษัท ทีนี้ทีมที่กูอยู่คนอื่นๆแม่งมาจากบริษัทกันหมด กุมาใหม่คนเดียว แรกๆแม่งก้ช่วยงานอยู่ หลังๆหัวหน้าทีมคือแม่งโยนทุกอย่างมาอยู่ที่กุหมด ไอ้คนอื่นไม่เคยจะส่งงานให้ ไม่รุหัวหน้าแม่งติดหนี้บุญอะไรคนอื่นหรือเปล่าถึงไม่ยอมส่งงานให้ นี่ก็ทนอยู่มาหลายปี แต่ปีนี้กุไม่ไหวละเลยไปคุยกับหัวหน้าฝ่าย เขาก็รับปากว่าจะช่วยปรับงานใหม่ให้ ขอกำลังใจจากเพื่อนๆโม่งให้กุได้ย้ายเร็วๆนี้ที
กาแฟกูประหยัดไปได้โขเลยถ้าซื้อกาแฟชงแบบกระปุกมาแดก นี่อยากลองnescafe cremaมาก แต่ก็กังวลว่าจะไม่ทำให้สดชื่นหลังดื่มไปอีกกก
เออ กูปรึกษาหน่อย กูเป็นเจ้าของกิจการหนึ่ง ทีนี้ กูมีลูกน้อง ยกตัวอย่าง
คนนึงเก่งมาก ทำได้หมด อู้บ้างมาสายบ้าง แต่เก่งง่ะ
คนที่สอง มาตรฐาน ทำงานกลางๆ ไม่มีปัญหา
คนที่สาม งานต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเล็กน้อย
กูให้เงินเดือนไม่เท่ากันกูผิดมั้ยอ่ะ 555 เอาจริงๆ แต่ในสัญญา มันระบุเลขไว้แล้วว่ะ ว่ากูต้องจ่ายเท่าไหร่
รึว่า กูก็จ่ายธรรมดาไป แล้วไปให้โบนัสคนที่กูคิดว่างานดีอีกที
เห็นผ่านมีรับโปรแกรมเมอร์ปสก.4ปี+ เริ่มต้น70k อยากรู้ว่าสำหรับเพื่อนโม่งถือว่าเยอะหรือน้อยวะ
สำหรับกูรู้สึกว่าโคตรเยอะเลย
>>677 ถ้าเป็นงานประจำ อยู่ในที่เดินทางสะดวก ถือว่าไปทางค่อนข้างเยอะกว่ามาตรฐาน แต่ถ้าภาษาที่ขาดแคลนหาคนทำไม่ได้ก็อีกเรื่องนึง
ถ้าเป็นงานที่ไปทำที่ติดสัญญาย้ายไปเรื่อย ตามไซต์งานลูกค้า ถือว่าปานกลางค่อนข้างต่ำ อันนี้ถ้าซวยหน่อยเจอลูกค้ากะเอาคุ้มก็ทาสดีๆ นี่แหละ เข้าห้องน้ำนานหน่อยก็เขม่นแล้ว และอาจจะไม่มีเวลาแดกข้าว ต้องช่วงรันระบบอาจต้อง support โต้รุ่งโอทีไม่ได้เป็นอาทิตย์ อะไรพวกนี้
หน้าไมด์ในที่ประชุมหัวๆเยอะๆจะชอบออกความคิดเห็น เสนอแนะวิธีแก้ปัญหา แผนกนู้นนี่ช่วยกันแบกๆไปเพื่อให้ทั้งหมดรอดไปด้วยกัน ยัดเยียดแต่ไอเดียห่าๆแล้วมาบอกว่าต้องทำให้ได้เพื่อให้บริษัทรอดไปด้วยกัน แต่ลับหลังไมด์นี่คือกูขอลาไปวันนึงก็งอแงละ "แล้วใครจะดูแทนพี่" "พี่ติดประชุมทั้งวัน" แมหไอสัส ชาติหน้าไปเกิดใหม่เป็นวัชพืชนะ แล้วชอนไชขี้ม้าขี้ช้างขึ้นมาเยอะๆ จะได้สังเคราะห์แสงจนอิ่ม แดกแสงเข้าไปให้หนำใจเลย
ในที่ทำงานมึงทำตัวหัวขวดขนาดนี้ สถุลสัส ขนาดนี้ คนที่บ้าน พ่อแม่ พี่น้อง ภรรเมีย ลูกหลานเหลน ไม่มีใครเตือนบ้างหรอวะ หรือก็เป็นสันดานเดียวกันหมดเลยอยู่รังๆเดียวกันได้ ไอ้หัวขวด
ไม่พอใจกันเรื่องงานแล้วต้องลามไปเรื่องส่วนตัวเลยดิ? ทำเป็นตึงใส่ไม่ทักทาย ไม่พูดจา ถามคำตอบคำ ก็เอาที่สบายใจเราไม่เสียเวลาไปง้อพวกคุณหรอก
เมืองไทยจะกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุกูไม่แปลกใจเลย เพราะอายุเท่าไหร่ถึงจะมีลูกแล้วไม่ลำบากถ้าเป็นมนุษย์เงินเดือน
22-30 ใช้เดือนชนเดือน มีข้าวแดกครบ 3 มื้อ เอาตัวรอดได้ก็บุญหัวแล้ว
30-35 เริ่มเก็บตังค์ อาจจะผ่อนรถได้รถซักคัน
36-40 เก็บตังค์ผ่อนคอนโด เก็บตังค์แต่งงาน
40+ อ้าวแป๊ก ไร้น้ำยาซะแล้ว จบเห่ ประชากรที่เกิดใหม่ 0
หัวๆประเภทมักง่ายแต่ตัวเองต้องได้แสงเสมอ คือ วพกที่มีหน้าโผล่มาถามแค่สถานะของงาน หรือ มาสั่งๆๆๆ แล้วตัวเองก็ไปหาแสงต่อกับคอยสับลูกน้องโชว์พาวต่อหน้าคนอื่นเวลาพรีเซ็นต์งานที่มีคนเข้าฟังเยอะๆ ทั้งๆที่ถ้ามึงช่วยกันตรวจดีๆก่อนมันก็จะไม่ต้องมาสับโชว์คนอื่นแบบนี้ แต่อันนี้เป็นที่สันดาน ถ่อย สถุล ไงคงแก้ไม่ได้ว่ะ
อีกสิบปีข้างหน้ากูจะเป็นอาเฮียแล้วเพื่อน
https://youtu.be/8HPnFPEyGxI
>>687 พม่าแถวบ้านกูมีแต่พวกคล้ำดำๆเตี้ยๆ หน้าหมวยๆก็แบบเหลี่ยมๆ ตัวอ้วนเป็นหมูเผือกทั้งนั้น แถมถ้ามันมีผัว ผัวมันก็หน้าลาบแบบเขมรด้วยอ่ะ กูไม่ค่อยเชื่อเลยว่าพม่าแม่งเป็นพวกที่เด่นจากหน้าตา มึงไปดูเจ้าขุนมูลนายพม่าที่ทันยุคกล้องถ่ายรูปดิ มีสักตัวที่หน้าตาดีๆบ้างไหม ขนาดเมืองไทยยังมีดีบ้างก็ ร.8 กับต้นเชื้อพระวงศ์จุลจักรพงษ์ แต่พม่านี่หน้าแป้นๆชิบหาย
อาชีพ - หัวหน้า
งานหลัก - ประชุมหาแสง
งานรอง - รับปากมั่วๆแล้วโยนให้ลูกน้องทำ / สับลูกน้องเละโชว์ในที่ประชุม
อาหารที่ชอบ - แสงทุกชนิด
คติประจำใจ - ฆ่าน้อง ประจบนาย ขายเพื่อน
เบื่อสุดก็เวลาเจอนายที่ห้ามให้เบอร์มือถือ ให้ได้แต่เบอร์อีเมลกับเบอร์ที่ออฟฟิศ แต่นายเสือกไม่ค่อยอยู่ออฟฟิศกับไม่ค่อยตอบเมลคนติดต่อนี่แหละ
ถามหน่อย โม่งที่ทำงานโรงแรมมีมาเข้าห้องไลฟ์บ้างไหม? กูอยากถามเรื่องเนื้องานหว่ะ
โม่งถามคนจบภาพยนตร์เหมือนกันหน่อยดิท้อหวะพึ่งจบฝีมือก็ไม่ค่อยมีหางานก็ไม่ค่อยได้โม่งที่จบสาขานี้ได้งานตรงสายกันป่าววะมันพอมีตำเเหน่งอะไรที่รับคนจบภาพยนตร์บ้างวะ
>>695 มึงเรียนจบมาได้ยังไงก่อน ตอนเรียนมึงทำไรบ้างเปล่า ไม่ได้ฝึกงานรับงานไรเลยเหรอ แค่ซัมเมอร์ปีหนึ่งยังไม่ได้เริ่มเรียนจริงรุ่นพี่ก็ให้ไปช่วยงานแล้ว ไหนยังมีรับตัวประกอบไปเดินโง่ๆ ไปช่วยงานกองถ่ายอีกเยอะ หรือมึงเรียนแบบแค่ภาพยนตร์แบบแค่ตัดต่อสร้าง? ฟรีแลนซ์ยูทูปเบอร์เลยเขาก็รับคนตัดต่อคนถ่ายงานเยอะแยะสมัยนี้ หรือมึงฝีมือแย่ขนาดฝึกงานไม่ผ่านเลย
>>696 ความรู้อะกูมีเเต่มันไม่ได้ขั้นเทพเเบบพวกจบมาไปกำกับหนังไงเข้าใจมั้ย มุมกล้องกูรู้ สตอรี่บอร์ดกูวาดเป็น เเต่พวกเรื่องกล้องกูบ้งมากมันไม่ใช่จบออกมาเป็นทุกคนอะกูมันก็คือหนึ่งในคนที่เรียนมาเเล้วรู้น้อย ม.กูปีหนึ่งที่ไปช่วยรุ่นพี่รุ่นพี่เเม่งก็เเทบไม่ได้สอนห่าไรเลยฝึกงานก็ดันไปเจอที่ๆเเม่งไม่จ่ายงานอีกเเถมจะไปถามให้ทำไรบ้างก็ดันไม่ค่อยอยู่กันอีกสุดท้ายก็ฝึกเเบบงูๆปลาๆไป เออกูคงผิดเองเเหละมาถามในโม่ง
งานเฉพาะทางแบบนี้ไม่ถามรุ่นพี่ดูล่ะ เผื่อเขามีเส้นสายช่วยหางานหรือแนะนำได้ดีกว่าโม่ง
ไว้หางานไม่จริงๆค่อนถามมาว่าจะเอาไงกับชีวิตต่อค่อยช่วยแนะนำได้
>>701 กูไม่รู้ว่าสมัครยังไงอะไร แต่มีคนรู้จักทำอยู่ นางรับทำสตอรี่บอร์ดอย่างเดียวเลยไม่ทำอย่างอื่น ก่อนหน้านั้นนางผ่านงานทั้งกองถ่าย เขียนบท วางสตอรี่บอร์ด จนมีคนรู้จักชวนไปทำงานวางสตอรี่บอร์ดสำหรับคอมมิค นางก็ยึดเป็นอาชีพมาตั้งแต่นั้น แล้วด้วยความที่มันยังมีคนทำไม่ค่อยเยอะ นางก็มีงานเรื่อยๆผ่านคอนเนคชั่น ไม่รวยแต่เลี้ยงตัวเองได้ แต่มึงก็ลองทำพอร์ตไปเสนอพวกแอพเว็บตูนดูเด่ะ สะสมงานลงพอร์ตเยอะๆเดี๋ยวก็มีคนดึงไปทำงานด้วยเองแบบนาง มึงเขียนบทได้น่าจะยิ่งได้เปรียบกว่าคนอื่นอยู่นะ ลองๆหาอ่านเอาว่าเขารับงานกันยังไง
>>702 ขอถามได้ป่ะ ไอสายงานคนรู้จักมึงนี่เรียกว่าเป็น digital nomad ได้ป่ะวะ? ...คือแบบว่า ไม่นึกว่าการรับทำสตอรี่บอร์ดคือหาคนทำยากมากขนาดนี้ แต่น่ากลัวตรงที่ว่าตัวงานจะคล้ายๆงานรับจ้างทำการบ้านหว่ะ เนื้องานซับซ้อนเพราะลูกค้า ราคาโดนหด สุดท้ายคนหนีกันหมด คนเลยไม่ค่อยทำกันถ้าเวลาว่างไม่เยอะ
ไหนๆ ก็วกมาเรื่องนี้ละ กูถามนิด ราคา commission มัน vary จัง กูเข้าใจได้ว่าศิลปะมันแล้วแต่คนมองแต่กูไม่รู้เรื่องนี่หว่า
ควรจะตั้งราคายังไง ให้ไม่น่าเกลียด แต่ไม่เกินงบวะ 5555
ไม่ได้นั่งสองเเถวนานถามหน่อยดิโม่งไม่รู้จะถามใหน อาจจะได้เริ่มงานเร็วนี้ คือสองเเถวเเดงปกติตอนนี้กี่บาท เเล้วสองเเถวกม.9กี่บาทเเล้ว
ถามเพื่อนโม่งเคยมีความรู้สึกแบบ Insecure กับทุกงานที่ทำมั้ย แบบทำไปได้ถึง 6 เดือนก็รู้สึก Burnout แล้ว
ตอนนี้กูเริ่มสงสัยแล้วว่าการเป็นมนุษย์เงินเดือนในยุคนี้ มันดีจริงๆปะวะ สมัยก่อนมันได้ความมั่นคง ได้สร้างฐานะจริง แต่ค่าครองชีพทุกวันนี้ มันเหมือนบังคับให้ต้องหางานเสริมเพิ่มอีก คือแบบกูรู้สึกเหนื่อยไม่ได้มาก แต่เรื้อรังรู้สึกเหมือนมีหน้าที่ตื่นมายืนเบียดบนรถไฟฟ้า ดึกๆกลับบ้าน หมดแรงใจพัฒนาตัวเองใดๆ
ขอบคุณที่ฟังกูบ่นนะเพื่อนโม่ง
เหี้ย ร้านกูของหาย คนที่กูสงสัยสุดคือ ลูกจ้างชั่วคราว ควรทำไงดีวะ
ของแม่งก็คล้ายๆ กันหมด
>>709 กุพึ่งเรื่มทำงานได้ 2 ปีก็เป็นนะ ถามใครในรุ่นเดียวกันก็เป็น จนกุเริ่มเชื่อละที่เค้าว่ากันว่า เด็กรุ่นใหม่ ไม่ค่อยอดทน ยอมใจคนรุ่นก่อนๆจริงๆที่ทนทำงานกันได้ คือทน ไม่ได้หมายความว่าดีเสมอไป แต่มันก็เป็น skill อย่างนึง ที่พอทำงานเองเจอด้วยตัวเองแล้ว อืมม ก็สมควรให้ความเคารพในระดับนึงอะ
>>709 กูเป็นตั้งแต่เข้าเดือนที่ 3ละมึง แต่ทุกคนก็คล้ายที่มึงว่านะ หางานประจำแล้วควรต่อด้วยงานเสริม ไม่งั้นไม่พอสร้างอนาคตหว่ะ เอาจากที่มึงอ่านนะ มึงเหนื่อยแค่นี้ ถ้ามึงเจอนิสัยคนที่มาใหม่ละนิสัยสัปดน เป็นงานละเริ่มออกลาย ใส่ไฟ นั่นนี่สารพัดละมึงจะรู้สึกแย่หนักกว่าเดิมจนแบบมึงหมดใจกับการทำงานที่แบบนี้มากๆบอกไว้เลย
พูดถึงงานเสริมแล้วชาวโม่งเงินเดือนมีงานเสริมอะไรกันมั่ง มาแชร์กันหน่อย ส่วนกูตอนนี้ไม่มีกำลังหาอยู่ว่าจะทำอะไรดี
>>711 กูเกลียดคำนี้มากเลยนะ ไอคำว่าอดทนๆไปเถอะ โดนที่บ้านกรอกหูตั้งแต่เรียนมัธยม แบบเรียนที่นี้ไปเถอะ จน ทนๆทำงานนี้ไปเถอะ คือกุก็ไม่ได้ทำงานแปปเดียวแบบ 3-6 เดือนแล้วออกนะ ปีนึงผ่านไปถ้ารู้สึกว่ามันไม่ไหวหรือไม่เหมาะกับตัวเองก็ออก จะให้กุทนกับสิ่งที่บั่นทอนจิตใจและร่างกายกุไปอีก 2-3 ปีทำไม กุเลยไม่แปลกใจเหมือนกันว่า คนแก่บางคนทำไมแม่งดื้อหรือหัวความคิดแปลกๆ เหมือนทนกับความชิบหายมาเยอะ เลยอยากให้ลูกหลานทนเหมือนตัวเองบ้าง
กูทนได้ถ้ารายได้งาม แต่ความจริงคือไม่ใช่ T^T
เออ มีอีกเรื่อง กูไม่ติดใจอะไรตอนแรกๆนะ แต่พอเยอะๆเข้าละไม่ไหวจะเคลียร์ละกับเพื่อนร่วมงาน ใช่ เป็นเพื่อนร่วมงานที่เริ่มออกลายกับสันดานละ แบ๊กกราวน์พวกแม่งคืออดีตนักโทษเรือนจำ แต่ที่กูเห็นแว๊บแรก็เอะใจ ที่ทำงานเก่านี้มันมีชื่อเล่นชื่อนี้ แต่ทำไมไอคนพวกนี้พอมันมาที่ทำงานกูมันใช้ชื่อเล่นอีกชื่อวะ? เหตุผลเพราะแค่ว่าคนจองกฐินไว้เยอะอย่างเดียวไหม?
>>719 ตอนมันทำงานกับกูที่เก่า กูบอกเลยว่าก็ไม่ไรนะ ที่เหี้ยคือนิสัยเทงาน แบบลาหยุดถี่ๆเอาไรเงี้ยจนคนทำงานต้องแบกกัน แต่พอมาที่ใหม่ละมันมาทีหลังไล่ๆกันนี่แหละ ดิสเครดิตลับหลังกูยับ ไม่ใช่ว่ากูไม่รู้ แต่กูใส่หน้ากากกลับเว้ย ทำเหมือนคนโง่แทน กูก็ไม่พยายามไปยุ่งแหละเพราะมันไม่น่าใช่คนที่ทำงานได้เรื่อง คบกับเพื่อนที่มาสายบ่อยเป็นอาจิณชิบหายทั้งๆที่ทำงานกับนายญี่ปุ่นด้วย(คิดเอาละกันว่า บ. ญี่ปุ่นจ๋าๆมาสายมันด่าขนาดไหน) ละทำงานคือแบบ พยายามอู้ด้วย เทงานด้วย แล้วลาหยุดทีคือคนเริ่มจับสังเกตุละว่าลาด้วยเหตุผลน่าเกลียดเกิน เช่น ลาเพราะมีไข้ แต่ไปขอใบรับรองแพทย์มันระบุว่าบ้านหมุน ส่วนเพื่อนมันก็อาการเดียวกันไอสัส โรคบ้านหมุนเวียนหน้าคือโรคติดต่อจ้า 5555 ตอนนี้คนทั้งแผนกรู้ละว่ามันจะออกกันแต่อยู่แล้วทำตัวส้นตีนรอรับเงินเดือนงวดหน้า โคตรเกลียดเลย ส่วนตัวกูคิดได้แต่ว่าไม่ควรไปเอาไรมากกับคนที่เป็นอดีตคนคุกหว่ะ ทำงานได้แค่ไม่กี่เดือนย้าย ไม่กี่เดือนออก ทำที่นี่เงินเดือนสูง สวัสดิการดีมากยังคิดไม่ได้อีก แต่แม่งก็เป็นคนคิดไม่ได้อ่ะ จนละกระแดะปั๊มลูกสารพัดไม่ดูตัวเองเล้ย 55555
กูมักจะตัดสินใจผิดพลาดแล้วทำให้คนอื่นเดือดร้อนทุกที ตอนนี้ทุกคนคงเอือมกับกูแล้วอ่ะ
กุไม่แน่ใจว่างี้เรียกเบิร์นเอาท์หรือเปล่า มันมีช่วงที่งานหนักมากๆ บวกกับปัญหาส่วนตัวก็กัดฟันรอดมาได้ พอหลังช่วงพีคผ่านไป ปจบ.ตึงๆ แต่ถ้าพุชหน่อยมันก็ประคองไปได้ในเกณฑ์เคพีไออยุ่ หน.ปลอบใจว่าขอคนมาช่วยงานปีหน้าละรออนุมัติอยุ่ แต่ทุกอย่างข้างในกุมันเนือยๆ ไปแล้วอะ ถ้าได้คนมางานมันคงเบาลง แต่กุไม่อยากอยุ่ต่อแล้วทั้งที่งานไม่แย่เลยนะ เหมาะกับคนขยันที่ไม่ได้ต้องการความก้าวหน้าอย่างกุดีด้วย ข้างในกุมีแต่คิดว่าอยุ่เพื่อรอโบแล้วไปละกันอย่างเดียวเลย ไปแบบไม่คิดหางานใหม่ด้วย
กูอยากรู้มีบอไหนที่มีสวัสดิการไม่ดิเรียกว่าบังคับให้ไปเที่ยวต่างประเทศทุกปีไหม ไม่ได้ไปดูงานนะ แต่เที่ยวตามทัวร์ที่จัดไว้ให้เลยวะ ไม่ให้ครอบครัวไปด้วย อากุไปหลายปีแล้วอังกฤษบ้าง ฝรั่งเศสบ้าง อิตาลีงี้ถ่ายรูปมาให้กูดูตลอด มันคือไรวะ กูถามอาแล้วเขาบอกก็สวัสดิการบริษัทจัดไว้ให้ไม่ไปไม่ได้
>>725 บังคับหยุดนี่กูมองว่าเหี้ยอยู่นะ ถ้างานมี deadline แต่วันหยุดเหลือทำไงวะ ก็ใช้วันหยุดแต่นั่งทำงานที่บ้านแทนเหรอ ต่อให้เลื่อน deadline ได้ แต่พอส่งงานได้ช้าลงก็คือเสีย performance มีผลกับประเมินโบนัส,ขึ้นเงินเดือนอีก
บ.ที่ดีต้องเอาวันลาที่เหลือแลกเป็นเงินได้ หรือไม่ก็ทบวันลาที่เหลือไปปีหน้าได้
ตอนนี้กูดูโปรเจคนึงที่ลุ่มๆดอนๆปัญหาเยอะมานาน แถมอยู่มาตั้งแต่ก่อนกูเข้ามาทำงานเป็นปี เปลี่ยนมือมาก็หลายรอบ
อยู่ดีๆโดนเบื้องบนสั่งหยุดกระทันหัน เค้าคงเห็นมันไม่เสร็จมาเป็นปีเลยอยากจะ cut loss
ใจนึงก็ดีใจนะที่สั่งหยุดซักที แต่ผู้ใหญ่มองลงมาก็เหมือนเป็นตราบาปติดตัวกูที่เป็นคนถืองานคนสุดท้าย
แถมในที่ประชุมโปรเจค PM ผู้ไม่ทำห่าอะไรเลยแม่งเล่นใหญ่โวยวายเหมือนทุกอย่างเป็นความผิดกู ไอ้ที่เละๆกันนี่มีมาก่อนกูเข้ามาอีก
เนื้องานเหี้ยแล้วยังต้องมาเจอคนเหี้ยๆอีก หวังว่าเบื้องบนสั่งหยุดนี่คือหยุดจริงนะ กูจะได้ออกจากโปรเจคห่าเหวนี่ไปทำอย่างอื่นซักที
>>728 >>729 ใจเย็นอย่าพึ่งตีกัน กุโม่งเบิร์นเอาท์เอง คำแนะนำนี้ได้อยุ่ กุไม่ห่วงเงินแต่ห่วงระยะเวลามากกว่า กุเก็บเงินเก่ง แถมไม่ค่อยใช้ชีวิตเลยมีเงินเก็บพอให้ว่างงานได้ 4-5 ปีเลย แต่กูใกล้ 30 แล้วน่ะเลยกลัวว่าถ้ามีช่วง gap เยอะ เวลาสมัครงานแล้วจะโดนถาม ถ้าตอบว่าเบิร์นเอาท์จนลาออกไปเที่ยวมันไม่ดูอึด ดูเปราะบาง(กรณีคนสัมเป็นคนไทยนะ ถ้าเป็นฝรั่งอาจไม่สนใจเท่าไหร่) ตอนนี้คิดว่ายังไงก็ออกแน่ๆ แต่จะเที่ยว1-3เดือนแล้วกลับมาเข้าวงจรหนูปั่นจักรออฟฟิศต่อ หรือจะวัดดวงเอาเงินเก็บมาหาอะไรทำตั้งตัวดีอันนี้ลังเลอยุ่ กุค่อนข้างหวั่นเกรงถ้าเลือกอย่างหลัง เพราะศก. มันก้ไม่ได้น่าวาดหวังอะไร 555
กูคนนึงก็หมดไฟในการทำงานบ. คือไม่อยากมาทำแบบวนลูปเดิมอ่ะ กูชอบงานเสริมตัวเองมากกว่าที่ได้ขายของ หาเทรด หาคอนเนคชั่นใหม่ๆ ไม่หยุดอยู่กับที่ แถมไม่ปวดหัวและอิสระมาก ตื่นกี่โมงก็ได้อ่ะ ทำอยู่บ้าน แต่มันก็เสี่ยงตรงที่ขายของมันจะขายได้แค่ช่วงใกล้ๆสิ้นเดือนและต้องขายให้ถึงขั้นต่ำทุกเดือนถึงจะพอกับค่าใช้จ่าย แต่กูทำแล้วสนุกกว่างานประจำตามบ.อีก บ.ที่กูทำอยู่นี่ซ้ำซากจำเจ แถมงานไม่ตรงแผนกอีก แต่สิ้นปีกูตัดสินใจลาออกละ ทำไปก็เสียสุขภาพจิตเปล่าๆ
กูชอบงานกับชีวิตตอนนี้มาก แต่ตอนนี้โอกาสเลื่อนตำแหน่ง ติดนิดเดียวว่าถ้าขึ้นแล้วกูต้องย้ายสาขาตามรอบ ลำบากใจตรงนี้ละ กูมีบ้านมีครอบครัวแล้ว จะให้ย้ายไปไหนตลอดก็ไม่ไหว วิธีอยู่ใกล้บ้านก็มี แต่มันต้องทำงานคนละสายกับที่กูชอบ แล้วได้เงินน้อยลงหน่อย ปีหน้าต้องเลือกแล้ว หนักใจจัง
เออ กูกู้ที่บ้านมาลงทุน ตีซะว่าเปิดร้าน 3 แสน ค่าโน่น ค่านี่ ค่านั่น คือ ทางบ้านกูพอมีตังแหละ แต่กูก็ไม่ได้อยากขอตังใช้ เลยกู้มา
ทีนี้ กำไรมันไม่ค่อยจะพอใช้หนี้เลยหว่ะ คือ หักทุน แล้วมันก็อยู่ได้ กูมีอะไรแดก มีอะไรทำ แต่แบบถ้ากูใช้หนี้ด้วยเรตนี้ เกือบ 10 ปี กว่าจะหมด
แต่คิดจริงๆ เนี่ย กูอยู่ไม่ได้เพราะถ้าเป็นกู้คนอื่นกูจะโดนดอกด้วย นี่กู้ที่บ้านไม่โดนดอก ก็เลยสบายไปป่ะวะ โอยกูควรทำไงดีฟระ
เวลาเจ้านายไม่อยู่ ในออฟฟิศเหลือแค่พนงด้วยกันพวกมึงแอบอู้มั้ย
>>741 อู้ไม่ได้หว่ะ เพราะเจ้านายไม่อยู่เนี่ย ถึงมันทำธุระอื่น งานเอกสารที่อื่น มันaccessผ่านcctvมาดูได้นะว่าทำเหี้ยไรกัน ดูได้แบบชัดมาก ดูซูมได้ยันจอมือถือของพนง.ที่กำลังเล่นมือถือแล้วถูกถ่ายผ่านกล้องวงจรปิดว่าพิมพ์อะไร ใช้งานแอพอะไรอยู่ ผ่านมา3-4ที่ วงจรปิดที่ทำงานตอนนี้โคตรชัดทุกที่เลยมึง ละเจ้านายมาสุ่มส่องตอนไหนคือไม่รู้เลยเว้ย 5555
>>741 สำหรับกูเจ้านายจะอยู่หรือไม่ไม่มีผลกับชีวิตเลย เพราะถ้ามีงานก็ต้องทำ ทุกงานมันมีดิวเดทของมันหมด เรื่องอู้ไม่อู้ขึ้นอยู่กับโหลดงานตอนนั้นมากกว่า ถ้าช่วงไหนโหลดงานแน่นๆ ก็จะทำด้วย full speed ของตัวเอง แต่ถ้าช่วงไหนงานน้อยหน่อย ก็จะทำไปแบบชิลล์ๆ เนิบๆ ไม่ต้องเร่งตัวเองมาก
ต่อให้เจ้านายอยู่กูก็อู้อยู่ดี ตราบใดที่ส่งงานทันกำหนดก็ไม่มีปัญหาอะ
สังคมทำงานที่มีผู้หญิงเยอะๆนี่ปากปราศรัยน้ำใจเชือดคอกันทั้งนั้น บางคนต่อหน้าพูดกันดีเหมือนคุ้นกันแต่ลับหลังสับเละ หาคนที่น่าไว้ใจไม่ได้เลย 555
เหน่ยใจว่ะ กุว่ากุไม่ใช่พวก i'm not like other girls นะแต่กุรำคาญคนที่แบบเหมือนอยุ่คนเดียวไม่ได้มากๆ อ่ะ บ.กุพึ่งเลิกวฟฮ.มาเข้าบ.สองวันต่อสัปดาห์ อิพี่ในทีมกุนี่เกาะติดแจ ชอบมาเล่าวันๆ เจออะไร ไปเที่ยวกับผช.มาละลงรูปไหนดี แม่ผช.ปลื้มมาคอมเม้นรูปงั้นงี้ จะกินข้าวก้ต้องนัดแนะกุตั้งแต่ก่อนเที่ยง นัดกุไม่พอยังไปนัดคนนุ้นคนนี้มาอีกทำให้ต้องเสียเวลานั่งกินข้าวตามมารยาทรอทุกคนอิ่ม แทนที่กุจะได้เอาเวลาที่เหลือไปเดินห้างให้ลำไส้เคลื่อนที่บ้าง(ออฟกุอยุ่ในห้าง) หรือกุจะแยกตัวไปเดืนคนเดียวก็ต้องเตรียมเหตุผลมาอธิบายนะว่าทำไมไม่กินด้วยกันจะไปไหน บางทีชอบเดินมาคุยตอนทำงาน ไม่ก้จะให้ไปดูอะไรไร้สาระทั้งที่เห็นอยุ่ว่ากุนั่งแชทงานยิกๆ บางทียื่นหน้ามาอ่านคอมเลยว่าแชทอะไร ละมาบอกว่ากุเซอวิสดีจัง ใครถามก้ตอบเลย รอช้าๆ ค่อยตอบก็ได้นะ เป็นพี่ๆ ว่างเมื่อไหร่ค่อยมาตอบ กุแดกจุดมาก รำคาญโว้ย ทำไมคนแบบนี้มันเป็นที่เอ็นดูวะ กุเฟดตัวออกมายังไงดีเนี่ย
>>752 สังคมผู้ชายหนักพอกันนะ ของกูเจอก็แบบที่มึงว่าเลย แค่ต่างตรงที่กูไม่ได้บังเอิญมาเจอเองบ่อยๆ คืออยู่ที่ว่าวันนั้นหวยลงที่ติใคร ติในข้อหาอะไรบลาๆก็ว่ากันไป ทั้งๆที่ตัวแม่งเองก็กว่าจะดีได้ กว่าจะเป็นงานก็ใช้เวลาพอๆกัน แต่ยังดีตรงที่ส่วนมากคือถ้าปรับปรุงตัวได้ สังคมผู้ชายให้โอกาสกว่าสังคม ผญ. ที่ได้เกลียดปุ๊บก็ถึงขั้นจิกเปียกันเลย
กุรำคาญผู้หญิงในที่ทำงานมากเลย กุช่วยเหลือแม่งทุกอย่าง แต่พอมันอารมณ์ไม่ดีเสือกมาหยาบคายใส่กุ ทนไม่ไหวเลยไม่ยุ่งไม่คุยกับมัน ทีนี่้มันคอยจับผิดหาโอกาสตอนกุพลาดไปฟ้องเจ้านาย พอต้องเดินผ่านแม่งก็ทำเป็นคุยกับเพื่อนแต่แอบแขวะ จากนั้นเพื่อนมันก็พลอยเกลียดกูไปด้วย ทั้งที่เพื่อนมันคนนั้นก็เป็นอีกคนที่กุทำดีด้วยตลอดมา เลยรู้สึกเซ็งๆ กับความไม่มีเหตุผลอะไรแบบนี้ชิบหาย สังคมงูพิษ
ทำผิดพลาดในที่ทำงาน รู้สึกว่าทำให้งานช้าลง มุมนึงก็เพราะเขาไม่บอกกู แต่อีกมุมก็รู้สึกว่าทำไมกูไม่ถามให้ชัดเจน
แล้วก็รู้สึกว่ากูไม่สามารถอธิบายให้ชัดเจนได้ ตอบแบบข้างๆคูๆเพื่อออกมาถามรุ่นพี่ ตอบคำถามในวงประชุมไม่ได้ ตัดสินใจไม่ได้
เศร้าว่ะ คนอื่นในนั้นจะรู้สึกว่ากูไม่ได้เรื่อง คุยไม่รู้เรื่องรึเปล่า โรลในวงประชุมนั้นกูก็รับผิดชอบคนเดียวด้วย แล้วเขาก็รู้ว่ากูอายุน้อย จะยิ่งไม่ชอบไหมวะเนี่ย
อ่านแล้วกูไม่อยากทำงานบริษัทเลยว่ะ มีปัญหาการพูด ถ้าได้ทำงานอยู่บ้าน ติดต่อกันผ่านเมล คงจะมีความสุขมาก
>>759 ทำงานปรกติเลี่ยงการพูดคุยตรงๆ ไม่ได้หรอก ยิ่งถ้าเป็นลักษณะงานที่รับจ้างทำยิ่งต้องคุยกับลูกค้า แล้วคุยเยอะกว่าเป็นพนักงงานประจำอยู่ office อีก ลูกค้ามักจะไม่มั่นใจจนกว่าจะได้พูดคุยกันตรงๆ แล้วเนื้อหางานมันตีความแค่ใน mail เฉยๆ ไม่ได้ด้วย mail น่ะใช้แค่สรูปเซ็นต์จ้างงานเท่านั้น
อีเหี้ย มีใครเจอแบบกูมะ ทำงานก็ทำอยู่แต่ยังจะหาข้อติแต่กู เล็งแต่กู เจอคนอื่นเค้าไม่ทนการติของเพื่อนร่วมงานเหวี่ยงๆบางคนละไปลางานถี่ๆแต่ได้เงินเดือนเต็มเหมือนกับกูบ้างจะได้รู้สึกนะบอกเลย
โลกการทำงานมันยากจัง ถ้าสมัยเรียนเราก็หนีปัญหาคนเดียวได้ เพราะผลกรรมทั้งหมดก็ตกแค่ที่เรา แต่พอทำงานมันมีคนอื่นร่วมด้วย ลาออกยังต้อง transfer งานไว้เลย
งงกับพี่ที่ทำงานคนนึง คืออยู่ๆ แกก็ต้องมาเป็นหัวหน้าทีมให้ทีมที่กูอยู่ เพราะคนเก่าเขาลาออก ตอนสมัยที่แกยังเป็นแค่เพื่อนร่วมงานก็คุยกันปกติ แต่พอแกขึ้นมาเป็นหัวหน้าทีมเหมือนผีเข้าอ่ะ หาเรื่องติแม่งได้ทุกวัน แล้วทั้งทีมกู 6 คน โดนแก่ติทุกคนเลยเว้ย บางเรื่องต้องขอโทษแกแบบงงๆ ขอโทษแบบกูไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผิดอะไร แต่ขอโทษไว้ก่อน แล้วแม่งเอาแต่ตัวเองฉิบหาย จะเอางานนี้ให้เสร็จตอนนี้ให้ได้ อยู่ๆ มาบอกว่าให้เข้าห้องประชุมทั้งๆ ที่ไม่เคยนัดกันมาก่อนบ้าง อยู่ๆ ก็บอกให้ไปนำเสนอสินค้าที่กูแม่งไม่เคยรู้มาก่อนด้วยซ้ำมันคืออะไรแต่โยนมาให้ กูต้องไปนั่งอ่านรายละเอียดหน้างาน สุดท้ายพี่คนโตสุดในทีมแกทนไม่ไหว ด่าแม่งเลยสัส เพราะแฟนพี่เขาก็ทำงานที่บริษัทเดียวกันนี่แหละ และตำแหน่งสูงกว่าไอ้หัวหน้าคนใหม่ด้วยสัส กลายเป็นว่าตอนนี้ที่ทำงานคือเงียบกริ๊บ ไม่ค่อยมีใครพูดไรกันละ เงียบใส่กันอย่างเดียว แม่งตึงฉิบหายเลยเว้ย
กูนับวันถอยหลังรอลาออกละ
แน่ใจนะว่า จะลาออก ไม่ได้ใช้ชีวิตหรูๆ กินเลี้ยงบ่อยๆแล้วนะ
>>767 กูลาออกหลังเขาตัดโบนัสอ่ะ ตัด20ธ.ค 21ธ.ค.กูยื่นลาออกเลย พอมันติดหยุดยาวด้วย มกรากูก็ไม่ต้องไปทำงานแล้ว น้อยสุด15วันพอดีอ่ะ แต่แม่กูก็ไม่อยากให้ลาออกนะ แต่มันชีวิตกูป่ะ
>>768 ปกติกูไม่ได้กินเลี้ยงหรือใช้ไปเที่ยวอยู่แล้ว เงินเก็บเงินเหลือมีเป็นทุนเดิม ไม่ได้เดือดร้อนอะไร และปกติก็มีธุรกิจส่วนตัวอยู่แล้ว ได้ต่อเดือนเป็นหลักหมื่น-แสน(ได้เยอะกว่าทำงานบ.อีก) และกูก็ไม่ได้ติดหรูอะไร ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องติดหรู
>>770 สู้ๆนะมึง ถ้างานที่มึงทำอยู่ไม่ได้เดือนร้อน หรืออึดอัดใจอะไร ก็ทำไปอ่ะดีแล้ว แต่แค่ของกูมันเหี้ยยยยยย
อิจฉาคนได้หยุดวันนักขัตฤกษ์เว้ยย
>>771 เชี่ย เงินกงสีรายเดือนขนาดนั้น มึงอาจติดหรูไม่รู้ตัวป้ะเนี่ย 5555 แบบรุ่นน้องที่กูรู้จักเนี่ย ใส่รองเท้าแตะมาทำงาน เป็นกูกูใส่แบบเกรดรองเท้าตราช้างดาว คุณน้องแกล่อแตะFILAมาทำงานเล้ย ขนขยะไปทิ้งก็FILA เชี่ย ราคาตั้งกี่พัน บางวันก็Adidas ราคาสี่หลัก คือแบบ..... ถอนเงินทุกทีแบงก์ม่วงอัพชัวร์ 🤣🤣🤣
>>774 กู 772นะ กูใส่แตะอดิดาสคู่เดิม ร้อยกว่าบาท ย้ำว่าคู่เดิมมาตั้งแต่ม.6 จนตอนนี้อายุ 25 ก็ไม่ซื้อใหม่ ใส่จนกว่าจะขาดค่อยซื้อ เสื้อผ้ากูก็ใส่ตามตลาดนัดอ่ะ ตัวละ 50-60 บาทราวๆนี้ นานๆจะซื้อเสื้อผ้าใหม่ ใส่ตัวเดิมๆมีแค่ 5 คู่เองมั้ง ขนาดเสื้อนอนขาดแล้วขาดอีก กางเกงขาดแล้วขาดอีกกูก็เย็บซ่อม เอาอะไรมาติดหรู5555 ส่วนถอนเงิน ถ้าถอนจากPaypal อ่ะ ถอนหลักหมื่นเพราะใช้มาหมุนเวียนธุรกิจ แต่ถ้าถอนเงินบาทมาใช้ กูถอนแค่ร้อยเดียว มากสุดก็300-500 ไว้เติมน้ำมันรถอ่ะ นอกนั้นโอนจ่ายเอา 20-30 บาท ถถถถ
มีใครทำงานwork from homeบ้างปะ กูอยากรู้ว่าถ้าจัดโต๊ะคอมเเล้วปิดไฟรอบข้าง ชอบไฟสลัวๆ เเต่ติดไฟเเค่หน้าโต๊ะคอม,หน้าจอพอ
เเบบนี้มีผลเสียไหมกับสายตา
เห็นว่ามีเรื่องความสว่างของแสงตัดกันเยอะ(จอสว่างแต่หลังจอมืด) ก็ทำให้ตาเสียได้เหมือนกัน
ปล.ไม่ชัวร์นะ กูเคยอ่านผ่านๆมา ก่อนเชื่อลองหาข้อมูลเพิ่มก่อน
จัดแสงแบบนั้นมันเพ่งมากกว่าปรกตินะ
คนที่บ่นว่าแผนกนั้นมันอย่างงู้นอย่างงี้ ระบบบริษัทไม่ชัดเจน โดยรวมดูแล้วอนาคตไม่รุ่ง ที่ๆเคยทำมาดีกว่านี้เยอะ แต่ตัวเองคืออยู่ที่บริษัทมาตั้งแต่สมัยเปิดใหม่ๆ คนแบบนี้เค้าต้องการอะไรอ่ะ
กูควรใส่งานที่ยังอยู่ในช่วง probation ในเรซูเม่มั้ยวะ คือกูทำงานที่ใหม่ละรู้สึกไม่เหมาะก็เลยว่าจะออก(ทำมาเกินเดือนละ และงานที่จะสมัครใหม่ก็ไม่คล้ายงานเดิม) แล้วส่วนตัวคิดว่าทำอะไรไปเยอะเหมือนกัน เลยอยากใส่ลงไป
สงสัยหัวหน้าจะตาบอด มาเร่งจะเอางานจากกู เพราะคนอื่นตาม แต่ไม่แหกตาดูว่ากูทำงานอยู่ และงานมันเยอะเคลียร์ไม่ทัน ยิ่งแม่งงดโอยันสิ้นปีอีก แต่เสือกมาถามกูว่า ติดขัดอะไรบอกได้ กลัวช้าแล้วเรื่องจะถึงผจก. แล้วไง ก็ถึงไปดิยังไงกูจะลาออกอยู่แล้ว เอางานมาให้กูทำ ไหนจะงานเก่าที่กูยังเคลียร์ไม่จบ งานใหม่มาอีก คิดว่ากูว่างมั้ง แล้วงานแม่งไม่ใช่หน้าที่กูเลยด้วยซ้ำ แล้วมาบอกว่ากูไม่พูด เอ้า พูดแล้วฟังหรอ พูดไปก็เท่านั้นกูจะพูดทำไม บางทีปัญหามีก็น่าจะรับรู้ได้นะ ว่าทำไมลูกน้องตัวเองทำงานไม่ทัน เพราะอะไรเอ่ย เพราะตัวเองโยนงานให้ลูกน้องไม่เท่ากันไง สักแต่โยนงานมาให้
เบื่อไอพวกไฟแรงไม่ดูตาม้าตาเรือว่ะ คือกูก็กำลังนั่งปั่นงานของกูอยู่แล้วมึงก็มาถามอะไรนิดหน่อยกูก็พอจะตอบได้เลยคุย แต่แม่งไม่แล้วไงแม่งกลับมาถามอีกเยอะแยะ เสนองาน เสนอโปรเจคส์ของแม่งให้กูช่วยคิดชวนกูคุยต่อเรื่องงานของกูที่แม่งเสนอตัวมาช่วยออกไอเดียให้ คือ เฮ้ย คนไทยแม่งต้องเรียนมารยาทกันอีกเยอะเลยว่ะ มึงมาชวนคุยยังงี้กูก็เสียสมาธิจากกงานกูเองไม่พอ ยังต้องแบ่งสมองมารับข้อมูลงานของมึงอีก ไหนจะต้องจำรายละเอียดที่มึงถามแล้วมาช่วยคิดให้อีก คือแบบนี้แม่งไม่โอเคสัสๆ
สมไอ้คนติดต่อควัย โทรมาถึงบ.เพราะนายกูไม่ยอมโทรกลับหา พอจะบอกให้ติดต่อทางเมลไม่เอาจะโทรหาตัวให้ำด้ แต่นายกูห้ามให้เบอร์ใครกูเลยบอกให้ไม่ได้ จะให้ลองโทรมาใหม่แม่งก็บ่นด่าเป็นชุดว่าไม่ยอมช่วยแม่ง คือจะหาเรื่องบ่นกูเป็นสนามอารมณ์แหละ กูเลยตัดบทวางหูแม่งเลย ไม่กลัวโดนฟ้องนายให้เอาเรื่องด้วย ก็ขนาดเบอร์นายกูมึงยังไม่รู้ แล้วคิดว่านายกูจะฟังคำร้องเรียนมึงเหรอสัส
โรงงานคนจีนแม่งท๊อกซิกชิบหาย ไม่พอใจแม่งตะคอกด่า เป็นเหี้ยอะไรของมัน
ช่วยทีกูเเม่งเเปลกๆเเล้วหวะคือทักไปสมัครงานนัดวันสัมเรียบร้อยเเต่พอใกล้ถึงวันสัมหนึ่งวันกูเปลี่ยนใจทักไปขอยกเลิกสมัครตลอดเป็นมาสี่ครั้งละตอนนี้เลยว่างงาน ไม่รู้กูกลัวเหี้ยอะไรมันประหม่าด้วยมั้งบอกไม่ถูกน่าจะกลัวเจอสังคมเเย่ๆด้วยเเหละยิ่งพูดน้อยอยู่ มีใครมีคำเเนะนำการจัดการกับตัวเองบ้าง
ปล.กูยังไม่เคยทำงานมาก่อนกำลังจะเริ่มชีวิตการทำงาน
เซ็งว่ะ กุทำงานนานจนพอเข้าใจสัจธรรมที่ว่าคนเราไม่ต้องชอบงานขอแค่ไม่ซัฟเฟอร์ก็ควรพอใจแล้ว ปกติถ้าไม่ได้เทียบตัวเองกับใครเงินเดือนกุมันก็เหลือเก็บสบายๆดี เรียกว่าสมอายุ คุยกับพวกญาติตามงานบุญได้ไม่ต้องน้อยหน้า แต่พอเปิดโลกไปเจอเพื่อนเก่าๆ ที่สมัยเรียนหัวมันไม่ดี เกรดสอง-สามต้นๆ งี้ตอนนี้มันเจองานที่ชอบ เงินเดือนทะลุหกเจ็ดหมื่นเข้าไปแล้ว กุเฟลมาก ไม่เชิงว่าอิจฉาแต่มันผิดหวังในตัวเองอ่ะว่าเกียรตินิยมเหรียญทองนี่เอามาทำเหี้ยอะไรนี่ กุมันดีแต่เรียนจริงๆ เลยว่ะ ถ้ากุจะแก้ตัวตอนนี้ทำไงดีวะ รีบหาสิ่งที่ถนัดแล้วไปเทคคอร์สเสริม ออกจากเซฟโซนไปลองผิดลองถูกงี้เหรอ
เอกชน วันนี้ได้หยุดกันมั้ย?
เด่วนี้เด็กรุ่นใหม่ทำงานได้ 1 ปีก็เปลี่ยนงานกันแล้วหรอ เห็นบางคนนี้เปลี่ยนกันปีละที่เลย
กูทำงานที่เดิมมาเกิน 5 ปีละ (และถ้าไม่โดนไล่ออกหรือบ.เจ๊งซะก่อน กะอยู่ยันเกษียณ) กูว่าพวก job hopper มันเก่งนะ ไหนจะต้องเรียนรู้งานที่ใหม่ ไหนจะต้องปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ ทำความรู้จักคนใหม่ๆ ตลอดเวลา ถ้ามันทำได้ มีคนรับเข้าทำงาน ผ่านโปร ประเมินออกมาดี ก็ปล่อยมันไปเถอะ ถือว่ามันเก่ง
กูว่าอยู่ที่เดิมแม่งสบายดี ขั้นตอนทำงานก็รู้หมดละ คนก็รู้จักหมดคนไหนเป็นยังไง จะติดต่ออะไรใครก็ง่าย system อะไรของบริษัทก็ใช้งานคล่องหมดละ จะทำอะไรก็รู้ว่าต้องไปตรงไหนยังไง แถมยิ่งอยู่นานวันลาพักร้อนยิ่งเยอะ pvd ก็ยิ่งแยะ เงินกับตำแหน่งก็ขึ้นเรื่อยๆ ติดแหง็กอยู่ใน comfort zone สัดๆ 555
>>803 jop hopper = เป็ด ถ้าสามารถเรียนรู้งานละเป็นงานได้เร็ว ทำงานพอผ่านก็ไปได้เรื่อยๆเลยนะ แต่ปัญหาของเป็ดคือมันเก่งไม่สุดสักทาง ถ้าติดสกิลเรียนรู้ไว เรียนรู้จนทำผลงานออกมาดีได้ เป็นเป็ดไปคนภายนอกจะมองว่าเก่งนะ มาทำงานวงการไหนคือทำได้หมดไรงี้ ซึ่งงานสายIT ก็เป็นงานของเป็ดเลย เพราะเทคเปลี่ยนเทรนด์บ่อย แป๊บๆมีคนคิดtoolsเจ๋งๆออกมาให้ลองก็ต้องเริ่มเรียนๆ ถ้าไม่ได้ว่าต้องเริ่มเรียนใหม่หลายๆครั้งมันก็ไม่ได้แย่
>>807 งั้นมึงควรทำงานให้เกินระดับมาตรฐานมาก็น่าจะรอดละ เป็นคนที่ไม่มีบทเด่นอะไรในที่ทำงาน สร้างปัญหาในที่ทำงานน้อยกูว่าดีที่สุด แบบกูคือสกิลเป็ดน้อยโคตรๆจนเจอปัญหาเวลางานหลายหน้ามาพร้อมกันละนับ3วิต้องมองงานให้ออกเงี้ย ทรอม่ามากนะมึง อิจฉาเป็ดแบบพวกมึงนะที่อยู่ในยุคเป็ดเรืองรองได้เพราะมีเทคโนโลยีเป็นฟูกนุ่มๆให้ 5555
>>806 กูเป็นคนที่ได้รับการประเมินจากนายว่าหัวไวที่สุดเท่าที่เคยมีลูกน้องมา เรียนรู้เร็วแบบ outstanding กูใช้เวลา 3 ปีกว่าจะกล้าพูดได้เต็มปากว่าเข้าใจงานตัวเองจริงๆ (ก่อนหน้านั้นก็ทำงานปกติแหละ แต่ทำแบบยัง gat pat เชื่อมโยงไม่ได้ ทำตามๆ ที่เค้าทำกันมา ยังไม่กล้าเปลี่ยนแปลงอะไรเพราะตัวเองก็ยังไม่เข้าใจดีว่ากำลังทำอะไรอยู่) งานกูเป็นงานสายเทคนิคอลจัดๆ ต้องดู drawing ต้องเรียนรู้ system อันมากมายของบริษัทที่บ.แม่ develop ขึ้นมาเอง ใช้แค่ภายใน ไม่สามารถหาความรู้จาก google ได้
ขอสอบถามเพื่อนโม่งหน่อย คือกูตั้งใจจะลาออก21ธันวาแต่กูยังไม่ได้เขียนใบลาออกนะ แต่ผจก.ให้กูออกสิ้นเดือน11 แล้วเขาให้กูเป็นคนเขียนใบลาออกเอง แบบนี้กูทำอะไรได้บ้าง แล้วมีสิทธิ์ได้รับชดเชยไหม เหตุแค่เพราะเขาไม่พอใจที่กูทำงานไม่ทัน(ก็แม่งแบ่งงานไม่เท่ากันแต่แรกแล้ว แถมงดโอจะเคลียร์เหี้ยไรทัน) และผจก.ไม่ชอบหน้า
>>813 คือกูผ่านโปรแล้วนะ ทำมาเป็นปีละ แต่ทีนี้โดนใบเตือน1ใบซึ่งเหตุแม่งไม่ได้มากจากกูเลย เขาไปเข้าข้างพวกกันเอง ทำให้เหมือนกูโดนทดลองงานใหม่3เดือน ทีนี้กูกะจะลาออกสิ้นปีเพราะรอโบนัส แต่ผจก.บอกไม่ให้รอ ให้้กูลาออกเลย คือให้ออกเลยเดือน11 แล้วกูก็ยังไม่ได้งานใหม่นะ
ถ้างั้นก็ไม่เซ็น มึงจะลาออกเดือน 12 แจ้งแล้ว ถ้าไม่เซ็นก็คือไม่ออก ผู้จัดการไล่มึงออกมั่วๆไม่ได้ด้วย เพราะงั้นก็อยู่จนได้โบนัสแล้วค่อยออก
ตัวเองกะพวกทำพลาดมองขำๆ คนที่มองว่าไม่ใช่พวกทำพลาดนี่นินทายับ
แยกประเด็นก่อน นายจ้างบังคับให้ลาออกก่อนวันที่ลูกจ้างต้องการลาออกไม่ได้ (เว้นแต่คุยกันตกลงกันโอเคทั้งสองฝ่าย) ถ้าจะให้มึงออกก่อน มันจะเข้าลูปเลิกจ้างที่ต้องจ่ายชดเชย แต่แต่แต่...ในส่วนของโบนัสไม่มีกฎหมายคุ้มครองนะว่าจำเป็นต้องให้ ต่อให้มึงอยู่จนถึงธันวา เขาก็มีสิทธิ์จะไม่ให้มึงคนเดียวก็ได้
>>822 เรื่องถ้าทำจนสิ้นปีแล้วไม่ได้โบนัสไม่เท่าไหร่นะ แต่กูแจ้งลาออกเดือน12 แต่จะให้กูออกเลยเดือน11 แต่ให้กูเขียนใบลาออกเองแทนการจ้างออก มันเหมือนบ.ไม่อยากจ่ายชดเชยอ่ะ กูบอกไปแล้วว่าต้องการออกเดือน12แบบชัดเจน แต่เขาบอก "ไม่ได้ ให้แค่เดือน11" แถมงานใหม่กูก็ยังไม่ได้
>>822 แต่ออกก็ดีแหละ จะได้ไม่ประสาทแดก เดือน12กูก็จะได้เอาไปทำในสิ่งที่อยากทำ อย่างน้อยกูยังพอมีเงินเก็บอยู่ได้อีกหลายเดือน แต่แค่มันกระชั้นชิดไปแค่นั้น เออถ้าofferมาว่า ออกเดือน11แล้วชดเชยให้อีก90วันตามกฎหมาย เออกูโอเค แต่นี่บอกแค่ให้ออกเลยโดยให้กูไปเขียนลาออกเอง
พูดแบบกลางๆ นะ ถ้ากูเป็นบริษัทกูก็ไม่คิดจะจ่ายชดเชย 90 วันให้พนักงานที่คิดจะลาออกอยู่แล้วหรอก ถ้าเป็นกูกูจะเสนอว่าออกเดือน 11 เลยมั้ย? แต่ถ้าไม่ออกก็ไม่เป็นไร อยากอยู่ถึงเดือน 12 ก็อยู่ไป แต่แน่นอนว่าโบนัสก็ไม่ได้
เดาว่าเป็นกิจการขนาดเล็กปะ? เจ้านายมึงเลยไม่รู้กฎหมายแรงงาน มึงก็ไปบอกเขาซะว่าเขาไม่มีสิทธิ์บังคับให้มึงเขียนใบลาออกเดือน 11 ถ้าจะให้ออกเดือน 11 ต้องจ่ายชดเชย กูเชื่อว่าเขาให้มึงอยู่ถึงเดือน 12 แน่นอน เขาไม่จ่าย 90 วันและโบนัสให้มึงแน่ แถมเดือน 12 ที่ต้องทำงานอยู่ บรรยากาศในการทำงานก็น่าจะนรกดีๆ นี่เอง
>>824 เพราะงั้นกูว่ามึงเขียนใบลาออกเดือน 11 แล้วเอาเวลาในเดือน 12 ไปทำในสิ่งที่อยากทำอย่างที่ตั้งใจไว้แหละ ดีที่สุดแล้ว ยกเว้นแต่ว่าอยากจะทำสงครามประสาท(แดก)กับว่าที่อดีตเจ้านายในเดือน 12 แต่เท่าที่ฟังมึงก็คงไม่อยากประสาทแดก ซึ่งถ้าเป็นกูกูก็จะทำแบบเดียวกัน สุขภาพจิตสำคัญกว่าเงินเดือนแค่เดือนเดียวเยอะ
สรุปกูถามละ เขาจะจ้างออกให้และให้3เดือน ไม่ต้องรอโบนัส ดี เพราะกุคำนวณแล้วคุ้มกว่ารอโบนัส
>>829 ที่ทำงานกูก็เคยมี ยอมจ่ายทั้งชดเชย+ตกใจ แต่ให้ ณ ออกเดี๋ยวนั้นเลยแบบห้ามไม่ให้แม้แต่แตะต้องคอม ยอมแค่ให้เก็บของใช้ส่วนตัวโดยมี hr ยืนเฝ้า แต่นางแสบจริง ทำแสบไว้เยอะ เป็น talk of the town ในบริษัทไปพักใหญ่ ถ้าไม่ฟ้าผ่าแบบนั้น นางคงวางยาไว้อีกเยอะ ไฟล์งานนี่ลบทิ้งแน่ๆ
>>830 กูเคยพูดไปบนๆแล้วว่าเหตุมันเกิดจากเขาแบ่งงานไม่เท่ากันมาตั้งแต่แรก บางคนแม่งว่างก็ว่างจนวันๆเล่นแต่เกม แต่กูงานนั้นก็มาวางให้ งานนี้ก็มาทิ้งไว้ให้ แล้วกูทำงานช้า ทำไม่ทัน แถมเขางดโอจนสิ้นปี(ทั้งที่กูกะจะทำโอเพื่อเคลียร์งาน แต่ก่อนมีโอมันก็ทำทัน) ทีนี้ไม่มีโอมันก็ทำงานไม่ทัน คนนั้นก็จะเอา คนนี้ก็จะเอา แล้วหัวหน้าไม่ยอมแบ่งงานไปให้คนที่ว่างช่วยทำ พอกูทำไม่ทัน(ก็มันไม่ทันจริงๆ)ก็มาว่ามาด่า แล้วไปฟ้องผจก. แล้วผจก.ฟังแต่ฝั่งนั่นไม่มาถามกู อีกทั้งผจก.ไม่ชอบหน้าตั้งแต่กูไม่ยอมไปฉีนซิโนฟาร์ม(แค่นี้แหละ) เพราะกูจองมดน.ไปแล้ว เวลางานมีปัญหามามันเกิดจากทางหน.สั่งให้กูทำ แล้วพอมันพลาด หน.ก็โยนความผิดมาให้กูและเอาดีเข้าตัว ไปฟ้องพจก.แบบใส่สีสารพัด(กูได้ยิน) พอกูพูดกูบอกกูอธิบาย เขาก็หาว่าเถียง และงานกูโดนกดดันต่างๆ ไม่ต้องบอกว่าให้กูทนนะ กูไม่ทน ไม่รู้กูจะทนให้เขาโขกสับไปทำไม อีกทั้งยิ่งอยู่ต่อสุขภาพจิตกูย่ำแย่ (อันนี้ไม่เป็นตัวกูก็ไม่รู้หรอก) ก็แล้วแต่เขาจะมองว่ากูเป็นยังไง เพราะในมุมมองกูพวกเขาก็แค่พวกคนแก่ๆที่ไม่มีภาวะความเป็นหัวหน้าที่มากพอ แถมกูไม่ได้กะทำงานบ.แต่แรกอยู่แล้ว
https://www.youtube.com/watch?v=PWd4LJCd1EU
เปิดครัวกลางไป นั่นไม่ใช่อะไรใหญ่โตหรอกนะ แต่กูเคยทำตรงนี้มาตั้งแต่สมัยCRGยังไม่ควบรวมกิจการและได้ฟังเรื่องราวของคนทำหลังCRGควบรวมกิจการละ ถ้าโพสต์นี้ไม่ได้ถูกลบกรุณาเอาเรื่องราวไปแฉลงทุกกลุ่มหางานในเฟสนะ ตอนแรกก่ะจะกลับไปทำ แต่กูไม่กลับไปทำใต้ร่มเงาCRGหรอกเพราะ บ.ห่านี่เองเป็นที่เดียวที่ร้านในเครือที่เปิดรับคนแบบตลอดทั้งปีเลยทุกช่องทาง ถ้าการฝึกสอนมันดีจริง คนมันจะไม่ออกและต้องมาฝึกงานคนใหม่ถี่บ่อยขนาดนี้นะ
-บ.นี้ไม่ได้มีสวัสดิการที่หวือหวามากมายหรอก อาจจะมีขึ้นมาก็คือส่วนลดแดกร้านในเครือCRGก็แค่นั้น ไม่มีประกันกลุ่ม ไม่มีวันลากิจหรือลาป่วยทางการถ้ามึงทำไม่ครบปีนะบอกไว้ก่อน ที่สำคัญยิ่งยวดเลยคือ เงินเดือนเริ่มต้นจริงๆหลังผ่านการฝึก(ถ้าCRGปรับใหม่ไม่รู้ละกี่เดือน)ก็คือแค่หมื่นเดียวท่ามกลางร้านอื่นที่เค้าเงินเดือนหมื่นสองหมื่นสาม กูไม่มั่นใจว่าหลังCRGมาถือหุ้นใหญ่เนี่ย มันจะให้สลิปมึงออนไลน์ไหมหรือยังทำระบบให้ดูเงินเดือนผ่านเว็บช่องห่าเหวไรไม่รู้อีกรึเปล่า
1.ร้านเครือCRG ทำงาน6วัน และต้องเกิน8ชม. และมีโอกาสไม่ได้โอทีสูงมากถ้ามึงไปทำสาขาที่กำลังซื้อไม่สูงและลูกค้าไม่หลากหลาย ทุกวันนี้กูทำร้านที่ทำงาน5วัน หยุดสองวันแบบไม่ตรงนักขัตหรือไม่ตรงวันส.-อา. กูไม่เดือดร้อนอะไรมากมาย
2.ครัวล้างถ้าเกิดไม่มีนโยบายจ้างมาล้างแยกละเตรียมเหนื่อยได้เลย จะเหนื่อยชิบหายมากๆ หวังว่าสาขาที่ยอดขายไม่ปังเค้ายังปราณีจ้างครัวล้างนะ
3.ใครจะไปเป็นเด็กพาร์ทไทม์ที่นี่ ครัวรุ่นเก๋าสืบมาเยอะ กูเพิ่งว่างๆบางช่วงเลยมาฟังจากคนที่ออกไปก่อนกูเลยรู้เรื่องที่มีคนไม่อยากให้กูรู้ เจอมาเยอะว่าถ้าเจอ ผจก เหี้ย แม่งโกงเด็กพาร์ทไทม์เก่งมากเว่อร์ไอสัส แล้วแบ่งพรรคแบ่งพวก เค้าทำกันแบบลับๆนะ ระบบครอบครัว อุปถัมภ์ มีในบางสาขานี่แบบเข้มข้นเลย หรือถ้าไม่มีอะไรแบบนี้ มันก็เหี้ยตรงที่ทำงานละมีช่องโหว่ให้คนอีกก่ะโดนวางยาเอาไง ก็คือทำงานไม่สนคนหน้างานเลยว่าเค้าจะรู้สึกยังไงก็มีจนคนเป็นงานกว่า(ทั้งๆที่อาจจะมาทีหลัง)ต้องมาตามล้างตามเช็ดให้ตลอด
4.เปิดไปหวังจะทั่วประเทศ แต่เห็นยังรับคนไม่ทัน พี่จีจี้(HR)สัมคนมาราธอนแทนการเข้าฟิตเนส ผอมเพรียวแน่ ยิ่งถ้ารายได้คนทำงานโดนดอง โดนกดอีก ชิบหายระยะยาวเลยคนทำHRของฟู๊ด ซีเลคชั่นเนี่ย
5.คนใหม่ๆมาทำ ถ้าเดือนสองเดือนมึงยังรายได้แค่10000-11000 ขอความกรุณาหางานใหม่ หาเส้นสายนะ เพราะมึงโดนดองสอบภาคทฤษฎีเลื่อนขั้นละ มีคนดองสอบแล้วเปิดใจทนมาเป็นปีๆ แทบไม่สาย ไม่ขาด ไม่พยายามลา ทำงานเร็ว งัดทุก ปสก. เพื่องานตรงหน้า สุดท้ายได้แค่เงินเดือนต่ำกว่าเกณฑ์ค่าครองชีพเป็นการตอบแทนอีดอกอย่าหาอยู่
6.แล้วมึงหวังทำงานที่นี่เพื่อเก็บ ปสก ไปทำที่ร้านจ่ายฐานเงินเดือนสูงกว่า อย่าหาทำ เค้าไม่รับ ร้านฟูจิ, เซ็น อาจจะรับเพราะเน้นจ้างถูก ทนมือทนเท้า จิกหัวใช้เยี่ยงอีเย็นรุ่นอัพเกรด แต่พวกซูชิเด็น ซูชิฮิโระ ซูชิฮาน่า เค้ารู้ว่าฝีมือไม่ถึง ถ้ามึงไม่เคยทำครัวกลางแบบในคลิปด้วย กรุณาเข้ามาเพื่อไปเก็บ ปสก. จากร้านญี่ปุ่นเจ้าอื่นเพิ่มเลยนะ ร้านอื่นๆที่เค้าคาดหวังไว้ เค้าจะเอาคนที่แล่ปลาทั้งตัวได้ ทอดไข่หวานก็ทำได้ ซาซิมิก็ได้ ทำได้ยันโรลหน้าสั้นหน้ายาว ดองซาบะได้ คือมึงสามารถเอาวัตถุดิบจากตั้งต้นมาผสมใหม่ได้มันก็ดีไปนะ แต่ครัวกลางShinkanzenทำให้มึงหมดเนี่ย มึงก็ไม่เป็นกันง่ายๆหรอก การเป็นเชฟซูชิมันไม่ใช่แค่มึงทำหน้างานตรงนี้นะบอกไว้ก่อน
7.กล้องร้านนี้ เก็บภาพชัดและเก็บเสียงคนทำงาน เก็บทุกเสียง แต่ถามว่าทำไมยังสร้างระบบพรรคพวกได้ เพราะไปรวมกลุ่มกันนอกร้านจ้า หมั่นไส้ใคร หรือจะทำอะไรแบบที่ลับในร้านเค้ารู้หมดแหละ ก็คือต้องออกไปสูบบุหรี่ ไปนินทาลับหลังกันนอกร้านใช้ระบบรู้กันให้ได้มากที่สุด ถ้าหวังว่าจะไม่เจอคนบูลลี่ใส่มึง ไม่มีทาง เค้ามีวิธีปกปิดทั้งนั้น ฟ้องแอเรียไปแม่งกว่าจะเด้งปาไปหลายปี
8.สัญญางานสมัยกู มันมีระบุข้อนึงราวๆว่าภายใน1ปีห้ามมึงไปทำงานที่อื่นที่มีลักษณะแข่งขันกับ บ. นี้ ไม่ว่าจะที่ไหนบนโลกใบนี้ ละคิดดูมึงต้องเปลี่ยนสายงานเลยเพราะบ.ฟู๊ดซีเลคชั่นไม่รู้เปิดร้านห่าไรบ้าง ทั้งร้านแนวญี่ปุ่น แนวเกาหลี ถ้าเปิดร้านทุกชนชาติคือมึงเอ้ย ประโยคมันตีความกว้างมาก ไม่ต้องทำมาหาแดกใน1ปีนี้แล้วละนะจ๊ะ เกิิดใหม่เป็นคนรวยเลยเหอะ หวังว่าCRGจะเอาข้อกำหนด ปญอ นี้ออกไปนะ
งานประจำที่ไม่จำเป็นต้องตื่นเช้า เข้าซักเที่ยงแลกกับยอมอยู่ดึกในโลกนี้มันจะมีมั้ยน้า
คือกูเป็นโรคนอนไม่หลับ ปกติต้องทำอะไรให้เหนื่อยสุดๆ ถึงจะหลับลงได้ ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักจะลงเอยที่ราวๆ ตี 3-4 แล้วร่างกายมันจะ shutdown ไปเลยยันเที่ยง ยังดีคือทุกวันนี้เกาะที่บ้านกินทำบัญชีแลกเงิน อยากไปสัมผัสกับงานโลกภายนอกบ้างแต่กูแก้โรคนี้ไม่ได้เนี่ยสิ
หาหมอกี่รายก็ช่วยไม่ได้เลย ยานอนหลับที่ว่าแรงๆ ส่วนใหญ่ก็ดื้อไปละ ในระดับกูกิน alprazolam แล้วต้องรอ 2-3 ชม. ถึงจะหลับลงอะ
>>834 flexible (work) hour แต่ในไทยไม่ค่อยมีให้สำหรับงานที่ไม่ใช่เฉพาะทางเท่าไร กับพวก startup ก็มีบ้าง
แล้วก็ อันนี้นอกประเด็น แต่วัยทำงานแล้วมึงควรเลิกบ่นอะไรโอเวอร์แบบ"ในโลกนี้จะมีมั้ย" มันดูมักง่ายน่ะ ไม่ใช่นิสัยที่ดีสำหรับคนที่โตแล้ว เพราะที่มึงถามหานี่ในช่วง 2-3 ปีนี้มันถูกพูดถึงค่อนข้างบ่อยเลยนะ พ่วงมากับ WFH จากโควิดนั่นแหล่ะ ถ้าไม่เคยผ่านตาเลยมึงอาจต้องเริ่มฟอลคน/สื่อใหม่ๆในโซเชียลบ้าง เพิ่มอาหารสมอง
เกลียดพวกเอาหน้าชิบหาย เวลาผู้บริหารมา หรือเวลาลูกน้องทำงานดี กลับไปเสนอหน้าระรื่นแทน
วันศุกร์แล้ววววว
https://www.youtube.com/watch?v=3UnK5rw_6hM
>>839 https://www.youtube.com/watch?v=DfEnIFV2-mc
เอาแบบมีท่าเต้นด้วยสิ
รำคาญพวกยุ่มย่ามกับชีวิตชิบหาย จ้องแต่จับผิดกูจัง อีดอก อยากให้ถึงสิ้นเดือนละจะได้หลุดพ้นจากพวกห่านี่
สงสัยว่าพี่โม่งๆที่เปิดกระทู้แรกนี่ตำแหน่งไปถึงไหนกันแล้้ว
>>843 ตอนมีบอร์ดเปิดใหม่ๆนี่น่าจะกูเพิ่งจบตรีพอดี ตอนนี้ได้เป็น manager แล้ว ซึ่งสาเหตุที่ได้มาเป็นแม่งเหี้ยมาก
คือกูจริงๆอยากทำงาน technical ไปเรื่อยๆ อยู่มาวันนึงคนเก่าๆลาออกไปเยอะ แล้วตำแหน่ง manager มันว่าง
หัวหน้าก็ถามกูว่ากูอยากเป็นมั้ย กูบอกไม่ เค้าก็บอกไม่เป็นไร พี่ไม่บังคับหรอก
ถึงวันประกาศปรับตำแหน่งคนในทีมใหม่ ขึ้นชื่อกูเป็น manager เฉยเลย แบบแล้วก่อนหน้านี้ถามว่ากูอยากเป็นมั้ยไปทำไม
แต่ก็ยังดีที่ไม่เป็น manager เต็มตัวแบบที่ต้องประเมิน KPI น้อง แบบนั้นกูคงเครียดตาย
ย้อนกลับไปดูประวัติ มู้แรก 2013 ปัจจุบัน 2022
2013 กูยังเป็นวุ้นอยู่เลย 555 ล้อเล่น แค่ยังเรียนไม่จบ ยังไม่ได้เริ่มทำงาน
รู้สึกว่าที่ตัวเองมาไกลไม่ใช่ตำแหน่ง แต่เป็นภาระค่าใช้จ่ายว่ะ 555 ตอนทำงานใหม่ๆ เงินเดือนไม่เยอะก็จริง แต่พ่อแม่ยังไม่แก่ดูแลตัวเองได้ ส่วนเรารับผิดชอบแค่ตัวเองได้ก็ถือว่าเยี่ยมแล้ว รถไม่มี หอเช่าอยู่ ลดหย่อนภาษีคืออะไรไม่รู้จัก เงินเดือนน้อยแต่เหลือเฟือมาก ตอนนี้แบกภาระคชจ.ทุกอย่างในครอบครัว ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ไหนจะภาษีสังคม ใส่ซองต่างๆ เลี้ยงข้าวน้องในทีมเป็นบางโอกาส ไหนจะต้องซื้อโน่นนี่เพื่อลดหย่อน ไม่งั้นภาษีบาน สรุปเงินเดือนเยอะกว่าเดิมแต่เวลาจะใช้ต้องคิดมากกว่าเดิม แต่ก็เข้าใจได้นะ มันก็เป็นไปตามวัย ความรับผิดชอบที่มากขึ้นมันก็มาตามอายุ จะอยู่แบบเรื่อยเปื่อยไปวันๆ ตลอดชีวิตมันก็ไม่ได้
เทส เทส เทส เทส
2013 กูพึ่งจบม.6เตรียมขึ้นมหาลัยเอง
ตอนนี้เป็นซีเนียร์ คุยกับหัวหน้าอยู่ว่าขอหยุดแค่ซีเนียร์ก็พออย่าให้กูขึ้นไปมากกว่านี้เลย
เหตุผลคือกูไม่อยากรับผิดชอบมากกว่านี้แล้ว แต่ไม่ได้บอก
ทำไงกะลูกน้องกวนตีนดีวะ 5555 แม่งกวนตีนกูตลอด
เช่นแบบ กูให้เสนอแผนงานรึแนวทาง ไอ้นี่ก็จะลอกของบ.อื่นมา กูก็บอก "เฮ่ย ไม่เอาดิ" มันก็จะทำเสียง 2 บอก "เฮ่ย ไม่เอาดิ"
โอเค กูขัดแนวทางมันหลายรอบละ มันอาจจะไม่พอใจ แต่แม่งมากวนตีนกูก็ไม่ใช่เรื่องป่ะวะ
ตอนสมัยม.ต้น-ม.ปลายโดนพวกเหี้ยบุลลี่ ทั้งทำร้ายร่างกาย ข่มขู่ ไถตังค์ จับแก้ผ้าต่อหน้าเพื่อนคนอื่น
ผ่านมาเป็นสิบปีแล้วกูคิดว่ามูฟออนได้แล้ว พึ่งย้ายงานมา เจอพวกแม่งบางคนในบ.อีก(ตำแหน่งสูงกว่ากู) ซึมสัสเลยว่ะ ไม่มีสมาธิทำงานเลย ในใจมีแต่ไฟแค้นอยากเอาปืนไปยิงแม่ง
>>851 ดีว่ะ ของกูพวกที่บุลลี่ส่วนใหญ่คือบ้านมีเงิน มีฟาสแทรกต์ในบ. แปบเดียวก็ตำแหน่งสูง ไม่ก็จบมามีเงินทุนจากบ้านมันเปิดร้านอาหารกลางเมืองทันที อะไรงี้ ส่วนกูบ้านฐานะกลางค่อนล่าง เรียนป.ตรีก็ไม่ได้เรียนเต็มเม็ดเต็มหน่วยเพราะรักษาซึมเศร้า(ที่เกิดจากพวกแม่ง)ไปด้วย ถุยชีวิตสัส
งานเยอะแยะ กูคีย์ออเดอร์ทั้งวันยังไม่หมด เซลแม่งก็มาทวงใบแก้นั่นนี่อยู่ได้ทั้งวัน ถามกูอยู่ได้ รำค๊าญ คนไม่มีสมาธิคีย์งาน แม่ม
ทำไมมนุษย์เงินเดือน ชอบได้กันเอง ตอนไปเอ้าติ้งวะ บางคนมีแฟนอยู่แล้วด้วยนะ ยังมาเอากับเพื่อนร่วมงาน
>>864 กุเคยทำงานที่นึงคนในแผนกเหมือนกินกันเองทั้งๆที่มีเมีย มีผัวแล้ว กูก็ไม่รู้ว่าคิดมากไปเองมั้ย แต่มันจะมีหลายคู่เลยที่แบบไปนอนจับมือกัน นอนกอดกัน แยกเป็นคนละคู่เลย และทุกคนมีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้ว อย่างครั้งนึงไปเอาท์ติ้ง อยู่ๆ ก็มีการผู้ชายคนนึงไปคอยเทคแคร์ผู้หญิงอีกคน แบบเดินจับมือกันตลอดทริป กูงงสัส แล้วเหมือนทุกคนทำเหมือนกับว่ามันไม่มีอะไรด้วยนะ เหมือนนี่คือปกติเพื่อนกันนอนกอดกันบนเตียงเดียวกันคือปกติ จนกูรู้สึกว่ากูไม่ปกติเลยสัส
หรืออย่างบางทีบอกทุกคนในบริษัทว่ามีแฟนแล้ว แต่ก็ชอบเหมือนจะหยอดกู แต่ก็บอกกูว่ามีแฟนแล้วนะ กูก็งงว่าต้องการไรจากกูวะ กูงง หรือกูไม่ปกติวะ
ปรึกษาหน่อยดิเพื่อนโม่ง
กูจะออกรถใหม่ กูควรจะเอาโบนัสที่ได้ทุกปีโปะรถให้จบใน 2 ปี หรือถือเงินเย็นไว้แล้วทยอยผ่อนให้ครบ 5 ปีดี
ปล.มีเงินเย็น 6 เท่าของเงินเดือน
ปล2. ฐานะทางบ้านไม่ขัดสน ถ้ามีอะไรฉุกเฉินสามารถขอร้องให้เขาซัพพอร์ทได้ (แต่จ่ายคืนนะ ไม่ขอฟรี เหมือนกู้ที่บ้านดอก 0%)
มีใครทำงานเงินเดือนน้อยบ้างไหม พวก15k-30k อยากรู้ว่าถีบตัวเองยังไงให้ขึ้นไประดับกลางๆได้ 40k-60k ถ้าสายงานไม่ใช่พวกเเบบวิศวกร coding หมอ หรืออะไรพวกนั้น
เพื่อนโม่ง พอดีได้งานใหม่แถวบีทีเอสพระโขนง แนะนำหน่อยได้มั้ยว่าควรจะเช่าห้องพักที่ไหนดี จะขับรถยนต์ไปทำงาน และที่ทำงานมี fleet card ให้เพราะงั้นไม่ติดปัญหาเรื่องค่าน้ำมัน แต่อยากได้โซนที่แบบราคาไม่แพงเท่าพวกในเมือง แต่ขับรถเข้าพระโขนงได้ง่ายๆ รถไม่ติดจนเกินไป (ไปเซอร์เวย์ตอนเสาร์อาทิตย์มาแล้ว แต่ไม่รู้ตอนเช้าวันธรรมดา มาจากเส้นไหนจะติดมากติดน้อยยังไง)
>>875 ต้องถามรายได้มึงก่อนว่าราวๆไหน .... ที่สำคัญกว่าอีกนะ ย่านนั้น ราคาก็แพงพอๆกันแถมหอพักมีแต่แบบเหี้ยๆทั้งนั้น พยายามตั้งเกณฑ์ไว้สูงนิดนึงก็ได้ แล้วราคาใกล้ทำเล บางจุดมึงระวังนะ ความพีคอาจบังเกิดคือที่พักมึงใกล้ที่ทำงานจนทางทฤษฎีเดินไปทำงานก็ได้แต่เรื่องจริงอาจจะเดินทางไปนั่นนี่ด้วยทางเท้าไม่ได้แบบแถวๆเดอะมอลล์บางกะปิที่ที่พักต่อให้ใกล้ห้างแต่เดินทางเท้าเข้าห้างไม่ได้ไรงี้ก็มีนะ
แก่แล้วขี้เกียจว่ะ ทำไมสมัย 2x กูขยันได้ขนาดนั้นวะ เฮ้อ
กูเพิ่งเจอ recruiter เข้ามาเสนองานใหม่เลย แบบรุกกูมากๆ เงินเดือนที่เสมอมามากกว่าที่กูได้ตอนนี้ประมาณหนึ่งในสามได้ สวัสดิการก็พอใช้ได้ แต่ประเด็นคือกูยังไม่อยากเปลี่ยนงานตอนนี้ไง ทำที่ปัจจุบันได้ปีเดียว กับกูรู้สึก Fit In กับที่ปัจจุบันไปแล้ว เดินทางสะดวกด้วย ที่ใหม่ที่เสนอมาคือต้องเข้าเมืองลึกกว่าที่กูทำปัจจุบัน
ลำบากใจเหมือนกันระหว่างค่าตอบแทนกับความสบายใจ ระยะการทำงานหาเงินคนยิ่งสั้นๆ อยู่
>>885 1 ใน 3 ถ้าเงินเดือนมึง 30,000 อีกที่ให้ 40,000 งี้ปะ
สำหรับกูนะ กูไม่ย้าย เพราะไม่รู้ที่ใหม่มันจะสบายใจเท่าที่เดิมไหม กูถือคติใช้ชีวิตให้มีความสุข
แต่มึงลองดูภาพรวม การเดินทาง เวลาที่ใช้เดินทาง เอามาหักลบกัน ลองหาข้อมูลบริษัทฯมาตัดสินใจเพิ่มเติมด้วยก็ดี
กำลังรองาน
ในบ.กูลาออกคนนึง แล้วงานก็ต้องกระจายไปให้คนที่อยู่ในตำแหน่งเดียวกันแบบเท่าๆกันตามความเหมาะสม มีชีนึงนางไม่เอา บอกว่าถ้าจะให้ทำต้องเพิ่มเงินเดือนให้นาง ก็เข้าใจนะว่าไม่อยากได้งานเพิ่ม แต่คนอื่นก็ได้งานเหมือนกัน แล้วตัวเองวันๆก็ว่างแทบไม่ทำอะไร เอาเปรียบคนในที่ทำงานไปไหมวะ
หัวหน้าห่วยอีกเสียง
กุเห็นโพสเพื่อนกุพูดถึงอายุ 30 แต่เงินเดือนแค่ 2 หมื่นแล้วรู้สึกลูสเซอร์ กูก็รู้สึกสะอึกขึ้นมาแฮะ เพราะตอนอายุ 29 กุก็คือคนที่เงินเดือนแค่ 23,000 เหมือนกัน แต่กุทำงานหลายตำแหน่งมากในช่วงกลางปีเลยขอเจรจาของเงินเพิ่มซึ่งก็ได้มาไม่ถึงสามหมื่นอยู่ดี สุดท้ายเลยตัดสินใจลาออกในวัย 30 และมาเริ่มงานใหม่ที่โดดไปเงินเดือนสามหมื่นปลายๆ แต่ก็ทำได้ไม่นานก็โดดไปอีกที่ที่ได้เกือบห้าหมื่นแล้ว ซึ่งตอนนี้กูก็ยังรุ่สึกเงินเดือนยังน่อยอยู่เมื่อเทียบกับคนอื่น แต่ก็ไม่รู้สึกว่าตัวเองดูด้อยอะไร
แต่เอาจริงพอหันกลับไปมองตัวเองในวัย 29 เกือบ 30 ถ้ากุไม่เลือกลาออกมา กุในวันนี้ก็คงไม่ต่างจากคนในนิยามความลูสเซอร์ของเพื่อนเหมือนกัน มันก็รู้สึกแย่แปลกๆนะถึงตอนนี้ตัวเองจะไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้ว แต่ก็รู้สึกเหมือนกูโตช้ามากๆ ในตอนนั้นกุไม่รู้สึกว่าเงินเดือน 23,000 มันกระจอกอะไรด้วย แต่สำหรับคนอายุ 30 จริงๆมันคือเกณฑ์ของคนขี้แพ้งั้นสินะ และกุก็อยู่ในจุดนั่นมาแบบไม่เคยรู้ตัวเลย ในจุดนึงที่ผ่านมา กุก็เคยเป็นขี้แพ้งัินหรอวะเนี่ย กุไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเคยแย่แบบนั้นเลย เพราะกูก็มีกินพอใช้ แอบช๊อคแปลกๆ จริงๆแล้วตอนนี้กูดีพอแล้วรึเปล่าวะ
>>892 ไม่นะ กุว่าการทำงานไม่ใช่การแชร์อย่างเท่าเทียม แต่เป็นการดีลกันมากกว่า ในเมื่อเค้าเข้ามาทำงานใน scope นี้ด้วยเงินเท่านี้ อยู่ๆมาวันนึงจะมายัดงานเค้าเพิ่ม แต่ไม่ยอมให้เงินเพิ่ม กุมองว่าบริษัทต่างหากที่เอาเปรียบพนักงาน การที่คนอื่นยอมแล้วมันมีคนนึงไม่ยอม คนนั้นก็ไม่ผิดไรนะ เค้าแค่รักษาผลประโยชน์ของตัวเองที่คนอื่นๆไม่ยอมรักษามากกว่า แทนที่มึงจะไปด่านางคนนั่น มึงต้องไปด่าบริษัทมากกว่าถ้าจะมาโยนงานให้มึงทำหมดแต่นางไม่ต้องทำ มันไม่เกี่ยวกับน้ำใจ จริงๆบริษัทต้องหาตัวตายตัวแทนมาทำให้ได้ แต่ถ้าหาไม่ได้ถึงจะมาดีลกับคนที่เหลือ ซึ่งสุดท้ายเค้าก็มีสิทธิ์ปฎิเสธอยู่ดี ถ้าสุดท้ายงานมาลงที่มึงหมด มึงก็ไม่มีสิทธิไปด่าเค้าที่ปกป้องตัวเอง แต่ต้องด่าบริษัทและพิจารณาตัวเองว่าทำไมมึงยอมให้คนอื่นเอาเปรียบ
แล้วเอาจริงน้ำใจมันมีสำหรับคนที่ความสัมพันธ์ดีมากพอจนเค้ายอมเสียประโยชน์บางอย่างให้ได้ แต่ไม่ใช่สิ่งที่จะมาบังคับเอาจากกัน
>>895 พูดอย่างงี้อาจจะคลิเช่ แต่กุเชื่อจริงๆ นะว่าเราต้องเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง อย่าเทียบกับคนอื่นมากไปอ่ะ อายุเท่านั้นมันมีทั้งคนที่คิดว่าเงินสองหมื่นเยอะ สองหมื่นน้อย(แบบเพื่อน) และสองหมื่นก็โอเค(แบบมึง) ทำไมถึงเปลี่ยนมาตรวัดไปใช้ตามเพื่อนวะในเมื่อเราไม่ได้คิดแบบนั้น? ถ้าตอน "29" มึงไม่ได้รุ้สึกแย่ พอใจกับเงินที่ได้ พอเก็บพอใช้ไม่เดือดร้อน มีความสุขไปตามภาษาก็ดีแล้วนี่หว่า แต่ถ้าตอน29 มึงท้อแท้หดหู่ใช้เดือนชนเดือน ตอนนี้ที่การเงินดีขึ้นแล้วมองกลับไปค่อยรุ้สึกลูเซอร์ก็ไม่สาย
>>898 มันเพราะว่าไม่ได้มีแค่เพื่อนที่พูดแบบนี้ คนอื่นที่รู้ส่ากุเงินเดือนสองหมื่นในตอนนั้นก็มองว่ามันน้อยไปอยู่ดีเมื่อเทียบกับอายุงาน อย่างงานใหม่ที่กูได้หลังจากนั้นเจ้านายก็พูดเองว่าสองหมื่นปลายๆที่กูได้ตอนลาออกมามันก็ยังน้อยอยู่ แต่ตอนนั้นกุไม่เดือดร้อนเพราะกุก็ไม่ได้มีชีวิตย่ำแย่ แต่มันก็แค่กุ กุเลยรู้สึกว่าสำหรับสังคมแล้วเค้ามองว่าถ้าคนอายุเกือบ 30 ได้เงินแค่นี้มันต้องพิจารณาตัวเองแล้วนะ เพราะถึงกุจะบอกว่ากุใช้พอ แต่มันก็แค่ใช้พอเพราะกุไม่ใช่คนใช้เงินเยอะมากกว่า ถ้าจะเที่ยวต่างประเทศหรือซื้อประกันสุขภาพ เงินแค่นั้นไม่พอหรอก ซึ่งพอเป็นแบบนั้นก็เลยรู้สึกตามเพื่อนว่า เออ กุก็เคยอยู่ในจุดลูซเซอร์เหมือนกัน จนเกิดคำถามกับตัวเองว่าที่บอกว่าพอใช้ แต่ใจลึกๆมันพอใจรึเปล่า เพราะกุก็แค่ใช้เงินตามกำลัง แต่กุไม่มีสิทธิฟุ่มเฟือย มันก็แค่กุไม่เดือดร้อยที่กุไม่ได้มีเงินพอฟุ่มเฟือยอ่ะ แต่กุก็ไม่สามารถเข้าถึงของคุณภาพดีที่สุดด้วยเช่นกัน
แล้วพอเทียบกับตอนนี้ที่มีเงินเหลือแล้ว แต่ก็อดีู้สึกไม่ได้ว่าแล้วมันโอเคจริงรึเปล่า เพราะกูก็แค่คนใช้เงินตามกำลังที่มี ตอนนี้ที่พอใจ มันพอใจจริงๆ หรือเพราะนิสัยกุที่โอเคกับสิ่งที่มีกันแน่ เลยไม่รู้ว่าเวินเดือนกูตอนนี้สามารถพูดได้ว่ามากพอสำหรับอายุเท่านี้แล้วหรือยัง
ลาหยุดแต่ต้องเอางานกลับมาทำที่บ้าน เซ็งว่ะ จะไม่เอามาก็ไม่ได้ งานต้องส่งต่อให้คนอื่น กูผิดเองแหละที่ลาล่วงหน้า แล้วงานมันมาช่วงจะลาพอดี เห้อ
>>901 แต่กูเป็นผู้หญิงนะ 5555 กุไม่ซีเรียสเรื่องแต่งงานว่ะ กุแค่กลัวว่ากุจะตกหล่มของการพอใจในีวิตที่มีจนเกือบไม่พัฒนาอ่ะ คือเพราะกุมีความสุขตามอัตภาพกกุเลยไม่ไขว่คว้า จนเกือบทำให้ตัวเองอยู่ในจุดมี่เป็นขี้แพ้ไปซะแล้ว กลัวว่าทุกวันนี้มันจะกลับไปเป็นแบบเดิมอีกที่คิดว่าชีวิตดีแล้ว แต่จริงๆมันดีได้มากกว่านี้อีก
ตอนนี้กู 30 เงินเดือนราวๆ 150k-200k (แล้วแต่เดือน) หักค่าเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงผัวเลี้ยงลูกผ่อนบ้านผ่อนรถก็เหลือเก็บแค่หน่อยเดียวละ ส่วนตัวกูอยู่ไม่ได้อะเงินเดือนสองสามหมื่นเนี่ย ถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝัน ป่วย,อุบัติเหตุ,มีคดีฟ้องร้องหรือต้องการใช้เงินด่วนๆไปแก้ปัญหาอะไรซักอย่างคือจบเห่เลยนะ
สังคมเรามันเหี้ยแบบนี้แหละ เอ๊ะหรือแค่กูที่เหี้ย แต่กูรู้สึกงี้จริงๆ
ส่วนตัวกูจะรู้สึกloserก็ต่อเมื่อในสายงานเดียวกันถ้าเป็นสายอาชีพที่มีทักษะ เช่น เป็นวิศวกรมึงทำอายุ30 เเต่ถ้ายังได้23kนี่ต้องพิจารณาละควรรู้สึกloserจริงๆ (เเต่คนส่วนใหญ่คงไม่มีเเบบนี้) เเต่ถ้าให้พูดกว้างๆอายุเท่านี้ต้องมีรายได้เท่านี้ส่วนตัวกูเฉยๆกับคำถามนี้มาก หลายๆคนทำอาชีพunskill labor รปภ เเม่บ้าน บางคนอายุ40 50 เงินเดือนยัง20kอยู่เลย พูดเเบบนี้จะบอกว่าเขาloserก็ไม่ใช่ เพราะเเต่ละงานมันก็มีเพดานก็ของมัน มันมีข้อจำกัดของมัน เเต่ละคนมีความสามารถ โอกาส ไม่เท่ากัน
ทำงานที่แรก 1 ปีออก ทำงานที่สอง 1 ปีออก คิดว่ายังไงกันบ้าง?
การที่ต้องมาเป็นคนประเมิน perfomance คนอื่นนี่แม่งยากชิบหายเลยว่ะ ฮรืออออ
กูมีความสงสัยเรื่องเงินชดเชย คือเราได้จากบ.90วัน แล้วจะได้จากปกสค.อีก6เดือนด้วยไหม กรณีว่างงาน
กูเคยเป็นคนที่เงินเดือนพอใช้แบบกินมื้อละหลักร้อยได้โดยไม่ต้องคิดอะไรเลย หลักพันนี่คิดนิดหน่อยแต่ก็กิน ของในตัวก็แบรนด์เนมไฮเอนด์บ้าง จนมาวันนี้สะดุด (ยังไม่ถึงขั้นวิกฤต รายได้ยังเท่าเดิม แต่รายจ่ายงอกแบบสาหัส) ต้องประหยัด แค่จะกินก๋วยเตี๋ยวต้มยำ 60 บาทยังต้องตัดใจไปกินข้าวราดแกงสองอย่าง 40 บาทแทน ประหยัดไปได้ 20 บาท เคยกินกาแฟสดทุกวันวันละแก้วสองแก้ว เดี๋ยวนี้น้ำเปล่ายังไม่สั่ง ยอมคอแห้งกลับไปกินน้ำฟรีที่บริษัทเอา 555 แต่กับคนอื่นก็ยังทำตัวเหมือนเดิมนะ ยังต้องใส่ซองน้องๆ ที่ทำงานเหมือนเดิม ปีใหม่ก็ต้องพาน้องในทีมไปเลี้ยงข้าวเหมือนเดิม แล้วมาประหยัดในส่วนของตัวเองเอา มันก็เป็นรสชาติชีวิตที่ปะแล่มๆ บอกไม่ถูก ก็ต้องสู้กันต่อไปล่ะนะชีวิต
เลี้ยงข้าวเมิงก็เบิกบริษัทดิ ไม่มีเงินเอาไว้ส่วนนี้หรอ คนเป็นหัวหน้าต้องคิดเยอะๆ
>>913 ขอบคุณมึงทั้งคู่ ของกูกูจะลาออกอยู่แล้วอ่ะ แต่ไปคุยกับหัวหน้าขอเป็นเลิกจ้างแทน เพราะลาออกกูได้แค่นิดเดียว แล้วหัวหน้าให้เพราะเขาอยากให้กูได้เงินเยอะกว่าลาออกอ่ะ เพื่อจะได้เอาเงินก้อนไปทำธุรกิจตัวเอง เป็นพวกร้านเล็กๆ แล้วบ.ก็ให้ด้วย ฟังดูแปลกแต่บ.กูมันแปก ถถถถถ
เงินประกันสังคม 3 เดือนได้ประมาณ 13500 ตกเดือนละ 4500 ไม่เยอะ แต่ดีกว่าไม่ได้อะไร อย่าลืมไปใช้สิทธิ์ของตัวเองนะเพื่อนโม่ง
เบื่อเจ้านาย 😮💨
ที่ไม่ควรรู้เงินเดือนคนอื่นเพราะจะทำให้หยุดคิดไม่ได้ว่าเพื่อนที่นั่งทำงานเหมือนๆกันข้างๆกันได้เงินเยอะกว่ากูหลักหมื่น ส่วนรุ่นน้องจบใหม่สดๆที่เพิ่งเข้ามายังทำอะไรไม่เป็นเลยได้เงินเดือนมากกว่ากูครึ่งหมื่น สุดยอดจริงๆเลยบริษัทกู
>>921 เอาเข้าจริงแม่งก็แบบที่ >>922 บอกแหละ ซึ่งมันก็เหี้ยไง กูเคยเจอนะ แล้วเจอในบริษัทที่แบบออกกฎห้ามแม้กระทั่งจะยกเรื่องเงินเดือนมาพูดในช่วงปฏิบัติงานเลยนี่คือแม่งแบบระยำเต็มคาราเบลมาก รายได้แม่งต่ำพอๆกับครูชนบทแต่จะใช้งานกูแบบเทียบเท่าถวายหัว 24 ชม.ไงอีสัส จริงๆได้มารู้เลยว่าละแวกแถวบ้านกูมีแต่ที่ทำงานเหี้ยๆทั้งนั้น นายจ้างสวะโสมมเต็มไปหมดจนทุกวันนี้ย้ายหนีมาหางานทำในเมืองแทบไม่ทัน
>>923 ถ้า ผจก มึงมาทำงานที่ บ. เก่ากูนะ มีแต่โดนไล่ออกหรือไม่งั้นก็ปราณีสุดๆตรงได้ใบเตือนอ่ะ
นี่คือสิ่งที่กูคิดไปเองหรือทำงานกับคนญี่ปุ่่นต้องเหลี่ยมจัดกว่านี้วะ? ทำงานถวายหัวนะ แต่สุดท้ายเหมือนจะถูกเขี่ยออกตลอดเวลาทั้งๆที่ใส่ความตั้งใจขนาดไหนคือแม่งก็ไม่เห็นคุณค่า ไม่รับรู้ โดนเพ่งเล็ง ต้องเป็นเครื่องจักรให้ได้ ห้ามทำตัวเป็นมนุษย์ให้มันเห็น ส่วนคนที่มีคอนเนคชั่นหรือสุงสิงคนนั้นคนนี้นี่แบบว่าหัวเรือจัดๆ ทำงานพลาดกูเห็นเยอะแยะไปแต่ไม่เห็นโดนว่าเท่ากู โอทีให้แบบกระหน่ำ ต่อให้ต้องแบกก็ตาม .....ขนาดนี่ไม่ใช่แบล๊กนะ ถ้าแบล๊กจ๋าๆเลยจะขนาดไหนเนี่ย หรือจริงๆละกูไม่สุงสิงใครเยอะจนเวลาโดนใส่ไฟลับหลังก็เลยถูกมองว่าแย่ยันสายตานายเหรอ? มีอีกคนที่โดนและแม่งน่าจะเพราะเป็นสาวสองด้วย อีนี่คุยๆจริงๆก็ไม่ได้นิสัยแย่นะแต่เห็นพลาดจนพาลโดนด่าจริงๆจะโดนหนักชิบหาย ถึงนายยุ่นไม่ได้ลงมาด่าเองก็เหอะ ถ้ายังจะทำกับนายยุ่น จะต้องชินกับบรรยากาศการทำงานแนวนี้เหรอ?
การที่กูไปสมัครงานที่เขาใช้วุฒิม.3ขึ้นไปเเต่วุฒิกูมากกว่าม.3เเล้วเขาไม่เอานี่ปกติป่าววะ คือกูถามเขาเเล้วว่าไม่มีประสบการณ์ทำได้มั้ยเขาก็บอกได้มีสอนงานเเต่ดูสภาพตอนนี้ส่งสมัครไปหายเงียบเขาคงไม่รับกู กูทำไรผิดวะก็ยื่นวุฒิไปเเบบปกติ.......
เยอะแยะไป ส่ง resume ตรงวุฒิแต่เขาไม่เรียกสัมภาษณ์ มันเข้าใจยากตรงไหน ไม่ใช่ว่าเขาจะเรียกแม่งหมดทุกคนขอแค่ตรงวุฒิ มันมีเหตุผลเยอะแยะ ส่วนเรื่องเหตุผลคืออะไรมันก็มีแค่คนตัดสินใจที่รู้
>>929 เคยเจอเหมือนกันนะ มีปสก.ตรงสายงานแต่ไม่รับ ทั้งๆที่โทรถามก่อนละนะว่ารับใช่ไหม ไปถึงจะนั่งสัมไปคุยๆกันมากลับลำไม่รับเฉย มารู้อีกทีว่าสายงานกูก็ต้องใช้เส้นสายกันด้วย ถ้ามีเส้นสายเลยนะ จะบล๊อกคนนอกแบบมึงๆก่อนเลย ประกาศรับว่าขาดคนเป็นพิธี 1วันต่อมาก็ทำเหมือนว่าได้รับคนแล้วจบไรงี้ บางทีมาสมัคร มีเมียหัวหน้ามาสมัครด้วยก็คือมึงเสี่ยงตกกระป๋องเพราะเส้นสายนี่แหละ
>>932 สังคมทำงานในญี่ปุ่นสมัยนี้มัน stereotype แบบเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว สมัยก่อนอาจจะมีแบบเดียวคือแบบชาวเกาะ ด้วยความที่ปิดกั้นตัวเองจากโลกภายนอก ประกอบกับสังคมที่ห้ามแปลกแยก มันเลยคล้ายกัน แต่ตอนนี้มันแล้วแต่ว่าจะไปเจอบ.ญี่ปุ่นแบบไหนละ แบบยึดติดดั้งเดิม / แบบคนมีอายุ ความคิดดั้งเดิมเป็นพื้นฐาน แต่ก็ไปเป็น expat มาแล้วทั่วโลก / แบบเด็กยุคใหม่หัวนอกจ๋าๆ แทบไม่มีความเป็นญป. / แบบโดนไทยกลืนไปซะเยอะ ฯลฯ มันมากะเกณฑ์ไม่ได้หรอก
ระหว่างซื้อหวย กับทายผลบอลไปรษณีย์ แบบไหนมีโอกาสถูกกว่ากันวะ
ส่งไปรษณีย์ มึงอาจส่งไม่ถึง
แต่ซื้อหวย มึงได้โอกาสลุ้นตอนที่มึงซื้อทันที
เผลอแป๊บเดียวก็เดือนสุดท้ายของปีแล้ว พอแก่ละเวลามันผ่านไปไวจริงๆ แป๊บปีแป๊บปี ชอบเดือนธันวาที่สุดเพราะทั้งวันหยุดเยอะ ทั้งได้โบนัส 🥺🥺🥺
หวัดดีพวกชนชั้นแรงงานั้นต่ำชาวอีสาน
มึง กูจะหาโรงพิมพ์งาน พิมพ์การ์ด แต่กูไม่รู้ราคาเท่าไหร่ มีทางเลือกอะไรมั้ย นอกจาก ถามไปเรื่อยๆ ทีละที่หาราคามาตรฐาน แล้วค่อยไปดูงานพิมพ์
คำว่า Thank you for your request นี่มันไม่สุภาพขนาดนั้นเลยเหรอ เราพิมพ์ตอบเมลคนไทยที่เค้าแจ้งมาเรื่องนัดคุยเกี่ยวกับโบนัส ในเมลก็บอกวันนัดต่อด้วยถามว่าสะดวกมั้ยตามสเต็ป เราก็ตอบไปตามข้างต้นแล้วบอกว่า i'm available บลาๆ แต่เค้าเอาเราไปนินทาว่าเป็นพวกสำคัญตัวผิด คิดว่าสำคัญขนาดต้องขอร้องให้ตอบเลยเหรอ มันเป็นหน้าที่คุณชั้นไม่ได้ขอร้อง อะไรทำนองนี้ คือประโยคที่เราตอบเมลไปมันไม่ควรใช้ใช่ไหม? แล้วเราควรจะตอบเค้าว่าไรถึงจะเหมาะสม?
>>940 ไม่เก็ตอีกคน ตกลงใครนัดใคร ทำไมถึงต้อง Thank you for your request (???) ปกติถ้าเค้าเป็นคนนัดแก แกก็ต้อง Thank you for the invitation / Thank you for inviting me แต่ถ้ามึงเป็นคนนัดแล้วเขาตอบรับ แกก็ต้อง Thank you for your reply to my invitation มันงงตรงอยู่ดีๆ มี request โผล่มายังไงจากไหน นัดคุยเรื่องโบนัส เขาไม่ได้ร้องขออะไรมึงนี่ แต่ใดๆ ก็ตามแต่มันก็ไม่น่าเกี่ยวกับการสำคัญตัวผิด แค่ใช้ภาษาผิดเฉยๆ
>>941 >>942 ขอโทษทีที่เล่าคลุมเครือ คือเราระแวงว่าจะมีคนในที่ทำงานมาเห็นกระทู้นี้น่ะ แต่ช่างเถอะ เอาตรงๆก็คือคนที่เมลหาเราน่ะคือหัวหน้าเรา เค้าจะนัดคุยเรื่องโบนัสของคนในทีมว่าแต่ละคนทำตามเป้าได้มั้ยไรงี้ เค้าก็เมลมาแจ้งวันนัดแล้วก็ถามว่าสะดวกมั้ยนั่นแหละ เราเลยตอบไปว่า thank you for your request. I'm available... บลาๆ เราก็มาตงิดใจทีหลังแหละว่าเราอาจจะใช้คำพูดตอบเมลไม่เหมาะกับบริบท แต่เราก็ได้ยินมาว่าหัวหน้าเราเอาไปนินทาตามที่เราบอกไปข้างบนจนเละแล้ว เค้าคงเข้าใจว่าเราข่มเขาล่ะมั้ง เขาว่าเรา(นินทา)สำคัญตัวผิด คุณไม่ได้สำคัญขนาดต้องให้ชั้นมาขอร้อง คุณจะมาหรือไม่มาตามนัดก็เรื่องของคุณหน้าที่คุณ จริงๆเหมือนเค้าคงใช้คำแรงกว่านี้อ่ะนะ แต่ความหมายก็ประมาณนี้
นั่งคำนวณว่าปลายปีต้องซื้ออะไรลดหย่อนบ้างแล้วรู้สึกผะอืดผะอมเหมือนจะอ้วก รู้สึกเหมือนทำงานมาเพื่อเอาเงินไปขัง 555 ซื้อจนแม่งไม่มีเงินจะใช้ ได้โบนัสเอาไปซื้อของขวัญให้ตัวเองงั้นเหรอ โถ เกิดมาไม่เคยมีคำนั้นในพจนานุกรมกู ซื้อประกันซื้อกองทุนกดฐานวนไป
>>945 เอาจริงมันก็เข้าใจได้อ่ะว่าต้นเรื่องมันใช้คำผิด ถ้าคนกันเองก็คงขำๆ เด็กมันเขียนไรมาวะ แต่ถ้าเหม็นกันนิดหน่อยนี่โดนเอาไปใส่ต่อยับ
เก็บไว้เป็นบทเรียนละกันเมิง ไม่ต้องพิมสวยหรูยืดยาว ok im available on xx / im free anytime, up to your comvenience ไปเลยยังได้ คุยกับคนไทยกุตอบภาษาไทยด้วยซ้ำ ง่ายดี ถ้ามีต่างชาติก็เพิ่มคำแปลไว้อีกแถวบรรทัดล่าง เผื่อเขาอยากรู้เรื่อง
ถือเป็นเงินเก็บไป อย่าคิดมาก
>>951 ของกู ประกัน 100k กองทุน 200k pvd เต็มที่ เหมือนกัน แต่ไม่มีดอกเบี้ยบ้าน ไม่มีช็อปดี
เรื่องเป็นเงินเก็บหลังเกษียณนี่บางทีกูก็คิดนะว่ามันดีจริงๆรึเปล่าวะ ไหนจะกลัวตายก่อนได้ใช้
หรือบางทีก็กลัวว่าตอนนั้นแก่จนไม่มีแรงทำอะไร ได้ไปเที่ยวไปกินมันก็คงไม่สนุกเหมือนไปตอนนี้
อีกอย่างก็กลัวเงินเฟ้อหนักๆจนเงินที่เก็บมามันเหลือค่าน้อยมากนี่แหละ
และแล้วปีนี้กูก็ยังหางานใหม่ไม่ได้เช่นเดิม
Resume ส่งไปเป็นร้อยเป็นพัน เรียกสัมภาษณ์หลักหน่วย แถมได้ไม่ตรงกับสายงาน
สมัครสอบราชการ พนักงานนั่นโน้นนี่ ก็ไม่มีอันไหนผ่าน สุดท้ายก็กินเงินบริษัทผีของที่บ้าน หลอกตัวเองว่ามีงานทำเหมือนเดิมไปอีกปี
นี่ก็ใกล้จะ 2 ปีละนะ ตั้งแต่กูเรียน ป.ตรี ใบที่สอง (บัญชี) จบมา สงสัยปีหน้าต้องต่อ ป.โท แล้วล่ะถ้ามันไม่มีที่ไหนเรียกอีกจริงๆ
ว่าไปถามหน่อย มีใครทำงานเกี่ยวกับขายประกันอะไรทำนองนี้มั่งหว่า
เพื่อนกูแนะนำบอกให้ไปสอบใบอนุญาตเป็นนายหน้าขายประกันเอาไว้ ก็คิดว่าจะสอบอยู่แต่ถ้าจะให้ขยับไปเป็นคนขายด้วยนี่ก็ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไรว่ะ เพราะกูคุยไม่เก่งเลย แถมเดิมทีกูเป็นคนขี้รำคาญด้วยกลัวว่าตอนลูกค้าถามนั่นโน้นนี่แล้วต้องตอบวกวนหลายรอบกูจะวีนแตกเนี่ยล่ะ
>>954 เกิดมาบ้านรวยก็โชคดีกว่าอีกหลายๆคนในนี้แล้ว ลองกูหางานไม่ได้สองปีแบบมึงสิ คงได้ไปนอนอนาถาข้างถนนแล้ว 555 นี่บางทีก็คิดนะว่าที่ตัวเองเป็นผู้เป็นคนได้ทุกวันนี้เพราะบ้านจนนี่แหละ 555 เลยต้องดิ้นรน ตะเกียกตะกาย เพราะรู้ว่าไม่มีใครรอซัพพอร์ตอยู่ข้างหลังแบบที่มึงมี ถ้าบ้านกูรวย กูน่าจะเหลวแหลกไม่เอาถ่านไปละ
>>956 ก็ไม่ได้รวยหรอก ที่บ้านกูทำงานกันหนักพี่น้องกูนี่ขยันออกทำงานสายๆ กลับบ้านทีเที่ยงคืนแทบทุกวัน พอมีรายได้ก็เอามาใส่กองกลางใช้จ่ายกันทั่วบ้าน แถมกูคอยช่วยบริหารเรื่องเงินๆ ทองๆ เพราะกูจบทั้งนิติฯ และบัญชีเลยถนัดหาช่องว่างทำให้มีเงินเหลือเก็บเยอะ อีกอย่างบ้านกูไม่ได้ฟุ่มเฟือยด้วยอยู่กัน 5-6 คนแต่อยู่บ้านทาว์นโฮมเล็กๆ งี้
ตอนแรกกูก็มีงานทำอยู่ที่ต่างจังหวัดนะ แต่เมื่อ 5-6 ปีก่อนที่บ้านเรียกเข้ามา กทม. เพื่อช่วยบริหารงานกิจการที่บ้าน แต่กว่าจะรู้ความจริงว่าให้มาทำงานบริษัทผีของที่บ้านแม่งก็กลับตัวไม่ได้ละ ตอนนี้คิดอยากจะออกเดินต่อแต่ติดปัญหาคือมันไม่มีที่ไหนจะเอากูเนี่ยล่ะ เลยต้องเกาะบ.ผีนี่ต่อไป
>>959 .....สงสัยเลย ประกันออมทรัพย์นี่คือเซฟโซนไหมวะ? หลายๆครั้งเห็นข่าวประกันถูกยกเลิกกรมธรรม์(แล้วข่าวมักถูกปิด) บางทีจ่ายเบี้ยทุกงวดก็กลัวๆหว่ะว่าถ้าเกิดมีเหตุชักดาบเงินลูกค้าคู่สัญญาสักอย่างขึ้นมาจริงๆกับบ.ประกันที่ทำอยู่ ถึงจะเป็นประกันออมทรัพย์ก็เหอะ เวลาจะขอยกเลิก ขอเงินคืน มันไม่ง่ายจนแบบเหมือนทำเรื่องขอถอนออกมาเพราะครบสัญญากรมธรรม์นี่ดิ จนตอนนี้กูกังวลสัสๆเลยว่าไปซื้อพันธบัตรรัฐบาล หุ้นในตลาดหลักทรัพย์ อย่างน้อยๆคือมันยังพอขายคืนได้ไง แค่เหี้ยสุดก็มูลค่าลดลงจนขาดทุนก็ยังได้เงินคืนบ้างบางส่วน แต่บ.ประกันนี่กลัวเหมือนลงเงินกับแชร์ลูกโซ่ชิบหายเลย พวกเงื่อนไขห่าไรไม่ให้ดูง่ายๆถ้าไม่ซื้อกรมธรรม์มันก่อนด้วยนะ
ของกูซื้อให้ลงมาแตะที่ฐาน15%ก็พอละ เยอะกว่านั้นไม่ไหวว่ะ เหมือนทำงานมาแล้วไม่ได้ใช้เงิน
กูเป็นพนักงานออฟฟิศ อายุ 35 แล้ว ขึ้นเป็นซีเนียร์ในสายงานมาได้ซักพัก แต่อะไรต่อมือะไรตันหมดแล้ว ถ้าอยากได้เงินสูงกว่านี้หรือความก้าวหน้ากว่านี้ต้องลาออกไปบริษัทอื่นเพื่อสมัครตำแหน่งใหม่ แต่ก็รู้สึกไม่ค่อยมั่นคงเท่าไหร่เพราะเห็นเพื่อนหรือรุ่นพี่บางคนโดนบีบให้ออกเพื่อจะได้จ่ายเงินชดเชยแล้วเอาเงินไปจ้างเด็กใหม่หรือคนที่ประสบการณ์น้อยกว่านี้จะได้เซฟค่าใช้จ่าย กูควรมองหาลู่ทางที่ไม่ต้องทำงานออฟฟิศหลังอายุสี่สิบ แต่กูก็ยังไม่รู้จะทำอะไรดีว่ะ แม่งเคว้งคว้างไปหมด
>>962 ............ส่วนมากนะ ถ้าอยากได้เงินเดือนสูงขึ้นละไปไกลกว่านี้ มันต้องมีคอนเนคชั่น คือ มีคนอีกกลุ่มไปทำงานที่ที่ดีกว่าละช่วยเชิญมึงมาที่ใหม่ละเจรจาขอเงินเดือนเพิ่มได้ เป็นทางออกเดียวเลยสำหรับคนธรรมดาที่จะไม่ธรรมดาได้ ไม่งั้นก็ต้องหางานเสริมที่สะดวกตัวเองไว้ก่อน
>>960 ถ้ามึงไม่ได้ฐานภาษี 20-25 ขึ้นไป ก็ไม่ต้องซื้อหรอกประกันออมทรัพย์ พวกกูซื้อเพราะมันลดหย่อนภาษีได้เท่านั้นแหละ พันธบัตร หุ้น มันลดหย่อนไม่ได้ไง
>>961 จริงมากมึง เหมือนทำงานมาแต่ไม่ได้ใช้เงิน ต้องเอาเงินไปขังไว้ 10 ปีอัพหมด เสียดายดันเกิดช้า สมัยก่อน LTF 5 ปีเอง อิจฉาสมัยก่อนโคตรๆ พอตรูเข้าวัยทำงานแม่มขยายเวลา ขยายสักพักแม่งยกเลิกเฉย สาส
ประกันพ่วงออมทรัพย์นี่ ถ้ามึงแย่งส่วนคิดนี่ ส่วนมากแม่งแพงกว่าประชีวิตปกติ กะIRR ได้น้อยกว่าฝากประจำอีก
คนทำประกันออมทรัพย์หวังผลลดหย่อนภาษีกันทั้งนั้นแหละ ลองลดหย่อนภาษีไม่ได้สิ ขายไม่ออกหรอก สำหรับคนฐาน 20-25% ขึ้นไป ได้ลดหย่อนภาษี+ผลตอบแทนประกันกรุบกริบ คุ้มอยู่ เชื่อเหอะว่าฐานเท่านี้จัดกันเต็ม 100k ทุกคน
โดนเพื่อนร่วมงาน จับจู๋บ่อยๆ คือ sh ปะวะ แม่งบอกขำๆ กูบอกไม่เอาไม่ชอบหลายครั้ง แต่ไม่ได้โมโหใส่ แม่งไม่หยุดหวะ
ลงทุนไรดีวะแบ่งไว้ลงทุนเดือนละ500 กรือเก็บยาวๆรอได้เงินก้อน
>>967 OK ขอบคุณมึงมาก ในที่สุดกูสามารถตัดแม่งออกจากทางเลือกการลงทุนได้ละ......ที่นี้เหลือกองทุนRMFกับกองทุนบำนาญ สิ่งที่กูสงสัยเลยคือ ไอสองกองทุนนี้มีการแนะนำมาเยอะมาก ถ้าต้องการPassive Incomeที่เติบโตขึ้นมาบ้างหลังอายุระดับ50ขึ้นไป กูควรลงเงินไปกับตรงนี้ไหมวะ?
สังคมโรงงานนี่เปิดโลกกุจริมๆ
>>962 เชี่ย กุนึกว่าตัวเองแยกร่างมาพิมพ์ กุ 36 แล้วก็งงชีวิตเหมือนกัน แต่กูร่อนใบสมัครไปทั่วเลยนะ หามาเป็นปีแล้ว สัมภาษณ์งานแทบทุกเดือน บางตำแหน่งมีเทสด้วย แต่ไม่โดนเรียกซักทียิ่งนอยด์หนักกว่าเก่า อยากจะออกไปทำอะไรของตัวเองมากๆ แต่ อะไร นี่สิ ลองนู่นลองนี่ไปเรื่อยแต่ไม่มีอันไหนที่ทำให้มั่นใจขนาดทำจริงจังเป็นแผนออกจากงานได้เลย ถ้ามึงนึกออกอยากได้หุ้นส่วนมึงเรียกกูด้วยนะ กูทำกราฟิกได้ทำเว็บได้ woocommerce ก็ทำได้แต่เสือกไม่รู้ว่าจะทำมาขายอะไรดี
กูเป็นเจนวายที่เบื่อการย่อแม่งทุกสิ่งทุกอย่างของเด็กเจน z ชิบหาย ยิ่งยุคนี้ทำงานที่บ้านมันมักจะสื่อสารกันผ่านแชท Teams เป็นหลัก หัวจะปวด แม่งพิมพ์มา พี่คะ หนูขอหน.เซ็นอกส.กับบสส.ให้หน่อยนะค่ะ ดด.พน. ค่ะ (ของแท้ต้องพิมพ์ค่ะ/คะผิดด้วย) แม่งจะย่อเหี้ยอะไรนักหนาาาาา
ผญจริงอะพิมพ์คะค่ะผิด สาวดุ้นพิมพ์ถูกตลอด
wait… am i being sexist?
อยากซื้อทัวร์พาทีบ้านไปต่างประเทศแต่เงินเดือนแค่สองหมื่น ไม่เจียมตัวไปมั้ยวะ 5555 กลัวเขาแก่กว่านี้แล้วไม่มีโอกาสเที่ยวแล้ว
>>988 กูเข้าใจฟีลที่มึงบอกว่า กลัวเขาแก่กว่านี้ไปไม่ไหวแล้ว อย่างกูทำงานจนเงินเดือนพอโอเคหน่อยก็ตอนอายุ 20 ปลาย พวกเขาเพิ่ง 50 ปลาย เลยยังพาไปเที่ยวไหวอยู่ ช่วงนั้นแหละที่กูพาไปเที่ยวตปท. บ่อยเหมือนกัน พอซัก 60 กว่าเริ่มเที่ยวได้แต่ในประเทศแล้วว่ะ เพราะไป ตปท. มันลำบากเกิน เหมือนพาไปทรมานมากกว่า (ไปกับทัวร์ถึงสบายหน่อยก็ไม่ใช่ว่าไม่ลำบากเลย สำหรับคนแก่ที่เขาไม่ได้เรี่ยวแรง 100% แบบเรา) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับสุขภาพพ่อแม่มึงด้วย บางคน 60-70 กูก็เห็นแข็งแรงดี ส่วนพ่อแม่กูสมัยอายุน้อยทำทุกอย่างที่มันเสียสุขภาพอะ 555 ก็เลยสังขารไปไวหน่อย
กลับมาที่เรื่องของมึง ถึงเงินเดือนมึงจะสองหมื่น แต่ถ้าอนาคตการงานมึงมั่นคงแน่นอน กูว่าก็พอไหวนะ ถ้าไปประเทศแถวเอเชียไม่เว่อร์มาก มันไม่ได้แพงอะไรมากมาย และเดี๋ยวนี้มันมีพวกโปรบัตรเครดิตผ่อน 0% อะไรก็มี ลองหาดู แต่ถ้าเป็นกูกูไม่กล้าว่ะ เพราะงานกูมันไม่ได้มั่นคงขนาดนั้น เลยไม่กล้าใช้เงินในอนาคต รอจนมีเงินเก็บเป็นกอบเป็นกำค่อยพาไปเที่ยว
รายได้ 60 (หัก pvd ปกส. ภาษี เหลือรับจริง 50) ให้พ่อแม่ 15 ค่าที่พัก+น้ำไฟ+เน็ต+โทร 10 กินใช้ส่วนตัว 25 สรุปเหลือเดือนละ 10 ปีนึงเก็บได้แค่แสนสอง + pvd ใจนึงก็อยากเก็บเงินให้ได้มากกว่านี้ แต่อีกใจก็รักสบาย อยากอยู่ในที่พักที่ดี อยากกินอะไรที่อยากกิน ไม่อยากมานั่งกระเบียดกระเสียน ตอนแก่อาจจะแดกอะไรไม่อร่อยแบบตอนนี้แล้วก็ได้ แต่อีกใจก็กลัวแก่ไปอดอยากอนาถาเพราะเงินเก็บน้อย สับสนกับตัวเองมาตลอด มีช่วงที่พยายามลองประหยัดแล้วก็รู้สึกอึดอัดทรมาน ทางสายกลางมันคือตรงไหนวะ สับสนโว้ยยย
กูอยากรายได้เยอะๆมั่ง รายได้30kเองเลยต้องจำใจใช้น้อยๆ
ปล.ใช้15k กินปานกลาง-ประหยัด5-6k เเต่ไม่ได้ให้ตังค์พ่อเเม่นะ เก็บเดือนละ15k
>>989 ขอบคุณมากมึง ของกูมันก็มั่นคงแหละมั้งสองปีกว่าแล้ว กูไม่ชัวร์ด้วยซ้ำว่า 20 ปลายเงินเดือนกูจะเรียกถึงสามหมื่นได้มั้ย(มีสิทธิ์ไม่ได้สูง) เคยคิดว่าถ้าเงินเดือนสูงกว่านี้จะเริ่มเก็บเงินพาเขาไปเที่ยวแต่นั่นแหละ
คงพยายามเจียดเงินจากเงินใช้รายเดือนไปเป็นเงินเก็บเผื่อพาเขาเที่ยวตั้งแต่ปีหน้าละ สองปีอย่างน้อยกูคงได้ซัก 5 หมื่นกว่า555
รู้สึกว่าหลังจากทำงานมาสักพักนึงแล้ว กูเหมือนเหมือนเด็กกระโปกโตแต่ตัว ไม่ผิดพอวันหยุดก็เป็นนีท อยู่หออย่างเดียวไม่ไปไหนเลย
อยากจะมีแฟน เหมือนกัน แต่พอยู่คนเดียวมานาน ยังกังวลว่าจะปรับตัวได้ไหมวะ อยากซื้อคอนโด อยากซื้อรถ
ใจนึงก็อยู่หอนี่แหละดีแล้วมีเงินเก็บ แต่พออยู่ไปเบื่อเสียตังค์ซื้อเกม ซื้อของเล่น เสียเงินอยู่ดี
ตอนนี้จะกลับบ้านต้องให้พ่อมารับ แต่ก็คิดนะ ถ้ากู 40 50 เค้าคงขับไม่ไหว
กูควรจะทำไงดีวะ หรือว่าควรจะ move on ตอนที่ยังไหวอยู่ดี เคยเห็นเพื่อนใน face แต่ละคนอิจฉามาก ถ้าไม่อวดลูกก็ไปได้งานบริษัทดีๆ ที่ต่างประเทศทั้งนั้น ช่วงหลังกูลบบัญชี fb ทิ้งเลยเพราะทนไม่ไหว ToT
กูต้องมาประสานกะรุ่นพี่ที่เคยสนิท ตอนหลังเขาย้ายฝ่ายแต่ยังมีงานที่ต้องประสานกะฝ่ายเก่าอยู่เนืองๆ (ซึ่งก็คือกูนี่แหละ)
ฝ่ายที่เขาย้ายไปงานมันหนักขึ้น พักหลังๆ เขาเลยพาลมาแซะ มาเหน็บที่เก่า ซึ่งกูว่าเจตนาคงกระทบกระเทียบกู ระบายอารมณ์ด้วยแหละ
ที่ผ่านมากูก็เห็นว่าเคยสนิทกันอะนะ แล้วงานเขาก็หนักจริงๆ ก็เห็นใจอยู่ แต่ตอนนี้ดันไม่แยกแยะ ทำงานเหี้ยๆ หน้ามึนส่งมาด้วย กูเลยชักไม่ไหว
กูควรแจ้งหัวหน้าเพื่อเปลี่ยนคนประสานโดยไม่บอกกล่าวก่อน (อยากรู้จริง ต้องมาประสานกะคนอื่นที่ไม่สนิทจะกล้าปากดีอยู่มั้ย)
หรือควรเคลียร์เปิดใจที่เขาทำ เผื่อจะปรับปรุงตัวได้+อยากให้รู้ถึงความคับแค้นใจกูดี
>>995 ถ้าซื้อเกมแต่ยังเหลือเงินเก็บก็โอเคนี่ อย่างน้อยๆ ถ้าเก็บได้ 10% จากรายได้กูก็ว่าไม่น่าเกลียด ที่เหลือก็ค่อยๆ ลองหัดทำอะไรใหม่ๆ ไปเรื่อย อะไรไม่ชอบก็เลิกแล้วไปลองอื่นๆ เช่น ลองไปลงเรียนขับรถดู ถ้าขับแล้วชอบมึงอาจอยากซื้อรถ ก็ค่อยต่อๆ ไปเรื่อยๆ แหละ ลองเลือกอันที่คิดว่าเหมาะกับตัวเอง ดีแล้วที่ไม่ต้องไปตามเปรียบเทียบใคร เรื่องที่อยู่หอกูเห็นด้วยนะ คอนโดอาจจะไม่จำเป็นขนาดนั้น เก็บเงินไว้เผื่อเกิดในอนาคตมึงอยากไปอยู่ ตปท หรือซื้อบ้าน ตจว มันจะได้ไม่กลายมาเป็นภาระ
1000
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.