กูโม่งอู้โปรเจ็กต์กลับมาแล้ว กูจะมาเล่ามหากาพย์ชีวิตการทำโปรเจ็กต์ของกูให้พวกมึงฟังแล้วกัน
แบ็คกราวด์พื้นฐานคือ กูกับคู่ไม่อ่อน แต่ กูได้งานแล้ว เพราะงั้นวันๆกูแทบไม่เข้าม. เอาเวลาไปให้งานหมด ส่วนคู่กู กูให้ดีกรีมันว่าเป็นคนเก่งอันดับต้นๆของรุ่น แต่เสือกฝีมือเริ่มฝืด เพราะมันตั้งใจจะเปลี่ยนสาย มันชอบถ่ายรูปมากกว่าคณะที่เรียนปัจจุบัน แม่งไปเข้าคลาสถ่ายรูปเยอะกว่าทำโปรจบอีก
ทั้งกูทั้งมัน มีฟิลด์ที่ชอบของคณะตัวเอง แต่หัวกลวงไม่มีไอเดียเลยว่าจะทำห่าอะไรดี ไอเดียที่ผุดมาก็ไม่ใช่ฟิลด์ที่ถนัด
แต่ก็เอาไปเสนออาจารย์ที่เล็งไว้ 2 คน โดนตัดหน้าทั้งคู่ อ.เลยแนะนำอ.อีกคนมา เป็นอ.เข้าใหม่ปีนี้ ไฟแรงสุดๆ
ก็เสนอไป อ.ตกลงรับเป็นที่ปรึกษาให้ ระหว่างค้นคว้า ก็ผลปรากฏว่ามีคนเคยทำแล้ว ไอเดียเลยตกไป เลยต้องหาอะไรใหม่
อ.ก็เสนอสิ่งที่เค้าสนใจมา ว่าลองไปค้นดูว่ามีอะไรพอที่จะทำเพิ่มเติมได้บ้าง ก็ค้นมาจนได้ ก็เลยตกลงกันเอาเรื่องนี้
สอบหัวข้อ ก็โอเค ไม่มีอะไรพิเศษ เกรดออกมาใช้ได้ แต่พอขึ้นเทอม 2 ความบรรลัยเริ่มมาเยือน
ทุกครั้งที่ทำโปรเจ็กต์ มันไม่มีกำลังใจ ไม่มีแรงจูงใจ ไม่รู้สึกสนุกเลย (ผิดกับงานที่กูสนุกมาก)
แล้วตอนต้นเทอม กูเห็นชื่ออ.ที่ปรึกษาโปรเจ็กต์ไปเป็นคนสอนวิชานึงที่กูเรียนมาแล้ว วิชานั้นเป็นวิชาที่กูและคู่ชอบมาก เลยแหย่ๆถามอ.ไปว่าปีนี้สอนอะไรบ้าง
แกก็ถามว่าเคยเรียนวิชานี้มาหรอ ก็บอกไปว่าใช่ เค้าก็บอกว่า รู้งี้น่าจะให้โปรเจ็กต์ด้านนี้ดีกว่า
กูก็แบบ อ้าว... ตอนเทอมแรกก่อนสอบหัวข้อก็อุตส่าห์บอกแล้วว่าเคยเรียนด้านนี้ สนใจด้านนี้นะ...
ต้นเทอมก็ยังดีอยู่ ยังเจออาจารย์เรื่อยๆ จนช่วงมิดเทอม เค้านัดกูมาคุยความคืบหน้าหลังพ้นมิดเทอม กูก็หายยาวจนหลังสงกรานต์อย่างที่เคยเล่าข้างบนเลย
แล้วก็เริ่มทำไม่ไหว(อย่างว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ชอบหรือสนุกที่จะทำ) พอวันส่งเล่ม กูก็ทำโดยพลการ ลดสโคปเอง แล้วส่งเล่มโดยไม่ให้ที่ปรึกษาดูก่อน 55
พ้นส่งเล่มไปสองวันกูถึงว่างเจอแก ก็คุยกันว่าตอนสอบจะเอายังไง แล้วช่วง 6 วันก่อนสอบพอทำอะไรเพิ่มเติมได้บ้าง (สภาพที่ส่งเล่มคือประมาณ 70% ของสโคปใหม่)
ซึ่ง 6 วันกูก็ทำไม่ได้เต็มร้อยอยู่ดี กูทำออกมาทันประมาณ 90%
ช่วงก่อนสอบ กูโดนไซโคมาหลายทางมาก ว่าปีที่แล้วมีคน F (จริงๆก่อนวันส่งเล่ม อ.ก็บอกว่า ใครเกรดน้อยไปดรอปนะ วิชานี้มีคน F )
กูก็ Panic มากว่าจะรอดมั้ย คืองานกูมองจริงๆแล้วแม่งซิมเปิ้ลมากๆ เน้นทฤษฏีและการพิสูจน์ทฤษฏีซะเยอะ
พอถึงตอนสอบ ตารางมันจะเป็น พรีเซ้นท์ 20 นาที สาธิตผลงาน 30 นาที ตอบคำถามกรรมการ 30 นาที กรรมการประชุมผล 10 นาที
อี 20 นาทีแรกกูก็โดนถามแทรกระหว่างทางเลย และโดนตลอดจนนาทีสุดท้าย สาธิตผลงานนี่มีจริงๆอยู่ 5 นาที 10 นาทีเองมั้ง
นอกนั้นคือการเถียงกันในทางทฤษฏี มีการแก้สมการสดๆเพื่อมาเถียงกับกรรมการ (แม้แต่กรรมการยังเถียงกันเอง)
กูโดนจี้เรื่องที่กูไม่ concern factor ตัวนึง (กูมองว่าถ้าจะมาทำ factor ตัวนี้นี่ แยกเป็นโปรเจ็กต์อีกชิ้นได้เลยสำหรับเด็กป.ตรี) เพราะความตั้งใจเดิมของกูคือ ปล่อย factor ตัวนี้เป็นอิสระ ใครเอางานกูไปใช้ก็ไปหาทางจัดการเอาเอง
แต่ภาพรวมของการสอบคือ กูโดนกรรมการอัดเละ กูพยายามเถียงกลับบ้างบางจุด เพราะกรรมการก็มีรั่วและพลาด แต่นั่นแหละ อัดเละจริงๆ หน้าหดเหลือ 2 นิ้ว
เถียงกันจนเวลาแม่งเกือบหมด ต้องทดเวลาแดกเวลาสอบกลุ่มรอบถัดไปอีกเพื่อประชุมผล
กูออกจากห้องสอบมารอกรรมการประชุมด้วยสภาพแบบโดน mindbreak น้ำลายฟูมปาก และเครียดสุดๆ ประชุมเสร็จ ที่ปรึกษาออกมาบอกว่า
"กรรมการชอบงานคุณมากนะ" "คุณพรีเซ้นท์ได้ดีมาก นับว่ากล้าพูดมากเลย" "กรรมการชอบงานคุณเพราะมันไม่มีใครบ้าทำ มัน Scientific จ๋า"
กูถึงกับงงเป็นไก่ตาแตกว่า เหี้ยไรเนี่ย ชอบงานกู แต่สับกูเอาเป็นเอาตายเลยเนี่ยนะ...
แต่กูก็โดนให้ไปทำเพิ่มมาคนละจุด 2 จุดกับคู่
คือคะแนนมันสรุปแล้ว เค้ายังอุบอยู่ ที่ปรึกษาใบ้มาแค่ว่าเค้าชอบ ซึ่งกูก็ไม่รู้แหละ ที่ปรึกษาบอกว่าต้องไปแก้งานมาเพิ่มตามที่เค้าบอก แล้วเกรดนี้จะเป็นของคุณ...
ก็ยังถือว่ารอดมาจบแฮปปี้ได้แหละนะ
ที่ปรึกษาบอกว่า กลุ่มกูม้ามืดมาก ตอนแรกคิดว่าจะทำกันไม่เสร็จ เพราะไม่เข้ามาพูดคุยเลย หายหน้ากันหมด แต่กลายเป็นกลุ่มที่สอบออกมาดีสุดเฉย...
กูยังงงๆ กลุ่มอื่นโดนหนักกว่ากูอีกหรอ กูเครียดมากเลยตอนสอบ พยายามเถียงเค้าถ่วงเวลา ระหว่างเถียงก็บอกให้คู่แก้สมการมา proof บางจุดสู้กรรมการ