ฮึกๆๆๆ กุต้องเช็ดโต๊ะ เก็บขยะบ.ไปทิ้งทุกวัน
กุต้องเก็บแม้แต่ทิชชู่ในถังขยะห้องน้ำ กุโดนแกล้งใช่ไหม กุไม่ใช่แม่บ้านนะ
กุรู้สึกว่า Self Esteem ความเป็นมนุษย์ของกุร่อยหรอลงทุกวันที่กุทำงานที่นั่น
อีเหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
Last posted
Total of 1000 posts
ฮึกๆๆๆ กุต้องเช็ดโต๊ะ เก็บขยะบ.ไปทิ้งทุกวัน
กุต้องเก็บแม้แต่ทิชชู่ในถังขยะห้องน้ำ กุโดนแกล้งใช่ไหม กุไม่ใช่แม่บ้านนะ
กุรู้สึกว่า Self Esteem ความเป็นมนุษย์ของกุร่อยหรอลงทุกวันที่กุทำงานที่นั่น
อีเหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
กูเบื่อหัวหน้าที่ทำงาน บางเรื่องทุกคนทำผิดกฎได้ไม่โดนว่า แต่กูโดนหัวหน้านินทาว่าทำ ทั้งๆ ที่กูทำงานมาจะสองปีละยังไม่เคยทำซักครั้ง
ถ้าคนอื่นพูดกูเฉยๆ แต่หัวหน้ากูมันจ้องเล่นงานกูอยู่ เพื่อนร่วมงานกูทำผอดทุกอย่างที่กูโดนด่า แต่มันไม่โดน แถมคุยเล่นกันตลอด
บางอย่างไม่ใช่หน้าที่กู แต่มนุษ์ป้าสั่งให้กูทำกูก็ทำ พอมันมาเจอด่าว่าไม่ใช่หน้าที่เราทำทำใม แต่ไม่ด่าคนสั่ง พอกูเอาไปให้มนุษ์ป้าทำ บอกไม่มีมารยาท
บางอย่างเป็นงานของมนุษย์ป้าแต่ให้กูทำตลอด จนกูไม่รู้แล้วว่าเป็นงานใครกันแน่ แถมงานมันต้องมาก่อนงานกูด้วย หัวหน้าก็ไม่ช่วยอะไรเลย
เบื่อวะ ถ้ากูมีเงินเก็บแล้วไม่มีหนี้กูคงลาออกละ เหมือนกูโดนทุกอย่างอยู่คนเดียว ทั้งๆ ที่คนอื่นหนักกว่ากูกลับไม่โดนแม้แต่จะบ่น
กูไม่กลัวงานหนักนะ ทุกวันนี้กูทำโอฟรีไม่เคยบ่น ออกเงินตัวเองให้งานเดินก็เคยทำ ไม่เคยได้คำชมก็รับได้ แต่ไม่เคยช่วยแบบนี้กูรับไม่ได้วะ
กุเห็นคนในที่ทำงานกุก็โดนเหมือน >>942 แต่กุเป็นบุคคลที่สามมองจากข้างนอกกุบอกได้เลยว่าทำไมคนนั้นถึงโดนเพ่งเล็ง
เหตุผลคือไอ้คนนั้นอะมันทำงานได้ออกมาค่อนข้างกากถ้าเทียบกะคนอื่นๆในทีม
อารมภ์คล้ายๆเมิงเล่นเกมส์แบบเป็นทีมแล้วแพ้ส่วนใหญ่ไอ้คนที่กากสุดในทีมจะโดนปาขี้ก่อนนะแหละไม่ว่าเมิงจะทำถูกหรือผิด
กูยอมรับนะว่ากูกาก แต่คนอื่นทำงานมาเป็น10ปี กูเด็กคนเดียวในแผนก บางทีก็มีพลาดบ้าง กูก็พยามแก้ใขทุกอย่างแล้ว หลังๆ แทบไม่พลาดเลย
พี่แผนกอื่นบอกว่าเพราะกูไม่ค่อยเข้าหานาย ไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกะแผนกตัวเอง ไปสนิทกะแผนกอื่นมากกว่า คนในแผนกเลยมองกูเป็นคนนอกวะ
เมืองไทยไม่เข้าหานายอยู่ยาก เด็กรุ่นใหม่หลายคนตายตรงนี้ละ เข้าหาผู้ใหญ่ใม่เป็น คิดว่าตัวเองเด่งโดยใม่ใช้เส้นสายกับนาย มึงคิดใม่ผิดนะที่เมืองนอก แต่เมืองไทยทำงานเข้าตานายสำคัญหว่าทำงานตามจริงเยอะ
เมิงเล่นการเมืองไม่ดีไง
ขอปรึกษา ตอนนี้กุออกจากงานมา กุพอมีเงินเก็บก้อนนึง และที่บ้านซัพพอร์ทกุได้ โอเคกับทุกอย่างที่กุเลือก
คุยกับที่บ้านแล้ว ถ้ากุอยากไปต่อนอก เขาให้กุไปได้ปีหน้า อันนี้ไม่มีปัญหา
แต่หนึ่งปีนี้ คือกุว่าง...
-woof รอบโลก เขียนบล็อก เขียนหนังสืออะไรไป
-ต่อป.โทด้านธุรกิจไม่ก็อาร์ตที่ไทย อาจจะดรอปปีหน้าไปญี่ปุ่นสักเทอม แล้วกลับมาต่อโทให้จบ
-เรียนต่อเซมมงด้านอาร์ตเป็นคอร์สๆแบบที่ใช้ได้จริงที่ไทยให้โปร แล้วลุยด้านธุรกิจไปเลย กุอยากลองทำออกแบบลายผ้า ทำกระเป๋ารองเท้ามานานแล้ว
-กลับไปทำงานสายแปลฟรีแลนซ์เลี้ยงชีพไปพลางๆ
-ขายของออนไลน์
พ่อแม่กุคือ ไม่ต้องทำออฟฟิศก็ได้ ขอให้มีเงินเลี้ยงตัวเองก็พอ ชิวๆ กุก็ชิว อิห่าชิวเกิน
นอกจากญี่ปุ่นแล้วกุไม่มีอะไรที่ชอบเป็นพิเศษ แต่เป็นเด็กอาร์ตๆด้านศิลป์
เคยขายของมาก่อน เขียนเรื่องก็ได้ ธงในใจกุแม่งมีเยอะเกิน แล้วต้องตัดสินใจภายในเดือนนี้แล้วแต่กุยังคิดไม่ตกเลย
พ่อกุยังไงก็ได้ - แม่กุอยากให้ต่อโทธุรกิจ - ส่วนใจกุอยากเรียนเซมมง+แปล+ลองขายของดู woof นี่เก็บไว้เป็นตัวสำรอง
เอาแค่ความเป็นไปได้นะ
เรียนต่อโทธุรกิจ จบมาหางานทำ +++++
ลองขายของ +
เซมมง ไม่รู้จัก
แปล. +++
Woof. - เหมือนหนีไปเที่ยวมากกว่า
เขียนหนังสือ ถ้ามีสกิลให้หก+ ถ้าไม่มีสกิล--
ถ้าเป็นวัยรุ่นมากจะWoof ทำงานแลกที่อยู่ที่กิน,เขียนประสบการณ์ ระยะปีนึงอาจจะเปลี่ยนอะไรหลายอย่างในตัวได้ แต่อาชีพต่อจากนี้ยังต้องดิ้นรนอีกเยอะเลยหว่ะ ถ้าคิดจะเขียนหนังสือต้องเข็นจนตีพิมพ์ขายได้จริงถึงจะไปทางนี่ได้
ออกแบบลายผ้าลายกระเป๋าลองเอาไปส่งให้มืออาชีพดูทีว่าเขาคิดว่าเราเหมาะกับงานไหม ถ้าได้ก็ลุยด้านนี้ได้
เซนมงมันออกแนวเรียนเฉพาะทางอะไรแบบนี้น่ะ
ความจริงไอ้ที่มึงบอกมาหลายอย่างมันก็ทำพร้อมกันได้นะ เช่น เรียนต่อในไทยไปด้วย รับแปลงานไปด้วย ขายของออนไลน์ไปด้วย ถ้ามึงบ้านรวยมีทุนเจ๊งได้ไม่เป็นไร กูว่ามึงก็ลองทำไปเลยเหอะหลายๆ อย่าง จะได้ดูว่าอันไหนมันเวิร์ค อันไหนที่มึงชอบ แล้วค่อยปล่อยจากสิ่งที่มึงไม่ชอบไปทำสิ่งที่มึงชอบเต็มตัว
ขอนอกเรื่องนิด มึงจะใช้ทับศัพท์ทำหอกอะไรวะ ภาษาอังกฤษยังโอเคนะกูถือว่าเป็นภาษาสากล ถึงไม่รู้ยังไงทุกคนก็สามารถก็เอาไปค้นคว้าเปิดดิกได้ แต่เซมมงนี่ใครมันจะไปรู้กับมึงวะ แล้วเค้าจะไปเปิดดิกยังไง เวลาสื่อสารต้องให้คนอื่นรู้เรื่องด้วยดิไม่ใช่รู้อยู่คนเดียว ถ้าแค่นี้คิดไม่ได้มึงก็ไม่ควรไปแปลงานว่ะ
เพื่อนโม่งใครทำงานราชการบ้าง?? พอดีกูโดนบังคับให้ไปเชียร์กีฬาสงตรีนไรไม่รู้ มีในแผนก3คนรวมกู ถ้าไม่ไปเป็นไรเปล่าวะ
มีใครโดนที่บ้านกดดันเรื่องเรียนโทหนักๆบ้างวะ แบบจะให้ไปเดี๋ยวนั้นเดี๋ยวนี้ เมืองไทยก็ไม่เอาจะเอานอก
หนักๆเข้าก็จะเอาอเมริกาประเทศเดียว ยุโรปไม่เอา ญี่ปุ่นไม่เอา
แถมคิดเป็นตุเป็นตะว่าจบกลับมาปุ๊ปจะได้เป็นผู้บริหารเงินเดือนหลักแสน แต่ที่บ้านไม่ได้มีเงินให้นะ ให้กูไปหาทุนเองอีก
อธิบายอะไรไปเค้าก็ไม่ฟังซักอย่าง (แต่ชอบพูดว่ามีอะไรให้คุยกัน เออ เจริญ)
เค้าพูดทุกครั้งที่เจอหน้ากัน หรืออยู่ๆก็โทรมาพูด คือมันทำลายสุขภาพจิตกูมากจนจะไม่ไหวอยู่แล้วว่ะ
>>955 กล้าหักดิบป่าวล่ะ
ถ้าพูดเรื่องต่อโทเมืองนอกก็ตัดบทวางสายไปเลย ทำไปเรื่อยๆ บ้านช่องมีไม่ต้องกลับ อย่าเจอหน้ากันซักสามสี่เดือน ถ้ามีเพื่อนฝูงรู้จักพ่อแม่ก็เตี๊ยมให้บอกว่าท่านไม่สบายใจ เครียดเวลาเจอพ่อแม่กดดันให้ต่อโท สุดท้ายพ่อแม่ท่านจะลดความคาดหวังลงขอแค่ให้ท่านกลับไปเยี่ยมบ้านเป็นครั้งคราวก็พอ
บางครั้งคำพูดไม่มีค่า เพิ่มระยะห่างนี่แหละเวิร์คสุด
กู >>955 นะ
>>956 กูก็เคยคิดงั้นนะ แต่มาแกล้งทำตอนนี้มันคงไม่ทันแล้วมั้ง...
>>957 พ่อแม่กูไม่ได้ดูละครไทยนะ แต่เหมือนเค้าไปเชื่อที่ญาติๆเป่าหูมา จริงๆกูก็ไม่เข้าใจว่าอะไรทำให้เค้าคิดไปได้ขนาดนั้นทั้งที่ตัวเองก็จบโทเมืองนอกทั้งคู่ แล้วตัวเองได้เป็นผู้บริหารเงินเดือนหลักแสนเรอะ? ก็เปล่า
>>958 ตอนนี้ยังไม่ถึงขั้นหักดิบแต่กูก็แสดงออกมากนะเวลาเค้าพูดเรื่องนี้ ซึ่งจะหนีหายไปเลยอาจจะยากเพราะทุกวันนี้เค้าตามมาหากูถึงหออาทิตย์ละครั้งอยู่แล้ว
กูจะลองคิดต่อละกันว่ามันมีวิธีกระทุ้งให้เค้ารู้ตัวแรงกว่านี้ แต่ไม่แรงถึงขนาดจะตัดขาดกันมั้ย
>>959 ไอ้ซักวันต้องไปเรียนน่ะกูก็เข้าใจ แต่จะมาไล่บี้ให้ไปเดี๋ยวนั้นเดี๋ยวนี้มันไม่ใช่เปล่าวะ มันต้องใช้เวลาเตรียมตัว หาเงิน แล้วก็คิดให้รอบคอบเปล่าวะว่าอยากต่อสายไหน
แล้วมันก็ไม่ใช่ว่าจบมาชีวิตจะดีกลายเป็นไฮโซอะไรอย่างที่เค้าคิดด้วย ออฟฟิซกูก็จบโทนอกตั้งหลายคนไม่เห็นชีวิตมันจะดีกว่ากูตรงไหน
>>960 เงินเก็บส่วนตัวกูมีไม่เยอะหรอก ไม่พอจะเรียนต่อแน่ๆล่ะ แต่เค้าเห็นเกรด ป.ตรี กูมันพอดูได้เลยนึกว่ากูเก่งพอจะหาทุนเต็มจำนวนได้ง่ายๆล่ะมั้ง
อย่าว่าแต่ขอทุนเลย แค่ให้มหาลัยระดับสูงๆหน่อยรับกูเข้าเรียนกูยังไม่เห็นทางเลย
>>961 ให้กุเดานะคือมึงเรียนเกรดเยอะตั้งแต่เด็กแน่เลย คนอื่นเลยนึกว่ามึงเก่ง
มึงต้องดูว่าไอ้ญาติที่มาเป่าหูเข้าใจว่ามึงเก่ง หรือจริงๆแล้วคือพวกขี้โม้ชอบโทรมาอวดเรื่องลูกให้ฟังป่าว แม่กุเจอญาติคนนึงชอบยอลูกนี่ประจำเลย แต่กุพอแม่กุเล่าให้ฟังแล้วกุเถียงไง ว่าอันไหนมันคือคำสรรเสริญ อันไหนข้อเท็จจริง
วิธีแก้มึงต้องเล่าความเป็น loster ให้พ่อแม่เขาฟังบ้าง เขาจะได้รู้ที่เขาคิดว่ามึงเก่งๆ จริงแล้วยังมีคนเหนือกว่า
>>955 >>961 มึงเหมือนกุมากเลย แต่กุพึ่งจบตรีมาเกือบปีนึง ลาออกจากงานแล้วที่นึง
ที่บ้านก็กดดันจะให้กุเรียนต่อโทให้ได้เลย คือเอะอะพอพูดเรื่องการเรียนก็จะวกกลับมาที่ลองๆสอบหาที่เรียนดู
เป็นตั้งแต่กุจะหางานทำกับตอนนจบใหม่ๆแล้ว พอกุจบปุบจะให้กุต่อโททันทีเลยจ้า แต่กุบอกไม่
อยากลองหางานทำก่อน
ถ้าต่อนอกหาทุน ถ้าต่อในทุนไม่ทุนก็ได้ แต่ขอให้เรียนไว้ก่อนเขาคิดว่าถ้าเรามาเรียนตอนหลังมันจะไม่ไหว
บ้านกุไม่ได้รวยด้วย ถึงเขาจะออกค่าเรียนให้แต่กุอยากให้เขาเก็บเงินไว้ใช้ส่วนอื่นมากกว่า
ถ้าจะต่อโทจริงๆอยากใช้เงินตัวเอง
ต้องรื้อฟื้นวิชาใหม่หรืออาจไม่อยากเรียนอีกเลย แต่กุต่างตรงที่ว่าแต่ก่อนกุโง่นะ ควายมาก
กุพึ่งมาเรียนได้เกรดดีๆช่วงม.ปลายกับตอนจบมหาลัยเนี่ยแหละ
ตัวกุกูเข้าใจที่พ่อแม่กุคิดนะ แต่ต่อโทยังไงก็ต้องเน้นสอบกับติวใหม่อีกรอบไม่ใช่เอาเกรดตอนของจบตรีมายื่นง่ายๆ
กุยังไม่รู้เลยว่าถ้าเรียนจะรอดไหม จากใจคนจบเอกชนและตอนแอดมิชชั่นแอดไม่ติดเพราะกุไม่เก่ง และโง่
แต่พอมาเรียนเอกชนกลายเป็นว่าเกรดกุสูงเข้าหน่อยเท่านั้นล่ะ พูดมาประจำเลยถ้าไม่หางานทำงานต่อก็เรียนไปก่อนสะ
เรียนไปก่อนๆๆๆ อะไรๆก็หาที่เรียนไปก่อนกุไม่รู้จะต่อด้านไหนที่ไม่ใช่ด้านเดิมก็ให้เรียนไปก่อนๆๆเห้ออ
ถ้าทํางานเอกชนถึงอายุ 40 กว่าแล้วยังไม่ได้เป็นระดับหัวหน้า บริษัทจะยังจ้างอยู่ไหม
ตอนนี้กุกำลังเป็นว่าทีซาลารี่แมน
มี2ทางเลือกหลักๆก็เรียนต่อกับทำงาน
กุไม่เข้าใจผู้ใหญ่หลายๆคนว่าต้องจบโทก่อนถึงทำงานได้?(จบโทสตาร์ทสูงกว่าตรีนิดเดียว?)
พยายามจะให้ไปเรียนต่อ
แต่กุเรียนจบมายังไม่รู้จะเรียนอะไรต่อเลย กุเรียนสายภาษา ซึ่งผ่านมา4ปีสกิลมันตันแล้ว
ต้องเก็บประสบการณ์ต่อเอาเอง (คำคัพท์ +ใช้จริง)
ตอนนี้ต้องพยายามหางานให้ได้ก่อนที่จะถูกส่งไปนอก - -
อายุใกล้สามสิบแต่ยังไม่เคยทำงานบ. จะมีโอกาสมั่งมั้งวะ
มีใครจบมาได้งานแฮปปี้มีความสุขไหม เล่าให้กูฟังที รู้สึกเหมือนยูโทเปีย คือสวยงามแต่แม่งไม่มีอยู่จริง สัมผัสไม่ได้
กุอยากได้ตัวอย่างบ้าง เพื่อนร่วมรุ่นกูเปลี่ยนงานกันเป็นว่าเล่น กุเห็นจากสิบคน มีคนที่มีความสุขกับงานที่เลือกแค่คนสองคนเอง
หวัดดี เราเป็น นศฝึกงาน พอระบายหน่อย
พอเปลี่ยนจากการเรียนมาเป็นการทำงาน แม่งคนเรื่องจริงๆ
ที่เรียนมาไม่ได้ใช้ มาเรียนรู้ใหม่เอาที่ทำงาน
แล้วแบบงานง่ายๆ เช่น พวกดราฟท์โลโก้ อะไรเงี้ย เรากลับไม่มีปัญญาที่จะทำมันให้ได้ดีๆ
รู้สึกเฟล เหมือนทำอะไรไม่เป็น พี่เค้าก็สอนแล้วสอนอีก กูก็เข้าใจนะ แต่ทำไมตอนกูทำมันไม่เหมือนพี่เค้าทำวะ
พอใจละ บาย
>>966 สายภาษากูว่าใบสอบสำคัญกว่าป.โทนะ อย่างมึงเรียนภาษาอังกฤษ ถ้าคะแนน TOEIC 900 หรือโทเฟลเกือบเต็มกูว่านายจ้างคงอยากได้มากกว่าป.โท ภาษาญี่ปุ่นป.โทกับ N1 กูว่าN1คุ้มกว่าเรียกเงินเดือนได้เยอะกว่า ป.โทอีกมึง
>>968 จบกฎหมายแต่ไม่ได้ทำงานสายกฎหมาย ทำงานสายครู ก็มีความสุขดีนะอยู่กับเด็กๆสบายใจไม่เครียด
>>969 เก็บEXPไปเรื่อยๆเดี๋ยวกูเก่งเอง
คำว่าความสุข 100% มันไม่มีจริงหรอก ทุกงานมันก็มีทั้งสุขและทุกข์คละเคล้ากัน ของแบบนี้มันต้องลองประเมินดูว่ามันคุ้มที่จะอยู่ไหม สภาพแวดล้อมในการทำงาน เงินเดือน หนทางเติบโต ความมั่นคง ไม่ใช่เอะอะทุกข์นิดทุกข์หน่อยก็ลาออกๆ หรือว่าทนจนเป็นควายดักดานเพียงเพราะไม่กล้าจะก้าวออกไปจากที่เฮงซวยแล้วปลอบใจว่าตัวเองเป็นคนมีความอดทนเป็นเลิศ
ความจริงสุขทุกข์มันอยู่ที่ใจนะ ไม่คิดไรมากก็สบายใจดี แต่ก็ควรคิดบ้าง คิดด้วยเหตุและผล ไม่งั้นจะกลายเป็นดักดานอยู่กับอะไรที่ไม่ควรอยู่ทั้งที่ความจริงเรามีศักยภาพและทางเลือกที่จะไปได้ไกลกว่านั้น แต่คิดเยอะไปก็ร้อนรนร้อนรุ่มหาความสุขไม่ได้
>>968 งานที่แรก เคยงึกงานที่นี่มาก่อน
ได้งานตั้งแต่ยังไม่ได้อนุมัติจบ เป็น IT Startup
เงินเดือนโดยเฉลี่ยสูงกว่าเพื่อนร่วมรุ่น
โดนผลักดันให้ทำงานสำคัญๆ รวมถึงติดต่อกับคนระดับสูงของฝั่งลูกค้า/Partner
สภาพแวดล้อมเหมือนครอบครัวเพราะคนน้อย (10 กว่าคน)
มีไอเดียหรือมีอะไรจะแย้ง พูดได้ตลอด รับฟังเสมอ
มีของกินสารพัดบริการในออฟฟิศฟรี
เปิดปีนี้ด้วย Company Trip ที่ฮ่องกง
สวัสดิการมีประกันสุขภาพ/ประกันชีวิต เพิ่มเติมจากประกันสังคม
โบนัสปีละ 2 ครั้งตามผลงาน
กุอยากทำเสื้อยืดขาย ไปลงคอร์สออกแบบลายผ้าแล้ว แบ่งออกเป็นแนว 1.น่ารัก ขายผู้หญิง 2.เท่ๆ ขายผช.
ทุนเสื้อคอตต้อนผสมโพลีเอสเตอร์ตัวละหกสิบ ค่าพิมพ์เริ่มต้นสี่สิบแบบเอสี่ ดิจิตอลปริ้นติ้งนะ แบบหลายๆสี แล้วราคาจะถูกลงเรื่อยๆถ้ากุพิมพ์เยอะขึ้น
กะว่าทุนตัวละร้อย ขายตัวละสองร้อย จะเริ่มจาก 1.ขายในเฟส 2.หาตลาดนัดลง 3.หาหน้าร้าน ขายส่งฝากร้านอื่น
พวกมึงมีไรแนะนำไหม ตอนนี้กุกำลังคิดว่า เปิดเริ่มแรก ควรมีสักยี่สิบลาย นอกจากวาดเองแล้วจะลองจ้างน้องที่รู้จักที่มีฝีมือทางวาดรูปด้วย
ยอดเดือนนึงโดยเฉลี่ย กุอยากขายให้ได้สองร้อยตัว 200x200 = 40,000 ทุน 50% แล้วค่อยขยับขยาย กุคิดว่าเป็นไปได้นะ
กุจะเริ่มเปิดเพจหาพรีออเดอร์ก่อน จุดขายของร้านกุต้องอยู่ตรงที่ลายแฮนด์เมดที่ไม่เหมือนร้านอื่น
[ปัญหา] 1.มีร้านไหนที่ทุนจะถูกกว่าตัวละร้อยไหม กุต้องหาร้านมาเทียบหลายๆร้าน 2.เปิดเพจแล้วคนจะซื้อของกุไหม แล้วกุจะลงตลาดไหนดีมีใครแนะนำไหม 3.ฝากขายหน้าร้านนี่พอเป็นไปได้ไหม กุจะถือเสื้อยืดกุเดินดุ่มๆๆไปคุยกับเขาเลยหรือส่งเมลไปก่อนดีวะ (ส่งเมลน่าจะเหลวนะ กุคงต้องหน้าด้านหน่อยสินะ?)
[แผนโฆษณา]
1.ซื้อโฆษณาเฟสบุค
2.ส่งเสื้อฟรีไปให้เน็ตไอดอล,เพจ,แล้วขอให้เขาเขียนเชียร์โฆษณาร้านหน่อย
3.google adword / SEO < ไม่แน่ใจว่าจะดีไหม
กุโดนไม่ผ่านโปร นี่จะเดือนนึงแล้วบ.เก่ายังโทรมา ไลน์มาถามงานเก่ากุอยู่เลย
ทั้งที่กุทั้งเซฟไฟล์ลงฐานข้อมูลบ. ทำใบต่องานให้แล้ว
รู้สึกเสียสุขภาพจิต เปลี่ยนเบอร์ดีไหมวะ...
มึง กูอยากรู้ว่าบริษัทเค้าจะแจ้งว่าเราผ่านไม่ผ่านโปรตอนไหวะ กูทำบริษัทต่างชาติ กูติดโปร 6 เดือน นี่จะครบ 6 เดือนอาทิตย์หน้านี่ละ เค้าไม่บอกเหี้ยอะไรกูเลยเนี่ย
6 เดือนมันเกิน 119 วันแต่ไม่ถึง 1 ปี ตามกฎหมายหากให้ออกโดยมิได้ทำความผิดร้ายแรงต้องจ่ายชดเชย 1 เดือน หากบอกกะทันหันต้องให้ค่าตกใจอีก 1 เดือน คำว่าผ่านโปรไม่ผ่านโปรไม่มีในกฎหมาย
>>989 กูไม่รู้คัลเจอร์บ.อื่นเป็นไงนะ แต่บ.กูถ้าให้ทำงานไปเรื่อยๆ ไม่มีการเรียกไปคุยอะไรก็คือผ่านโปรนั่นแหละ ไม่มีการพูดถึงเป็นพิเศษ แต่ถ้ามีเรียกเข้าห้องไปคุยส่วนตัวนี่มึงเตรียมเก็บของได้เลย อ้อ ของกูไม่มีปรับเงินเดือนด้วย ตกลงกันตั้งแต่ตอนสัมภาษณ์แล้วว่าได้เท่านี้ไปตลอด 1 ปี ปีหน้าค่อยว่ากัน
ขณะตอนถูกสัมภาษณ์รู้สึก nervous มากๆ พูดไม่เป็นคำเลย จะแก้ในส่วนนี้ยังไงดีครับ
สัมพาดบ่อยๆเดี๋ยวก็ชินแรกๆกุก็เป็นประเดิมที่แรกไปสัมพาดรอยเตอเลยเมิงรู้สึกได้เลยว่ากุสัมพาดกากสัดๆ
สำหรับคนที่ไม่เคยกุแนะนำไปสัมพาดที่เมิงไม่อยากได้ก่อนซัก 2-3 ที่แล้วค่อยไปของจริงวะ
เมิงได้รู้แนวการถามในสายงานด้วยว่าเขาอยากได้ไรในสายงานที่เมิงทำ
ส่วนมากไม่ผ่านแล้วจะหายเงียบ แต่ก็มีบางบริษัทนะที่เมลมาบอกว่าไม่ผ่าน ขอบคุณที่สนใจ
กูเคยเจอบริษัทญี่ปุ่นส่งเมล์มาแจ้งว่าไม่ผ่านว่ะ เลยรู้สึกชอบบริษัทนี้ไปเลย ถึงเขาไม่เอากู แต่กูก็รู้สึกดีที่บอกตรงๆว่ะ บางบริษัทบอกเดี๋ยวติดต่อกลับไป กูรออยู่นานจนตัดใจ ไปหาสมัครงานที่อื่น เสือกโทรมาบอกรับกูละ ไม่ทันแล้วพี่
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.