พรบ.กำลังพลสำรองผ่านแล้วว่ะ งานนี้ฉิบหายกันถ้วนหน้า
Last posted
Total of 1000 posts
พรบ.กำลังพลสำรองผ่านแล้วว่ะ งานนี้ฉิบหายกันถ้วนหน้า
เป็นไปได้ไหมที่ไทยจะถูกเปลี่ยนเป็นคอมมิวนิส
กุยุในช่วงกึ่งๆอยากลาออกเพราะเบื่อพี่ที่ทำงาน
มีวันนึงแกเรียกกุไปอบรมด่าอยู่สามชั่วโมง คือเกินจะทน
กุบอกรองบอส วันต่อมา บอสใหญ่แกซื้อเครื่องคิดเลขวมาวางไว้บนโต๊ะกุให้
คือกุซึ้งใจนะ แต่กุก็เซ็งอีพี่นั่นจริงจัง ก็เข้าใจละ ว่ามันส่วนตัว บอสอย่างมากก็ได้แต่ปรามๆ
วันนี้จะด่ากุอีก กุบอก "ขอกุทำงานนะ" พี่นั่นเงิบเลยจ้าา
-_- พอยุในช่วงรู้สึกอยากลาออก กุก็ไม่รู้สึกว่ากุจำเป็นต้องทนไรนักหนาละ
คือมึงลาออกแล้วแฮปปี้กว่าเหรอ?
ซารารี่แมน ถ้าวันนึงโดนเรียกเจ้าไปฝึกกำลังสำรอง 2 เดือนจะทำยังไงกับชีวิตกัน
เบื่องานในกทม แต่กูชอบกทม
แล้วพวกทำอยู่ต่างประเทศนี่ถ้าโดนเรียกทำไงวะเนี่ย
กลับมาค่อยไปรายงานสัสดีเขต
ร่างพรบ.อันนี้ มันคืออันเดียวกับที่เค้าบอกว่า สามารถเรียกกำลังสำรองกลับมาฝึกได้ใช่ป่ะ
แต่แค่เพิ่มงบ + เพิ่มจำนวน + เพิ่มเงื่อนไข + เพิ่มระยะเวลา ไรงี้ใช่ป่ะ
หน่า บางทีอาจจะเจอแก๊งค์เด็กริเบอร่า ทำตัวเย้วๆๆๆๆๆ หาเรื่องอะไรก็โดนหาว่าริดรอนสิทธิ์
จับไปฝึกกำลังสำรองไปเลย ทำเพื่อชาติๆ
คราวหลังก็อย่าไปตอบมัน พังทุกที่ที่มีการเมือง
>>793 ด่าพวกกูคลั่งชาติแต่เสือกใช้ภาษาไทยไม่ถูก ไม่แปลกใจเลยที่ร่านอย่างมึงจะลืมกำพืด ร่านมากนักก็ตามไปอยู่กับศาสดามึงซิวะ ไปอยู่ประเทศไหนก็ชิบหาย ยอดผู้เสียชีวิตน่าจะมีไอ้หงอกของพวกมึงอยู่ด้วยนะ เสียดายที่ฝ่ายISISมีแค่8คน น่าจะระเบิดพลีชีพซักร้อยคนเผื่อไอ้หงอกจะโดนไปด้วย
กุว่าจงใจโทรลแร่ๆ
กลับเข้าประเด็น
วันนี้กูไปห้องสมุดประชาชนมา พนักงานที่นั้นดูว่างๆว่ะ ไม่รู้ว่าเป็นธรรมดาของคนที่เป็นบรรณนารักษ์รึเปล่า เท่าที่เห็นก็มีแค่จัดเอกสารหน้าคอมนิดหน่อย นอกนั้นกูว่าน่าจะว่างทั้งวัน คนมาอ่านหนังสือก็น้อย กูเห็นแล้วก็รู้สึกว่างานนี้มันก็น่าทำนะ วันๆไม่ต้องทำอะไรมาก จัดการงานหลักเสร็จก็มานั่งอ่านหนังสือ แทบจะไม่ต้องออกไปเจอผู้คน ไม่ต้องมีปัญหาอะไรมากเท่าไร
>>799-800 วัยทำงานเวลามีน้อยจริงๆว่ะ จ-ศ เวลาหลังเลิกเงินไม่เกินสองสามชั่วโมงก็ต้องรีบนอน
แต่งานบรรณารักษ์กูว่าเหมาะสำหรับคนที่รวยแล้วมีเงินเก็บเยอะแล้ว เพราะรายได้มันคงไม่เยอะเท่าไร
แถมอาชีพที่วันๆอยู่แต่ในห้องสมุดไปทำแรกๆอาจจะสบายนะ งานไม่หนักไม่ต้องออกไปเจอผู้คนข้างนอก
แต่ถ้าทำไปนานๆกูว่าก็น่าเบื่อเหมือนกัน วันๆอ่านหนังสือแม่งอย่างเดียว สำหรับกูมันเป็นงานสำหรับตอนอายุเยอะ หรืองานที่ทำหลังเกษียณอ่ะ
ที่ทำงานมีคนอายุมากตามโลกไม่ทันกันมั่งป่ะ ละก็ไม่คิดจะปรับตัว
แอบเหนื่อยใจ รู้ว่าอยู่กะองค์กรมานานองค์กรต้องตอบแทนคนซื่อสัตย์ แต่แผนกกูเล็กไง มีพวก Dead wood ไปเฮดเคานท์นึงแล้วมันกระทบเยอะ เยอะจนล้าทางใจอ่ะ เฮ้ออออ
งานบรรณารักษ์น่าจะลำบากตรงมานั่งเก็บหนังสือจัดเข้าชั้นวะ ก็รู้ๆนิสัยคนบ้านเรานะ
ไหนจะพวกทำหนังสือเสียหาย-ขโมยอีก เกิดโดนตรวจเราก็ซวยไป โดนหาว่าดูแลประสาอะไร
ไม่รู้ว่าจะไปมู้การเรียนหรือมู้นี้ดี ยังเรียนไม่จบแต่สบสันกับชีวิตว่ะ
ไม่อยากถูกมองว่าเป็นพวกทำงานอิสระ ดูหนังฟรีแลนซ์มายิ่งแล้วใหญ่ แต่ก็ไม่ชอบพวกงานราชการ
ลงท้ายก็ต้องเป็นพนักงานบริษัทกินเงินเดือนไปตลอดทั้งชาติเหรอวะ
กูไม่มีความฝันหรือสิ่งที่อยากเป็นเลยอะ อาชีพที่ใฝ่ฝันก็ไม่มี ฉลาดก็เฉยๆ อยู่มหาลัยระดับ 2
กูไม่ได้ไม่อยากทำงานนะ แต่ถ้าได้ทำสิ่งที่อยากมันน่าจะดีกว่า แต่ประเด็นคือไม่มี
ทุกคนที่ทำงานอยู่ตอนนี้พอใจในสิ่งที่ตัวเองเป็นกันปะ สับสันชีวิตว้อยยย
>>805 ขอตอบเลยว่าไม่ กูอยากทำวงการหนังสือ แต่ไม่มีสนพ.ไหนรับกูซะที ใช่ซี้ เกรดกูมันห่วยนิ บางที่เสือกรับก็ทำไม่ไหวเพราะไกลเกิน ตอนนี้ก็รับงานฟรีแลนซ์ไปตามเรื่อง ใจจริงก็ไม่อยากเป็นซาลารี่แมนหรอกนะ แต่ดูงานมันเงินดีกว่ามั่นตงกว่าที่ทำตอนนี้อะนะ แต่จบมาสองปีกว่าละ ไปสมัครที่ไหนก็ลำบากแล้วยังต้องสู้กับเด็กจบใหม่อีก เฮ้อ ท้อชิบหาย เห็นเพื่อนร่วมรุ่นหลายคนได้ทำในสนพ.บางที่ดังด้วยนะก็อดอิจฉาไม่ได้จริงๆว่ะ
เกรดวิศวะนี่ถ้าเกรดต่ำเตี้ย (2.5-) หางานยากปะจบม.รัฐเเห่งนึง เลี้ยงหมามากมาย (D) Fจัดไป1ละ
กูกลัวจบไปไม่มีบริษัทไหนรับ
>>808 กูเรียนอยู่ในม.นึงของ3พระจอมว่ะ ปี4 เรียนไม่ค่อยจะไหวเท่าไรเเต่ก็พอเรียนไปได้อยู่ เเต่ความรู้น้อยมากเรียนผ่านมาได้ไงก็ไม่รู้
กูไม่มีประสบการณ์ว่ะเรื่องฝึกงาน หรือสมัครงาน เวลาHR เขาดูเขาดูอะไรมั่ง พวกความรู้กูขี้หมามาก เวลาสอบก็อ่านข้อสอบฝึกทำให้พอผ่านไปได้
มันก็พอผ่านไปได้นะเเต่ความรู้ไม่ค่อยจะมีอะดิ เกรดก็กระจ๊อกกระจอก
การฝึกงานไม่ได้บังคับทุกคณะทุกม.นะ ม.กูก็ไม่บังคับ แต่คนส่วนใหญ่ก็ฝึก
มีบังคับฝึกงานด้วยเหรอ ของกูเห็นมีเเต่โปรเจคอะ ฝึกงานเป็นส่วนของภาคสหกิจ
กุพากลับเข้าคอนเซ็ปต์เดิมก่อน
ศุกร์นี้ซาลารี่มังจะไปไหนมีแพลนทำอะไรกันบ้าง ส่วนตัวกุกลับบ้าน ตจว.
แวะไปหาแฟนก่อนกลับบ้านไปนอนเล่นเกมมือถือกลิ้งไปกลิ้งมา
เย็นนี้ไปแดกบุฟ พรุ่งนี้ไปงานแต่ง มะรืนออกตจว.ไปงานแต่งอีกงาน กลับถึงกรุงน่าจะเช้ามืด แสร๊ด
แล้วเดือนนี้ค่าสังคมแม่งโคตรเยอะ ทั้งงานแต่ง งานศพ นัดกิน นัดเที่ยว จะไม่เหลือเก็บแล้วเนี่ย
งานแต่ง ตจว. เหมือนกัน
ช่วงปี-2ปี มานี้นี่แม่ง เพื่อนแต่งกันเดือนเว้นเดือน
ใส่ซองนี่ขั้นต่ำต้อง 1000 นึงละ สนิทหน่อยแม่งก็ต้อง 2 พัน
ชาตินี่กูจะได้ถอนทุนคืนมั่งมั้ยวะเนี่ย โสดยาวๆเศร้า
นั่งถ่ายรูปของเล่นเหมือนเดิม วันอาทิตย์มีตติ้งไอมาส
เดินทาง700โลไปหาแฟน แล้วกลับมาตอนเช้ามืดวันจันทร์เพื่อทำงานต่อ
ไอ้วัฒนธรรมแต่งงานแล้วต้องเอาซองมากรรโชกทรัพย์คนอื่นนี่ใครมันเป็นคนคิดวะ กูจะไปฆ่ามัน!!!
ปกติใส่ซองงานแต่งเท่าไรวะ กุใส่500ว่ะ สำหรับเพื่อนทั่วๆไป
เริ่มเซ็งทำงานมาได้สี่ปี เพื่อนเริ่มแต่งงานกันละ ขี้เกียจไปงานว่ะ แถมไปแล้วต้องเสียตังค์ด้วยสาดดด
แล้วพวกมึงใส่กันเท่าไรวะ
ปล. กุเด็ก ตจว. ใส่ให้เพื่อน ม.ต้น ม.ปลาย มหาฯลัย ที่ทำงาน เท่านี้แหละ แต่ มหาลัยกุมาเรียนกทม.นะ
ปล2. กุเข้าใจว่าเด็กเรียน ม.ต้น ม.ปลาย จะใส่เยอะกว่านี้นะ
ซาลารี่มังคืนนี้ไปดูบอลที่ไหน หรือทำกิจกรรมอะไรที่ไหนกันครับ
ตัวกุต้องอยู่เวรที่ บ. สรุปกุดูบอลจอใหญ่ๆที่บ.
วันนี้คู่ใหญ่ถ่ายฟรีทีวีด้วยนะ ทั้งลาลีกา พรีเมียร์
เวลาโดนรุ่นพี่ที่ทำงานด่านิ ทำไงดีวะ
ชอบเรียกกูไปใช้งานสองต่อสอง แล้วอัดกูในที่ลับตาคน
ตอนหลังกูเริ่มสตรองงงง พอด่ากุนานๆ กุถามว่า "ขอกุทำงานกุได้ไหม..."
นางชอบทำลับๆว่ะ ตอนหลังนางเผลอเม้งกุต่อหน้าบอส เห็นหน้านางแบบ "เชี่ยละ กุเผลอ" กุโคตรฮา 5555
ตอนนี้กุแค่รายงานผู้บังคับบัญชาให้ไปบรึ้มนาง ค่อยสงบหน่อย
ถ้านางด่ากุจะฟังนางพอเป็นพิธี ถ้าอะไรnonsenceมากๆ กุก็บาย... มีงานมีการ ไม่ได้มารองรับอารมณ์คนที่ไม่ใช่เจ้านายว่ะ
มีใครมีวิธีรับมือคนพวกนี้ไม่ให้เสียสุขภาพจิตมะ กุต้องการวิธีการรับมือที่ได้ผลจริงเผื่อเคสหน้าด้วย
ออกแล้วทิ้งระเบิด เชื่อกู
ส่งเมล์ ถึงหัวหน้าแผนก ผู้จัดการ HR ถ้าบริษัทเล็กๆก็ถึงเจ้าของด้วย จั่วหัวเมล์เลยว่า "ขอคำปรึกษากรณีการระรานในที่ทำงาน" เนื้อเมล์ให้ระบุพฤติกรรมแบบ 5W1H ให้รายละเอียดครบๆเช่น วันที่ 30 กุมภา สถานที่ ใต้ต้นซากุระหน้าบริษัท คู่กรณีได้เปล่งวาจาผรุสวาทใส่ข้าพเจ้า มีการพาดพิงถึงบุพการี โดยไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องของงาน จึงใคร่ขอคำปรึกษาหัวหน้าและฝ่ายบุคคลที่เคารพว่าจักให้ทำเช่นไรกับกรณีนี้ หากเป็นที่พึ่งแก่ข้าพเจ้าเสียไม่ได้แล้วข้าพเจ้าจักต้องพึ่งพาบุคคลภายนอก เกรงว่าจะกระทบกับบริษัททำให้เกิดความอับอายแก่ประชาชีซึ่งข้าพเจ้าไม่ได้หวังผลเช่นนั้นเลยนะคะ งิงิ
ไอ้ข้างบนน่ะพิมพ์เล่นๆแต่คงเก็ตนะว่าเวลาพิมพ์จริงต้องทำไง ถ้าอยากแสดงความสตรองว่ากูไม่กลัวมึงให้ cc คู่กรณี ถ้าอยากเล่นบทคนดีก็ไม่ต้อง การออกเมล์นั้นสำคัญมากเพราะมันเก็บเป็นหลักฐานเวลาขึ้นโรงขึ้นศาลได้
เคสนี้ถ้าฝ่ายบุคคลเป็นงานจะจบสวย น่าจะมีการออกใบเตือนคาดโทษถ้าทำผิดซ้ำก็เลิกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย ถ้าฝ่ายบุคคลไม่เป็นงานไม่ทำอะไรให้แล้วคู่กรณีไม่หยุดก็ไปปรึกษาคนนอก อย่างตำรวจเป็นต้น ถ้าโดนด่าหยาบคายให้ฟ้องว่าโดนดูหมิ่นซึ่งหน้า ถ้าหมิ่นประมาทก็ฟ้องหมิ่นประมาท ถ้าอยากได้ตังค์ไปปรึกษาสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เรียกตังค์ต่าชดเชยซะเพราะบริษัทไม่แก้ปัญหาให้เรา เอาตังค์มากูออกเอง ประมาณนี้
ใครทำงานวิเทศสัมพันธ์บ้างอะ อยากรู้ว่ามันทำอะไรบ้าง พอรู้คร่าวๆว่าทำหน้าที่ประสานงานเป็นภาษาอังกฤษ
กูได้โทอิค750 แต่ไม่มีประสบการณ์ด้านการสื่อสารเลยจะทำได้ป่าว ให้อ่านให้ฟังพอไหว พูดกับแปลไม่แน่ใจ
ไม่รู้ไปกระทู้ไหนดีขอถามในมู้นี้ละกัน เนื้อหาใกล้เคียงสุดละ
คือผมต้องการบริจาคของหรือเงินให้องค์กรเพื่อเด็กด้อยโอกาสหรือที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอะคณมีที่ไหนแนะนำบ้างมั้ย
ลองหาข้อมูลในอากู๋ดูแล้วก็เจอหลายกลุ่มเลยนะที่เค้าทำตรงนี้ แต่ผมแม่งนิสัยไม่ดีไงไปคิดว่าถ้าส่งของส่งเงินไปแล้วจะถึงเด็กจริงมั้ย เลยขอมาซาวเสียงที่นี่ก่อน
จริงๆอยากได้ที่แบบแบกของที่จะบริจาคไปกับกลุ่มนั้นๆเลยนะ ไปให้เองกับมือ แบบขึ้นเขาเข้าดอยไปให้เลย ผมอยากเห็นรอยยิ้มเด็กๆ เป็นอะไรที่เยียวยาหัวใจจริงๆ
วันนี้เห็นเพื่อนในรุ่นโพสสเตตัสบ่นว่าเป็นเด็กจบใหม่มันยาก
ตื่นตีห้าเข้างานเก้าโมง ออกจากออฟฟิศหกโมง
เงินเดือนหมื่นแปด ค่าห้อง 7500 โทรศัพท์ 1000 เหลือ 9500 ไม่พอกิน
โอฟรีบ่อยๆ
อยากจะเข้าไปสั่งสอนมากๆ ว่านี่มึงโง่หรือมึงโง่เนี่ย เงินเดือนหมื่นแปด เสร่ออยู่หรูกินหรู
กูเงินเดือนเยอะกว่าแม่งพอควร กูยังแดกเดือนละ 5000 เอง (เอาเงินมาคุกับส่งให้ที่บ้านหมด)
ถ้าที่ทำงานมัน suffer นักก็หางานใหม่สิฟาย
แค่ค่าห้องแม่งก็มากไปล่ะ
>>833 ถ้าสมมุติกูจบใหม่กูได้ 18K กูก็ใช้ไม่พอนะ กูว่าไม่ถึงสองอาทิตย์ก็หมดแล้ว แต่กูรู้ตัวว่ากูสุรุ่ยสุร่ายแต่เด็กเพราะแม่ด่ากูประจำ กูเลยไฟท์หาข้อมูลตั้งแต่ก่อนแอดว่าอาชีพอะไรเงินดี พยายามเข้ามหาลัยดัง เรียนภาษาที่สาม จบเกียรตินิยม แล้วก็ได้เงินเดือนดีกว่าที่หวังไว้มาก มันต้องเลือกเอาซักทางแหละ ถ้ารายได้น้อยก็ต้องประหยัด แต่ถ้าอยากจับจ่ายสบายมือก็ต้องไฟท์ ทุกวันนี้กูกลับคิดว่าดีแล้วล่ะที่กูสุรุ่ยสุร่าย มันเลยเป็นแรงผลักดันให้กูพยายามพัฒนาตัวเองมาถึงจุดนี้ แต่ถ้าหัวสูงแล้วเสือกไม่พยายามไฟท์หาเงินให้เยอะไปด้วยนี่ก็ไม่ไหวนะ ถ้าไม่โชคดีบ้านรวยหรือผัวรวย สุดท้ายคงต้องลงเอยด้วยการเป็นหนี้รุงรัง เอาเหอะ ชีวิตใครชีวิตมัน เดี๋ยวก็เรียนรู้กันไปเองแหละ บางคนต้องเจอวิกฤตถึงจะคิดได้
กูมานั่งสังเกตอีกที มันบอกค่าห้อง 7500 ตื่นตี 5 อันนี้กูเรียกโง่หนักกว่าเก่า
จ่ายหอแพง แต่เสือกยังต้องตื่นแต่เช้าเนี่ยนะ
>>836 กูหาเงินได้ในระดับนึง แต่เรื่องใช้เงินนี่ยอมรับเลยว่ะว่าโง่มาก ชอบซื้อของแพงแบบเปล่าประโยชน์แล้วมานั่งงงตัวเองว่าซื้อมาได้ไง แล้วคนขายก็ไม่ได้เชียร์ด้วยนะ กูเลือกของกูเองนี่แหละ เงินเดือนเพิ่งออกได้ไม่กี่วัน ซื้อของ+จ่ายค่าโน่นค่านี่ก็จะหมดแล้ว กรรม แต่คิดในแง่ดีก็คือจ่ายหมดทุกอย่างแล้วอ่ะนะ 30 วันหลังจากนี้ก็แค่กินใช้ส่วนตัวล้วนๆ ละ
สำหรับเพื่อนสมาชิกมนุษย์เงินเดือนครับ
>>838 ดีมากครับ เกลียดมานานแล้วคำที่ว่า"ไม่รู้ย่อมไม่ผิด"เนี่ย มันผิดที่คนไม่คิดจะขวนขวายทำให้ตัวเองรู้แต่แรกแล้ว ส่วนนึงอยากโทษการศึกษาบ้านเราที่เอาแต่ปลูกฝังค่านิยมให้เด็กขยันอดทนและเป็นเด็กดี มากกว่าเป็นเด็กที่เปิดรับไม่ยึดติดและพยายามเข้าใจว่าโลกทำงานยังไง ถึงเวลาเด็กดีพวกนั้นก็โตไปลำบากอีกรอบเมื่อต้องเจอกับการปรับตัว น่าสงสารจริงๆ
อะโฆษณาแฝง vvvv ช่วยกดกันเพื่อลูกหลานเราเถิด
https://www.change.org/p/กระทรวงศึกษาธิการ-ministry-of-education-ใช้-ปรัชญา-สร้างจริยธรรม-หยุดท่องจํา-หน้าที่พลเมือง?recruiter=26638156&utm_source=share_petition&utm_medium=copylink
อายุ 29 ไม่มีเงินเก็บเลย อยู่บ้านพ่อแม่ รถไม่มี
แต่ว่าหลังจากนี้จะเริ่มต้นเก็บเงิน ใช้จ่ายอย่างประหยัด ต่อไปนี้จะมีเงินเก็บทุกเดือน เดือนละ 2 หมื่นบาท ถือว่าเยอะพอควร เพื่อนโม่งให้กำลังใจด้วยละ เราจะมีชีวิตใหม่ เริ่มต้นใหม่แล้ว
>>842 กูชักกลัว กูก็เป็นคนชอบเอาเงินไปเรียนโน่นนี่เหมือนกัน แต่สายงานกูเงินเดือนกาก กูกลัวว่าสุดท้ายกูจะกลายเป็นคนเงินเดือนน้อยแล้วยังไม่มีเงินเก็บเหมือนกัน
อีกเรื่อง ตอนนี้เสาร์ อาทิตย์กูว่างมากมายอยากหางานพิเศษทำ ที่กูสนใจคือเป็นบรรณารักษ์ห้องสมุด มันจะมีงานนี้แบบพาร์ททามเสาร์ อาทิตย์ป้างมั้ยวะ
>>845 มึงระวังเหมือนกูนะ โสด อยู่คนเดียว รู้สึกว่าตอนเย็นกับเสาร์อาทิตย์แม่งว่างมากมาย เลยรับงานพิเศษ ตอนนี้เหรอ หึหึ เหนื่อยชิบหาย ร่างกายและสมองมันล้านะที่ต้องทำงานวันละสิบกว่าชั่วโมงทุกวันไม่มีวันหยุด ถ้ามึงขัดสนเรื่องเงินก็จำเป็น แต่ถ้าไม่ แค่ว่างเฉยๆ กูว่าเอาเวลาไปออกกำลังกายดีกว่า หรือไม่ก็รับงานเล็กน้อย กูผิดเองแหละเสือกรับงานเต็มที่ ลืมคิดไปว่าสมองและจิตใจมันก็ต้องการรีแลกซ์ อย่างน้อย 1 วัน/สัปดาห์ ไม่งั้นเงินที่ได้มามึงก็ต้องเอาไปให้หมอหมดอยู่ดี
หาข้าวเหนียวหมูปิ้งมาขายเถอะ เจ็บป่วย,ขี้เกียจมีธุระก็หยุดได้ไม่มีพันธะต้องทำทุกครั้ง
เพื่อนโม่ง พอดีกูพึ่งผ่านงานราชการ แล้วไปรายงานตัว(สมมุติ) วันที่ 7\12\58 งี้ หลังจากนั้นเริ่มงานเลยหรอวะ ??
ขอปรึกษาเรื่องสมัครงานหน่อยครับ คือผมอยากสมัครงานเวรเปลที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งเครือเปาโล
ตัวผมเองไม่เคยสมัครงานมาก่อนเลยในชีวิต เกิดมาสนใจในงานนี้แต่ผมไม่รู้ว่าต้องเตรียมอะไรไปบ้าง คงจะพวกรูปถ่ายตัวเอง
สำเนาทะเบียนบ้าน อะไรพวกนี้รึเปล่าครับ ในนั้นเขาเขียนคุณสมบัติต้องผ่านการเกณฑ์ทหารแต่ผมจบ รด ปี 3 นี่แทนกันได้ไหมครับ
แล้วถ้าผมจะเรียกเงินเดือน 9000 นี่จะมากไปหรือน้อยไปรึเปล่าครับ ส่วนตัวผมจบแค่ ม.6 เอง
>>859 สิ่งที่ใช้ในการสมัครงาน
1 รูปถ่าย เอาแบบใส่เสื้อเชิ้ตจะดีมาก
2 สําเนาทะเบียนบ้าน
3 สําเนาวุฒิการศึกษา
4 สําเนาใบจบ รด ใช้แทนกันได้
5 เอาปากกา กับกาวไว้ติดรูปด้วยก็ดี
6เตรียมตัวสัมภาษณ์งานด้วย พวกคําถาม-คําตอบ ลองหาในเน็ตดูนะ
7แล้วอย่าลืมแต่งตัวดีๆนะ
ส่วนเงินเดือนรอคนอื่นตอบละกันครับ
อ่อ รูปถ่ายจะเอาแบบใส่สูทเลยยิ่งดี ที่ร้านเขามีให้ยืมถ่ายอะ
เพื่อนโม่งคะ รบกวนถามหน่อยได้มั้ยว่ามีใครพอจะรู้จักบริษัทที่รับพนักงานสายวาดรูปบ้าง
พยายามหาพยายามส่งมาเดือนกว่า ยังไม่มีวี่แววว่าจะได้งาน
งานหายากจนเริ่มเครียด ท้อ รึว่าเพราะแก่แล้วก็ไม่รู้ (ปีหน้า 30 แล้วค่ะ T T)
ถ้าใครพอจะรู้จักรบกวนแนะนำทีน้า จะลองส่งพอร์ต+รีซูเม่ไปค่ะ ขอบคุณล่วงหน้าจ้า
กุเป็นคนยิ้มยากว่ะ แต่จริงๆร่าเริงนะ
แล้วกุเครียดเรื่องงาน บางทีกุก็ยิ้มไม่ออก
แล้วงานกุคือการเซอร์วิสลค. ถ้าเจอลค.ใจดีก็ลัลล้า
ถ้าเจอลค.เฮี้ยบๆกุก็นิ่ง กลัวทำตัวเสียมารยาท
ทำไงให้ยิ้มเก่งๆวะ คือกุไม่ชอบยิ้มมาตลอด แต่กุต้องเปลี่ยนแล้วล่ะ
>>862 โอเค ไปคุ้ยมา เจอล่ะ https://www.facebook.com/SamuraiCreate/posts/238062029738302
กูเคยเห็น fuya แชร์เมื่อหลายเดือนก่อน เป็นงานวาดการ์ดเกมญี่ปุ่น ทำในไทย แล้วก็ไปถามในนี้ >>>/subculture/2060 ด้วยสิ เผื่อในนั้นไม่เล่นห้อง life
ไม่รู้ถามมู้นี้ได้เปล่า อยากรู้ว่าซาลารี่แมนส่วนใหญ่ใช้เงินกันเดือนละเท่าไหร่อ่ะ อยากรู้คร่าวๆไว้วางแผนชีวิตอะค่ะ
ใช้เองราวๆ 9000
เพื่อนโม่ง กุทำงานเป็นเลขาอยู่บริษัทนึง
เมื่อวานกุเห็นบอสโพสต์รับสมัครคนใหม่ในไลน์ มี 2 ตำแหน่ง
แต่ในเฟสมีเพิ่มมาอีกตำแหน่ง คือตำแหน่งกุ - -" รับเลขาเพิ่ม
พอกุโทรไปถาม บอสบอกว่า แล้วไม่คิดเหรอว่าบริษัทต้องใช้เลขาหลายคน
กุบอกถ้าจะไม่ให้ผ่านโปรก็บอกกันก่อน บอสบอกว่า ถ้าไม่ได้โทรมาเรื่องงานก็แค่นี้นะ
ถ้าเขาจะเอากุเขาคงไม่พูดแบบนี้สินะ
กุไม่อยากอคติ แต่บ.กุมีแค่แปดคน จะเอาเลขามาเพิ่มอีกคนทำไม?
กรณีร้ายที่สุดเขาคงเอามาเสียบแทนกุ ไม่ก็ให้ทำงานคู่กะกุแล้วค่อยบีบออกป่ะวะ
>>873 เงินเดือนประมาณ 30k โดนหักนู่นนั่นนี่เหลือราวๆ 27k ใช้เดือนละ 21k
เป็นค่าหอ+น้ำไฟ 7.5k (ใกล้ที่ทำงานนี่ถูกที่สุดที่หาได้แล้ว OTL) เดินทาง 1.5k
ที่เหลือส่วนมากหมดไปกับค่ากิน (ที่ใช้แบบโคตรล้างผลาญ) กับของฟุ่มเฟือยอื่นๆ เงินที่เหลือไม่ค่อยเก็บได้เท่าไหร่
พอได้เยอะประมาณนึงก็มีเหตุให้จ่ายกับพวกไปเที่ยวอะไรงี้ อาจจะไม่ใช้ตัวอย่างที่ดีนะ แค่เอามาแชร์ๆกัน
15k ใช้หนี้3k ให้พ่อแม่3k กิน3k ของที่จำเป็น3k อื่นๆ3kส่วนใหญ่หมดกับค่าเที่ยวตจว
ปล.พอมีแฟนแล้วต้องเจียดส่วนอื่นมาpayอีก TT ตอนนี้ก็มองๆหางานเสริมทั่วไปอยู่
กูเป็นนีทกินอยู่กับบ้าน ช่วยทำกิจการที่บ้าน. ใช้จ่ายเดือนนึงประมาณ10,000บาทได้.
สำหรับกูที่ไม่มีพันธะครอบครัว กูเลยเงินเก็บเยอะมากหว่ะ คนกินเงินเดือนแล้วยังไม่แต่งงานควรมีเงินเก็บซัก30%ของเงินเดือนนะ น้อยกว่านี้จะลำบาก (ผมรู้ที่พวกคุณมีเงินเก็บน้อยเพราะผ่อน,บ้าน,รถ,) ถ้าเงินเก็บน้อยจริงเพราะผ่อนอะไรเกินตัวนี่ลำบากกันทุกคน ผมเห็นมาเยอะ
>>875 ดูเหมือนจะมาระบายอย่างเดียว ไม่ได้อยากได้คำปรึกษาจริงจัง แต่ขอเสือกละกัน เท่าที่อ่านกูว่าพฤติกรรมมึงไม่เข้าท่าอย่างแรงว่ะ เห็นปุ๊บคิดเข้าข้างตัวเองเสร็จสรรพ ไม่พอโทรไปเม้งบอสทันทีอีก(กูอนุมานว่ามึงเห็นนอกเวลางาน) เหย็ดเข้ เทพสัด เคยเห็นแต่บอสจิกใช้งานลูกจ้างนอกเรื่องนอกเวลา มึงแม่งปฏิวัติโลกสัดๆแล้วปกติเรื่องยิบย่อยกะจ้อยร่อยอย่างรับสมัครงานเนี่ยเลขาควรต้องทำไม่ใช่เหรอวะ ถ้าเรื่องแค่นี้บอสยังต้องทำเองจะมีเลขาไว้ทำแมวอะไร แล้ววิธีการพูดของมึงนี่แบบ.. หาอะไรนะ ยังไม่ผ่านโปรด้วย? เหยด มึงอายุเท่าไรเรียนที่ไหนเนี่ยถามจริง วุฒิภาวะต่ำเตี้ยเรี่ยดินได้ขนาดนี้
>>875 ถึงจะเป็นช่วงโปร ยังไงถ้ามันจะให้มึงออก(หรือที่ชอบเรียกกันว่าไม่ผ่านโปร)ก็ต้องบอกล่วงหน้า 30 วัน ไม่งั้นต้องจ่ายค่าตกใจ แต่ถ้าบอกล่วงหน้าก็ออกฟรีไม่ได้ชดเชย กรณีพ้น 119 วันไปแล้วแต่ไม่ถึงปี ให้ออกโดยไม่มีความผิดร้ายแรงต้องชดเชย 1 เดือน ยังไงมึงไม่ต้องกลัวโดนเด้งกะทันหัน หรือถ้าโดนจริงมึงก็ได้ตังค์ แต่ถ้ามึงมองว่ามันไม่โอ มึงก็หาลู่ทางเตรียมไว้ก่อนก็ได้ จะได้ไปสวยๆ ไม่ต้องง้อมัน กูเข้าใจมึง เรามาทำงานเราก็ลงทุนไปเยอะเหมือนกัน บางคนต้องถึงขั้นย้ายจังหวัด ทำสัญญาหอ เราก็ต้องการความชัดเจน ไม่ใช่อยู่ดีๆ ตกงานไม่รู้ตัว แต่มึงไม่รู้ข้อกฎหมายก็เลยอาจจะกลัว คิดว่ายังไม่ผ่านโปรเค้าจะทำไงกับเราก็ได้ เลยนอยด์ไปหน่อย ความจริงในกฎหมายไม่มีคำว่าโปร ยังไงมันก็ต้องบอกมึงล่วงหน้าไม่ก็จ่ายชดเชย มึงก็ใจเย็นนะ อะไรที่พลาดไปแล้วก็เป็นบทเรียน คนเราก็ต้องพลาดกันได้ รู้ไว้วันหลังจะได้ไม่ต้องนอยด์มากโทรไปถามแบบนี้อีก เป็นกูกูไม่ถามว่ะ ถ้าคิดว่าไม่โอละ กูก็จะเตรียมแอบหาช่องทางของตัวเองไปเงียบๆ ทำแผนสำรองไว้
>>873 กูใช้เดือนละประมาณ 30K พยายามลดอยู่ แต่ตบะแตกทุกที ส่วนมากหมดไปกับเรื่องแดก ส่วนพวกค่าหอ ค่าเนต คชจทั่วไป ให้ที่บ้าน อยู่ในเกณฑ์ปกติ มีค่าแดกนี่แหละที่.....
25k
เช่าบ้าน น้ำไฟ เน็ต 7000 (ครอบครัว 4 คน)
ของเล่นของคุ 5-7 พัน (บางเดือนอาจใช้ไม่หมด)
ค่าเดินทาง + กินเช้าเที่ยง+แดกหรูตามโอกาส 5-6 พัน
ที่เหลือเก็บ รวมกับเหลือจากค่าของคุ
กูมีพ่อว่ะ พ่อที่ไม่ได้เลี้ยงกูมาสักนิด เงินทองไม่ให้ ค่าเล่าเรียนก็เงินแม่เงินกูหามาเอง ตอนนี้มันไม่ทำงานละแล้วมาขอเงินกูเดือนละ7000
กูไม่ให้แม่กูก็ร้องห่มร้องไห้หาว่ากูเนรคุณ (what)
ค่าน้ำว่าวแม่งแพงจังงวะ
กูจำใจจ่ายน่ะแหละเห็นแก่แม่ คุยกับแม่แล้วเขายกเหตุผลแค่เพราะเขาเป็นพ่อ ไม่มีเขากูไม่ได้เกิดไม่ช่วยเหลือกันจะตกนรกบลาๆ
ก็มาบ่นเฉยๆแหละวะ ขอบใจพวกมึงที่รับฟัง
แถวบ้านกูเขาเรียกจ่ายเงินเพื่อความสบายใจว่ะ แต่กูไม่รู้ว่าจะเอาเงินกันแบบล้มทับกันได้หรือเปล่า
เป็นกูจะให้แม่ แล้วให้แม่เอาไปให้พ่อเอง
ถือซะว่ามึงให้แม่ แล้วเขาเอาไปทำไรต่อก็ช่าง
>>885 มึงก็ตอแหลหน่อย เรียก7000 บอกว่าเพิ่งหางานใหม่เงินเดือนน้อย จ่าย 3000 ได้มั้ย เพราะอันที่จริงมึงไม่ต้องจ่ายด้วยซ้ำยกเว้นว่าพ่อมึงจะฟ้องศาล
หรืออีกวิธีกูแนะนำว่ามึงจ้างมือปืนไปยิงพ่อมึงก็ได้ ค่าจ้างหลักแสนยิงเสร็จแล้วจบเลยไม่ต้องจ่ายเพิ่ม แต่วางแผนกันดีๆก่อน จัดฉากให้เหมือนฆ่าชิงทรัพย์หรือฆ่าผิดตัวอะไรพวกนี้ ถ้าพ่อมึงอยู่คนเดียวไม่มีอิทธิพลอะไรส่วนมากตำรวจไทยไม่ค่อยสนใจหรอก
คือมันมีกระทู้อยู่นี้นะครับพี่น้อง >>>/lifestyle/1579
กูก็เป็นว่ะ สดๆ ร้อนๆ พ่อกูเป็นขี้เมา ประสาทหลอนหาว่าแม่กูชอบทำงานเอาเงินไปใช้คนเดียว ไม่แบ่งเค้า(บ้านกูเป็นร้านขายของ พ่อกูไม่ทำงานวันๆเอาแต่เมา พอเมาแล้วก็เป็นบ้า แม่กูทำงานเลี้ยงเค้า หาข้าวให้เค้ากิน แต่เค้าก็คิดว่าแม่กูเอาเงินไปใช้คนเดียว)
วันนี้เอาน้ำมันก๊าซมาราดในครัว ขู่จะเผาบ้าน พอแม่กูรีบเช็ดกูเข้ามาตบแม่กู เอาขวดเหล้าไล่ขว้งเฉียดแม่กุออกถนน ดีที่ไม่โดนคนอื่น อีเหี้ย ไม่งั้นชิบหายหลายต่อ บ้านจนจะไม่มีกินอยู่แล้ว กิจการที่บ้านก็เป็นชื่อเค้าถ้าแม่กูหย่ากะเค้าพวกกูจะกลายเป็นคนไร้บ้าน ไร้งานไปเลย
พ่อกูติดเหล้าขนาดหนักเป็นโรคตับด้วย กูอยากวางยาพ่อกูมากๆ พูดจริงๆ ตอนแรกกูคิดอยากเอาเค้าเข้าคุกแต่แม่ก็ไม่ยอม กลัวญาติเค้า ทีนี้กูจะทำไง กูก็เลยอยากให้เค้าตายจะได้จบปัญหาเหี้ยๆนี่ซะที แต่ไม่รู้ต้องทำไง มีวิธีอะไรบ้างมั้ยวะ กูไม่ไหวแล้ว ไม่ไหวมากๆ กูรักพ่อกูนะ แต่กูทนไม่ได้แล้ว กูต้องหวาดผวาทุกวันว่าวันนี้เค้าจะทำอะไร กูกะแม่จะตายเมื่อไหร่ กูกลัวว่าวันนึงกูตื่นขึ้นมาทุกสิ่งจะกลายเป็นเถ้าถ่าน ถ้าเค้าไม่ตายกูก็อยากตายเองแล้ว กูตายไปเองเลยดีมั้ย กูทนไม่ได้แล้ว
กุไม่ผ่านโปรว่ะ แล้วที่บ.จะไปทะเลกัน กุบอกเขาว่าโอเค งั้นกุไม่ไปทะเลนะ มันคงทะแม่งๆ แต่วันนี้บอสเรียกไปคุยว่าอยากให้ไป ทำงานด้วยกันมา จะไปเลี้ยงส่งที่ทะเลด้วยไรงี้ คือกุกากจริง บอสดีกับกุ งานหนักเหนื่อยแต่สนุกบ้างเป็นพักๆ ใช้กุฉิบหาย คิดๆจะลาออกแต่ก็ไม่ผ่านโปรซะก่อน ถึงกุจะดูไม่เป็นไร แต่กุก็ยังเจ็บไม่หายนะมึง ..... กุไปดีไหมวะ กุครึ่งๆอ่ะ ก่อนรู้ว่าไม่ผ่านนิกุไปซื้อชุดมาเลยนะ สมเพชตัวเองฉิบหาย
ปกติโม่งกินไรเป็นข้าวเย็นกันเหรอ แถวบ้านแถงออฟฟิศกูพอตกเย็นไม่มีอะไรถูกๆ กินเลย
ถ้ายากประหยัดงบ กูแนะนำฟาร์มเฮ้าแถวเล็ก 17 บาท แบ่งกินได้สามวันตกวันละ 6 บาท ไข่ดิบซื้อยกโหลตกฟองละ6บาท ไม่มีแก๊สก็แดกดิบแม่ง หรือซื้อแบบต้มสุกตกฟองละ 8 บาท อีก5บาทซื้อทิลลี่จัมโบ้ ให้พลังงานเกือบๆ200Kcal ทั้งหมดนี่หมดไม่เกิน 20 บาท
ขอบ่นหน่อยเพื่อนโม่ง
กุเรียนจบมาได้ครึ่งปีแล้ว เป็นฟรีแลนซ์ล่ามอยู่
ประเด็นคือ แม่กุบอกว่ามันไม่มั่นคงให้ไปหางานประจำทำ แต่ไม่ให้กุออกตจว.
ละงานล่ามในกรุงเทพสำหรับคนจบใหม่เงินเดือนแม่งต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ได้แค่25-30k
แต่กุรับงานมาแต่ละเดือน ได้ไม่เคยต่ำกว่า40k มีนัดไว้ล่วงหน้าแล้วหลายเดือนด้วย
แม่ไม่เข้าใจกู
วันนี้กุไม่หยุด พรุ่งนี้ก็ไม่ได้หยุด มาบ่นเฉยๆไปละ บาย
วันปีใหม่กูไม่หยุด
เดี๋ยวจะหาว่ากูด่าอย่างเดียว มึงทำฟรีแลนซ์ของมึงไปก่อนนั่นแหละถูกแล้ว อย่าไปเบี้ยวงานเค้า แล้วระหว่างนี้ก็หางานดีๆ ไปด้วย มึงก็ไม่ต้องรีบ ถ้ามึงเก่งจริงหาได้สบายๆ โบนัสต่างหาก ค่าเดินทางเบิกได้ตามจริง รักษาพยาบาลฟรี เข้าสมติเวชสวยๆ ไม่ต้องใช้ประกันสังคมกากเดนจ่ายแต่ยาห่วยๆ หรือต้องเสียเงินซื้อประกันเอง กูไม่แอนตี้ฟรีแลนซ์นะ มันดีมาก แต่ส่วนต่างมันต้องมากกว่านี้ ถ้ามึงคิดส่วนต่างแค่ 10-15k แล้วเลือกฟรีแลนซ์บอกเลยมึงตื้นเขินมาก อีกอย่างถ้ามึงเก่งระดับเป็นฟรีแลนซ์ล่ามเรื่องไม่ซ้ำกันได้ทุกวันแต่เสือกหางานประจำได้แค่ 25-30k กูว่ามึงโคตรโง่อ่ะ ให้รีครูทช่วยเถอะ ยกเว้นมึงมีความจำเป็นอื่นเช่น เรื่องสุขภาพ เรื่องครอบครัว ฯลฯ ไม่สะดวกทำงานประจำ อันนั้นอีกเรื่อง แต่อย่างว่าแหละมึงเพิ่งจบใหม่ยังเด็ก มึงก็อาจคิดแค่นั้น กูว่าของแบบนี้เรียนรู้เองดีที่สุด มึงยังมีเวลาลองผิดลองถูกอีกเยอะกว่าจะรู้อะไรเป็นอะไร ไม่ต้องรีบร้อนก็ได้ แต่กูก็เข้าใจแม่มึง เลยอยากบอกไว้ว่ามึงนั่นแหละที่ไม่เข้าใจแม่
>>912 กูกล้าเอาหัวเป็นประกันว่ากูโง่กว่ามึงแน่นอนเรื่องภาษาญี่ปุ่นเพราะกูล่ามฟรีแลนซ์แบบไม่รู้เนื้องานไม่ได้ ไม่เทพพอ แต่ตั้งแต่กูจบมากูไม่เคยได้ต่ำกว่า 35k + ค่าน้ำมัน สวัสดิการต่างหาก สรุปปัญหาคือมึงหางานประจำได้เงินเดือนน้อยไป มึงอาจไปเจอบริษัทกากๆ ที่มันกดเงินเดือนมั้ง แล้วก็คิดไปเองว่าทุกที่ให้น้อยแบบนี้หมด ถ้ามึงเก่งจริง ฟังออกแปลได้หมด รับรองเค้าแย่งตัวกันตายโหงตายห่า n1 งานประจำ 95k กูก็เห็นประกาศรับอยู่ เส้นบางนาไม่ไกลเลย ไม่ได้พูดถึงประสบการณ์ด้วย ขอแค่พูดเชี่ยไรมามึงต้องแปลได้หมดแค่นั้นแหละ แต่เป็นคอนแทรคนะไม่มีโบ
คือกุก็คิดแบบนั้นนั่นแหละ กุติดแค่ไม่อยากไปตจว. ในกทม.กุหามาเป็นสิบที่แล้ว รีครูทก็ใช้ แต่แม่งเจอแต่แบบไม่เงินเดือนน้อยหรือไม่ก็แม่งประกาศเลยว่าต้องทำโอทีแต่ไม่มีเงินให้ กุหางานไปรับงานไป จนตอนนั้นไม่อยากหางานแล้ว รับงานที่มีไปก่อน เสียเวลาไปสัมภาษณ์ กุแปลได้เกือบๆพร้อม มีN1 โทอิค920 แม่งจะให้กู30k สัส บอกไม่มีปสก.
กุไม่ได้หวังแค่ส่วนต่าง10-15k ที่บอกคือเฉลี่ย เดือนที่กุได้60-70kก็มี
กุก็อยากหางานประจำ แต่ที่ทำอยู่คือมันได้เยอะกว่างานที่มันมีให้สมัคร แต่แม่กูอยากให้ไปสมัครรับเงินเดือน25k
โบนัส ออกเดือน เมษา
มีวิธียังไงบ้างไหมสำหรับพวกโม่งซาลารี่แมนในการไม่หลับในช่วงบ่าย(โดยเฉพาะที่ประชุมอ่ะ)
คือกูลองพยายามปรับตัวเองหลายอย่างแล้วนะ ทั้งนอนไวกว่าปกติ กินกาแฟก่อนเข้าประชุม เอาลูกอมเข้าไปกิน จนถึงขนาดพยายามนวดหน้าตัวเองรัวๆ ยันลุกไปล้างหน้าสุดท้ายแม่งก็กลับมาง่วงอีกว่ะ
กูใช้วิธี นอนกลางวันไปเลย กิืนข้าวเสร็จ พักแป๊บ นอนเลย 15 นาที ช่วยได้เยอะ
ปีนี้อายุ 28 แล้ว มีเงินเดือนพออยู่พอกิน เงินเก็บเดือนละหมื่น ไม่มีหนี้ แต่รู้สึกว่าพอเทียบกับคนอื่นแล้วเหมือนตัวเองยังมีไม่พอ ไม่ก้าวหน้า ไม่รู้ว่าเราคิดไปเองหรือว่าเรามีไม่พอจริงๆ
มีเงินเก็บถึงหมื่นเป็นสัญญาณที่ดี
ถ้าสมมุติเกษียณ 60
มีเวลาเก็บเงิน60-28= 32ปี= 384เดือน
เก็บเดือนละหมื่นทัังชีวิต384*10,000= 3,840,000 บาท ตีให้เป็นสี่ล้านเต็ม
ถ้าอยู่ถึง80ปี มีเงินให้ใช้สองแสนต่อปีอ่ะนะ
ดูแล้วมันยังน้อยไปแต่อนาคตอาจจะเก็บเงินได้เยอะกว่านี้อีกแถมยังไม่คิดเรื่องเอาไปลงทุนด้วย
อย่าสิ กูอิดฉา กูอายุ 24 เก็บได้แค่เดือนละพันเอง แง
เสื้อผ้า กระเป๋าใช้ข้าวของแบรนด์เนมกันมั้ยวะ
อย่าลืมคิดเผื่อตอนแก่แล้วเป็นโรคต้องเข้าโรงบาลนะพวกมึง;_; ป่วยทีเงินที่เก็บมาหายหมดอ่ะ
ส่วนใหญ่มันกินเงินเดือนก็โดนหักประกันสังคมไปแล้วแหล่ะ
มันยังทันป่ะวะกับการสมัครงานตามบ. คือกูจบมาประมาณ3ปีแล้วไง ได้ทำแต่งานฟรีแลนซ์ ไปสมัครที่ไหนก็ไม่มีใครเอาซะที เพื่อนร่วมรุ่นได้ทำบ.มีประสบการณ์ไปถึงไหนต่อไหนแล้ว กูยังไม่ได้เริ่มอะไรเลย ไหนจะต้องสู้กับเด็กจบใหม่อีก เฮ้อ... หรือกูควรตัดใจกับการทำงานออฟฟิศจริงๆวะ
กูไม่ไหวแล้วกับงาน
งานกูทำงานตรงตามแผนงานเหลือเวลาอีกอาทิตย์นึงจะเสร็จ แต่อีกทีมงานเลทไปประมาณ 2-3 อาทิตย์
แทนที่จะเร่งอีกทีม กลายเป็นว่ากูโดนเร่งงานให้เสร็จในอาทิตย์นี้ (ขอให้เสร็จใน 2 วันด้วยซ้ำ) เพราะอยากให้ไปช่วยอีกทีม
พอกูบอกว่าไม่ได้ก็โดนเขม่นใส่อีก อ้าว เหี้ย มันเกี่ยวอะไรกับกูเนี่ย =_= ก็ไปเร่งอีกทีมสิวะ
กูลงกับโปรเจคนี้มา 3 เดือนเต็มๆ ลดทั้งเวลานอน เวลาทำอะไรส่วนตัว เสาร์อาทิตย์อยู่บ้านก็ทำ เพื่อให้งานมันเสร็จทัน
แล้วมาเจออะไรแบบนี้เนี่ยนะ...........
>>934 กูว่ามึงควรสงบปากสงบคำทำตามเจ้านายฟ่ะ คือเจ้านายมันจะเล่นเกมส์การเมืองหรืออีกทีมมีเด็กเส้นหรือเปล่าเขาก็ไม่บอกมึงใช่ป่ะแต่เขามีภารกิจต้องทำงานให้ทันอยู่ดี ที่เขาจะโยกมึงไปก็เพราะเขาเชื่อว่ามึงงานได้มีประสิทธิภาพนะ กูเข้าใจว่าบางทีแผนที่วางไว้กับเรื่องจริงมันจะไม่เหมือนกัน แต่ต้องยึดหลักให้งานของกลุ่มเสร็จ
งานนี้มึงควรเงียบทำให้เสร็จแล้วค่อยคุยกันหลังจบงานว่าความเป็นมาเป็นยังไงกับเจ้านาย แล้วห้ามไปงัดในที่ประชุมเด็ดขาดนะมึง
กูเคยทำงานเป็นพี่เลี้ยงเด็กใน รร.เอกชน ตอนนี้ลาออกมาแล้ว
แรกๆก็ดีนะ งานสบาย ทำวัน5คาบ มีเวลาพักให้ ส่วนมากเด็กที่ดูแลก็พูดรู้เรื่อง (มีออทิสติกกับสมาธิสั้น)
แต่ความเหี้ยก่อนกูลาออกมาคือมีผู้ปกครองคนหนึ่ง ลูกอาการหนักมาก อยู่ประถมต้นแต่ยังพูดไม่ได้ ฉี่ราดกางเกงถ้าไม่พาเข้าห้องน้ำ
ซึ่งมันเกินมาตรฐานของแผนก แต่ด้วยความที่เป็นโรงเรียนเอกชน ผู้ปกครองจ่ายเงินมา ก็ต้องรับเข้ามาเรียน
ความซวยก็ตกอยู่ที่กู ด้วยความที่กูเริ่มมีเงินเก็บแล้วเลยลาออกมาอยู่ต่างจังหวัดกับครอบครัวดีกว่า
จริงๆเรื่องนี้กูไม่อยากโทษใครหรอก กูเข้าใจหัวหน้าว่าระบบ รร.เอกชนมันเป็นแบบนี้ เน้นทำกำไร ใครจ่ายเงินก็ส่งลูกมาเรียนได้
ส่วนแม่เด็กเองก็เหมือนหลอกตัวเองอยู่ ลูกอาการหนักขนาดนี้ส่งเข้า รร.ก็ไม่คุ้มหรอก จ้างพี่เลี้ยงดูแลที่บ้านดีกว่า ไม่เปลืองค่าเทอม
ส่งมาโรงเรียนสุดท้ายครูกับพี่เลี้ยงก็เหนื่อยเปล่า ค่าเทอมแพงไม่ได้แปลว่าเด็กจะอาการดีขึ้น
แต่เหมือนแม่เค้าไม่ยอมจะให้ลูกอยู่ในโรงเรียนให้ได้
เฮลโหล่ว กุออกจากงานแล้ว
กุบ่นให้ใครเขาฟังเขาก็บอกให้กุรีบๆออกจากงาน
-งานหนัก
-ทำหกวันต่ออาทิตย์
-ไม่มีโอที
-ไม่มีสวัสดิการ ประกันสังคม
-บางวันเลิกสองสามทุ่ม
-พักเที่ยงสามสิบนาที
-โดนเจ๊มนุษย์ป้าที่ทำงานโขกสับเพราะเป็นเด็กใหม่
-เงินเก็บแทบไม่เหลือเพราะโดนค่าหอเอาไปหมด
คิดๆแล้วกุทำที่นั่นไปได้ไงตั้งนาน
/ปาดเหงื่อ
-_- คือกุออกมาแล้วเขาจะจ้างกุทำพาร์ทไทม์ด้วยเพราะยังไม่มีใครมาทำหน้าที่แทนกุ แต่ขอบายยยยยยยดีกว่าแจ้ะ
ฮึกๆๆๆ กุต้องเช็ดโต๊ะ เก็บขยะบ.ไปทิ้งทุกวัน
กุต้องเก็บแม้แต่ทิชชู่ในถังขยะห้องน้ำ กุโดนแกล้งใช่ไหม กุไม่ใช่แม่บ้านนะ
กุรู้สึกว่า Self Esteem ความเป็นมนุษย์ของกุร่อยหรอลงทุกวันที่กุทำงานที่นั่น
อีเหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
กูเบื่อหัวหน้าที่ทำงาน บางเรื่องทุกคนทำผิดกฎได้ไม่โดนว่า แต่กูโดนหัวหน้านินทาว่าทำ ทั้งๆ ที่กูทำงานมาจะสองปีละยังไม่เคยทำซักครั้ง
ถ้าคนอื่นพูดกูเฉยๆ แต่หัวหน้ากูมันจ้องเล่นงานกูอยู่ เพื่อนร่วมงานกูทำผอดทุกอย่างที่กูโดนด่า แต่มันไม่โดน แถมคุยเล่นกันตลอด
บางอย่างไม่ใช่หน้าที่กู แต่มนุษ์ป้าสั่งให้กูทำกูก็ทำ พอมันมาเจอด่าว่าไม่ใช่หน้าที่เราทำทำใม แต่ไม่ด่าคนสั่ง พอกูเอาไปให้มนุษ์ป้าทำ บอกไม่มีมารยาท
บางอย่างเป็นงานของมนุษย์ป้าแต่ให้กูทำตลอด จนกูไม่รู้แล้วว่าเป็นงานใครกันแน่ แถมงานมันต้องมาก่อนงานกูด้วย หัวหน้าก็ไม่ช่วยอะไรเลย
เบื่อวะ ถ้ากูมีเงินเก็บแล้วไม่มีหนี้กูคงลาออกละ เหมือนกูโดนทุกอย่างอยู่คนเดียว ทั้งๆ ที่คนอื่นหนักกว่ากูกลับไม่โดนแม้แต่จะบ่น
กูไม่กลัวงานหนักนะ ทุกวันนี้กูทำโอฟรีไม่เคยบ่น ออกเงินตัวเองให้งานเดินก็เคยทำ ไม่เคยได้คำชมก็รับได้ แต่ไม่เคยช่วยแบบนี้กูรับไม่ได้วะ
กุเห็นคนในที่ทำงานกุก็โดนเหมือน >>942 แต่กุเป็นบุคคลที่สามมองจากข้างนอกกุบอกได้เลยว่าทำไมคนนั้นถึงโดนเพ่งเล็ง
เหตุผลคือไอ้คนนั้นอะมันทำงานได้ออกมาค่อนข้างกากถ้าเทียบกะคนอื่นๆในทีม
อารมภ์คล้ายๆเมิงเล่นเกมส์แบบเป็นทีมแล้วแพ้ส่วนใหญ่ไอ้คนที่กากสุดในทีมจะโดนปาขี้ก่อนนะแหละไม่ว่าเมิงจะทำถูกหรือผิด
กูยอมรับนะว่ากูกาก แต่คนอื่นทำงานมาเป็น10ปี กูเด็กคนเดียวในแผนก บางทีก็มีพลาดบ้าง กูก็พยามแก้ใขทุกอย่างแล้ว หลังๆ แทบไม่พลาดเลย
พี่แผนกอื่นบอกว่าเพราะกูไม่ค่อยเข้าหานาย ไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกะแผนกตัวเอง ไปสนิทกะแผนกอื่นมากกว่า คนในแผนกเลยมองกูเป็นคนนอกวะ
เมืองไทยไม่เข้าหานายอยู่ยาก เด็กรุ่นใหม่หลายคนตายตรงนี้ละ เข้าหาผู้ใหญ่ใม่เป็น คิดว่าตัวเองเด่งโดยใม่ใช้เส้นสายกับนาย มึงคิดใม่ผิดนะที่เมืองนอก แต่เมืองไทยทำงานเข้าตานายสำคัญหว่าทำงานตามจริงเยอะ
เมิงเล่นการเมืองไม่ดีไง
ขอปรึกษา ตอนนี้กุออกจากงานมา กุพอมีเงินเก็บก้อนนึง และที่บ้านซัพพอร์ทกุได้ โอเคกับทุกอย่างที่กุเลือก
คุยกับที่บ้านแล้ว ถ้ากุอยากไปต่อนอก เขาให้กุไปได้ปีหน้า อันนี้ไม่มีปัญหา
แต่หนึ่งปีนี้ คือกุว่าง...
-woof รอบโลก เขียนบล็อก เขียนหนังสืออะไรไป
-ต่อป.โทด้านธุรกิจไม่ก็อาร์ตที่ไทย อาจจะดรอปปีหน้าไปญี่ปุ่นสักเทอม แล้วกลับมาต่อโทให้จบ
-เรียนต่อเซมมงด้านอาร์ตเป็นคอร์สๆแบบที่ใช้ได้จริงที่ไทยให้โปร แล้วลุยด้านธุรกิจไปเลย กุอยากลองทำออกแบบลายผ้า ทำกระเป๋ารองเท้ามานานแล้ว
-กลับไปทำงานสายแปลฟรีแลนซ์เลี้ยงชีพไปพลางๆ
-ขายของออนไลน์
พ่อแม่กุคือ ไม่ต้องทำออฟฟิศก็ได้ ขอให้มีเงินเลี้ยงตัวเองก็พอ ชิวๆ กุก็ชิว อิห่าชิวเกิน
นอกจากญี่ปุ่นแล้วกุไม่มีอะไรที่ชอบเป็นพิเศษ แต่เป็นเด็กอาร์ตๆด้านศิลป์
เคยขายของมาก่อน เขียนเรื่องก็ได้ ธงในใจกุแม่งมีเยอะเกิน แล้วต้องตัดสินใจภายในเดือนนี้แล้วแต่กุยังคิดไม่ตกเลย
พ่อกุยังไงก็ได้ - แม่กุอยากให้ต่อโทธุรกิจ - ส่วนใจกุอยากเรียนเซมมง+แปล+ลองขายของดู woof นี่เก็บไว้เป็นตัวสำรอง
เอาแค่ความเป็นไปได้นะ
เรียนต่อโทธุรกิจ จบมาหางานทำ +++++
ลองขายของ +
เซมมง ไม่รู้จัก
แปล. +++
Woof. - เหมือนหนีไปเที่ยวมากกว่า
เขียนหนังสือ ถ้ามีสกิลให้หก+ ถ้าไม่มีสกิล--
ถ้าเป็นวัยรุ่นมากจะWoof ทำงานแลกที่อยู่ที่กิน,เขียนประสบการณ์ ระยะปีนึงอาจจะเปลี่ยนอะไรหลายอย่างในตัวได้ แต่อาชีพต่อจากนี้ยังต้องดิ้นรนอีกเยอะเลยหว่ะ ถ้าคิดจะเขียนหนังสือต้องเข็นจนตีพิมพ์ขายได้จริงถึงจะไปทางนี่ได้
ออกแบบลายผ้าลายกระเป๋าลองเอาไปส่งให้มืออาชีพดูทีว่าเขาคิดว่าเราเหมาะกับงานไหม ถ้าได้ก็ลุยด้านนี้ได้
เซนมงมันออกแนวเรียนเฉพาะทางอะไรแบบนี้น่ะ
ความจริงไอ้ที่มึงบอกมาหลายอย่างมันก็ทำพร้อมกันได้นะ เช่น เรียนต่อในไทยไปด้วย รับแปลงานไปด้วย ขายของออนไลน์ไปด้วย ถ้ามึงบ้านรวยมีทุนเจ๊งได้ไม่เป็นไร กูว่ามึงก็ลองทำไปเลยเหอะหลายๆ อย่าง จะได้ดูว่าอันไหนมันเวิร์ค อันไหนที่มึงชอบ แล้วค่อยปล่อยจากสิ่งที่มึงไม่ชอบไปทำสิ่งที่มึงชอบเต็มตัว
ขอนอกเรื่องนิด มึงจะใช้ทับศัพท์ทำหอกอะไรวะ ภาษาอังกฤษยังโอเคนะกูถือว่าเป็นภาษาสากล ถึงไม่รู้ยังไงทุกคนก็สามารถก็เอาไปค้นคว้าเปิดดิกได้ แต่เซมมงนี่ใครมันจะไปรู้กับมึงวะ แล้วเค้าจะไปเปิดดิกยังไง เวลาสื่อสารต้องให้คนอื่นรู้เรื่องด้วยดิไม่ใช่รู้อยู่คนเดียว ถ้าแค่นี้คิดไม่ได้มึงก็ไม่ควรไปแปลงานว่ะ
เพื่อนโม่งใครทำงานราชการบ้าง?? พอดีกูโดนบังคับให้ไปเชียร์กีฬาสงตรีนไรไม่รู้ มีในแผนก3คนรวมกู ถ้าไม่ไปเป็นไรเปล่าวะ
มีใครโดนที่บ้านกดดันเรื่องเรียนโทหนักๆบ้างวะ แบบจะให้ไปเดี๋ยวนั้นเดี๋ยวนี้ เมืองไทยก็ไม่เอาจะเอานอก
หนักๆเข้าก็จะเอาอเมริกาประเทศเดียว ยุโรปไม่เอา ญี่ปุ่นไม่เอา
แถมคิดเป็นตุเป็นตะว่าจบกลับมาปุ๊ปจะได้เป็นผู้บริหารเงินเดือนหลักแสน แต่ที่บ้านไม่ได้มีเงินให้นะ ให้กูไปหาทุนเองอีก
อธิบายอะไรไปเค้าก็ไม่ฟังซักอย่าง (แต่ชอบพูดว่ามีอะไรให้คุยกัน เออ เจริญ)
เค้าพูดทุกครั้งที่เจอหน้ากัน หรืออยู่ๆก็โทรมาพูด คือมันทำลายสุขภาพจิตกูมากจนจะไม่ไหวอยู่แล้วว่ะ
>>955 กล้าหักดิบป่าวล่ะ
ถ้าพูดเรื่องต่อโทเมืองนอกก็ตัดบทวางสายไปเลย ทำไปเรื่อยๆ บ้านช่องมีไม่ต้องกลับ อย่าเจอหน้ากันซักสามสี่เดือน ถ้ามีเพื่อนฝูงรู้จักพ่อแม่ก็เตี๊ยมให้บอกว่าท่านไม่สบายใจ เครียดเวลาเจอพ่อแม่กดดันให้ต่อโท สุดท้ายพ่อแม่ท่านจะลดความคาดหวังลงขอแค่ให้ท่านกลับไปเยี่ยมบ้านเป็นครั้งคราวก็พอ
บางครั้งคำพูดไม่มีค่า เพิ่มระยะห่างนี่แหละเวิร์คสุด
กู >>955 นะ
>>956 กูก็เคยคิดงั้นนะ แต่มาแกล้งทำตอนนี้มันคงไม่ทันแล้วมั้ง...
>>957 พ่อแม่กูไม่ได้ดูละครไทยนะ แต่เหมือนเค้าไปเชื่อที่ญาติๆเป่าหูมา จริงๆกูก็ไม่เข้าใจว่าอะไรทำให้เค้าคิดไปได้ขนาดนั้นทั้งที่ตัวเองก็จบโทเมืองนอกทั้งคู่ แล้วตัวเองได้เป็นผู้บริหารเงินเดือนหลักแสนเรอะ? ก็เปล่า
>>958 ตอนนี้ยังไม่ถึงขั้นหักดิบแต่กูก็แสดงออกมากนะเวลาเค้าพูดเรื่องนี้ ซึ่งจะหนีหายไปเลยอาจจะยากเพราะทุกวันนี้เค้าตามมาหากูถึงหออาทิตย์ละครั้งอยู่แล้ว
กูจะลองคิดต่อละกันว่ามันมีวิธีกระทุ้งให้เค้ารู้ตัวแรงกว่านี้ แต่ไม่แรงถึงขนาดจะตัดขาดกันมั้ย
>>959 ไอ้ซักวันต้องไปเรียนน่ะกูก็เข้าใจ แต่จะมาไล่บี้ให้ไปเดี๋ยวนั้นเดี๋ยวนี้มันไม่ใช่เปล่าวะ มันต้องใช้เวลาเตรียมตัว หาเงิน แล้วก็คิดให้รอบคอบเปล่าวะว่าอยากต่อสายไหน
แล้วมันก็ไม่ใช่ว่าจบมาชีวิตจะดีกลายเป็นไฮโซอะไรอย่างที่เค้าคิดด้วย ออฟฟิซกูก็จบโทนอกตั้งหลายคนไม่เห็นชีวิตมันจะดีกว่ากูตรงไหน
>>960 เงินเก็บส่วนตัวกูมีไม่เยอะหรอก ไม่พอจะเรียนต่อแน่ๆล่ะ แต่เค้าเห็นเกรด ป.ตรี กูมันพอดูได้เลยนึกว่ากูเก่งพอจะหาทุนเต็มจำนวนได้ง่ายๆล่ะมั้ง
อย่าว่าแต่ขอทุนเลย แค่ให้มหาลัยระดับสูงๆหน่อยรับกูเข้าเรียนกูยังไม่เห็นทางเลย
>>961 ให้กุเดานะคือมึงเรียนเกรดเยอะตั้งแต่เด็กแน่เลย คนอื่นเลยนึกว่ามึงเก่ง
มึงต้องดูว่าไอ้ญาติที่มาเป่าหูเข้าใจว่ามึงเก่ง หรือจริงๆแล้วคือพวกขี้โม้ชอบโทรมาอวดเรื่องลูกให้ฟังป่าว แม่กุเจอญาติคนนึงชอบยอลูกนี่ประจำเลย แต่กุพอแม่กุเล่าให้ฟังแล้วกุเถียงไง ว่าอันไหนมันคือคำสรรเสริญ อันไหนข้อเท็จจริง
วิธีแก้มึงต้องเล่าความเป็น loster ให้พ่อแม่เขาฟังบ้าง เขาจะได้รู้ที่เขาคิดว่ามึงเก่งๆ จริงแล้วยังมีคนเหนือกว่า
>>955 >>961 มึงเหมือนกุมากเลย แต่กุพึ่งจบตรีมาเกือบปีนึง ลาออกจากงานแล้วที่นึง
ที่บ้านก็กดดันจะให้กุเรียนต่อโทให้ได้เลย คือเอะอะพอพูดเรื่องการเรียนก็จะวกกลับมาที่ลองๆสอบหาที่เรียนดู
เป็นตั้งแต่กุจะหางานทำกับตอนนจบใหม่ๆแล้ว พอกุจบปุบจะให้กุต่อโททันทีเลยจ้า แต่กุบอกไม่
อยากลองหางานทำก่อน
ถ้าต่อนอกหาทุน ถ้าต่อในทุนไม่ทุนก็ได้ แต่ขอให้เรียนไว้ก่อนเขาคิดว่าถ้าเรามาเรียนตอนหลังมันจะไม่ไหว
บ้านกุไม่ได้รวยด้วย ถึงเขาจะออกค่าเรียนให้แต่กุอยากให้เขาเก็บเงินไว้ใช้ส่วนอื่นมากกว่า
ถ้าจะต่อโทจริงๆอยากใช้เงินตัวเอง
ต้องรื้อฟื้นวิชาใหม่หรืออาจไม่อยากเรียนอีกเลย แต่กุต่างตรงที่ว่าแต่ก่อนกุโง่นะ ควายมาก
กุพึ่งมาเรียนได้เกรดดีๆช่วงม.ปลายกับตอนจบมหาลัยเนี่ยแหละ
ตัวกุกูเข้าใจที่พ่อแม่กุคิดนะ แต่ต่อโทยังไงก็ต้องเน้นสอบกับติวใหม่อีกรอบไม่ใช่เอาเกรดตอนของจบตรีมายื่นง่ายๆ
กุยังไม่รู้เลยว่าถ้าเรียนจะรอดไหม จากใจคนจบเอกชนและตอนแอดมิชชั่นแอดไม่ติดเพราะกุไม่เก่ง และโง่
แต่พอมาเรียนเอกชนกลายเป็นว่าเกรดกุสูงเข้าหน่อยเท่านั้นล่ะ พูดมาประจำเลยถ้าไม่หางานทำงานต่อก็เรียนไปก่อนสะ
เรียนไปก่อนๆๆๆ อะไรๆก็หาที่เรียนไปก่อนกุไม่รู้จะต่อด้านไหนที่ไม่ใช่ด้านเดิมก็ให้เรียนไปก่อนๆๆเห้ออ
ถ้าทํางานเอกชนถึงอายุ 40 กว่าแล้วยังไม่ได้เป็นระดับหัวหน้า บริษัทจะยังจ้างอยู่ไหม
ตอนนี้กุกำลังเป็นว่าทีซาลารี่แมน
มี2ทางเลือกหลักๆก็เรียนต่อกับทำงาน
กุไม่เข้าใจผู้ใหญ่หลายๆคนว่าต้องจบโทก่อนถึงทำงานได้?(จบโทสตาร์ทสูงกว่าตรีนิดเดียว?)
พยายามจะให้ไปเรียนต่อ
แต่กุเรียนจบมายังไม่รู้จะเรียนอะไรต่อเลย กุเรียนสายภาษา ซึ่งผ่านมา4ปีสกิลมันตันแล้ว
ต้องเก็บประสบการณ์ต่อเอาเอง (คำคัพท์ +ใช้จริง)
ตอนนี้ต้องพยายามหางานให้ได้ก่อนที่จะถูกส่งไปนอก - -
อายุใกล้สามสิบแต่ยังไม่เคยทำงานบ. จะมีโอกาสมั่งมั้งวะ
มีใครจบมาได้งานแฮปปี้มีความสุขไหม เล่าให้กูฟังที รู้สึกเหมือนยูโทเปีย คือสวยงามแต่แม่งไม่มีอยู่จริง สัมผัสไม่ได้
กุอยากได้ตัวอย่างบ้าง เพื่อนร่วมรุ่นกูเปลี่ยนงานกันเป็นว่าเล่น กุเห็นจากสิบคน มีคนที่มีความสุขกับงานที่เลือกแค่คนสองคนเอง
หวัดดี เราเป็น นศฝึกงาน พอระบายหน่อย
พอเปลี่ยนจากการเรียนมาเป็นการทำงาน แม่งคนเรื่องจริงๆ
ที่เรียนมาไม่ได้ใช้ มาเรียนรู้ใหม่เอาที่ทำงาน
แล้วแบบงานง่ายๆ เช่น พวกดราฟท์โลโก้ อะไรเงี้ย เรากลับไม่มีปัญญาที่จะทำมันให้ได้ดีๆ
รู้สึกเฟล เหมือนทำอะไรไม่เป็น พี่เค้าก็สอนแล้วสอนอีก กูก็เข้าใจนะ แต่ทำไมตอนกูทำมันไม่เหมือนพี่เค้าทำวะ
พอใจละ บาย
>>966 สายภาษากูว่าใบสอบสำคัญกว่าป.โทนะ อย่างมึงเรียนภาษาอังกฤษ ถ้าคะแนน TOEIC 900 หรือโทเฟลเกือบเต็มกูว่านายจ้างคงอยากได้มากกว่าป.โท ภาษาญี่ปุ่นป.โทกับ N1 กูว่าN1คุ้มกว่าเรียกเงินเดือนได้เยอะกว่า ป.โทอีกมึง
>>968 จบกฎหมายแต่ไม่ได้ทำงานสายกฎหมาย ทำงานสายครู ก็มีความสุขดีนะอยู่กับเด็กๆสบายใจไม่เครียด
>>969 เก็บEXPไปเรื่อยๆเดี๋ยวกูเก่งเอง
คำว่าความสุข 100% มันไม่มีจริงหรอก ทุกงานมันก็มีทั้งสุขและทุกข์คละเคล้ากัน ของแบบนี้มันต้องลองประเมินดูว่ามันคุ้มที่จะอยู่ไหม สภาพแวดล้อมในการทำงาน เงินเดือน หนทางเติบโต ความมั่นคง ไม่ใช่เอะอะทุกข์นิดทุกข์หน่อยก็ลาออกๆ หรือว่าทนจนเป็นควายดักดานเพียงเพราะไม่กล้าจะก้าวออกไปจากที่เฮงซวยแล้วปลอบใจว่าตัวเองเป็นคนมีความอดทนเป็นเลิศ
ความจริงสุขทุกข์มันอยู่ที่ใจนะ ไม่คิดไรมากก็สบายใจดี แต่ก็ควรคิดบ้าง คิดด้วยเหตุและผล ไม่งั้นจะกลายเป็นดักดานอยู่กับอะไรที่ไม่ควรอยู่ทั้งที่ความจริงเรามีศักยภาพและทางเลือกที่จะไปได้ไกลกว่านั้น แต่คิดเยอะไปก็ร้อนรนร้อนรุ่มหาความสุขไม่ได้
>>968 งานที่แรก เคยงึกงานที่นี่มาก่อน
ได้งานตั้งแต่ยังไม่ได้อนุมัติจบ เป็น IT Startup
เงินเดือนโดยเฉลี่ยสูงกว่าเพื่อนร่วมรุ่น
โดนผลักดันให้ทำงานสำคัญๆ รวมถึงติดต่อกับคนระดับสูงของฝั่งลูกค้า/Partner
สภาพแวดล้อมเหมือนครอบครัวเพราะคนน้อย (10 กว่าคน)
มีไอเดียหรือมีอะไรจะแย้ง พูดได้ตลอด รับฟังเสมอ
มีของกินสารพัดบริการในออฟฟิศฟรี
เปิดปีนี้ด้วย Company Trip ที่ฮ่องกง
สวัสดิการมีประกันสุขภาพ/ประกันชีวิต เพิ่มเติมจากประกันสังคม
โบนัสปีละ 2 ครั้งตามผลงาน
กุอยากทำเสื้อยืดขาย ไปลงคอร์สออกแบบลายผ้าแล้ว แบ่งออกเป็นแนว 1.น่ารัก ขายผู้หญิง 2.เท่ๆ ขายผช.
ทุนเสื้อคอตต้อนผสมโพลีเอสเตอร์ตัวละหกสิบ ค่าพิมพ์เริ่มต้นสี่สิบแบบเอสี่ ดิจิตอลปริ้นติ้งนะ แบบหลายๆสี แล้วราคาจะถูกลงเรื่อยๆถ้ากุพิมพ์เยอะขึ้น
กะว่าทุนตัวละร้อย ขายตัวละสองร้อย จะเริ่มจาก 1.ขายในเฟส 2.หาตลาดนัดลง 3.หาหน้าร้าน ขายส่งฝากร้านอื่น
พวกมึงมีไรแนะนำไหม ตอนนี้กุกำลังคิดว่า เปิดเริ่มแรก ควรมีสักยี่สิบลาย นอกจากวาดเองแล้วจะลองจ้างน้องที่รู้จักที่มีฝีมือทางวาดรูปด้วย
ยอดเดือนนึงโดยเฉลี่ย กุอยากขายให้ได้สองร้อยตัว 200x200 = 40,000 ทุน 50% แล้วค่อยขยับขยาย กุคิดว่าเป็นไปได้นะ
กุจะเริ่มเปิดเพจหาพรีออเดอร์ก่อน จุดขายของร้านกุต้องอยู่ตรงที่ลายแฮนด์เมดที่ไม่เหมือนร้านอื่น
[ปัญหา] 1.มีร้านไหนที่ทุนจะถูกกว่าตัวละร้อยไหม กุต้องหาร้านมาเทียบหลายๆร้าน 2.เปิดเพจแล้วคนจะซื้อของกุไหม แล้วกุจะลงตลาดไหนดีมีใครแนะนำไหม 3.ฝากขายหน้าร้านนี่พอเป็นไปได้ไหม กุจะถือเสื้อยืดกุเดินดุ่มๆๆไปคุยกับเขาเลยหรือส่งเมลไปก่อนดีวะ (ส่งเมลน่าจะเหลวนะ กุคงต้องหน้าด้านหน่อยสินะ?)
[แผนโฆษณา]
1.ซื้อโฆษณาเฟสบุค
2.ส่งเสื้อฟรีไปให้เน็ตไอดอล,เพจ,แล้วขอให้เขาเขียนเชียร์โฆษณาร้านหน่อย
3.google adword / SEO < ไม่แน่ใจว่าจะดีไหม
กุโดนไม่ผ่านโปร นี่จะเดือนนึงแล้วบ.เก่ายังโทรมา ไลน์มาถามงานเก่ากุอยู่เลย
ทั้งที่กุทั้งเซฟไฟล์ลงฐานข้อมูลบ. ทำใบต่องานให้แล้ว
รู้สึกเสียสุขภาพจิต เปลี่ยนเบอร์ดีไหมวะ...
มึง กูอยากรู้ว่าบริษัทเค้าจะแจ้งว่าเราผ่านไม่ผ่านโปรตอนไหวะ กูทำบริษัทต่างชาติ กูติดโปร 6 เดือน นี่จะครบ 6 เดือนอาทิตย์หน้านี่ละ เค้าไม่บอกเหี้ยอะไรกูเลยเนี่ย
6 เดือนมันเกิน 119 วันแต่ไม่ถึง 1 ปี ตามกฎหมายหากให้ออกโดยมิได้ทำความผิดร้ายแรงต้องจ่ายชดเชย 1 เดือน หากบอกกะทันหันต้องให้ค่าตกใจอีก 1 เดือน คำว่าผ่านโปรไม่ผ่านโปรไม่มีในกฎหมาย
>>989 กูไม่รู้คัลเจอร์บ.อื่นเป็นไงนะ แต่บ.กูถ้าให้ทำงานไปเรื่อยๆ ไม่มีการเรียกไปคุยอะไรก็คือผ่านโปรนั่นแหละ ไม่มีการพูดถึงเป็นพิเศษ แต่ถ้ามีเรียกเข้าห้องไปคุยส่วนตัวนี่มึงเตรียมเก็บของได้เลย อ้อ ของกูไม่มีปรับเงินเดือนด้วย ตกลงกันตั้งแต่ตอนสัมภาษณ์แล้วว่าได้เท่านี้ไปตลอด 1 ปี ปีหน้าค่อยว่ากัน
ขณะตอนถูกสัมภาษณ์รู้สึก nervous มากๆ พูดไม่เป็นคำเลย จะแก้ในส่วนนี้ยังไงดีครับ
สัมพาดบ่อยๆเดี๋ยวก็ชินแรกๆกุก็เป็นประเดิมที่แรกไปสัมพาดรอยเตอเลยเมิงรู้สึกได้เลยว่ากุสัมพาดกากสัดๆ
สำหรับคนที่ไม่เคยกุแนะนำไปสัมพาดที่เมิงไม่อยากได้ก่อนซัก 2-3 ที่แล้วค่อยไปของจริงวะ
เมิงได้รู้แนวการถามในสายงานด้วยว่าเขาอยากได้ไรในสายงานที่เมิงทำ
ส่วนมากไม่ผ่านแล้วจะหายเงียบ แต่ก็มีบางบริษัทนะที่เมลมาบอกว่าไม่ผ่าน ขอบคุณที่สนใจ
กูเคยเจอบริษัทญี่ปุ่นส่งเมล์มาแจ้งว่าไม่ผ่านว่ะ เลยรู้สึกชอบบริษัทนี้ไปเลย ถึงเขาไม่เอากู แต่กูก็รู้สึกดีที่บอกตรงๆว่ะ บางบริษัทบอกเดี๋ยวติดต่อกลับไป กูรออยู่นานจนตัดใจ ไปหาสมัครงานที่อื่น เสือกโทรมาบอกรับกูละ ไม่ทันแล้วพี่
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.