เพิ่งสั่งซื้อ PS4 มือสองไปเมื่อวาน วันจันทร์หน้าเงินเดือนออกค่อยไปรับ ตอนนี้ใจกูบินไปถึงตอนนั้นแล้วเนี่ย อาห์ เป็นการเริ่มสัปดาห์ใหม่ที่เปี่ยมสุข
Last posted
Total of 1000 posts
เพิ่งสั่งซื้อ PS4 มือสองไปเมื่อวาน วันจันทร์หน้าเงินเดือนออกค่อยไปรับ ตอนนี้ใจกูบินไปถึงตอนนั้นแล้วเนี่ย อาห์ เป็นการเริ่มสัปดาห์ใหม่ที่เปี่ยมสุข
กูคนนึงละไม่ซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้ามือสอง
กูหากระทู้โม่งชายชวนคุยไม่เจอว่ะ ขอถามในนี้ละกัน กูกำลังหากระเป๋าไปใหม่อยู่ อยากได้แบบสะพายหลังไม่ก็ใบเล็กๆหน่อยเพราะปวดไหล่ มียี่ห้อแนะนำมั้ย
กุเพิ่งทำงานว่ะ แล้วบอสกุเป็นผช. พูดตรงๆนะ คือกุไม่รู้จะพูดอะไร มากแค่ไหนยังไงดี บางทีกุก็อยากเอาใจบอสแต่กุก็เข้าใจเรื่องลิมิตนู่นนี่นั่น
คือกุคิดมากจนเขารู้สึกว่ากุอึดอัดลังเลอ่ะ มีทางไหนที่กุจะหายมะ บางทีกุก็อยากคุยกะบอสแต่บางทีบอสก็โคดยุ่ง -_-; ถ้ากุเป็นเลขาเขากุก็ควรสนิทกะเขาช่ะ แต่กุไม่แน่ใจเรื่องการคีปดิสแท้นท์การตีสนิทอะไรงี้
>>558 เป็นเลขาไม่จำเป็นต้องสนิทสนมกับบอสก็ได้นี่มึง แค่มึงทำหน้าที่รู้ว่าบอสมึงต้องการอะไรอยากได้อะไรก็พอ
อ่านกระทู้นี้เป็นตัวอย่าง เลขาจริงๆไม่จำเป็นว่าต้องสนิทกับบอสเหมือนในละครไทย แต่ควรเป็นผู้ช่วย/ที่ปรึกษาให้บอส
http://pantip.com/topic/32794105
กุทำงานมาสองทิด ทำงานพลาดไป ―_-;รู้สึกได้ว่าความน่าเชื่อถือลดฮวบ โดนใช้แต่งานเจเนรัลเบ๊ รู้สึกติดลบ ทำไงดีวะโม่ง
>>561 จะเล่าเรื่องตัวเองให้ฟัง ได้รับมอบหมายมาให้วางแผนจัดรถรับส่งเทรนนิ่งพนักงานทั่วๆไป ทำไปทำมาซักสองเดือนมารีวิวงานตัวเองแล้วช็อกขนหัวลุกเลย วางแผนง่ายๆพลาด บริษัทมีค่าใช้จ่ายเพิ่มมาสองแสน
ตอนนั้นเพิ่งเข้างานใหม่ไง เงินเดือนหมื่นหน่อยๆเอง เดินไปคุยกะไดเรคเตอร์แบบคิดในใจเลยว่าถ้าบริษัทบอกให้เขียนใบลาออกจะเซ็นโดยดีเลย แต่นายไม่ว่าไร บอกคนทำงานการทำอะไรผิดพลาดเป็นเรื่องปกติแล้ว คุณทำงานให้บริษัท อย่าไปคิดอะไรมากมาย
แล้วนายให้กำลังใจมาเพิ่มด้วย เราทำงานให้บริษัทแย่สุดอย่างมากก็โดนไล่ออก ไม่ถึงตาย ถ้าเราทำเต็มที่แล้วโดนไล่ออกก็ออกไปหางานใหม่ได้ มันไม่ใช่จุดสิ้นสุดของโลกไง
เพราะงั้นเรื่องคิดลบจิตตกนั่นเอาให้เต็มที่เลย แต่อย่าลืมเรื่องสำคัญ อย่างมากก็โดนไล่ออกเว้ย ไม่ถึงตาย พอลุกได้ก็ทำงานต่อ ล้มจมอยู่นานก็เสียเวลาชีวิตนานน่ะ
mbti มันกลายเป็นสัทธิอะไรซักอย่างไปแล้วป่ะว่ะ จากแค่แบบทดสอบ กลายเป็นการตัดสินคนๆนั้นซะงั้น
คนเราจะตัดสินได้แค่จากแบบทดสอบจริงๆเหรอ? เพราะกูแอบได้ยิน HR บ.กูเริ่มจะเอามาใช่คัดคนเข้าบ.แบบจริงจังแล้ว
ช่วงสมัยหลงทางสายชีวิตกูเลยฮิตอ่านพวก mbti อยู่พักใหญ่เลย ตอนนี้ทำงานอยู่สายงานที่ตราหน้าว่าไทป์กูไม่เหมาะมากๆๆๆๆอยู่ ก็โอเคดีนะ ส่วนตัวกูว่ามันบอกอะไรได้เยอะ แต่มันไม่ scientific พอที่จะเอามาตัดสินชีวิตใครหว่ะ คนเรามัน unique กว่าการที่จะโดนเหมารวมอยู่แค่ใน 16 กลุ่มนะ
มันจะเอาไว้ดูว่าคนใหนเหมาะกับงานใหนที่สุดป่าว ทำงานใหนจะทำออกมาได้ดี แต่มันก็คลาดเคลื่อนได้นะถ้ามึงไม่ตอบคำถามแบบที่เป็นตัวมุงจริงๆ
มันมากบางกลุ่มที่พวก HR จะร้องยี้ไม่อยากรับกันเลยนะ เคยคุยกับ HR เค้าก็บอกจะตัดพวกกลุ่มนี้ออกก่อนจริง พวก sp เนี่ยตัวดีเลย ถ้าไม่ใช่งานสายอาร์ต
กูทำงานอยู่ตปท.ก็ไม่มีหลักการนี้มาใช้พิจารณารับคนนะ แต่จะว่ามันตรงก็ตรงอยู่นะ คือบอกอาชีพกูถูกต้อง
แต่ว่าแนวคิดบางอย่างก็ไม่ตรงกับกู ส่วนตัวกูชอบให้คนดูถูกกูว่าโง่ รึไร้ความสามารถเยอะๆ กูไม่ต้องการคำชม
เพราะกูอยากรู้ข้อเสีย กับด้านลบกูเยอะๆ แต่คนที่ด่ากูได้มันต้องบอกกูด้วยว่ากูโง่รึผิดยังไงน่ะ
ใครเคยมีประสบการณ์ย้ายไปอยู่บ.ซัพพลายเออร์ของบ.เดิมที่ตัวเองเคยทำงานบ้างง่ะ กูกลัวจะต้องโคจรมาเจอกันตอนประชุมแล้วจะมองหน้ากันลำบาก -*- แต่บ.กูแม่งมีซัพพลายเออร์หลายร้อยเจ้า จะหางานในสายเดิมที่ไม่ใช่ซัพพลายเออร์ของตัวเองแม่งช่างยากเย็นยิ่งนัก กูยังชอบงานสายนี้อยู่
ตัวกูไม่เคยย้าย แต่มีพี่ที่เคยทำงานด้วยกันย้ายไปบริษัทลูกค้า มีต้องมาทำงานด้วยกันบ้างก็แซวกันไป ฝากฝังตัวเองเผื่อย้ายงานซะเรียบร้อย พี่ได้ดิบได้ดีแล้วอย่าลืมทางนี้ด้วยนะ ไม่มีมองหน้าไม่ติดอะไรนะ อาจเพราะสายงานกูคนเดิมๆก็เวียนกันอยู่นี่แหละ ย้ายไปย้ายมาอยู่ไม่กี่บริษัท
กุเป็นคนชอบเผลอแบบโง่ๆ ขี้หลงขี้ลืม จะแก้นิสัยไงดีวะ ชอบเหม่อคิดอะไรหลายอย่างพร้อมกันด้วย
รถแม่งติดมาร่วมสิบกว่านาที
ตรงเลนยูเทิร์นแม่งก็ปล่อยให้รถแม่งเทิร์นอยู่นั่น
แปปๆรถก็ออกมาจากซอยด้านข้างอีก
รถที่อยู่บนเส้นหลักนี่รอจนตะคริวแดกละสัส
เมื่อวานไปงานรับปริญญาที่มหิดลมา เกือบๆสองปีแล้วที่กูไม่ได้ว่างในวันที่คนอื่นเค้าทำงาน ครั้งสุดท้ายที่ลากิจคือตอนเพิ่งทำงานใหม่ๆ
ระหว่างรอรุ่นน้องกูรับเสร็จกูเกิดความรุ้สึกขี้เกียจอย่างบอกไม่ถูกว่ะ อยากลาออก(จริงๆก็จะออกตอนสิ้นเดือนอยู่แล้ว) ไม่อยากทำงาน
อยากมีวันหยุดในวันที่คนอื่นทำงานกัน อารมณ์เหมือนทำงานนี้มานานแล้วก็เกิดเบื่อๆอยากลาออกมาหาอะไรใหม่ๆทำ
แต่พอมาวันนี้ก็กลับเข้าสู่ชีวิตมนุษย์เงินเดือนอีกรอบ ตื่นเช้าไปทำงานต่อ บ้านไม่รวยก็เงี้ย ยังไงก็หนีการทำงานไม่พ้น
จบการบ่น
กุไลน์ถามบอส บอสบอกเรื่องเบสิคแบบนี้ถามบอสอีกคนแล้วกันนะ กุเจ็บเบาๆเหมือนเขารำคาญ กุควรเจ็บไหม หรือนี่ด่าเบาแล้ว 55 กุเพิ่งเริ่มทำงานเอง
>>578 ยังถือว่าไม่แรงมากเท่าไร แต่ครั้งหน้าก็ระวังๆเรื่องนี้ เลี่ยงไปถามรุ่นพี่ในที่ทำงานดีกว่า ที่สำคัญคืออย่าอายที่จะถาม ไม่รู้ไม่ผิด แต่มึงจะผิดถ้าไม่รู้แล้วทำงานโดยมโนว่ากูรู้แล้ว
>>579 กูไปวันรับจริงทีเดียวเลยว่ะ ตอนแรกกะว่าจะไปสองวันนะ ทั้งซ้อมใหญ่แล้วก็รับจริง แต่รุ่นน้องกูบอกว่าวันซ้อมมีพ่อแม่มาด้วย กูเลยคิดว่ามาหาวันรับจริงทีเดียวเลยดีกว่า ปล่อยให้เค้าอยู่กับครอบครัวตอนวันซ้อม ขาไปวันรับจริงนั่ง 515 จากอนุเสาวรีย์ แปปเดียวถึง แต่ขากลับนรกมากเลยมึง นั่ง515เหมือนเดิม จากห้าโมงครึ่งกว่าจะถึงรังสิตก็สามทุ่มครึ่ง รวมเวลาเดินทางก็ 7 ชั่วโมงไปกลับอ่ะมึง แถมขาไปเสือกถึงเร็ว(กูรีบออกกลัวรถติด) ถึงบ่ายโมงกว่าๆ กว่าพิธีจะเลิกก็สี่โมงครึ่ง สรุปว่าวันจันทร์กูเสียเวลาไป 10 กว่าชั่วโมง เพื่อคุยแล้วก็ถ่ายรูปรุ่นน้องกูแค่ 30 นาที
แต่ก็ไม่ได้เสียดายอะไรนะ ยังไงมันก็เป็นวันสำคัญวันหนึ่งของเค้า กูได้มาเจอหน้าได้ทักทายแสดงความยินดีกูก็พอใจและ
เพื่อนโม่ง คือกูกำลังจะได้งานทำอีกครั้งว่ะหลังจากไม่ได้ทำงานประจำมาราวเกินครึ่งปี
ที่ไม่ได้ทำงานเพราะมีเหตุจำเป็นน่ะ แต่ระหว่างนั้นก็ทำอะไรนิด ๆ หน่อย ๆ ให้ได้เงินใช้ และมีเงินเก็บอยู่บ้างเลยไม่เดือดร้อน
พอกำลังจะทำงานอีกครั้งรู้สึกทั้งประหม่า ทั้งขี้เกียจ เหมือนพวก loser อย่างบอกไม่ถูกเลยว่ะ สงสัยเพราะเสพติดช่วงอิสระมากไปหน่อย ใครพอมีวิธีช่วยบรรเทาอาการเหล่านี้บ้างไหม? (คือกูว่าพอได้ทำงานไปแล้วมันคงดีขึ้นเองแหละ แต่ช่วงนี้รู้สึกใจมันปั่นป่วนพิกล)
>>581 กูเคยเป็น และเข้าใจมึงเลย ตอนเรียนจบใหม่ๆกูกลัวการสมัครงานว่ะ รู้สึกว่าอยากใช้ชีวิตแบบขอเงินพ่อแม่ไปเรื่อยๆ ตื่นกี่โมงก็ได้ นอนดึกก็ไม่ต้องกลัวตื่นสาย แต่สุดท้ายก็สงสารพ่อแม่กู ก็ไม่อยากเป็น NEET เป็น Loser หางานไม่ได้ สุดท้ายก็กัดฟันออกไปสมัครงานจนได้งานนี่แหละ พยายามเข้านะเพื่อนโม่ง
>>582 จริงๆกูแอบชอบน้องเค้าด้วยล่ะ :p เลยยอมลงทุนถ่อจากรังสิตไปหาถึงศาลายา ตอนแรกจะเอามาเล่าในมู้ปัญหาหัวใจแต่วันนั้นมันมีประเด็นเรื่องเบื่องานอยู่ด้วยเลยเล่ามู้นี้แทน
>>584 ตรงข้ามกับกูเลยว่ะ ตอนกูจบใหม่เต็มไปด้วยความรู้ ความสามารถ ความมั่นใจ ความตื่นเต้น สนุกกับการหางานและสัมภาษณ์งานมากๆ พอแก่มาเนี่ยดิแม่งเบื่อไปหมด กลัวไปหมด ขี้เกียจไปหมด ความรู้เหี้ยอะไรก็ไม่มีแล้วระเหยหายไปหมด ตอนนี้สภาพเหมือนมือถือเก่าๆ ที่แบตเสื่อมไปแล้วชิบหาย
ตอนนี้กูต่อกิจการที่บ้านล่ะ โครตลำบากเลยฟะ แต่ช่วยไม่ได้ ลูกคนโตนี่หว่า
กูสงสัยคำว่าฟรีแลนซ์นี่มันหมายถึงอะไรบ้างวะ พูดรวมๆคนจะนึกถึงสายกราฟิคและอื่นๆ มันรวมพวกที่ทำพาร์ทไทม์อะไรพวกนี้ปะ
>>590 ทำพาร์ทไทม์ไม่ถิือเป็นงานอิสระนะ ทำพาร์ทไทม์ก็บอกว่าทำพาร์ทไทม์ไปนั่นแหละ
ฟรีแลนซ์มันจะหมายถึงคนที่ทำงานอิสระ ไม่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพนักงานขององค์กรใดองค์กรหนึ่ง และก็ไม่ได้มีกิจการหรือตั้งบริษัทเป็นของตัวเอง รับงานจากองค์กรหรือบุคคลอื่นมาทำอย่างอิสระ มีสัญญาผูกพันเฉพาะเรื่องงาน แต่ไม่มีสัญญาเรื่องตัวบุคคล ประมาณนี้ล่ะมั้ง งานฟรีแลนซ์มีเยอะนะ นอกจากสายกราฟฟิคก็มีพวกไอที พวกทำเว็บ พวกทำโฆษณา พวกล่าม พวกรับงานแปล พวกนักกฎหมาย นักวาด คอนซัลแทนท์ ฯลฯ ที่กูยังนึกไม่ออกตอนนี้
ย้ายมาทำงานที่ใหม่ ทำได้ 10 วัน โดนยุบแผนก..... กูกลับไปเป็นฟรีแลนซ์ดีมั้ย...........
>>592 เคยทำมาหลายรูปแบบนะ
แบบที่สมัครด้วยตัวเองแล้วผ่าน - งานจะเป็นประเภทไม่ถึงขั้นใช้ความสามารถสูง มีความรู้ระดับ ปวส. หรือปริญญาตรีก็ทำได้ ประเภทงานบัญชีทั่วไป งานคุมสต็อกของ งานตรวจสอบความถูกต้อง งานธุรการ ซึ่งบริษัทจะเป็นระดับกลาง ๆ ค่อนไปในทางเล็ก แน่นอนว่าเงินเดือนจะไม่ได้ตามมาตรฐานที่เราต้องการแต่ก็ดีกว่าไม่มีงานทำ และงานก็ไม่ถึงขนาดที่ว่าเราจะทำไม่ได้
เวลาเราสมัครต้องอาศัยคารมนิดหน่อยและมีความสามารถที่ว่ามาเนี้ยะติดตัวในระดับหนึ่งแล้ว (จริง ๆ คืออีก 2 อย่างซึ่งจะกล่าวต่อไปข้างล่างก็เช่นกัน) ส่วนมากสัมภาษณ์แค่ 1-2 ฝ่ายแล้วตัดสินจากการทดลองงาน
แบบที่สมัครด้วยตัวเองแล้วต้องพึ่งโชค - อันนี้บอกไว้เลยว่าดวงจริง ๆ งานประเภทนี้กูเคยเป็นแคนดิเดทแต่ก็พลาด มันคืองานอะไร? มันคืองานประเภทที่มึงคิดว่ามึงอยากทำอ่ะ ประมาณว่าไม่ได้จบมาในสายงานนั้นแต่ชอบและเคยทำเป็นงานอดิเรก
เป็นงานที่อาศัยลักษณะเฉพาะพอสมควร สมัครแล้วต้องผ่าน 2-3 ฝ่ายอะไรทำนองนั้น เช่น จบรัฐศาสตร์หรือนิติศาสตร์มาแต่อยากทำพิสูจน์อักษร หรือเขียนบทความ ก็อาศัยข้อได้เปรียบตอนเรียนให้เป็นประโยชน์ซะ + ความรู้ในแขนงที่เขาต้องการ อะไรล่ะ...เช่นเล่นเกมเงี้ยะ แปลงานเงี้ยะ (ของที่ทำเป็นงานอดิเรกแล้วชอบ)
บริษัทเขาอาจจะเห็นความสามารถและความพยายามของมึง แต่ขณะเดียวกันคนจบมาตรงกับสายงานมันจะได้เปรียบกว่าอยู่แล้ว (ถึงบอกไงว่าพึ่งโชค) เคสกูนี้บริษัทเขายังชมเลยว่าความสามารถดีมาก...แต่ก็พลาดนะ
แบบอาศัยคนรู้จัก - คือมึงมีเพื่อนอ่ะครับ และมึงก็บอกเพื่อนไว้เลยว่า "ตำแหน่งไหนในบริษัทมึงที่ว่างและคิดว่ากูทำได้มึงเรียกกูเลยนะ" ทำนองเนี้ยะ
งานใน field นี้อาจจะเป็นประเภทคล้ายคลึงกับแบบแรกแต่เงินเดือนจะดีกว่า หรืออาจจะตรงกับที่เรียนมาเลยก็ได้แต่ก็ต้องอาศัยโชคเหมือนแบบที่สองเช่นกัน ทำไมเป็นแบบนั้น? เพราะถ้ามึงมีเพื่อนดีเขาจะเสนองานในตำแหน่งที่ค่อนข้างโอเคที่สุดกับเรา ในขณะเดียวกันเราก็ต้องสัมภาษณ์ให้ผ่านฝ่ายบุคคลเช่นกัน
ข้อดีคือมึงมีเพื่อนในบริษัทฝ่ายบุคคลจะถามความเป็นไปเป็นมากับเพื่อน และเราสามารถนัดแนะกับเพื่อนได้เหมือนมีแบ็คอัพ แต่ข้อเสียคือ นอกเหนือกรณีที่ฝ่ายบุคคลค่อนข้างจะเขี้ยวจนทำให้เราพลาด (อันนี้จะกลายเป็นเคสปกติ เหมือนสมัครงานทั่ว ๆ ไป) ถ้าเราได้ทำงานจริง ๆ มึงจะต้องแบกรับภาระอันหนักอึ้งในสิ่งที่เรียกว่า "ความรับผิดชอบต่อเพื่อน" เพราะนอกจากเราแบกรับงานของเราแล้วเรายังต้องแบกรับหน้าเพื่อนไว้ด้วย
แบบพิเศษ (แถม) คือให้บริษัทรับจัดหางานเป็นตัวเลือก - ซึ่งกูก็เคยทำ แต่บังเอิญว่าหลังฝากประวัติแล้ว กูสมัครงานเองได้พอดี แต่ภาพรวมน่าจะเหมือนลักษณะประเภทแรก
หลัก ๆ เลยในเรื่องการสมัครงานไม่ตรงกับที่เรียนมาคือต้องแสดงให้ฝ่ายบุคคลเห็นว่าทำงานนี้ได้ ซึ่งในความจริงแล้วมึงก็ควรต้องทำงานนั้นได้จริงระดับหนึ่งแหละไม่งั้นก็อย่าสมัครเลยเปลืองพลังชีวิต เงินและเวลาเปล่า ๆ เหมือนตัวอย่างที่ยกไปแหละ จบนิติฯ รัฐศาสตร์ มันยังพอจะไปด้านงานเขียนหรืองานตรวจเอกสารได้ ถ้ามีทักษะด้านภาษา ไม่ใช่จะพรวดพราดไปสายงานกราฟฟิคอะไรเงี้ยะ ต่อให้มึงชำนาญโปรแกรมแต่พอร์ตไม่มี ทางก็หายไปแล้วครึ่งนึง (มันคือการยกตัวอย่างเปรียบเทียบน่ะ อาจไม่สมเหตุสมผลหน่อยแต่ก็มีรูปธรรมให้เปรียบเทียบ)
ลองดูแล้วกันเพื่อนโม่งว่าอะไรใกล้เคียงกับนายมากที่สุด อาจจะเลือกไม่ได้เสียทีเดียว แต่หากโอกาสอำนวยก็เลือกในอะไรที่ทำได้นั่นคือดีแล้ว
การทำงานบริษัทต้องเปิดใจให้เพื่อนร่วมงานมากแค่ไหน ต้องสนิทต้องซี้กันจนรักกับเป็นเพื่อนจะเป็นจะตายเลยรึเปล่า วันก่อนน้องที่ออฟฟิศเมาแล้วพร่ำเพ้อว่าไม่รู้สึกสนิทกับใครกับใครเลย อยากสนิทอยากเปิดในกับทุกคน อยากเป้ฯเพื่อนกับทุกคน แต่กูมองว่าเรื่องพวกนี้มันแล้วแต่คน
>>595 สำหรับกูนะเอาแค่ทักทายพอเป็นพิธีก็พอและ กูยอมรับว่าเป็นคนที่มนุษย์สัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานแย่มาก เคยโดนหัวหน้าเตือนเรื่องนี้ตอนเข้ามาทำงานใหม่ๆ กูคิดว่าเพื่อนร่วมงานเป็นเพื่อนที่มีความผูกพันน้อยที่สุดในชีวิตถ้าเทียบกับเพื่อนในช่วงเวลาอื่น เช่นเพื่อนมหาลัย เพื่อนมัธยม
เพื่อนร่วมงานเหมือนมาเจอหน้ากันทำงานด้วยกัน แต่พอเลิกงานมันก็จบแค่นั้น วัยทำงานเป็นช่วงวัยที่ต่างคนต่างมีครอบครัว ทำงานเสร็จก็ไปหาลูกหาเมีย หรือต่อให้เป็นคนโสดก็อยากใช้เวลาพักผ่อนมากกว่าว่ะ จะมาเที่ยวดูหนังกินข้าวดื่มเหล้าเหมือนเพื่อนสมัยมหาลัยมันก็ไม่ใช่ อย่างดีก็แค่มีกินเลี้ยงสังสรรค์ของบริษัท หรือตอนงานเลี้ยงอำลา
อันนี้เฉพาะประสบการณ์ของกูนะ บางคนอาจเจอเพื่อนร่วมงานดีๆที่เหมือนเพื่อนสนิทกันก็ได้
กูอยู่บริษัทสตาร์ทอัพ ทั้งออฟฟิศมีสิบกว่าคน ในเวลางานทุกคนเฮฮาพูดเล่นแซวนุ่นนี่กันตลอดวัน ก็มีความสุขดี
เพราะมันต้องทำงานเป็นทีม แถมทั้งบริษัทเองยังคนน้อย ถามว่าสนิทมั้ย มันก็สนิท แต่มันก็แค่เวลางานแหละ ก็ถือเป็นเพื่อนที่ดีกันทุกคน
ลักษณะตำแหน่งกูต้องติดสอยห้อยตามหัวหน้าไปเรื่อยๆ เพราะตอนนี้ลูกค้ายังพึ่งเริ่มจำหน้าจำบทบาทกู กูก็สนิทกับหัวหน้ากูมาก
ก็เคยคุยกันเรื่อยเปื่อยนู่นนี่ อารมณ์พี่สาวน้องชาย วันไหนเค้าขับรถผ่านทางกลับบ้านกู กูก็ติดไป เป็นงี้กันทั้งบริษัทแหละ ก็เรื่อยๆดี
แต่นอกเวลางานกับวันหยุดก็อยู่ใครอยู่มันกันหมดทุกคน อาจจะมีกินเลี้ยงกันบ้างเดือนละครั้งทั้งบริษัทตอนเย็นของสักวัน หรือเวลาจบโปรเจ็กต์ไหนได้
เออลืมพูดอีกว่าแบบนี้มันดียังไง คือลักษณะฟิลด์ของบริษัทอะ ไม่ใช่ฟิลด์ที่กูสนใจเท่าไหร่ แต่เงินมันโอเค เพื่อนร่วมงานดีกับกูงี้ทุกคน
การทำงานของกูก็เลยเป็นเรื่องสนุก กูไม่ค่อยรู้สึกว่าไม่อยากไปทำงานเท่าไหร่ มันก็เลยทำให้มีความสุขกับงานระดับนึงโดยปริยาย
ดีจนกูแอบกลัวว่าวันนึงกูต้องออกไปจากที่นี่ไปที่ใหม่เพื่อไปเรียนรู้อะไรใหม่ๆมากขึ้น กูกลัวว่าที่ใหม่กูจะไม่ดีแบบที่นี่
>>597 หัวหน้ามึงก็เสือกไปนะ ก็ไม่สนิทใจ ไม่ได้อยากสนิท ทำไมต้องไปอะไรมากมาย แค่ถามแล้วตอบ ทำงานด้วยกันได้ งานสำเร็จ แค่นี้ก็ดีแล้ว หัวหน้ามึงจะอะไรนักหนา
กูอยู่แวดวงราชการ เกลียดมากกกกก วันๆ นั่งคุยเรื่องละคร นินทาชาวบ้าน ไม่ก็บ่นลูกผัวตัวเอง รำคาญชิบหาย ทำงานกันเงียบๆไม่เป็นรึไง กูนั่งทำเงียบๆก็หาว่ากูหยิ่ง กูไม่ดูละคร ไม่มีครอบครัว ไม่ชอบเสือกเรื่องชาวบ้าน แล้วจะให้กูคุยยังไงวะไอ้แอนิมอล
ส่วนตัวกูชอบออฟฟิศพี่กูว่ะ บ.ยุ่นปนไทย พี่กูเล่าว่าที่นี่ไม่ยุ่งกันเท่าไหร่ แต่เลิกงานแล้วก็ไม่มาจับผิดหรือคิดว่าทำงานดึกคือขยัน ทำงานให้เสร็จตามกำหนดก็พอ จะดีจะเหี้ยก็เรื่องของมึง ถ้ากูจบสาขาเดียวกับพี่กูคงรีบสมัครเลย อยากทำมาก ชอบสังคมแบบนี้ที่สุด
>>600 กูก็ไม่ได้อะไรนะ เพราะตอนเข้าไปทำงานแรกๆกูก็ยอมรับว่าไร้มนุษย์สัมผัสจริงๆ ผิดมารยาทของสังคมไทยด้วยมั้ง ไปไม่ลา มาไม่ไหว แทบจะไม่ทักทายอ่ะ สแกนนิ้วเสร็จก็จบ หัวหน้ากูก็เตือนๆเพราะหวังดีด้วยนั้นแหละ กูก็ยอมรับว่าเป็นคนค่อนข้างเก็บตัวจริงๆ ไม่อยากทักทายถ้าไม่จำเป็น
แวดวงราชการกูไม่อยากทำ เพราะกูทำเอกชนมาสองที่เจอหัวหน้าดีๆหมด เพื่อนร่วมงานก็ดี ถ้าเจอแวดวงราชการแบบเดียวกับมึงคงแย่ว่ะ แต่กูก็ถือคติในการทำงานว่า คนที่ตัดสินกูมีแค่หัวหน้ากับ HR กูก็เคยมีปัญหากับเพื่อนร่วมงานนะ แต่ก็เฉยๆไม่เก็บมาคิดมาก ปล่อยแม่ง ช่างแม่ง
สุดท้ายคนประเมินกูก็หัวหน้ากับ HR อยู่ดี
ถ้าเลือกได้กูอยากทำงานเอกชน แต่ความสามารถกูอาจจะไม่ถึง สุดท้ายต้องหางานราชการสอบเพื่อนเงินเดือนที่แน่นอนและสวัสดิการล่ะวะ
แต่ทุกวันนี้ก็พยายามพัฒนาตัวเองให้อยู่ในสายงานของเอกชนได้อยู่
>>602 กูกำลังสิ้นไร้ไม้ตอกเนี่ยดิ แต่กูยังไม่ได้สอบภาคก.เลยว่ะ พอดีไม่ทันของปีนี้
มันแย่ยังไงบ้างเล่าให้ฟังบ้างดิ เผื่อมันอาจจะเป็นเรื่องที่กูเฉยๆ ไม่ซีเรียส
ส่วนเรื่องเงินเดือนพอดีว่าแถวบ้านกูมันเป็นจังหวัดที่กดเงินเดือนชิบหาย
ภาคเอกชนกับราชการเลยเงินเดือนไม่ต่างกันเลยว่ะ เผลอๆ ราชการได้มากกว่าด้วยซ้ำ
>>604 แต๊งกิ้วมากที่ช่วยตอบให้ 2 3 4 ที่ไหนก็เป็นนะ เอกชนก็เป็น แต่ 1 นี่ไม่เคยเจอจริงๆ ว่ะ ของกูมีอะไรระดับผู้บริหารต้องรับก่อนเพราะทุกอย่างต้องผ่านการ approve จากคนพวกนั้น ...ทำงานที่ไหนก็มีปัญหาเนอะ เหนื่อยว่ะ บางทีก็เหนื่อยจนไม่อยากทำอะไรเลย แต่ตราบใดที่ยังแดกข้าว ยังต้องจ่ายค่าสาธารณูปโภคต่างๆ ยังต้องมีที่ซุกหัวนอน ก็ยังต้องทำงานต่อไป
ตอนนี้กูอยากทำงานกับเอกชนนะ รู้สึกว่ามืออาชีพกว่าและสบายใจกว่างานราชการ แต่ความสามารถกูไม่ถึงว่ะ จบกฎหมายเกรดสองกว่า ไม่มีเนติไม่มีตั๋วทนาย กำลังคิดจะเปลี่ยนสายงาน เพราะที่ทำงานกูสั่งให้ไปสอบ TOEIC กูกะว่าถ้าได้ซัก 650 น่าจะหางานสายภาษาไปเลย ภาษาญี่ปุ่นกูก็ฝึกๆอยู่ เพิ่งผ่าน N5 มา กะว่าจะไปN3 ให้ได้ภายในปีหน้า
งานราชการถึงจะฟังดูนาเบื่อ แต่สำหรับเด็กที่เกรดไม่สวยอย่างกูก็ถือว่าเงินเดือนสูงวะ เริ่มหมื่นห้าไหลไปเรื่อยๆตามตำแหน่งก็ดีเหมือนกัน แต่ตอนนี้ตัวเลือกของกูกูเลือกพัฒนาตัวเองแล้วไปหางานเอกชนดีกว่า
กูอยู่บริษัทฝรั่งที่ชอบโปรโมตว่าเราอยู่กันอบอุ่นแบบครอบครัวไรงี้ว่ะ ตอนนั้นบริษัทอื่นไม่เรียกเลยไม่มีทางเลือก
เข้ามาแจ๊กพอตแตกเจอบริษัทประเภทเฟคเข้าหากัน ชอบเล่นละครปาหี่ทำเป็นว่าทุกคนสนิทกันเหลือเกินอะไรพวกนี้ น่าคลื่นไส้ชิบหาย
แถมเจอกิจกกรมปัญญาอ่อนให้มาเต้นเหมือนเด็กอนุบาลตอนไปเที่ยวของแผนกไรงี้ด้วยว่ะ
เสียดายที่ตอนแรกกูแทบจะเป็นคนเดียวในแผนกที่ไม่ชอบอะไรแบบนี้ กว่าจะมีคนที่เข้ามาหลังๆที่ไม่เอาด้วยเยอะกูก็ดันกำลังจะออกพอดีอีก
พึ่งสัมมาหวะ ตอนเรียกเงินไปนี่ เค้าถามว่าพอหรอ จะเหลือเก็บหรอ นี่ถือว่าเรียกน้อยใช่ปะ เค้าจะเติมให้เพิ่มปะ กูจบใหม่ยังละอ่อน
>>605 2 3 4 ไม่ได้เป็นทุกที่นา ถ้าทำเอกชนแล้วเจอแสดงว่าบริษัทกาก หาใหม่ซะ แต่ราชการนี่เป็นทุกที่ชัวร์ๆ
>>608 เรียกเผื่อๆไปเลย เรียกเกิน(ไม่เยอะ)เค้าจะต่อรองเอง แต่เรียกน้อยเค้าก็ให้เท่าที่เรียก แล้วมึงจะมาเสียใจเองทีหลัง ที่เค้าถามคือมึงอาจเรียกน้อยไปมากๆจนเค้ากลัวว่าไม่นานจะต้องเปลี่ยนงานอัพเงินเดือน
>>609 หาอยู่เนี่ย หามานานแล้วด้วยยังไม่ได้ซักทีว่ะ ;_; เลยต้องทำงานที่เดิมไปพลางๆ ก่อน
กูมีประสบการณ์ทำมาแล้วทั้งบ.เล็กและบ.ใหญ่ระดับข้ามชาติ ที่กูเจอความเหี้ยมาคือพวกบ.เล็ก กูก็ไม่อยากเหมารวมนะว่ามันจะเป็นทุกบ. แต่มันทำให้กูเข็ดขยาดไปเลยว่ะ เวลาเจองานที่ JD น่าสนใจในบ.เล็กเลยกลายเป็นไม่กล้าสมัครแล้ว กลัวจะไปเจอความเหี้ย ความมั่ว ความยืดหยุ่นที่มารู้ตัวอีกทีว่ามันยืดหยุ่นเพื่อเอาเปรียบกูนี่หว่า สัส อยากกลับไปทำงานบ.ที่เป๊ะๆ เหมือนเดิม แต่เลือกงานมันก็เลยหางานยาก
อีพวกเพื่อนร่วมงานกูเป็นไรกันมากป่ะวะ กูไม่ได้ทำไรไม่ดีหรือทำเหี้ยไรให้ใครเลยนะ อีดอกจับกลุ่มนินทากูละ แม่งเดี๋ยวนินทาคนนั้นคนนี้ อยากรู้แม่งนินทากันเองด้วยป่ะวะ ก่อนหน้ากูแม่งนินทาอีกคนให้กูฟังแต่ละอย่างตรรกะป่วย ง่อยแดกมาก เค้าแค่ไม่ทักทายมันแม่งจับมานินทาเป็นวรรคเป็นเวร อีดอก กูเกลียด กูอยากลาออก อยู่ด้วยละอึดอัด อีห่าราก
ออฟฟิศกูจัดใหม่ กูได้นั่งข้างพี่ที่หล่อมาก แล้วอยู่ๆดีๆ ก็โดนรุ่นพี่ที่เกลียดขี้หน้าให้ย้ายไปนั่งข้างๆกัน =_=; เหตุผลลึกๆคือนางหึงอ่ะ
ไหนๆนางก็ไม่ชอบกูอยู่แล้ว พอนั่งข้างกัน นางก็อัดกูวันเว้นวัน ลูกค้าด่านางก็มาอัดกู กูเหนื่อย กูเครียด ยิ่งเครียดยิ่งทำพลาด นางด่ากูต่อหน้าทุกคนยิ่งกว่าเจ้าของบริษัท แต่พอพี่หล่อมา นางจะค่อยๆเฟดเลิกด่ากูไปเอง...
พอเล่าให้ที่บ้านฟัง ที่บ้านบอกให้บอกบอสไปตรงๆ ว่าขอย้ายที่นั่งเถอะ ให้อดทนกับงาน แต่อย่าอดทนกับคน
แต่กูกลัวว่ะ เพิ่ง่เข้ามาใหม่ๆ ยังไม่อยากอะไรมาก ไม่อยากให้เขาเข้าใจว่ากูมีปัญหากะพี่เขาด้วย
ที่บ.มีกล้องวงจรปิด ซึ่งบอสเช็คเรื่อยๆ กูว่าบอสก็รู้อยู่แหละ ว่าพี่เขาอะไรกะกูทู้กวัน แต่คงไม่อยากยุ่งเป็น personal matter จนกว่ากูจะทนไม่ไหว
กูควรคุยกะบอสเรื่องย้ายที่มะ?
มึงก็โดนเค้าโขกสับเขาต่อไปแล้วกัน แล้วอีพี่นั่นเป็นใครสั่งให้มึงย้ายที่ แล้วทำไมนางหึง เป็นเมีย?
อีกอย่างถ้ามึงไม่บอก แล้วมึงไม่คิดหรือไงว่าอีพี่นัืนจะเอามึงไปใส่ไฟทีหลัง
กูโดนใส่ไฟอยู่แล้วอ่ะ เห็นๆ...
ส่วนที่ย้ายที่ เจ๊แกไปบอกบอส ว่าให้ย้ายเถอะ ปรับพื้นที่แบบนี้ๆ ฉันกะเขาจะได้ทำงานง่ายขึ้น T^T ซึ่งการจัดแบบที่ว่ามามันก็มีข้อดีจริงๆ
บอสเลยให้ย้าย ส่วนเจ๊ก็ไม่ใช่เมียหรอก เจ๊แค่ชอบพี่เขา
กูเคยโดนย้ายที่นั่งเหมือนกัน จากสวรรค์ในที่ทำงานของกูที่โต๊ะข้างๆ เป็นเด็กจบใหม่ที่แสนจะน่ารักอ่อนหวานและโมเอ้สไตล์พิมฐา กลายเป็นไอ้รุ่นพี่ผู้ชายขี้เก๊กกวนส้นตีนที่กูเกลียดที่สุดในแผนก ยังดีนะมี Partition แม้จะไม่สูงมากบังหัวแม่งไม่มิดบังเสียงมันก็ไม่ได้แต่ถ้าไม่มี Partition กูว่ากูกระอักเลือดตายไปนานแล้ว กูเคยคิดจะบอกนายขอย้ายโต๊ะเหมือนกันนะ แต่กูไม่มีเหตุผลที่ดีว่ะ จะบอกว่ามันปากมากเสียงดังรบกวนสมาธิในการทำงานก็เกรงว่าถ้ารู้ถึงหูมันคงได้ต่อยกันแน่นอน
หมดแรงและหมดเงินกับการสัมภาษณ์งานมากๆ ลาถี่จนนายเริ่มสงสัย (กูแอ๊บลาป่วยบ้างกิจบ้างพักร้อนบ้างสลับๆ กัน พยายามให้เนียน) เริ่มลังเลแล้วว่าจะพับโปรเจคเปลี่ยนงานไว้ก่อนดีมั้ย เก็บเงินเก็บแรงไว้สมัครอีกรอบซักช่วงปลายปี ช่วงนี้ใครหางานกันอยู่บ้างวะ มาแชร์กันๆ
อยากเป็นนีท...
>>621 สมัครไม่เยอะนะ แต่แต่ละที่เรียกสัมฯ หลายรอบทั้งนั้นเลย บางที่ก็ตกลงรับแล้วแหละแต่กูไม่เอา เพราะพอไปนั่งคุยกันจริงๆ JD ไม่ตรงกับที่ประกาศไว้แต่แรกบ้าง กดเงินเดือนบ้าง ซึ่งกูก็มีงานทำอยู่แล้ว ถ้าเปลี่ยนงานแล้วดูท่าทางมันจะแย่กว่าเดิมก็ไม่รู้จะเปลี่ยนทำไมว่ะ ส่วนไอ้ที่ที่อยากได้จริงๆ ตรงใจทุกอย่างมันก็ไม่รับกู เงียบหายไปตามสเตป
ทำงานมาเดือน โดนทักตลอดว่าเพิ่งทำงานมาใช่ไหม ต้องทำไงให้ดูมีมาด มีความมั่นใจกว่านี้วะ
กูเบื่อคนที่ออฟฟิศจะขี้เสือกเรืิ่องของคนอื่นอะไรนักหนา เพื่อนก็ไม่ใช่ พ่อแม่ก็ไม่ใช่ แล้วไอ้พวกที่ตี้ซี้คนอื่นด้วยการปากหมานี่เก็บปากไว้กินข้าวเถอะ ไอ้ห่า รำคาญชิบหาย พ่อแม่บ้านมึงสอนให้เข้าหาคนอื่นวิธีนี้เหรอไอ้สัด
>>624 มึงคนเดียวกับ >>>/lounge/1319/927/ ป่าววะ กูกำลังเจอคนแบบเดียวกันในออฟฟิซเป๊ะๆเลย
โม่งซาลารี่แมนแบ่งเงินเดือนมาซื้อของเล่น มาช็อปปิ้งกันยังไงบ้างวะ
fix ตายตัว เดือนละไม่เกิน 5000 สำหรับของเล่น ใช้เหลือ ยกยอดไปใช้เดือนอื่นได้
ถ้าเงินเดือนมากกว่านี้ถึงจะขยาย
http://fastwork.co/
ถามในนี้ได้ป่ะวะ อยากรู้ว่าเว็บนี้มันเชื่อถือได้มั้ย อะไรยังไงว่ะ
กูเป็นคนเบื่ออะไรง่ายมาก ทำงานแปปๆกูเปลี่ยนบ.อีกแล้ว แต่เห็นกูเปลี่ยนบ่อยแบบนี้ ประวัติงานกูเพอเฟคทุกอย่างมีแต่คนอยากได้กูไป บางที่จ้างกูเป็นที่ปรึกษาด้วย แต่กูรู้สึกว่ามันน่าเบื่อ จะหาว่ากูแก่แล้วยังเบียวก็ได้แต่กูอยากทำงานกับพวกองค์กรลับไรงี้จังว่ะ คงมีอะไรตื่นเต้นการเก็บเป็นความลับให้กูทำแน่เลย บ.เก่าเคยส่งกูไปส่องข้อมูลสินค้า หาความลับทางการค้าของบ.ข้างเคียงมันก็ลับนั่นแหล่ะ แต่มันไม่ใช่ กูอยากรู้ว่าต้องทำยังไงถึงจะได้ทำงานกับพวกองค์กรลับจังว่ะ
ตั้งแต่กุเพิ่งทำงานมา บอสถ่ายรูปเดี่ยวกุลงกรุปไลนบริษัทไปสามรอบละ คือบ.กุอยู่กันแบบครอบครัวๆอ่ะนะ
แล้วก็ชมว่ากุน่ารัก เขาเอ็นดูกุ หรืออะไรกุป้ะ คือกุปลื้มเขานะ /โหมดมโนและเขินสัสๆ ...ปกติป้ะวะ
ยังไม่มีว่ะ ปกติเขาวางตัวกะกุดี คือมันก็มีระดับความสนิทที่ห่างกันน่ะนะ กุก็ปลื้มที่เขาสุภาพด้วยแหละ
คือตกลงมันไม่นอมอลใช่ไหม กุจะได้เก็บเอาไปจิ้นของกุต่อ
>>638-639 มึงกับบอสอายุเท่าไร
ลักษณะงานที่ทำ มึงเป็นเลขารึเปล่า ถ้าตำแหน่งนี้แล้วบอสชมถือว่าไม่แปลกเท่าไร เพราะตำแหน่งเลขามันก็ถือว่าเป็นหน้าเป็นตาให้บอสด้วย
กับคนอื่นเค้าว่าไงเรื่องนี้มั้ง
บอสมึงโดนนินทาเรื่องเจ้าชู่รึเปล่า
บลาๆๆๆๆๆๆๆ
ถ้าข้อข้างบนผ่านหมด มึงอ่... โทดๆ จีบบอสมึงเลย แล้วย้ายไปมู้นี้ >>>/lifestyle/2017
แต่กุเป็นแบบที่ 640 บอกมาทุกอย่างไง เส้า ; ; ไม่มีไรในกอไผ่
นิดนึงครับ แนะนำที่ซื้อเสื้อเชิร์ตใส่ทำงานให้หน่อยครับ คือผมตัวเล็กไง167เซน หาไซส์ใส่พอดีๆตัวยากมากเลย ไม่สั้นไปก็ยาวไป
ไอ้ที่ไซส์สวยๆก็เป็นแนวแฟชั่นซะ
กุโม่ง ญ ทำงานที่ต้องออกภาคสนามค่อนข้างบ่อย สายงานกุก็มีแต่ ผช บางครั้งออกฟีลด์กันก็มีตั้งวงบอลดูหนังโป๊อะไรแบบที่ผู้ชายเค้าดูกัน เรื่องแถวห้องกาม่าที่คนในทีมกุคุยกันแล้วผู้หญิงบางคนอาจจะไม่โอเค ส่วนตัวกุเฉยๆ กุก็ออกตัวว่ากุไม่ถือ คุยได้ แต่เพื่อนร่วมงานเหมือนจะยังเกรงใจที่กุเป็นผู้หญิงอยู่ไง จะคุยต่อหน้ากุก็ดูกระอักกระอ่วนเหลือเกิน ไม่ใช่แค่เรื่อง 18+ ด้วย บางทีเรื่องทั่วๆไปกุก็รู้สีกเหมือนตัวเองแปลกแยกยังไงไม่รู้ ฝ่ายกุว่าตัวเองเรื่อยๆนะ แต่อีกฝ่ายเหมือนบางโมเม้นเหมือนเค้าไม่รู้จะทำตัวกับกุยังไงดี กุอยากสนิทกับทุกคนแบบไม่ต้องรู้สึกกั๊กๆบ้างนะ ถอนหายใจยาวแพร้บบบบ
>>646 มึงเป็นคนดีจัง อุตส่าห์มีเวลามานั่งเป็นห่วงว่าคนอื่นจะต้องมานั่งเกรงใจมึงที่ไม่สามารถพูดอะไรเหี้ยๆ ออกมาจากใจจริงได้ กูนี่ไม่สนใจเลย กูถือว่าอยู่ร่วมกันก็ต้องเกรงใจกันน่ะถูกต้องแล้ว ไม่ชอบให้มาพูดอะไรที่ไม่ควรพูด พูดเล่นนอกเรื่องงานได้ตามปกติแต่อย่ามาตีซี้ ลามปาม เกินเลย เพื่อนร่วมงานก็แค่เพื่อนร่วมงาน ทำงานจบก็แยกย้าย
>>648 กุว่ามึงเข้าใจประเด็นกูผิด กุเฉยมากๆกับเรื่องพวกนี้ไง พูดต่อหน้าหรอไม่พูดคือมันไม่ต่างสำหรับกุ แต่กุอึดอัดที่ทุกคนทรีตกุไม่เหมือนคนอื่น แค่เพราะกุเป็น ผญ
ที่มึงว่ามาก็ถูกว่าเลืกงานก็แยก กับทีมเวลาเข้าออฟฟิศกุค่อนข้างไม่แคร์ แต่ทีมออกสนามบางทีต้องไปอยู่ ตจว ด้วยกันทีนานๆ เลิกงานไม่มีไรทำ ก็ไปกินเหล้ากัน (หัวหน้าทีมกุจะเอาทุกคนไปด้วยให้ได้ เป็น team bonding) เจอแบบนี้มัน awkward นะ
>>649 คืองี้มึง เขาก็ต้องมองว่าถ้ามึงยอมรับtopicนี้ก็ดี แต่ถ้าไม่แล้วพูดไปมันก็เกินปัญหาปะ play safeไม่พูดซะยังดีกว่า
คือถ้ามึงอยากจะบอกเขาว่าสบายๆนะ พูดได้ มึงควรบอกเขาเองนะ เพราะการที่กลุ่มผู้ชายวางตัวงั้นอะถูกแล้ว
กูเป็นอีกคนที่คิดแบบ >>648 คือคุยได้แต่ถ้าลามปามกูไม่โอเค มึงโอเคก็ไม่ว่าอะไรแต่เห็นใจกูกับผู้หญิงคนอื่นหน่อย
ถ้าผู้ชายทุกคนมาคุยทะลึ่งตึงตังด้วยต่อหน้าแบบเอามาตรฐานว่าผู้หญิงต้องโอเค(อย่างที่มึงเป็น)กับเรื่องลามกนี่กูก็awkwardว่ะ
>>651 คิดแบบนี้เป๊ะ เขาไม่พูดก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลย ผู้ชายดีๆ ที่รู้จักให้เกียรติผู้หญิง มีสามันสำนึกว่าต้องปฏิบัติกับผู้หญิงแตกต่างจากผู้ชายมันก็เป็นเรื่องปกติของโลกที่มีอารยธรรมอยู่แล้ว มันไม่มานั่งอึดอัดไร้สาระห่าอะไรหรอก มันก็แยกแยะได้ว่าเวลาอยู่กับผู้หญิงต้องวางตัวยังไง อยู่กับตัวผู้ด้วยกันค่อยเต็มที่ ผู้หญิงเองก็ไม่ต่างกัน เวลาอยู่กับผู้หญิงด้วยกันก็เต็มที่ในแบบของผู้หญิงได้ แต่เวลามีผู้ชายอยู่ด้วยเราก็มีเรื่องที่ต้องเกรงใจพวกเขาเช่นกัน มันคือมารยาทการอยู่ในสังคม ซึ่งการที่ผู้ชายในที่ทำงานมึงรู้จักวางตัว รู้จักเกรงใจ ไม่ลามปามก็ดีแล้ว พวกเขาวางตัวถูกต้องแล้ว ดีกว่าพวกลามปามไม่รู้จักแยกแยะหญิงชายเยอะ
กูว่าข้อแรกมึงเปลี่ยน common sense ตัวเองใหม่เลย เรื่องการที่เขาปฏิบัติกับมึงไม่เหมือนผู้ชายคนอื่นเพราะมึงเป็นผู้หญิงน่ะ มันเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่เรื่องที่ต้องอึดอัด หรือมึงปฏิบัติกับญ-ชเหมือนกันหมด? กับเพื่อนผู้หญิงกูซบเล่นได้ จับนมเล่นได้ หรืออาจจะพูดคุยเรื่องประจำเดือนหรือเรื่องลับอื่นๆ ตามประสาผู้หญิงด้วยกันได้ แต่กับผู้ชายกูก็ไม่ทำ ต่อให้เป็นเพื่อนสนิทกันแค่ไหนกูก็ต้องเว้นระยะห่างบ้างเพราะมันคือ "เพศชาย" มันเป็นเรื่องถูกต้องอยู่แล้วที่คนต่างเพศกันควรจะต้องวางตัวและปฏิบัติต่อกันแตกต่างกัน การที่มึงคิดว่ามันต้องปฏิบัติเหมือนกัน คิดว่าการที่คนต่างเพศกันเกรงใจกันในบ้างเรื่องเป็นเรื่อง awkward กูว่ามึงควรเปลี่ยนความคิดด่วน
ขอบช่ายเนื้อหาของมู้วันศุกร์นี่คือแนวๆไหนอ่ะ ต้องเป็น salary man รึเปล่า? ถ้าไม่เกี่ยวกันเลย (ค้าขายหรือไรงี้) กูต้องไปตั้งใหม่ป่ะนะ
งั้นกูลองบ่นก่อนละกัน
สัด โลตัสแม่งขายของถูกจังวะ
ของบางอย่างแม่งถูกกว่าทุนที่กูรับมาอีก
ถึงจะบอกว่าร้านเล็กๆ แบบกูสะดวกกว่า
แต่ถ้าคนอยากสะดวกแม่งก็เข้า 7-11
ขายของถ้าทุนน้อยนี่แย่ว่ะ
สัส กูเพิ่งได้อ่านแนวคิดของบ.กูเกิ้ลแล้วหงุดหงิดบริษัทตัวเองจังว่ะ
ไม่ใช่ว่าบริษัทไม่ดีนะแต่บุคลากรอ่ะดิที่ไม่ดี เพราะแม่งเป็นบริษัทเล็กๆคนก็เลยน้อยงานก็จับฉ่าย กูก็ไม่ว่าไรเรื่องงานกูโอเคอยู่ละ แต่วิธีการทำงานของคนในองค์กรณ์อ่ะดิ อย่างคนที่ต้องต้องทำงานร่วมด้วยกันแม่งเป็นหัวหน้าคุมงานกูอีกที ไม่รู้บริษัทจ้างมันมาได้ไงเพราะแม่งชอบทำตัวโลเลมากๆ แม่งชอบทำงานแบบไม่มีการวางแผนไว้ก่อน งานแม่งไม่มีขอบเขตเหี้ยไรเลย ชอบมาสั่งให้กูแก้งานตามอำเภอใจ นึกอยากเปลี่ยนอะไรก็เปลี่ยน แบบวันนี้ถูกใจให้ผ่านวันต่อมาเปลี่ยนใจไม่เอาละ ให้แก้ใหม่หมด บางงานต้องแก้ปัญหาแต่พอแม่งคิดไม่ออกแม่งก็ข้ามปัญหานั้นไปเฉยเลยเว้ยแล้วไปสั่งให้กูทำอย่างอื่นแทน กูนี่ต้องจี้ๆๆว่าแล้วตกลงเรื่องนี้จะเอาไง ปัญหานี้จะแก้ไงดี ก็เอาแต่พูดว่าไม่รู้เหมือนกันให้กูไปหาทางแก้มาเอง สัส กูนี่เซ็งชิบหาย ให้กูไปแก้มาเองเดี๋ยวแม่งก็ไม่ถูกใจมึงอีกก็แก้ไปทั้งชีวิตละกัน
แล้วบางทีชอบบอกข้อมูลมาไม่ครบ พอกูทำงานไปไม่ตรงความต้องการแม่งก็มาโวยวาย ไม่ใช่ยังงี้ๆ แบบนี้ไม่ได้ดิ จะให้ทำแบบนี้ตะหาก กูนี่อยากตบกระโหลกมากว่าทำไมต้องการอะไรไม่บอกแต่แรกให้มันชัดเจน พอกูถามมากก็บอกให้กูไปคิดเอง พอกูคิดเองแม่งก็ยังงี้ทุกที ชอบมาพูดทีหลังว่าอยากให้ทำอย่างงี้ตะหาก แล้วไมไม่บอกวะ จะเอางานเมื่อไหร่ก็ไม่ยอมบอก อยู่ๆก็มีเซอร์ไพร์ว่าเสร็จรึยังจะเอาทั้งหมดวันนี้นะ กูนี่เงิบเลย ทำงานด้วยลำบากสัส ที่ลำบากกว่าคือแม่งคิดว่าทั้งหมดเป็นความผิดของกูเองที่ไม่โปร ทำงานไม่เก่งเอง เออ กูเดาใจมึงไม่เก่งหรอก มึงไม่ได้ดูตัวเองเลยสินะ
แล้วอีป้าที่ทำงานอีกคนเป็นเหี้ยไรชอบจับผิด เวลากูทำงานชอบชะเง้อหน้ามาแอบมองอยู่ตลอดว่ากูทำอะไร บอกตรงๆอึดอัดมาก พอเห็นกูไม่ได้ทำงานอยู่ก็พูดละ กกูนี่ต้องทำงานตลอดเวลาเลยเหี้ย ต้องทำติดต่อไปเลยจะเข้าเว็บอื่นเกินหนึ่งนาทีนี่โดนมองละ ว่างมากนักรึไงอีเหี้ย แล้วด่าอะไรใครตัวเองก็เป็นซะทั้งนั้น อายุจะ40แล้วป้ายังคิดไม่ได้หรอวะ ควยๆ อยากเสือกได้ม้ายยยย อย่ายุ่งกะวิธีการทำงานของกูได้มั้ย กูไม่ใช่เครื่องจักรผลิตงานนะ ให้เวลากูหายใจบ้างเหอะ
กูไม่แปลกใจเลยว่าทำไมบ.นี้คนถึงอยู่ไม่ยาว ก็เพราะอึดอัดกะอิพวกช่างจับผิดพวกนี้อ่ะดิ แถมเพื่อนร่วมงานดันเสือกทำงานแบบนี้อีกใครจะไปทนอยู่ กูอยู่มาได้เกินปีนี่ก็เซอร์ไพร์สสัสๆแล้วนะ กูยังอึ้งเลยว่ากูทนกะอิพวกนี้มาได้ไง
บ.อื่นแม่งเป็นงี้กันป่ะวะ พวกบ.เล็กๆอ่ะ
สมัยกูทำงานบริษัท ผู้ร่วมงาน โอเคกว่านั้นนะ หมายถึง เรื่องงานอ่ะนะ
อาจจะมีล้อเลียนกูอยู่ (ล้อเลียนเรื่องที่กูไม่อยากให้ล้อเท่าไหร่) กะบางคนนิสัยส่วนตัวแปลกๆ (แต่เรื่องแบบนี้ กูก็เป็น)
ส่วน เรื่องงาน ก็แบ่งกันดี คือ ผิดที่ใครคนนั้น ก็ต้องแก้ ไม่คอยจับผิด ไม่งี่เง่า อาจจะทำงานไม่เท่ากันบ้าง แต่ก็พอรับได้
เสียแต่ว่าเงินเดือนน้อย ไม่สิ น้อยมาก
เมื่อกี้กดผิด >>656 เรื่องปกติมึง โลกมันอยู่ยากขึ้นทุกวัน พ่อกูพูดไว้ตั้งแต่กูยัง 10 ขวบ ตอนนั้นกูยังไม่เข้าใจ ตอนนี้ซึ้งแล้ว บ้านกูค้าขายตั้งแต่เด็ก สมัยก่อนค้าขายง่ายมาก บ้านกูนี่เริ่มจาก 0 เลย อย่างจน ทุนเทินเหี้ยอะไรน้อยมาก แค่ซื้อมาขายไป ขยันหาของแปลกใหม่มาขาย พอมีเจ้าอื่นขายตามเราค่อยหนีไปหาอย่างอื่นมาขาย ปลาใหญ่สมัยก่อนก็ขายแต่ whole sale เดี๋ยวนี้ปลาใหญ่แม่งลงมาขายรายย่อยเองหมด ปลาเล็กก็ตายห่า งัดสกิลมาต่อสู้กันทุกวิถีทาง ช่องทางอะไรๆ มันก็เยอะ จะหาของแปลกใหม่ที่คนอื่นยังไม่เอามาขายนี่ยากแสนยาก แถมเจอปัญหาเดียวกันคือไม่รู้มันไปรับมาจากไหน ถูกกว่าทุนที่กูหาได้อีก เหนื่อยๆ ค้าขายสมัยนี้เหนื่อยมาก ดีว่าสมัยกูยังเด็ก (ก็คือพ่อแม่กูยังหนุ่มยังสาว) หาเก็บไว้เยอะพอสมควร เลยพอปลดระวางได้ ตอนนี้เหมือนทำไปงั้นๆ แก้เบื่อมากกว่า ส่วนกูหนีออกมาเป็นมนุษย์เงินเดือนแทนแล้วว่ะ รายได้น้อยกว่าสมัยค้าขายนิดหน่อยแต่มั่นคงดี กะว่าคงทำเหมือนพ่อแม่แหละ หาเงินไว้เยอะๆ ตอนอายุยังน้อย ประหยัดอดออม แก่ตัวมาก็เน้นกินดอกผลจากเงินเก็บ แล้วก็หาอะไรทำจุกจิกพอแก้เบื่อยามแก่
ต่อๆ สมัยนี้ซื้อมาขายไปอยู่ยากขึ้น แต่ก็ยังอยู่ได้นะถ้ารู้จักหาช่องทาง ปรับตัวตลอดเวลา แต่กูว่าสมัยนี้น่าจะขายอะไรที่เป็นของตัวเองจะดีกว่าไปสู้กับของ mass ที่ปลาใหญ่มันมีกำลังซื้อกำลังต่อรองมากกว่าเราว่ะ กูก็เบื่อเป็นมนุษย์เงินเดือนนะ แต่กูไม่คิดจะกลับไปค้าขายแบบซื้อมาขายไปแล้ว กูอยากจะทำอะไรที่เป็นของตัวเองมากกว่า แบบที่ไปหาซื้อที่อื่นไม่ได้น่ะ ตอนนี้ก็มองพวกของกินอยู่ เพราะคนเรายังไงก็ต้องกิน แต่ยังไม่ลงตัวว่าจะทำอะไรขายดี ใจชอบพวกเบเกอรี่-เครื่องดื่มแต่แม่งเปิดกันแทบจะทุก 3 ก้าวอยู่แล้ว ต้องมีจุดขายแปลกใหม่ แต่ยังนึกไอเดียดีๆ ไม่ออก
คือจริงๆ ขายของถ้ามีทุนซักนิด รายได้มันก็พอตัว แต่ก็เอาแน่มากไม่ได้ เกิดวันนึงมี 7-11 มาเปิดข้างบ้านก็คงแย่อยู่
พวกมึง ถ้าบริษัทมีสวัสดิการอาหารกลางวันให้โดยที่มึงต้องสั่งมากินเองแล้วบริษัทจะจ่าย เค้าห้ามสั่งเกิน 50 หรอวะ
พอกูสั่งเกิน 50 แต่ไม่เกินร้อยทีไร โดนแขวะทุกทีว่าเปลืองบ้างไรบ้าง อยากรู้ว่ามันผิดหรอวะ
ถ้าราคาทุนของมึงแพงกว่าราคาขายโลตัสนี่คือมึงกากเองแล้วล่ะ ปกติบ้านกูมีร้านประจำอยู่ 3-4 ร้าน บวกมีเซลหน่วยรถมาขายถึงที่เรื่อยๆ ทั้งร้านทั้งเซลก็จะจัดโปรสลับๆกันไป ทำให้ร้านกูได้ของถูกกว่าราคาตลาดมาขายตลอด ตั้งราคาให้ต่ำกว่าเซเว่นนิดหน่อยก็อยู่ได้สบายๆ เพราะลูกค้าที่จับจ่ายประจำจะรู้เองว่าราคาเราถูกกว่า
>>666 ก็ไม่ได้แพงกว่าทุกรายการ กูพูดไม่เคลียเอง
คืองี้ ของกูขาย 500 รายการ ของราวๆ 400 รายการกูถูกกว่าโลตัส ถูกกว่า 7-11
แต่ โลตัสมันจะมีโละสต็อคเป็นระยะๆ ซึ่งจะทำให้ของราวๆ 50 รายการ ของมันถูกมาก ราวๆ 2 สัปดาห์
อย่างที่กูบอกไปแต่แรก ว่าของ "บางอย่าง" ถูกกว่าทุนกูอีก
แต่ก็ไม่ได้ถูกขนาดที่ซื้อจากโลตัสมาตุนแล้วขายคุ้ม
ส่วนมากทุนกูก็ได้จากการ เซลของร้านค้าส่งสลับกันกะหน่วยรถไปนี่แหละ ดังนั้น กูต้องมีสต็อคใหญ่พอสมควร และก็ต้องมีทุนในมือพอสมควร
เพราะถึงจะมีหลายแหล่ง มันก็สลับๆ กันลด
กูพูดถึงแต่แรกเลยว่า ถ้าค้าขายทุนน้อยนี่แย่เว่ย (คือ ทุนกูไม่น้อย แต่กูมองว่าคนทุนน้อยลำบาก มึงเข้าใจใช่มะ)
ปัญหาต่อมาที่สำคัญคือ ชื่อเสียงและทำเล แต่เรื่องนั้นไว้ว่ากันวันหลัง
กำไรลดจากเจ็ดหมื่นเหลือห้าหมื่นมันก็อยู่ได้ แต่กูก็อยากบ่นอยู่ดี
ขอถามอะไรโม่งมนุษย์เงินเดือนหน่อยนะ
กูกำลังจะได้งานเป็นเซลล์ ทีนี้ที่บริษัทที่ไปสมัครต้องทำงาน 6 วัน(เสาร์เว้นเสาร์) ตอกบัตรทุกเช้า เที้ยง เย็น มีวิ่งต่างจังหวัดแน่
แรกเริ่มเขาจะให้กูเป็นเซลล์ภายในก่อนอ่ะ พอเป็นเซลล์แล้วมีค่าคอม(เห็นว่าราวๆ2-5เปอ แต่กูไม่รู้ว่าเขาคิดค่าคอมกันไง) ค่าน้ำมัน ค่าสึกหรอให้
คิดว่ากูควรเรียกเงินเดือนเท่าไหรหรอโม่ง ตอนคุยทีแรกกูดันพลาดเรียกน้อยไป(16kเอง) เพราะลืมไปว่าทำงาน6วันอ่ะ T_T
เงินเดือนเซลก็ประมาณนี้แหละ ที่รวยๆเพราะคอมล้วมๆ
ที่นี่มู้คนทำงานฟะ เมิงเป้ฯเถ้าแก่ก็ คุยมู้นี้ไปเถอะ
ใช้หลอดใหญ่หน่อยก็พอล่ะ
ถ้าโดนเสนอให้ลดเงินเดือนแลกกับการผ่านโปรเป็นพวกมึงจะเอาไหม ถ้าบริษัทบอกว่า actual performance มึงไม่ได้ตามที่บริษัทคาดหวัง แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดต้องให้ออก ถ้ายอมลดเงินเดือนประมาณ 20% ก็จะจ้างต่อได้ แน่ถ้าจะให้จ่ายเท่านี้ก็จะให้ไม่ผ่านโปร ให้ออกไป โดยบอกล่วงหน้า 1 เดือน กูจึงไม่ได้ชดเชย หรือจะไปเสี่ยงหางานใหม่เอาดี เงินเดือนที่มันเสนอให้มันก็พอแดกอ่ะนะ แต่กูคิดว่ามันน้อยไป แต่อีกใจกูก็แอบหมดความมั่นใจในตัวเองยังไงไม่รู้ว่ะ เกิดมาเพิ่งจะเคยไม่ผ่านโปร
พรุ่งนี้วันจันทร์อีกแล้ว ทำไมส-อมันเร็วจังเลยวะ ;_;
เวลาย้ายงาน ได้บอกคนที่บ้านกันรึเปล่า
อยากเป็นล่ามนี่ นอกจากn1แล้วต้องมีอะไรอีกวะ ขอคำแนะนำหน่อย
ล่ามญี่ปุ่นนะ
ประสบการณ์
N1 ไม่ได้หมายความว่ามึงจะเป็นล่ามที่ดีได้นะ
อย่างเป็นล่ามโรงงงาน มึงก็ต้องรู้ศัพท์รู้ process ของโรงงาน
N1ซิงๆ ก่อนไปเป็นล่ามโรงงานนี่ไปทำอะไรกันมา
ก็เป็นล่ามโรงงานแหละ แต่ใหม่ๆโดนโขกหนักแน่
>>685 n1 ไม่จำเป็นนะ ล่ามโรงงานกูรับ n2 up บ้างที่เห็นงานไม่ยากมาก เนื้อหาน้อยหน่อย รับ n3 ก็มี
สิ่งที่จำเป็นต้องมีคือความอดทน รับแรงกดดันให้ได้ ปรับตัวไว เรียนรู้เร็ว สกิลการประนีประนอม แก้ไขเหตุการณ์เฉพาะหน้า ... สรุป เยอะว่ะ
>>688 ได้ตอนเรียนจบว่ะ เลยยังไม่ได้ทำอะไรเลย แต่มีความรู้สึกว่าถ้าให้ไปสอบอีกทีคงไม่ผ่านแล้ว ถถถถ
n1...n1 is everywhere
จากโม่งn3คาบเส้น
เอ้อแต่อยากถามหน่อยว่ะ
กูหัดเรียนเอง เลิกงานก็มานั่งเรียนเอง
ผ่านมา2ปีกว่าๆได้n3 นี่เร็วรึช้าวะ พวกคนที่เรียนที่มหาลัยน่าจะเข้าใจ
พวกเรียนเองนี่กูกราบจริงๆ นะ ถ้าให้กูเรียนเองกูว่าชาตินี้กูไม่ถึงไหนอ่ะ กูเป็นพวกโคตรขี้เกียจ ต้องมีคนป้อนเข้าปาก ไม่ยอมหาแดกเอง
N1 เดี๋ยวนี้เยอะจริงๆ ได้ยินว่าอิคคิวแบบเก่ายากมาก เป็นแรร์ไอเท็ม แต่ N1 นี่กากเดนอย่างกูยังสอบผ่านได้แบบงงๆ เลย (สงสัยจะกามั่วถูก)
บ.กูก็ N1 เดินชนกันเต็มไปหมด แถมพวก N1 แบบพาร์ทฟังคะแนนเต็มก็หลายคน แต่เต็ม reading kanji ยังไม่เคยเจอนะ ถ้ามีแม่งก็เมพเกิ๊น
กูนี่เบื่องานประจำอยากลองเปลี่ยนสายไปเรียนญี่ปุ่นให้สุดแล้วไปหางานใหม่อัพค่าตัว ติดแต่ตอนนี้อายุเหยียบเลข3 แล้วไม่รู้จะคุ้มรึเปล่า
>>697 กูก็ไม่เคยสอบอิคคิวแบบเก่าว่ะ สมัยนั้นกูยังอะอิอุเอะโอะอยู่เลย แต่ได้ยินจากรุ่นพี่ที่เคยสอบทั้งสองแบบว่าแบบเก่ายากกว่า ส่วนกูเคยสอบแต่ n1 กูว่าพาร์ทฟังกับบุงโปง่าย ส่วนคันจิไม่รู้กูเข้าไปกามั่วอยู่แล้ว reading ก็อ่านไม่ทันตามระเบียบ รวมแล้วผ่านแบบเฉียดๆ แต่ถ้าให้ไปสอบอีกรอบกุว่ากุไม่ผ่าน ถถถถ
>>696 ถ้ามึงไม่เคยได้สัมผัสสังคมการทำงานแบบญี่ปุ่น กูว่ามึงใจเย็นๆนะ เรียนภาษาเขาก็ต้องเข้าไปทำงานกับเขา มึงโชคดีเจอนายดีก็ดี โชคไม่ดีขึ้นมามึงจะทำไงวะ ย้อนกลับมาสายเดิม? แล้วมึงอายุเท่านี้แล้ว มึงคิดว่าจะแข่งขันกับเด็กจบใหม่ที่เขาเรียนสายนั้นมาได้รึเปล่า
แล้วงานที่ทำอยู่มีเวลาให้ไปเรียนภาษาจนสุดเหรอ จะเรียนจริงๆก็ต้องเรียนเป็นปีๆ
ถ้าพี่เบื่อพี่เปลี่ยนงานแต่ยังทำงานอินดัสทรี่เดิมแต่ยอมลดเงินเดือนกับมีเวลามากขึ้นดีกว่าไหม จะได้ดูแลสุขภาพด้วย
ป.ล.พูดถึงขนาดนี้พี่คงรู้ว่าโม่งพี่แหกแล้ว ไม่เป็นไรนะหนูจะเงียบๆ
ถ้าทำแล้วคิดว่าไม่เสียใจที่ทำก็เอาสิ ไม่มีอะไรแย่เกิดจากการรู้ภาษาเพิ่มอีกภาษาหรอก
ก็จริงนะ รู้ไว้ยังไงก็ไม่เสียหาย แต่อย่าไปหวังมาก เผื่อใจไว้บ้าง เดี๋ยวผิดหวังแล้วจะตั้งตัวไม่ติด อะไรๆ มันไม่ได้เป็นไปอย่างที่เราคิดเสมอไปหรอก ส่วนกูถ้าย้อนเวลาได้กูจะเรียนบรรณารักษ์ว่ะ ตอนนั้นไม่เคยอยู่ในหัวเลย คิดแต่จะเรียนอะไรที่มันหางานง่ายๆ ได้เงินเยอะๆ แต่พอมาถึงจุดนี้เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองไม่ได้เหมาะกับชีวิตแบบนี้เลย อยากเป็นบรรณารักษ์ห้องสมุด ใช้ชีวิตแบบสงบๆ อยู่กับหนังสือ ไม่ต้องวันๆ มานั่งไฟท์กับคน เฮ้อ
เบื่องานประจำโว้ย แม่งให้ 300 วันไหนไม่ไปทำ ไม่ให้กูละเซ็ง ให้กูอยู่แต่กะบ่าย ขอเพิ่ม 50 บาท ยังไม่ให้
ไปนั่งย้อนอ่านศุกร์แรก มาเบรคตรงไอเหี้ยนี่เต็มๆ
ศุกร์แรกมึงออกทะเลกันยังไง ศุกร์ปัจจุบันก็ไม่เปลี่ยนกันเลยนะมึง
กูลาออกจากงานมาเกือบครบ1เดือนและ แรกๆก็รู้สึกสบายนะ ไม่ต้องไปทำงานมีเวลาว่างเล่นเกมส์เล่นเน็ตอ่านหนังสือ ทำอะไรที่อยากทำแต่ไม่มีเวลาทำ พอผ่านมาเกือบเดือนกูเริ่มรู้สึกเหงาๆแล้วว่ะ แบบว่าชีวิตกูไม่มีอะไรให้ทำ เดี๋ยวเดือนหน้าจะย้ายกลับต่างจังหวัดคงเคว้งกว่านี้แน่ แต่กูคิดไว้แล้วว่าจะเรียนภาษาไปด้วยระหว่างที่ว่างงาน ปีหน้าสอบภาษาแล้วค่อยหางานใหม่
งานเก่ากูเป็นพี่เลี้ยงเด็ก เงินเดือนน้อยแต่งานสบายเหี้ยๆ มนุษย์เงินเดือนคนอื่นทำงานวันละ 8 ชั่วโมง แต่กูทำงานจริงวันละ5ชั่วโมง แถมเนื้องานก็ไม่มีอะไรยากแค่อยู่เล่นกับเด็ก แอบอู้เล่นมือถือได้บ้างนิดหน่อย แถมพักกลางวันเด็กนอนกูก็ได้นอน เงินเดือนน้อยแต่งานโคตรสบาย สบายจนตอนแรกกูไม่อยากจะลาออกเท่าไร แต่คิดว่ามันสบายเกินไปและ ออกมาจากComfort zone หางานที่หนักขึ้นยากขึ้นแต่เงินเดือนสูงขึ้นมันจะคุ้มกว่าในระยะยาว
>>709 ของกูได้ 12000 วุฒิ ป.ตรี เป็น รร.เอกชนสองภาษาแถวรังสิต ไม่ต้องมีวุฒิครูก็ทำได้ แต่ลักษณะงานจะเป็นพี่เลี้ยงเด็ก มีสองแผนกหลังๆให้ลงคือพี่เลี้ยงอนุบาลกับพี่เลี้ยงเด็กพิเศษ งานสบายเงินเดือนพออยู่ได้ งานจะยากหรือไม่ยากขึ้นอยู่กับพ่อแม่เด็กเป็นหลัก กูเจอมาสองแบบ แบบที่ไม่เรื่องมากกับแบบที่เรื่องมากชิบหาย อ่อบอกก่อนกูเป็นพี่เลี้ยงเด็กพิเศษว่ะ ช่วงแรกงานกูสบายเพราะเด็กที่กูดูแลไม่มีปัญหาพ่อแม่ก็ไม่เรื่องเยอะ เด็กสื่อสารรู้เรื่อง แต่ตอนก่อนกูลาออกกูเจอเด็กที่สื่อสารเกือบจะไม่ได้เลย(ถ้าพูดตรงๆคือเด็กคนนี้พิการทางสมอง)งานก็เลยหนักกว่าเดิม แถมเป็นเคสที่แผนกกูไม่ควรรับด้วยแต่เพราะความที่เป็นโรงเรียนเอกชน ผู้ปกครองจ่ายเงินมาก็รับเข้าเรียน ปัญหาเลยมาตกที่กู พ่อแม่เค้าก็เรื่องมากชิบหาย อยากให้ลูกได้ทักษะทางวิชาการทักษะทางสังคม ทั้งที่ตัวเด็กสมองประมาณ1ขวบเข้าห้องน้ำเองยังไม่เป็นนั่งๆเรียนในห้องบางทีก็ฉี่ราดกางเกง กูเลยคิดว่าลาออกดีกว่าขี้เกียจทำแล้ว อยู่แบบสบายมาเป็นปีออกมาหางานใหม่ที่ทำงานหนักขึ้นแต่ได้เงินเดือนมากขึ้นดีกว่า
เหมือนที่ >>708 บอกอ่ะ งานสบายเงินเดือนน้อยในขณะที่เพื่อนๆก้าวหน้ากันหมดกูก็รู้สึกว่าควรออกจาก Comfort zone ซักที
อ่อไหนๆก็บ่นแล้ว กูบ่นผู้ปกครองต่ออีกหน่อยล่ะกัน คือโรงเรียนที่กูเคยทำงานอยู่เนี่ยผู้ปกครองรวยๆทั้งนั้น แต่การที่พวกเค้ามีเงินมันกลายเป็นว่าทำให้หนีความจริงของลูกตัวเองว่ะ อย่างเคสกูเนี่ยอาการหนักกว่ามาตรฐานของแผนกด้วยซ้ำ คือไม่ควรรับเข้ามาแต่แรก จ่ายเงินค่าเทอมแพงๆแต่สุดท้ายตัวเด็กก็ไม่มีการพัฒนาอะไร แค่ผู้ปกครองเค้ารับความจริงไม่ได้ว่าลูกตัวเองเป็นแบบนี้ จะดันทุรังส่งลูกเข้าโรงเรียนเพราะหวังว่าลูกตัวเองจะดีขึ้น กูลาออกมาแล้วก็แอบห่วงนะ ก็หวังว่าพ่อแม่เค้าจะยอมรับความจริงได้เร็วๆ
ใครเบื่อๆไม่มีอะไรทำอยากลองไปใช้แรงาน+ประชาสัมพันธ์ที่ซัปโปโรลองมาสมัครกันดู
http://jeducation.com/main/sapporo/
>>713 เออจริง คิดเหมือนกันเลย เงื่อนไขอื่นไม่ยากนะ สื่อสารภาษาอังกฤษได้ กล้าแสดงออกไม่เขินกล้อง แต่เจอข้อที่บอกว่าทนอากาศหนาว
ลบ10ถึงลบ4 องศา กูนี่บายๆเลยว่ะ แค่หน้าหนาวของไทย 15-16องศากูยังว่าหนาวจนขี้เกียจอาบน้ำเลย เจอติดลบเข้าไปถ้าคนไม่เคยอยู่เมืองหนาวมาก่อนเผลอนอนแล้วลืมเปิดฮีทเตอร์นี่มีสิทธิหนาวตายอ่ะมึง
ไปอยู่มันก็ชินเองแหละ สมัยกูอยู่ญี่ปุ่นกูก็หนาวนะ ไม่ใช่ไม่หนาว แต่มันก็อยู่ได้ ช่วงฤดูใบไม้ผลิ 15 องศากูเรียกอบอุ่น เสื้อยืดตัวเดียวสบายๆ แต่เดี๋ยวนี้พอกลับมาอยู่ไทย เจอแอร์ 22 องศาก็หนาวแล้ว เพราะร่างกายมันชินกับอากาศร้อนไปแล้ว
กุแม่งเป็นพวกขี้หนาวว่ะคุณ เปิดแอร์นอนห่มผ้านอนอุณหภูมิแค่ 28 c
แต่ตื่นเช้ามาทีไร หำแข็งทุกทีเลยอะคุณ
โม่งทำงานที่อาศัยอยู่คนเดียว ปกติใช้ค่าใช้จ่ายของค่าห้อง+ค่าไฟ ประมาณเท่าไหร่กันวะ หักแล้วเหลือเงินเก็บเยอะมั้ย
>>717 ค่าห้องแยกออกดิวะ แต่ละพื้นที่มันเท่ากันที่ไหน
ของกูเมื่อก่อนแถวพระโขนง ค่าห้อง 3500 ค่าไฟหน่วยละ 7 ตกเดือนละประมาณ 500 แต่กูไม่ค่อยเปิดแอร์นะเน้นประหยัด ค่าเนต 500 ค่าน้ำนิดนึง รวมๆก็ประมาณ 4500
ตอนนี้อยู่คอนโด ผ่อนเท่าไรไม่ต้องนับ ส่วนกลางปีละ 15000 ตกเดือนละ 1200 ค่าไฟแค่ 400 ทั้งๆที่กูใช้ล้างผลาญมากวันหยุดเปิดแอร์ทั้งวัน ค่าเนต 600 ค่าน้ำ 50-100
หักแล้วเหลือเงินเก็บเท่าไร ไม่เกี่ยวกะคาห้องป้ะ ถ้าอยากได้เงินเก็บเพิ่มมึงไปลดค่ากินค่าเที่ยวค่าไร้สาระดีกว่า กูยังคิดเลยว่าเมื่อก่อนกูจะประหยัดแอร์ไปทำหอกอะไร ทั้งๆที่กล้าแดกบุฟหัวละ 500++ ได้ทุกอาทิตย์
>>717 ของกูห้อง 4500 น้ำไฟประมาณเดือนละ 800-1200 แล้วแต่ฤดูกาล มือถือ 499 ให้ที่บ้าน 5000
แต่ที่เปลืองสุดไม่ใช่พวกนั้นว่ะ เป็นค่าแดก ค่าซื้อของ ซื้อการ์ตูน เสื้อผ้า เครื่องสำอาง สกินแคร์ ฯลฯ
เคยคิดว่าจะทำรายได้ ทำได้ 2-3 วันเลิกทำ รับไม่ได้ เห็นแล้วสะเทือนไต 55555
เงินเก็บเอาแน่เอานอนไม่ได้ อย่างเดือนนี้ก็ติดลบกระจายหลายหมื่น เพราะช็อปเยอะแต่รายได้น้อย
บางเดือนโอทีเยอะ ทั้งได้เงินเยอะ ทั้งไม่มีเวลาไปใช้เงิน เงินเก็บก็จะเยอะมาก
บ้าน 4000 อยู่ชานเมือง ไฟ 1700 อยู่ครอบครัว น้ำ 200 เน็ต 700
ค่าเดินทางไปกลับวันละ 110
ว่าแต่ถ้าค่าเดินทางเพิ่มขึ้นมาเดือนละ 1600 แลกกับการไม่ต้องไปเบียดคนบนรถเมล์ และตื่นสายได้อีก 30 นาที พวกมึงว่าคุ้มไหมวะ กูสับสนว่าตอนนี้ตัวเองงกเกินไป หรือว่าถ้าไปนั่งแท็กซี่มันจะเป็นการฟุ่มเฟือยติดสบายเกินไปรึเปล่า
ต้องดูว่า 1600 จากเบสเท่าไหร่วะ
อย่าง 50k หายไป 1600 นี่กดๆไปๆเลยไม่ต้องคิด
คิดซะว่า 1600 เมิงได้เวลาในชีวิตเพิ่มมา 10 ชม. ต่อเดือนเลยนะ
เพื่อนโม่ง พอดีกูเป็นพนังงานร้านกาแฟ แห่งหนึ่ง เขาไม่ประกันสังคังหรืออะไรให้กูเลย กูได้เงินเป็นวันละ 300
ถ้าเงินเดือนออกแล้วกูออกแบบไม่บอกไม่ลานี้ เป็นไรเปล่าวะ
>>728 สองหมื่น... อืม.. มึงคิดถูกแล้วล่ะ หมายถึงตรงที่บอกว่าฟุ่มเฟือยติดสบายนะ
ที่จริงคือมึงผิดตั้งแต่เหตุผลแล้วล่ะ ต้องเลิกคิดว่า"เพื่อตื่นสายได้อีก 30 นาที" แต่เป็น"จะได้มีเวลาทำอย่างอื่นก่อนออกจากบ้านได้อีก 30 นาที" วัยทำงานแล้วไม่ใช่เด็กมหาลัย ตื่นเช้าถือเป็นกำไรชีวิตนะเว้ย
>>729 มีถมไปนะลูกจ้างแบบไม่มีประกันสังคมเนี่ย ธุรกิจเล็กๆที่จ่ายค่าแรงต่ำๆทำแบบนี้เยอะ คือพอไม่ต้องการวุฒิแล้วก็ได้ลูกจ้างคุณภาพต่ำ คิดมักง่ายเข้าข้างตัวเองแบบมึงนี่แหล่ะ อยากออกก็ชิ่งเลย เจอบ่อยๆแล้วกลายเป็นว่าเสียเวลาเดินเรื่องนานกว่าอายุงานลูกจ้างซะอีก ที่บ้านกูคนไหนอยู่ครบ 6 เดือนถึงเดินเรื่องให้ว่ะ (แต่บ้านกูให้เกิน 300 นะเว้ย)
กูเซ็ง ไม่ใช้เจ้าของนะเซ็งผจกร้าน บอกขอขาดขอลาก็ไม่ได้ กูเลยขาดดื้อแม่งเลยก็หักไปซะ 300 แล้วร้านที่กูทำเป็นร้านเล็กๆ กูกะบ่ายทำถึงปิดร้าน เคลียร์ทุกอย่างให้ตอนเช้า+ กูต้องเช็คของให้ ส่งว่าเหลืออะไรขาดอะไรให้กู 300 ค่ารถไม่มีอะไรให้กู
แล้วมีลูกจ้าง วุฒิ ป.3 ทำก่อนกูไม่กี่เดือนเงินเดือน 12,000 ขาดไป 4 วัน สาย 1 ชม แม่ง 10 กว่าวัน ไม่โดดหัก แล้วพอพนงอีกคนไปบอกว่าทำไม คนนี้ไม่โดนหักแกก็บอกว่า"ไม่มาวันไหนหรอ พี่ว่าไม่มีนะ" พ่องระบบแสกนนิ้วแล้วคนที่เข้ามาเอาข้อมูลก็ ผจกกูว่าแม่งแก้ให้ชัวร์ๆ
พอกูขาด 3 วัน ก็ไม่ให้เงินกู
แต่จริงๆกูอยากบอกเจ้าของร้านเลยวะ โดยไม่ผ่านผจก
>>733 กูก็ว่ากูโคตรติดสบายอ่ะ แต่เหนื่อยกายไม่เท่าเหนื่อยใจกับงานและคนที่ทำงาน ก็เลยคิดว่าอยากจะหาทางเหนื่อยกายให้น้อยลงเผื่อจะรู้สึกแย่น้อยลงบ้าง กลัวว่าถ้ารู้สึกแย่ทุกทางจะอยู่ไม่ไหวเข้าซักวัน แต่ base salary กูก็แค่ 20k จริงๆ นั่นแหละ อิอิ ดังนั้นกูจะพยายามขึ้นรถเมล์ต่อไป ดีแล้วมาถามโม่งจะได้โดนด่า ถ้าถามแม่แม่กูคงซื้อรถให้ แต่อย่าด่าแม่กูนะว่าแม่กูสปอยล์ แม่กูกลัวกูฆ่าตัวตายน่ะ คงคิดว่ามีลูกกากเดนไม่เอาไหนก็ยังดีกว่าต้องมาจัดงานศพลูก
>>734 ทำงานบ.เล็กๆ น่าเบื่อว่ะ ปัญหาจุกจิกเยอะ ระบบกาก อิงคนเป็นหลัก ถ้าเป็นไปได้ลองหางานบ.ข้ามชาติใหญ่ๆ ทำดู เน้นว่าข้ามชาตินะ บ.ไทยแม่งเพลีย แล้วมึงจะค้นพบว่าชีวิตดีกว่าทำบ.เล็กเยอะ แต่ก็ใช้จะแฮปปี้ไปทุกอย่างอ่ะนะ ซึ่งมันก็ปกติ การทำงานมันก็น่าเหนื่อยหน่ายแบบนี้แหละ เพียงแต่อย่างน้อยมันก็ไม่มีปัญหาจุกจิกไร้สาระมากวนใจเพิ่ม ถ้าวุฒิไม่สูงและเป็นผู้ชายกูแนะนำขับรถผู้บริหาร นี่ก็ได้ข่าวว่าเงินเดือนดี มีเบี้ยขยัน แต่ถ้าเป็นผู้หญิงกูแนะนำแม่บ้านเลย แม่บ้านบ.กูเงินเดือน 15k มั้ง แต่ไม่ได้โบนัส
แอบ loser เบาๆ พี่ที่ทำงานเก่าที่กูแอบปลื้มเป็น Asst Mgr ไปแล้ว (ยังทำงานที่เดิม) ส่วนกูยังเป็น Staff ต๊อกต๋อยเหมือนเดิม เพราะกูย้ายสายงานด้วย ย้ายที่ทำงานด้วย เฮ้อ
เออกูถามหน่อยดิ คนที่ตัดสินใจซื้อคอนโด ซื้อตอนเงินเดือนเท่าไหร่กันวะ
เราอยู่ในที่ทำงานที่เราอยากฆ่าตัวตายเป็นระยะๆ...รู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องแล้วซิ
เบื่อความตอแหลของสังคมที่ทำงานผู้หญิงชิบหาย
อยากได้ที่รองข้อมือตอนใช้เมาส์ง่ะ ซื้อได้ที่ไหนมั่งวะ หาไม่ได้เลย
ตั้งใจจะเกษียณ อายุเท่าไหร่กันฮับ
จนกว่าทำงานไม่ได้ครับ
กูเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมคนสมัยนี้ออกมาทำงานของตัวเองกันมากขึ้น
เวลาเกิดปัญหาพวกผู้บริหารจะลอยตัวตลอดแล้วโยนขี้ให้คนอื่น,แพะ
คนซวยก็เป็นระดับคนทำงาน,ปฏิบัติการ ที่ต้องมาทำคำสั่งเหี้ยๆระดับ Mission impossible ในเวลาเท่าจิ๋มมด
แล้วปลายปีพวกผู้บริหารก็ถ่ายภาพไปเที่ยวตปท.ลงเฟส ในระหว่างที่คนทำงานต้องทำงานข้ามปีไม่มีวันหยุด..
พอคนออกหมดก็มาบ่นกระปอดกระแปดว่าพวกคนรุ่นใหม่ไม่สู้งานเพราะไม่ยอมมาเป็นขี้ข้าให้หลอกใช้
#งานโรงพยาบาลที่ดีย์
>>756 บ้านกูทำกิจการส่วนตัว เหนื่อยสัสๆ หยุดวิ่งเท่ากับถอยหลังเพราะคู่แข่งแซงหน้า 24 ชั่วโมงคือเวลางาน ถึงไม่ทำในหัวก็ต้องคิดตลอดเรื่องขาดทุน กำไร ลูกจ้าง คู่แข่ง กูคิดมาตั้งแต่เด็กว่าเรียนจบจะไปเป็นลูกจ้างเขาสบายดี พอมาทำจริง เหี้ยเถอะ ปัญหาทั้งเรื่องคน งาน เจ้านาย อย่างที่มึงว่ามา ฯลฯ สรุปงานไหนก็มีปัญหา แต่มันก็มีปัญหากันไปคนละแบบ เลือกเอาละกันว่าชอบแบบไหนมากกว่า ส่วนกูไม่ชอบซักแบบเลย แต่อย่างน้อยกูก็ได้ลองทั้งสองแบบแล้ว กำลังชั่งใจอยู่ว่าจะเดินหน้าต่อไปทางไหนดี เฮ้อ อยากเป็นรวยๆ
>>758 กูเป็นนีทอยู่หว่ะแต่กูไม่กล้าพูดว่ากูรวย
แบบกูวาสนาดีพ่อแม่ค้าขายเก่งมีเงินเก็บเยอะอ่าตอนนี้กูทำงานระดับใช้แรงงานให้กิจการที่บ้านอยู่และกูมีเงินเก็บแบบว่ามั่นใจว่าใช้จนพอได้ถึงตายเลย.
...แต่ข้อเสียกูก็มีตรงที่มนุษย์สัมพันธ์ไม่ดี ,อยู่แบบเหงาๆอ่ะถ้าปล่อยเป็นแบบนี้ไปเรื่อยกูคิดว่าอาจจะมีปัญหาสุขภาพจิตหว่ะ
>>762 กุเห็นด้วยนะชอบเป็นนายคนอยากเริ่ม start-up แต่ยังยิดติดกับอะไรที่เคยมี เคยเห็นผ่านตาหรือไม่ก็ตามเว็บไซต์ต่างๆ แล้วมาก๊อปทำปรับเล็กน้อย มันก็ดีในเรื่องกระบวนการหรือการเรียนรู้ แต่หากไปต่อยอดให้ไม่เหมือนใครหรือริเริ่มอะไรก็ไม่รอดหรอก เพราะทุกวันนี้ทุกคนเขาก็คิดต่อยอด พัฒนาสิ่งต่างๆโดยไม่มีหยุด หากอยากรวยเร็วสมัยนี้ก็ต้องกล้า มีความรู้ แล้วมีก็มีทุนด้วย หากขาดไรไปไม่มีทางจะรวยเลย ยกเว้นเป็นลูกจ้างที่เก่งจริงๆหรือตกถังข้าวสารละ
ตอนกูทำงานใหม่ๆ กูมีความหวังกับประกันสังคมนะ ประมาณว่าต่อให้สอบเข้ารับราชการไม่ได้ แต่ได้ทำงานเอกชน ทำไปเรื่อยๆ 15ปีก็มีเงินเกษียณตอนแก่เหมือนกัน แต่ความหวังกูค่อยๆดับลง เมื่อสองสามปีที่ผ่านมา TDRI ออกมาเตือนว่าเงินกองทุนจะติดลบในอีก20ปี
มาวันนี้เจอข่าว ม.44 ปลดบอร์ดประกันสังคม กูว่าเงินที่กูส่งไปเรื่อยๆทุกเดือนสงสัยจะไม่เหลือถึง20 ปีแล้วว่ะ แม่งไม่เกิน 3-4ปี โดนผลาญหมดแน่
>>764 อันนี้กูชักเสียวๆเหมือนเคยอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นว่ามันสัญญากับเราสวยหรูว่าจะจ่ายช่วยค่ารักษาให้เรา. เราก็จ่ายให้มันอย่างมีความหวังเป๋นเวลา20-30ปีพอถึงตอนที่เราจะใช่บ้างกลับมีเงินให้เรา (แม่งเอาไปถลุงหมดแล้วเพราะหลงระเริงมีเงินเป็นหมื่นล้านโกงนิดโกงหน่อยคงไม่เป็นไรหรอก)
บ่นๆๆ มั่ง
-เรื่อง ปกส. กูไม่อยากพูดมากว่ามันวางแผนมาไม่ดี
-เรื่องงาน กูก็ได้ลองหลายๆ อย่างนะ กูว่าถ้ามึงมีความสามารถประมาณนึง
มึงจะเลือกได้นิดหน่อย ว่า อยาก ทำงานสบายๆ รึ อยากได้เงินมากหน่อยแต่งานก็หนักหน่อย
-กูว่า ถ้ากูโสดไปตลอดชีวิต ด้วยงานระดับนี้ กูอยู่สบาย ถ้าไม่เจออุบัติเหตุ/โรคร้ายแรง/มีเมีย
แต่คิดอีกทีก็ไม่อยากโสดจนตายอ่ะนะ
มึง วันนี้มีลูกค้ามาบอกว่ากูทอนเงินผิด หลังผ่านไปหลายชั่วโมง กูแม่งไปไม่เป็นเลย
วันนี้ยิ่งเจอแบงค์พันหลายใบ แถมตอนมาซื้อคนก็เยอะด้วย กูยิ่ง flashback ยากเข้าไปอีก(แต่กูจำราคาของที่เขาซื้อไปได้อยู่นะ แต่ดันจำไม่ได้ว่ากูทอนแบงค์ร้อยไปกี่ใบ TAT)
เวลาทอนแม่งก็กางแบงค์ส่งให้ทุกครั้ง ไม่เคยพับแบงค์เลย เรียกว่าเห็นกันจะๆ นับจำนวนเงินทอนสะดวกอีกต่างหาก ถ้าทอนผิดทำไมไม่ท้วงตอนนั้นว่ะ
ป.ล.สุดท้ายกูกับลูกค้าแม่งก็ปล่อยเลยตามเลย แต่กูยังคาใจนี่สิ
กูโดนหัวหน้างานชายที่ทำงาน(แก่แล้ว) เดินมาจับผมบางทีก็จับแขน
ล่าสุดวันนี้ตอนมันจะกลับบ้านแต่กรูยังทำงานต่อมันเดินมาจับไหล่แล้วกูว่ากลับก่อนนะ
กูไม่ได้ยิ้มไม่โต้ตอบอะไรนั่งเป็นตุ๊กตา มันเดินไปแล้วหันหน้ามายิ้มกูก็ยังเฉย
นี่กูโดน Sexual harassment ในที่ทำงานใช่มั้ยวะกูกลัวจะกลายเป็นว่ากูจิตตกคิดมากไปเอง
พวกมึง กูเห็นสนพ.นึงเปิดรับบอกออีกแล้วว่ะ กูเคยสมัครไปหลายรอบละแต่แม่งเงียบตลอด นี่มีบอกอีกว่าต้องมีปสก.มาแล้ว1-2ปี กูไม่มีปสก.ด้านนี้เลย อย่างมากก็เเค่พิสูจน์อักษรกับเขียนบทความ ควรสมัครดีป่ะวะ
แต่มานึกๆดู ครั้งล่าสุดที่กูส่งนี่เดือนมิ.ย.นะ จำได้ว่าคราวนั้นก็ประกาศรับสมัครไป นี่ผ่านไปแค่ห้าเดือนก็รับสมัครอีกละ เเบบรับบ่อยโคตรจนชักสงสัยว่ามีปัญหาอะไนป่าวเนี่ย
พรบ.กำลังพลสำรองผ่านแล้วว่ะ งานนี้ฉิบหายกันถ้วนหน้า
เป็นไปได้ไหมที่ไทยจะถูกเปลี่ยนเป็นคอมมิวนิส
กุยุในช่วงกึ่งๆอยากลาออกเพราะเบื่อพี่ที่ทำงาน
มีวันนึงแกเรียกกุไปอบรมด่าอยู่สามชั่วโมง คือเกินจะทน
กุบอกรองบอส วันต่อมา บอสใหญ่แกซื้อเครื่องคิดเลขวมาวางไว้บนโต๊ะกุให้
คือกุซึ้งใจนะ แต่กุก็เซ็งอีพี่นั่นจริงจัง ก็เข้าใจละ ว่ามันส่วนตัว บอสอย่างมากก็ได้แต่ปรามๆ
วันนี้จะด่ากุอีก กุบอก "ขอกุทำงานนะ" พี่นั่นเงิบเลยจ้าา
-_- พอยุในช่วงรู้สึกอยากลาออก กุก็ไม่รู้สึกว่ากุจำเป็นต้องทนไรนักหนาละ
คือมึงลาออกแล้วแฮปปี้กว่าเหรอ?
ซารารี่แมน ถ้าวันนึงโดนเรียกเจ้าไปฝึกกำลังสำรอง 2 เดือนจะทำยังไงกับชีวิตกัน
เบื่องานในกทม แต่กูชอบกทม
แล้วพวกทำอยู่ต่างประเทศนี่ถ้าโดนเรียกทำไงวะเนี่ย
กลับมาค่อยไปรายงานสัสดีเขต
ร่างพรบ.อันนี้ มันคืออันเดียวกับที่เค้าบอกว่า สามารถเรียกกำลังสำรองกลับมาฝึกได้ใช่ป่ะ
แต่แค่เพิ่มงบ + เพิ่มจำนวน + เพิ่มเงื่อนไข + เพิ่มระยะเวลา ไรงี้ใช่ป่ะ
หน่า บางทีอาจจะเจอแก๊งค์เด็กริเบอร่า ทำตัวเย้วๆๆๆๆๆ หาเรื่องอะไรก็โดนหาว่าริดรอนสิทธิ์
จับไปฝึกกำลังสำรองไปเลย ทำเพื่อชาติๆ
คราวหลังก็อย่าไปตอบมัน พังทุกที่ที่มีการเมือง
>>793 ด่าพวกกูคลั่งชาติแต่เสือกใช้ภาษาไทยไม่ถูก ไม่แปลกใจเลยที่ร่านอย่างมึงจะลืมกำพืด ร่านมากนักก็ตามไปอยู่กับศาสดามึงซิวะ ไปอยู่ประเทศไหนก็ชิบหาย ยอดผู้เสียชีวิตน่าจะมีไอ้หงอกของพวกมึงอยู่ด้วยนะ เสียดายที่ฝ่ายISISมีแค่8คน น่าจะระเบิดพลีชีพซักร้อยคนเผื่อไอ้หงอกจะโดนไปด้วย
กุว่าจงใจโทรลแร่ๆ
กลับเข้าประเด็น
วันนี้กูไปห้องสมุดประชาชนมา พนักงานที่นั้นดูว่างๆว่ะ ไม่รู้ว่าเป็นธรรมดาของคนที่เป็นบรรณนารักษ์รึเปล่า เท่าที่เห็นก็มีแค่จัดเอกสารหน้าคอมนิดหน่อย นอกนั้นกูว่าน่าจะว่างทั้งวัน คนมาอ่านหนังสือก็น้อย กูเห็นแล้วก็รู้สึกว่างานนี้มันก็น่าทำนะ วันๆไม่ต้องทำอะไรมาก จัดการงานหลักเสร็จก็มานั่งอ่านหนังสือ แทบจะไม่ต้องออกไปเจอผู้คน ไม่ต้องมีปัญหาอะไรมากเท่าไร
>>799-800 วัยทำงานเวลามีน้อยจริงๆว่ะ จ-ศ เวลาหลังเลิกเงินไม่เกินสองสามชั่วโมงก็ต้องรีบนอน
แต่งานบรรณารักษ์กูว่าเหมาะสำหรับคนที่รวยแล้วมีเงินเก็บเยอะแล้ว เพราะรายได้มันคงไม่เยอะเท่าไร
แถมอาชีพที่วันๆอยู่แต่ในห้องสมุดไปทำแรกๆอาจจะสบายนะ งานไม่หนักไม่ต้องออกไปเจอผู้คนข้างนอก
แต่ถ้าทำไปนานๆกูว่าก็น่าเบื่อเหมือนกัน วันๆอ่านหนังสือแม่งอย่างเดียว สำหรับกูมันเป็นงานสำหรับตอนอายุเยอะ หรืองานที่ทำหลังเกษียณอ่ะ
ที่ทำงานมีคนอายุมากตามโลกไม่ทันกันมั่งป่ะ ละก็ไม่คิดจะปรับตัว
แอบเหนื่อยใจ รู้ว่าอยู่กะองค์กรมานานองค์กรต้องตอบแทนคนซื่อสัตย์ แต่แผนกกูเล็กไง มีพวก Dead wood ไปเฮดเคานท์นึงแล้วมันกระทบเยอะ เยอะจนล้าทางใจอ่ะ เฮ้ออออ
งานบรรณารักษ์น่าจะลำบากตรงมานั่งเก็บหนังสือจัดเข้าชั้นวะ ก็รู้ๆนิสัยคนบ้านเรานะ
ไหนจะพวกทำหนังสือเสียหาย-ขโมยอีก เกิดโดนตรวจเราก็ซวยไป โดนหาว่าดูแลประสาอะไร
ไม่รู้ว่าจะไปมู้การเรียนหรือมู้นี้ดี ยังเรียนไม่จบแต่สบสันกับชีวิตว่ะ
ไม่อยากถูกมองว่าเป็นพวกทำงานอิสระ ดูหนังฟรีแลนซ์มายิ่งแล้วใหญ่ แต่ก็ไม่ชอบพวกงานราชการ
ลงท้ายก็ต้องเป็นพนักงานบริษัทกินเงินเดือนไปตลอดทั้งชาติเหรอวะ
กูไม่มีความฝันหรือสิ่งที่อยากเป็นเลยอะ อาชีพที่ใฝ่ฝันก็ไม่มี ฉลาดก็เฉยๆ อยู่มหาลัยระดับ 2
กูไม่ได้ไม่อยากทำงานนะ แต่ถ้าได้ทำสิ่งที่อยากมันน่าจะดีกว่า แต่ประเด็นคือไม่มี
ทุกคนที่ทำงานอยู่ตอนนี้พอใจในสิ่งที่ตัวเองเป็นกันปะ สับสันชีวิตว้อยยย
>>805 ขอตอบเลยว่าไม่ กูอยากทำวงการหนังสือ แต่ไม่มีสนพ.ไหนรับกูซะที ใช่ซี้ เกรดกูมันห่วยนิ บางที่เสือกรับก็ทำไม่ไหวเพราะไกลเกิน ตอนนี้ก็รับงานฟรีแลนซ์ไปตามเรื่อง ใจจริงก็ไม่อยากเป็นซาลารี่แมนหรอกนะ แต่ดูงานมันเงินดีกว่ามั่นตงกว่าที่ทำตอนนี้อะนะ แต่จบมาสองปีกว่าละ ไปสมัครที่ไหนก็ลำบากแล้วยังต้องสู้กับเด็กจบใหม่อีก เฮ้อ ท้อชิบหาย เห็นเพื่อนร่วมรุ่นหลายคนได้ทำในสนพ.บางที่ดังด้วยนะก็อดอิจฉาไม่ได้จริงๆว่ะ
เกรดวิศวะนี่ถ้าเกรดต่ำเตี้ย (2.5-) หางานยากปะจบม.รัฐเเห่งนึง เลี้ยงหมามากมาย (D) Fจัดไป1ละ
กูกลัวจบไปไม่มีบริษัทไหนรับ
>>808 กูเรียนอยู่ในม.นึงของ3พระจอมว่ะ ปี4 เรียนไม่ค่อยจะไหวเท่าไรเเต่ก็พอเรียนไปได้อยู่ เเต่ความรู้น้อยมากเรียนผ่านมาได้ไงก็ไม่รู้
กูไม่มีประสบการณ์ว่ะเรื่องฝึกงาน หรือสมัครงาน เวลาHR เขาดูเขาดูอะไรมั่ง พวกความรู้กูขี้หมามาก เวลาสอบก็อ่านข้อสอบฝึกทำให้พอผ่านไปได้
มันก็พอผ่านไปได้นะเเต่ความรู้ไม่ค่อยจะมีอะดิ เกรดก็กระจ๊อกกระจอก
การฝึกงานไม่ได้บังคับทุกคณะทุกม.นะ ม.กูก็ไม่บังคับ แต่คนส่วนใหญ่ก็ฝึก
มีบังคับฝึกงานด้วยเหรอ ของกูเห็นมีเเต่โปรเจคอะ ฝึกงานเป็นส่วนของภาคสหกิจ
กุพากลับเข้าคอนเซ็ปต์เดิมก่อน
ศุกร์นี้ซาลารี่มังจะไปไหนมีแพลนทำอะไรกันบ้าง ส่วนตัวกุกลับบ้าน ตจว.
แวะไปหาแฟนก่อนกลับบ้านไปนอนเล่นเกมมือถือกลิ้งไปกลิ้งมา
เย็นนี้ไปแดกบุฟ พรุ่งนี้ไปงานแต่ง มะรืนออกตจว.ไปงานแต่งอีกงาน กลับถึงกรุงน่าจะเช้ามืด แสร๊ด
แล้วเดือนนี้ค่าสังคมแม่งโคตรเยอะ ทั้งงานแต่ง งานศพ นัดกิน นัดเที่ยว จะไม่เหลือเก็บแล้วเนี่ย
งานแต่ง ตจว. เหมือนกัน
ช่วงปี-2ปี มานี้นี่แม่ง เพื่อนแต่งกันเดือนเว้นเดือน
ใส่ซองนี่ขั้นต่ำต้อง 1000 นึงละ สนิทหน่อยแม่งก็ต้อง 2 พัน
ชาตินี่กูจะได้ถอนทุนคืนมั่งมั้ยวะเนี่ย โสดยาวๆเศร้า
นั่งถ่ายรูปของเล่นเหมือนเดิม วันอาทิตย์มีตติ้งไอมาส
เดินทาง700โลไปหาแฟน แล้วกลับมาตอนเช้ามืดวันจันทร์เพื่อทำงานต่อ
ไอ้วัฒนธรรมแต่งงานแล้วต้องเอาซองมากรรโชกทรัพย์คนอื่นนี่ใครมันเป็นคนคิดวะ กูจะไปฆ่ามัน!!!
ปกติใส่ซองงานแต่งเท่าไรวะ กุใส่500ว่ะ สำหรับเพื่อนทั่วๆไป
เริ่มเซ็งทำงานมาได้สี่ปี เพื่อนเริ่มแต่งงานกันละ ขี้เกียจไปงานว่ะ แถมไปแล้วต้องเสียตังค์ด้วยสาดดด
แล้วพวกมึงใส่กันเท่าไรวะ
ปล. กุเด็ก ตจว. ใส่ให้เพื่อน ม.ต้น ม.ปลาย มหาฯลัย ที่ทำงาน เท่านี้แหละ แต่ มหาลัยกุมาเรียนกทม.นะ
ปล2. กุเข้าใจว่าเด็กเรียน ม.ต้น ม.ปลาย จะใส่เยอะกว่านี้นะ
ซาลารี่มังคืนนี้ไปดูบอลที่ไหน หรือทำกิจกรรมอะไรที่ไหนกันครับ
ตัวกุต้องอยู่เวรที่ บ. สรุปกุดูบอลจอใหญ่ๆที่บ.
วันนี้คู่ใหญ่ถ่ายฟรีทีวีด้วยนะ ทั้งลาลีกา พรีเมียร์
เวลาโดนรุ่นพี่ที่ทำงานด่านิ ทำไงดีวะ
ชอบเรียกกูไปใช้งานสองต่อสอง แล้วอัดกูในที่ลับตาคน
ตอนหลังกูเริ่มสตรองงงง พอด่ากุนานๆ กุถามว่า "ขอกุทำงานกุได้ไหม..."
นางชอบทำลับๆว่ะ ตอนหลังนางเผลอเม้งกุต่อหน้าบอส เห็นหน้านางแบบ "เชี่ยละ กุเผลอ" กุโคตรฮา 5555
ตอนนี้กุแค่รายงานผู้บังคับบัญชาให้ไปบรึ้มนาง ค่อยสงบหน่อย
ถ้านางด่ากุจะฟังนางพอเป็นพิธี ถ้าอะไรnonsenceมากๆ กุก็บาย... มีงานมีการ ไม่ได้มารองรับอารมณ์คนที่ไม่ใช่เจ้านายว่ะ
มีใครมีวิธีรับมือคนพวกนี้ไม่ให้เสียสุขภาพจิตมะ กุต้องการวิธีการรับมือที่ได้ผลจริงเผื่อเคสหน้าด้วย
ออกแล้วทิ้งระเบิด เชื่อกู
ส่งเมล์ ถึงหัวหน้าแผนก ผู้จัดการ HR ถ้าบริษัทเล็กๆก็ถึงเจ้าของด้วย จั่วหัวเมล์เลยว่า "ขอคำปรึกษากรณีการระรานในที่ทำงาน" เนื้อเมล์ให้ระบุพฤติกรรมแบบ 5W1H ให้รายละเอียดครบๆเช่น วันที่ 30 กุมภา สถานที่ ใต้ต้นซากุระหน้าบริษัท คู่กรณีได้เปล่งวาจาผรุสวาทใส่ข้าพเจ้า มีการพาดพิงถึงบุพการี โดยไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องของงาน จึงใคร่ขอคำปรึกษาหัวหน้าและฝ่ายบุคคลที่เคารพว่าจักให้ทำเช่นไรกับกรณีนี้ หากเป็นที่พึ่งแก่ข้าพเจ้าเสียไม่ได้แล้วข้าพเจ้าจักต้องพึ่งพาบุคคลภายนอก เกรงว่าจะกระทบกับบริษัททำให้เกิดความอับอายแก่ประชาชีซึ่งข้าพเจ้าไม่ได้หวังผลเช่นนั้นเลยนะคะ งิงิ
ไอ้ข้างบนน่ะพิมพ์เล่นๆแต่คงเก็ตนะว่าเวลาพิมพ์จริงต้องทำไง ถ้าอยากแสดงความสตรองว่ากูไม่กลัวมึงให้ cc คู่กรณี ถ้าอยากเล่นบทคนดีก็ไม่ต้อง การออกเมล์นั้นสำคัญมากเพราะมันเก็บเป็นหลักฐานเวลาขึ้นโรงขึ้นศาลได้
เคสนี้ถ้าฝ่ายบุคคลเป็นงานจะจบสวย น่าจะมีการออกใบเตือนคาดโทษถ้าทำผิดซ้ำก็เลิกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย ถ้าฝ่ายบุคคลไม่เป็นงานไม่ทำอะไรให้แล้วคู่กรณีไม่หยุดก็ไปปรึกษาคนนอก อย่างตำรวจเป็นต้น ถ้าโดนด่าหยาบคายให้ฟ้องว่าโดนดูหมิ่นซึ่งหน้า ถ้าหมิ่นประมาทก็ฟ้องหมิ่นประมาท ถ้าอยากได้ตังค์ไปปรึกษาสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เรียกตังค์ต่าชดเชยซะเพราะบริษัทไม่แก้ปัญหาให้เรา เอาตังค์มากูออกเอง ประมาณนี้
ใครทำงานวิเทศสัมพันธ์บ้างอะ อยากรู้ว่ามันทำอะไรบ้าง พอรู้คร่าวๆว่าทำหน้าที่ประสานงานเป็นภาษาอังกฤษ
กูได้โทอิค750 แต่ไม่มีประสบการณ์ด้านการสื่อสารเลยจะทำได้ป่าว ให้อ่านให้ฟังพอไหว พูดกับแปลไม่แน่ใจ
ไม่รู้ไปกระทู้ไหนดีขอถามในมู้นี้ละกัน เนื้อหาใกล้เคียงสุดละ
คือผมต้องการบริจาคของหรือเงินให้องค์กรเพื่อเด็กด้อยโอกาสหรือที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอะคณมีที่ไหนแนะนำบ้างมั้ย
ลองหาข้อมูลในอากู๋ดูแล้วก็เจอหลายกลุ่มเลยนะที่เค้าทำตรงนี้ แต่ผมแม่งนิสัยไม่ดีไงไปคิดว่าถ้าส่งของส่งเงินไปแล้วจะถึงเด็กจริงมั้ย เลยขอมาซาวเสียงที่นี่ก่อน
จริงๆอยากได้ที่แบบแบกของที่จะบริจาคไปกับกลุ่มนั้นๆเลยนะ ไปให้เองกับมือ แบบขึ้นเขาเข้าดอยไปให้เลย ผมอยากเห็นรอยยิ้มเด็กๆ เป็นอะไรที่เยียวยาหัวใจจริงๆ
วันนี้เห็นเพื่อนในรุ่นโพสสเตตัสบ่นว่าเป็นเด็กจบใหม่มันยาก
ตื่นตีห้าเข้างานเก้าโมง ออกจากออฟฟิศหกโมง
เงินเดือนหมื่นแปด ค่าห้อง 7500 โทรศัพท์ 1000 เหลือ 9500 ไม่พอกิน
โอฟรีบ่อยๆ
อยากจะเข้าไปสั่งสอนมากๆ ว่านี่มึงโง่หรือมึงโง่เนี่ย เงินเดือนหมื่นแปด เสร่ออยู่หรูกินหรู
กูเงินเดือนเยอะกว่าแม่งพอควร กูยังแดกเดือนละ 5000 เอง (เอาเงินมาคุกับส่งให้ที่บ้านหมด)
ถ้าที่ทำงานมัน suffer นักก็หางานใหม่สิฟาย
แค่ค่าห้องแม่งก็มากไปล่ะ
>>833 ถ้าสมมุติกูจบใหม่กูได้ 18K กูก็ใช้ไม่พอนะ กูว่าไม่ถึงสองอาทิตย์ก็หมดแล้ว แต่กูรู้ตัวว่ากูสุรุ่ยสุร่ายแต่เด็กเพราะแม่ด่ากูประจำ กูเลยไฟท์หาข้อมูลตั้งแต่ก่อนแอดว่าอาชีพอะไรเงินดี พยายามเข้ามหาลัยดัง เรียนภาษาที่สาม จบเกียรตินิยม แล้วก็ได้เงินเดือนดีกว่าที่หวังไว้มาก มันต้องเลือกเอาซักทางแหละ ถ้ารายได้น้อยก็ต้องประหยัด แต่ถ้าอยากจับจ่ายสบายมือก็ต้องไฟท์ ทุกวันนี้กูกลับคิดว่าดีแล้วล่ะที่กูสุรุ่ยสุร่าย มันเลยเป็นแรงผลักดันให้กูพยายามพัฒนาตัวเองมาถึงจุดนี้ แต่ถ้าหัวสูงแล้วเสือกไม่พยายามไฟท์หาเงินให้เยอะไปด้วยนี่ก็ไม่ไหวนะ ถ้าไม่โชคดีบ้านรวยหรือผัวรวย สุดท้ายคงต้องลงเอยด้วยการเป็นหนี้รุงรัง เอาเหอะ ชีวิตใครชีวิตมัน เดี๋ยวก็เรียนรู้กันไปเองแหละ บางคนต้องเจอวิกฤตถึงจะคิดได้
กูมานั่งสังเกตอีกที มันบอกค่าห้อง 7500 ตื่นตี 5 อันนี้กูเรียกโง่หนักกว่าเก่า
จ่ายหอแพง แต่เสือกยังต้องตื่นแต่เช้าเนี่ยนะ
>>836 กูหาเงินได้ในระดับนึง แต่เรื่องใช้เงินนี่ยอมรับเลยว่ะว่าโง่มาก ชอบซื้อของแพงแบบเปล่าประโยชน์แล้วมานั่งงงตัวเองว่าซื้อมาได้ไง แล้วคนขายก็ไม่ได้เชียร์ด้วยนะ กูเลือกของกูเองนี่แหละ เงินเดือนเพิ่งออกได้ไม่กี่วัน ซื้อของ+จ่ายค่าโน่นค่านี่ก็จะหมดแล้ว กรรม แต่คิดในแง่ดีก็คือจ่ายหมดทุกอย่างแล้วอ่ะนะ 30 วันหลังจากนี้ก็แค่กินใช้ส่วนตัวล้วนๆ ละ
สำหรับเพื่อนสมาชิกมนุษย์เงินเดือนครับ
>>838 ดีมากครับ เกลียดมานานแล้วคำที่ว่า"ไม่รู้ย่อมไม่ผิด"เนี่ย มันผิดที่คนไม่คิดจะขวนขวายทำให้ตัวเองรู้แต่แรกแล้ว ส่วนนึงอยากโทษการศึกษาบ้านเราที่เอาแต่ปลูกฝังค่านิยมให้เด็กขยันอดทนและเป็นเด็กดี มากกว่าเป็นเด็กที่เปิดรับไม่ยึดติดและพยายามเข้าใจว่าโลกทำงานยังไง ถึงเวลาเด็กดีพวกนั้นก็โตไปลำบากอีกรอบเมื่อต้องเจอกับการปรับตัว น่าสงสารจริงๆ
อะโฆษณาแฝง vvvv ช่วยกดกันเพื่อลูกหลานเราเถิด
https://www.change.org/p/กระทรวงศึกษาธิการ-ministry-of-education-ใช้-ปรัชญา-สร้างจริยธรรม-หยุดท่องจํา-หน้าที่พลเมือง?recruiter=26638156&utm_source=share_petition&utm_medium=copylink
อายุ 29 ไม่มีเงินเก็บเลย อยู่บ้านพ่อแม่ รถไม่มี
แต่ว่าหลังจากนี้จะเริ่มต้นเก็บเงิน ใช้จ่ายอย่างประหยัด ต่อไปนี้จะมีเงินเก็บทุกเดือน เดือนละ 2 หมื่นบาท ถือว่าเยอะพอควร เพื่อนโม่งให้กำลังใจด้วยละ เราจะมีชีวิตใหม่ เริ่มต้นใหม่แล้ว
>>842 กูชักกลัว กูก็เป็นคนชอบเอาเงินไปเรียนโน่นนี่เหมือนกัน แต่สายงานกูเงินเดือนกาก กูกลัวว่าสุดท้ายกูจะกลายเป็นคนเงินเดือนน้อยแล้วยังไม่มีเงินเก็บเหมือนกัน
อีกเรื่อง ตอนนี้เสาร์ อาทิตย์กูว่างมากมายอยากหางานพิเศษทำ ที่กูสนใจคือเป็นบรรณารักษ์ห้องสมุด มันจะมีงานนี้แบบพาร์ททามเสาร์ อาทิตย์ป้างมั้ยวะ
>>845 มึงระวังเหมือนกูนะ โสด อยู่คนเดียว รู้สึกว่าตอนเย็นกับเสาร์อาทิตย์แม่งว่างมากมาย เลยรับงานพิเศษ ตอนนี้เหรอ หึหึ เหนื่อยชิบหาย ร่างกายและสมองมันล้านะที่ต้องทำงานวันละสิบกว่าชั่วโมงทุกวันไม่มีวันหยุด ถ้ามึงขัดสนเรื่องเงินก็จำเป็น แต่ถ้าไม่ แค่ว่างเฉยๆ กูว่าเอาเวลาไปออกกำลังกายดีกว่า หรือไม่ก็รับงานเล็กน้อย กูผิดเองแหละเสือกรับงานเต็มที่ ลืมคิดไปว่าสมองและจิตใจมันก็ต้องการรีแลกซ์ อย่างน้อย 1 วัน/สัปดาห์ ไม่งั้นเงินที่ได้มามึงก็ต้องเอาไปให้หมอหมดอยู่ดี
หาข้าวเหนียวหมูปิ้งมาขายเถอะ เจ็บป่วย,ขี้เกียจมีธุระก็หยุดได้ไม่มีพันธะต้องทำทุกครั้ง
เพื่อนโม่ง พอดีกูพึ่งผ่านงานราชการ แล้วไปรายงานตัว(สมมุติ) วันที่ 7\12\58 งี้ หลังจากนั้นเริ่มงานเลยหรอวะ ??
ขอปรึกษาเรื่องสมัครงานหน่อยครับ คือผมอยากสมัครงานเวรเปลที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งเครือเปาโล
ตัวผมเองไม่เคยสมัครงานมาก่อนเลยในชีวิต เกิดมาสนใจในงานนี้แต่ผมไม่รู้ว่าต้องเตรียมอะไรไปบ้าง คงจะพวกรูปถ่ายตัวเอง
สำเนาทะเบียนบ้าน อะไรพวกนี้รึเปล่าครับ ในนั้นเขาเขียนคุณสมบัติต้องผ่านการเกณฑ์ทหารแต่ผมจบ รด ปี 3 นี่แทนกันได้ไหมครับ
แล้วถ้าผมจะเรียกเงินเดือน 9000 นี่จะมากไปหรือน้อยไปรึเปล่าครับ ส่วนตัวผมจบแค่ ม.6 เอง
>>859 สิ่งที่ใช้ในการสมัครงาน
1 รูปถ่าย เอาแบบใส่เสื้อเชิ้ตจะดีมาก
2 สําเนาทะเบียนบ้าน
3 สําเนาวุฒิการศึกษา
4 สําเนาใบจบ รด ใช้แทนกันได้
5 เอาปากกา กับกาวไว้ติดรูปด้วยก็ดี
6เตรียมตัวสัมภาษณ์งานด้วย พวกคําถาม-คําตอบ ลองหาในเน็ตดูนะ
7แล้วอย่าลืมแต่งตัวดีๆนะ
ส่วนเงินเดือนรอคนอื่นตอบละกันครับ
อ่อ รูปถ่ายจะเอาแบบใส่สูทเลยยิ่งดี ที่ร้านเขามีให้ยืมถ่ายอะ
เพื่อนโม่งคะ รบกวนถามหน่อยได้มั้ยว่ามีใครพอจะรู้จักบริษัทที่รับพนักงานสายวาดรูปบ้าง
พยายามหาพยายามส่งมาเดือนกว่า ยังไม่มีวี่แววว่าจะได้งาน
งานหายากจนเริ่มเครียด ท้อ รึว่าเพราะแก่แล้วก็ไม่รู้ (ปีหน้า 30 แล้วค่ะ T T)
ถ้าใครพอจะรู้จักรบกวนแนะนำทีน้า จะลองส่งพอร์ต+รีซูเม่ไปค่ะ ขอบคุณล่วงหน้าจ้า
กุเป็นคนยิ้มยากว่ะ แต่จริงๆร่าเริงนะ
แล้วกุเครียดเรื่องงาน บางทีกุก็ยิ้มไม่ออก
แล้วงานกุคือการเซอร์วิสลค. ถ้าเจอลค.ใจดีก็ลัลล้า
ถ้าเจอลค.เฮี้ยบๆกุก็นิ่ง กลัวทำตัวเสียมารยาท
ทำไงให้ยิ้มเก่งๆวะ คือกุไม่ชอบยิ้มมาตลอด แต่กุต้องเปลี่ยนแล้วล่ะ
>>862 โอเค ไปคุ้ยมา เจอล่ะ https://www.facebook.com/SamuraiCreate/posts/238062029738302
กูเคยเห็น fuya แชร์เมื่อหลายเดือนก่อน เป็นงานวาดการ์ดเกมญี่ปุ่น ทำในไทย แล้วก็ไปถามในนี้ >>>/subculture/2060 ด้วยสิ เผื่อในนั้นไม่เล่นห้อง life
ไม่รู้ถามมู้นี้ได้เปล่า อยากรู้ว่าซาลารี่แมนส่วนใหญ่ใช้เงินกันเดือนละเท่าไหร่อ่ะ อยากรู้คร่าวๆไว้วางแผนชีวิตอะค่ะ
ใช้เองราวๆ 9000
เพื่อนโม่ง กุทำงานเป็นเลขาอยู่บริษัทนึง
เมื่อวานกุเห็นบอสโพสต์รับสมัครคนใหม่ในไลน์ มี 2 ตำแหน่ง
แต่ในเฟสมีเพิ่มมาอีกตำแหน่ง คือตำแหน่งกุ - -" รับเลขาเพิ่ม
พอกุโทรไปถาม บอสบอกว่า แล้วไม่คิดเหรอว่าบริษัทต้องใช้เลขาหลายคน
กุบอกถ้าจะไม่ให้ผ่านโปรก็บอกกันก่อน บอสบอกว่า ถ้าไม่ได้โทรมาเรื่องงานก็แค่นี้นะ
ถ้าเขาจะเอากุเขาคงไม่พูดแบบนี้สินะ
กุไม่อยากอคติ แต่บ.กุมีแค่แปดคน จะเอาเลขามาเพิ่มอีกคนทำไม?
กรณีร้ายที่สุดเขาคงเอามาเสียบแทนกุ ไม่ก็ให้ทำงานคู่กะกุแล้วค่อยบีบออกป่ะวะ
>>873 เงินเดือนประมาณ 30k โดนหักนู่นนั่นนี่เหลือราวๆ 27k ใช้เดือนละ 21k
เป็นค่าหอ+น้ำไฟ 7.5k (ใกล้ที่ทำงานนี่ถูกที่สุดที่หาได้แล้ว OTL) เดินทาง 1.5k
ที่เหลือส่วนมากหมดไปกับค่ากิน (ที่ใช้แบบโคตรล้างผลาญ) กับของฟุ่มเฟือยอื่นๆ เงินที่เหลือไม่ค่อยเก็บได้เท่าไหร่
พอได้เยอะประมาณนึงก็มีเหตุให้จ่ายกับพวกไปเที่ยวอะไรงี้ อาจจะไม่ใช้ตัวอย่างที่ดีนะ แค่เอามาแชร์ๆกัน
15k ใช้หนี้3k ให้พ่อแม่3k กิน3k ของที่จำเป็น3k อื่นๆ3kส่วนใหญ่หมดกับค่าเที่ยวตจว
ปล.พอมีแฟนแล้วต้องเจียดส่วนอื่นมาpayอีก TT ตอนนี้ก็มองๆหางานเสริมทั่วไปอยู่
กูเป็นนีทกินอยู่กับบ้าน ช่วยทำกิจการที่บ้าน. ใช้จ่ายเดือนนึงประมาณ10,000บาทได้.
สำหรับกูที่ไม่มีพันธะครอบครัว กูเลยเงินเก็บเยอะมากหว่ะ คนกินเงินเดือนแล้วยังไม่แต่งงานควรมีเงินเก็บซัก30%ของเงินเดือนนะ น้อยกว่านี้จะลำบาก (ผมรู้ที่พวกคุณมีเงินเก็บน้อยเพราะผ่อน,บ้าน,รถ,) ถ้าเงินเก็บน้อยจริงเพราะผ่อนอะไรเกินตัวนี่ลำบากกันทุกคน ผมเห็นมาเยอะ
>>875 ดูเหมือนจะมาระบายอย่างเดียว ไม่ได้อยากได้คำปรึกษาจริงจัง แต่ขอเสือกละกัน เท่าที่อ่านกูว่าพฤติกรรมมึงไม่เข้าท่าอย่างแรงว่ะ เห็นปุ๊บคิดเข้าข้างตัวเองเสร็จสรรพ ไม่พอโทรไปเม้งบอสทันทีอีก(กูอนุมานว่ามึงเห็นนอกเวลางาน) เหย็ดเข้ เทพสัด เคยเห็นแต่บอสจิกใช้งานลูกจ้างนอกเรื่องนอกเวลา มึงแม่งปฏิวัติโลกสัดๆแล้วปกติเรื่องยิบย่อยกะจ้อยร่อยอย่างรับสมัครงานเนี่ยเลขาควรต้องทำไม่ใช่เหรอวะ ถ้าเรื่องแค่นี้บอสยังต้องทำเองจะมีเลขาไว้ทำแมวอะไร แล้ววิธีการพูดของมึงนี่แบบ.. หาอะไรนะ ยังไม่ผ่านโปรด้วย? เหยด มึงอายุเท่าไรเรียนที่ไหนเนี่ยถามจริง วุฒิภาวะต่ำเตี้ยเรี่ยดินได้ขนาดนี้
>>875 ถึงจะเป็นช่วงโปร ยังไงถ้ามันจะให้มึงออก(หรือที่ชอบเรียกกันว่าไม่ผ่านโปร)ก็ต้องบอกล่วงหน้า 30 วัน ไม่งั้นต้องจ่ายค่าตกใจ แต่ถ้าบอกล่วงหน้าก็ออกฟรีไม่ได้ชดเชย กรณีพ้น 119 วันไปแล้วแต่ไม่ถึงปี ให้ออกโดยไม่มีความผิดร้ายแรงต้องชดเชย 1 เดือน ยังไงมึงไม่ต้องกลัวโดนเด้งกะทันหัน หรือถ้าโดนจริงมึงก็ได้ตังค์ แต่ถ้ามึงมองว่ามันไม่โอ มึงก็หาลู่ทางเตรียมไว้ก่อนก็ได้ จะได้ไปสวยๆ ไม่ต้องง้อมัน กูเข้าใจมึง เรามาทำงานเราก็ลงทุนไปเยอะเหมือนกัน บางคนต้องถึงขั้นย้ายจังหวัด ทำสัญญาหอ เราก็ต้องการความชัดเจน ไม่ใช่อยู่ดีๆ ตกงานไม่รู้ตัว แต่มึงไม่รู้ข้อกฎหมายก็เลยอาจจะกลัว คิดว่ายังไม่ผ่านโปรเค้าจะทำไงกับเราก็ได้ เลยนอยด์ไปหน่อย ความจริงในกฎหมายไม่มีคำว่าโปร ยังไงมันก็ต้องบอกมึงล่วงหน้าไม่ก็จ่ายชดเชย มึงก็ใจเย็นนะ อะไรที่พลาดไปแล้วก็เป็นบทเรียน คนเราก็ต้องพลาดกันได้ รู้ไว้วันหลังจะได้ไม่ต้องนอยด์มากโทรไปถามแบบนี้อีก เป็นกูกูไม่ถามว่ะ ถ้าคิดว่าไม่โอละ กูก็จะเตรียมแอบหาช่องทางของตัวเองไปเงียบๆ ทำแผนสำรองไว้
>>873 กูใช้เดือนละประมาณ 30K พยายามลดอยู่ แต่ตบะแตกทุกที ส่วนมากหมดไปกับเรื่องแดก ส่วนพวกค่าหอ ค่าเนต คชจทั่วไป ให้ที่บ้าน อยู่ในเกณฑ์ปกติ มีค่าแดกนี่แหละที่.....
25k
เช่าบ้าน น้ำไฟ เน็ต 7000 (ครอบครัว 4 คน)
ของเล่นของคุ 5-7 พัน (บางเดือนอาจใช้ไม่หมด)
ค่าเดินทาง + กินเช้าเที่ยง+แดกหรูตามโอกาส 5-6 พัน
ที่เหลือเก็บ รวมกับเหลือจากค่าของคุ
กูมีพ่อว่ะ พ่อที่ไม่ได้เลี้ยงกูมาสักนิด เงินทองไม่ให้ ค่าเล่าเรียนก็เงินแม่เงินกูหามาเอง ตอนนี้มันไม่ทำงานละแล้วมาขอเงินกูเดือนละ7000
กูไม่ให้แม่กูก็ร้องห่มร้องไห้หาว่ากูเนรคุณ (what)
ค่าน้ำว่าวแม่งแพงจังงวะ
กูจำใจจ่ายน่ะแหละเห็นแก่แม่ คุยกับแม่แล้วเขายกเหตุผลแค่เพราะเขาเป็นพ่อ ไม่มีเขากูไม่ได้เกิดไม่ช่วยเหลือกันจะตกนรกบลาๆ
ก็มาบ่นเฉยๆแหละวะ ขอบใจพวกมึงที่รับฟัง
แถวบ้านกูเขาเรียกจ่ายเงินเพื่อความสบายใจว่ะ แต่กูไม่รู้ว่าจะเอาเงินกันแบบล้มทับกันได้หรือเปล่า
เป็นกูจะให้แม่ แล้วให้แม่เอาไปให้พ่อเอง
ถือซะว่ามึงให้แม่ แล้วเขาเอาไปทำไรต่อก็ช่าง
>>885 มึงก็ตอแหลหน่อย เรียก7000 บอกว่าเพิ่งหางานใหม่เงินเดือนน้อย จ่าย 3000 ได้มั้ย เพราะอันที่จริงมึงไม่ต้องจ่ายด้วยซ้ำยกเว้นว่าพ่อมึงจะฟ้องศาล
หรืออีกวิธีกูแนะนำว่ามึงจ้างมือปืนไปยิงพ่อมึงก็ได้ ค่าจ้างหลักแสนยิงเสร็จแล้วจบเลยไม่ต้องจ่ายเพิ่ม แต่วางแผนกันดีๆก่อน จัดฉากให้เหมือนฆ่าชิงทรัพย์หรือฆ่าผิดตัวอะไรพวกนี้ ถ้าพ่อมึงอยู่คนเดียวไม่มีอิทธิพลอะไรส่วนมากตำรวจไทยไม่ค่อยสนใจหรอก
คือมันมีกระทู้อยู่นี้นะครับพี่น้อง >>>/lifestyle/1579
กูก็เป็นว่ะ สดๆ ร้อนๆ พ่อกูเป็นขี้เมา ประสาทหลอนหาว่าแม่กูชอบทำงานเอาเงินไปใช้คนเดียว ไม่แบ่งเค้า(บ้านกูเป็นร้านขายของ พ่อกูไม่ทำงานวันๆเอาแต่เมา พอเมาแล้วก็เป็นบ้า แม่กูทำงานเลี้ยงเค้า หาข้าวให้เค้ากิน แต่เค้าก็คิดว่าแม่กูเอาเงินไปใช้คนเดียว)
วันนี้เอาน้ำมันก๊าซมาราดในครัว ขู่จะเผาบ้าน พอแม่กูรีบเช็ดกูเข้ามาตบแม่กู เอาขวดเหล้าไล่ขว้งเฉียดแม่กุออกถนน ดีที่ไม่โดนคนอื่น อีเหี้ย ไม่งั้นชิบหายหลายต่อ บ้านจนจะไม่มีกินอยู่แล้ว กิจการที่บ้านก็เป็นชื่อเค้าถ้าแม่กูหย่ากะเค้าพวกกูจะกลายเป็นคนไร้บ้าน ไร้งานไปเลย
พ่อกูติดเหล้าขนาดหนักเป็นโรคตับด้วย กูอยากวางยาพ่อกูมากๆ พูดจริงๆ ตอนแรกกูคิดอยากเอาเค้าเข้าคุกแต่แม่ก็ไม่ยอม กลัวญาติเค้า ทีนี้กูจะทำไง กูก็เลยอยากให้เค้าตายจะได้จบปัญหาเหี้ยๆนี่ซะที แต่ไม่รู้ต้องทำไง มีวิธีอะไรบ้างมั้ยวะ กูไม่ไหวแล้ว ไม่ไหวมากๆ กูรักพ่อกูนะ แต่กูทนไม่ได้แล้ว กูต้องหวาดผวาทุกวันว่าวันนี้เค้าจะทำอะไร กูกะแม่จะตายเมื่อไหร่ กูกลัวว่าวันนึงกูตื่นขึ้นมาทุกสิ่งจะกลายเป็นเถ้าถ่าน ถ้าเค้าไม่ตายกูก็อยากตายเองแล้ว กูตายไปเองเลยดีมั้ย กูทนไม่ได้แล้ว
กุไม่ผ่านโปรว่ะ แล้วที่บ.จะไปทะเลกัน กุบอกเขาว่าโอเค งั้นกุไม่ไปทะเลนะ มันคงทะแม่งๆ แต่วันนี้บอสเรียกไปคุยว่าอยากให้ไป ทำงานด้วยกันมา จะไปเลี้ยงส่งที่ทะเลด้วยไรงี้ คือกุกากจริง บอสดีกับกุ งานหนักเหนื่อยแต่สนุกบ้างเป็นพักๆ ใช้กุฉิบหาย คิดๆจะลาออกแต่ก็ไม่ผ่านโปรซะก่อน ถึงกุจะดูไม่เป็นไร แต่กุก็ยังเจ็บไม่หายนะมึง ..... กุไปดีไหมวะ กุครึ่งๆอ่ะ ก่อนรู้ว่าไม่ผ่านนิกุไปซื้อชุดมาเลยนะ สมเพชตัวเองฉิบหาย
ปกติโม่งกินไรเป็นข้าวเย็นกันเหรอ แถวบ้านแถงออฟฟิศกูพอตกเย็นไม่มีอะไรถูกๆ กินเลย
ถ้ายากประหยัดงบ กูแนะนำฟาร์มเฮ้าแถวเล็ก 17 บาท แบ่งกินได้สามวันตกวันละ 6 บาท ไข่ดิบซื้อยกโหลตกฟองละ6บาท ไม่มีแก๊สก็แดกดิบแม่ง หรือซื้อแบบต้มสุกตกฟองละ 8 บาท อีก5บาทซื้อทิลลี่จัมโบ้ ให้พลังงานเกือบๆ200Kcal ทั้งหมดนี่หมดไม่เกิน 20 บาท
ขอบ่นหน่อยเพื่อนโม่ง
กุเรียนจบมาได้ครึ่งปีแล้ว เป็นฟรีแลนซ์ล่ามอยู่
ประเด็นคือ แม่กุบอกว่ามันไม่มั่นคงให้ไปหางานประจำทำ แต่ไม่ให้กุออกตจว.
ละงานล่ามในกรุงเทพสำหรับคนจบใหม่เงินเดือนแม่งต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ได้แค่25-30k
แต่กุรับงานมาแต่ละเดือน ได้ไม่เคยต่ำกว่า40k มีนัดไว้ล่วงหน้าแล้วหลายเดือนด้วย
แม่ไม่เข้าใจกู
วันนี้กุไม่หยุด พรุ่งนี้ก็ไม่ได้หยุด มาบ่นเฉยๆไปละ บาย
วันปีใหม่กูไม่หยุด
เดี๋ยวจะหาว่ากูด่าอย่างเดียว มึงทำฟรีแลนซ์ของมึงไปก่อนนั่นแหละถูกแล้ว อย่าไปเบี้ยวงานเค้า แล้วระหว่างนี้ก็หางานดีๆ ไปด้วย มึงก็ไม่ต้องรีบ ถ้ามึงเก่งจริงหาได้สบายๆ โบนัสต่างหาก ค่าเดินทางเบิกได้ตามจริง รักษาพยาบาลฟรี เข้าสมติเวชสวยๆ ไม่ต้องใช้ประกันสังคมกากเดนจ่ายแต่ยาห่วยๆ หรือต้องเสียเงินซื้อประกันเอง กูไม่แอนตี้ฟรีแลนซ์นะ มันดีมาก แต่ส่วนต่างมันต้องมากกว่านี้ ถ้ามึงคิดส่วนต่างแค่ 10-15k แล้วเลือกฟรีแลนซ์บอกเลยมึงตื้นเขินมาก อีกอย่างถ้ามึงเก่งระดับเป็นฟรีแลนซ์ล่ามเรื่องไม่ซ้ำกันได้ทุกวันแต่เสือกหางานประจำได้แค่ 25-30k กูว่ามึงโคตรโง่อ่ะ ให้รีครูทช่วยเถอะ ยกเว้นมึงมีความจำเป็นอื่นเช่น เรื่องสุขภาพ เรื่องครอบครัว ฯลฯ ไม่สะดวกทำงานประจำ อันนั้นอีกเรื่อง แต่อย่างว่าแหละมึงเพิ่งจบใหม่ยังเด็ก มึงก็อาจคิดแค่นั้น กูว่าของแบบนี้เรียนรู้เองดีที่สุด มึงยังมีเวลาลองผิดลองถูกอีกเยอะกว่าจะรู้อะไรเป็นอะไร ไม่ต้องรีบร้อนก็ได้ แต่กูก็เข้าใจแม่มึง เลยอยากบอกไว้ว่ามึงนั่นแหละที่ไม่เข้าใจแม่
>>912 กูกล้าเอาหัวเป็นประกันว่ากูโง่กว่ามึงแน่นอนเรื่องภาษาญี่ปุ่นเพราะกูล่ามฟรีแลนซ์แบบไม่รู้เนื้องานไม่ได้ ไม่เทพพอ แต่ตั้งแต่กูจบมากูไม่เคยได้ต่ำกว่า 35k + ค่าน้ำมัน สวัสดิการต่างหาก สรุปปัญหาคือมึงหางานประจำได้เงินเดือนน้อยไป มึงอาจไปเจอบริษัทกากๆ ที่มันกดเงินเดือนมั้ง แล้วก็คิดไปเองว่าทุกที่ให้น้อยแบบนี้หมด ถ้ามึงเก่งจริง ฟังออกแปลได้หมด รับรองเค้าแย่งตัวกันตายโหงตายห่า n1 งานประจำ 95k กูก็เห็นประกาศรับอยู่ เส้นบางนาไม่ไกลเลย ไม่ได้พูดถึงประสบการณ์ด้วย ขอแค่พูดเชี่ยไรมามึงต้องแปลได้หมดแค่นั้นแหละ แต่เป็นคอนแทรคนะไม่มีโบ
คือกุก็คิดแบบนั้นนั่นแหละ กุติดแค่ไม่อยากไปตจว. ในกทม.กุหามาเป็นสิบที่แล้ว รีครูทก็ใช้ แต่แม่งเจอแต่แบบไม่เงินเดือนน้อยหรือไม่ก็แม่งประกาศเลยว่าต้องทำโอทีแต่ไม่มีเงินให้ กุหางานไปรับงานไป จนตอนนั้นไม่อยากหางานแล้ว รับงานที่มีไปก่อน เสียเวลาไปสัมภาษณ์ กุแปลได้เกือบๆพร้อม มีN1 โทอิค920 แม่งจะให้กู30k สัส บอกไม่มีปสก.
กุไม่ได้หวังแค่ส่วนต่าง10-15k ที่บอกคือเฉลี่ย เดือนที่กุได้60-70kก็มี
กุก็อยากหางานประจำ แต่ที่ทำอยู่คือมันได้เยอะกว่างานที่มันมีให้สมัคร แต่แม่กูอยากให้ไปสมัครรับเงินเดือน25k
โบนัส ออกเดือน เมษา
มีวิธียังไงบ้างไหมสำหรับพวกโม่งซาลารี่แมนในการไม่หลับในช่วงบ่าย(โดยเฉพาะที่ประชุมอ่ะ)
คือกูลองพยายามปรับตัวเองหลายอย่างแล้วนะ ทั้งนอนไวกว่าปกติ กินกาแฟก่อนเข้าประชุม เอาลูกอมเข้าไปกิน จนถึงขนาดพยายามนวดหน้าตัวเองรัวๆ ยันลุกไปล้างหน้าสุดท้ายแม่งก็กลับมาง่วงอีกว่ะ
กูใช้วิธี นอนกลางวันไปเลย กิืนข้าวเสร็จ พักแป๊บ นอนเลย 15 นาที ช่วยได้เยอะ
ปีนี้อายุ 28 แล้ว มีเงินเดือนพออยู่พอกิน เงินเก็บเดือนละหมื่น ไม่มีหนี้ แต่รู้สึกว่าพอเทียบกับคนอื่นแล้วเหมือนตัวเองยังมีไม่พอ ไม่ก้าวหน้า ไม่รู้ว่าเราคิดไปเองหรือว่าเรามีไม่พอจริงๆ
มีเงินเก็บถึงหมื่นเป็นสัญญาณที่ดี
ถ้าสมมุติเกษียณ 60
มีเวลาเก็บเงิน60-28= 32ปี= 384เดือน
เก็บเดือนละหมื่นทัังชีวิต384*10,000= 3,840,000 บาท ตีให้เป็นสี่ล้านเต็ม
ถ้าอยู่ถึง80ปี มีเงินให้ใช้สองแสนต่อปีอ่ะนะ
ดูแล้วมันยังน้อยไปแต่อนาคตอาจจะเก็บเงินได้เยอะกว่านี้อีกแถมยังไม่คิดเรื่องเอาไปลงทุนด้วย
อย่าสิ กูอิดฉา กูอายุ 24 เก็บได้แค่เดือนละพันเอง แง
เสื้อผ้า กระเป๋าใช้ข้าวของแบรนด์เนมกันมั้ยวะ
อย่าลืมคิดเผื่อตอนแก่แล้วเป็นโรคต้องเข้าโรงบาลนะพวกมึง;_; ป่วยทีเงินที่เก็บมาหายหมดอ่ะ
ส่วนใหญ่มันกินเงินเดือนก็โดนหักประกันสังคมไปแล้วแหล่ะ
มันยังทันป่ะวะกับการสมัครงานตามบ. คือกูจบมาประมาณ3ปีแล้วไง ได้ทำแต่งานฟรีแลนซ์ ไปสมัครที่ไหนก็ไม่มีใครเอาซะที เพื่อนร่วมรุ่นได้ทำบ.มีประสบการณ์ไปถึงไหนต่อไหนแล้ว กูยังไม่ได้เริ่มอะไรเลย ไหนจะต้องสู้กับเด็กจบใหม่อีก เฮ้อ... หรือกูควรตัดใจกับการทำงานออฟฟิศจริงๆวะ
กูไม่ไหวแล้วกับงาน
งานกูทำงานตรงตามแผนงานเหลือเวลาอีกอาทิตย์นึงจะเสร็จ แต่อีกทีมงานเลทไปประมาณ 2-3 อาทิตย์
แทนที่จะเร่งอีกทีม กลายเป็นว่ากูโดนเร่งงานให้เสร็จในอาทิตย์นี้ (ขอให้เสร็จใน 2 วันด้วยซ้ำ) เพราะอยากให้ไปช่วยอีกทีม
พอกูบอกว่าไม่ได้ก็โดนเขม่นใส่อีก อ้าว เหี้ย มันเกี่ยวอะไรกับกูเนี่ย =_= ก็ไปเร่งอีกทีมสิวะ
กูลงกับโปรเจคนี้มา 3 เดือนเต็มๆ ลดทั้งเวลานอน เวลาทำอะไรส่วนตัว เสาร์อาทิตย์อยู่บ้านก็ทำ เพื่อให้งานมันเสร็จทัน
แล้วมาเจออะไรแบบนี้เนี่ยนะ...........
>>934 กูว่ามึงควรสงบปากสงบคำทำตามเจ้านายฟ่ะ คือเจ้านายมันจะเล่นเกมส์การเมืองหรืออีกทีมมีเด็กเส้นหรือเปล่าเขาก็ไม่บอกมึงใช่ป่ะแต่เขามีภารกิจต้องทำงานให้ทันอยู่ดี ที่เขาจะโยกมึงไปก็เพราะเขาเชื่อว่ามึงงานได้มีประสิทธิภาพนะ กูเข้าใจว่าบางทีแผนที่วางไว้กับเรื่องจริงมันจะไม่เหมือนกัน แต่ต้องยึดหลักให้งานของกลุ่มเสร็จ
งานนี้มึงควรเงียบทำให้เสร็จแล้วค่อยคุยกันหลังจบงานว่าความเป็นมาเป็นยังไงกับเจ้านาย แล้วห้ามไปงัดในที่ประชุมเด็ดขาดนะมึง
กูเคยทำงานเป็นพี่เลี้ยงเด็กใน รร.เอกชน ตอนนี้ลาออกมาแล้ว
แรกๆก็ดีนะ งานสบาย ทำวัน5คาบ มีเวลาพักให้ ส่วนมากเด็กที่ดูแลก็พูดรู้เรื่อง (มีออทิสติกกับสมาธิสั้น)
แต่ความเหี้ยก่อนกูลาออกมาคือมีผู้ปกครองคนหนึ่ง ลูกอาการหนักมาก อยู่ประถมต้นแต่ยังพูดไม่ได้ ฉี่ราดกางเกงถ้าไม่พาเข้าห้องน้ำ
ซึ่งมันเกินมาตรฐานของแผนก แต่ด้วยความที่เป็นโรงเรียนเอกชน ผู้ปกครองจ่ายเงินมา ก็ต้องรับเข้ามาเรียน
ความซวยก็ตกอยู่ที่กู ด้วยความที่กูเริ่มมีเงินเก็บแล้วเลยลาออกมาอยู่ต่างจังหวัดกับครอบครัวดีกว่า
จริงๆเรื่องนี้กูไม่อยากโทษใครหรอก กูเข้าใจหัวหน้าว่าระบบ รร.เอกชนมันเป็นแบบนี้ เน้นทำกำไร ใครจ่ายเงินก็ส่งลูกมาเรียนได้
ส่วนแม่เด็กเองก็เหมือนหลอกตัวเองอยู่ ลูกอาการหนักขนาดนี้ส่งเข้า รร.ก็ไม่คุ้มหรอก จ้างพี่เลี้ยงดูแลที่บ้านดีกว่า ไม่เปลืองค่าเทอม
ส่งมาโรงเรียนสุดท้ายครูกับพี่เลี้ยงก็เหนื่อยเปล่า ค่าเทอมแพงไม่ได้แปลว่าเด็กจะอาการดีขึ้น
แต่เหมือนแม่เค้าไม่ยอมจะให้ลูกอยู่ในโรงเรียนให้ได้
เฮลโหล่ว กุออกจากงานแล้ว
กุบ่นให้ใครเขาฟังเขาก็บอกให้กุรีบๆออกจากงาน
-งานหนัก
-ทำหกวันต่ออาทิตย์
-ไม่มีโอที
-ไม่มีสวัสดิการ ประกันสังคม
-บางวันเลิกสองสามทุ่ม
-พักเที่ยงสามสิบนาที
-โดนเจ๊มนุษย์ป้าที่ทำงานโขกสับเพราะเป็นเด็กใหม่
-เงินเก็บแทบไม่เหลือเพราะโดนค่าหอเอาไปหมด
คิดๆแล้วกุทำที่นั่นไปได้ไงตั้งนาน
/ปาดเหงื่อ
-_- คือกุออกมาแล้วเขาจะจ้างกุทำพาร์ทไทม์ด้วยเพราะยังไม่มีใครมาทำหน้าที่แทนกุ แต่ขอบายยยยยยยดีกว่าแจ้ะ
ฮึกๆๆๆ กุต้องเช็ดโต๊ะ เก็บขยะบ.ไปทิ้งทุกวัน
กุต้องเก็บแม้แต่ทิชชู่ในถังขยะห้องน้ำ กุโดนแกล้งใช่ไหม กุไม่ใช่แม่บ้านนะ
กุรู้สึกว่า Self Esteem ความเป็นมนุษย์ของกุร่อยหรอลงทุกวันที่กุทำงานที่นั่น
อีเหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
กูเบื่อหัวหน้าที่ทำงาน บางเรื่องทุกคนทำผิดกฎได้ไม่โดนว่า แต่กูโดนหัวหน้านินทาว่าทำ ทั้งๆ ที่กูทำงานมาจะสองปีละยังไม่เคยทำซักครั้ง
ถ้าคนอื่นพูดกูเฉยๆ แต่หัวหน้ากูมันจ้องเล่นงานกูอยู่ เพื่อนร่วมงานกูทำผอดทุกอย่างที่กูโดนด่า แต่มันไม่โดน แถมคุยเล่นกันตลอด
บางอย่างไม่ใช่หน้าที่กู แต่มนุษ์ป้าสั่งให้กูทำกูก็ทำ พอมันมาเจอด่าว่าไม่ใช่หน้าที่เราทำทำใม แต่ไม่ด่าคนสั่ง พอกูเอาไปให้มนุษ์ป้าทำ บอกไม่มีมารยาท
บางอย่างเป็นงานของมนุษย์ป้าแต่ให้กูทำตลอด จนกูไม่รู้แล้วว่าเป็นงานใครกันแน่ แถมงานมันต้องมาก่อนงานกูด้วย หัวหน้าก็ไม่ช่วยอะไรเลย
เบื่อวะ ถ้ากูมีเงินเก็บแล้วไม่มีหนี้กูคงลาออกละ เหมือนกูโดนทุกอย่างอยู่คนเดียว ทั้งๆ ที่คนอื่นหนักกว่ากูกลับไม่โดนแม้แต่จะบ่น
กูไม่กลัวงานหนักนะ ทุกวันนี้กูทำโอฟรีไม่เคยบ่น ออกเงินตัวเองให้งานเดินก็เคยทำ ไม่เคยได้คำชมก็รับได้ แต่ไม่เคยช่วยแบบนี้กูรับไม่ได้วะ
กุเห็นคนในที่ทำงานกุก็โดนเหมือน >>942 แต่กุเป็นบุคคลที่สามมองจากข้างนอกกุบอกได้เลยว่าทำไมคนนั้นถึงโดนเพ่งเล็ง
เหตุผลคือไอ้คนนั้นอะมันทำงานได้ออกมาค่อนข้างกากถ้าเทียบกะคนอื่นๆในทีม
อารมภ์คล้ายๆเมิงเล่นเกมส์แบบเป็นทีมแล้วแพ้ส่วนใหญ่ไอ้คนที่กากสุดในทีมจะโดนปาขี้ก่อนนะแหละไม่ว่าเมิงจะทำถูกหรือผิด
กูยอมรับนะว่ากูกาก แต่คนอื่นทำงานมาเป็น10ปี กูเด็กคนเดียวในแผนก บางทีก็มีพลาดบ้าง กูก็พยามแก้ใขทุกอย่างแล้ว หลังๆ แทบไม่พลาดเลย
พี่แผนกอื่นบอกว่าเพราะกูไม่ค่อยเข้าหานาย ไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกะแผนกตัวเอง ไปสนิทกะแผนกอื่นมากกว่า คนในแผนกเลยมองกูเป็นคนนอกวะ
เมืองไทยไม่เข้าหานายอยู่ยาก เด็กรุ่นใหม่หลายคนตายตรงนี้ละ เข้าหาผู้ใหญ่ใม่เป็น คิดว่าตัวเองเด่งโดยใม่ใช้เส้นสายกับนาย มึงคิดใม่ผิดนะที่เมืองนอก แต่เมืองไทยทำงานเข้าตานายสำคัญหว่าทำงานตามจริงเยอะ
เมิงเล่นการเมืองไม่ดีไง
ขอปรึกษา ตอนนี้กุออกจากงานมา กุพอมีเงินเก็บก้อนนึง และที่บ้านซัพพอร์ทกุได้ โอเคกับทุกอย่างที่กุเลือก
คุยกับที่บ้านแล้ว ถ้ากุอยากไปต่อนอก เขาให้กุไปได้ปีหน้า อันนี้ไม่มีปัญหา
แต่หนึ่งปีนี้ คือกุว่าง...
-woof รอบโลก เขียนบล็อก เขียนหนังสืออะไรไป
-ต่อป.โทด้านธุรกิจไม่ก็อาร์ตที่ไทย อาจจะดรอปปีหน้าไปญี่ปุ่นสักเทอม แล้วกลับมาต่อโทให้จบ
-เรียนต่อเซมมงด้านอาร์ตเป็นคอร์สๆแบบที่ใช้ได้จริงที่ไทยให้โปร แล้วลุยด้านธุรกิจไปเลย กุอยากลองทำออกแบบลายผ้า ทำกระเป๋ารองเท้ามานานแล้ว
-กลับไปทำงานสายแปลฟรีแลนซ์เลี้ยงชีพไปพลางๆ
-ขายของออนไลน์
พ่อแม่กุคือ ไม่ต้องทำออฟฟิศก็ได้ ขอให้มีเงินเลี้ยงตัวเองก็พอ ชิวๆ กุก็ชิว อิห่าชิวเกิน
นอกจากญี่ปุ่นแล้วกุไม่มีอะไรที่ชอบเป็นพิเศษ แต่เป็นเด็กอาร์ตๆด้านศิลป์
เคยขายของมาก่อน เขียนเรื่องก็ได้ ธงในใจกุแม่งมีเยอะเกิน แล้วต้องตัดสินใจภายในเดือนนี้แล้วแต่กุยังคิดไม่ตกเลย
พ่อกุยังไงก็ได้ - แม่กุอยากให้ต่อโทธุรกิจ - ส่วนใจกุอยากเรียนเซมมง+แปล+ลองขายของดู woof นี่เก็บไว้เป็นตัวสำรอง
เอาแค่ความเป็นไปได้นะ
เรียนต่อโทธุรกิจ จบมาหางานทำ +++++
ลองขายของ +
เซมมง ไม่รู้จัก
แปล. +++
Woof. - เหมือนหนีไปเที่ยวมากกว่า
เขียนหนังสือ ถ้ามีสกิลให้หก+ ถ้าไม่มีสกิล--
ถ้าเป็นวัยรุ่นมากจะWoof ทำงานแลกที่อยู่ที่กิน,เขียนประสบการณ์ ระยะปีนึงอาจจะเปลี่ยนอะไรหลายอย่างในตัวได้ แต่อาชีพต่อจากนี้ยังต้องดิ้นรนอีกเยอะเลยหว่ะ ถ้าคิดจะเขียนหนังสือต้องเข็นจนตีพิมพ์ขายได้จริงถึงจะไปทางนี่ได้
ออกแบบลายผ้าลายกระเป๋าลองเอาไปส่งให้มืออาชีพดูทีว่าเขาคิดว่าเราเหมาะกับงานไหม ถ้าได้ก็ลุยด้านนี้ได้
เซนมงมันออกแนวเรียนเฉพาะทางอะไรแบบนี้น่ะ
ความจริงไอ้ที่มึงบอกมาหลายอย่างมันก็ทำพร้อมกันได้นะ เช่น เรียนต่อในไทยไปด้วย รับแปลงานไปด้วย ขายของออนไลน์ไปด้วย ถ้ามึงบ้านรวยมีทุนเจ๊งได้ไม่เป็นไร กูว่ามึงก็ลองทำไปเลยเหอะหลายๆ อย่าง จะได้ดูว่าอันไหนมันเวิร์ค อันไหนที่มึงชอบ แล้วค่อยปล่อยจากสิ่งที่มึงไม่ชอบไปทำสิ่งที่มึงชอบเต็มตัว
ขอนอกเรื่องนิด มึงจะใช้ทับศัพท์ทำหอกอะไรวะ ภาษาอังกฤษยังโอเคนะกูถือว่าเป็นภาษาสากล ถึงไม่รู้ยังไงทุกคนก็สามารถก็เอาไปค้นคว้าเปิดดิกได้ แต่เซมมงนี่ใครมันจะไปรู้กับมึงวะ แล้วเค้าจะไปเปิดดิกยังไง เวลาสื่อสารต้องให้คนอื่นรู้เรื่องด้วยดิไม่ใช่รู้อยู่คนเดียว ถ้าแค่นี้คิดไม่ได้มึงก็ไม่ควรไปแปลงานว่ะ
เพื่อนโม่งใครทำงานราชการบ้าง?? พอดีกูโดนบังคับให้ไปเชียร์กีฬาสงตรีนไรไม่รู้ มีในแผนก3คนรวมกู ถ้าไม่ไปเป็นไรเปล่าวะ
มีใครโดนที่บ้านกดดันเรื่องเรียนโทหนักๆบ้างวะ แบบจะให้ไปเดี๋ยวนั้นเดี๋ยวนี้ เมืองไทยก็ไม่เอาจะเอานอก
หนักๆเข้าก็จะเอาอเมริกาประเทศเดียว ยุโรปไม่เอา ญี่ปุ่นไม่เอา
แถมคิดเป็นตุเป็นตะว่าจบกลับมาปุ๊ปจะได้เป็นผู้บริหารเงินเดือนหลักแสน แต่ที่บ้านไม่ได้มีเงินให้นะ ให้กูไปหาทุนเองอีก
อธิบายอะไรไปเค้าก็ไม่ฟังซักอย่าง (แต่ชอบพูดว่ามีอะไรให้คุยกัน เออ เจริญ)
เค้าพูดทุกครั้งที่เจอหน้ากัน หรืออยู่ๆก็โทรมาพูด คือมันทำลายสุขภาพจิตกูมากจนจะไม่ไหวอยู่แล้วว่ะ
>>955 กล้าหักดิบป่าวล่ะ
ถ้าพูดเรื่องต่อโทเมืองนอกก็ตัดบทวางสายไปเลย ทำไปเรื่อยๆ บ้านช่องมีไม่ต้องกลับ อย่าเจอหน้ากันซักสามสี่เดือน ถ้ามีเพื่อนฝูงรู้จักพ่อแม่ก็เตี๊ยมให้บอกว่าท่านไม่สบายใจ เครียดเวลาเจอพ่อแม่กดดันให้ต่อโท สุดท้ายพ่อแม่ท่านจะลดความคาดหวังลงขอแค่ให้ท่านกลับไปเยี่ยมบ้านเป็นครั้งคราวก็พอ
บางครั้งคำพูดไม่มีค่า เพิ่มระยะห่างนี่แหละเวิร์คสุด
กู >>955 นะ
>>956 กูก็เคยคิดงั้นนะ แต่มาแกล้งทำตอนนี้มันคงไม่ทันแล้วมั้ง...
>>957 พ่อแม่กูไม่ได้ดูละครไทยนะ แต่เหมือนเค้าไปเชื่อที่ญาติๆเป่าหูมา จริงๆกูก็ไม่เข้าใจว่าอะไรทำให้เค้าคิดไปได้ขนาดนั้นทั้งที่ตัวเองก็จบโทเมืองนอกทั้งคู่ แล้วตัวเองได้เป็นผู้บริหารเงินเดือนหลักแสนเรอะ? ก็เปล่า
>>958 ตอนนี้ยังไม่ถึงขั้นหักดิบแต่กูก็แสดงออกมากนะเวลาเค้าพูดเรื่องนี้ ซึ่งจะหนีหายไปเลยอาจจะยากเพราะทุกวันนี้เค้าตามมาหากูถึงหออาทิตย์ละครั้งอยู่แล้ว
กูจะลองคิดต่อละกันว่ามันมีวิธีกระทุ้งให้เค้ารู้ตัวแรงกว่านี้ แต่ไม่แรงถึงขนาดจะตัดขาดกันมั้ย
>>959 ไอ้ซักวันต้องไปเรียนน่ะกูก็เข้าใจ แต่จะมาไล่บี้ให้ไปเดี๋ยวนั้นเดี๋ยวนี้มันไม่ใช่เปล่าวะ มันต้องใช้เวลาเตรียมตัว หาเงิน แล้วก็คิดให้รอบคอบเปล่าวะว่าอยากต่อสายไหน
แล้วมันก็ไม่ใช่ว่าจบมาชีวิตจะดีกลายเป็นไฮโซอะไรอย่างที่เค้าคิดด้วย ออฟฟิซกูก็จบโทนอกตั้งหลายคนไม่เห็นชีวิตมันจะดีกว่ากูตรงไหน
>>960 เงินเก็บส่วนตัวกูมีไม่เยอะหรอก ไม่พอจะเรียนต่อแน่ๆล่ะ แต่เค้าเห็นเกรด ป.ตรี กูมันพอดูได้เลยนึกว่ากูเก่งพอจะหาทุนเต็มจำนวนได้ง่ายๆล่ะมั้ง
อย่าว่าแต่ขอทุนเลย แค่ให้มหาลัยระดับสูงๆหน่อยรับกูเข้าเรียนกูยังไม่เห็นทางเลย
>>961 ให้กุเดานะคือมึงเรียนเกรดเยอะตั้งแต่เด็กแน่เลย คนอื่นเลยนึกว่ามึงเก่ง
มึงต้องดูว่าไอ้ญาติที่มาเป่าหูเข้าใจว่ามึงเก่ง หรือจริงๆแล้วคือพวกขี้โม้ชอบโทรมาอวดเรื่องลูกให้ฟังป่าว แม่กุเจอญาติคนนึงชอบยอลูกนี่ประจำเลย แต่กุพอแม่กุเล่าให้ฟังแล้วกุเถียงไง ว่าอันไหนมันคือคำสรรเสริญ อันไหนข้อเท็จจริง
วิธีแก้มึงต้องเล่าความเป็น loster ให้พ่อแม่เขาฟังบ้าง เขาจะได้รู้ที่เขาคิดว่ามึงเก่งๆ จริงแล้วยังมีคนเหนือกว่า
>>955 >>961 มึงเหมือนกุมากเลย แต่กุพึ่งจบตรีมาเกือบปีนึง ลาออกจากงานแล้วที่นึง
ที่บ้านก็กดดันจะให้กุเรียนต่อโทให้ได้เลย คือเอะอะพอพูดเรื่องการเรียนก็จะวกกลับมาที่ลองๆสอบหาที่เรียนดู
เป็นตั้งแต่กุจะหางานทำกับตอนนจบใหม่ๆแล้ว พอกุจบปุบจะให้กุต่อโททันทีเลยจ้า แต่กุบอกไม่
อยากลองหางานทำก่อน
ถ้าต่อนอกหาทุน ถ้าต่อในทุนไม่ทุนก็ได้ แต่ขอให้เรียนไว้ก่อนเขาคิดว่าถ้าเรามาเรียนตอนหลังมันจะไม่ไหว
บ้านกุไม่ได้รวยด้วย ถึงเขาจะออกค่าเรียนให้แต่กุอยากให้เขาเก็บเงินไว้ใช้ส่วนอื่นมากกว่า
ถ้าจะต่อโทจริงๆอยากใช้เงินตัวเอง
ต้องรื้อฟื้นวิชาใหม่หรืออาจไม่อยากเรียนอีกเลย แต่กุต่างตรงที่ว่าแต่ก่อนกุโง่นะ ควายมาก
กุพึ่งมาเรียนได้เกรดดีๆช่วงม.ปลายกับตอนจบมหาลัยเนี่ยแหละ
ตัวกุกูเข้าใจที่พ่อแม่กุคิดนะ แต่ต่อโทยังไงก็ต้องเน้นสอบกับติวใหม่อีกรอบไม่ใช่เอาเกรดตอนของจบตรีมายื่นง่ายๆ
กุยังไม่รู้เลยว่าถ้าเรียนจะรอดไหม จากใจคนจบเอกชนและตอนแอดมิชชั่นแอดไม่ติดเพราะกุไม่เก่ง และโง่
แต่พอมาเรียนเอกชนกลายเป็นว่าเกรดกุสูงเข้าหน่อยเท่านั้นล่ะ พูดมาประจำเลยถ้าไม่หางานทำงานต่อก็เรียนไปก่อนสะ
เรียนไปก่อนๆๆๆ อะไรๆก็หาที่เรียนไปก่อนกุไม่รู้จะต่อด้านไหนที่ไม่ใช่ด้านเดิมก็ให้เรียนไปก่อนๆๆเห้ออ
ถ้าทํางานเอกชนถึงอายุ 40 กว่าแล้วยังไม่ได้เป็นระดับหัวหน้า บริษัทจะยังจ้างอยู่ไหม
ตอนนี้กุกำลังเป็นว่าทีซาลารี่แมน
มี2ทางเลือกหลักๆก็เรียนต่อกับทำงาน
กุไม่เข้าใจผู้ใหญ่หลายๆคนว่าต้องจบโทก่อนถึงทำงานได้?(จบโทสตาร์ทสูงกว่าตรีนิดเดียว?)
พยายามจะให้ไปเรียนต่อ
แต่กุเรียนจบมายังไม่รู้จะเรียนอะไรต่อเลย กุเรียนสายภาษา ซึ่งผ่านมา4ปีสกิลมันตันแล้ว
ต้องเก็บประสบการณ์ต่อเอาเอง (คำคัพท์ +ใช้จริง)
ตอนนี้ต้องพยายามหางานให้ได้ก่อนที่จะถูกส่งไปนอก - -
อายุใกล้สามสิบแต่ยังไม่เคยทำงานบ. จะมีโอกาสมั่งมั้งวะ
มีใครจบมาได้งานแฮปปี้มีความสุขไหม เล่าให้กูฟังที รู้สึกเหมือนยูโทเปีย คือสวยงามแต่แม่งไม่มีอยู่จริง สัมผัสไม่ได้
กุอยากได้ตัวอย่างบ้าง เพื่อนร่วมรุ่นกูเปลี่ยนงานกันเป็นว่าเล่น กุเห็นจากสิบคน มีคนที่มีความสุขกับงานที่เลือกแค่คนสองคนเอง
หวัดดี เราเป็น นศฝึกงาน พอระบายหน่อย
พอเปลี่ยนจากการเรียนมาเป็นการทำงาน แม่งคนเรื่องจริงๆ
ที่เรียนมาไม่ได้ใช้ มาเรียนรู้ใหม่เอาที่ทำงาน
แล้วแบบงานง่ายๆ เช่น พวกดราฟท์โลโก้ อะไรเงี้ย เรากลับไม่มีปัญญาที่จะทำมันให้ได้ดีๆ
รู้สึกเฟล เหมือนทำอะไรไม่เป็น พี่เค้าก็สอนแล้วสอนอีก กูก็เข้าใจนะ แต่ทำไมตอนกูทำมันไม่เหมือนพี่เค้าทำวะ
พอใจละ บาย
>>966 สายภาษากูว่าใบสอบสำคัญกว่าป.โทนะ อย่างมึงเรียนภาษาอังกฤษ ถ้าคะแนน TOEIC 900 หรือโทเฟลเกือบเต็มกูว่านายจ้างคงอยากได้มากกว่าป.โท ภาษาญี่ปุ่นป.โทกับ N1 กูว่าN1คุ้มกว่าเรียกเงินเดือนได้เยอะกว่า ป.โทอีกมึง
>>968 จบกฎหมายแต่ไม่ได้ทำงานสายกฎหมาย ทำงานสายครู ก็มีความสุขดีนะอยู่กับเด็กๆสบายใจไม่เครียด
>>969 เก็บEXPไปเรื่อยๆเดี๋ยวกูเก่งเอง
คำว่าความสุข 100% มันไม่มีจริงหรอก ทุกงานมันก็มีทั้งสุขและทุกข์คละเคล้ากัน ของแบบนี้มันต้องลองประเมินดูว่ามันคุ้มที่จะอยู่ไหม สภาพแวดล้อมในการทำงาน เงินเดือน หนทางเติบโต ความมั่นคง ไม่ใช่เอะอะทุกข์นิดทุกข์หน่อยก็ลาออกๆ หรือว่าทนจนเป็นควายดักดานเพียงเพราะไม่กล้าจะก้าวออกไปจากที่เฮงซวยแล้วปลอบใจว่าตัวเองเป็นคนมีความอดทนเป็นเลิศ
ความจริงสุขทุกข์มันอยู่ที่ใจนะ ไม่คิดไรมากก็สบายใจดี แต่ก็ควรคิดบ้าง คิดด้วยเหตุและผล ไม่งั้นจะกลายเป็นดักดานอยู่กับอะไรที่ไม่ควรอยู่ทั้งที่ความจริงเรามีศักยภาพและทางเลือกที่จะไปได้ไกลกว่านั้น แต่คิดเยอะไปก็ร้อนรนร้อนรุ่มหาความสุขไม่ได้
>>968 งานที่แรก เคยงึกงานที่นี่มาก่อน
ได้งานตั้งแต่ยังไม่ได้อนุมัติจบ เป็น IT Startup
เงินเดือนโดยเฉลี่ยสูงกว่าเพื่อนร่วมรุ่น
โดนผลักดันให้ทำงานสำคัญๆ รวมถึงติดต่อกับคนระดับสูงของฝั่งลูกค้า/Partner
สภาพแวดล้อมเหมือนครอบครัวเพราะคนน้อย (10 กว่าคน)
มีไอเดียหรือมีอะไรจะแย้ง พูดได้ตลอด รับฟังเสมอ
มีของกินสารพัดบริการในออฟฟิศฟรี
เปิดปีนี้ด้วย Company Trip ที่ฮ่องกง
สวัสดิการมีประกันสุขภาพ/ประกันชีวิต เพิ่มเติมจากประกันสังคม
โบนัสปีละ 2 ครั้งตามผลงาน
กุอยากทำเสื้อยืดขาย ไปลงคอร์สออกแบบลายผ้าแล้ว แบ่งออกเป็นแนว 1.น่ารัก ขายผู้หญิง 2.เท่ๆ ขายผช.
ทุนเสื้อคอตต้อนผสมโพลีเอสเตอร์ตัวละหกสิบ ค่าพิมพ์เริ่มต้นสี่สิบแบบเอสี่ ดิจิตอลปริ้นติ้งนะ แบบหลายๆสี แล้วราคาจะถูกลงเรื่อยๆถ้ากุพิมพ์เยอะขึ้น
กะว่าทุนตัวละร้อย ขายตัวละสองร้อย จะเริ่มจาก 1.ขายในเฟส 2.หาตลาดนัดลง 3.หาหน้าร้าน ขายส่งฝากร้านอื่น
พวกมึงมีไรแนะนำไหม ตอนนี้กุกำลังคิดว่า เปิดเริ่มแรก ควรมีสักยี่สิบลาย นอกจากวาดเองแล้วจะลองจ้างน้องที่รู้จักที่มีฝีมือทางวาดรูปด้วย
ยอดเดือนนึงโดยเฉลี่ย กุอยากขายให้ได้สองร้อยตัว 200x200 = 40,000 ทุน 50% แล้วค่อยขยับขยาย กุคิดว่าเป็นไปได้นะ
กุจะเริ่มเปิดเพจหาพรีออเดอร์ก่อน จุดขายของร้านกุต้องอยู่ตรงที่ลายแฮนด์เมดที่ไม่เหมือนร้านอื่น
[ปัญหา] 1.มีร้านไหนที่ทุนจะถูกกว่าตัวละร้อยไหม กุต้องหาร้านมาเทียบหลายๆร้าน 2.เปิดเพจแล้วคนจะซื้อของกุไหม แล้วกุจะลงตลาดไหนดีมีใครแนะนำไหม 3.ฝากขายหน้าร้านนี่พอเป็นไปได้ไหม กุจะถือเสื้อยืดกุเดินดุ่มๆๆไปคุยกับเขาเลยหรือส่งเมลไปก่อนดีวะ (ส่งเมลน่าจะเหลวนะ กุคงต้องหน้าด้านหน่อยสินะ?)
[แผนโฆษณา]
1.ซื้อโฆษณาเฟสบุค
2.ส่งเสื้อฟรีไปให้เน็ตไอดอล,เพจ,แล้วขอให้เขาเขียนเชียร์โฆษณาร้านหน่อย
3.google adword / SEO < ไม่แน่ใจว่าจะดีไหม
กุโดนไม่ผ่านโปร นี่จะเดือนนึงแล้วบ.เก่ายังโทรมา ไลน์มาถามงานเก่ากุอยู่เลย
ทั้งที่กุทั้งเซฟไฟล์ลงฐานข้อมูลบ. ทำใบต่องานให้แล้ว
รู้สึกเสียสุขภาพจิต เปลี่ยนเบอร์ดีไหมวะ...
มึง กูอยากรู้ว่าบริษัทเค้าจะแจ้งว่าเราผ่านไม่ผ่านโปรตอนไหวะ กูทำบริษัทต่างชาติ กูติดโปร 6 เดือน นี่จะครบ 6 เดือนอาทิตย์หน้านี่ละ เค้าไม่บอกเหี้ยอะไรกูเลยเนี่ย
6 เดือนมันเกิน 119 วันแต่ไม่ถึง 1 ปี ตามกฎหมายหากให้ออกโดยมิได้ทำความผิดร้ายแรงต้องจ่ายชดเชย 1 เดือน หากบอกกะทันหันต้องให้ค่าตกใจอีก 1 เดือน คำว่าผ่านโปรไม่ผ่านโปรไม่มีในกฎหมาย
>>989 กูไม่รู้คัลเจอร์บ.อื่นเป็นไงนะ แต่บ.กูถ้าให้ทำงานไปเรื่อยๆ ไม่มีการเรียกไปคุยอะไรก็คือผ่านโปรนั่นแหละ ไม่มีการพูดถึงเป็นพิเศษ แต่ถ้ามีเรียกเข้าห้องไปคุยส่วนตัวนี่มึงเตรียมเก็บของได้เลย อ้อ ของกูไม่มีปรับเงินเดือนด้วย ตกลงกันตั้งแต่ตอนสัมภาษณ์แล้วว่าได้เท่านี้ไปตลอด 1 ปี ปีหน้าค่อยว่ากัน
ขณะตอนถูกสัมภาษณ์รู้สึก nervous มากๆ พูดไม่เป็นคำเลย จะแก้ในส่วนนี้ยังไงดีครับ
สัมพาดบ่อยๆเดี๋ยวก็ชินแรกๆกุก็เป็นประเดิมที่แรกไปสัมพาดรอยเตอเลยเมิงรู้สึกได้เลยว่ากุสัมพาดกากสัดๆ
สำหรับคนที่ไม่เคยกุแนะนำไปสัมพาดที่เมิงไม่อยากได้ก่อนซัก 2-3 ที่แล้วค่อยไปของจริงวะ
เมิงได้รู้แนวการถามในสายงานด้วยว่าเขาอยากได้ไรในสายงานที่เมิงทำ
ส่วนมากไม่ผ่านแล้วจะหายเงียบ แต่ก็มีบางบริษัทนะที่เมลมาบอกว่าไม่ผ่าน ขอบคุณที่สนใจ
กูเคยเจอบริษัทญี่ปุ่นส่งเมล์มาแจ้งว่าไม่ผ่านว่ะ เลยรู้สึกชอบบริษัทนี้ไปเลย ถึงเขาไม่เอากู แต่กูก็รู้สึกดีที่บอกตรงๆว่ะ บางบริษัทบอกเดี๋ยวติดต่อกลับไป กูรออยู่นานจนตัดใจ ไปหาสมัครงานที่อื่น เสือกโทรมาบอกรับกูละ ไม่ทันแล้วพี่
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.