>>592 เคยทำมาหลายรูปแบบนะ
แบบที่สมัครด้วยตัวเองแล้วผ่าน - งานจะเป็นประเภทไม่ถึงขั้นใช้ความสามารถสูง มีความรู้ระดับ ปวส. หรือปริญญาตรีก็ทำได้ ประเภทงานบัญชีทั่วไป งานคุมสต็อกของ งานตรวจสอบความถูกต้อง งานธุรการ ซึ่งบริษัทจะเป็นระดับกลาง ๆ ค่อนไปในทางเล็ก แน่นอนว่าเงินเดือนจะไม่ได้ตามมาตรฐานที่เราต้องการแต่ก็ดีกว่าไม่มีงานทำ และงานก็ไม่ถึงขนาดที่ว่าเราจะทำไม่ได้
เวลาเราสมัครต้องอาศัยคารมนิดหน่อยและมีความสามารถที่ว่ามาเนี้ยะติดตัวในระดับหนึ่งแล้ว (จริง ๆ คืออีก 2 อย่างซึ่งจะกล่าวต่อไปข้างล่างก็เช่นกัน) ส่วนมากสัมภาษณ์แค่ 1-2 ฝ่ายแล้วตัดสินจากการทดลองงาน
แบบที่สมัครด้วยตัวเองแล้วต้องพึ่งโชค - อันนี้บอกไว้เลยว่าดวงจริง ๆ งานประเภทนี้กูเคยเป็นแคนดิเดทแต่ก็พลาด มันคืองานอะไร? มันคืองานประเภทที่มึงคิดว่ามึงอยากทำอ่ะ ประมาณว่าไม่ได้จบมาในสายงานนั้นแต่ชอบและเคยทำเป็นงานอดิเรก
เป็นงานที่อาศัยลักษณะเฉพาะพอสมควร สมัครแล้วต้องผ่าน 2-3 ฝ่ายอะไรทำนองนั้น เช่น จบรัฐศาสตร์หรือนิติศาสตร์มาแต่อยากทำพิสูจน์อักษร หรือเขียนบทความ ก็อาศัยข้อได้เปรียบตอนเรียนให้เป็นประโยชน์ซะ + ความรู้ในแขนงที่เขาต้องการ อะไรล่ะ...เช่นเล่นเกมเงี้ยะ แปลงานเงี้ยะ (ของที่ทำเป็นงานอดิเรกแล้วชอบ)
บริษัทเขาอาจจะเห็นความสามารถและความพยายามของมึง แต่ขณะเดียวกันคนจบมาตรงกับสายงานมันจะได้เปรียบกว่าอยู่แล้ว (ถึงบอกไงว่าพึ่งโชค) เคสกูนี้บริษัทเขายังชมเลยว่าความสามารถดีมาก...แต่ก็พลาดนะ
แบบอาศัยคนรู้จัก - คือมึงมีเพื่อนอ่ะครับ และมึงก็บอกเพื่อนไว้เลยว่า "ตำแหน่งไหนในบริษัทมึงที่ว่างและคิดว่ากูทำได้มึงเรียกกูเลยนะ" ทำนองเนี้ยะ
งานใน field นี้อาจจะเป็นประเภทคล้ายคลึงกับแบบแรกแต่เงินเดือนจะดีกว่า หรืออาจจะตรงกับที่เรียนมาเลยก็ได้แต่ก็ต้องอาศัยโชคเหมือนแบบที่สองเช่นกัน ทำไมเป็นแบบนั้น? เพราะถ้ามึงมีเพื่อนดีเขาจะเสนองานในตำแหน่งที่ค่อนข้างโอเคที่สุดกับเรา ในขณะเดียวกันเราก็ต้องสัมภาษณ์ให้ผ่านฝ่ายบุคคลเช่นกัน
ข้อดีคือมึงมีเพื่อนในบริษัทฝ่ายบุคคลจะถามความเป็นไปเป็นมากับเพื่อน และเราสามารถนัดแนะกับเพื่อนได้เหมือนมีแบ็คอัพ แต่ข้อเสียคือ นอกเหนือกรณีที่ฝ่ายบุคคลค่อนข้างจะเขี้ยวจนทำให้เราพลาด (อันนี้จะกลายเป็นเคสปกติ เหมือนสมัครงานทั่ว ๆ ไป) ถ้าเราได้ทำงานจริง ๆ มึงจะต้องแบกรับภาระอันหนักอึ้งในสิ่งที่เรียกว่า "ความรับผิดชอบต่อเพื่อน" เพราะนอกจากเราแบกรับงานของเราแล้วเรายังต้องแบกรับหน้าเพื่อนไว้ด้วย
แบบพิเศษ (แถม) คือให้บริษัทรับจัดหางานเป็นตัวเลือก - ซึ่งกูก็เคยทำ แต่บังเอิญว่าหลังฝากประวัติแล้ว กูสมัครงานเองได้พอดี แต่ภาพรวมน่าจะเหมือนลักษณะประเภทแรก
หลัก ๆ เลยในเรื่องการสมัครงานไม่ตรงกับที่เรียนมาคือต้องแสดงให้ฝ่ายบุคคลเห็นว่าทำงานนี้ได้ ซึ่งในความจริงแล้วมึงก็ควรต้องทำงานนั้นได้จริงระดับหนึ่งแหละไม่งั้นก็อย่าสมัครเลยเปลืองพลังชีวิต เงินและเวลาเปล่า ๆ เหมือนตัวอย่างที่ยกไปแหละ จบนิติฯ รัฐศาสตร์ มันยังพอจะไปด้านงานเขียนหรืองานตรวจเอกสารได้ ถ้ามีทักษะด้านภาษา ไม่ใช่จะพรวดพราดไปสายงานกราฟฟิคอะไรเงี้ยะ ต่อให้มึงชำนาญโปรแกรมแต่พอร์ตไม่มี ทางก็หายไปแล้วครึ่งนึง (มันคือการยกตัวอย่างเปรียบเทียบน่ะ อาจไม่สมเหตุสมผลหน่อยแต่ก็มีรูปธรรมให้เปรียบเทียบ)
ลองดูแล้วกันเพื่อนโม่งว่าอะไรใกล้เคียงกับนายมากที่สุด อาจจะเลือกไม่ได้เสียทีเดียว แต่หากโอกาสอำนวยก็เลือกในอะไรที่ทำได้นั่นคือดีแล้ว