ย้าย
>>>/lounge/68/ วันศุกร์ที่หนึ่ง
>>>/lounge/216/ วันศุกร์ที่สอง
>>>/lounge/286/ วันศุกร์ที่สาม
>>>/lounge/408/ วันศุกร์ที่สี่
>>>/lounge/765/ วันศุกร์ที่ห้า
Last posted
Total of 1000 posts
ย้าย
>>>/lounge/68/ วันศุกร์ที่หนึ่ง
>>>/lounge/216/ วันศุกร์ที่สอง
>>>/lounge/286/ วันศุกร์ที่สาม
>>>/lounge/408/ วันศุกร์ที่สี่
>>>/lounge/765/ วันศุกร์ที่ห้า
ช่วงนี้กระทู้วันศุกร์เงียบๆ กระจายไปกระทู้อื่นกันหมด
หายไปไหนกันหมดละครับพวกคุณ
ทำไงถึงจะทวงเงินจากเพื่อนสนิทที่ยืมไปได้ซักทีวะ อีกสองวันจะครบปีแล้ว แม่งไม่มีวี่แวว ส่งไลน์ไปก็อ่านแต่ไม่ตอบ โทรไปก็ไม่รับ ตั้งสเตตัสลอยๆด่าก็แล้วยังไม่สน อยากจ้างชายชุดดำไปดักก็กลัวกฎหมายอีก จำนวนเงินก็หมื่นห้า กูให้จ่ายเดือนละพันก็ได้ ก็ไปคร่ำครวญกับอีกคนว่ากูใจยักษ์ใจมารขูดรีด โอย ทำไงดีวะ
กู>>7 แล้วพอกูทวงมันต่อหน้าเพื่อนกู เพื่อนกูก็เสือกโมโหกูที่กูไปเซ้าซี้มันให้คืนเงิน เพื่อนกูบอกเดี๋ยวแม่งก็คืนอย่าไปเซ้าซี้มันได้ปะ ดูเหมือนกูเป็นตัวร้ายเลยไอ้เหี้ย กูอยากลองยืมเงินอีปากดีนี่แล้วหายหน้าหายตา ไลน์อ่านแต่ไม่ตอบ นานๆจะโผล่หน้ามาให้เห็น พอเจอหน้าตอนทวงก็ทำเป็นไม่ได้ยินหยิบหนังสือมาอ่าน เหี้ยไหม??แล้วไม่ให้กูเซ้าซี้ได้ไง? ขนาดเซ้าซี้ขนาดนี้ยังไม่คืน ด้านป่ะล่ะ
จำนวนเงินไม่เยอะเท่า>>4 หรอกแต่มันเจ็บใจว่ะ กูยอมบริจาคเงินให้วัด/มูลนิธิดีกว่ามาเสียให้คนเหี้ยๆแบบนี้ฟรีๆว่ะ ถึงเพื่อนกูอีกคนจะปลอบใจว่าทำทานไปอย่าคิดมากเลย แต่กูรู้สึกแย่ที่ต้องทำทานกับคนเห็นแก่ได้แบบนี้ว่ะเงินมันก็มีแต่ไม่คืนกูคืออะไร?เป็นหมอที่เห็นแก่ได้มาก เก่งแต่เหี้ย กูยอมคบคนโง่แต่ไม่เหี้ยเหมือนมันดีกว่า
มึงมีเพื่อนเหี้ยนะ ตอนบ้านกูชิบหายกูก็ยืมเพื่อนนะ กูก็ผ่อนคืนเรื่อยๆตลอด
อย่าเหมาว่าคนเป็นเพื่อน ยืมกันแล้วมันจะไม่คืนสิวะ คิดแบบพวกมึง ยอดนักยืมอย่างกูก็ชิบหายสิ
อ่านพวกมึงแล้วนึกถึงมีคนที่ทำงาน ริจะก้าวหน้าทางลัด
ไปเป็นคนปล่อนเงินกู้นอกระบบ โดยไปกู้เอาเงินมาปล่อยอีกต่อเป็นแสนดอกเท่าไหรกูไม่อยากฟัง (คิดได้ไงวะ)
ผลเรอะเจ๊งสนิท ทวงเงินไม่ได้ต้องไปยืมเงินคนโน้นคนนี้คนทำงานข้างๆ หลักพันหลักหมื่น ไปจ่ายหนี้ อ้างว่าเอาไปลงทุน จนต้องไปกู้ที่อื่นมาจ่ายดอกอีก
สุดท้ายก็ไม่มาทำงานหายไปดื้อๆย้ายบ้านเลยทีเดียว ไอ้เพื่อนที่พลาดให้ยืมเงินเพราะเห็นว่ารู้จักกันเป็นปี เฟลหี้ยกันหมด มีเจ้าหนี้อ้วนๆหัวโล้นตามมาทวงหนี้ถึงที่ทำงานด้วย แต่หนีหายไปนานแล้วเว้ย
เพื่อนโม่งช่วยแนะนำที่เรียนภาษาอังกฤษให้หน่อยครับ เน้นฟังและสื่อสาร ราคาต่อคอร์สไม่เกิน5000
เวลาเรียนว่างแค่หลัง6โมงเย็น และวันอาทิตย์ นอกเหนือจากนั้นทำงานหมด
ปัจจุบันทำงานแล้วแต่รู้สึกตัวเองตัน เลยอยากพัฒนาภาษาเพิ่มน่ะครับ
>>10 ไอ้แบบมึงนี่กูบอกเลยว่าส่วนน้อยเหี้ยๆ
คนที่ยืมตังเพื่อนอะถ้ามันวัตถุประสงค์มาจาก ลืมเอาตังมาหรือช๊อตเพราะไม่สามารถเข้าถึงแหล่งทุนที่มีอยู่แล้วในขณะนั้นได้ กรณีแบบนี้อะได้คืนแน่ๆ คือพวกนี้จะเป็นพวกมีตังอยู่แล้วแต่ยืมเพราะจำเป็นต้องใช้ตอนนั้น ไม่นานมันก็คืน
แต่ไอ้พวกที่มายืมเพราะตังไม่มี คือฐานะการเงินแย่เนี่ย มึงต้องใช้หลักการให้กู้มาดูเลย คือ
1.ดูวัตถุประสงค์การเอาตังไปใช้ว่าสร้างสรรค์รึเปล่า ถ้าเอาไปลงอ่างลงขวด การพนัน ใช้สุรุ่ยสุร่าย นี่ชิบหายแน่นอน ไม่ได้คืนชัวร์
2.ความสามารถในการหาเงินมาคืน ดูว่ามันมีปัญญาหามาคืนไหม ถ้ามันจนชิบหาย+มีหนี้รุงรัง จงทำใจไว้ว่าไม่ได้คืนหรือได้คืนก็ลูกมึงโต
3.อันนี้สำคัญสุด คือจิตสำนึกรับผิดชอบหนี้/ความตั้งใจคืน ซึ่งบางส่วนดูได้จากข้อ1. และพฤติกรรมลักษณนิสัยซึ่งต้องวิเคราะห์เอาเอง อันนี้ถ้าไม่มี มึงให้มันยืมไปเรื่องอะไรก็ทำใจไว้ว่าเหมือนทำตังหาย ไม่ได้คืนแน่ๆ มันมีตังมันก็ไม่คืนมึง
พ่อแม่กู รับราชการกรมพัฒนาชุมชนในกระทรวงมหาดไทย ตอนนี้กำลังตั้งความหวังกับกูมากในการสอบปลัด 2558 แต่กูคงทำให้พ่อกับแม่ผิดหวังอีกรอบหลังจากปีที่แล้วกูตั้งใจสอบไม่ผ่านกรมพัฒนาชุมชน คือตอนนี้กูยังพอใจกับงานที่ทำอยู่ยังไม่อยากย้ายไปไหน และกูก็ไม่ชอบการถูกสั่งให้เป็นแบบนั้นเป็นแบบนี้ด้วย
คน Gen X ไม่ชอบคน Gen Y นักเหรอวะ เห็นชอบพูดๆกันว่า Gen Y ทำงานไม่ทน ไม่ได้เรื่อง
>>16 เป็นความเชื่อของสังคมไทย มึงอย่าเหมารวม
การเชื่อว่าคนรุ่นเด็กกว่านั้นด้อยกว่า มีแต่ในสังคมที่ยึดความเชื่อเกี่ยวกับหลักอาวุโส/ผู้ใหญ่ ต้องมาก่อนเท่านั้น สังคมอื่นๆที่มุ่งเน้นความสำเร็จขององค์กรจะให้ความสำคัญกับ gen ใหม่มากกว่าเพราะยังไงไอ้พวกแก่ๆก็มีอายุงานน้อยกว่าพวกใหม่ๆ แก่ๆที่อยู่ได้มีแค่พวกเก่งๆระดับผู้นำที่มีทั้งประสบการณ์และความสามารถก็พอ ไม่เหมือนพวกค่านิยมอาวุโสที่เน้นพวกๆแก่ๆไว้ก่อน มันจะโง่แค่ไหนความสามารถต่ำยังไงก็ต้องเอาไว้อายุต้องมาก่อน
จริงๆมันเป็นเรื่องสำคัญของระบบ HR คือการส่งเสริมคนที่พร้อม ประสบการณ์ก็ส่วนนึงที่สำคัญแต่ไม่จำเป็นว่าต้องเอามาเป็นสรณะว่าต้องสำคัญที่สุด แต่ระบบองค์กรไทยโดยเฉพาะแวดวงข้าราชการ-ทหาร เรื่องนี้แม่งสำคัญสุดสมบัติต้องผลัดกันชม พวกตำแหน่งสูงจึงมีแต่พวกแก่ๆซะเยอะ
เงินเดือนเพิ่มแค่ 6% ทั้ง ๆ ที่ความสามารถเยอะกว่านั้นอีก เฮ้อ
ลาออกสิ
กุเกลียดคำว่า "ชีวิตดี๊ดี" ว่ะ
ไม่เคยทำงานมาก่อนเลย จะเริ่มทำจากอะไรดีครับ
เคยแต่ช่วยงานที่บ้าน แล้วปิดเทอมนี้ว่าจะหางานนอกทำ
>>27 ถ้าอยากทำงานเฉยๆ เอาประสบการณ์ ไม่แคร์ค่าจ้างก็ไปของานทำฟรีๆเอาครับ สมัยวัยรุ่นผมทำบ่อย ตามร้านเครื่องไฟฟ้าหรือพวกร้านขายส่ง ถ้าทำงานขยันๆแล้วเจ้าของเขาใจดีเดี๋ยวก็ได้เงินครับ(แต่อย่าเพิ่งหวัง) แต่ถ้าตั้งใจจะทำเพื่อเก็บเงินนี่แนะนำไม่ได้ครับ ไม่มีประสบการณ์
พรุ่งนี้วันหยุด คร่อก
เห้อเพื่อนโม่งกูเซ็งเด็กจังว่ะ เซ็งคะแนนมันด้วย กูเพิ่งได้มาเป็นครูแล้วเด็กในห้องกูแม่งโครตดื้อเลย ให้ทำงานก็ไม่ทำ ทำส่งๆมา บางทีชอบให้เพื่อนทำให้ แล้วคือมันมีเด็กคนนึงฝีมือกากแต่เป็นคนขยันทำงานครบทำอย่างตั้งใจแต่งานไม่ดีไงกูก็ให้ได้ตามสภาพแล้วไปบวกจิตพิสัยเอา แต่เด็กอีกคนไม่ยอมทำงานเองชอบใช้เพื่อนให้ทำให้ กูห้ามแล้วมันก็จะแอบเอาให้เพื่อนทำให้อีก กูก็ไม่รู้ว่างานไหนมันทำเองบ้างเพราะฝีมือมันก็ไม่ได้แย่มาก บางทีก็ไม่ยอมส่งงานกูต้องมาตามทวงก็ทำไม่สนใจแล้วก็ให้เพื่อนทำงานให้อีกงานแม่งก็จะออกมาสวยคะแนนดี กูก็ไม่ให้จิตพิสัยมัน แล้วพอสุดท้ายกูมาบวกๆคะแนนดู แม่งไอคนขยันเสือกได้คะแนนน้อยกว่าคนที่ใช้เพื่อนทำงาน กูรู้สึกว่าทำไมงี้วะทำไมคนพยายามด้วยตัวเองถึงแพ้คนที่ใช้คนอื่น กูนี่รู้สึกผิดมากไม่อยากให้คะแนนคนขยันน้อยกว่าเลยว่ะ แต่จะไปตัเคะแนนไอคนที่ใช้เพื่อนก็ไม่ได้เพราะก็ไม่รู้ว่าอันไหนของมันเองอันไหนเพื่อนทำ แม้งงงง
>>33 คะแนนมันก็ไม่ได้วัดที่ความพยายามนี่หว่า ครูโม่งมึงแค่ต้องคุยกับไอเด็กดีให้รู้เรื่องและให้พยายามต่อไป ซักวันผลมันจะออกมาเอง
กูตอนนี้เป็นนศ. ตอนเด็กๆก็ทำตัวส้นตีน ลอกงาน ก็อปงานส่งมาตลอด งานที่ทำเองก็เสือกดีด้วย เรียนก็เก่งแบบไม่ต้องพยายาม คะแนนกุสูงมากมาตลอด พอมาตอนนี้เริ่มโตขึ้นอีกสเต็ป ไอพวกเด็กกลางๆที่คะแนนน้อยกว่ากูแต่มีความพยายามแม่งแซงหน้ากูไปกันหมดละ ส่วนกุติดเอฟซ้ำชั้น แฮ่
>>33 มึงคิดมากไป โลกเรามันก็แบบนี้ล่ะ
ถ้าวันนึงมึงเป็นเจ้าของบริษัทแห่งหนึ่ง มีเซลล์คนหนึ่งขยันมากออกไปพยายามขายของทุกวัน แต่ขายแทบไม่ได้ ยอดขายไม่มี
อีกคนขี้เกียจมาก วัน ๆ ไม่ทำอะไรเลย เอาของไปฝากคนอื่นขาย ไม่รู้มันทำยังไงแต่คนอื่นก็ยอมช่วยมันขาย ยอดขายสูงกว่าคนแรกเยอะ
คนไหนสมควรได้เงินมากกว่า?
กูกำลังจะลาออก แต่อยู่ดีๆหัวหน้ามายื่นข้อเสนอไปดูงานต่างประเทศมาให้ แลกกับกูกลับมาแล้วต้องอยู่ต่อเพื่อกระจายความรู้ที่ได้มา
สรุปกว่าจะได้ออกน่าจะประมาณปลายเดือน 6-7 นู่นเลย รู้สึกสับสนชีวิตจังเลยว่ะ
ขยันแต่ไม่มีผลงานก็ไร้ค่า คนพวกนี้ชีวิตจริงควรออกไปทำงานใช้แรงงาน เพราะส่วนใหญ๋ให้ค่าแรงตามความขยัน
ถ้าคิดว่าไม่ยุติธรรม ก็ออกไปหางานที่อื่นซะ
ถ้าเป็นตอนทำงานมึงจะเจอแบบนี้แทน มึงเป็นครู คนไหนมึงแนะได้สอนได้ก็ทำไปเถอะ อย่าให้มันเสียเด็กเพราะคะแนนเลย
>>33 มึงต้องแยกก่อนว่า ผลงานของนักเรียนก็เรื่องนึง พฤติกรรมของนักเรียนก็เรื่องนึง
การที่มึงไม่สามารถตรวจสอบได้ว่างานมันทำเองหรือเปล่า เป็นความอ่อนหัดของมึง
ซึ่งบางทีไอ้เด็กที่คะแนนดี มันอาจจะทำเองจริงๆก็ได้ ส่วนเด็กที่คะแนนไม่ดี มันทำงาน
ออกมาไม่ดีจริงๆ ซึ่งความพยายามมันไม่เกี่ยวกับผลงานที่ออกมา ส่วนที่มึงสามารถช่วยได้
ก็อยู่ที่คะแนนจิตพิสัย ขอบเขตของมึงอยู่ตรงนั้น
ที่สำคัญคือคะแนนที่ออกมาไม่ได้เป็นตัวชี้วัดเพียงอย่างเดียว
>>33 มึงรู้ได้ยังไงว่าคนนึงทำเอง อีกคนไม่ได้ทำเอง
คนที่มึงบอกว่าขยันอาจจะให้คุณปู่ที่บ้านช่วยทำให้ก็ได้ งานเลยออกมาไม่ดี
แล้วคนที่มึงบอกว่ามันให้คนอื่นทำให้มึงมีหลักฐานหรือมึงมโนเอาเองเพราะเห็นว่ามันไม่ค่อยขยัน?
ถ้ามึงมโนเอาเองก็เลิกนิสัยแบบนั้นซะ แต่ถ้ามึงมีหลักฐานมึงจะไม่ให้คะแนนมัน หักคะแนนมัน หรือปรับมันตกก็ได้อยู่แล้ว
กูด่าอีป้าหน้าเหี้ยที่กรมขนส่งในมู้นี้ได้มะ อีดอกแม่งเป็นเหี้ยไรมากนักวะ กูฟังที่มึงพูดไม่รู้เรื่องมึงทำไมต้องเหวี่ยงวะ อีดอก แม่งมีการมองหน้าด้วยสายตาดูถูก นั่งมองหน้าพักนึงเลยนะ มีเอียงคอถอนหายใจด้วยจ้า แล้วก็ตอบคำถามด้วยน้ำเสียงเหนื่อยใจ แบบเหมือนกูเป็นอีโง่มาก นี่มันเพิ่งกี่โมงเองทำงานแป๊บเดียวมึงก็เหวี่ยงแล้ว ก็กูไม่เคยมา ไม่เคยต่อใบขับขี่ กูไม่รู้กูฟังไม่รู้เรื่อง กูถาม แล้วกูผิดไงไม่ให้ถามมึงแล้วจะถามใคร หมาหน้าเซเว่นหรออีดอก ถ้ามึงเหนื่อยนักก็กลับไปนอนเลียตีนหมาที่บ้านนู่น ควย ไม่ได้ทำงานฟรีซะหน่อย กูอยากร้องเรียนได้ที่ไหนมั่งวะ กูรู้นะว่าเรื่องเล็กแต่กูเกลียดกิริยาทรามๆที่พวกนี้แม่งแสดงใส่จริง กูไม่เคยทำแบบนี้กับใครเลยนะ ควยๆๆๆๆๆๆ
วันศุกร์แล้วว้อยเพื่อนโม่งง
โคตรเบื่อพวกที่ทำงานที่ชอบมาขายของแดกแล้วยัดเยียดให้ชิมจังวะ
กูบอกว่าไม่แดก ไม่แดก พอไม่แดกก็โกรธ เป็นเหี้ยไรมากปะวะ
แล้วทำขาย เสือกไม่อร่อยอีกห่า เสียดายปากกูที่แดกเข้าไปจัง
ตอนนี้ก็นั่งผะอืดผะอมกับขนมใส่สารสังเคราะห์ของแม่ง เหี้ยเอ๊ย
อยากมีฐานะมั่นคง อยากเลี้ยงเด็กให้เติบโต
>>47 ตอนนี้กูเบญจเพศและ เรื่องแฟนหรือแต่งงานกูเลิกหวังแล้วว่ะ แต่ก็คิดว่าถ้าทำงานสร้างตัวมีเงินเก็บมากๆ กูคงหาเด็กมาอุปการะ คือกูก็คิดนะว่าถ้าพ่อแม่กูตายทั้งชีวิตกูก็คงไม่มีใครอีกแล้ว ไม่มีภาระ เหมือนจะสบายกับชีวิตคนโสดแต่พอ 40ขึ้นเมื่อไร กูกลัวการอยู่คนเดียว ก็คิดไว้ว่าถึงตอนนั้นจะหาอะไรทำ การมีลูก(บุญธรรม)น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดี กูไม่เหงา เด็กก็มีอนาคตที่ดี
ผู้ชายน่ะ แต่งเมียตอน40ยังได้
กูอยากได้เก้าอี้นั่งทำงาน/เล่นเกม ตัวใหม่ว่ะ รู้สึกว่ากูปวดกล้ามเนื้อชิบหาย เพราะกูนั่งเก้าอี้โต๊ะจีนทำงาน/เล่นเกม อยู่ มีตัวไหนแนะนำไหมวะ งบสัก 10k กูก็อยากได้ aeron นะ แต่ราคามันออกอวกาศสำหรับกูเกินไป
แปะมาจากอีกกระทู้ มีคนให้ย้ายมานี่
อยู่ดีๆจะกดซื้อของออนไลน์แม่งบอกว่าตัดเงินผ่านบัตรเครดิตไม่ได้ ตอนนี้กูกำลังกลัวว่าลืมจ่ายเงินรึเปล่า
ไม่อยากจะนึกเลยว่าถ้าลืมจ่ายจริงๆจะโดนดอกเบี้ยมหาโหดขนาดไหน กูโคตรกลัวเลย โทรไปหาธนาคารคอลเซ็นเตอร์แม่งก็ไม่รับสาย แง
กูลองไปคุ้ยๆดูในกองจดหมายจะทิ้งปรากฏว่าไม่ได้จ่ายจริงๆด้วยว่ะ ไม่รู้ทำไมพ่อแม่กูเอาใบเรียกเก็บตังไปโยนไว้ในกองจดหมายจะทิ้ง แล้วกูก็ดันไม่ได้จำว่าเมื่อไหร่ต้องจ่ายแต่ใช้วิธีรอจดหมายเอา
ตอนนี้เลยกำหนดมาได้ 10 วันแล้ว ไอ้ดอกเบี้ยคงไม่เยอะหรอก แต่กลัวเครดิตเสียว่ากูเคยไม่จ่ายตังกับเสียดายที่ไปจ่ายพรุ่งนี้เช้าก็ซื้อของลดราคาไม่ทันแล้ว แม่งเอ๊ย
เครียดว่ะ
ขอกำลังใจเพื่อนๆโม่งหน่อย กูกำลังจะได้งานใหม่ที่อัพเงินเดือนเยอะ แต่จะเกิดสูญญากาศไม่มีเงินไป1เดือนและกูไม่มีตังเก็บ
เอาใจช่วยให้กูเอาชีวิตรอดเมษานี้ด้วยกันนะ ;_; 7
มึงไม่มีบ้านไม่มีเพื่อนสนิทขอกู้ให้มึงรอดซะเดือนเหรอฟะ
ทำบัตร credit เป็นหนี้ไปก่อนใช้น้อยๆ ดูดอกเบี้ยด้วยล่ะเดี๋ยวตอนคืนจะจุก
อืม กำลังหางานที่ใหม่ แต่อีกใจนึงไม่อยากออก
เพราะกลัวไม่พ้นโปร ถึงตอนนั้นก็ไม่มีหน้ากลับไปทำที่เก่าแล้ว
ติดแค่ใจไม่กล้าพอเนี่ยแหละ
หมดงานวันศุกร์ไปอีกอาทิตย์แล้วว่ะ
เลยกำหนดมากเกินก็ไม่ดี นอกจากเสียเครดิต มันส่งผลต่อนิสัยการจ่ายค่าบัตรมึง ประเภทผลัดๆไปแล้วลืม อันตรายมาก อย่างกูเนี่ย ไปจัดการค่าใช้จ่ายอื่น จนเลยกำหนดชำระที่ยอมได้ (กูจำไม่ได้บัตรกูให้กี่เดือน 3 มั้ง) ส่งไปรษณียบัตรเนื้อความตรงๆว่ามึงติดหนี้ใช้กูซะไอ้สัสเด๋วฟ้องเรย คนในบ้านกูแม่งรู้กันถ้วนหน้า
เน้นว่า ส่งแบบโปสการ์ดอ่ะนะ ข้อความก็โชว์หรา
ส่วนอิออน เป็นบัตรที่กูเกลียดชี้หน้าตอนแม่งทวงที่สุด อีพนักงานทวงหนี้ตามโทรศัพท์พูดจากวนตีนชิบ
ตอนนี้กูปิดบัตรไปหมดละ อา โล่งตรูด
>>67 3เดือน คือมันเข้าสถานะ npl แล้วไม่มีสถาบันการเงินที่ไหนยอมให้มึงค้างนานกว่านี้หรอก เพราะบัญชีลูกหนี้ของมึงจะกลายเป็นบัญชีค่าใช้จ่ายเขา ดังนั้นมันเรื่องปกติอยู่แล้ว กูก็ทำงานสถาบันการเงิน พวกที่คิดว่าไม่เป็นไรค่อยจ่ายแล้วผลัดไปเรื่อยๆ อย่างย่ามใจรู้ไว้ซะว่าทั้งดอกทั้งต้นทางบัญชีของมึงมันจะเป็นลบในรายงานการเงินเขาเป็นภาระเขาเวลาจ่ายก็จงไปจ่ายไม่มีก็ไปชำระขั้นต่ำอย่าปล่อยคนอื่นเขาลำบากไม่ใช่ว่ากูมีจ่ายค่อยจ่าย ถ้าจะทำแบบนี้ก็จงอย่าไปใช้บริการสินเชื่อคนอื่นจะได้ไม่ลำบาก
กูเบื่องานที่ทำงานเลยตอนนี้ กู้รู้สึกหมดแรงจะไปทำว่ะมันไม่มีแรงจูงใจ
เงินเดือนได้มากูก็โดนบรรดาญาติยืมหรือคนรู้จักยืม
กูไม่เคยได้ซื้อความสุขของตัวเองว่ะ เหมือนทำมาเหนื่อยแทบตายห่าไม่ได้อะไรเลย
บางทีกูก็เบื่ออยากไปให้พ้นๆจากจุดนี้
>>71 กุคือ>>70 นะ ตังค์มันก็ตังค์มึงว่ะ ที่ยืมไปคืนรึยัง ถ้าโดนยืมแม่งทุกเดือนปีนึงสิบสองครั้งไม่เคยคืน กุว่าไม่ใช่แล้วไหมมึง คนยืมมันก็ยืมได้ แต่คนยื่นเงินให้คือมึงนะ หัดหาความสุขใส่ตัวบ้าง แล้วมึงให้คนอื่นยืมแบบนี้มึงมีเงินเก็บไว้สำหรับตัวเองตอนแก่รึยัง มึงว่าคนที่ยืมเงินมึงไป พอแก่แล้วเขาจะช่วยดูแลมึงเหรอ ยอมให้เขาด่าเห็นแก่ตัว ดีกว่าเป็นคนดีที่ถูกทิ้งไหมมึง
ยืมแล้วมีคืนมั้ยวะ ถ้าไม่คืนกูก็เสียใจด้วย จนปัญญหาจริงๆ
แต่ถ้ามีคืน พอได้คืนมามันก็เหมือนโบนัส มึงก็เอาไปถลุงในสิ่งที่มึงชอบซะให้หายอยาก
ถ้ายืมแล้วมันไม่คืน มึงจะให้มันยืมอีกทำไมวะเสียสุขภาพจิตปล่าวๆ บอกไปเลยเดือนนี้กูจะเอาเงินไปใช้ที่อื่นไม่มีให้เว้ย
เวลามันมายืมอีกก็ ทวงเงินงวดก่อนแอบบวกดอกเบี้ยเองแม่งเลย
ซารารีมังของถามหน่อยถ้ากูไปสัมภาษณ์งานมาถ้าสมมติได้งานเค้าจะใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะติดต่อมาว่ากูได้งานแล้ววะ บอกในวันนั้นเลยหรือปล่อยยาวแล้วค่อยบอกหรือถ้ากูไม่ได้งานเค้าจะมีแจ้งมามั้งหรือปล่อยเบลอเลย
ก็แล้วแต่ที่ว่ะ บางทีมันเป็นล๊อทๆ สัมภาษณ์เซ็ทนึงอาทิตย์สองอาทิตย์แล้วค่อยเลือก
บางที่แม่งก็เลือกเลย จริงๆถ้ามีโอกาสก็ควรจะถามกรอบเวลาตั้งแต่ตอนนั้น
เพราะบ.ไทยเวลาไม่เอามันไม่ค่อยแจ้งเค้าหรอก เอาสักอาทิตย์นึงถ้าไม่แจ้งมาค่อยโทรไปถามละกัน
อีกเดือนสองเดือนกูมีสอบราชการ เมื่อก่อนกูเคยนึกนะว่าคนรุ่นพ่อรุ่นแม่กูโชคดี ยุคก่อนๆคนเรียนจบ ป.ตรี น้อย อัตราแข่งขันไม่สูงเหมือนสมัยนี้ เปิดแค่ไม่กี่สิบตำแหน่งคนแห่มาสอบกันหลักหมื่น แต่บ่นไปก็เท่านั้น เพื่อนในรุ่นกูบางคนสอบตำรวจได้ที่สอง กูเองก็คงต้องพยายามเหมือนกัน
ซารารีมังทั้งหลายช่วยกูที กูมีบริษัทนึงที่ใฝ่ฝันอยากทำงานด้วยอยุ่ตอนไปสัมภาษณ์กูทำได้ไม่ดีเท่าไรแต่ว่าผลมันยังไม่ออกซึ่งกู็ยังมีหวังอยู่บ้าง แต่ไม่นานมานี้กูได้งานของอีกบริษัทนึงกูยังไม่ได้ตกลงเพรสะกูอยากรอผลของบริษัทในฝันกูก่อน แต่คือกว่าผลมันจะออกมันนานอ่ะแล้วตำแหน่งที่กูสมัครมันมีคนสัมครเยอะด้วย คิอเปอร์เซ็นที่จะได้ต่ำสัสแต่กูอยากทำงานที่นี่ไง กูจะเอาไงดีวะ ถ้าผลออกมาไม่ำด้ก็ซวยสัส หมดกันทังสองทีเพราะกูคิดไม่ออกว่าจะให้บริษัทที่รับกูแล้วรอกูต่อได้ไง มันไม่ดีด้วย แต่ถ้าผลออกมาแล้วกูได้บริษัทในฝันแต่กูดันไปตอบตกลงอีกบริษัทแล้วกูต้องเสียใจมากแน่ๆ ไม่ใช่เพราะบริษัทที่รับกูไม่ดีนะแต่กูอยากทำงานกับบริษัทที่ฝันไว้มากกว่าคือชอบมานานหลายปีแล้วรอโอกาสอยู่เนี่ย แต่กว่าผลจะออกก็อีกนานแถมคู่แข่งก็มาก เอาไงดีวะ
>>85 กูเคยเจอท่าเดียวกับมึงเลยหว่ะ กูบอกบริษัทในฝันกูไปตรงๆนะว่าตอนนี้มีบริษัทอื่นมาเสนองานให้แล้ว แต่ยังไงก็อยากจะได้รู้คำตอบของทางนี้ก่อน ทางนั่นเค้าก็ดีนะ บอกมาว่าจะให้คำตอบได้ภายในวันไหน กูเลยโทรไปยื้อของอีกที่ (เชื่อกู ถ้าอีกบริษัทอยากรับมึงจริงๆ ยังไงก็รอได้) ผลออกมากูได้บริษัทในฝัน เลยปฏิเสธอีกที่ไป แต่ตอนนั่นกูโดนดองรอเริ่มงานนานบัดซบมาก ไปเริ่มอีกบริษัทนึงก่อนแล้วค่อยออกมายังไม่เกลียดเลย ตอนนี้กลับมานั่งคิดแล้วก็เสียดาย น่าจะไปทำอีกบริษัทก่อนสักพักไปเก็บโปรไฟล์ ไปรู้จักคนสร้างคอนเนคชั่น
ประเด็นคือโทรไปถามซะนะมึง ถามด้วยว่ามีสัมภาษณ์/ประเมินอะไรหลังจากนี้อีกไหม เหรอว่านี่คือรอบสุดท้าย? ถ้าไม่ใช่กูแนะนำให้ทำกับอีกที่ไปก่อน
ไม่มีเพื่อนที่ทำงานเลย แต่จะไปคุยกับเขาก็รู้สึกกระดากว่ะ เขามีกันเป็นกลุ่มจะคิดว่าเราไปตีซี้เป็นเหาฉลามอะไรแบบนี้ป่าววะ
ช่วงนี้ร่อนเรซูเม่ แล้วมีบริษัทที่มีชื่อเสีย(ง)ไปในทางที่ไม่ค่อยดีเท่าไรติดต่อมา
ใจนึงก็อยากลองย้ายงานดู อีกใจก็ไม่อยาก กูควรลองไปสัมภาษณ์ดีมั้ยวะ
กูเพิ่งโดนเลย์ออฟว่ะด้วยความผิดของตัวเอง กูนี่รู้สึกผิดซ้ำแล้วซำอีกกูไม่น่าเลย แย่จริงๆ กูจะบอกที่บ้านยังไงดี
กูยังไม่ได้ทำงานนะ กึ่งๆทำโปรจบ
พี่ที่อยู่แลปเดียวกันเหี้ยมาก ใช้กูทำทุกสิ่งอัน
สมมติยกตัวอย่างว่า มันใช้เติมน้ำ ซึ่งกูทำงาน(ที่มันสั่งอยู่ทางนู้น) แล้วเหี้ยนี่อยู่หน้าตู้กดน้ำ มันยังใช้กูเลย
ส่วนใหญ่ก็สั่งให้กูทำงานในโปรเจกมัน โดยโปรเจกกูนี่สำคัญอันดับสอง ต้องทำทีหลังมันทุกที บางทีต้องทำของมัน6ชั่วโมง ของกูทำแค่2ชั่วโมงต้องทีหลัง แล้วอ้างว่ากูต้องเรียนรู้
กูอยากหือนะ แต่กลัวสังคมว่ะ เป็นเด็กใหม่ เทอมแรกที่กูทำงานของกู(ทำแล้วกลับเลยทำเสร็จแล้วจะอยู่เหี้ยให้เปลืองแอร์ทำไมล่ะ) มันก็บอกกูไม่ค่อยเข้า เกรดเลยแดกCไป ถามเพื่อนเพื่อนก็ไม่เป็นแบบนี้ โซแซด Cคนเดียวในคณะมั้งเหี้ย
วันนี้กูก็บอกว่ากูไม่ทำ อยู่ใกล้ๆก็ทำไปสิ ว่ากูไม่มีน้ำใจอีก กูมาเรียนรู้ไม่ใช่คนใช้ เกลียดแม่งมากๆ
พวกมึงเวลาเจองี้ทำไงกันวะ ทำแล้วได้เงินก็ไม่ใช่ กูกลัวสังคมอย่างเดียวเลยเนี่ย
กูเป็นโม่งที่จบสายสังคมฯมา แต่ทำงานไม่ตรงสาย คิดว่าจะลาออกปลายปี แล้วไปสอบพวกภาษาเพื่อเพิ่มแรงจูงใจให้HR
เดือนพฤษภามีสอบราชการสองที่แต่ไม่หวังมาก เปิดร้อยสมัครหมื่น ไอ้ห่า แต่ก็อยากพยายามให้ถึงที่สุดก่อนจะยอมแพ้แล้วทำงานกับเอกชนไปยาวๆ
กูเป็นครูชั่วคราวหว่ะ ปรี๊ดเด็กกลุ่มนึงที่สอนอยู่ชิบหาย วันนี้คืออยากตบโต๊ะปึ้งกลางห้องแล้วเดินออกมาเลยมาก โอ๊ยอิเด็กเปรตกูเกลียด
>>95-96 กู >>94 เองนะครับ อันนี้ที่โรงเรียนกวดวิชาที่มีนโยบาย นักเรียนคือลูกค้า ลูกค้าคือพระเจ้า ดังนั้นนักเรียนคือพระเจ้า ต้องทำให้ตัวเองเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้า ห้ามเหวี่ยงห้ามนอยด์ ห้ามทำอะไรก็ตามที่จะเป็นการกระทบกระเทือนความรู้สึกพระเจ้า เพื่อที่แหล่งเงินทองจะได้ไม่หายไปไหน ที่โรงเรียนกูเคยเจอนักเรียนเหี้ยๆมาเยอะนะ แต่มันไม่มีนโยบายเหี้ยนี่ไง เด็กเหี้ยมาก็เจอกูเล่นดิวะ มาเจองี้กูเก็บกดสัส
ซาลารี่มังทุกท่าน มีวิธีแก้อาการตื่นเต้นก่อนสัมภาษณ์งานกันยังไงบ้าง แนะนำทีๆๆ
>>99 ทำตัวชิวๆ คิดในใจว่า "กูก็ไม่ได้อยากเข้าที่นี่หรอกนะสัด ที่อื่นมีเยอะแยะ" จะทำให้ไม่ประหม่าและตอบคำถามได้อย่างเป็นธรรมชาติ
กูแนะนำไว้นิดนะสำหรับพวกจบใหม่ เวลาให้แนะนำตัวเองเป็นภาษาอังกฤษนี่แม่งบางทีอย่างท่องมาเลย บางอย่างไม่ต้องพูดก็ตัดๆ ไปบ้างก็ได้
พ่อชื่อไรแม่ชื่อไรทำงานที่ไหน งานอดิเรกอะไรเนี่ย บางทีแม่งก็ไม่จำเป็นต้องรู้ป่ะ
ทำไมกูรำคาญเพื่อนร่วมงานผู้หญิงบางคนที่ชอบโวยวายจังวะ บางทีกุแค่ถามเรื่องธรรมดาแม่งเหวี่ยงกลับแบบไม่มีเหตุผล ไม่รู้ว่าแม่งเป็นอะไร เมนส์มาหรือยังไง จากที่กูอารมณ์ดีพาลอารมณ์เสียไปด้วย ตำหนิก็ไม่ได้เพราะแม่งเป็นศูนย์กลางจักรวาล แม้แต่ผู้จัดการยังต้องหมุนรอบตัวมันเลย กุละเบื่อ
เวลามีงานละครของโรงเรียนหรือกิจกรรมที่ต้องออกมาแสดงหน้าชั้น กูทำแบบขอไปทีว่ะ บางอันก็แย่
แต่ชีวิตกูที่กูคิดว่าแสดงได้ดีที่สุดคือตอนสัมภาษณ์งาน 5555 ก็ไม่ถึงกับตอแหล แค่เตรียมบทไปก่อน
แล้วพอสัมภาษณ์จริงก็ใส่อารมณ์ระดับออสก้าร์เข้าไปด้วย กรรมการสัมภาษณ์ถามอะไรกวนตีนก็ยิ้มตอบ
(ถือว่าเป็นการทดสอบการคุมอารมณ์) จุดสำคัญที่ทำให้กูได้งานคือเรื่อง "ความอยากทำ" ว่ะ
รุ่นพี่ที่ชวนกูมาบอกว่าถ้าอยากได้งานตำแหน่งนี้อย่าใช้คำว่า "อยากลอง" ให้ใช้คำว่า "อยากทำงานนี้"
หัวหน้าจ่ายเงินกูช้ามา 2 เดือนแล้ว (รวมเดือนนี้ด้วยนะ) วันนี้เขาเรียกไปคุย
เขาบอกว่าบริษัทมีปัญหาด้านการเงิน ถามว่ารอไปก่อนได้มั้ย เลยตอบไม่ได้หรอก เพราะต้องผ่อนคอนโด เลทไม่ได้หรอก
เขาเลยถามว่าจะทำยังไงต่อ ยังอยากทำงานกับเขาต่อมั้ย หรือว่ายังไง เพราะการตัดสินใจของเรา มีผลต่อแผนบริษัท (บริษัทมีกันแค่ 3-4 คน)
เราเลยตอบไปว่า คือทนไม่ไหวแล้วล่ะ เจอสภาพแบบนี้มา 2 เดือน รู้สึกว่ามันไม่โอเค จะหางานใหม่แล้ว
เขาก็เลยถามต่อว่างั้นทำงานไปหางานไปได้มั้ย เขาไม่ว่าอะไร
ควรทำไงดี
เครียดมากๆ เลย มีภาระต้องผ่อนบัตร ผ่อนคอนโต จ่ายกยศ อีก
กูเพิ่งทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนได้ 3 วัน แต่ทำไมกูไม่ชอบเลยวะ
(ก่อนหน้านี้กูเป็นฟรีแลนซ์นะ)
ตอนนี้กูกะว่าจะอยู่ให้ได้สัก 4 เดือน เพื่อนโม่งว่ากูจะไหวมั้ย
กูคนเดียวกับ 110 นะเน็ตรี IP เฉย
มึงคงไม่ได้ที่ดีๆหรือเปล่า? กูรักชีวิตการเป็นมนุษย์เงินเดือนมาก คงเพราะกูได้บริษัทที่สิ่งแวดล้อมดีๆ เงินสมน้ำสมเนื้อกับงานตลอด
กูพอใจกับการเป็นลูกน้องนี่ล่ะ ถ้าวันนึงได้ไต่เต้าไปบริษัทเจ๋งๆ กูว่านี่โคตรเท่เลยในความรู้สึกของกู
>>112 ถ้าไม่ชอบไม่ใช่ให้รีบออก เชื่อเหอะอะไรที่ไม่ใช่แล้วแม่งซังกะตายมาก กุเคยโดนถามทำไมทำงานที่เก่าแค่ 7 เดือน กุบอกไปเลยทำไปตอนแรกเพราะอยากรู้อยากลองแต่ทำไปได้ไม่เท่าไรก็คิดว่ากุสามารถทำได้ดีกว่านั้น และลักษณะงานไม่เป็นดังที่หวังเหมือนตอนสัมภาษณ์ ปัจจุบันก็ก็ทำงานที่ใหม่ที่มันถามกุนี่ละ
กูไม่อยากทำอะไรเลยว่ะ อยากเป็นนีท แต่เป็นนีทไม่ได้เดี๋ยวไม่มีตะแดก เฮ้อ
รู้สึกเหมือนโดนกีดกันออกจากกลุ่มว่ะ คือกูเพิ่งเข้ามาใหม่ได้สองเดือนแล้วก็ไปกินข้าวกับรุ่นพี่กลุ่มหนึ่ง ปกติก่อนเที่ยงเขาจะสั่งข้าวไว้ก่อนแล้วค่อยลงไปกิน แต่หมู่นี้เขาจะบอกว่าวันนี้ไม่สั่งข้าวนะ จะไปกินข้างนอก แล้วก็ยกกลุ่มไป ชวนเด็กใหม่ที่เข้ามาได้อาทิตย์นึงไปด้วยข้ามหัวกูไปเลย กูว่ากูก็ไม่ได้นิสัยแย่เลวทรามอะไรนะ จะให้กูเดินตามไปกับเขาก็ดูหน้าด้านไปหน่อย เขาไม่ได้ชวนกูนี่หว่า กูควรทำไงดีวะ
>>121 แล้วทำไมไม่เดินตามเขาไปวะ ลองถามเขาก็ได้ว่าไปกินที่ไหน เขาเห็นมึงเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มแล้วเลยไม่ชวนรึเปล่า กุพยายามมองโลกในแง่ดีนะ เด็กใหม่เพิ่งเข้าสิยิ่งกลัวเข้าไปใหญ่ว่าจะไปกินกับใครถ้าไม่มีคนชวน
มึงลองคิดกลับกัน มึงกำลังคิดว่า เขาไม่ชวนนิ กูไม่ไป แบบนี้แปลว่าเขาต้องมาชวนมึงทุกครั้งมึงถึงจะไปเหรอ เขาก็มาบอกแล้วนี่ว่าจะไม่สั่งข้าวไปกินข้างนอก ถ้าเขาให้มึงสั่งแล้วเขาหนีไปกินข้างนอกสิ อันนี้ชัดเจน
กูไปเจอป้ายสมัครงานหน้าร้านYayoi ตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการ เงินเดือนเริ่มสูงจังวะ 16000-20000 ปรกติตำแหน่งพวกนี้มันทำงาน 6 วันต่อสัปดาห์ตามกฎหมายแรงงานเลยรึเปล่า พวกถึงยอมจ่ายเงินเดือนสูงขนาดนี้ คือกูก็สนใจว่ะ กะว่าถ้าปลายปีสอบTOEICผ่าน 600 กับสอบN4ผ่านก็ว่าจะลองไปสมัครดู
ถ้ามีเงินเก็บเดือนละ 2 หมื่น
ให้ที่บ้านได้ 1 หมื่น (คนละส่วนกับเงินเก็บ 2 หมื่น)
เรียกตัวเองว่าคนรวยได้แล้วหรือยังหรือยังคนชั้นกลางอยู่
ระหว่างคนชั้นกลาง กับ คนรวย ควรมีอีกชนชั่นนึงมาคั่นไหม เหมือนช่องวางชนชั้นกลางกับคนรวยมันใหญ่เกิน
>>126 แบ่งน่ะแบ่งได้ แต่มันจะยุ่งยากเกินว่ะ ที่มึงเขาแบ่งกันชัดๆคือสภาพมันแบ่งกันชัดเจนด้วยจริงไหม? ชนชั้นล่าง หาเช้ากินค่ำ ตำข้าวสารกรอกหม้อ ชนชั้นกลาง สบายขึ้นมาหน่อย ผ่อนรถผ่อนบ้านได้ แต่ก็ฟุ่มเฟือยไม่ได้บ่อย คนรวยคือสามารถฟุ่มเฟือยได้รัวๆ ไม่มีปัญหาการเงินแบบอีกสองชั้นด้านล่าง มึงมีแนวคิดยังไงวะ ถึงคิดว่ามันห่างกันเกิน คนรวยแม่งก็มีตั้งแต่รวยน้อยยันโคตรรวยไล่ไปตามเงินที่มี
ได้เดือนละห้าแสน จากการตรากตรำทำงาน กูก็เรียกว่ากลางนะ
ต้องแบบพวกใช้เงินต่อเงิน ใช้เงินได้โดยไม่ต้องคิดเยอะ นั่นกุถึงเรียกว่ารวยว่ะ
กูว่าชนชั้นกลางนี้ขอบเขตโคตรกว้างนะ
ชนชั้นรวย 30-40ปีก่อน คือ ชนชั้นกลางยุคนี้ยังได้เลย
สมมุติเล่นหุ้นกูก็มองว่าชั้นกลางแต่แบ่งระดับล่าง-บนคร่าวๆ เหมือนเล่น RPG
คนหนึ่งกำไรวันละร้อย-หมื่น(ต่ำ?) ถ้าเจ๊งก็เลเวลดาวน์ ลดคลาสไปชนชั้นล่าง
อีกคนวันละหมื่น-แสนขั้นต่ำ(กลาง?) ถ้าเจ๊งก็เสีย exp เสียเยอะก็เลเวลหด
บางคนฟันเป็นล้าน(รวย?) อาจได้รับการอัพคลาสเป็นชนชั้นรวย
แต่ที่แน่ๆเวลาเล่นหนักๆแบบลงทุนเต็มตัวไปตีบอสแล้วเสือกเจ๊ง(ตาย-ของดร็อปหมด,เลเวลหายเรียบ) สามารถกลายเป็นชนชั้นล่างได้ทันที
กูอยากรู้ผลสัมภาษณ์สมัครงานจัง
เพิ่งสัมภาษณ์ไปเมื่อวันศุกร์นี่เอง ถ้าโทรไปถามเขาว่าเมื่อไรจะได้คำตอบ จะน่าเกลียดไปมั้ยนะ
ให้เวลามันไป 1 เดือน
แล้วถ้าHrบอกให้โทรมาในอีกหนึ่งอาทิตย์อะมึง กูเคยโทรไปแม่งบอกยังไม่รู้ผล อ่าว พออีกศุกร์โทรไปใหม่ ก่ทำเสียงรำคาญๆใส่บอกคนเก่าเพิ่งออก กำลังวุ่น เดี๋ยวแจ้งเอง ตกลงกูผิดป่าววะ
>>138 ควรหาที่อื่นรอไปเลย อย่าเสียเวลารอ สมัครเผื่อไปอีก 3-4 ที่
ปกติเวลากูจะเข้างานใหม่ กูจะขอเป็นเดือนใหม่ไปเลย แต่ถ้าเพิ่งเป็นต้นเดือน ก็จะขอเป็นจันทร์หน้าแทน
ควรชั่งใจให้เรียบร้อยก่อน ไม่ควรตอบตกลงแล้วไปแคนเซิ่ลทีหลัง เพราะโปรไฟล์มึงจะดูเหี้ยๆๆๆๆๆๆ มากๆ แย่กว่าพวกเข้าไปทำสองสามวันยังไม่ทันพ้นโปรแล้วชิ่งอีก
แล้วอย่าคิดว่า HR เขาไม่คุยกัน บ.เก่ากูเวลาจะรับใครใหม่ โทรเช็ค HR ที่ทำงานเดิมจนเหี้ยน กูเคยเห็นเขาคัดกรองพวกที่ประวัติเหี้ยออกจากการโทรแชร์ข้อมูลกันหลายคนอยู่
พวกมึง เงินเดือนขั้นต้นประมาณ10100บ.นี่ จะทำให้กูอยู่หอรอดป่าววะ
โม่งกูว่าจะเลิกทำงานว่ะ ตอนนี้กูเป็นผจก.ฝ่ายขายบ.ซาวน่า เงินเดือนก็ดีแหละ สวัสดิการดีมีรถให้ขับฟรี แจกเสื้อบ.ให้ ไปติดต่อลูกค้าทีก็มีที่พักฟรี คือแทบจะไม่ต้องจ่ายอะไรเท่าไหร่ แต่กูมีความรู้สึกว่ามันน่าเบื่อว่ะ กูอยากเปิดร้านกาแฟจริงๆกูก็รู้แหละว่ามันไม่คุ้มหรอกเสียตรงนี้แล้วมาทำอะไรที่ต้อยกว่า แต่กูอยากทำงานทีมันอยู่ติดบ้านว่ะแม่งอธิบายไม่ถูก 35 ละเมียก็ไม่มี เห้อ ชีวิต
>>143 กูสนับสนุน มึงอยากทำทำเลย กูเข้าใจค.รู้สึกคนเสี้ยนอยากทำแล้วโดนล้อมกรอบ ชีวิตโครตแห้งเหี่ยว
อยากขายอะไรก็ขาย กาแฟที่มันเกร่อ ๆ ถ้ามึงทำเพราะชอบ ใครจะห้ามมึงได้
แต่มึงทำแล้วเผื่อเจ๊งด้วยนะ อย่าคิดจะรวยในครั้งแรกถ้ามึงไม่เก่ง+เฮงจริง ยิ่งถ้าทำเพราะใจรักด้วย
ถึงจะเจ๊ง แต่มึงก็ได้ทำจนสะใจหายเสี้ยน ได้บทเรียนจากธุรกิจแรก
ทีนี้ถ้าจะเริ่มอะไรใหม่ มึงจะล้มยากกว่าเดิม
อีกวิธี อันนี้มาจากคนที่ทำงานกูเอง อายุน้อยกว่ามึงไม่กี่ปี มันทำงานบ.ไปด้วย เปิดร้านไปด้วย สองสามร้านม้ัง
วัน ๆ เห็นมันหลบออกไปสั่งงานลูกน้องที่ร้าน แบ่งกันบริหารกับแฟนมัน
กูว่าวิธีนี้เหมาะถ้ามึงไม่อยากเสี่ยงลาออก
สรุป มึงต้องเริ่มหาแฟนก่อน
http://9gag.com/gag/a0L0qXn?ref=fbp สัสเอ๊ย ;w;
ร้านกาแฟ ? นาทีนี้เนี่ยนะ ? ถ้ามึงประเมินแล้วขายได้ไม่ถึง 50 แก้วต่อวันแล้วเสือกต้องเช่าที่ขายอีก เลิกคิดไปได้เลย
เศรฐกิจแบบนี้ คงมีคนเอาเงินมาผลาญกับค่ากาแฟแก้วละ 60-70 อยู่หรอก แดกข้าวได้เป็นมื้อเลยมึงเอ๋ย
ใครเคยทำงานจัดซื้อบ้างวะ เค้าว่าเครียดมากโดนกดดันจากทุกทางจริงป่ะ กำลังสนใจจะเปลี่ยนงาน
ทุกคนครับ ช่วยวางแผนชีวิตผมหน่อยครับ คือผมกำลังจะเริ่มงานประจำในเดือนหน้าเงินเดือน 15000 บาท เป้าหมายในชีวิตของผมคือการได้เรียนต่อมหาลัยในต่างประเทศที่ค่าเทอมและค่าครองชีพแพงบรรลัยแล้วเค้ารับคนเก่งที่มีประสบการณ์การทำงานอย่างต่ำห้าปีด้วย
อย่างแรกผมต้องเก็บเงินก่อนเพื่อเป็นค่าเทอมผมตั้งเป้าเอาไว้ว่าไม่ต่ำกว่า 2 ล้าน แต่ผมเป็นคนต่างจังหวัดไม่มีบ้านในกรุงเทพก็ต้องเช่าเค้าอยู่ซึ่งแม่งผมเสียดายเงินชิบหาย ค่าห้องแถวนั้นราคาห้าพันอัพทั้งนั้นเลยพี่น้องครับ แต่ผมมีอีกทางเลือกคืออยู่กับพี่ชายที่เช่าบ้านอยู่เสียต่อเดือนก็ประมาณห้าพันเหมือนกันแหละแต่แม่งดีอย่างที่ชีวิตไม่ได้อยู่แค่ห้องแคบๆแต่ด้วยเรื่องเงินราคาก็พอกัน เลยคิดๆอยู่หรือกูจะซื้อบ้านดีวะเพราะอย่างน้อยไอ้เงินที่ผมเสียค่าที่พักมันจะได้ไม่สูญเปล่าแต่ราคาบ้านแถวนั้นมันก็แพงอีก(อยู่ในเมืองครับ)คิดว่าต้องกู้มาซื้อแต่ถ้าผมซื้อบ้าน ผมก็ต้องผ่อนมันทุกเดือนแล้วอย่างงี้ผมจะเอาเงินที่ไหนมาเก็บวะ ผมลองคำนวณคร่าวๆคิดว่าถ้าผ่อนบ้านคงต้องใช้เวลาเป็น 10 ปีถ้านานขนาดนั้นผมแม่งก็ไม่ต้องได้เรียนต่อแล้วดิวะ กว่าจะผ่อนบ้านเสร็จกว่าจะได้เก็บเงินเรียนใหม่อีก
อย่างที่สอง ภาษาอังกฤษผมเหี้ยสุดๆเลยคิดว่าต้องไปเรียนพิเศษอังกฤษแต่ถ้าซื้อบ้านต้องเก็บเงินด้วยจะเอาที่ไหนมาเรียนอ่ะ
คือปัญหาหลักของผมคือเงินครับ มันไม่พอกับแผนที่ผมวางไว้เลยก็ลองคิดว่าจะหางานพิเศษนะแต่ผมหามาตั้งแต่สมัยเรียนแล้วยังไม่ได้เลย หรือมีแนวทางหาเงินเพิ่มแนะนำหน่อยมั้ยครับอย่างพวกทำกิจการเล็กๆที่ลงทุนไม่มาก
ความสามารถที่ผมมีคือวาดภาพครับ ทั้งแบบดิจิตอลและแฮนเมดสีน้ำ สีไม้ อาจไม่เทพเท่าไหร่ทั้งชีวิตเคยขาดภาพได้ภาพเดียว
ถ่ายภาพพอก็พอถูไถไม่เก่งมาก อีกอย่างที่ผมค่อนข้างภูมิใจคือร้องเพลงเพราะครับจริงๆอยากหางานร้องเพลงตามบาร์ด้วยติดอย่างเดียวเล่นดนตรีไม่เป็นหาวงไม่ได้ อย่างว่าแหละนักร้องแม่งมีเยอะยิ่งกว่าดาวบนฟ้าใครๆก็ชอบร้องเพลงทั้งนั้น
เขียนนิยายก็พอทำได้แต่เขียนไม่เก่งครับ เขียนไม่จบซักเรื่องตัดไปดีกว่าแต่ผมเขียนเพลงได้นะแต่อย่างว่าเล่นดนตรีไม่เป็น ค่าเรียนดนตรีแพงด้วย
นั่นแหละผมจะทำไงดีครับให้ไปถึงฝันได้โดยไม่เดือดร้อนพ่อแม่อ่ะ ช่วยหน่อยนะครับ
>>155 มึงจบป.ตรีรึยังล่ะ ถ้าจบมึงไปหาข้อมูลอีรัสมุนดุสนะ เรียนโท 4 ประเทศ มีเพื่อนกูเคยได้ไปสาขาTEMA มันบอกไม่ต้องใช้เหี้ยไรเลย มคเงินแจกฟรี €800 ต่อเดือน ค่าเทอมไม่ต้องที่พักฟรี ไปลองหาข้อมูลดูนะว่าสมัครยังไง
ส่วนป.ตรี ถ้าจะไปจริงๆกูไม่ค่อยแนะนำว่ะ เพราะหลักสูตรมันไม่ได้แตกต่างจากไทยเท่าไหร่ เว้นพวกสาขาวิทย์ และการแพทย์ถ้าจะเรียนไปทางสายพวกนี้จะดีกว่านะ ไม่ก็การเงินระหว่างประเทศไรงี้ ส่วนเงิน 2 ล้านกูบอกเลยถ้ามึงจะไปเรียนยังไงก็ไม่พอ ปีๆนึงขั้น"ต่ำที่สุด" 6-7 แสน ขนาดกูทำงานแล้วนะไม่ค่อยได้กินได้เที่ยวค่าใช้จ่ายต่างๆ นี่ยังไม่รวมค่าเทอม แล้วมึงต้องดูด้วยว่าจะไปประเทศไหน มันไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษทุกประเทศนะมึง ถ้าใช้ภาษาท้องถิ่นเค้าไม่ได้มึงก็ทำได้แค่เรียน ไปทำงานใต้โต๊ะไม่ได้หรอกจบแน่ๆ ทั้งนี้ที่กูว่ามาคือยุโรปนะ เมกาอาจจะไม่สูงเท่านี้แต่ค่าเทอมกูคิดว่าเมกาอาจจะแพงกว่าที่ค่าเทอม
สำหรับฝันมึงมันอาจจะยังมีหวังอยู่ เรื่องหาเงินแล้วจะไปเรียนเลิกคิดได้เลย ถ้าไม่เป็นนักธุรกิจระดับเมพหรือมีกลโกงที่คนคิดไม่ถึงแบบอีชม้อย ไอ้เบอเตอร์ เสียเวลาเปล่า ทำงานอยู่ไทยไปดีแล้วเพราะไม่รู้กี่สิบปี หาทุนเอาง่ายกว่ากันเยอะ ประหยัดทั้งเวลาและทุน ตอนนี้มึงทำงานไปด้วยอ่านหนังสือไปด้วยจะได้เก็บประสบการณ์ทำงาน+เตรียมชิงทุนจะดีกว่านะ เรียนรามคู่ไปได้ยิ่งดีถ้าไหว เท่านี้ที่กูพอจะแนะนำถ้าเป้าหมายมึงคือไปไกลถึงนู่น
ปัญหาหลักๆเท่าที่อ่านมาคือ อังกฤษเหี้ยมาก กับ ไม่มีเงิน
ต้องเรียน>ใช้เงิน
หาที่อยู่>ใช้เงิน
เรียนรู้เอง>ลำบาก แถมใช้เวลา
ไม่มีเวลา>เพราะหาเงิน
กูไปนอนแปปกูเมา
>>155 น้องครับ ด้วยเงินเดือนหมื่นห้า น้องไม่มีทางกู้ซื้อบ้านแล้วผ่อนแค่สิบปีจบแน่ๆ น้องลองไปดูเรื่องการดาวน์การกู้ดีๆ เดี๋ยวนี้พวกธุรกิจอสังหาชอบโฆษณาว่าผ่อนดาวน์แค่ไม่กี่พัน อย่าโดนเขาหลอกครับ พี่แนะนำว่าน้องควรอยู่กับพี่ชายไป การอยู่คนเดียวค่าเช่าห้องห้าพัน ยังไม่รวมค่าน้ำค่าไฟค่าแอร์ค่าอื่นๆอีก เทียบกับการอยู่กับพี่ชายถึงใช้มากขึ้นแต่ค่าน้ำค่าไฟค่าอาหารเราอาจพอแบ่งเบากันได้ การซื้อข้าวกินอยู่คนเดียวแพงกว่าการทำอาหารกินเอง และทำกินเองคนเดียวก็แพงกว่าทำกินหลายคนครับ (เฉลี่ยออกมาแล้วนะ)
น้องล้มความฝันเรื่องจะไปเรียนต่อด้วยเงินตัวเองเลย อย่างที่ความเห็นอื่นบอกไป หาทุนง่ายกว่าครับ
เรื่องภาษาอังกฤษ พี่เป็นคนหนึ่งที่ฝึกด้วยตัวเอง น้องต้องอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ได้ใช้ภาษา หรือไม่ก็สร้างสิ่งแวดล้อมนั้นขึ้นมา มันไม่จำเป็นต้องเรียนครับ หรือต่อให้เรียนมันก็ไม่ได้การันตีว่าน้องจะพูดได้สามารถไปต่างประเทศได้ การเรียนภาษาเขาใช้เวลาครับ แต่ถ้าน้องตั้งใจจริง ห้าปีก็เป็นช่วงเวลาที่พี่ว่าน้องสามารถพัฒนาตัวเองได้
พี่อยากให้น้องตั้งใจทำงานใหม่ก่อน พี่เดาว่านี่เป็นงานที่แรก ต้องมีการปรับตัวอีก อย่าเพิ่งคิดถึงงานพิเศษ เอาให้อยู่ตัวผ่านโปรก่อนครับ ถ้าจับปลาสองมือ งานไม่พัง สุขภาพน้องก็พัง
สุดท้ายที่พี่จะเตือนน้องคือ อย่าคิดว่า ที่น้องทำอะไรไม่ได้ เป็นเพราะมีคนเก่งกว่าน้องอีกเยอะแยะ หรือคนที่รวยกว่าน้องอีกเยอะแยะ เพราะมันเป็นเรื่องจริงครับ มีคนอีกมากกกกกกกกกกกกกกกก ที่มีโอกาสที่ดีกว่าน้อง เก่งกว่าน้อง รวยกว่าน้อง แต่ ถ้าน้องปล่อยให้สิ่งนี้ทำให้น้องคิดว่า น้องทำไม่ได้ ไม่พอ ไม่ได้เลย ไม่มาก ไม่เทพ ไม่เก่ง ไม่เป็น หาไม่ได้ ไม่จบ
น้องจะแพ้ตั้งแต่ยังไม่พยายามครับ
นี่คือสิ่งที่พี่เห็น จากการพิมพ์ของน้อง แต่ชีวิตน้องเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น ค่อยๆลองทำงานไปก่อน และถามตัวเองว่า ทำไมน้องถึงอยากเรียนต่างประเทศดูดีๆ ไม่ต้องรีบตอบครับ ค่อยๆเป็นค่อยๆไป
เริ่มงานประจำเดือนหน้าพยายามเข้านะครับ
โม่งครับขอคำปรึกษาหน่อยผมแม่งเครียดว่ะ คือจากข่าวที่กระทรวงศึกษาธิการโดนเด้งกันยกกรุอ่ะ ผอ. ที่ทำงานดันโดนไปด้วย ที่นี้ ผมแม่งเป็นลูกจ้างรายปีไง แววบรรจุไม่ต้องพูดถึงคงไม่มีแบบยาวเลย แต่คือกลัวชิบหายว่าปีหน้าเค้าจะไม่ต่อสัญญา ก็ทำใจเผื่อไว้หน่อยๆว่าไม่ต่อสัญญาคงต้องหางานใหม่ แล้วผมก็กำลังเรียนต่อป.โทอยุ่ด้วยไง กำลังจะขึ้นปีสุดท้ายแล้ว มาเจอเหตุการณ์แบบนี้ ผมแม่งเครียดว่ะ จะเอาไงดีว่ะ คือผมชอบกับงานที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนะ คือเป็นการทำงานทุกโคตรมีความสุขกับงานมากอ่ะ มีเวลาหลังเลิกงานเหลือเฟือ หยุดเสาร์-อาทิตย์ มีรถรับส่ง อาหารถูก ได้หยุดตามราชการ ผมควรจะหางานใหม่ไว้เลยหรือเรียนให้จบก่อนดีครับ คือตอนนี้ผมแม่งล้นเหี้ยๆอ่ะ ไม่รู้ว่าจะมาเจอแบบนี้ แม่งเซ็งสัสๆ เซ็งโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
>>161 เก็บเงินก่อนเลยครับ ผมมักจะเจอพนักงานลาออกช่วงที่ทำทีสิสป.โทกัน แต่ไม่ว่าคุณจะทำไหวรึเปล่า การลาออกมาเรียน การไม่ต่อสัญญาต้องหางานใหม่ คือการขาดรายได้ คุณต้องมีเงินพอให้ใช้ชีวิตอยู่ต่อไปได้ ไม่อย่างนั้นจะเครียดกว่านี้ครับ ให้ถึงเวลาที่สัญญาหมด คุณก็ไม่เดือดร้อนมากนักจนเรียนจบ เรื่องหางาน เป็นเรื่องรองลงมา ผมคิดว่าคุณจะเครียดเรื่องถ้าไม่มีงานคือไม่มีรายได้ แก้จุดนั้นก่อนครับ แล้วคุณจำเป็นต้องหางานใหม่รึเปล่า ค่อยดูจากความยากง่ายของการเรียน
ถ้าผอ.คนใหม่ที่มา ต่อสัญญาคุณ คุณก็มีเงินเก็บไว้เลี้ยงฉลอง
อย่าประมาทแต่อย่าตื่นตูมครับ
>>162 ก็ว่าจะมุ่งเน้นทางเรียนก่อนน่ะครับ
>>163 ผมก็เตรียมใจไว้หน่อยๆแต่คนทางบ้านบอกให้มองโลกในแง่ดีไว้น่ะครับ
>>164 ผมก็เริ่มเก็บตังแล้วครับ แต่ยังมีภาระค่าเทอมอยุ่ด้วยก็เถอะ เรื่องเรียนผมว่าไหวครับกะไม่ทำทีซิสจะทำISแทนครับ
ผมกะจะเน้นด้านเรียนไปก่อนน่ะครับ ส่วนเรื่องงานผมก็ทำไปเรื่อยๆครับ ผมก็ตั้งใจควบคู่ทั้งสองอย่าง แต่มันรุ้สึกเครียดๆน่ะครับ เจอข่าวไป เหมือนรุ้สึกเสียศูนย์แปลกๆ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ
หลังจากอยู่ที่ทำงานเดิมมาเกือบๆ 2 ปี ตอนนี้กูก็กำลังหางานใหม่ (ซะที)
ถึงจะรู้สึกเฟลๆที่ทนอยู่มาทั้งที่แทบจะไม่ชอบอะไรที่นี่เลยมานาน แต่พอจะต้องไปจริงๆแล้วรู้สึกป๊อดว่ะ
เริ่มกลัวๆว่าถ้าที่ใหม่มันแย่กว่าเดิมจะเอาไงต่อ จะกลับมาที่เดิมก็ไม่อยาก เริ่มรู้สึกเสียดายสิ่งดีๆ (ถึงจะมีอยู่แค่กี่อย่าง) ที่ที่เดิมมี
เพื่อนโม่งชูจั๊กกะแร้ส่งพลังให้กูที
กูก็กำลังหางานใหม่เหมือนมึง เรามาสู้ไปด้วยกันนะ
>>166 >>167 กำลังมองหางานใหม่เหมือนกัน ทำที่นี่มาสามปีกว่าแล้ว ใจจริงอยากออกตั้งแต่ปีแรกแล้ว ฮา แต่ว่าไม่อยากดูไม่ดีว่าเปลี่ยนงานบ่อย เพราะที่เก่าทำได้แค่ปีเดียว กลัวมันจะเสียโพรไฟล์ เลยทนมาตลอด
กูเคยมีประสบการณ์เปลี่ยนงานแล้วแย่กว่าเดิมว่ะมึง เงินเดือนดีขึ้นเกือบ 50% แต่นอกจากนั้นทุกอย่างเหี้ยกว่าหมด ไม่ว่าจะเนื้องาน สังคม สภาพแวดล้อม เพื่อนร่วมงาน ก็ถือเป็นบทเรียนกันไป ถ้าเราไม่เปลี่ยนเราจะรู้ได้ไงว่ามันจะแย่กว่าเก่าจริงมะ 555 เราก็จะค้างคาใจอยู่อย่างนั้น
แต่ตอนนี้กูยังหางานใหม่เหมาะๆ ไม่ได้เลย เท่าที่ดูอยู่ตอนนี้ บางที่ก็ไกลไป บางที่ก็เงินเดือนน้อยไป ก็เลยทำงานที่มีไปก่อน
>>169 กอดดด กูเพิ่งโดนมาเหมือนกัน เล่นเอาเสียเซล์ฟและเฮิร์ทไปพักใหญ่เลย เพราะปกติกูสัมภาษณ์แล้วไม่ค่อยวืด มีแต่กูเองนี่แหละที่เป็นฝ่ายปฏิเสธ บางทีปฏิเสธไปแล้วยังโทรมาตื๊อ เพิ่มเงินเดือนให้ อารมณ์เหมือนคนเคยแต่หักอกชาวบ้านมาตลอด มาวันหนึ่งโดนหักอกซะเอง เสียเซล์ฟสัดๆ
กูเหมือนจะถูกเพื่อนร่วมงานคนนึงเขม่นว่ะ เอาไงดีวะ ตัวกูไม่ชอบเข้าสังคมหรือสุงสิงกะใครเท่าไร เวลากินข้าวก็ไปนั่งกินด้วยกันนะแต่กูจะไม่ค่อยพูดค่อยจาเพราะไม่มีอะไรจะคุย ก็นั่งเงียบๆไป ยางทีปลีกตัวอิกมาก่อนได้ก็ออก แล้วเหมือนจะมีคนนึงไม่ค่อยชอบหน้ากุเท่าไหร่แต่กูไม่ได้ทำไรใครนะแค่ไม่ค่แยพูดไม่ค่อยร่วมหัวกะใครนั่งทำงานเลียบๆคนเดียว กูไม่อยากโดนเกลียดนะแต่ก็ไม่อยากฝืนใจทำอะไรที่ตัวเองไม่อยากเหมือนกัน เอาไงดีวะ ปล่อยเฉยๆไปดีมั้ย
>>171 ทำเฉยๆไปมึง แต่ก็แสดงให้เห็นว่าเรามีน้ำใจให้คนอื่น ไม่ได้ทำตัวเห็นแก่ตัว เขาอาจจะอยู่ในสังคมที่ทุกคนควรแสดงความรักใคร่สามัคคีกลมเกลียว ถึงจะแสดงว่าเป็นมิตรต่อกัน มึงสู้นะ ถ้าอะไรที่มึงสามารถพูดคุยไปตามหัวข้อสนทนาได้ก็พยายามทำเถอะ กูก็เป็นพวกเงียบและแดกเหมือนกัน ปรับตัวอยู่ สู้ไปด้วยกันนะเพื่อนโม่งนะ
ถ้ากูอยากจะย้ายสายงานจากไอที ไปทำอย่างอื่น มีอะไรน่าสนใจมั้ยวะ? หรือกูควรไปเรียนสายบัญชีดี?
ไอห่าาาาา กูเบื่อรถติดสัส ติดอยู่กับที่มา 40 นาทีแล้วเหี้ยยยยยย
ไอ้พวกหมอลำสวะพ่อตาย จะเที่ยงคืนมึงยังเล่นคอนเสิร์ตเด้อดังเด่อเบสงานวัดตึงๆๆๆๆอยู่ได้ ควยควยควยควย ทำไมพวกมึงไม่ตีกันให้ตายห่าไปหมดงานเลยวะไอ้เหี้ย ไอ้ขยะยีนพูล ไอ้พยาธิตัวตืด ไอ้พวกอีสานเหี้ย กูขอให้ผู้ก่อการร้ายไประเบิดตัวเองกลางงานพวกมึง ไอ้สัตว์ กูจะนอน ควย
วันนี้ไปสัมภาษณ์งานมา ระบบทำข้อสอบแม่งใช้กระดาษแล้วตรวจมืออยู่เลย รู้สึกว่าแม่งดูแย่ๆชอบกลว่ะ
เท่านั้นยังไม่พอ HR แม่งควยมาก ทิ้งให้กูนั่งรอเฉยๆในห้องเล็กๆที่โดนแอร์เป่าหัวแล้วตัวเองหนีไปกินข้าว 2 ชั่วโมงครึ่ง ให้กูอดข้าวนั่งรอในห้องหนาวๆอย่างเดียว
เสร็จแล้วตัวเองก็เดินเข้ามาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น สัมภาษณ์เสร็จก็ให้รอสัมภาษณ์กับฝ่ายเทคนิคอีกคนซึ่งไปไปกินข้าวอยู่...
สรุปไปตั้งแต่ 10 โมงครึ่ง กว่าจะได้ออกมาก็ 3 โมงทั้งที่กูลางานแค่ครึ่งเช้า ข้าวก็ไม่ได้กินแถมอากาศมันหนาวจนไข้ขึ้น ยังดีที่กลับไปทำงานต่อสายไปมากแล้วหัวหน้าไม่ด่า
ในความรู้สึกกูตอนนี้คือที่นี่เหี้ยมากกูไม่อยากทำเลยว่ะ เริ่มรู้สึกว่าที่เก่าก็ไม่ได้แย่ด้วย หรือกูอยู่บริษัทใหญ่จนรับอะไรแบบนี้ไม่ได้เองก็ไม่รู้
>>178 น้องครับ คุณเป็นฝ่ายมาของานเราทำแท้ถ้าแค่นี้ยังบ่นงานคุณจะทำไหวหรอครับ
แค่ไม่ได้กินข้าวกับต้องอยู่ในห้องเย็นๆแค่นี้ก็บ่นแล้วชีวิตนี้คงติดสบายจนเคยชินสินะครับ
พี่กับคนสัมภาษณ์เค้าเป็นฝ่ายสัมภาษณ์น้องนะครับ เค้าหรือพี่จะกินข้าวนานมันก็ไม่ใช่เรื่องของน้องครับ
น้องเป็นฝ่ายถูกสัมภาษณ์มีหน้าที่รอก็รอไปครับ ถ้าจะผูกพันกับที่เก่าอยู่อยากจะรีบกลับไปทำงานขนาดนั้นก็อยู่ที่เก่าไปเถอะครับ
ยินดีด้วยครับ ตอนนี้น้องไม่ได้งานของบริษัทเราแล้ว แถมพี่ใส่แบล็คลิสต์ไว้เรียบร้อย ครั้งหน้าอย่าหวังว่าบริษัทเราจะเรียกคุณมาสัมภาษณ์อีก
พี่ HR
พวกงานร้านเฟรนไชนส์บริการแบบ kfc Mc Chesterฯ แล้วก็พวกร้านสะดวกซื้ออะไรพวกนี้
เค้าไม่รับคนอ้วนๆเข้าทำงานเหรอวะ สมัครไปตั้งหลายที่ ปิ๋วหมด
>>180 อื้อหือ อ่านแล้วไม่แน่ใจเลยว่าตั้งใจประชดหรือแกล้งกันหรือคิดแบบนั้นจริงรึเปล่าเลยค่ะ พฤติกรรมของHR ที่ >>178 เจอก็แย่หลายอย่างจริงๆ
แต่อยากแจงว่า การใช้ข้อตอบแบบตรวจมือมันไม่ผิดอะไรนะ แต่เข้าใจว่าคุณ 178 น่าจะไม่พอใจจากการที่ต้องรอนานขนาดนั้นไปแล้ว อะไรมันก็แย่ทั้งนั้นล่ะ สี่ห้าชั่วโมงที่เสียไปนี่แสดงให้เห็นเลยว่า HR ของบริษัทเขาไม่ได้มีความต้องการจะดูแลแคนดิเดทของเขา ส่วนตัวเราว่าดีแล้วที่ไม่ได้เข้าไปทำงาน มันก็แสดงให้เห็นกลายๆว่าเขาอาจจะไม่ได้ดูแลพนักงานของบริษัทดีเหมือนกัน ทัศนคติมันเห็นกันได้จากการกระทำและภาษาที่ใช้ค่ะ ถ้าเขาให้คุณรอนานขนาดนั้น โดยไม่มีคำขอโทษหรือการอธิบาย แสดงว่าเขาไม่ได้ให้เกียรติคุณเลย
HR เองก็เป็นพนักงานที่บริษัทเขาจ้างกินเงินเดือนมาทำงานเหมือนกันไม่ใช่เจ้าของบริษัท โดยเฉพา่ะ HR ที่ต้อนรับแคนดิเดท สิ่งที่เขาทำจะกลายเป็นภาพลักษณ์ของบริษัทไป บริษัทที่ไม่ให้เกียรติพนักงานแบบนั้น ถ้าเลือกได้อย่าไปทำเลยค่ะ
เพื่อนโม่งมีงานไหนแนะนำ วุฒิ ปวช ไหม ไม่อย่าทำโรงงานวะ
เวลาเพื่อนโม่งหางานแล้วไม่ได้ โดนปฎิเสธ มีวิธียังไงที่จะเชียร์ตัวเองให้ขึ้นบ้าง
กูไม่รู้มึงเป็นเคสไหนนะ
- โฟกัสไปตรงที่อยากได้งาน สมัครไปหลายที่ไม่ได้ก็เลยท้อ อันนี้ไม่มีไรมาก ก็สมัครต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้ มันต้องได้เข้าซักที่แหละ สู้ๆ
- โฟกัสไปตรงที่เฟลเพราะถูกปฏิเสธ อันนี้กูเอง ปกติสมัครที่ไหนได้ตลอดมีแต่เป็นฝ่ายปฏิเสธเค้า พอเป็นฝ่ายถูกปฏิเสธบ้างโคตรเฟล รู้สึกสิ้นหวัง เกลียดชังตัวเอง รู้สึกตัวเองห่วยแตก ไร้ค่า ไม่เป็นที่ต้องการ อันนี้คงต้องพยายามเรียนรู้ที่จะรับมือกับความผิดหวังว่ะ ซึ่งกูก็ยังทำไม่ได้ กำลังพยายามอยู่ คิดว่าถ้าโดนปฏิเสธบ่อยๆ เข้าก็คงชินมั๊ง (รึป่าว?) เราไม่ค่อยได้เจอกับความพ่ายแพ้ พอเจอเข้าอิมแพ็คมันเลยรุนแรง ภูมิต้านทานต่ำ
แม่ง ของกูนี่สมัครที่ไหนก็เงียบ ไม่ผ่านมั่ง กูก็เฟลนะแต่แป๊บๆก็ลืม แต่มีที่นึงผ่านแล้ว นัดวันแล้วด้วยแต่กูต้องเป็นฝ่ายปฏิเสธเขาซะเอง โคตรเสียใจและจำฝังใจเลยมึง
เฮ้ย ไม่เป็นไรหรอกน่า มันก็ต้องมีแบบนี้บ้างแหละน่า เดี๋ยวเค้าก็หาคนใหม่ได้
เพื่อนโม่ง คือกูอยากลองไปฝึกงานอ่ะ ละคือเค้าให้ส่งเรซูเม่ แนะหน่อนดิ ทำแบบไหน อะไรยังไงอ่ะ //ฝึกงานฝ่ายบก. หรือพิสูจน์อักษรน่ะ
>>201 ลองติดต่อไปดูว่ารับเด็กฝึกงานหรือเปล่า http://salmonbooks.net/contact
>>201 กูแถมให้อีกด้วย แต่มันของปี 2012 แล้วว่ะ https://www.facebook.com/notes/salmon-books/faq-สำหรับนักศึกษาฝึกงานจ้ะ-/385273044842508
กูคือโม่ง >>178 นะ ตอนนี้ก็กำลังร่อน resume ไปเรื่อยๆ ส่วนที่ๆพูดถึงยังไม่เรียกไปสัมภาษณ์รอบสอง
>>184 ขอใช้สรรพนามกู-มึงตามปกติของเว็บนี้นะ คือกูบอกได้เลยว่า >>180 แค่เล่นมุกน่ะ อีกอย่าง HR ที่สัมภาษณ์กูก็ผู้หญิงด้วย
คือที่กูรู้สึกว่าข้อสอบกระดาษดูแย่เพราะบริษัทที่สมัครไปมันเป็นบริษัท IT น่ะ แถมวันๆนึงคนสมัครงานที่นี่เยอะแต่ก็ยังไม่คิดจะเปลี่ยนมาใช้ระบบคอมแทนซะงั้น
ส่วนที่รู้สึกไม่ดีกับที่นี่มันไม่ได้มีแค่เรื่องที่บ่นไป มันมีจุกๆจิกๆอย่างอื่นที่ทำให้รู้สึกว่าที่นี่ไม่โอเคอีกหลายอย่าง ซึ่งมันนิดๆหน่อยๆคงไม่ถือแต่ทุกอย่างรวมกันมันเลยดูแย่ไปหมด
ทั้งเมลล์ HR นัดเวลาผิด จะเอาเอกสารที่ราชการเค้าเลิกใช้ไปแล้ว ข้อสอบไม่ได้มาตราฐาน ฝ่าย reception มารยาทแย่ นั่งเล่นมือถือไม่สนใจคนที่มาสมัครงาน
>>210 จริงว่ะ บริษัทเล็กเป็นไงไม่รู้นะ แต่บริษัทใหญ่ๆ นี่ขอบัดเจทยากมาก พิจารณากันไม่รู้กี่สิบรอบ ส่วนมากมีแต่คอสดาวน์ๆ กันทั้งนั้นแหละสมัยนี้ แผนกไหนคอสดาวน์ได้เยอะก็ได้ผลงานมีหน้ามีตา เศรษฐกิจแบบนี้แผนกไหนยังมีหน้ามาขอบัดเจทไร้สาระนี่จะโดนทำปากเป็นสระอิใส่เหอะ ถ้าจะขออย่างน้อยก็ต้องเกี่ยวข้องกับผลประกอบการหรือผลกำไร ไม่ก็ CSR จะมาของบเพื่อเรื่องสมัครงานนี่ยากว่ะ ส่วนใหญ่มันก็ไล่ให้ HR ไปหาวิธีกันเอาเอง
มัวแต่อ่านเรื่องคนอื่นลืมไปเลย ปกติถ้าเคยทำงานบริษัทนึงมาก่อน แล้วไปสมัครบริษัทที่เป็นเครือเดียวกัน (แต่คนละที่) นี่มันจะน่าเกลียดป่ะ หรือเค้ามีนโยบายไม่รับคนที่ลาออกมาจากบริษัทในเครือเดียวกันไรงี้มะ
>>210-211 กูโม่ง >>206 นะ
คือกูทำงานสายนี้กูก็รู้อยู่แล้วว่าโปรแกรมพวกนี้ราคามันไม่ได้ถูก แต่ด้วยลักษณะบริษัทที่คนเข้าๆออกๆบ่อย แล้ววันนึงต้องสอบคนเยอะๆจน HR ดูแลคนไม่ทันกูมองว่ามันควรมีได้แล้ว
และถ้าถามว่าด้วยลักษณะบริษัทที่เป็นแบบนี้แต่ให้เทสกระดาษมันดูแย่มั้ย สำหรับกูใช่ว่ะ คือกูไม่ได้มองว่าแย่ที่ HR อย่างเดียว แต่มองว่าระบบงานแย่มากกว่า
ผลสอบปลัดออกแล้วว่ะ อัตราคนสอบผ่าน ไม่ถึง 4% ทั้งสอบป.โท สอบป.ตรี สอบ ป.ตรีพื้นที่ชายแดนใต้
ป.ตรีพื้นที่ปรกติสมัครกันเป็นหมื่น ประมาณ13000 ผ่าน500กว่า ปีที่แล้วกูสอบกรมพัฒนาชุมชนสอบหลักหมื่นเหมือนกัน ผ่าน4000ได้มั้ง
>>215 ทำไมพี่จะต้องเสียงบมาลงทุนตั้งระบบสอบกับคอมด้วยล่ะครับ เก็บไว้กินเลี้ยงในแผนกไม่ดีกว่าหรอ
HR เด็กๆมีอยู่ตั้งหลายคนก็ให้ตรวจข้อสอบไปก่อนสิครับ คนที่สมัครก็แค่รอตรวจข้อสอบนานเพิ่งขึ้นเองแค่นิดเดียวเอง รอหน่อยไม่ได้หรอครับ
อย่าติดสบายนักเลยครับ เสพติดเทคโนโลยีจนเกินพอดีนี่ระวังตัวไว้นะครับ
พี่หัวหน้า HR
ปรึกษาหน่อยเพื่อนโม่ง
กูอยากลงทุนแบบระยะยาวอะ แบบที่ไม่ใช่เอาเงินไปฝากธนาคารรอดอกเบี้ย
อยากให้เงินเดือนมันออกดอกออกผลบ้างอะ
มีอะไรเวิร์คๆกันมั่ง พวกมึงมีไรแนะนำมั้ย กูยังพอรับความเสี่ยงอะไรได้อยู่นะ
/ตอนนี้กำลังสนพวกกองทุนรวมธนาคารนั้นนี้อยู่...
ที่บ้านแนะนำให้เล่นหุ้น แต่กูว่ามันต้องใช้เวลาศึกษานาน แล้วก็ไม่ใช่อะไรที่กูถนัดเท่าไหร่น่ะ
- ทำโรงแรม ทำหอพัก เปิดห้องพักให้เช่า(ถ้าทำเลมึงดีนะ)
- มีที่เปล่า,หน้าบ้านที่เหลือเยอะก็ให้เช่าได้ (ขึ้นอยู่กับทำเลและร้านที่ลง)
กูโม่งบนๆที่หางานใหม่นะ ตอนนี้กูได้ที่ใหม่ละ ได้เงินเท่าเดิม รูปแบบงานคล้ายๆกัน ต่างกันแค่ที่ใหม่ดังกว่า สวัสดิการดีกว่า ได้โบนัสและมีประเมิณขึ้นเงินเดือน คือที่ใหม่มันก็มีภาษีมากกว่าแหละ แต่ไม่รู้ทำไมพอกูตัดสินใจไปแล้วมันโหวงๆยังไงก็ไม่รู้ที่จะออกจากที่เดิม
อาลัยอะดิ เข้าใจนะ เปลี่ยนบ่อยๆก็ชิน
ก็ไม่ควรเปลี่ยนบ่อยมั้ยมึง 555
กูโม่งอีกคนที่บอกว่ากำลังหางานใหม่อ่ะนะ สรุปไปสัมภาษณ์มา 2 ที่ ที่แรกสวัสดิการห่วยกว่าเดิมมาก แต่แลกกับเงินเดือนเยอะกว่าเดิมมากเกือบจะ 50%
ส่วนอีกที่เงินเดือนเยอะกว่าเดิมไม่มาก ประมาณ 30% สวัสดิการห่วยกว่าเดิมไปไม่เยอะมาก แต่ดูแล้วระบบงานลูกทุ่งชิบหาย แถมน่าจะต้องทำโอฟรีทุกวันด้วย
สุดท้ายพอกำลังสับสนอยู่ ที่ทำงานเดิมให้ไปดูงานเมืองนอกแลกกับกลับมาแล้วต้องอยู่ต่อไปอีกพัก สุดท้ายกูคิดว่าคงอยู่ที่เดิมไปก่อน ไม่รู้เหมือนกันว่าคิดถูกรึเปล่า ._.
เพื่อนโม่ง ทำงานเป็นพวก พนงในห้าง เริ่มงานสายๆ เลิก 3-4 ทุ่ม ปกติเงินเท่าไหร
กูไม่รู้จะถามที่ไหนว่ะ เอาที่นี่ละกัน 555 คือกูรับฟรีแลนซ์ให้สนพ.นึงอยู่ งานมันจะมีมาเป็นรอบๆ อะนะ กูติดต่อไป พอมีงานเขาก็ส่งให้ทำ ตอนแรกๆก็ดีอยู่หรอก กูยังถามเลยว่ามีอะไรให้ปรับปรุงมั้ย เขาก็บอก กูก็เตรียมตัวสำหรับงานต่อไป แต่ตอนนี้ได้ข่าวว่ามีรอบใหม่แล้ว แต่เขากลับยังไม่ติดต่อ ไม่ส่งอะไรให้กูเลยว่ะ กูเลยกลัวๆว่านี่เขาไม่จ้างกูแล้วเหรอ ถ้ากูไปถามเขาว่ามีงานมั้ยจะน่าเกลียดมั้ยวะ หรือกูควรทำใจแล้วมองหางานที่ใหม่ดี ปล. กูเคยมีประสบการณ์คล้ายยังงี้มาแล้ว คราวนั้นให้งานมารอบนึง ทำให้เสร็จแม่งเงียบหายไปเลย ส่งเมลไปถามก็ไม่ตอบ กูเลยกลัวว่าจะซ้ำรอยเดิมว่ะ ฮือๆ
>>229 มึงรับงานประเภทบก.หรือตรวจปรู๊ฟฟรีแลนซ์ไรงี้ป่ะ ถ้ามั่นใจว่ามีงานแล้วทางโน้นลืมมึง ติดต่อเข้าไปก่อนเลย ถามแย็บๆ ได้แต่อย่าตื้อ บางทีสาเหตุที่ไม่ติดต่อไปมันมีหลากหลายว่ะ ผู้รับผิดชอบลาออก มือถือหาย ติดต่อไม่ได้ บลาๆๆ ไปเสนอหน้าให้เค้าเห็นกันลืมก่อน แต่ถ้าเค้าไม่จ้างมึงจริงๆ ก็อย่าไปเซ้าซี้ว่าเพราะอะไรทำไม สมัครงานที่อื่นเผื่อๆ ไว้มั่งเน้อ อย่าไปผูกติดกับเจ้าเดียว
ไอเหี้ย เพื่อนกุอัพรูปขึ้นหน้าปกเฟซบุ๊ก รูปนี่ยืนกันสี่คนมันยืนตรงกลาง เสือกเบลอรูปรอบๆมันหมดเหลือตัวมันชัดคนเดียว
กุนี่ลั่นเลยไอสัส มึงคิดได้ไงวะ ไอ้เหี้ยยย 555+
เบื่อเจ้านายที่เราส่งเมล์ไปตามเรื่องนั้นเรื่องนี้ แล้วบอกว่าเดี๋ยวจะทำให้ๆ แล้วก็หายเงียบ
นี่กูส่งเมล์จี้แม่งทุกวันยังหายเงียบเข้ากลีบเมฆ แล้วจะมาด่ากูว่าทำงานไม่ทันมั้ยวะเนี่ย
เครียดว่ะ เฮ้อออออ
กูรู้สึกแย่จังที่ด่าลูกน้องว่าแอบเล่นเฟสในเวลางาน แต่กูกลับเล่นคังโคเระในเวลางานเช่นกัน
มีงานแนะนำดีๆไหมวะ วุฒิ ม.6 หรือ ปวช ไหมวะ
ใครเคยทำงานบริการแบ่ง ข้อมูลมามั้งดิ
เงิน
สเวนเซ่นเริ่มที่40บาท/ชม.มั้ง
parttime ชั่วโมงละ 40 ถ้า Full กูขอเขา 50 เลยดีไหมวะ เพราะให้กูทำตั้งแต่ห้างเปิด ยันห้างปิด
กูเห็นสตาร์บัคเปิดรับอยู่ พาร์ทไทม์ชม.ละ62เลยว่ะ รายละเอียดกูยังไม่รู้ สอบเสร็จว่าจะไปสมัคร
กูถามโม่งที่ทำงานพวกออกแบบหน่อย
มึงเบื่อไหมเวลาที่มีคนมาให้มึงทำงานฟรีๆอะ โลโก้มั่งละ ป้ายงานแต่งมั่งละแบบนี้
คือกูเจอบ่อยมาก บางทีกูก็คิดนะว่ากูก็ทำแบบง่ายๆให้ไม่ได้ไงมาก คิดเงินไปก็อายตัวเอง
บางคนก็ฟรีคือฟรีจริงๆ ไม่ถามเรื่องเงินเลย กูก็ช่างแม่ง แต่กูเจอบ่อยไปแล้วว่ะ
โอเคว่ากูผิดเองที่รับปากไป ขอบ่นหน่อยละกัน (แล้วก็อยากฟังคนที่เจอแบบนี้มั่งว่าเป็นไง เริ่มยังไง ไปจบลงที่ไหน55)
>>250 เคยทำให้ญาติแบบสนิท แต่ก็แลกๆกันน่ะ เวลามีอะไรกูก็วานเขาฟรีๆ
ถ้าไม่งั้นคนที่มีมารยาทเขาก็รู้เองว่า เลี้ยงข้าวเลี้ยงน้ำอะไรงี้มั่งอะ อย่างน้อย
แต่ทำฟรีจริงๆแบบไม่ได้อะไรเลย กูไม่ทำ
พอมึงทำครั้งนึง แล้วมันฟรี ก็จะมีปลิงมาเกาะมึงแดกเรื่อยๆ มึงก็เกรงใจทำไปเรื่อยๆ เสียเวลาชีวิต
ถ้าไม่ได้สนิทกัน (อย่างกรณีที่กูบอกข้างบน) จบสโคปงานปุ๊บ กูพูดดักไว้เลยว่า ราคาเท่าไหร่
ถ้าให้ซอฟท์นิดนึงก็บอกว่า อ่อ ปกติที่ทำๆกันก็ราวๆ เท่านี้ๆๆ อะนะ(บวกราคาเกิน 55) แต่รู้จักกันลดให้ก็ได้ 'w'
แม่ม ร้านxxx งานฟูลไทม 11 ชม ได้เท่าพาร์ทไทมร้าน
มึง
กุลองทำงานในออฟฟิศแล้วมันไม่ได้ว่ะ กุทำงานธรรมดาทั่วไปกุก็เครียด ไม่อยากทำ ไม่มีความรับผิดชอบ
กุคิดว่าเพราะกุไม่เอาไหน เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อรึเปล่าวะเลยทำงานบริษัทฯไม่ทน กุไม่อยากเป็นแบบนั้นแล้วกุก็เลยพยายามทนทำต่อ
แต่ยิ่งวันก็ยิ่งประสาทกินว่ะ กุไม่ชอบงานเอกสาร กุบวกเลขไม่เก่ง กุชอบงานอาร์ต งานศิลปะ งานกราฟฟิค
แต่บ้านกุกดดันจนกุรู้สึกว่า ถ้ากุไม่ทำงานออฟฟิศแล้วกุจะไปทำอะไรแดกได้วะ จะเหลือที่ยืนให้กุในสังคมบ้างมั้ย
จะเอาอะไรแดก
แนะนำกุหน่อยได้มั้ยว่าถ้ากุไม่ทำงานบริษัท กุจะยังมีอนาคตเหลือมั้ยถ้ากุจะทำงานด้านศิลปะต่อ
ฟรีแลนซ์ต้องการ 2 อย่างสำหรับด้านศิลปะ
1 ฝีมือ
2 ขยัน
มึงมี 2 อย่างนี้มั้ย มึงไม่มีความรับผิดชอบก็แสดงว่ามึงไม่ขยันแล้ว เป็นฟรีแลนซ์แล้วรับผิดชอบงานไม่ได้นี่ชีวิตมึงจะลงเหวยิ่งกว่าออฟฟิศ
เมื่อไรก็ตามที่มึงเสียเครดิต ชีวืตมึงก็จบสิ้น
อ่อ แล้วเป็นฟรีแลนซ์ มึงยิ่งต้องทำทั้งานเอกสารและบวกเลข เพราะการที่มึงทำงานตัวคนเดียว หมายความว่ามึงต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง
>>258 งิมึงก็ไม่ชอบงานที่ทำอยู่ตอนนี้ป่ะวะ ไม่ได้ว่าออฟฟิศไม่ออฟฟิศ มึงแยกแยะ งานศิลปะ งานกราฟฟิคมึงก็มีตั้งหลายสาย พวกนี้ก็ทำงานบริษัท มึงก็แค่ไม่กล้าออกจากงานที่ที่บ้านยัดเข้ามา แน่จริงมึงก็สมัครงานออฟฟิศที่เป็นงานกราฟฟิคให้ได้แล้วก็ลาออกจากที่เก่าเลย ทำงานแล้ว มึงก็รับผิดชอบตัวเอง เพราะที่บ้านยัดเข้ามึงเลยกลัวเขาด่าถ้าลาออกเหรอวะ
ใช้เวลาหลังเลิกงานพัฒนาฝืมือซะอัพพอร์ตตัวเองให้เทพๆ อย่าอ้างบอกว่ากลับบ้านเหนื่อยไม่มีแรง มึงไม่มีพอร์ตชาติหน้าเขาก็ไม่รับมึง
เอาไปยื่นโชว์บ.กราฟฟิกที่มึงสนใจ ที่แรกๆที่มึงไปทำจะได้เงินน้อยเพราะไม่มีประสพการณ์ ก็ทนทำไป อัพพอร์ตไปด้วยอย่าย่ำอยู่กับที่ สูบเทคนิคจากซีเนียร์มาเยอะๆ
ถึงจุดนึงมึงเป็นซีเนียร์ในไทยแล้วจะตันต้องขยับขยายไปบ.ฝรั่ง ฝึกภาษาอังกฤษระดับสื่อสารให้ได้ ดีกว่านั้นต้องได้ภาษาที่3ด้วย
หรือจะออกมาฟรีแลนซ์ หาคอนเนคชั่นเยอะๆรับผิดชอบตัวเองมากกว่าทำงานบ.อีกสัก4เท่า หาแฟนคลับเยอะๆสะสมชื่อเสียงเอาไว้
เท่าที่กูบอกได้ก็เท่านี้ ขอให้มึงโชคดี
ใครเป็น HR หรือไม่ใช่ก็ได้ ขอถามหน่อยว่าประวัติการทำงานต้องใส่ครบทุกที่ไหม ไม่ได้มีเจตนาจะปิดบังอะไรนะ แต่ในความคิดกูกูรู้สึกว่างานที่ทำที่แรกๆ ก็เหมือนประวัติการศึกษาสมัยอนุบาลอ่ะ คือไม่ต้องใส่ก็ได้มั้ง ไม่อยากให้เรซูเม่ยาวเยิ่นเย้อด้วย แต่ถ้ามันควรจะใส่ก็จะใส่นะ มาถามดูก่อนไม่แน่ใจ
กูจะลาออกแล้วว่ะ แค่4วัน กราฟความรุ้สึกกูเหมือนหุ้นตก เดือนก่อนกูคิดอยู่ว่าจะออกตุลาหรือจะออกตอนมีนาดี ยังลังเลอยู่ แต่ก็คุยกับหัวหน้าไว้แล้ว
มาวันอังคาร กูไปติดต่อเรื่องสอบTOEIC ที่บริษัทมีนโยบายให้พนักงานไปสอบ ปรากฎว่าHR ยังไม่ได้ต่อสัญญากับศูนย์สอบ กูรู้สึกผิดหวังมาก ฝ่ายบริหารกำหนดนโยบายให้พนักงานไปสอบ เป้าหมายที่ 550 แต่ไม่มีความชัดเจนเรื่องเงินเพิ่มพิเศษจากคะแนนสอบ แถมHRก็ดูทำงานแบบขอไปดี เดาว่า TOEIC550 เป็นแค่นโยบายของฝ่ายบริหารที่พูดลอยๆเฉยๆ......................เจอแบบนี้กูตัดสินใจว่าจะออกตุลาแม่งและ บริษัทดูไม่ให้ความสำคัญกับคะแนน TOEIC เท่าไร ถ้ากูได้ซัก 650+ เงินเดือนกูคงเท่าเดิมอยู่ดี
มาวันพุธ โดนย้ายหน้าที่ใหม่ งานใหม่ หนักกว่าเดิมรับผิดชอบกว่าเดิม ก็ดีใจนะที่หัวหน้างานให้ความสำคัญเลือกกูขึ้นไปทำงานที่ยากขึ้น แต่เงินเดือนแม่งเท่าเดิมว่ะ จากเมื่อวานที่คิดไว้แล้วว่าจะออกก็ยิ่งย้ำความรู้สึกเดิมไปอีก
มาวันนี้แม่งทุกอย่างเหี้ยมาก พอทำงานเพื่อรอวันลาออก กลายเป็นว่าจากเดิมสมัยที่มาทำงานใหม่ๆ มีความสุข แปปๆก็หมดวัน ไม่เคยเบื่อวันจันทร์เพราะทำงานแปปเดียวก็ถึงวันศุกร์ แต่แค่วันนี้วันเดียวกว่าจะถึงเวลาเลิกงานแม่งอึดอัดมาก นั่งรอชั่วโมง งานกูยากขึ้นแต่ไม่ได้ยากมากมายกว่าเดิมเท่าไร แต่พอทัศนคติในการทำงานเปลี่ยนเท่านั้นแหละมึง ทุกอย่างเหมือนจะพังหมด
พรุ่งนี้กูว่าจะไปขอใบลาออกกับHR และ คิดว่าลาออกมาเรียนภาษาหรือหางานใหม่มันน่าจะคุ้มกว่า ย่ำอยู่ที่เดิม
>>263 กูคิดว่าจะเอาเวลาว่างไปเตรียมสอบภาษา ตอนนี้กูกำลังจะสอบN5 ปลายปีวางแผนว่าจะสอบN4 TOEICยังไม่เคยสอบแต่คิดว่าถ้าลงทุนไปซื้อคอร์สติวกูน่าจะได้ 650 ขึ้น ฐานะทางบ้านกูค่อนข้างดี พ่อแม่รับราชการมีเงินส่งให้กูเรื่อยๆ
คือจริงๆกูสามารถใช้ชีวิตแบบNEET หลังเรียนจบได้เกือบ10ปีเลยนะ แต่ที่มาทำงานในปัจจุบันเพราะกูไม่อยากเป็นNEET ละอายใจตัวเองว่ะเรียนจบแต่ต้องแบมือขอพ่อขอแม่ แค่เปอร์ไป1ปี(แบบทำตัวเองล้วนๆ)ก็รู้สึกผิดและ งานปัจจุบันของกูดีมาก ไม่เหนื่อย จัดว่าสบาย อู้ได้เยอะ หัวหน้าดี เพื่อนร่วมงานเป็นคนตลกคุยกันสนุกสนาน ผู้บริหารไม่งี่เง่า แต่ติดที่เงินเดือนน้อยและมันไม่ขยับมา2ปีจนกูรู้สึกว่าควรออกจาก Safety zone ว่ะ
คือจะอยู่ต่อก็ได้นะ แต่มันก็เหมือนกับไม่กล้าออกไปหางานใหม่ที่เงินเดือนสูงกว่าเพราะติดใจกับงานเงินเดือนน้อยแต่งานสบายเวลาพักเยอะวันหยุดเยอะ ตอนกูเปอร์ต้องเรียนต่ออีก1ปี ตอนนั้นกูก็เฟลนะ เทอมแรกไม่มีเรียน(กูF1ตัว และเป็นFเทอมสอง) เทอมแรกกูกัดฟันหางานทำแบบไม่มีวุฒิ ป.ตรี แรกๆก็กลัว ไม่อยากออกไปสมัคร คิดว่าอยู่เฉยๆก็สบายแล้วพ่อแม่ส่งเงินให้ใช้ แต่ด้วยความอายรุ่นน้องอายเพื่อนที่เรียนจบ(กูอยู่หอใน ระบบหอในทุกคนในหอจะสนิทกันมาก) "พี่ยังไม่จบเหรอครับ" "พี่ไม่ทำงานเหรอครับ" "นี่มึงยังหางานไม่ได้อีกเหรอ" อะไรเทือกนี้ สุดท้ายกูก็ออกไปหางานทำ
ตอนนี้ความรู้สึกนี้มันกลับมาอีกรอบ เพราะถ้าอยู่ต่อก็เหมือนถอยหลังว่ะ สู้กัดฟันทน ติวภาษาให้เก่งๆให้ได้คะแนนสูงๆแล้วไปหางานใหม่ที่เงินเดือนดีๆมันจะคุ้มกว่าในระยะยาว
>>265 ความคิดกูคือ อยู่ตอนนี้แม่งทรงตัว เงินเดือนเท่าเดิม ไม่มีเวลามาติวภาษาจริงๆจังๆ แต่ดีที่งานสบายและเพื่อนร่วมงานน่ารักไม่ดราม่าเหมือนอยู่กับเพื่อนสมัยมหาลัย เสียที่เงินเดือนน้อย จนกูคิดว่าถ้าลาออกมาเอาเวลาไปติวภาษาให้ได้คะแนนสูงๆ มันน่าจะหางานใหม่เงินเดือนสูง ฝากอนาคตได้ มันจะคุ้มกว่า
อ่อเรื่องภาษาญี่ปุ่นกูตั้งความหวังไว้ว่าภายในสองปีจะผ่าน N3 ให้ได้ว่ะ ซึ่งถ้าอยู่ที่เดิมยังทำงานอยู่ มันทำได้ยาก เพราะทำงานไปด้วยเรียนภาษาไปด้วยมันก็หนักอยู่
Investment banking นี่จริงๆคือทำอะไรกันวะ กูรู้แค่งานแม่งเงินดีแต่ความกดดันก็สูงมาก ได้ยินมาว่าไม่ต้องจบตรงสายก็ทำได้ด้วย?
>>267 คร่าวๆคือแม่งเป็นที่ปรึกษาการลงทุนน่ะ เงินคนอื่นไง ความกดดันแม่งเลยสูง
http://pantip.com/topic/31471258
>>267 วานิชธนกิจ ตัวอย่างแบบเข้าใจง่ายก็พระเอกในหนังเรื่อง Wall street ภาคสอง กับหนังเรื่องเงินเดือด
เงินเดือนดีแต่ได้ยินว่างานหนักมาก ลักษณะการทำงานก็เช่น มีบริษัทจะจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ ก็มาจ้างบริษัทที่ปรึกษาให้เตรียมการให้
พนักงานของบริษัทที่ปรึกษาก็ Investment banker นั้นเอง งานหนักเงินดี ถ้าจบโปรเจคได้สวยก็มีโบนัสแถมอีก
งานสายการเงินเครียดตายห่า เพื่อนกูเป็นcfaยังแทบไม่มีเวลาใช้เงินเลย มัวแต่ทำงานนอกเวลากลัวพลาด ทุกวันนี้ระบายความเครียดด้วยการแดกบุฟเฟ่ เครียดตายก็ไขมันอุดตันเข้าสักวัน
High rise High return
เงินเดือนเยอะก็แลกมาด้วยความเครียดและเวลาที่หายไป กูมองว่างานเครียดๆเงินเดือนสูงแต่เวลานอนน้อย เหมาะสำหรับเก็บเงินไว้สร้างตัวว่ะ ทำซัก5-6ปีแล้วค่อยลาออกมาทำอย่างอื่นที่สบายกว่าเงินเดือนน้อยกว่า
เลิกงานเที่ยงคืน อายุ20กลางๆยังพอไหว แต่30ขึ้นแม่งทรมานแน่
ทำเอาทุนกะประสบการณ์ แล้วไปทำ trader แทน
มึง คือแบบ งี้เว้ย ไปสมัครงานมา แล้วทำพลาดตลอด
เป็นงานภาษาตปท.นะ
บ.แรก กูไม่ได้เอาแว่นตาไป เขาให้อ่านให้ฟังเป็นภาษาตปท. เขาหันมาเอียงๆ ให้อ่านจากหนังสือ กูอ่านไม่ออก มองไม่ทัน
เขาเลยคิดว่ากูไม่เก่งเว้ย พอกลับมาดูที่บ้าน อิห่าาาาาา อ่านออก น่าจะตื่นเต้นเกินไป
บ.สอง กูหมายมั่นปั้นมือมากว่ากูต้องได้บ.นี้แน่ๆ บ.ในฝันกู คุยกะเขารู้เรื่องมาก เขาชมว่าภาษากุดีเลยและ
ปรากฎว่า กูไปทำพังตอนที่ เขาอธิบายรายละเอียดงานให้ฟังเว้ย แล้วกุเสือกไปซักเขาละเอียดเกินไป
แบบ นอกจากงานประจำแล้ว กุมีหน้าที่ต้องคอยช่วยเหลือให้โปรเจคลุล่วง กุก็ถามว่า ลุล่วงในหน้าที่นี้คือกุต้องไปกุมบังเหียนโปรเจคเหรอ
หรือเวลาของขาดกุต้องวิ่งไปซื้อให้ไหม ฯลฯ คือกุเริ่มกลัวว่าตัวเองจะกลายเป็น เจเนรัลเบ๊ พอกุซักหนักๆเข้า เขาเลยเลือกคนอื่นว่ะ อิเหี้ยยย
แล้วที่เลวคือ บอกรีครูทว่ากุฟังเขาไม่รู้เรื่อง จริงๆคือกุฟังรู้เรื่องแทบทุกปย. แต่เขาอธิบายไม่ได้เว้ย ว่าอิหน้าที่สเปเชี่ยลนอกจากงานหลักคืออะไรบ้าง
บ.สาม กุไปรอตั้งแต่สิบโมง สัมเสร็จเที่ยง อิห่าาาาา คือคนสัมภาษณ์มองกุแรงมาก ดูแล้วไม่น่าอยู่กันได้ ด่าผ่านมาทางรีครูทอีกว่ากุพูดช้า ฯลฯ
บ.สี่ อันนี้กุหาเอง ซวยบัดซบ คือตอนสมัครหว่านๆ กุลืมดูว่าเขาต้องการคนมีปสก. คนสัมแม่งไม่ชอบหน้ากู เซ็งกู เพราะไม่มีปสก. กุเผลอเท้าคาง
มันตบแฟ้มปิด ด่ากูว่าไม่มีมารยาทแล้วเดินออกจากห้องสัมไปเลย ทั้งเฮชอาร์ทั้งกุคือนั่งงงกันทั้งคู่แบบ อิห่า เมนมารึไงวะ
บ.ห้า แถวบ้าน เขาให้กุแปล กุลืมเอาดิกไป (จริงๆที่อื่นแม่งไม่ค่อยให้ใช้ดิก) เขาให้ทดสอบงาน กุก็ทำได้ แต่เอา MD มาคุยกะกุ เสียงกุสั่นหงึกๆๆๆปัจจุบันก็ยังไม่ติดต่อกลับมา บายยยยย แต่อันนี้ไม่ค่อยเสียใจ เพราะรีครูทบอกแล้วเขาต้องการแบบเทพเบย
ถึงตอนนี้กุเริ่มจิตตกแระ คือกูอ่ะ ถ้าให้พูดแบบหลงตัวเองเลยนะ คือกุเก่งมาตั้งแต่ม.ปลาย เป็นท็อปห้อง เกรดกุดี ม.ที่กุอยู่ก็ดี จบมากุก็ได้ใบ Cer ตปท.ที่ใช้หางานแบบขั้นดีเลยแหละ แต่เหมือนยิ่งกุสัมไป กุยิ่งแย่ลงไปเรื่อยๆ ความมั่นใจหดหายไปเรื่อยๆ พูดห่วยลงเรื่อยๆ หลายคนทั้งที่ม. ที่รร. เชื่อว่ากุต้องได้งานแน่ๆ แต่กุรู้สึกอัปยศกับตัวเอง เหมือนทั้งๆที่เก่ง มีความสามารถ หัวดี ทำไมกุถึงกลายเป็นแบบนี้วะ
ถ้าพูดถึงนิสัย กุอ่ะ วันๆเอาแต่หน้าซุกตำรา เป็น Introvert แบบเต็มตัว ไม่ค่อยได้ปฏิสัมพันธ์กะชาวบ้าน พูดไม่เก่ง มืดมน แต่ว่าหัวดีเรื่องข้อสอบ เรื่องเรียนไรงี้
กุรู้สึกว่ายิ่งเวลาผ่านไปยิ่งแย่ว่ะ อ้อ อีกเรื่อง กุไปสัมรีครูทมาสี่ที่
1 ที่แรกชอบกุมากก ฟาดงานให้กุเลย แต่ตอนนั้นหยิ่ง ไม่เอา
2 รีครูทที่สอง ชมว่ากุภาษาดี ฟาดงานให้อีก แต่กุก็ไม่เอา
3 รีครูทที่สาม ไม่ได้บอกอะไร แต่ให้งานเลย กุก็ไปสัมบ.2 แต่ไม่ผ่าน
4รีครูทที่สี่ เปรียบเทียบกุกะคนอื่นที่ไปแลกเปลี่ยนมา บอกว่ากุมีปัญหาการพูด เวลาพูดต้องนึกก่อน ภาษายังไม่ดีมาก นิสัยเด็ก ฯลฯ ซึ่งคำพูดของคนๆนี้ทำให้กุท้อใจมาก
คือยิ่งกุพลาดไปเรื่อยๆกุยิ่งเหี่ยวว่ะมึง มีไรแนะนำมะ กุว่าหลังจากนี้กุจะเปลี่ยนสายงานและ กุว่ากุพูดไม่เก่งว่ะ แล้วดันเสือกสมัครงานที่ต้องพูดเยอะๆ
คือจริงๆเป็นคนพูดมาก แต่เวลาเจอคนไม่สนิทแล้วจะเงียบกริบเลย
ปลอีบ.สองนี่กุปลดปล่อยพลังคอสโม่เต็มที่แล้วจริงๆ แต่อาจจะซวยอีกอย่างตรงที่ Candidate อีกคนมีปสก.ตรงมากกว่าด้วยแหละ
ปล.สอง ตอนนี้กุอ่อนไหวอย่างรุนแรง ให้คำแนะนำกุด้วย
กูเหนื่อยว่ะ สิ้นเดือนนี้ก็จะตัดสินแล้วว่าจะผ่านโปรมั้ย กูไม่อยากไปเตะฝุ่นเป็นปีแล้ว งานที่ต้องทำตอนนี้ก็ทำพลาดแทบทุกอัน จนกูคิดว่าพี่เขาคงเอือมกูแล้วมั้ง ทำงานทีไรกูเครียดจนปวดท้องทุกทีเลยว่ะ
>>275 นี่กูจริงใจน้าาาาาา เปิดหนังจิ้มเกลือกินได้เลยนะจ้ะ มึงวิจารณ์มาก็ได้นะ ทำไมกุไม่ได้งาน
>>276
555555 เอางี้นะ สมมตจริงๆแล้วกรุแบบ ความสามารถประมาณ indominus rex แต่ความห่วยทางศักยภาพทางการพูดกุทำให้เขาเห็นกุเป็น แย้ - -"
แบบอย่าเอามาเข้ากรงเลย กลับไปขุดรูที่ทุ่งนาเถอะจ้ะ แบบนี้ควรจะปรับปรุงไงวะ * ติ่งจูราสสิคโปรดให้อภัย ปล.ดูกันยัง สนุกนะ
คือทุกครั้งที่เจอคนกุจะมีอาการตื่นคนว่ะ รีครูทแรกๆที่สมัครกุยังมั่นใจในตัวเองอยู่เลยไม่มีปัญหา แต่ยิ่งโดนแต่ละที่ดูถูกมันเลยทำให้กูตั้งคำถามกะความสามารถของตัวเอง แบบ มึงได้ N2 นะ แต่ทำไมทักษะการพูดห่วยแตกเยี่ยงนี้ไรงี้
เอาจริงๆ เหมือนกะว่ากุก็ไม่ได้อยากทำงานที่สมัครไปด้วยว่ะ -*- กุไม่ชอบเป็นล่าม เกลียดความกดดัน ปรับตัวไม่เก่ง แต่เหมือนกับจบมาแล้วก็ต้องหา เขาให้งานอะไรมาก็สัมไปก่อน มันก็เลยประมาณนี้ บ.ที่กูอยากได้จริงๆ มีแค่บ.หนึ่ง บ.สองแหละ
พรุ่งนี้กูก็จะไปสัมอีก ==; เฮ้ออออ
กูแย่ตรงไหนบ้าง มึงบอกมาได้นะ กูจะปรับปรุงตัว
มึงพึ่งออกจากห้องสัมภาษณ์มา เขาบอกว่ากุสำเนียงดีมาก เคยไปอยู่ญี่ปุ่นมาก่อนไหม และในบรรดาทุกคนเขาอยากได้กุที่สุด คงเพราะกุสบายๆ และไม่คาดหวังกะงานนี่มั้ง เหมือนน้ำตาจะไหลเลย ในที่สุดก็มีคนเห็นความสามารถกุจริงๆสักที
ไม่เชิงงานล่ามว่ะ คือกุล่กๆลนๆขี้หลงขี้ลืมใช่มะ -_-
มึงจะติกุก็ได้นะ แต่กุต้องการคำแนะนำจริงๆ
กูไม่รู้จะติยังไงว่ะ กูบอกได้แค่ว่ามึงดูไม่ปกติ... และอย่างที่ก็มึงรู้ตัวนั่นแหละ มึงทำตัวในสังคมไม่เป็นเอาซะเลย มึงไม่รู้แม้กระทั่งมารยาทพื้นฐานทั่วไปของสังคม แค่ไปสัมภาษณ์งานแล้วกล้าเท้าคางนี่กูก็ร้องเหยดแล้ว
แต่เดี๋ยวไปทำงานเข้าสังคมก็คงดีขึ้นเองมั้ง คอยดูว่าคนอื่นเค้าเป็นยังไง พูดให้น้อยที่สุด เน้นดู ดู ดู ว่าชาวบ้านปกติเค้าเป็นยังไง พูดอะไร ทำตัวแบบไหน แล้วพยายามทำให้กลมกลืนกับคนอื่น คอยดูปฏิกิริยาคนอื่น
เอาจริงๆ วันที่ไปสัมแล้วเท้าคางคือวันวิปโยคของกุเลย สัมสองที่ติด ต้องวิ่งแท๊กซี่ไปให้ทันเวลา ถูกข้อสอบโหมกระหน่ำสองรอบ
ตอนที่เท้าคางคือไม่ได้ตั้งใจนะ แต่เขาถามแล้วตอบไม่ได้เลยเผลอเท้าคาง แบบ เอ....
รู้ว่าไม่ดีนะ พอนึกได้แบบ อ้ะ! ระเบิดก็ลงแล้ว บ.อื่นกุก็เก็บไม้เก็บมือดีตลอด ...
ดูไม่ปกตินี่เป็นคำศัพท์ที่ทำให้กุช้ำใจนะเพื่อนโม่ง มึงควรใช้คำว่า Unique \(=3=)/
ยังไงก็ขอบใจนะ จะกลับไปทบทวนตัวเองดู...
>>287 ในฐานะ fellows introvert รู้ว่ามันฝืนสันดาน
แต่ลองเริ่มคุยกับคนไม่รู้จักให้มากขึ้นหน่อยมั้ย
กุทำงานตัดต่อ แล้วมันต้องมีการขายงาน ช่วงปีแรกๆกูก็เงียบกรับ
สนแต่งานที่ตัวเองทำ ไม่ได้คุยกับ ลูกค้า / ae / agency อะไรเท่าไหร่
ซึ่งมันก็โอเค ทรงๆ
แต่ทำๆงานไปกุเริ่มเรียนรู้ว่าเฮ้ย เราต้องมีปฏิสัมพันธ์กับคนมากขึ้นว่ะ
แล้วงาน / ความหวังดี มันจะวิ่งเข้ามาหาเราเรื่อยๆ กุเริ่มตั้งแต่ ทุก คุยเล่น
กับแม่บ้านประจำห้องตัดต่อ ไปจนถึงลูกค้า MD ที่มาดูงาน double head
(แบบรู้ลิมิทนะ)
หลักจากนั้นงานแม่งทะลัก + มีแต่คนสบายใจจะทำงานด้วยว่ะ
ลองดูมึง
>>288 เหมือนกัน จนบางทีกูนึกว่ากูกลายเป็นพวกสองบุคลิกไปแล้วรึเปล่าวะ เวลาอยู่ที่ทำงานกูจะยิ้มแย้ม คุยเก่ง นายและเพื่อนร่วมงานรักและเอ็นดูทุกคน แต่พอเลิกงานอยู่คนเดียวหน้ากูจะเป็นตูดทันที เพราะแอ๊บมาทั้งวัน 5555 แต่จริงๆ กูว่ามันเป็นเรื่องปกติว่ะ ทุกคนก็คงทำกันทั้งนั้น เพื่องาน เพื่อเงิน กูเคยดูทีวีเค้าบอกว่าไอ้พวกดาราตลกในทีวีน่ะ ส่วนมากเวลาอยู่นอกทีวีหรืออยู่บ้านแม่งเงียบกริ๊บ ขรึม เพราะมันตลกมาทั้งวันแล้ว เหนื่อยแล้ว มันใช่เลยว่ะ แต่คน extrovert จะไม่เป็นนะ หลังเลิกงานก็ยังอยากพบปะผู้คน ยังอยากแฮงค์เอาท์ต่อ กูนี่ขออยู่คนเดียวเงียบๆ เถอะ
จริงๆ กูจะมาถามเรื่องตัวเอง อ่านเพลินเลยตอบเพลินจนลืม...
มึงว่าคำว่า "บุคลิกภาพดี" ใน requirement ของประกาศรับสมัครงาน มันควรจะเป็นยังไงบ้างวะ กูก็อ่านๆ ในเน็ทมาแล้วบ้างนะ ส่วนมากก็ตอบแบบโลกสวยว่าก็ต้องไม่ทำกิริยาอะไรทุเรศๆ ไม่อ้วนไม่ผอมเกินไป แต่งตัวถูกกาลเทศะ สะอาดสะอ้าน แต่กูไม่ค่อยเชื่อว่ะ กูมีความรู้สึกๆ ว่าอันนั้นมันเป็น standard อยู่แล้ว ถ้าไม่มีที่ว่ามาก็สมัครงานห่าอะไรไม่ได้ทั้งนั้นแหละ แต่งานที่เขียนว่าต้องการคน "บุคลิกภาพดี" มันต้องการคนสวย/คนหล่อ แค่เขียนอ้อมๆ เพราะถ้าเขียนว่าสวย/หล่อมันจะ discrimination โดนด่าแน่นอน เพราะเหตุนี้กูเลยไม่เคยมีความมั่นใจที่จะไปสมัครงานที่มีคำนี้อยู่ในประกาศเลย...
>>290
กูว่าสวย/หล่อมันเป็นปัจจัยเสริมว่ะ กูเคยเห็นพวกแอร์สจ๊วต ที่ไม่หล่อ หรือไม่สวย เรียกว่าหน้าตา"โอเค" แต่บุคลิกนี่แบบออร่าแผ่กระจายมาก
ในความคิดกู ถ้าไม่ใช่งานที่ต้องรับลูกค้า เป็น Reception หรือเซลล์ ไม่สวยไม่หล่อก็ไม่ตายว่ะ แต่ควรพูดจาดี ดูน่าเชื่อถือ มีหัวคิด ประมาณนี้
กุว่าคนที่เขาฉลาด เขารู้จักปรุงแต่งบุคลิกภาพตัวเองด้วยมั้ง เพื่อความสำเร็จในการงาน ฯลฯ
>>ถ้าเป็นงานที่มึงอยากทำ มึงให้HRบ.ตัดสินมึง แต่มึงอย่าเพิ่งด่วนตัดสินตัวเองดิว้า = =; ลองถามเพื่อนๆไรงี้ก่อนก็ได้ มาถามในโม่ง ก็ใช่ว่าโม่งจะเคยเห็นหน้าแกซะเมื่อไหร่
ทนกับงานเงินเดือนต่ำ ๆ ไม่ไหว ลองไปเรียนเขียนโปรแกรมไหมพวกนาย
เงินเดือน 30-50k เลยนะ
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.