กลับมาทำงานที่เรารักต่อไปแม่งเอ๊ย
Last posted
Total of 1000 posts
กลับมาทำงานที่เรารักต่อไปแม่งเอ๊ย
กุชอบห้องนี้ก้เพราะงี้ล่ะ เข้ามาแล้วรุ้สึกว่ากุไม่ได้เกลียดงานอยุ่คนเดียว 55555 เพื่อนฝูงกุแลดูแฮปปี้กับงาน บ่นบ้างแต่ไม่คิดอยากลาออกวันละสิบเวลาแบบกุ เล่นซะกุรุ้สึกไม่เอาไหนเลย
บ้านกุมีสวนผลไม้ประมาณสามสิบกว่าไร่ในภาคตะวันออก อนาคตกุกับน้องคงต้องรับช่วงต่อ
กุคลุกคลีกะสวนแต่เด็กบอกเลยว่าเป็นเถ้าแก่สวนเล็ก ๆ นี่เหนื่อยโคตร ต้องทำแม่งทุกอย่าง แถมปัจจัยเสี่ยงที่ควบคุมไม่ได้ก็เยอะมาก
ถ้าระบบเกษตรกรรมบ้านเราดีเหมือนญี่ปุ่นกุคงไม่มานั่งทู่ซี้เป็นมนุษย์เงินเดือนยังงี้หรอก
>>830 ตัดเรื่องขายทำทุนไปได้เลยเพราะกุจะได้แต่สิทธิ์ในการทำกินแต่ไม่ได้กรรมสิทธิ์ครอบครอง สิบไร่แรกเป็นที่ญาติที่ไม่คิดจะทำสวนอยู่แล้วเลยปล่อยให้ครอบครัวกุเช่า อีกสิบไร่เป็นที่รุ่นบรรพบุรุษไม่มีเอกสารสิทธิ์ที่โดนอำเภอเตะถ่วงไม่ยอมออกโฉนดให้จนตอนนี้บางส่วนโดนเคลมเป็นที่หลวง สิบกว่าไร่ที่เหลือชื่อในโฉนดเป็นของฝั่งแม่ที่อนาคตคงจะถูกแบ่งครึ่งให้แม่กุกับน้ากุซึ่งน้ากุที่ตอนนี้เป็นมนุษย์เงินเดือนยังไม่คิดจะทำสวน แล้วถ้าแม่กุยกให้ก็ต้องแบ่งกับน้องอีกที
ในนี้มีใครแบบมีบ้านในเมืองแต่ไม่สบายใจชิบหาย ออกมาอยู่เอง ยอมเช่าหออยู่ก็ยังสบายใจกว่าบ้างไหมวะ? แต่กูสงสัยว่าเวลามาอยู่เองมันจะขาดหายอะไรไปไหมเทียบกับว่ามึงอยู่ในบ้านกับครอบครัวไรงี้อ่ะ
>>832 ขาดคนชวนกินข้าวเย็นแต่ไม่เป็นไรมึงใช้เงินหากินเองได้ ขาดคนดูเรื่องเล็กๆน้อยๆให้แต่ไม่เป็นไรมึงวางแผนได้และลงมือจดรายการที่ต้องทำ จากมุมมองของกูคนที่ไปอยู่คนเดียวแล้วตัดสินใจกลับมาบ้านแต่ตอนนี้กำลังหาทางไปอยู่เองแบบเดิมนะ ตอนแรกก็คิดว่าดีแหละ ได้ใกล้ชิดครอบครัว พอเจอจริงๆก็จะมีแต่เรื่องจุกจิกที่เป็นปัญหาของมุมมองการใช้ชีวิตต่างกันระหว่างวัยน่ะ อย่างกูบางวันหยุดก็จะไม่ทำไรเลย หมกตัวเล่นเกมส์อยู่ในบ้าน ก็จะโดนตะโกนเรียกละ ให้ออกมาข้างนอกบ้างซึ่งก็ไม่รู้จะออกไปทำอะไร หรือบางช่วงกูติดอีเว้นท์หนักหน่อยไม่ค่อยได้ดูแลบ้าน ก็จะโดนเขียนป้ายแปะหน้าบ้านให้กวาดบ้าง หัดปลูกต้นไม้บ้างล่ะ ทางที่ดี อยากใช้ชีวิตของตัวเอง อยากทำตามมุมมองชีวิตตัวเอง อยู่ห่างๆครอบครัวน่ะ ดีที่สุด
>>833 โอเค ขอบคุณมึงมาก รู้สึกชีวิตแม่งมีความฝัน มีเป้าหมายที่กูต้องจดจ่อแต่มันไม่ต่อเนื่องเพราะครอบครัวหว่ะ ซึ่งไม่ใช่ลูกเมียให้ดูแลอะไรทำนองนี้ด้วยไง อยู่ด้วยมาจะสิบปี รู้สึกไม่เจอเหี้ยไรเป็นชิ้นเป็นอัน จนกูตะหงิดใจอย่างนึงว่ากูออกมาซื้อความสบายใจแล้วมันจะจบไหมนี่ดิ
pvdคือไรวะ.....?
ล่อเมียเก่ามางานแต่งงานกูกับเมียใหม่ที่บ่อขยะท่าแร้ง ตอนนี้มันกำลังนั่งเครื่องมาสะใจจริงๆ55555555555555555555555555
มันไม่รู้ว่าที่อยู่บนการ์ดที่ส่งให้มันเป็นที่อยู่ของบ่อขยะ กูบอกว่าให้มันเอาการ์ดให้แท็กซี่ที่สุวรรณภูมิดูเค้าพาไปได้
ปล. การ์ดนั่นกูสั่งทำใบละ20 (x50) คุ้มค่า1037(รวมส่ง) จริงๆแม่เย้ด
ถามพี่โม่งหน่อย มีใครทำงานในกทม. เงินเดือนช่วง15-18Kมั้ย จะถามว่าใช้ชีวิตกันลำบากรึเปล่า ค่าใช้จ่ายครองชีพโอเคมั้ย พอเหลือเก็บใช้etc.มั้ย
งงมาก อิดอก งานก็งานตัวเองไม่ใช่ของกูเลย เสือกเอามาวาง แล้วกูก็มีงานของกูทำป่ะ กูก็มีสิทธิ์ไม่ทำงานให้มั้ยเพราะไม่ใช่ของกู แต่เสือกมาขู่ว่าจะฟ้องหัวหน้า เอาเลยอิดอก ฟ้องไปดิ กูก็ฟ้องกลับค่ะว่างานของมึงแต่มึงไม่ทำเอง มาโยนให้คนอื่นทำให้ อ้างว่าไม่มีเวลาทำ
>>840 พูดยากนะ มาตรฐานคุณภาพชีวิตของแต่ละคนไม่เท่ากัน แต่ถ้าสำหรับกูเรทนี้บอกเลยว่ากูอยู่ไม่ได้ และกูรู้ตัวว่าตัวเองมีสิทธิ์เลือกได้มากกว่านั้น ดังนั้นกูไม่เอา แต่ถ้าตัวเองไม่ค่อยมีทางเลือก มันก็เรียกว่าจำเป็น ลำบากไม่ลำบากก็ต้องเอาไว้ก่อนแล้วมาจัดสรรตัวเองเอา แต่ถ้าถามกู ซัก 25k-30k นี่เรียกว่าพออยู่ได้ เกิน 30k ขึ้นไปก็อาจจะหายใจคล่องหน่อย
>>842 300k ก็โหดเกิ๊น นี่โม่งหรือพันทิป ต้องรายได้แตกปีละ 3.6 ล้านถึงจะพอเลี้ยงครอบครัว (-_-")
>>843 >>845
กูไม่ได้พูดเว่อนะ อะเล่าให้ฟังว่าอย่างสายงานกูอะ(หมอฟัน) เด็กจบใหม่ก็สามารถทำงานได้เงินเดือนประมาณแสนนึงได้เกือบทุกคนอะ พอได้เงินเดือนแสน แรกๆก็จะรู้สึกว่ามันเยอะจริงๆ จะซื้อแบรนด์เนมซื้อของลักชูรี่อะไรก็คงได้ แต่จริงๆก็ไม่ได้ใช้จ่ายคล่องขนาดนั้นว่ะ
ความแตกต่างระหว่างกูกับพนักงานออฟฟิซเงินเดือนสองสามหมื่นมันแค่ระดับฮอนด้าซิตี้กับฮอนด้าซีวิคเท่านั้นเอง แล้วยิ่งถ้าต้องผ่อนบ้านเลี้ยงเมียเลี้ยงลูก เลี้ยงดูพ่อแม่ในระดับที่เลี้ยงได้จริงๆไม่ใช่แค่ให้ค่าขนมพ่อแม่ เงินเก็บต่อเดือนก็แทบไม่เหลือ เงินเดือนสองสามหมื่นมันพอแค่เลี้ยงตัวเองให้อยู่รอดว่ะ แต่ถ้าต้องเลี้ยงครอบครัวด้วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีนี่ไม่พอแน่ๆ ยังไงก็ต้องแสนอัพ
แล้วอย่างที่บอกเงินเดือนแสนได้ซีวิค แต่ออกไปมองตามท้องถนนดิ เบนซ์แม่งเต็มประเทศไปหมด กูเลยประเมินเอาชุ่ยๆว่าแสนนึงอะก็เป็นแค่ชนชั้นกลางค่อนล่างในประเทศนี้เท่านั้นแหละ
ถ้าอยากอยู่อย่างสบายไม่กังวลจริงๆยังไงก็ต้องเพิ่มอีก ส่วนตัวกูเลยพึ่งมารู้สึกว่ามีเงินเก็บเป็นชิ้นเป็นอัน ไม่กังวลเวลามีใครในครอบครัวเจ็บป่วยก็ตอนเงินเดือนประมาณสามแสนนี่แหละ
อิจฉาคนทำงานสายวิทยาศาสตร์สุขภาพจังครับ จบใหม่แสนนึงเลยหรอ โห
เมื่อก่อนดื้อไงกู พ่อแม่บอกให้เรียนหมอไม่เรียน ตอนนี้จบมาทำงานรู้เรื่องเลย เงินเดือนที่ว่าเยอะก็แลกมาด้วยโปรไฟล์ต้องสวยจริงและงานหนัก แต่ก็ยังน้อยกว่าพวกหมอ ความมั่นคงในชีวิตไม่มี สงสารพ่อแม่ สงสารครอบครัวในอนาคตของกู ที่ใช้ชีวิตสุขสบายใช้ของแพงไม่ได้
อีกอย่างกูไม่เข้าใจว่าทั้งที่ทำงานแลกเงินเดือนเหมือนกัน แต่พวกหมอได้รับการยกย่องกันจัง ล่าสุดพ่อกูซื้อของขวัญไปให้หมอที่รพ ทั้งที่ตัวเองก็ไม่มีเงิน กับลูกเมียตัวเองไม่เคยซื้อให้ และหมอหิ้วดิออร์ใบละสองแสน กูละงง
>>849 เออ กูว่าเป็นอาชีพที่ดีอาชีพนึงอะ ถ้าเป็นเด็กไม่ได้มีความฝันความชอบอะไรเป็นพิเศษกุก็จะแนะนำให้เรียนหมอฟันนะ ตอนเรียนเหี้ยมาก แต่จบมาแล้วงานมันไม่หนักมาก ไม่ได้ต้องใช้ความคิดเหนือล้ำกว่าคนอื่น โรคมันตรงไปตรงมาไม่ซับซ้อนเหมือนหมอเวชอะ งานแทบจะเป็น muscle memory หมดแล้ว แถมเงินก็ใช้ได้
เงินที่ได้ก็แล้วแต่งานที่ทำอะ ส่วนใหญ่จะได้ครึ่งนึงจากราคาเต็ม
งานเบๆอย่างขูดหินปูน ทำเสร็จในสิบห้านาทีก็ได้ 1000/2=500บาทละ วันนึงได้หลักหมื่น เดือนนึงได้หลักแสนก็ไม่แปลกอะไร
แถมแม้แต่วันนี้ที่กูแทบไม่มีคนไข้เลย นั่งเล่นเน็ตเรื่อยเปื่อย ก็ยังได้เงินวันละสี่พันเป็นค่านั่งเฝ้าคลีนิกเฉยๆอีก
ข้อเสียก็คือเงินได้มาก็เอาไปกายภาพต่อ คอบ่าไหล่เจ๊งเร็วเพราะต้องก้มหน้าก้มหลังทำงาน
>>840 กูเอง และเรื่องแบบนี้มึงไปถาม ผจก. ร้านอาหารในห้างสรรพสินค้าดูเอาก็ได้ รายได้ราวๆนี้แหละนะ คือถ้าตกงานแล้วโควิดสามปีก็เตรียมตัวไปนอนสนามหลวงได้เลย ตามนี้แหละ แต่ถ้าใช้ชีวิตคนเดียวก็สบายๆหน่อย เอาง่ายๆว่าปากกัดตีนถีบมากโม่ง ยิ่งชานเมืองนะ แบบติดกับปริมณฑลเลยนี่คือไม่มีใครเจอเงินเดือนเกินหมื่น แบบว่าตรงนั้นถ้าอยากได้เงินเพิ่ม ไม่ถูกหวยก็ตั้งวงแชร์แล้วโกงกันอ่ะ หรือหาสมบัติเก่าจากญาติมาทำเงินให้ได้แบบมอไซค์ ที่ดิน ไรประมาณนี้
อยากให้ที่ทำงานมีห้องงีบว่ะ บางทีง่วงๆกาแฟไม่ช่วยอะไรเลย แต่แอบไปแวะงีบแปปๆสดชื่นกว่าเยอะ
>>856 มึงอยู่กับครอบครัวแล้วช่วยกันทำมาหากินไหมวะ? ถ้าใช่กูว่ารายได้ต่ำกว่าหมื่นก็อยู่ได้ มีเก็บ แต่ของกูนี่ครอบครัวเหี้ย มีต้นทุนคล้ายๆมึงแต่ก็ไม่ช่วยให้ชีวิตมั่นคงหีแตดไรเลย รายได้12000ตัดค่าห้องกับน้ำ-ไฟไปก็คือเอาไปลงทุนห่าไรไม่ขึ้นด้วยซ้ำ ลงค่ากับข้าวไปเหลือไม่ถึง5พัน
ขอบคุณพี่โม่งทุกคนที่มาแนะแนวมาก เห็นพี่โม่งหมอแล้วอยากย้อนเวลาไปเรียนเลย นี่เรียนสายสังคมงานหายากมาก งานที่เงินดีๆ อ่ะ ส่วนมากเจอแต่เรทที่มาถามนี่แหละ ถึงบ้านจะบอกว่าอย่าไปคิดมาก(พ่อแม่เลี้ยงตัวเองได้ ให้เอาเงินมาเลี้ยงตัวเองอย่างเดียวพอ) แต่ทางนี้ก็คิดว่าถึงเลี้ยงตัวเองคนเดียวมันก็ยังดูไม่น่าพออยู่ดี คิดละหนักใจ โปรไฟล์ก็ไม่เริ่ดจะไปเรียกเงินสูงๆ คงจะโดนบอปัดตก
เรื่องเงินจะพอมั้ยนี่ใน กทม. กูว่าย่านที่ทำงานหรือย่านที่พักนี่ก็มีผลมากพอตัวเลยนะ
กูเหมือนซวย งานแรกสุดเลยที่ทำไปอยู่แถวพร้อมพงศ์ แถมด้วยความขี้เกียจเดินทางเลยดันเลือกไปอยู่หอแถวทองหล่ออีก
ซึ่งเป็นโซนที่ค่าครองชีพแพงมาก หอพักเก่าๆโทรมๆแถมอยู่ในซอยค่อนข้างลึก ไม่มีตู้เย็น เจอค่าเช่าไปเดือนละ 6500 ซึ่งสำหรับตอนนั้นถือว่าแพงสัส
พวกอาหารถ้าอยากประหยัดก็ต้องกินร้านข้างทาง ซึ่งอาหารจานเดียวราคาแพงกว่าร้านใน ม. มา 10-15 บาท แล้วให้น้อยมาก รสชาติก็หมาไม่แดก
มีช่วงนึงอยากประหยัดเงินเลยไปกินร้านๆนึงที่ราคากว่าร้านอื่น แต่เจอข้าวหุงแบบใส่น้ำเยอะให้มันพอง กับข้าวคือแทบไม่มีเนื้อกับผัก เน้นน้ำราดเค็มๆ
ทนกินไปได้ 2 อาทิตย์ก็รู้สึกว่าแม่งไม่ไหว แถมกินอะไรแบบนี้ไปนานๆอาจจะได้เจอค่าหมอแพงกว่าค่าข้าวอีกเลยเลิกไป
งานที่ 2 นี่ดีหน่อย ออฟฟิซแทบจะติดกับมหาลัยเลย กลางวันก็กินโรงอาหารมหาลัยนี่แหละ
เค้าเน้นขายเด็ก ของกินก็จะราคาไม่แพง แต่พอได้เนื้อได้หนัง และรสชาติก็ไม่ได้แย่อะไร
ตอนนั้นมีคอนโดแล้ว เลยไม่ได้ไปหาหอพัก แต่คิดว่าหอพักโซนมหาลัยน่าจะพอหาที่ราคาถูกๆและคุณภาพพอโอเคได้ง่ายกว่า
พูดถึงเรื่องรายได้คนในกรุงเทพ กูดูข่าวเย็นนี้เค้ามีไปสัมภาษณ์กู้ภัยเพราะเรื่องกู้ภัยตีกันที่เป็นข่าว
เค้าบอกว่าเวลาเอาคนเจ็บไปส่งโรงบาลเอกชนนี่เค้าให้เงินกับกู้ภัยด้วย โดยประมาณถ้าคนไข้นอกได้ 1000 กว่า คนไข้ใน 2000 กว่า
เดือนนึงรายได้ถึงแสนได้ไม่ยาก มันเลยทำให้เรื่องพื้นที่ทำงานทับซ้อนกันเป็นประเด็นใหญ่
ทำให้กูเริ่มรู้สึกว่าจริงๆคน กทม. รายได้เดือนละแสนอาจจะไม่ได้มีน้อยอย่างที่คิดกันหรอก โดยเฉพาะนับรวมอะไรที่มันไม่ได้เป็นทางการ
บริษัทกูแม่งบ้าเพอฟอร์มมานส์มากๆ อัดKPIเข้าพนักงานเยอะๆ ยัดการอบรมเข้าทุกเดือน ประชุมทุกวัน แล้วแม่งยังจะคาดหวังให้กูมีเวลาคิดอะไรเพื่อ Improve process งานอีกหรอวะ แค่ Handle ทุกสิ่งอย่างที่ยัดมาให้ก็แทบจะยกคอมกลับไปทำต่อที่บ้านจนดึกทุกวันอยู่ละ
ถ้าพวกมึงเจอนายจ้างเอาเปรียบงานแล้วรายได้แม่งก็ไม่ตรงปกด้วย ระหว่างประจานตามเว็บบอร์ดหรือในกลุ่มโซเชี่ยลกับฟ้องศาลแรงงาน อันไหนมีประโยชน์กว่ากันวะ .... โม่งบนๆเคยบอก กม.แรงงานมีช่องโหว่มาก ลูกจ้างฟ้องไปก็แพ้ แล้วเป็นลูกอีช่างฟ้องยังเสี่ยงเจอแบล๊กลิสต์ส่งไปหาHRทุกๆบ.อีกว่าคนๆนี้ชอบเรียกศาลแรงงานไปคุยบ่อยๆ แบบนี้คือไปหากลุ่มประจาน บ. เหี้ยๆไม่ดีกว่าเหรอ?
จากใจที่บ้านกูพ่อแม่เป็นหมอ ถามว่ารายได้ดีไหมก็ดีมากจริงๆ แต่ถ้าถามว่างานหนักไหม ขอบอกเลยว่า มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
จะเป็นหมอก็เป็นได้ล่ะ แต่อยากให้รู้ไว้ว่าไม่ใช่หมอทุกคนจะทำงานสบายอ่ะ คือเงินเดือนเยอะก็แลกกับมาการทำงานหามรุ่งเหมือนกัน แต่ข้อดีนอกจากเงินเยอะก็จะเป็นที่เคารพชื่นชมจากคนไข้อยู่ แต่ปัจจุบันหมอเองก็มีอัตราเสี่ยงโดนฟ้องร้องกันง่าย
กูว่าไม่มีงานไหนในโลกที่สบายหรอก เว้นพวกเกาะภาษีแดรกกูจัดไว้อีกประเภทไป
อยากลาออกจังว่ะ แต่เพิ่งทำงานใหม่ได้เดือนกว่าหลังว่างงานมา3เดือน เงินเก็บก็ไม่มี แล้วก็ไม่มีจะให้เก็บหรอก เพราะหักค่ากินค่าอยู่ แม่งก็พอตัวจนเกือบไม่พอ ไม่อยากขอแม่แล้ว น้องก็ยังเรียนปีสุดท้าย พี่แม่งก็ยังลุ่มๆดอนๆ (แต่อย่างน้อยมันเป็นข้าราชการละ ก็ดูจะมั่นคงกว่ากูที่เป็นสายโรงงานอยู่) จะไปสายราชการ ก็ได้แต่รอสอบ ละอีกพ.ปี65 (ปี64สมัครไม่ทัน) ไม่รู้ว่าชาติไหนจะเปิดรับสมัคร จะให้ญาติช่วยวิ่งหางานอบต.อะไรทำนองนั้นให้ก็ไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณ แต่หาสอบงานราชการก็ไม่ค่อยจะมีเปิดเลยแม่ง ไม่อยากทำสายเอกชน/โรงงานแล้ว ค้นพบแล้วว่าตัวเองแม่งไม่ชอบงานด้านนี้ ไกลบ้านด้วย อยากกลับไปอยู่ใกล้บ้าน ใกล้ครอบครัว จะลาออกไปทำขนมขายก็ติดที่ไม่มีทุนไม่มีที่ เบื่อว่ะ ล้มเหลวชิบหายเลยชีวิตกู พื้นฐานทางบ้านก็พยายามซัพกูมาดีตลอด ถึงจะไม่ยอมให้กูเรียนสายที่อยากเรียนก็เถอะ แต่สุดท้ายกูมันไม่เอาไหนเองแหละ เลยต้องมาทำงานงกๆ ทนฟังคำด่าคำว่า ได้แต่มาร้องไห้ที่ห้องคนเดียวทุกวัน เหนื่อยเหี้ยๆ
>>865 กูว่าประจานคงง่ายกว่าหว่ะ ว่าก็ว่านะ ปล่อยมาสักระยะแล้วค่อยประจานไปแค่นั้นเลย ถ้า บ. ที่เลย์ออฟคนงานสูง จับมือดมยากมาก เว้นแต่ว่าไปทำงานในวงการแคบๆ คนทำสายงานนี้ได้น้อย ฝีมืองานบ่งบอกตัวคนทำ ใครออกตัวไรรู้ทั้งบาง อันนี้อ่ะรู้ตัวคนประจาน....แต่เชื่อเหอะ ถ้าไม่เปิดตัวตน ตามยากโคตร เอาง่ายๆ ร้านสะดวกซื้อชื่อดังๆมีกี่แห่ง คนนึงออกมาประจานว่าเป็นสาขาแบบแฟรนไชนส์หรือ บ.ตั้งเองมันเหี้ยแบบนั้นดีแบบนี้ ถ้าไม่เปิดเผยตัวมันจะรู้เหรอว่าใครทำ
กูถามพวกมึง เจอหนังสือที่วนกลับมาอีกรอบ ศิลปะการอยู่ร่วมกับคนเฮงซวย ......มีใครอ่านบ้างหรือยังวะ? พอเริ่มมาทำงานจริงๆจังๆ แต่กูไม่อยากเสียเงินเอามารกบ้านเพราะมันไม่น่าอ่านอ่ะ โม่งในนี้ถ้าเคยอ่านมาก่อนมันเป็นไงวะ? บางคำแนะนำกูกลัวมันบ้ง แล้วคนเขียนแม่งสื่ออะไรบ้งๆมาจนเยอะเกินไม่น่าอ่านแบบ12 rules for lifeไรงี้อ่ะ รู้สึกรอบตัวกูคือแม่งยิ่งทำงาน ยิ่งได้เจอคนหลายแบบหว่ะ 5555+
>>871 ว่าจะทักเหมือนกันว่าเท่าที่ได้ยินมาศาลแรงงานเค้าเข้าข้างลูกจ้างกันนะ
เคสให้รายได้ไม่ตรงกับที่คุยกันไว้นี่อาจจะต้องดูด้วยว่ามีหลักฐานพอมั้ย
ส่วนเคสที่เพื่อนกูโดนกันหลายคนคือลาออกแล้ว บ. ไม่ยอมจ่ายเงินเดือนเดือนสุดท้าย
ซึ่งไม่ต้องขึ้นศาลหรอก แค่ไปยื่นฟ้องปุ๊ปก็ได้เงินเลย เหมือน บ. แม่งกะฟลุ๊คเจอคนขี้เกียจไปฟ้อง
เพิ่งยื่นภาษีไปเมื่อต้นเดือน ก่อนหมดเขตออนไลน์ โดนออกจากงานปีที่แล้ว ได้เงินชดเชยมาก้อน ตอนกรอกภาษี ใส่ตัวเลขรายได้นี้เข้าไปด้วย แทบช็อค ต้องจ่ายเพิ่มอีกหกหมื่น ตั้งสติหาข้อมูล เออ เงินชดเชยออกจากงานมันมีช่องกรอกยกเว้นนี่หว่า โล่งอก หายไปเกินครึ่ง พอต้องจ่ายภาษีเพิ่ม ไม่ร้องขอเอกสารใดๆเลยหว่ะ
>>871 แบล๊กลิสต์คนทำงานมันมีจริงๆ แล้วต่อให้ไม่รู้จักกันมันต้องมีฐานข้อมูลที่แชร์กันได้บ้างอ่ะ เห็นอดีตสมาชิกสหภาพแรงงานออกมาเปิดเผยเยอะแยะว่าเคยตั้งโต๊ะแถลงเรื่องนั่นนี่ในโรงงานที่ไม่เป็นธรรม สุดท้ายพอไปหางานใหม่เขาไม่รับ หรือพวกลูกอีช่างฟ้อง หมายเลขคดีแปะลงศาลโต้งๆ ใครรู้หมายเลขก็ค้นเจอชื่อโจทก์ จำเลย มีเหรอที่HRจะไปเอาข้อมูลไปให้Lawfirmหรือฝ่ายกฎหมายสืบให้?
>>869 กู 867 นะ แต๊งกิ้วมากมึง กูหาหลายรอบละไม่เจอว่ากำหนดการกพ.ปี65มันเมื่อไหร่ก็เลยเซ็งๆ ก็กะว่าจะหาสอบทั้งข้าราชการทั้งพนักงานในจังหวัดที่บ้านกะใกล้ๆบ้านไปเรื่อยแหละ คงต้องสู้กะเด็กเส้นวนไป ตอนนี้อยู่ไกลบ้าน กำลังคิดอยู่ว่าจะลาออกละกลับไปหางานแถวบ้านทำกันว่างเก็บเป็นค่าสอบละค่อยลุยสอบไป รึจะยังทำที่ปจบ.ต่อไปก่อนดี แต่ติดที่มันไกลบ้าน ถ้าจะเทียวสอบไปๆมาๆก็เหนื่อย ละต้องลางานอีก คงไม่ดีเท่าไหร่
>>864 กูมั้งที่พูดถึงบนๆ แต่กูไม่ได้หมายความว่ากฎหมายมีช่องโหว่นะ กฎหมายมันเข้าข้างลูกจ้างเต็มๆ เลยแหละ
แต่บริษัทมันไม่ล้ำเส้นไง ดูแย่แต่ไม่ผิดกฎหมายแน่นอน ที่ทำไปมันมั่นใจว่าทำแบบนี้ชนะแน่ถึงได้กล้าทำ แถมเผลอๆ เพื่อนในบริษัทยังยุให้เมิงไปฟ้องทั้งๆ ที่รู้ว่าฟ้องไปก็ไม่ชนะด้วย หลอกให้เมิงรับข้อเสนอเหี้ยๆที่เหมือนจะได้ผลประโยชน์ พอเมิงรับไปแล้วถึงได้รู้ว่าไม่ได้นั่นแหละ แล้วก็มายุให้เอาๆ ไปก่อนแล้วฟ้องทีหลัง ฟ้องไปดิ สุดท้ายก็แพ้
เห็นด้วยว่าเคสพวกนี้ฟ้องไปก็เสียเวลา(เว้นเคสที่ลูกจ้างทำถูกจริงๆ) เอาไปโพสประจานในพันทิพดีกว่า 5555
>>869 กู 867 นะ แต๊งกิ้วมากมึง ก็กะว่าจะสอบดะมันไปเรื่อยอะ เน้นสอบในจังหวัดที่บ้าน/ใกล้บ้าน จะได้เดินทางง่ายหน่อย ตอนนี้คิดไม่ตกอยู่ว่าจะลาออกกลับไปบ้านหางานก๊อกแก๊กแถวบ้านทำไปกันว่าง/ทำขนมขายเป็นค่าสอบ รึจะอยู่ที่ปจบ.ต่อจนกว่าจะสอบได้ แต่ตอนนี้อยู่ไกลบ้าน ต้องเทียวไปเทียวมาก็เหนื่อยอีก ละที่ทำงานคงไม่โอเคถ้าลสบ่อย จะเก็บเงินไว้เป็นทุนสอบซักก้อน ก็ติดที่ค่าใช้จ่ายรัดตัวอีก ตอนนี้ก็พยายามกินประหยัดๆอยู่ ละก็อาจจะย้ายหอ เพราะหอที่อยู่ตอนนี้ถึงจะดีมากๆแต่ราคาก็แพงไป คงไม่ไหว แต่ใจจริงๆคือไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้วแหละ แต่ก็ยังไม่กล้าลาออก อย่างน้อยก็อยากได้งานแถวบ้านก่อน ไม่ว่าจะเอกชนรึราชการก็เถอะ อยากกลับไปแถวบ้านให้ได้ก่อน ที่เหลือค่อยว่ากัน
ต่อรองเงินเดือนกับ hr ที่ใหม่ยังไงดีวะ ฐานเงินเดือนเก่ากูต่ำกว่ารุ่นพี่ แต่ประสบการณ์ในสายงานนี้พอๆกัน เข้าไปก็ทำตำแหน่งเดียวกัน ตำแหน่งนี้ในบ.ก็ไม่น่าจะมีใครได้ต่ำเท่ากูแล้ว แต่เราเข้าไปก็ต้องรับผิดชอบงานพอๆกัน แต่เงินห่างกันเกินครึ่งหมื่นเลยอะ
>>880 ไอ้เรื่องไม่ล้ำเส้นมันใช้ได้กรณีบริษัทใหญ่มีทีมกฏหมายน่ะ ถ้าเป็นพวก HR ใหม่ หรือบริษัทมีไม่กี่คนก็ผิดประจำแหละ
ตัวอย่าง ประเภทบังคับให้ใช้พักร้อนให้หมด ถ้าไม่หมดจะตัดไปเลย อันนี้พลาดกันบ่อยสุดล่ะ ซึ่งตาม กม.แรงงานแล้ว หักไม่ได้ ถ้าจะตัดทิ้งต้องจ่ายค่าแรงตามวันที่ไม่ได้ลา หรือกรณีโอทีบอกต้องเบิกหลังกี่โมงอะไรแบบนี้ อันนี้ฟ้องก็ได้นะผิดเต็มๆ อีกนั่นแหละซึ่งบ่อยมาก โดยเฉพาะบริษัทคนไทย
รู้สึกหมด Passion ในการทำงานว่ะจะว่าหมดไฟด้วยก็ไกล้เคียง เร่งๆ ทำอย่างเต็มที่มาสุดท้ายแล้วแก้แล้วแก้อีก โดนโทรมากวนตลอดดักหัววันท้ายวันเรื่องอื่นทั้งนั้น บางวันเครียสจนปวดหัวข้างเดียว
ตอนนี้แต่กูไม่รู้สึกอยากปั่นเลยว่ะทำไงดีวะ ความเร็วในการทำงานหลักตกฮวบๆ เหม่อโน่นนี่นั่น แต่พอทำงานอื่นที่ไม่ใช่งานหลักนะกูรู้สึกระตือรือร้นมาก ทำแป๊ปเดียวเสร็จ แต่งานตัวกูเองไม่เลยยิ่งทำยิ่งช้า
งานเเจกใบปลิวตามห้างเขายังมีเปิดรับกันอยู่ปะ กูอยากเอาตัวเองออกจากที่บ้าๆนี่
สัมภาษณ์รอบ 2 เป็นอย่างไรบ้าง ถามเหมือนรอบแรกไหม
รอบแรก online แต่มารอบนี้ f2f เลย
เคยสัมแต่รอบเดียวแล้วได้ ไม่เคยมีรอบ 2 มาก่อน
อยากถามโม่งทำงาน พวกมึงเคยพรีเซ้นงานละเจอจุดที่ผิดกลางคันมั้ย แบบ พรีๆอยู่แล้วเพิ่งเห็นว่ามันมีข้อมูลผิด
อยากรู้ว่าแก้ปัญหาเฉพาะหน้ากันยังไง พูดกับลูกค้ายังไง
กุเหนคนชอบขู่ว่าฟรีแลนซ์ไปเที่ยวเมืองนอกสเตทเมนต์ต้องแน่นมากๆ เขาจะได้มั่นใจว่าเราไม่หนี แน่นที่ว่านี่ขนาดไหนวะ สมมติไปยุโรปละกัน เงินเก็บ 500k เงินรายเดือน25k-30k เข้าสม่ำเสมอพอมั้ย หรือต้องล้านบวกวะ กุมีเงินฝากแยกอยุ่หลายบช. แต่เงินจากงานนี่มันก้ราวๆ นี้อยุ่ดี
มีใครทำงานแถวสีลมแล้วอยู่หอพักบ้างมั้ย ควรหาแถวไหนที่มันไม่แพงเกินไปวะ กูไม่ใช่คนแถวนี้อ่ะ เอาตามแนวรถไฟฟ้าถัดออกมาหน่อยก็ได้
>>899 แนวรถไฟฟ้ามึงต้องข้ามฝั่งสะพานตากสินไปโซนวงเวียนใหญ่ แล้วไล่หากระเถิบไปเรื่อยๆ เอา พวกหอพักกับคอนโดโซนนี้มีใหม่ๆ เยอะ แต่แนะนำว่าคำนวนระยะทางกับค่า BTS หน่อยก็ดี
อีกที่ก็ให้ลองดูตามโซน BRT ไล่ตั้งแต่ช่องนนทรี ย้อนมาเอาเป็นว่าหาเอาระยะไม่เกินบล็อกถนนจันทร์ มันจะมีหอพักราคาถูกตามซอยอยู่ แล้วระยะมอไซน์ตอนเช้า กรณีตื่นสาย มันไม่ไกลมาก ตอนเลิกงานจะประหยัดเดินกลับเอาก็ได้
กูจำไม่ได้ว่ากระทู้ไหนในห้องนี้ที่มีโม่งโรงงานอยากสอบราชการ กพ.เปิดรับสมัครแล้วนะมึง รีบไปสมัครนะ จำนวนที่นั่งจำกัด
ปกติ เราดูยังไงว่าคนไหนเป็นมืออาชีพตัวจริงวะ ถ้าคุยงานแค่ผ่านออนไลน์
แบบ ผลงานเก่าก็พอเหรอ วิธีคุย หรืว่ายังไง ถามในกรณีทั่วๆ ไป ที่แบบกูติดต่องานแล้วกูอยากรู้
เจองานที่ท้าทายลงเมื่อทำแล้วเครียด มองไม่เห็นทางออกของปัญหา ทีมงานถอดใจกันหมด
ผิดซ้ำผิดซาก เรียนรู้ช้า กูจะผ่านโปรไหมเนี่ย ว้อยยยยย
ถ้าไม่ตรวจสุขภาพประจำปีจะเป็นไรมั้ยวะ กุลืมอะ hrก็ไม่ทักเลย
>>908 ก็คงแล้วแต่บ. ตามที่ 909 บอก แต่ปกติมันเป็นสวัสดิการไม่ใช่เหรอ ถ้ามึงไม่ตรวจก็เหมือนมึงสละสิทธิ์ในการใช้สวัสดิการตรวจสุขภาพฟรีประจำปีไป ว่าแต่งานยุ่งขนาดลืมเลยเหรอวะ มันเป็นอีเวนต์ที่กูจะไม่มีวันพลาดเด็ดขาด 555 เพราะได้อู้งานครึ่งวัน (ของกูเค้าให้ไปตรวจวันทำงานครึ่งเช้าได้เลย ไม่ต้องลา) ไปอยู่ในโรงพยาบาลชิลๆ สบายๆ แถมได้คูปองไว้แลก starbucks ได้อีก 555
>>908 อาจจะโดนเตะออกจากประกันสุขภาพแบบกลุ่ม แบบพวกค่าทำฟันอาจเบิกไม่ได้อะไรแบบนี้ แต่ขึ้นอยู่กับบริษัทด้วยถ้าบริษัทไม่มีประกันก็ไม่มีอยู่ดีมั้ง
แต่ยังไงก็เถอะถ้ามึงพึ่งทำงานใหม่ๆ เลข 2 ต้นๆ คงไม่จำเป็นเท่าไหร่ แต่ถ้าอายุย่างเข้าเลข 3 ถ้าไม่ทันตรวจบริษัท ว่างๆ ก็ไปเสียตังค์ตรวจเองเถอะ หมอจะได้ด่าพวกพฤติกรรมกินที่ไม่เหมาะสมบ้าง
ของกูนี่มาตรวจถึงบ. เเต่รู้สึกตรวจไม่ตรง คือปีก่อนบอกมีค่าไตปกติ ปีนี้ค่าไตสูง กูเลยไปตรวจกับเอกชนใกล้บ้านดู ค่าไตออกมาปกติ เเต่เจอคอมเม้นอย่างอื่นเเทน เช่น ดัชนีมวลกายน้อย
กูเลยชักงงๆว่ามันขึ้นอยู่กับคนตรวจหรือรพ.ที่ตรวจด้วยป่าววะนี่
อาทิตย์หน้าจะเริ่มงานแรกแล้ว ตื่นเต้นชิบเลย มีคำแนะนำให้โม่งจบใหม่ไหมครับ แบบกลัวปรับตัวเข้ากับชีวิต/สังคมวัยทำงานไม่ได้มากเลย
>>914 ตอนกูทำงานที่แรก (ถ้าใครอยู่ในแวดวงจะรู้ว่าบ.กูรับแต่เด็กจบใหม่) แทบไม่ต้องปรับตัวอะไรเลยอะ อารมณ์คล้ายๆ เหมือนไปเป็นเด็กเฟรชชี่อีกรอบ เพื่อนรุ่นเดียวกันเยอะมาก รุ่นพี่ก็เหมือนรุ่นพี่ที่มหาลัย ห่างกันไม่กี่ปี เจ้านายที่อายุมากหน่อยก็เหมือนอาจารย์ สังคมก็ดีมาก แค่เรียนรู้งานตามที่รุ่นพี่สอน ทำงานตามสั่งไป ตัดภาพมาที่เพื่อนกูซึ่งไปทำบริษัทเล็กๆ มีแต่ผู้ใหญ่ ไม่มีเพื่อนรุ่นเดียวกัน เจ้านายแก่คราวพ่อ รุ่นพี่ที่เด็กสุดยังแก่กว่า 8-10 ปี มันบอก culture shock หนักมาก
แต่กูเข้าใจฟีลนะ เป็นเด็กจบใหม่ยังไม่เคยทำงาน มันก็มักจะกลัวและกังวลเป็นธรรมดา แต่พอเป็นผู้ใหญ่แล้วรู้เลยว่าตอนเป็นเด็กจบใหม่นี่สบายสุดแล้ว ที่ทำงานไม่ได้คาดหวังอะไรกับเรามากมายเลยนอกจากให้เราไม่อู้ ขาด ลา มาสาย และตั้งใจเรียนรู้งานแค่นั้น พอโตๆ มานี่แหละแบกความคาดหวัง ความกดดัน ไหนจะ kpi โดนบีบให้ครีเอทโปรเจกต์โน่นนี่นั่น ไหนจะต้องดูแลแก้ปัญหาลูกน้อง ไหนจะต้องสนองเบื้องบน middle management นี่แม่งอยู่ตรงกลางของแซนด์วิชชัดๆ รับแรงบีบอัดจากทั้งบนและล่าง
คิดแล้วนึกถึงสมัยเป็นเด็กจบใหม่ใสๆ กิ๊งๆ สบายที่สุดแล้ว เพราะงั้นอย่าไปเครียด โตมาค่อยเครียด เดี๋ยวมีเรื่องให้เครียดอีกเยอะ 555
>>914 ทำอะเคย แต่สังคมแต่ละที่มันไม่เหมือนกันเลย ฝึกงานจริงจังก็โดนแคนเซิลเพราะโควิด มีแต่ wfh ซึ่งมันคนละฟีลกับเข้าออฟฟิศน่ะ แล้วแบบบางทีก็กังวลว่ามันจะเป็นไงวะ เลยแอบกลัวหน่อยๆ แถมที่บ้าน/ญาติบางคนอยากให้เรียนโทก่อนด้วย ซึ่งส่วนตัวรู้สึกว่ายังไม่รู้จะเรียนอะไรเลย ไม่อยากสักแต่จะเรียนเอาใบ อยากลองทำงานดูก่อน
แต่รู้ตัวแหละว่าไม่ต้องคิดมากขนาดนั้น เค้าน่าจะเข้าใจว่าเพิ่งจบใหม่ ก็คงค่อยๆเรียนรู้ไปตามประสา แค่บางทีเคว้งคว้างไปตามประสา
เรียกเงินเยอะๆ สำหรับงานแรก
รู้สึกแย่ที่ตัวเองไม่เก่งจังวะ คุยกับใครก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง(คุยเป็นอิ้ง) ปล่อยไก่ตลอดทุกๆวัน จนรู้สึกว่าบางคนไม่อยากคุยกับกูแล้วอ่ะ โดนเกลียดแล้วแน่เลย
เสาร์ทำงาน ชดเชยที่ต้องหยุดวันแรงงานสินะๆๆๆ
>>925 แย่เนอะ กุไม่เข้าใจว่าบริษัทจะสนใจฐานเงินเดือนเก่าทำไม ทำไมไม่เอาฐานของตัวเองเป็นที่ตั้งวะ สมมติกุทำงานที่แรกได้เงินน้อย แต่จะไปสมัครใหม่ที่ฐานเงินเดือนเยอะขึ้นมา ก็จะไม่เข้าเกณฑ์อ่ะดิ เพราะเงินเดือนที่เก่าไม่สูงเท่าฐานเงอนเดือนที่ใหม่
เคยมี headhunter โทรหากุตอนกุได้ 22,000 บอกให้กุได้ไม่เกิน 27,000 เพราะฐานเงินเดือนเก่ากูน้อย คือเกี่ยวไรวะ แล้วงานใหม่ไม่มี range หรอ ถ้ากุเข้าไปทำตำแหน่งเดียวกับพนักงานเค้า แต่กุฐานต่ำก็จะให้เงินกุน้อยกว่าทั้งๆที่งานเท่ากัน level เท่ากันเนี่ยนะ ประสาท
เว็บหางานนี่เเม่งเอาเเน่เอานอนไม่ได้จริงๆหวะหน้าเว็บบอกตําเเหน่งนี้ปิดรับเเล้วพอหาเบอร์บ.ได้ตรงๆเลยลองโทรไปถามตําเเหน่งนี้ยังรับอยู่มั้ยตําเเหน่งดันว่างเฉยไม่เหมือนที่เว็บบอกเลย
เป็นวันศุกร์ที่ไม่สุขเลย เฮ้อ เบื่อว่ะ ;_;
>>926 หวังจ้างถูกเข้าว่านะนั่น มันไม่เกี่ยวกันเลยจริงๆอ่ะ ..... นี่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่กูแบบอยากเก็บประสบการณ์งานสักทักษะแล้วย้ายไปหางาน ตปท. แบบที่มีvisa sponsorshipไปเลย เห็นที่ๆแบบมี ปสก. มา1-2ปี รายได้10000 เหรียญ หรือเอาแบบระดับกลางๆปาไปห้าหมื่นเหรียญ ตีเป็นเงินไทยนี่โคตรกล้าผ่อนบ้าน รถ เก็บออมหุ้นไว้ซื้อสัญชาติใหม่ชิบหายเลย
อยากถามประสบการณ์ เอาที่เคยเห็นจากคนรู้จักหรือรุ่นพี่ที่ทำงานก็ได้นะ มันเป็นไปได้มั้ยที่เราจะเป็นพนักงานบ.เอกชน(ญี่ปุ่น)ไปจนเกษียณ โดยเป็นแค่พนักงานธรรมดาๆ ไม่ได้เป็นผู้จัดการ เป็นผู้บริหาร อ่านในเน็ตเจอแต่บอกว่าเอกชนจะบีบออก มีแต่ราชการที่จ้างยันเกษียณ ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่ทุกคนจะขึ้นไปเป็นผู้จัดการได้ ในเมื่อคนที่อยู่ในตำแหน่งนี้มันน้อยกว่าคนปฏิบัติการ และไม่ใช่ทุกคนจะมีศักยภาพพอ เลยอยากรู้ว่ามันพอจะมีจริงมั้ย บ.เอกชนที่ไม่บีบออก ยอมจ้างคนที่เป็นพนักงานไปจนเกษียณ หากเจ้าตัวพอใจกับตำแหน่งและเงินเดือนเท่านั้น ไม่ได้เรียกร้องต้องการอะไร
สุขสันต์วันแรงงานชาวโม่ง
วันนี้ทำงานกันมั้ย หรือหยุด แต่อากาศดีชะมัด
>>937 >>945 อ่ะๆ กุแชร์ให้ เป็นไปได้ กุเคยเจอป้าในที่ทำงานเก่าคนนึง50+ ดูงานด้านนำเข้า เป็นพนักงานโอเปอเรชั่นทั่วไป ในลายเซ็นอีเมลตน.คือซีเนียร์หรือซุปนี่ล่ะ กุไม่รู้เงินเดือนแกเท่าไหร่แต่ ผจก.แกอ่ะได้สี่หมื่น กุเลยเดาว่าแกที่เป็นลูกน้องไม่น่าได้เกินระดับนั้น (แต่กุเคยทำยุ่นมาแค่บ.เดียวนะ อาจเอามาเป็นมาตรฐานไม่ได้)
>>948 ขอบใจมากเลย ความใฝ่ฝันกูเลยเนี่ย หยุดอยู่แค่ซุปพอ ทำงานตามหน้าที่ไปเรื่อยๆ กูค่อนข้างมั่นใจในสกิลการทำงานตัวเองนะ แต่ปัญหาคือเงินเดือนกูเนี่ย เอาไปจ้างเด็กใหม่ๆ เอ๊าะๆ น่าจะจ้างได้ซัก 2-3 คนเลย ซึ่งถึงเข้ามาทำงานไม่เป็นมันก็สอนกันได้ กูเลยกลัวโดนบีบออกตอนแก่มาก ส่วนสาย management นี่ไปไม่ไหวจริงๆ ไม่ถนัดด้วย ไม่ชอบด้วย ตอนนี้ก็พยายามวางแผนสำรองว่าถ้าโดนบีบออกตอนแก่จะไปทำมาหาแดกอะไรดี
>>949 กุว่าเงินเดือนป้าเขาน้อยด้วยแหละถึงได้อยู่ยาว แต่ถ้าของมึงขนาดจ้างเด็กได้2-3คนมันก็อาจจะสุ่มเสี่ยงป่ะวะ สมมติเขาจ้างซุปเอ๊าะๆ ที่เงินเดือนน้อยกว่ามึงแต่ประสิทธิภาพสัก 80% มันก้ถูไถอยุ่นา หยอกๆ555
เอาใจช่วยนะ ค่อยๆ คิดไป เวลานั้นอาจจะไม่ได้แย่จริงๆ เจ้านายอาจจะเห็นค่ามึงกว่าที่คิด หรือไม่โอกาสอื่นๆ มันก็อาจจะเข้ามา
จะเลิกงานแล้ว เดินทางกลับบ้านปลอดภัยนะชาวโม่ง
>>950 ไม่หยอกหรอกแก นั่นแหละเรื่องจริงที่กลัวเลย 555 ขอบคุณมากสำหรับข้อมูลและกำลังใจ จะค่อยๆ คิดไป ตอนนี้อย่างเดียวที่ทำได้คือเก็บเงินแหละ อย่างน้อยวันไหนฟ้าผ่าโดนเลิกจ้าง ก็ยังพอมีเวลาประคองตัวไปได้สักพัก
>>951 นี่ไม่ได้ออกไปทำงานมากี่เดือนกี่ปีแล้วก็ไม่รู้ เอารถไปเข้าศูนย์เช็คระยะ พนักงานยังทัก "โห คุณลูกค้าคะ เลขไมล์แทบไม่ขยับ" แต่เห็นเปิดประเทศแล้วอะไรแล้วคงใกล้ได้กลับไปทำออฟฟิศแล้วล่ะ
เอาจริงเดือน 5 มีวันหยุดเยอะนะเนี่ย 4 วัน แรงงาน ฉัตรมงคล พืชมงคล วิสาขบูชา
ค่าคอมมิชชั่นมันหรือค่าอื่นๆ สามารถทดแทนโอทีได้ไหม ในกรณีที่ทำงานไม่มีโอที มีค่าคอมมิชชั่น โบนัส มีค่าน้ำมันให้ มีที่พักให้ น้ำ-ไฟฟรี หรือถ้าเรายินยอมตกลงเข้าทำงานแล้วสามารถทดแทนกันได้
*ค่าคอมมิชชั่นหรือค่าอื่นๆ มันสามารถทดแทนโอทีได้ไหม
การที่เมลหาคนอื่นแบบว่า
Dear A,
CC : B
อันนี้คือเพื่ออะไรอ่ะ ทำไมต้องบอกด้วยว่าจะ CC หาใครในเมื่อช่อง CC มันก็แสดงชื่ออยู่แล้วปะ หรืออยากแจ้ง B ด้วยก็เอาไปใส่ช่อง To แล้วเปลี่ยนเป็น Dear A and B, ไม่ดีกว่าเหรอ?
>>962 เกิดมายังไม่เคยเห็นเลย คนไทยทำเหรอวะ
พวกมึงคิดว่าการไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไรแล้วทำงานที่ไม่มีแพชชั่นไปจนตาย กับค้นพบ/รู้ตัวว่าชอบอะไรแต่ไม่สามารถไปทำงานนั้นได้ อย่างไหนทรมานกว่ากันวะ
จอนนี้กุเป็นอย่างหลัง มีหลาบแว๊บเลยที่อยากวัดดวงลาออกแล้วทุ่มเททำเลยแต่ก็กลัวพังอ่ะ
>>964 แพสชั่นมันไม่จีรังว่ะมึง มึงอาจจะใช้ชีวิตโดยคิดว่ามีแพสชั่นชอบอะไรอย่างนึงอย่างแรงกล้ามาตลอดสิบปียี่สิบปีแต้ไม่มีโอกาสทำอย่างเต็มที่ แต่พอลาออกมาทำจริงๆก็หมดไฟตั้งแต่ไม่กี่เดือน กูก็เห็นเคสแบบนี้มาเยอะนะ
ยังไงกูก็คิดว่าถ้าไม่ได้มีครอบครัวที่พริวิเลจจริงๆหรือไม่อยากจะเอาชีวิตเข้าพนัน ก็ทำคู่กันไปเหอะ งานนึงเพื่อเป็นหลักประกันชีวิต งานนึงเพื่อหล่อเลี้ยงจิตใจ ถ้ามึงคิดว่ามันสำคัญจริงมึงจะมีเวลาให้มันเว่ย
ทําไมงานบริการเเนวไปเป็นกีกี้ให้เขาต้องทําเกินหน้าที่ตลอดเลยวะเช่นงาน เด็กเสิร์ฟมันก็ควรจบเเค่เสิร์ฟรับออเดอร์มั้ยอะเช็ดโต๊ะด้วยก็ดะ เเต่ที่เห็นส่วนใหญ่ทําเกินขอบเขตงานตัวเองตลอดเเถมเงินเดือนก็น้อยไม่คุ้มสัสๆ รู้สึกงานมันไม่น่าทําเลย
>>971 this
เยอะด้วยนะกรณีแบบนี้ และคนกลุ่มนี้แหล่ะซวยที่สุด อย่างอื่นที่ทำเก่งจนสร้างรายได้ได้ก็ไม่มี อย่างอื่นที่จะทำเวลาว่างเพื่อฮีลลิ่งก็ไม่มี พาสชั่นที่อยากจะเก่งขึ้นจนทำให้ได้รายได้เยอะจนถึงค่อนบนก็ไม่เหลือ พัง
professional ที่แท้จริงอะคือคนที่สามารถทำสิ่งตัวเองเกลียดเข้าไส้ให้ออกมาดีได้เว้ย ดังนั้นจงภูมิใจเหอะที่มีงานที่ตัวเองเก่งแต่ไม่มีพาสชั่น(แต่ไม่ถึงกับเกลียด) แล้วมีเวลากับเงินเหลือเอาไปลงกับพาสชั่นอีกที
>>972 มันprofessionalไม่ใช่เหี้ยไรหรอก มันต้องทำให้ได้ไงมึง คือถ้าไม่ทำหรือทำไม่ได้ก็ไม่มีแดกอ่ะ รู้อยู่ว่าประเทศส้นตีนนี่ต้องอิ่มทิพย์กันทั้งนั้นถึงจะทำงานที่ตัวเองรักได้ ร้อยทั้งร้อยนะ กูว่าคนที่นี่ทำงานกันผิดประเทศ ชีวิตเลยพินาศโดนความล้า สุขภาพทรุดโทรมกัดกินๆเอาจนตายแบบเศษขยะก้อนนึง เห็นต่างชาติตะวันตกเจริญๆแม่งมีที่ว่าง มีเวลาในชีวิตให้ขยับขยายความสามารถตัวเองเยอะแยะจะตายชัก ไม่ใช่ต้องจมกับงานที่ไม่ได้รักแต่ถ้าไม่ทำก็คือไม่มีทางเลือกอื่นให้เดินไปได้แบบมนุษย์ธรรมดาคนนึง
>>967 อดใจไม่ไหวก็อยากตอบไม่น้อย มันเกินหน้าที่เพราะเค้าจ้างมาเป็นขี้ข้าอ่ะ ซึ่งทุกตำแหน่งในร้านอาหารนะ มีแต่ขี้ข้าทุกซอกมุมเลย ต่อให้ตำแหน่งมึงแม่งระดับเมเนเจอร์ ซุป โดนมองลงมาก็ขี้ขาชั่นต่ำอยู่ร่ำไป บางคนยอมทนเพราะเงินเดือนแล้วอยู่ในคอมฟอร์ทโซนแบบนี้จนตามจับเงินเดือนที่สูงกว่าของที่อื่นไม่ทันก็มี มารู้ตัวอีกทีจะอยากย้ายงานคือรอบตัวมีแต่งงานกดค่าแรงกันหมดแล้ว แล้วไม่ใช่แค่เมืองไทย เป็นทั่วโลก ถ้ามึงจะหางานทำพอแก้ขัดกูบอกเลยนะ เลือกที่ทำงานผิด มึงจะไม่เหนื่อยแค่งาน มึงจะเหนื่อยกับคนที่ทำงานมานานแต่วุฒิภาวะแบบสมองไม่โตตามตัวเพราะเรียนมาน้อย เอาอารมณ์เป็นใหญ่ ใช้ความตลาดล่างเป็นหลัก ปัญหาคือคนจบ ป.ตรีแบบมึงจะไม่โอเคมากๆ เพราะคนพวกนี้มันโง่ เหี้ย และสันดานดิบทรามกว่ารุ่นพี่ว้ากตอนสมัยมึงเรียนมหาลัยอีก นั่นก็จะทำให้ส่วนมากเค้าคัดทิ้งก่อนเลยเวลาเจอว่าจบวุฒิ ป.ตรีมาแต่เสือกมาทำงานแบบนี้ ดังนั้น ถ้ามึงต้องการงานแก้ขัดไปครึ่งปีให้ตัวเองรอดก่อน มึงรีบไปค้นวุฒิ ม.6มึงออกมาซะนะ ยื่นด้วยอะไรที่ต่ำก่ว่าแทน ส่วนรายได้......กูบอกไว้ก่อนเลยว่าถ้าเจอ11xxx-14xxx นั่นคือแต้มบุญมึงสูงมากแล้ว เพราะที่กูเจอๆมามีแต่9xxx ลงมา รายได้ต่ำกว่านี้ก็มี ต่อให้มึงงองแงยังไงว่ารายได้ไม่เป็นธรรม กรมแรงงานก็ไม่สนหีสนแตดไรทั้งนั้น .....ปสก กูเองกับสองปีที่ผ่านมา
>>967 ตัวอย่างที่ยกนี่กูว่ามันมีความสมเหตุสมผลที่ต้องเป็นแบบนั้นนะ
คือร้านอาหารมันมีเด็กเสิร์ฟที่ต้องคอยเดินไปเดินมาระหว่างครัวกับโต๊ะลูกค้าอยู่แล้ว
มึงลองนึกภาพว่าจ้างคนอีกกลุ่มมารับออเดอร์อย่างเดียว คนอีกกลุ่มเก็บจานเก็บโต๊ะอย่างเดียว คนอีกกลุ่มเสิร์ฟอย่างเดียว มันจะวุ่นวายขนาดไหน
แล้วยิ่งเป็นงานบริการ เวลาลูกค้าเรียกแล้วมึงทำไม่ได้ ต้องไปเรียกคนอื่นมาทำแทนมันก็ยิ่งวุ่นวาย แถมช้าเดี๋ยวลูกค้าโมโหอีก
>>968 skilled labor ไปอยู่ผิดที่ผิดทางก็เจอได้นะ ตัวอย่างที่เห็นชัดๆก็งาน IT
เดี๋ยวนี้ประกาศรับสมัครงานแม่งจะให้คนเดียวทำงานของทั้งแผนกยังมีให้เห็นเยอะแยะ
โดยเฉพาะกับบริษัทเล็กๆ แม้แต่ในต่างประเทศเองก็ตาม
>>962 กูทำประจำ และบ.กูทำกันทั้งบ. สำหรับบริษัทกูนะ คนที่ชื่ออยู่ใน Dear คือคนที่ต้อง take action ใน issue นั้นนั้น ส่วนคนที่ชื่ออยู่ตรง CC คือคนที่กูต้องการแจ้งเพื่อทราบ แต่ไม่ต้อง tack action อะไร
ถ้ากู CC ไว้เฉยๆ แต่ไม่ใส่ชื่อให้มันเด่นหราเอาไว้ คนคนนั้นมักจะไม่อ่านเมลนั้นเลย เพราะแผนกงานกูเฉลี่ยได้เมลกันวันละประมาณ 100 เมล+ ถ้าไม่ใส่ชื่อไว้ในที่ใดที่หนึ่ง เขาจะไม่อ่านกันเลย ข้ามเมลไปเลย แต่ถามว่าทำไมต้อง cc คนที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นโดยตรง มันเป็นกฎของบริษัทกูว่า "ต้อง cc ทุกคนในทีม" แต่คนที่อยู่ใน cc แต่ไม่ได้ใส่ชื่อ ก็คือไม่ต้องอ่านก็ได้ ข้ามเมลนั้นไปก่อนก็ได้ เพราะมันอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขา แต่ถ้าวันไหนมันเกิด issue ขึ้นมา เช่น pic ลาออกไป ลางาน คอมเจ๊ง คนอื่นๆ ในทีมก็สามารถไป search เมลปะติดปะต่อเรื่องราวได้ ไปเอาไฟล์ได้ ฯลฯ ดังนั้นจึงมีกฎว่าต้อง cc ทุกคนในทีม เมลมันเลยเยอะ มันเลยไม่อ่าน มันเลยต้องระบุชื่อ 555 จะว่าไปมันก็วนลูปกันเองอะเนอะ 555
แต่กูแฮปปี้กับกฎนี้นะ วันก่อนกูนี่เพิ่งไป search เมลเมื่อ 6 ปีที่แล้ว แน่นอน PIC ลาออกไปนานแล้ว คิดคีย์เวิร์ดหลายตลบเหมือนกันกว่าจะเจอเรื่องที่ต้องการหา ทำให้เอามาปะติดปะต่อเรื่องราวได้ ได้แบคกราวน์ ช่วยได้เยอะมาก เพราะงั้นไม่รังเกียจเลยที่จะโดน cc ทุกเรื่องของในทีม แต่ไม่มีชื่อก็ไม่อ่าน
>>967 อ่ะกูเสริมให้อีกนะ ที่แม่งทำเยี่ยงขี้ข้าอันนี้น่าจะตรงกว่าเดิม ก็เพราะว่าcostร้านด้วย ถ้าร้านขายดีแบบขายดีมากๆ ขายดีจัดๆ มึงไม่ต้องห่วงว่าจะต้องทำทุกหน้า นายจ้างที่ดีๆมันจะจ้างคนมาให้ครบระบบ ของจะไม่เสีย วัตถุดิบ เครื่องไม้เครื่องมือคือมันเสียก็เบิกได้ งานจะเหนื่อยแต่เหนื่อยน้อยลงเยอะ ความเครียดมีแต่ตอนที่มึงทำอาหารส่งให้ลูกค้า คุยเรื่องเงินเรื่องวันหยุดได้ไม่ยาก ทั้งนี้ทั้งนั้น ร้านเหี้ยๆก็มี คือยอดขายต่อวันก็ดีมากๆแล้ว รับพวกแอปฟู้ดยอดเกินเป้าตลอดแต่ว่าวันนึงคนเดินๆมาซื้อหน้าร้านไม่เยอะก็อ้างว่ายอดขายไม่ได้ ไม่ผ่าน แล้วก็จ้างพนง.ถูกๆรับแรงกดดันหนักๆแทน ซึ่งถ้าให้กูใบ้กูเคยใบ้ไปละว่าเป็นร้านเชนที่มีร้านในเครือเยอะจัดๆเลย ญาติเจ้าของเป็นดาราวัยรุ่นโฆษณาโซดายี่ห้อดังบ่อยๆยังไม่กล้าเอาร้านตัวเองเข้าเครือญาติตัวเองอ่ะคิดดูเอานะ กูทำได้เดือนเดียวพอเลย ออกมาดีกว่า เพราะเจอร้านอื่นที่กล้าจ่ายกูหมื่นสองหมื่นสามแล้วแรงกดดันไล่ๆกันนี่มันบรรเทาจิตใจกูมากกว่าเยอะ
กุอ่านพวกมึงคุยกันแล้วสะเทือนใจเบาๆ ชีวิตคนนี่มันโคตรไร้ความเท่าเทียม เกิดมาไม่มีต้นทุนไม่มีโอกาสก็ต้องทำงานลำบากๆเงินเดือนหมื่นกว่า ไม่เห็นทางออกเลยว่ะถ้าอยู่ในประเทศแบบนี่
>>968 พูดในแง่เนื้องานกูว่าความที่มันเป็น unskilled labor ก็มีส่วนนะ งานอื่นๆของเด็กเสริ์ฟมันก็ไม่ได้ต้องใช้ความรู้หรือการฝึกฝนเฉพาะทางจริงๆ
นอกจากง่ายต่อการจัดการมากกว่า มันก็เป็นอะไรที่คนจ้างงานเค้ามองว่าคนๆเดียวควรทำพวกนี้ได้ทุกอย่างด้วยแหละ
เทียบกับงานบริการด้วยกัน ถ้ามันเป็นอะไรที่ต้องใช้ฝีมือ หรือมีรายละเอียดงานมากกว่า ถึงทำไม่เป็นทุกอย่างก็ไม่เป็นไร
อย่างเจอช่างตัดผมคนนึงบอกว่าตัดเป็นแต่ผมผู้ชาย ตัดผมผู้หญิงไม่เป็น คนก็คงไม่รู้สึกว่ามันแปลก
แต่เจอเด็กเสิร์ฟบอกว่ารับออเดอร์ไม่ได้ เก็บเงินไม่ได้ เช็ดโต๊ะไม่ได้ คนคงรู้สึกแบบแค่นี้ทำไมทำไม่ได้ อะไรงี้
>>981 เหรอ กับ พนง.บริการคิดงั้นได้ะ แต่มึงลองทำงานครัวนะละมึงจะคิดอีกไหมว่าunskilled labourรึเปล่า มึงเห็นงานที่ทำก็เหมือนแม่มึงยายมึงทำกับข้าวบ้านๆนะ แต่ในอุตสาหกรรมครัวให้คนแดกเป็นร้อยๆนี่กูบอกเลยว่าแค่หั่นผักก็สำคัญ ทำยังไงให้เร็ว จัดการงานก่อนหลังได้นี่สำคัญสุดๆ อย่างครัวร้อนนี่แค่ทนหน้าไฟนานๆหรือเอาผักมาผัดๆ หั่นหอมใหญ่ หอมแดงแค่สามสิบวิไม่ได้คือคนจะมองว่าแปลกไหม? ทริกในการหาวัตถุดิบแช่แข็งมาชิลล์ให้ละลายง่ายขึ้นเพื่อประกอบอาหารเร็วขึ้นโดยที่ใช้แค่ของที่มีในครัวมึงว่าแม่บ้านตกงานธรรมดาๆมีปัญญาทำก็ได้เหรอ? หรือมึงจะทำงานครัวญี่ปุ่น มึงตัดแตง ขึ้นปลาแซลมอน กะพงแดง อาจิ ซาบะ ทั้งตัว ตัดซาซิมิ หรือดองซาบะทีนึง มึงว่าใครๆมาดูๆก็ทำตามได้ง่ายๆเลย? ส่วนครัวยุโรปนี่กูมั่นใจล้านเปอร์เลยว่าถ้าไม่เคยมี ปสก.ครัวยุโรปมาก่อนมึงเป็นได้แค่Commisโง่ๆนะ
>>979 ถ้ามึงมีทางเลือก แล้วยังพอเกาะใครกินได้นะ มึงพยายามหาทำในสิ่งที่มึงรักซะนะ เจตนากูไม่พยายามไซโคห่าไร กูมาระบายความจริงสุดระยำเสี้ยวนึงที่เจอในฐานะคนทำงานครัว(ตอนนี้)กับเคยทำบริการในร้านอาหารมาก่อน แต่ถ้าไม่มีที่ไปจริงๆจังๆ งานครัวคือสิ่งที่มึงจะไม่ถูกมองว่าไร้ความสามารถ ยิ่งปรับตัวกับมันได้เท่าไหร่เวลามึงจะลี้ภัยความไม่สงบห่าไรก็ตามไปประเทศสงบๆอย่างน้อยมึงก็ได้ไปเป็นคนครัวได้ ถ้ามึงจะหลบภัยกับงานรายได้ขั้นต่ำมึงทำได้ แต่ไม่ใช่ว่ามันไม่เครียดนะกูบอกเลย เครียดมากไม่แพ้งานออฟฟิศเลย ถึงไงก็เหอะนะ จบ ป.ตรีมา หางานที่สมกับวุฒิเถอะ
>>982 ต้นทางมันพูดถึงงานเด็กเสิร์ฟไม่ใช่หรอว่าทำไมเด็กเสิร์ฟต้องทำอย่างอื่น เช่นเช็ดโต๊ะ ไม่ได้พูดถึงงานในครัว
มึงจะลากเรื่องงานในครัวมาเถียงทำไมเนี่ย กูหรือโม่งคนอื่นก็ไม่ได้พูดว่างานในครัวเป็น unskilled labor เลยซักแอะ
แล้วงานในครัวถ้าไม่ใช่ครัวเปิดที่คนทำอาหารต้องมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าก็ไม่นับเป็นงานบริการไม่ใช่หรอ
คุยเรื่องเด็กเสิร์ฟควรเช็ดโต๊ะ คิดตังได้ ลากไปในครัวเฉยย
ตระกูลผมเป็นครอบครัวนักธุรกิจ ทุกบ้านอาแปะ อาโกว มีกิจการ เฮียๆ ก่อนหน้าผมทุกคนเรียนสายบริหาร ไม่ก็วิศวะ ผมที่เป็นเด็กเรียนโอเคคนหนึ่ง ก็ถูกคาดหวังว่า จะสานต่อเส้นทางนั้น คือจบคณะดูมีสาระ (ในสายตาผู้ใหญ่) จากมหาลัยดีๆ และกลับไปดูแลธุรกิจต่อจากที่บ้าน เหมือนพี่ๆ น้องๆ แต่ตอน ม.หก ผมเริ่มค้นพบว่า ตัวเองชอบงานเขียน ชอบงานสร้างสรรค์
.
ตอนเอนทรานส์ (แอดมิดชั่น ยุคนั้น) ผมได้คะแนนโอเคพอสมควร ญาติๆก็บอกให้เลือกเศรษฐศาสตร์เป็นอันดับหนึ่ง คะแนนเกินขั้นต่ำของปีที่แล้วมาสามสิบกว่ายังไงก็ได้ ผมไม่หือไม่อือ ตอนนั้นก็แค่อยากให้ที่บ้านภูมิใจที่สอบติดมหาลัยแบรนด์ดิ้งดี
.
แต่พอเลือกเสร็จแล้ว คืนนั้นผมนอนไม่หลับ มันเหมือนพึ่งเลือกชีวิตอีกสี่ปี ไม่สิ เส้นทางตลอดชีวิตที่เราไม่ได้เห็นด้วยขนาดนั้น เช้าวันต่อมา ผมเริ่มหาข้อมูลจนพบว่า มันทำเรื่องเปลี่ยนแปลงสี่อันดับที่เลือกได้ ผมนั่งสายเจ็ดไปหัวลำโพง และต่อ ม มอเตอร์ไซด์ไปจุฬา เพื่อทำไปเรื่องที่ศาลาพระเกี้ยว เดินเรื่องไม่นานก็เปลี่ยนให้คณะสายนิเทศศาสตร์ขึ้นมาเป็นอันดับต้น ๆ แทนได้ จำได้ว่า เอกสารมันบางๆเหมือนใบเสร็จสีฟ้า มีรูปเราติดหัวมุมขวา ขนาดจตุรัสประมาณฝ่ามือ แค่นี้เลย กระดาษเปลี่ยนชีวิต
.
สุดท้าย ผมได้เรียนสายนิเทศศาสตร์สมใจ ตลอดสี่ปีในมหาวิทยาลัย ผมใช้เวลาทั้งหมดเพื่อผลักตัวเอง ฝึกงานนิตยสาร เข้าเวิร์คช็อปโฆษณา และประกวดหนังสั้น อยากทำให้คนรอบข้างมั่นใจได้ว่า ผมอยู่รอดได้ในเส้นทางที่เลือก ไม่อยากได้ยินว่า “ก็บอกแล้วไง” ขณะทำอย่างไม่ลืมหูลืมตานั้นก็คิดฝันในใจอยู่สองอย่างว่า อยากเขียนหนังสือไม่ก็กำกับหนังโฆษณา ไม่รู้หรอกว่า จะสำเร็จไหม แค่เชื่อว่า ถ้าเลือกทำตามเสียงหัวใจแล้ว สุดท้ายมันจะโอเคแหละ ทำสิ่งที่เรารัก มักจะดีเสมอ
.
ตัดภาพมา สิบกว่าปีให้หลัง พี่น้องผมเทคธุรกิจต่อจากที่บ้าน อยู่บ้าน โคตรชิล สะสมอาร์ตทอยเป็นงานอดิเรก ส่วนผมเป็นทั้งนักเขียนและผู้กำกับโฆษณา นอนตีหนึ่งนั่งแก้ต้นฉบับยิกๆ ไหล่ก็ปวด หลังก็เมื่อย ตื่นมาวันรุ่งขึ้นไปแก้สีหนังโฆษณา ต้องไล่ดูดสีเขียวจากต้นไม้กระถาง เพราะเดี๋ยวคนดูจะนึกถึงสีแบรนด์คู่แข่ง หลังยังปวดตุ้บๆหัวเริ่มปวดแล้วด้วย น่าจะเชื่อฟังที่บ้านเขา ไอ้สัตว์ ไอ้ควย หน้าหี แม่เย็ด
ลอกมาให้อ่านเหมือนเห็นตัวเอง 555 แม่ฝากเข้า scg สบายๆไม่ชอบอยากพิสูจน์ตัวเอง เป็นไงล่ะสัส
>>986 ถึงงานจะหนักแต่อย่างน้อยแกก็เป็นคนที่มาทางนี้แล้วประสบความสำเร็จนะ
ถ้าเลือกมาทางนี้แล้วดันไม่ประสบความสำเร็จโดนครอบครัวทับถมอีกนี่คงรู้สึกแย่กว่านี้อีกหลายเท่า
สมมุติแกไปรับกิจการต่อที่บ้านอยู่สบายๆนะ อาจจะได้ย้อนกลับมานึกเสียใจว่าทำไมไม่ได้เรียนนิเทศอย่างที่อยากเรียนไปตลอดชีวิตก็ได้
หรืออย่างมึงเอง ต่อให้มึงได้เข้า SCG มีหน้าที่การงานที่ดีกว่านี้ มึงอาจจะอยู่แบบไม่รู้สึกภูมิใจ
มีปัญหาอะไรกับแม่ก็จะโดนแม่เอาเรื่องฝากเข้างานมาลำเลิกบุญคุณไปจนกว่าจะตายจากกันก็ได้
คนเราไม่รู้หรอกว่าอะไรรออยู่ในเส้นทางชีวิตที่เราไม่ได้เลือก ทางเลือกที่มองย้อนกลบไปแล้วเหมือนจะดีกว่าอาจจะไม่ได้ดีจริงๆอย่างที่คิดก็ได้
อย่าไปเอามาคิดมากเลย
อยากลาออกแม่ง ไอเหี้ย ลูกค้าเจ้าเดียวแต่ประสาทแดก งี่เง่า ขี้จู้จี้จุกจิก เซ้าซี้ น่ารำคาญขั้นสุด ไม่ได้งานเหี้ยไรเอะอะฟ้องหัวหน้าทั้งที่POพึ่งเปิดมาแต่จะเอางานเลย เจ้าอื่นเขาเปิดมาก่อนจะเอางานก็ยังไม่ได้กันทั้งนั้น อีนี่มาจะแย่งเขา บางตัวไม่มีของส่งเพราะมันยังไม่มีคนใช้เขาก็ไปผลิตแต่ตัวด่วนๆก่อน อีนี่มาจะเอางานเร่งให้ผลิต อีบ้า บางตัวตัวเองใช้เจ้าเดียวไม่ถึง MOQ กูขอไปสิบชาติไม่ส่งมาเพิ่มให้แต่เสร่อเรียกงานจัง ส่งแผนเรียกงานแล้วจะเอาคอนเฟิร์มเลย กะไม่ให้กูไปทำงานอื่น ไปดูลูกค้าเจ้าอื่นเลยหรอ อีความประสาทแดกทั้งปวง ชาติก่อนมึงเป็นไก่หรออีสัสสสสสสสสส
>>987 กูคือด้านที่ไม่เลือกทางที่พ่อแม่เสนอให้แล้วชีวิตดันแย่ว่ะผลคือโดนที่บ้านแดกดันชิบหาย ซึ่งถ้ากูเอาคือโคตรสบาย งานราชการป้าเป็นผอ. ความก้าวหน้าการงานมาเต็ม แล้วเป็นไงพึ่งจบไงเลือดมันร้อน อยากพิสูจนตัวเอง แล้วก็มาตกงานตอนโควิดตอนอายุ 35++ หางานโคตรยาก ตอนนี้ได้งานใหม่แต่เงินลดไปครึ่ง สวัสดิการกากบรม ที่บ้านโทรมาแต่ละทีก็ต้องแดกดันกูตลอด...สัส
กูเป็นคนที่เลือกไปตามที่พ่อแม่วางเส้นทางไว้ให้
ช่วงแรกๆตั้งแต่เรียนม.ปลาย มหาลัย และปีแรกๆของการทำงานแม่งกล้ำกลืนเหมือนกันนะกับการทำงานที่ไม่ชอบเลยเนี่ย
แต่ตอนนี้เริ่มชินแล้ว และเงินเดือน 400k มันก็เอามาซับน้ำตาได้อยู่ เวลาว่างก็ค่อยทำงานที่ชอบเป็นงานอดิเรกเอา
ปิดให้โม่งคนครัว triggered toxic unskilled labor
ปิดมู้
1000
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.