ถามโม่งกทม คือเดินทางในตัวเมืองยังไงให้ไม่ติดโควิดวะ แบบเป็นไปได้มั้ย เดี๋ยวกูจะไปกทมละ กูจําเป็นต้องเดินทางใช้รถเมล์กลัวติดโรคชิบหาย แบบมีใครที่เดินทางแบบนี้แล้วมีชีวิตรอดอยู่มั้ยวะ
Last posted
Total of 1000 posts
ถามโม่งกทม คือเดินทางในตัวเมืองยังไงให้ไม่ติดโควิดวะ แบบเป็นไปได้มั้ย เดี๋ยวกูจะไปกทมละ กูจําเป็นต้องเดินทางใช้รถเมล์กลัวติดโรคชิบหาย แบบมีใครที่เดินทางแบบนี้แล้วมีชีวิตรอดอยู่มั้ยวะ
>>230 กูด้วย เพิ่งส่งportไปให้บ.นึง แล้วแม่งก็หลอนมาตลอด ใจนึงไม่อยากให้เลือกไปฝึกงานเพราะยังได้เงินจากที่เดิม ใจนึงแม่งก็อยากรู้ความสามารถตัวเอง+ได้เงินเดือนเยอะกว่าที่เก่า แม่งโคตรเสี่ยง ไม่ผ่านนี่เหี้ยเลย จะรับความรู้สึกเฟลจากการไม่ผ่านโปร+ไม่มีเงินเดือนยังไงวะเนี่ย
นับถือพี่โม่งทุกคนที่หางานใหม่ในช่วงนี้ได้นะ
กูตื่นมาพร้อมความกลัวทุกวัน กลัวว่าถ้าออกมาพัก จะหางานใหม่ไม่ได้อีกนาน อยู่ที่เดิมไปความมั่นใจกูก็เล็กลงทุกวัน ไอ้จะทำงานแบบเช้าชาม เย็นชาม ผู้บริหารแม่งก็ดันมาล้วงลูกอีก
หลังๆกูก็ยังไม่คิดเรื่องตายนะ แต่กูเหมือนฟิลแบบช่างงานแม่ง ซึ่งมันก็ไม่ดีหรอก กูก็รู้สึกผิดลึกๆ บริษัทก็ได้งานเหี้ยๆออกมา มีแต่เสียกับเสีย
พวกมึง กูเพิ่งได้งานเรท 14000 แต่งานนรกมาก เพิ่งผ่านมา 10 วัน กูจะตายแล้ว กูกลัวตัวเองไม่รอดว่ะ
งานหนักนี่หนักเเบบไหนวะ ตอนสมัยเรียนเคยทำพนักงานเสิร์ฟMK kfc เเม่งเหนื่อยสัดๆ ยืนทั้งวัน นั่งไม่ได้
เเต่พอเข้าวัยทำงานได้นั่งหน้าคอม มีเดินบ้างไรบ้างก็ไม่หนัก หนักเรื่องเครียดมากกว่ากับปั่นงาน
ชิบหาย ทำไมคนไม่ผ่านโปรเยอะจังวะ เกิดไรขึ้น
กูมีนิสัยแย่ๆอย่างนึงคือถ้านั่งทำงานติดต่อกันนานๆแล้วแม่งชอบง่วง นั่งทำงานสัก 30 นาทีกูก็เริ่มหาวล้ะ ถ้านานๆขึ้นไปอีกก็ตาจะปิด เผลอหลับพิมพ์มั่วไปก็มี แต่เสือกออยากมาทำงานด้าน IT กูละหนายตัวเอง
บริษัทกูมักง่ายอีกแล้ว จัดอบรมงานที่ไม่เกี่ยวข้องกะกูไม่แม้แต่ระบุใน Job description แล้วพอส่งไปอบรมได้ใบอะไรมาเรียบร้อยก็ยัดงานนั้นๆมาให้ดูแลก็คือภาระงานเพิ่มขึ้น แล้วแผนกไหนที่ทำงานซ้ำซ้อนกับงานใหม่ของกู ก็จะโดนลดคน กูโคตรเกลียดอะไรแบบนี้เลย
โม่งทำงานแล้วคิดว่า ในบริบทของประเทศไทย ช่วงโปรมันคือเราสามารถเลือกงานได้ปะวะ ฝรั่งมันชอบบอกว่าช่วงโปรมันคือการที่คนและองค์กรดูความเข้ากันซึ่งกันและกัน แต่กูรู้สึกว่าในไทย มันเหมือนองค์กรเป็นผู้เลือกฝ่ายเดียว อาจจะด้วยตลาดงานมันหดตัวด้วยมั้ง
คิดมาตลอดว่าการไม่ผ่านโปรคือ rare event
>>242 Ideal มันควรจะเป็นแบบนั้น ก็มาทดลองทำงานแล้วดูว่าเราจะ Fit in เข้ากับองค์กร เข้ากับลักษณะงานได้หรือไม่ แต่ด้วยความเป็นคนไทยและความอ่อนแอของกฏหมายแรงงานในไทย มันเลยทำให้กลายเป็นว่าการทดลองงานในไทยคือการพยายาม ขวนขวาย ดิ้นรน เพื่อให้ได้งานมาทำ ไม่เกี่ยงว่างานจะเหมาะสมหรือไม่ เข้ากับตนได้หรือไม่ ไม่สน ทำๆๆยังไงก็ได้ให้ได้งานมาทำ น่าเศร้าว่ะ
>>243 บ.ก่อนหน้านี้แผนกข้างๆกูรับคนมาเยอะมาก สุดท้ายเหมือนทำเซอร์ไวเวิล จบมาผ่านโปร 3 ใน 7 ตัดสินจากการทำยอด
ยิ่งช่วงนี้คนตกงานเยอะ เศรษฐกิจไม่ดีแต่ต้องการกำไร ถ้ารับคนมาแล้วทำงานได้ตามเป้าไม่สูงมากบางทีก็พิจารณาหาคนใหม่ที่น่าจะคุ้มกว่า กูเพิ่งไม่ผ่านโปรครั้งแรกในชีวิตด้วยเหตุผลนี้แหละ
>>245 เมิงต้องมั่นใจในตัวเอง คนส่วนมากกลัวไม่ผ่านโปรเพราะอยากได้งาน มีเพื่อนกูเนี่ย ช่วงโปรเหมือนไปดูบริษัท อะไรไม่ชอบแม่งพูดตรงๆเลย พอรู้สึกว่าค่าใช้จ่ายเยอะแม่งขอขึ้นเงินเดือน มีคนกระด้างกระเดื่องหาว่าเดี๋ยวมันก็ไป นินทามัน พอมันสั่งงานแล้วคนนั้นไม่ทำตามมันบอกหัวหน้าใหญ่ว่าจะเอาออก บอกไม่ฟังมันแล้วมันจะทำยังไง งานไหนไม่ใช่ของมันแม่งไม่ทำเลย ฯลฯ
คนไทยหน้าบาง ไม่กล้าพูดในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ เลยกลายเป็นว่ามีแต่ฝั่งบริษัทที่กล้าพูด ถ้ากล้าติบริษัทก็จะเป็นแบบเพื่อนกูนี่แหละ ฟังดูปสดใช่ไหม แต่สุดท้ายมันก็ยังทำอยู่นะ
ทำไงดี อยู่ๆก็ไม่มีสมาธิทำงานเลย เอาแต่อยากทำอย่างอื่น
ต่างกรรมต่างวาระ ฐานะเเละสายอาชีพ กูเพิ่งทำงานมาไม่ถึง5ปี ถ้าเป็นกูก็
-ไม่เคยไม่ผ่านโปร เลยเเนะนำไม่ได้
-เรื่องเงินก็ต้องเตรียมไว้ เป็นกูตอนสมัยจบใหม่กูคิดไว้เลย3-4เดือนเเรกกูจะไม่มีภาระเด็ดขาด พ่อเเม่ให้ส่งกูก็ไม่ส่ง จนกว่าจะผ่านโปรหรือรู้เเน่ชัดว่าจะได้ทำงานที่นี่ไปได้ เพราะช่วงหางานเเรกๆชีวิตมันไม่มั่นคง ต้องคิดไว้ว่าถ้าตกงานเเล้วมันก็ต้องมีช่วงที่หางานไม่ได้ด้วย ต้องเตรียมเงินไว้ให้ได้มากที่สุด
ตอนทำงานเเรกๆกูได้17000 หักค่าหอค่ากินเบบประหยัดตอนนั้นกูเหลือ7000 กูเก็บหมดเลย ยอมทนช่วงนี้ จนพอผ่านโปรเงินเดือนขึ้นก็ค่อยมาส่งให้ทางบ้าน ทีละหน่อย
อย่าคิดว่าชีวิตมันจะเเน่นอนเเล้วหลังได้ทำงาน ผ่านโปรไปให้ได้ก่อนเเล้วค่อยว่ากัน ช่วงเเรกๆกูประหยัดมาก มาม่าก็เเดก กินประหยัดโคตร น้ำเปล่ากินของบ.ฟรี
-งานใหม่เเนะนำว่าจะหาง่ายเมื่อมีประสบการณ์เเล้ว ประสบการณ์คือใบเบิกทางที่ดีกว่ามหาลัย สมัยนี้ถ้าเป็นเด็กจบใหม่จุดขายมันก็คือเด็กจบใหม่ พวกบ.มันจะเขียนว่ายินดีรับเด็กจบใหม่เงินเดือนเริ่มต้นอะไรประมาณนั้น ทีนี้ถ้ามีประสบการณ์ได้ทำงานไปซักปีนึง การหางานจะเริ่มง่ายขึ้น เพราะเขาจะไม่ค่อยมองสถาบัน จะมองว่าทำอะไรได้ สกิลน่าสนใจไหม ทำอะไรเป็น เรียกexpect เงินเดือนเท่าไร การต่อรองการหางานจะง่ายขึ้น
ถ้าไม่ผ่านโปรส่วนใหญ่ไม่มีใครบอกหรอกว่าไม่ผ่านโปร มึงไปหาเหตุผลอื่นเหอะ ยกเว้นไม่มีอะไรจะขิงตอนสัมภาษณ์เเล้วจริงๆ เเล้วก็ช่วงไม่ผ่านโปรได้มีผลงานบ้าง ถึงยอมใช้จุดนี้มาขายตัวเอง
ได้งานง่ายหรือไม่ง่ายบอกตามตรงขึ้นอยู่กับตอนสัมภาษณ์จริงๆ มีอะไรมาขิง ทำอะไรได้บ้าง ตรงตามrequirementใบสมัครไหม เเล้วก็ต้องลุ้นว่าคนสัมจะชอบมึงไหมด้วย
>>249 1. ทำใจ 5555 กูเครียดมากๆ ได้แต่ดูหนังดูละครให้เลิกฟุ้งซ่าน กูคิดว่ากูทำดีแล้วแต่ในเมื่อเขาไม่อยากได้แบบนี้กูก็ทำอะไรไม่ได้ มึงจะจมอยู่กับความคิดว่าตัวเองล้มเหลวอยู่พักใหญ่ๆ เจ็บแผลใจนานเลยแหละ ได้แค่ทนจริงๆ
2. ระหว่างทดลองงานอย่าเพิ่งฟุ่มเฟือย ยิ่งอยู่หอให้ใช้ชีวิตพอผ่านๆไปก่อน อย่าเพิ่งซื้ออะไรใหญ่ๆเข้าห้อง เผื่อไม่ผ่านจะได้มีพอใช้กันตาย ถ้าผ่านค่อยซื้อตู้มเดียว
3. กูยังไม่ได้ลองหา แต่หลังจากโดนบอกไม่ผ่าน ไปอัพเดทเรซูเม่อีกรอบคนก็รุมโทรหาพอควร น่าจะแล้วแต่สายงานนะกูว่า
>>249 1. ทำใจแล้วไปต่อ มองได้ 2 มุม ไม่ผ่านโปรในงานที่ไม่ชอบ ยืนยันว่าไม่ชอบงานนั้นจริง หรือ ไม่ผ่านโปรในงานที่ฝันไว้ ลองถามนายหรือพี่ในทีมขอ Feedback ที่จะเอาไปปรับปรุงตัวเองได้ จมได้แต่อย่านาน
2. กูเคยคิดว่า 4-6 เดือนจากการใช้เงินปกติ แต่ถ้าอยุ่ประหยัดๆก็น่าจะได้ยาวขึ้น
3. ขนาดกูทำงานอยู่ ยื่นเรซูเม่ไปเปนสิบ ยังไม่มีคนโทรมาเลย มีแต่งานเซลล์โทรมา กูรักการตลาดนะ แต่ในไทยกูว่าเขาชอบทำคนจบอย่างอื่นมาทำการตลาด เอาคนการตลาดไปทำเซลล์ ปวดหัวเลยกู
>>251 สายงานไอทีหรอ ? คนโทรหาเยอะแบบนี้ กูก็ไอที
กูเคยมาโพสต์อยู่เรื่องลาออก ตอนนี้ลาออกเรียบร้อยว่ะ เป็นการลาออกครั้งแรก ตื่นเต้นแทบตาย แต่ตอนนี้โล่งละ จริงอย่างที่พี่โม่งว่า ยากแค่ครั้งแรก รอบต่อๆ ไปก็เซียน
แต่กูรู้สึกว่าลาออกก็เป็นประสบการณ์ชีวิตที่ดีที่ทำให้เลิกโลกสวยนะ คนเราต้องมีสักครั้ง รู้สึกโตขึ้นเห็นโลกมากขึ้น 55 มันจะมีคนประเภทที่ตอนกูยังอยู่/มาสมัครงานทรีตกูคุยกับกูดีชิบหาย พอออกเท่านั้นแหละอย่างกับคนไม่เคยรู้จักกัน … เหอะๆ สวัสดิการหลายๆ อย่างก็เหมือน hr พูดไม่หมดแล้วกั๊กๆ หาจากเว็บบริษัทให้ตายไม่เจอรายละเอียด มารู้อีกทีว่าไม่ได้เพราะอายุงานไม่ถึงก็ตอนลาออก รู้สึกเริ่มเป็นงานมากขึ้นเวลาต่อรองกับที่ใหม่อีกด้วย นึกย้อนถึงตัวเองตอนจบใหม่นี่โดนต้มซะเปื่อยเลย ตอนนี้ก็ยังโดนอยู่ แต่รอบต่อไปเข็ดแล้วล่ะ
ทำงานมา 10 ปี แต่ก็เหมือนยังไม่เก็ตว่าการทำงานคืออะไรกันแน่ บางครั้งก็สงสัยว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ และจะทำแบบนี้ต่อไปได้แค่ไหน...
นัดสัมภาษณ์งานนี่ต้องตัดผมใหม่มั้ยอะเพื่อนโม่ง คือผมกูไม่ได้ยาวนะ แต่ไม่เคยไปสัมภาษณ์มาก่อน
มีพี่โม่งสายภาษามั้ย (ญป.) กุยังหาตัวเองไม่เจอ ไม่รู้เหมาะกับสายไหน เห็นว่าล่ามเงินดีชิบหายแต่งานหนัก กุไม่ค่อยมั่นใจตัวเองด้วย กลัวไปแปลผิดทำเขาเดือดร้อน ถ้าไปสายงานแปล สนพ.งี้เหมือนได้เงินน้อยปะ ใครมีปสก.มาแบ่งปัน ทำไรดีวะแม่งเ อ๊ย
>>258 ล่ามงานแล้วแต่ที่ แต่ที่เจอมาส่วนมากไม่หนัก บางที่ว่างเกินด้วยซ้ำ แต่ปัญหาคือมันเครียดมันกดดันถ้าแปลไม่ได้ เพราะส่วนมากล่ามคือคนที่ไม่รู้เรื่องรู้แบคกราวน์อะไรเลย แต่เสือกต้องไปแปลให้คนสองฝ่ายเข้าใจกัน (ไม่ค่อยมีใครมีเวลามาบรีฟให้ล่ามรู้เรื่องก่อนหรอก ถ้าเรื่องมัน technical term มากๆ บางทีก็ตาย) ถ้าแปลได้และไม่อินกับอารมณ์ชาวบ้านเวลาเค้าด่ากัน งานล่ามคืองานที่สบายที่สุดแล้วในความคิดกู ล่ามฟรีแลนซ์สายกฎหมายถ้าเก่งๆ แม่งโคตรสบาย รุ่นพี่กูทำงานวันเดียวได้เงินเท่ากับกูทำงานทั้งเดือน T_T
สายงานแปล ถ้าเน้นเงินต้องแปลพวกเอกสารกฎหมายหรือเอกสารเป็นทางการถึงจะเงินดี ถ้าแปลงานวรรณกรรมเงินจะน้อยมากเมื่อเทียบกัน แต่สุดท้ายจะหาเงินได้เยอะหรือน้อยแล้วก็แต่ความขยัน ส่วนตัวกูเป็นคนขี้เกียจ ทำแค่ส-อเป็นงานเสริมเพราะใจรัก เลือกแปลเฉพาะเรื่องที่ตัวเองชอบ 555 เงินที่ได้จ่ายค่าไฟยังไม่พอเลย ได้ความพอใจ
ส่วนตัวกูตอนนี้ทำงานประจำเป็น Japanese Speaking อันนี้กูค้นพบแล้วว่าเหมาะกับกูมากที่สุด ทำงานเป็นของตัวเอง ไม่ต้องมานั่งล่ามให้เรื่องของชาวบ้าน แต่ก็ไม่ต้องเรียกใช้ล่าม คุยงานกับคนญี่ปุ่นเอง งานเดินเร็วและสมูท เข้าใจได้ดีไม่ผิดพลาด มีผลงานเป็นของตัวเองรู้สึกสนุกและมีคุณค่า ได้ใช้สกิลรอบด้านไม่ใช่แค่สกิลภาษา ค่าตอบแทนดีไม่แพ้ล่ามเพราะก็ทำงานบ.ญี่ปุ่นมีค่าภาษาให้ มี career path ชัดเจนไม่ต้องกลัวตัน ส่วนจะทำอะไรอันนี้จิ้มเลือกเอาตามชอบและถนัดเลย จัดซื้อ ฝ่ายขาย ประสานงาน แอดมิน เลขา ฝ่ายบุคคล นำเข้า ส่งออก ลอจิสติกส์ ฯลฯ ถ้าไม่มีความรู้ก็ไปหาเพิ่มเอา
สงสัยนะ .... สมมติว่าทำงานล่ามแบบสายแปลเนี่ย แค่ไทย-อังกฤษ เงินมันไม่ได้ดีเหมือนสิบปีที่แล้วใช่ป่ะ? แล้วเวลาแปลนั่นนี่(แปลเอกสาร/แปลงานเขียน) การที่ใช้เครื่องมือช่วยนี่คือแม่งไม่ใช่สิ่งที่เหี้ยใช่ไหม? เช่น ใช้google translateบ้างเพราะบางจุดคือแปลออกมาก็เกลาคำไม่ออกจริงๆ , หรือค้นตามเน็ตหาคำอื่นๆเพิ่มอีกไรงี้ แล้วว่าก็ว่านะ กูอยากจบ ป.ตรีสายภาษามาแล้วก่ะจะลงงานล่ามสักปีสองปี ปัญหาคือที่ผ่านมาค้นหาตัวเองและขลุกแต่กับโปรแกรมมิ่ง เลยไม่รู้หีแตดไรว่าคนทำงานล่ามแม่งคลุกคลีกับ community แบบไหน เล่นreddit , เล่นเฟสแล้วจะอยู่ในกลุ่มอะไรที่มันพวกแปลๆมาคุยกัน โม่งแนะนำทีได้ไหมวะ?
>>261 ถ้าใช้กูเกิ้ลช่วยงานแปลบ้างเหี้ยไหม ขอตอบว่าไม่เหี้ย เพราะยังไงเราก็ต้องเกลาคำอยู่ดี หลักๆแล้วกูว่าเรียนภาษาไม่ได้เวิ้กขนาดนั้น (กูจบภาษาประโยชน์คือแกรมม่าค่อนข้างแน่น แต่ความรู้รอบตัวในเนื้องานกูต่ำมาก: ถ้ากูจะทำล่ามหรือแปล กูก็ควรมีความรู้ในสายนั้นอยู่ดีเพื่อความเข้าใจโดยรวมของศัพท์แสงทั้งหลาย) มันคงอยู่ที่ประสบการณ์อะ ว่ามึงคลุกคลีในวงการที่จะแปลมากแค่ไหน ยิ่งอ่านนส.เยอะ ทำงานด้านนั้นเยอะคลังคำก็เยอะ จดจำรูปแบบประโยคได้เยอะ
งานล่ามหรืองานแปลนี่อนาคตมันจะโดนdisruptไหมวะ มีโอกาสที่พวกโปรเเกรมเเปลหรือAIมันจะมาเเย่งงานได้ไหมนี่ ถ้าไม่ใช่ล่ามสด
ถ้า AI ยังพัฒนาด้วยความเร็วแบบปัจจุบัน อีกซัก 10 ปี AI ก็ยังทำไม่ได้
ยกเว้น Quantum Computer จะเร็วกว่านี้มากๆ ซึ่งดูแล้ว อีกซัก 10 ปีก็ยังทำไม่ได้อยู่ดี ด้วยเหตุจากหลายๆ อย่างเช่น ปัญหาชิพขาดแคลน กำลังผลิตไม่ค่อยพอ ขีดจำกัดของ Transistor รูปแบบการเขียนโปรแกรมต้องเปลี่ยนใหม่ ฯลฯ
แต่ถึงกระนั้นก็ตามลักษณะงานแปลในอนาคต หรือล่าม จะจำเป็นน้อยลงอยู่ดี เพราะยุคนี้เรียนรู้ภาษาที่สามง่ายขึ้นกว่าสมัยก่อนมากๆ แค่มีมือถือก็โหลด App มาฝึกได้เหมือนเล่นเกมแล้ว
ทางออกสำหรับสายภาษา คือ นอกจากภาษาแล้ว แนะนำให้เรียนรู้อย่างอื่นเพิ่มขึ้นน่ะ
ลังเลว่าจะถามมู้สาวๆ หรือมู้คนทำงานดี เจ้านายต่างชาติชอบมาทักว่า "วันนี้แต่งตัวสวยนะ เลิกงานจะไปไหนเหรอ" อันนี้มันปกติป่าววะ? บ.กูเป็นบ.ต่างชาติแบบจะมีนาย expat มาอยู่จนครบวาระแล้วก็ไปคนใหม่มาแทน กูมีนายมาแล้ว 3 คนไม่เคยเจอนายคนไหนทักแบบนี้มาก่อนเลย แต่เขาก็ไม่ได้คุกคามอะไรนะ และกูก็ไม่ได้แต่งตัวโป๊แน่นอน มั่นใจ มิดชิดมาก (แต่งสไตล์เลขาคิมอะ เรียบร้อยตัวแม่ของบริษัทแล้ว) ทักครั้งแรกกูยังเฉยๆ แต่พอทักหลายรอบมันรู้สึกทะแม่งๆ ยังไงไม่รู้ หรือเขาแค่ไม่รู้จะชวนคุยอะไร หรือเขาแค่แอบเป็นติ่งซีรีส์เลขาคิมอยู่เลยชอบสไตล์การแต่งตัวของกู 555
ถ้าเป็นคนโอซาก้า อันนี้ปรกติ ถามแบบไม่ได้คิดอะไรหรอก
วันจันทร์อีกแล้วววว เพิ่งหยุดยาวปีใหม่มาไม่นาน ทำไมมันเหมือนพลังงานหมดอีกแล้ววะ อยากวาร์ปไปสงกรานต์เลย 555
ใครออกไปหาความท้าทาย ออกจาก safe zone แล้วไปต่อไม่รอดมั่ง ในนี้มีไหม แแล้วหาทางออกกันอย่างไร
มีใครทำงานเป็นเซลล์หรือเคยจัดซื้อบ้างไหม อันนี้กูสงสัยว่าในองค์กรนี่การขอใบเสนอราคามันเป็นเรื่องปกติใช่มะ ไม่ว่าจะราคาเท่าไรก็ต้องทำใบเสนอราคาเพราะทำในนามองค์กร ไม่ว่าจะบาท ร้อย พัน หมื่น ต้องทำหมด
>>278 เคยไม่รอด ทำงานไปปีนึงลาออกมาเป็นฟรีเเลนซ์เเล้วพบความจริงว่ากูไม่เหมาะกับงานฟรีเเลนซ์ เพราะว่ากูวินัยตัวเองไม่ดีพออะ พออยู่บ้านไม่มีอะไรคุมมันก็เลยทำให้ขี้เกียจ สุดท้ายกลับไปสมัครงานประจำเหมือนเดิม กูเหมาะกับการอยู่ในระบบเเบบว่าเข้างานเช้า เลิกงานเย็น อะไรประมาณนั้น
เรียกว่าความท้าทายได้ไหมวะ เเต่ไม่ใช่safezoneละกัน บ.ที่ก่อนออกนี่comfort zoneมาก อยู่ชิวๆ เพื่อนร่วมงานดี เเต่เบื่อมากจนกูรู้สึกว่าไปลองทำฟรีเเลนซ์ดู สุดท้ายไม่รอดที่กูคุมตัวเองไม่ดี ไม่มีวินัยในการทำงาน
>>278 จบใหม่ทำงานประจำ 2 ปี > ออกไปทำฟรีแลนซ์ 2 ปี > กลับมาทำงานประจำยาวๆ จนถึงวันนี้
ถามว่าไม่รอดมั้ย ไม่รู้เรียกว่าไม่รอดรึเปล่านะ ตอนทำฟรีแลนซ์มันก็สบายดี อยากทำตอนไหนก็ทำแค่ทำให้ทันกำหนด มีอิสระ ไปเที่ยววันธรรมดาคนไม่เยอะ แต่ในกรณีกูทำงานประจำมันมั่นคงกว่า ถ้าอนาคตจะกู้บ้านอะไรพวกนี้มันก็ง่ายกว่า ได้มีสังคมสนุกๆ มีหน้ามีตานิดนึง (เพราะกูเลือกทำแต่องค์กรข้ามชาติดังๆ) มีสวัสดิการดีๆ ตอนเด็กไม่เคยสนใจเรื่องสวัสดิการเลยเพราะร่างกายแข็งแรง พ่อแม่ก็แข็งแรง ไม่ได้ใช้สักบาท แต่พอทำงานสักพักถึงรู้ว่ามันช่วยซับคชจ.ได้เยอะมาก หรืออย่าง pvd ก็ช่วยเรื่องลดหย่อนภาษีได้เยอะ
อีกอย่างคือกูขี้เกียจด้วยแหละ ฟรีแลนซ์มันทำมากได้มาก ทำน้อยได้น้อย กูแม่งขี้เกียจ ถ้างานล้นมือ ดูท่าทางจะทำไม่ทัน ก็ปฏิเสธงานดื้อๆ ไม่ได้มี mindset แบบงานเยอะๆ ก็รับหมดแล้วขยันเพิ่ม เพิ่มชั่วโมงทำงานไรงี้ ไม่เลย 555
เห็นร้านในห้างเริ่มเอารถ ai เสิร์ฟอาหารเริ่มกลัวตัวเองโดน ai แย่งงานบ้างแล้วสิ เร็ว ๆ นี้อาจจะไม่แต่เทคโนโลยีแม่งไปไวมากๆ
เป็นคนความสามารถกลางๆ วิชาเอกก็ไม่โดดเด่น หาทักษะเพิ่มก็ได้แต่แบบเป็ดๆ(หรือควรเรียกว่ากูโง่วะ) ตอนนี้ตกงานมา 3 เดือนแล้ว รู้สึกลูสเซอร์ฉิบหาย กูรู้กูห่วย อย่าด่าแรง
>>287 ร้าน You&I กับร้านในเครือMKใช่ไหมมึง? ว่าก็ว่าเถอะนะ พวกรถห่านี่มันทำแทนคน100%ไม่ได้หรอก แล้วมีของพวกนี้มานะ คนที่เหนื่อยคือคนครัว บางทีออกแนวร้านในเครือห้างดังกับเครือปั๊มที่มี รร.มัธยมสายวิทย์อ่ะนะ ก็คือไปๆมาๆคนๆนึงต้องทำได้ทุกอย่างอ่ะ ค่าแรงกด ทนเหนื่อยมากขึ้น จะจ้างใครสักคนมาทำเพื่ออนาคตของตัวเองก็มีแค่พม่าแล้วเลย มันมาไว้แค่ประดับร้านจริงๆอ่ะมึง
เห็นคนรู้จักจบใหม่สตาร์ท30kแล้วกุท้อแท้ในตัวเอง
>>290 /กอด ชะตากรรมเดียวกัน กูลดเงินเดือนไปถึงหาได้
ถ้าอยากได้ความมั่นคง คงต้องรีบหาความสามารถอื่นเพิ่มว่ะ อันที่จริงควรเขยิบไปทำงานในสายเดียวกันที่มี knowhow ไม่ใช่งานเอกสาร ไม่ก็เรียนภาษาที่สาม ถ้ามีเปลี่ยนงานรอบหน้าน่าจะหายากชิบหาย เคยคิดอยากไปข้าราชการเหมือนกันแต่ตำแหน่งที่กูดูๆนี่เงินเดือนหมื่นห้า ลดไปเยอะเกิน ของเมิงจะไปสอบอะไรน่ะ
ราชการนี่เข้ายากไหมวะ พอเห็นคนเขาบอกเลิกงานเย็น ตรงเวลา กูชักอยากทำบ้างละ กูไม่สนเงินเดือนน้อยเพราะหลังเลิกงานกูมีงานเสริมของกู
เเต่พักหลังๆงานเอกชนที่ทำอยู่เเม่งเริ่มละ มีOT เกินเวลา เรียกนอกเวลา เซงชิบหาย ถึงเเม้จะได้เงินเเต่กูทำงานเสริมได้เยอะกว่า ได้พัฒนาสกิลที่ชอบด้วย
มุ่งสอบราชการดีมะถ้ากูอยากได้งานที่เลิกตรงเวลา มีตำเเหน่งอะไรที่รับทุกสายบ้าง
หัวหน้าชมกูให้รุ่นพี่ในทีมฟังบ่อย แต่ยังไม่ให้กูถือโปรเจค ให้เพื่อนอีกคนถือแทน แปลกใจนิดหน่อย ก็ดีเพราะไม่ชอบเจคนี้ แต่หรือว่าจริงๆแล้วกูยังมีปัญหาด้านไหนอยู่รึเปล่าหว่า
>>296 สอบหมื่น เอา10 ประมานนั้นอ่ะมึง แล้วแต่ส่ยงานต้องไปตามในเว็บแทน แต่ข้อสอบก็ปญอเน้นท่องจําเหมือนสอบมปลาย
ส่วนเวลางานเลิกตามเวลาเหรอวะ กูเห็นคนรู้จักทํางานหนักกันชิบหาย เอางานมาทํานอกเวลา มีการประมินนุ้นนี่อรกเยอะแยะปสด นายสั่งมาต้องทําจามแม้นโยบายมันจะไม่สมเหตุสมผล
แต่กูก็จะเข้าอยู่ดี เหตุผลเหมือนมึงเลยกูมีงานอดเรกนอกเวลาด้วย ถ้าไปทำงานบริษัทเอกชนก็ไม่มั่นคงมากกว่า ถ้าทําข้าราชการมึงก็ไม่ต้องใช้หัวคิดรื่องงานเยอะว่าจะโดนไล่ออกว่าบริษัทจะล่มเปล่า ไรงี้ แถมมีสวัสดิการด้วย ก็โอเครสำหรับกูว
>>295 อายุเท่าไรแล้ววะ กูถามลึกไปไหม 555
คือกูจะ30แล้ว รู้สึกว่าถ้าไปเริ่มตอนนี้ก็ช้าไปไหม เอาจริงตอนนี้ก็มีงานทำแหละ แต่เสียวๆจะไม่ผ่านโปร งานไม่ค่อยมี จ้างกูมานั่งว่างทั้งวัน
คิดๆดูน่าจะเรียนบัญชีว่ะ ไปได้ทุกที่ เสือกเรียนบริหารแล้วมาทำงานเอกสาร ไม่รู้จะไปยังไงต่อดี
เอกสาร 10 กว่าหน้ากูสะกดผิดตัวเดียว ตัวเดียวโว้ย โดยที่กูใช้ spelling check ด้วย แต่เสือกมีความหมายไงมันไม่ขึ้นว่ากูสะกดผิด
ด่าซะเหมือนกูไปขี้ใส่ตู้กับข้าวบ้านมัน ทำเหมือนผิดหวังในตัวกูมาก กูต้อง improve นะ ยังงี้มึงแย่นะ มึงจะไม่ผ่านโปรนะ
ควย ตัวเดียวโว้ยตัวเดียว ถ้าเอาจริงๆ ตัวอักษรเดียวโว้ย
>>298 แต่กูไม่เข้าใจนะว่าคนยังสอบเข้าข้าราชการทำไมมีงานเหนื่อยก็เหนื่อยเท่าพวกทำเอกชนเลย เผลอๆมีค่าสังคมไร้สาระให้จ่ายอีกบลาๆ ไม่งั้นคือทำเช้าชามเย็นชามก็ไม่ได้ ยศฐาบรรดาศักดิ์สารพัด แล้วกฎเกณฑ์ ปญอ แบบตราครุฑจัดช่องไฟผิดช่องเงี้ย ไม่ใช้เลขไทยห่าเหวไรอีก ...
. รับกับเรื่องพวกนี้กันได้ไงวะ เพราะแลกกับสวัสดิการแล้วก็หาเวลาว่างพัฒนาทักษะให้ตัวเองไม่ได้งี้เหรอ? มันดูไม่ใช่comfort zone กูเลย
เคยทำงานแบบหมดใจกันหรือเปล่า แบบกูมาแค่ให้ครบๆ งานจะผิดจะพลาดอะไรก็ช่างแม่ง อยากรู้สุดท้ายเคสของพี่โม่งจบกันยังไงบ้าง ลาออก โดนไล่ออก หรือกลับมาตั้งใจทำงานได้
>>301 กอดๆ ดวงด้วยเมิง บังเอิญร่อนไปสะดุดตาบริษัทไหน กูนี่ชอบไปเจอบริษัทที่คนข้างในทะเลาะกัน พอเข้าไปก็เหมือนโดนจ้องว่าจะเข้าไหน
>>303 ค่าสังคมกูว่าอยู่ที่ตัว เป็นคนเฟรนลี่หน้าใหญ่เพื่อนเยอะหน้ากฐินเมิงก็รับซองไป พวกนี้ทำงานเอกชนก็ต้องเสียเหมือนกันแหละ
ที่กูสนงานข้าราชการเพราะกูเริ่มหลอนแล้วน่ะ คนทำงานเอกสาร พอสักสามสิบถ้าเกิดบริษัทที่ทำอยู่ มีอะไรเปลี่ยนแปลงสักนิดนี่จะหางานใหม่ยากละ ถ้าต้องไปทำที่อื่นก็แทบจะต้องเริ่มเรียนจาก 0 ไม่ต่างจากเด็กจบใหม่เท่าไรหรอก วันๆกูก็แค่ออกเอกสาร ไม่ได้ใช้ความชำนาญเฉพาะทางอะไร งานพวกนี้ส่วนมากเข้ารับแค่เด็กจบใหม่-28-30 กัน พอคิดว่าถ้าสักตอน 35-40 ตกงานจะทำยังไง จะหางานใหม่ยังไง ไม่มีภาพเลย
แต่เงินเดือนข้าราชการแม่งน้อยจริง กูว่ามันเหมาะกับเริ่มทำตั้งแต่จบใหม่ๆ เดี๋ยวนี้เงินเดือนเริ่มต้นก็พอๆกับเอกชนแล้ว กูว่าถ้างานเช้าชามเย็นชาม(แบบที่คนส่วนมากคิด) บริษัทไม่มีวันเจ๊ง ทำตัวดีๆไม่โดนไล่ออก นี่มันโคตรรร comfort zone เลยนะ ติดตรงเงินเนี่ยที่อาจจะอึกอักๆ บ้าง
ส่วนเรื่องค่ารักษาพยาบาล ถ้าเมิงซวยเป็นโรคหนักๆ โรคเรื้อรัง มะเร็ง สักโรคก็คุ้มแล้วมั้ง แต่ไม่เป็นดีกว่า
ราชการนี่มีตำเเหน่งไหนรับทุกสาขามั่งวะ กูทำวิศวะมา2-3ปีเเต่ใจกูไม่อยากทำวิศวะเเล้ว ให้ทำงานgeneralเบ๊งานเอกสารก็ได้
>>307 ค่าสังคมกูไม่ได้มองถึงจ่ายกฐินไรงี้นะ มึงลองนึกถึงข้าราชการพยาบาล หมอ ตำรวจ ที่มีการบังคับขายเวร แล้วคนผู้น้อยต้องโดนมัดมือชกซื้อเวรซึ่งหักจากเงินเดือนน้อยมากอยู่แล้วยิ่งไปๆมาๆน้อยเท่า พนง.เซเว่นไปอีก หรือในตำรวจก็พวกจ่า นายร้อยจบใหม่ที่ต้องแบ๊กเงินหนาๆถึงจะเอาใจพวกแก่ๆได้ดูนะ ไม่งั้นก็โดนบังคับซื้อเวรทำงานแบบใน รพ. พอๆกัน วงการข้าราชการไม่น่าเข้าเพราะสุดท้ายมันก็หาความมั่นคงทางเงินยากไปอีกจากเรื่อง(ไม่เป็นเรื่อง)ห่านี่อ่ะ ...ถ้างานครูกูควรนึกถึงว่าเวลามีงาน รร. ส่งตัวแทนนั่นนี่แล้วขอเบิกค่าเหี้ยไรไม่ได้เลยดีไหมอ่ะ พอมีผลงานจริงสุดท้ายระดับใหญ่ๆเอาแต่รอลงมาเคลม หยาดเหงื่อเงินทองมึงคือหาย บางทีหมดตรงนี้ไปสุดท้ายไปกู้ๆมาอีก หรือแบบต้องทำผลงานอวยben 10 แต่งบไม่มาควักจ่ายเองเงี้ย หมุนเงินไม่พอแต่ก็ต้องทำ ทั้งพวกสวัสดิการระดับขยะที่มีแค่Cสูงๆถึงจะได้รับเยอะๆอีก มันเป็นสิ่งที่กูคิดไม่ตกอยู่ดีนะว่าcomfort zoneยังไง แล้วพวกงานข้าราชการยิ่งคิดก็รู้สึกไปอีกว่ามันต้องเหมาะกับคนมีฐานะ ไม่เดือดร้อนเรื่องเงินเท่านั้นถึงจะอยู่ๆได้ แล้วอยู่กันเพราะว่าสวัสดิการกับบำนาญเท่านั้นจริงๆ
พวกมึง กูคือโม่งคือเคยบอกว่าไม่ผ่านโปร วันนี้กูได้ไปเซ็นใบลาออก ก็ไม่ไรมากเพราะได้ยินมาว่าไม่ผ่านต้องเซ็นลาออกเพราะการกำหนดโปรมันผิดกม.ไรทำนองนี้ แต่กูได้ใบประเมินมาด้วย สรุปคะแนนกูผ่านโปร กูงงมาก แต่เอชอาร์(ควบมาร์เก็ตติ้ง)บอกว่าคิดว่าอนาคตกูคงทำกำไรให้ไม่มากพอที่เขาจะขอขยายทำผลงานเพิ่มจนถึงเป้ากำไรในปลายปี อิสัส กูชามาก ตอนแรกกูกะจะสู้สิอีหญิง แต่คิดอีกทีถ้าคนใหญ่คนโตหัวดอขนาดนี้กูอยู่ต่อก็คงไม่ได้อะไร
>>314 ไม่ได้คิดถึงสายนั้นเลยว่ะ ในหัวกูนึกถึงข้าราชการทำงานเอกสารที่นั่งในออฟฟิศ พวกนั้นน่าจะไม่ต่างกับพนักงานเงินเดือนทั่วไปป่ะ ทำงานวันละ 8 ชม ครบก็กลับบ้าน พวกซื้อเวรน่าจะเป็นงานที่งานโหลดหนักๆแบบงานในรพ.ตามที่เมิงว่า
พวกที่ทำงานแทบตามสุดท้ายหัวหน้าเอาไปเคลมนี่เอกชนก็มี กูเคยทำรีพอร์ตอาทิตย์ละ 4-5 ตัว ให้หัวหน้าเอาไปรายงานสนงใหญ่ ขนาดสูตร vlook up ยังทำไม่เป็น ยอดขายขึ้นลงเพราะอะไรยังต้องถาม ทั้งๆที่ในที่ประชุมก็รายงานตลอด
>>315 หาใหม่เมิง สู้ๆ ให้ผ่านโปรมาก็ดีแหละ เอาไปใส่รีซูเม่สมัครที่ใหม่ได้
>>316 ทำไมกูรู้สึกว่ากลับกันนะ ฟังจากคนจบ ววส. มา ไม่ใช่ที่มึงเข้าใจ รุ่นพี่บังคับขายเวรให้รุ่นน้องควักเงินจ่าย ถ้าเวรก่ะดีๆ เข้าตามเวลาราชการ มันจะแพงหรือไม่งั้นก็มีแต่พวกเด็กของใครได้ไปบ่อยๆ ซึ่งเวรๆก่ะดีๆแบบนั้นหาซื้อยากไง แต่เวรก่ะเหี้ยๆเอามาขายให้รุ่นน้องตาสีตาสาถึงไม่แพงแต่แม่งก็จำใจซื้อเพราะไม่ซื้อมันจะมีปัญหากับรุ่นพี่
ทำงานเกิน 10 ชมแม่ง ทำตารางชีวิตพังสัสๆ
>>317 อ่ะ เอางี้ ถ้ากับพวก บ. เอกชนมันมีเรื่องแบบนี้ อย่างน้อยๆมึงมีช่องทางให้ดิ้น ตอนโดนแย่งผลงานหรือใช้ให้ทำผลงานส่งหัวหน้าระดับสูงอ่ะนะ เช่น มึงไม่โอเค บ.นี้ มึงหาที่ใหม่ได้ มีทางเลือก, หรือตอนมึงออกมึงแจ้งไปให้ผู้บริหารรู้ให้ทั่วเลยก็ได้ว่ารีพอร์ตมันคือผลงานมึง งานมันทำไม่เป็นสักอย่างแต่กลับโดนใช้แบบไม่เป็นธรรมก็ว่าไป แต่กับข้าราชการถ้ามันจิกหัวใช้มึงจนเกินเงินเดือน มึงก็จะโดนไปตลอดนะ จริงๆมันไม่จบแค่นี้ไง ถ้าแม่งต้องให้มึงทำงานซ้ำซ้อนอีกกับบางเรื่องแม่งคืองานกระดาษแผ่นเดียวแท้ๆคือมึงก็รับได้เหรอ? เรื่องแบบนี้นี่มึงยอมไปได้กูไม่รู้จะว่าอะไรแล้วเหมือนกัน
>>320 หัวหน้าที่กูพูดถึงนี่คนญปนะเมิง สนงใหญ่คือประเทศญป พวกนี้ก็ไม่ต่างจากเด็กเส้นในระบบราชการหรอก กูไม่ได้บ่นว่าไม่อยากทำนะ แต่จะชี้ให้ดูว่าหัวหน้าที่รอรับข้อมูลเอาไปรีพอร์ตแล้วเคลมมันก็มีในเอกชนเหมือนกัน
ฟ้องไปเขาก็ไม่สนหรอกแค่มีส่งรายงานเขาก็พอใจแล้ว ส่วนใครทำเขาจะแคร์ทำไม มันคือเรื่องของการกระจายงาน เผลอๆโดนเพ่งเล็งอีก ถ้าไม่ลาออกก็ต้องโดนใช้ตลอดไปเหมือนกันแหละ ช่องทางดิ้นที่เมิงว่าก็คือลาออกอยู่ดี แถมฟ้องตอนลาออกเขาก็ไม่แคร์แล้ว คนนี้ไม่พอใจลาออกไปแล้วก็หาคนใหม่ที่เชื่องๆมาทำดีกว่า
>>322 ทำบ.ญี่ปุ่นเหมือนกัน ตามนี้เลย เขาชอบคนเชื่องๆ ไม่ชอบคนมีปัญหาเยอะไปฟ้องโน่นนี่นั่น แทนที่เขาจะมองว่ามันมีปัญหา เขาจะมองว่าคนฟ้อง=ตัวปัญหา ใครไม่เชื่องอยู่ไม่ได้ก็ลาออกไป ส่วนมากคนลาออกจะเป็นเด็กรุ่นใหม่ไฟแรงเก่งๆ ส่วนพวกแก่ๆ มีสองแบบคือพวกเหี้ยอยู่ให้คนเขาเกลียดและไม่ทำงาน กับพวกเฉยๆ จะอยู่แบบเชื่องๆ ไม่หือไม่อืออดทนทำงานไปวันๆ เพื่อรอวันเกษียณ ข้อดีคือไม่มีการบีบออกตอนแก่เหมือนฝรั่ง ข้อเสียก็เลยมีพวกแก่ๆ ไร้ประสิทธิภาพเต็มไปหมด บ.กูเป็นบ.ที่เปิดในไทยมาเกิน 40 ปีแล้วอะนะ ถ้าบ.สมัยใหม่หรือบ.ขนาดเล็กอาจจะไม่เป็นก็ได้มั้ง...
บ.ไทยเล็กๆบางที่ก็ไม่ต่างกับราชการทั้งเงินเดือนทั้งการทำงาน ทำงานดีหน่อยก็โดนโยนงานมาหมด ถ้าท้วงก็โดนด่า เลือกคนที่อยู่มานานมากกว่าการทำงาน
แค่อยากระบายให้ฟังเฉยๆ
กูคิดเรื่องลาออกมาซักพักละ ตัดสินใจว่าน่าจะบอกนายพรุ่งนี้ แต่พอคิดถึงพ่อแม่ แม่งน้ำตาไหลเฉยเลย เหมือนกูผิดหวังในตัวเองที่เขาอุตส่าห์ส่งกูเรียนสูงๆ แต่กูดันทำงานล่าสุดได้แปปเดียวก็จะออกแบบยังหางานใหม่ไม่ได้
กูไม่รู้ว่าตัวเองเป็นคนเหี้ย คนไม่เอาถ่านหรือเปล่า งานเก่ากูอยู่ได้ 5ปี ออกไปเรียนต่อหวังว่าจะเปลี่ยนสาย ได้งานที่อยากทำ จะได้มั่นคง กลับมาชดเชยให้ที่บ้านได้ สรุปกูได้งานที่เหมือนก่อนไปเรียน ยุ่งกว่าเดิมจุกจิกกว่าเดิม แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือกูไม่สนุกกับการต้องเปนตัวแทนขับรถไปหาลูกค้า เป็นตัวประสานงานอีกแล้ว
กูพยายามสมัครงานการตลาดที่กูอยากทำ แต่ไม่มีใครมาเรียกเลย มีแต่งานเซลล์งานติดต่อลูกค้ามาเรียกสัม ยอมรับกูท้อใจมาก ไม่ได้อยากตายแต่มันก็ไม่ได้อยากอยู่
กูรู้สึกไร้ค่าในที่ทำงานว่ะ ไม่ค่อยมีใครกล้ามอบหมายงานให้กู เพราะกูเด็กสุด ทั้งๆที่กูก็ทำงานมาเกือบปีแล้ว จนตอนนี้กูรู้สึกกูทำอะไรไม่เป็นเลย
น้ำมันแพงมาก
ถ้าไม่ต้องหาเงินแล้วชีวิตนี้ พวกมึงจะไปทำอะไรกันวะ
อิพวก HR นี่หาทำกันจังวะ พอมีนายญี่ปุ่นมาใหม่ก็จับคู่ให้กูเป็นบัดดี้มันแม่งเฉยเลย ไม่เคยดูว่าอยู่คนละส่วนงานกัน ส่วนอินายญี่ปุ่นกูแม้งก็ดันขาดื่มแบบกูอีกเช่นกัน อยู่กันยาวๆเว่ย วันนี้หลังเลิกงานก็คุยโปรเจ็คส์กันต่อจนดึกแล้วมันก็บอกว่า เดี๋ยวพาไปเลี้ยงข้าว ที่ไหนได้ ยอดข้าวเต็มๆเลย 55555 ดีนะที่กูรู้จักร้านดีๆอยู่บ้างเลยแนะนำไปพอสมควร นี่ตอนนี้นั่งๆอยู่มันจะโยนโปรเจ็คส์มาให้กูอีกละ มีบอกอีกว่าถ้าโปรเจ็คส์นี้ไปรอดมันจะโปรโมทให้กู เออเว้ย เอาไงก็เอากันละวะงานนี้. แต่ตอนนี้ขอแดก[ยอด]ข้าวฟรีก่อน พรุ่งนี้ประชุมบ่าย เอาไงเอากันวะ 5555
>>333 จะเรียนทุกอย่างที่อยากเรียนเลยว่ะ ภาษาที่345 วาดรูป ประวัติศาสตร์ เทคโนโลยี งานช่าง การเกษตร ทุกวันนี้กุทำแต่งานไม่กล้าใช้ชีวิต เก็บๆๆเงินอย่างเดียวเพราะอยากลาออกเร็วๆ แต่ดูจากเงินเดือนกุแล้วต่อให้ทำจนเกษียณยังไม่แน่ใจว่าจะมีเงินอยุ่แบบไม่ต้องทำงานไปจนถึงอายุ 85 หรือเปล่าเลย อิจฉาคนที่เกิดมารวยมากๆ แล้วได้ทำอะไรที่ตัวเองชอบจังโว้ย
>>333 จะไปซื้อที่ดิน เปิดร้านคาร์แคร์ข้างๆร้านไอ้น้าเขยแมงดาที่ทำบ้านกูล่มจม จะคิดราคาตัดราคามันทุกอย่างแบบไม่ต้องสนกำไร สนมันเจ๊ง เสร็จแล้วจะสืบว่ามันมีธุรกิจอะไรบ้างจะขัดขาของมันทุกอย่างจนแน่ใจแล้วว่ามันนอนกัดก้อนเกลือกินที่บ้านอยู่หงิมๆ เสร็จทุกอย่างแล้วก็คงไปเรียนเปียโน-เรียนร้องเพลง
เมื่อไหร่เมืองไทยจะทํางาน4วันต่อสัปดาห์วะ
เคยมีใครลาออกแล้ว สุดท้ายโดนคนในบริษัทเกลียดหรือด่าตามหลังมั้ย อยากลาออกแล้วไม่แคร์ใดๆ แต่ทำไม่ได้จริงๆ รู้สึกดดันว่าต้องทำให้ดียันวันสุดท้าย แต่ใจกูแม่งโคตรหมดแล้วเลย
อยากลาออกไปทำงานอาชีพอื่น แต่ปัจจุบันเหลืออีก2เดือนจะทำงานครบปีแล้ว กูควรออกเลยดีมั้ยวะ เพราะไหนๆก็จะเปลี่ยนสายอยู่แล้ว หรืออยู่ครบ1ปียังไงประวัติก็สวยกว่า?
จะไปทำงานที่ กทม ประมาณ 6 เดือน ที่พักแถวแบริ่ง-บางนา ห้องราคา 4000-5500 ถือว่าแพงป่ะวะ ห้องสภาพดูดี มีกล้อง แต่อยู่ในซอย ละที่นั่นมันเจริญมั้ย เข้าเมืองยากป่าว พอดีไม่เคยไป
พวกมึง ถ้างานเก่ากูทำมา 6 เดือน จ่ายประกันสังคมตลอด แล้วเริ่มทำงานใหม่อีก 3 เดือนแล้วลาออก(จ่ายประกันต่อ) กูจะขึ้นทะเบียนรับประกันสังคมได้มั้ย
ห่าทำยังกะกูจะไม่ผ่านโปรงั้นแหละ คือกูจะทำอะไรต้องบอกหัวหน้ากูแม่งทุกอย่าง คือมันยังไม่ออฟฟิเชียลไง กูเมลล์เคลียร์
งาน คุยสเป็คกับเว็นเดอร์กับจัดซื้อ แม่งโมโหว่าทำไมไม่บอกมัน
อะไรของมึงวะ คิดว่ากูจะไม่ผ่านโปรแล้วมันต้องมาทำแทนหรอวะ ขี้เยี่ยวถึงต้องแจ้งมันทุกอย่าง
เพื่อนพี่โม่ง มีอะไรแนะนำเด็กกำลังจะจบใหม่ในยุคนี้ไหม กูเครียดจัง
ไม่เคยอยากตายเท่านี้มาก่อน ทำงานพลาด ทำงานไม่ทัน ทุกอย่างแม่งทับถมมาก แล้วยิ่งกูเป็นพวกวิตกกังวล พอเครียดก็ทำงานผิดพลาดมากขึ้น อยากจะหลับไปเลยไม่ต้องตื่นขึ้นมาเจอความจริงที่โดนด่า โดนตามงาน แค่นึกถึงตอนเช้า ใจแม่งสั่นเหงื่อแตก กูกลายเป็นไอ้โง่ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ
>>353 กูเข้าใจมึงนะ ยิ่งโดนกดดันยิ่งพลาด อะไรที่ไม่น่าพลาดก็เสือกพลาด ยิ่งถ้าคนตรวจงานเป็นพวกชอบพูดกดดัน แดกดัน ด้วยนี่แม่งเครียดหนัก ของกูใช้วิธีส่งให้เพื่อนร่วมงานในทีมตรวจให้ก่อนส่งให้หัวหน้า ขนาดนั้นแล้วแม่งก็ยังโดนแต่น้อยลงเยอะ+มีเพื่อนให้ละบาย ให้รับรู้ว่าหัวหน้ากูเยอะขนาดไหนอะไรที่คนทั่วไปไม่เห็นเสือกเห็น
>>352
- ได้งานที่ไหน ถ้าเงินเดือนมันไม่น่าเกลียด ก็ทำๆไปก่อน ระหว่างทำก็มองหางานที่เงินเดือนสูงกว่าเอาไว้ด้วย
- ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานสำคัญ ถึงจะน่ารำคาญ เวลาเค้าชวนไปกินข้าว ตีแบต เล่นบอล บาส ถ้าพอจะไปด้วยได้ให้ไป
- อย่าสร้างศัตรูโดยไม่จำเป็น วันนึงอาจจะต้องพึ่งพาโดยคาดไม่ถึง หรือวันนึงมันอาจเป็นใหญ่เป็นโต
- เพื่อนร่วมงานคือคนทำงานในที่ทำงานเดียวกับมึงเฉยๆ ถ้าไม่จำเป็นอย่าเล่าอะไรหรือนินทาใครในที่ทำงานให้ฟัง มีดพร้อมแทงหลังคุณเสมอ
- ถ้ามึงต้องออกจากงานที่ทำ พยายามออกให้ซอฟที่สุด เคลียร์งานให้จบแล้วค่อยออกไป อย่าทำอะไรห่ามๆแบบ ลบไฟล์งานทิ้ง ถ้ามึงยังทำสายงานเดิมเค้าจะเล่าวีรกรรมมึงสู่กันฟัง
- ความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน การประเมินขึ้นเงินเดือน+โบนัส ขึ้นกับมึงเป็นคนของใคร มึงอยู่ในสายตาคนประเมินไม้ ทำงานหนักทำงาน 7 วันกลับบ้าน 2 ทุ่มทุกวันไม่ได้มีผลอะไรในการประเมิน
กินข้าวนี่เหมือนไม่มีอะไรแต่โคตรสำคัญ แบ่งกลุ่มกันก็ตรงนี้แหละ
มีใครเคยเทงานแบบแรงสุดหลังแจ้งลาออกหรือเปล่า คือกูแจ้งลาออกไปแล้วแต่งานมันยังค้างคาอีกเยอะเลย กูพยายามทำเต็มที่แต่ก็ยังมีค้างอีกเยอะเลยหวะ กลัวเป็นภาระคนมาต่อ
คือถ้ากูตั้งใจเทคงจะไม่คิดมาก แต่กูดัรอยากไปแบบสวยๆ แต่ตอนนี้งานเละเทะสัส เพราะค้างมาตัังแต่เดือนที่แล้วตอนกูเริ่มหมดใจ
กูเพิ่งทำงาน ถ้าผ่านโปรนี่ทำบัตรเครดิตได้เลยปะวะ มาทำงานประจำเพื่อเหตุผลนี้โดยเฉพาะตอนทำฟรีเเลนซ์เเม่งกูทำบัตรเครดิตไม่ผ่านซักที
กุหงุดหงิดว่ะ กุทำงานมาทั้งเดือนหยุดไป2วันติดตอนต้นเดือนเพราะฉีดวัคซีน แล้วลากยาวไม่ได้หยุดมาตลอดเพราะคนไม่มีเมื่อวานกับวันนี้เป็นวันหยุดกู แต่วันนี้โทรมาบอกให้กูเข้างานเพราะอีกคนบ่นไม่สบายจะกลับบ้านจะให้กูไปทำเลยตอนนี้กูไปไม่ได้เพราะกูยังไม่ได้นอนเก็บบ้านซักผ้านั้นนี่ตั้งแต่เมื่อวาน ยังจะมาบอกว่ามา6โมงเย็นก็ได้ ควยเถอะทำงานทั้งเดือนได้หยุด3วันตลกหรอเย้ดแม่
กูใจร้อนเกินไปหรือลูกน้องกูมันกวนตีนกูเล่นวะ คืองี้ คนปกติเวลาเค้าจะคุยงานหรือปรึกษาไรกันก็จะคุยๆให้จบในทีเดียว แต่ลูกน้องกูไม่เว้ย ช้ายืดยาดดดดมากกกกกว่าจะได้เนื้อๆความคือกูต้องรอมันพูดจบแล้วสรุปแล้วกลับไปถามมันอีกที เช่นมันจะถามว่าเสาร์นี้จะให้มีเปิดโอทีเพิ่มเติมสำหรับเก็บตกงานค้างรึป่าว ถ้าคนปกติๆมันจะถามว่าเสาร์นี้ให้เปิดโอทีมั้ยคะ แค่นี้จบ แต่ลูกน้องกูแม่งมาถามกูยังงี้ "หัวหน้าคะ...คือว่าสำหรับวันหยุดสุดสัปดาห์นี้...แล้วงานที่ค้างอยู่จะทำวันไหน...(ทำมือยึกยักๆ)...แต่เสาร์นี้ว่างนะคะ...คือเสาร์นี้มีคนว่างอยู่ค่ะ...(ทำมือยึกยักๆ)คือถ้าจะเอาเสาร์นี้...มาเป็นวันทำงาน...(ทำมือชี้ๆปฎทิน)...พอดีต้องแจ้งคนที่บ้านด้วยค่ะ...เอ่อ...หัวหน้าจะยังไงดีคะ" กูพยายามใจเย็นสุดๆละแต่อดหัวร้อนไม่ได้ทุกทีเลย
>>362 ปกติมึงดุป่าว เขาอาจจะกลัว+เกรงใจเลยเกริ่นน้ำเยอะ มีหน.ที่ไม่ชอบให้ลูกน้องทำโอทีเพราะคิดว่าเวลางานปกติดองหรือเปล่าด้วยนะ อาจจะกลัวมึงคิดงั้นเปล่า
กุขอบ่นของกุหน่อย ศก.ไม่ดีไม่ใช่เหรอวะ โควิดก้ยังทรงๆ ทั้งในและตปท. กุทำบ.ที่เกี่ยวกะท่องเที่ยว. ทำไมงานเยอะแบบถล่มทลายเลยว้อยย ไม่เหมือนปีที่แล้วที่นั่งดูหนังได้เป็นเรื่องระหว่างวัน แต่ตอนนี้ทำตั้งแต่เก้าถึงห้าไม่วอกแวก งานยังไม่เสร็จเลยแม่ง
ในภาวะที่ของราคาขึ้นรัวๆแบบนี้พวกมึงคิดว่าเงินเดือนควรได้เพิ่มตามมั้ยวะ
ตอนแรกเพิ่งย้ายงานแล้วเงินเดือนขึ้นพอควรก็คิดว่าคงสบายละ ไปๆมาๆราคาของแม่งขึ้นเยอะกว่าเงินเดือนกูอีก
แถมปรับเงินเดือนรอบต้นปีกูไม่ได้ปรับ เพราะ HR อ้างว่าเพิ่งเข้าใหม่เลยยังไม่ปรับให้อีก
ตามปรกติอัตราเงินเฟ้อที่สูงระดับที่ดี คือ ช่วงที่มีการจ้างงานมากปรกติ
แต่ตอนนี้คนตกงานในภาคท่องเที่ยว หายไปเกือบ 20% พอคนตกงาน ก็ไม่ค่อยใช้เงิน เงินเลยฝืด
เลยค่อนข้างยากที่จะขึ้นเงินเดือน โดยไม่พิจรณาจากผลงาน หรือ อายุงาน
แต่ถ้าครึ่งปีหลังโอไมครอนจบแล้วจบเลย ไม่มีอะไรต่อจากนี้แล้ว ภาคท่องเที่ยวกลับมาปรกติ นั่นแหละ พอการจับจ่ายใช้สอยกลับมาเหมือนช่วงปี 2019 เงินจะเฟ้อแน่นอน
พูดถึงของราคาขึ้นแล้วนี่กูเสียดายที่ก่อนหน้านี้ไม่ซื้อของหลายๆอย่างที่เก็บได้มาตุนไว้ โดยเฉพาะพวกของฟุ่มเฟือย
ตอนนั้นก็พอเดาได้นะว่าของจะราคาขึ้น แต่ยังไม่แน่ใจว่าการงานจะเป็นยังไงเลยไม่กล้า มาตอนนี้เงินเหลือก็ทำใจซื้อตอนแพงๆไม่ลงอีก
ปีนี้ยื่นภาษีมันไม่ได้มีขึ้นมาให้ออโต้แล้วเหรอว่าเราซื้อประกันไปเท่าไหร่? จำได้ว่าปีแล้วยังชมอยู่เลยว่าดีวุ้ย พอเรากดตกลงเปิดเผยข้อมูลซื้อประกันไว้แล้ว ตอนยื่นภาษีมันขึ้นมาให้เองอัตโนมัติเลย แต่ปีนี้ไม่เห็นขึ้น ??? ต้องมานั่งกรอกเองว่าซื้อประกันอะไรไปบ้าง
30วันสุดท้ายหลังจากที่พี่โม่งแจ้งลาออกไปแล้ว เป็นไงกันบ้าง รู้สึกโล่งมั้ย รู้สึกเครียดมั้ยกับการเคลียร์งานให้เสร็จก่อนคนมาต่อ แคร์มั้ยว่าถ้าเคบียรงานไม่หมดอาจจะโดนคนในบริษัทด่าตามหลัง หรืออาจจะไปฟ้อง บ ใหม่ (แต่กูยังไม่ได้งานใหม่นะ ยอมรับว่าจิตอ่อนแอ เลยต้องออกมาก่อนได้งานใหม่)
เวลาพวกมึงมีสุขภาพทางจิตที่แย่ ซึมเศร้า หมดไฟ ทำนองนี้ พวกมึงทำงานกันยังไงวะ คือนี้เป็นมาหลายปีแล้ว แต่ปีนี้รู้สึกเป็นมากกว่าเดิมแล้วมันกระทบตัวเอง แล้วไปกระทบกับการทำงานด้วย นี้ปรับตัวกันยังไงวะ
โม่ง ระหว่างงานเงินดีเหี้ย ๆ งานหนัก รับผิดชอบเยอะ แถมไม่ใช่แนว ทำไปก็ทำลายสุขภาพจิต กับงานเงินเดือนเบา ๆ พอหาข้าวแดกไปวัน ๆ แต่งานเบา ชอบ มีความสุข เป็นมึงเลือกอะไรกันวะ
กูร่อนใบสมัครมาใกล้จะ 10 ปีแล้วยังไม่เคยมีที่ไหนเรียกไปทำงานเลยว่ะ
ทุกวันนี้แต่ละงานมีแต่ได้จากคนใกล้ตัว แต่ไอ้ที่ส่งใบสมัครเองนี่ไม่เคยมีได้เลย
เลือกไรดี ระหว่าง
งานวันละ 10 ชั่วโมง ทำอาทิตย์ละ 6 วัน เงินเดือน 40,000
หรือ
งานวันละกี่ชั่วโมงก็ได้ หยุดวันไหนก็ได้ บริหารเวลาเอง เงินเดือน 10,000
วันนี้โดนหัวหน้าถามว่าเป็นอะไรกับคุณ XXX (ป้ากูที่นามสกุลเดียวกัน) ซึ่งเป็นคนดังพอประมาณในสายงานที่กูทำงานอยู่
กูก็ตอนนั้นไม่ทันคิดอะไร ก็เลยบอกไปตรงๆว่าเป็นป้ากู เค้าก็ดูตื่นเต้นและปลื้มมาก เค้าบอกว่าตามอ่านพวก blog ของป้ากูตลอดเลย
แต่เอาจริงๆกูแอบรู้สึกอึดอัดว่ะ เหมือนกลายเป็นต้องแบกชื่อเสียงป้าไปด้วยเวลาทำงานทั้งที่กูก็เบื่อไอ้งานนี่จะตายห่าอยู่แล้ว
ไอ้งานที่ทำอยู่นี่ก็ไม่ได้มาเพราะตามป้าเลย แค่ไม่รู้จะทำอะไร แล้วจับพลัดจับผลูได้งานแรกเป็นทางสายนี้แล้วก็อยู่มายาวๆ
ขอสอบถามเรื่อง pvdหน่อยสิพี่โม่ง กูเพิ่งทำงาน
ถ้าในใจมีเเพลนว่าจะทำไม่เกิน1-2ปีเเน่ๆ กูต้องสมัครกองทุนไหมเนี่ย เข้าใจว่าถ้าออมไม่ถึงกี่ปีกี่ปีมันก็เหมือนเอาตังค์ไปเก็บไว้ที่บ. เเล้วตอนออกได้คืนเฉยๆใช่ปะ
>>398 ต้องอ่านคู่มือพนักงานบริษัท บางบริษัทพนักงานจะได้ส่วนที่บ.สมทบก็ต่อเมื่ออยู่เกิน x ปี แต่บางบริษัทก็อาจจะให้เลย แต่ที่ได้ทันทีคือสิทธิ์ลดหย่อนภาษี เหมาะกับคนที่ฐานภาษีสูงและซื้อลดหย่อนอย่างอื่นจนเต็มหมดแล้ว แค่ได้ลดหย่อนภาษีก็ถือว่าคุ้มสุดๆ แล้ว ถ้าแพลนจะลาออกภายใน 1-2 ปี ก็แค่ย้ายไปอยู่กับกองทุนของบ.ใหม่หรือไม่ก็ย้ายไป rmf ถึงจะไม่ต้องคืนสิทธิ์ลดหย่อน
ถ้าตามกฎบริษัทจะได้สมทบก็ต่อเมื่ออยู่เกิน x ปี และตัวเธอฐานภาษีต่ำ ก็ไม่ต้องทำก็ได้
วันนี้นายพามาเลี้ยงราเม็งส่งท้าย ก่อนส่งตัวกลับบริษัทแม่ มาถึงร้านมันก็สั่งโซจูมาเปิดเลย อาส์เช็คงานเช้าละคงไม่หนักมาก ประชุมถกปัญหาเฉยๆ นายสุดที่รักจะกลับละ ก็เต็มที่หน่อยเว้ย เอ้า วันนี้เดี๋ยวพาลุยพัฒพงษ์เองละกัน
ขอถามโม่งทำงานหน่อย พวกโปรไฟล์linked inมันมีประโยชน์ไหมอะ ช่วยให้หางานได้จริงไหม
มีใครหมดไฟมนการทำงานแล้ว กลายเป็นติดเกมหรือติดอะไรที่มันดูไม่เหมือนงานบ้างไหมวะ
ของกูไปติดวาดรูปเเทนซะงั้น เเบบชีวิตนี้ไม่เคยวาดรูปเลย พอวัยทำงานเบื่อๆหาไรทำ ไปๆมาอยากฝึกวาดรูปซะงั้น
ใจทุกวันนี่คืออยากรีบกลับบ้านไปนั่งหัดวาดรูป สนุกดี
บริษัทกูปัญญาอ่อนอีกละโว้ยยยยยยยยยยย จะตัดเกรดผลงานปีที่แล้วและจะให้เกรด 1-2 ทุกคน โดยแม่งอ้างว่าประเมินจากวันมาทำงาน ไอ้คนที่ลาพักร้อนครบต้องโดนเกรด 1 แล้วเเน่ๆซึ่งแม่งไม่แฟร์เลยว่ะ คือกูก็ลาตามสวัสดิการที่ให้กูไงตอนที่ลากูก็จัดการงานเรียบร้อยบอกทุกคนล่วงหน้า งานอื่นๆก็ปกติได้ตาม KPI แม่งทุกอย่าง แต่พอมาตัดเกรดไอพวกบนๆแม่งจะหาเรื่องไม่จ่ายโบนัสไง เอาเรื่องโควิดมาอ้างผลประการไม่ดี บริษัทได้รับผลจากโควิด บ้านมึงเหอะ ตอนโคิดหนักๆพวกกูทำงานควบกะกันแทบตาย ต้องทำงานควบตำแหน่งแทนคนติดโควิด แทนคนกักตัว แล้วพอมาตัดเกรดก็เอาเรื่องโควิดมาอ้างกันงี้หรอวะ บริษัทแม่งแย่ขึ้นทุกวันตั้งแต่เปลี่ยนมือมาให้คนไทยบริหารเนี่ยละ สันขวานชิบหายไอ้สัส
มีโม่งทำงานโรงงานบ้างมะ ถามหน่อยพวกโรงงานใหญ่ๆทำไมโบนัสมันโหดกันจังวะ 4-5 เดือนขึ้น แถมบางที่มีเงินพิเศษอีก แล้วมันได้กันทุกคนเลยเหรอวะ
>>412 กูเคยเป็นล่ามเลขาประธานบริษัท โบนัสเยอะเพราะโดยปกติงานโรงงานจะ base salary ต่ำ โบนัสได้กันทุกคน แต่จะได้มากได้น้อยแล้วแต่เกรดด้วย อย่างบ.กูเกรดห่วยๆ ต่ำสุดก็ได้ 3.5 เดือน คนเกรดสูงสุดได้ 5.5 เดือน แต่เฉลี่ยๆ ส่วนใหญ่ก็จะได้กัน 4 เดือนกว่าๆ + เงินพิเศษ เงินพิเศษนั้นจะได้เท่ากันทุกคนไม่ขึ้นอยู่กับเกรด แต่ถ้าเป็นพวก contract หรือ outsource จะไม่ได้อะไรเลยนะ ต้องเป็นพนักงานประจำเท่านั้นถึงจะได้ เดี๋ยวนี้บางทีเค้าก็หาวิธีลดรายจ่ายโดยการจ้างเป็น contract หรือ outsource แทน
มีใครแบบทำงานแล้วไม่ค่อยได้สุงสิงกับคนในบ.บ้าง แบบนานๆคุยทีทั้งคนแผนกเดียวกันหรือคนละแผนก เวลาไปกินข้าว ถ้าเค้าไม่ชวนก็ออกไปหาอะไรกินคนเดียว
>>404 หนักๆตอนนี้ก็เกมมือถือ แถมชอบเอาขึ้นมาเล่นเวลาทำงาน โดยเฉพาะประชุมแบบไม่ต้องเจอหน้า 555
>>408 ของกูเคยแปะใน JobsDB 2-3 วันแรกๆนี่มาวันนึง 10 สายได้ คุยโทรศัพท์จนเหนื่อยเลย
แต่ส่วนมากมีแต่งาน outsource แถมค่าตอบแทน/สวัสดิการก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ถ้าลงใน LinkedIn นี่จะดีกว่าป่าว
>>410 ต้องทำถึงขนาดนั้นเลยหรอวะ ของบริษัทกูแม่งไม่อยากจ่ายเยอะก็จ่ายน้อยๆได้เลย
แล้วก็แค่บอกว่าผลประกอบการไม่ดี จบ
กุโม่งวัยเรียน สงสัยว่าทำไมเงินเดือนถึงเป็นเรื่องไม่ควรถาม ไม่ควรบอกเหรอ มันจะไปเปรียบเทียบกันหรือไง ยังไงก็ไม่ควรถามใช่มั้ยรึว่าถ้าสนิทก็ถามได้ แบบกุเรียนอยู่ก็อยากรู้เรทไว้ตัดสินใจอนาคตน่ะ จะถามพี่ที่จบไปก็เสียมารยาทอีก ประกาศรับสมัครงานก็ชอบเขียนว่าแล้วแต่ตามตกลง (...) ตามโครงสร้างองค์กร (...) แล้วกุจะตรัสรู้มั้ยแหลว
>>421 ตรัสรู้ได้ไม่ยาก เวลาหาประกาศสมัครงาน มันไม่ใช่ทุกที่หรอกที่เขียนว่าตามตกลง ตามโครงสร้าง มันจะมีบางที่เขียนบอก range ไว้ ก็เอาอันนั้นแหละมาเป็นข้อมูลไว้เยอะๆ แล้วลองหาค่ากลางดู หรือง่ายกว่านั้นก็คือสมัครงานกับบริษัท recruitment พวกนี้จะสลับกับพวกบริษัทที่รับตรง คือจะบอกเงินเดือนแต่ไม่ค่อยยอมบอกชื่อบริษัท เวลาเราไปสมัครทีเค้าจะ offer มาให้หลายที่อยู่แล้ว บอกเงินเดือนทุกที่ ก็เอาอันนั้นมาลองหาค่ากลางดู และที่สำคัญคือ recruiter จะพยายามหาเงินเดือนให้ candidate ให้ได้มากที่สุดอยู่แล้ว เพราะเขาได้ % จากเงินเดือนเรา
ส่วนเรื่องเงินเดือน กูไม่เคยถามใครและจะไม่บอกใครด้วย แต่อันนี้ก็แล้วแต่คนอะนะ ส่วนตัวกูถือคติแบบนี้ เรื่องข้อมูลหาเอาจากที่อื่นได้เยอะแยะ
สถานการณ์บริษัทกู มีแผนกนึงออกยกทีม ผู้จัดการส่วนภูมิภาคลาออกหลังมาทำได้1ปี ผู้จัดการฝ่ายบุคคลเข้ามาวางบอมป์ปรับลดสวัสดิการแล้วตัวเองลาออก ปรับมาเน้นรับพนักงานสัญญาจ้างไม่รับพนักงานประจำ ฝ่ายขายออกเเคมเปญที่ล้าหลังและเชยมาก งานในบริษัทมั่วไปหมดเละตุ้มเป๊ะ ประชุมแล้วประชุมอีกทั้งวันแต่ไม่คืบหน้า รวมๆแล้วกูเตรียมหางานใหม่รอละ
อยากเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มของวัยทำงาน เวลาไปสมัครบ.ที่มีพนง.ต่างชาติจะได้สัมผ่าน คุยรู้เรื่อง เขียนเมลได้
เพื่อนโม่งมีแนะนำมั้ย
มีใครทำงาน 6 วันแล้วรู้สึกสุขภาพแย่ลงหรือร่างกายรูัสึกแย่ลงไหม เพิ่งเคยทำ ทำมา 2 อาทิตย์แล้วรู้สึกแย่ชิบหายเลย
>>428 มึงเพิ่งเคยเหรอ? มึงไปดูตามร้านอาหาร โรงงานตามนิคมนะ นั่นแหละ996ของจริง เจ้าดังๆนี่ยิ่งกดขี่แรงงานยันนโยบาย ส่วนตัวกูคือต้องหาอาหารเสริมมาอัดๆไว้แล้วก่อนเลย แล้วถ้ารายได้ดีจริงน่าทนนะ แต่ว่าก็ว่าเถอะ งานดีๆในประเทศหัวควยนี่หายาก ที่เจอๆว่าว่างๆคืองานที่คนเขารู้ๆกันว่าทำไปก็เจ็บตัว
>>425 กูน่าจะเป็นแบบเรียงรูปประโยคไม่ได้ เพราะเรื่องเท้นส์ แกรมม่าอะไรไม่ได้เลยอะ ถ้าต้องคิดประโยคเองเลยพูดไม่ค่อยได้ แต่อ่านได้อยู่ เรื่องเขียนน่าจะต้องเริ่มจากพื้นฐานเลยว่ะ ไม่เคยสอบโทอิค สอบก่อนจบมหาลัยมันเป็น exit exam ของม.ไม่มีอะไรให้เทียบอีก มีแต่แกทอิ้ง102กับเคยเทส EF SET ในเว็บมันได้ C2
>>429 เพิ่งเคย แต่รายได้ดีจริง แต่กุห่วงว่าตัวเองจะไหวกับงาน 6 วันรึเปล่า พอไปบ่นกับที่บ้านก็โดนไล่ให้ไปหางานราชการทำ ไหนๆแล้วก็ถามต่อเลย พวกงานราชการแบบบัญชีหรือนั่งหน้าคอมเนี่ย สบายจริงเหรอวะ ที่บ้านกุโม้จังเลยว่าเงินดี งานสบาย เลิกงานไว แต่กุอ่านรายละเอียดงานแล้วรู้สึกแบบเหมือนแค่รับคนเข้าให้มันเต็มเฉยๆมากกว่า
ที่บ้านอยากให้รับราชการเหมือนกัน แต่ตอนนี้มันเลื่อนสอบ กพ. ไม่มีกำหนดปะ ได้แต่รอไปเรื่อยๆสินะ
ว่าแล้วก็ขอถามหน่อย เพิ่งเรียนจบปีที่แล้ว (สายภาษาอังกฤษ แทบไม่มี hard skill แต่คิดว่าสื่อสารได้ คะแนนโทอิคก็สูงอยู่) มีประสบการณ์ทำงานแบบไม่ใช่ฟรีแลนซ์แค่ 6 เดือน ตอนนี้กำลังมองหางานใหม่ที่จะได้อัพสกิล / มีสายงานที่ชัดเจน แต่ก็ยังสับสน ไม่รู้จะทำอะไรดี อยากลองพวกสาย hr แต่ก็สนพวก digital marketing ที่โฆษณาว่าพร้อมสอนงาน/ให้ความรู้ละเอียด แต่ก็เข็ดกับ start up อะ อยากได้งานบ.ที่โครงสร้างงานแน่น เนื้องานชัดเจนมากกว่า
สุดท้ายก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองชอบทำอะไร เหมาะกับอะไร ได้แต่หาอันที่สนใจ สมัครให้ได้ แล้วลองทำดูสินะ ถ้ามีคนช่วยแนะนำจะเป็นพระคุณมากครับ
จะซื้อโน้ตบุ๊คใหม่มาทำงาน ช่วยแนะนำหน่อยได้มั้ยครับ เอามาทำงานเอกสาร เล่นเว็บ เล่นเกม (ขอแบบ project zomboid multiplayer กับ GTA IV ไม่กระตุก) แล้วก็แรมซัก 8gb กับขอจอ 15.6 งบถ้าไม่เกินสองหมื่นหรือเกินนิดหน่อยได้จะโอเคมากพอจะมีรุ่นไหนแนะนำบ้างมั้ยครับ ขอบคุณมากครับ
>>439 ไม่มึง 975 แต่มีไลน์เรื่องงานนอกเวลาหรือโหลดจนต้องเก็บกลับไปทำบ้าง โดนกรอกหูเรื่องกำไรทุกวันทั้งที่ไม่ใช่ฝ่ายเกี่ยวกับอะไรที่จะมีผลต่อกำไร (เป็นล่าม แปลเอกสาร จัดการเอกสาร ออกบิลเถือกนั้น ติดต่อเอ้าท์ซอสแต่ไม่ได้ติดต่อลูกค้า) ล่าสุดมีคนโดนเด้งออกข้อหาเป็นlossของแผนกทัังที่ทำงานปกติ งานโหลดคนอื่นไปใหญ่ กำไรลดอีกอาจจะถึงตากูก็ได้ กูเลยเตรียมหางานอื่นแล้ว ที่บ้านก็แย่บเรื่องราชการนี่แหละ ถ้าไม่ต้องคิดมากเรื่องจะโดนดีดเมื่อไหร่แถมเลิกงานก็จบงาน การเมืองภายในจิ๊บๆมากสำหรับกู ภาระก็ไม่มี เงินน้อยแต่สุขภาพจิตอาจจะดีขึ้นมั้ง
โดนบอกเลิกจ้างใน 4 วัน หลังไปเริ่มงานใหม่แบบคือกูเพิ่งกลับมาทำงานสายล่ามหลังจากที่ไม่ได้กลับมาทำเกือบสามปี ตอนนี้กำลังรู้สึกแบบเออกูก็คงแปลไม่ดีจริงๆ อันนี้ก็รู้ตัวนะ แต่กูเพิ่งมาเริ่มงานได้แค่สี่วันไม่คิดให้เรียนรู้อะไรบ้างเหรอ โคตรเซ็ง บ.ที่เพิ่งไปทำเป็นสายโลจิสติกส์ไง แล้วกูก็ไม่มีความรู้ในงานสายนี้เลยนะ แต่ก็แจ้งกับคนที่รับกูมาทำล่ามว่ากูไม่เคยมีประสบการณ์ทำงานมาก่อนของแนวโลจิสติกส์เลยนะ เขาโอเคไหม
นายจ้างต่างชาติก็บอกว่าโอเคล่ะ เพราะเดี๋ยวจะลองให้โอกาสเรียนรู้งานสายนี้ดู เออ แต่นั่นล่ะกูไปทำงานมาสี่วัน สัมผัสได้ถึงความตึงเครียดระหว่างนายจ้างกับสตาฟไทยนะ แต่แบบกูก็พยายามเรียนรู้งานไว้ให้ได้เยอะที่สุด ไปๆมาๆ กูก็ไม่สามารถจะสื่อสารงานได้ตามที่เขาสั่งอ่ะมั้ง เพราะแบบกูไม่รู้เรื่องขั้นตอนกระบวนการทำงาน โปรเซสอะไรเลย นอกจากไปดูในเมลล์ย้อนหลัง แต่มันก็ได้แค่อ่านว่าเขาสั่งอะไรมา กูก็แปลได้แค่หน้างานอ่ะ
พอกูไม่สามารถสั่งให้สตาฟไทยทำงานตามที่นายจ้างต่างชาติต้องการได้ อันนี้สตาฟไทยเขาก็มีวิธีการทำงานของเขาอ่ะ เขาเลยไม่อยากแก้กับทำงานตามแบบที่นายจ้างกูขอ ประมาณว่าเมลล์คอนเฟิร์มกับลูกค้าทั้ง เขาอยากให้ส่งรายงานด่วน แต่สตาฟไทยเขาก็มองว่ายังไม่เสร็จกระบวนการทำงานทั้งหมด แบบอยากให้ปิดจ๊อบส์แล้วส่งไปทีเดียวและอะไรอีกหลายๆอย่างแนวฟีลว่า กูต้องสั่งให้สตาฟไทยทำงานตามขั้นตอนที่เขาต้องการให้ได้ แต่คือ กูเพิ่งมาได้ไม่กี่วันกูจะมีพาวเวอร์ไปสั่งการเขาได้ไงวะ กูก็พยายามลองเปิดใจคุยกับสตาฟไทยนะ ว่ามันมีขั้นตอนอะไรยังไงบ้าง เวลาที่เหลือก็พยายามดูศัพท์เกี่ยวกับโลจิสติกส์ที่โคตรยากเหี้ยๆ (สำหรับกูที่ไม่เคยรู้ว่ามันมีอะไรบ้างอ่ะนะ) ก็หวังว่าจะค่อยๆปรับกันไป มันคงไม่สามารถจัดการได้ก่อนช่วงวันแรกๆอ่ะ
แต่พอกูคงไม่สามารถทำงานได้ดั่งใจเขาเลยมั้ง ก็เลยโดนบอกในวันที่สี่ว่ากูไม่ต้องมาแล้วนะ อาทิตย์หน้า แบบกูโคตรเซ็ง รู้สึกเสียเวลาไปสี่วันฟรีๆ ยังไม่ทันรู้อะไรเลยก็โดนบอกเลิกซะล่ะ
แล้วก่อนออกมาอันนี้ได้ยินสตาฟไทยนินทาว่าจริงๆเขาอยากหาโลจิสติกส์ที่ได้ภาษาต่างประเทศได้ แต่ไม่รู้ทำหาจ้างล่ามมาทำไม คืออยากประหยัดค่าภาษาของโลจิสติกส์หรือวะ แล้วนี่คือต้องการให้กูแปลเทพขนาดไหนวะ เอาจริงๆกูอยากรู้เวลาทำงานล่ามนี่คือกูต้องทำให้ได้ในวันแรกเลยเหรอ แบบทั้งๆที่กูยังไม่เคยผ่านสายงานเฉพาะทางมาก่อนอ่ะนะ ใจคอคือสี่วันนี่มันไม่พอจริงๆสำหรับกูอ่ะ ยังไม่ทันทำความรู้จักใครในบ.ดีด้วยอ่ะ
>>441 ตบบ่าแปะๆ ล่ามหางานง่ายอยู่แล้วไม่เป็นไรหางานใหม่นะ
แต่ถ้าสนใจจะเทิร์นมาสาย Japanese speaking แบบกูก็ได้นะ ไม่ต้องไปล่ามเรื่องของชาวบ้านแล้ว ทำงานเอง คุยงานเอง คุยเรื่องที่ตัวเองรู้เรื่องเข้าใจ 100% กูแฮปปี้ตรงจุดนี้มาก แต่แน่นอนว่างานมันก็มีความรับผิดชอบที่มากกว่าล่ามแบบเทียบกันไม่ได้
>>446 ส่วนเรื่องเงินเดือนอันนี้แล้วแต่สายอีกทีมั้ง อย่างพวกสาย back office อาจจะน้อยมั้งไม่แน่ใจไม่เคยทำ แต่ถ้าเป็นสาย core business ของบริษัท จะน้อยกว่าล่ามแค่ตอนเริ่ม พอทำไปเรื่อยๆ จะได้ขยับทั้งตำแหน่งและเงินเดือน มี career path ชัดเจนและก้าวไกล เงินเดือนแซงล่ามสบายๆ แต่ก็แลกมาด้วยความรับผิดชอบหนักชิบหายอะนะ 555
>>446 เออลืม กูขอเพิ่มเรื่องการเล่นแง่ในที่ทำงานด้วย บางที่คนญปแม่งทะเลาะกับคนไทย แล้วหาคนใหม่เข้าไปเป็นตัวกลาง คนใหม่ก็โดนเขม่นแบบงงๆ ยิ่งพวกตำแหน่งที่งอกใหม่ งานไม่ได้เพิ่มขึ้นเยอะ ไม่ได้มีธุรกิจใหม่ ไม่ได้ไปแทนใครที่ลาออกนี่เมิงระแวงไว้ก่อนได้เลยว่าทำไมต้องงอกใหม่อีก
เห็นในนี้ทำงานล่ามกันเยอะ ..... ล่ามที่มีสกิลเฉพาะทางด้านอื่นติดๆมาด้วยนี่คือนายจ้างโปรดปรานเลยเหรอวะ? แล้วมันจ้างเรามานี่บวกค่าภาษาในตัวเงินเดือนไหมวะ? หรือแม่งเป็นแบบนี้กันหมดคือค่าจ้างเท่าขี้หมาแต่ทำงานยากเท่าพิชิตภูเขา
>>451 กูจบเอกญี่ปุ่นมาเพียวๆ เลย แต่เขาก็รับนะ เพราะเขาอยากได้คนได้ภาษา ส่วนเรื่องเนื้องานก็มาเรียนรู้กันใหม่หมดเลยในบริษัทนี่แหละ รุ่นพี่ในทีมก็สอน เจ้านายก็สอน ขวนขวายเองก็ส่วนหนึ่ง ตอนทำใหม่ๆ มันจะยากลำบากนิดนึง แต่พอเรียนรู้แล้วก็อยู่ตัวทำงานได้ปกติ ตอนสมัครงานเขาจะเขียนอยู่แล้วว่าต้องการคนจบสายไหน บางที่จะบอกเลยว่ารับแต่ related field แต่บางที่เค้าจะบอกว่าเมิงจะจบอะไรมาก็ได้ขอแค่ได้ญี่ปุ่น ก็เลือกสมัครแต่พวกแบบหลังเอา
กูจบเอกญี่มา ทำงานสายแปลเอกสารมาตลอด เพิ่งตกงานมาอาทิตย์กว่า กำลังอยู่ในช่วงนอนเอาแรง จู่ๆมีบ.โทรมาเชิญไปสัมให้เป็นผจก.บริหารบุคคล กูงงมาก กูไม่มีอะไรรีเลทด้านนี้เลย ถามว่าเขาเอาโปรไฟล์มาจากไหน เอชอาร์ตอบว่าบอสใหญ่ส่งโปรไฟล์กูไปให้ บอกอยากเชิญกูไปสัม บอสจะสอนงานแต่ต้นยันจบ พูดเหมือนหลอกไปขายตรง ขายประกัน หรือลูกโซ่เลยหว่ะ
ปฏิเสธไปแล้วแหละ เพราะมีแพลนอื่น แต่อยากถามว่ามีคนเคยโดนมั้ย บ.ชื่อคล้ายๆยี่ห้อมือถือเกาหลี
กอดรวบพวกมึงกูโม่งงาน4วันเอง ได้ยินพวกมึงกูค่อยใจชื้นหน่อยมีกำลังใจหางานใหม่ต่อไปล่ะ
ตอนแรกกูแค่เฟลเพราะกูมาเสียเซลฟ์ว่าหรือกูจะแปลแย่จริงๆ แต่พอมาคิดว่ายังไงทักษะเฉพาะทางก็ต้องให้เวลาล่ามเรียนรู้ก่อนจริงๆ
อย่างโม่ง>>446 เขาคงแค่อยากลอง เพราะกูผ่านงานจากบ.จัดหางานด้วยล่ะ มันเลยบอกเลิกจ้างกันโคตรง่าย
เป็นบทเรียนกูเลยว่า เนื้อหาเฉพาะทางกูคงขอเลี่ยงไว้ก่อนเป็น Coกับแผนกอื่นๆกูน่าจะไปไหวกว่า
ตอนนี้ก็เหลือแต่ว่าเงินค่าจ้าง4วันจะได้ไหม รอลุ้นปลายเดือนอีกที
>>461 หาคนทำน่ะไม่ยาก แต่คนขายส่วนใหญ่อยู่ไม่ยืด เพราะ
- ไอ้พวกที่หลอกหาผจก.ไปทำ เพราะ KPI ของมันคือตั้งหน่วยย่อย(ผจก+ลูกน้อง)ให้ได้ตามยอด
- ซึ่งพอเป็นแบบนั้น สิ่งที่ได้ก็คือ ได้แรงงานคุณภาพต่ำ และระบบงานที่เร่งหาหัวหน้าทีมมาเทรนความรู้เพื่อต่อแบบลวกๆเอาแค่พอรอดข้อกฎหมาย
- สิ่งที่ตามมาก็คือ คุณภาพการขายห่วย ยอดขายก็ต่ำ ที่ขายได้ลูกค้าก็คอมเพลนเยอะ โอกาส refund ก็สูง
- ผลต่อมาก็คือ ลดส่วนแบ่งจากยอดที่คนขายจะทำได้ เพิ่มเงื่อนไขยิบย่อยกว่าจะได้ค่าคอม หักเงินถ้ายกเลิก นู่นนี่นั่น
- รายได้น้อย คนมันคุณภาพต่ำอยู่แล้ว ก็ลาออกกันง่ายๆ
- ลูป
เพื่อนกูทำงานสายประกัน ช่วงแรกก็ขายแต่ปัจจุบันทำงานเป็นคนวิ่งเคลมประกันแทนเงินดีชิบหาย เดือนนึงได้ไม่ต่ำกว่า 35k ยังไม่รวมเคสวิ่งเคลมที่ได้เป็นรายหัวอีก
แต่พี่แกบ่นว่างานหนักเพราะต้องขับรถตะลอนไปทั่ว แถมทำงานวันเสาร์-อาทิตย์ด้วยนี่สิ
>>463 เห้ยมึง มีตำแหน่งนี้เหรอวะ? ..... แล้วมันต้องไปวิ่งขายประกันไหม? หรือว่าวิ่งเคลมเอาๆอย่างเดียววะ? อยากรู้ความเครียดของงานนี้หว่ะ มันเครียดเพราะวิ่งรถอย่างเดียวหรือต้องทำเวลาด้วยวะ? ถ้าต้องทำเวลาด้วยนี่คือต้องยอดมนุษย์วาร์ปได้โอนลี่เลยถึงจะวิ่งงานแบบนี้ได้ ไม่งั้นก็ควรซื้อรถเหาะได้มาใช้
ถ้ายังไม่ได้เซ็นสัญญาต้องผ่านโปรก่อนแล้วลาออกนี่มีผลกระทบอะไรกับเราไหม ลองทำมาเกือบจะเดือนแล้วรู้สึกไม่ใช่ที่ไม่ใช่งานตัวเองจริงๆ
กูโม่งเพิ่งทำงาน ทำได้เเค่2เดือน ทีนี้กูสงสัยว่ากูต้องยื่นภาษีเลยไหมวะ หรือไม่ยื่นก็ได้ เพราะยังไงก็ไม่ถึงเกณเสีย
ทำปลายเดือนพย. ธันวาน่ะ เเล้วบ.ออกใบภาษีให้ ของปีที่เเล้ว
ใครเคยทำงานคลังสินค้าหรือจัดการสินค้าไหม รายละเอียดงานเป็นยังไง เงินเดือนประมาณเท่าไหร่ กุสนใจอยากจะทำ
ที่ทำงานมีคนป่วยซึมเศร้าหรือฆ่าตัวตายกันเยอะไหม
>>478 ยังไม่มีฆ่าตัวตาย มีแต่ป่วยซึมเศร้าเป็นระยๆ เช่นเวลาได้รับโปรเจ็คส์ไปก็จะขอเวลาทำมากกว่าคนอื่นบอกทำไม่ไหว ส่งทีมไปช่วยกูก็แอบสืบๆมาว่าให้คนอื่นทำแทบทั้งหมดตัวเองแค่มาแต่งสไลด์ ลองปรึกษาHRแล้วให้อนุญาติพักไปรักษาตัวหยุดงานไปหลายเดือน(แต่จ่ายเต็ม)กลับมาก็ยังเหมือนเดิม เพิ่มเติมหยุดฉุกเฉินบ่อยขึ้นบอกว่ากินยาแล้วมันเอฟเฟคส์ ไม่มีจิตใจทำงาน ทุกวันนี้มีคนมาทำตำแหน่งมันแทนละแต่ใช้ชื่อว่าเป็นคนซัพพอร์ทเฉยๆแต่เนื้องานจริงก็ทำแทนมันทุกอย่าง เคยคุยแล้วมันบอกกดดัน เครียด แล้วจะไม่มีแรงไม่มีใจทำงาน
มีบอโทรมาติดต่อสัมภาษณ์แต่อยู่จังหวัดใกล้เคียงเงินเดือนเด็กจบใหม่มากกว่างานเดิมสองพันมีค่าคอมให้ตามยอดที่ทำได้กูสนใจนะ แต่ติดเรื่องการเดินทางย้ายที่อยู่เลยปฏิเสธไปหว่ะ กุยังไม่มีครอบครัวถ้าย้ายไปจะคุ้มค่าเช่าบ้านป่ะ พ่อแม่ยิ่งไม่อยากให้ไปไหนไกล ใจกุอยากได้งานหยุด 2 วัน ทำยาวๆไม่อยากเปลี่ยนงานบ่อย อีกอย่างถ้าทำงาน 6 วันกลัวว่าถ้ากุแก่ร่างกายจะไม่ไหวต้องหางานใหม่อีก มึงว่าที่กุคิดเผื่อไปไกลแบบนี้จะทำให้กุเสียโอกาสได้งานป่ะ ช่วงนี้งานหายาก
อยู่ๆก็แยากเป็นอาจารย์มหาลัยว่ะ ทั้งๆที่กูเกลียดระบบการศึกษา เกลียดการเมืองในม. แถมเงินน้อย แต่อยู่ๆก็อยากเป็นว่ะ คือกูชอบเรียนรู้ ชอบหาคำตอบ ล้วชอบเอามาสอนคนอื่นต่ออ่ะ มันสนุกดี แต่รายละเอียดอื่นๆของอาชีพนี้ กูแม่งหยั่งเกลียด กูควรเป็นอาจารย์ดีมั้ยวะ
กูกะลังตัดสินใจจะเอาเงินไปละลาย(ลงทุน) คุ้มเหรอวะ แต่ถ้ามันไม่ทำกูล้มละลายกูก็อยากลองนะ
กุโทรไปถามผลการสัมภาษณ์งาน คนสัมภาษณ์บอกว่าเค้าเลือกกุ แต่อยู่ในขั้นตอนส่งเอกสารให้ผู้บริหารพิจารณาอีกที
จากตอนนั้นเค้าก็หายไปเลยเกือบสองอาทิตย์แล้ว แบบนี้กุยังมีสิทธิ์ลุ้นว่าจะได้งานอยู่ป่าววะ
พน.กุมีตัวต่อตัวกับหน.ใหญ่กับใหญ่กว่าเพื่อประกาศเงินเดือนกับโบ ซึ่งมันเป็นโอกาสเดียวที่กุจะได้แง้มเลยอ่ะว่าหน.กุมันทำงานไม่ได้เรื่อง ดีแต่หลบข้างหลังแล้วส่งลูกน้องไปดีลกับทีมอื่น ใช้งานคนไม่เท่ากัน แต่กุไม่รู้จะหาช่องพูดยังไงว่ะ คือหน.ใหญ่รู้นะว่ากุทำงานดี ทุ่มเท ถ้าเขาชมกุที่จุดนี้แล้วกุดันบ่นว่ากุรุ้สึกโดนเพื่อนร่วมทีมเอาเปรียบงี้มันจะดูแย่ป่ะวะ
>>488 ยังมีอยู่นะ ยังมีโม่งมาถามในนี้อยู่เลย ราชภัฏมั้ง
ครูมัธยมก็ยังเป็นข้าราชการอยู่ 3-4ปีก่อนพี่ที่ทำงานเล่าให้ฟัง รุ่นเพื่อนแกเกษียณก็ได้เงินเยอะอยู่
>>490 เอาตรงๆก็แย่ จากที่เขามองเมิงดีมันก็จะเริ่มมีอะไรมาสะกิดละ จากนั้นถ้าเมิงพลาดเล็กๆน้อยๆ แทนที่เขาจะปล่อยผ่านเหมือนเมื่อก่อน เขาจะเริ่มจดลิสในใจละ
ถ้าจะพูดก็พูดแนวว่าทำไมไหวหรือน้อยใจดีกว่า อย่าไปคิดแทงใครเลยเลือดจะเปื้อนตัวเปล่าๆ ดีไม่ดีได้แผลกลับมาอีก
>>487 คือกุชอบตัดเกรดด้วยน่ะ ชอบสอนและประเมิณ ให้คำแนะนำลูกศิษย์ในการทำวิจัย กุรู้สึกว่ากูก็จะเรียนรู้ไปด้วยเหมือนกันแบ้วเอาความรู้นี้ไปสอนลูกศิษย์ใหม่ๆได้อีก ชอบการค้นคว้า อยู่ในแวดล้อมของคนมีความรู้และขวนขวาย ชอบการเข้าแลปไรงี้ การเป็นครูสอนพิเศษมันไม่มีฟิลด์ตรงนี้อ่ะ มันเหมือนมาทำงานแล้วก็ไป ไม่ได้ติดตามผล
คือจริงๆแล้วกูชอบเรียนในมหาลัยน่ะแหละ แล้วได้ถ่ายทอดความรู้ให้คนอื่นด้วย อย่างที่พวกโม่งพูดถึง ta อ่ะแหละดูน่าทำมาก
จบบัญชี ลาออกจากเอกชน ไปสอบนายร้อยตำรวจดีไหมวะ
ลูกค้าประสาทแดก กูบอกหลายรอบละว่าให้ไปถามเซล เสือกมาถามกูอยู่ได้ พอไม่มีคำตอบให้ก็มาทวงมาจิกมาเร่งมากดดันกู พอกูตอบไปแบบเผื่อวันคาดประมาณ เสือกเอาไปขึ้นที่ประชุม มากดดันกู แล้วกูโดนทางผู้ใหญ่ดุมา ทั้งที่มึงควรไปถามเซลไหมอีผี แถมมึงเปิดออเดอร์มาราคาไม่ผ่าน ยังจะเอางานเลยปุบปับ ประสาทแดก ลีทไทม์เคยบอกไปแล้วว่ารอเป็นเดือน ฟวย กูเบื่อลูกค้าเจ้านี้เจ้าเดียวนี่แหละ
>>499 เซลโยนลูกค้ามาให้ดูอ่ะ ทั้งที่ข้อมูลหลักส่วนใหญ่เซลต้องเป็นคนประสานกับทางลูกค้าเอง ไม่ใช่ให้กูทำอ่ะ(เพราะกูไม่ใช่เซล) บางอย่างกูพอตอบได้เท่าทีมีข้อมูลในระบบ อย่างพวก สต็อคสินค้างี้ อย่างรอบนี้กูก็แจ้งก็บอกเซลไปแล้วว่าลูกค้าต้องการคำตอบงาน ก็ไม่ยอมไปตอบไปบอกลูกค้า จนลูกค้ามาบีบกู พอกูตอบก็มีปัญหาถึงหัวหน้า แต่ยังดีที่หัวหน้าเข้าใจกูเพราะมันไม่ใช่หน้าที่กูอ่ะ
>>502 ใช่ถ้าไม่มีเส้นการเริ่มจากนายสิบนั้นง่ายกว่า แต่ถ้ามีเส้นแล้วไม่ทำตัวเหี้ยเกินไปอะการเข้าเป็นนายร้อยนี่ก็ไม่ได้ไกลเกินเอื้อมอะ
การเข้าเป็นนายสิบนี่เพียงสอบผ่านเกณฑ์ที่กำหนดอย่างคะแนนถึงร่างกายพร้อมก็สามารถเข้าเป็นได้โดยไม่ต้องพึ่งเส้นสาย เพราะเขาต้องการคนมาปฏิบัติงานเป็นมือเป็นเท้าให้ แต่ในขณะที่นายร้อยนั้น มันเป็นระบบกึ่งๆ สืบทอดมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เพราะลูกหลานที่เข้าสอบจะได้สิทธิรับคะแนนพิเศษด้วย ซึ่งระบบนี้แม่งมีมาตั้งแต่ตอนสอบเข้าโรงเรียนเตรียมฯ แล้ว แน่นอนว่าสอบเข้าทีหลังเองก็มีระบบนี้อยู่ฉะนั้นคนที่มีเส้นสายนี่จะสามารถเข้าเป็นนายร้อยได้ง่ายกว่าคนธรรมดาที่สอบเข้าตามปกติ
อันนี้อ้างอิงจากตอนที่ลุงของกูซึ่งเป็นอดีตนายพลมาถามว่ากูอยากเข้าตำรวจมั้ย เสียดายกูอายุเกินไปแล้วเลยอดเป็น
เออ ถ้าจู่ๆ จะประกาศรับสมัครงาน กูควรรู้อะไรวะ แบบกูจะรับคนทำพวกนี้ๆๆ เป็น กูต้องให้รายได้เค้าเท่าไหร่ ถ้ามันเป็นจ๊อบๆ
แล้วกูต้องจดทะเบียน บริษัทอะไรไหม แม่งจะทำธุรกิจ แต่ความรู้ไม่มีนี่เห็นแต่แววเจ๊ง 555
มีที่โทรมา offer คนละตำแหน่งกับที่สมัครไป คุยกันแล้วโอเค เดี๋ยวส่งเมลรายละเอียดเพิ่มเติมให้ แต่ยังไม่เมลมาสักที ถ้าโทรไปถามจะแย่ปะวะ แต่คิดว่าคงรอต่ออีกสักพัก ถ้าครบอาทิตย์ค่อยถามก็ยังไม่สาย
แอบกังวลเพราะตอนบอกเงินเดือนที่หวังบอกสูงไปหน่อย แต่ก็บอกเค้าชัดนะ ว่าเจรจาได้ เค้าก็บอกว่าเรียกสูง แต่เพราะกูมีคะแนนภาษาเผื่ออัพเงินได้ ให้รอคุยอีกที
ไปสัมงานมาที่นึง อยากเริ่มลองทำกับที่นี่มากนะ
แต่เขามีให้ทำแบบทดสอบ แต่พอตอนสัมพาษณ์เขาสัมกูไม่ถึง5นาที แบบนี้มีสิทธิ์ปิ๋วป่ะวะ เขาบอกจะส่งให้เจ้านายต่างชาติพิจารณาตามคะแนนสอบนี่ล่ะ แอบเสียดายแต่กูก็ต้องทำใจว่าเขาจะไม่เรียกมาทำแล้วสินะ
ถามเรื่องการเงินได้ปะวะพรี่โม่ง ปกติพวกมึงเก็บเงินเดือนละเท่าไร ช่วงนี้กูเก็บได้เดือนละ6000 กูควรเอาไปทำอะไรดี
เพิ่งทำงาน กูมีเงินสำรองคิดว่าพอละสำหรับปีนึง ว่าจะเอาเงินที่เก็บเพิ่มได้นี่ไปทำอะไรได้บ้าง
ลองหากองทุนที่ลงในหุ้นพื้นฐานต่างประเทศดู ถ้าเฟดถอนสภาพคล่องไว หุ้นพื้นฐานมักขึ้น ส่วนหุ้น P/E สูงๆ ที่ปั่นเพราะข่าวมันจะลงแทน
เออ พวกมึงจะละลายเงินแค่ไหนไปกะความฝันวะ 555
แบบสมมุติ เงินเดือนมึงเหลือ X,XXX /เดือน แล้วสิ่งที่มึงอยากทำใช้ YYY,YYY ตู้ม(หรือหลายตู้มก็ตาม)
มีเงินสำรองในส่วนอื่นแล้ว แบบพอใช้ทั้งชีวิตถ้ากูไม่แต่งงาน
แต่เอามาเทียบกะเงินเก็บแต่ละเดือน ก็จัดว่าเยอะอยู่ดี ส่วนมากมึงละลายเงินแค่ไหนถึงคิดว่าควรพอแล้วกะความฝัน
>>520 เคสกูนี่ไม่มีภาระเรื่องที่พักก็เลยสามารถเทครึ่งนึงของเงินเดือนไปกับงานอดิเรกได้เลย
แต่ถ้ามีค่าที่พักด้วยคงต้องคิดหนัก เพราะมันเป็นส่วนที่ต้องจ่ายเยอะที่สุดในเดือนนั้นๆ แบบเลี่ยงไม่ได้ พวกค่าของกินกับค่าเดินทางยังหาทางประหยัดได้ แต่ค่าที่พักนี่คือมันแทบจะเป็น fixed cost อะ
จะว่าไปมีใครทำงานสาย IT มั่งวะ คือกูหางานตรงกับสายที่เรียนไม่ได้เลยมาจนตอนนี้อายุขึ้นเลข 3 ละ เพื่อนสนิทกูเลยแนะนำให้ลองไปเรียนสาย IT เขียนโค้ทดูเพราะงานดีในยุคนี้
แต่ปัญหาคือกูมีพื้นฐานแค่ HTML กับ XML ที่เรียนเมื่อเกือบๆ 20 ปีก่อนเท่านั้น และไม่รู้ด้วยควรเรียนที่ไหนยังไงอะ
>>508 ตอบคำถามให้ ครอบครัวกูเป็นครอบครัวตำรวจผู้ชายทุกคนเป็นตำรวจยกเว้นกู (เหี้ย)
อากูสอบเข้าเป็นนายสิบรับราชการตั้งแต่ยี่สิบเศษๆ เกษียณตอน 60 ที่ยศร้อยโท เคสตำรวจกูว่ามีสิทธิเลื่อนขั้นแหละแต่ทั้งนี้ต้องเรียนจบ ป.ตรี ด้วยเพราะมันคือปัจจัยพื้นฐานที่เขาต้องการ ที่ ม.หอการค้า เลยได้เห็นพวกตำรวจนายสิบมานั่งเรียนกันทุก เสาร์-อาทิตย์ เพื่อเอาวุฒิไปอัพยศนี่ล่ะ
WFH อยู่ดีๆมาตั้งนาน อยู่ๆอาทิตย์หน้าบริษัทจะให้เข้าออฟฟิซ 50% ทั้งๆที่ยอดคนติดเชื้อพุ่งเอาๆเนี่ยนะ เห้อ
ในประวัติศาสตร์เคยมีไต่จากนายสิบเป็นรองผบ.ตร.นะ
แต่ยังไม่เคยไม่ใครใต่จากนายสิบ(ต่ำสุด)ไปผบ.ตร.(สูงสุด)ได้
เพิ่งเริ่มงานที่ใหม่ เป็นตำแหน่งที่รับแต่เด็กจบใหม่ แต่ไปเจอเพื่อนร่วมงานกับพี่ ๆ แต่ละคนนี่คือ จบใหม่ที่ว่าคงจะหมายถึง จบป.โทใหม่ๆ จากมหาลัยต่างประเทศ ... แถมทุกคนคือแบบ เก่งเทพสุด ๆ
ตัดภาพมาที่กูจบแค่ป.ตรีที่ไทย มีประสบการณ์ทำงานนิดเดียว (ไม่ใช่ตำแหน่งปัจจุบัน) รู้สึกขาดความมั่นใจจัง หลุดเข้ามาได้ไงไม่แน่ใจ
ตำแหน่งงานใช้ความน่าเชื่อถือเยอะด้วย จะรอดไหมเนี่ยกู พี่โม่งแนะนำที ยิ่งทำงานยิ่งรู้สึกตัวเล็กลง เล็กลง ๆๆๆ ๆ ๆ เหลือตัวนิดเดียว จืดจาง พยายามบอกตัวเองว่า มึงก็ทำได้นะเว้ยย แต่มันโคตรเหนื่อยเลยที่ต้องแกล้งทำเป็นมั่นใจตลอดเวลา T_T เฮ้อออ
จะให้ออกจากงานไปต่อโทเหมือนคนอื่นเขาบ้างคงจะไม่ใช่เร็ว ๆ นี้แน่ เพราะเสียดายงานกับบริษัทปัจจุบัน
คนที่นั่งทำงาน ข้างๆ, ข้างหน้า และข้างหลังกูติดโควิด พร้อมกัน .....
ใจนึงก็กลัวว่ากูจะติดมั้ย ใจนึงก็คิดว่า ..หรือเขาจะติดจากกูกัน
ฝรั่งทำงาน 4 หยุด 3 ได้เพราะไปจ้าง outsource จากประเทศโลกที่สาม 🤔? อารมณ์ประมาณคนไทยจ้างพม่ามาทำงานจับกังแล้วจ่ายชั่วโมงละสิบบาท
มึงลูกจ้างชั่วคราวขององค์กรรัฐมันมั่นคงไหมวะ
กูคือโม่งที่มาถามว่าร้านซูชิกับร้านKFCใกล้บ้านสัสหมาจะเอาไรดี สรุปกูเลือกร้านซูชิหว่ะ ทำมา1เดือน เจ้าของบอกกูไม่ผ่านโปร แต่แอเรีย(ที่ควบจัดซื้อ)กับ ผจก.ร้านที่แม่งเหมือนเป็นในนามหาคนใหม่มาลงงานครัวไม่ได้(เพราะงบจ้างมีแค่หมื่นถ้วน คนมีฝีมือเขาไม่เอา) ช่วยคุยเจ้านายที่กูไม่ผ่านโปรเลยขอเจ้านายเอากูมาจ้างรายวันแทน55555+ คือไม่เดือดร้อนค่าจ้างหรอก สภาพร้านมีสองชั้น ครัวชั้นล่าง แต่ส่งอาหารผ่านลิฟต์ส่งของ สรุปคือครัวดูเก่าๆไม่ใช่แค่อายุ มันเก่าเพราะตัวศูนย์การค้าแทบไม่มาบำรุงให้เลย ระบบไฟเคยมีปัญหา ระบบท่อนี่แม่งต้องมาต่อสายยางดูดออกเพราะท่อระบายเมนเสียไปสามปีกว่าแล้ว และแอร์ข้างล่างไม่ซ่อมให้กลับมาเย็น เปิดรับลูกค้าชั้นล่างไม่ได้ ทุกอย่างคือตัวห้างก็ไม่ทำห่าไรแต่เสียค่าส่วนกลางตลอด เจ้าของก็ไม่สนหีแตดไรด้วย ร้านแม่งคือร้านซูชิแต่สู้พวกZENพวกFUJIหรือเอาแบบร้านคู่แข่งชัดๆแบบHANA, Sushi DENและHiroยังไม่ได้เลยมึง สร้างกิจการมานี่เข้าปีที่9แต่บริหารร้านยังไงวะให้สาขายังเท่าเดิม แล้วเสี่ยงปิดสาขาที่กูทำอีก บ้าบอชิบ แต่ข้อดีที่กูเจอนะ คือมันเตรียมวัตถุดิบแบบ ตัดปลา(แซลมอน กะพงแดง อาจิ ซาบะทั้งตัว) ทำไข่หวาน เตรียมเครื่องดอง ซอสบางตัว น้ำยำ น้ำปรุงข้าวซูชิบลาๆ นี่คือไม่ใช่มาสำเร็จรูปแบบเจ้าอื่นแต่เอาวัตถุดิบหลายอย่างมาขึ้นเตรียมอีกรอบหว่ะ ขนาดโชยุยังมีต้มเองเลย เผลอๆพวกไช้เท้าฝอยนี่ถ้ามันมีคนสอนแบบดั้งเดิมให้กูได้ว่าสับยังไง แล่บางยังไงได้นี่คือกูเก็บๆไปแล้ว เรื่องรายได้กูไม่เกี่ยงจริงๆนะ แต่เก็บวิชานี่คือแม่งที่ร้านใกล้เจ๊งนี่ให้โอกาสกูเรียนมาก ......ประเด็นต่อมาของกูคือ ร้านนี้เสี่ยงปิดสาขาเมื่อไหร่ก็ได้ถ้าปีหน้าไม่ต่อสัญญาอีก เข้าไปอีกนิดๆคือมีสองห้างใหญ่ที่มีทั้งFUJIกับZEN ถ้าพวกมึงเคยแดกทั้งสองร้านนี้........สองร้านนี้กูควรไปทำร้านไหนดี ปรึกษาโม่งอีกรอบ มีอีกอันคือ Sushi express ....อันนี้ไม่รู้ว่าคิดยังไงบ้าง ถ้ามีฟีดแบกมายังไงในสายตาผู้บริโภคได้ก็ใส่มาเลยนะ เพราะในฐานะคนทำงานกูจะได้พอรู้ได้ว่าคนบริหารมันใช้ พนง. แบบลำบากเกินเหตุไปไหม
ปล. เพิ่งรู้ว่าสายงานห่านี่ถ้าคนสอนดี เจอกับนายถูกคนได้นี่ เก็บฝีมือไปร้านโอมากาเสะกับร้านตัวเมืองเรียกรายได้เทียบเท่าจูเนียร์โปรแกรมเมอร์ได้เลย ถ้าขึ้นเฮดเชฟซูชิคือรายได้แบบสี่ห้าหมื่น เป็นอะไรที่ลับแลเหี้ยๆ
กูโดนแล้วครับ ไม่ผ่านโปร เรื่องหยุมหยิมมากๆ บอกให้กูต่อโปร 30 วัน ดูว่าจะดีขึ้นไม้...อีห่า 30 วันมันบอกอะไรได้วะ มันก็แค่ให้กูนั่งทำงานไปก่อนจนกว่าจะหาคนใหม่ได้น่ะแหละว่ะ หาไม่ได้ก็ต่อโปรไปเรื่อยๆสัส
กูเพิ่งทำงานเเต่ทีนี้กูเพิ่งครบ120วันไป ซึ่งเลยไปเเล้วอาทิตย์นึง บ.มีสวัสดิการคือกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ซึ่งต้นเดือนหน้ากูได้เข้ากองทุน
เเต่ว่าไม่มีเอกสารหรือรับรองหรือเซ็นสัญญาใดๆ
เเบบนี้กูผ่านโปรรึยังวะ..... มันมีไหมยังไม่ผ่านโปรไม่บรรจุ เเต่ได้สวัสดิการพนักงานได้เข้ากองทุนสำรอง
เวลาผ่านโปรนี่เขาต้องเซ็นสัญญาอีกรอบด้วยไหมวะ เพิ่งทำงานที่เเรก
>>539 แล้วแต่บริษัท กูเจอทั้งที่ผ่านโปรแล้วมีเอกสารให้ เรียกไปรับซองกับมือหัวหน้าต่อหน้าทุกคนในแผนก ปรบมือเกรียวกราวอลังการงานสร้าง กับแบบถ้าครบ 120 ก็คือเป็นอันรู้กันว่าผ่านโปรโดยอัตโนมัติไม่มีอะไรเป็นพิเศษทั้งนั้น ไม่มีเอกสารใดๆ ทั้งสิ้น
ต้องบอกก่อนว่าไอ้ผ่านโปรไม่ผ่านโปรนี่มันไม่มีในกฎหมายนะ มันมีแค่ว่าถ้าทำงานเกิน 119 วันถ้าให้ออกแบบไม่มีความผิดต้องจ่ายชดเชย (ก่อนหน้านั้นไม่ต้อง เอาออกฟรีได้เลยแค่แจ้งล่วงหน้า) บริษัทหลายๆ ที่เลยนิยมเอาเวลานี้มาเรียกเป็นช่วงทดลองงานปงโปรอะไรก็ว่ากันไป แต่จริงๆ แล้วมันไม่มีอะไรเลย ในเมื่อมันไม่มีสถานะนี้ในทางกฎหมาย ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องมีเอกสารหรือต้องเซ็นอะไรทั้งนั้น
ไอ้ที่ต้องมีเอกสารแน่ๆ และเจ้าตัวต้องเซ็นคือเอกสารเข้ากองทุนนี่แหละ เพราะต้องเซ็นสมัคร เลือกกอง เว้นแต่ว่าเซ็นและเลือกไปก่อนหน้านั้นแล้วค่อยมา effective หลังครบโปร ก็ไม่ต้องเซ็นแล้ว เอาไว้เงินเดือนออกแล้วไม่โดนหัก pvd ค่อยไปถาม hr
ทำงานที่ใหม่ แม่งเหมือนโดนวัดความรู้ทุกวันอีห่า ให้กูทำนู่นนี่แต่ไม่เคยสอน พอถามก็ตะคอกใส่ ไม่ก็สอนทีเดียว แล้วเรียกไปนั่งทำต่อหน้า ขยับผิดนิดเดียวโดนด่า
แล้วแม่งอีพี่ที่สอนงานกูมีโอนงานมาให้ แม่งทำผิดตั้งแต่ก่อนโอนมา อีคนที่ทำต่อก็เห็นว่าทำผิดแล้วมาให้กูแก้ให้ ทีตอนกูทำผิดแม่งด่ากูยับ เอาไปพูดต่อคนนั้นคนนี้ทำผิดๆๆ พอพวกเดียวกันผิดแม่งนิ่งๆ มาบอกให้แก้ให้หน่อย ไม่พูดด้วยว่าไม่ใช่ของกู
แม่งถามด้วยว่าผ่านโปรจะอยู่ต่อไหม ใจก็ขี้เกียจหางานใหม่ แต่อยู่ต่อต้องกลายเป็นบ้า ไม่ก็โดนด่ายับๆ จนเจียมเนื้อเจียมตัวเป็นหมาเชื่องๆ อยู่มุมห้องตลอดชีวิต ทุกวันนี้ใช้ชีวิตเหมือนหมากลัวโดนเจ้าของเอาไม้ฟาดทุกวัน
ตอนนี้ ขี้เกียจทำงานฉิบหาย แก้ยังไงดี พยายามแล้วสุดท้ายกลับมาขี้เกียจผัดวันเก่งเหมือนเดิมเลย
ชีวิตกูกำลังจะดีขึ้นใช่ไหม ถ้าเทพเทวดามาจริงก็ช่วยบอกกูหน่อย
>>542 เจอที่แบบนี้เป็นกูกูก็หาใหม่นะ ก่อนหน้านี้กูก็เจอแบบมึง แต่มันยังดีหน่อย(ไหมไม่รู้นะ) ที่มันสอนกูแล้วที่เหี้ยคือก่ะจะให้เป็นทุกอย่างใน4วันเลย หลังจากนั้นมันไม่สอนห่าไรอีก แต่ที่เหี้ยคือ ปสด.กันทั้งร้าน คนนึงให้ทำแบบนี้ได้ อีกคนเสือกบอกไม่ให้ทำ ไม่ถูกใจมัน มีคนมาทีหลังกูคือทำได้วีคเดียวรีบหนีก่อนกูเลย ส่วนกูอยู่ตามระบบมันแดกกูจนวันสุดท้ายเว้ย ทุกวันนี้ย้ายไปอยู่ที่ใหม่ โอกาสเติบโตไม่มี แต่คืออย่างน้อยๆได้เรียนรู้ฝีมืองานเอาไปเรียกรายได้ได้ มีสลิปเงินเดือนกับใบผ่านงานให้
กุเบื่อสถานการณ์ เงินเดือนน้อยแต่ความคาดหวังเยอะว่ะ เหี้ย อยากจ่ายค้าจ้างน้อยๆ ก็ไม่ต้องเอางานมาถมกุ เรียกร้องอะไรจากกุนักหนา ที่บริษัทแม่งก็ให้รับผิดชอบงานของคนที่ลาออกไปตั้งสามคน พอกุทำเสร็จเร็วนั่งตรวจเช็กอย่างอื่น เดินมาคิดว่ากุว่างนั่งเล่น บอกว่าทำไมไม่ไปช่วยคนอื่น ทั้งที่คนอื่นทำงานเดียวทั้งวันแต่แม่งได้เงินเยอะกว่ากุเกือบครึ่ง เหี้ยยย งานสอนพิเศษ เคสแรกสอนสองคน 70 ชม. 2000บาท ตกชม.ละ 28บาทหน่อยๆ ผปค.ก็จี้กุอย่างกับอะไรดี ถ้ารู้ว่าจุกจิกแบบนี้กุไม่รับหรอก เรทนี้ไปหาจากไหนได้เหอะ
>>549 คนรู้จักชวนมาทำ ตอนคุยกันได้ยินว่าชม.ละ50บาท ตกลงกันเสร็จโอนมาให้2000 ก็นึกว่า จ่ายก่อนส่วนนึง พอสอนไปได้สักพักนึงตะหงิดใจไปถามเขาตรงๆกลายเป็นว่า 2000 เนี่ยคือทั้งหมด น้อยกว่าค่าแรงขั้นต่ำอีก ความรู้สึกกุตอนนี้คือไม่คุ้มอย่างแรง ไหนจะต้องเสียเวลาทำเอกสาร ทบทวนบทเรียน คุยกับผปค. แถมช่วงเวลาก็เบียดกับงานพิเศษเดิมที่ได้ชม.ละ 38บาทอีก
เป็นบทเรียนให้กุเลยล่ะว่า ต่อให้เป็นคนรู้จักกันแต่ถ้าเป็นเรื่องเงินๆทองๆอย่ามัวเกรงใจ ถามให้ชัดเจนไปเลยจะได้ไม่ต้งมานั่งโอดครวญทีหลัง
>>550 มีสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรรึเปล่า ถ้าไม่มีและยังสอนอยู่ มึงบอกไปเลยว่าตอนแรกคุยกันที่กี่บาท ถ้าไม่โอนเพิ่มจะสอนแค่ 40 ชม.เท่าที่คุยกันไว้นะ
พอครบ 40 ชม.ยังไม่ยอมโอนเพิ่มมึงก็ไม่ต้องสอนต่อ ถ้าใครโวยก็บอกได้เงินไม่ครบ สอนเท่าที่ได้เงิน ให้เด็ก+ผปคไปเคลียร์กับไอ้คนรู้จักหรือนายหน้าของมึงเอง
ถ้าเขาไม่เกรงใจมึงมึงก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจเขาว่ะ ไม่คุ้มจะคีพคอนเนคชั่น ไม่ว่าจะคนรู้จักคนนั้นหรือผปค สถาบันหรือนายหน้าที่ดีๆมีอีกเยอะ
>>550-551 จริงๆเรื่องแบบนี้มึงจะทิ้งชื่อสถาบันกวดวิชาไว้ในนี้ก็ดีนะ เพราะปัญหาเงินนี่ในวงการธุรกิจการศึกษาไม่ควรทรยศกัน ไม่งั้นคือมันโดนกันทุกฝ่าย ที่มึงโดนคือรายได้ไม่ตรงปกแท้จริงเลย จริงๆไม่ใช่แค่มึงคนเดียว ช่วงนี้คนเจอเยอะมาก งานรายได้ไม่ตรงปกเนี่ย เรื่องแบบนี้คือไม่ควรยอมถ้าไม่มีเหตุผลดีๆรองรับหว่ะ และเห็นด้วยกับ>>552 นะที่มึงเอาตรงนี้ไปเป็นข้ออ้างทิ้งงานได้เลย ยิ่งไม่มีสัญญาทำงานยิ่งไม่ต้องกลัวอะไรทั้งสิ้น ไปหางานใหม่เถอะโม่ง กูเคยเห็นคนโดนหลอกรายได้ไม่ตรงปกและโดนหลอกใช้งานจนเจ็บตัวสุดๆมาแล้ว
แทรกนิด กูจะหาคนมาช่วยกูทำบอร์ดเกม/การ์ดเกม กูจะไปหารับจากไหนถึงจะได้คนช่วยที่เป็นกลุ่มเป้าหมายวะ
เงินน่าจะไม่เยอะมาก แต่เป็น part time ได้ เพราะกูไม่ได้รีบอะไร
งานหลักๆ คือ ช่วยออกไอเดียเกม กะเทสเกมไรงี้อ่ะ ทำออนไลน์ได้ ถ้ามีคอมที่ไม่กากจนเกินไป
มันมีที่ที่ให้กูเปิดรับงานแบบนี้มะ แบบเป็นเว็บไรงี้อ่ะ
กุเพิ่งลาออกจากงานไป รู้สึกผิดแบบสัสๆทั้งๆที่ไม่ควรรู้สึกผิด ประเด็นคือกุรู้สึกว่าตัวเองทำงานไม่ได้เรื่อง เป็นตัวถ่วงคนอื่น และอาจจะทำให้งานผิดพลาดได้ในอนาคตเพราะเสือกเป็นตัวกลางคอยประสานงาน
ทีนี้เจ้านายกูก็นิสัยดีมาก คอยช่วยสอน คอยให้กำลังใจ กูนี่แบบเจ้านายดีแบบนี้หาไหนได้อีกวะ คุยกับเค้าละกุมีพลังอยากจะพยายามต่อ แต่ก็มาติดกับความสามารถกากๆของตัวเองที่ทำให้งานไม่ลื่นไหลอยู่ดี เฟลอล้วเฟลอีกจนรับตัวเองไม่ได้ จะไปนั่งท้อแท้ใส่เจ้านายบ่อยๆก็ไม่ได้ เค้าไม่ใช่โถส้วมจะต้องมาคอยรับฟังกูทุกวี่ทุกวัน แต่กูทำงานไม่ได้เรื่องเลย ความมั่นใจตกฮวบจนอยากจะเลิกทำงานทุกวัน
สุดท้ายวันนี้เลยแจ้งลาออกไป เค้าก็ขอให้กุคิดทบทวนนะ แต่กุก็รู้ว่ากูรู้สึกดีก็แค่ตอนคุยกับเค้าน่ะแหละ พอทำงานจริงกูก็ทำไม่ได้เรื่องอีกแล้วก็จะแฟบอีก กุกลัวจะทำทุกคนเดือดร้อนกูเลยยืนยันว่าจะลาออก รู้สึกผิดต่อเค้าชิบหายที่แบบคอยช่วยสอนมาตลอดแต่กุก็อยู่ได้ไม่นาน เหมือนลงทุนกับกูไปเสียเปล่าเลย รู้สึกแย่ที่เป็นคนไม่มีประโยชน์อ่ะ
โม่งกูขอคำปรึกษาว่ากูจะแจ้งฝ่ายบุคคลว่าหนึ่งในสาเหตุที่กูออกงานเพราะกูรำคาญซีเนียขี้เสือกได้มั้ยวะ ยื่นหน้ามาส่องจอกูตอนทำงานทุกชั่วโมงรำคาญเหี้ยๆ
ไอเหี้ย ทำงานมาเดือนนึง .... ผจก.เขตที่กูร่วมงานด้วยแม่งนอกจากไบโพล่าแล้วมีอาการไซโคพาธอีก เมื่อวานแม่งพาลหาเรื่องใส่ทุกคน พูดจาใส่กูคือแบบลามปามเหี้ยๆ ที่ผ่านมาเคยด่าพนง.ต่างด้าวว่าต่ำตมนั่นนี่ ด่าพนง.สูงวัยเรื่องอายุ ..... พวกมึงรับมือยังไงกับหัวหน้าส้นตีนแบบนี้วะ นี่เพิ่งมารู้นะว่าที่กล้าทำตัวแบบนี้ได้เพราะเป็นนางสนองพระโอษฐ์เจ้าของร้าน แล้วทำตัวเหี้ยจนคนเขาไปหาที่อื่นกันหมดอ่ะ ..... ดอกทองชิบ กูว่าที่เจอกับร้านในเครือจิร******นี่คืออัปรีย์สัสหมาละนะ นี่คือแม่งเหี้ยมากแต่ยังดีที่มันมาสัปดาห์นึงครั้งนึง
>>568 มันทำไม่ได้ เพราะมันคืองานร้านอาหาร ละแม่งพฤติกรรมแบบนี้คือไม่โผล่ตอนมันรับสมัครคนใหม่นะ มันโผล่ตอนเริ่มงานช่วงวันแรกๆเว้ยมึง ตอนมันพูด คุยดีๆมันก็ดีนะ แต่ถ้ามีห่าไรเข้าสิงมันทีนึงคือเหมือนมันของขึ้นอ่ะ กูบอกตรงๆเลยว่าจิตต้องนิ่งมากถ้าทำงานกับมันตลอด จะว่ามันจะไรก็คือแม่งเจ้าของร้านเข้าข้างมันไง ทุกวันนี้ที่กูทนเพราะมันมาแค่ไม่กี่วันจริงๆ มาทุกวันกูลองถามคนเก่าๆเขาก็บอกเหมือนกันว่ารับไม่ได้5555
>>569 ทำไรมันไม่ได้อ่ะเมิงมีคนเข้าข้าง เมิงทำเมิงก็มีแต่เสีย หาทางเลี่ยงออกมากันให้คนโดนน้อยๆดีกว่า คนผีบ้าถ้าไม่มีคนให้เอาอารมณ์ไปใส่ เผลอๆสักว้นมันจะไปลงที่เจ้าของร้านเมิงเอง
งานร้านอาหารมันมีส่วนไหนที่ทำให้เลี่ยงออกไปอยู่คนเดียว หรือคนอื่นไม่ค่อยอยากเข้าไปเมิงก็แยกตัวออกไปดู ไม่ก็ไปอยู่ใกล้ๆคนที่ไม่โดนด่าไว้
>>570 มึง มันบ้าเพราะเจ้าของก็อารมณ์แปรปรวนด้วยส่วนนึงนะ กูก็ไม่รู้ว่ามันจะเอาอารมณ์ไปลงเจ้าของได้ไหมเพราะมันทำมาจะสิบปีแล้ว ถ้ามันอยู่กับเจ้าของได้กูว่าเงินเดือนมันน่าจะสูงมาก แล้วต่อให้มีช่วงโควิดมันก็ไม่เจอลดรายได้อะไร เดาว่ามันทนกับเจ้าของแล้วทำตัวแบบนี้ใส่ลูกน้องเพราะเงินนี่แหละ ทุกวันนี้คนไทยแทบไม่ทำงานกับมันอ่ะ มีแต่ต่างด้าวที่ติดสัญญาทำงานจะย้ายงานก็ยากอยู่ๆกัน
>>554 มึงคือคนเดียวกับ >>>/game/13366/954 ?
จะใช่หรือเปล่ากูก็ตอบแบบเดียวกับที่กูตอบใน >>>/game/13366/955 มึงควรไปหาคนในกรุ๊ปเฟส คือทั้ง 2 อย่างมันต้องการคนที่มีพื้นฐาน ยิ่งที่บอกว่าจะจ่ายเงินด้วย มึงคงไม่อยากให้คนที่ทั้งชีวิตเคยกินแค่ซูชิตลาดนัดมาช่วยคัดเกรดโอโทโร่ใช่มั้ยล่ะ
อะ บอร์ดเกมถ้ามึงตั้งเป้าจะทำ family game ก็อีกเรื่อง ควรได้ความเห็นจาก non-gamer แต่ดูจากที่มึงคิดถึงขั้นจ้างคงไม่น่าใช่ family
คือมึงมาถามหาเหมือนมึงไม่ค่อยได้ไปเล่นการ์ด/บอร์ดที่ร้านและไม่ได้เข้ากรุ๊ปเฟสอะ ถ้ามึงอยู่ในคอมมูนิตี้อยู่แล้วมึงน่าจะรู้ว่ามันมีคนที่ยินดีจะช่วย play test ฟรีๆจำนวนมาก และเกมส่วนใหญ่ก็เข็นออกมาได้จากการ play test และหาเพื่อนร่วมทีมจากเพื่อนที่ได้จากในกรุ๊ป (ไม่นับนักออกแบบอาชีพที่วันๆนั่ง play test หัวฟูในบริษัทนะ)
โอเคมันมีคนที่ทำแบบมึงอยู่บ้างแหล่ะ แต่มันไม่ใช่วิธีที่ดีเท่าไร เพราะสมมติมึงออกแบบเสร็จ ถึงเวลาจะขาย คนในกรุ๊ปก็เป็นแหล่งความรู้เรื่องแหล่งผลิต และจนที่สุดพอจะเริ่ม pre order ละ target หลักในการโปรโมทหาลูกค้าก็วนกลับมาที่กรุ๊ปอยู่ดี มึงคงไม่คิดว่าจะขายโดยการยิง ads ลง social media หรอกนะ?
>>572 เออ แต้งๆ มีเหตุผล แต่กูก็อยู่ในเฟสนะ แล้วก็เทสไปแล้วนะแถวพวกร้านเกม ถึงคนเทสจะวนๆ อยู่ 10 กว่าคนเองก็เหอะ
กูอาจจะมองไรไม่รอบด้าน ปัญหามันเยอะ ว่าแต่กูรู้สึกว่าเกมมันก็พอได้ แต่เกมแค่พอได้มันขายไม่ได้ 555
คือ กูว่างเลยมาทำแหละ อาจจะควรจริงจังมากกว่านี้ล่ะมั้ง
ทำไงถึงจะหายรู้สึกแย่ได้วะ คือกูเคยทำงานที่นึง ทำเกือบสิบตำแหน่งในคนเดียวแล้วงานแต่ละส่วนมันเลยไม่ได้ออกมาดีเท่าไหร่ ทีนี้พอลาออกมาเค้าก็ต้างคนใหม่มาทำแทนกู แต่ให้ทำตำแหน่งเดียว โฟกัสไปเลย ผลงานเลยออกมาดีกว่ากูมาก
กูเห็นแล้วก็เข้าใจได้ว่าคนที่มีเวลายังไงก็ทำได้ดีกว่าอยู่แล้ว แต่ก็อดรู้สึกแย่ไม่ได้ว่าตัวเองไม่เก่งอ่ะ
>>574 โอ๋นะมึง กูเข้าใจฟีลนะ โดนโยนให้ทำหลายอย่างมึงเลยไปไม่ดีสักอย่าง บางทีเขาอาจจะคาดหวังว่าถ้ามึงทำได้หมด บ.ก็จะไม่ต้องหาคนมาทำแทนส่วนอื่น แล้วบ.แม่งจะเอาเปรียบมึงได้ทุกทางว่ะ แบบไหนๆก็มีคนทำได้หมดแล้ว จะไปเปลืองจ้างเพิ่มทำไม อันนี้กูมองว่ามึงไม่ได้แย่หรอก แต่สิ่งที่ทำมันอาจจะยังไม่ใช่ทางของมึงสักทาง
ส่วนเรื่องไม่เก่งกูก็กำลังรู้สึกแย่เหมือนมึง ตอนนี้กูยังหางานไม่ได้ แบบปัญหาคือกูไปทำงานสอนภาษาอยู่ช่วงนึงแล้วกูก็อยู่กับบทเรียนเดิมๆ กลายเป็นว่าสกิลภาษากูถดถอยมากอย่างเห็นได้ชัด ประกอบเขาหาเด็กใหม่ที่ค่าแรงถูกกว่ากูได้ ตอนนี้เขาเลยยุติการจ้างกูชั่วคราว กูก็ลองพยายามไปหางานสายภาษาที่กูเคยทำเมื่อสามสี่ปีก่อน แต่ตอนนี้ก็ยังหาไม่ได้ กูอาจจะติดเรื่องอายุเยอะกับสกิลด้อยลง กูก็ต้องยอมรับตัวเองด้วยถ้ากูไม่พัฒนาภาษาให้ดีขึ้น กูก็คงยังหางานใหม่ไม่ได้สักที แต่กูจะพยายามไม่ท้อนะมึง ขอให้มึงก็โชคดีกับงานในอนาคตต่อไป สู้ๆว่ะมึง
กุอ่ะเหมือนเป็นคนหลักลอยไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน หรือความชอบที่ทำได้นานๆเลย พอมองดูตัวเองแล้วแอบรู้สึกแย่ๆนิดหน่อยว่ะ พวกพี่โม่งให้คำปรึกษาหน่อยสิ
อย่างเพื่อนเนี่ยนอกจากทำงานประจำแล้ว ก็ยังมีกิจกรรมอื่นๆที่ทำเป็นจริงเป็นตัว เช่น บางคนเป็นเกษตรกร เริ่มจากฟาร์มรกร้างจนตอนนี้อุดมสมบูรณะ ทำเพจ ทำYouTube บางคนก็เป็นนักดนตรีตอนนี้เล่นเป็นวงจริงจัง บางคนเป็นนักวาดการ์ตูน ขายออกงาน บางคนทำแบรนเสื้อผ้า บางคนขายเครื่องประดับ แต่กูอ่ะ เป็นมนุษย์ประเภทเด๋วชอบวาดรูปก็ไปวาด เด๋วชอบเล่นดนตรี เด๋วชอบอ่านหนังสือ เขียนหนังสือ ชอบอะไรไปเรื่อยๆไม่จริงจัง ทำยังไม่ทันเก่งก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ จนดูไม่มีอะไรเป็นหลักเลยว่าชีวิตนอกจากทำงานแล้วสนใจเรื่องอะไรบ้าง กูแตะทุกอย่างละนิดละหน่อย แต่ไม่เก่งซักอย่างเลย พอมองดูคนที่ทำ hobby เป็นจริงจัง มันก็รู้สึกว่าคนพวกนั้นมีเสน่ห์จัง แต่ตัวเองดูเบๆไปเลย อายุก็ 30 แล้วด้วย กูรู้สึกกลัวๆว่าใช้ชีวิตที่ผ่านมาไม่คุ้มเลยอ่ะ
หมดหนี้เมื่อไหร่ฆ่าตัวตายเมื่อนั้น
เมื่อคืนกูฝันว่ากูลาออก 55555555 ฝันแบบจริงจังและเรียลมาก จนตื่นมาแล้วงงๆ แบบว่า เอ๊ะ หรือจริงๆ กูลาออกไปแล้วตอนนี้ว่างงานอยู่ หรือว่ากูแจ้งลาออกไปแล้วตอนนี้อยู่ระหว่างทำงานให้ครบ 30 วัน กำลังจะว่างงาน งงจริงจังตั้งสติอยู่นานมาก 555
>>577 มึงเป็นเหมือนกู และมึงยังหาตัวเองไม่พบเท่านั้นล่ะ
แต่จากที่มึงว่ามาได้ลองทำอะไรหลายๆ อย่างนี่ล่ะคือสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ...หลายครั้งคนอย่างเราอาจจะสงสัยว่าตัวเองเป็นเป็ดเพราะลองอะไรก็ทำได้แต่ไม่สุดซักทาง แต่พอคิดในมุมกลับคือนั่นก็คือสกิล Fast learning ซึ่งน่าจะเป็นหนึ่งในความสามารถของเราที่ทำให้เราสามารถปรับตัวกับสภาพแวดล้อมได้เร็วขึ้นนั่นล่ะ
เพียงแต่ว่าการที่เราทำอะไรได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นการทำอะไรที่เราชอบ ซึ่งตรงนี้ล่ะที่เป็นปัญหาที่เราจะต้องค้นหาเองโดยการลองทำอะไรหลายๆ อย่างดู เพื่อหาสิ่งที่เราชอบให้เจอ ลองสังเกตดูก็ได้ว่ามีอะไรบ้างที่เราทำแล้วรู้สึกติดลมจนลืมเวลา
สรุปสั้นๆ คือให้มึงพยายามลองทำอะไรใหม่ๆ ตลอดเพื่อค้นหาตัวเองต่อไป และอย่ายึดติดอะไรกับการทำอะไรเดิมๆ อย่างเช่นรวมกลุ่มกับเพื่อนกลุ่มเดิมๆ ที่คบมาหลายปีงี้ คบกับพวกนี้ไม่ใช่ว่าไม่ดีแต่มันเป็นตัวฉุดให้มึงไม่ไปไหน การเข้าหาสังคมใหม่ๆ ก็เป็นตัวแปรที่จะทำให้เราได้พบกับอะไรใหม่ๆ ที่เราอาจไม่เคยทำก็ได้
>>582 กูเองก็หาสังคมไม่เก่งเท่าไรนะ
ถ้าอิงจากประสบการณ์อื่นหลักๆ ก็คือกิจกรรมอื่นทำ เช่นไปฟิตเนสบ้างได้เจอกลุ่มนักกล้าม ไปลงคอร์ทเรียนเพิ่มได้เจอคนที่มาเรียนด้วยกัน หรือถ้ามึงชอบเล่นเกมก็ลองไปเข้ากลุ่ม Community เกมที่เล่นแล้วลองหาปาร์ตี้ดูแล้วค่อยเลียบๆ ตีซี้ไป
ลองเริ่มจากสิ่งที่สนใจดูก่อน เช่น กากภาษาอังกฤษ ลองถีบตัวเองไปหาคอมมูนิตี้ ลงคอร์สเรียน อะไรพวกนี้จะได้เพื่อนได้สังคม
ก็เหมือนเรียนป.โทอะ ถ้าไปเรียนป.โทก็จะได้เพื่อนใหม่ในfieldใช่ปะล่ะ
จริงๆการหาสังคมใหม่ๆเริ่มได้ง่ายๆเหมือนกัน การไปลงเรียนคอร์สอะไรซักอย่างก็ได้สังคมใหม่เเล้วนะ ไปเรียนญี่ปุ่นงี้ มึงก็ได้รู้จักอาจารย์ ก็ติดต่อสอบถามพูดคุยกับอาจารย์ได้ เพื่อนในคลาสเป็นต้น
เเต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องบวก ต้องเข้าหาด้วย อย่าหวังว่ารอให้ใครเข้าหา ไม่งั้นก็ไม่ได้ทำความรู้จัก
>>577 วิธีดูง่ายๆว่าชอบอะไรมาก ก็คือสิ่งที่ทำเเล้วลืมเวลา เเม้จะยากหรือลำบากเเค่ไหนเเต่รู้สึกเพลิน
ไม่นับพวกเกมอะไรพวกนี้นะ คิดว่าเล่นเกมมันสนุกก็จริงล่ะเเต่มันไม่ได้อะไรไงถ้าไม่ต่อยอดหรือหาทางทำเป็นอาชีพ
อย่างวาดรูปนี่วิธีดูง่ายๆเลยว่าชอบจริงไหม passionจริงไหม ให้ลองหาวิธีรับงานคอมมิชชั่นดูหรือวาดอะไรก็ได้ เเล้วอยู่กับมันได้ทั้งวันไหม ไม่เเบบว่าวาด1ชม.เเล้วเลิกไปทำอย่างอื่นๆ ทำงานเสร็จ ทำเเล้วสนุก อะไรประมาณนั้น ถ้ามีความสุขเเละพัฒนาได้ก็เนี่ยเเหละคือทางที่ใช่
อันนี้เคยฟังจากเพื่อนกูที่เป็นartistสายวาด ซึ่งกูมองว่าวิธีนี้ก็ใช้พิสูจน์ได้เหมือนกันว่าสิ่งๆนี้ชอบจริงไหม เพราะนักวาดไม่ใช่ว่าจะได้วาดเเต่อะไรที่ชอบ ต้องวาดสิ่งที่ไม่ชอบ สิ่งที่ลูกค้าต้องการด้วย
ไหนๆก็มีคนเปิดประเด็นเรื่องนี้ละ กูบ่นเรื่องของตัวเองบ้าง กูมีอะไรที่รู้สึกว่าตัวเองชอบนะ
พอมาทำงานนี้จริงๆแล้วเจอปัญหาจุกจิกอะไรหลายอย่างก็พบว่ามันไม่ได้สวยงามเท่าไหร่
แต่ก็ทนๆทำไป ซึ่งอันนี้กูว่าไม่ได้แปลกหรอก หลายๆคนคงเจอกันเป็นเรื่องปกติ
หลายปีมาแล้วกูเริ่มทำโปรเจคอะไรที่เกี่ยวกับสายงานของตัวเองดู แต่โดยเนื้องานโดยรายละเอียดแล้วจะไม่เหมือนกัน
คือไอ้ตอนเริ่มโปรเจคน่ะไม่ได้อะไรมากหรอก แค่อยากลองวิชาตัวเองเล่นดูขำๆ
แล้วก็ทำๆหยุดๆแล้วแต่อารมณ์มาเรื่อย บางทีก็ไปมีงานอดิเรกอื่นๆดึงความสนใจไป ซึ่งส่วนมากจะเป็นเรื่องไร้สาระอ่ะนะ
ช่วงประมาณ 1 ปีครึ่งที่ผ่านมานี่แหละที่กูรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังหมกมุ่นกับมันมากขึ้นเรื่อยๆจนเริ่มไม่ปกติ
แรกๆก็บอกตัวเองว่ามีงานอดิเรกแบบมีสาระทำก็ดีแล้วนี่ แต่ทุกวันนี้มันเริ่มเกินคำว่างานอดิเรกไปไกลละ
หายใจเข้าหายใจออกเป็นงานนี้ คิดถึงมันแทบจะตลอดเวลา เวลาทำงานก็เนียนอู้มาทำงานอดิเรกอันนี้แทบทั้งวัน
มีเหตุการณ์บางอย่างทำให้รู้สึกเซ็งๆกับมันก็เซ็งได้แป๊ปเดียว เดี๋ยวก็กลับมาทำต่ออีก เหมือนควบคุมตัวเองไม่ได้
ที่สำคัญคือมันไม่ทำเงินเลย เอาไปโชว์ในโปรไฟล์ก็ไม่ได้ ป่าวประกาศว่าตัวเองทำก็ไม่ได้ สรุปคือถึงมันดูมีสาระแต่ก็ไม่ค่อยเป็นประโยชน์
เร็วๆนี้คงต้องหาอะไรอย่างอื่นมาเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเองออกจากงานนี้ละ
แต่ปัญหาใหญ่คือออกจากบ้านไม่ค่อยได้เพราะโควิด ไอ้พวกโต๋เต๋ไปเรื่อย หรือตะลอนกินที่เคยชอบทำก็ทำไม่ได้อีก
>>588 กูอาจจะใช้คำผิดไปหน่อย ไม่ใช่โชว์ไม่ได้เพราะเป็นความลับอะไรหรอก
แต่มันเป็นอะไรที่เอาไปบอกคนอื่นเค้าคงมองว่าประหลาด จะเสียเวลาทำอะไรแบบนี้ไปทำไม อะไรงี้น่ะ
ของที่ออกมาก็ไม่ใช่อะไรที่เอาไปใช้ประโยชน์ได้ด้วย ไม่มีใครมาก๊อปหรอก
มีประโยชน์แค่ตอนสมัครงานเวลาเค้าถามว่านอกเวลางานได้ศึกษาอะไรเพิ่มเติมเองมั้ย เอาไปพูดได้ว่าได้ทำ
แต่ก็ไม่ได้เป็นชิ้นเป็นอันมากพอจะใส่เรซูเม่
ไม่รู้นะมึง เเต่สำหรับกูจะใช้คำว่าทำงานได้ก็ต่อเมื่อมันทำเงินว่ะ... ถ้าสมมุติสิ่งๆนั้นมันยังทำเงินไม่ได้ นิยามของกูสิ่งนั้นมันจะเป็นเเค่งานอดิเรก เหมือนเเบบถ่ายวิดีโอลงยูทูปเงี้ยจะเรียกว่าทำงานก็คงไม่ได้ในเมื่อมันไม่ได้เงิน เเต่ถ้าได้เงินอันนั้นเเหละคืองานสำหรับกู
ทำงาน=เเลกเงิน
>>591 เดี๋ยวนะnftมันก็พวกรูปวาดนี่หว่า ไอพวกนี้ใช่ว่าจะทำเงินไม่ได้เลย ไม่ใช่งานอดิเรกเเบบที่เเปลงเป็นเงินไม่ได้ เเบบพวกต่อกันพลาอะไรพวกนั้น
อันนี้มันเเค่ยังมีช่องทางทำเงินเเต่มึงขายไม่ออกเองเปล่า
จริงๆสายนี้กูมองว่ามันเป็นอาชีพนึงได้นะ ไม่เสียเวลาฟรีๆ กูก็ไม่รู้เรื่องเท่าไร เเต่พวกสายวาดนี่มันก็วัดกันที่ฝีมือ สกิล
>>593 ไอ้คนที่บอก nft ไม่ใช่ >>587 😑
ถ้าให้เดาอาจจะเป็นสายเทคทำ personal project ที่ไม่ได้ตอบโจทย์ที่มีคนต้องการหรือทำฟีเจอร์ที่ให้คนอื่นใช้ได้ Linux distro maybe?
หรือไม่ใช่วะ สายเทคนี่จะทำอะไรบ้าบอไร้ประโยชน์แค่ไหนก็เอาไปลงบล็อก/ทวิต/เรดดิท/ลิ้งอิน ได้ทั้งนั้น คือแค่หัดลองจนรู้เทคนิคอะไรซักอย่างเพิ่มก็เป็นโปรไฟล์แล้วน่ะ
ถามเพื่อนโม่งหน่อย
คือกูพึ่งจบใหม่ กูเริ่มทำงาน กับที่นึง มาได้ประมาณเกือบๆ 2 อาทิตย์ เเต่กูรู้สึกว่างานมันไม่ใช่เเถม กูเหมือนไปเป็นตัวถ่วงเขาอีก เเละเงินเดือนก็ไม่เยอะเท่าไหร่ (ประมาณ 8500-9000 จริงๆเงินเดือนไม่ใช่ปัญหา พออยู่ได้ ) คือกูอยากจะลาออกพรุ่งนี้ ถ้ากูโทรไปบอกเขา มันจะดูเสียมารยาท หรือ มันจะดูไม่ดีไหมวะ ที่กูลาออกกทันหันปุปปัป
ไม่ใช่ก็ลาออกสิวะ ชีวิตมึง เเต่ดูก่อนว่ากฎที่ตอนมึงเข้าเขามีนโยบายยังไง ต้องเเจ้งลาออกก่อน30วันไหม
ออกมาก็ออกมาให้ดีๆ ไม่งั้นเดียวถ้าไปทำงานสายเดียวกัน ไปทำวีรกรรมอะไรเอาไว้เดี๋ยวจะเป็นชนักติดหลัง
ขอถามโม่งhrหน่อย เวลายิงคำถามไปว่าการสัมครั้งนี้เต็มสิบให้ตัวเองเท่าไร พวกมึงคาดหวังคำตอบแบบไหนกันวะ หรือใครตอบแบบไหนมาแชร์หน่อย
>>594 สาย tech น่ะแหละ ที่ทำไม่ใช่ Linux distro แต่พอมึงพูดถึงแล้วก็น่าสนใจนะ
หรือเบรคจากไอ้ที่ทำอยู่ไปลองทำ Linux distro ดีวะ
แต่ถ้าได้ลองทำถ้าไม่ถอดใจตั้งแต่แรกๆ ก็คงได้เข้าลูปเดิมที่หมกมุ่นอยู่กับมันจนไม่สนใจโลก
ได้งานอดิเรกไม่ได้ตัง เสียงาน เสียเวลา เสียสุขภาพ มาเพิ่มอีก 1 อย่างแหงๆ 555
กูมาเรียนต่อ เหนื่อยชิบหายเลยว่ะ อีกสามเดือนน่าจะจบแล้วแต่กุยังรู้สึกเหนื่อยยยย เหนื่อยเหลือเกินนน
ต่อสู้กับความรู้สึกอยากหนีกลับไปทำงานทุกวี่วัน
สิ่งที่เหี้ยที่สุดคือกุไม่ได้ชอบสิ่งที่เรียนจริงจังเลย แค่คิดว่าเรียนแล้วน่าจะอัพเงินเดือนได้ ตอนเรียนเลยซัฟเฟ่อสัสๆ
เตือนเพื่อนๆซารารี่มัง ถ้าไม่ได้อยากรู้อยากเรียนนจริงๆ อย่าอุตริเชียว
อยากสัมภาษณ์ผ่านสักที จะได้เริ่มต้นใหม่ได้สักที ขอร้องเถอะไอ้เหี้ย กูเหนื่อยมากแล้ว ไม่อยากเป็นแบบนี้แล้ว
อยากลาออก เบื่อที่ชอบโยนงานมาให้ทำทั้งที่ไม่ใช่งานกู อ้างว่าน้ำใจ กับตัวเองไม่มีเวลาทำ อิดอก เวลาคนเรามันเท่ากันค่ะ แค่มึงไม่ทำเอง อิแก่
เบื่องานจนต้องแอบอู้มาเล่นโม่ง เห้อม
ทำงานทั้งวัน ได้เงินสองเท่า
or
ทำงานครึ่งวัน ได้เงินเท่าเดิม?
กูเบื่องานสัสๆ แต่ก็ไม่มีความกล้าที่จะลาออกไปหางานใหม่
ยิ่งภาวะ ศก. แบบนี้ ทุกคนที่ลาออกไปก็บ่นว่าเจอใช้งานเยี่ยงทาสกันหมด
เห็นดราม่าคิวเทในทวิตเตอร์แล้วขำ โถ เรื่องอื่นกูจะไม่ดีเฟนด์เลยนะ เรื่องมันขายข้อมูลหรือขโมยของอะไรเชิญด่าไปเลยเต็มที่ แต่การที่มีคนมาเล่าว่าเจ้านายเลี้ยงดูอย่างดีเลี้ยงข้าวอยากกินไรกิน มีรถให้ขับ แต่ต้องทำทุกอย่างตั้งแต่ตื่นยันนอน ยันเอาผ้าไปซัก ยันเลี้ยงแมวให้ แล้วทุกคนต่างก็สรรเสริญว่าเป็นเจ้านายที่ดีมากแล้ว เลขาบริษัทใหญ่ๆ ต้องทำมากกว่านี้อีก ตบท้ายด้วยคำว่าให้ไปเซิร์ช โถๆๆๆๆ เด็กเอ๋ยเด็กน้อยชิบหาย กูเป็นเลขาบริษัทใหญ่ยักษ์ข้ามชาติพูดชื่อไปทั่วโลกรู้จัก ไม่เคยต้องทำเหี้ยอะไรแบบนั้นจ้า งานเลขามี JD ชัดเจน เวลางานคือเวลางาน มีเลยบ้างแต่ก็ได้โอที ทำแค่งานในบริษัท ไม่เคยต้องไปรับใช้ส่วนตัว งานเลขาไม่ใช่งานขี้ข้าในเรือนเบี้ย หยุดมโนว่าเลขาบริษัทใหญ่ๆ ต้องทำมากกว่านั้น ขายหน้าชิบหาย อย่าว่าแต่งานพวกนั้นเลย กาแฟในบริษัทกูยังไม่เคยต้องชงต้องเสิร์ฟเลย นั่นมันหน้าที่แม่บ้าน
สงสารชาวทวิตเตี้ยน จบตรีมาเงินเดือนหลักพันบ้าง หมื่นต้นๆ บ้าง ชีวิตนี้ไม่เคยเจอเงินเดือนเยอะๆ บริษัทดีๆ สวัสดิการมากมี มีระบบ มี JD ชัดเจนไม่ใช้งานมั่วซั่วไม่เอาเปรียบ เลยมองว่าอันนั้นคือดีชิบหายแล้ว
>>611 กุไม่เล่นทวิตเตอร์ แต่ไม่อยากเชื่อว่าจะยังมีพวกคิดแบบนี้ นึกว่าพวกคนหัวเก่าเหอะ แบบว่าทำงานถวายหัว ไม่มีกรอบหน้าที่ชัดเจน เค้าสั่งอะไรก็ทำ ใครรับไม่ได้ก็ว่าเขาไม่รู้จักอดทน
เออถ้าตกลงกันไว้แต่แรกว่ากุจ้างมึงมากะให้ทำสากกะเบือยันเรือรบนะ กุมีสิทธิ์เรียกใช้มึงนอกเวลางานนะอันเนี้ยว่าอะไรไม่ได้เพราะรับรู้ยินยอมกันทั้งสองฝ่ายแล้ว
>>611 ต้องตัดเรื่องขโมยของกับเงินเดือนพนักงานออก แต่คนส่วนมากมันอิจฉาที่ได้เงินเดือนสามหมื่นทั้งที่อายุ19มากกว่าอาจแค่คิดว่าตัดต่อง่ายๆเงินเดือนแค่นี้ก็พอแล้วจะเอาอะไรอีกแทนที่จะไปเล่นคนที่ขโมยของซึ่งคนที่ขโมยของกับคนตัดต่อเงินเดือนสามหมื่นคนละคนกัน ผสมกันจนมั่วชิบหาย
>>612 จริงมากกก นี่นึกว่าหลุดมาจากยุคนางทาส กูว่าคนแบบนี้ต้องมีมาตรฐานชีวิตที่ต่ำตมมากๆ อะถึงคิดได้แค่นี้ คิดว่านี่คือดีแล้ว แล้วประเด็นคือคนทวิตแนวนี้เยอะมาก คนรีทวิตเยอะมาก กูนี่แบบ WTF?? มาตรฐานคุณภาพชีวิตการทำงานของชาวทวิตเตี้ยนมันต่ำเตี้ยต่ำตมขนาดนี้เลยเหรอวะ
>>613 ผสมกันมั่วไปหมดแล้วจบตรงเจ้านายแบบนี้คือเจ้านายที่แสนดีแสนประเสริฐแล้ว กูนี่ช็อกหนักมาก 555
ชาวทวิตนี่ ปสด.กันหมดแหละ อยู่ที่ตอนนั้นกระแสมันอวยใครแค่นั้นแหละ
เชื่อแล้วว่าซ้ายจะตายเพราะเบียวซ้าย
พวกมึงมันไม่เข้าใจคำว่าอยู่กันแบบครอบครัวงัย บิบิบิบิ
พวกมึงhandleความสัมพันธ์ในชีวิตยังไงวะ
กูรู้สึกตัวเองว่างเปล่ามาก หลังเรียนจบมา ชีวิตกูก็ทำแต่งาน มีแต่งาน แล้วก็เรื่องครอบครัว จนพอรู้สึกตัวอีกที เพื่อนที่อยู่รอบๆตัวก็ไม่มีแล้ว พอทำงานเสร็จ ดูแลแม่เสร็จ กูก็เหนื่อยจนไม่อยากคุยกับใครแล้ว แต่พอมีเวลาให้คุย กูก็ไม่รู้ว่ากูจะคุยกับใคร มันห่างกับทุกๆคนไปมากจนกูไม่รู้ว่ายังมีใครที่ยังนึกถึงกูอยู่หรือเปล่า
แล้วมันก็ทำให้กูเศร้า กูไม่ได้มายด์การอยู่คนเดียวนะ แต่ไม่ชอบความรู้สึกว่าเคยมีเพื่อน แต่ตอนนี้ไม่มีแม้กระทั่งคนปรับทุกข์ด้วยเลยว่ะ
>>618 กูพี่น้องไม่มี พ่อแม่เริ่มแก่ แถมความสัมพันธ์ไม่ค่อยดี กับญาติๆก็ไม่ค่อยสนิทกัน ตอนนี้เหลือเพื่อนที่ยังคุยกันเรื่อยๆไม่ถึง 5 คนละ
ทุกคนล้วนแต่เป็นเพื่อนที่สำคัญอันดับต้นๆของเรา แต่เราคงเป็นอันดับท้ายๆของเค้า แถมนานวันไปก็ยิ่งรู้สึกว่ามันห่างกันไปเรื่อยๆ
ก็เรียกได้ว่าพยายามยื้อสุดชีวิตอ่ะ ถ้าไม่ได้คุยกันนานๆก็พยายามนึกเรื่องอะไรก็ได้ไปเปิดประเด็นเม้าบ้างนานๆครั้ง เค้าจะได้ไม่ลืมเรา
ถ้าอยากหาคนระบายแบบเรื่องทั่วๆไปกูก็ไม่อยากปล่อยพลังลบใส่เพื่อนเท่าไหร่ กลัวเค้ารำคาญด้วย
กูว่ายอมเสียตังคุยกับนักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์เถอะ อย่าปล่อยไว้นาน ถ้าไม่อยากไปโรงบาลก็หาพวกบริการพวกนี้ในเฟสก็ได้
https://www.facebook.com/talkmoment/ กูเคยใช้ของเจ้านี้ 2 ครั้งก็โอเคอยู่
>>620 เรื่องแก่แล้วจะฆ่าตัวตายก่อนจะทำอะไรไม่ไหวนี่กูก็ตั้งใจว่าจะทำแบบนั้นแหละ
ดูทรงแล้วทุกวันนี้เกินเลข 3 แล้ว ยังไม่มีแฟน คงไม่ได้แต่งงานมีลูกหรอก
เพื่อนที่ว่ามีก็ไม่ได้สนิทถึงขนาดจะไปรบกวนเค้าตอนแก่ๆแล้วไม่อยากอยู่คนเดียว
ตอนยังเด็กๆกูเคยอ่านเจอเรื่องของนักเขียนคนนึงที่พอเค้าเริ่มทำอะไรเองไม่ไหวก็ฆ่าตัวตาย
แล้วเขียนจดหมายลาตายไว้ว่าเค้าได้ใช้ชีวิตจนพอใจแล้ว ต่อไปนี้ถ้าฝืนอยู่ต่นก็คงไม่มีความสุข เลยเลือกที่จะไปเอง ไม่ได้เสียใจน้อยใจอะไร
กูอ่านแล้วรู้สึกเกิดแรงบันดาลใจ เลยตั้งใจไว้แล้วว่าถ้ารอดไปจนแก่ถึงวันที่ทำอะไรเองไม่ไหวก็จะฆ่าตัวตายแบบเค้าบ้าง
>>618 หาเป้าหมายใหม่ให้ชีวิต
กูก็โสด เพื่อนน้อย มีช่วงนึงรู้สึกว่างเปล่าเพราะชีวิตบรรลุเป้าหมายที่วางไว้หมดแล้ว เอาจริงๆ คือชีวิตค่อนข้างดีเลยแหละ อยู่ตัว แต่มันเลยรู้สึกชีวิตว่างเปล่า ขาดเป้าหมาย ขาด passion กูเคยอ่านหนังสือเล่มนึงชอบมาก เขาบอกว่า "คนเรามักแยกความเหงากับความสงบสุขไม่ออก" จริงมากก บางทีเราแค่สงบสุขดี มีชีวิตที่ดีอยู่แล้ว แต่เสือกเหงา เลยชอบหาเรื่องใส่ตัวซะงั้น
พอต้ังเป้าหมายขึ้นมา ชีวิตกูก็จะไม่ว่างเปล่าละ ไปโฟกัสที่เป้าหมาย สนุกและตื่นเต้นไปกับมัน ในกรณีกูต้องเป็นเป้าหมายที่พอจะทำได้จริงด้วยนะ แต่ต้องใช้เวลานิดนึง ต้องพยายามนิดนึง ไม่ง่ายเกินไปไม่ยากเกินไป ถ้าตั้งเป้าหมายไกลตัวเกินไปแล้วทำไม่ได้ซักที กลับกันมันจะท้อ ตั้งเป้าหมาย ทำสำเร็จ ให้รางวัลตัวเอง ตั้งเป้าหมายใหม่
ชีวิตต้องหาไรทำ ถ้าอยู่เฉยๆในหัวแม่งจะคิดฟุ้งซ่านไปเรื่อย กุเลยตั้งใจทำงานหาเงินให้ได้เยอะๆ บั้นปลายกุจะได้เอาเกมสายดูดเวลาชีวิตที่ดองไว้มาเล่นโดยไม่ต้องห่วงเรื่องเงิน
ยังไม่เคยเจอเพื่อนไม่จริงใจเลย มีแต่สนิทกับไม่สนิท หรือเพราะกูไม่มีผลประโยชน์อะไรให้หา
ถามในฐานะซาลารี่แมนมือใหม่ มีวิธีไหนเขียนจม.ทางการให้สุภาพแต่สื่อได้ว่าเราไม่พอใจมากกับการจัดการปัญหาในการประสาทงานของคู่ค้ามั้ย
>>623 กูชีวิตก็ว่างเปล่าพอๆกัน เพื่อนสมัยเรียนก็ห่างๆไปหมดแล้ว เพื่อนในที่ทำงานก็เสือสิงกระทิงแรด
มีช่วงนึงอยากเล่นเกมเลยไปหาเพื่อนเล่นเกม ทุกวันนี้คุยกันทุกวัน คุยกันไม่กี่ชั่วโมงแต่เยอะกว่าที่คุยกับคนในชีวิตจริงทั้งวันอีก
ลองหางานอดิเรกแล้วเข้ากลุ่มพูดคุยดู ช่วยได้จริงๆ แต่ไม่รู้จะคุยกันได้กี่ปีนะ 555
กุขอปรึกษาหน่อย คือกุย้าไปทำโปรเจคใหม่ในบริษัทเดิมได้ประมาณสองเดือนละ แล้วทีนี้คนประสานงานจากโปรเจคเก่าก็มาขอให้กุไปช่วยทำโน่น นี่ นั่น ในโปรเจคเก่าให้หน่อย โดยอ้างว่ากุเป็นคนประสานงานมาก่อนกูรู้ดีที่สุด ทุก meeting ก็จะเชิญกุเข้าตลอดทั้งๆที่กุก็มีโปรเจคใหม่ต้องดูแล แต่กุก็เป็นประเภทช่วยได้ก็ช่วยกันไป เค้าให้ช่วยทำไรก็ช่วยมาตลอด
ทีนี้แม่งต้องส่งสรุปงานลูกค้าเพื่อปิดโปรเจค กุก็เลยถูกอัญเชิญไปพรีเซ้นท์ว่าสรุปงานมีไรบ้าง ซึ่งกุก็แหม่งๆนิดนึงละว่าทำไมต้องกุวะ ทำไมสรุปโปรเจคถึงยังต้องเป็นกุอยู่ทั้งๆที่กุไม่ได้ดูแลโปรเจคนี้มา 2 เดือนละ แต่ก็ทำให้อ่ะนะ จนลูกค้าบอกว่าอยากได้เอกสารประกอบด้วย ขอให้ทำมาให้ คนประสานงานแม่งเลยมักแชทกูมาแล้วบอกให้กูทำให้หน่อย กุเลยแบบ เอ๊ะ เดี๋ยวนะ นี่คือกูย้ายโปรเจคแล้วทำไมกูยังต้องช่วยทำเอกสารส่งมอบงานวะ
คือเพื่อนโม่งคิดว่าไง มันเป็นหน้าที่ที่กูต้องทำหรอ ทั้งๆที่กูออกจากโปรเจคนี้มาสองเดือนแล้วอ่ะ หรือเพราะว่ายังอยู่บริษัทเดิมเลยต้องทำหรอ
ฉิบหาย ประชุม Discuss สรุปผลอยู่ กูเห็นใน Process มันมีข้อขัดแย้งกันอยู่ก็เลยยกมือถามเพื่อให้เครียร์ อิผู้จัดการฝ่ายที่แม่งก็เฟี๊ยช ฟาด ใส่กูเฉย ไม่ขัดแย้งคร่าาาา ไม่งงนะน้อง ดูดีๆอีกทีคร้าาา อีสึส กูเห็นมึงรีบพับจอแล้วพิมพ์แก้อย่างไวเลย ฉิบหาย ตำแหน่งสูงกว่าแล้วเสียหน้าไม่ได้หรอวะ ดีที่กูไม่ได้กดอัดจอไว้หรอกสึส
เดือนนี้สัมภาษณ์ไปสองที่ มีที่นึง(บ.เล็ก ตปท.)รับแล้ว เป็นสัญญาจ้าง เริ่มงานอาทิตย์หน้า (ยังไม่ได้ตอบตกลง) อีกที่ (บ.ไทย ใหญ่อยู่ ดูมั่นคง) กำลังรอผลว่าจะได้สัมภาษณ์รอบต่อไปไหม จะบอกช้าสุดภายในอาทิตย์หน้าเหมือนกัน
แบบนี้ยังไงก็ควรจะตกลงเอาที่แรกแล้วลองทำดูก่อนปะ เผื่อไม่ได้อีกที่ แล้วถ้าสมมติว่ากุทำไปไม่ถึงเดือน แต่สุดท้ายเสือกได้ที่สอง ถ้าบอกที่แรกตรงๆว่าขอออก ไปทำที่อื่น มันจะเหี้ยมากไหมวะ แล้วกูไม่รู้ด้วยว่ากระบวนการจะเป็นยังไง จะได้เงินที่ทำไปไหม (เข้าใจว่าต้องรออ่านสัญญาแบบละเอียดอีกที)
สับสนว่ะ พอเงียบก็ไม่ได้ไรเลย พอจะได้ก็ดูมีแววหลายที่จนไม่รู้ว่าควรทำอะไรดี
มีโม่งคนไหนย้ายสายงานไปทำเซลล์มั้ย กูไม่มีประสบการณ์มาก่อนเลย แต่เห็นที่นึงเปิดรับอยู่ก็เลยสนใจ และคิดว่าไม่น่ายากกูชอบเรียนรู้อะไรใหม่ๆอยู่แล้ว ส่วนตัวก็มีรถขับ ขับรถเป็น ใช้ MS office คล่อง , ระบบอื่นๆก็คิดใช้เวลาไม่นานในการเรียน ที่สนใจเพราะอยากมีเวลาให้ชีวิตตัวเองมากขึ้นว่ะ งานปัจจุบันเลิกดึกทุกวันเพราะเนื้องานมันบังคับโอที เข้าใจว่าเซลล์มันก็งานหนัก แต่อย่างน้อยๆคงได้มีเลิกงานไวบ้างแหละ
>>633 ถามว่าเหี้ยมั้ยก็เหี้ยแหละ แต่นั่นคือวิธีที่เซฟที่สุดแล้วสำหรับคนหางาน เพราะถ้าปฏิเสธที่แรกเพื่อรอที่สอง ปรากฎที่สองวืด มึงจะไม่เหลืออะไรเลย แต่ถ้าทำที่แรกแล้วไม่กี่วันออกไปที่สอง อย่างมากสุดก็แค่ที่แรกจะไม่เผาผีมึงอีก ถ้าวันหน้าหางานมึงก็แค่ไปหางานที่อื่นไม่ต้องไปสมัครกับบ.แรกก็เท่านั้น
ส่วนเรื่องเงิน จะทำงานกี่วันตามกฎหมายก็ต้องได้เงิน ถ้าเขาไม่ให้ถือว่าผิดกฎหมายไปฟ้องร้องได้ แต่ถ้าเป็นกู ถ้าไปทำแค่ไม่กี่วันแล้วออก ละเค้าไม่ให้ตังค์ กูจะไม่ทวงนะถือว่ากูก็เหี้ยกับเขาเหมือนกัน
ทำงานพาร์ทไทม์นี่ควรเอาใส่เรซูเม่ไหมวะ งานแบบฟรีแลนซ์แต่เซ็นสัญญาอะ กุรู้สึกว่ามันก็ดูเพิ่มประสบการณ์ทำงานดี แต่ก็กลัวที่ใหม่เขาจะมองว่าเราไม่ทุ่มเทกับงานประจำไหม
คืองานประจำกูตอนนี้มันงานไม่ยุ่ง แล้วเงินก็ไม่ได้เยอะ กูเลยทำพาร์ทไทม์เพิ่มอะ
>>638 เหมือนจะดูดีนะ แต่ถ้ามีใครคนนึงในบ.เก่ารู้ว่ามึงได้งานใหม่ทันทีที่ออกจากที่เดิม มึงจะกลายเป็นคนโคตรตอแหลและโดน backlist ทันที ยอมรับตรงๆยังดูเป็นคนน่าเชื่อถือกว่า
>>639 ขึ้นอยู่กับว่างานพาร์ทไทม์นั่นทำอะไร ถ้างาน general พิมพ์เอกสารอะไรงี้ไม่ต้องใส่หรอก ไม่ได้ช่วยให้ดูมีประสบการณ์มากขึ้น
แล้วก็ขึ้นอยู่กับสายงาน, จำนวนงานที่เคยทำด้วย คือพอทำงานไปซัก 3-4 ที่ขึ้นไป ก็ไม่ควรใส่ทุกงานที่เคยผ่านมาในชีวิตลงไปแล้ว เอาแค่ที่เกี่ยวข้องกับงานใหม่ที่สมัคร (ใช่ แปลว่าควรทำเวอร์ชั่นที่เหมาะกับที่ใหม่แต่ละที่ที่สมัคร)
ถามเรื่องบัตรเครดิตหน่อย กูมาทำงานประจำ(ปีหน้ากูกลับไปทำงานส่วนตัวละ) ว่าเป็นโอกาสดีที่จะทำบัตรเครดิตทิ้งไว้ ฟรีเเลนซ์เเม่งทำบัตรเครดิตยาก
อยากรู้ว่าบัตรเเบงค์ไหนใช้งานเเล้วปรับเพิ่มยอดให้เอง หรือเพิ่มยอดง่ายได้บ้าง เพราะอนาคตกูคงไม่กลับมาทำงานประจำเเล้ว ถึงตอนนั้นคงขอเพิ่มวงเงินยาก ไม่มีสลิปเเล้ว
>>643 อ้อ แต่จริงๆ กูไม่แนะนำ uob นะ ถ้าพูดเรื่อง call center / app กูว่าสู้เจ้าอื่นไม่ได้เลย ถ้าให้เชียร์จะเชียร์ ktc แอปดีมาก cc ตั้งวงเงินออนไลน์ได้ cc ดีมาก ติดต่อง่าย และถ้ารูดอะไรแปลกๆ cc จะโทรหาทันที ฟรีค่าธรรมเนียมแบบไม่มีเงื่อนไข
Uob ใบที่กูใช้อยู่กูต้องใช้ปีละ 200k ถึงจะเวฟค่าธรรมเนียมอัติโนมัติ ไม่งั้นก็ต้องโทรไปขอเวฟเอา ซึ่ง cc ติดต่อยากมาก
มันเกี่ยวไหมว่ายอดใช้เยอะใช้น้อย คือใจจริงกูก็อยากทำบัตรหลายๆใบนะ ซัก2-3เจ้า เเต่เอาเข้าจริงเเล้วกูกะทำมาเเค่ใช้จ่ายในชีวิตประจำวันอะ
เช่น ผูกเเอพเซเว่น เเล้วเอาบัตรเครดิตจ่าย, จ่ายค่าบิลน้ำไฟ ,จ่ายบิลเน็ต ซึ่งยอดต่อเดือนเอาจริงคงไม่กี่บาทเอง
ซึ่งถ้าทำหลายใบเเล้วกระจายยอดกูเเม่งได้ใช้งานต่อเดือน ร้อย พันเเหง ส่วนบัตรผ่อนของกูคงอยากทำไว้ซักใบเดียวพอ ปีนึงกูไม่ค่อยได้ซื้ออะไรเลย มากสุดก็ซื้อสดพวกค่ายipad,apple ที่อาจจะซื้อบ่อยๆ 2ปีครั้งนึง
พอใช้น้อยก็คงปรับเพิ่มยอดให้ยาก เพราะใช้น้อย(รึเปล่าหว่า)
>>645 เอาไว้ซื้อกองทุน ssf rmf แล้วก็จ่ายประกันดิ กูใช้ถึงเพราะยอดพวกนี้แหละ ซื้ออะไรพวกนี้ลดหย่อนภาษีปีก็หลายแสนแล้ว นอกนั้นกูก็รูดทั่วไปแบบมึงแหละ ซุเปอร์ น้ำมัน กินข้าว ไลน์แมน ตัดค่าน้ำ ไฟ เน็ต ใช้หลายใบเหมือนกัน ตกใบละเดือนนึงไม่กี่พันหรอก ไปหนักช่วงปลายปี 555
>>647 เอางี้ดีกว่า ถ้าไม่เคยใช้บัตรเครดิต แนะนำบัตรที่ฟรีค่าธรรมเนียมรายปีแบบไม่มีเงื่อนไขจะดีกว่า สะดวกแบงค์ไหนเลือกเอาเลย เรื่องวงเงินไม่ต้องไปสนใจ เพราะยังไงก็ไม่แนะนำให้ใช้บัตรเครดิตเกินตัวอยู่แล้ว ถ้าจะซื้อของเกินวงเงินบัตร (แค่จะใช้สิทธิประโยชน์ของบัตรเฉยๆ เช่น พอยท์ ส่วนลด ฯลฯ) ก็แค่จ่ายเงินสดส่วนที่ขาดเข้าบัตรไป จะได้รูดได้
เสริม บัตรส่วนใหญ่ขอเพิ่มวงเงินชั่วคราวได้ มึงแค่ขอล่วงหน้าประมาณอาทิตย์นึง เผื่ออยากซื้อของใหญ่
ใช้ ktc มา 5 ปีแล้ว รูดเดือนประมาณ 20000 บาท วงเงินไม่เคยขยับให้เลยอ่ะ
จะจ่ายประกันสุขภาพทีต้องไปขอเพิ่มวงเงินชั่วคราวที 🙂 ไหนใครบอกวงเงินเพิ่มง่ายไงวะะะ
เอออันนี้กูสงสัยมาซักพักละ ขอวงเงินชั่วคราวกับเติมเงินสดเข้าบัตรเข้าไปมันต่างกันยังไงวะ
สมมุติกูวงเงินเท่าเงินเดือน (กู28k) อยากรูดipad 40k กูขอวงเงินเพิ่มชั่วคราวหรือจ่ายเพิ่มเข้าไป12k มีค่าเท่ากัน?
อายุไม่ถึง 18 cash out crypto อย่างไรได้บ้างครับ บางทีอยากโอนเงินให้น้องแต่ไม่อยากเปิดเผยตัวตน
career break หลังทำงานมาสองปีหลังจบใหม่โอเคป่ะวะ มีเงินเก็บพอสมควรอยู่ได้6เดือน+ เพิ่อนโม่งคิดว่าไงคนับ ตอนนี้ burnoutมากกก ไม่มีแรงไปทำอย่างอื่นหรือไปสัมที่อื่นเลย เหนื่อยไปหมดอยากพัก
กูปฏิเสธสัมภาษณ์งานไปต่างประเทศไป คือก่อนหน้านี้กูสัมบ.ในประเทศแล้วทำได้แย่มาก สภาพจิตกูก็แย่ ปัญหารุมเร้า ตอนนี้แอบเสียดาย แต่ก็เอาเถอะในบรรดาแคดิเดตกูด้อยสุดแล้ว ขนาดบ.ในประเทศรีไคร์น้อยกว่ากูยังชวด สัมไปนอกไปก็ไม่ได้
สัมภาษณ์มาอาทิตย์กว่าละ เค้าว่าจะติดต่อภายในศุกร์นี้ แต่ยังเงียบยาวเลย กังวลว่ะ คืออยากได้ที่นี่ด้วย ตอนคุยก็ดูโอเคมากไปด้วย ไม่อยากพลาดเลย ตกงานมาสักพักแล้ว อยากเริ่มทำอะไรสักที
ขอถามโม่ง หลังสัมเสร็จพวกมึงกล้าถามระยะเวลาไปตรงๆเลยไหมว่าถ้าไม่ติดต่อกลับมากี่วันให้ไปหางานใหม่ได้เลยไรงี้อ่ะ ถ้าเคยถามไปทางคนจัดสัมมันตอบกลับว่าไงบ้าง?
>>665 ตอบในฐานะคนร่วมสัมภาษณ์และตัดสินใจนะ ถ้าถูกใจมากมักจะรีบตอบรับเลย เพราะกลัวช้าแล้วจะหลุดไปที่อื่นซะก่อน แต่ถ้าเฉยๆ หรือลังเลก็จะเก็บเป็นตัวเลือกไว้ก่อน ไปสัมคนอื่นต่อไป ที่บอกว่าจะตอบภายในศุกร์นี้อาจจะเพราะเหตุผลนี้ คือรอสัมภาษณ์อีกคนก่อน ซึ่งอาจจะนัดสัมวันศุกร์นี้ ดังนั้นก็ไม่ต้องใจร้อน รอวันศุกร์นั่นแหละน่าจะรู้ผล ถ้าเงียบหายไปก็ตามนั้น...
>>667 ถามได้นะ ถ้าอยากถามก็ถามเลย แต่สำหรับกูเวลาสมัครงานกูจะสมัครหลายที่เท่าที่อยากสมัคร และจะไม่รอที่ไหนเป็นพิเศษ ถ้าที่ไหนไปสัมภาษณ์แล้วรู้สึกไม่โอเค ก็กาหัวทิ้งไปเลย จะรับหรือไม่รับกูไม่สนใจละยังไงก็ไม่ทำ แต่ถ้าเป็นที่ที่ไปสัมแล้วโอเค ไม่ทำให้กูกาหัวทิ้ง ที่ไหนรับมาก่อนกูก็เอาที่นั่นแหละ
>>668 ขอบคุณมากๆ จริงๆเหมือนเค้าบอกด้วยว่าน่าจะกินเวลาสักพัก อาจจะเพราะแคนดิเดตเยอะ บริษัทใหญ่ เลยมีขั้นตอนภายใน + ถ้าผ่านจะมีสัมภาษณ์รอบสองกับคนตำแหน่งสูงขึ้นด้วย
คิดแหละว่าเราไม่ได้เป็นชอยส์เบอร์หนึ่งของเค้าแน่ๆ แต่ก็น่าจะพอโอเคในระดับนึง ก็ได้แต่ใจเย็นรอ สมัครที่อื่นไปพลางๆ แล้วหวังว่าจะได้แหละนะ
ขอถามโม่งหน่อย ปรกติภาษีนี่ส่วนมาก ใช้อะไรลดหย่อนกันบ้าง ตอนแรกกูเล็งพวกกองทุน SSF , RMF
แต่คิดๆ อยู่ชักสงสัยว่า ดูแล้วจะไหวไหมวะ ปีที่แล้วเห็นผลประกอบการติดลบบานเลย -*-
ขอบใจโม่งมาก pvd ของกูคงหมดหวัง ส่วนประกันจริงๆ ก็สนใจเหมือนกัน กะว่าอายุมากกว่านี้ ค่อยสมัคร เพราะตอนนี้ลองไล่คำนวนดูแล้ว รู้สึกเบี้ยประกันจะเสียมากกว่าอ่ะ
>>675 ตอนแรกไม่สนใจนะ แต่พอลองคำนวนดู ฐานมันทะลุแล้ว เสียเปอร์เซ็นต์เยอะแบบรู้สึกค่อนค่างแย่เลยล่ะ ประมาณว่าซื้อรถได้คัน
ปล. เหมือนจะรวยนะ แต่จริงๆ ภาษีมากกว่ากำไรซะอีก ทีปีที่กูขาดทุนยับ มันก็เอามาลดหย่อนข้ามปีไม่ได้ อยากจะร้อง ;_;
>>676 อ๋อ ทำธุรกิจใช่มะ? ธุรกิจมันลดหย่อนไม่เหมือนซาลารีแมนนิ มันมีพวกค่าใช้จ่ายต่างๆ ในบริษัท น่าจะลองไปปรึกษาคนที่ทำธุรกิจด้วยกันดูนะ อย่างบริษัทกูเลิกซื้อทุกสิ่ง เช่าแม่งทุกอย่างตั้งแต่รถผู้บริหารยันเครื่องปรินท์ เพราะมันเอาไปหักเป็นรายจ่ายได้ แถมมีเซอร์วิสมาคอยดูแลให้อีกต่างหาก ไม่ต้องมานั่งดูแลเอง
กูงงชาวทวิตขับรถ 2 ตีน มึงไปเรียนกันมาจากสำนักไหน
>>680 จริงค้าบบบ ขับรถ2ตีนมีที่ไหนกันนน 😫 https://youtu.be/UAlalPg6b68
สงสัยไม่เคยดูอินนิเชียล ดี https://youtu.be/fuz4WeVxqOc
เหยดดด เพิ่งเห็นข่าว omega x swatch เรือนละ 8700 ชิบหาย ดีนะกูยังไม่ซื้อ omega speemaster ที่เล็งไว้ กลายเป็นรู้สึกว่า brand position แม่งลดฮวบไปเลย เข้าใจนะว่าเค้าคงอยากเพิ่ม brand awareness แต่ถ้านาฬิกาที่กูใส่เรือนละสองแสนมีโลโก้เดียวกับเรือนละ 8700 ที่ก็เป็นของแท้เหมือนกัน กูก็ไม่โอเคว่ะ ลาก่อย omega เก็บเงินเพิ่มอีกนิดแล้วไปเล็ง rolex ดีกว่า
>>685 มูนวอชก็ยังเป็นมูนวอชว่ะ ต่อให้มีของเล่นพลาสติกหน้าตาเหมือนมูนวอช มันก็ไม่เห็นทำให้โอเมก้าด้อยค่าลงตรงไหนเลย แต่ไหนแต่ไรโอเมก้าก็พยายามจะเป็นแบรนด์ที่เข้าถึงคนทุกเพศทุกวัยอยู่แล้ว กูว่ามันก็เป็นอีเวนท์สนุกๆที่ทำให้เด็กรุ่นใหม่ได้ทำความรู้จักกับโอเมก้ามากขึ้น ก็ดีออก
แล้วมึงจะไปซื้อ rolex แทนเนี่ย จะเอาอะไรมาแทน speedmaster ได้ ไม่มีหรอก ถ้าเดโทน่าก็เก็บอีกไม่นิดนะมึง 555
อย่างแกรนด์ไซโก้ มีโลโก้เดียวกับไซโก้ราคาหลักพัน คนเล่นเขาก็ดูออกอยู่แล้วว่าแกรนไซโก้มันโพสิชั่นสูงกว่าขนาดไหน
>>688 grand seiko มันก็เป็นโลโก้ grand seiko นะ คนละโลโก้คนละฟอนต์กับ seiko แบบคนละเรื่องเลย เหมือน toyota กับ lexus อะ ก็ไม่รู้สึกอะไร แต่อันนี้ OMEGA x swatch โอเมก้าอยู่บรรทัดบน swatch ตัวเล็กๆ อยู่บรรทัดล่าง และคำว่า omega นี่คือโลโก้เดียวแบบเดียวกับ omega ปกติเลย ใครรับได้ก็รับไป กูรับไม่ได้ ความจริงเคยเป็นติ่ง omega speedmaster มาก่อน อยากได้มาก รู้สึกโชคดีที่ยังไม่ซื้อ ถ้าซื้อมาไปแล้วคงเซ็งมาก
>>687 ขยับไม่นิดจริงๆ ว่ะช่วงนี้ rolex ราคาขึ้นรัวๆ เลย บางรุ่นมีเงินยังซื้อไม่ได้ คงพับโปรเจคนาฬิกาไว้ก่อนเลยยาวๆ ขอเวลาหาตัวใหม่ที่ถูกใจจริงๆ ดีกว่า
ติ่งโอเมก้าแบบกูเสียจัย มีแต่คนยี้โอเมก้าแล้วเพราะอิมูนสวอชเนี่ย 5555
โอเมก้ามันดีจริงๆมาก ทาบข้อมือแล้วฟินน้ำแตกทุกเช้าเลย
ในเรนจ์ราคานี้ งานเนี้ยบขนาดนี้ กลไกล้ำขนาดนี้มีแค่โอเมก้ากับแกรนไซโก้เท่านั้นเลย
อย่าให้สวอชมาทำให้เพอเซปชั่นแบรนด์เปลี่ยนเลย ของมันดี๊ เจมบอนคอนเฟิร์ม
ทำโปรเจกต์นึงร่วมกับเพื่อนร่วมงาน กูเป็นคนทำเนื้อหา เขาเป็นคนพรีเซ้น แต่พอถึงเวลาพรีจริงๆเขาพูดพาร์ทของกูผิดหมดเลย ผิดแบบชื่อสินค้ากับเนื้อหาปนกันมั่วหมดเลย ซึ่งกูเซ็งมาก
คำถามคือ กูควรเริ่มคุยกับเขายังไงดี จริงๆกูเคยถามแล้วนะ ว่าเข้าใจสิ่งที้กูเขียนมั้ย ให้กูช่วยอะไรมั้ย แต่เขาก็บอกว่าไม่มีอะไร เดี๋ยวถ้าสงสัยเขาทักถามกูเอง แต่นี่ผ่านมา4ครั้งก็ยังเป็นเหมือนเดิม
กูไม่อยากให้เนื้อหาที่กูตั้งใจทำถูกเอามาพูดผิดๆแบบนี้อะ แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มยังไงดี จริงๆอยากจะขอพรีแทนเลย แต่แบบ จะพูดยังไงให้ดูไม่negativeวะ
เห็นคุยนาฬิกา มีนาฬิกาเเนะนำบ้างปะ กูอยากได้เเนวประมาณ oris classic date เเต่เหมือนไม่ค่อยเห็นใครพูดถึงเเบรนด์นี้เลย
เรียบๆ เหมาะกับใส่ประชุม,ใส่ทำงานออกงาน ไม่เอาomega rolex ไม่มีตัง จน
หางานแม่งเหนื่อยจังวะ เกือบจะได้หลายที่แล้ว มาตกเอาก้าวสุดท้ายทุกที
>>695 oris ก็เห็นคนพูดถึงเยอะอยู่นะ ถ้าเอาราคาประมาณหลักหมื่นก็จะมี oris, rado, mido, hamilton, longines, tag hauer ประมาณนี้แหละ ชอบเรือนไหนไปเลือกเอาเลยตามชอบ ตอนกูจะซื้อกูไปเดินเซ็นทรัลแผนกนาฬิกาเลย สุดท้ายได้ Longines Hydroconquest มา ก็ชอบนะ ใจจริงชอบ grand seiko แต่มันยังเกินตัวเกินไป เอาไว้ตำแหน่งสูงเงินเดือนเยอะกว่านี้ก่อนค่อยว่ากัน ว่าแต่เดี๋ยวนี้หาคนใส่นาฬิกา analog ยากเนอะ ขนาดเจ้านายกูแก่ๆ 40+/50+ ยังใส่ smatch watch กันหมดละ เมื่อก่อนชอบส่องนาฬิกาคนอื่นมากสนุกดี เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีอะไรให้ส่องเลย มองไปเจอแต่ apple watch ไม่ก็ garmin
ป.ล. กูเห็นข่าว omega x swatch สีตกด้วยอะ ในรีวิวเมืองนอก 555 กรรมเอ๊ยกรรม
เออ แต่ตัวแรงของวงการนาฬิกาปีที่ผ่านมาคือ tissot prx (แต่กูไม่ค่อยชอบ)
สู้casio f91ไม่ได้ซักตัวอ่ะ
ใส่ในวันปกติมันไม่ทนอะ เกิดไปเดินขูดเป็นรอยจะเสียดายเอา เอาไว้ใส่เเค่ช่วงเวลาพิเศษ ไปออกงาน หรือพบลูกค้าประชุมอะไรพวกนี้พอ
วันปกตินี่ใส่กามินตลอดเพราะเย็นเลิกงานก็ไปออกกำลังกาย
พวกใส่นาฬิกาแม่งเทอะทะจะตาย ดูเนิร์ดสัส คนหล่อเท่ห์เขาใช้เสาโอเบลิสก์ดูเวลากัน
คนคูลเขาต้องใส่นาฬิกาแพงให้เยินๆ มีสตอรี่เอาไปเล่าต่อได้อีก
มีนาฺฬิกาเเพงจะได้ใส่กางเกงขาสั้น รองเท้าเเตะ เข้าร้านทองเเล้วเจ้าของร้านทรีทดี
เชี้ย ขึ้นปลาเป็นแล้ว ทำโรลมากิได้ โรลพื้นฐานเป็นคล่องตัวแล้ว ปั้นข้าวนิกิริได้(แค่ไม่ไวแต่ทรงตามมาตรฐานร้าน) ตัดปลาซูชิได้ ซาซิมิพอใช้ แต่หาร้านที่รับกูเข้าทำงานไม่ได้ไปอีก ยิ่งfine dining แบบA la carte คือไม่มีใครรับเลยอีเหี้ย.......สรุปกูมาทำอะไรในวงการนี้วะ 55555+
งานสาย customer service มันมีสิทธิ์โตไหมวะ แต่เพิ่งจบใหม่ ตัวเลือกใช่ว่าจะเยอะ
>>709 นั่นมันขึ้นปลา ตัดปลาฟุกุ อันนั้นอ่ะต้องมีใบอนุญาติที่ญี่ปุ่นออกให้ แล้วใบรับรองห่าไร มึงไปดูร้านฟูจิ ร้านเซน ร้านโออิชิเอาละถามดูว่า พนง.ครัวมีใครสอบใบสัมผัสอาหารบ้าง เด็กใหม่อายุ18-19ปีมีที่ไหนจะรู้เรื่องพวกนี้ รู้ไหมว่าบางร้านนะ ซาซิมิที่มึงแดกละอร่อยเผลอๆฝีมือพม่า ลาว ไทใหญ่ คนไร้สัญชาติด้วยซ้ำ
>>712 tudor ก็โอเคเลย
จริงๆแบรนด์สวิสใหญ่ๆที่เหลือรอดมาทุกวันนี้โอเคทุกแบรนด์แหละมึง ขึ้นอยู่กับโจทย์ย่อยๆลงไปมากกว่าว่ามึงอยากได้สไตล์ประมาณไหน, ต้องการให้คนอื่นรู้จักรึเปล่า, หรือต้องการให้มันคงมูลค่าไว้สำหรับขายต่อรึเปล่า
แม้แต่ tag heuer ที่ในวงการคนเล่นออกจะยี้ๆหน่อย แต่กูว่ามันก็มีดีในแบบของมัน
กลับมาที่ tudor
อย่าง tudor แนวๆใส่ได้ทุกงานก็คงไม่พ้น blackbay ซักตัวนึงอะ ไปจิ้มเอาสีที่ชอบได้เลย
แต่มีข้อเตือนใจว่าถ้าชอบ tudor ซื้อ tudor ก็โอเค
แต่ถ้าชอบ rolex แล้วงบไม่ไม่ถึง เลยคิดจะซื้อtudorมาแก้คัน บอกเลยว่าหยุดก่อนสหาย แม่งไม่มีทางหายคัน ใส่แอปเปิลวอชต่อไปจนกว่าจะงบถึงโรเล็กค่อยซื้อดีกว่า
แต่ส่วนตัว ถ้างบถึง blackbay ถ้าเป็นกูกูหา omega seamaster ไม่ก็ aquaterra มือสองดีกว่า สภาพสวยๆกูเห็นประมาณแสนนิดๆ
>>713 5555 เหมือนโดนจี้ใจดำอะ ซื้อมาแก้คัน แต่ก็คงไม่หายคัน โคตรจริง ความจริงที่สนใจ tudor เพราะเค้าบอกว่าช่วงนี้มันมีของ resale ถูกๆ เยอะ เนื่องจากมันมีพวกที่ต้องซื้อพ่วงทำยอดเพื่อจะซื้อ rolex ที่ขาดตลาดหนัก ก็เลยคิดว่าน่าจะได้ของดีในราคาถูก ส่วนเรื่องราคาขายต่อไม่สนใจเพราะไม่คิดจะขายต่ออยู่แล้ว เป็นพวกใช้ของไม่ขายต่อเลยไม่ว่าจะอะไรก็ตาม แค่อยากได้นาฬิกาที่ใส่แล้วดูดีดูมีเทสต์หน่อย ไรงี้ ขอบใจมากสำหรับคำแนะนำ ขอไปไตร่ตรองอีกที
บอกเค้าอย่างดีโปรดดูไฟล์แนบ สรุปกูลืมแนบไอ้สัส
>>715 เกลียดโมเม้นต์พลาดโง่ๆของตัวเองแบบนี้มาก หลังๆมานี้เลยโบ้ยไปที่ความผิดของไอที "อ่ะ แสดงว่าไอทียังไม่ได้อัพเฟิร์มแวร์ใหม่ให้ คอมคุณ จึงยังไม่สามารถอ่านไฟล์ได้และทำให้มองไม่เห็นเอกสารแนบที่ผมให้ไป งั้นเดี๋ยวผมส่งเวอร์ชั่นเก่าไปให้ คอมคุณจะได้เปิดอ่านได้" ใช้มุกนี้รอดตลอดนะ
Poor man’s Rolex
Rolex air king ใหม่สวยสัส
>>709 ใบรับรองในวงการนี้นะ อีกประเภทคือใบผ่านงานจากบริษัทอื่น เอาง่ายๆว่าต้องไปหางานร้านญี่ปุ่นที่รับคนไม่มีประสบการณ์เลยมาทำแล้วมีใบผ่านงานให้มึงแน่ๆหลังลาออกไป นั่นหน่ะได้ไม่ต่างกัน แต่พิสูจน์ด้วยการเทสงานก็ได้อีกนะ แค่ใบรับรองงานจากบริษัทที่เคยทำที่แรกมันช่วยเรียกรายได้
ช่วงนี้เป็นไรไม่รู้ว่ะ เหมือนเป็นโรคขี้เกียจ ไม่อยากทำงานแล้ว รู้สึกตัวเองไม่เอาไหนเลยว่ะ นี่เพิ่งลาออกจากที่เก่ามา แล้วหางานใหม่ได้แล้ว ได้มี gap time สั้นๆ 1 Week แต่ก็รู้สึกว่านังไม่พอ อยากหยุดอีกอ่ะ เหมือนกุเป็นคนขี้เกียจไม่เอาไหนเลย ทำไงให้ไฟแรง
>>722 เป็นเหมือนกันนะ .... ส่วนตัวกูจะสงสัยกับตัวเอง และอยากไปตรวจร่างกายแบบละเอียดดูก่อนหว่ะ โดยเฉพาะพวกเส้นประสาทสันหลัง สภาพสมองอะไรทำนองนี้เลย เพราะบางวันกูได้หยุดงานคือนอนยาวแบบข้าวปลาแดกมื้อเดียวงี้ ตอนมีแรงกลับมาปุ๊บมันสงสัยกับตัวเองนะว่าร่างกายกูปกติจริงเหรอ
กู gap มาครึ่งปีละ ทีแรกว่าจะลาออกจากงานมาทำตามความฝัน
สรุปไม่ได้ทำเหี้ยไรซักอย่าง นอน ตื่นมาอ่านนู่นนี่ไร้สาระ แล้วก็นอน
มึงมีเงินเลยทำตัวได้แบบนั้นไง มึงลองไม่มีเงินดิ่แค่ข้าวมื้อหนึ่งมึงจะเอาจากไหน ปลูกผักแดรก?
อยากถามเพื่อนโม่ง ............คือ จะเดินทางไปทำงาน หางานใหม่ลำบากเพราะว่าไม่มีรถยนต์ส่วนตัวหรือไม่มีใบขับขี่แม้กระทั่งขี่มอไซค์นี่มันเรื่องจริงไหมวะ? หรือเพราะความรับผิดชอบกูต่ำเอง? กูพยายามมากๆแล้วกับการมาให้ทันในที่ทำงานและพยายามโบกใช้รถสาธารณะแถวบ้านกูนะ แต่สิ่งที่กูเจอๆมานี่คือ รถไม่จอดรับ(แต่คนรู้จักกูอยู่บนรถคันนั้น คนขับไม่รับเอง), ขับหนีไปเลย, ขับลาก(เบอร์รถกูแบล๊กลิสต์ไว้ในมือถือ), แถมป้าย(กดกริ่งรัวๆแม่งยิ่งแถมกูหกป้าย) .....เรื่องพวกนี้เจอบ่อยๆมากกูควรถอยรถกระจอกๆส่วนตัวมาสักคันแล้วไปเรียนขับรถไหม? แล้วถ้ากูซื้อรถมาขับเอง(จะซื้อมอไซค์ EV)ร้อยทั้งร้อยยังไงก็ยังประหยัดค่าเดินทางมากกว่าใช้รถประจำทางไหม? ทุกวันนี้เดินทางเองเหมือนสุ่มกาชาเลยว่าจะมารถแบบไหน แต่คุณภาพการเดินทางคือไม่หนีกันมากหว่ะ
>>725 กูเคยทำแบบนั้นทั้งที่ไม่มีเงินนะ แบบแดกมาม่าวันละมื้อก็ยอม รู้แค่ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น ไม่อยากแม้แต่จะขยับตัว ความรู้สึกเหมือนทิ้งดิ่งไม่เอาอะไรแม่งซักอย่างละ โชคยังดีที่ถึงจุดนึงคิดได้ ลุกฮึบขึ้นมาอัปเดต resume สมัครงาน ทุกวันนี้กลับมามีชีวิตปกติ มีงานทำ มีเงินใช้ มีสังคม มีคุณภาพชีวิตที่ดี ดูแลพ่อแม่ได้ พ่อแม่สบายใจ หลังจากวันนั้นนับมาก็ทำงานประจำมา 5 ปีละ บางช่วงท้อเบื่อเซ็งเครียดอยากลาออก ก็จะเอาวันนั้นแหละเป็นตัวฉุดรั้งตัวเองเอาไว้ว่า เฮ้ย เราจะกลับไปเป็นแบบนั้นอีกเหรอ แล้วก็อดทนทำงานต่อไป
>>722 จากประสบการณ์ส่วนตัวกูเองอาจจะใช้ไม่ได้กับทุกคน พอเรายิ่งไม่ทำอะไร เราจะยิ่งขี้เกียจว่ะ แต่ถ้าเราทำงานเยอะจนยุ่งมาก เราจะยุ่งจนไม่มีเวลาแม้แต่จะมาคิดว่าขี้เกียจอะ อย่างช่วงหยุดยาวกูสังเกตนะ ถ้ากูไปเที่ยวหรือมี activity ยุ่งๆ กูจะกลับไปทำงานแบบเฟรชมาก แต่ถ้าหยุดยาวกูอยู่นิ่งๆ ทุกวันไม่ไปทำอะไรเลย (กะว่าจะพักผ่อน) พอถึงวันจะต้องกลับไปทำงาน กูจะงอแงหนักมากไม่อยากทำงานเลย ขี้เกียจ อยากนอนกลิ้งบนเตียงแบบนั้นตลอดไป
เพิ่งเรียนจบปีก่อน กำลังสมัครงาน พอช่วงเงียบก็เงียบยาว แต่พอได้ ก็มีที่ติดต่อมประมาณนึงเลย กูเลยสับสน ไม่รู้ว่าควรเลือกที่ไหนดีอะ ปกติพี่เพื่อนโม่งใช้อะไรเป็นตัวตัดสินตอนเลือกงานกัน คือรู้สึกว่ามันก็มีสายงาน/บริษัทที่น่าสนใจตั้งหลายที่ จนตัดสินใจไม่ได้ แล้วกูเป็นคนตัดสินใจไม่เก่งอยู่แล้วด้วย แบบรักพี่เสียดายน้อง
แล้วมันพาลไปคิดมากอีกว่า ถ้าเลือกทำสายงานนึงไป แล้วเกิดไม่ชอบ / ไม่เหมาะกับเรา หรือสายงานนั้นอนาคตอาจจะไม่เวิร์ค/โตได้ไม่เต็มที่จะทำยังไง
ขอคำแนะนำหน่อยครับ ช่วงนี้เครียดและสับสนเรื่องการเลือกงานมากเลย
>>729 มึงไม่บอกว่าจบอะไรมา สายงานที่ว่ามีอะไรบ้าง แล้วจะแนะนำยังไงได้วะ
ถ้ากลัวโม่งแตกขนาดนั้นมึงไปปรึกษารุ่นพี่คณะเดียวกัน แต่ถ้ามึงไม่มีกรุ๊ปเฟส/ไลน์ที่ทุกคนมาร่วมกันให้ความเห็นได้มึงก็จะได้แค่ความเห็นของคนที่มึงถามแค่ไม่กี่คนแค่นั้น
เออแต่คิดอีกทีโม่งแม่งเงียบขนาดนี้มึงไปถามรุ่นพี่เหอะ
>>726 เอาทีละคำถามนะ
- ไม่มีรถแล้วหางานลำบาก/เดินทางลำบาก
---- ถ้าอยู่กรุงเทพปริมณฑลหรือในตัวอำเภอเมือง ไม่จริง รถสาธารณะเยอะแยะ
---- อยู่อำเภอรอบนอก ใช่ หางานยากหน่อย สัมทีก็เข้าเมืองที ส่วนที่เดินทางประจำวัน ดูจากที่มึงเล่าแล้ว ถ้าไม่ใช่ว่าคนขับเกือบทุกคนเหม็นขี้หน้ามึง ก็คนขับเหี้ยเอง ซึ่งกูค่อนข้างให้น้ำหนักอันแรก บางทีมึงอาจไม่รู้ตัวว่าการกดรัวๆคือการสร้างศัตรู คืออ่านดูรวมๆแล้วรู้สึกว่า attitude มึงดูท้าชนน่ะ มึงแบล็คลิสต์เขาได้เขาก็แบล็คลิสต์มึงได้ และเอาไปเล่าให้ทุกคนรุมแบนมึงได้ ในเมืองเล็กที่ทุกคนเกลียดมึงและมึงไม่ได้ชีวิตดีจนสามารถโนสนโนแคร์ได้ มึงอยู่แบบมีความสุขไม่ได้หรอกนะ นี่ไม่ใช่แค่เรื่องโบกรถ ลองเอากลับไปคิดดู
- ควรหัดขับรถไหม ควรมีใบขับขี่ไว้ไหม
---- ควร ต่อให้มึงไม่คิดจะมีรถของตัวเอง ขับเป็นไว้ดีกว่าไม่เป็น เผื่อคราวจำเป็น
- มอไซ EV ดีไหม
---- EV ข้อจำกัดเยอะว่ะ
ถ้ากรุงเทพปริมณฑล อันตรายกับคนขับมอไซไม่แข็งมาก รถทุกคันพร้อมจะเบียดมาฆ่ามึง ไหนจะฝุ่น ควัน แดด อันนี้จะ EV หรือน้ำมันก็ไม่แนะนำ
ตจว ถ้าต้องขับข้ามอำเภอ ก็คือเสี่ยงกับรถยนต์ที่ใช้ความเร็วเต็มที่ และถ้าจะ EV ก็ต้องเพิ่มเงินเพื่อซื้อรุ่นที่ได้ทั้งระยะวิ่งสูงสุดและความเร็ว จุดชาร์จนอกบ้านก็น้อย ถ้าที่บ้านไม่มีบริเวณให้จอดชาร์จก็ต้องเอารุ่นที่ถอดแบตได้เองอีก
>>732
-มึงเคยมาอยู่ชานเมืองไหมโม่ง? อยู่บนท้องถนนที่แบบบางสายไม่มีรถวิ่ง หรือต่อให้มี มันมีแต่สัมปทานรถสองแถวกากๆที่ไม่มีGPSอ่ะ แล้วรถน้อยเหี้ยๆ หรือบางวันมันไม่วิ่งก็ไม่วิ่งเลยเหมือนสาย 388 เงี้ย
-คนที่ทำสิ่งดีๆก็ควรได้รับสิ่งดีๆ คนทำสิ่งไม่ดีทำไมต้องทำดีตอบแทนให้วะ? ..... อยู่ในเมืองเล็ก? ...... มึ๊งงงง ฝั่งธนเมืองไม่เล็กแล้วคุณโม๊งงงงงง ใครมันจะจำหน้ากันได้หมด คนรายงานไปตั้งเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ แล้วพวกที่ทำแบบนี้นะเจอแต่บนถนนใหญ่ทั้งนั้น ขับลากมีแต่สองแถว แต่สองแถวเสียแค่ขับลากเนี่ยแหละ(กูเลยต้องจด blacklistส่วนตัวไง เจอคันที่สงสัยว่าขับลากแน่ๆ รถไม่ขาดระยะ กูไม่ขึ้น) แล้วแถมป้ายไม่เป็น ขับหนีไม่เก่งนะ พวก ขสมก.ทั้งนั้นที่ตัวดี
-แล้วมอไซค์ EVมีไว้ทำหอกไรวะถ้าเกิดขับบนถนนใหญ่ลำบาก? ....จริงๆก่ะจะซื้อมาเผื่อขับไปช่วงถนนที่แม่งไม่มีรถประจำทางวิ่งผ่านเลยแบบ ถ. กาญจนาภิเศก , ถ.ราชพฤก ไรเงี้ย ซึ่งย่านนั้นคนรวยๆอยู่กัน คือแม่งเปิดประตูนรกขนาดนั้นเลย?
-เออ ไปดูข้อมูลละ การใช้รถ EVในประเทศเหี้ยนี่แม่งชั้นต่ำสัสๆ ทุกอย่างราคาแพงหีหมาระเบิดสวนทางกับคุณภาพเลย ติดตั้งสถานีในบ้านทีแม่งราคาแพงกว่าติดตั้งตู้น้ำมันหยอดเหรียญไปนั่น ควยถอก
ถ้ามีเงินก็ซื้อไปเถอะ รถน่ะ แต่ถ้าไม่มีมันก็ต้องยอมลำบากยอมอดทน ไม่ใช่แค่เรื่องรถหรอก ก็ทุกเรื่องอะแหละ คุณภาพชีวิตมันก็ตามรายได้ มันเป็นเรื่องปกติธรรมดาของโลกสมัยนี้อยู่แล้ว สมัยกูทำงานใหม่ๆ ขึ้นรถสาธารณะไปทำงานเหมือนกัน เกลียดวันฝนตกมาก มันคือวันมหาประลัยสำหรับกูเลย รถเมล์ก็คนแน่น บางทีมาสามคันยังไม่ได้ขึ้น แท็กซี่แม่งก็หายาก ยืนรอรถอยู่ข้างทางโดนรถเก๋งขับเหยียบน้ำกระเด็นใส่เลอะตั้งแต่เช้า แต่ก็ไม่กล้ากลับหอไปเปลี่ยนชุดเพราะจะไปสายแน่นอน กลัวไม่ผ่านโปร ก็ไปทำงานมันทั้งสภาพนั้น ชีวิตดราม่าเหี้ยๆ 555 ทุกวันนี้มองย้อนกลับไปแล้วรู้สึกตัวเองมาไกลมาก เดี๋ยวนี้ขับรถยนต์ไปทำงาน รถจะติด ฝนจะตก แดดจะออก ไม่มีผลอะไรกับชีวิต นั่งในรถฟังเพลงตากแอร์เย็นฉ่ำ
สลัดบาร์ของซิสเลอร์ยังอร่อยมั้ยตอนนี้ใครรู้บอกที
Hr มันน่าสนใจในระยะยาวปะวะเพื่อนโม่ง คือกูอยากลอง แต่ที่บ้านอยากให้ทำธนาคารเลยสมัครตำแหน่งแปลเอกสารของธนาคารนึงไป จะได้ทำเทสเร็วๆนี้
แบบเค้าบอกว่าอยากให้ได้ทำงานมั่นคง บริษัทใหญ่ แต่นี่เพิ่งออกงานเก่ามาเพราะอยากลองอะไรใหม่ๆ
อยากลอง hr อยากลองสายงานบริการด้วย (กำลังจะสัมสายการบินที่นึง) แต่ก็กลัวว่าถ้าไม่ชอบแล้วเปลี่ยนงานอีกมันจะดูไม่ค่อยดีรึเปล่า หรือช่วงนี้ควรลองผิดลองถูกอยู่แล้วหว่า แต่ก็ไม่อยากลองมั่วจนไม่เห็น career path ตัวเองนั่นแหละ
>>737 ข้อดีของ hr คือทุกองค์กรต้องมี hr เรื่อง career path อย่างน้อยๆ ยังไงก็มีไปถึง ผจก ฝ่าย อยู่แล้ว บางบริษัทอาจไปไกลกว่านั้น ข้อเสียคือวุ่นวายเรื่องคน และเป็นแค่ส่วนงาน back office ไม่ใช่ส่วนงานที่เป็น core business ขององค์กร ถ้าเพิ่งจบใหม่ก็ลองผิดลองถูกได้อยู่แหละ รีบๆ ลองซะ พอซักยี่สิบปลายจะได้มีเส้นทางที่ชัดเจนละ
>>734 เอ่อใจกลางเมืองแบบสีลม รถประจำทางยังเอาแน่เอานอนไม่ได้เลยมึง
สมัยก่อนตอน BRT จะเจ้ง คนยังมาขอร้องให้ขึ้นราคาให้วิ่งต่อ จ่ายแพงกว่าเดิม 3-4 เท่าก็ยอมเลย
เพราะรถเมย์น่ะบทจะหายก็หายไปดื้อๆ บางทีมึงรอไปเหอะ ชั่วโมงนึงยังไม่เจอซักคัน หรือตอนบ่ายๆ เที่ยงๆ การรอรถเมย์ 2 ชั่วโมง นี่เรื่องปรกติมาก
>>736 ถ้าแดกสลัด มันไม่มีอะไรเปลี่ยนไป แต่พวกซุป พวกของทอด ย่าง ที่มาข้างๆสลัด กูแนะแนวมึงเข้าไปแดกสาขาในเมืองเลย ตรงนั้นยอดขายสูง มันมีปัญญาจ้างคนมาลงงานตรงนี้ได้ เมนูมาตรฐานของร้านจะมากตาม กูกับแม่เคยลองไปกินหลายๆสาขาละ สรุปได้ว่าพวกสาขาที่คนมีเงินอยู่ๆกันเยอะ อะไรๆจะดีอย่างที่มึงหวังไว้มากขึ้นนะ
อบากลดภาษีซื้อประกันสุขภาพเจ้าไหนดี เรามีโม่งตังแทนไหมนะ
อยาก* ตัวแทน**
จะวันจันทร์อีกแล้ว แงงง
ทำงานอีกอาทิตย์เดียวก็หยุดยาวแล้ว
ลองคำนวนๆ ฐานภาษีดูแล้ว ภาษีเมืองไทยช่องโหว่ที่เสียเปรียบสุดคือช่วงปลายฐาน 20% ถึงต้นฐาน 25% นี่หว่า ลดหย่อนอะไรก็กลายเป็นว่าไอ้ที่ลดหย่อนเสียแพงกว่าภาษีที่ลดเสียอีก แล้วหลุดออกจากฐาน 20% ไม่ได้ด้วย จะเปิดบริษัทมาเลี่ยงฐานนี้ก็ไม่คุ้ม
ลองถ้าประมาณการคร่าวๆ ถ้าดูจากอายุงานที่ไปถึงช่วงนี้ ภาระรายจ่ายน่าจะเยอะ แล้วโดนภาษีกระทืบซ้ำ
งานสายแอดมินมันโตไปเป็นอะไรได้อีกป่ะวะ ทำมาปีนึงละ รู้สึกสนุกดีแม้จะเจอคนเหี้ยไรวะบ่อยๆ แต่เงินก็โตไม่มาก ถ้ามันโตไปทางไหนไม่ได้คงต้องหางานใหม่ที่มันมีพาธชัดเจนกว่านี้...
รำคาญมาก พวกกระทู้ถามเงินเดือนช่วงนี้ จะต้องเต็มไปด้วยคอมเม้น ถ้าสายไอทีถึงครับ สายไอทีได้มากกว่าที่ว่ามาครับ โพสต์อวดกันจนเกร่อ กูไม่เข้าใจว่าทำไมต้องโพสต์ รอบตัวกูที่ไม่ได้จบสายไอทีมา ได้มากกว่าก็มีเยอะ การแข่งขันก็ต่ำกว่า ไม่เห็นเขาจะโพสต์อวดกันเลย
เรื่องของเรื่องคือ กูก็ทำไอที มองยังไงก็ทุบหม้อข้าวตัวเองชัดๆ ไม่เห็นหรือไงคนแห่มาเรียนจนจะล้นตลาดอยู่แล้ว แทนที่จะเงียบๆ ไว้ คนไม่ตามมาทำเงินเดือนจะได้ดีดขึ้นไปอีก ไอ่พวกที่ย้ายมาไอทีย้ายออกง่าย แต่พวกจบไอทีสายตรงอย่างกูถึงเวลาเงินเดือนไอทีฟองสบู่แตกยืนเตะฝุ่นเกาหัวแกรกๆ แน่มึง ตอนนี้เกาะขาเก้าอี้บริษัทตัวเองแล้วอีเหี้ย กลัวตกงาน โกยเงินโกยประสบการณ์ได้โกย เด็กรุ่นล่าสุดจำนวนเข้ามาเรียนเยอะกว่ารุ่นกูสามเท่าได้แล้วล่าสุด
ไอที แค่ก
ไอสองที แค่กแค่ก
ไอสามที แค่กแค่กแค่ก
>>750 ของกูโชคดีที่งานมั่นคงประมาณนึง
แต่ที่รู้สึกเหี้ยคือกรองพวกที่จบตรงสายแต่ทำงานไม่ได้ออกตอนสัมภาษณ์ก็ว่าเสียเวลาแล้ว
ต้องมาเจอพวกจบไม่ตรงสายแบบลงเรียนคอร์สนิดๆหน่อยๆแล้วก็มาสมัครงานทั้งที่เข้าใจอะไรแบบผิวเผินมาก
แล้วบอก HR ไปตั้งหลายรอบแล้วว่าไม่เอาพวกนี้ แม่งก็ส่งมาให้สัมภาษณ์อยู่นั่น
อีกสองเดือนจะทำงานครบปีแล้ว ยังไม่เห็นมีโปรเจคอะไรให้ใส่พอร์ตเลยเยดแม่ จะได้ย้ายงานไหมกู
จบใหม่ นอนเกาพุงอยู่บ้านสักครึ่งปีค่อยไปสมัครงานนี่ปกติปะ จะดูไม่ดีป่าว เวลาถามค่อยแถว่าสะสมค.รู้เพิ่มเติม บลา ๆๆ
>>754 บอกตรงๆกูก็ไม่รู้เหมือนกันกูแอดมินอะไร เหมือนฝ่ายsupportละมั้ง กึ่งคนประสานงาน คอยช่วยเรื่องทำจ่ายเงิน-งบ ตรวจงาน คุยกับต่างชาติบ้าง(ทวงงานกับถามงบ) ทุกคนเรียกตำแหน่งกูแอดมิน งานมันดูจับฉ่ายเรื่อยๆของมันแต่มันมีความสนุกอยู่เหมือนกันว่ะ อธิบายไม่ถูก
>>756 นอนคิดเมื่อคืน ฝั่งกูอาจจะต้องไปทางฝั่งเซลหรือการตลาด ไม่ได้แตะฝั่ง HR เลยว่ะ... ข้อเสียคือกูไม่เคยทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันแบบฝั่งเซลอย่างออกโควเทชั่นหรือออกอินวอยให้ลูกค้า แบบฝั่งการตลาดก็พวกวางแผนใช้เงินจัดอีเวนต์ แคมเปญหรืองานบูสโพส
จะใส่เรซูเม่ยังนึกไม่ออกเลยว่ามันมีโปรเจคอะไรเป็นชิ้นเป็นอันที่กูภูมิใจขายได้ งานมันจับฉ่าย
ไปสมัครงานห้างญี่ปุ่นแห่งนึง ที่ทำงานกูเจอแต่กับอาหาร แทบไม่ได้จับเงินสดเลย(ตำแหน่งงานรายวันด้วยซ้ำ) แต่HRเรียกร้องขอคนค้ำประกันทำงานตอนมาเทรนงานวันแรกด้วย เหี้ยไรเนี่ย ปกติมีงี้เหรอวะ?
ตัดสินใจเลือกงานยากว่ะ ยังไม่เจอสายงานที่ตัวเองชอบ สนใจหลายอย่างมาก มีทั้งแบบ hr เซลส์ ประสานงานลูกค้า งานบริการ แล้วคิดว่าถ้าฝึก ตัวเองน่าจะพอทำได้ทุกอย่างแหละ เลยยิ่งเลือกยาก
ปกติตอนเลือกงานพี่โม่งดูอะไรกันบ้างอะ เงิน เนื้องาน สังคม หรือสุดท้ายเลือกตามสัญชาตญาณเลย
สับสนตามประสาเด็กจบใหม่ว่าสุดท้ายจะชอบงานที่เลือกไหม แต่พี่ก็บอกว่า ลองทำก่อน ถ้าช่วงทดลองงานไม่ชอบค่อยออกก็ได้ ถัาออกช่วงนี้มันจะมีผลอะไรมากไหมอะ
>>762 จับเงินไม่จับเงินเกี่ยวอะไร? คนค้ำเอาไว้เผื่อทำให้เกิดความเสียหายแล้วชิ่ง เพราะเค้าประเมินว่าคนที่จะมาสมัครตำแหน่งนี้ความน่าเชื่อถือต่ำ ยิ่งพวกรายงันนี่แหล่ะยิ่งอันตราย
>>763 อันดับแรกโอกาสการเติบโตในสายงาน, 2.เงิน เพราะเปลี่ยนงานจะได้อัพขึ้นเยอะๆไวๆ, 3.เนื้องาน
สังคมนี่ไม่เคยคิดเลยว่ะ คือถ้าไม่เหี้ยมากขนาดว่าแทงหลังใส่ร้ายกันทุกวันกูอยู่ได้หมดอะนะ และถ้าเปลี่ยนงานอัพเงินก็ได้เจอสังคมใหม่ตลอดอยู่แล้ว
>>762 เอาจริงๆนะ งานรายวันสายป่านคนมันไม่ยาวขนาดนั้นเว้ย ถ้ารับราชการ ทำงานสอบบัญชีก็ว่าไปอย่าง หรือหักเงินประกันจากเงินเดือนก็ได้ แล้วอ้างความน่าเชื่อถือต่ำมาขอคนค้ำด้วยแบบยุคนี้อีกไม่มีใครเค้ายอมมารับความเสียหายแทนให้หรอกมึง ถ้าจะรับคนเข้าทำงานลักษณะนี้แล้วไม่ไว้ใจคือไม่ควรเปิดรับไปเรื่อยหว่ะ กูลองเจรจาขอวางเงินประกันจากการหักเงินเดือนหรือขอวางเองก็ไม่เอา หัวเด็ดตีนขาดก็จะเอาแต่คนค้ำ บอกยังไงดีหล่ะ ขนาดจะสมัครงานแม่งยังมาขออะไรยากๆกับพนง.ตาสีตาสา เข้าไปทำงานแม่งมันจะไม่ล้ำเส้นขอมากกว่าที่เราทำงานแล้วได้รับเงินเดือนเหรอ
กูไปสัมบ.ญี่ปุ่นแท้มา รองไคโจมาสัมเองเลย งานเฉพาะแต่รับคนไม่มีปสก.ไม่ตรงสายแต่สื่อสารญี่ปุ่นได้ให้คนญี่ปุ่นมาสอนแต่เริ่มกูเลยสนใจอยากหาสกิลอื่นนอกจากภาษา แต่พอไปสัมแล้วขู่กูหนักมาก JD บอกทำงานเริ่ม 9 โมง แต่กูต้องมาแปดครึ่งนะ การลาของกูจะทำคนอื่นลำบากนะ ห้ามทำโอที งานจะเครียดมากๆจนไม่ได้ทำงานอดิเรกนะ กูช็อกไปเลย นี่เรียกแบล็กหรือปกติของบ.ญี่ปุ่นวะ
ตอนนี้ได้ออฟเฟอร์มา แต่ไม่ถึง 25 เข้าใจได้เพราะเป็นการสอนงานก่อนยาวๆ ก่อน แต่บ.อยู่กลางสีลมและกูเป็นเด็กตจว.อ่ะ ค่าใช้จ่ายก็คิดหนักแล้ว บ.ก็ไม่รู้แบล็คมั้ยไปอีก
เห็นบริษัทจัดหางานโพสรับสมัครงาน บ.ญี่ปุ่น (เห็นว่านำเข้าชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิค) ไม่ระบุเวลางานให้ชัดเจนแล้วกลัวจัง หรือลองสมัครไว้ก่อนดีหว่า
>>764 ตอนแรกก็สงสัยว่าปกติมีด้วยเหรอ งั้นมึงดูนี่นะ มันเกี่ยวเพราะกฎหมายไงมึง ไม่งั้นกูไม่เอะใจหรอก มันไม่เกี่ยวกับว่ารายวันหรือเนื้อหางานไร้ฝีมือขนาดไหน ปกติไม่มีใครเค้าทำกันนะไอมาหาคนค้ำกับตำแหน่งงานแบบนี้อ่ะ
https://www.thairath.co.th/news/local/1686825
มึง ลูกค้าญปพูดอังกฤษสำเนียงฟังยากมากกกกกก ละพวกกูตอบคำถามเขาไม่ได้เพราะฟังภาษาอังกฤษแบบญปของเขาไม่ออกอะ มีวิธีพูดยังไงให้มันดูไม่น่าเกลียดวะ ว่าฟังไม่ออก ตอนแรกกูใช้วิธีพูดทวนซ้ำ แต่หลังๆเริ่มฟังยากจนกูก็พูดทวนไม่ถูก ปใดหอิเหี้ย
โม่งใครเคยเป็นหัวหน้างานแล้วเจอเหตุการณ์แบบนี้บ้างวะ กูไม่ได้เป็นหัวหน้าใครหรอก แต่หัวหน้ามาบ่นให้กูฟังเฉยๆ เลยอยากรู้ว่าถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้ โม่งจะแก้ปัญหากันยังไงวะ
- ลูกน้องคนนึง ป่วยตลอด ให้ประวัติว่ามีไข้ตลอด มีอาการปวดหัว ปวดเมื่อย แล้วคือตรวจโควิดกี่ครั้งก็ไม่เคยเจอ เคย admit แล้ว ก็ยังหาสาเหตุอาการไม่ได้เพราะผลเลือด ผลอื่นๆดีหมด แล้วเมื่อวานมีน้องที่ทำงานมีอาการพวกไข้ ไอ เจ็บคอ อื่นๆ เลยให้ไปตรวจโควิด สองคนที่ไปตรวจคือผล undetected แต่ยังมีอาการอยู่ ตามนโยบายคือต้องให้หยุดไปก่อน ถ้าสองวันไม่ดีขึ้นค่อยให้ไปตรวจโควิดใหม่ แล้วคือหัวหน้าเลยให้สองคนนี้หยุด
แต่คนแรกที่บอกว่ามีอาการป่วยตลอดนั่นอ่ะ ตรวจโควิดครั้งนี้แล้วก็ไม่เจอ เลยให้ไปหาหมอ หมอก็ไม่ได้บอกว่าเป็นอะไร แล้วคือคนแรกอ่ะเห็นสองคนข้างบนได้หยุด เลยมาบ่นว่าทำไมตัวเองไม่ได้หยุดบ้าง หัวหน้าลำเอียงไรงี้
ทางด้านลูกน้องคนอื่นๆก็บ่นว่า หัวหน้าสปอยพนักงานคนแรกเกินไป ถ้าจะให้หยุดอีก เพราะปกติก็ป่วยบ่อยอยู่แล้ว
มันจะเกิดลำเอียงขึ้นมาสองฝ่ายอ่ะ
// ปัจจัยเพิ่มเติมคือ ตอนนี้คือที่ทำงานจะไม่มีคนทำงานแล้วอ่ะ ขาดแคลนคนหนักมาก คนอื่นที่มาทำงานต้องรับภาระหนักไปอีกกับลูกค้า 150-250 คนต่อวัน
>>777 ร้านอาหารป่ะวะ? ....ที่กูเคยเจอคือถ้าจะลามีลาสองแบบ
1.ลาแบบไม่รับค่าจ้าง
2.ลาแบบมีใบรับรองแพทย์
ถ้าสองอย่างนี้ไม่มีคือเตรียมนับวันแล้วให้HRประกาศหาคนใหม่แล้วเอาคนเก่าพ้นสภาพฯได้เลย หัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ต้องมีใบรับรองแพทย์ถ้าเกิดว่ายังอยากทำงานต่อ หรือพวกมึงก็ต้องทนๆถ้านรีสปอนใบรับรองแพทย์ได้เรื่อยๆ ทั้งนี้ทั้งนั้น โควต้าลาป่วยอ่ะ 30วันก็คือถือละนะ
>>766 แบล็คมากแนะนำว่าอย่าไปเลย แบบของกูคือกำลังจะได้จับงานเซล แต่บ.มีรถคนขับให้กับได้ออฟเท่ากันคือ25แต่เขามีค่ารถแยกให้ โอทีจ่ายตามจริง ถ้าเจอบ.ที่มึงเข้าไปแล้วดูสุขภาพจิตเสีย กูไม่แนะนำนะ ส่วนเรื่องไม่ค่อยได้ทำงานอดิเรกนี่จริงมาก แต่ก็แบ่งเวลาให้ดีๆ กูว่ามึงควรหาตามที่จังหวัดตัวเองหรือไม่ก็ถ้าไหนๆจะย้ายไปทางโซนชล ระยอง มึงน่าจะได้เยอะกว่า 25 ฝั่งนั้นหลายที่ให้เกิน30 เครียดอาจจะเท่ากันแต่มึงก็จะมีเงินไว้คลายเครียดเยอะขึ้นนะ
>>766 ไม่ถึง25 นี่เรื่องปกติของบริษัทญปเลยว่ะเมิง พวกนี้ให้เงินตามอายุ ทำงานถวายหัว ขาด ลา มาสาย ไม่ได้นี่เรื่องปกติ หยุดตามธนาคาร (แต่อาจจะดีกว่าโรงงานที่หยุดยาวแต่ต้องมาทำงานวันเสาร์/ไม่ได้หยุดบางวันหยุดก็ได้)
บริษัทญปที่ไม่ซีเรียสเรื่องการลานี่น้อยมากๆ ถ้าหาเจอนี่โชคดีสุดๆ
ให้เข้างาน 8.30 ใช้เกินเวลาอยู่นะ หลังๆ เมิงอาจจะเนียนเข้าไปสแตนบายแดกข้าวแบบกูก็ได้ กูไม่เช้าทุกวันแต่เข้าไปแดกข้าว
บริษัทอยู่ตรงไหนก็ไม่ค่อยต่างหรอกอาหารแม่งแพงทั้งเส้นบีทีเอสแหละ ถ้าลองหาดีๆ อาจจะเจอร้านถูกๆบ้าง มีค่าบีทีเอสเนี่ยแหละที่แพงชิบหาย
ทำงานกี่เดือนแล้วลาออกถึงดูไม่น่าเกลียดอะ พอดีกุทำพาร์ทไทม์ เซ็นสัญญาเดือนต่อเดือน เพราะกูมีงานประจำหลักอยู่แล้ว ช่วงนี้กูเริ่มเหนื่อยเพราะรู้สึกว่างานพาร์ทไทม์แม่งเร่ง กูไม่มีเวลาชิวเล่นเกม แล้วตอนนี้งานหลักกูมีแววจะได้ย้าย เลยคิดว่าถ้าย้ายงานแล้วเงินน่าพอใจ กุคงไม่ทำพาร์ทไทม์ต่อแล้ว แต่คนแนะนำมาเป็นคนรู้จัก เลยไม่อยากทำแป๊บเดียวออกเท่าไหร่
>>784 แล้วแต่ประเภทงานวะ ถ้าระดับคนงานทั่วไป หาใครมาทำแทนก็ได้ถ้าไม่ใช่สัญญาณเดือนต่อเดือน จะ 3-4 เดือนก็ช่างเถอะ แต่ควรเตรียมคำตอบเวลาสัมภาษณ์งานถามไว้ด้วยก็ดี
แต่ถ้าระดับงานมีความรับผิดชอบเงินเดือนเยอะ แบบพวกผู้จัดการจะเป็นอีกแบบ พวกนี้ส่วนมากอยากได้ พวกมีประวัติอยู่ยาวซัก 2 ปีขึ้นไป
วันนี้บ.กูทำงานวันสุดท้ายก่อนหยุดสงกรานต์ แต่กูรู้สึกว่ามันไม่ควรให้มาทำงานแล้วอ่ะ เพราะลูกค้าหยุดหมดแล้วทุกเจ้า มาก็ไม่มีอะไรทำ
>>788 ต้องบอกว่าเป็นปกติของบ.ญี่ปุ่นว่ะ สมัยก่อนจ้างถูกโอทีไม่อั้นโบนัสเยอะ พอมาตอนโควิดบ.ญี่ปุ่นมันยังรอดได้เพราะมันจ้างถูกนี่แหละ พอโควิดมาก็ตัดโอที ตัดโบนัสออก เหลือแค่เงินเดือน
ปล. บ.ญี่ปุ่นที่กูเคยทำงานก็โดนพนักงานฟ้องเรื่องโอทีนะเพราะจ่ายไม่เป็นธรรมคือต้องอยู่ถึง 2 ทุ่มถึงจะได้โอไม่ได้คิดเป็นชม.ทำงานจริงๆ ...สรุปว่าพนักงานแพ้นะ ศาลท่านบอกว่าพวกมึงโง่อยู่กันเอง บ.ไม่ได้บังคับให้พวกมึงอยู่ เหอๆๆๆๆๆ
>>788 มันไม่ถึงขั้นแบล็คหรอก พวกนี้ส่วนใหญ่เขาก็ทำตามบริษัทใหญ่ๆ พวกบริษัทใหญ่ๆก็มีทนายที่ปรึกษา ตามที่ >>789 บอก เขาดูมาแล้วว่ามันทำได้
เรียกว่าเขี้ยวลากดิน หรือ พูดให้สวยก็เลี้ยงคน ก็ได้มั้ง
เรื่องซอกแซกกฎหมายบริษัทไทยก็ทำ บริษัทของนกมดังย่านบางนาตราด ยื่นดีลหลอกพนงทุกปี โดนหลอกหลังหัก ใครไม่พอใจก็ขึ้นศาล เสียเวลาไป 2-3 ปี สรุปแพ้ ทำแบบนี้ปีละหลายๆคน ทำติดกันมาหลายๆปี เล่าไปก็โดนหาว่าเป็นหริ่ม
>>790 เขี้ยวลากดินกูว่าไม่ใช่หรอกมึง เขาเรียกว่าขูดรีด แต่ไม่รู้นะว่า บ.ใหญ่ๆนี่เหี้ยถึงขั้นว่าจ้างถูกละให้เอาไปทำทุกหน้างานไหม พอจ่ายจริงคือค่าจ้างหายไป40% เช่น ตกลง15000 จ่ายจริง8300หรือเลวกว่านี้ก็7000-6000เท่า พนง.เซเว่น หรือยื่นดีลหลอก พนง.ที่มึงว่าก็คือแบบนั้นมั้ง
>>790 เออ จะว่าไปบ.นกมบางนาตราด เรื่องนี้ได้ข่าวมาเรื่อยๆ ถ้าโม่งยืนยันด้วยกูว่าค่อนข้างจริงละ เพราะที่ผ่านๆมาบ.สื่อในตระกูลมันก็เหี้ย นโยบายประหลาดๆออกมาให้พนง.ทำเหมือน รร.มัธยมอีห่า เอาง่ายๆว่าทัศนคติไม่ต่างจากหริ่มหรอก ถึงว่าสิทำไม นกม หลายเจ้าแม่งมีความแอนตี้พอตัว
ปรึกษาโม่งหน่อยว่ะ
ตอนนี้กูไม่มีภาระทางบ้าน ไม่มีหนี้อะไรทั้งนั้น
กูเริ่มเขียนนิยายเป็นงานอดิเรก แรกๆก็เขียนที่อยากเขียน ก็ขายไม่ออก เลยประชดชีวิตไปเขียนแทรชๆพวกแนวที่ฮิตๆอะ มาเฟีย ชู้รัก ข่มขืน เกย์ อะไรเงี้ยก็ขายดียึ้นมา ขายดีจนได้เงินเยอะกว่างานประจำแล้ว ตอนนี้เขียนมากี่เรื่องก็ขายดีละเพราะนามปากกาเริ่มเป็นที่รู้จัก
ถ้าเป็นพวกมึงจะออกจากงานประจำปะ กูเบื่อนิยายขยะพวกนี้พอๆกับงานประจำอะ
>>797 เออๆ แบบเว็บตูนน่ะแหละ ทางแอพก็มีติดต่อมาจะขึ้นแบนเน่อให้บ้างอะไรงี้ ถ้าเริ่มมีคนอ่าน เริ่มติดชาต ยอดคนอ่านก็จะยิ่งไหลมาเทมา มึงลองเขียนดูก็ได้ ไม่วายก็ขายได้ แล้วก็งานที่ขายได้ตามแอพพวกนี้ไม่ต้องเป็นนิยายชั้นดีอะ ลองไปสำรวจตลาดดูละกันละมึงจะเกตว่าทำไมกูพูดแบบนี้ 5555
>>798 อะเค เดี๋ยวไป
>>799 จริงมึง ยิ่งจงใจประชดเขียนเหี้ยๆไปเลยดูคนอ่านจะยิ่งชอบ เอะอะจับเยด กักขังหน่วงเหนี่ยว บทสนทนาชีสซี่ๆเสร่อๆ ยอดวิวยิ่งพุ่ง
ช่วยด้วยกูปวดหลัง ไม่ได้ปวดตลอดแต่ถ้าขยับไปตรงจุดแม่งจะกึ๊กแล้วเจ็บมาก
บ่นหน่อย กูเป็น dev ที่บริษัทตอนนี้จัดทีมใหม่ แล้ว tech lead ปัจจุบันแม่งไม่รู้ห่าอะไรเลย ได้เป็น tech lead เพราะอยู่มานานสุด ถ้าไม่รู้แล้วยอมฟังคนอื่นกูก็ไม่ว่าอะไรนะ แต่นี่คือไม่รู้ พอแนะนำอะไรก็ไม่ฟัง ชื่อเทคโนโลยีบางอย่างยังเรียกผิดแล้วผิดอีก ทำงานแล้วหงุดหงิดชิบหาย
วันก่อนก็ทักมาเรื่องให้ทุกคนไปสมัครบัญชี x (บริการ cloud ตัวนึง) กูถามว่าตอนนี้ใช้ y ทำหน้าที่นี้อยู่แล้ว จะเปลี่ยนไปใช้ x เหรอ แม่งก็ตอบว่าจะใช้ทั้งคู่ ถามไปว่าทำไมต้องใช้ทั้งคู่ ก็ตอบแค่เพราะเคยใช้ x มาก่อน มันมีฟีเจอร์นี้ๆ กูเลยตอบกลับไปว่า y มันก็ทำได้นะ ไปกดตรงนี้ สุดท้ายก็บอกแค่ขอ budget ไปแล้วว่าจะใช้ x เพราะฉะนั้นจะใช้ทั้งคู่ เซ็งโว้ย =_=
ถ้านั่งเยอะต้องออกกำลังกายหลังเยอะๆ หาเก้าอี้สุขภาพดีๆมากใช้ ยอมลงทุนหน่อยเก้าอี้มันก็เเพงอยุ่พวก steelcase,herman miller เเต่ก็คุ้มค่ากับหลังมึงในอนาคต พวกเก้าอี้พวกนี้ใช้ได้หลัก10-20ปี
ทำไมมัน burnout แบบนี้วะ หยุดมา 7 วันยิ่งตอกย้ำความรู้สึกว่าไม่อยากกลับไปทำงาน อยากเป็น neet อยู่เฉยๆ ไม่ต้องทำห่าอะไร แต่เป็น neet แล้วจะเอาอะไรแดกกก ยิ่งใช้เงินเปลืองอยู่ด้วย อิจฉาพวกบ้านรวยว้อย ;_;
>>804 ปัญหาคลาสสิคของงานสายนี้เลยมั้ง ไม่รู้สายอื่นเป็นมั้ย เป็นไปได้ก็ลาออกแล้วหาที่อื่นที่ไม่เป็นปัญหานี้ แต่มีแบบที่ไม่หนักเท่าเถอะ
งาน dev ต่อให้โควิดก็ไม่ได้หางานยาก ตอนแรกกูก็ไม่กล้าลาออก แต่ยอมเสี่ยงลาออกกลางช่วงโควิดแล้วโชคดีที่ที่ใหม่หลายๆอย่างดีกว่าเดิม
สุขภาพจิตดีขึ้นเยอะ
>>804 ของกูไม่ใช่ tech lead แต่เป็น pm/bd ที่เหมือนไม่รู้ห่าอะไรเลย ชอบโยนงานมาให้กูทำตลอด งานอะไรนังไม่เสร็จกูก็ต้องคอยมาช่วย Track คอยช่วยสร้าง task ให้ พอกูไม่สนใจงานก็หลุดเลยไม่รู้ใครทำ ไม่รู้ถึงไหน ไม่รู้ scope ที่ตกลงกันไว้ มารู้อีกว่าพลาดก็ตอนปล่อย release แล้ว กูงงมาก
แล้วแม่งเป็นคนที่ไม่อัปเดททีมเลยอ่ะ คุยไร ตกลงไรไม่มีการแจ้ง ทุกวันนี้กูถามว่างานนี้ตกลงต้องส่งไรลูกค้ากูยังไม่ได้คำตอบเลย พวกวันที่ต้องส่งงานมันก็มีปักหมุดชัดเจน นี่เลยมาเป็นอาทิตย์แล้วยังไม่ได้อัปเดทแต่ก็ไม่มีคนตาม มีแต่กูที่วิ่งเต้นตาม pm ว่าตกลงต้องส่งงานมั้ยๆๆ ต้องส่งไร ยังไง ไหน sources บลาๆ pm ก็บอกเด๋วขอคุยก่อนแล้วเงียบไปเลยจนเลยเดดไลน์ งงมาก งานมันต้องส่งตามกำหนดไม่ใช่หรอวะ อันนี้พอถึงกำหนดก็ไม่มีคนตามกลายเป็นกูที่ต้องมาทำ แล้วติดอะไรงานส่งไม่ได้กุก็ไม่รู้ pm ก็ไม่รู้เรื่องทั้งๆที่คุยอยู่คนเดียว เด๋วกุได้เลิกทำซักทีอะ ควย
>>812 กูก็ไม่รู้แม่ง แต่ถ้าบีบกุด้วยการเทลูกค้ามันก็ดูประหลาดไปมั้ยวะ แต่ดูจากแบคกราวคนที่มาทำด้วยมันก็ไม่น่าทำงานไม่เป็นอ่ะ ประสบการณ์ก็เยอะ แต่อันนี้เหมือนไม่ใส่ใจจะทำมากกว่า ตอนนี้กุคิดได้อย่างเดียวคือเค้ารู้ว่ากุคอยตามอยู่แม่งเลยผลักภาระมาให้กูตามเลยมากกว่า คือเลือกที่จะโยนงานมาให้กูแล้วตัวเองก็ไม่สนใจเลย เหมือนว่าถึงตัวเองไม่สนใจก็ยังมีคนคอยแบกอ่ะงานก็จะไม่ล้ม แต่ตอนนี้ถามไรไม่ตอบมันก็จะชิบหายจริงๆละ
พรุ่งนี้ต้องทำงานอีกแล้ว
หลังจากหยุดมา 9 วัน พรุ่งนี้ก็ต้องกลับสู่โลกความเป็นจริงเหมือนเดิม orz ไม่อยากแก่นะ แต่ก็อยากวาร์ปไปตอนเกษียณแล้วอะ 555
ไม่อยากไปทำงานเลยว้อย ไปก็เจองานที่ทำด้วยตัวเองลำบาก คนให้คำปรึกษาก็ไม่ค่อยว่าง หัวหน้าก็เร่งตามงานยิกๆๆ ทำเสร็จไม่ทันเวลาก็มีผลกระทบคนอื่น
เหนื่อยจัง
เป็นนีทแบบกูพวกมึงก็ไม่ต้องบ่นกันแล้ว
หยุด1สัปดาห์ก่อนสงกรานต์เพราะที่ทำงานเป็นคลัสเตอร์
หยุดอีก 1 สัปดาห์สงกรานต์
เมื่อวานกูตรวจเจอโควิด หยุดต่ออีก 10 วัน (งานwfhไม่ได้)
หยุดจนเบื่อโลกเลยอิเหี้ย
ไม่อยากทำงาน
welcome to blue monday everybody...
วันจันทร์แล้วเหรอวะ ไวเหี้ยๆ
ไม่อยากทำงานโว้ยยยย ปิดเทอมวัยทำงานของกุ ฮือๆๆๆๆๆๆ
พอหยุดนานๆเเล้วเเม่งโหยหาวันหยุดชิบหาย เห้อ ทำมาหาเเดกกันต่อไป
กลับมาทำงานที่เรารักต่อไปแม่งเอ๊ย
กุชอบห้องนี้ก้เพราะงี้ล่ะ เข้ามาแล้วรุ้สึกว่ากุไม่ได้เกลียดงานอยุ่คนเดียว 55555 เพื่อนฝูงกุแลดูแฮปปี้กับงาน บ่นบ้างแต่ไม่คิดอยากลาออกวันละสิบเวลาแบบกุ เล่นซะกุรุ้สึกไม่เอาไหนเลย
บ้านกุมีสวนผลไม้ประมาณสามสิบกว่าไร่ในภาคตะวันออก อนาคตกุกับน้องคงต้องรับช่วงต่อ
กุคลุกคลีกะสวนแต่เด็กบอกเลยว่าเป็นเถ้าแก่สวนเล็ก ๆ นี่เหนื่อยโคตร ต้องทำแม่งทุกอย่าง แถมปัจจัยเสี่ยงที่ควบคุมไม่ได้ก็เยอะมาก
ถ้าระบบเกษตรกรรมบ้านเราดีเหมือนญี่ปุ่นกุคงไม่มานั่งทู่ซี้เป็นมนุษย์เงินเดือนยังงี้หรอก
>>830 ตัดเรื่องขายทำทุนไปได้เลยเพราะกุจะได้แต่สิทธิ์ในการทำกินแต่ไม่ได้กรรมสิทธิ์ครอบครอง สิบไร่แรกเป็นที่ญาติที่ไม่คิดจะทำสวนอยู่แล้วเลยปล่อยให้ครอบครัวกุเช่า อีกสิบไร่เป็นที่รุ่นบรรพบุรุษไม่มีเอกสารสิทธิ์ที่โดนอำเภอเตะถ่วงไม่ยอมออกโฉนดให้จนตอนนี้บางส่วนโดนเคลมเป็นที่หลวง สิบกว่าไร่ที่เหลือชื่อในโฉนดเป็นของฝั่งแม่ที่อนาคตคงจะถูกแบ่งครึ่งให้แม่กุกับน้ากุซึ่งน้ากุที่ตอนนี้เป็นมนุษย์เงินเดือนยังไม่คิดจะทำสวน แล้วถ้าแม่กุยกให้ก็ต้องแบ่งกับน้องอีกที
ในนี้มีใครแบบมีบ้านในเมืองแต่ไม่สบายใจชิบหาย ออกมาอยู่เอง ยอมเช่าหออยู่ก็ยังสบายใจกว่าบ้างไหมวะ? แต่กูสงสัยว่าเวลามาอยู่เองมันจะขาดหายอะไรไปไหมเทียบกับว่ามึงอยู่ในบ้านกับครอบครัวไรงี้อ่ะ
>>832 ขาดคนชวนกินข้าวเย็นแต่ไม่เป็นไรมึงใช้เงินหากินเองได้ ขาดคนดูเรื่องเล็กๆน้อยๆให้แต่ไม่เป็นไรมึงวางแผนได้และลงมือจดรายการที่ต้องทำ จากมุมมองของกูคนที่ไปอยู่คนเดียวแล้วตัดสินใจกลับมาบ้านแต่ตอนนี้กำลังหาทางไปอยู่เองแบบเดิมนะ ตอนแรกก็คิดว่าดีแหละ ได้ใกล้ชิดครอบครัว พอเจอจริงๆก็จะมีแต่เรื่องจุกจิกที่เป็นปัญหาของมุมมองการใช้ชีวิตต่างกันระหว่างวัยน่ะ อย่างกูบางวันหยุดก็จะไม่ทำไรเลย หมกตัวเล่นเกมส์อยู่ในบ้าน ก็จะโดนตะโกนเรียกละ ให้ออกมาข้างนอกบ้างซึ่งก็ไม่รู้จะออกไปทำอะไร หรือบางช่วงกูติดอีเว้นท์หนักหน่อยไม่ค่อยได้ดูแลบ้าน ก็จะโดนเขียนป้ายแปะหน้าบ้านให้กวาดบ้าง หัดปลูกต้นไม้บ้างล่ะ ทางที่ดี อยากใช้ชีวิตของตัวเอง อยากทำตามมุมมองชีวิตตัวเอง อยู่ห่างๆครอบครัวน่ะ ดีที่สุด
>>833 โอเค ขอบคุณมึงมาก รู้สึกชีวิตแม่งมีความฝัน มีเป้าหมายที่กูต้องจดจ่อแต่มันไม่ต่อเนื่องเพราะครอบครัวหว่ะ ซึ่งไม่ใช่ลูกเมียให้ดูแลอะไรทำนองนี้ด้วยไง อยู่ด้วยมาจะสิบปี รู้สึกไม่เจอเหี้ยไรเป็นชิ้นเป็นอัน จนกูตะหงิดใจอย่างนึงว่ากูออกมาซื้อความสบายใจแล้วมันจะจบไหมนี่ดิ
pvdคือไรวะ.....?
ล่อเมียเก่ามางานแต่งงานกูกับเมียใหม่ที่บ่อขยะท่าแร้ง ตอนนี้มันกำลังนั่งเครื่องมาสะใจจริงๆ55555555555555555555555555
มันไม่รู้ว่าที่อยู่บนการ์ดที่ส่งให้มันเป็นที่อยู่ของบ่อขยะ กูบอกว่าให้มันเอาการ์ดให้แท็กซี่ที่สุวรรณภูมิดูเค้าพาไปได้
ปล. การ์ดนั่นกูสั่งทำใบละ20 (x50) คุ้มค่า1037(รวมส่ง) จริงๆแม่เย้ด
ถามพี่โม่งหน่อย มีใครทำงานในกทม. เงินเดือนช่วง15-18Kมั้ย จะถามว่าใช้ชีวิตกันลำบากรึเปล่า ค่าใช้จ่ายครองชีพโอเคมั้ย พอเหลือเก็บใช้etc.มั้ย
งงมาก อิดอก งานก็งานตัวเองไม่ใช่ของกูเลย เสือกเอามาวาง แล้วกูก็มีงานของกูทำป่ะ กูก็มีสิทธิ์ไม่ทำงานให้มั้ยเพราะไม่ใช่ของกู แต่เสือกมาขู่ว่าจะฟ้องหัวหน้า เอาเลยอิดอก ฟ้องไปดิ กูก็ฟ้องกลับค่ะว่างานของมึงแต่มึงไม่ทำเอง มาโยนให้คนอื่นทำให้ อ้างว่าไม่มีเวลาทำ
>>840 พูดยากนะ มาตรฐานคุณภาพชีวิตของแต่ละคนไม่เท่ากัน แต่ถ้าสำหรับกูเรทนี้บอกเลยว่ากูอยู่ไม่ได้ และกูรู้ตัวว่าตัวเองมีสิทธิ์เลือกได้มากกว่านั้น ดังนั้นกูไม่เอา แต่ถ้าตัวเองไม่ค่อยมีทางเลือก มันก็เรียกว่าจำเป็น ลำบากไม่ลำบากก็ต้องเอาไว้ก่อนแล้วมาจัดสรรตัวเองเอา แต่ถ้าถามกู ซัก 25k-30k นี่เรียกว่าพออยู่ได้ เกิน 30k ขึ้นไปก็อาจจะหายใจคล่องหน่อย
>>842 300k ก็โหดเกิ๊น นี่โม่งหรือพันทิป ต้องรายได้แตกปีละ 3.6 ล้านถึงจะพอเลี้ยงครอบครัว (-_-")
>>843 >>845
กูไม่ได้พูดเว่อนะ อะเล่าให้ฟังว่าอย่างสายงานกูอะ(หมอฟัน) เด็กจบใหม่ก็สามารถทำงานได้เงินเดือนประมาณแสนนึงได้เกือบทุกคนอะ พอได้เงินเดือนแสน แรกๆก็จะรู้สึกว่ามันเยอะจริงๆ จะซื้อแบรนด์เนมซื้อของลักชูรี่อะไรก็คงได้ แต่จริงๆก็ไม่ได้ใช้จ่ายคล่องขนาดนั้นว่ะ
ความแตกต่างระหว่างกูกับพนักงานออฟฟิซเงินเดือนสองสามหมื่นมันแค่ระดับฮอนด้าซิตี้กับฮอนด้าซีวิคเท่านั้นเอง แล้วยิ่งถ้าต้องผ่อนบ้านเลี้ยงเมียเลี้ยงลูก เลี้ยงดูพ่อแม่ในระดับที่เลี้ยงได้จริงๆไม่ใช่แค่ให้ค่าขนมพ่อแม่ เงินเก็บต่อเดือนก็แทบไม่เหลือ เงินเดือนสองสามหมื่นมันพอแค่เลี้ยงตัวเองให้อยู่รอดว่ะ แต่ถ้าต้องเลี้ยงครอบครัวด้วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีนี่ไม่พอแน่ๆ ยังไงก็ต้องแสนอัพ
แล้วอย่างที่บอกเงินเดือนแสนได้ซีวิค แต่ออกไปมองตามท้องถนนดิ เบนซ์แม่งเต็มประเทศไปหมด กูเลยประเมินเอาชุ่ยๆว่าแสนนึงอะก็เป็นแค่ชนชั้นกลางค่อนล่างในประเทศนี้เท่านั้นแหละ
ถ้าอยากอยู่อย่างสบายไม่กังวลจริงๆยังไงก็ต้องเพิ่มอีก ส่วนตัวกูเลยพึ่งมารู้สึกว่ามีเงินเก็บเป็นชิ้นเป็นอัน ไม่กังวลเวลามีใครในครอบครัวเจ็บป่วยก็ตอนเงินเดือนประมาณสามแสนนี่แหละ
อิจฉาคนทำงานสายวิทยาศาสตร์สุขภาพจังครับ จบใหม่แสนนึงเลยหรอ โห
เมื่อก่อนดื้อไงกู พ่อแม่บอกให้เรียนหมอไม่เรียน ตอนนี้จบมาทำงานรู้เรื่องเลย เงินเดือนที่ว่าเยอะก็แลกมาด้วยโปรไฟล์ต้องสวยจริงและงานหนัก แต่ก็ยังน้อยกว่าพวกหมอ ความมั่นคงในชีวิตไม่มี สงสารพ่อแม่ สงสารครอบครัวในอนาคตของกู ที่ใช้ชีวิตสุขสบายใช้ของแพงไม่ได้
อีกอย่างกูไม่เข้าใจว่าทั้งที่ทำงานแลกเงินเดือนเหมือนกัน แต่พวกหมอได้รับการยกย่องกันจัง ล่าสุดพ่อกูซื้อของขวัญไปให้หมอที่รพ ทั้งที่ตัวเองก็ไม่มีเงิน กับลูกเมียตัวเองไม่เคยซื้อให้ และหมอหิ้วดิออร์ใบละสองแสน กูละงง
>>849 เออ กูว่าเป็นอาชีพที่ดีอาชีพนึงอะ ถ้าเป็นเด็กไม่ได้มีความฝันความชอบอะไรเป็นพิเศษกุก็จะแนะนำให้เรียนหมอฟันนะ ตอนเรียนเหี้ยมาก แต่จบมาแล้วงานมันไม่หนักมาก ไม่ได้ต้องใช้ความคิดเหนือล้ำกว่าคนอื่น โรคมันตรงไปตรงมาไม่ซับซ้อนเหมือนหมอเวชอะ งานแทบจะเป็น muscle memory หมดแล้ว แถมเงินก็ใช้ได้
เงินที่ได้ก็แล้วแต่งานที่ทำอะ ส่วนใหญ่จะได้ครึ่งนึงจากราคาเต็ม
งานเบๆอย่างขูดหินปูน ทำเสร็จในสิบห้านาทีก็ได้ 1000/2=500บาทละ วันนึงได้หลักหมื่น เดือนนึงได้หลักแสนก็ไม่แปลกอะไร
แถมแม้แต่วันนี้ที่กูแทบไม่มีคนไข้เลย นั่งเล่นเน็ตเรื่อยเปื่อย ก็ยังได้เงินวันละสี่พันเป็นค่านั่งเฝ้าคลีนิกเฉยๆอีก
ข้อเสียก็คือเงินได้มาก็เอาไปกายภาพต่อ คอบ่าไหล่เจ๊งเร็วเพราะต้องก้มหน้าก้มหลังทำงาน
>>840 กูเอง และเรื่องแบบนี้มึงไปถาม ผจก. ร้านอาหารในห้างสรรพสินค้าดูเอาก็ได้ รายได้ราวๆนี้แหละนะ คือถ้าตกงานแล้วโควิดสามปีก็เตรียมตัวไปนอนสนามหลวงได้เลย ตามนี้แหละ แต่ถ้าใช้ชีวิตคนเดียวก็สบายๆหน่อย เอาง่ายๆว่าปากกัดตีนถีบมากโม่ง ยิ่งชานเมืองนะ แบบติดกับปริมณฑลเลยนี่คือไม่มีใครเจอเงินเดือนเกินหมื่น แบบว่าตรงนั้นถ้าอยากได้เงินเพิ่ม ไม่ถูกหวยก็ตั้งวงแชร์แล้วโกงกันอ่ะ หรือหาสมบัติเก่าจากญาติมาทำเงินให้ได้แบบมอไซค์ ที่ดิน ไรประมาณนี้
อยากให้ที่ทำงานมีห้องงีบว่ะ บางทีง่วงๆกาแฟไม่ช่วยอะไรเลย แต่แอบไปแวะงีบแปปๆสดชื่นกว่าเยอะ
>>856 มึงอยู่กับครอบครัวแล้วช่วยกันทำมาหากินไหมวะ? ถ้าใช่กูว่ารายได้ต่ำกว่าหมื่นก็อยู่ได้ มีเก็บ แต่ของกูนี่ครอบครัวเหี้ย มีต้นทุนคล้ายๆมึงแต่ก็ไม่ช่วยให้ชีวิตมั่นคงหีแตดไรเลย รายได้12000ตัดค่าห้องกับน้ำ-ไฟไปก็คือเอาไปลงทุนห่าไรไม่ขึ้นด้วยซ้ำ ลงค่ากับข้าวไปเหลือไม่ถึง5พัน
ขอบคุณพี่โม่งทุกคนที่มาแนะแนวมาก เห็นพี่โม่งหมอแล้วอยากย้อนเวลาไปเรียนเลย นี่เรียนสายสังคมงานหายากมาก งานที่เงินดีๆ อ่ะ ส่วนมากเจอแต่เรทที่มาถามนี่แหละ ถึงบ้านจะบอกว่าอย่าไปคิดมาก(พ่อแม่เลี้ยงตัวเองได้ ให้เอาเงินมาเลี้ยงตัวเองอย่างเดียวพอ) แต่ทางนี้ก็คิดว่าถึงเลี้ยงตัวเองคนเดียวมันก็ยังดูไม่น่าพออยู่ดี คิดละหนักใจ โปรไฟล์ก็ไม่เริ่ดจะไปเรียกเงินสูงๆ คงจะโดนบอปัดตก
เรื่องเงินจะพอมั้ยนี่ใน กทม. กูว่าย่านที่ทำงานหรือย่านที่พักนี่ก็มีผลมากพอตัวเลยนะ
กูเหมือนซวย งานแรกสุดเลยที่ทำไปอยู่แถวพร้อมพงศ์ แถมด้วยความขี้เกียจเดินทางเลยดันเลือกไปอยู่หอแถวทองหล่ออีก
ซึ่งเป็นโซนที่ค่าครองชีพแพงมาก หอพักเก่าๆโทรมๆแถมอยู่ในซอยค่อนข้างลึก ไม่มีตู้เย็น เจอค่าเช่าไปเดือนละ 6500 ซึ่งสำหรับตอนนั้นถือว่าแพงสัส
พวกอาหารถ้าอยากประหยัดก็ต้องกินร้านข้างทาง ซึ่งอาหารจานเดียวราคาแพงกว่าร้านใน ม. มา 10-15 บาท แล้วให้น้อยมาก รสชาติก็หมาไม่แดก
มีช่วงนึงอยากประหยัดเงินเลยไปกินร้านๆนึงที่ราคากว่าร้านอื่น แต่เจอข้าวหุงแบบใส่น้ำเยอะให้มันพอง กับข้าวคือแทบไม่มีเนื้อกับผัก เน้นน้ำราดเค็มๆ
ทนกินไปได้ 2 อาทิตย์ก็รู้สึกว่าแม่งไม่ไหว แถมกินอะไรแบบนี้ไปนานๆอาจจะได้เจอค่าหมอแพงกว่าค่าข้าวอีกเลยเลิกไป
งานที่ 2 นี่ดีหน่อย ออฟฟิซแทบจะติดกับมหาลัยเลย กลางวันก็กินโรงอาหารมหาลัยนี่แหละ
เค้าเน้นขายเด็ก ของกินก็จะราคาไม่แพง แต่พอได้เนื้อได้หนัง และรสชาติก็ไม่ได้แย่อะไร
ตอนนั้นมีคอนโดแล้ว เลยไม่ได้ไปหาหอพัก แต่คิดว่าหอพักโซนมหาลัยน่าจะพอหาที่ราคาถูกๆและคุณภาพพอโอเคได้ง่ายกว่า
พูดถึงเรื่องรายได้คนในกรุงเทพ กูดูข่าวเย็นนี้เค้ามีไปสัมภาษณ์กู้ภัยเพราะเรื่องกู้ภัยตีกันที่เป็นข่าว
เค้าบอกว่าเวลาเอาคนเจ็บไปส่งโรงบาลเอกชนนี่เค้าให้เงินกับกู้ภัยด้วย โดยประมาณถ้าคนไข้นอกได้ 1000 กว่า คนไข้ใน 2000 กว่า
เดือนนึงรายได้ถึงแสนได้ไม่ยาก มันเลยทำให้เรื่องพื้นที่ทำงานทับซ้อนกันเป็นประเด็นใหญ่
ทำให้กูเริ่มรู้สึกว่าจริงๆคน กทม. รายได้เดือนละแสนอาจจะไม่ได้มีน้อยอย่างที่คิดกันหรอก โดยเฉพาะนับรวมอะไรที่มันไม่ได้เป็นทางการ
บริษัทกูแม่งบ้าเพอฟอร์มมานส์มากๆ อัดKPIเข้าพนักงานเยอะๆ ยัดการอบรมเข้าทุกเดือน ประชุมทุกวัน แล้วแม่งยังจะคาดหวังให้กูมีเวลาคิดอะไรเพื่อ Improve process งานอีกหรอวะ แค่ Handle ทุกสิ่งอย่างที่ยัดมาให้ก็แทบจะยกคอมกลับไปทำต่อที่บ้านจนดึกทุกวันอยู่ละ
ถ้าพวกมึงเจอนายจ้างเอาเปรียบงานแล้วรายได้แม่งก็ไม่ตรงปกด้วย ระหว่างประจานตามเว็บบอร์ดหรือในกลุ่มโซเชี่ยลกับฟ้องศาลแรงงาน อันไหนมีประโยชน์กว่ากันวะ .... โม่งบนๆเคยบอก กม.แรงงานมีช่องโหว่มาก ลูกจ้างฟ้องไปก็แพ้ แล้วเป็นลูกอีช่างฟ้องยังเสี่ยงเจอแบล๊กลิสต์ส่งไปหาHRทุกๆบ.อีกว่าคนๆนี้ชอบเรียกศาลแรงงานไปคุยบ่อยๆ แบบนี้คือไปหากลุ่มประจาน บ. เหี้ยๆไม่ดีกว่าเหรอ?
จากใจที่บ้านกูพ่อแม่เป็นหมอ ถามว่ารายได้ดีไหมก็ดีมากจริงๆ แต่ถ้าถามว่างานหนักไหม ขอบอกเลยว่า มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
จะเป็นหมอก็เป็นได้ล่ะ แต่อยากให้รู้ไว้ว่าไม่ใช่หมอทุกคนจะทำงานสบายอ่ะ คือเงินเดือนเยอะก็แลกกับมาการทำงานหามรุ่งเหมือนกัน แต่ข้อดีนอกจากเงินเยอะก็จะเป็นที่เคารพชื่นชมจากคนไข้อยู่ แต่ปัจจุบันหมอเองก็มีอัตราเสี่ยงโดนฟ้องร้องกันง่าย
กูว่าไม่มีงานไหนในโลกที่สบายหรอก เว้นพวกเกาะภาษีแดรกกูจัดไว้อีกประเภทไป
อยากลาออกจังว่ะ แต่เพิ่งทำงานใหม่ได้เดือนกว่าหลังว่างงานมา3เดือน เงินเก็บก็ไม่มี แล้วก็ไม่มีจะให้เก็บหรอก เพราะหักค่ากินค่าอยู่ แม่งก็พอตัวจนเกือบไม่พอ ไม่อยากขอแม่แล้ว น้องก็ยังเรียนปีสุดท้าย พี่แม่งก็ยังลุ่มๆดอนๆ (แต่อย่างน้อยมันเป็นข้าราชการละ ก็ดูจะมั่นคงกว่ากูที่เป็นสายโรงงานอยู่) จะไปสายราชการ ก็ได้แต่รอสอบ ละอีกพ.ปี65 (ปี64สมัครไม่ทัน) ไม่รู้ว่าชาติไหนจะเปิดรับสมัคร จะให้ญาติช่วยวิ่งหางานอบต.อะไรทำนองนั้นให้ก็ไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณ แต่หาสอบงานราชการก็ไม่ค่อยจะมีเปิดเลยแม่ง ไม่อยากทำสายเอกชน/โรงงานแล้ว ค้นพบแล้วว่าตัวเองแม่งไม่ชอบงานด้านนี้ ไกลบ้านด้วย อยากกลับไปอยู่ใกล้บ้าน ใกล้ครอบครัว จะลาออกไปทำขนมขายก็ติดที่ไม่มีทุนไม่มีที่ เบื่อว่ะ ล้มเหลวชิบหายเลยชีวิตกู พื้นฐานทางบ้านก็พยายามซัพกูมาดีตลอด ถึงจะไม่ยอมให้กูเรียนสายที่อยากเรียนก็เถอะ แต่สุดท้ายกูมันไม่เอาไหนเองแหละ เลยต้องมาทำงานงกๆ ทนฟังคำด่าคำว่า ได้แต่มาร้องไห้ที่ห้องคนเดียวทุกวัน เหนื่อยเหี้ยๆ
>>865 กูว่าประจานคงง่ายกว่าหว่ะ ว่าก็ว่านะ ปล่อยมาสักระยะแล้วค่อยประจานไปแค่นั้นเลย ถ้า บ. ที่เลย์ออฟคนงานสูง จับมือดมยากมาก เว้นแต่ว่าไปทำงานในวงการแคบๆ คนทำสายงานนี้ได้น้อย ฝีมืองานบ่งบอกตัวคนทำ ใครออกตัวไรรู้ทั้งบาง อันนี้อ่ะรู้ตัวคนประจาน....แต่เชื่อเหอะ ถ้าไม่เปิดตัวตน ตามยากโคตร เอาง่ายๆ ร้านสะดวกซื้อชื่อดังๆมีกี่แห่ง คนนึงออกมาประจานว่าเป็นสาขาแบบแฟรนไชนส์หรือ บ.ตั้งเองมันเหี้ยแบบนั้นดีแบบนี้ ถ้าไม่เปิดเผยตัวมันจะรู้เหรอว่าใครทำ
กูถามพวกมึง เจอหนังสือที่วนกลับมาอีกรอบ ศิลปะการอยู่ร่วมกับคนเฮงซวย ......มีใครอ่านบ้างหรือยังวะ? พอเริ่มมาทำงานจริงๆจังๆ แต่กูไม่อยากเสียเงินเอามารกบ้านเพราะมันไม่น่าอ่านอ่ะ โม่งในนี้ถ้าเคยอ่านมาก่อนมันเป็นไงวะ? บางคำแนะนำกูกลัวมันบ้ง แล้วคนเขียนแม่งสื่ออะไรบ้งๆมาจนเยอะเกินไม่น่าอ่านแบบ12 rules for lifeไรงี้อ่ะ รู้สึกรอบตัวกูคือแม่งยิ่งทำงาน ยิ่งได้เจอคนหลายแบบหว่ะ 5555+
>>871 ว่าจะทักเหมือนกันว่าเท่าที่ได้ยินมาศาลแรงงานเค้าเข้าข้างลูกจ้างกันนะ
เคสให้รายได้ไม่ตรงกับที่คุยกันไว้นี่อาจจะต้องดูด้วยว่ามีหลักฐานพอมั้ย
ส่วนเคสที่เพื่อนกูโดนกันหลายคนคือลาออกแล้ว บ. ไม่ยอมจ่ายเงินเดือนเดือนสุดท้าย
ซึ่งไม่ต้องขึ้นศาลหรอก แค่ไปยื่นฟ้องปุ๊ปก็ได้เงินเลย เหมือน บ. แม่งกะฟลุ๊คเจอคนขี้เกียจไปฟ้อง
เพิ่งยื่นภาษีไปเมื่อต้นเดือน ก่อนหมดเขตออนไลน์ โดนออกจากงานปีที่แล้ว ได้เงินชดเชยมาก้อน ตอนกรอกภาษี ใส่ตัวเลขรายได้นี้เข้าไปด้วย แทบช็อค ต้องจ่ายเพิ่มอีกหกหมื่น ตั้งสติหาข้อมูล เออ เงินชดเชยออกจากงานมันมีช่องกรอกยกเว้นนี่หว่า โล่งอก หายไปเกินครึ่ง พอต้องจ่ายภาษีเพิ่ม ไม่ร้องขอเอกสารใดๆเลยหว่ะ
>>871 แบล๊กลิสต์คนทำงานมันมีจริงๆ แล้วต่อให้ไม่รู้จักกันมันต้องมีฐานข้อมูลที่แชร์กันได้บ้างอ่ะ เห็นอดีตสมาชิกสหภาพแรงงานออกมาเปิดเผยเยอะแยะว่าเคยตั้งโต๊ะแถลงเรื่องนั่นนี่ในโรงงานที่ไม่เป็นธรรม สุดท้ายพอไปหางานใหม่เขาไม่รับ หรือพวกลูกอีช่างฟ้อง หมายเลขคดีแปะลงศาลโต้งๆ ใครรู้หมายเลขก็ค้นเจอชื่อโจทก์ จำเลย มีเหรอที่HRจะไปเอาข้อมูลไปให้Lawfirmหรือฝ่ายกฎหมายสืบให้?
>>869 กู 867 นะ แต๊งกิ้วมากมึง กูหาหลายรอบละไม่เจอว่ากำหนดการกพ.ปี65มันเมื่อไหร่ก็เลยเซ็งๆ ก็กะว่าจะหาสอบทั้งข้าราชการทั้งพนักงานในจังหวัดที่บ้านกะใกล้ๆบ้านไปเรื่อยแหละ คงต้องสู้กะเด็กเส้นวนไป ตอนนี้อยู่ไกลบ้าน กำลังคิดอยู่ว่าจะลาออกละกลับไปหางานแถวบ้านทำกันว่างเก็บเป็นค่าสอบละค่อยลุยสอบไป รึจะยังทำที่ปจบ.ต่อไปก่อนดี แต่ติดที่มันไกลบ้าน ถ้าจะเทียวสอบไปๆมาๆก็เหนื่อย ละต้องลางานอีก คงไม่ดีเท่าไหร่
>>864 กูมั้งที่พูดถึงบนๆ แต่กูไม่ได้หมายความว่ากฎหมายมีช่องโหว่นะ กฎหมายมันเข้าข้างลูกจ้างเต็มๆ เลยแหละ
แต่บริษัทมันไม่ล้ำเส้นไง ดูแย่แต่ไม่ผิดกฎหมายแน่นอน ที่ทำไปมันมั่นใจว่าทำแบบนี้ชนะแน่ถึงได้กล้าทำ แถมเผลอๆ เพื่อนในบริษัทยังยุให้เมิงไปฟ้องทั้งๆ ที่รู้ว่าฟ้องไปก็ไม่ชนะด้วย หลอกให้เมิงรับข้อเสนอเหี้ยๆที่เหมือนจะได้ผลประโยชน์ พอเมิงรับไปแล้วถึงได้รู้ว่าไม่ได้นั่นแหละ แล้วก็มายุให้เอาๆ ไปก่อนแล้วฟ้องทีหลัง ฟ้องไปดิ สุดท้ายก็แพ้
เห็นด้วยว่าเคสพวกนี้ฟ้องไปก็เสียเวลา(เว้นเคสที่ลูกจ้างทำถูกจริงๆ) เอาไปโพสประจานในพันทิพดีกว่า 5555
>>869 กู 867 นะ แต๊งกิ้วมากมึง ก็กะว่าจะสอบดะมันไปเรื่อยอะ เน้นสอบในจังหวัดที่บ้าน/ใกล้บ้าน จะได้เดินทางง่ายหน่อย ตอนนี้คิดไม่ตกอยู่ว่าจะลาออกกลับไปบ้านหางานก๊อกแก๊กแถวบ้านทำไปกันว่าง/ทำขนมขายเป็นค่าสอบ รึจะอยู่ที่ปจบ.ต่อจนกว่าจะสอบได้ แต่ตอนนี้อยู่ไกลบ้าน ต้องเทียวไปเทียวมาก็เหนื่อยอีก ละที่ทำงานคงไม่โอเคถ้าลสบ่อย จะเก็บเงินไว้เป็นทุนสอบซักก้อน ก็ติดที่ค่าใช้จ่ายรัดตัวอีก ตอนนี้ก็พยายามกินประหยัดๆอยู่ ละก็อาจจะย้ายหอ เพราะหอที่อยู่ตอนนี้ถึงจะดีมากๆแต่ราคาก็แพงไป คงไม่ไหว แต่ใจจริงๆคือไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้วแหละ แต่ก็ยังไม่กล้าลาออก อย่างน้อยก็อยากได้งานแถวบ้านก่อน ไม่ว่าจะเอกชนรึราชการก็เถอะ อยากกลับไปแถวบ้านให้ได้ก่อน ที่เหลือค่อยว่ากัน
ต่อรองเงินเดือนกับ hr ที่ใหม่ยังไงดีวะ ฐานเงินเดือนเก่ากูต่ำกว่ารุ่นพี่ แต่ประสบการณ์ในสายงานนี้พอๆกัน เข้าไปก็ทำตำแหน่งเดียวกัน ตำแหน่งนี้ในบ.ก็ไม่น่าจะมีใครได้ต่ำเท่ากูแล้ว แต่เราเข้าไปก็ต้องรับผิดชอบงานพอๆกัน แต่เงินห่างกันเกินครึ่งหมื่นเลยอะ
>>880 ไอ้เรื่องไม่ล้ำเส้นมันใช้ได้กรณีบริษัทใหญ่มีทีมกฏหมายน่ะ ถ้าเป็นพวก HR ใหม่ หรือบริษัทมีไม่กี่คนก็ผิดประจำแหละ
ตัวอย่าง ประเภทบังคับให้ใช้พักร้อนให้หมด ถ้าไม่หมดจะตัดไปเลย อันนี้พลาดกันบ่อยสุดล่ะ ซึ่งตาม กม.แรงงานแล้ว หักไม่ได้ ถ้าจะตัดทิ้งต้องจ่ายค่าแรงตามวันที่ไม่ได้ลา หรือกรณีโอทีบอกต้องเบิกหลังกี่โมงอะไรแบบนี้ อันนี้ฟ้องก็ได้นะผิดเต็มๆ อีกนั่นแหละซึ่งบ่อยมาก โดยเฉพาะบริษัทคนไทย
รู้สึกหมด Passion ในการทำงานว่ะจะว่าหมดไฟด้วยก็ไกล้เคียง เร่งๆ ทำอย่างเต็มที่มาสุดท้ายแล้วแก้แล้วแก้อีก โดนโทรมากวนตลอดดักหัววันท้ายวันเรื่องอื่นทั้งนั้น บางวันเครียสจนปวดหัวข้างเดียว
ตอนนี้แต่กูไม่รู้สึกอยากปั่นเลยว่ะทำไงดีวะ ความเร็วในการทำงานหลักตกฮวบๆ เหม่อโน่นนี่นั่น แต่พอทำงานอื่นที่ไม่ใช่งานหลักนะกูรู้สึกระตือรือร้นมาก ทำแป๊ปเดียวเสร็จ แต่งานตัวกูเองไม่เลยยิ่งทำยิ่งช้า
งานเเจกใบปลิวตามห้างเขายังมีเปิดรับกันอยู่ปะ กูอยากเอาตัวเองออกจากที่บ้าๆนี่
สัมภาษณ์รอบ 2 เป็นอย่างไรบ้าง ถามเหมือนรอบแรกไหม
รอบแรก online แต่มารอบนี้ f2f เลย
เคยสัมแต่รอบเดียวแล้วได้ ไม่เคยมีรอบ 2 มาก่อน
อยากถามโม่งทำงาน พวกมึงเคยพรีเซ้นงานละเจอจุดที่ผิดกลางคันมั้ย แบบ พรีๆอยู่แล้วเพิ่งเห็นว่ามันมีข้อมูลผิด
อยากรู้ว่าแก้ปัญหาเฉพาะหน้ากันยังไง พูดกับลูกค้ายังไง
กุเหนคนชอบขู่ว่าฟรีแลนซ์ไปเที่ยวเมืองนอกสเตทเมนต์ต้องแน่นมากๆ เขาจะได้มั่นใจว่าเราไม่หนี แน่นที่ว่านี่ขนาดไหนวะ สมมติไปยุโรปละกัน เงินเก็บ 500k เงินรายเดือน25k-30k เข้าสม่ำเสมอพอมั้ย หรือต้องล้านบวกวะ กุมีเงินฝากแยกอยุ่หลายบช. แต่เงินจากงานนี่มันก้ราวๆ นี้อยุ่ดี
มีใครทำงานแถวสีลมแล้วอยู่หอพักบ้างมั้ย ควรหาแถวไหนที่มันไม่แพงเกินไปวะ กูไม่ใช่คนแถวนี้อ่ะ เอาตามแนวรถไฟฟ้าถัดออกมาหน่อยก็ได้
>>899 แนวรถไฟฟ้ามึงต้องข้ามฝั่งสะพานตากสินไปโซนวงเวียนใหญ่ แล้วไล่หากระเถิบไปเรื่อยๆ เอา พวกหอพักกับคอนโดโซนนี้มีใหม่ๆ เยอะ แต่แนะนำว่าคำนวนระยะทางกับค่า BTS หน่อยก็ดี
อีกที่ก็ให้ลองดูตามโซน BRT ไล่ตั้งแต่ช่องนนทรี ย้อนมาเอาเป็นว่าหาเอาระยะไม่เกินบล็อกถนนจันทร์ มันจะมีหอพักราคาถูกตามซอยอยู่ แล้วระยะมอไซน์ตอนเช้า กรณีตื่นสาย มันไม่ไกลมาก ตอนเลิกงานจะประหยัดเดินกลับเอาก็ได้
กูจำไม่ได้ว่ากระทู้ไหนในห้องนี้ที่มีโม่งโรงงานอยากสอบราชการ กพ.เปิดรับสมัครแล้วนะมึง รีบไปสมัครนะ จำนวนที่นั่งจำกัด
ปกติ เราดูยังไงว่าคนไหนเป็นมืออาชีพตัวจริงวะ ถ้าคุยงานแค่ผ่านออนไลน์
แบบ ผลงานเก่าก็พอเหรอ วิธีคุย หรืว่ายังไง ถามในกรณีทั่วๆ ไป ที่แบบกูติดต่องานแล้วกูอยากรู้
เจองานที่ท้าทายลงเมื่อทำแล้วเครียด มองไม่เห็นทางออกของปัญหา ทีมงานถอดใจกันหมด
ผิดซ้ำผิดซาก เรียนรู้ช้า กูจะผ่านโปรไหมเนี่ย ว้อยยยยย
ถ้าไม่ตรวจสุขภาพประจำปีจะเป็นไรมั้ยวะ กุลืมอะ hrก็ไม่ทักเลย
>>908 ก็คงแล้วแต่บ. ตามที่ 909 บอก แต่ปกติมันเป็นสวัสดิการไม่ใช่เหรอ ถ้ามึงไม่ตรวจก็เหมือนมึงสละสิทธิ์ในการใช้สวัสดิการตรวจสุขภาพฟรีประจำปีไป ว่าแต่งานยุ่งขนาดลืมเลยเหรอวะ มันเป็นอีเวนต์ที่กูจะไม่มีวันพลาดเด็ดขาด 555 เพราะได้อู้งานครึ่งวัน (ของกูเค้าให้ไปตรวจวันทำงานครึ่งเช้าได้เลย ไม่ต้องลา) ไปอยู่ในโรงพยาบาลชิลๆ สบายๆ แถมได้คูปองไว้แลก starbucks ได้อีก 555
>>908 อาจจะโดนเตะออกจากประกันสุขภาพแบบกลุ่ม แบบพวกค่าทำฟันอาจเบิกไม่ได้อะไรแบบนี้ แต่ขึ้นอยู่กับบริษัทด้วยถ้าบริษัทไม่มีประกันก็ไม่มีอยู่ดีมั้ง
แต่ยังไงก็เถอะถ้ามึงพึ่งทำงานใหม่ๆ เลข 2 ต้นๆ คงไม่จำเป็นเท่าไหร่ แต่ถ้าอายุย่างเข้าเลข 3 ถ้าไม่ทันตรวจบริษัท ว่างๆ ก็ไปเสียตังค์ตรวจเองเถอะ หมอจะได้ด่าพวกพฤติกรรมกินที่ไม่เหมาะสมบ้าง
ของกูนี่มาตรวจถึงบ. เเต่รู้สึกตรวจไม่ตรง คือปีก่อนบอกมีค่าไตปกติ ปีนี้ค่าไตสูง กูเลยไปตรวจกับเอกชนใกล้บ้านดู ค่าไตออกมาปกติ เเต่เจอคอมเม้นอย่างอื่นเเทน เช่น ดัชนีมวลกายน้อย
กูเลยชักงงๆว่ามันขึ้นอยู่กับคนตรวจหรือรพ.ที่ตรวจด้วยป่าววะนี่
อาทิตย์หน้าจะเริ่มงานแรกแล้ว ตื่นเต้นชิบเลย มีคำแนะนำให้โม่งจบใหม่ไหมครับ แบบกลัวปรับตัวเข้ากับชีวิต/สังคมวัยทำงานไม่ได้มากเลย
>>914 ตอนกูทำงานที่แรก (ถ้าใครอยู่ในแวดวงจะรู้ว่าบ.กูรับแต่เด็กจบใหม่) แทบไม่ต้องปรับตัวอะไรเลยอะ อารมณ์คล้ายๆ เหมือนไปเป็นเด็กเฟรชชี่อีกรอบ เพื่อนรุ่นเดียวกันเยอะมาก รุ่นพี่ก็เหมือนรุ่นพี่ที่มหาลัย ห่างกันไม่กี่ปี เจ้านายที่อายุมากหน่อยก็เหมือนอาจารย์ สังคมก็ดีมาก แค่เรียนรู้งานตามที่รุ่นพี่สอน ทำงานตามสั่งไป ตัดภาพมาที่เพื่อนกูซึ่งไปทำบริษัทเล็กๆ มีแต่ผู้ใหญ่ ไม่มีเพื่อนรุ่นเดียวกัน เจ้านายแก่คราวพ่อ รุ่นพี่ที่เด็กสุดยังแก่กว่า 8-10 ปี มันบอก culture shock หนักมาก
แต่กูเข้าใจฟีลนะ เป็นเด็กจบใหม่ยังไม่เคยทำงาน มันก็มักจะกลัวและกังวลเป็นธรรมดา แต่พอเป็นผู้ใหญ่แล้วรู้เลยว่าตอนเป็นเด็กจบใหม่นี่สบายสุดแล้ว ที่ทำงานไม่ได้คาดหวังอะไรกับเรามากมายเลยนอกจากให้เราไม่อู้ ขาด ลา มาสาย และตั้งใจเรียนรู้งานแค่นั้น พอโตๆ มานี่แหละแบกความคาดหวัง ความกดดัน ไหนจะ kpi โดนบีบให้ครีเอทโปรเจกต์โน่นนี่นั่น ไหนจะต้องดูแลแก้ปัญหาลูกน้อง ไหนจะต้องสนองเบื้องบน middle management นี่แม่งอยู่ตรงกลางของแซนด์วิชชัดๆ รับแรงบีบอัดจากทั้งบนและล่าง
คิดแล้วนึกถึงสมัยเป็นเด็กจบใหม่ใสๆ กิ๊งๆ สบายที่สุดแล้ว เพราะงั้นอย่าไปเครียด โตมาค่อยเครียด เดี๋ยวมีเรื่องให้เครียดอีกเยอะ 555
>>914 ทำอะเคย แต่สังคมแต่ละที่มันไม่เหมือนกันเลย ฝึกงานจริงจังก็โดนแคนเซิลเพราะโควิด มีแต่ wfh ซึ่งมันคนละฟีลกับเข้าออฟฟิศน่ะ แล้วแบบบางทีก็กังวลว่ามันจะเป็นไงวะ เลยแอบกลัวหน่อยๆ แถมที่บ้าน/ญาติบางคนอยากให้เรียนโทก่อนด้วย ซึ่งส่วนตัวรู้สึกว่ายังไม่รู้จะเรียนอะไรเลย ไม่อยากสักแต่จะเรียนเอาใบ อยากลองทำงานดูก่อน
แต่รู้ตัวแหละว่าไม่ต้องคิดมากขนาดนั้น เค้าน่าจะเข้าใจว่าเพิ่งจบใหม่ ก็คงค่อยๆเรียนรู้ไปตามประสา แค่บางทีเคว้งคว้างไปตามประสา
เรียกเงินเยอะๆ สำหรับงานแรก
รู้สึกแย่ที่ตัวเองไม่เก่งจังวะ คุยกับใครก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง(คุยเป็นอิ้ง) ปล่อยไก่ตลอดทุกๆวัน จนรู้สึกว่าบางคนไม่อยากคุยกับกูแล้วอ่ะ โดนเกลียดแล้วแน่เลย
เสาร์ทำงาน ชดเชยที่ต้องหยุดวันแรงงานสินะๆๆๆ
>>925 แย่เนอะ กุไม่เข้าใจว่าบริษัทจะสนใจฐานเงินเดือนเก่าทำไม ทำไมไม่เอาฐานของตัวเองเป็นที่ตั้งวะ สมมติกุทำงานที่แรกได้เงินน้อย แต่จะไปสมัครใหม่ที่ฐานเงินเดือนเยอะขึ้นมา ก็จะไม่เข้าเกณฑ์อ่ะดิ เพราะเงินเดือนที่เก่าไม่สูงเท่าฐานเงอนเดือนที่ใหม่
เคยมี headhunter โทรหากุตอนกุได้ 22,000 บอกให้กุได้ไม่เกิน 27,000 เพราะฐานเงินเดือนเก่ากูน้อย คือเกี่ยวไรวะ แล้วงานใหม่ไม่มี range หรอ ถ้ากุเข้าไปทำตำแหน่งเดียวกับพนักงานเค้า แต่กุฐานต่ำก็จะให้เงินกุน้อยกว่าทั้งๆที่งานเท่ากัน level เท่ากันเนี่ยนะ ประสาท
เว็บหางานนี่เเม่งเอาเเน่เอานอนไม่ได้จริงๆหวะหน้าเว็บบอกตําเเหน่งนี้ปิดรับเเล้วพอหาเบอร์บ.ได้ตรงๆเลยลองโทรไปถามตําเเหน่งนี้ยังรับอยู่มั้ยตําเเหน่งดันว่างเฉยไม่เหมือนที่เว็บบอกเลย
เป็นวันศุกร์ที่ไม่สุขเลย เฮ้อ เบื่อว่ะ ;_;
>>926 หวังจ้างถูกเข้าว่านะนั่น มันไม่เกี่ยวกันเลยจริงๆอ่ะ ..... นี่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่กูแบบอยากเก็บประสบการณ์งานสักทักษะแล้วย้ายไปหางาน ตปท. แบบที่มีvisa sponsorshipไปเลย เห็นที่ๆแบบมี ปสก. มา1-2ปี รายได้10000 เหรียญ หรือเอาแบบระดับกลางๆปาไปห้าหมื่นเหรียญ ตีเป็นเงินไทยนี่โคตรกล้าผ่อนบ้าน รถ เก็บออมหุ้นไว้ซื้อสัญชาติใหม่ชิบหายเลย
อยากถามประสบการณ์ เอาที่เคยเห็นจากคนรู้จักหรือรุ่นพี่ที่ทำงานก็ได้นะ มันเป็นไปได้มั้ยที่เราจะเป็นพนักงานบ.เอกชน(ญี่ปุ่น)ไปจนเกษียณ โดยเป็นแค่พนักงานธรรมดาๆ ไม่ได้เป็นผู้จัดการ เป็นผู้บริหาร อ่านในเน็ตเจอแต่บอกว่าเอกชนจะบีบออก มีแต่ราชการที่จ้างยันเกษียณ ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่ทุกคนจะขึ้นไปเป็นผู้จัดการได้ ในเมื่อคนที่อยู่ในตำแหน่งนี้มันน้อยกว่าคนปฏิบัติการ และไม่ใช่ทุกคนจะมีศักยภาพพอ เลยอยากรู้ว่ามันพอจะมีจริงมั้ย บ.เอกชนที่ไม่บีบออก ยอมจ้างคนที่เป็นพนักงานไปจนเกษียณ หากเจ้าตัวพอใจกับตำแหน่งและเงินเดือนเท่านั้น ไม่ได้เรียกร้องต้องการอะไร
สุขสันต์วันแรงงานชาวโม่ง
วันนี้ทำงานกันมั้ย หรือหยุด แต่อากาศดีชะมัด
>>937 >>945 อ่ะๆ กุแชร์ให้ เป็นไปได้ กุเคยเจอป้าในที่ทำงานเก่าคนนึง50+ ดูงานด้านนำเข้า เป็นพนักงานโอเปอเรชั่นทั่วไป ในลายเซ็นอีเมลตน.คือซีเนียร์หรือซุปนี่ล่ะ กุไม่รู้เงินเดือนแกเท่าไหร่แต่ ผจก.แกอ่ะได้สี่หมื่น กุเลยเดาว่าแกที่เป็นลูกน้องไม่น่าได้เกินระดับนั้น (แต่กุเคยทำยุ่นมาแค่บ.เดียวนะ อาจเอามาเป็นมาตรฐานไม่ได้)
>>948 ขอบใจมากเลย ความใฝ่ฝันกูเลยเนี่ย หยุดอยู่แค่ซุปพอ ทำงานตามหน้าที่ไปเรื่อยๆ กูค่อนข้างมั่นใจในสกิลการทำงานตัวเองนะ แต่ปัญหาคือเงินเดือนกูเนี่ย เอาไปจ้างเด็กใหม่ๆ เอ๊าะๆ น่าจะจ้างได้ซัก 2-3 คนเลย ซึ่งถึงเข้ามาทำงานไม่เป็นมันก็สอนกันได้ กูเลยกลัวโดนบีบออกตอนแก่มาก ส่วนสาย management นี่ไปไม่ไหวจริงๆ ไม่ถนัดด้วย ไม่ชอบด้วย ตอนนี้ก็พยายามวางแผนสำรองว่าถ้าโดนบีบออกตอนแก่จะไปทำมาหาแดกอะไรดี
>>949 กุว่าเงินเดือนป้าเขาน้อยด้วยแหละถึงได้อยู่ยาว แต่ถ้าของมึงขนาดจ้างเด็กได้2-3คนมันก็อาจจะสุ่มเสี่ยงป่ะวะ สมมติเขาจ้างซุปเอ๊าะๆ ที่เงินเดือนน้อยกว่ามึงแต่ประสิทธิภาพสัก 80% มันก้ถูไถอยุ่นา หยอกๆ555
เอาใจช่วยนะ ค่อยๆ คิดไป เวลานั้นอาจจะไม่ได้แย่จริงๆ เจ้านายอาจจะเห็นค่ามึงกว่าที่คิด หรือไม่โอกาสอื่นๆ มันก็อาจจะเข้ามา
จะเลิกงานแล้ว เดินทางกลับบ้านปลอดภัยนะชาวโม่ง
>>950 ไม่หยอกหรอกแก นั่นแหละเรื่องจริงที่กลัวเลย 555 ขอบคุณมากสำหรับข้อมูลและกำลังใจ จะค่อยๆ คิดไป ตอนนี้อย่างเดียวที่ทำได้คือเก็บเงินแหละ อย่างน้อยวันไหนฟ้าผ่าโดนเลิกจ้าง ก็ยังพอมีเวลาประคองตัวไปได้สักพัก
>>951 นี่ไม่ได้ออกไปทำงานมากี่เดือนกี่ปีแล้วก็ไม่รู้ เอารถไปเข้าศูนย์เช็คระยะ พนักงานยังทัก "โห คุณลูกค้าคะ เลขไมล์แทบไม่ขยับ" แต่เห็นเปิดประเทศแล้วอะไรแล้วคงใกล้ได้กลับไปทำออฟฟิศแล้วล่ะ
เอาจริงเดือน 5 มีวันหยุดเยอะนะเนี่ย 4 วัน แรงงาน ฉัตรมงคล พืชมงคล วิสาขบูชา
ค่าคอมมิชชั่นมันหรือค่าอื่นๆ สามารถทดแทนโอทีได้ไหม ในกรณีที่ทำงานไม่มีโอที มีค่าคอมมิชชั่น โบนัส มีค่าน้ำมันให้ มีที่พักให้ น้ำ-ไฟฟรี หรือถ้าเรายินยอมตกลงเข้าทำงานแล้วสามารถทดแทนกันได้
*ค่าคอมมิชชั่นหรือค่าอื่นๆ มันสามารถทดแทนโอทีได้ไหม
การที่เมลหาคนอื่นแบบว่า
Dear A,
CC : B
อันนี้คือเพื่ออะไรอ่ะ ทำไมต้องบอกด้วยว่าจะ CC หาใครในเมื่อช่อง CC มันก็แสดงชื่ออยู่แล้วปะ หรืออยากแจ้ง B ด้วยก็เอาไปใส่ช่อง To แล้วเปลี่ยนเป็น Dear A and B, ไม่ดีกว่าเหรอ?
>>962 เกิดมายังไม่เคยเห็นเลย คนไทยทำเหรอวะ
พวกมึงคิดว่าการไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไรแล้วทำงานที่ไม่มีแพชชั่นไปจนตาย กับค้นพบ/รู้ตัวว่าชอบอะไรแต่ไม่สามารถไปทำงานนั้นได้ อย่างไหนทรมานกว่ากันวะ
จอนนี้กุเป็นอย่างหลัง มีหลาบแว๊บเลยที่อยากวัดดวงลาออกแล้วทุ่มเททำเลยแต่ก็กลัวพังอ่ะ
>>964 แพสชั่นมันไม่จีรังว่ะมึง มึงอาจจะใช้ชีวิตโดยคิดว่ามีแพสชั่นชอบอะไรอย่างนึงอย่างแรงกล้ามาตลอดสิบปียี่สิบปีแต้ไม่มีโอกาสทำอย่างเต็มที่ แต่พอลาออกมาทำจริงๆก็หมดไฟตั้งแต่ไม่กี่เดือน กูก็เห็นเคสแบบนี้มาเยอะนะ
ยังไงกูก็คิดว่าถ้าไม่ได้มีครอบครัวที่พริวิเลจจริงๆหรือไม่อยากจะเอาชีวิตเข้าพนัน ก็ทำคู่กันไปเหอะ งานนึงเพื่อเป็นหลักประกันชีวิต งานนึงเพื่อหล่อเลี้ยงจิตใจ ถ้ามึงคิดว่ามันสำคัญจริงมึงจะมีเวลาให้มันเว่ย
ทําไมงานบริการเเนวไปเป็นกีกี้ให้เขาต้องทําเกินหน้าที่ตลอดเลยวะเช่นงาน เด็กเสิร์ฟมันก็ควรจบเเค่เสิร์ฟรับออเดอร์มั้ยอะเช็ดโต๊ะด้วยก็ดะ เเต่ที่เห็นส่วนใหญ่ทําเกินขอบเขตงานตัวเองตลอดเเถมเงินเดือนก็น้อยไม่คุ้มสัสๆ รู้สึกงานมันไม่น่าทําเลย
>>971 this
เยอะด้วยนะกรณีแบบนี้ และคนกลุ่มนี้แหล่ะซวยที่สุด อย่างอื่นที่ทำเก่งจนสร้างรายได้ได้ก็ไม่มี อย่างอื่นที่จะทำเวลาว่างเพื่อฮีลลิ่งก็ไม่มี พาสชั่นที่อยากจะเก่งขึ้นจนทำให้ได้รายได้เยอะจนถึงค่อนบนก็ไม่เหลือ พัง
professional ที่แท้จริงอะคือคนที่สามารถทำสิ่งตัวเองเกลียดเข้าไส้ให้ออกมาดีได้เว้ย ดังนั้นจงภูมิใจเหอะที่มีงานที่ตัวเองเก่งแต่ไม่มีพาสชั่น(แต่ไม่ถึงกับเกลียด) แล้วมีเวลากับเงินเหลือเอาไปลงกับพาสชั่นอีกที
>>972 มันprofessionalไม่ใช่เหี้ยไรหรอก มันต้องทำให้ได้ไงมึง คือถ้าไม่ทำหรือทำไม่ได้ก็ไม่มีแดกอ่ะ รู้อยู่ว่าประเทศส้นตีนนี่ต้องอิ่มทิพย์กันทั้งนั้นถึงจะทำงานที่ตัวเองรักได้ ร้อยทั้งร้อยนะ กูว่าคนที่นี่ทำงานกันผิดประเทศ ชีวิตเลยพินาศโดนความล้า สุขภาพทรุดโทรมกัดกินๆเอาจนตายแบบเศษขยะก้อนนึง เห็นต่างชาติตะวันตกเจริญๆแม่งมีที่ว่าง มีเวลาในชีวิตให้ขยับขยายความสามารถตัวเองเยอะแยะจะตายชัก ไม่ใช่ต้องจมกับงานที่ไม่ได้รักแต่ถ้าไม่ทำก็คือไม่มีทางเลือกอื่นให้เดินไปได้แบบมนุษย์ธรรมดาคนนึง
>>967 อดใจไม่ไหวก็อยากตอบไม่น้อย มันเกินหน้าที่เพราะเค้าจ้างมาเป็นขี้ข้าอ่ะ ซึ่งทุกตำแหน่งในร้านอาหารนะ มีแต่ขี้ข้าทุกซอกมุมเลย ต่อให้ตำแหน่งมึงแม่งระดับเมเนเจอร์ ซุป โดนมองลงมาก็ขี้ขาชั่นต่ำอยู่ร่ำไป บางคนยอมทนเพราะเงินเดือนแล้วอยู่ในคอมฟอร์ทโซนแบบนี้จนตามจับเงินเดือนที่สูงกว่าของที่อื่นไม่ทันก็มี มารู้ตัวอีกทีจะอยากย้ายงานคือรอบตัวมีแต่งงานกดค่าแรงกันหมดแล้ว แล้วไม่ใช่แค่เมืองไทย เป็นทั่วโลก ถ้ามึงจะหางานทำพอแก้ขัดกูบอกเลยนะ เลือกที่ทำงานผิด มึงจะไม่เหนื่อยแค่งาน มึงจะเหนื่อยกับคนที่ทำงานมานานแต่วุฒิภาวะแบบสมองไม่โตตามตัวเพราะเรียนมาน้อย เอาอารมณ์เป็นใหญ่ ใช้ความตลาดล่างเป็นหลัก ปัญหาคือคนจบ ป.ตรีแบบมึงจะไม่โอเคมากๆ เพราะคนพวกนี้มันโง่ เหี้ย และสันดานดิบทรามกว่ารุ่นพี่ว้ากตอนสมัยมึงเรียนมหาลัยอีก นั่นก็จะทำให้ส่วนมากเค้าคัดทิ้งก่อนเลยเวลาเจอว่าจบวุฒิ ป.ตรีมาแต่เสือกมาทำงานแบบนี้ ดังนั้น ถ้ามึงต้องการงานแก้ขัดไปครึ่งปีให้ตัวเองรอดก่อน มึงรีบไปค้นวุฒิ ม.6มึงออกมาซะนะ ยื่นด้วยอะไรที่ต่ำก่ว่าแทน ส่วนรายได้......กูบอกไว้ก่อนเลยว่าถ้าเจอ11xxx-14xxx นั่นคือแต้มบุญมึงสูงมากแล้ว เพราะที่กูเจอๆมามีแต่9xxx ลงมา รายได้ต่ำกว่านี้ก็มี ต่อให้มึงงองแงยังไงว่ารายได้ไม่เป็นธรรม กรมแรงงานก็ไม่สนหีสนแตดไรทั้งนั้น .....ปสก กูเองกับสองปีที่ผ่านมา
>>967 ตัวอย่างที่ยกนี่กูว่ามันมีความสมเหตุสมผลที่ต้องเป็นแบบนั้นนะ
คือร้านอาหารมันมีเด็กเสิร์ฟที่ต้องคอยเดินไปเดินมาระหว่างครัวกับโต๊ะลูกค้าอยู่แล้ว
มึงลองนึกภาพว่าจ้างคนอีกกลุ่มมารับออเดอร์อย่างเดียว คนอีกกลุ่มเก็บจานเก็บโต๊ะอย่างเดียว คนอีกกลุ่มเสิร์ฟอย่างเดียว มันจะวุ่นวายขนาดไหน
แล้วยิ่งเป็นงานบริการ เวลาลูกค้าเรียกแล้วมึงทำไม่ได้ ต้องไปเรียกคนอื่นมาทำแทนมันก็ยิ่งวุ่นวาย แถมช้าเดี๋ยวลูกค้าโมโหอีก
>>968 skilled labor ไปอยู่ผิดที่ผิดทางก็เจอได้นะ ตัวอย่างที่เห็นชัดๆก็งาน IT
เดี๋ยวนี้ประกาศรับสมัครงานแม่งจะให้คนเดียวทำงานของทั้งแผนกยังมีให้เห็นเยอะแยะ
โดยเฉพาะกับบริษัทเล็กๆ แม้แต่ในต่างประเทศเองก็ตาม
>>962 กูทำประจำ และบ.กูทำกันทั้งบ. สำหรับบริษัทกูนะ คนที่ชื่ออยู่ใน Dear คือคนที่ต้อง take action ใน issue นั้นนั้น ส่วนคนที่ชื่ออยู่ตรง CC คือคนที่กูต้องการแจ้งเพื่อทราบ แต่ไม่ต้อง tack action อะไร
ถ้ากู CC ไว้เฉยๆ แต่ไม่ใส่ชื่อให้มันเด่นหราเอาไว้ คนคนนั้นมักจะไม่อ่านเมลนั้นเลย เพราะแผนกงานกูเฉลี่ยได้เมลกันวันละประมาณ 100 เมล+ ถ้าไม่ใส่ชื่อไว้ในที่ใดที่หนึ่ง เขาจะไม่อ่านกันเลย ข้ามเมลไปเลย แต่ถามว่าทำไมต้อง cc คนที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นโดยตรง มันเป็นกฎของบริษัทกูว่า "ต้อง cc ทุกคนในทีม" แต่คนที่อยู่ใน cc แต่ไม่ได้ใส่ชื่อ ก็คือไม่ต้องอ่านก็ได้ ข้ามเมลนั้นไปก่อนก็ได้ เพราะมันอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขา แต่ถ้าวันไหนมันเกิด issue ขึ้นมา เช่น pic ลาออกไป ลางาน คอมเจ๊ง คนอื่นๆ ในทีมก็สามารถไป search เมลปะติดปะต่อเรื่องราวได้ ไปเอาไฟล์ได้ ฯลฯ ดังนั้นจึงมีกฎว่าต้อง cc ทุกคนในทีม เมลมันเลยเยอะ มันเลยไม่อ่าน มันเลยต้องระบุชื่อ 555 จะว่าไปมันก็วนลูปกันเองอะเนอะ 555
แต่กูแฮปปี้กับกฎนี้นะ วันก่อนกูนี่เพิ่งไป search เมลเมื่อ 6 ปีที่แล้ว แน่นอน PIC ลาออกไปนานแล้ว คิดคีย์เวิร์ดหลายตลบเหมือนกันกว่าจะเจอเรื่องที่ต้องการหา ทำให้เอามาปะติดปะต่อเรื่องราวได้ ได้แบคกราวน์ ช่วยได้เยอะมาก เพราะงั้นไม่รังเกียจเลยที่จะโดน cc ทุกเรื่องของในทีม แต่ไม่มีชื่อก็ไม่อ่าน
>>967 อ่ะกูเสริมให้อีกนะ ที่แม่งทำเยี่ยงขี้ข้าอันนี้น่าจะตรงกว่าเดิม ก็เพราะว่าcostร้านด้วย ถ้าร้านขายดีแบบขายดีมากๆ ขายดีจัดๆ มึงไม่ต้องห่วงว่าจะต้องทำทุกหน้า นายจ้างที่ดีๆมันจะจ้างคนมาให้ครบระบบ ของจะไม่เสีย วัตถุดิบ เครื่องไม้เครื่องมือคือมันเสียก็เบิกได้ งานจะเหนื่อยแต่เหนื่อยน้อยลงเยอะ ความเครียดมีแต่ตอนที่มึงทำอาหารส่งให้ลูกค้า คุยเรื่องเงินเรื่องวันหยุดได้ไม่ยาก ทั้งนี้ทั้งนั้น ร้านเหี้ยๆก็มี คือยอดขายต่อวันก็ดีมากๆแล้ว รับพวกแอปฟู้ดยอดเกินเป้าตลอดแต่ว่าวันนึงคนเดินๆมาซื้อหน้าร้านไม่เยอะก็อ้างว่ายอดขายไม่ได้ ไม่ผ่าน แล้วก็จ้างพนง.ถูกๆรับแรงกดดันหนักๆแทน ซึ่งถ้าให้กูใบ้กูเคยใบ้ไปละว่าเป็นร้านเชนที่มีร้านในเครือเยอะจัดๆเลย ญาติเจ้าของเป็นดาราวัยรุ่นโฆษณาโซดายี่ห้อดังบ่อยๆยังไม่กล้าเอาร้านตัวเองเข้าเครือญาติตัวเองอ่ะคิดดูเอานะ กูทำได้เดือนเดียวพอเลย ออกมาดีกว่า เพราะเจอร้านอื่นที่กล้าจ่ายกูหมื่นสองหมื่นสามแล้วแรงกดดันไล่ๆกันนี่มันบรรเทาจิตใจกูมากกว่าเยอะ
กุอ่านพวกมึงคุยกันแล้วสะเทือนใจเบาๆ ชีวิตคนนี่มันโคตรไร้ความเท่าเทียม เกิดมาไม่มีต้นทุนไม่มีโอกาสก็ต้องทำงานลำบากๆเงินเดือนหมื่นกว่า ไม่เห็นทางออกเลยว่ะถ้าอยู่ในประเทศแบบนี่
>>968 พูดในแง่เนื้องานกูว่าความที่มันเป็น unskilled labor ก็มีส่วนนะ งานอื่นๆของเด็กเสริ์ฟมันก็ไม่ได้ต้องใช้ความรู้หรือการฝึกฝนเฉพาะทางจริงๆ
นอกจากง่ายต่อการจัดการมากกว่า มันก็เป็นอะไรที่คนจ้างงานเค้ามองว่าคนๆเดียวควรทำพวกนี้ได้ทุกอย่างด้วยแหละ
เทียบกับงานบริการด้วยกัน ถ้ามันเป็นอะไรที่ต้องใช้ฝีมือ หรือมีรายละเอียดงานมากกว่า ถึงทำไม่เป็นทุกอย่างก็ไม่เป็นไร
อย่างเจอช่างตัดผมคนนึงบอกว่าตัดเป็นแต่ผมผู้ชาย ตัดผมผู้หญิงไม่เป็น คนก็คงไม่รู้สึกว่ามันแปลก
แต่เจอเด็กเสิร์ฟบอกว่ารับออเดอร์ไม่ได้ เก็บเงินไม่ได้ เช็ดโต๊ะไม่ได้ คนคงรู้สึกแบบแค่นี้ทำไมทำไม่ได้ อะไรงี้
>>981 เหรอ กับ พนง.บริการคิดงั้นได้ะ แต่มึงลองทำงานครัวนะละมึงจะคิดอีกไหมว่าunskilled labourรึเปล่า มึงเห็นงานที่ทำก็เหมือนแม่มึงยายมึงทำกับข้าวบ้านๆนะ แต่ในอุตสาหกรรมครัวให้คนแดกเป็นร้อยๆนี่กูบอกเลยว่าแค่หั่นผักก็สำคัญ ทำยังไงให้เร็ว จัดการงานก่อนหลังได้นี่สำคัญสุดๆ อย่างครัวร้อนนี่แค่ทนหน้าไฟนานๆหรือเอาผักมาผัดๆ หั่นหอมใหญ่ หอมแดงแค่สามสิบวิไม่ได้คือคนจะมองว่าแปลกไหม? ทริกในการหาวัตถุดิบแช่แข็งมาชิลล์ให้ละลายง่ายขึ้นเพื่อประกอบอาหารเร็วขึ้นโดยที่ใช้แค่ของที่มีในครัวมึงว่าแม่บ้านตกงานธรรมดาๆมีปัญญาทำก็ได้เหรอ? หรือมึงจะทำงานครัวญี่ปุ่น มึงตัดแตง ขึ้นปลาแซลมอน กะพงแดง อาจิ ซาบะ ทั้งตัว ตัดซาซิมิ หรือดองซาบะทีนึง มึงว่าใครๆมาดูๆก็ทำตามได้ง่ายๆเลย? ส่วนครัวยุโรปนี่กูมั่นใจล้านเปอร์เลยว่าถ้าไม่เคยมี ปสก.ครัวยุโรปมาก่อนมึงเป็นได้แค่Commisโง่ๆนะ
>>979 ถ้ามึงมีทางเลือก แล้วยังพอเกาะใครกินได้นะ มึงพยายามหาทำในสิ่งที่มึงรักซะนะ เจตนากูไม่พยายามไซโคห่าไร กูมาระบายความจริงสุดระยำเสี้ยวนึงที่เจอในฐานะคนทำงานครัว(ตอนนี้)กับเคยทำบริการในร้านอาหารมาก่อน แต่ถ้าไม่มีที่ไปจริงๆจังๆ งานครัวคือสิ่งที่มึงจะไม่ถูกมองว่าไร้ความสามารถ ยิ่งปรับตัวกับมันได้เท่าไหร่เวลามึงจะลี้ภัยความไม่สงบห่าไรก็ตามไปประเทศสงบๆอย่างน้อยมึงก็ได้ไปเป็นคนครัวได้ ถ้ามึงจะหลบภัยกับงานรายได้ขั้นต่ำมึงทำได้ แต่ไม่ใช่ว่ามันไม่เครียดนะกูบอกเลย เครียดมากไม่แพ้งานออฟฟิศเลย ถึงไงก็เหอะนะ จบ ป.ตรีมา หางานที่สมกับวุฒิเถอะ
>>982 ต้นทางมันพูดถึงงานเด็กเสิร์ฟไม่ใช่หรอว่าทำไมเด็กเสิร์ฟต้องทำอย่างอื่น เช่นเช็ดโต๊ะ ไม่ได้พูดถึงงานในครัว
มึงจะลากเรื่องงานในครัวมาเถียงทำไมเนี่ย กูหรือโม่งคนอื่นก็ไม่ได้พูดว่างานในครัวเป็น unskilled labor เลยซักแอะ
แล้วงานในครัวถ้าไม่ใช่ครัวเปิดที่คนทำอาหารต้องมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าก็ไม่นับเป็นงานบริการไม่ใช่หรอ
คุยเรื่องเด็กเสิร์ฟควรเช็ดโต๊ะ คิดตังได้ ลากไปในครัวเฉยย
ตระกูลผมเป็นครอบครัวนักธุรกิจ ทุกบ้านอาแปะ อาโกว มีกิจการ เฮียๆ ก่อนหน้าผมทุกคนเรียนสายบริหาร ไม่ก็วิศวะ ผมที่เป็นเด็กเรียนโอเคคนหนึ่ง ก็ถูกคาดหวังว่า จะสานต่อเส้นทางนั้น คือจบคณะดูมีสาระ (ในสายตาผู้ใหญ่) จากมหาลัยดีๆ และกลับไปดูแลธุรกิจต่อจากที่บ้าน เหมือนพี่ๆ น้องๆ แต่ตอน ม.หก ผมเริ่มค้นพบว่า ตัวเองชอบงานเขียน ชอบงานสร้างสรรค์
.
ตอนเอนทรานส์ (แอดมิดชั่น ยุคนั้น) ผมได้คะแนนโอเคพอสมควร ญาติๆก็บอกให้เลือกเศรษฐศาสตร์เป็นอันดับหนึ่ง คะแนนเกินขั้นต่ำของปีที่แล้วมาสามสิบกว่ายังไงก็ได้ ผมไม่หือไม่อือ ตอนนั้นก็แค่อยากให้ที่บ้านภูมิใจที่สอบติดมหาลัยแบรนด์ดิ้งดี
.
แต่พอเลือกเสร็จแล้ว คืนนั้นผมนอนไม่หลับ มันเหมือนพึ่งเลือกชีวิตอีกสี่ปี ไม่สิ เส้นทางตลอดชีวิตที่เราไม่ได้เห็นด้วยขนาดนั้น เช้าวันต่อมา ผมเริ่มหาข้อมูลจนพบว่า มันทำเรื่องเปลี่ยนแปลงสี่อันดับที่เลือกได้ ผมนั่งสายเจ็ดไปหัวลำโพง และต่อ ม มอเตอร์ไซด์ไปจุฬา เพื่อทำไปเรื่องที่ศาลาพระเกี้ยว เดินเรื่องไม่นานก็เปลี่ยนให้คณะสายนิเทศศาสตร์ขึ้นมาเป็นอันดับต้น ๆ แทนได้ จำได้ว่า เอกสารมันบางๆเหมือนใบเสร็จสีฟ้า มีรูปเราติดหัวมุมขวา ขนาดจตุรัสประมาณฝ่ามือ แค่นี้เลย กระดาษเปลี่ยนชีวิต
.
สุดท้าย ผมได้เรียนสายนิเทศศาสตร์สมใจ ตลอดสี่ปีในมหาวิทยาลัย ผมใช้เวลาทั้งหมดเพื่อผลักตัวเอง ฝึกงานนิตยสาร เข้าเวิร์คช็อปโฆษณา และประกวดหนังสั้น อยากทำให้คนรอบข้างมั่นใจได้ว่า ผมอยู่รอดได้ในเส้นทางที่เลือก ไม่อยากได้ยินว่า “ก็บอกแล้วไง” ขณะทำอย่างไม่ลืมหูลืมตานั้นก็คิดฝันในใจอยู่สองอย่างว่า อยากเขียนหนังสือไม่ก็กำกับหนังโฆษณา ไม่รู้หรอกว่า จะสำเร็จไหม แค่เชื่อว่า ถ้าเลือกทำตามเสียงหัวใจแล้ว สุดท้ายมันจะโอเคแหละ ทำสิ่งที่เรารัก มักจะดีเสมอ
.
ตัดภาพมา สิบกว่าปีให้หลัง พี่น้องผมเทคธุรกิจต่อจากที่บ้าน อยู่บ้าน โคตรชิล สะสมอาร์ตทอยเป็นงานอดิเรก ส่วนผมเป็นทั้งนักเขียนและผู้กำกับโฆษณา นอนตีหนึ่งนั่งแก้ต้นฉบับยิกๆ ไหล่ก็ปวด หลังก็เมื่อย ตื่นมาวันรุ่งขึ้นไปแก้สีหนังโฆษณา ต้องไล่ดูดสีเขียวจากต้นไม้กระถาง เพราะเดี๋ยวคนดูจะนึกถึงสีแบรนด์คู่แข่ง หลังยังปวดตุ้บๆหัวเริ่มปวดแล้วด้วย น่าจะเชื่อฟังที่บ้านเขา ไอ้สัตว์ ไอ้ควย หน้าหี แม่เย็ด
ลอกมาให้อ่านเหมือนเห็นตัวเอง 555 แม่ฝากเข้า scg สบายๆไม่ชอบอยากพิสูจน์ตัวเอง เป็นไงล่ะสัส
>>986 ถึงงานจะหนักแต่อย่างน้อยแกก็เป็นคนที่มาทางนี้แล้วประสบความสำเร็จนะ
ถ้าเลือกมาทางนี้แล้วดันไม่ประสบความสำเร็จโดนครอบครัวทับถมอีกนี่คงรู้สึกแย่กว่านี้อีกหลายเท่า
สมมุติแกไปรับกิจการต่อที่บ้านอยู่สบายๆนะ อาจจะได้ย้อนกลับมานึกเสียใจว่าทำไมไม่ได้เรียนนิเทศอย่างที่อยากเรียนไปตลอดชีวิตก็ได้
หรืออย่างมึงเอง ต่อให้มึงได้เข้า SCG มีหน้าที่การงานที่ดีกว่านี้ มึงอาจจะอยู่แบบไม่รู้สึกภูมิใจ
มีปัญหาอะไรกับแม่ก็จะโดนแม่เอาเรื่องฝากเข้างานมาลำเลิกบุญคุณไปจนกว่าจะตายจากกันก็ได้
คนเราไม่รู้หรอกว่าอะไรรออยู่ในเส้นทางชีวิตที่เราไม่ได้เลือก ทางเลือกที่มองย้อนกลบไปแล้วเหมือนจะดีกว่าอาจจะไม่ได้ดีจริงๆอย่างที่คิดก็ได้
อย่าไปเอามาคิดมากเลย
อยากลาออกแม่ง ไอเหี้ย ลูกค้าเจ้าเดียวแต่ประสาทแดก งี่เง่า ขี้จู้จี้จุกจิก เซ้าซี้ น่ารำคาญขั้นสุด ไม่ได้งานเหี้ยไรเอะอะฟ้องหัวหน้าทั้งที่POพึ่งเปิดมาแต่จะเอางานเลย เจ้าอื่นเขาเปิดมาก่อนจะเอางานก็ยังไม่ได้กันทั้งนั้น อีนี่มาจะแย่งเขา บางตัวไม่มีของส่งเพราะมันยังไม่มีคนใช้เขาก็ไปผลิตแต่ตัวด่วนๆก่อน อีนี่มาจะเอางานเร่งให้ผลิต อีบ้า บางตัวตัวเองใช้เจ้าเดียวไม่ถึง MOQ กูขอไปสิบชาติไม่ส่งมาเพิ่มให้แต่เสร่อเรียกงานจัง ส่งแผนเรียกงานแล้วจะเอาคอนเฟิร์มเลย กะไม่ให้กูไปทำงานอื่น ไปดูลูกค้าเจ้าอื่นเลยหรอ อีความประสาทแดกทั้งปวง ชาติก่อนมึงเป็นไก่หรออีสัสสสสสสสสส
>>987 กูคือด้านที่ไม่เลือกทางที่พ่อแม่เสนอให้แล้วชีวิตดันแย่ว่ะผลคือโดนที่บ้านแดกดันชิบหาย ซึ่งถ้ากูเอาคือโคตรสบาย งานราชการป้าเป็นผอ. ความก้าวหน้าการงานมาเต็ม แล้วเป็นไงพึ่งจบไงเลือดมันร้อน อยากพิสูจนตัวเอง แล้วก็มาตกงานตอนโควิดตอนอายุ 35++ หางานโคตรยาก ตอนนี้ได้งานใหม่แต่เงินลดไปครึ่ง สวัสดิการกากบรม ที่บ้านโทรมาแต่ละทีก็ต้องแดกดันกูตลอด...สัส
กูเป็นคนที่เลือกไปตามที่พ่อแม่วางเส้นทางไว้ให้
ช่วงแรกๆตั้งแต่เรียนม.ปลาย มหาลัย และปีแรกๆของการทำงานแม่งกล้ำกลืนเหมือนกันนะกับการทำงานที่ไม่ชอบเลยเนี่ย
แต่ตอนนี้เริ่มชินแล้ว และเงินเดือน 400k มันก็เอามาซับน้ำตาได้อยู่ เวลาว่างก็ค่อยทำงานที่ชอบเป็นงานอดิเรกเอา
ปิดให้โม่งคนครัว triggered toxic unskilled labor
ปิดมู้
1000
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.