>>640 แหมทำไมจะทำไม่ได้ก็เป็นสิ่งที่มนุษย์แม่งทํากันมาหลายหมื่นปี ทุกคนมันจําหรือเขียนเหตุการณ์อดีตประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาไม่เหมือนกันหรอก สัสเขียนได้ซะโครตเบียวเลยกู อ่ะนึกเอาง่ายๆย้อนไป10ปีก็ได้บางคนก็ลืมไปด้วยซํ้าแล้วมึงว่ามึงเป็นใคร มึงอยากลบอดีตตรงไหนก็ไม่ต้องพูดถึงมัน คนที่รู้เรื่องอดีตของมึงก็เลิกติดต่อหรือเอาให้ชัวร์ว่าจะไม่มีส่วนมายุ่งกับชีวิตปัจจุบันได้ก็เท่านั้น แล้วมึงก็ใช้ชีวิตปัจจุบันgainสังคมใหม่ๆ มึงเล่าเรื่องราวใหม่ๆให้คนในสังคมใหม่ฟัง ประมาณนี้ง่ายๆ คือมึงมองข้ามไปเถอะมึงจะมารับบาปไรตัวเองในอดีต แม่งมึงวันนั้นกับวันนี้ก็คนละคนกันละ สังคมอัไรมันก็เปลี่ยนไปหมดละ identityที่หลงเหลือเหมือนกันมีแค่ชื่อเท่านั้น กูก็มีเรื่อวกับเพื่อนแล้วจบไม่สวย แต่ก็แค่นั้นกูย้ายจังหวัดเลย ไปหาสังคมใหม่ที่ดีกว่า แล้วเรื่องราวเก่าๆไอสัสคนในสังคมเก่าเขาก็ไม่มานั่งแคร์มึงหรอก พอมึงออกไปมึงก็แค่หายไปจากสังคมนั้นไม่ได้มาตามล้างแค้นแบบจอนวิดซะหน่อย ผ่านไปทศวรรษก็แกล้งลืมไปได้แล้ว
ความจริงแม่งไม่สําคัญหรอก แล้วพอเข้าสังคมใหม่ๆก็ไม่ทีใครมานี่งแคร์หรอกว่ามึงมาจากไหน อดีตมึงเป็นไงกับไอเรื่องเพื่อนๆจิ๊บจ๊อยเหนี่ย เหอะๆ ใครจะมานั่งจับผิดมึงว่ามึงทําอย่างนั้นจริงๆไปในอดีตวะ พระอัลเลาะห์เรอะ (ถ้าไม่ใช่เรื่องคดีอะไรที่ศาลสั่งหมายมีคนตามสืบไอสัส)
ลองจินตนาการดูหนุกๆ แล้วถ้ามึงไปฆ่าคนมาเมื่อวานแล้วเดินหัวกระแทกพื้นวันต่อมามึงลืมทุกอย่าง แล้วคดีนั้นถูกตํารวจปิดคดีว่าเป็นอุบัติเหตุ ไม่มีใครในโลกรับรู้ว่าศพนั้นมึงฆ่า มึงมีความทรงจําว่าความจริงแล้วมึงยังไม่เคยฆ่าใคร แล้วอะไรคือความจริงหล่ะ? :v
“Truth doesn’t matter, perception is reality”
ก็แล้วแต่จะคิดครัช ชีวิตคนละแบบ จะคิดแบบนี้หรือคิดติดยึดอยู่กับความจริงมันไม่ได้ถูกหรือผิด แต่คิดแบบไหนแล้วเราเดินต่อไปได้หล่ะ จะเลือกติดอยู่ใน“คุก”ของความเป็นความจริง(?)’ก็แล้วแต่ใจศรัทธา