Last posted
Total of 1000 posts
อยากตายแบบไม่เจ็บไง ส่งเมลล์ไปถามเรื่องการการุณยฆาตที่สวิสแล้ว เขาไม่ตอบ คนเราควรเลือกได้ป่าวว่ะ ว่า ยากจบชีวิตตอนไหน ทำไมต้องรอแก่ รอป่วยตาย อยากตอนตอนสภาพร่างกายยังดีแล้วบริจาคอวัยวะให้คนอื่นได้อ่ะ
กฎหมายแม่งควรรองรับให้คนเลือกตายได้ตามใจชอบ เลือกเกิดไม่ได้ก็ควรเลือกตายได้
เอาแบบก่อนตายตรวจเช็ค ไม่ติดบูโร ไม่หนีหนี้ก็ได้
ไหนบอกทุกคนมีสิทธิในตัวเอง กูอยากตายดีๆ อวัยวะใช้ต่อให้คนอื่นได้ ยังไม่เห็นมีสิทธิเลยอ่ะ
อยากให้ซอมบี้บุกโลกว้อยยยย
>>945 สังคมมนุษย์ยังคงติดกับกับคำว่า "ตาย = เรื่องที่แย่" อยู่
สังคมดัดจริตไม่ได้มองว่าการตายมันคือธรรมชาติของสรรพสิ่งที่วนเวียนไปตามวัฏจักร ขนาดมีคนบ่นว่าอยากตาย เพราะหมดแพสชั่น ยังมีไอ้โง่มาบอกให้สร้างหนี้จะได้มีแรงผลักดัน แค่นี้ก็บ่งบอกได้แล้วว่ายังมีคนอีกไม่น้อยที่มองความตายในทางลบ เพราะงั้นเรื่องที่มึงพูดมา คงยากจะเกิดขึ้นในเร็ววัน
>>941 เมิงก็ยกตัวอย่างพวกมีหนี้แต่ไม่มีกำลังที่จะใช้หนี้ แต่ที่มันแนะนำคืออีคนอยากตายแต่มีพร้อมทุกอย่าง ถ้ามันมีหนี้มันก็จ่ายหนี้ไหว ต่อให้มันออกจากงาน
มีคนโง่แบบเมิงนี่ มันไม่มีทางเข้าใจว่ามันมีหนี้ดีด้วย กุต้องอธิบายไหมว่ากู้เงินมาผ่อนบ้าน อีก30ปีผ่านไปบ้านจะราคาเท่าเดิมปะ หรือโม่งยังอยู่ในโลกอุดมคติ
บางทีกูก็คิดว่ากุคงเป็น psychopath ไม่ก็ Sociopath แหละ เหมือนจะไรความรู้สึกและโง่ทางความรู้สึกมาก
>>950 จ่ายไหวแน่นอน คำถามคือจะจ่ายหรือเปล่า ?
พวกที่หมดแพสชั่นกับชีวิต มันคิดไม่เหมือนไพร่สามัญชนแบบมึงหรอกนะ
ต่อให้มีเงินจ่ายไหว แต่ถ้าขี้เกียจรำคาญมากๆ ก็ปล่อยแม่ง ไม่จ่าย เครดิตเสียแล้วไง ช่างแม่ง ยึดก็ยึดไปดิ ต้อให้ฟ้องล้มละลาย ก็ล้มบนฟูกอ่ะน้อง
บ้านปัจจุบันก็มีอยู่แล้ว รถปัจจุบันก็มีอยู่แล้ว เงินก็มี ไม่เดือดร้อน
อธิบายไปไพร่แบบมึงคงไม่เข้าใจหรอก เพราะมึงยังคงติดลูปชีวิตหนี้อยู่ ถ้าไม่จ่ายชีวิตมึงล่มจม โดนยึดบ้าน ยึดรถไม่มีที่ซุกหัวนอน
แต่ไอ้คนที่หมดแพสชั่นที่มีพร้อมทุกอย่างมันไม่ใช่แบบมึง ซื้อเพิ่ม ถ้าขี้เกียจก็ปล่อยทิ้ง ไม่เดือดร้อน
กูขอให้ไอ้เอี้ยที่คิดค้นรีลมันตายห่าอย่างทุกข์ทรมานแลวต้องดูรีลควายๆไม่หยุดตลอดเวลาไปชั่วชีวิต ไอ้เปรต
ไม่ต้องมาบ่น ไม่ดูแลตัวเอง ทำตัวหัวฟรวยเองแล้วจะบ่นทพไม พยายามข่วยจนไม่ร฿่จะช่วยยังไงก้ไม่เอาไม่สน
ก้ตายๆไป รำคานชิบหาย
เอาเวลาที่มาปรึกษาโม่งไปปรึกษาหมอนะ มีตังมีทุกอย่างครบ หาหมอหรือหาที่ปรึกษาด้านนี้น่าจะไม่มีปัญหา ยกเว้นไม่มีใครแล้ว มีโม่งเป็นที่พึ่งสุดท้าย
กุกำลังยอมเหนื่อย ยอมเสียความเป็นตัวเองเพื่อทำงาต ยอมลืมการคอนเนคกับทุก ๆ คน แค่เพื่อเซฟแรงไว้ทำงาน ยอมทุกอย่างเพื่อเงินเดือนอันน้อยนิด สัสเอ้ย
>>964 อส คล้ายๆไอดอลเลยวะ
ว่าแต่การคอนเนค กับ เพื่อน มันสำคัญด้วยหรอวะ แล้วเสียความเป็นตัวเอง เมิงก็หยุดที่จะทำเมื่อไรก็ได้ มีใครบังคับเมิงหรอ? ไม่พอใจก็หางานใหม่แค่นั้น ดูท่าเมิงจะมีปัญญาในการเข้าสังคมนะ ถึงต้องฝืนตัวเองตลอด ถ้าเมิงทำเป็นปกติทุกลมหายใจ ความเป็นตัวเองตัวตนเดิม เมิงจะถูกลบได้ยังไง
ให้เดา เมิงคงทำงานบริการ เช่น แอร์ เด็กเสิร์ฟ ไลฟ์แม่ค้าขายของสินะ
เออ แล้วก็กุไม่ได้ปรัชญาอะไรหรอก
ยดตัวอย่างนะ เวลา คนเราจะตัดสินใจอะไร
เราก็มักหาเหตุผล มาเข้าข้างตัวเอง เช่น อยากไปงานไอดอล อยากไปเสพความโมเอะ นั่นคือเหตุผล
ในทางกลับกัน เหตุผล ก็ทำให้เกิดอารมณ์ เช่น ของหาย หาของไม่เจอ ก็จะเกิดความหงุดหงิด
ดังนั้น อารมณ์ ทำให้เกิดเหตุผล
และเหตุผลทำให้เกิดอารมณ์
ไอ้เอ๋อแยกร่างคุยกันเองเหรอวะ
กลับคอกได้แล้วไอ้เอ๋อ
เอาเวลาที่เป็นมีปัญหาสุขภาพจิต พอให้เก็บเงินได้หลาย ๆ แสน
แล้วเอาไปเทรด Forex ได้แล้ว
ผมเทรดไม่กี่วันได้มาแล้ว 450,000
มีใครเป็นไหม เวลาระบายเรื่องอะไรสักอย่างให้คนอื่นฟัง ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาจะมีความรู้สึกว่าไม่น่าพูดออกไปเลย กลายเป็นว่ายิ่งเครียดกว่าเดิม เข้าข่ายของอาการอะไรไหมอะ
อยากถามความเห็นของแต่ละคน
มันจำเป็นมั้ยถ้าอยากเข้าหาใครหรืออยากสนิทกับใคร
ต้องใช้เงินเพื่อเข้าถึงคนนั้นได้
เราไม่ได้พาดพิงใครนะ รู้สึกตัวเองสถานะปานกลางแต่แบกรับค่าใช้จ่ายที่รายจ่ายมากกว่ารายได้ไม่ไหวครับ
“พระผู้เป็นเจ้าทรงอนุญาตให้เราผู้เป็นประชากรที่ได้รับการคัดสรรแล้วจากพระองค์ ได้สร้างพรสวรรค์ อันเกิดจากการต้องอยู่กันอย่างกระจัดกระจายซึ่งดูคล้ายเป็นความอ่อนแอของเรา แต่ที่จริงกลับเป็นพละกำลังของเราซึ่งกำลังนำเราไปสู่ความมีอำนาจสูงสุดเหนือโลกทั้งโลก...”
อำนาจเช่นนี้ถูกอธิบายเพิ่มเติมต่อไปอีกว่า...
“อำนาจของเราจะมีอยู่ท่ามกลางสภาพอันง่อนแง่นของอำนาจทุกรูปแบบ และเป็นอำนาจที่เหนียวแน่นมากกว่าอำนาจอื่นใด เพราะยังคงเป็นอำนาจที่ไม่มีใครมองเห็น จนกระทั่งเมื่อถึงเวลาที่มันมีพลังสูงสุด ก็จะไม่มีอำนาจหรือเล่ห์เหลี่ยมใด ๆ สามารถทำลายมันลงได้อีกเลย” และ “นี่แหละคือเหตุผลที่ทำไมเราถึงต้องทำลายความศรัทธาทั้งมวลลงไปให้หมด ต้องยึดเอาหลักความเชื่อที่มีต่อพระเจ้าออกไปเสียจากจิตใจของพวกกอยยิม แล้วเอาการคำนวณทางคณิตศาสตร์ และความต้องการทางวัตถุใส่เข้าไปแทนที่ เพื่อไม่ให้พวกมันมีเวลาคิดและสังเกตสังกา
เราจะต้องเบี่ยงเบนความสนใจพวกมันไปยังการค้าและอุตสาหกรรม เพื่อให้ชาติทุกชาติ ถูกดูดกลืนเข้าไปสู่การแสวงหาผลประโยชน์และการแข่งขันเพื่อผลกำไร และพวกมันจะมองไม่เห็นศัตรูที่แท้จริงของมันได้ และเพื่อจะขจัดอิสรภาพออกไปจากชุมชนของพวกมันให้หมด เราจะต้องเอาอุตสาหกรรมมาวางไว้บนพื้นฐานแห่งการเสี่ยงโชค เพื่อให้ผลของมันลื่นหลุดไปจากมือผ่านเข้าไปสู่ระบบแห่งการเสี่ยงโชค นั่นก็คือ ผ่านเข้ามาสู่มือของเรา อุตสาหกรรมจะสูบเอาแรงงานและเงินทุนออกไปจากที่ดิน และถ่ายโอนเงินทั้งโลกเข้ามาสู่มือเราด้วยระบบการเสี่ยงโชคหากำไร และมันจะทำให้พวกกอยยิมทั้งหลายล้วนแล้วแต่ต้องกลายเป็นคนชั้นต่ำในแต่ละชุมชน...”
“การต่อสู้แข่งขันเพื่อความวิเศษกว่ากันในทางเศรษฐกิจเช่นนี้นี่แหละ ย่อมจะสร้างชุมชนที่แล้งน้ำใจ เย็นชา และปราศจากหัวใจขึ้นมา ชุมชนเหล่านั้นจะหล่อเลี้ยงความเกลียดชังต่อชนชั้นที่สูงกว่า และกระทั่งต่อศาสนาอื่นใด ผู้นำทางอย่างเดียวของพวกเขาก็คือ ผลกำไร นั่นก็คือ ทองคำอันสามารถตอบสนองความยินดีปรีดาทางวัตถุให้กับเขาได้ กงล้อทุกอัน และเครื่องจักรของกลไกแห่งรัฐต่าง ๆ ล้วนแล้วแต่หมุนไปได้ด้วยเครื่องยนต์ซึ่งอยู่ในมือของเรา ซึ่งก็คือเจ้าแม่แห่งทองคำนั่นเอง พระผู้เป็นเจ้าทรงประทานอัจฉริยภาพให้เรา ถ้ามีคนเป็นอัจฉริยะอยู่ในฝ่ายตรงกันข้ามแม้นว่ามันคิดจะสู้กับเรา แต่คนมาใหม่น่ะหรือจะสู้กับคนที่ตั้งรกรากมาแล้วเก่าแก่
ศาสตร์แห่งเศรษฐกิจการเมืองซึ่งนักปราชญ์อาวุโสของเราได้ประดิษฐ์มานานแล้ว มือหนึ่งซึ่งมองไม่เห็นในทุก ๆ ส่วนของโลกนี่แหละ ที่จะให้พลังทางการเมืองที่เป็นอิสระแก่เงินทุน การค้า อุตสาหกรรม อำนาจในการที่จะใช้กิเลสตัณหาของพวกเขาระเบิดออกมาเป็นเปลวไฟ ครั้นแล้ว ก็จะถึงเวลาที่พวกชนชั้นต่ำเหล่านี้จะเดินตามการนำทางของเราไปต่อสู้กับอำนาจที่เป็นคู่แข่งขันของเรามิใช่เพื่อการบรรลุถึงสิ่งที่ดีงาม หรือแม้กระทั่งในท้ายที่สุดก็มิใช่เพื่อทรัพย์สินเงินทองด้วยซ้ำ แต่เพราะความเกลียดชังที่มีต่อบรรดาชนชั้นสูงต่างหาก
เมื่อใดก็ตามที่ถึงเวลา ซึ่งเราได้สร้างวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจให้เกิดขึ้นทั่วโลก เมื่อนั้นเราจะโยนฝูงกรรมกรลงไปในท้องถนน ฝูงชนเหล่านี้จะวิ่งไปวิ่งมาอย่างยินดีปรีดา เพื่อที่จะหลั่งเลือดบรรดาผู้ที่เขาอิจฉาริษยามาตั้งแต่ยังนอนเปล และพวกที่เขาจะปล้นยึดทรัพย์กลับมาเป็นของเขาได้ ส่วนสมบัติของเราพวกเขาจะไม่แตะต้อง และไม่มีวันแตะต้องได้เลย เพราะเราย่อมรู้เวลาที่พวกเขาจะเข้าโจมตีเนื่องจากเป็นเวลาที่เราจะกำหนดเอาไว้ให้ และเราย่อมสามารถหามาตรการป้องกันเอาไว้ได้ก่อนล่วงหน้า”
“ทุกประเทศจะต้องจำไว้ในใจว่า ใครก็ตามที่พยายามทำข้อตกลงใด ๆ เพื่อต่อต้านอำนาจของเรานั้น จะไม่ได้ก่อให้เกิดผลกำไรแก่พวกมันเลย เรานั้นแข็งแกร่งเกินไปกว่าที่ใครจะต่อต้านได้ อำนาจของเราจะไม่มีวันหายไป ชาติไหน ๆ ก็จะไม่มีวันทำความตกลงอะไรกันได้โดยที่เราไม่ได้มีส่วนร่วมอย่างลับ ๆ หรอก Per Me reges regnant กษัตริย์ของเราจะครองราชย์ได้ด้วยข้า”
>>975 ถ้าเรามองในเชิงการเชื่อมโยงของพลังงานระหว่างบุคคล การใช้เงินอาจเป็นเพียงตัวกลางที่เรานำมาใช้เพื่อขยายสนามพลังให้สามารถเข้าถึงจิตใจของอีกฝ่าย แต่ในทางทฤษฎีของพลังงานเชิงบวก-ลบ การเข้าหาของคนหนึ่งโดยผ่านสื่อวัตถุไม่ใช่การสะท้อนที่แท้จริงของพลังงานระหว่างบุคคล เงินอาจแค่เป็นคลื่นที่ทำให้สนามพลังงานสั่นไหวในชั้นผิวของมิติที่หนึ่ง แต่ความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนอาจต้องการการเข้าถึงในระดับที่ลึกกว่า คล้ายการทะลุผ่านชั้นบรรยากาศของความรู้สึกอย่างไรก็ตาม การใช้เงินในกรณีนี้อาจเป็นการเร่งฟลักซ์ของความสัมพันธ์ ทำให้เกิดการขยับใกล้เข้าหากันในอัตราที่เร็วกว่าปกติ แต่มันก็เป็นเพียงพลังงานชั่วคราวที่เสื่อมสภาพตามกาลเวลา หากปราศจากการสร้างสนามพลังที่สมดุลในเชิงความเข้าใจและอารมณ์ การใช้เงินอย่างเดียวอาจไม่ได้ทำให้เกิดการเชื่อมต่อที่แท้จริงในมิติที่ซ้อนกันอยู่ภายในจิตใจของแต่ละบุคคล
อยากถามความเห็นของแต่ละคน
มันจำเป็นมั้ยถ้าอยากเข้าหาใครหรืออยากสนิทกับใคร
ต้องใช้เงินเพื่อเข้าถึงคนนั้นได้
เราไม่ได้พาดพิงใครนะ รู้สึกตัวเองสถานะปานกลางแต่แบกรับค่าใช้จ่ายที่รายจ่ายมากกว่ารายได้ไม่ไหวครับ
.
.
.
.
ช่วง 1เดือนที่ผ่านมากับรักแรกที่เจ็บปวด
โดยรวมตอนนี้ไม่รู้ว่านับว่ามูฟได้มั้ย เราไม่ได้รู้สึกอะไรกับอีกฝ่ายแล้ว ไม่รู้สึกเสียดาย หรือโกรธแค้นกับสิ่งที่เขาทำกับเรา เรารู้สึกนิ่งมากขึ้นกว่าเดิม ยิ่งนึกถึงคนที่อยู่ข้างเราซัพพอร์ตเรา ให้กำลังใจเรา เราเองก็ดีใจนะคะที่ยังมีทุกคนอยู่
.
ช่วงนั้นเราโพสบ่นเยอะมากด้วย อยากจะขออภัยที่บ่นเยอะนะครับ แล้วก็อยากขอบคุณทุกคนที่เข้ามาให้กำลังใจหรือเข้ามาให้คำแนะนำและรับฟังเรา เราเองอาจยังไม่เข้าใจการรักตัวเองมากว่าตอนนี้เรารักตัวเองรึยัง แต่เราจะรักตัวเองให้มากขึ้นเพราะตัวเราก็เป็นคนสำคัญคนนึงครับ
.
ขอบคุณทุกคนที่อยู่ข้างกันเสมอนะครับ🙏
ถ้าจะเทียบราคารถยนต์ไฟฟ้าในไทยว่าต่างจากต่างประเทศยังไง ต้องเทียบกับรถยนต์พวงมาลัยขวาในต่างประเทศเท่านั้น
การเทียบราคาในจีน ทำได้แค่ดูว่าเค้าวางราคาระดับรถรุ่นไหน ไม่ใช่ว่าจะขายราคาไหน แล้วบวกเท่าไหร่ แบบนี้ #คิดน้อยไปหน่อย
เหนื่อยว่ะ เป็นสัปดาห์ที่แบบ เหนื่อยสัดๆๆ ทำไมต้องมาเจอคนเหี้ยทำเหี้ยใส่แบบนี้ด้วยวะ
กูเป็นโรคแบบ กลัวคนอื่นมองว่ากูไม่สวย ดูไม่ดี ดูไม่เฟรนลี่เป็นคนแปลก หรือชวนคนคุย ยิ้มให้ใครแล้วเขาไม่มีท่าทางตอบรับกลับ แล้วหลังๆมันเริ่มกระทบต่อชีวิตประจำวัน กุเริ่มติดนิสัยสังเกตท่าทางน้ำเสียงของผู้สนทนาด้วย แล้วก็ไม่กล้าพูดดังๆในที่สาธารณะ แล้วในใจกุมันรู้สึกแปลกๆอะ เหมือนความรู้สึกมันไม่คอมพลีส กูควรไปพบแพทย์ไหม😭
>>983 เมิงเป็นโรคอ่อนแอทางกายและจิตใจ
หัดออกกำลังกาย ก็จะหายเอง
อย่างกุโกนผม หัวเกรียนเบอร์ 1.7 ก็ไม่ต้องแคร์ใคร คนก็ขำ ตลก หัวเราะแล้วไง มันก็แค่ไม่มีผม
ร่างกายกุแข็งแรง ก็ไม่ต้องกลัวใคร
ตอนนี้กุวิ่ง 5 กิโล กินเวย์ เพื่อให้ต้วเองแข็งแกร่งขึ้น เมิงต้องเริ่มตั้งแต่โกนผม ตัวเองแบบกุก่อน
มันจะเรียกความมั่นใจได้ โกนผมด้วยตนเอง
ถ้าเมิงไม่กล้า เมิงต้องอยู่กับควาทหวาดกลัวไปตลอดชีวิตนั้นละ
ถ้ามีปัญหาทางจิต ให้ลองออกกำลังกายดูก่อน สุขภาพกายดี จิตก็ดี
ผญ ส่วนใหญ่90% ออกกำลังกายไม่เป็น ไม่เคยเรียนกีฬา พื้นฐาน แบทมินตัน ปิงปอง ว่ายน้ำ
สมัยนี้ต้อง พิลาทิส ปะวะ
โรคระบาด ตามมาด้วย เศรษฐกิจ ล้มและจากนั้นก็ปิดท้ายด้วย สงคราม เสมอ สูตรสำเร็จตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 1
>>990 ขออนุญาติตอบนะ ส่วนตัวเล่นกีฬาพื้นฐานที่กล่าวมา และอื่นๆ ต่อให้สภาพร่างกายเราจะดีแค่ไหน
แต่เรื่องความวิตกกังวลกูคิดว่ามันเป็นธรรมชาติของมนุษย์อะ ยิ่งช่วงวัยรุ่น อาจจะเป็นเพราะฮอร์โมน เราแค่ต้องรู้จักที่จะควบคุมอารมณ์หรือความรู้สึกประหม่า ต้องไปแก้ไขที่ความรู้สึกล่ะมั้ง
เพื่อนโม่งมีใครกินยาตัว sertraline 50 mg มั้ย คือกูน้ำหนักเพิ่มตลอดเลย กูกินมา 6-7 ปี จากกูหนักประมาณ 50 ตอนนี้หนัก 70
กูพยายามออกกำลังกายบ้างและลดกินของจุกจิกไปบ้าง แต่ไม่มีท่าทีจะลดเลย มันเป็นที่ตัวยาที่ทำให้น้ำหนักเพิ่มใช่มั้ย กูเครียด 😢😢
999 ต่อติดตาย
1000 ปิดมู้
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.