Last posted
Total of 1000 posts
>>809 อยากให้ถึงตอนที่ตัวเองแก่ การการุณยฆาตถูกกฎหมาย จะได้วางแผนการเงินให้พอดีๆ และเลือกตายในตอนที่ยังช่วยตัวเองได้อยู่ ไม่รอให้หมดสภาพจนเป็นภาระสังคม ถ้ามีเงินเหลือพอก็จะเอาไปทำอะไรที่อยากทำ หากคนเราวางแผนการตายได้ เราก็จะไม่ต้องกลัวทั้งเคส "แสนเสียดายตายตั้งแต่เงินยังไม่หมด" กับ "แสนสลดเงินหมดแต่ยังไม่ตาย"
กูไม่รู้ที่กูเป็นเมื่อตอนเด็กๆเป็นอาการทางจิตหรือเปล่า หรืออาการทางจิตชนิดไหน
ตอนกูม.2 กูมีลูกพี่ลูกน้องที่พ่อแม่แยกทางกันแล้วทิ้งให้บ้านกูเลี้ยง ตอนนั้นมันอยู่ป.3 ที่บ้านกูไม่ลำเอียงนะ ต่อให้มีมันเข้ามาอยู่ด้วย มีอะไรก็ให้เท่ากัน กินอะไรก็เหมือนกัน กูไม่รู้สึกน้อยใจที่บ้านเพราะมันเลยเพราะไม่มีอะไรให้น้อยใจ แล้วกูก็ชอบมันนะเพราะตอนที่มันเข้ามามันดูเจียมเนื้อเจียมตัวไม่แตะต้องไม่รื้อข้าวรื้อของ เวลากูไปเล่นข้างนอกก็จะเดินตามต้อยๆเวลากูซื้อขนมในร้านก็แค่เดินตามเฉยๆไม่ได้ขอให้กูซื้ออะไรให้ แต่กูเคยซื้อขนมฝืดๆคอที่แถมลูกโป่งให้ นางก็จะเล่นลูกโป่งอันนั้นทั้งวัน กูเลยแอบเจาะลูกโป่งตอนที่นางอาบน้ำ เดินออกมาคือร้องไห้จ้า กูรู้สึกสงสารนะแต่ก็ชอบความรู้สึกแบบนั้น แล้วทุกวันหยุดเวลาพ่อแม่กูไปทำงานกูต้องอยู่กับนาง2คน กูจะต้องตักข้าวให้กินกูจะผสมทุกอย่างในจานเหมือนข้าวหมาให้กิน กูสงสารที่มันกินข้าวแบบนั้นจนหัวใจกูเจ็บเลย แต่กูก็ชอบความรู้สึกแบบนี้ก็เลยทำ แล้วทุกวันเสาร์พ่อกับแม่จะไปบ้านปู่ไปค้างคืนนึง กูก็จะไล่มันมานอนข้างล่าง พอสัปดาห์ถัดไปกูกำลังจะไล่มัน แต่มันก็เดินลงไปเองตอนที่พ่อขับรถออกไป ก่อนกูจะนอนกูแอบลงไปข้างล่างเห็นมันเปิดทีวีไว้แล้วนอนหันหน้าเข้าพนักพิงแล้วร้องจนตัวสั่น ตอนนั้นกูก็ร้องออกมาเหมือนกันเพราะสงสารมากๆ แต่ก็ยังทำแบบนี้เพราะกูชอบความรู้สึกที่สงสารจนหัวใจเจ็บแบบแปลกๆ กูทำแบบนี้จนถึงม.4 กูไปเรียนต่างจังหวัด กูกลับมาอีกทีตอนม.5 กูไม่ค่อยยุ่งกับนางนะ แต่นางก็ยังยิ้มแล้วเข้ามาคุยนั่นคุยนี่ แล้วตอนกินข้าวด้วยกันนางจะตักแกงทุกอย่างใส่ในจานแล้วกิน ปีนึงกูกลับบ้านทีนึงก็เห็นนางกินแบบนี้ตลอดจนกูแอบถามแม่ว่านางกินแบบนี้ตลอดหรอ แล้วแม่บอกว่าใช่ด้วย แม่คิดว่าอาจจะเป็นรสนิยมของนาง แล้วพอถึงวันเกิดนาง พ่อแม่ชอบถามว่าอยากได้อะไร นางก็ขอแค่ลูกโป่ง พ่อแม่กูซื้อให้นางทุกปี จนเป็นสาวแล้วก็ยังจะเอาลูกโป่ง แต่อัปเกรดจากเดิมหน่อยเอาลูกโป่งแบบตัวเลข
เคยเจอแบบยัยผมทองเหมือนกัน แต่เสริมหน่อยว่าดีกว่า(แบบแปลกๆแตกต่าง)ตรง..ผมมีเอกลักษณ์กว่าที่ค่อนข้างมืดมน
.
ผมสมัยเรียนปีแรกๆมองโลกแง่ร้าย ยิ้มบ่อยแต่เหมือนเสเเสร้งปนเหยียดและประชดเรียกว่าวอนตีนล้วนๆ แต่แปลกดีที่ไม่มีคนเกลียด การใช้บวกปรับสายตา(การขยัยกล้ามเนื้อรูปหนังตากับคิ้ว)เพื่อแสดงออกนี่ถ้าดูจากกระจกยังอึกเองเลยว่าตัวเองกำลังคิดไรอยู่ก็ไม่รู้ แถมทั้งหมดถูกจดจำมีแต่คนเป็นมิตรมาอยู่รอบตัวซึ่งทำสงสัยตัวเองมีดีอะไรนะถึงมีแต่คนคอยพยุงตลอดเวลา ตัวผมจะต่าง(กับตัวละครข้างบน)ที่ตรงไม่ค่อยเจอสายตื้อที่อยากเป็นเพื่อนแบบยันทอมในเรื่องแหะ ...
.
อ๊ะ!ใช่ว่าจะไม่เคยเจอนะ ผมเจอแค่ครั้งเดียวตอนปีหนึ่งเป็นหนุ่มหล่อขี้สงสัยจากคณะครุศาสตร์(ที่จ้วงหัวว่าแม่งตื้นเขินน่ารำคาญชะมัดแต่ก็ไม่เกลียด) และดูเหมือนผมจะถูกตีตัวออกห่างเองในหนึ่งวันแห่งความพยายามของเจ้าหมอนั่นซึ่งวันนั้นฝนตกซะด้วย ผมก็ไม่เห็นเจ้านั้นอยู่หลายปี.... ตื้นชะมัดเลยนะ ทั้งที่ทางนี้อุตสาห์เปิดหัวข้ออภิปรัชญา เช่น ความหมดศรัทธาว่ามนุษย์เป็นสัตว์ผู้มีเหตุผลหลังผ่านยุคโพสโมเดิร์น กับแนะนำหนังสือโลกของโซฟี่และนักปรัชญารุ่นเดอะ ต่างๆแท้ๆ การเมืองนู่นนี่ ความเป็นจริงและสิ่งที่ต้องจ่ายแม้จะทำตัวเมินเฉยในนาม "เป็นกลาง" ที่อ้างๆ กันของคนกลุ่มหนึ่งว่าตามจริงการอยู่เฉยก็มีราคาที่ต้องจ่ายเช่นเดียวกัน ....... ผมพูดแต่เรื่องเครียดรึไงไอ้บ้านั้นเลยหนี เฮ้อ น่าขยะแขยงชะมัด
คนไทยอยากบินได้ มีแล้วสบายใจนั่นละ
เครื่องยึดเหนี่ยว จิตใจ ไม่เหมือนกัน ส่วนของกู คือ ความโมเอะ
กุว่ากุชอบแร้ วะ เหมือนที่ ไอคิระ มันคลั่งไคล้มือ
https://www.youtube.com/watch?v=Yj05QE6Tm9U&t=235s
กุรู้สึกว่าความรักที่กุมีกับผู้หญิง มันเป็นของปลอม แต่ กับ แร้ของผญ มันเป็นของจริง
ไม่เข้าใจตัวเองเหมือกัน ทำไมหัวใจ โดกิ โดกิ เวลาที่เห็นแร้ แต่รู้สึกเศร้าเวลาที่เห็นเธอ
เมื่อคืนกูฝันว่าโดนเพื่อนผญ ไซร้คอ(กูก็ผู้หญิง) แล้วตื่นมาเงี่ยNจริงๆ
กูไม่รู้ว่าจะจัดการความรู้สึกตัวเองยังไงดีว่ะ ตอนนี้เหมือนกูใช้ชีวิตแบบอยู่ไปวันๆ รู้สึกอิจฉาคนที่จากไปก่อนมาก เวลาได้ข่าวว่ามีใครจากไป กูได้แต่ถามตัวเองว่าเมื่อไหร่จะถึงคิวกูซะที แต่เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นก็ต้องทำตัวเหมือนปกติ ในใจกูคิดไปเป็นพัน แต่สามารถแสดงออกมาได้แค่สิบ กูอยากบอกคนใกล้ตัวนะแต่ขณะเดียวกันกูก็รู้สึกว่าไม่อยากให้เรื่องของกูไปเป็นภาระให้คนอื่นอีก ใครๆ เค้าก็มีปัญหาของตัวเองอยู่แล้ว กูไม่อยากให้คนอื่นมากลุ้มกะเรื่องของกูไปด้วย ตอนนี้กูได้แต่บอกตัวเองอดทนไว้ๆ กูไม่เป็นอะไร กูยังไหว แต่กูก็เริ่มคิดบ่อยขึ้นแล้วว่าจะหาทางไปยังไงให้เดือดร้อนคนข้างหลังน้อยที่สุด
>>803 พวกจิตเวชมีสิ่งนึงที่เหมือนกันคือมันไม่มีค่าในตัวของมันเองมันลยพึ่งพิงสิ่งภายนอก หากไร้สิ่งพึ่งพิงพวกนี้มันก็จะคิดสั้น
กุเคยเห็นคนที่ก่อนเขาจะคิดสั้นร้องเพลงหมดความหมายอยู่คลิปนั้นค่อนข้างดังคนดู500,000
เพราะคนนี้มันอัดเพลงนี้เป็นเพลงสุดท้ายของชีวิต
และอยู่กับโลกจอมปลอมไม่ยอมรับความจริง
เพราะเมื่อไรที่มันยอมรับความจริงในตัวของมันเอง ก็เป็นเวลาที่พวกนั้นไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว
>>819 กูก็อยู่ไปวันๆเหมือนกัน ชีวิตก็ทำผิดพลาดอะไรมาเยอะตอนนี้ก็อยู่ไปวันๆเพราะแม่แค่นัั้น ตอนนี้ก็กันเงินไว้ส่วนนึงเผื่อไว้ตอนที่พ่อแม่ไปแล้ว
คิดว่ากุคงไปโดดน้ำที่ไหนสักที่ไม่ราม7ก็8 เงินก้อนที่กันไว้ก็คิดว่าเอาไว้ใช้จัดงานง่ายๆวันเดียวเผาไปเลยถ้าญาติเขาคิดจะจัดงาน
เมื่อไม่นานมานี้กุป่วยหนักมากๆจนต้องเข้ารพ. ซึ่งก่อนหน้านั้นกุบอกกลุ่มเพื่อนสนิทแล้วว่ากุไม่สบายแต่มันก็ไม่ได้concernขนาดนั้น จนรู้ว่ากุเข้ารพ.ถึงทักมาถามเรื่องรายละเอียด(แต่ช่วงที่กุทักไปคือป่วยหนักมากๆแล้ว) ในขณะเดียวกันพ่อแม่ก็เป็นคนที่มาเฝ้ากุระหว่างนอนรพ.สองวันจนออกมา แล้วเพื่อน(ที่ไท่ใช่เพื่อนสนิท)ถามว่ากุไม่กลับบ้านเหรอ พ่อแม่ไม่เป็นห่วงว่ามึงทรุดเหรอ คำถามมันเหมือนมาจี้ปมกุ
ในขณะที่กุไม่ได้มีคสพ.ที่ดีกับพ่อแม่กุมาก อาจจะต้องเกริ่นสักนิดว่าพ่อแม่ในที่นี่หมายถึงพ่อแม่บุญธรรมที่คสพ.ลุ่มๆดอนๆ และเขาก็มีลูกชายแท้ๆอยู่แล้ว แต่ก็ยังแสดงความเป็นห่วงกุในระดับนึงถึงจะไม่ได้มากเท่าบ้านที่อบอุ่นสัดหมา และเพื่อนสนิทที่กุคิดว่ากุสนิทด้วยมากๆก็ไม่ได้อยู่ข้างเราขนาดนั้น แล้วกุก็มานั่งคิดว่าแล้วที่อยู่ของกุคือตรงไหนวะ ถ้าจะครอบครัวก็ไม่มี หรือจะเพื่อนก็ยังไม่มีเหมือนกัน กุเป็นasexualที่ไม่อยากมีแฟน เคยพยายามคบก็เป็นกุที่ขอบอกลากับคสพ.ก่อน
พอมีเรื่องนี้เลยทำให้คิดได้ว่าคนที่เราคิดว่าสนิทกันสุดท้ายก็แค่คนรอบข้างนี่ ช่วงที่ถ้าแค่มันถามหรือแสดงความเป็นห่วงที่กระตือรือร้นออกมาหน่อยก็คงรู้สึกดีกว่านี้ เลยทำให้รู้สึกว่าตัวเองเป็นมนุษย์ที่ห่วยแตกเป็นบ้า ไม่มีอะไรสักอย่าง เป็นที่หนึ่งสำหรับใครากคนก็ไม่ได้ แล้วก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ไปทำไม แต่ก็ไม่ได้อยากตาย ไม่ชอบเจ็บตัวด้วย ทำได้แค่ใช้ชีวิตไปวันๆเท่านั้นแหละ
>>825 เมิงยังดีนะ เทียบกับคนที่มีเพื่อนมากมายแล้วพยายามขอให้คนอื่นเห็นค่าในตัวเอง แต่ก็ปฏิเสธความหวังดีของคนรอบข้าง และมาบอกว่าตัวเองไม่อยากอยู่โลกนี้แล้วเพราะ ปาร์ตี้กินเหล้าสูบยา แถมยังบอกตัวเองเป็นนอนไบนารีอีก.
.
ที่1ในที่นี้คืออะไร คนชอบ? ความสำคัญกับคนอื่น อย่าเป็นภาระของคนอื่นก็พอแล้ว
คนเราต่อให้ห่วยแตกขนาดไหนมันก็ต้องมีเรื่องที่ทำได้ดีที่1 สักเรื่อง
อย่างกุถ้าโลกนี้คือเกม กุต้องชนะ!
เข้าเรื่องละกันมีวิธีรักษาเมิงอยู่เลี้ยงแมวเพิ่งคลอดสักตัว สำหรับมันในโลกนี้มันจะมีแค่เมิงคนเดียว ไม่มีใครอื่น และทำหมันแมวด้วยละ
แค่นั้นเมิงก็ที่1แล้ว
ชีวิตคนอินโทรเวิร์ตที่มีลูกมา 5 ปีในคอนโด 1 ห้องนอน ค้นพบว่าการที่ไม่มีใครอยู่ในบ้านแล้วเราเปิดทีวีเลือกหนังซักเรื่องอะไรก็ได้เอาไว้เป็นแบล็คกราว ถอดเสื้อผ้าออกหมดเปลือยกายทำนู่นทำนี่ในบ้าน จบด้วยโดดขึ้นที่นอนสาวหนอนแบบไม่เร่งรีบ หาคลิปที่ใช่ โดจินที่ชอบ ไม่ใช่เร่งๆชักให้เสร็จๆไป ถึงจะเป็นเวลาสั้นๆแค่ 2 ชม. (ลูกไปเรียนพิเศษแล้ววันนั้นแฟนกูบอกว่าจะไปดูลูกเอง ให้กูอยู่ตากผ้า ทำความสะอาดห้องแล้วตามไป) แต่แม่งฟินชิบหาย โหยหาช่วงเวลาแบบนี้เหี้ยๆ คือสมัยก่อนเรื่องแบบนี้เราทำกันเป็นเรื่องปกติไง เห้อออออ อยากมีช่วงเวลาแบบนี้บ่อยๆจัง อาทิตย์ละครั้งก็ยังดี
กปรึกษาห้องนี้ได้ไหมนะ กุค่อนข้างเครียด
คือขอเกริ่นก่อนว่าหุ😭อยู่ในช่วงมหาลัย ตอนนี้ปี4ขึ้น5เรียนเกินปีนึงเพราะกุดรอปไปเทอมนึงกับตารางสอนชนจนหาวิชาลงไม่ได้
ค่าเทอมทั้งหมดกุเป็นคนรับผิดชอบเองไม่เคยให้พ่อแม่จ่ายเพราะบ้านจนไม่มีใครซัพกุได้
คือก่อนเข้ามหาลัยกุก็ไม่ได้มีความชอบพิเศษเลยเลือกมหาลัยสีแดงเหลืองใกล้ ๆ บ้านไปจะได้เดินทางสะดวก +ช่วงโควิดกุเลยไม่มีเพื่อนในมหาลัยเลย จริง ๆ ก็ไม่อยากเริ่มคุยชวนเมคเฟรนด์ด้วยเลยกลายเป็นว่ากุไม่เข้าหาใครไม่มีใครเข้าหา ตอนแรกมันก็โอเคอยู่แต่เรียนไปช่วงปีสองกุเริ่มรู้สึกโคตรไม่ใช่กุไม่ได้ชอบตรงนี้แล้วกุก็เกรดตก แล้วช่วงนึงที่แมวที่กุเลี้ยงตายตอนสอบ กุพามันไปหาหมอทุกวันช่วงเช้าเรียนออนไลน์ก็ฟังไม่เข้าใจ ไป ๆ มา ๆ มันเลยแย่หนัก แถมค่าใช้จ่ายที่กุเก็บไว้เป็นทุนสำรองค่าครองชีพก็หมดไปกับนั่นค่อนข้างเยอะจนกุจะไม่ไหวแล้วพอแมวตายแล้วกุก็เคว้งไปเลย กุไม่ไปสอบประมาณสามวิชา + ทะเลาะกับที่บ้าน ปล่อยติดเอฟไปเทอมนั้นจนเกรดดิ่ง ละทีนี้ช่วงปี3ที่บ้านมีปัญหาเกิดอุบัติเหตุต้องชดใช้ให้ฝ่ายตรงข้ามอีกกุก็เอาเงินเก็บไปช่วยต่อที่บ้านชอบขอเงินกุ ถ้าไม่ให้กุก็จะโดนพูดแบบครอบครัวทำไมไม่ช่วยกัน กุพยามใจแข็งแล้วแต่สุดท้ายก็กลายเป็นกุช่วยทุกอย่างอยู่ดี กุเลยไม่มีเงินสำรองจ่ายค่าเทอมพอที่กุจะอยู่ในช่วงปี5 ขึ้นปี4กุเลยพยามหาคนเซ็นกยศ.ให้จากที่มันปรับใหม่ไม่ต้องใช้คนค้ำแล้วเลยมีคนมาเซ็นให้จนรอดมา1ปี แต่เงินที่กุกะจะเก็บสำรองไปเตรียมปี5 ก็เก็บไม่อยู่เพราะไอแพดเมนบอร์ดเสียบ้าง โทรศัพท์แบตระเบิดบ้าง แม่กุเข้าโรงพยาบาลบ้าง พอเรียนแล้วตารางสอนมันเต็มเกือบทุกวันกุก็ไม่มีเวลาหาเงินเท่าไหร่ พาร์ทไทม์แถวบ้านก็ไม่มี หอก็ไม่ได้อยู่ ถึงจะบอกมหาลัยใกล้บ้านแต่ไปกลับก็แถว ๆ 35 นาที ปกติกุทำกราฟฟิกดีไซน์กับวาดรูปรับคอมมิชไป แล้วบางทีก็ขายหนังสือตามงานอีเว้นเก็บเงิน ภาษาญี่ปุ่นได้n3 แต่ฟัง/พูดกุพาร์ทฟังลองข้อสองn1ได้เต็มบ่อยอยู่จากที่ลองทำโจทย์ แต่ยังไม่ได้ลองสอบเพราะไม่ว่าง แต่เงินที่กุหาได้ก็ไม่ค่อยพอ แต่พอดูกับคนรอบตัวกุที่ทุกคนดูมีอะไรแล้วในชีวิต กับกุที่แค่ปัญหาส่วนตัวก็ยังเคลียร์ไม่จบไม่สิ้น วาดรูปเพื่อนที่สนิทกันก็ทำเป็นฟูลไทม์จนกุเริ่มรู้สึกกุกระจอกมากที่พัฒนาไม่ได้เร็วแล้วได้มากกว่านี้ อะไรก็ไม่สุดสักทาง แถมจบไปเกรดแถว ๆ 2.5 (ไม่ใช่คณะภาษา) กุก็ไม่มั่นใจเลยว่าจะมีงานทำมั้ย ค่าเทอมเทอมหน้าก็ไม่รู้จะมีจ่ายหรือเปล่าถ้ากยศ.เกินหลักสูตรไม่ผ่าน พ่อแม่ก็ช่วยอะไรกุไม่ได้ มันทำกุดาวน์จนไม่ยากใช้ชีวิตอยู่เลยตอนนี้ มันสะสมมาตั้งแต่ปีสองคุยกับใครก็ไม่ได้ กุไม่รู้ว่ากุควรทำอะไรต่อไปด้วย กุเหนื่อยจัง🥲
+กุทำพลาดไปเยอะมาก หมายถึงรู้สึกเป็นภาระสังคมกับอาจารย์และบุคลากรในมหาวิทยาลัย คือมีครั้งนึงช่วงส่งวิจัยกุฆตต.แต่ไม่ตายจนอาจารย์ต้องมาตามทวงงานกุในแชท แต่วิจัยกุก็ทำต่อไม่ค่อยไหวตอนนั้นหัวมันตื้อไปหมด กุก็เลยโกหกว่าป่วยไปแต่กุก็ไม่กล้าบอกเพราะรู้สึกผิดที่สร้างภาระให้เขาที่ต้องมาทวงงาน เพราะเขาใจดีมากแต่ตอนนั้นกุไม่ไหวแล้วจริง ๆ กุรู้สึกผิดยันทุกวันนี้ เขาเป็นที่ปรึกษากูด้วย เขาใจดีมาก ๆ ตอนกุไม่ไปสอบสามวิชาเขาก็ส่งจดหมายมาที่บ้านพร้อมพวกสมุดสติ๊กเกอร์ว่ารอกุกลับไปเรียนอยู่นะ มันเลยทำให้กุรู้สึกผิดไม่กล้าสู้หน้าเขาเลยยันทุกวันนี้ รู้สึกเป็นภาระสังคม กุยกโทษให้ตัวเองที่เหลวแหลกขนาดนี้ไม่ได้ด้วย
กุรำคาญเพื่อนกุว่า มีเหียไรมาหาก็ให้กุเลี้ยง ชอบบอกเงินเดือนเมิงเยอะ ไอ้สัด กุก็เลี้ยงให้ พอมีปัญหาก็มายืมเงินกุไม่ให้ก็เอากุไปพูดในกลุ่มเพื่อนว่า กุมีตังแต่ไม่ช่วยมั้ง คบมา xx ปี
วันนี้กุไม่ไหวเลยเอาแชทที่แม่งขอยืมเงินมาสารพัด มาขอให้กุเลี้ยงไปแปะประจานแม่งให้กลุ่มเลย แม่งมีคนทักมาบอกมันก็เจอเหมือนกันแต่มันไม่ให้เลย กุยังใจดี มาวันนี้แม่งขาดกันไปละ หนี้กุ กุปล่อยแม่งละสบายใจ
>>833 >>834 กูก็ไม่ได้สนับสนุนให้ >>835 นะ แต่กูว่าของแบบนี้มึงปรึกษาจารย์มึงก็ได้
คืองี้ ปัญหาของคนแบบนี้(แบบมึง)คือ ชอบคิดว่าปัญหามีแบบนี้ กูจะทำงี้เพื่อแก้ปัญหา แต่จริงๆ การหาคนไว้ใจได้ที่ผ่านโลกมามากกว่าช่วยมันช่วยได้นะ
โอเค อาจจะไม่แก้ปัญหาให้มึงหรอก แต่มีทางออกอื่นๆ ไม่ต้องเชื่อกูก็ได้ แต่ถ้าขนาดตายก็จะลองมาแล้ว ลองอย่างอื่นบ้างจะเป็นไร
>>837 >>838 ตามนั้น ปัญหาของพวกเมิง คือ คิดมากเกินไป กังวลมากเกินไป
ถ้าไม่รู้ปรึกษาใครกุแนะนำchat gpt
https://chatgpt.com ใช้งานฟรีไม่เสียเงินสักบาท
แต่แย่หน่อยคือถามเรื่องผิดกฏหมาย เรื่องใต้สะดือ มันจะไม่ตอบ
กุเรียน 4.5 ปี จบ กุยังไม่ร้องจะเป็นจะตายเลย F 4 ตัวซ้ำซาก ตกวิชาเดิม2ครั้ง ด้วยมั้งของกู
ค่าเทอม 12,000 แต่กุจ่าย 6,000 ไม่รู้มหาลัย สีแดง ของเมิงนี่ใช่มหาลัย กราฟ เอกโปเนนเชียล หรือเปล่า
จริง เพื่อนกุ8ปีจบ ตอนนี้ก็ทำงานผ่อนบ้านผ่อนรถเหมือนคนทั่วไป แต่ก็เริ่มด้วยตำแหน่งจบใหม่ไม่ถึงสองหมื่น
ส่วนหัวหน้าสายงานกุ ซิ่ว1ที่ ไปที่ใหม่ก็8ปีจบเหมือนกัน เริ่มด้วยตำแหน่งจบใหม่แล้วก็ไต่ขึ้นมาเรื่อยๆ (พูดหลายรอบจนจำได้) พอมาทำงานคือไม่ดื่ม ไม่เที่ยว ทั้งชีวิตทุ่มเทให้งาน มาเช้ากลับดึก ไม่มีลูก เรียนปโท ยอมรับว่าเก่งจริงไม่ใช่เอาแต่สั่ง ลงมาทำ และกลับดึก ข้อเสียก็งานหนักถวายชีวิตให้งาน แต่ถ้ามันแลกกับการเติบโตก็ยอม
>>839 กุเรียนมอสีแดงเหลืองแถวรังสิตน่ะ ค่าครองชีพทะลุโลก ขอบคุณที่มาตอบนะ กุว่าจะพยามต่ออีกสักหน่อยถ้าหาไม่ได้จริง ๆ ก็อาจดรอปหางานเก็บเงินต่ออีกสักหน่อย เรื่องชูการ์หาคนเลี้ยงค่อนข้างยากสำหรับกูเลย กุคุยกับใครไม่เก่ง ไม่ชอบอยู่กับคนอื่นด้วยน่ะ ไม่รู้ลู่ทางด้วย
กุเครียดเพราะ5ปีจบก็ส่วนนึงปต่วิชาที่เรียนนี่แหละที่กุค่อนข้างเครียดเพราะไม่ใช่สายที่ถนัดเลย พอเหมือนฟิกซ์ว่าอีกปีนึงต้องจบแล้วกุก็ค่อนข้างเครียดล่วงหน้าว่าถ้ากุพลาดตัวไหนไปแม่งก็เลทอีก แบบนั้น
พวกมึงเคยเห็น anima หรือ animus ในฝันปะ รู้สึกยังไงกับมัน
ถ้าเราชอบคนๆนึงอายุ 20 แล้วเราก็มีอารมณ์กับรูปเขาตอนอายุ 15 ด้วยแบบนี้เป็นโรคใคร่เด็กไหม
ปลอบกูที มีคนเหนกูชากว่าว ;_;~
>>842 โรคมึงกำเริบรึเปล่า ลองไปคุยกับหมอไหม
>>843 เสี่ยงนะ แต่ถ้ายังไม่ได้จะไปลงมือกับเด็กจริงๆก็ยังไม่เข้าข่ายนะ ไม่ต้องทำไร ให้รู้ตัวเองไว้พอ
>>845 ใจเยนนะ เขินหน่อยแต่ไม่เปนไรหรอก เดี๋ยวมันก็ผ่านไป ชักมันก็เป็นวิธีที่ระบายความเง้นตามธรรมชาติอยู่แล้ว ถ้าคนที่เห็นไม่ใช่คนเหลี้ยเขาก็จะแกล้งทำเปนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มึงก็ควรจะทำแบบเดียวกัน แต่ถ้าเปนคนเหลี้ยก็ทนรับความอับอายระดับนึง แต่ถ้ามันคุกคามมากๆเขาสวนกลับได้ อย่าไปกลัวมาก มันเปนเรื่องที่ผู้ชายคนไหนๆก็ทำกัน
อ่อ ลืมถาม มึงชักในที่ส่วนตัวแล้วคนเข้ามาเห็นใช่ไหม เพราะถ้ามึงชักในที่สาธารณะกูจะสมน้ำหน้าซ้ำเติม
คนที่กูชอบมากๆเค้าให้ยืมเสื้อนอกคลุมขา กูขอเอามาซักก่อนคืน ถ้าวันนี้กูแอบดมจะโรคจิตมั้ย
น้องที่นั้งทำงานข้างกุแม่งชอบแต่งตัวค่อนข้างโป๊ ใส่กระโปรงสั้น เวลานั้งไขว่แม่งไหลขึ้นมาเห็นลึกเลย ทำกุไม่มีสมาธิทำงาน ยิ่งกุใส่แสล็คเห็นละแข็งยิ่งรัด คือกุเงี่ยนเลยละ
จะบอกก็ไม่กล้า เดี่ยวมองว่ากุบ้ากามอีก คนอื่นในทีมก็มีแต่ผู้หญิงไม่รู้จะไปบอกใคร หัวหน้าแม่งก็พึ่งเหียไรไม่ได้
วันนี้ซื้อขนมกับร้านเดิมประจำ เขาแถมให้
>>855 https://youtu.be/1WWarkf_mFU?si=YoJSLvz3R0jz5HKJ
คิดแบบอาจารย์แดง คือมึงต้องมองก้าวข้ามเรื่องกามไปให้ได้
ชอบคิดถึงเรื่องแย่ๆที่ตัวเองทำในวัยเด็ก อย่างเรื่องงอแงให้พ่อแม่ซื้อของให้ รู้สึกว่าไม่ควรโตมาจนถึงวันนี้ ไม่ควรได้รับอะไรดีๆจากใครเลย เกลียดตัวเอง ไม่ชอบตัวเอง สงสัยว่าทุกๆคนไม่เคยมีวัยเด็กที่นิสัยไม่ดีบ้างหรอ ทำไมมองว่าเพราะตอนนั้นเราเด็ก ไม่รู้เรื่องได้ง่ายจัง หรือเป็นกูเองที่ผิดปกติกันนะ
>>860 ตอนเด็กกูนิสัยดี 555 ล้อเล่น แต่ก็ดีกว่าค่าเฉลี่ยอ่ะนะ รู้สึกแย่แค่โดนรังแกบ่อยๆ
กะช่วยนกที่คนรุมตื้บไม่ทัน แต่ทั่วๆ ไป กูก็ไม่อ้อนของ ไม่ตีเพื่อนล่ะนะ อ่า แต่กูปากเสีย
จริงๆ กูอาจจะเลวกว่าที่กูคิดก็ได้ แต่กูไม่รู้ไง สมัยเด็กกูโดนบ่นแค่ขี้หวงกะกวนตีนอ่ะ (เอ้าก็กูรักของกู)
กูชอบเดี่ยวไมโครโฟนให้ตัวเองฟัง ปกติดีไหม
กูโง่ไปหาดูคลิปสนัฟฟิล์มเรื่องนึง จนตอนนี้กูเอาภาพออกจากหัวไม่ได้ ได้ยินเสียงไรก็ระแวงมันทุกอย่าง เป็นมาหลายวันละตั้งแต่ดูคลิปนั้น กูควรทำยังไงดี
กูเป็นคนทนแรงกดดันไม่ไหว เวลาเจองานพรีหรือสอบกูจะเครียดมากจนคิดอะไรไม่ออก มือสั่น กูต้องพูดกับตนเองตลอดเหมือนสะกดจิตตัวเอง จนเพื่อนรำคาญ ล่าสุดกูอ่านหนังสือหนักมากแต่เข้าห้องสอบแล้วกูคิดอะไรไม่ออกทั่งที่กูเคยทำมาแล้วผลออกมาคือกูไม่ผ่าน ตอนนี้แค่กูจับหนังสือก็อึดอัด อยากหนีไปไกลๆ ไม่อยากไปมหาลัย กูอยากไปหาจิตแพทย์แต่ไม่อยากให้ที่บ้านรู้ เพราะบ้านกูหัวโบราณไม่ใช่เซฟโซนเท่าไร มีคนเคยบอกว่าให้กูคิดแต่เรื่องดีๆ แต่กูมีนิสัยทนแรงกดดันไม่ไหวสิ่งที่กูทำมาล้มไม่เป็นท่า สุดท้ายกูคิดเรื่องดีๆไม่ออก ตอนนี้กูควรทำยังไงดี
>>866 กุก็เหมือนเมิงนั่นละ แต่กุไม่ต้องพบจิตแพทย์ กุไม่อ่านหนังสือ แต่เล่นเกม สอบตกก็สอบใหม่โลกนี้ไม่มีอะไรยาก พรีเซนต์ เมิงก็อ่านไปเรื่อยๆ ไม่ต้องสนใจคนรอบข้าง ไม่ว่าเขาจะหัวเราะหรืออะไร ก็ตาม เมิงต้องสื่อสารให้อาจารย์รู้เรื่องคนเดียว
แรงกดดันถ้ามันถาโถมมา เมิงก็กลืนกินมันซะ
ไม่มีอะไรในโลกนี้สะกดข่มเมิงได้ ไม่ว่าจะความรักความโกรธความกลัว ความมืด
ไม่ได้ผิดที่เมิงจะอ่อนแอ
ชีวิตนี้กุไม่เคยคิดแต่เรื่องดีๆกุคิดสถานการณ์เลวร้ายสุดไว้ตลอด ต้องมีแผน2แผน3แผน4แผน5
ส่วนกุอยากไปมหาลัยเพราะเจอเพื่อนวะ แทงสนุกตีดอท ส่องสาว ไม่ได้ไปเน้นเรียนเลย
เอาสังคมก่อน มันก็แค่ปริญญาโง่ๆ
กุโดนคนเกลียดทั้งโม่ง กุไม่รู้สึกกดดันอะไรเลย
เพราะกุเหนือกว่าพวกมันหมด
ว่าแต่เรื่องเรียนมันต้องปรึกษาที่บ้านอะไรวะ
กุไม่เห็นจะต้องปรึกษา
>>867 ตามนั้นการหนีไม่ช่วยอะไรเผชิญหน้ากับมันซะ ถ้ามันออกมาห่วยออกมาแย่ก็ไม่เป็นไร
ช่างมันครั้งหน้าเอาใหม่
ไม่ต้องเก่งต้องฉลาดก็ได้เรียนซ้ำชั้นก็ไม่เป็นไร
เอาจริงกุก็หัวช้านะ น้องกุฉลาดอ่านหนังสือ10นาทีเข้าใจหมด กุใช้เวลา1ชั่วโมง
ถึงจะเข้าใจแบบลวกๆ คะแนนพอๆกับน้องกุ
แต่กุไม่เคยคิดว่าด้อยกว่ามัน
เมิงต้องมีสิ่งที่เมิงทำได้ดีสักเรื่อง ไม่ว่าเมิงจะห่วยขนาดไหนก็ตาม ไอดอลที่กุชื่นชอบเขาว่าไว้ยังงั้น
>>867 ขอบใจมึงมาก กูพยายามหาสิ่งที่กูทำได้ดีอยู่ กูมืดแปดด้านมากแต่กูจะลองหาต่อไป
>>869 กูโดนคนด่าเป็นภาระประจำ ตอนนี้กูพยายามช่างมันแล้วพยายามอ่านหนังสือต่อถึงมันจะฝืนใจมาก ส่วนมหาลัยกูไม่ได้เกลียดหรอก แค่นึกอะไรเกี่ยวกับสอบกูรู้สึกไม่ดีเฉยๆ ส่วนพรีกูพยายามลองฝึกพรีดู
>>870 คำว่าเอาใหม่ไม่ค่อยมีใครพูดกับกูเท่าไร ส่วนใหญ่โดยด่ามากกว่า5555 ชอบทัศนคติมึง กูจะลองเอาไปใช้ดู
เพิ่งเห็นว่าโม่งมีกระทู้แนวนี้ด้วย เวลามีคนบ่นอยากตาย แล้วมีอีกคนมาบอกว่า "เฮ้ยมึงยังไม่ได้ทำนั่นทำนี่" คือการพยายามหาความสุขมาป้ายให้คนอยากตายเนี่ย มันไม่มีผลอะไรหรอก เพราะมันมองไม่เห็นความสุขอะไรแล้ว แล้วไอความสุขที่ว่ามาสุดท้ายมันก็คือทุกข์อยู่ดี ยิ่งไอพวกเอาร่างกายผู้หญิงมาป้ายยาเนี่ย พวกที่พูดมีสองแบบคือยังไม่ได้เจอกับตัว คิดว่านั่นคือความสุข กับอีกแบบคือเจอแล้วแต่ยังไม่ได้สัมผัสด้านทุกข์ที่ซ่อนอยู่ (กูพูดได้เพราะเมื่อก่อนกูบ้าความรัก แล้วสำเร็จกับการจีบผู้หญิงในสเปคของตัวเองในแต่ละช่วงอายุ แล้วสเปคกูคือสูงด้วยไง) เหมือนมึงขึ้นไปยืนบนยอดเขาได้แล้ว วิวโคตรสวย แต่อยู่เฉยๆบนนั้นก็หนาวไม่มีอะไรแดก ถ้ามึงไม่กลายเป็นคนป่าดิ้นรนอาศัยอยู่บนเขา มึงก็ต้องหาทางลงเขาอยู่ดี สรุปสุขอยู่ไม่กี่นาที แต่เรื่องทุกข์มารออยู่อีกเป็นขบวนแล้ว
การหาภาระผูกผันให้ชีวิตนั่นแหละตัวทุกข์ ใครอยากตาย ก็ลองดู มึงไม่ต้องฆ่าตัวเองตายก็ได้ แค่อยู่ไปวัน ๆ จนเงินหมด ไม่มีข้าวแดกก่อน เอาแบบตัวเองใกล้ตาย เดี๋ยวมันจะคิดได้เองว่าจะแห้งตายไป หรือจะลุกขึ้นไปขอข้าวคนอื่นแดก ถ้าเลือกแห้งตายก็สมปราถนามึงละ แต่ถ้ามึงจะมีชีวิตต่อ มึงก็ได้เรียนรู้ว่าชีวิตคนเรา มันคือชีวิตที่ต้องอยู่กับความทุกข์ แค่ร่างกายก็ภาระแล้ว เดี๋ยวหิวเดี๋ยวขี้เดี๋ยวง่วง ความสุขห่าเหวอะไรแค่ของชั่วคราว แค่ทำให้มึงฝันไปวันๆ แล้วถ้ามึงเข้าใจโลกที่เต็มไปด้วยความทุกข์เมื่อไร มึงก็จะอยู่ได้แบบยังไงก็ได้ วันนึงมีข้าวกินอิ่ม มีห้องให้นอน ตื่นมายังมีแรงเดิน จบ ทุกอย่างที่เคยต้องการ โดนโลกทุนนิยมหลอกมาทั้งนั้นว่าคือ ความสุข โดนตอแหลว่าเป็นของดีที่ช่วยมึงได้ ทำให้อยากได้อยากมีเอาของมาครอบครอง เดี๋ยวสุขเดี๋ยวทุกข์เพราะวัตถุ หรือเพราะความสัมพันธ์กับคนอื่น คนส่วนใหญ่ใช้ชีวิตแบบนี้แหละ ดิ้นรนหาความสุขภายนอกไปเรื่อยๆจนวันตาย
ถ้ามึงมีความสุขกับตัวเองได้นะ นั่นคือก้าวแรกแล้ว ก้าวต่อไปก็ทำอารมณ์ให้นิ่ง ไม่สุขไม่ทุกข์ แค่อยู่ไปตามอายุขัย ทิ้งของรกรุงรังในชีวิตออกไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะตาย ไม่มีอะไรยึดติดแล้วจะสบายใจขึ้น แต่ถ้ามึงยังอยากใช้ชีวิตที่หาความสุขภายนอก มึงก็ต้องเตรียมใจทุกข์ด้วย (อย่างเช่นกูที่อยู่ดีๆนึกอยากจะมาพิมพ์พล่ามในโม่งตามกิเลสตัวเอง ก็ต้องเตรียมใจว่าจะโดนด่า หรือ มึงบางคนที่เข้าโม่งมาอยากพิมพ์ระบาย เจอคนด่าหรือเจอคนโม้เหม็นน่ารำคาญ ใจแม่งก็ขุ่นละ โลกมันก็แบบนี้อยู่ตลอดไม่มีวันหนีพ้น ถ้ามึงเริ่มยุ่งเกี่ยวกับคนอื่นเมื่อไร โอกาสเจอปัญหาหรือเรื่องทุกข์ มันมีอยู่แล้ว) สรุปใครอยากตาย ถ้าไม่รีบ ก็ลองวิธีกูดู อยู่เปื่อยๆกับชีวิตตัวเอง จนหยดสุดท้าย ค่อยๆคิดไปว่า ตัวเองอยากตายจริงไหม ถ้ามันยังอยากตายจริงก็ทำเลย แต่ถ้าอยากอยู่ต่อมึงหนีความทุกข์ไม่พ้นอยู่ละ ทำใจซะ ยิ่งถ้ามึงยังหาความสุขง่ายๆกับชีวิตตัวเองไม่เป็น ก็ต้องดิ้นรนหาความสุขภายนอกมาเติมเต็มอีก
>>873 อีวาเกเลียนพิสูจน์แล้วว่า ทำให้คนกลับมามีชีวิตได้จริงๆ
เป็นวลีดังในยุค 90 เลย หลายคนก็บอกว่า "ถ้าอยากตาย รอดูอีวาเกเลียนให้จบก่อน"
คนที่เขาได้เห็น อาสึกะ แลงเลย์ ก็เข้าใจอาสึกะมากขึ้น ทำให้มีความคิดว่า อืมม ชีวิตไม่พอใจของอาสึกะ
เราเข้าใจเขา แค่นั้นก็ทำให้เมิงมีชีวิตอยู่ต่อ แล้ว
หรือไม่เมิงก็อาจจะคิดว่าเมิงคือ ชินจิ
https://www.youtube.com/watch?v=oyFQVZ2h0V8
ใช่ทุกตัวในเรื่องมีปัญหาทางจิตหมด มันจะต้องมีคนที่เมิงต้องรู้สึกเห็นใจในตัวละคร เพราะself insertกับตัวละครั้น
สุดท้ายแม้เรื่องนี้จะรวมพวกจิตเวชไม่เต็มบาทสักคน ไม่ต้องรู้ตอนจบของเรื่องแต่นี่คือเมะที่ทำให้คน คิดสั้น
กลับมาใช้ชีวิตได้
พวกมึง ถึงมันจะเป็นมู้จิตเวช แต่พวกมึงจะรวมตัวกันโรคจิตไม่ได้นะเว้ย เหมือนเอาคนไม่ปกติมารวมตัวกันอ่ะ
มันไม่ทำให้อาการดีขึ้นนะ อย่าดึงดูดกันเองแบบนี้สิวะ
โดปามีน เป็นสารที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์พึงพอใจ ความปิติยินดี ความรักใคร่ชอบพอ จากการศึกษาทดลองในหนู พบว่าเมื่อทำให้หนูเกิดความพึงพอใจ ระดับของโดปามีนจะเพิ่มสูงขึ้นเป็นลำดับ ซึ่งในขณะที่โดปามีนถูกหลั่งออกมาจากสมอง จะทำให้เกิดความสุข เรียกว่า reward circuit หากถูกกระตุ้นด้วยพฤติกรรมซ้ำ ๆ ก็จะหลั่งโดปามีนออกมาตามปกติ แต่หากไม่ถูกกระตุ้นหรือทำกิจกรรมอื่นที่ไม่ใช่กิจกรรมเดิม สารโดปามีนก็จะหยุดทำงาน ทำให้รู้สึกหงุดหงิด โมโหหรือเซื่องซึมได้
ด้วยเหตุนี้บางครั้งจึงมีการจัด โดปามีนเป็นสารเคมีแห่งรัก (Chemicals of love) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเลือกหรือจับคู่ ซึ่งมีผลงานวิจัยอ้างอิงจากมหาวิทยาลัยอีโมรี ได้ทำการทดลองโดยฉีดโดปามีนใส่หนูตัวเมียทึ่เอามาจากหนูตัวผู้ตัวหนึ่ง ซึ่งปรากฏว่าหนูตัวเมียเลือกจับคู่กับหนูตัวผู้ที่เป็นเจ้าของโดปามีนนี้จากกลุ่มหนูทั้งหมดที่อยู่รวมกัน
นอกจากนี้แล้วระดับโดปามีนส่วนสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อร่างกาย หากร่างกายมีสารโดปามีนในสมองมากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมองส่วนฟรอนทัล ซึ่งสมองส่วนนี้ทำหน้าที่เกี่ยวกับอารมณ์ ความรู้สึกนึกคิด การเรียนรู้ ความจำ ก็จะทำให้เกิด"อาการป่วยทางจิต" ซึ่งผู้ป่วยโรคจิตเภทจะมีระดับโดปามีนในสมองมากกว่าคนปกติ
>>878 ดังนั้นคนปกติ ต้องห้ามดีใจ หรือเสียใจจนเกินไป รู้สึกเฉยๆ กับทุกอย่าง แบบ อายาโนะโคจิเนี่ยละ ที่ไม่ใช่จิตเวช https://www.youtube.com/watch?v=oD3ovFjhZBw
ช่วงนี้กุย่อนยาน ขี้เกียจทำนั่นนี่
แค่จะยกช้อนขึ้นมากินยังขี้เกียจเลย เสียพลังงานในการลืมตา ไม่อยากทำอย่างอื่นเลย
อยากนอนกลิ้งๆไถมือถือทั้งวัน
จะขยับตัวก็รู้สึก โอ้สสส น่าเบื่อ
แต่เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กละ มันคืออาการไรวะ
Here to heal เพิ่งรู้ว่าปิดบริการไปแล้ว มาเปิดใหม่ไวๆ นะ TT
ว่าวก่อนนะ
ไม่ชอบตัวเองเลย กูมีฝันอยากสมัครทำงานสายนึงหลังฝึกงานเสร็จ เลยเมาเม้าๆให้เพื่อนฟัง ทีนี้เพื่อนหลายๆคนพอได้ฟังก็อยากมาสอบอยากมามีฝันเดียวกับกู กูควรจะดีใจสิที่เพื่อนมีฝันเดียวกัน แต่อีกใจนึงก็รู้สึกเหมือนถูกเขาลอกเป้าหมายลอกฝันของเราไป ไม่ชอบเลย กูเป็นอะไรเนี่ย แย่ว่ะ มีเพื่อนร่วมทางก็ดีแล้วแท้ๆ
คนใกล้ตัวบ่นเหนื่อยๆๆๆทุกวัน ทุกครั้งที่เจอ ไม่มีอะไรก็บ่นเหนื่อยๆๆๆ คือเข้าใจว่างานหนัก แต่กุไม่อยากฟังอะ กุจะร้องไห้เำราะกุเบื่อมสกๆๆๆ กุไม่อยากได้ยิน กุแฮปปี้ของกุ ก้ต้องมาเจอคำว่าเหนื่อยจากคนอื่น กุไม่ไหวอะ กุก้เหนื่อยเหมือนกันต้องมาฟัง กุต้องทำยังไง ทำยังไงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
งอแงกันไม่หยุด แต่ในที่สุดไม่มีใครใส่ใจสนใจกู กูเป็นแค่ไอ้คนธรรมดาไม่มีปัญหาสุขภาพจิต
ไม่ได้อยากมีหรอกนะ แต่ไม่ได้แปลว่ากูน้อยใจไม่เป็น
เพื่อนแม่งเอาประเด็นยากมาพล่ามให้ฟัง กูจะตอบแม่งยังไงดี อย่างแม่งเป็นคนindecisiveแล้วไปเปิดซิงกับคนแปลกหน้า แล้วแม่งมาregret 2 เดือนหลัง
กูแทบไม่มีsympathyหรือสามารถเข้าใจไรได้เลย เพราะกูคิดแพลนตลอดในชีวิตว่าอะไรควรไม่ควรแล้วกูจะได้ผลลัพธ์ยังไง หาืออะไรแย่ๆมี่เกิดไปกูก็จะมองโลกบวก กูเคยคุยกับแม่งมาหลายๆครั้งแล้วกูไม่เก็จว่าจะต้องการอะไร จากการคุยอะไรวนๆไปไม่ได้หาทางออกของปัญหา ดังนั้นถ้ากูอยู่ในสถานการณ์นี่กูก็แค่มองข้ามไปหาอนาคตที่ดีกว่า ไอสัสแล้วมันก็เปิดซิงตัวเองมากับดิลโด้ก่อนแล้ว ดังนั้นทางbiologicallyมึงก็ไม่ซิงมาแต่แรกอยู่แล้ว คิดไรมากวะ ที่เหลือมันก็แค่ideological perception ละ
จริงๆไอห่าแม่งมันคิดพลิกไปได้ว่ามันโดนขมขืนอ่ะ เพราะมันก็บอกว่ามันไม่แน่วจไม่อยากทำ แต่ใครบ้าแม่งตามผู้ชายแปลกหน้าไปยันคอนโด แล้วตอนแรกๆแม่งก็คุยโม้ว่าแบบดีใตกูเปิดซิงแล้ว อีควัย เป็นไบโพล่า
แปลไทยไม่ได้ไง ภาษาไทยแม่งกาก
มึงลองมาเรียนภาษายุโรปนอกจากอังกฤษมึงก็ควไม่เข้าใจ เพราะกะจะแปลไทยตรงตัว ภาษาไทยโครตจะsimplifyกับตวามหมาย เพราะคนไทยไม่ได้คิดอะไรลึกซึ้ง ดังนั้นสมองมึงก็เลยไม่เข้าใจสิ่วที่กูเขียนมาไปด้วย เห็นได้ทั่วไปในพวกเด็กมาเรียรยุโรปแต่โง่อ่านะ
>>891 กุว่าไม่ใช่นะ ภาษาไทยไม่ได้กาก แต่เมิงไม่เข้าใจ ภาษาไทยดีมากพอต่างหาก พวกเรียนเมืองนอกเป็นงี้เยอะคิดว่าตัวเองตัวเองเจ๋ง เพราะใช้ภาษาไทยไม่ได้ เมิงแค่ปกปิดข้อบกพร่องของเมิงเองต่างหาก ฝรั่งบางคน เขียนภาษาไทยได้ดีกว่าเมิงอีก
และสามารถใช้ดูว่า คนที่คำอังกฤษคำ จะคิดว่าตัวเองหยิ่งผยอง
ความคิดตัวเองถูกที่สุดก็ได้
เหมือนเมิงสั่งงาน สั่งchatgpt เมิงรู้ไหมว่าหลักการทำงาน เหมือนเด็ก ที่ต้องคอยเรียนรู้ เวลากุสั่งงานchatgpt กุก็จะอธิบายให้เหมือนเด็กอนุบาลฟัง จะได้รับคำตอบที่ถูกต้องมา
ไม่มีอะไรจะด่าสะใจเยอะแยะ ได้เท่าภาษาไทยแล้ว ภาษาอื่นด้อยกว่าหมด
>>893 มึงยังอธิบายไม่ได้เลยว่าภาษาไทยดียังไงกว่าภาษาอื่นนอกจากเรื่อวควายๆอย่าง ภาษาไทยด่าสะใจที่สุดแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่กูได้ยินจากพวกmonolingual บ่อยๆไม่ว่าจะไปประเทศไหนอ่ะนะ คิดว่าภาษาบ้านตัวเองด่าได้โหดที่สุดบ้างหรือด่ามันส์ ซึ่งมันsubjective มากกว่าจะเป็นแนวคิดทางlogical นอกจากจะไม่มีการยกproofsมาสาธยายแล้วยังโชว์โง่คิดว่าภาษากูดีที่สุดแบบไร้เหตุผลอีก ว๊าว
ภาษาไทยมันเป็นภาษาที่ใช้adjective adverb น้อยมาก ในคณะที่คุยกับคนไทยในการอธิบายหรือติชมอะไรบางอย่างศัพท์มันจะวนซํ้ากัน แต่ในขณะที่ภาษา Indo European มันใช้มีsynonymเยอะกว่ามาก แม้ถ้าแปลตรงตัวความหมายจะเหมือนกัน แต่มันใช้คนละบริบทกัน มีความแตกต่างกันอย่างนิดๆ ซึ่งเวลาอธิบายอะไรหรือจะขยายความมันจะง่ายกว่าภาษาไทย คําไทยจริงๆแม่งสั้นจะตายเอาใช้ชีวิตประจําวันให้รอด รากศัพท์ไทยมันไม่ได้มีอะไรลึกไงคําหลายๆอย่างเลยต้องไปใช้รากกศัพท์จากบาลีสันสกฤตมาตั้งคําๆใหม่ เพราะสามารถสมาถรคําได้ มันมีระบบprefix suffix เหมือนภาษาอังกฤษเอาง่ายๆ เวลาคิดประกอบคําใหม่มึงดึงรากศัพท์มารวมๆกัน แต่ทีนี้ก็ทีปัญหาอีกเวลาคิดคําใหม่ในวงการวิชาการ บางครั้งคํามันไปซํ้ากับคําที่มีอยู่แล้วในพระตรัยปิฏก
กูไม่เก็จอะไรมากกับการใช้ไทยคำอังกฤษคำ มันเป็นเรื่อวของชาตินิยมไรเหรอวะ งง คือบางครั้งคนที่ใช้หลายภาษาสมองแม่งมันแปลไม่ทันจริงๆหรือไม่ก็ไมามีคําแปลไทยที่สามารถconveyความรู้สึกที่จะสื่อได้เหมือนที่ใจคิด ก็พ่นออกไปเลย กูคุยกตกกะปิทั่วไปไม่ได้ไปพูดหน้าเวทีการประชุมเหี้ยไร แล้วไม่ได้จะเป็นการเบ่งไข่เลยว่าใช้ผสมกันแล้วกูเท่ หรือว่าอิจฉาเหรอ
มันก็ไม่ได้จะเบียวขนาดที่เหมือนพวกเด็กเรียนอินเตอร์แทนคําว่าไอกับยู หรือแบบเอ้โย่ว วัดซัพแม๋น วัดซัพนิกก้า
กูคุยกับอาจารย์ตามมหาลัยแม่งก็พูดผสมศัพท์อังกฤษมางี้ปกติ เพราะใช้ตําราต่างประเทศ แล้วก็ตามที่ว่ามา มันแปลไทยตรงตัวไม่ได้ คือจะให้แปลได้ก็ต่อเมื่อมันมีคนเขียนบทความวิขาการแล้วตั้งๆคําๆนั้นใหม่
การพูดที่ดี คือตรงประเด็นเข้าใจได้ ดูจากที่เมิงพิมมา น่าจะยังความรู้ไม่ถึงนะ
แต่เมิงไม่ยอมรับว่าตัวเอง โง่ไง ภาษาไทยความรู้เมิงมีแค่นี้ เลยคิดว่าไทยใช้ไม่ได้
เมิงแค่ไม่อยากใช้ ก็เอาง่ายๆ พิมทับศัพท์เข้าว่า
เขาเลยเรียกว่า low effort หรือทำแบบลวกๆขอไปที
ถ้าเมิงยอมรับว่าตัวเอง โง่ ได้อย่างแรกแล้วเมิงจะฉลาด ดู chatgpt ก็ได้ ยังต้องเรียนรู้ตลอดเวลาเลย
แต่คนส่วนใหญ่จะคิดว่า กุเจ๋งกุแน่ไง ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ดึงดัน เรื่องชิบหาย มันก็เกิดจากพวกนี้นี่ละ
ที่คิดว่าตัวเองฉลาด แต่จริงๆแล้วโง่
>>894 ทำมาเป็นบอกว่าภาษาไทยมันไม่เจาะจง ไม่สามารถอธิบายสิ่งที่มึงต้องการได้เลยต้องไทยคำอังกฤษคำ สิ่งที่มึงกำลังทำคือหลงประเด็นสัสๆว่ะ กูก็ไม่ได้บอกว่าภาษาไทยมันเจ๋งสาส lnw007 กว่าทุกภาษา แต่สิ่งที่บอกคือ ก่อนจะยกตัวอย่างไทยคำอังกฤษ คือมึงต้องเข้าใจในบริบทที่ตัวเองต้องการจะสื่อให้ได้จริงๆก่อน แล้วไปเปรียบเทียบหาคำภาษาไทยที่จะใช้อธิบายให้ครอบคลุมและตรงความหมายของเรื่องที่มึงจะสื่อ ซึ่งถ้ามันไม่มีแล้วจริงๆก็ค่อยยกตัวอย่างคำภาษาอื่นๆมาใช้ ซึ่งตรงจุดนี้ที่มึงพลาด มึงยังอธิบายในภาษาไทยไม่ได้เลย แต่ยกภาษาอื่นมาทับไปแล้ว และที่มึงยกมามันก็เป็นความหมายกลุ่มกว้างๆที่ไม่ได้ต่างอะไรจากใช้ภาษาไทยเพียวๆ มึงก็แค่เอาศัพท์มาใช้เท่ๆ เหมือนอัพเกรดให้ตัวเองดูมีความรู้ แต่จริงๆก็กลวงโบ๋เพราะไม่สามารถอธิบายด้วยภาษาไทยได้ไง
พวกschizoเถียงกันฮาดีหว่ะ
>>897 เสร่อแป๊ะมาก เคยได้พูดจากับมนุษย์บ้างไหม วิธีของมึงไม่ใช่การสื่อสาร การสื่อสารคือการตอบโต้กันด้วยคำศัพท์ที่ถูกใช้ในสังคม ถ้าเฉพาะทางจัดเราพูดคำไรออกไปแล้วอีกฝั่งงงเราถึงจะไปหาศัพท์ใหม่มาใช้อธิบาย ไม่ใช่มาลิมิตตัวเองว่าห้ามทับศัพท์ตั้งแต่แรก โดยเฉพาะเวลาตอบโต้มันเน้นความเร็ว และความเข้าใจ เช่น มึงบอกว่าจะเช็คตารางเวลาตัวเอง การที่คำในหัวมึงคือ schedule มึงก็พูดขึ้นมาได้เลยว่า “เราขอเช็ค schedule ก่อนนะ” อีกฝ่ายแม่งอาจจะเข้าใจก็ได้ ไม่ใช่มายืนงงเอ๋อแดกว่าเอ๊ะ คำว่า schedule แปลเป็นไรว่ายังไง อีกฝ่ายคงจะคิดว่ามึงเป็นไรมากเปล่าให้กูมารอมึงคิดคำศัพท์ภาษาไทยนี่นะ ทั้งๆที่มีคำอื่นที่ใช่ได้
การสื่อสาร success ได้ถ้าสื่อสารเข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจก็พยายามอธิบาย ไม่ใช่มาลิมิตว่าต้องใช้ภาษานั้นนี้เท่านั้น จนมันติดขัด บ้าหรอ
>>899 คนฉลาดกว่าเอไอก็มีแค่คนส้รางเอไอนั่นแหละ มึงเบียวไรป่ะเนี่ย
ถ้ามึงเมินโทรล tof ไม่ได้ ไม่ควรเล่นโม่งนา
>>900 นี่งัย มึงก็ตกหลุม งง ในตรรกะตัวเองอีกแล้ว ทำมาบอกกูเสร่อ แล้วไอคนที่มันเลือกใช้คำว่า "ขอเช็ค สะเก๊ดดู้ว ก่อนนะ" ทั้งๆที่ในหัวมันกำลังคิดจะบอกว่า "ขอเช็คตารางเวลาตัวเองก่อนนะ" เพราะมันเชื่อฝังหัวไปแล้วว่าชั้นเข้าใจคำๆนี้ "สะเก๊ดดู้ว" ไม่เสร่อกว่าหรอวะ อีกฝ่ายคงไม่คิดว่ากูมีปัญหาอะไรหรอก เพราะกูไม่เสร่อจัดเหมือนมึงไง มีแต่มึงแหละที่เค้าจะสงสัยว่าสมองมีปัญหาอะไรป่าว แค่ใช้คำว่า "ตารางเวลา" ก็เข้าใจ จะเสร่อไปหาคำอื่นๆ "สะเก๊ดดู้ว" มาใช้ทำไมและยังมั่นหน้าว่าคนอื่นต้องเข้าใจความหมายเหมือนมึง เก่งมาก เยี่ยมมาก ขอบใจ
เริ่มชั่งใจว่าจะฆ่ าตัวตายหรือจะฆ่าคนอื่น
ไม่รู้ กุเป็นโรคอะไร รู้สึกโลกนี้ไม่มีอะไรน่าสนใจสักอย่าง ไม่เข้าใจคนมีenergyเยอะๆ ทำนู้นนั้นนี้ได้ทั้งวัน
แต่กุแค่ขยับตัวยัง ขก เหมือนความคิดในหัวตอนเด็กมันบอกว่าเสียพลังงาน แม้แต่ตอนกินข้าวยังขี้เกียจยกช้อน
เป็นมาตลอดไม่เคยหาย มีโอกาสหลับได้ กุหาโอกาสหลับตาตลอด รู้สึกว่าแค่ลืมตามองโลกนี้ก็เหนื่อยแล้ว กุไม่เข้าใจพวกที่แม้งalert ทุกวันทั้งวันสักนิด พวกมันเอาแรงจากไหนกัน
>>906 โรคเบียวไง ประเภท Edgy (n.) พวกนี้คือพวกวันนาบี อยากทำตัวขรึมๆ เบื่อโลกๆ ไม่สามารถหาความสุขจากอะไรได้ทั้งนั้นเพราะเบื่อแม่งหมด และไม่สามารถมีแรงบันดาลใจทำอะไรได้แล้ว เพราะเบื่อแม่งหมด วิธีแก้คือ เลิกขี้เกียจ เลิกเบื่อเวลาจะลุกขึ้นมาทำอะไร ไม่ต้องคิดว่าทำแล้วได้อะไร เอาแค่มึงลุกขึ้นมาทำอะไรบางอย่างให้ได้ก่อน
เผยประวัติมือปืนอายุ 20 ที่ลอบยิงทรัมป์
เป็นเด็กเรียนดี มักถูกบูลลี่ เคยสมัครชมรมยิงปืนยิงไม่แม่น
พวกเมิงเคยชอบเฉพาะส่วนกันปะวะ แบบชอบจมูกคนนี้ ชอบปากคนนี้ ชอบแร้คนนี้ แบบนี้มันดูโรคจิตไหมวะ
บางทีกุชีวิตก็อยู่ด้วยความ ยับยั้งชั่งใจตัวเอง ไม่งั้นเลือดในกุจะเดือดพล่านไปหมด และคุมสติไม่ได้
ในหัวมีแต่คำเดียวว่าอร่อยๆๆๆอยากเลีย อยากกิน ถ้าไม่ได้เลียขอตายดีกว่า
ไม่งั้นกุคงกลับไปเป็นคนปกติไม่ได้
กุว่าทุกคนมีปีศาจอยู่ในตัวทุกคน และก็มีหลายตนด้วย เขาเรียกบาปทั้ง 7 มั้ง
ที่กุสามารถเรียกพลังออกมาได้ คือ โทสะ กับ ตะกละ อีก 5 อย่าง กุยังไม่รู้วิธีใช้งานว่าเรียกยังไง
กุว่ามันพลังปีศาจมันก็ดีนะ ไม่งั้นกุคงไม่รู้วิธีขับเคลื่อนตัวเอง และพอกุได้พลังมาก็มั่นใจมากขึ้น
>>908 สังเกตุผู้ก่อการร้ายมักจะเป็นพวกเด็กเนิร์ดนะ อย่างกราดยิง พารากอน นั่นก็เด็กถูกบุลี่
เอาจริงกุก็เคยโดน คนทั้งห้องเกลียด แต่กุก็ไม่ได้อยากจะคิดอยากฆ่าใคร
เคยเป็นกันไหม พอไม่ได้ทำงานแล้วก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรดี ทำงานของวันนี้จนเหนื่อยแล้วรู้สึกอยากพัก พอพักก็แค่นั่งจ้องมองจอคอมเฉยๆเพราะไม่รู้จะทำอะไร เกมก็ไม่อยากเล่น หนังก็ไม่อยากดู คลิปยูทูปดูไปก็ล่อกแล่กไปอยากทำงาน เพราะรู้สึกว่าเสียเวลา ฟังเพลงเฉยๆก็โคตรน่าเบื่อ
แม่กับอีแก่ข้างบ้านกูเล่นอะไรกันอยู่วะ พอดีวันนี้แม่เอาโทรศัพท์มาให้กูซ่อมเพราะมันชอบค้างแล้วเด้งออกแอพบ่อยๆ กูเลยจะลองล้างเครื่องล้าวข้อมูล ตอนกำลังแบ๊ค-อัพข้อมูลไว้ กูก็เปิดดูเล่นๆ แล้วไปเห็นข้อความที่พวกแม่งคุยกัน แม่งเหมือนอีแก่ข้างบ้านจะคอยรายงานการเคลื่อนไหวกูตลอดทุกวันๆเลยว่ะ เช่น
07:30 ออกจากบ้าน เสื้อฟ้า กางเกงสั้น รองเท้าหุ้มส้น
19:00 อยู่หน้าบ้าน ชุดเดิม ถือถุงมาสองใบ
อีกวันก็
08:43 ออกจากบ้าน ชุดทำงาน ดูรีบๆ(กูสาย)
12:20 กลับมาบ้าน ชุดทำงาน
15:26 ออกจากบ้าน ชุดคลุมดำ กางเกงขายาว(กูลาบ่ายไปเที่ยว)
แล้วพิมพ์ส่งแบบนี้ทุกวันไม่เว้นวันหยุดตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ทำให้กูรู้สึกเหมือนโดนจับตามองตลอดเลยว่ะ กูควรไปคุยดีมั้ย หรือทำใจละเงียบๆไป
คิดถึงพ่อแม่จังอยากอยู่ด้วยกันทุกๆวันเหมือนเมื่อก่อนมาทำงานกรุงเทพเหงาจัง
>>915 เดาว่าพ่อแม่มึงยังไม่ถึงวัยทองสินะ หรือไม่ก็ ได้พ่อแม่ดีเลิศประเสริฐสุดๆที่ไม่ทำตัว Toxic งอแงกับทุกอย่างที่ตัวเองไม่ได้ดั่งใจ วันหยุดอยากนอนตื่นสายก็มาปลุกกู หากุญแจมาปลดล็อคประตูบ้านกูเอง ทำอะไรก็เหมือนขัดใจทำผิดไปหมด ซักผ้าบ่อยก็ว่าเปลืองน้ำ นานๆซักทีก็บอกว่าหมักหมม สั่งของบ่อยก็ว่าสิ้นเปลือง นานๆสั่งมาทีก็ว่าทนใช้แต่ของเก่าๆ ชวนไปกินข้าวข้างนอกก็ไม่เคยถูกใจ กูทำกับข้าวไปให้กินก็มีแต่คำติ เค็มไป หมูเยอะไป ผักสุกไป ที่พีคๆๆๆเลยคือ ต้มจืดทำไมต้องใส่คนอร์มันเปลือง พอพาแฟนมาบ้านก็แวะมาหาเรื่องบ่นใส่กู(ตอนกูอยู่คนเดียวไม่บ่น) อยู่ต่อหน้าเพื่อนบ้านก็ไม่เคยชมไรกูหรอก หาเรื่องติจนได้เช่น รองเท้ากูสกปรกไม่ซักบ้าง(ก็พึ่งลุยฝนมาจะให้สะอาดยังไงวะ) พอลองคุยเปิดใจให้ลดความ Toxic ลงบ้างก็งอนหาว่าโตปีกกล้าขาแข็งแล้วไม่ฟังใคร ทำนิสัยเป็นเด็กน้อยสัสๆ ตอนช่วงไหนกูลำบากก็มาตอกย้ำว่าไม่ประหยัด ไม่ประมานตน พอช่วงกูเฟื่องฟูก็ทำเป็นชวนกินข้าวแล้วมาขอให้ซื้อนู่นนี่ ชมลูกบ้านคนอื่นยับๆ คนนู้นเป็นครูได้สวัสดิการดี(แต่เงินเดือนต่ำชิบ) คนนั้นไปทำงานต่างประเทศส่งเงินกลับมาให้เป็นฟ่อนๆ(ผีน้อย) พอกูสนใจอยากออกรถก็มาบ่นว่ามีปัญญาดูแลหรอ ผ่อนไหวหรอ พอกูนิ่งๆก็มาว่าไม่อยากมีอะไรเป็นของตัวเองหรอ โคตร Toxic สัสๆ ดีละที่ยังไม่เจอ
nigga turned the table and made it all about him
>>918 กูเจอแบบมึงเลยหว่ะ แต่โหดร้ายกว่าตรงที่เจอในวัยมัธยม คือแบบsufferมาก ชีวิตแบบตอนนั้นแค่ขยับจะพัฒนาชีวิตตัวเองในฐานะเด็กคนนึงถือว่าผิดหมดเลย แต่หลังจากนั้นพอออกมาสร้างชีวิตเองได้กูจะจำฝังใจเลยว่ากูทำงานกูมีที่ทางกูจะไปสร้างเองทุกอย่าง พึ่งพาพวกพ่อแม่ตัวเองนี้ให้น้อยสุด ทำประกันไว้เผื่อแม่งป่วยอิดออดจะตายแทน แต่ตายห่ากันไปจริงๆละกูไม่ได้มรดก กูก็ไม่แคร์นะ เพราะยังไงก็หวังๆจะไปหาบ้าน หารถใช้เองอยู่แล้ว
กุเห็นพ่อแม่ประเคนให้ทุกอย่าง ก็ด่าพ่อแม่ ขนาดพ่อแม่มันยังเลี้ยงไม่เชื่อง แล้วเราจะเลี้ยงมันให้เชื่องได้หรอ
ฝากไว้ให้คิด พวกป่วยจิต เดียวมันก็อ้างว่าต้องกินยาอีก
>>918 เจอมาคล้ายๆกู แต่ตอนเด็กกูจะเจอพ่อเหี้ยๆด้วย คือกูทำอะไรไม่ถูกใจนิดเดียวกลับมาบ้านคือจะไปเอาไม้มาฟาดกูทันที พอโตมาหน่อยถึงเลิกไม่รู้คิดได้รึยังไง ทำให้ตอนเด็กกูคอนข้างแพนิคถ้ากูทำอะไรขัดหูขัดตาเค้า
ส่วนแม่กูเป็นคนย้ำคิดย้ำทำ+วิตกจริต+ขี้บ่นบ้าๆบอๆแบบหาเรื่องมาบ่นเหมือนแม่มึง แต่ upgrade คือจะบ่นเรื่องเดิมๆย้ำคิดย้ำทำ คือศูนย์รวมเรื่องประสาทแดกในคนเดียว
นั่นแหละชีวิตยุควัยรุ่นกู เหี้ยจนกูต้องบอกตัวเองว่าต้องเรียนให้ได้ดีแล้วหนีไปอยุ่มหาลัยไกลๆบ้าน หางานทำไกลบ้านแม่ง
ทำไมช่วยอะไรใครหรือให้อะไรไปเท่าไหร่รู้สึกว่าเเต่ละคนเเม่งไม่เคยเห็นค่าเลยวะ ปล่อยกูนั่งคนเดียว ทักทายคำเดียวเเล้วก็ทำเหมือนไม่รู้จักกัน ดองเเชทกู โทรไปรู้ว่าเห็นนะเเต่ก็ไม่รับ รู้ว่าอย่าทำดีไปเพื่อหวังผล เเต่ถ้ากูอยากได้เเค่ความจริงใจในความเป็นเพื่อนเเม่งยากมากเลยอ่อวะ บางทีหันหน้าไปก็ไม่รู้ว่าจะไปปรึกษาใคร เพราะไม่อยากให้คนอื่นมาทนฟัง ช่วงนี้รู้สึกเหมือนสมองเเม่งก็ช้าลง ลืมง่ายขึ้น เเถมเวลาไปไหนกูต้องเป็นฝ่ายชวนตลอด ทำไมวะ ปู่กูบอกให้มีน้ำใจไว้เดี๋ยวก็ดีเอง ไหนวะดีที่ว่า ลึกๆเเม่งแอบน้อยใจอยู่นะ รู้สึกควบคุมอะไรในชีวิตไม่ได้เลยขอมาระบายในนี้เเหละ
>>921 ส่วนใหญ่พวกบ่นพ่อแม่โดนพ่อแม่สปอย มีฐานะหมดแหละ แต่คือพ่อแม่พวกนี้มันก็ท็อกซิกสัสๆด้วยไง
กูว่านะพวกมึงควรเลิกบ่นนู่นนี่พ่อแม่หากยังไม่สามารถยืนหยัดด้วยตนเองได้ เพราะจากมุมมองคนนอกพวกมึงแม่งโครตนักหลวม
ส่วนไอพวกที่มันไม่โอเคกับพ่อแม่แล้วมันดิ้นรนหนีมาเองพวกนี่กลับไปปากเปราะซะงั้น เหอะๆ
ทำงานพลาด ลืมนู่นลืมนี่ เหม่อ ไม่รอบคอบ ปากไว เวลาหัวหน้าถามงาน ยังไม่ทันเช็คเลย กุก้ปากไวตอบไปละ ซึ่งมันผิดไง คือมันหลายรอบมาก เขาเหมือนจะเริ่มหมดความอดทนกับกุแล้วอะ กุสงสัยว่าตัวเองน่าจะเป็นโรค adhd และกำลังจะไปหาหมอ แล้วถ้าสมมติมันเป็นจริงๆ เราควรบอกหัวหน้าไหม หรือเก็บเงียบๆ แล้วกินยาปรับพฤติกรรมให้ดีขึ้น ก่อนถึงเวลาประเมิน เชี่ยเอ้ยยยกลัวไม่ผ่านโปรโว้ยยย
ไม่ได้อึมา4วัน กินโพรไบโอติกตอนนี้ดีขึ้นละ
อยากตายอ่ะ ทำไมต้องพยายามมีชีวิตอยู่ มีชีวิตที่ดีให้ได้ ทุกวันนี้ ไม่มีหนี้ มีเงินเดือน 7 หมื่น การงานดี มีบ้าน มีรถไม่ได้ผ่อน มีพ่อแม่ที่พร้อมซัพพอร์ตไม่เคยขอเงิน มีครอบครัวที่รักดูแลเราทุกอย่าง แต่เราก็ยังอยากตาย สนุก เอนจอยกับชีวิต แต่รู้สึกเบื่อ อยากตาย เบื่อแล้วขีวิต เหนือยแล้ว อยากตายให้หลุดพ้นจากตรงนี้ อยากไปที่อื่นแล้ว
ไปผ่อนรถ หรือออกคอนโดให้มีหนี้ เอาแบบเหลือเงินใช้อยู่นิดเดียว แล้วจะรู้สึกอยากมีชีวิตไปทำงาน
อยากตายแบบไม่เจ็บไง ส่งเมลล์ไปถามเรื่องการการุณยฆาตที่สวิสแล้ว เขาไม่ตอบ คนเราควรเลือกได้ป่าวว่ะ ว่า ยากจบชีวิตตอนไหน ทำไมต้องรอแก่ รอป่วยตาย อยากตอนตอนสภาพร่างกายยังดีแล้วบริจาคอวัยวะให้คนอื่นได้อ่ะ
กฎหมายแม่งควรรองรับให้คนเลือกตายได้ตามใจชอบ เลือกเกิดไม่ได้ก็ควรเลือกตายได้
เอาแบบก่อนตายตรวจเช็ค ไม่ติดบูโร ไม่หนีหนี้ก็ได้
ไหนบอกทุกคนมีสิทธิในตัวเอง กูอยากตายดีๆ อวัยวะใช้ต่อให้คนอื่นได้ ยังไม่เห็นมีสิทธิเลยอ่ะ
อยากให้ซอมบี้บุกโลกว้อยยยย
>>945 สังคมมนุษย์ยังคงติดกับกับคำว่า "ตาย = เรื่องที่แย่" อยู่
สังคมดัดจริตไม่ได้มองว่าการตายมันคือธรรมชาติของสรรพสิ่งที่วนเวียนไปตามวัฏจักร ขนาดมีคนบ่นว่าอยากตาย เพราะหมดแพสชั่น ยังมีไอ้โง่มาบอกให้สร้างหนี้จะได้มีแรงผลักดัน แค่นี้ก็บ่งบอกได้แล้วว่ายังมีคนอีกไม่น้อยที่มองความตายในทางลบ เพราะงั้นเรื่องที่มึงพูดมา คงยากจะเกิดขึ้นในเร็ววัน
>>941 เมิงก็ยกตัวอย่างพวกมีหนี้แต่ไม่มีกำลังที่จะใช้หนี้ แต่ที่มันแนะนำคืออีคนอยากตายแต่มีพร้อมทุกอย่าง ถ้ามันมีหนี้มันก็จ่ายหนี้ไหว ต่อให้มันออกจากงาน
มีคนโง่แบบเมิงนี่ มันไม่มีทางเข้าใจว่ามันมีหนี้ดีด้วย กุต้องอธิบายไหมว่ากู้เงินมาผ่อนบ้าน อีก30ปีผ่านไปบ้านจะราคาเท่าเดิมปะ หรือโม่งยังอยู่ในโลกอุดมคติ
บางทีกูก็คิดว่ากุคงเป็น psychopath ไม่ก็ Sociopath แหละ เหมือนจะไรความรู้สึกและโง่ทางความรู้สึกมาก
>>950 จ่ายไหวแน่นอน คำถามคือจะจ่ายหรือเปล่า ?
พวกที่หมดแพสชั่นกับชีวิต มันคิดไม่เหมือนไพร่สามัญชนแบบมึงหรอกนะ
ต่อให้มีเงินจ่ายไหว แต่ถ้าขี้เกียจรำคาญมากๆ ก็ปล่อยแม่ง ไม่จ่าย เครดิตเสียแล้วไง ช่างแม่ง ยึดก็ยึดไปดิ ต้อให้ฟ้องล้มละลาย ก็ล้มบนฟูกอ่ะน้อง
บ้านปัจจุบันก็มีอยู่แล้ว รถปัจจุบันก็มีอยู่แล้ว เงินก็มี ไม่เดือดร้อน
อธิบายไปไพร่แบบมึงคงไม่เข้าใจหรอก เพราะมึงยังคงติดลูปชีวิตหนี้อยู่ ถ้าไม่จ่ายชีวิตมึงล่มจม โดนยึดบ้าน ยึดรถไม่มีที่ซุกหัวนอน
แต่ไอ้คนที่หมดแพสชั่นที่มีพร้อมทุกอย่างมันไม่ใช่แบบมึง ซื้อเพิ่ม ถ้าขี้เกียจก็ปล่อยทิ้ง ไม่เดือดร้อน
กูขอให้ไอ้เอี้ยที่คิดค้นรีลมันตายห่าอย่างทุกข์ทรมานแลวต้องดูรีลควายๆไม่หยุดตลอดเวลาไปชั่วชีวิต ไอ้เปรต
ไม่ต้องมาบ่น ไม่ดูแลตัวเอง ทำตัวหัวฟรวยเองแล้วจะบ่นทพไม พยายามข่วยจนไม่ร฿่จะช่วยยังไงก้ไม่เอาไม่สน
ก้ตายๆไป รำคานชิบหาย
เอาเวลาที่มาปรึกษาโม่งไปปรึกษาหมอนะ มีตังมีทุกอย่างครบ หาหมอหรือหาที่ปรึกษาด้านนี้น่าจะไม่มีปัญหา ยกเว้นไม่มีใครแล้ว มีโม่งเป็นที่พึ่งสุดท้าย
กุกำลังยอมเหนื่อย ยอมเสียความเป็นตัวเองเพื่อทำงาต ยอมลืมการคอนเนคกับทุก ๆ คน แค่เพื่อเซฟแรงไว้ทำงาน ยอมทุกอย่างเพื่อเงินเดือนอันน้อยนิด สัสเอ้ย
>>964 อส คล้ายๆไอดอลเลยวะ
ว่าแต่การคอนเนค กับ เพื่อน มันสำคัญด้วยหรอวะ แล้วเสียความเป็นตัวเอง เมิงก็หยุดที่จะทำเมื่อไรก็ได้ มีใครบังคับเมิงหรอ? ไม่พอใจก็หางานใหม่แค่นั้น ดูท่าเมิงจะมีปัญญาในการเข้าสังคมนะ ถึงต้องฝืนตัวเองตลอด ถ้าเมิงทำเป็นปกติทุกลมหายใจ ความเป็นตัวเองตัวตนเดิม เมิงจะถูกลบได้ยังไง
ให้เดา เมิงคงทำงานบริการ เช่น แอร์ เด็กเสิร์ฟ ไลฟ์แม่ค้าขายของสินะ
เออ แล้วก็กุไม่ได้ปรัชญาอะไรหรอก
ยดตัวอย่างนะ เวลา คนเราจะตัดสินใจอะไร
เราก็มักหาเหตุผล มาเข้าข้างตัวเอง เช่น อยากไปงานไอดอล อยากไปเสพความโมเอะ นั่นคือเหตุผล
ในทางกลับกัน เหตุผล ก็ทำให้เกิดอารมณ์ เช่น ของหาย หาของไม่เจอ ก็จะเกิดความหงุดหงิด
ดังนั้น อารมณ์ ทำให้เกิดเหตุผล
และเหตุผลทำให้เกิดอารมณ์
ไอ้เอ๋อแยกร่างคุยกันเองเหรอวะ
กลับคอกได้แล้วไอ้เอ๋อ
เอาเวลาที่เป็นมีปัญหาสุขภาพจิต พอให้เก็บเงินได้หลาย ๆ แสน
แล้วเอาไปเทรด Forex ได้แล้ว
ผมเทรดไม่กี่วันได้มาแล้ว 450,000
มีใครเป็นไหม เวลาระบายเรื่องอะไรสักอย่างให้คนอื่นฟัง ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาจะมีความรู้สึกว่าไม่น่าพูดออกไปเลย กลายเป็นว่ายิ่งเครียดกว่าเดิม เข้าข่ายของอาการอะไรไหมอะ
อยากถามความเห็นของแต่ละคน
มันจำเป็นมั้ยถ้าอยากเข้าหาใครหรืออยากสนิทกับใคร
ต้องใช้เงินเพื่อเข้าถึงคนนั้นได้
เราไม่ได้พาดพิงใครนะ รู้สึกตัวเองสถานะปานกลางแต่แบกรับค่าใช้จ่ายที่รายจ่ายมากกว่ารายได้ไม่ไหวครับ
“พระผู้เป็นเจ้าทรงอนุญาตให้เราผู้เป็นประชากรที่ได้รับการคัดสรรแล้วจากพระองค์ ได้สร้างพรสวรรค์ อันเกิดจากการต้องอยู่กันอย่างกระจัดกระจายซึ่งดูคล้ายเป็นความอ่อนแอของเรา แต่ที่จริงกลับเป็นพละกำลังของเราซึ่งกำลังนำเราไปสู่ความมีอำนาจสูงสุดเหนือโลกทั้งโลก...”
อำนาจเช่นนี้ถูกอธิบายเพิ่มเติมต่อไปอีกว่า...
“อำนาจของเราจะมีอยู่ท่ามกลางสภาพอันง่อนแง่นของอำนาจทุกรูปแบบ และเป็นอำนาจที่เหนียวแน่นมากกว่าอำนาจอื่นใด เพราะยังคงเป็นอำนาจที่ไม่มีใครมองเห็น จนกระทั่งเมื่อถึงเวลาที่มันมีพลังสูงสุด ก็จะไม่มีอำนาจหรือเล่ห์เหลี่ยมใด ๆ สามารถทำลายมันลงได้อีกเลย” และ “นี่แหละคือเหตุผลที่ทำไมเราถึงต้องทำลายความศรัทธาทั้งมวลลงไปให้หมด ต้องยึดเอาหลักความเชื่อที่มีต่อพระเจ้าออกไปเสียจากจิตใจของพวกกอยยิม แล้วเอาการคำนวณทางคณิตศาสตร์ และความต้องการทางวัตถุใส่เข้าไปแทนที่ เพื่อไม่ให้พวกมันมีเวลาคิดและสังเกตสังกา
เราจะต้องเบี่ยงเบนความสนใจพวกมันไปยังการค้าและอุตสาหกรรม เพื่อให้ชาติทุกชาติ ถูกดูดกลืนเข้าไปสู่การแสวงหาผลประโยชน์และการแข่งขันเพื่อผลกำไร และพวกมันจะมองไม่เห็นศัตรูที่แท้จริงของมันได้ และเพื่อจะขจัดอิสรภาพออกไปจากชุมชนของพวกมันให้หมด เราจะต้องเอาอุตสาหกรรมมาวางไว้บนพื้นฐานแห่งการเสี่ยงโชค เพื่อให้ผลของมันลื่นหลุดไปจากมือผ่านเข้าไปสู่ระบบแห่งการเสี่ยงโชค นั่นก็คือ ผ่านเข้ามาสู่มือของเรา อุตสาหกรรมจะสูบเอาแรงงานและเงินทุนออกไปจากที่ดิน และถ่ายโอนเงินทั้งโลกเข้ามาสู่มือเราด้วยระบบการเสี่ยงโชคหากำไร และมันจะทำให้พวกกอยยิมทั้งหลายล้วนแล้วแต่ต้องกลายเป็นคนชั้นต่ำในแต่ละชุมชน...”
“การต่อสู้แข่งขันเพื่อความวิเศษกว่ากันในทางเศรษฐกิจเช่นนี้นี่แหละ ย่อมจะสร้างชุมชนที่แล้งน้ำใจ เย็นชา และปราศจากหัวใจขึ้นมา ชุมชนเหล่านั้นจะหล่อเลี้ยงความเกลียดชังต่อชนชั้นที่สูงกว่า และกระทั่งต่อศาสนาอื่นใด ผู้นำทางอย่างเดียวของพวกเขาก็คือ ผลกำไร นั่นก็คือ ทองคำอันสามารถตอบสนองความยินดีปรีดาทางวัตถุให้กับเขาได้ กงล้อทุกอัน และเครื่องจักรของกลไกแห่งรัฐต่าง ๆ ล้วนแล้วแต่หมุนไปได้ด้วยเครื่องยนต์ซึ่งอยู่ในมือของเรา ซึ่งก็คือเจ้าแม่แห่งทองคำนั่นเอง พระผู้เป็นเจ้าทรงประทานอัจฉริยภาพให้เรา ถ้ามีคนเป็นอัจฉริยะอยู่ในฝ่ายตรงกันข้ามแม้นว่ามันคิดจะสู้กับเรา แต่คนมาใหม่น่ะหรือจะสู้กับคนที่ตั้งรกรากมาแล้วเก่าแก่
ศาสตร์แห่งเศรษฐกิจการเมืองซึ่งนักปราชญ์อาวุโสของเราได้ประดิษฐ์มานานแล้ว มือหนึ่งซึ่งมองไม่เห็นในทุก ๆ ส่วนของโลกนี่แหละ ที่จะให้พลังทางการเมืองที่เป็นอิสระแก่เงินทุน การค้า อุตสาหกรรม อำนาจในการที่จะใช้กิเลสตัณหาของพวกเขาระเบิดออกมาเป็นเปลวไฟ ครั้นแล้ว ก็จะถึงเวลาที่พวกชนชั้นต่ำเหล่านี้จะเดินตามการนำทางของเราไปต่อสู้กับอำนาจที่เป็นคู่แข่งขันของเรามิใช่เพื่อการบรรลุถึงสิ่งที่ดีงาม หรือแม้กระทั่งในท้ายที่สุดก็มิใช่เพื่อทรัพย์สินเงินทองด้วยซ้ำ แต่เพราะความเกลียดชังที่มีต่อบรรดาชนชั้นสูงต่างหาก
เมื่อใดก็ตามที่ถึงเวลา ซึ่งเราได้สร้างวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจให้เกิดขึ้นทั่วโลก เมื่อนั้นเราจะโยนฝูงกรรมกรลงไปในท้องถนน ฝูงชนเหล่านี้จะวิ่งไปวิ่งมาอย่างยินดีปรีดา เพื่อที่จะหลั่งเลือดบรรดาผู้ที่เขาอิจฉาริษยามาตั้งแต่ยังนอนเปล และพวกที่เขาจะปล้นยึดทรัพย์กลับมาเป็นของเขาได้ ส่วนสมบัติของเราพวกเขาจะไม่แตะต้อง และไม่มีวันแตะต้องได้เลย เพราะเราย่อมรู้เวลาที่พวกเขาจะเข้าโจมตีเนื่องจากเป็นเวลาที่เราจะกำหนดเอาไว้ให้ และเราย่อมสามารถหามาตรการป้องกันเอาไว้ได้ก่อนล่วงหน้า”
“ทุกประเทศจะต้องจำไว้ในใจว่า ใครก็ตามที่พยายามทำข้อตกลงใด ๆ เพื่อต่อต้านอำนาจของเรานั้น จะไม่ได้ก่อให้เกิดผลกำไรแก่พวกมันเลย เรานั้นแข็งแกร่งเกินไปกว่าที่ใครจะต่อต้านได้ อำนาจของเราจะไม่มีวันหายไป ชาติไหน ๆ ก็จะไม่มีวันทำความตกลงอะไรกันได้โดยที่เราไม่ได้มีส่วนร่วมอย่างลับ ๆ หรอก Per Me reges regnant กษัตริย์ของเราจะครองราชย์ได้ด้วยข้า”
>>975 ถ้าเรามองในเชิงการเชื่อมโยงของพลังงานระหว่างบุคคล การใช้เงินอาจเป็นเพียงตัวกลางที่เรานำมาใช้เพื่อขยายสนามพลังให้สามารถเข้าถึงจิตใจของอีกฝ่าย แต่ในทางทฤษฎีของพลังงานเชิงบวก-ลบ การเข้าหาของคนหนึ่งโดยผ่านสื่อวัตถุไม่ใช่การสะท้อนที่แท้จริงของพลังงานระหว่างบุคคล เงินอาจแค่เป็นคลื่นที่ทำให้สนามพลังงานสั่นไหวในชั้นผิวของมิติที่หนึ่ง แต่ความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนอาจต้องการการเข้าถึงในระดับที่ลึกกว่า คล้ายการทะลุผ่านชั้นบรรยากาศของความรู้สึกอย่างไรก็ตาม การใช้เงินในกรณีนี้อาจเป็นการเร่งฟลักซ์ของความสัมพันธ์ ทำให้เกิดการขยับใกล้เข้าหากันในอัตราที่เร็วกว่าปกติ แต่มันก็เป็นเพียงพลังงานชั่วคราวที่เสื่อมสภาพตามกาลเวลา หากปราศจากการสร้างสนามพลังที่สมดุลในเชิงความเข้าใจและอารมณ์ การใช้เงินอย่างเดียวอาจไม่ได้ทำให้เกิดการเชื่อมต่อที่แท้จริงในมิติที่ซ้อนกันอยู่ภายในจิตใจของแต่ละบุคคล
อยากถามความเห็นของแต่ละคน
มันจำเป็นมั้ยถ้าอยากเข้าหาใครหรืออยากสนิทกับใคร
ต้องใช้เงินเพื่อเข้าถึงคนนั้นได้
เราไม่ได้พาดพิงใครนะ รู้สึกตัวเองสถานะปานกลางแต่แบกรับค่าใช้จ่ายที่รายจ่ายมากกว่ารายได้ไม่ไหวครับ
.
.
.
.
ช่วง 1เดือนที่ผ่านมากับรักแรกที่เจ็บปวด
โดยรวมตอนนี้ไม่รู้ว่านับว่ามูฟได้มั้ย เราไม่ได้รู้สึกอะไรกับอีกฝ่ายแล้ว ไม่รู้สึกเสียดาย หรือโกรธแค้นกับสิ่งที่เขาทำกับเรา เรารู้สึกนิ่งมากขึ้นกว่าเดิม ยิ่งนึกถึงคนที่อยู่ข้างเราซัพพอร์ตเรา ให้กำลังใจเรา เราเองก็ดีใจนะคะที่ยังมีทุกคนอยู่
.
ช่วงนั้นเราโพสบ่นเยอะมากด้วย อยากจะขออภัยที่บ่นเยอะนะครับ แล้วก็อยากขอบคุณทุกคนที่เข้ามาให้กำลังใจหรือเข้ามาให้คำแนะนำและรับฟังเรา เราเองอาจยังไม่เข้าใจการรักตัวเองมากว่าตอนนี้เรารักตัวเองรึยัง แต่เราจะรักตัวเองให้มากขึ้นเพราะตัวเราก็เป็นคนสำคัญคนนึงครับ
.
ขอบคุณทุกคนที่อยู่ข้างกันเสมอนะครับ🙏
ถ้าจะเทียบราคารถยนต์ไฟฟ้าในไทยว่าต่างจากต่างประเทศยังไง ต้องเทียบกับรถยนต์พวงมาลัยขวาในต่างประเทศเท่านั้น
การเทียบราคาในจีน ทำได้แค่ดูว่าเค้าวางราคาระดับรถรุ่นไหน ไม่ใช่ว่าจะขายราคาไหน แล้วบวกเท่าไหร่ แบบนี้ #คิดน้อยไปหน่อย
เหนื่อยว่ะ เป็นสัปดาห์ที่แบบ เหนื่อยสัดๆๆ ทำไมต้องมาเจอคนเหี้ยทำเหี้ยใส่แบบนี้ด้วยวะ
กูเป็นโรคแบบ กลัวคนอื่นมองว่ากูไม่สวย ดูไม่ดี ดูไม่เฟรนลี่เป็นคนแปลก หรือชวนคนคุย ยิ้มให้ใครแล้วเขาไม่มีท่าทางตอบรับกลับ แล้วหลังๆมันเริ่มกระทบต่อชีวิตประจำวัน กุเริ่มติดนิสัยสังเกตท่าทางน้ำเสียงของผู้สนทนาด้วย แล้วก็ไม่กล้าพูดดังๆในที่สาธารณะ แล้วในใจกุมันรู้สึกแปลกๆอะ เหมือนความรู้สึกมันไม่คอมพลีส กูควรไปพบแพทย์ไหม😭
>>983 เมิงเป็นโรคอ่อนแอทางกายและจิตใจ
หัดออกกำลังกาย ก็จะหายเอง
อย่างกุโกนผม หัวเกรียนเบอร์ 1.7 ก็ไม่ต้องแคร์ใคร คนก็ขำ ตลก หัวเราะแล้วไง มันก็แค่ไม่มีผม
ร่างกายกุแข็งแรง ก็ไม่ต้องกลัวใคร
ตอนนี้กุวิ่ง 5 กิโล กินเวย์ เพื่อให้ต้วเองแข็งแกร่งขึ้น เมิงต้องเริ่มตั้งแต่โกนผม ตัวเองแบบกุก่อน
มันจะเรียกความมั่นใจได้ โกนผมด้วยตนเอง
ถ้าเมิงไม่กล้า เมิงต้องอยู่กับควาทหวาดกลัวไปตลอดชีวิตนั้นละ
ถ้ามีปัญหาทางจิต ให้ลองออกกำลังกายดูก่อน สุขภาพกายดี จิตก็ดี
ผญ ส่วนใหญ่90% ออกกำลังกายไม่เป็น ไม่เคยเรียนกีฬา พื้นฐาน แบทมินตัน ปิงปอง ว่ายน้ำ
สมัยนี้ต้อง พิลาทิส ปะวะ
โรคระบาด ตามมาด้วย เศรษฐกิจ ล้มและจากนั้นก็ปิดท้ายด้วย สงคราม เสมอ สูตรสำเร็จตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 1
>>990 ขออนุญาติตอบนะ ส่วนตัวเล่นกีฬาพื้นฐานที่กล่าวมา และอื่นๆ ต่อให้สภาพร่างกายเราจะดีแค่ไหน
แต่เรื่องความวิตกกังวลกูคิดว่ามันเป็นธรรมชาติของมนุษย์อะ ยิ่งช่วงวัยรุ่น อาจจะเป็นเพราะฮอร์โมน เราแค่ต้องรู้จักที่จะควบคุมอารมณ์หรือความรู้สึกประหม่า ต้องไปแก้ไขที่ความรู้สึกล่ะมั้ง
เพื่อนโม่งมีใครกินยาตัว sertraline 50 mg มั้ย คือกูน้ำหนักเพิ่มตลอดเลย กูกินมา 6-7 ปี จากกูหนักประมาณ 50 ตอนนี้หนัก 70
กูพยายามออกกำลังกายบ้างและลดกินของจุกจิกไปบ้าง แต่ไม่มีท่าทีจะลดเลย มันเป็นที่ตัวยาที่ทำให้น้ำหนักเพิ่มใช่มั้ย กูเครียด 😢😢
999 ต่อติดตาย
1000 ปิดมู้
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.