>>792 ขยะที่คุยกับขยะในถังขยะ อื้ม ฟังดูน่าสนใจ. กูคิดมาตลอดเลยว่ากูอยากจะลดขยะสักนิดนึงก็ยังดี เพราะกูอยากมีลูก อยากให้ลูกได้เกิดในสภาพแวดล้อมบนโลกที่ดี ด้วยการรียูส รีไซเคิล ตอนมัธยมกูเลยไปขุ้ยขยะแยกขวดแยกกระป๋องบลาๆๆก่อนกลับบ้าน แต่ไม่รู้ทำไมกูไม่ชอบความรู้สึกเวลาที่เพื่อนยัดขยะใส่ในมือเพื่อให้กูเอาไปทิ้งให้เพราะเห็นว่ากูแยกขยะทุกวัน ทำไมไม่ไปทิ้งลงถังเองวะ แต่ช่างเหอะ แล้วมาวันนึง กูก็เลิกพกถุงดำมาโรงเรียน จำไม่ได้ว่าทำไม กูเริ่มคิดว่ากูไม่ค่อยอยากจะมีลูกแล้ว ส่วนนึงเพราะมนุษย์สร้างขยะ ที่บ้านชอบบอกว่ากูเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยมากเกินไป พอขึ้นมหาลัย กูได้ลองฟังคลิปพัฒนาตนเองว่าบางคนกลัวที่จะลงมือทำเพราะมัวแต่คิดเล็กคิดน้อย กูเลยอยากลองทำอะไรก็ได้เรื่อยเปื่อย อยากทำอะไรก็ทำ แค่ทำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะรู้สึกอิ่มตัว หรือไม่อยากทำ พร้อมเหตุผล กูจดโน้ตไว้ว่ากูเลิกทำอะไรเพราะอะไรบ้าง แต่กับางเรื่องมันทำให้กูอารมณ์ฉุนเฉียวจนเผลอขีดกระดาษยุ่งเหยิงไปหมด เลยนึกได้ว่าเมื่อก่อนกูจะกรองการคิดด้วยการพิมพ์หรือการเขียนอะไรเยอะๆยาวๆ แล้วมันทำให้กูจดจ่อได้ดีขึ้น และกูก็ลองกลับไปดู the boys กูรู้สึกว่าถ้ากูยังคิดไม่ตกอยู่เรื่อยๆ กูอาจจะเป็นคนแบบ MM ซึ่งกูชอบตัวละครตัวนี้ แต่ถ้าต้องมีอาการ OCD หรือสุขภาพจิตแย่ มันต้องมีผลกระทบหลายอย่างอยู่แล้ว ถึงกูจะก้าวข้ามความกลัวที่จะถูกลวนลามมาได้ตั้งนานนนนแล้ว แต่กูมันเหลือแค่ความโกรธเวลานึกถึงเรื่องพวกนั้น เหมือน MM ที่โมโหจนควบคุมตัวเองไม่ได้เวลาเจอคนที่ฆ่าปู่ตัวเอง กูรักตัวละครนี้จริงๆว่ะ ในฉากที่ลูกสาวปลอบพ่อด้วยคำพูดสั้นๆ แม่งดีมากๆ นั่นอาจเป็นเหตุผลที่กูเคยอยากมีลูก ถึงชีวิตจริงกูจะมีอิมเมจเป็นคนไม่ค่อยพูดเพราะส่วนใหญ่ใช้เวลาไปกับการคิดและก็เขียนออกมาเป็นตัวอักษร แต่กูอยากจะลองเรียนรู้ที่จะเริ่มต้นฝึกพูดใหม่กับครอบครัวใหม่ของตัวเอง อยากลองได้รับกำลังใจจากคนใกล้ชิดที่สุด และหวังว่าตอนนั้นกูจะเลิกคิดเล็กคิดน้อยได้ หรืออย่างน้อยก็ไม่คิดมาก บางทีกูเลยอยากเป็นซากขยะชิ้นใหญ่ที่นอนสบายๆอยู่บนทุ่งหญ้าใต้ร่มไม้ ไม่ต้องคิดอะไรมากมาย ปล่อยสัตว์ต่างๆมาอาศัยอยู่ในโพรงขยะ จนเถาวัลย์กับรากไม้มันเกาะไปทั่วแล้วก็กลืนไปกับธรรมชาติ ซึ่งในส่วนนี้กูไม่รู้จะระบุลงไปในพินัยกรรมยังไงเพราะเท่าที่อ่านๆมา เหมือนว่าเขาจะห้ามเอาศพไปทิ้งไว้แบบนั้น และเพื่อนกูก็ไม่ค่อยอยากให้ความช่วยเหลือกูเรื่องนี้เท่าไหร่ ก็เข้าใจได้อยู่ เพราะเพื่อนสนิทกูคนนึงก็เสียน้องชายไปเพราะมะเร็ง มันเคยบอกกับกูว่ามันรู้สึกเหมือนอยู่กับน้องเวลาที่ได้คุยกับกู มันคงไม่อยากเสียไปซ้ำสองมั้ง และนั่นทำเอากูสับสนว่าถ้าถึงวันที่กำหนดแล้วกูยังไม่อยากตาย ตอนนั้นกูจะอยู่ต่อไปได้เพราะอะไร ซึ่งกูก็ไม่ได้ตีกรอบไว้ชัดขนาดนั้นว่าต้องตายนะ ต้องตายเท่านั้น แค่จินตนาการไม่ออกว่าตอนแก่ กูจะใช้ชีวิตยังไง จะป่วยออดๆแอดๆ จนลูกหลานต้องมาผลัดกันดูแลเหมือนที่กูดูแลญาติๆก่อนสิ้นใจหรือเปล่า มันคงเป็นความคิดเล็กคิดน้อยอย่างนึง เลยอยากตัดปัญหาด้วยการตายไปก่อนจะต้องเป็นแบบนั้น เออ แต่ใจนึงก็อยากแก่เท่าที่จะแก่ได้ เพราะเคยคุยกับเพื่อนคนนึงไว้ว่าก่อนตาย จะไปเล่นหิมะด้วยกัน คงไปในสภาพไอ้แก่กับอีแก่ แล้วก็ปาหิมะใส่กันตายเพราะหัวใจล้มเหลว นอนตายจมกองหิมะ แล้วหลานๆก็มาขุดเจอศพตอนเช้าในท่าตายทุเรศๆแบบงงๆ อันนี้คิดกี่ทีก็ฮา เพื่อนกูไอเดียแจ่มเกิน