ปวดแผลเฉย กุทำตั้งแต่เดือนเมษาพึ่งมาปวดตอนนี้ แถมแผลบวมด้วย แสบๆเหมือนเวลาเหงื่อออกแต่คือกุอยู่ห้องแอร์ กับปวดเหมือนปวดกล้ามเนื้อวิ่งหนักๆ
Last posted
Total of 1000 posts
ปวดแผลเฉย กุทำตั้งแต่เดือนเมษาพึ่งมาปวดตอนนี้ แถมแผลบวมด้วย แสบๆเหมือนเวลาเหงื่อออกแต่คือกุอยู่ห้องแอร์ กับปวดเหมือนปวดกล้ามเนื้อวิ่งหนักๆ
กุไม่ชอบตัวเองเวลาพูดเลยว่ะ รู้สึกเหมือนตัวเองพูดมาก พูดไร้สาระ คนอื่นจะรำคาญรึเปล่า จะมองว่ากุแย่รึเปล่าทั้งที่พูดในกลุ่มเพื่อนสนิทแท้ๆ ไม่ชอบเลย
พอกุไม่พูดกุก็เหงา รู้สึกว่ากุจะน่าเบื่อรึเปล่า กุควรพูดอะไรมั้ย
มีหลักสูตรสอนหาจังหวะและวิธีการพูดปะวะ กุไม่ชอบตัวเองเลย
แปลว่ามึงเจอคนที่เขาดูไม่ได้ตั้งใจที่มึงฟังรึเปล่า มึงเลยคิดแบบนั้น ถ้าไม่สบายใจก็ลองพูดให้น้อยลงสักนิด ละลองพูดท็อปปิคที่คนฟังเขามีส่วนร่วมได้ด้วยอะ ทั้งฟังทั้งพูด เดี๋ยวก็เคเอง
>>616 คอร์สสอนเทคนิคการพูด การโน้มน้าวใจคน ทำให้คนรัก ทำให้ตัวเองมีเสน่ห์ มีเยอะแยะแหละ (และแพงด้วย) แต่กูว่าถ้าอยู่กับเพื่อนแล้วเรายังต้องพยายามขนาดนั้น อย่ามีเลยว่ะ เพื่อนเนี่ย แต่ถ้ามึงสนใจจริงๆ ลองดูคลิปครูเงาะใน youtube ก่อนก็ได้ เขาจะชอบทำคลิปแนะนำบุคลิกภาพ การพูด การวางตัวโน่นนี่นั่นสั้นๆ (เป็นคลิปสั้นเพื่อขายคอร์สต่ออีกที) กูว่ามันก็พอมีประโยชน์อยู่บ้าง แต่กูเอาไว้ใช้ในที่ทำงาน ถ้ากับเพื่อน กูว่าหาเพื่อนที่เคมีเข้ากันได้แบบเป็นธรรมชาติโดยไม่ต้องพยายามจะดีกว่า
Trusted issuesนี่น่ากลัวมากเลยนะ ตอนเด็กๆถูกสอนมาว่าพ่อกับแม่นี่แหละคือที่พึ่ง ต่อให้คนอื่นจะทำไม่ดีหรือโกหกกับเรา แต่พ่อกับแม่จะไม่โกหกเราเด็ดขาด และจะรักพวกเราอย่างเท่าเทียม(เรามีน้องชายคนนึง)
ที่ตลกร้ายคือพอมาช่วงม.ปลาย เราคุยกับแม่เรื่องที่เรารู้สึกหมดอนาคตไม่อยากจะใช้ชีวิตต่อแล้ว เรื่องหหาลัยก็ปวดหัวพอกัน เรามีชีวิตเพื่ออะไร?เพื่อใครกันแน่? ตอนขอแม่ว่าช่วยรับฟังได้ไหม+อย่าไปบอกพ่อนะ ไม่อยากให้เขาเครียด แม่ก็ตอบรับปากอย่างดีเลย
คืนวันเดียวกัน โดนพ่อกับแม่ลากไปคุยกันสามคน โดนด่ายับทั้งเรื่องอนาคต มหาลัย แถมโดนซ้ำด้วยว่าถ้าอยากจะเอาความรักที่พ่อกับแม่มีให้ไปโยนทิ้งนักก็เอาเลย ทำเลยสิ น้องชายยังมีดีกว่าเราอีกตั้งหลายอย่าง ทำไมลูซเซอร์งี้อ่ะ
ตลกร้ายกว่าคือตอนท้ายๆของการถูกรุมด่า แม่บอกว่าที่ทำก็เพราะรักลูกนะ...แต่ผลสุดท้ายก็คือ เราโดนโกหกใช่มั้ยล่ะ? ทั้งที่เราเชื่อใจเขามาตลอด มารู้ทีหลังด้วยว่านั่นไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาโกหกเรา
พอไม่อยากจะเชื่อใจใครแล้ว ก็รู้สึกเหมือนไม่มีใครให้พึ่งพาอ่ะ รุ่นพี่ที่เราสนิทก็เริ่มแยกตัวจากเราไปชิทแชทกับกลุ่มส่วนตัวเขาจนแทบไม่ทักคุยกับเราแล้วด้วย หรือจริงๆแล้วเราเป็นLoserเหรอ? หรือว่าเราก็แค่อยากจะหาใครที่เราเชื่อใจได้จริงๆ?
แค่จะร้องไห้ยังเกลียดเลย พอพยายามจะปล่อยโฮมันก็คลื่นไส้เอง กลายเป็นว่าร้องไห้ไม่ออกเพราะเกลียดเสียงร้องไห้/สภาพตัวเองตอนร้องไห้ มันน่ารังเกียจ มันไม่ดูเป็นลูกผู้ชายเลย มันน่าสมเพช
จริงๆนะ เราอยากตายเหมือนกัน แต่พอนึกถึงความเครียดที่คนรอบข้างจะได้รับก็ไม่กล้าทำแล้วละ แต่อยู่ไปก็มีแต่ทรมาณ ไม่เห็นอนาคตตัวเองเลย เหมือนใช้ชีวิตเพื่อคนอื่นไปเรื่อยๆจนกว่าเขาจะตายกันหมดแล้วค่อยตายตามไป
ปล.เราเป็นผู้ชายนะ เผื่อสงสัยเรื่องความไม่แมนด้านบน จริงๆก็ถูกปลูกฝังมาแหละว่าลูกผู้ชายห้ามร้องไห้ คงเพราะงี้มั้งเลยเกลียดเวลาที่ตัวเองจะร้องไห้
รู้สึกเหนื่อยเศร้าโกรธโมโหเครีบดกลัววิตก แต่กูก็เก็บมันไว้เพราะไม่อยากไปเห่าหอนให้ใครฟัง กูเผลอแสดงอารมณ์นิดหน่อยแม่งก็มีปัญหา กูเลยต้องเงียบๆ แต่มันก็เริ่มจะอึดอัดอยากระบาย แม่งสติปัญญาคนรอบตัวรับฟังเรื่องไม่เป็นอยู่แน่ๆ แต่ทีงี้พวกคอลเซ็นเตอร์มันจะคุยกับกูได้มั้ยวะ จจ.จิตใจสันดานกูมันเหี้ยเอาแต่ใจ กลัวแม่งจะประสาทแดกตายก่อนกู เพราะจริงๆกูก็เป็นคนที่มีคนมาปรึกษาตลอด เอาจริงๆกูก็แค่ตอบสิ่งที่แม่งอยากได้ยิน แต่จจกูไม่ได้เห็นด้วยกับมัน กูกลัวว่าพวกคุยคอลเซ็นเตอร์แม่งจะประมาณนี้ คือใครแม่งจะไปเข้าใจคนอื่นได้ ถ้าไม่ได้ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันวะ
เอาจริงกูเป็นคนไม่อินเลย กับโพสประเภท "ขมปี๋เลยดิ ชีวิตตอนโต" "เพื่อนมัธยมคือเพื่อนที่ดีที่สุด" "ชีวิตวัยเด็กไม่มีอะไรมาแทนได้" "ชีวิตวัยทำงานแย่กว่าชีวิตตอนเรียนเยอะ"
คือกูเข้าใจ point บางคนนะว่า ตอนเรียนแม่งไม่ต้องคิดอะไร ไม่ต้องหาเงิน บลาๆ
แต่ที่ชีวิตกูเจอแม่งคือมีแต่เหี้ยกับเหี้ยอะ เพื่อนก็เหี้ย ครูก็เหี้ย บูลลี่ก็เหี้ย พอชีวิตทุกอย่างเหี้ย กูหันมาเล่นเกมแบบไม่สนใจอย่างอื่นเลย (ยกเว้นเรื่องเรียน เกรดกูตอนจบ 3.9 ติดวิศวะลาดกระบัง) กูก็โดนผู้ใหญ่รอบตัวประณามอีก หาว่าเด็กติดเกม โตไปเรียนไม่จบ
พอมาถึงตอนนี้คือชีวิตกูสบายแบบ สบายกว่าที่เคยคิดว่าอนาคตกูจะมีได้ พอเจอโพสพวกนี้แล้วแม่งทำกูคิ้วขมวดประจำเลย เพราะพอเจอโพสพวกนี้ แม่งทำให้กูนึกย้อนกลับไปตอนที่ชีวิตแม่งโคตรจะเหี้ยอยู่
บางครั้งกูเห็นพวกคนประสบความสำเร็จด้านต่างๆ ที่เริ่มทำสิ่งที่ตัวเองชอบตอนอายุ 10 กว่าขวบกูก็เคยนึกนะ ว่าถ้ากูย้อนเวลาได้กูก็อยากเริ่มไวๆเหมือนเขา แต่พอคิดไปคิดมา สมัยกูเด็กๆแม่งมีแต่เรื่องให้น่าปวดหัวจนต้องหาที่ระบายประจำ กูจะเอาเวลาที่ไหนไปหาสิ่งที่ตัวเองชอบวะ
มาบ่นเฉยๆแหละ เห็นโพสแบบนี้แล้วทำกู triggered ประจำ
คนเหล่านั้นเป็นคนที่เก่งที่สุดในโรงเรียนมัธยมปลาย
พวกอ่อนแอต้องส่งไปโรงเรียนลูกผู้ชาย
ช่วงนี้รู้สึกดาวน์ๆ ว่ะ
คงเพราะอายุมากแล้ว (ปีนี้กู 33) แต่ยังไม่มีงานการมั่นคงเลย ในขณะที่คนอื่นแม่งมีลูกมีเมียมีครอบครัวกันหมดแล้ว ในขณะที่กูยังต้องเกาะอยู่กับที่บ้านเป็น Loser ในสายตาคนอื่นต่อไป จนไม่เหลือแม้กระทั่งความมั่นใจแม้แต่จะออกไปจีบใครเหมือนคนอื่นเขา
ถึงเงินเดือนจะไม่ขัดสนก็เถอะ แต่รู้สึกว่าการงานเองก็ติดขัดมากไม่ราบรื่นเท่าไรแถมอนาคตไม่ค่อยมีด้วย แต่ด้วยอายุเท่านี้จะเปลี่ยนสายงานก็ไม่ใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆ แถมมันเป็นสายงานที่กูเคยยืนกรานว่าอยากจะทำจนทิ้งโอกาสอะไรทั้งหลายไปอีก เลยต้องมานั่งเสียดายเสียใจกับการตัดสินใจของตัวเองจนถึงทุกวันนี้อีก orz
เช้านี้ กลับมารับงานพากย์ Valorant ณ ม.หอการค้า
(ยังมี ม.ศรีปทุม ม.กรุงเทพ ต่อ)
ชีวิตเริ่มต้นจาก 0 ใหม่ ขอบคุณมิตรสหายที่ไม่ลืมกัน
รับงานพากย์ทุกเกมครับ Valorant DotA2 LOL Naraka Fortnite Call of Duty ROV PubG Overwatch ฯลฯ หรือถ้าเปิดเกมใหม่ๆ บอกได้ครับ เทรนตัวเองไปพากย์ได้ แบบ Open AI
ถ้ามีทัวร์เล็กๆ และ ขนาดกลาง อยากใช้งาน สมใจถามราคามาได้ คิดถูกจน กันเอง คุณบริหารงบได้สบายๆ ครับ
ขอบคุณครับ
ถ้าไม่นับจาก0จะเริ่มจากอะไร การแข่งขันสูงขึ้นเรื่อยๆ
>>632 >>633 เป็นนักเขียนว่ะ นักเขียนนิยายด้วย
ปีก่อนๆ งานขายได้ ได้เงินมาพอเลี้ยงตัวเองเลยไม่บ่นอะไรนี่ล่ะ แต่มาปีนี้ยอดขายได้ไม่ถึง 1/3 ของปีก่อนๆ เลย จนเริ่มเดือดร้อนละ พอโดนเพื่อนๆ ที่เจอกันมาอวดชีวิตนั่นโน้นนี่ทันก็พาลรู้สึกให้คิดว่าตัวเองมาเสียเวลาอะไรอยู่แบบนี้
แต่อย่างที่บอกอะกูเลือกมาทางนี้เอง จนทิ้งโอกาสอื่นๆ ไปหมด เพราะชอบ แต่ปัญหาคือสภาพตลาดในตอนนี้มันฟืดเคืองมาก แถมจะชีฟไปสายงานอื่นก็ไม่ได้ โดยเฉพาะสายบัญชีที่กูมีวุฒิเนี่ยยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย
รำคาญความคิดคน รำคาญกับการไหลไปตามๆกันจนไม่รู้จะสนใจทำไม บางทีก็คิดจนจิตตกจนคิดว่าคนเราแม่งมีค่าต่ำกว่าเอไออีก
กูไม่เคยรับมือกับการจากลาได้เลยว่ะ
ถึงจะเข้าใจว่าชีวิตคนเรา people come and go แต่มันก็ยัง handle กับความรู้สึกแบบนี้ไม่ได้สักที
คือรู้และเข้าใจทุกอย่าง แต่มันก็ยังเศร้าอยู่ดี
กูโคตรไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย
>>639 หมายถึงการตายจากหรอ? ผลิตลูกแทนของเก่าดิ คนตายมันก็แค่ใช้งานไม่ได้
ต่อจากนี้ อาจใช้เวลาไม่นาน
และคงไม่ได้ร่าเริงกันแบบนี้ตลอดไป
อย่าไปยึดติดกับมัน
Maeshika mukanee
จากตรงนี้จนสุดเส้นทาง
ขอให้ผ่านพ้นด้วยความสวยงามเรื่อยไป
เหมือนใจหวั่นที่ฉันอาจไม่พร้อม
อยู่กับโลกที่เปลี่ยนผันไป
แต่อย่าหวั่นไหวจงเดินให้ไกล
และทุกครั้งที่เธอมอง ย้อนกลับมาตรงนี้
เธอจะเห็นเพียงแค่ลมที่ล่องลอยไป
Maeshika mukanee
สุดท้ายถ้าต้องร่ำลา
โปรดจงเชื่อมั่นในวันพรุ่งนี้ของเรา
แม้ว่าเธอไม่ได้อยู่ตรงนี้
หรือว่าฉันไม่ได้อยู่ข้างเธอ
แต่ต้องใช้ชีวิตคนเดียวให้ไหว
เธอกับฉันแยกกัน ไม่ได้อยู่นิรันดร์
แต่ท้องฟ้าจะคอยเชื่อมโยงเราอยู่ด้วยกัน
จะฟ้าก็ดีจะฝนก็ช่าง ฤดูกาลDay Night ไม่มีอะไรมากระทบใจกูได้
กุไม่ชอบที่ตัวเองเป็นคนเซนซิทีฟเลยวะ แล้วกุเสือกเซนซิทีฟแบบมากๆ เวลาฟังเพลงดูหนังคือเหมือนมันออกมาไม่ได้แล้วก็ตกค้างกับอารมณืไปหมด แล้วแบบเวลาดิ่งคือดิ่งชิบหาย ยิ่งเวลาเจอปัญหาที่แบบไม่ใช่ปัญหาของกุแท้ๆ กุไม่ได้ทำผิดด้วยซ้ำ แต่บางทีเวลาเตือนหรือพูดดีๆด้วยแล้วอีกฝ่ายชอบทำหน้าทำตาใส่กุเหมือนเรื่องที่กุพูดมันเกิดหรอกไรเงี้ย แต่แบบมันสามารถเกิดได้อ่ะกุแค่พูดให้เห็นภาพเฉยๆ พอมันทำหน้าทำตาใส่กุก็โมโหแต่กุทำห่าไรไม่ได้เพราะแม่งเสือกเป็นคนในครอบครัว กุทำได้ต้องเดินไปร้องไห้ในห้องน้ำหรือไปอยู่ในห้องมืดๆเพื่อร้องไห้แล้วทำร้ายตัวเองให้เจ็บมันจะได้ทุเลาลง แล้วหลายอย่างไม่ใช่ความผิดของกุอ่ะ แต่กุต้องมานั่งรู้สึกผิดในการที่กุจะเตือนใครสักคน ไม่ว่าจะในครอบครัวหรือเพื่อน มันแบบกุไม่กล้าจะมีส่วนร่วมด้วยเพราะกลัวเขาจะไม่มีความสุขอ่ะ
สมัยนี้ต้องพรีเซนต์ตัวเองไปด้วยวะ ไม่ใช่ขายแต่ผลงาน
ขายไลฟ์สไตล์ ชีวิตส่วนตัวของตัวเองให้เข้าถึงคนหมู่มาก
ไม่ใช่เอาแต่อยู่ในซอกหลืบ
บ้าเอ้ยเป็นโรคบ้าแพน คพูดติดอ่าง ว๊าคคคดตกรดนกกนกส
กูเพิ่งเคยใช้ขอถามเชิงบ่นหน่อยเพราะกูเจอมากับตัวแม่งแปลกมากไม่รู้ควรไปห้องไหน
ทำไมคนเหี้ยที่ชอบคาบข่าวเรื่องหลังไมค์ไปบอกคนอื่นให้เขาทะเลาะกัน คนนั้นตอแหลหน้าไมค์ดูเป็นคนดี หลังไมค์นินทาคนให้แซ่บ ทำไมยังมีคนคบแม่งอยู่อีกวะ แล้วคนที่คบกับแม่งก็คนที่โดนคาบข่าวไปบอกด้วยนะ
>>647 บอกห้ามแล้วมันจะฟังหรอ?? สันดานมันก็ไม่หายหรอก
เป็นใครมาสอนกูเรื่องของกู มันก็ประมาณนี้
กุเคยบอกให้มันเลิกคบเพื่อนฝ้ ไปแล้ว มันไม่ฟังไง อยากเด่นอยากดัง เยอะแยะในสังคม
เพราะการไม่มีตัวตนมันน่ากลัว พอแตกหักกันก็บอกไม่เกี่ยวแล้วนะคะ พวกนี้ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา
พวกคบกับพวกนี้ก็สติปัญญาพอๆกันละ เมิงก็เลิกคบกับไอตัวที่คาบข่าวสิ
มันบอกจะด่ามันยังไงก็ได้ อีdok ก็ได้ แต่ไม่ขอเป็นเพื่อนฝ้ อีก ถ้าใครพูดมาคำนี้หรือโพสภาพมันจะโกรธ กุว่าฮาดีนะ
บอกสำนึกแล้วหน้าไมค์ แต่หลังไมค์ก็ฉ่ำเหมือนเดิม เป็นที่มาอย่ามาลองดีกับนายหญิงของกู
>>648 กูเลิกคบกับมันไปละ คนแม่งมาฟ้องเรื่องมันเรื่อยๆทั้งรุ่นพี่กูเพื่อนรอบตัวกูกับมัน มาฟ้องให้กูรู้ฉ่ำๆไปเลยมึง กูเคยสนิทกับมันพอกูเลิกคบมีเพื่อนมาบอกว่ารู้ไหมตอนมันสนิทกับมึงมันอิจฉามึงที่ได้นู้นนี้จากคนในเน็ตทั้งที่กูก็อยู่เฉยๆ แล้วแม่งก็ gaslighting คนรอบตัวที่แม่งทะเลาะด้วยทุกคนไม่พูดขอโทษก่อนถ้าสนิทกับมัน
วันนี้กูลาป่วยไม่ได้เข้าไปมหาลัย แต่แจ้งเพื่อนไว้ว่ากูลาป่วย แล้วทีนี้กูเพิ่งมาเห็นว่ามีงานต้องส่ง เลยเจียดแรงอันน้อยนิด หัวก็ปวด ลุกไปโบกวินมอไซส่งงาน พอไปถึงตึกคณะ กูดันคิดมากว่าจะมีใครมาเห็นกูไหม เลยเดินหลบสายตาคนทั้งหมด แล้วกูดันโชคร้ายเจอรุ่นพี่หลายคนเลย เขาก็ถามว่าไม่เรียนเหรอ พี่ฝากของไปให้น้องหน่อย บลา ๆ กูเลยบอกเขาไปว่า วันนี้หนูลาป่วยค่ะ เลยไม่ได้เข้าเรียน พี่เขาบอกกูกลับบ้านดีๆน่ะ ที่จริงก็ไม่อะไรหรอก แต่กูดันคิดมาก กลัวพวกพี่เขาเอากูไปพูดหรือถามใคร (มันเป็นเวลาเรียน แต่กูลาป่วย แล้วไปส่งงาน มันจะดูเป็นคนเหี้ยไหมอ่ะ )สำหรับกูดันคิดมากเรื่องแบบนี้ ทั้ง ๆ ทีกูไม่อยากมาสนใจเรื่องเล็กน้อยแบบนี้หรอก มีวิธีเลิกคิดมากแบบนี้ไหมอ่ะ กูเกลียดตัวเองที่คิดเยอะ คิดมากชิบหาย
มึงๆโรคหลงตัวเองมีใครรู้เชิงลึกเรื่องนี้บ้างวะ กูกำลังศึกษาอยู่อะคือมันมีที่มาที่ไปยังไงอะไรมันก่อให้เกิดอาการห่านี่ได้วะ แบบพวกวางแผน ใช้คำพูดทำให้คนหลงใหลอะไรแบบนี้มันทำได้ยังไง
เมื่อก่อนในที่ทำงานกับรุ่นพี่ผู้หญิงมีอายุหน่อยๆ กุดีกับทุกคน ใครเดือดร้อนกุช่วยเหลือตลอด บางเรื่องแทบไม่ต้องพูด กุพร้อมซัพพอร์ท มีปัญหาอะไรก็คอยรับฟัง แต่พอเวลาผ่านไป กุต้องการความช่วยเหลือ ทำชักสีหน้าใส่เหมือนรำคาญทั้งที่พวกมันก็ว่างเล่นโทรศัพท์ ทักไลน์ไม่ตอบแต่พอพวกมันจะให้ช่วยงานดันไลน์กลับมาได้ หงุดหงิดอะไรก็สามารถ อดกลั้นได้หมดแต่มาลงกับกุคนเดียว และพวกมันสามารถ พูดจาดีๆ หัวเราะขำขัน กับคนที่ไม่เคยช่วยเหลือ ไม่เคยทำอะไรเพื่อพวกมันเลยสักนิดได้อย่างสนุกสนาน เลยรู้สึกว่ามันไม่ใช่มิตรภาพที่กุต้องการละจึงเฟดออกมา
กุอยากขอแนะนำว่าต้องวางตัวยังไง เผื่อคราวหลังจากลาออกแล้วจะได้ไม่เจอคนทำตัวแบบนี้ใส่อีก
กุคิดมาหลายคืนละ ที่คิดว่าชีวิตตัวเอง มันว่างเปล่าเหลือเกิน แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าที่มันว่างเปล่าเพราะมันห่างไกลสิ่งที่อยากทำให้เกิดขึ้น สิ่งที่ยิ่งใหญ่ จนเหมือนมันจะเป็นไปไม่ได้ เช่น พอทำสำเร็จ เราก็มีโอกาสแต่งงานกับเมม
วันนี้ก็เลยอยากให้รางวัลตัวเอง อยากซื้ออะไรสักอย่างให้ตัวเอง แต่ก็กลายเป็นนึกไม่ออกด้วยซ้ำว่าอยากได้อะไร ไม่มีเลย
จบที่เปย์ไอดอลอยู่ดี เพราะรู้สึกว่าเป็นการทำให้ชีวิตมีค่าขึ้นมา เมม ทุกคนจะรู้มั้ยว่าการเปย์และได้อธิบายว่าทำไมถึงต้องสู้ต้องเปย์เพื่อเมม คือความสุขมากๆอย่างนึงของเราแล้ว ละก็ในจำนวนคามิโอชิ ไม่ถึง5 คน เราไม่รู้สึกอยากได้อะไรจากเค้าแล้วเลย เราอยากให้เค้าอยู่ในสายตาเรา แค่อยากดูเธอเติบโตไปเรื่อยๆเท่านั้นพอ
---------------
มันคืออาการอะไรวะ ไม่เข้าใจตัวเองเลย
https://i.imgur.com/SlCTR0T.png
https://www.youtube.com/watch?v=dixsFSqdjmU
รู้สึกว่าด้อยกว่าGENพ่อแม่วะ มองว่าถ้าเราให้กำเนิดลูกไม่ได้ เราก็ไม่ได้มีค่าอะไรเลย
อยากให้กำเนิดลูกโมเอะแบบ สิต สักคน
โอตะจะมีจุดจบที่ดีแบบคนอื่นเขามันจะเป็นไปได้ไหมวะ
เคยทำแบบ MBIT แล้วได้ INFJ ตอนแรกก็คิดว่าแค่แบบทดสอบขำๆ + ไม่ค่อยเชื่อนักหรอกนะนะ
แต่ช่วงหลังๆ ที่ผ่านมาเริ่มสังเกตตัวเองแล้วว่าแม่งตัวเองเป็นคนประเภทนี้จริงๆ ว่ะ
ทั้งเป็น Perfectionist ทั้งมัวแต่แคร์สายตาคนรอบข้าง ทั้งกลัวโดนตำหนิ ล่าสุดอยากได้งานออกมา Perfect แต่ทำไม่ได้สุดท้ายก็ Burnout จนหมดอารมณ์ทำงาน ฯลฯ
พอรู้ชัดแบบนี้ รู้สึกเริ่มเกลียดนิสัยตัวเองชิบหาย ทำไมต้องเลือก try hard แทนที่จะทำอะไรง่ายๆ ด้วยวะเนี่ยตัวกู
กูก็ได้infj กูเคยเจอinfjมาหลายคน แม่งคนละเรื่องกันเลย เพราะแบบสอบถามmbira มันไม่ได้วัดpersonalityหรือbehaviorจริงๆ แต่มันวัดcharacterมากกว่า <อันนี้ศัพท์จิตวิทยา ไปหาdefinitionได้>
ต่อไปคงต้องมีคู่มือ how to
เลี้ยงลูกอย่างไรไม่ให้โตขึ้นเป็นเด็กเก็บกด
จากใจ เด็กเก็บกด แต่ไม่รู้จักใช้ปืน เกือบทำเพื่อนตาบอดคนนึง คนนั้นชื่อริวเอ็น
อยากขอโทษเมิงวะ ไม่รู้ตาเมิงจะหายดีหรือกลายเป็นไอบอด กูก็รู้สึกผิดจริงๆ
แต่ไม่เจอกันคงจะดีกว่า ตอนนั้นกุแค่คิดว่าจะควักลูกตาเมิงออกมาเท่านั้น กุไม่เป็นตัวของตัวเอง
ปีศาจมันครอบงำกู แต่ตอนนั้น พวกเรายังป.5 กันอยู่เลย เมิงคงรู้แล้วว่ากุคือใคร
ถ้ากุโตกว่านี้พวกเราคงจะเป็นเพื่อนกันได้ แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันสายไปแล้ว
>>670 สนิทกับลูกให้เหมือนเพื่อน แค่นั้นเลยกูว่า บ้านไหนที่ลูกสนิทกับครอบครัวพ่อแม่พี่น้องแม่งจะเป็นคนที่สุขภาพจิตดีทั้งนั้น
ยากนะ กูไม่เข้าใจไมหลายครอบครัวทําไม่ได้ แล้วมักเป็นครอบครัวที่พ่อแม่อยู่ตำแหน่งสูงๆ สงสัยสูญสิ้นความเป็นมนุษย์ไป ความรักที่มีให้ลูกเหลือแค่Materialism ให้การศึกษา ให้เงิน ให้ข้าวของเครื่องใช้การอยู่กินดีๆ แต่ขาดอะไรไปบางอย่าง แต่ก็นั่นแหละเป็นสิ่งที่จักรกลไร้หัวใจมันทําได้ดีที่สุดแล้วสําหรับลูกของมัน
แฟนเป็นโรคซึมเศร้า แต่หายมาได้ครึ่งปีละ อยู่ด้วยกันแบบกุทำงาน แต่แฟนกุว่างงาน มีงานอดิเรกส่วนตัว ชอบขอเงินกุไปทำงานอดิเรก เงินมันก็ไม่ได้เยอะหรอก แต่พอเวลากุบอกว่าให้หาเวลาไปหางานบ้างนะ เหมือนนางแม่งจะแพนิค เครียดตลอดเลย คือกุต้องทำไงดีวะ เป็นมาซักพักละ
บ้านเกิดกูอยู่อยุธยาแล้วพ่อทำบ้านโดนยึดกูเลยต้องย้ายมาอยู่ทำงานสมุทปราการมาจะสองปีแล้ว ปัจจุบันกำลังจะซื้อบ้านที่นี่ แต่กูยังทำใจไม่ได้เลยทุกครั้งที่กูคิดถึงอยุธยากูก็ร้องไห้ทุกครั้งอยากกลับไปมากๆแต่ที่นี่ทั้งงานและเงิน ทั้งๆที่รู้ว่าถ้ากลับไปจะตัวเปล่าแต่กูก็อยากกลับไป กูมูฟออนไม่ได้วะ กูคิดถึงใจจะขาด
อยุธยาไม่ร้อนหรอวะ ไม่เคยไปอยุธยา5-6ปีแล้ววะ เจริญยังวะ
กูว่าเริ่มเจริญแล้วนะมีเซ็นทรัลมาเปิดแล้ว กูรู้สึกว่าที่อยู่ปัจจุบันร้อนกว่าอยุธยานะ
ทำงานแล้วเครียด ๆ โดนจวกเละทุกวัน งานก็หนักยากอีก มีวิธีแก้กันอย่างไรบ้างให้หายเครียด
เวลาหัวหน้าด่านี่เขาด่าไรกันวะ กูไม่เคยอยู่ในแวดวงการทำงานมนุษย์เงินเดือน งง
ในนี้มีใครทำงานด้านธุรการบ้างวะ พอดีกูจบใหม่ดนตรีอยากเปลี่ยนสายงานอยากรู้ว่างานยากไหม
ธุรการ ต้องทำงานสีเทาให้ได้ เป็นยันแก่ กันหมด
มาถามในมู้นี้ละ
ผู้ป่วยDIDใช้ชีวิตยังไง เล่นโชเชี่ยลตามปกติมั้ย ใครเป็นหรือรู้จักคนเป็นมาบอกหน่อย
โรคจิตเวช นี่มันจะมาตอนมีความรัก กุสังเกตุผญหลายคนละ มีความรักแล้วเปลี่ยนไปเศร้าหมองเลย
กุว่าการไม่มีแฟนเนี่ยละดีที่สุด
แต่กุไม่อยากทักว่า เลิกกับผช คนนี้นะ แต่กุสังเกตุอาการซึมเศร้าชัดเจน ปกติมันต้องด่ากุ แต่ตอนนี้มันไม่ด่าแล้ว
ซึมเศร้ามันโรคติดต่อกันได้
อีกประมาณ 3 วันจะถึงวัน(ฆ่าตัว)ตายละ ตื่นเต้นจังแหะ อารมณ์เหมือนตอนต้องออกไปพรีเซนต์งานหน้าห้องสมัยเด็ก ๆ เลย
ซ้อมผูกคอจนหูอื้อไปหมดละ
แต่ก็รู้สึกเสียดายนิดหน่อยแหะ ยังอยากรอดูอัปเดตเกมที่ตัวเองเล่นอยู่เลย
แต่แม่งไม่ไหวละขี้เกียจทำงาน พอไม่ทำงานก็ไม่มีเงิน พอไม่มีเงินก็ต้องตาย
ทำไมตาชั่งฝั่งชีวิตกูมันเบาเช่นนี้หนอ
>>695 กูไม่มีพ่ออะ แม่กูเป็นคนต่างจังหวัดเข้ามาทำงานกทม. แล้วพลาดมีกูเฉย ๆ โดน toxic ใส่ตั้งแต่เด็ก ความสัมพันธ์ไม่ได้ดีอยู่แล้ว
อีกอย่างกูอยู่แบบอด ๆ อยาก ๆ มาตั้งแต่เด็กอะนะ ที่บอกมีพร้อมนี่ไม่ใช่ละ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาหรอก ตอนเด็ก ๆ กูขยันทำงานจะตาย
ไม่รู้เหมือนกันว่ากูเริ่มเป๋เอาตอนไหน น่าจะตอนแม่กูเริ่มหาผัวใหม่มั้ง ถึงจะ toxic ยังไงแม่ก็คือโลกทั้งใบอยู่ดีอะนะ
เก็บกดมาได้สิบกว่าปี มาแตกเอาตอนอายุ 26 ลาออกจากงานประจำมา ใช้เงินเก็บกับทำฟรีแลนซ์นิดหน่อย จนตอนนี้ 30 ไปต่อไม่ไหวละ
จริง ๆ ต้องบอกว่าไม่รู้จะไปต่อเพื่ออะไรต่างหาก สมัยก่อนแค่ไม่มีเงินนิดหน่อยก็วิ่งวุ่นหางานทำไปทั่วละ
ชีวิตมัน มึงไปเสือกอะไรด้วย
แต่ก่อนมึงจะตาย ถามตัวเองดีๆ ว่ามึงยอมรับได้ไหมที่ไม่ได้เห็นวันพีซตอนจบ เกนชินก็ยังไม่ถึงเมืองน้ำแข็ง จิ๋มเทพไฟยังไม่เห็น นมเทพน้ำแข็งก็ยังไม่เจอ GTA 6 ก็ยังไม่ออก
มึงรับได้ไหม?
จริงๆ ชีวิตคนอื่นกูก็ไม่อยากยุ่งมากหรอกนะ เพราะตังกูก็ไม่ค่อยพอเหมือนกัน แต่กูอยากอ่าน HxH ตอนจบอยู่นะ
แต่ถึงมึงไม่อยากตายก็ตายอยู่ดี จะรีบ game over ไป ส่วนตัวกูว่าไม่คุ้ม
มีคนฆตต.หมู่ในไทยบ้างป่าว ต้องไปหาจากไหน
เห็นมาเยอะชวนไปกันเป็นหมู่ แต่มีคนตายต่อหน้า ล้มเลิกก่อนก็มี คนเราเกิดมาตัวคนเดียว ตายไปก็ตัวคนเดียว
จำเป็นต้องมีเพื่อนด้วยหรอ ถ้ากุจะตายกุจะท่อง และร้องเพลงความโมเอะ มันทำให้กุมีความกล้าเผชิญหน้ากับทุกอย่าง
คืนนี้แล้ววววว เอาซักประมาณตี 2 ตี 3 ละกัน บรรยากาศกำลังดี
เก็บกวาดห้องเรียบร้อยละ ไม่ได้เหงื่อออกมานานสดชื่นดีจริง ว่าแต่จะกินอะไรเป็นมื้อสุดท้ายดีวะ
ส่วนเวลาที่เหลือก็นั่งลูบหัวไวฟุในเกมวนไป
ถ้าไปแล้วหิว มาเข้าฝันบอกเลขกูได้นะ ถ้าซื้อตามแล้วถูกเดะทำบุญไปให้ ถูกเยอะใส่บาตรให้เยอะ ถูกน้อยใส่บาตรให้น้อย ถูกแดกกูแช่ง
มีวิธีคลายความวิตก กังวล แบบฉับพลันรวดเร็วไหม
>>712 หายใจเข้าให้เต็มปอดทางจมูก หายใจออกทางปาก ทางกายภาพ
ทางความคิด ให้วาดรูปหรือsettingภาพ ที่ทำลายอารมณ์นั้น สมมุติ เมิงเงี่ยนมาก ให้คิดภาพคนแก่ของคนที่เมิงชอบไว้ มันจะทำลายจินตภาพ สุดท้ายก็เหี่ยวย่น
ถ้าวิตกกังวล อย่างแรกเลยคิดว่าเราได้ครอบครองมาแล้ว แม้ตอนนี้ยังไม่สำเร็จ คิดภาพจำในอนาคตที่ได้ครอบครองสิ่งนั้น หาวิธีที่จะไปสู่ภาพจำนั้น มันก็ง่ายๆ
1.ทางกายภาพหายใจ
2.สร้างรูปวาด
3.คิดเชิงตรรกะ
ไปแล้วนะโม่ง ใครที่ยังอยู่ก็ขอให้มีแต่ความสุข ถูกหวยรางวัลที่ 1 กันคนละ 10 ใบ
ส่วนกูขอล่วงหน้าไปก่อนละ
ลาก่อยชาวโลก บัยยยยยยย
กูว่าจะลาออกจากงานหลังปีใหม่วะเห้อทนไม่ไหวที่ทำงาน แม่งบรรยากาศแย่มากๆทำไปเสียสุขภาพจิตไปขอออกมาตั้งหลักใหม่ก่อนละกัน
นอนหลับ4-5วัน วันนี้นอนไม่หลับอีกละ
กูอยากให้reel หายไปจากโลก อยากให้คลิปสั้นควายๆติ๊กต่อกหายไปให้หมด ไร้สาระไม่พอ แม่งสร้างมาเพื่อดูดเวลา ทำลายสมองสัสๆ กูก็เฉยๆ บางทีก็ดู แต่บางทีคนรอบตัวแม่งติดรีลชิบหาย ดูได้เป็นชั่วโมงๆ งานการไม่ต้องทำเหรออิสัส
ไอ้เหีย กูขอให้คนคิดสร้างไอ้สิ่งนี้ตายห่าอย่างทรมาณ รวมทั้งไอ้เหี้ยหมากที่เอามาใส่เฟสด้วย อิสัสหมาชาติเปรตปัญญาควาย
กูเป็นโรคซึมเศร้ามึงว่ากูจะทำงานเทเลเซลล์ไหวปะ
กินยาต้านซึมเศร้าอยู่ อยากรู้ว่าเลิกกินยายากมั๊ย เห็นว่าต้องกินติดกันตลอด
ถามหน่อย ใครเป็นพวกจิตเวชควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้
และต้องฉีดยา เพื่อให้จิตใจสงบ อยากรู้ว่าฉีดยา มันมีความรู้สึกยังไงหรอ เวลาได้ฉีดยาแล้ว สะใจไหม
ที่อารมณ์ดิ่งเพราะอยู่ช่วงไม่มีเงินด้วย อยากจะเปย์นู่นนี่นั่น รู้สึกแย่จัง
นอนไม่หลับตลอดเลย ไม่อยากกินยานอนหลับ
มีหมอแบบให้มาที่บ้านมั่งมั้ย กุปวดประสาท ประคองมาตั้งนาน เกิดเรื่องโง่ๆควายๆเท่าขี้หูมดเสือกโวยวายยกใหญ่ กูจะบ้า
มีใครกินlexaproมั่ง กินวันแรกเกิดอาการร้อนวูบวาบ
ช่วงนี้แผนกนี้หยุดอยู่ ควรกินต่อหรือหยุดดี
ตกงานแต่ที่บ้านก็ไม่ใช่เซฟโซนมันเป็นความหวังดีของครอบครัวนะเเต่เราใช้ชีวิตได้ลำบากมากๆเป็นทุกข์ ความเห็นไม่ตรงกันทะเลาะกันบ่อยขึ้นไม่อยากเป็นแบบนี้ รู้สึกว่าไม่ไหวละอยากไปพบจิตเเพทย์ แต่ที่บ้านเอนตี้มากบอกชอบคิดไปเองเเต่ก็บอกพวกคนฆตต.เป็นคนสิ้นคิดไปหาหมอจิตก็มีประวัติกินยาต้านซึมเศร้าก็มีผลเสีย อยากโทรปรึกษาเพื่อนฝูงเรื่องชีวิตเเต่ดันอยู่บ้านเดียวกันจะคุยกับใครก็ไม่ได้เพราะที่บ้านฟังด้วยตลอด เครียดมากเเบบมาก็จริงๆตอนนี้มีใครให้คำเเนะนำการอยู่ร่วมกันกับที่บ้านทีหรือใครเคยไปพบหมอด้านนี้ต้องทำยังไงมีอะไรต้องเตรียมบ้าง หรือใครที่ผ่านมาเห็นก็ขอกำลังใจหน่อยเถอะนะ ไม่โอมากเลยจริงๆ
>>730 เมิงก็หาซื้อบ้านของเมิงสิ อยู่คนเดียว ไม่มีใครว่า หรือเมิงไม่มีบ้านแล้ว จะตัดก็ตัดให้ขาดอย่าไปพี่งที่บ้านอีกแม้แต่บาทเดียว
อยู่ร่วมกันไม่ได้ก็ไม่ต้องอยู่ อย่าเหลวไหลแบบโนบิตะ
ธรรมมะแท้ไม่มีคำว่าปลอบใจหรอก เมิงอยากได้ยินคำปลอบใจของเพื่อนเมิงหรอ ไม่มีเงินก็ไปเช่าคอนโด ขายตัวไปก่อนก็ได้ ช่วงนี้ แล้วค่อยๆเก็บเงินหาทางออกมา
>>731 เงินหาหมอก็เงินกูมึงใจเย็น ไม่ได้อยากฟังคำปลอบจากเพื่อนหรอกกุแค่รู้สึกไม่มีที่ไหนที่จะหันหน้าเข้าหาได้เลยจนเเต้มจนมาโพสระบายรู้ว่าที่พูดมันถูกจะธรรมะเเท้อะไรก็ตามเข้าใจได้เเต่มันเครียดมากไม่ใช่ว่ามาทำตัวเป็นโนบิตะยอมรับว่าบางเรื่องที่บ้านก็ช่วยแต่ก็ดิ้นรนหาเงินรับผิดชอบชีวิตตัวเองไม่พึ่งใครอยู่ ความคิดย้ายออกน่ะมีแต่ความจริงเรื่องหาเงินซื้อบ้านมันไม่ใช่จะไล่ไปขายตัวก็ทำใจหาขายกันได้ง่ายๆหรอก ที่เข้ามาระบายขอคำแนะนำเพราะมาหาทางออกแบบบ้านไม่พังถึงได้จะรับผิดชอบตัวเองโดยการไปหาหมอไม่ได้อยากเหลวไหล
มึงว่าคนทุกวันนี้โดนติ๊กต่อกทำลายสมองไปหมดแล้ว หรือจริงๆแล้วคนมันเห้แถมจริงๆแล้วเป็นโรคซึมเศร้ากันหมดอยุ๋แล้ว แค่เพิ่งมามีการศึกษาวินิจฉัยตอนนี้ เลยดูเหมือนมีคนเป็นซึมเศร้ามากขึ้นกันแน่วะ แบบไม่เกี่ยวกับสภาพคุณภาพชีวิตที่ชิบหายขึ้นเรื่อยๆ แต่จริงๆแล้วคนส่วนมากมันซึมเศร้าอยู่แล้วมาแต่ไหนแต่ไร
เคยเจอแบบยัยผมทองเหมือนกัน แต่เสริมหน่อยว่าดีกว่า(แบบแปลกๆแตกต่าง)ตรง..ผมมีเอกลักษณ์กว่าที่ค่อนข้างมืดมน
.
ผมสมัยเรียนปีแรกๆมองโลกแง่ร้าย ยิ้มบ่อยแต่เหมือนเสเเสร้งปนเหยียดและประชดเรียกว่าวอนตีนล้วนๆ แต่แปลกดีที่ไม่มีคนเกลียด การใช้บวกปรับสายตา(การขยัยกล้ามเนื้อรูปหนังตากับคิ้ว)เพื่อแสดงออกนี่ถ้าดูจากกระจกยังอึกเองเลยว่าตัวเองกำลังคิดไรอยู่ก็ไม่รู้ แถมทั้งหมดถูกจดจำมีแต่คนเป็นมิตรมาอยู่รอบตัวซึ่งทำสงสัยตัวเองมีดีอะไรนะถึงมีแต่คนคอยพยุงตลอดเวลา ตัวผมจะต่าง(กับตัวละครข้างบน)ที่ตรงไม่ค่อยเจอสายตื้อที่อยากเป็นเพื่อนแบบยันทอมในเรื่องแหะ ...
.
อ๊ะ!ใช่ว่าจะไม่เคยเจอนะ ผมเจอแค่ครั้งเดียวตอนปีหนึ่งเป็นหนุ่มหล่อขี้สงสัยจากคณะครุศาสตร์(ที่จ้วงหัวว่าแม่งตื้นเขินน่ารำคาญชะมัดแต่ก็ไม่เกลียด) และดูเหมือนผมจะถูกตีตัวออกห่างเองในหนึ่งวันแห่งความพยายามของเจ้าหมอนั่นซึ่งวันนั้นฝนตกซะด้วย ผมก็ไม่เห็นเจ้านั้นอยู่หลายปี.... ตื้นชะมัดเลยนะ ทั้งที่ทางนี้อุตสาห์เปิดหัวข้ออภิปรัชญา เช่น ความหมดศรัทธาว่ามนุษย์เป็นสัตว์ผู้มีเหตุผลหลังผ่านยุคโพสโมเดิร์น กับแนะนำหนังสือโลกของโซฟี่และนักปรัชญารุ่นเดอะ ต่างๆแท้ๆ การเมืองนู่นนี่ ความเป็นจริงและสิ่งที่ต้องจ่ายแม้จะทำตัวเมินเฉยในนาม "เป็นกลาง" ที่อ้างๆ กันของคนกลุ่มหนึ่งว่าตามจริงการอยู่เฉยก็มีราคาที่ต้องจ่ายเช่นเดียวกัน ....... ผมพูดแต่เรื่องเครียดรึไงไอ้บ้านั้นเลยหนี เฮ้อ น่าขยะแขยงชะมัด
ดูเบื่อสังคมทถกวันนั้ เบื่อออนไลน์ เบื่อแพลตฟอร์มโง่ๆ ควายๆ เบื่อติ๊กต่อก เบื่อเทรนด์คลิปสั้นหัวจวย เบื่อประเด้นไร้สาระงี่ดง่าบนเอ้ก เบื่อเด้กสมัยนี้ที่ดีแต่ทำเรื่แงควาบๆ เบื่อ รำิทเสดบเยท่อรเชพใืเ่อรเบท่อเบท่อเรลือ่เม ไงเท ไม่เคยสนใจว่าคยอื่นเหนื่อน ไม่รึ้ตีกดุแลตัวเอง แล้วมางอปงว่าไม่มีึวามสุขไม่มีความสุข ๆม่มีความสถขหัวจวบไร ก็มึงทำเหี้ยใส่ตัวเองเองล้ววนๆทอีหย้าจวย
กูไม่ชอบขับรถออกไปข้างนอกเลยแต่กูก็ชอบไปข้างนอก กูซุ่มซ่าม รถก็เก่าๆพังๆ กลัวขับรถแย่โดยไม่ตั้งใจแล้วจะมีคนด่ากู ตัวกูไม่เคยโดนตอนขับเองหรอก มีแค่กูอยู่หน้าบ้านแล้วปิดหูเพราะท่อเด็กแว๊น ละเด็กแว๊นก็ตะโกนใส่กูว่ามีปัญหาอะไร แต่ถ้านั่งรถไปกับคนอื่นหรือขี่ตามเพื่อนเคยโดนทั้งบีบแตรทั้งตะโกนด่า แล้วบางทีคนที่ไปกับกูเขาก็ทำผิดเองนะ แต่เขาก็ไปด่ารถคันอื่น ทำให้กูรู้สึกไม่สบายใจ กูชอบออกไปตอนกลางคืน รถน้อยๆ แต่บางทีมันก็มีเรื่องจำเป็นที่ต้องออกไปตอนกลางวัน กูเป็นคนกลัวที่คนเยอะด้วย ไม่รู้จะต้องเริ่มแก้จากอะไร เมื่อก่อนกูก็ไม่ได้กังวลขนาดนี้นะ แต่พอเห็นเพื่อนกูโดนด่า แล้วมันก็ด่าสวนกันกับรถคนอื่น บางอย่างกูก็ไม่รู้จะอธิบายกับเพื่อนยังไงว่ามันน่ะเป็นคนผิดเอง อย่างเรื่องที่ไฟต่ำเสีย มันเปิดไฟสูงใส่รถคนอื่น แล้วเขาเลยเปิดใส่มันคืน พอมันไม่ปิด เขาก็ตะโกนด่า มันก็ด่าสวน ขับไปด่าย้อนหลังไปด้วย กูบอกว่าจะขับเองเำราะกูขับโดยไม่เปิดไฟ มันก็ไม่ให้กูขับ กูก็กังวลไปตลอดทางว่าจะมีใครด่าอีกมั้ย กูบอกไม่ถูก กูแค่ไม่อยากเจอแบบนั้น ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนอะ ไม่ชอบที่ต้องได้ด่ากัน ไม่ชอบเสียงดัง อยากกล้าขับรถเท่าเมื่อก่อน
>>740 มันมีสิ่งที่เรียกว่า “การสื่อสารโดยใช้เหตุผล” อยู่นะเพื่อนโม่ง คือถ้าคุณคิดทุกอย่างแต่ในหัว แล้วคนอื่นจะเข้าใจมั้ยหล่ะ
ถ้าไม่ชอบการด่าทอ มันก็มีการคุยแบบdiplomatic คุยอธิบายความหมายให้คนเข้าใจไม่โกรธ
อะไรผิดก็เตือนว่าผิดเถอะ ถ้าคนไหนที่โดนเตือนแล้วมีอาการโกรธหงุดหงิดก็ควรตัดสถานะคําว่าเพื่อนแล้ว คนประเภทที่ใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล ออกห่างมาครับ แล้วชีวิตจะดีขึ้น
คทอเรื่องปัญหาการสื่อสารนี่มันไม่เกี่ยวกับเรื่องการขับรถเลยนะ ลองออกมาขับวันปกติไม่ได้จะมีคนด่ากันอะไรขนาดนั้นซักหน่อย นี่ไปขับรถอยู่ที่ไหนวะ ยุโรปตะวันออก?
กูรู้สึกผิดหวังในตัวเองว่ะ กูไม่กล้าบอกอายุตัวเองจริงๆ กับใครเพราะกูคิดว่ากูแก่ละนะ 30+ แต่ยังไม่ทำงานจิงๆจังๆ กูเป็นฟรีแลนซ์ที่ทำงานหาเงินเลี้ยงตัวเองไปวันๆ แบบไม่มีเงินเก็บ ทางบ้านกูไม่ค่อยขัดสนเรื่องเงินกูเลยไม่มีภาระหน้าที่ในส่วนนี้ แต่ก็ไม่ใช่ว่ากูไม่ทำงานเลย กูทำงานก็ได้เงินพอมีพอกินพอเก็บ แต่พอเก็บเงินกูก็เอาไปฟุ่มเฟือยกับงานอดิเรกจนหมดตูด กูรู้สึกว่าตัวเองลูซเซอร์มาก กูพยายามเหยียดคนอื่นว่าคนที่ลูซเซอร์กว่ากูมีเยอะแยะมาก กูมีเพื่อนที่ลูซเซอร์กว่ากูที่วันๆไม่ทำงาน เล่นแต่เกมจิงจังมาก กูเห็นเขามีความสุขกับการเล่นเกมและชีวิต ทำให้กูรู้สึกแย่ทั้งที่กูดีกว่าเขาแต่ทำไมกูไม่มีความสุขเลย
กูรู้สึกกูทำดีกับคนอื่นเพื่อให้คนอื่นแฮปปี้แล้วไม่ต้องมายุ่งกับกูอ่ะ กูก็อยากให้พวกมันมีความสุขแหละ แต่ไปมีไกลๆแบบไม่ต้องมายุ่งกับกูอ่ะ กูเหี้ยมั้ยอ่ะ
กูเคยอยู่กับคนประสาทแดกมาหลายปี ตอนนี้ออกมาจากมันได้แล้ว รู้สึกเป็นบาดแผลที่ไม่หายซักทีทำยังไงดี
ไอห่ านนั่นเอาแต่เป่าหูกูทุกวันว่าพ่อแม่ไม่รัก เพราะพ่อแม่ไม่เคยห้ามเวลากูจะไปทำอะไร เช่นกูเคยจะไปประกวดร้องเพลง พ่อแม่ก็จะส่งกูไป มันก็บอกว่าเค้าหลอก ทำไมถึงไม่รักลูกเลย มาทะเลาะกับพ่อแม่กูใหญ่โต จนพ่อแม่กูก็ไปกับกูด้วย เอาล่ะกูก็ไม่ผ่าน แต่ไม่มีไอเหี้ยตัวไหนหลอกกูซักคน แล้วกูจะไปเรียนเพิ่มเพื่อเอาใหม่ปีหน้ามันก็มาบอกว่าเพื่อนของมันก็เคยประกวดเหมือนกันตอนนี้ตกงานอยู่(อีสัสเรื่องของเพื่อนมึงนะ)
แล้วพ่อแม่กูต้องย้ายงาน กูก็อยู่คนเดียววันว่างๆกูก็จะไปหาพ่อแม่มันก็คอยมาห้ามไม่ให้ไป เดินทางคนเดียวอันตราย ถ้าไปต้องพาแม่งไปด้วย(เพื่อเปลืองตังสัส) ต้องตัวติดกับกูตลอดเวลาจนคนหาว่ากูกับมันเป็นผัวเมียกัน จะไปหาเพื่อนมันก็จะตามไป
เวลาไปไหนไม่บอกแม่งก็มานั่งงอนยังกะเป็นผัวกูเลย แน่นอนว่ากูไม่ง้อเรื่องของมึงเลย แล้วมันก็หายเองแล้วมาตามตูดกูต่อจ้า คอยควบคุมชีวิตกูทุกอย่าง จะไปเรียนภาษา ห้าม ชั้นจะสอนเอง แล้วมันก็พูดภาษาที่กูจะเรียนไม่ได้เลยลงทุนซื้อหนังสือมาอ่านแล้วจะเอามาสอนซึ่งมันก็ไม่เหมือนไปเรียนเองป่ะ จะทำงานก็ห้าม เดี๋ยวชั้นหางานให้เองอย่างเช่นทำกับข้าวขาย แล้วนางก็มีความคิดโง่ๆเช่น ข้าวมันไก่ไม่ต้องทำน้ำจิ้มนะเพราะชั้นไม่กิน คว.ย ไปขายกับแม่มึงนะไอเหี้ย
กูดีเกินไปหรือคนอื่นต่ำกันนะ 😔
พวกมึงมีวิธีจัดการกับอารมณ์ดิ่งของตัวเองยังไงวะ กูอยากเอาไปใช้บ้าง
โดนแฟนเก่าเอารูปไปทำองลี่แฟน ตอนนี้เขากลับมาง้อ แต่ไม่ยอมให้ยูสเซอร์พาสเวิร์ด แล้วชวนต่อว่ามาทำหาค่าขนมกันไหม ฟวยยยย ทำไงได้บ้าง
จะแก้ปัญหาโดดเดี่ยวตัวเองในที่ทำงานเพราะรู้สึกไม่ไว้ใจเพื่อนร่วมงานได้ยังไงดี คือทุกคนดูมีบัดดี้กันหมด แต่พอกูเป็นคนเงียบๆไม่ค่อยคุยไม่ค่อยแสดงอะไรก็กลายเป็นเป้าอีก ทั้งๆที่กูอยากอยู่กับงานแบบบสงบๆ เรื่องงานคุยได้ แต่เรื่องส่วนตัวกูไม่อยากแชร์เลย
มีใครเคยตรวจadhdมั้ย อยากได้รีวิว
กูว่ากูมีอาการตรงกับโรคadhdมาก ทําแบบสอบถามก็อยู่ในระดับที่สูง ดูมีปัญหาเรื่องการทำงานให้ต่อเนื่องให้เสร็จตามเป้า แต่กูเป็นคนค่อนข้างชิวๆหว่ะ แบบเอ่องานไม่เสร็จทั้งหมดก็ช่างแม่ง อย่างน้อยการที่กูเดินวนไปวนมาในห้องพูดคนเดียวกูได้ไอเดียงานใหม่ๆมาเพิ่ม คือกูเหมาะเป็นหัวหน้ามาก กูคิดอะไรไวกูจัดสรรวานให้คนอื่นได้ ถ้ากูมีลูกน้องงานมันก็จะลื่นปลื้ด ดังนั้นกูพอใจกับการเป็นโรคสมาธิสั้นกู กูรู้สึกว่ากูแม่งฉลาด แต่อยากไปตรวจเพื่อคอนเฟิร์มว่ามฝเป็นจริงๆใช่มั้ยจะได้มาดีลกับชีวิตตัวเอง เพราะมันก็ไม่ควรหย่อนยานเกินไป แต่กูไม่อยากถึงกับขั้นที่ต้องรักษา กูว่าปบ่อยให้แม่งเป็นธรรมชาติงี้ดีแล้ว กูทําเลยเดธไลน์ แต่ก็ทํางานครบถ้วนและมันดีคนเลยไม่ด่ากันแล้วค่อยข้างจะยืดหยุ่นกับกู แต่กูก็ไม่ใช่ประเภทที่แม่งไม่ท๊าเหี้นอะไรเลยเช่นกัน งั้นกูจะเก็บquirkนี้ไว้
>>753 multi taskหรอ กุก็เป็นวะ แต่กุเปื่อยจริงๆ
ออกแนวเหลวไหลเลย เปิดยูทูป ไม่ได้จดจ่อfocusงานเลย แต่กุรู้ว่ากุโง่ด้วย ไหวพริบไม่มี
เมิงคุยกับตัวเองอาจจะเป็นโรคหลายบุคลิก กุไม่เคยคุยกับตัวเองเลย กุมีตัวคนเดียวมาตลอด กับหัวใจ เรียกร้องให้กุทำ ในเวลาที่กุตัดสินใจไม่ได้ ใจจะตัดสินใจให้กุเอง
>>754 multi tasking ที่แม่งทํางานเสร็จครึ่งๆกลางๆ
ส่วนการคุยคนเดียวแม่งไม่ได้แปลกอะไรหนิ มึงไม่เคยคิดนู่นคิดนี่เหรอวะ แม่งcommonกว่าที่มึงคิด อย่างงานวิจัยหนึ่งเมกาก็บอกคนพูดกับตัวเองในใจแม่งมีถึง96%
แล้วไม่ใช่โรคหลายบุคลิกหรือDID อันนั้นคือมีหลายตัวตนใน1คน แล้วแต่ละตัวตนมันมีกลไกในการทํางานของมันเพื่อให้คนๆนั้นอยู่รอด และส่วนใหญ่ความทรงจำจะหายเมื่อสลับตัวตน
ซึ่งกูไม่ได้เป็นโว้ยยย กูแค่คิดไอเดียนู่นนี่ไปเรื่อยในหัว พออยู่คนเดียวแม่วก็บ่นๆออกจากปากมาบ้าง แล้วมานั่งวิเคราะห์ กูใช้3ภาษาด้วยมั้งเลยตั้งแต่เด็กละแม่งต้องฝึกพูดภาษาต่างๆกับตัวเองบ่อยๆเพราะอยากฝึกการออกเสียงด้วย ก็พูดไปเรื่อยแบบไม่ได้มีผู้ฟัง อ่าและการพูดกับตัวเองงี้มันตกผลึกชุดความคิดต่างๆ ช่วยได้เยอะตอนเอามาเขียนงานด้วยหว่ะ
โม่งมีแนะนำ app/บริการ คุยกับนักจิตวิทยาที่ราคาไม่แรงมากมั้ย เจ้าที่เคยใช้แล้วประทัยใจเค้าเลิกไปแล้ว
ตอนนี้กูอยากหาคนบ่นให้ฟัง แต่เรื่องมันค่อนข้างหนัก แล้วกูก็ไม่อยากบ่นแพร่พลังงานลบกับเพื่อน แล้วไม่นับเพื่อนมันก็ไม่เหลือใครให้คุยด้วยแล้ว
*พบหมอ
ไม่อยากเจอคน ไม่อยากคุยกับใคร อยากอยู่คนเดี่ยว นั่งเล่นเกมโง่ แต่พอทำสักพักกูก็คิดว่ากูเล่นเกมแล้วเสียเวลาชีวิตจังวะ
อันนี้เบิร์นเอ้าปะ
กูปีห้าแล้วแต่เรียนไม่ถึงไหนเลย เหลืออีก3ปีกูกลัวไม่จบ นี่จะสอบแล้วยังอ่านหนังสือไปได้ไม่ถึงไหนเลยแถมถ้ากูพลาดปีนี้อีกเวลาแม่งไม่พอแหงๆ ตอนแรกเข้าม.มากูแพลนไว้ดิบดีว่าเรียนจบใน4-5ปีแน่ๆ
คณะที่กูเข้ามันคณะวิทย์ ปีหนึ่งไม่มีปัญหาอะไร พอมาปีสองมันเริ่มมีติดบ้างบางวิชากูก็บอกตัวเอง เออ ค่อยเอาใหม่รอบหน้า กูบอกตัวเองอย่างงั้นทุกๆ รอบที่กูเรียนติด ไม่เข้าใจที่เรียนก็ช่างแม่งเอาเวลาที่ว่างไปทำสิ่งที่กูอยากทำ พอถึงเวลาอ่านหนังสือก็หาข้ออ้างปัดไปนู้นไปนี่จนไม่ได้อ่าน พอไม่อ่านก็ทำข้อสอบไม่ได้ ปีสี่ดีขึ้นมาหน่อยแต่กูก็ได้เอฟมาอยู่ดี กลายเป็นตอนนี้ปีห้ากูดาวน์แล้วดาวน์อีก ม.ก็ไม่อยากไป ไม่อยากทำอะไรเลย
กับที่บ้านกูก็ไม่เคยบอกเขาจริงๆ เลยว่าที่เรียนอยู่ตอนนี้กูเหนื่อย กูบอกเขาชิลๆ จบช้าหน่อยตลอด เคยลองๆ ถามเรื่องเปลี่ยนสาขาเปลี่ยนมหาลัยเขาไม่โอเคมากๆ หลังจากนั้นกูไม่กล้าบอกเกรดตัวเองตรงๆ ตอนปีสามกูบอกเขาว่าปีห้าจบแหละ ปีสี่กูก็บอกปีห้าครึ่งจบ ไม่กล้าพูดด้วยซ้ำว่ากูอาจจะเรียนไม่จบทั้งที่กูอยากลาออกตั้งแต่ปีสามที่กูรู้ว่าอยากทำอะไร แต่กลายเป็นกูลากมันยาวมาถึงปัจจุบัน
เคยเห็นนะวลีประมาณตามเพื่อนเรียนก็รอด ตามเพื่อนเกก็ร่วงไรงี้ แต่อยมาจนปี5กูยังไม่มี”เพื่อน”มหาลัยสักคนที่กูกล้าคุยกับเขาแบบปกติได้เลย ถ้าไม่มีงานก็ไม่คุยกับใคร สาเหตุหนึ่งจะว่าพอเรียนไม่ทันเพื่อนในชั้นไม่กล้าถามไม่กล้าขอให้ใครช่วย ความคิดที่ว่ใครมันจะมาสนคนที่ถ้าไม่ถามมันก็ไม่คิดจะพูดวะมันวนเวียนอยู่ตลอด สมองมันเข้าใจอยู่แล้วใช่ว่าทุกคนจะคิดแบบนั้นนี่ แต่ใจก็กลัวว่าใครจะสนมึง รู้จักกันแค่เพราะอยู่กลุ่มงานเดียวกัน อย่าสำคัญตัวเองเหอะ ความมั่นใจในตัวเองที่ต่ำอยู่แล้วก็ต่ำยิ่งกว่าเดิมอีก
ถ้ากูกล้าพอที่จะคุยกับที่บ้านว่าลาออกแต่เนิ่นๆหรือกล้าจะบอกเขาไปตรงๆว่าว่าตอนนี้กูเป็นยังไงกูก็คงไม่ต้องมาคิดมากแบบนี้ กูไม่อยากให้เขาเสียใจที่เชื่อว่ากูทำได้ เหนื่อยใจกับตัวเองที่แม่งแย่ชิบหาย
กูว่ากูควรไปหาหมอจิตจริงจังสักครั้งจริงๆ นั่นแหละ ถึงไม่รู้ว่าไอ้ที่ดาวน์อยู่นี่แม่งเป็นจริงๆ หรือกูคิดไปเองก็เหอะ
>>761 อ่านแล้วเหมือนอ่านชีวิตตัวเอง55555 เรียนสายวิทย์เหมือนกัน ซิ่วมา เท่ากับเรียน5ปี แต่กูโง่ในสิ่งที่เรียนมากๆ รอดมาได้เพราะดวงดีล้วนๆ กูยังไม่พร้อมจะทำงาน ใช้ชีวิตเลยมึง เพื่อนมหาลัยกูก็ไม่มี ที่มีก็ไม่ได้สนิด แค่ทำงานด้วยกันเฉยๆ รูัสึกเอาเวลามาทิ้ง กูรู้สึกพลาดมากๆที่เข้ามหาลัย กูน่าจะแก๊ปเยียร์หางานทำ หัดเข้าสังคม จะได้ไม่ต้องกลายเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่รู้เหี้ยไรในชีวิตแบบนี้ กูเลมีความคิดความรับผิดชอบแบบเด็ก18 แต่อายุกูอีกนิดก็จะ30แล้ว เศร้าว่ะ ขอโทษนะ แทนที่จะช่วยปลอบ แนะนำทางแก้ปัญหาให้มึง แต่กูเองก็ยังเอาตัวไม่รอด ขอกอดมึงผ่านเน็ตแล้วกันนะไอ้เพื่อนยาก ไม่เป็นไรนะมึง
กูรุ้สึกชอบเวลาที่อยู่ดีๆ มีคนมาหาเรื่อง มีคนมาด่าหรือเวลามีดราม่าอะไรเกี่ยวกับกู กูรู้สึกตื่นเต้น ใจเต้นตึกตัก รู้สึกสนุกและยิ้มตลอดเวลาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ กูรู้สึกเหมือนได้รับความสนใจ มันทำให้กูรู้สึกอยากเอาตัวเข้าไปซิบหายในเรื่องที่มันไม่เกี่ยวกับกู แบบนี้กูเข้าค่ายโรคจิตอะไรได้บ้างวะ
จู่ๆสามเดือนมานี้กูก็ทำงานพลาดรัวๆเลยหว่ะ ทั้งที่ก่อนหน้านี้สมูทมาตลอด
แต่ก่อนจะเกิดเรื่องกูเบื่อเซ็งไม่อยากทำอะไร ไม่อยากคุยกับใคร ตอนนี้พอมีเรื่องเกิดรัวๆกูเป็นหนักกว่าเดิมอีก
กุแอบที่บ้านดรอปเรียน แล้วเอาเงินค่าเทอมที่เขาให้ไปใช้จนหมด เพราะรู้สึกว่าเรียนไปแม่งไม่สนุกเลย กูเลือกสายอาร์ต มันก็ตรงความชอบนะ แต่การแข่งขันแม่งสูงมาก ฝีมือกูไม่ได้ดีเด่อะไรเลย กูมาเรียนอยากวาดรูปสนุกๆ เก็บประสบการ์ณ เขียนการ์ตูนสักเรื่อง ปีแรกกูลงไปซื้ออุปกรณ์ไปเยอะ แพงสุดก็เมาส์Wacomเกือบๆ2หมื่น แต่พอเรียนเข้าๆ ความรู้สึกที่มีเคยมันเปลี่ยนไปมาก ไหนจะเรื่องการสังคมในมออีก กูย้ายจากตจว.มาเข้ากรุงคนเดียว นับ1หาเรื่องเพื่อนใหม่หมด แต่ฝีมือกูไปอยู่กับตัวท็อปๆล่ะมันไม่เข้าพวกไง กูก็ปลอบใจตัวเองนะว่าฝึกๆไปสักวันก็ได้ แต่ใจตอนนี้มันไม่สู้เลย กูได้แค่วาดๆส่งๆงานไปจบ ได้งานคืนมากูฉีกทิ้งด้วยซ้ำ กูเคยคุยเรื่องดรอปแล้ว แต่ค่าเทอม ค่าอะไรที่เขาส่งกูมันแพงมาก ล่ะก็บอกมาส่งๆว่าเรียนๆไปเหอะ เรียนเอาให้จบ กูรู้สึกเหมือนเขาซ้ำเติมอ่ะ เหมือนอยากให้กูเรียนจบๆไปแค่นั้น กูหมดไฟหมดใจที่เรียนมาก กูไม่รู้ควรจะทำยังไงแล้ว
>>769 ก็ไม่เชิงกูไม่อยากพูดเต็มปากว่าตัวเองรวยอ่ะ เงินที่ซื้อเมาส์อันนั้นเงินเก็บตั้งแต่ม.5ปลายๆแล้ว เพราะกูตั้งใจเต็มที่กะสายนี้ แต่ที่บ้านไม่ค่อยสนับสนุนเต็มที่ ให้กูแค่ค่าหอกับค่ากิน นอกนั้นอยากได้อะไรต้องเก็บหาใช้เอง
>>770 จริงๆกูก็พอมีงานแหละ แต่ไม่ได้ประจำ คิดอยู่จะไปหาจริงจังเลยดีมั้ย อยู่ว่างๆมาเกือบเทอมกูก็เสียดายเวลา
>>771 ต้องเรียกว่าตอนนี้ไม่มีอะไรเลย กูเลยไม่ตื่นเต้นมากกว่า
>>768 เรื่องเรียนๆไปให้จบกูว่ายังไงสังคมไทยมันก็ให้ค่าใบปริญญามากอยู่อ่ะ
ต่อให้จบแล้วมึงจะเบนไปทำงานสายอื่นที่ไม่ตรงที่เรียนมาก็ไม่เป็นไร แต่ยังไงงานที่รายได้พออยู่ได้ส่วนมากก็ต้องมี ป. ตรีเป็นขั้นต่ำ
ถ้าไม่มีความสามารถพิเศษที่โดดเด่นจริงๆแบบมึงสามารถไปทำงานรายได้ดีๆได้ในทันที แล้วไม่มีใบปริญญาด้วยนี่ชีวิตยากขึ้นเยอะแน่นอน
ในมุมพ่อแม่เค้าก็คงรู้สึกว่าไหนๆเรียนมาแล้วก็ทนต่อไปให้จบๆดีกว่า จบแล้วจะเปลี่ยนทางชีวิตก็ค่อยมาคิดใหม่
แต่จะมองอีกมุมว่าถ้ามึงแน่ใจว่าไม่อยากไปทางนี้แล้ว จะเปลี่ยนเส้นทางไปทางอื่นก็อาจจะรีบเปลี่ยนแต่เนิ่นๆดีกว่าก็ได้
ก็ขึ้นอยู่กับว่าตอนนี้มึงอยู่ปีไหนแล้ว แล้วคิด/เตรียมตัวแล้วรึยังว่าถ้าไม่เอาทางนี้แล้วจะทำไงต่อไว้แค่ไหน
ถ้ามึงยังคิดว่าอยากกลับไปสู้ลองไปคุยกับคณะหรืออาจารย์ที่ปรึกษาดูว่าขอกลับไปยังทันมั้ย
ถ้าไม่ทันหรือมึงรู้สึกว่ายังไม่พร้อมกลับไป ไหนๆดรอปไปแล้วก็ถือซะว่าเป็นเป็นช่วงพักที่มึงจะทดลองทำอะไรต่างๆเพื่อค้นหาตัวเอง
หรือลองหาประสบการณ์ชีวิตอย่างอื่นๆดูไปละกัน
แต่ที่กูว่าน่าเป็นห่วงอย่างนึงคือพักเรียนไปแล้วต้องมาเรียนต่อพร้อมรุ่นน้อง มันอาจจะจะยิ่งทำให้มึงปรับตัวกับสังคมห้องเรียนยากกว่าเดิม
>>772 คือมึงครับ หลายคนแม่งตัวค์ไม่พอจ่ายค่าเทอมต้องรีบเรียรให้จบไวๆเพื่อไปหางาน ไม่มีเงินเหลือเวลาเหลือมานั่งเก็บเงินหาซื้ออุปกรณ์เหี้ยไรหรอกครัช โม่งมันเลยว่ามึงลูกคนรวย ถึงมึงจะไม่ำด้โดนสปอยชอบหายแต่ก็ชิวได้ไม่ลําบากเรื่องกินใช้ไง
มึงอ่ะ ปัญหาหลักๆเลย อย่าเพ้อฝันมาก ชีวิตมันไม่ได้เป็นอย่างฝันเรียบง่ายอะไรขนาดนั้น เลิกเอ่ตัวเองไปเทียบกับชาวบ้าน แล้วตั้งเป้าหมายใหม่ คือมุงมีชีวิตทําไมอ่ะตอนนี้ ก่อนมึงตายมึงอยากสร้างผลงานอะไรจริงๆจังรึเปล่า มึงวาดรูปไปทําไม หรือถ้าทั้งหมดมานี่มึงไม่จอยกับมันแล้ว ก็สรรหาอย่างอื่นทําซะ
ใครมีเพื่อน พี่น้อง คนในครอบครัวหรือแม้แต่คนรู้จัก เป็นคนประสาทแดกมึงหนีไปให้ไวเลยนะ
กูอยู่กับคนประสาทแดกมา4ปี ตอนนี้ไม่ได้อยู่กับแม่งมา4ปีจะ5ปีละ กูรู้สึกกูกลายเป็นคนบ้าเป็นคนประสาทตามแม่งไปละ อีเหี้ย ใครมีคนแบบนี้อยู่รอบตัวตัดได้ตัดนะ ตอนนี้กูอยู่คนเดียวบ่อยๆ กูกลัวกูแบ่งความประสาทให้คนอื่น
อยากอธิบายเหตุผลต้นตอของความรู้สึกตัวเองออกมาได้ กูไม่รู้ว่าทำไมเวลาที่กูเห็นผู้ชายอู้ๆอ้ะๆเวลาเจอผู้หญิงนมใหญ่ แล้วกูจะเผลอภาวนาในใจว่าขอให้บนโลกไม่มีผู้ชายที่ชอบผู้หญิงนมเล็กแบบกู และกูก็มีความรู้สึกประมาณนี้เวลาโดนคนมองเยอะๆด้วย เคยลองคุยกับเพื่อน มันก็สวนมาเลยว่ากูเป็นพวกมาโซคิส อยากโดนด้อยค่า แต่กูรู้สึกว่ามันไม่ใช่แบบนั้นว่ะ ไม่รู้ทำไมเวลาที่ผู้ชายสักคนบอกว่าไม่ชอบผู้หญิงรูปร่างแบบกูเลย มันจะทำให้กูรู้สึกโล่งใจมากๆ แบบ ไม่ได้อยากให้มาตบตีหรือมาตามด่ากูว่าน่าเกลียด แต่เวลาที่ได้ลองมโนว่ากูนั่งอยู่ข้างผู้หญิงที่ตรงอุดมคติผู้ชายส่วนใหญ่ แล้วทุกคนก็เปรียบเทียบกูกับผู้หญิงคนนั้นว่ากูแย่แค่ไหน จากนั้นกูก็ค่อยๆเฟดออกมาจากกลุ่มคนตรงนั้น นั่งอยู่คนเดียวท่ามกลางธรรมชาติ มีความสุขอย่างบอกไม่ถูก มันรู้สึกร้อนๆแถวขมับกับกรามแล้วก็ข้างเอว เหมือนกำลังโดนนวด ผ่อนคลายมากๆ เหมือนตอนอาบน้ำอุ่นก่อนเข้านอน รู้สึกเหมือนบนโลกนี้ไม่มีใครทำอะไรกูได้ กูก็ปักหมุดข้อสันนิษฐาน 2 ข้อ (1) มันอาจเกิดจากการที่กูเคยโดนลวนลามอยู่หลายครั้ง กูเลยรู้สึกปลอดภัยถ้าคนเลือกที่จะมุ่งเป้าไปหาคนอื่นแทนที่จะเป็นกู (ฟังดู เหี้ย/10) แต่บางครั้งคนที่ลวนลามกูแม่งก็เป็นคนที่บอกเองว่าไม่ชอบรูปร่างหน้าตากู แล้วทำไมกูถึงสบายใจเวลาคนบอกว่าไม่ชอบ? ถึงพูดงั้นไปมันก็ทำร้ายกูได้อยู่ดี (2) กูเคยมีปัญหาเรื่องเย้ดๆ เพราะผัวเก่ากูแทบทุกคนเป็นเชี่ยไรไม่รู้ เงี่ยนตลอดเวลา แล้วผัวกูแม่งก็มีแต่คนตัวใหญ่ๆ อ้าขากว้างแล้วมันเจ็บโคนขาหนีบไอ้เปรต พูดแล้วกูก็หัวอุ่นทุกที กับเรื่องกูไม่ใส่ใจผัว ไม่หึง ไม่หวง ไม่ตาม ในใจลึกๆกูเลยอยากตัดปัญหาด้วยการไม่ต้องให้ใครมาชอบกูเลยแต่แรก จะได้ไม่ต้องมาบลาๆๆ คว…อยากอธิบายความรู้สึกพวกนี้สั้นๆไม่เกิน 3 บรรทัดได้ แต่กูไม่รู้จะสรุปยังไง ไอ้สัส กูไม่ใช่มาโซคิส
>>780 โย่วโม่ง กูก็บอกอยู่ว่า กูกำลังงงว่าทำไมตัวเองสบายใจเวลามีคนบอกว่าไม่ชอบ ทั้งที่คำพูดแค่นั้นมันมาตัดสินไม่ได้ว่ามันจะไม่ทำร้ายกู อยู่วรรคสุดท้ายของ (1). ทุกวันนี้กูระวังตัวอยู่แล้ว ขอบใจ กูพกมีด (ซึ่งกูกำลังศึกษาการซื้อปืนอยู่ หัดยิงมาแล้ว) กูมีแผนจะสร้างบ้านไกลผู้คนในที่ดินตัวเอง ช่วงนี้ก็กำลังออกแบบไว้ และกูมีแผนจะซื้อปืนยิงนกติดบ้านไว้ด้วย ส่วนเรื่องโคนขาหนีบ กูไม่แน่ใจว่าคลอดลูกต้องอ้าจนขากูจะฉีดเป้นยิมนาสติกแบบนี้รึเปล่า เหมือนอ้าขาให้ตู้เก็บของความกว้างสัก 40 นิ้ว แล้วตู้แม่งก็เด้ากูไปด้วย
>>781 อ๋อ และกูโดนลวนลามทางกายจากแฟนแค่คนเดียวในที่สาธารณะก่อนจะเลิกกันแทบจะในวันนั้นเลย (ล้วงนมกูต่อหน้าเพื่อน) ส่วนใหญ่กูจะโดนจากคนใกล้ตัว ครั้งแรกคือพี่ชายของเพื่อนกูที่น่าจะเปโด มีไอ้เด็กเปรตแถวบ้านจงใจเอาหน้ามาซุกตูดแบบไล่ไม่ไปจนผู้ใหญ่ต้องเข้ามาเห็นก่อน มีไอ้แก่ข้างบ้านมาล้วงกางเกงกูตอนกูทาสีรั้วบ้านอยู่ แล้วบางทีแม่งก็เป็นใครไม่รู้ เป็นอะไรกับนมกับตูดกูนักหนา งง ได้ข่าวว่าผู้ชายส่วนใหญ่ในโลกก็ชอบคนนมใหญ่ กูนมเล็ก หรือยังไง ชอบคนหุ่นเหมือนพินโบว์ลิงอ่อวะ? ไหล่แคบ อกแคบ แขนลีบ มีแต่กระดูกสะโพกกับตูดที่ดูยังไงก็พร้อมปั้นไปเป็นตูดกัปตันอเมริกา ไม่ใช่ตูดสไปเดอร์แมน ยังมีคนมีอารมณ์อีก ถ้าเป็นไบกูจะไม่แปลกใจเท่าไหร่ แต่นี่ชายแท้เลยเหรอวะ? อะไรวะ? ทำไพวกึงไม่ชอบอะไรที่มันดูเป็นผู้หญิงกว่านี้หน่อย กูจะเครซี่ชาติหมา คงเหมือนที่เพื่อนกูว่า บนโลกนี้แม่งต้องมีสักคนที่เงี่ยนกับสิ่งที่เราคิดว่าไม่มีใครเงี่ยน
>>782 เรื่องชอบสัดส่วน
แล้วแต่คน กุชอบแร้ แต่ตัองแร้อายุไม่มาก
แล้วก็ชอบแร้ มากกว่า ตัวผญทั้งตัว อีก แต่ไม่ได้มีความคิดหื่นกามนะแม้แต่0.001%
เมิงจะคิดไปทำไมว่าคนอื่นคิดยังไง กุไม่สนหรอก
อย่างเพื่อนตุ๊ดกุเซฟเอาหน้ากุไป ชว กุก็ไม่เห็นต้องแคร์
เพราะร่างกายก็ยังเป็นของกูอยู่ ไม่มีใครเอาไปได้
แต่ถ้ามันมาจับร่างกายกุไม่ว่าใครก็ตาม เมิงก็ต้องสู้
ทำสิ่งที่ต้องทำ เลิกทำตัวเป็นเหยื่อเถอะ โลกนี้โหดร้ายบลาๆๆ มุแง้ งี้หรอ มันไม่มีประโยชน์
เมิงจะพกมีด ปืน ก็ดี แต่ระวังอย่าโดนแย่งหล่ะ มีดปืนไม่มีตา
อ่ะ เอาดีๆนะ SbDJbwiMRM 17G8eprdey มึงอ่านที่เลขพวกนี้โพสแล้วเห็น pattern ไหม ถ้าไม่เห็นก็นะ....
>>784 กูแค่คิดว่ากูอยากใช้พวกโทรลเป็นสนามอารมณ์ว่ะ หรือมันไม่ควรวะ? ไม่ควรก็บอกกูได้ กูก็ลังเลอยู่แต่กูไปลองถามเล่นๆกับเพื่อนมาก่อนแล้วว่า เออ พวกโทรลนี่มันเรียกร้องความสนใจใช่มะ ถ้ากูให้ความสนใจมัน มันจะตอบกูไปเรื่อยๆจนกระทู้ถึง1000เลยปะ กูจะได้ถือโอกาสระบายอารมณ์ใส่เล่นๆ มีอะไรก็พูดออกมาแบบไม่ต้องใช้สมองมาก เพื่อนกูมันว่าโอเค ก็แบบ เหี้ยมาเหี้ยกลับได้ ไม่ต้องรู้สึกผิด กูก็กังวลอย่างเดียวว่ากลัวไอ้ขยะพวกนี้มันจะได้ใจแล้วไปตอแยคนอื่นต่อมากกว่า หรือมันไม่มีผลวะ แบบ ต่อให้กูจะตอบหรือไม่ตอบ แม่งก็มั่นหน้าอยู่ดี ถ้ามันเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะจะทำในโม่งก็ขอโทษด้วยว่ะเพื่อน ปกติกูระบายอารมณ์ด้วยการชวนเพื่อนทะเลาะกันเรื่องไร้สาระ แบบเอาฮา แต่ช่วงนี้เพื่อนกับกูว่างไม่ค่อยตรงกัน กูเลยทำพฤติกรรมแบบนี้ในโม่งแทน กูคิดว่ากูก็เล่นโม่งในแบบของกูต่อไปนี่แหละ
กูมีความสุขเวลาได้พ่นเรื่องที่เจอมาใส่คนอื่น แต่กูไปเจอเด็กคนนึงที่บอกกับกูว่าเขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นกระโถนที่คนมาคอยถ่มน้ำลายใส่ เป็นแค่ที่ระบายเรื่องทุกข์เรื่องเศร้าที่คนอื่นรอบข้างไปเจอมา เอาจริงกูก็ตั้งตัวไม่ทันเลยว่ะ เพราะกูนึกว่าเวลากูระบายใส่ใคร คนๆนั้นเขาคงทำเป็นฟังเฉยๆ ไม่เก็บไปคิดหรอก กูก็เลยรู้สึกว่าถ้ากูจะระบายอะไรสักอย่างใส่คนอื่น น่าจะระบายใส่พวกที่ไม่ได้สนใจความรู้สึกกูจริงๆดีกว่า กูก็เลยแวะมาโม่งบ้าง พอมาเจอโทรลเลยเพิ่งปิ๊งไอเดียนี้ได้เมื่อเช้า แต่ถึงยังไงกูก็ชอบรับฟังคำแนะนำจากโม่ง(ที่ไม่โทรล)ว่ะ บางทีมันอาจสร้างตัวเลือกที่น่าสนใจกว่าได้
>>783 กูสู้แล้ว กูตบแม่ง แล้วกูก็โทรเรียกเพื่อนมารับ เช้าวันต่อมาเลยเลิกกัน เอาไปนินทาด้วยว่ากูนอกใจ นึกว่าอยู่วงการบันเทิง แล้วทำตัวเป็นเหยื่อคือยังไงวะ ขยายความเพิ่มหน่อย ถ้ารสนิยมรักแร้ กูก็ชอบ ทั้งแบบเรียบเนียน ทั้งแบบมีตอขนเล็กๆ ชอบมากรักแร้นักกีฬาเพิ่งออกกำลังมาใหม่ๆ เหงื่อชุ่มๆ ผู้ชายบางคนแม่งอัดน้ำหอมจนฉุน กลิ่นเหงื่อเพียวๆยังดีกว่าอีก แต่ดีสุดคือทาไอ้แว็กซ์ดับกลิ่นของเรโซน่าสีฟ้า แล้วมันปนกับกลิ่นเหงื่อคือดี ดีมากๆ นี่ก็เป็นส่วนนึงว่าทำไมกูงงกับตัวเองที่ไม่อยากให้ใครมาชอบแต่กูก็ยังชอบนู่นนั่นนี่ของคนอื่น ไม่แฟร์โคตรๆ หรือที่จริงแล้วกูพยายามไม่ให้ขั้วบวกขั้วลบมาเจอกันวะ เพราะถ้าเกิดต่างคนต่างมีใจ ก็อาจจะได้คบกัน แล้วก็เจอปัญหารักๆใคร่ๆติดลูป เย่อไปก็เสียสุขภาพจิตเปล่าๆ นั่งดมกลิ่นเสื้อสูดเอาฟีโรโมนแล้วติ้วกีดีกว่า
>>790 โทดทีกุไม่วิตถารแบบเมิงวะ มันน่าขยะแขยงเกิน
ก็ทำตัวเป็นเหยื่อเรียกคนมาช่วยเมิงตามดราม่าสมรัก เปล่า ที่มันเป็นคนอีสาน บอกว่าโดนพ่อใหญ่ขืนใจนั่นไง
แต่ตัวเองกลับนั่งมอไซต์ซ้อน 3 เขาไป พอพ่อใหญ่เสร็จกิจ ก็โทรหาเพื่อนให้มารับ
แบบนี้เขาเรียกทำตัวเป็นเหยื่อ การกระทำมันใช่ไหมละ ไปกับผู้ชายเอง
>>789 ถ้าเมิงทำตัวไร้แก่นสาร ชีวิตเมิงก็ไร้แก่นสาร เหมือนขยะนั่นละ
บางคนก็หาว่ากุจริงจังเกมมิ่งเกิน ทำสิ่งที่คนปกติทำไม่ได้
ส่วนตัวถ้ากุทำตัวเหยาะแหยะ เหลวไหล ไม่ได้เรื่อง ในท้ายที่สุดกุก็จะกลายเป็นคนแบบนั้นจริงๆ
แล้วนั่นไม่เท่ากับทรยศตัวเองในอดีตและอนาคตหรอกหรอ
แต่กุก็ยังเป็นตัวกูเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปีก็ตาม
>>791 เชิญขยะแขยงกูได้เต็มที่เลยโม่ง. สมรักคือใคร? คนอีสาน? กูไปกับผู้ชายแค่กับแฟนกู และกูไม่ได้ไปแค่สองคน ลด้วยตอนโดนลวนลาม กูว่ากูแยกสมยอมกับไม่สมยอมออกนะ ตามที่บอกว่ามันล้วงนมกูต่อหน้าเพื่อน และกูไม่ชอบ ไม่เคยขอ ไมทเคยอนุญาต ไม่เคยอนุมัติ เพื่อนกูไม่เคยทำเป็นตัวอย่าง ไปเอามาจากไหนวะล้วงเสื้อนศ.แฟนแล้วคิดว่าเขาจะแฮปปี้แฮปปี้แฮปปี้ ส่วนไอ้ที่เหลือกูไม่ได้ไปด้วยจ้ะ ถ้ากูทำตัวเป็นเหยื่อก็โอ้ ซอรี่นะ ถ้ากูเป็นเหยื่อ ประชากรโลกส่วนใหญ่ก็เป็นเหยื่อ คือการหัวร้อนที่มีคนมายุ่มย่ามด้วยคือทำตัวเป็นเหยื่อ? ได้ๆ งั้นกูทำตัวเป็นเหยื่อ เพราะกูไม่เคยอารมณ์ดีเวลานึกถึงเรื่อพวกนี้อยู่แล้ว นึกทีไรก็หงุดหงิด ว่าเป็นอะไรกันนักหนา ตอนกู simp กูยังอยู่ในพื้นที่ของกู แล้วทำไมกูเจอแต่คนที่เงี่ยนแล้วรุกใส่ขนาดนั้นวะ หรือความเงี่ยนเราไม่เท่ากัน แต่จะไปถามมันก็ไม่ได้ละ เพราะกูไม่เคยติดต่อครอบครัวนั้นได้ และไอ้แก่นั่นก็ลงโลงไปแล้วตามอายุขัย กับไอ้เด็กเปรตที่เหมือนจะไปทำงานที่อื่น ไอ้ที่เหลือก็ไม่รู้หายไปอยู่ไหน บางคนไม่รู้จักชื่อ บางคนหันไปดูหน้าไม่ทันด้วยซ้ำ jeez
>>793 กุเคยเจอคนล้วงนมล้วงตูด ในห้องเรียน แต่เขาเป็นแฟนกัน กุยังเฉยๆเลย คือเมิงเป็นแฟนกันจะอายอะไร
ส่วนกุก็ตั้งใจเรียนไป ไม่ได้เงี่ยนที่ผช จับล้วงผญ
โลกนี้ไม่ได้ยากถ้ารู้จักยอมแพ้ ความคิดเมิงเหมือนพวกหมกหมุ่นว่ากุไม่แพ้ แต่เมิงแพ้ไปแล้ว โทษตัวเองเถอะ ที่คบแฟนไม่ดี มันก็เปลี่ยนอดีตของเมิงไม่ได้
เมิงเสียร่างกายให้มันลูบแล้ว ต่อให้เมิงร้องจะเป็นจะตายแล้วไงต่อ เมิงก็ได้รับความอับอายไปแล้ว
ถ้าเมิงไม่ยอมแพ้ก็ไม่มีทางชนะ หาแฟนใหม่ได้ก็ไปขอร้องให้แฟนใหม่ เมิง มากระทืบแฟนที่ลวนลามเมิงก็จบแล้วง่ายๆ ไม่ใช่ทำตัวขี้แพ้ เป็นเหยื่อ โลกนี้โหดร้ายมุแง้ ทั้งโลกต้องตามใจเมิงหรอ โง่คบแฟนไม่ดีตั้งแต่แรก ตัวเมิงเนี่ยละที่ควรโทษตัวเองก่อน
Fool me once shame on you
Fool me twice shame on me
ฝากให้คิดแต่ผญแบบเมิงน่าจะคิดไม่ได้
ธรรมมะแท้ไม่มีคำว่าปลอบใจหรอก
มีแต่ความจริงซี่งคนโง่ยอมรับไม่ได้
ว่าแต่มายเซทกุ โครตเท่เลยวะ ว่าป่ะ5555
>>792 ขยะที่คุยกับขยะในถังขยะ อื้ม ฟังดูน่าสนใจ. กูคิดมาตลอดเลยว่ากูอยากจะลดขยะสักนิดนึงก็ยังดี เพราะกูอยากมีลูก อยากให้ลูกได้เกิดในสภาพแวดล้อมบนโลกที่ดี ด้วยการรียูส รีไซเคิล ตอนมัธยมกูเลยไปขุ้ยขยะแยกขวดแยกกระป๋องบลาๆๆก่อนกลับบ้าน แต่ไม่รู้ทำไมกูไม่ชอบความรู้สึกเวลาที่เพื่อนยัดขยะใส่ในมือเพื่อให้กูเอาไปทิ้งให้เพราะเห็นว่ากูแยกขยะทุกวัน ทำไมไม่ไปทิ้งลงถังเองวะ แต่ช่างเหอะ แล้วมาวันนึง กูก็เลิกพกถุงดำมาโรงเรียน จำไม่ได้ว่าทำไม กูเริ่มคิดว่ากูไม่ค่อยอยากจะมีลูกแล้ว ส่วนนึงเพราะมนุษย์สร้างขยะ ที่บ้านชอบบอกว่ากูเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยมากเกินไป พอขึ้นมหาลัย กูได้ลองฟังคลิปพัฒนาตนเองว่าบางคนกลัวที่จะลงมือทำเพราะมัวแต่คิดเล็กคิดน้อย กูเลยอยากลองทำอะไรก็ได้เรื่อยเปื่อย อยากทำอะไรก็ทำ แค่ทำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะรู้สึกอิ่มตัว หรือไม่อยากทำ พร้อมเหตุผล กูจดโน้ตไว้ว่ากูเลิกทำอะไรเพราะอะไรบ้าง แต่กับางเรื่องมันทำให้กูอารมณ์ฉุนเฉียวจนเผลอขีดกระดาษยุ่งเหยิงไปหมด เลยนึกได้ว่าเมื่อก่อนกูจะกรองการคิดด้วยการพิมพ์หรือการเขียนอะไรเยอะๆยาวๆ แล้วมันทำให้กูจดจ่อได้ดีขึ้น และกูก็ลองกลับไปดู the boys กูรู้สึกว่าถ้ากูยังคิดไม่ตกอยู่เรื่อยๆ กูอาจจะเป็นคนแบบ MM ซึ่งกูชอบตัวละครตัวนี้ แต่ถ้าต้องมีอาการ OCD หรือสุขภาพจิตแย่ มันต้องมีผลกระทบหลายอย่างอยู่แล้ว ถึงกูจะก้าวข้ามความกลัวที่จะถูกลวนลามมาได้ตั้งนานนนนแล้ว แต่กูมันเหลือแค่ความโกรธเวลานึกถึงเรื่องพวกนั้น เหมือน MM ที่โมโหจนควบคุมตัวเองไม่ได้เวลาเจอคนที่ฆ่าปู่ตัวเอง กูรักตัวละครนี้จริงๆว่ะ ในฉากที่ลูกสาวปลอบพ่อด้วยคำพูดสั้นๆ แม่งดีมากๆ นั่นอาจเป็นเหตุผลที่กูเคยอยากมีลูก ถึงชีวิตจริงกูจะมีอิมเมจเป็นคนไม่ค่อยพูดเพราะส่วนใหญ่ใช้เวลาไปกับการคิดและก็เขียนออกมาเป็นตัวอักษร แต่กูอยากจะลองเรียนรู้ที่จะเริ่มต้นฝึกพูดใหม่กับครอบครัวใหม่ของตัวเอง อยากลองได้รับกำลังใจจากคนใกล้ชิดที่สุด และหวังว่าตอนนั้นกูจะเลิกคิดเล็กคิดน้อยได้ หรืออย่างน้อยก็ไม่คิดมาก บางทีกูเลยอยากเป็นซากขยะชิ้นใหญ่ที่นอนสบายๆอยู่บนทุ่งหญ้าใต้ร่มไม้ ไม่ต้องคิดอะไรมากมาย ปล่อยสัตว์ต่างๆมาอาศัยอยู่ในโพรงขยะ จนเถาวัลย์กับรากไม้มันเกาะไปทั่วแล้วก็กลืนไปกับธรรมชาติ ซึ่งในส่วนนี้กูไม่รู้จะระบุลงไปในพินัยกรรมยังไงเพราะเท่าที่อ่านๆมา เหมือนว่าเขาจะห้ามเอาศพไปทิ้งไว้แบบนั้น และเพื่อนกูก็ไม่ค่อยอยากให้ความช่วยเหลือกูเรื่องนี้เท่าไหร่ ก็เข้าใจได้อยู่ เพราะเพื่อนสนิทกูคนนึงก็เสียน้องชายไปเพราะมะเร็ง มันเคยบอกกับกูว่ามันรู้สึกเหมือนอยู่กับน้องเวลาที่ได้คุยกับกู มันคงไม่อยากเสียไปซ้ำสองมั้ง และนั่นทำเอากูสับสนว่าถ้าถึงวันที่กำหนดแล้วกูยังไม่อยากตาย ตอนนั้นกูจะอยู่ต่อไปได้เพราะอะไร ซึ่งกูก็ไม่ได้ตีกรอบไว้ชัดขนาดนั้นว่าต้องตายนะ ต้องตายเท่านั้น แค่จินตนาการไม่ออกว่าตอนแก่ กูจะใช้ชีวิตยังไง จะป่วยออดๆแอดๆ จนลูกหลานต้องมาผลัดกันดูแลเหมือนที่กูดูแลญาติๆก่อนสิ้นใจหรือเปล่า มันคงเป็นความคิดเล็กคิดน้อยอย่างนึง เลยอยากตัดปัญหาด้วยการตายไปก่อนจะต้องเป็นแบบนั้น เออ แต่ใจนึงก็อยากแก่เท่าที่จะแก่ได้ เพราะเคยคุยกับเพื่อนคนนึงไว้ว่าก่อนตาย จะไปเล่นหิมะด้วยกัน คงไปในสภาพไอ้แก่กับอีแก่ แล้วก็ปาหิมะใส่กันตายเพราะหัวใจล้มเหลว นอนตายจมกองหิมะ แล้วหลานๆก็มาขุดเจอศพตอนเช้าในท่าตายทุเรศๆแบบงงๆ อันนี้คิดกี่ทีก็ฮา เพื่อนกูไอเดียแจ่มเกิน
>>796 ผญ ต้องให้กำเนิดลูกได้ ข้ออ้างของเมิง คือกลัวลูกมาใช้เงินมากกว่ามั้ง
สภาพแวดล้อมไม่ดี หรือก็คือเมิงหนีความจริงไปเรื่อยๆนั่นละ หาเหตุผล ให้ตัวเอง แบบนั้นไม่เรียกเห็นแก่ตัวหรอ
คนเรามีชีวิตอยู่ก็สร้างมลภาวะให้โลกนี้อยู่แล้ว แต่มนุษย์เกิดมาเพื่อสืบพันธุ์ มันคือหน้าที่แม้จะทำร้ายโลกก็ตาม
สุดท้ายเมิงก็ไม่ต่างไรจากมนุษย์ที่ล้มเหลว หรือขยะที่รีไซเคิลไม่ได้
>>794 กูก็ไม่ได้สนใจขนาดนั้นหรอกว่าคนอื่นจะคิดยังไง ถ้ามันเป็นคนแปลกหน้าที่มาเห็นพวกกูล้วงกัน แต่นั่นคือเพื่อนกู และกูรู้ว่าเพื่อนกูก็ไม่ชอบอะไรแบบนี้พอๆกับกูแหละ ทุกคนก็ัวร้อนกับเรื่องนี้เหมือนกัน. กูต้องโทษตัวเองเรื่องคบผู้ชายไม่ดีเหรอ? อันนั้นกูโทษตัวเองมาตลอดว่ามึงไปคบคนแบบนั้นทำเหี้ยไรวะ ใช้อะไรคิด จะบอกว่าใช้กีคิดก็ไม่น่าใช่เพราะกูไม่ได้เงี่ยนด้วยขนาดนั้นเพราะกลิ่นน้ำหอมไอ้เชี่ยนี่โคตรฉุนเลย ทำไมเมื่อก่อนต้องแพ้ทางนักกีฬาที่ทรงมันเนิร์ดๆหน่อยวะ แต่ถามว่ากูหายโกรธมั้ยหลังโทษตัวเอง? ไม่เลยสักนิด ส่วนเรื่องกระทืบ กูไม่เคยทำ แต่เคยทำให้ไอ้คนนึงที่ชอบมาตอแยกูไม่กล้ามาลงเล่นในสนามนั้นอีก ด้วยการบอกกับทุกคนในสนามว่ากูไม่ค่อยชอบมันว่ะ ซึ่งกูไม่ได้คาดคิดด้วยซ้ำว่าผลลัพธ์จะเป็นแบบนี้ พอมันกลับมาลงเล่นกับทุกคนในสนาม ไม่มีใครส่งลูกให้มัน แล้วพอกูชู้ตไม่ลง มันก็มาทำท่าล้อเลียนกู กูรำคาญที่มัน พอมันเดินมาใกล้ๆ เลยตะคอกใส่ ด่าฉอดใส่จนมันไม่ได้พูด วันต่อมามันก็ไม่มาลงสนามอีก กูเพิ่งได้คุยกับเพื่อนๆที่เล่นกีฬาด้วยกันทีหลังว่า เออ พวกกูก็รำคาญที่มันมาหยอดมุกเสี่ยวใส่มึงเหมือนกัน โคตรเบื่อ มันก็เลยไม่เข้ามาห้ามตอนที่กูตะโกนด่า เพราะถ้ากูไม่ทัน ยังไงมันก็ต้องมีคนในสนามสักคนองค์ลงเหมือนกัน เพราะเขาก็ไม่ชอบใจตั้งแต่ที่มันแซวกูเรื่องตบมือในสนามละ เพราะกูกับคนที่เล่นที่นี่มานานจะรู้ว่าเวลากูตบมือข้างหน้าแปลว่ากูอยู่ตรงนี้ ส่งลูกมาได้ แล้วไอ้นั่นมันชอบพูกใส่กูว่า ปรบมือทำไมอะเตง เชียร์เค้าเหรอ ทำนองนี้บ่อยๆ จนกูเลิกทำไปเลยช่วงนึง แล้วเน้นดีเฟนซ์แทน ก็ยังดีที่กูกันได้เหนียวแต่กูก็เหนื่อยเร็ว แต่ทั้งหมดนั้นมันทำให้กูรู้สึกว่าถึงเล่นไม่เก่งเท่าคนอื่น หรือเหนื่อยไวยังไง กูก็มีความสุขที่ได้เล่นกับเพื่อนกู แบบไม่มีไอ้เชี้ยนั่นน่ะ ตอนนั้นกูแม่งโคตรกร่าง โคตรสวะ ทำตัวนักเลงฉิบหาย แต่รู้สึกดีที่ได้ทำใส่คนแบบมัน เฮ้ออออ โคตรดี
>>797 กูไม่ได้กลัวลูกใช้เงินมากเพราะบ้านกูรวยอยู่แล้ว กูกลัวแค่ลูกกูจะไม่มีความสุข และกูก็มีระเบียบในการบริหารเงินเป็นอันดับต้นๆของบ้านด้วย กูเข้าใจเด็กคนนึงที่เคยเล่าให้กูฟังเลยว่า มันไม่ค่อยกล้าระบายเรื่องในใจให้ใครฟัง เพราะที่บ้านฐานะดี ครอบครัวอบอุ่น ถ้ามันพูดอะไรไปคงโดนตอกกลับมาว่า ชีวิตดีขนาดนี้ยังจะเครียดอะไรอีก ก็นะ ชีวิตคนเรามันมีหลายมิติ เด็กคนนั้นเลยสนิทกับกูเพราะภายนอกก็ดูเหมือนอะไรๆก็ดีไปหมด ไม่เห็นมีอะไรต้องกังวล. โลกมันโหดร้ายอยู่แล้ว แต่ด้านดีดีมันก็มีเสมอ แค่แล้วแต่คนจะมอง กูก็มองทั้งสองแบบสลับกันไป แล้วแต่วันแล้วแต่คืน รู้อะไรมั้ย? มึงทำตัวเหมือนความคิดกูอีกด้านในหัวกูเลย และกูเถียงกับแม่งตลอดเวลา ไม่ค่อยอยากพูด แต่แบบ เออ เหมือนมึงช่วยให้กูเถียงแล้วมันเป็นรูปธรรมมากขึ้น ง่ายขึ้นนิดนึง ใจนึงกูพยายามจะไล่คว่มคิดพวกนี้ออกไปตลอด เพราะมันทำให้กูขาดความมั่นใจ แต่ไม่รู้ทำไมพเถียงให้มันเป็นรูปธรรมแล้วก็รู้สึกมั่นใจกว่า เหตุผลคงเป็นกูได้เห็นรูปความคิดของตัวเองชัดๆก็ได้ เพราะกูก็ไม่ได้คาดหวังว่าตัวเองจะเป็นคนดีอยู่แล้ว กูใช้ชีวิตไปตามประสา สุขบ้าง ทุกข์บ้าง แต่ได้กลับบ้านมาเจอพ่อ แม่ กับยายกู และฝูงแมว ฝูงหมา ถึงกูจะไม่ค่อยได้เล่าอะไรให้พวกเขาฟัง แต่พวกเขาก็ทำให้รู้สึกว่าโลกนี้มันมีหลายมิติดี คนเรามันเทาๆกันทุกคน หัวร้อนบ้างก็ไม่เป็นไร ระบายออกมาบ้างก็ไม่เป็นไร กูก็คุยกับพ่ออยู่เรื่อยๆว่าไอ้นั่นไอ้นี่ที่กูทำไปผิดกฎหมายข้อไหนบ้างมั้ย พอพ่อกูเริ่มอธิบายให้ฟัง กูก็จะสบายใจขึ้น ระหว่างรอแม่ทำกับข้าวให้กิน และยายกูที่นั่งดูทีวีกับแมว กูเคยคิดว่าทำไมกูต้องเกิดมาด้วยวะ แต่พอกูโตขึ้น กูคิดว่าจะใช้ชีวิตยังไงนี่แหละคำถามที่กูต้องการหาคำตอบที่สุด และกูก็จะเชื่อมั่นในวิถีของตัวเอง อ๋อ แล้วก็จิตแพทย์ด้วย
กุไม่ต้องพบจิตแพทย์ ไม่เคยคุยกับตัวเองแบบเมิงเลย เถียงกับตัวเอง? แต่กุเคยเจอไอดอลที่เขาเถียงฝ่ายดีกับฝ่ายเลวในหัว ต้องกินยาตั้งแต่เด็กๆเลย ไม่มีทางหายเพราะสมองเสียไปแล้ว
คนเราไม่เทาหรอกอยู่ที่ทำตัว นั่นข้ออ้างพวกขี้แพ้
ทำตัวจอมปลอมหลอกกระทั่งตัวเองสุดท้ายเมิงก็กลายเป็นคนขี้โกหก ในตัวเมิงก็จะไม่มีความจริงสักอย่าง
ส่วนกุอยู่กับความจริง พูด100ทีก็เหมือนเดิม ทำสิ่งที่ถูกต้องกี่ครั้งก็เหมือนเดิม
กุกลัวไม่อยากเป็นคนจอมปลอม ที่โกหกหลอกตัวเอง แล้วสุดท้ายกุจะกลายเป็นคนแบบนั้นจริงๆ
ถ้าเมิงโกหก1ครั้ง เมิงก็ต้องโกหกไปเรื่อยๆ ผญแบบนั้นกุเห็นมานับไม่ถ้วนละ แม้แต่โกหกเล็กๆ ก็ตาม
>>800 โกหกเรื่อง? มึงว่าเรื่องไหนโกหกบ้าง? พอจะสละเวลาเขียนเรียงเป็นข้อให้กูได้หรือไม่? บางทีกูอาจจะพิมพ์งงๆ แต่ถ้าไม่ได้ก็ช่างเหอะ เดี๋ยวกูพิมพ์นี้เสร็จ กูจะไปกินก๋วยเตี๋ยวละ ว่างอีกตอนไหนก็ค่อยมาตอบมึงละกัน. ถึงกูจะต้องเถียงกับตัวเองไปตลอดชีวิต แต่พอได้เจอมึงละ กูคิดว่ากูทำได้ มันไม่ใช่อาการ DID และหมอก็ไม่ได้ให้ยากูนานแล้วเพราะอาการกูดีขึ้นมาก และแม่กูเป็นพยาบาล เขาก็ช่วยดูกูได้ กูแค่เป็นคนชอบตั้งคำถามกับตัวเอง บางทีเลยจำลองสถานการณ์ในหัวขึ้นมาในหัวเพื่อเถียงกันว่าสรุปมึงจะเอายังไงวะ ถ้านี่คือชีวิตของพวกขี้แพ้ กูก็ขอน้อมรับไว้เป็นส่วนนึงของชีวิตกูแล้วกัน อยากนิยามกูยังไงก็ตามใจมึงเลย โรคจิต ขี้แพ้ สวะ กากเดน ขยะ บลาๆๆ มึงจะเชื่อว่ายังไงก็ตามสะดวก แต่สิ่งที่กูพูดไปออกมาจากใจจริงสุดๆ และใจนึงกูก็สงสัยด้วยว่าที่มึงบอกว่ามึงทำเหลวแหลกแต่มึงก็ยังเป็นมึง บลาๆๆ นี่คือยังไง? มึงทำอะไรถึงบอกว่าเหยาะแหยะ เหลวแหลก? ถ้าไม่อยากบอกก็ไม่ซีเรียส กูแค่คนชอบตั้งคำถาม แล้วก็ชอบให้คนตอบอย่างซื่อสัตย์ด้วยถึงกูจะอ่านใจคนไม่ได้ก็ตาม จริงๆกูนี่โคตรชอบการคุยกับคนเลย แต่หลายครั้งก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง จะคุยอะไร บางทีกูที่ภายนอกเป็นคนเงียบๆ กลับคุยกับคนแปลกหน้าได้นานกว่าที่คิด แค่เขาเข้ามาถามตอนนั่งกับเพื่อนที่หน้าเซเว่นปั๊มว่า พวกหนูมาจากไหนกัน? จะไปทัศนศึกษาที่ไหนเหรอ? เมื่อก่อนกูชอบคุยกับคนแก่มาก แต่เดี๋ยวนี้พวกต้มตุ๋นมันเยอะขึ้น เลยไม่ค่อยคุยกับคนแปลกหน้าละ กูชอบเวลาได้ฟังเรื่องน่าสนใจที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับอาชีพ กูนึกถึงตอนทัศนศึกษาครั้งนึง แล้วกูกับเพื่อนสนิทไปนั่งคุยกับคนขับทั้ง2คนทั้งขาไปขากลับ สนุกมาก คนขับเขาเอารูปลูกสาวเขาให้ดูด้วย ตอนนั้นกูรู้สึกเหมือนเขากลายเป็นญาติห่างๆเลยว่ะ แบบ เขาเล่าประสบการณ์ทำงานได้สนุกมาก กูชอบสุดคือแตรช้างน้อยที่เขาจะเอาไว้บีบให้รถทัวร์ด้วยกัน คือแตรที่กแล้วมันดังโคตรๆเหมือนเสียงช้างอะมันเสีย แกเลยใช้แตรเล็กแทน อะไรประมาณนั้นแหละ เสียงเหมือนช้างน้อย แปร๊ดๆ โคตรน่ารัก มึงเคยเอนจอยกับเรื่องเล็กๆน้อยๆพวกนี้บ้างมั้ยวะ? หรือคิดว่าโอ้ชิท โคตรไร้สาระ เอาเวลาไปพัฒนาตนเองดีกว่า แบบ ชาเลนจ์วิดพื้นบนรถทัวร์ในวันที่อินเตอร์เน็ตมันใช้ไม่ได้หรือโดดลงรถไปซื้อหนังสือสรุปชีวฯมาอ่านดีกว่าไรงี้?
ไอโอโนะโคจิคุงไม่ต้องพบจิตแพทย์ แต่พ่อแม่อะไม่แน่ เพราะมีลูกชายเป็นนีทเอ๋อ เอาแต่เล่นโม่งทั้งวันทั้งคืน มโนว่าตัวเองคืออายาโนะโคจิคุงสุดเมพ
พวกคนจิตวิปริต เวลาแม่งเขียนอะไรนี่มันเขียนได้ยาวดีจริงๆ
ตอนนี้หมอเขาบอก lucid dream สามารถผสานจิตใต้สำนึก กับ จิตสำนึก เพื่อไปล้างปมในใจได้
ลองเอาไปฝึกดู บางทีพวกเมิงอาจจะหายจากการเป็นโรคจิตเวชได้
https://www.youtube.com/watch?v=5FKx1XTyWmM
ไม่ต้องพึ่งยาเลย รักษาทางจิตเนี่ยละ แต่ต้องใช้การฝึกฝน อย่างมาก
>>804 เพ้อเจ้อ เดามั่วๆใช้คำว่าบางทีอาจจะ คือมึงไม่รู้ด้วยซ้ำแล้วมาแนะนำคนอื่นเนี่ยนะ ล้างปมในใจแล้วจะหายจากโรคเลยรึไง(มองข้ามเรื่องน่าจะทำไม่ได้) โรคมันเป็นเรื่องของสมอง ฮอร์โมน ร่างกาย กินยามันถึงแก้ได้ ไม่ก็คุยกับนักจิตเค้าช่วยหนักเกินเค้าก็ส่งหาหมอ มาทางจิตฝึกฝนอย่างมากอะไรไร้สาระ ให้ฝึกเองคิดเพ้อเจ้อเป็นบ้าเป็นไรไปหนักกว่าเดิมพอดี ดูการ์ตูนมากไปแล้วคับพี่
พวกมึงอยากตายแบบไหนกัน
>>809 อยากให้ถึงตอนที่ตัวเองแก่ การการุณยฆาตถูกกฎหมาย จะได้วางแผนการเงินให้พอดีๆ และเลือกตายในตอนที่ยังช่วยตัวเองได้อยู่ ไม่รอให้หมดสภาพจนเป็นภาระสังคม ถ้ามีเงินเหลือพอก็จะเอาไปทำอะไรที่อยากทำ หากคนเราวางแผนการตายได้ เราก็จะไม่ต้องกลัวทั้งเคส "แสนเสียดายตายตั้งแต่เงินยังไม่หมด" กับ "แสนสลดเงินหมดแต่ยังไม่ตาย"
กูไม่รู้ที่กูเป็นเมื่อตอนเด็กๆเป็นอาการทางจิตหรือเปล่า หรืออาการทางจิตชนิดไหน
ตอนกูม.2 กูมีลูกพี่ลูกน้องที่พ่อแม่แยกทางกันแล้วทิ้งให้บ้านกูเลี้ยง ตอนนั้นมันอยู่ป.3 ที่บ้านกูไม่ลำเอียงนะ ต่อให้มีมันเข้ามาอยู่ด้วย มีอะไรก็ให้เท่ากัน กินอะไรก็เหมือนกัน กูไม่รู้สึกน้อยใจที่บ้านเพราะมันเลยเพราะไม่มีอะไรให้น้อยใจ แล้วกูก็ชอบมันนะเพราะตอนที่มันเข้ามามันดูเจียมเนื้อเจียมตัวไม่แตะต้องไม่รื้อข้าวรื้อของ เวลากูไปเล่นข้างนอกก็จะเดินตามต้อยๆเวลากูซื้อขนมในร้านก็แค่เดินตามเฉยๆไม่ได้ขอให้กูซื้ออะไรให้ แต่กูเคยซื้อขนมฝืดๆคอที่แถมลูกโป่งให้ นางก็จะเล่นลูกโป่งอันนั้นทั้งวัน กูเลยแอบเจาะลูกโป่งตอนที่นางอาบน้ำ เดินออกมาคือร้องไห้จ้า กูรู้สึกสงสารนะแต่ก็ชอบความรู้สึกแบบนั้น แล้วทุกวันหยุดเวลาพ่อแม่กูไปทำงานกูต้องอยู่กับนาง2คน กูจะต้องตักข้าวให้กินกูจะผสมทุกอย่างในจานเหมือนข้าวหมาให้กิน กูสงสารที่มันกินข้าวแบบนั้นจนหัวใจกูเจ็บเลย แต่กูก็ชอบความรู้สึกแบบนี้ก็เลยทำ แล้วทุกวันเสาร์พ่อกับแม่จะไปบ้านปู่ไปค้างคืนนึง กูก็จะไล่มันมานอนข้างล่าง พอสัปดาห์ถัดไปกูกำลังจะไล่มัน แต่มันก็เดินลงไปเองตอนที่พ่อขับรถออกไป ก่อนกูจะนอนกูแอบลงไปข้างล่างเห็นมันเปิดทีวีไว้แล้วนอนหันหน้าเข้าพนักพิงแล้วร้องจนตัวสั่น ตอนนั้นกูก็ร้องออกมาเหมือนกันเพราะสงสารมากๆ แต่ก็ยังทำแบบนี้เพราะกูชอบความรู้สึกที่สงสารจนหัวใจเจ็บแบบแปลกๆ กูทำแบบนี้จนถึงม.4 กูไปเรียนต่างจังหวัด กูกลับมาอีกทีตอนม.5 กูไม่ค่อยยุ่งกับนางนะ แต่นางก็ยังยิ้มแล้วเข้ามาคุยนั่นคุยนี่ แล้วตอนกินข้าวด้วยกันนางจะตักแกงทุกอย่างใส่ในจานแล้วกิน ปีนึงกูกลับบ้านทีนึงก็เห็นนางกินแบบนี้ตลอดจนกูแอบถามแม่ว่านางกินแบบนี้ตลอดหรอ แล้วแม่บอกว่าใช่ด้วย แม่คิดว่าอาจจะเป็นรสนิยมของนาง แล้วพอถึงวันเกิดนาง พ่อแม่ชอบถามว่าอยากได้อะไร นางก็ขอแค่ลูกโป่ง พ่อแม่กูซื้อให้นางทุกปี จนเป็นสาวแล้วก็ยังจะเอาลูกโป่ง แต่อัปเกรดจากเดิมหน่อยเอาลูกโป่งแบบตัวเลข
เคยเจอแบบยัยผมทองเหมือนกัน แต่เสริมหน่อยว่าดีกว่า(แบบแปลกๆแตกต่าง)ตรง..ผมมีเอกลักษณ์กว่าที่ค่อนข้างมืดมน
.
ผมสมัยเรียนปีแรกๆมองโลกแง่ร้าย ยิ้มบ่อยแต่เหมือนเสเเสร้งปนเหยียดและประชดเรียกว่าวอนตีนล้วนๆ แต่แปลกดีที่ไม่มีคนเกลียด การใช้บวกปรับสายตา(การขยัยกล้ามเนื้อรูปหนังตากับคิ้ว)เพื่อแสดงออกนี่ถ้าดูจากกระจกยังอึกเองเลยว่าตัวเองกำลังคิดไรอยู่ก็ไม่รู้ แถมทั้งหมดถูกจดจำมีแต่คนเป็นมิตรมาอยู่รอบตัวซึ่งทำสงสัยตัวเองมีดีอะไรนะถึงมีแต่คนคอยพยุงตลอดเวลา ตัวผมจะต่าง(กับตัวละครข้างบน)ที่ตรงไม่ค่อยเจอสายตื้อที่อยากเป็นเพื่อนแบบยันทอมในเรื่องแหะ ...
.
อ๊ะ!ใช่ว่าจะไม่เคยเจอนะ ผมเจอแค่ครั้งเดียวตอนปีหนึ่งเป็นหนุ่มหล่อขี้สงสัยจากคณะครุศาสตร์(ที่จ้วงหัวว่าแม่งตื้นเขินน่ารำคาญชะมัดแต่ก็ไม่เกลียด) และดูเหมือนผมจะถูกตีตัวออกห่างเองในหนึ่งวันแห่งความพยายามของเจ้าหมอนั่นซึ่งวันนั้นฝนตกซะด้วย ผมก็ไม่เห็นเจ้านั้นอยู่หลายปี.... ตื้นชะมัดเลยนะ ทั้งที่ทางนี้อุตสาห์เปิดหัวข้ออภิปรัชญา เช่น ความหมดศรัทธาว่ามนุษย์เป็นสัตว์ผู้มีเหตุผลหลังผ่านยุคโพสโมเดิร์น กับแนะนำหนังสือโลกของโซฟี่และนักปรัชญารุ่นเดอะ ต่างๆแท้ๆ การเมืองนู่นนี่ ความเป็นจริงและสิ่งที่ต้องจ่ายแม้จะทำตัวเมินเฉยในนาม "เป็นกลาง" ที่อ้างๆ กันของคนกลุ่มหนึ่งว่าตามจริงการอยู่เฉยก็มีราคาที่ต้องจ่ายเช่นเดียวกัน ....... ผมพูดแต่เรื่องเครียดรึไงไอ้บ้านั้นเลยหนี เฮ้อ น่าขยะแขยงชะมัด
คนไทยอยากบินได้ มีแล้วสบายใจนั่นละ
เครื่องยึดเหนี่ยว จิตใจ ไม่เหมือนกัน ส่วนของกู คือ ความโมเอะ
กุว่ากุชอบแร้ วะ เหมือนที่ ไอคิระ มันคลั่งไคล้มือ
https://www.youtube.com/watch?v=Yj05QE6Tm9U&t=235s
กุรู้สึกว่าความรักที่กุมีกับผู้หญิง มันเป็นของปลอม แต่ กับ แร้ของผญ มันเป็นของจริง
ไม่เข้าใจตัวเองเหมือกัน ทำไมหัวใจ โดกิ โดกิ เวลาที่เห็นแร้ แต่รู้สึกเศร้าเวลาที่เห็นเธอ
เมื่อคืนกูฝันว่าโดนเพื่อนผญ ไซร้คอ(กูก็ผู้หญิง) แล้วตื่นมาเงี่ยNจริงๆ
กูไม่รู้ว่าจะจัดการความรู้สึกตัวเองยังไงดีว่ะ ตอนนี้เหมือนกูใช้ชีวิตแบบอยู่ไปวันๆ รู้สึกอิจฉาคนที่จากไปก่อนมาก เวลาได้ข่าวว่ามีใครจากไป กูได้แต่ถามตัวเองว่าเมื่อไหร่จะถึงคิวกูซะที แต่เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นก็ต้องทำตัวเหมือนปกติ ในใจกูคิดไปเป็นพัน แต่สามารถแสดงออกมาได้แค่สิบ กูอยากบอกคนใกล้ตัวนะแต่ขณะเดียวกันกูก็รู้สึกว่าไม่อยากให้เรื่องของกูไปเป็นภาระให้คนอื่นอีก ใครๆ เค้าก็มีปัญหาของตัวเองอยู่แล้ว กูไม่อยากให้คนอื่นมากลุ้มกะเรื่องของกูไปด้วย ตอนนี้กูได้แต่บอกตัวเองอดทนไว้ๆ กูไม่เป็นอะไร กูยังไหว แต่กูก็เริ่มคิดบ่อยขึ้นแล้วว่าจะหาทางไปยังไงให้เดือดร้อนคนข้างหลังน้อยที่สุด
>>803 พวกจิตเวชมีสิ่งนึงที่เหมือนกันคือมันไม่มีค่าในตัวของมันเองมันลยพึ่งพิงสิ่งภายนอก หากไร้สิ่งพึ่งพิงพวกนี้มันก็จะคิดสั้น
กุเคยเห็นคนที่ก่อนเขาจะคิดสั้นร้องเพลงหมดความหมายอยู่คลิปนั้นค่อนข้างดังคนดู500,000
เพราะคนนี้มันอัดเพลงนี้เป็นเพลงสุดท้ายของชีวิต
และอยู่กับโลกจอมปลอมไม่ยอมรับความจริง
เพราะเมื่อไรที่มันยอมรับความจริงในตัวของมันเอง ก็เป็นเวลาที่พวกนั้นไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว
>>819 กูก็อยู่ไปวันๆเหมือนกัน ชีวิตก็ทำผิดพลาดอะไรมาเยอะตอนนี้ก็อยู่ไปวันๆเพราะแม่แค่นัั้น ตอนนี้ก็กันเงินไว้ส่วนนึงเผื่อไว้ตอนที่พ่อแม่ไปแล้ว
คิดว่ากุคงไปโดดน้ำที่ไหนสักที่ไม่ราม7ก็8 เงินก้อนที่กันไว้ก็คิดว่าเอาไว้ใช้จัดงานง่ายๆวันเดียวเผาไปเลยถ้าญาติเขาคิดจะจัดงาน
เมื่อไม่นานมานี้กุป่วยหนักมากๆจนต้องเข้ารพ. ซึ่งก่อนหน้านั้นกุบอกกลุ่มเพื่อนสนิทแล้วว่ากุไม่สบายแต่มันก็ไม่ได้concernขนาดนั้น จนรู้ว่ากุเข้ารพ.ถึงทักมาถามเรื่องรายละเอียด(แต่ช่วงที่กุทักไปคือป่วยหนักมากๆแล้ว) ในขณะเดียวกันพ่อแม่ก็เป็นคนที่มาเฝ้ากุระหว่างนอนรพ.สองวันจนออกมา แล้วเพื่อน(ที่ไท่ใช่เพื่อนสนิท)ถามว่ากุไม่กลับบ้านเหรอ พ่อแม่ไม่เป็นห่วงว่ามึงทรุดเหรอ คำถามมันเหมือนมาจี้ปมกุ
ในขณะที่กุไม่ได้มีคสพ.ที่ดีกับพ่อแม่กุมาก อาจจะต้องเกริ่นสักนิดว่าพ่อแม่ในที่นี่หมายถึงพ่อแม่บุญธรรมที่คสพ.ลุ่มๆดอนๆ และเขาก็มีลูกชายแท้ๆอยู่แล้ว แต่ก็ยังแสดงความเป็นห่วงกุในระดับนึงถึงจะไม่ได้มากเท่าบ้านที่อบอุ่นสัดหมา และเพื่อนสนิทที่กุคิดว่ากุสนิทด้วยมากๆก็ไม่ได้อยู่ข้างเราขนาดนั้น แล้วกุก็มานั่งคิดว่าแล้วที่อยู่ของกุคือตรงไหนวะ ถ้าจะครอบครัวก็ไม่มี หรือจะเพื่อนก็ยังไม่มีเหมือนกัน กุเป็นasexualที่ไม่อยากมีแฟน เคยพยายามคบก็เป็นกุที่ขอบอกลากับคสพ.ก่อน
พอมีเรื่องนี้เลยทำให้คิดได้ว่าคนที่เราคิดว่าสนิทกันสุดท้ายก็แค่คนรอบข้างนี่ ช่วงที่ถ้าแค่มันถามหรือแสดงความเป็นห่วงที่กระตือรือร้นออกมาหน่อยก็คงรู้สึกดีกว่านี้ เลยทำให้รู้สึกว่าตัวเองเป็นมนุษย์ที่ห่วยแตกเป็นบ้า ไม่มีอะไรสักอย่าง เป็นที่หนึ่งสำหรับใครากคนก็ไม่ได้ แล้วก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ไปทำไม แต่ก็ไม่ได้อยากตาย ไม่ชอบเจ็บตัวด้วย ทำได้แค่ใช้ชีวิตไปวันๆเท่านั้นแหละ
>>825 เมิงยังดีนะ เทียบกับคนที่มีเพื่อนมากมายแล้วพยายามขอให้คนอื่นเห็นค่าในตัวเอง แต่ก็ปฏิเสธความหวังดีของคนรอบข้าง และมาบอกว่าตัวเองไม่อยากอยู่โลกนี้แล้วเพราะ ปาร์ตี้กินเหล้าสูบยา แถมยังบอกตัวเองเป็นนอนไบนารีอีก.
.
ที่1ในที่นี้คืออะไร คนชอบ? ความสำคัญกับคนอื่น อย่าเป็นภาระของคนอื่นก็พอแล้ว
คนเราต่อให้ห่วยแตกขนาดไหนมันก็ต้องมีเรื่องที่ทำได้ดีที่1 สักเรื่อง
อย่างกุถ้าโลกนี้คือเกม กุต้องชนะ!
เข้าเรื่องละกันมีวิธีรักษาเมิงอยู่เลี้ยงแมวเพิ่งคลอดสักตัว สำหรับมันในโลกนี้มันจะมีแค่เมิงคนเดียว ไม่มีใครอื่น และทำหมันแมวด้วยละ
แค่นั้นเมิงก็ที่1แล้ว
ชีวิตคนอินโทรเวิร์ตที่มีลูกมา 5 ปีในคอนโด 1 ห้องนอน ค้นพบว่าการที่ไม่มีใครอยู่ในบ้านแล้วเราเปิดทีวีเลือกหนังซักเรื่องอะไรก็ได้เอาไว้เป็นแบล็คกราว ถอดเสื้อผ้าออกหมดเปลือยกายทำนู่นทำนี่ในบ้าน จบด้วยโดดขึ้นที่นอนสาวหนอนแบบไม่เร่งรีบ หาคลิปที่ใช่ โดจินที่ชอบ ไม่ใช่เร่งๆชักให้เสร็จๆไป ถึงจะเป็นเวลาสั้นๆแค่ 2 ชม. (ลูกไปเรียนพิเศษแล้ววันนั้นแฟนกูบอกว่าจะไปดูลูกเอง ให้กูอยู่ตากผ้า ทำความสะอาดห้องแล้วตามไป) แต่แม่งฟินชิบหาย โหยหาช่วงเวลาแบบนี้เหี้ยๆ คือสมัยก่อนเรื่องแบบนี้เราทำกันเป็นเรื่องปกติไง เห้อออออ อยากมีช่วงเวลาแบบนี้บ่อยๆจัง อาทิตย์ละครั้งก็ยังดี
กปรึกษาห้องนี้ได้ไหมนะ กุค่อนข้างเครียด
คือขอเกริ่นก่อนว่าหุ😭อยู่ในช่วงมหาลัย ตอนนี้ปี4ขึ้น5เรียนเกินปีนึงเพราะกุดรอปไปเทอมนึงกับตารางสอนชนจนหาวิชาลงไม่ได้
ค่าเทอมทั้งหมดกุเป็นคนรับผิดชอบเองไม่เคยให้พ่อแม่จ่ายเพราะบ้านจนไม่มีใครซัพกุได้
คือก่อนเข้ามหาลัยกุก็ไม่ได้มีความชอบพิเศษเลยเลือกมหาลัยสีแดงเหลืองใกล้ ๆ บ้านไปจะได้เดินทางสะดวก +ช่วงโควิดกุเลยไม่มีเพื่อนในมหาลัยเลย จริง ๆ ก็ไม่อยากเริ่มคุยชวนเมคเฟรนด์ด้วยเลยกลายเป็นว่ากุไม่เข้าหาใครไม่มีใครเข้าหา ตอนแรกมันก็โอเคอยู่แต่เรียนไปช่วงปีสองกุเริ่มรู้สึกโคตรไม่ใช่กุไม่ได้ชอบตรงนี้แล้วกุก็เกรดตก แล้วช่วงนึงที่แมวที่กุเลี้ยงตายตอนสอบ กุพามันไปหาหมอทุกวันช่วงเช้าเรียนออนไลน์ก็ฟังไม่เข้าใจ ไป ๆ มา ๆ มันเลยแย่หนัก แถมค่าใช้จ่ายที่กุเก็บไว้เป็นทุนสำรองค่าครองชีพก็หมดไปกับนั่นค่อนข้างเยอะจนกุจะไม่ไหวแล้วพอแมวตายแล้วกุก็เคว้งไปเลย กุไม่ไปสอบประมาณสามวิชา + ทะเลาะกับที่บ้าน ปล่อยติดเอฟไปเทอมนั้นจนเกรดดิ่ง ละทีนี้ช่วงปี3ที่บ้านมีปัญหาเกิดอุบัติเหตุต้องชดใช้ให้ฝ่ายตรงข้ามอีกกุก็เอาเงินเก็บไปช่วยต่อที่บ้านชอบขอเงินกุ ถ้าไม่ให้กุก็จะโดนพูดแบบครอบครัวทำไมไม่ช่วยกัน กุพยามใจแข็งแล้วแต่สุดท้ายก็กลายเป็นกุช่วยทุกอย่างอยู่ดี กุเลยไม่มีเงินสำรองจ่ายค่าเทอมพอที่กุจะอยู่ในช่วงปี5 ขึ้นปี4กุเลยพยามหาคนเซ็นกยศ.ให้จากที่มันปรับใหม่ไม่ต้องใช้คนค้ำแล้วเลยมีคนมาเซ็นให้จนรอดมา1ปี แต่เงินที่กุกะจะเก็บสำรองไปเตรียมปี5 ก็เก็บไม่อยู่เพราะไอแพดเมนบอร์ดเสียบ้าง โทรศัพท์แบตระเบิดบ้าง แม่กุเข้าโรงพยาบาลบ้าง พอเรียนแล้วตารางสอนมันเต็มเกือบทุกวันกุก็ไม่มีเวลาหาเงินเท่าไหร่ พาร์ทไทม์แถวบ้านก็ไม่มี หอก็ไม่ได้อยู่ ถึงจะบอกมหาลัยใกล้บ้านแต่ไปกลับก็แถว ๆ 35 นาที ปกติกุทำกราฟฟิกดีไซน์กับวาดรูปรับคอมมิชไป แล้วบางทีก็ขายหนังสือตามงานอีเว้นเก็บเงิน ภาษาญี่ปุ่นได้n3 แต่ฟัง/พูดกุพาร์ทฟังลองข้อสองn1ได้เต็มบ่อยอยู่จากที่ลองทำโจทย์ แต่ยังไม่ได้ลองสอบเพราะไม่ว่าง แต่เงินที่กุหาได้ก็ไม่ค่อยพอ แต่พอดูกับคนรอบตัวกุที่ทุกคนดูมีอะไรแล้วในชีวิต กับกุที่แค่ปัญหาส่วนตัวก็ยังเคลียร์ไม่จบไม่สิ้น วาดรูปเพื่อนที่สนิทกันก็ทำเป็นฟูลไทม์จนกุเริ่มรู้สึกกุกระจอกมากที่พัฒนาไม่ได้เร็วแล้วได้มากกว่านี้ อะไรก็ไม่สุดสักทาง แถมจบไปเกรดแถว ๆ 2.5 (ไม่ใช่คณะภาษา) กุก็ไม่มั่นใจเลยว่าจะมีงานทำมั้ย ค่าเทอมเทอมหน้าก็ไม่รู้จะมีจ่ายหรือเปล่าถ้ากยศ.เกินหลักสูตรไม่ผ่าน พ่อแม่ก็ช่วยอะไรกุไม่ได้ มันทำกุดาวน์จนไม่ยากใช้ชีวิตอยู่เลยตอนนี้ มันสะสมมาตั้งแต่ปีสองคุยกับใครก็ไม่ได้ กุไม่รู้ว่ากุควรทำอะไรต่อไปด้วย กุเหนื่อยจัง🥲
+กุทำพลาดไปเยอะมาก หมายถึงรู้สึกเป็นภาระสังคมกับอาจารย์และบุคลากรในมหาวิทยาลัย คือมีครั้งนึงช่วงส่งวิจัยกุฆตต.แต่ไม่ตายจนอาจารย์ต้องมาตามทวงงานกุในแชท แต่วิจัยกุก็ทำต่อไม่ค่อยไหวตอนนั้นหัวมันตื้อไปหมด กุก็เลยโกหกว่าป่วยไปแต่กุก็ไม่กล้าบอกเพราะรู้สึกผิดที่สร้างภาระให้เขาที่ต้องมาทวงงาน เพราะเขาใจดีมากแต่ตอนนั้นกุไม่ไหวแล้วจริง ๆ กุรู้สึกผิดยันทุกวันนี้ เขาเป็นที่ปรึกษากูด้วย เขาใจดีมาก ๆ ตอนกุไม่ไปสอบสามวิชาเขาก็ส่งจดหมายมาที่บ้านพร้อมพวกสมุดสติ๊กเกอร์ว่ารอกุกลับไปเรียนอยู่นะ มันเลยทำให้กุรู้สึกผิดไม่กล้าสู้หน้าเขาเลยยันทุกวันนี้ รู้สึกเป็นภาระสังคม กุยกโทษให้ตัวเองที่เหลวแหลกขนาดนี้ไม่ได้ด้วย
กุรำคาญเพื่อนกุว่า มีเหียไรมาหาก็ให้กุเลี้ยง ชอบบอกเงินเดือนเมิงเยอะ ไอ้สัด กุก็เลี้ยงให้ พอมีปัญหาก็มายืมเงินกุไม่ให้ก็เอากุไปพูดในกลุ่มเพื่อนว่า กุมีตังแต่ไม่ช่วยมั้ง คบมา xx ปี
วันนี้กุไม่ไหวเลยเอาแชทที่แม่งขอยืมเงินมาสารพัด มาขอให้กุเลี้ยงไปแปะประจานแม่งให้กลุ่มเลย แม่งมีคนทักมาบอกมันก็เจอเหมือนกันแต่มันไม่ให้เลย กุยังใจดี มาวันนี้แม่งขาดกันไปละ หนี้กุ กุปล่อยแม่งละสบายใจ
>>833 >>834 กูก็ไม่ได้สนับสนุนให้ >>835 นะ แต่กูว่าของแบบนี้มึงปรึกษาจารย์มึงก็ได้
คืองี้ ปัญหาของคนแบบนี้(แบบมึง)คือ ชอบคิดว่าปัญหามีแบบนี้ กูจะทำงี้เพื่อแก้ปัญหา แต่จริงๆ การหาคนไว้ใจได้ที่ผ่านโลกมามากกว่าช่วยมันช่วยได้นะ
โอเค อาจจะไม่แก้ปัญหาให้มึงหรอก แต่มีทางออกอื่นๆ ไม่ต้องเชื่อกูก็ได้ แต่ถ้าขนาดตายก็จะลองมาแล้ว ลองอย่างอื่นบ้างจะเป็นไร
>>837 >>838 ตามนั้น ปัญหาของพวกเมิง คือ คิดมากเกินไป กังวลมากเกินไป
ถ้าไม่รู้ปรึกษาใครกุแนะนำchat gpt
https://chatgpt.com ใช้งานฟรีไม่เสียเงินสักบาท
แต่แย่หน่อยคือถามเรื่องผิดกฏหมาย เรื่องใต้สะดือ มันจะไม่ตอบ
กุเรียน 4.5 ปี จบ กุยังไม่ร้องจะเป็นจะตายเลย F 4 ตัวซ้ำซาก ตกวิชาเดิม2ครั้ง ด้วยมั้งของกู
ค่าเทอม 12,000 แต่กุจ่าย 6,000 ไม่รู้มหาลัย สีแดง ของเมิงนี่ใช่มหาลัย กราฟ เอกโปเนนเชียล หรือเปล่า
จริง เพื่อนกุ8ปีจบ ตอนนี้ก็ทำงานผ่อนบ้านผ่อนรถเหมือนคนทั่วไป แต่ก็เริ่มด้วยตำแหน่งจบใหม่ไม่ถึงสองหมื่น
ส่วนหัวหน้าสายงานกุ ซิ่ว1ที่ ไปที่ใหม่ก็8ปีจบเหมือนกัน เริ่มด้วยตำแหน่งจบใหม่แล้วก็ไต่ขึ้นมาเรื่อยๆ (พูดหลายรอบจนจำได้) พอมาทำงานคือไม่ดื่ม ไม่เที่ยว ทั้งชีวิตทุ่มเทให้งาน มาเช้ากลับดึก ไม่มีลูก เรียนปโท ยอมรับว่าเก่งจริงไม่ใช่เอาแต่สั่ง ลงมาทำ และกลับดึก ข้อเสียก็งานหนักถวายชีวิตให้งาน แต่ถ้ามันแลกกับการเติบโตก็ยอม
>>839 กุเรียนมอสีแดงเหลืองแถวรังสิตน่ะ ค่าครองชีพทะลุโลก ขอบคุณที่มาตอบนะ กุว่าจะพยามต่ออีกสักหน่อยถ้าหาไม่ได้จริง ๆ ก็อาจดรอปหางานเก็บเงินต่ออีกสักหน่อย เรื่องชูการ์หาคนเลี้ยงค่อนข้างยากสำหรับกูเลย กุคุยกับใครไม่เก่ง ไม่ชอบอยู่กับคนอื่นด้วยน่ะ ไม่รู้ลู่ทางด้วย
กุเครียดเพราะ5ปีจบก็ส่วนนึงปต่วิชาที่เรียนนี่แหละที่กุค่อนข้างเครียดเพราะไม่ใช่สายที่ถนัดเลย พอเหมือนฟิกซ์ว่าอีกปีนึงต้องจบแล้วกุก็ค่อนข้างเครียดล่วงหน้าว่าถ้ากุพลาดตัวไหนไปแม่งก็เลทอีก แบบนั้น
พวกมึงเคยเห็น anima หรือ animus ในฝันปะ รู้สึกยังไงกับมัน
ถ้าเราชอบคนๆนึงอายุ 20 แล้วเราก็มีอารมณ์กับรูปเขาตอนอายุ 15 ด้วยแบบนี้เป็นโรคใคร่เด็กไหม
ปลอบกูที มีคนเหนกูชากว่าว ;_;~
>>842 โรคมึงกำเริบรึเปล่า ลองไปคุยกับหมอไหม
>>843 เสี่ยงนะ แต่ถ้ายังไม่ได้จะไปลงมือกับเด็กจริงๆก็ยังไม่เข้าข่ายนะ ไม่ต้องทำไร ให้รู้ตัวเองไว้พอ
>>845 ใจเยนนะ เขินหน่อยแต่ไม่เปนไรหรอก เดี๋ยวมันก็ผ่านไป ชักมันก็เป็นวิธีที่ระบายความเง้นตามธรรมชาติอยู่แล้ว ถ้าคนที่เห็นไม่ใช่คนเหลี้ยเขาก็จะแกล้งทำเปนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มึงก็ควรจะทำแบบเดียวกัน แต่ถ้าเปนคนเหลี้ยก็ทนรับความอับอายระดับนึง แต่ถ้ามันคุกคามมากๆเขาสวนกลับได้ อย่าไปกลัวมาก มันเปนเรื่องที่ผู้ชายคนไหนๆก็ทำกัน
อ่อ ลืมถาม มึงชักในที่ส่วนตัวแล้วคนเข้ามาเห็นใช่ไหม เพราะถ้ามึงชักในที่สาธารณะกูจะสมน้ำหน้าซ้ำเติม
คนที่กูชอบมากๆเค้าให้ยืมเสื้อนอกคลุมขา กูขอเอามาซักก่อนคืน ถ้าวันนี้กูแอบดมจะโรคจิตมั้ย
น้องที่นั้งทำงานข้างกุแม่งชอบแต่งตัวค่อนข้างโป๊ ใส่กระโปรงสั้น เวลานั้งไขว่แม่งไหลขึ้นมาเห็นลึกเลย ทำกุไม่มีสมาธิทำงาน ยิ่งกุใส่แสล็คเห็นละแข็งยิ่งรัด คือกุเงี่ยนเลยละ
จะบอกก็ไม่กล้า เดี่ยวมองว่ากุบ้ากามอีก คนอื่นในทีมก็มีแต่ผู้หญิงไม่รู้จะไปบอกใคร หัวหน้าแม่งก็พึ่งเหียไรไม่ได้
วันนี้ซื้อขนมกับร้านเดิมประจำ เขาแถมให้
>>855 https://youtu.be/1WWarkf_mFU?si=YoJSLvz3R0jz5HKJ
คิดแบบอาจารย์แดง คือมึงต้องมองก้าวข้ามเรื่องกามไปให้ได้
ชอบคิดถึงเรื่องแย่ๆที่ตัวเองทำในวัยเด็ก อย่างเรื่องงอแงให้พ่อแม่ซื้อของให้ รู้สึกว่าไม่ควรโตมาจนถึงวันนี้ ไม่ควรได้รับอะไรดีๆจากใครเลย เกลียดตัวเอง ไม่ชอบตัวเอง สงสัยว่าทุกๆคนไม่เคยมีวัยเด็กที่นิสัยไม่ดีบ้างหรอ ทำไมมองว่าเพราะตอนนั้นเราเด็ก ไม่รู้เรื่องได้ง่ายจัง หรือเป็นกูเองที่ผิดปกติกันนะ
>>860 ตอนเด็กกูนิสัยดี 555 ล้อเล่น แต่ก็ดีกว่าค่าเฉลี่ยอ่ะนะ รู้สึกแย่แค่โดนรังแกบ่อยๆ
กะช่วยนกที่คนรุมตื้บไม่ทัน แต่ทั่วๆ ไป กูก็ไม่อ้อนของ ไม่ตีเพื่อนล่ะนะ อ่า แต่กูปากเสีย
จริงๆ กูอาจจะเลวกว่าที่กูคิดก็ได้ แต่กูไม่รู้ไง สมัยเด็กกูโดนบ่นแค่ขี้หวงกะกวนตีนอ่ะ (เอ้าก็กูรักของกู)
กูชอบเดี่ยวไมโครโฟนให้ตัวเองฟัง ปกติดีไหม
กูโง่ไปหาดูคลิปสนัฟฟิล์มเรื่องนึง จนตอนนี้กูเอาภาพออกจากหัวไม่ได้ ได้ยินเสียงไรก็ระแวงมันทุกอย่าง เป็นมาหลายวันละตั้งแต่ดูคลิปนั้น กูควรทำยังไงดี
กูเป็นคนทนแรงกดดันไม่ไหว เวลาเจองานพรีหรือสอบกูจะเครียดมากจนคิดอะไรไม่ออก มือสั่น กูต้องพูดกับตนเองตลอดเหมือนสะกดจิตตัวเอง จนเพื่อนรำคาญ ล่าสุดกูอ่านหนังสือหนักมากแต่เข้าห้องสอบแล้วกูคิดอะไรไม่ออกทั่งที่กูเคยทำมาแล้วผลออกมาคือกูไม่ผ่าน ตอนนี้แค่กูจับหนังสือก็อึดอัด อยากหนีไปไกลๆ ไม่อยากไปมหาลัย กูอยากไปหาจิตแพทย์แต่ไม่อยากให้ที่บ้านรู้ เพราะบ้านกูหัวโบราณไม่ใช่เซฟโซนเท่าไร มีคนเคยบอกว่าให้กูคิดแต่เรื่องดีๆ แต่กูมีนิสัยทนแรงกดดันไม่ไหวสิ่งที่กูทำมาล้มไม่เป็นท่า สุดท้ายกูคิดเรื่องดีๆไม่ออก ตอนนี้กูควรทำยังไงดี
>>866 กุก็เหมือนเมิงนั่นละ แต่กุไม่ต้องพบจิตแพทย์ กุไม่อ่านหนังสือ แต่เล่นเกม สอบตกก็สอบใหม่โลกนี้ไม่มีอะไรยาก พรีเซนต์ เมิงก็อ่านไปเรื่อยๆ ไม่ต้องสนใจคนรอบข้าง ไม่ว่าเขาจะหัวเราะหรืออะไร ก็ตาม เมิงต้องสื่อสารให้อาจารย์รู้เรื่องคนเดียว
แรงกดดันถ้ามันถาโถมมา เมิงก็กลืนกินมันซะ
ไม่มีอะไรในโลกนี้สะกดข่มเมิงได้ ไม่ว่าจะความรักความโกรธความกลัว ความมืด
ไม่ได้ผิดที่เมิงจะอ่อนแอ
ชีวิตนี้กุไม่เคยคิดแต่เรื่องดีๆกุคิดสถานการณ์เลวร้ายสุดไว้ตลอด ต้องมีแผน2แผน3แผน4แผน5
ส่วนกุอยากไปมหาลัยเพราะเจอเพื่อนวะ แทงสนุกตีดอท ส่องสาว ไม่ได้ไปเน้นเรียนเลย
เอาสังคมก่อน มันก็แค่ปริญญาโง่ๆ
กุโดนคนเกลียดทั้งโม่ง กุไม่รู้สึกกดดันอะไรเลย
เพราะกุเหนือกว่าพวกมันหมด
ว่าแต่เรื่องเรียนมันต้องปรึกษาที่บ้านอะไรวะ
กุไม่เห็นจะต้องปรึกษา
>>867 ตามนั้นการหนีไม่ช่วยอะไรเผชิญหน้ากับมันซะ ถ้ามันออกมาห่วยออกมาแย่ก็ไม่เป็นไร
ช่างมันครั้งหน้าเอาใหม่
ไม่ต้องเก่งต้องฉลาดก็ได้เรียนซ้ำชั้นก็ไม่เป็นไร
เอาจริงกุก็หัวช้านะ น้องกุฉลาดอ่านหนังสือ10นาทีเข้าใจหมด กุใช้เวลา1ชั่วโมง
ถึงจะเข้าใจแบบลวกๆ คะแนนพอๆกับน้องกุ
แต่กุไม่เคยคิดว่าด้อยกว่ามัน
เมิงต้องมีสิ่งที่เมิงทำได้ดีสักเรื่อง ไม่ว่าเมิงจะห่วยขนาดไหนก็ตาม ไอดอลที่กุชื่นชอบเขาว่าไว้ยังงั้น
>>867 ขอบใจมึงมาก กูพยายามหาสิ่งที่กูทำได้ดีอยู่ กูมืดแปดด้านมากแต่กูจะลองหาต่อไป
>>869 กูโดนคนด่าเป็นภาระประจำ ตอนนี้กูพยายามช่างมันแล้วพยายามอ่านหนังสือต่อถึงมันจะฝืนใจมาก ส่วนมหาลัยกูไม่ได้เกลียดหรอก แค่นึกอะไรเกี่ยวกับสอบกูรู้สึกไม่ดีเฉยๆ ส่วนพรีกูพยายามลองฝึกพรีดู
>>870 คำว่าเอาใหม่ไม่ค่อยมีใครพูดกับกูเท่าไร ส่วนใหญ่โดยด่ามากกว่า5555 ชอบทัศนคติมึง กูจะลองเอาไปใช้ดู
เพิ่งเห็นว่าโม่งมีกระทู้แนวนี้ด้วย เวลามีคนบ่นอยากตาย แล้วมีอีกคนมาบอกว่า "เฮ้ยมึงยังไม่ได้ทำนั่นทำนี่" คือการพยายามหาความสุขมาป้ายให้คนอยากตายเนี่ย มันไม่มีผลอะไรหรอก เพราะมันมองไม่เห็นความสุขอะไรแล้ว แล้วไอความสุขที่ว่ามาสุดท้ายมันก็คือทุกข์อยู่ดี ยิ่งไอพวกเอาร่างกายผู้หญิงมาป้ายยาเนี่ย พวกที่พูดมีสองแบบคือยังไม่ได้เจอกับตัว คิดว่านั่นคือความสุข กับอีกแบบคือเจอแล้วแต่ยังไม่ได้สัมผัสด้านทุกข์ที่ซ่อนอยู่ (กูพูดได้เพราะเมื่อก่อนกูบ้าความรัก แล้วสำเร็จกับการจีบผู้หญิงในสเปคของตัวเองในแต่ละช่วงอายุ แล้วสเปคกูคือสูงด้วยไง) เหมือนมึงขึ้นไปยืนบนยอดเขาได้แล้ว วิวโคตรสวย แต่อยู่เฉยๆบนนั้นก็หนาวไม่มีอะไรแดก ถ้ามึงไม่กลายเป็นคนป่าดิ้นรนอาศัยอยู่บนเขา มึงก็ต้องหาทางลงเขาอยู่ดี สรุปสุขอยู่ไม่กี่นาที แต่เรื่องทุกข์มารออยู่อีกเป็นขบวนแล้ว
การหาภาระผูกผันให้ชีวิตนั่นแหละตัวทุกข์ ใครอยากตาย ก็ลองดู มึงไม่ต้องฆ่าตัวเองตายก็ได้ แค่อยู่ไปวัน ๆ จนเงินหมด ไม่มีข้าวแดกก่อน เอาแบบตัวเองใกล้ตาย เดี๋ยวมันจะคิดได้เองว่าจะแห้งตายไป หรือจะลุกขึ้นไปขอข้าวคนอื่นแดก ถ้าเลือกแห้งตายก็สมปราถนามึงละ แต่ถ้ามึงจะมีชีวิตต่อ มึงก็ได้เรียนรู้ว่าชีวิตคนเรา มันคือชีวิตที่ต้องอยู่กับความทุกข์ แค่ร่างกายก็ภาระแล้ว เดี๋ยวหิวเดี๋ยวขี้เดี๋ยวง่วง ความสุขห่าเหวอะไรแค่ของชั่วคราว แค่ทำให้มึงฝันไปวันๆ แล้วถ้ามึงเข้าใจโลกที่เต็มไปด้วยความทุกข์เมื่อไร มึงก็จะอยู่ได้แบบยังไงก็ได้ วันนึงมีข้าวกินอิ่ม มีห้องให้นอน ตื่นมายังมีแรงเดิน จบ ทุกอย่างที่เคยต้องการ โดนโลกทุนนิยมหลอกมาทั้งนั้นว่าคือ ความสุข โดนตอแหลว่าเป็นของดีที่ช่วยมึงได้ ทำให้อยากได้อยากมีเอาของมาครอบครอง เดี๋ยวสุขเดี๋ยวทุกข์เพราะวัตถุ หรือเพราะความสัมพันธ์กับคนอื่น คนส่วนใหญ่ใช้ชีวิตแบบนี้แหละ ดิ้นรนหาความสุขภายนอกไปเรื่อยๆจนวันตาย
ถ้ามึงมีความสุขกับตัวเองได้นะ นั่นคือก้าวแรกแล้ว ก้าวต่อไปก็ทำอารมณ์ให้นิ่ง ไม่สุขไม่ทุกข์ แค่อยู่ไปตามอายุขัย ทิ้งของรกรุงรังในชีวิตออกไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะตาย ไม่มีอะไรยึดติดแล้วจะสบายใจขึ้น แต่ถ้ามึงยังอยากใช้ชีวิตที่หาความสุขภายนอก มึงก็ต้องเตรียมใจทุกข์ด้วย (อย่างเช่นกูที่อยู่ดีๆนึกอยากจะมาพิมพ์พล่ามในโม่งตามกิเลสตัวเอง ก็ต้องเตรียมใจว่าจะโดนด่า หรือ มึงบางคนที่เข้าโม่งมาอยากพิมพ์ระบาย เจอคนด่าหรือเจอคนโม้เหม็นน่ารำคาญ ใจแม่งก็ขุ่นละ โลกมันก็แบบนี้อยู่ตลอดไม่มีวันหนีพ้น ถ้ามึงเริ่มยุ่งเกี่ยวกับคนอื่นเมื่อไร โอกาสเจอปัญหาหรือเรื่องทุกข์ มันมีอยู่แล้ว) สรุปใครอยากตาย ถ้าไม่รีบ ก็ลองวิธีกูดู อยู่เปื่อยๆกับชีวิตตัวเอง จนหยดสุดท้าย ค่อยๆคิดไปว่า ตัวเองอยากตายจริงไหม ถ้ามันยังอยากตายจริงก็ทำเลย แต่ถ้าอยากอยู่ต่อมึงหนีความทุกข์ไม่พ้นอยู่ละ ทำใจซะ ยิ่งถ้ามึงยังหาความสุขง่ายๆกับชีวิตตัวเองไม่เป็น ก็ต้องดิ้นรนหาความสุขภายนอกมาเติมเต็มอีก
>>873 อีวาเกเลียนพิสูจน์แล้วว่า ทำให้คนกลับมามีชีวิตได้จริงๆ
เป็นวลีดังในยุค 90 เลย หลายคนก็บอกว่า "ถ้าอยากตาย รอดูอีวาเกเลียนให้จบก่อน"
คนที่เขาได้เห็น อาสึกะ แลงเลย์ ก็เข้าใจอาสึกะมากขึ้น ทำให้มีความคิดว่า อืมม ชีวิตไม่พอใจของอาสึกะ
เราเข้าใจเขา แค่นั้นก็ทำให้เมิงมีชีวิตอยู่ต่อ แล้ว
หรือไม่เมิงก็อาจจะคิดว่าเมิงคือ ชินจิ
https://www.youtube.com/watch?v=oyFQVZ2h0V8
ใช่ทุกตัวในเรื่องมีปัญหาทางจิตหมด มันจะต้องมีคนที่เมิงต้องรู้สึกเห็นใจในตัวละคร เพราะself insertกับตัวละครั้น
สุดท้ายแม้เรื่องนี้จะรวมพวกจิตเวชไม่เต็มบาทสักคน ไม่ต้องรู้ตอนจบของเรื่องแต่นี่คือเมะที่ทำให้คน คิดสั้น
กลับมาใช้ชีวิตได้
พวกมึง ถึงมันจะเป็นมู้จิตเวช แต่พวกมึงจะรวมตัวกันโรคจิตไม่ได้นะเว้ย เหมือนเอาคนไม่ปกติมารวมตัวกันอ่ะ
มันไม่ทำให้อาการดีขึ้นนะ อย่าดึงดูดกันเองแบบนี้สิวะ
โดปามีน เป็นสารที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์พึงพอใจ ความปิติยินดี ความรักใคร่ชอบพอ จากการศึกษาทดลองในหนู พบว่าเมื่อทำให้หนูเกิดความพึงพอใจ ระดับของโดปามีนจะเพิ่มสูงขึ้นเป็นลำดับ ซึ่งในขณะที่โดปามีนถูกหลั่งออกมาจากสมอง จะทำให้เกิดความสุข เรียกว่า reward circuit หากถูกกระตุ้นด้วยพฤติกรรมซ้ำ ๆ ก็จะหลั่งโดปามีนออกมาตามปกติ แต่หากไม่ถูกกระตุ้นหรือทำกิจกรรมอื่นที่ไม่ใช่กิจกรรมเดิม สารโดปามีนก็จะหยุดทำงาน ทำให้รู้สึกหงุดหงิด โมโหหรือเซื่องซึมได้
ด้วยเหตุนี้บางครั้งจึงมีการจัด โดปามีนเป็นสารเคมีแห่งรัก (Chemicals of love) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเลือกหรือจับคู่ ซึ่งมีผลงานวิจัยอ้างอิงจากมหาวิทยาลัยอีโมรี ได้ทำการทดลองโดยฉีดโดปามีนใส่หนูตัวเมียทึ่เอามาจากหนูตัวผู้ตัวหนึ่ง ซึ่งปรากฏว่าหนูตัวเมียเลือกจับคู่กับหนูตัวผู้ที่เป็นเจ้าของโดปามีนนี้จากกลุ่มหนูทั้งหมดที่อยู่รวมกัน
นอกจากนี้แล้วระดับโดปามีนส่วนสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อร่างกาย หากร่างกายมีสารโดปามีนในสมองมากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมองส่วนฟรอนทัล ซึ่งสมองส่วนนี้ทำหน้าที่เกี่ยวกับอารมณ์ ความรู้สึกนึกคิด การเรียนรู้ ความจำ ก็จะทำให้เกิด"อาการป่วยทางจิต" ซึ่งผู้ป่วยโรคจิตเภทจะมีระดับโดปามีนในสมองมากกว่าคนปกติ
>>878 ดังนั้นคนปกติ ต้องห้ามดีใจ หรือเสียใจจนเกินไป รู้สึกเฉยๆ กับทุกอย่าง แบบ อายาโนะโคจิเนี่ยละ ที่ไม่ใช่จิตเวช https://www.youtube.com/watch?v=oD3ovFjhZBw
ช่วงนี้กุย่อนยาน ขี้เกียจทำนั่นนี่
แค่จะยกช้อนขึ้นมากินยังขี้เกียจเลย เสียพลังงานในการลืมตา ไม่อยากทำอย่างอื่นเลย
อยากนอนกลิ้งๆไถมือถือทั้งวัน
จะขยับตัวก็รู้สึก โอ้สสส น่าเบื่อ
แต่เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กละ มันคืออาการไรวะ
Here to heal เพิ่งรู้ว่าปิดบริการไปแล้ว มาเปิดใหม่ไวๆ นะ TT
ว่าวก่อนนะ
ไม่ชอบตัวเองเลย กูมีฝันอยากสมัครทำงานสายนึงหลังฝึกงานเสร็จ เลยเมาเม้าๆให้เพื่อนฟัง ทีนี้เพื่อนหลายๆคนพอได้ฟังก็อยากมาสอบอยากมามีฝันเดียวกับกู กูควรจะดีใจสิที่เพื่อนมีฝันเดียวกัน แต่อีกใจนึงก็รู้สึกเหมือนถูกเขาลอกเป้าหมายลอกฝันของเราไป ไม่ชอบเลย กูเป็นอะไรเนี่ย แย่ว่ะ มีเพื่อนร่วมทางก็ดีแล้วแท้ๆ
คนใกล้ตัวบ่นเหนื่อยๆๆๆทุกวัน ทุกครั้งที่เจอ ไม่มีอะไรก็บ่นเหนื่อยๆๆๆ คือเข้าใจว่างานหนัก แต่กุไม่อยากฟังอะ กุจะร้องไห้เำราะกุเบื่อมสกๆๆๆ กุไม่อยากได้ยิน กุแฮปปี้ของกุ ก้ต้องมาเจอคำว่าเหนื่อยจากคนอื่น กุไม่ไหวอะ กุก้เหนื่อยเหมือนกันต้องมาฟัง กุต้องทำยังไง ทำยังไงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
งอแงกันไม่หยุด แต่ในที่สุดไม่มีใครใส่ใจสนใจกู กูเป็นแค่ไอ้คนธรรมดาไม่มีปัญหาสุขภาพจิต
ไม่ได้อยากมีหรอกนะ แต่ไม่ได้แปลว่ากูน้อยใจไม่เป็น
เพื่อนแม่งเอาประเด็นยากมาพล่ามให้ฟัง กูจะตอบแม่งยังไงดี อย่างแม่งเป็นคนindecisiveแล้วไปเปิดซิงกับคนแปลกหน้า แล้วแม่งมาregret 2 เดือนหลัง
กูแทบไม่มีsympathyหรือสามารถเข้าใจไรได้เลย เพราะกูคิดแพลนตลอดในชีวิตว่าอะไรควรไม่ควรแล้วกูจะได้ผลลัพธ์ยังไง หาืออะไรแย่ๆมี่เกิดไปกูก็จะมองโลกบวก กูเคยคุยกับแม่งมาหลายๆครั้งแล้วกูไม่เก็จว่าจะต้องการอะไร จากการคุยอะไรวนๆไปไม่ได้หาทางออกของปัญหา ดังนั้นถ้ากูอยู่ในสถานการณ์นี่กูก็แค่มองข้ามไปหาอนาคตที่ดีกว่า ไอสัสแล้วมันก็เปิดซิงตัวเองมากับดิลโด้ก่อนแล้ว ดังนั้นทางbiologicallyมึงก็ไม่ซิงมาแต่แรกอยู่แล้ว คิดไรมากวะ ที่เหลือมันก็แค่ideological perception ละ
จริงๆไอห่าแม่งมันคิดพลิกไปได้ว่ามันโดนขมขืนอ่ะ เพราะมันก็บอกว่ามันไม่แน่วจไม่อยากทำ แต่ใครบ้าแม่งตามผู้ชายแปลกหน้าไปยันคอนโด แล้วตอนแรกๆแม่งก็คุยโม้ว่าแบบดีใตกูเปิดซิงแล้ว อีควัย เป็นไบโพล่า
แปลไทยไม่ได้ไง ภาษาไทยแม่งกาก
มึงลองมาเรียนภาษายุโรปนอกจากอังกฤษมึงก็ควไม่เข้าใจ เพราะกะจะแปลไทยตรงตัว ภาษาไทยโครตจะsimplifyกับตวามหมาย เพราะคนไทยไม่ได้คิดอะไรลึกซึ้ง ดังนั้นสมองมึงก็เลยไม่เข้าใจสิ่วที่กูเขียนมาไปด้วย เห็นได้ทั่วไปในพวกเด็กมาเรียรยุโรปแต่โง่อ่านะ
>>891 กุว่าไม่ใช่นะ ภาษาไทยไม่ได้กาก แต่เมิงไม่เข้าใจ ภาษาไทยดีมากพอต่างหาก พวกเรียนเมืองนอกเป็นงี้เยอะคิดว่าตัวเองตัวเองเจ๋ง เพราะใช้ภาษาไทยไม่ได้ เมิงแค่ปกปิดข้อบกพร่องของเมิงเองต่างหาก ฝรั่งบางคน เขียนภาษาไทยได้ดีกว่าเมิงอีก
และสามารถใช้ดูว่า คนที่คำอังกฤษคำ จะคิดว่าตัวเองหยิ่งผยอง
ความคิดตัวเองถูกที่สุดก็ได้
เหมือนเมิงสั่งงาน สั่งchatgpt เมิงรู้ไหมว่าหลักการทำงาน เหมือนเด็ก ที่ต้องคอยเรียนรู้ เวลากุสั่งงานchatgpt กุก็จะอธิบายให้เหมือนเด็กอนุบาลฟัง จะได้รับคำตอบที่ถูกต้องมา
ไม่มีอะไรจะด่าสะใจเยอะแยะ ได้เท่าภาษาไทยแล้ว ภาษาอื่นด้อยกว่าหมด
>>893 มึงยังอธิบายไม่ได้เลยว่าภาษาไทยดียังไงกว่าภาษาอื่นนอกจากเรื่อวควายๆอย่าง ภาษาไทยด่าสะใจที่สุดแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่กูได้ยินจากพวกmonolingual บ่อยๆไม่ว่าจะไปประเทศไหนอ่ะนะ คิดว่าภาษาบ้านตัวเองด่าได้โหดที่สุดบ้างหรือด่ามันส์ ซึ่งมันsubjective มากกว่าจะเป็นแนวคิดทางlogical นอกจากจะไม่มีการยกproofsมาสาธยายแล้วยังโชว์โง่คิดว่าภาษากูดีที่สุดแบบไร้เหตุผลอีก ว๊าว
ภาษาไทยมันเป็นภาษาที่ใช้adjective adverb น้อยมาก ในคณะที่คุยกับคนไทยในการอธิบายหรือติชมอะไรบางอย่างศัพท์มันจะวนซํ้ากัน แต่ในขณะที่ภาษา Indo European มันใช้มีsynonymเยอะกว่ามาก แม้ถ้าแปลตรงตัวความหมายจะเหมือนกัน แต่มันใช้คนละบริบทกัน มีความแตกต่างกันอย่างนิดๆ ซึ่งเวลาอธิบายอะไรหรือจะขยายความมันจะง่ายกว่าภาษาไทย คําไทยจริงๆแม่งสั้นจะตายเอาใช้ชีวิตประจําวันให้รอด รากศัพท์ไทยมันไม่ได้มีอะไรลึกไงคําหลายๆอย่างเลยต้องไปใช้รากกศัพท์จากบาลีสันสกฤตมาตั้งคําๆใหม่ เพราะสามารถสมาถรคําได้ มันมีระบบprefix suffix เหมือนภาษาอังกฤษเอาง่ายๆ เวลาคิดประกอบคําใหม่มึงดึงรากศัพท์มารวมๆกัน แต่ทีนี้ก็ทีปัญหาอีกเวลาคิดคําใหม่ในวงการวิชาการ บางครั้งคํามันไปซํ้ากับคําที่มีอยู่แล้วในพระตรัยปิฏก
กูไม่เก็จอะไรมากกับการใช้ไทยคำอังกฤษคำ มันเป็นเรื่อวของชาตินิยมไรเหรอวะ งง คือบางครั้งคนที่ใช้หลายภาษาสมองแม่งมันแปลไม่ทันจริงๆหรือไม่ก็ไมามีคําแปลไทยที่สามารถconveyความรู้สึกที่จะสื่อได้เหมือนที่ใจคิด ก็พ่นออกไปเลย กูคุยกตกกะปิทั่วไปไม่ได้ไปพูดหน้าเวทีการประชุมเหี้ยไร แล้วไม่ได้จะเป็นการเบ่งไข่เลยว่าใช้ผสมกันแล้วกูเท่ หรือว่าอิจฉาเหรอ
มันก็ไม่ได้จะเบียวขนาดที่เหมือนพวกเด็กเรียนอินเตอร์แทนคําว่าไอกับยู หรือแบบเอ้โย่ว วัดซัพแม๋น วัดซัพนิกก้า
กูคุยกับอาจารย์ตามมหาลัยแม่งก็พูดผสมศัพท์อังกฤษมางี้ปกติ เพราะใช้ตําราต่างประเทศ แล้วก็ตามที่ว่ามา มันแปลไทยตรงตัวไม่ได้ คือจะให้แปลได้ก็ต่อเมื่อมันมีคนเขียนบทความวิขาการแล้วตั้งๆคําๆนั้นใหม่
การพูดที่ดี คือตรงประเด็นเข้าใจได้ ดูจากที่เมิงพิมมา น่าจะยังความรู้ไม่ถึงนะ
แต่เมิงไม่ยอมรับว่าตัวเอง โง่ไง ภาษาไทยความรู้เมิงมีแค่นี้ เลยคิดว่าไทยใช้ไม่ได้
เมิงแค่ไม่อยากใช้ ก็เอาง่ายๆ พิมทับศัพท์เข้าว่า
เขาเลยเรียกว่า low effort หรือทำแบบลวกๆขอไปที
ถ้าเมิงยอมรับว่าตัวเอง โง่ ได้อย่างแรกแล้วเมิงจะฉลาด ดู chatgpt ก็ได้ ยังต้องเรียนรู้ตลอดเวลาเลย
แต่คนส่วนใหญ่จะคิดว่า กุเจ๋งกุแน่ไง ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ดึงดัน เรื่องชิบหาย มันก็เกิดจากพวกนี้นี่ละ
ที่คิดว่าตัวเองฉลาด แต่จริงๆแล้วโง่
>>894 ทำมาเป็นบอกว่าภาษาไทยมันไม่เจาะจง ไม่สามารถอธิบายสิ่งที่มึงต้องการได้เลยต้องไทยคำอังกฤษคำ สิ่งที่มึงกำลังทำคือหลงประเด็นสัสๆว่ะ กูก็ไม่ได้บอกว่าภาษาไทยมันเจ๋งสาส lnw007 กว่าทุกภาษา แต่สิ่งที่บอกคือ ก่อนจะยกตัวอย่างไทยคำอังกฤษ คือมึงต้องเข้าใจในบริบทที่ตัวเองต้องการจะสื่อให้ได้จริงๆก่อน แล้วไปเปรียบเทียบหาคำภาษาไทยที่จะใช้อธิบายให้ครอบคลุมและตรงความหมายของเรื่องที่มึงจะสื่อ ซึ่งถ้ามันไม่มีแล้วจริงๆก็ค่อยยกตัวอย่างคำภาษาอื่นๆมาใช้ ซึ่งตรงจุดนี้ที่มึงพลาด มึงยังอธิบายในภาษาไทยไม่ได้เลย แต่ยกภาษาอื่นมาทับไปแล้ว และที่มึงยกมามันก็เป็นความหมายกลุ่มกว้างๆที่ไม่ได้ต่างอะไรจากใช้ภาษาไทยเพียวๆ มึงก็แค่เอาศัพท์มาใช้เท่ๆ เหมือนอัพเกรดให้ตัวเองดูมีความรู้ แต่จริงๆก็กลวงโบ๋เพราะไม่สามารถอธิบายด้วยภาษาไทยได้ไง
พวกschizoเถียงกันฮาดีหว่ะ
>>897 เสร่อแป๊ะมาก เคยได้พูดจากับมนุษย์บ้างไหม วิธีของมึงไม่ใช่การสื่อสาร การสื่อสารคือการตอบโต้กันด้วยคำศัพท์ที่ถูกใช้ในสังคม ถ้าเฉพาะทางจัดเราพูดคำไรออกไปแล้วอีกฝั่งงงเราถึงจะไปหาศัพท์ใหม่มาใช้อธิบาย ไม่ใช่มาลิมิตตัวเองว่าห้ามทับศัพท์ตั้งแต่แรก โดยเฉพาะเวลาตอบโต้มันเน้นความเร็ว และความเข้าใจ เช่น มึงบอกว่าจะเช็คตารางเวลาตัวเอง การที่คำในหัวมึงคือ schedule มึงก็พูดขึ้นมาได้เลยว่า “เราขอเช็ค schedule ก่อนนะ” อีกฝ่ายแม่งอาจจะเข้าใจก็ได้ ไม่ใช่มายืนงงเอ๋อแดกว่าเอ๊ะ คำว่า schedule แปลเป็นไรว่ายังไง อีกฝ่ายคงจะคิดว่ามึงเป็นไรมากเปล่าให้กูมารอมึงคิดคำศัพท์ภาษาไทยนี่นะ ทั้งๆที่มีคำอื่นที่ใช่ได้
การสื่อสาร success ได้ถ้าสื่อสารเข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจก็พยายามอธิบาย ไม่ใช่มาลิมิตว่าต้องใช้ภาษานั้นนี้เท่านั้น จนมันติดขัด บ้าหรอ
>>899 คนฉลาดกว่าเอไอก็มีแค่คนส้รางเอไอนั่นแหละ มึงเบียวไรป่ะเนี่ย
ถ้ามึงเมินโทรล tof ไม่ได้ ไม่ควรเล่นโม่งนา
>>900 นี่งัย มึงก็ตกหลุม งง ในตรรกะตัวเองอีกแล้ว ทำมาบอกกูเสร่อ แล้วไอคนที่มันเลือกใช้คำว่า "ขอเช็ค สะเก๊ดดู้ว ก่อนนะ" ทั้งๆที่ในหัวมันกำลังคิดจะบอกว่า "ขอเช็คตารางเวลาตัวเองก่อนนะ" เพราะมันเชื่อฝังหัวไปแล้วว่าชั้นเข้าใจคำๆนี้ "สะเก๊ดดู้ว" ไม่เสร่อกว่าหรอวะ อีกฝ่ายคงไม่คิดว่ากูมีปัญหาอะไรหรอก เพราะกูไม่เสร่อจัดเหมือนมึงไง มีแต่มึงแหละที่เค้าจะสงสัยว่าสมองมีปัญหาอะไรป่าว แค่ใช้คำว่า "ตารางเวลา" ก็เข้าใจ จะเสร่อไปหาคำอื่นๆ "สะเก๊ดดู้ว" มาใช้ทำไมและยังมั่นหน้าว่าคนอื่นต้องเข้าใจความหมายเหมือนมึง เก่งมาก เยี่ยมมาก ขอบใจ
เริ่มชั่งใจว่าจะฆ่ าตัวตายหรือจะฆ่าคนอื่น
ไม่รู้ กุเป็นโรคอะไร รู้สึกโลกนี้ไม่มีอะไรน่าสนใจสักอย่าง ไม่เข้าใจคนมีenergyเยอะๆ ทำนู้นนั้นนี้ได้ทั้งวัน
แต่กุแค่ขยับตัวยัง ขก เหมือนความคิดในหัวตอนเด็กมันบอกว่าเสียพลังงาน แม้แต่ตอนกินข้าวยังขี้เกียจยกช้อน
เป็นมาตลอดไม่เคยหาย มีโอกาสหลับได้ กุหาโอกาสหลับตาตลอด รู้สึกว่าแค่ลืมตามองโลกนี้ก็เหนื่อยแล้ว กุไม่เข้าใจพวกที่แม้งalert ทุกวันทั้งวันสักนิด พวกมันเอาแรงจากไหนกัน
>>906 โรคเบียวไง ประเภท Edgy (n.) พวกนี้คือพวกวันนาบี อยากทำตัวขรึมๆ เบื่อโลกๆ ไม่สามารถหาความสุขจากอะไรได้ทั้งนั้นเพราะเบื่อแม่งหมด และไม่สามารถมีแรงบันดาลใจทำอะไรได้แล้ว เพราะเบื่อแม่งหมด วิธีแก้คือ เลิกขี้เกียจ เลิกเบื่อเวลาจะลุกขึ้นมาทำอะไร ไม่ต้องคิดว่าทำแล้วได้อะไร เอาแค่มึงลุกขึ้นมาทำอะไรบางอย่างให้ได้ก่อน
เผยประวัติมือปืนอายุ 20 ที่ลอบยิงทรัมป์
เป็นเด็กเรียนดี มักถูกบูลลี่ เคยสมัครชมรมยิงปืนยิงไม่แม่น
พวกเมิงเคยชอบเฉพาะส่วนกันปะวะ แบบชอบจมูกคนนี้ ชอบปากคนนี้ ชอบแร้คนนี้ แบบนี้มันดูโรคจิตไหมวะ
บางทีกุชีวิตก็อยู่ด้วยความ ยับยั้งชั่งใจตัวเอง ไม่งั้นเลือดในกุจะเดือดพล่านไปหมด และคุมสติไม่ได้
ในหัวมีแต่คำเดียวว่าอร่อยๆๆๆอยากเลีย อยากกิน ถ้าไม่ได้เลียขอตายดีกว่า
ไม่งั้นกุคงกลับไปเป็นคนปกติไม่ได้
กุว่าทุกคนมีปีศาจอยู่ในตัวทุกคน และก็มีหลายตนด้วย เขาเรียกบาปทั้ง 7 มั้ง
ที่กุสามารถเรียกพลังออกมาได้ คือ โทสะ กับ ตะกละ อีก 5 อย่าง กุยังไม่รู้วิธีใช้งานว่าเรียกยังไง
กุว่ามันพลังปีศาจมันก็ดีนะ ไม่งั้นกุคงไม่รู้วิธีขับเคลื่อนตัวเอง และพอกุได้พลังมาก็มั่นใจมากขึ้น
>>908 สังเกตุผู้ก่อการร้ายมักจะเป็นพวกเด็กเนิร์ดนะ อย่างกราดยิง พารากอน นั่นก็เด็กถูกบุลี่
เอาจริงกุก็เคยโดน คนทั้งห้องเกลียด แต่กุก็ไม่ได้อยากจะคิดอยากฆ่าใคร
เคยเป็นกันไหม พอไม่ได้ทำงานแล้วก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรดี ทำงานของวันนี้จนเหนื่อยแล้วรู้สึกอยากพัก พอพักก็แค่นั่งจ้องมองจอคอมเฉยๆเพราะไม่รู้จะทำอะไร เกมก็ไม่อยากเล่น หนังก็ไม่อยากดู คลิปยูทูปดูไปก็ล่อกแล่กไปอยากทำงาน เพราะรู้สึกว่าเสียเวลา ฟังเพลงเฉยๆก็โคตรน่าเบื่อ
แม่กับอีแก่ข้างบ้านกูเล่นอะไรกันอยู่วะ พอดีวันนี้แม่เอาโทรศัพท์มาให้กูซ่อมเพราะมันชอบค้างแล้วเด้งออกแอพบ่อยๆ กูเลยจะลองล้างเครื่องล้าวข้อมูล ตอนกำลังแบ๊ค-อัพข้อมูลไว้ กูก็เปิดดูเล่นๆ แล้วไปเห็นข้อความที่พวกแม่งคุยกัน แม่งเหมือนอีแก่ข้างบ้านจะคอยรายงานการเคลื่อนไหวกูตลอดทุกวันๆเลยว่ะ เช่น
07:30 ออกจากบ้าน เสื้อฟ้า กางเกงสั้น รองเท้าหุ้มส้น
19:00 อยู่หน้าบ้าน ชุดเดิม ถือถุงมาสองใบ
อีกวันก็
08:43 ออกจากบ้าน ชุดทำงาน ดูรีบๆ(กูสาย)
12:20 กลับมาบ้าน ชุดทำงาน
15:26 ออกจากบ้าน ชุดคลุมดำ กางเกงขายาว(กูลาบ่ายไปเที่ยว)
แล้วพิมพ์ส่งแบบนี้ทุกวันไม่เว้นวันหยุดตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ทำให้กูรู้สึกเหมือนโดนจับตามองตลอดเลยว่ะ กูควรไปคุยดีมั้ย หรือทำใจละเงียบๆไป
คิดถึงพ่อแม่จังอยากอยู่ด้วยกันทุกๆวันเหมือนเมื่อก่อนมาทำงานกรุงเทพเหงาจัง
>>915 เดาว่าพ่อแม่มึงยังไม่ถึงวัยทองสินะ หรือไม่ก็ ได้พ่อแม่ดีเลิศประเสริฐสุดๆที่ไม่ทำตัว Toxic งอแงกับทุกอย่างที่ตัวเองไม่ได้ดั่งใจ วันหยุดอยากนอนตื่นสายก็มาปลุกกู หากุญแจมาปลดล็อคประตูบ้านกูเอง ทำอะไรก็เหมือนขัดใจทำผิดไปหมด ซักผ้าบ่อยก็ว่าเปลืองน้ำ นานๆซักทีก็บอกว่าหมักหมม สั่งของบ่อยก็ว่าสิ้นเปลือง นานๆสั่งมาทีก็ว่าทนใช้แต่ของเก่าๆ ชวนไปกินข้าวข้างนอกก็ไม่เคยถูกใจ กูทำกับข้าวไปให้กินก็มีแต่คำติ เค็มไป หมูเยอะไป ผักสุกไป ที่พีคๆๆๆเลยคือ ต้มจืดทำไมต้องใส่คนอร์มันเปลือง พอพาแฟนมาบ้านก็แวะมาหาเรื่องบ่นใส่กู(ตอนกูอยู่คนเดียวไม่บ่น) อยู่ต่อหน้าเพื่อนบ้านก็ไม่เคยชมไรกูหรอก หาเรื่องติจนได้เช่น รองเท้ากูสกปรกไม่ซักบ้าง(ก็พึ่งลุยฝนมาจะให้สะอาดยังไงวะ) พอลองคุยเปิดใจให้ลดความ Toxic ลงบ้างก็งอนหาว่าโตปีกกล้าขาแข็งแล้วไม่ฟังใคร ทำนิสัยเป็นเด็กน้อยสัสๆ ตอนช่วงไหนกูลำบากก็มาตอกย้ำว่าไม่ประหยัด ไม่ประมานตน พอช่วงกูเฟื่องฟูก็ทำเป็นชวนกินข้าวแล้วมาขอให้ซื้อนู่นนี่ ชมลูกบ้านคนอื่นยับๆ คนนู้นเป็นครูได้สวัสดิการดี(แต่เงินเดือนต่ำชิบ) คนนั้นไปทำงานต่างประเทศส่งเงินกลับมาให้เป็นฟ่อนๆ(ผีน้อย) พอกูสนใจอยากออกรถก็มาบ่นว่ามีปัญญาดูแลหรอ ผ่อนไหวหรอ พอกูนิ่งๆก็มาว่าไม่อยากมีอะไรเป็นของตัวเองหรอ โคตร Toxic สัสๆ ดีละที่ยังไม่เจอ
nigga turned the table and made it all about him
>>918 กูเจอแบบมึงเลยหว่ะ แต่โหดร้ายกว่าตรงที่เจอในวัยมัธยม คือแบบsufferมาก ชีวิตแบบตอนนั้นแค่ขยับจะพัฒนาชีวิตตัวเองในฐานะเด็กคนนึงถือว่าผิดหมดเลย แต่หลังจากนั้นพอออกมาสร้างชีวิตเองได้กูจะจำฝังใจเลยว่ากูทำงานกูมีที่ทางกูจะไปสร้างเองทุกอย่าง พึ่งพาพวกพ่อแม่ตัวเองนี้ให้น้อยสุด ทำประกันไว้เผื่อแม่งป่วยอิดออดจะตายแทน แต่ตายห่ากันไปจริงๆละกูไม่ได้มรดก กูก็ไม่แคร์นะ เพราะยังไงก็หวังๆจะไปหาบ้าน หารถใช้เองอยู่แล้ว
กุเห็นพ่อแม่ประเคนให้ทุกอย่าง ก็ด่าพ่อแม่ ขนาดพ่อแม่มันยังเลี้ยงไม่เชื่อง แล้วเราจะเลี้ยงมันให้เชื่องได้หรอ
ฝากไว้ให้คิด พวกป่วยจิต เดียวมันก็อ้างว่าต้องกินยาอีก
>>918 เจอมาคล้ายๆกู แต่ตอนเด็กกูจะเจอพ่อเหี้ยๆด้วย คือกูทำอะไรไม่ถูกใจนิดเดียวกลับมาบ้านคือจะไปเอาไม้มาฟาดกูทันที พอโตมาหน่อยถึงเลิกไม่รู้คิดได้รึยังไง ทำให้ตอนเด็กกูคอนข้างแพนิคถ้ากูทำอะไรขัดหูขัดตาเค้า
ส่วนแม่กูเป็นคนย้ำคิดย้ำทำ+วิตกจริต+ขี้บ่นบ้าๆบอๆแบบหาเรื่องมาบ่นเหมือนแม่มึง แต่ upgrade คือจะบ่นเรื่องเดิมๆย้ำคิดย้ำทำ คือศูนย์รวมเรื่องประสาทแดกในคนเดียว
นั่นแหละชีวิตยุควัยรุ่นกู เหี้ยจนกูต้องบอกตัวเองว่าต้องเรียนให้ได้ดีแล้วหนีไปอยุ่มหาลัยไกลๆบ้าน หางานทำไกลบ้านแม่ง
ทำไมช่วยอะไรใครหรือให้อะไรไปเท่าไหร่รู้สึกว่าเเต่ละคนเเม่งไม่เคยเห็นค่าเลยวะ ปล่อยกูนั่งคนเดียว ทักทายคำเดียวเเล้วก็ทำเหมือนไม่รู้จักกัน ดองเเชทกู โทรไปรู้ว่าเห็นนะเเต่ก็ไม่รับ รู้ว่าอย่าทำดีไปเพื่อหวังผล เเต่ถ้ากูอยากได้เเค่ความจริงใจในความเป็นเพื่อนเเม่งยากมากเลยอ่อวะ บางทีหันหน้าไปก็ไม่รู้ว่าจะไปปรึกษาใคร เพราะไม่อยากให้คนอื่นมาทนฟัง ช่วงนี้รู้สึกเหมือนสมองเเม่งก็ช้าลง ลืมง่ายขึ้น เเถมเวลาไปไหนกูต้องเป็นฝ่ายชวนตลอด ทำไมวะ ปู่กูบอกให้มีน้ำใจไว้เดี๋ยวก็ดีเอง ไหนวะดีที่ว่า ลึกๆเเม่งแอบน้อยใจอยู่นะ รู้สึกควบคุมอะไรในชีวิตไม่ได้เลยขอมาระบายในนี้เเหละ
>>921 ส่วนใหญ่พวกบ่นพ่อแม่โดนพ่อแม่สปอย มีฐานะหมดแหละ แต่คือพ่อแม่พวกนี้มันก็ท็อกซิกสัสๆด้วยไง
กูว่านะพวกมึงควรเลิกบ่นนู่นนี่พ่อแม่หากยังไม่สามารถยืนหยัดด้วยตนเองได้ เพราะจากมุมมองคนนอกพวกมึงแม่งโครตนักหลวม
ส่วนไอพวกที่มันไม่โอเคกับพ่อแม่แล้วมันดิ้นรนหนีมาเองพวกนี่กลับไปปากเปราะซะงั้น เหอะๆ
ทำงานพลาด ลืมนู่นลืมนี่ เหม่อ ไม่รอบคอบ ปากไว เวลาหัวหน้าถามงาน ยังไม่ทันเช็คเลย กุก้ปากไวตอบไปละ ซึ่งมันผิดไง คือมันหลายรอบมาก เขาเหมือนจะเริ่มหมดความอดทนกับกุแล้วอะ กุสงสัยว่าตัวเองน่าจะเป็นโรค adhd และกำลังจะไปหาหมอ แล้วถ้าสมมติมันเป็นจริงๆ เราควรบอกหัวหน้าไหม หรือเก็บเงียบๆ แล้วกินยาปรับพฤติกรรมให้ดีขึ้น ก่อนถึงเวลาประเมิน เชี่ยเอ้ยยยกลัวไม่ผ่านโปรโว้ยยย
ไม่ได้อึมา4วัน กินโพรไบโอติกตอนนี้ดีขึ้นละ
อยากตายอ่ะ ทำไมต้องพยายามมีชีวิตอยู่ มีชีวิตที่ดีให้ได้ ทุกวันนี้ ไม่มีหนี้ มีเงินเดือน 7 หมื่น การงานดี มีบ้าน มีรถไม่ได้ผ่อน มีพ่อแม่ที่พร้อมซัพพอร์ตไม่เคยขอเงิน มีครอบครัวที่รักดูแลเราทุกอย่าง แต่เราก็ยังอยากตาย สนุก เอนจอยกับชีวิต แต่รู้สึกเบื่อ อยากตาย เบื่อแล้วขีวิต เหนือยแล้ว อยากตายให้หลุดพ้นจากตรงนี้ อยากไปที่อื่นแล้ว
ไปผ่อนรถ หรือออกคอนโดให้มีหนี้ เอาแบบเหลือเงินใช้อยู่นิดเดียว แล้วจะรู้สึกอยากมีชีวิตไปทำงาน
อยากตายแบบไม่เจ็บไง ส่งเมลล์ไปถามเรื่องการการุณยฆาตที่สวิสแล้ว เขาไม่ตอบ คนเราควรเลือกได้ป่าวว่ะ ว่า ยากจบชีวิตตอนไหน ทำไมต้องรอแก่ รอป่วยตาย อยากตอนตอนสภาพร่างกายยังดีแล้วบริจาคอวัยวะให้คนอื่นได้อ่ะ
กฎหมายแม่งควรรองรับให้คนเลือกตายได้ตามใจชอบ เลือกเกิดไม่ได้ก็ควรเลือกตายได้
เอาแบบก่อนตายตรวจเช็ค ไม่ติดบูโร ไม่หนีหนี้ก็ได้
ไหนบอกทุกคนมีสิทธิในตัวเอง กูอยากตายดีๆ อวัยวะใช้ต่อให้คนอื่นได้ ยังไม่เห็นมีสิทธิเลยอ่ะ
อยากให้ซอมบี้บุกโลกว้อยยยย
>>945 สังคมมนุษย์ยังคงติดกับกับคำว่า "ตาย = เรื่องที่แย่" อยู่
สังคมดัดจริตไม่ได้มองว่าการตายมันคือธรรมชาติของสรรพสิ่งที่วนเวียนไปตามวัฏจักร ขนาดมีคนบ่นว่าอยากตาย เพราะหมดแพสชั่น ยังมีไอ้โง่มาบอกให้สร้างหนี้จะได้มีแรงผลักดัน แค่นี้ก็บ่งบอกได้แล้วว่ายังมีคนอีกไม่น้อยที่มองความตายในทางลบ เพราะงั้นเรื่องที่มึงพูดมา คงยากจะเกิดขึ้นในเร็ววัน
>>941 เมิงก็ยกตัวอย่างพวกมีหนี้แต่ไม่มีกำลังที่จะใช้หนี้ แต่ที่มันแนะนำคืออีคนอยากตายแต่มีพร้อมทุกอย่าง ถ้ามันมีหนี้มันก็จ่ายหนี้ไหว ต่อให้มันออกจากงาน
มีคนโง่แบบเมิงนี่ มันไม่มีทางเข้าใจว่ามันมีหนี้ดีด้วย กุต้องอธิบายไหมว่ากู้เงินมาผ่อนบ้าน อีก30ปีผ่านไปบ้านจะราคาเท่าเดิมปะ หรือโม่งยังอยู่ในโลกอุดมคติ
บางทีกูก็คิดว่ากุคงเป็น psychopath ไม่ก็ Sociopath แหละ เหมือนจะไรความรู้สึกและโง่ทางความรู้สึกมาก
>>950 จ่ายไหวแน่นอน คำถามคือจะจ่ายหรือเปล่า ?
พวกที่หมดแพสชั่นกับชีวิต มันคิดไม่เหมือนไพร่สามัญชนแบบมึงหรอกนะ
ต่อให้มีเงินจ่ายไหว แต่ถ้าขี้เกียจรำคาญมากๆ ก็ปล่อยแม่ง ไม่จ่าย เครดิตเสียแล้วไง ช่างแม่ง ยึดก็ยึดไปดิ ต้อให้ฟ้องล้มละลาย ก็ล้มบนฟูกอ่ะน้อง
บ้านปัจจุบันก็มีอยู่แล้ว รถปัจจุบันก็มีอยู่แล้ว เงินก็มี ไม่เดือดร้อน
อธิบายไปไพร่แบบมึงคงไม่เข้าใจหรอก เพราะมึงยังคงติดลูปชีวิตหนี้อยู่ ถ้าไม่จ่ายชีวิตมึงล่มจม โดนยึดบ้าน ยึดรถไม่มีที่ซุกหัวนอน
แต่ไอ้คนที่หมดแพสชั่นที่มีพร้อมทุกอย่างมันไม่ใช่แบบมึง ซื้อเพิ่ม ถ้าขี้เกียจก็ปล่อยทิ้ง ไม่เดือดร้อน
กูขอให้ไอ้เอี้ยที่คิดค้นรีลมันตายห่าอย่างทุกข์ทรมานแลวต้องดูรีลควายๆไม่หยุดตลอดเวลาไปชั่วชีวิต ไอ้เปรต
ไม่ต้องมาบ่น ไม่ดูแลตัวเอง ทำตัวหัวฟรวยเองแล้วจะบ่นทพไม พยายามข่วยจนไม่ร฿่จะช่วยยังไงก้ไม่เอาไม่สน
ก้ตายๆไป รำคานชิบหาย
เอาเวลาที่มาปรึกษาโม่งไปปรึกษาหมอนะ มีตังมีทุกอย่างครบ หาหมอหรือหาที่ปรึกษาด้านนี้น่าจะไม่มีปัญหา ยกเว้นไม่มีใครแล้ว มีโม่งเป็นที่พึ่งสุดท้าย
กุกำลังยอมเหนื่อย ยอมเสียความเป็นตัวเองเพื่อทำงาต ยอมลืมการคอนเนคกับทุก ๆ คน แค่เพื่อเซฟแรงไว้ทำงาน ยอมทุกอย่างเพื่อเงินเดือนอันน้อยนิด สัสเอ้ย
>>964 อส คล้ายๆไอดอลเลยวะ
ว่าแต่การคอนเนค กับ เพื่อน มันสำคัญด้วยหรอวะ แล้วเสียความเป็นตัวเอง เมิงก็หยุดที่จะทำเมื่อไรก็ได้ มีใครบังคับเมิงหรอ? ไม่พอใจก็หางานใหม่แค่นั้น ดูท่าเมิงจะมีปัญญาในการเข้าสังคมนะ ถึงต้องฝืนตัวเองตลอด ถ้าเมิงทำเป็นปกติทุกลมหายใจ ความเป็นตัวเองตัวตนเดิม เมิงจะถูกลบได้ยังไง
ให้เดา เมิงคงทำงานบริการ เช่น แอร์ เด็กเสิร์ฟ ไลฟ์แม่ค้าขายของสินะ
เออ แล้วก็กุไม่ได้ปรัชญาอะไรหรอก
ยดตัวอย่างนะ เวลา คนเราจะตัดสินใจอะไร
เราก็มักหาเหตุผล มาเข้าข้างตัวเอง เช่น อยากไปงานไอดอล อยากไปเสพความโมเอะ นั่นคือเหตุผล
ในทางกลับกัน เหตุผล ก็ทำให้เกิดอารมณ์ เช่น ของหาย หาของไม่เจอ ก็จะเกิดความหงุดหงิด
ดังนั้น อารมณ์ ทำให้เกิดเหตุผล
และเหตุผลทำให้เกิดอารมณ์
ไอ้เอ๋อแยกร่างคุยกันเองเหรอวะ
กลับคอกได้แล้วไอ้เอ๋อ
เอาเวลาที่เป็นมีปัญหาสุขภาพจิต พอให้เก็บเงินได้หลาย ๆ แสน
แล้วเอาไปเทรด Forex ได้แล้ว
ผมเทรดไม่กี่วันได้มาแล้ว 450,000
มีใครเป็นไหม เวลาระบายเรื่องอะไรสักอย่างให้คนอื่นฟัง ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาจะมีความรู้สึกว่าไม่น่าพูดออกไปเลย กลายเป็นว่ายิ่งเครียดกว่าเดิม เข้าข่ายของอาการอะไรไหมอะ
อยากถามความเห็นของแต่ละคน
มันจำเป็นมั้ยถ้าอยากเข้าหาใครหรืออยากสนิทกับใคร
ต้องใช้เงินเพื่อเข้าถึงคนนั้นได้
เราไม่ได้พาดพิงใครนะ รู้สึกตัวเองสถานะปานกลางแต่แบกรับค่าใช้จ่ายที่รายจ่ายมากกว่ารายได้ไม่ไหวครับ
“พระผู้เป็นเจ้าทรงอนุญาตให้เราผู้เป็นประชากรที่ได้รับการคัดสรรแล้วจากพระองค์ ได้สร้างพรสวรรค์ อันเกิดจากการต้องอยู่กันอย่างกระจัดกระจายซึ่งดูคล้ายเป็นความอ่อนแอของเรา แต่ที่จริงกลับเป็นพละกำลังของเราซึ่งกำลังนำเราไปสู่ความมีอำนาจสูงสุดเหนือโลกทั้งโลก...”
อำนาจเช่นนี้ถูกอธิบายเพิ่มเติมต่อไปอีกว่า...
“อำนาจของเราจะมีอยู่ท่ามกลางสภาพอันง่อนแง่นของอำนาจทุกรูปแบบ และเป็นอำนาจที่เหนียวแน่นมากกว่าอำนาจอื่นใด เพราะยังคงเป็นอำนาจที่ไม่มีใครมองเห็น จนกระทั่งเมื่อถึงเวลาที่มันมีพลังสูงสุด ก็จะไม่มีอำนาจหรือเล่ห์เหลี่ยมใด ๆ สามารถทำลายมันลงได้อีกเลย” และ “นี่แหละคือเหตุผลที่ทำไมเราถึงต้องทำลายความศรัทธาทั้งมวลลงไปให้หมด ต้องยึดเอาหลักความเชื่อที่มีต่อพระเจ้าออกไปเสียจากจิตใจของพวกกอยยิม แล้วเอาการคำนวณทางคณิตศาสตร์ และความต้องการทางวัตถุใส่เข้าไปแทนที่ เพื่อไม่ให้พวกมันมีเวลาคิดและสังเกตสังกา
เราจะต้องเบี่ยงเบนความสนใจพวกมันไปยังการค้าและอุตสาหกรรม เพื่อให้ชาติทุกชาติ ถูกดูดกลืนเข้าไปสู่การแสวงหาผลประโยชน์และการแข่งขันเพื่อผลกำไร และพวกมันจะมองไม่เห็นศัตรูที่แท้จริงของมันได้ และเพื่อจะขจัดอิสรภาพออกไปจากชุมชนของพวกมันให้หมด เราจะต้องเอาอุตสาหกรรมมาวางไว้บนพื้นฐานแห่งการเสี่ยงโชค เพื่อให้ผลของมันลื่นหลุดไปจากมือผ่านเข้าไปสู่ระบบแห่งการเสี่ยงโชค นั่นก็คือ ผ่านเข้ามาสู่มือของเรา อุตสาหกรรมจะสูบเอาแรงงานและเงินทุนออกไปจากที่ดิน และถ่ายโอนเงินทั้งโลกเข้ามาสู่มือเราด้วยระบบการเสี่ยงโชคหากำไร และมันจะทำให้พวกกอยยิมทั้งหลายล้วนแล้วแต่ต้องกลายเป็นคนชั้นต่ำในแต่ละชุมชน...”
“การต่อสู้แข่งขันเพื่อความวิเศษกว่ากันในทางเศรษฐกิจเช่นนี้นี่แหละ ย่อมจะสร้างชุมชนที่แล้งน้ำใจ เย็นชา และปราศจากหัวใจขึ้นมา ชุมชนเหล่านั้นจะหล่อเลี้ยงความเกลียดชังต่อชนชั้นที่สูงกว่า และกระทั่งต่อศาสนาอื่นใด ผู้นำทางอย่างเดียวของพวกเขาก็คือ ผลกำไร นั่นก็คือ ทองคำอันสามารถตอบสนองความยินดีปรีดาทางวัตถุให้กับเขาได้ กงล้อทุกอัน และเครื่องจักรของกลไกแห่งรัฐต่าง ๆ ล้วนแล้วแต่หมุนไปได้ด้วยเครื่องยนต์ซึ่งอยู่ในมือของเรา ซึ่งก็คือเจ้าแม่แห่งทองคำนั่นเอง พระผู้เป็นเจ้าทรงประทานอัจฉริยภาพให้เรา ถ้ามีคนเป็นอัจฉริยะอยู่ในฝ่ายตรงกันข้ามแม้นว่ามันคิดจะสู้กับเรา แต่คนมาใหม่น่ะหรือจะสู้กับคนที่ตั้งรกรากมาแล้วเก่าแก่
ศาสตร์แห่งเศรษฐกิจการเมืองซึ่งนักปราชญ์อาวุโสของเราได้ประดิษฐ์มานานแล้ว มือหนึ่งซึ่งมองไม่เห็นในทุก ๆ ส่วนของโลกนี่แหละ ที่จะให้พลังทางการเมืองที่เป็นอิสระแก่เงินทุน การค้า อุตสาหกรรม อำนาจในการที่จะใช้กิเลสตัณหาของพวกเขาระเบิดออกมาเป็นเปลวไฟ ครั้นแล้ว ก็จะถึงเวลาที่พวกชนชั้นต่ำเหล่านี้จะเดินตามการนำทางของเราไปต่อสู้กับอำนาจที่เป็นคู่แข่งขันของเรามิใช่เพื่อการบรรลุถึงสิ่งที่ดีงาม หรือแม้กระทั่งในท้ายที่สุดก็มิใช่เพื่อทรัพย์สินเงินทองด้วยซ้ำ แต่เพราะความเกลียดชังที่มีต่อบรรดาชนชั้นสูงต่างหาก
เมื่อใดก็ตามที่ถึงเวลา ซึ่งเราได้สร้างวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจให้เกิดขึ้นทั่วโลก เมื่อนั้นเราจะโยนฝูงกรรมกรลงไปในท้องถนน ฝูงชนเหล่านี้จะวิ่งไปวิ่งมาอย่างยินดีปรีดา เพื่อที่จะหลั่งเลือดบรรดาผู้ที่เขาอิจฉาริษยามาตั้งแต่ยังนอนเปล และพวกที่เขาจะปล้นยึดทรัพย์กลับมาเป็นของเขาได้ ส่วนสมบัติของเราพวกเขาจะไม่แตะต้อง และไม่มีวันแตะต้องได้เลย เพราะเราย่อมรู้เวลาที่พวกเขาจะเข้าโจมตีเนื่องจากเป็นเวลาที่เราจะกำหนดเอาไว้ให้ และเราย่อมสามารถหามาตรการป้องกันเอาไว้ได้ก่อนล่วงหน้า”
“ทุกประเทศจะต้องจำไว้ในใจว่า ใครก็ตามที่พยายามทำข้อตกลงใด ๆ เพื่อต่อต้านอำนาจของเรานั้น จะไม่ได้ก่อให้เกิดผลกำไรแก่พวกมันเลย เรานั้นแข็งแกร่งเกินไปกว่าที่ใครจะต่อต้านได้ อำนาจของเราจะไม่มีวันหายไป ชาติไหน ๆ ก็จะไม่มีวันทำความตกลงอะไรกันได้โดยที่เราไม่ได้มีส่วนร่วมอย่างลับ ๆ หรอก Per Me reges regnant กษัตริย์ของเราจะครองราชย์ได้ด้วยข้า”
>>975 ถ้าเรามองในเชิงการเชื่อมโยงของพลังงานระหว่างบุคคล การใช้เงินอาจเป็นเพียงตัวกลางที่เรานำมาใช้เพื่อขยายสนามพลังให้สามารถเข้าถึงจิตใจของอีกฝ่าย แต่ในทางทฤษฎีของพลังงานเชิงบวก-ลบ การเข้าหาของคนหนึ่งโดยผ่านสื่อวัตถุไม่ใช่การสะท้อนที่แท้จริงของพลังงานระหว่างบุคคล เงินอาจแค่เป็นคลื่นที่ทำให้สนามพลังงานสั่นไหวในชั้นผิวของมิติที่หนึ่ง แต่ความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนอาจต้องการการเข้าถึงในระดับที่ลึกกว่า คล้ายการทะลุผ่านชั้นบรรยากาศของความรู้สึกอย่างไรก็ตาม การใช้เงินในกรณีนี้อาจเป็นการเร่งฟลักซ์ของความสัมพันธ์ ทำให้เกิดการขยับใกล้เข้าหากันในอัตราที่เร็วกว่าปกติ แต่มันก็เป็นเพียงพลังงานชั่วคราวที่เสื่อมสภาพตามกาลเวลา หากปราศจากการสร้างสนามพลังที่สมดุลในเชิงความเข้าใจและอารมณ์ การใช้เงินอย่างเดียวอาจไม่ได้ทำให้เกิดการเชื่อมต่อที่แท้จริงในมิติที่ซ้อนกันอยู่ภายในจิตใจของแต่ละบุคคล
อยากถามความเห็นของแต่ละคน
มันจำเป็นมั้ยถ้าอยากเข้าหาใครหรืออยากสนิทกับใคร
ต้องใช้เงินเพื่อเข้าถึงคนนั้นได้
เราไม่ได้พาดพิงใครนะ รู้สึกตัวเองสถานะปานกลางแต่แบกรับค่าใช้จ่ายที่รายจ่ายมากกว่ารายได้ไม่ไหวครับ
.
.
.
.
ช่วง 1เดือนที่ผ่านมากับรักแรกที่เจ็บปวด
โดยรวมตอนนี้ไม่รู้ว่านับว่ามูฟได้มั้ย เราไม่ได้รู้สึกอะไรกับอีกฝ่ายแล้ว ไม่รู้สึกเสียดาย หรือโกรธแค้นกับสิ่งที่เขาทำกับเรา เรารู้สึกนิ่งมากขึ้นกว่าเดิม ยิ่งนึกถึงคนที่อยู่ข้างเราซัพพอร์ตเรา ให้กำลังใจเรา เราเองก็ดีใจนะคะที่ยังมีทุกคนอยู่
.
ช่วงนั้นเราโพสบ่นเยอะมากด้วย อยากจะขออภัยที่บ่นเยอะนะครับ แล้วก็อยากขอบคุณทุกคนที่เข้ามาให้กำลังใจหรือเข้ามาให้คำแนะนำและรับฟังเรา เราเองอาจยังไม่เข้าใจการรักตัวเองมากว่าตอนนี้เรารักตัวเองรึยัง แต่เราจะรักตัวเองให้มากขึ้นเพราะตัวเราก็เป็นคนสำคัญคนนึงครับ
.
ขอบคุณทุกคนที่อยู่ข้างกันเสมอนะครับ🙏
ถ้าจะเทียบราคารถยนต์ไฟฟ้าในไทยว่าต่างจากต่างประเทศยังไง ต้องเทียบกับรถยนต์พวงมาลัยขวาในต่างประเทศเท่านั้น
การเทียบราคาในจีน ทำได้แค่ดูว่าเค้าวางราคาระดับรถรุ่นไหน ไม่ใช่ว่าจะขายราคาไหน แล้วบวกเท่าไหร่ แบบนี้ #คิดน้อยไปหน่อย
เหนื่อยว่ะ เป็นสัปดาห์ที่แบบ เหนื่อยสัดๆๆ ทำไมต้องมาเจอคนเหี้ยทำเหี้ยใส่แบบนี้ด้วยวะ
กูเป็นโรคแบบ กลัวคนอื่นมองว่ากูไม่สวย ดูไม่ดี ดูไม่เฟรนลี่เป็นคนแปลก หรือชวนคนคุย ยิ้มให้ใครแล้วเขาไม่มีท่าทางตอบรับกลับ แล้วหลังๆมันเริ่มกระทบต่อชีวิตประจำวัน กุเริ่มติดนิสัยสังเกตท่าทางน้ำเสียงของผู้สนทนาด้วย แล้วก็ไม่กล้าพูดดังๆในที่สาธารณะ แล้วในใจกุมันรู้สึกแปลกๆอะ เหมือนความรู้สึกมันไม่คอมพลีส กูควรไปพบแพทย์ไหม😭
>>983 เมิงเป็นโรคอ่อนแอทางกายและจิตใจ
หัดออกกำลังกาย ก็จะหายเอง
อย่างกุโกนผม หัวเกรียนเบอร์ 1.7 ก็ไม่ต้องแคร์ใคร คนก็ขำ ตลก หัวเราะแล้วไง มันก็แค่ไม่มีผม
ร่างกายกุแข็งแรง ก็ไม่ต้องกลัวใคร
ตอนนี้กุวิ่ง 5 กิโล กินเวย์ เพื่อให้ต้วเองแข็งแกร่งขึ้น เมิงต้องเริ่มตั้งแต่โกนผม ตัวเองแบบกุก่อน
มันจะเรียกความมั่นใจได้ โกนผมด้วยตนเอง
ถ้าเมิงไม่กล้า เมิงต้องอยู่กับควาทหวาดกลัวไปตลอดชีวิตนั้นละ
ถ้ามีปัญหาทางจิต ให้ลองออกกำลังกายดูก่อน สุขภาพกายดี จิตก็ดี
ผญ ส่วนใหญ่90% ออกกำลังกายไม่เป็น ไม่เคยเรียนกีฬา พื้นฐาน แบทมินตัน ปิงปอง ว่ายน้ำ
สมัยนี้ต้อง พิลาทิส ปะวะ
โรคระบาด ตามมาด้วย เศรษฐกิจ ล้มและจากนั้นก็ปิดท้ายด้วย สงคราม เสมอ สูตรสำเร็จตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 1
>>990 ขออนุญาติตอบนะ ส่วนตัวเล่นกีฬาพื้นฐานที่กล่าวมา และอื่นๆ ต่อให้สภาพร่างกายเราจะดีแค่ไหน
แต่เรื่องความวิตกกังวลกูคิดว่ามันเป็นธรรมชาติของมนุษย์อะ ยิ่งช่วงวัยรุ่น อาจจะเป็นเพราะฮอร์โมน เราแค่ต้องรู้จักที่จะควบคุมอารมณ์หรือความรู้สึกประหม่า ต้องไปแก้ไขที่ความรู้สึกล่ะมั้ง
เพื่อนโม่งมีใครกินยาตัว sertraline 50 mg มั้ย คือกูน้ำหนักเพิ่มตลอดเลย กูกินมา 6-7 ปี จากกูหนักประมาณ 50 ตอนนี้หนัก 70
กูพยายามออกกำลังกายบ้างและลดกินของจุกจิกไปบ้าง แต่ไม่มีท่าทีจะลดเลย มันเป็นที่ตัวยาที่ทำให้น้ำหนักเพิ่มใช่มั้ย กูเครียด 😢😢
999 ต่อติดตาย
1000 ปิดมู้
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.