ทำงานก่อนหยุด ส-อา
Last posted
Total of 1000 posts
ทำงานก่อนหยุด ส-อา
ถ้ายังไม่เซ็นสัญญามีโอกาสโดนเททั้งนั้นว่ะ กูยังเคยเลยทำเทสข้อสอบของบ.ผ่าน คุยเงินเดือนเเล้วอะไรเเล้ว จะนัดเซ็นสัญญาอีกที
พอก่อนวันนัดเท
ของกูนี่บ.ที่คุยกันถูกคอสัมดีตอบดีเทลได้หมด บอกอยูในระบบนะยังไม่ได้คัดออกนะเดี๋ยวคุยกับเมเนเจอร์ก่อนนะ...แล้วก็หายไป
บ.ที่ผลสัมเหี้ยๆเค้าถามอะไรมาก็ตอบไม่ค่อยจะได้มึนๆงงๆ เสือกเรียกเซ็นต์
เบื่อโว้ยยยยยยยยยยยยย หน่วยงานกูมันคือหน่วยงานเบ๊ชัดๆ เพราะอีตัวหัวหน้าใหญ่สุดมันหน้าบางใครสั่งอะไรมาก็รับจบ ครับๆๆๆ ทำให้ครับๆๆ แล้วแม่งก็มาโยนให้พวกกูทำอีกที ทั้งๆที่บางงานแม่งก็เห็นกันชัดๆว่าอยู่คนละ Field กันเลย ถ้ามึงลองไปแหกตาดูใน JD ก็จะเห็นเค้าเขียนแล้วไงว่าหน่วยงานนี้ๆรับผิดชอบนะ แต่เผอิญมันมีส่วนที่หน่วยกูเข้าไปใช้ด้วยกระจิ๊ดนึง อีพวกนั่นก็เอาง่ายยัดๆๆมาให้ะพวกกูดูแลแม่มเลย ใช้คำง่ายๆโยนมาว่า ใครใช้ก็ต้องดูแลไป เอางี้เลย งั้นถ้าพวกมึงเข้าห้องน้ำไปขี้เยี้ยว ก็ไม่ต้องจ้างแม่บ้านมาละ พวกมึงไปตักขี้เยี่ยวเช็ดทำความสะอาดกันเองละกันสัส กลับมาที่หน่วยงานกูต่อ คือพอมันรับงานมากเข้าๆๆ งานที่ทำอยู่ประจำมันก็ออกมาไม่มีคุณภาพไง เพราะกลายเป็นว่าแม่มด่วนหมดทุกงาน แล้วไอ้หัวหน้ามันก็จะมาประชุมทำทีถามว่าทำไมงานห่วย ทำไมเพอร์ฟอร์มม๊านส์พวกเอ็งตกละห๊าๆๆ โถ กูอยากจะงัดแม่งหลายทีละติดที่รุ่นพี่กูห้ามไว้ไง เอาเหอะ ทนๆไปก่อน ถ้าได้งานใหม่กูออกแน่ แล้วกูจะส่งเมลล์วิจารณ์ระบบการทำงานขององค์กรณ์กูแม่มทั้งหมดเลย มีที่ไหนวะ หน่วยงานนึงทำหน้าที่แค่ส่งเมลล์ทวงว่างานนี้เสร็จยังๆ งานนี้แก้นะ ทั้งๆที่ใน JD แม่งระบุว่าหน่วยงานแม่งต้องทำเองทั้งหมด
กูเบื่องานที่ต้องมีไมนด์เซทลูกค้าคือพระเจ้าชิบหายเลยว่ะ จริงๆก้ไม่ใช่ลูกค้าแต่เป็นพาร์ทเนอร์
คือกุเป็นทีมที่ต้องติดต่องานกับทั่วโลกละทีนี้ระบบที่ใช้มันเก่า บางทีอีพวกนี้มันกดผิดกดถูกทำให้ยังไม่ได้เงิน ละกุมีหน้าที่ต้องสืบบวกอธิบายว่าทำไมมันไม่ได้ ทำไมเงินจ่ายไม่ผ่าน(เพราะมึงใส่ข้อมูลมาผิดไงสัด) เวลาเจอพวกหัวร้อนกุอยากตอบแบบส่งๆ ห้วนๆบ้าง แต่จิตใจอันดีงามของกุมันเป็นทาสจนเคยตัว บวกค่านิยมเบื้องบนที่มองว่าเราต้องนอบน้อม อธิบายละเอียดๆเขาก้เข้าใจเอง (จริงๆ ก้คงทุกที่แหละ มันภาพลักษณ์บ.เนอะ) แต่นานวันเข้ามันทำให้กุชินกับการเป็นฝ่ายยอมคนจนกลายเป็นคนหงอๆ ไปเลย สรุปก้คือขอกุมาหนีความจริงที่นี่หน่อย มีงานอะไรที่เราไม่จำเป็นต้องอ่อนข้อมั้ยวะ แบบทำมาถูกก้ผ่าน ไม่ถูกก้คือไม่ผ่าน จบอย่ามาดราม่า ช่างหัวมึง รึต้องเป็นสรรพากรอย่างเดียว
เซ็งตัวเองอะ เป็นคนที่ทำงานได้ไวแต่งานไม่เรียบร้อย100% จะมีจุดโหว่ตลอด และสาเหตุหลักๆก็คือกุไม่สื่อสาร ไม่ถาม ไม่เอะใจกับงานมากพอ ประมาณว่ามีอะไรให้ทำก็ทำโดยไม่มีข้อสงสัย ไม่มีการส่งต่อข้อมูลกับเพื่อนร่วมงาน ซึ่งกูก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นงั้นเลย
กูรู้ตัวว่าเป็นคนสื่อสารไม่เก่งอะ ไม่ค่อยคุยกับใคร ทักทายใคร เป็นประเภทที่คุยกับคนได้ปกติถ้าเจอหน้ากันหรือมีoccasion แต่ถ้าไม่มีอะไร กูก็ไม่ได้คุยกับใคร
กูกลัวจะกลายเป็นคนที่เพื่อนร่วมงานไม่ชอบเพราะทำงานด้วยยาก ไม่ยอมอัพเดตข้อมูลอะ มีใครพอแนะนำเรื่องการสื่อสารส่งต่อข้อมูลในทีมบ้างมั้ย กูไม่อยากเป็นภาระเพื่อนร่วมงานอะ
>>894 ถ้าไม่ใช่พวกราชการกูนึกออกแต่ audit แต่เป็น audit ก็ไม่ได้ ชี้ถูกชี้ผิดชาวบ้านได้ขนาดนั้น บางทีก็ต้องมีหยวนบ้าง
>>895 เรื่องนิสัยชอบทำงานเร็วแต่ไม่เรียบร้อยนี่กูสงสัยว่ามันเป็นที่สภาพแวดล้อมกับวัฒนธรรมทีมด้วยมั้ย
อย่างแต่ก่อนกูเคยอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนั้นแล้วก็คิดว่าเป็นปัญหาที่นิสัยตัวเอง
แต่พอเปลี่ยนงานแล้วเจอที่ใหม่ที่มันเน้นให้ทำงานเรียบร้อย แต่ไม่เน้นปริมาณ พอมีเวลาค่อยๆคิดค่อยๆทำกูก็สามารถทำงานเนี้ยบๆได้นะ
>>894 มึงปรับไมน์เซ็ตตัวเองได้นะ ต้องอย่ามองว่าที่ตัวเองทำอยู่เพราะต้องมองว่าลูกค้าเป็นพระเจ้า จากที่มึงเล่ากูก็รู้สึกว่างานมึงไม่ได้จะต้องหงอขนาดนั้นนะ แต่ต้องควบคุมสติและตอบกลับอย่างสุภาพเฉยๆ กูว่าการปรับอารมณ์ตัวเองน่าจะสำคัญกว่า มึงต้องมองใหม่ว่า มนุษย์ทุกคนมีทั้งดีไม่ดี เรื่องของมัน มึงแค่มาช่วยแก้ปัญหาให้คนพวกนั้น เวลาคนมันหัวร้อนมา มันไม่ได้ด่ามึง มันแค่หัวเสียกับระบบ(หรือตัวเองที่ไม่เข้าใจระบบ) อย่าไปเก็บมาเป็นคำด่าของตัวเอง ที่มึงพูดดีกับเขา ไม่ใช่เพราะเป็นทาสหรือยอมเขา แต่เพราะมึงมีเมตตา ที่ไม่เก็บการกระทำแย่ๆ ของเขามาคิดมาก มึงอภัยให้เขาได้ ถ้าคิดแบบนี้กูว่าดีต่อใจกว่านะ
>>880 กูเป็นคล้ายมึงเลยแฮะ ตอนเรียน ตอนเริ่มทำงานไฟโคตรแรง แต่ตอนนี้ใช้ชีวิตแบบไม่สนเรื่องประสบความสำเร็จอะไรละ โดนคนมองว่าไอ้นี่ไม่ประสบความสำเร็จก็ช่างแม่ง เลิกงานก็ดูvtuber ต่อพลาโม เล่นเกม ไปวันๆ พอจะมีเงินเหลือเก็บบ้างบางส่วน ส่วนที่แบ่งไว้ลงทุนก็เอาไปโยนลงกองทุนไว้โง่ๆเพราะขี้เกียจมานั่งดูกราฟ, นั่งเช็คtwitter เช้า-เย็น เรื่องสกิลในสายงานก็คิดเอาเองว่าทำไปเรื่อยๆเดี๋ยวมันก็คงค่อยๆพัฒนาขึ้นเองละ
อาจฟังดูเปื่อยๆแต่การที่ไม่ต้องไปคอยวิ่งไล่ตามอะไรซักอย่างตลอดเวลาเหมือนเมื่อก่อน กูก็รู้สึกมีความสุขกับทุกวันนี้ดีนะ
ถามโม่งที่เคยทำงานวุฒิราวๆมัธยมปลายหน่อยดิ .... เงินเดือน 99xx ต้องทำแม่งทุกตำแหน่งในนั้น(ขึ้นกับว่าตอนนั้นมีคนทำงานในร้านกี่คน ถ้าคนน้อยก็ควบตำแหน่งชิบหาย) กูเข้ามาทำได้จะ2สัปดาห์ละ ที่กูไม่อยากทำและโดนด่าชิบหายคืองานแคชเชียร์เพราะกูไม่มีประสบการณ์ แล้วงานมันไม่ใช่แค่ว่ารับเงิน-ลูกค้าจ่าย-ทอนเงิน คือ ทำไปๆมาๆแม่งคล้ายเซเว่นเลย ต้องเป็นเป็ดให้ได้ หลังรับเงินต้องไปทำของ แพคของส่งอีก แล้วระบบสแกนจ่ายอย่างเยอะ กูทำมาได้เกือบจะสัปดาห์แล้วกูไม่แม่นนี่คือหัวหน้างานคาดหวังกูมากไปหรือกูกากอะไรยังไงอ่ะ? นี่คือแคชเชียร์กับแพคของกูไม่แม่นก็ตีว่ากูจำอะไรไม่ได้สักอย่างในช่วงที่กูทำมาเกือบเดือน เป็นพวกโม่งเจองี้คือออกดีไหมวะ? มันเริ่มเปรยๆเชิญกูละ ..... ใบ้ให้ว่าเป็นร้านในเครือห้างดัง มีหุ้นในตลาดหลักทรัพย์(ราคาหุ้นตอนนี้30กว่าบาท)
>>902 มึงกาก มึงไม่สู้งาน มึงไม่ทน มึงมีทัศนคติขี้แพ้
อ่านถึงตรงที่มึงพยายามจะใบ้ชื่อห้างแล้วสมเพชชิบหาย มีเวลาไปดูราคาหุ้นแต่แค่งานแคชเชียร์โง่ๆง่ายๆก็ยอมแพ้ มีเวลาว่างก็จดเนื้อหาไว้แล้วเอามาท่องจะได้ทำงานได้คล่องไวๆ นี่เสือกเอาเวลามาคิดคำใบ้ประจานนายจ้าง คงจะเจริญในเร็ววันอยู่หรอก
แล้วบ่าย3วันจันทร์นี่คือนอกเวลางาน?
>>903 อ่านมึงสองรอบจบ อดสงสัยไม่ได้เลยว่าคนแบบมึงทำงานแนวนี้เป็นไหมวะ? เคยไหมลงมาหาเงินเองสมัยเรียนในสายงานบริการ-ร้านอาหาร? หรือมีปัญญาสุดคือขอตังค์พ่อแม่แดกจนจบ ป.ตรี นั่งบิดควยบิดหีแต่บนเก้าอี้สำนักงานหรือเป็นข้าราชการงั่งๆสักหน่วยงานอะไรงี้ป่ะ? แดกยามั่นมาเยอะหรืออะไร? ความเอ๋อแดกในโคตรบรรพบุรุษกำเริบเพราะแค่กูพยายามใบ้ประจานนายจ้างกับแค่กูพยายามทนกับความหวังสูงสัสๆของนายจ้างร้านที่แม่งอยากได้คนสติปัญญาระดับพระพุทธเจ้ามากๆมายืนแคชเชียร์เหรอ? เคยไปเป็นเด็กเซเว่นไหม เคยทอดไก่KFCป้ะ? เคยลองงานครัวในร้านมากี่ครัวเพื่อบอกว่ากูแย่สารพัดแค่เพราะประจานนายจ้างจริงๆ? หรือว่าเคยทำงานบนเตียงกับยืนตามย่านสถานบันเทิงเยอะจนไม่รู้ห่าไรมามั่นหน้าด่าท่าเดียว ..........อ๋อ ที่สงสัยเพราะคำถามทิ้งท้ายโง่ๆของมึงอ่ะนะ งานสายนี้เขาเบรกหน้างานแล้วระบบไม่เสีย คนมาสำรองแทนดันได้เขาก็ต้องให้คนมาเบรกจ้ะ
>>902 อ่ะ เสริมให้ในนี้จะได้ไม่มีโม่งโง่ๆแสดงความเอ๋อแดกอีก กูละนึกว่าลุงส ลิ่ ม แถวบ้านมาดิ้นด่ากูทั้งๆที่ตัวเองก็บริหารประเทศเหี้ย
-ที่เคยทำมา2สัปดาห์ เพิ่งมาขึ้นแคชเชียร์โง่ๆนี่ได้4-5วันนะดีออก ที่เหลือขึ้นแป้งกับทำส่วนผลิตขนมจ้ะ
-4-5วันนี้คือเริ่มเจอคาดหวังให้รู้ทุกอย่างของตรงนี้ รับมือกับลูกค้าถล่มให้ได้ ทั้งๆที่ไม่ได้ผ่านตำแหน่งนี้เลย งานครัวกับเด็กเสิร์ฟล้วนๆจ้ะ
-โปรแกรมPromise ไม่ค่อยแปลกใจ แต่นี่โปรแกรมPOSซึ่งไม่เคยเจอมาก่อน ถ้ากูเคยใช้ในเชิงแคชเชียร์ด้วยกูยอมรับแต่โดยดีหรอกว่าเจอร้านนี้กูไม่สู้งานจริง
-ใช้โปรแกรมเหี้ยนี่มันเหมือนกับการเข้าเล่นไลน์ครั้งแรกของพวกมึงในชีวิตอ่ะ แค่เพิ่มมาว่ามึงถูกกดดันให้ต้องรู้แบบกดไวสัสๆว่าต้องเข้าตรงไหนๆเวลามีออเดอร์ไรมา ลูกค้ามาขอแบบนี้ต้องทำไง
-ทุกคนก็บอกกับกูว่าทำบ่อยๆแล้วมันจะจำได้ไปเอง จดเนื้อหาเอามาท่องเวลาว่างอะไรก่อน? ทำงานเจอมันทุกวัน โพยมีจดข้างเครื่อง แค่ไม่บอกวิธีใช้คู่กับฟังก์ชันในโปรแกรม มันเลยเข้าใจยาก แล้วท่องจำทำส้นตีนไรไม่ใช่สอบO-NETปีละครั้งเจอแล้วติดตัวทั้งชีวิตอีห่า
-อ๋อ ใช่ งานที่นี่ ตอนเก็บอุปการณ์ต่างๆ ต่อให้มึงเก็บถูกstationของมัน แต่ว่าผิดนิดหน่อย เช่น จากซ้ายไปขวา หน้าไปหลัง ชั้นบนไปชั้นล่าง ทั้งหมดนี้คือมองเห็นได้ง่ายๆนะ มึงโดนด่าหีแหกนะจ๊ะ
-รอยขนแมวนิดๆก็เจอด่าหีฉีกเช่นกัน เรียกง่ายๆว่าถ้าผิดเยอะก็คงบานเท่าถ้ำขุนน้ำนางนอนเลย
เอาแค่นี้ก่อนให้อีกงั่งๆแบบ >>903 มาดิ้นๆอีก แอบขำในความองุ่นเปรี้ยวของแม่ง
แคชเชียร์ น่ารักกดช้ากุไม่ว่า กุจะได้อยู่กับเขานานขึ้น โรแมนติกว่าไหม
ส่วนถ้าเป็นป้าแก่ๆกดช้า เมิงไปถูพื้นเถอะ
ทำไมวัยทำงานกูถึงรู้สึกว่าความสุขกูมันหายไปวะ มีงานการทำนะสบายดี แต่รู้สึกเหมือนเดี๋ยวนี้เวลาอยากเล่นเกมดูหนังมันไม่สนุกแล้วอ่ะมันระแวงไปตลอดเลยว่ากูต้องพัฒนาตัวเองนะเว้ยเดียวไม่ก้าวหน้าจะเล่นเกมไม่ได้ไปหาความรู้ดีกว่าไหม ละเหมือนความสุขกูมันหายไปหมดเลยอ่ะ พี่ๆใครแนะนำกูได้มั่งวะ ตอนเรียนกูนั่งเล่นเกมชิวๆดูหนังนั่นละก็โคตรมีความสุขละ ทำไงดีวะ
ปัญหาหลัก salary man เลยมึง คือต้องพัฒนาตัวเองตลอด ทั้งงาน ทั้งบุคลิค ทั้งความสัมพันธ์ในที่ทำงาน สำหรับคนชอบอยู่คนเดียวแบบกูแม่งเหนื่อยสัส แล้วถ้ามึงยังเป็น salary man อยู่คือหยุดไม่ได้ด้วย ต้องทำไปเรื่อยๆ ต้องพัฒนาตลอด
กูใส่หูฟังประชุมออนไลน์อยู่ ถ้าตามสำนึกมารยาทแบบที่ปัญญาชนพึงมีนะเค้าจะพยายามไม่เรียกคุย พยายามไม่ส่งเสียงรบกวนเข้ามาหรอก แต่นี้มึงเรียกกูย้ำๆๆๆจนกูต้องถามว่ามีอะไร แล้วสิ่งที่มึงจะคุยก็คือข้อมูลวันนัดหมายประชุมที่เป็นเรื่องของตัวมึงเอง เพียงแค่มี CC เมลล์ถึงกูเท่านั้น มึงสติปัญญาโง่เง่าลืมง่ายไร้ความพยายามที่จะแค่กดค้นหาในช่อง Inbox เมลล์ด้วยตัวเอง แล้วก็ทำให้กูสมาธิหลุดจากประชุม ฟังข้อมูลประชุมไม่ต่อเนื่อง ส่วนมึงพอได้คำตอบไปก็ไปนั่งสบายหีเล่นติ๊กต๊อกต่อ กูควรทำยังไงกับมึงดีวะ
>>908 5555 ยิ่งด่ากลับยิ่งเห็นความเอ๋อ ทาสนายทุนเหี้ยไรก่อน รุมด่านายทุนควยไร เกี่ยวไรกันก่อน แค่สงสัยว่างานกับรายได้ตรงนี้มันอยู่ถูกที่ถูกเวลาไหม คนมันtoxicไปไหมแค่นั้นเอง เก็บความมั่นไปคลุกข้าวแดกกับหมาเหอะอีเวร สุดท้ายมึงก็แค่ลูกอีขี้เหยียดสินะ ระวังละกันว่ามึงมีลูก วันนึงลูก หรือตัวมึงมาเป็นunskilled labourขึ้นมาหวังว่ามึงคงไม่ไปกระโดดระเบียงห้างตาย หรือหารถมารมแก๊สตัวเองกับเตาอั้งโล่นะอีสัส คนอย่างมึงก็ดีแต่พ่นสิ่งเหี้ยๆใส่ชาวบ้านเขาไปทั้งชีวิตอ่ะนะ
กุผิดปกติอะไรวะ พอทำออฟฟิศโรงงานกุก็ไม่ค่อยถูกจริตกะสังคมเขา คือไม่ได้ดูถูกแต่พอเก็ทป่ะมันไม่คลิกกับวิธีคิดวิธีพูดจาของคนที่นั่น พอทำงานกรุงเทพออฟฟิศหรูๆ กุก็หน่ายความฉาบฉวย คุยด้วยแล้วรุ้สึกตกยุค เรื่องงานกุเป็นคนหัวไว แต่บ้างานจัดๆ ทำที่ไหนได้ปีสองปีกุก็ล้า เคยคิดจะไปทำสวนทำไร่คนก็บอกเสียดายความฉลาด เหี้ยเอ๊ย ทำไมกุไม่เหมาะกับที่ไหนสักที่วะ จะสามสิบแล้วยังมาเบียวอะไรอีก
>>907 จากประสบการณ์ส่วนตัวกู ที่พอเริ่มทำงานได้ซักพักแล้วเริ่มไม่สนุกกับงานอดิเรกเก่าๆของตัวเอง แต่อาจจะคนละสาเหตุกัน
- บางทีอาจจะเริ่มอิ่มตัวกับงานอดิเรกเก่าๆแล้ว ลองเริ่มมองหางานอดิเรกใหม่ๆที่ยังไม่เคยลองมาคั่นเปลี่ยนบรรยากาศบ้างก็ได้
ไหนๆก็เข้าวัยเริ่มทำงานเริ่มมีเงินแล้ว ลองนึกๆดูว่ามีอะไรที่เคยอยากทำแต่ตอนเรียนติดเรื่องเงินบ้างมั้ย
- การพัฒนาตัวเองถ้าจะให้ดีกูว่าลองดูว่ามีอะไรที่มันทำแล้วสนุกด้วยก็ดี จะได้ไม่ต้องรู้สึกว่าทำทีนึงมันต้องฝืนใจทำ
แล้วก็อย่าไปตึงมาก บางช่วงถ้าเบื่อก็เบรคบ้างก็ได้
- อะไรที่ทำแล้วรู้สึกว่ามันฝืนมากไปก็เลิกๆซะบ้างก็ได้ ปลงบ้างก็ได้ แต่ของแบบนี้มันอธิบายบอกกันด้วยคำพูดไปคงไม่ได้
กูว่าเป็นอะไรที่ต้องให้แต่ละคนได้รู้สึกแบบนั้นด้วยตัวเองเมื่อถึงเวลา
>>915 กูว่าเรื่องรายได้เพิ่มรึเปล่านี่มันหลายปัจจัยมาก คือถามว่าพัฒนาตัวเองนี่เป็นปัจจัยนึงมั้ย ตอบแบบทั่วๆไปก็คงใช่
แต่บางครั้งรายได้จะเพิ่มจะลดมันก็มากับอะไรที่เราควบคุมไม่ค่อยจะได้อยู่หลายทาง
เช่น โบนัส/การเพิ่มเงินเดือนที่ขึ้นผลประกอบการบริษัท คนออกตำแหน่งเลยว่างให้ขึ้นแทน พวกงานหาคนด่วนเงินเยอะอยู่ดีๆก็ลอยมาหา
เวลาว่างๆชอบดึงหมอยตัวเอง ดึงซะโล้น
รู้สึกไม่รู้ว่าตัวเองทำถูกมั้ย คือพี่ๆที่ทำงานมีเรื่องกัน ส่วนกูเป็นเด็กใหม่ที่ได้แต่ฟังเขาคุยออนไลน์แบบตัวลีบๆ ไม่กล้าทักไปถามพี่ที่เป็นประเด็นและเป็นพี่ที่สนิทกันระดับนึงเลยว่าเขาโอเคมั้ย ที่ทำแบบนั้นเพราะกูรู้สึกตัวเองไม่อยู่ในจุดที่พูดอะไรได้อะ กลัวอีกว่าจะกลายเป็นการleadว่ากูเข้าข้างฝั่งไหน กูยังทำงานไม่ครบปีเลย ไม่กล้าออกตัวอะไรว่ะ ไม่อยากมีเรื่องแต่ก็ไม่รู้ว่าจะดูกลายเป็นกูไม่ใส่ใจคนอื่นมั้ย
>>922 มึง ว่าก็ว่านะ เรื่องแบบนี้มีทุกที่อ่ะ ขนาดในงานแบบไร้ทักษะยังมีเลย แล้วอีกเรื่องที่ค่อนข้างเจอบ่อย ไอพวกแบ่งพรรคพวกเนี่ย ถ้ามีผู้ชายอยู่เยอะคือมันจะแบ่งพรรคพวกน้อยมากๆ มีแต่ผู้หญิงที่อยู่กันเยอะๆแล้วมาแบ่งกลุ่มเสี้ยมหีเสี้ยมแตดกัน(บางทีทอมกับกะเทยก็ตัวตั้งตัวตีนั่นแหละนะ) ทำมาให้เกลรยดคนนั้น ไม่ชอบคนนี้ บ้าบอคอแตกมากๆ มึงลองหางานที่ผู้ชายอยู่ๆกันแล้วเรื่องแบบนี้มันจะไม่ค่อยเกิด เชื่อกู ไม่รู้ทำไม แต่เจอแบบนี้บ่อยจริงๆ
จะซื้อกองทุนลดภาษีนี่จังหวะนี้ดีมั้ยโม่ง หรือน่าจะลงได้มากกว่านี้
ผู้ชายส่วนใหญ่ถ้ามีปัญหาเรื่องงานจบในงาน ออกมาข้างนอกแดกเบียร์ด้วยกันต่อได้
ผู้หญิงถ้ามีเรื่องกันในงาน จะหาเรื่องมานินทาอีกฝ่ายถึงจะไม่ใช่เรื่องงาน แบ่งพวก แดกดัน กระแน๊ะกระแหน โพสเฟส 9ฯ9
รุ่นน้องกูผู้หญิงมันสายลุยงานมันยังหงุดหงิดเลย มันบอกอยากได้เพื่อนร่วมงานผู้ชาย
>>928 ที่ล่าสุดที่กูเจอสังคมผู้ชายดีมากๆนะ เพราะโดนนายใช้งานหนักเลยต้องมานั่งแดกเหล้าหลังเลิกงานกันประจำ แต่ที่ก่อนกูเจอพวกผู้ชายขี้อิจฉานี่แหละแทงกูลับหลังยับๆ คือแม่งแล้วแต่ที่ล่ะมั้ง..
ส่วนตัวกูนะ เวลามีคนที่กูไม่ชอบขี้หน้าออกจากงานกูโครตดีใจเลยนะ แต่ระหว่างที่มันอยู่กูจะพยายามไม่ไปเฉียดใกล้ตัวมันเลยถ้าไม่จำเป็น
พอดีพึ่งทำงานได้เดือนแรก แล้วอยากเอาเงินเดือนส่วนหนึ่ง สัก 3-4 พัน ไปออมไว้และได้กำไรด้วย ดีกว่าเก็บไว้ในบัญชีเฉยๆ แต่ไม่รู้ว่าจะออมแบบไหนดี จุดประสงค์คืออยากออมเงินสัก 3-4 พันต่อเดือน แต่ออมไว้ในบัญชีดอกเบี้ยมันต่ำเกินไป เลยอยากจะออมแบบที่เอาเงินไปลงทุนกับอะไรที่ความเสี่ยงมันต่ำๆ เน้นออมยาวๆ เห็นช่วงนี้คริปโตเป็นกระแส แต่ความเสี่ยงมันเยอะไป
กูเป็นเด็กจบใหม่ทำงานที่แรก กำลังคิดจะย้ายงานเพราะเบื่อๆ เซ็งๆ กับงานปัจจุบัน คุยกับที่อื่นไว้แล้วนิดหน่อยเพราะมีคนติดต่อมา บอกฐานเงินเดือนเก่าไปเขาบอกให้มากกว่าแน่นอน แต่กูเพิ่งได้รู้ตัวเลขเงินเดือนปีหน้า เพิ่มขึ้นเกือบ 20% ที่ปัจจุบันโอเคทุกอย่างงานชิล สังคมพรีเมี่ยม เพื่อนร่วมงานดีมากๆ แต่งานน่าเบื่อมาก ไม่ได้ทำสิ่งที่ชอบ คิดหนักเลยจะย้ายดีไหม ทำใจลำบาก คงเพราะเป็นครั้งแรกด้วยแหละ พี่โม่งมีคำแนะนำอะไรไหม ตัดสินใจย้ายงานเพราะอะไรกัน
>>933 แล้วที่ใหม่เค้ามห้มากกว่าเท่าไหร่ล่ะ เรื่องแบบนี้อยู่ที่มึงพอใจอ่ะ ถ้าที่เก่าเงินเยอะแล้วมึงให้ความสำคัญกับเงินเป็นอันดับแรก การทำต่อไปอีกซักพักอาจจะดีกว่า แต่ถ้าเงินไม่ใช่ปัจจัยแรก กูมองว่าถ้าไม่ชอบงานก็ย้ายเถอะ ดีกว่าทำเวลาเกือบครึ่งชีวิตไปเสียกับสิ่งที่ไม่เป้นสุข
กูรู้สึกว่าเป็นเบ๊ของที่ทำงานว่ะ คืองานกูหนักเกิน ทำหลายหน้าที่เกิน และโฟกัสไรไม่ได้ซักอย่าง พอจะทำไรก็จะต้องโดนคนอื่นให้ไปช่วยนั่นนี่ ซึ่งกินเวลากุเหี้ยๆ และเหนื่อยมาก ซึ่งเจ้านายก้มองว่ากูต้องช่วยเพราะเป็นหน้าที่ แต่ก็คาดหวังว่ากูจะต้องออกงานดีๆเหมือนกัน เงินเดือนก็แค่สองหมื่นปลายๆ แต่ทำแล้วเหนื่อยล้าอ่ะ จนตอนนี้เริ่มจะหมดไฟแล้ว แต่ก็ไม่อยากทิ้งไปเพราะเป็นโปรดักส์ที่ทำมากับมือ ยังอยากพัฒนามันต่อ + กูกลัวว่าไปอยู่ที่อื่นแล้วจะไม่รอดเพราะงานที่ทำมันจิปาถะสัส จะย้ายไปสายเพียวๆก็กลัวความสามารถไม่ถึง เครียดว่ะ เอาไงดีวะ ควรออกมั้ย
>>934 ของกูทำยังไม่ถึงครึ่งปีเลย แต่แบบเนื้องานที่ทำมันเฉพาะทางเกินไป (มาก) อ่ะ ฝึกแปบๆ สุดท้ายก็รูทีนอ่ะ เบื่อแล้ว กูว่าของแบบนี้แล้วแต่ที่เลย ที่ปัจจุบันของกูเป็นบริษัทใหญ่ด้วยมั้งเลยได้จับงานส่วนเล็กนิดเดียว เมื่อก่อนกูฝึกงานบริษัทสตาร์ทอัพสนุกมาก ได้ลองนั่นนี่เยอะไปหมด เป็นทุกตำแหน่งให้เธอแล้ว 55
>>935 ที่ใหม่ให้มากกว่า แถมเป็นงานที่อยากทำด้วย แต่ก็ไม่รู้สังคมเป็นยังไง พูดง่ายๆ คือ ไม่กล้าออกจากคอมฟอร์ทโซนนั่นแหละ ขานึงก็ก้าวออกจากบริษัทเก่าแล้วล่ะ แต่อีกขาโดนรั้งไว้ด้วยเพื่อนร่วมงานที่ดี๊ดี กับความหวังว่าปีหน้าจะสถานการณ์จะดีขึ้น T_T
สำหรับกูเบื่อทีมผู้หญิงที่เจอว่ะ คุยเสียงดัง
เกาะกลุ่มแบ่งพวกยังกะแก๊งเด็กมัธยม
แม่งคงซวยแหละ อยากทำงานสงบๆโว้ย
เห็นพวกมึงเบื่องานเเต่กูนี่เครียดเลยไม่มีเนื้องานให้ทำ กูโม่งจบใหม่น่ะพี่โม่ง เเต่ทำงานมา4เดือนละ ทำวิศวโรงงาน
เเล้วก็ตลอด4เดือนกูไม่ได้ทำห่าอะไรเลยได้เเต่ไปดูเครื่องจักรนู่นนี่นั่น เเต่หัวหน้าก็ไม่ป้อนงานอะไรให้กู
ล่าสุดก็เพิ่งผ่านโปร เเต่ก็เหมือนเดิมว่ะ หัวหน้าไม่ได้ให้ทำอะไรเลย ตอนนี้กูเหมือนมานั่งรับเงินเดือน เเล้วก็รอไปดูเวลาพวกเเบบเครื่องจักรมีปัญหาหรือซ่อมอะไรเเค่นั้นเอง เเต่ก็ไม่ได้ซ่อมเองนะไปดูพี่ๆเขาทำ
กูว่าจะทนอยู่จนถึงครบปีให้มีโปรไฟล์ติดตัว เเต่ก็นั่นเเหละกูก็ยังนึกไม่ออกเลยถ้าเกิดครบปีกูจะเอาอะไรไปขายของที่ใหม่เวลาสัมภาษณ์
พวกพี่โม่งเคยทำงานที่สบายไม่มีงานให้ทำบ้างปะวะ ตอนนี้กูเเม่งว่างจัด นั่งอ่านTOEICยาวๆไปเลยกู เตรียมไปสอบ ปั้นโปรไฟล์
ประสบการณ์เหมือนไม่ต่างกับตอนเรียนจบเลยตอนนี้
ไงล่ะ ใช้กูทำทุกอย่างดีนัก พอกูจะออกก็มากอดขาขอร้องไม่อยากให้ออก เพราะไฟล์ข้อมูลทั้งหมดกูเป็นคนเดียวที่ผูกสูตรโยงไว้ รวมถึง Database กูก็ซอยย่อยๆๆถี่ยิบไว้ทุกอย่าง แต่พอเดือนก่อนมึงโดนสั่งมาว่าให้ลดพนักงาน มึงก็เรียกกูเข้าไปคุยทันทีและบอกว่าตำแหน่งกูไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว ให้ส่งต่องานผ่านหน่วยอื่นๆจัดอบรมฟรีไป เออ กูก็ทำแล้ว แล้วเป็นไง ไม่มีใครทำได้แบบกูสักคน ตอนนี้จะมาขอร้องให้กูอยู่ต่อก็สายไปแล้วว่ะ กูเริ่มงานใหม่พรุ่งนี้แล้ว สังคมใหม่ เพื่อนร่วมงานใหม่ เงินมากกว่าที่เก่า และสบายไม่ต้องเข้ามานั่งปวดหัวในออฟฟิศ ลาก่อนไอพวกงั่ง
สังเกตตัวเองว่าเวลากูปวดหัวหลังเลิกงานนี่ไม่ได้เป็นเพราะงานเยอะ แต่มักจะเป็นเพราะคนอื่นทำงาน แล้วกูไม่รู้จะขอช่วยทำงานยังไง เลยทำแบบจุ๊บจิ๊บ อู้บ้าง แล้วรู้สึกผิด
กูคือโม่งแกะน้อยผู้หลงทาง อยากได้คำปรึกษาเรียกสติ จัดหนักได้เลยนะ
กูอายุ 32 แล้วไปเรียนต่อการตลาดกลับมาปี 20 ก่อนไปเรียนทำงานสายรถมา 5ปี งานเจอลูกค้า(ดีลเลอร์นะ) กูรู้สึกอยากเปลี่ยนสายไปทำวางแผนการตลาด เลยเรียนต่อ
แต่ด้วยโควิดกับสัมภาษณ์ไม่ดี กูเลยตกงานอยู่ 9 เดือน เพิ่งได้งานใหม่ แต่เป็นงานปะทะลูกค้าอีกแล้ว นี่เพิ่งทำมาได้ 3 เดือน แต่กูเจอลูกค้า Toxic มากๆ และกูไม่ได้ใช้ความรู้ ความสามารถที่กูไปเรียนมาเลย (งานเป็นกึ่งๆเซลล์) ถ้ายอมรับว่าหลังๆกูหลอนโทรศัพท์ เพราะลูกค้าแม่งโทรมาโวยวาย พอกูประสานงานกับคนใน คนในแม่งก็เหวี่ยงใส่ หรือปล่อยเบลอตอบช้า รู้สึกว่าสุขภาพจิตกูแย่ลงเยอะเลย กูจะลาออกตอนผ่านโปรพอดี กูจะดู Loser ไหมวะ กูแอบแพลนว่าจะบอกนายช่วงสิ้นเดือน ให้เวลาเขาหาคน ส่วนตัวกูอยู่ในช่วงยื่นใบสมัคร ยังไม่มีงานรองรับเลย
>>948 มึงทำตามนี้นะ
- นัดเจ้านายมึงคุย บอกว่าขอปรึกษาเรื่องงาน
- ว่างานไม่ตรง career path มึงอยากวางแผนมากกว่าขาย
- ว่ามึงไม่ถนัดรับมือลูกค้าเหวี่ยงๆ และเริ่มกระทบสุขภาพมึงแล้ว นายมีข้อแนะนำไหม ถ้าไม่มีงั้นขอทำงานส่วนที่ไม่ต้องปะทะลูกค้า
- ว่าระบบงานภายในไม่สมูธ ประสานงานกันช้า มึงเล็งเห็นว่าเป็นปัญหา นายกำลังทำอะไรเพื่อแก้ไขรึเปล่า
- ว่ามึงกำลังคิดเรื่องลาออก หากสถานการณ์ไม่เปลี่ยนแปลงมึงก็จะออก
ไม่ต้องรอ มึงคุยยิ่งเร็วยิ่งดี เคนะ
มีใครเคยคิดจะลาออกเพราะรู้สึกโดดเดี่ยว เข้ากับเพื่อนที่ทำงานไม่ได้บ้างวะ
เเล้วเจออะไรเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ลาออก
ที่ถามเพราะกูกำลังเผชิญเหตุการณ์นี้อยู่ 555 เพื่อนที่ทำงานกูเค้าดูสนิทเป็นกลุ่มเป็นก้อนมาก ยกเว้นกูที่เข้ามาทำงานไม่นานเนี่ย ไม่รู้สึกเฮฮาหรืออินไปกับเค้าด้วยเลย
>>951 เวลาที่เขาเฮฮาในเรื่องที่มึงไม่เข้าใจ มึงถามไปเลยได้นะ แบบ พี่ขำไรกันอ่ะ อยากเก็ทด้วย ลองหน่อย สถานการณ์ช่วงนี้มันทำให้สานสัมพันธ์ทีมยากนิดนึง คนในทีมก็ไม่รู้ว่ามึงรู้สึกยังไง ถามเลยชัดเจน ของกุก็มีน้องในทีมที่เข้ามาแล้วแบบ wfh ยาวๆ ไป ไม่เคยเจอน้องเลย อยากซัพพอร์ตเท่าที่ทำได้นะ แต่ก็ไม่รู้ว่าน้องต้องการให้ช่วยอะไรยังไงบ้าง
>>950 ขอถามหน่อย กูไม่ใช่ 948 มึงเป็นคนกล้าพูดอยู่แล้ว หรือว่าผ่านการอดทนมามากถึงได้กล้าพูดวะ คือกูสงสัยจริงๆ เพราะคนไทยส่วนใหญ่(รวมถึงกู)น่าจะเป็นพวกก้มหน้าทำตามน้ำ ทนๆ ไป ไม่ก็รอจนถึงเวลาสิ้นโปรแล้วเขานัดคุยถึงได้พูดได้บ้าง ขนาดกูตอนนี้ทำงานที่ บ. เดิมมาสามปี เวลาเขามี 1-1 กูยังไม่กล้าคอมเม้นข้อเสียของหัวหน้าตรงๆ เลย ทัง้ที่เป็นเรื่องงานไม่ใช่เรื่องส่วนตัว กูอยากมีความกล้าพอจะเป็นฝ่ายยืนหยัดเพื่อสิทธิ์ของตัวเองบ้าง
เมาเว้ยยยยยยยย เมาๆๆไอหัวกน้าใหม่ก็ไม่ได้เรื่องอุส่าส่งมาจากยุ่น แหม่ๆๆๆ นึกว่าจะเก่ง สรุปกูทำเองหมดเหมือนเดิมค้าบ งั้นต้องเมาๆๆๆๆๆๆๆ แม้งพามาเลี้ยงเหล้าที กูจะกินให้ยับเลย เอาให้ร้องคิมุจิ้เลย เมาๆๆๆๆๆๆ
พรุ่งนี้ต้องทำงานละ อาทิตย์นี้ทำงานแค่ 3 วัน แต่ขี้เกียจชิบหายอยู่ดี
แถมยังเจอประชุมประกบต้นอาทิตย์ปลายอาทิตย์จนไม่ได้ทำงานอีก
มันมีวิธีเปลี่ยนเวลาขี้ประจำวันเป็นตอนกลางคืนมั้ยวะ ขี้ตอนเช้ามันไม่ค่อยสะดวกเลย บางทีชนเดินทาง บางทีชนประชุม
ถ้าปวดกลางวันมึงก็อั้นไว้ปล่อยเวลาที่มึงต้องการ ทำสองสามวันร่างกายกุจำได้เองอัตโนมัติ แต่ถ้าขี้มึงเป็นแบบรถด่วน อั้นจนขนลุกมึงก้อย่าฝืน ไว้ทำวันถัดๆไป ต้องได้สักวันละวะ
โม่ง กูได้งานสองที่
งานแรกงานประจำร้านซูชิ ฐานเงินเดือนน้อยกว่าหมื่น วันหยุดนักขัตฯมาทำงานแต่ไม่ได้สองแรง ได้เป็นวันหยุดแทน ร้านมีกี่ก่ะไม่รู้ ที่แน่ๆเปิด9โมงถึงสี่ทุ่ม(เพราะร้านปิดสามทุ่ม) มีสลิปเงินเดือน(น่าจะมีดิจิตอลไม่ก็คาร์บอน) กับมีใบผ่านงานให้ งานอยู่ในศูนย์การค้าเน้นคนรวยมาแดก กูเห็นร้านมันแอบเข้าข่ายfine diningเพราะวัตถุดิบทำเมนูส่วนมากมาดีๆเลย แล้วเขาก็บอกว่ารายได้เติบโตเรื่อยๆ แต่กูตกใจตรงที่ว่า ผจก.ร้านแม่งดูไม่รู้หีรู้แตดไรเยอะเท่าไหร่เลย ที่จะรับหรือไม่รับกูเสือกเป็นฝ่ายจัดซื้อนี่สิ แล้วอารมณ์แบบคนรับกูเข้าทำงานเป็นทั้งจัดซื้อและควบทำงานอื่นให้ด้วย เช่น มีส่วนในการคัดคนมาทำงาน เป็นต้น สภาพครัวที่กูไปเทสงานแม่งเก่าแปลกๆ ก๊อกเสียก็มี อะไรพังก็ไม่ค่อยมาซ่อม ยอดขายพออยู่ได้ แต่กูงงว่าร้านมี2ชั้นแต่เปิดขายชั้นบนแล้วปิดชั้นล่าง(ซึ่งมีครัวและโซนหน้าบ้าน)ไว้ทำเหี้ยไรกูก็งงๆนะ การเดินทางคือไม่ไกลมาก ถ้ารถวิ่งก็มาได้อยู่
งานที่สองคือ KFCไดร์ฟทรูแถวบ้าน รายได้เริ่มมาคือพาร์ทไทม์ ทอดไก่ สต๊อคไก่ ทำงาน supply ทอดเฟรนฟราย บลาๆ ร้านสาขาใหม่เปิดแบบ24/7 เป็นเวลาสามเดือนทดสอบยอดขาย ..... อันนี้ใกล้บ้านเหี้ยๆ เดิน10นาทีถึงเลย ข้อเสียคือมันไม่ปรับประจำให้ง่ายๆ แล้วที่น่ากลัวกว่าคือคนทำรายวันเวลามันขอขาด ลา มาสาย หรือหายไปเลยแม่งทำได้ง่ายมาก และกูเสียวว่าถ้าเพื่อนร่วมงานทำจริงจะเหนื่อยเกินเหตุนี่ดิ เพราะงานคือถ้ามีก่ะกลางคืน แล้วมีคนเบี้ยวก่ะ ไม่มาเลย กูล้างของและลงไก่ ทอดของไปด้วยคือแม่งทำทันยากมาก ของไม่ใช่น้อยๆ ทำงานกับความร้อนลวกมือทั้งนั้นเลยมึง
คำถาม งานไหนดีกว่ากันวะ? เป็นโม่งจะเอางานอะไรดี?
>>961 ไม่ค่อยน่าทำซักทีเลยว่ะ ดูท่าทางเหนื่อยสัด แต่ถ้ามีแค่สองตัวเลือก
ร้านชูชิดีกว่าเพราะเวลาไปยื่นสมัครที่ใหม่ก็บอกว่าทำจัดซื้อมาก่อน ส่วน kfc ประสบการณ์ที่ได้ไม่มีประโยนช์ในการหางานใหม่เลยซักนิด
แต่ถ้ามึงมีตัวแปรอื่นแบบร้านชูชิค่ารถ ค่ากินเงินเดือนไม่พอจ่าย kfc กินข้าวบ้านได้ อันนี้ก็พิจรณาเป็นกรณีไป
แต่ๆ ถ้าทำได้ซักพักไปหางานบริษัททำ หรือไม่อย่างน้อยก็ส่วน office ในโรงงานที่ได้หยุด ส-อ. เถอะ แล้วชีวิตมึงจะมีความสุข
เอาตรงๆ เขาเปิดรับเอาตำแหน่งเชฟซูชิ ..... คือกูเคยทำร้านแบบขายซูชิแมสๆมาก่อนแบบ ไข่หวานบ้านซูชิ , Sushi expressไรงี้มาก่อนไง เห็นร้านนี้ที่กูสมัครมาในย่านที่กูเดินทางได้มันใกล้มาก กูเลยลองดู ...... กูไม่แน่ใจเลยว่าเขาจะสอนงานให้ไหม เพราะเทสงานเขาก็บอกแค่ว่าพอเทรนได้ แต่กลัวเข้าไปเริ่มละเสือกไม่สอนห่าไรเลยนี่ดิ ใจจริงถ้าเอาร้านซูชิ กูจะเรียนสกิลแล่ปลากับสกิลพวกทำโรล , มากิ มาเพิ่มด้วย ส่วนเงินเดือนคือมันไม่พูดตรงๆนะว่าจะให้เท่าไหร่ มันบอกแค่ว่ายอดรวมๆได้ 10,000บาท เริ่มต้นแค่นั้น แต่ถ้าอยู่นานๆจะมีปรับให้ ใจจริงอยู่เพราะใบผ่านงานหรอก ถ้ามีใบผ่านงานกับได้วิชาแล้วลาออกไปร้านfine diningที่อื่นในเมืองฝั่งพระนครนี่รายได้สูงพอๆกับofficeด้วยซ้ำ
ขอถามพวกพรี่ ๆ ครับ พอดีผมเป็นพวกโลกส่วนตัวสูงครับ เคยอ่านเจอมาเขาบอกว่าคนโลกส่วนตัวสูงเหมาะกับการทำอาชีพ นักบัญชี, ผู้ตรวจสอบบัญชี เลยสงสัยครับว่ามันจริงไหม
ส่วนตัวผมเรียนสายครู อีก 3 เทอมก็จบแล้ว แต่พอได้ฝึกสอนแล้วรู้สึกเลยว่าไม่ใช่ทาง แทบไม่มีเวลาส่วนตัวเลย เลยคิดว่าเรียนครูให้จบแล้วไปเรียน ป.ตรี บัญชี ครับ แต่กลัวว่าต่อบัญชีแล้วไม่เหมาะกับคนโลกส่วนตัวอีก
เคยเจอลูกพี่เหี้ยๆแบบตัวเองไม่รู้ก็สอนมันแบบมั่วๆมะ คือแม่งถือว่าเด็กใหม่มันยังใสๆอยู่ กูมั่วยังไงก็ได้มึงไม่รู้อยู่ดี คือกูนั่งอยู่ข้างๆนี่ได้แต่ wtf คือจะโชว์พาวอะไรของมึงวะ ทำเด็กมันเข้าใจผิดๆไปด้วย เวลามาทำงานกับกูก็ต้องปรับใหม่อีก -*-
>>968 >>966 ตกลงอยากได้เวลาส่วนตัวที่แปลว่าเวลาว่างหลังเลิกงาน หรือโลกส่วนตัวสูงที่แปลว่าตอนทำงานไม่ต้องสุงสิงกับใคร ไม่เหมือนกันนะ
ถ้าอย่างแรกยังพอเข้าใจได้ว่าไม่รู้มาก่อนว่างานครูมันหนัก แต่อย่างหลังนี่ต้องถามว่าตั้งใจจะเป็นครูโดยไม่รู้ว่าต้องคุยกับนักเรียนเหรอ???
กลับไปที่คำถามแรก นักบัญชี/ผู้ตรวจสอบบัญชี
ไม่รู้ว่าไปอ่านมาจากไหน แต่เสียใจด้วย ไม่ใช่อาชีพที่ตอบโจทย์ทั้ง 2 อย่างว่ะ
entry level งานหนักแน่นอน กว่างานจะเบาลงคือต้องระดับบนและที่มันเบาลงเพราะเก่งมากเลยทำเสร็จไว ไม่ใช่เพราะงานน้อย
ไม่ต้องสุงสิงกับใคร เป็นไปไม่ได้จ้า ถึงเนื้องานหลักๆจะอยู่กับตัวเลข แต่ก็ต้องการ communication skill เพื่อให้ประสานงานกับเพื่อนร่วมงานหรือหัวหน้างานแผนกอื่นได้ ยิ่งผู้ตรวจสอบบัญชีนี่คุยกับลูกค้าไม่รู้เรื่องก็ตายสิ
>>966 corporate accountant ถือว่าใช่ แค่ส่งเมลตามคนอื่นเวลาข้อมูลไม่มาตามกำหนด เวลาปกติก็นั่งเงียบทำ ๆ ไปเน้นส่งเมลถามเอาได้ ส่วนออดิทไม่จริงเพราะต้องดีลเจอหน้าลูกค้าตลอดเวลา (ไม่นับช่วงโควิด) ต้องถามนู่นถามนี่ ตามไม่พอต้องไฟ้ว์ให้เขาปรับตามเราด้วย ในทีมก็ต้องคุยกัน สอนน้อง รีวิวงานน้อง รายงาน+ตอบคำถามเจ้อ
กูก็ทำบัญชีนะ แต่เรื่องสกิลคุยนี่กูก็ไม่ได้กระดิกเลย คือคุยข้ามแผนกน่ะใช่แต่กูอย่างมากก็แค่แวะไปทวงใบนั่นโน้นนี่แล้วกลับมาทำงานตัวเองต่อเท่านั้นอะ ออกจากโต๊ะทำงานมีแค่ไปห้องน้ำ ไปกินข้าวและเลิกงาน ถถถถ
>>976 โปรแกรมเมอร์ที่สกิลประชุมไม่จำเป็นคือ
- junior level เขียน program in house ใช้กันเองในบ.เล็กๆ ซึ่งคงไม่มีใครอยากเป็น junior ไปตลอด
- โคตร expert ขั้นเทพที่เก่งชิบหาย เก่งเหี้ยๆ เก่งจนบ.รู้ว่าปล่อยมึงให้เป็น nerd แบบนั้นไม่ต้องฝึกสกิลประชุมให้เสีย performance จะดีกับบ.มากกว่า ซึ่งบ.ในไทยที่จะเข้าใจได้ขนาดนั้นก็น้อยหน่อยนะ
- freelance ที่มีนายหน้าคอยป้อนงานให้ ซึ่งพออายุถึงช่วงนึงมึงก็อาจจะอยาก trade-off ความสบายนี้กับความมั่นคงทางการเงิน
เท่าที่นึกออกก็ประมาณนี้ ไม่ง่ายอย่างที่คิดหรอกนะ 555
เมื่อกูทำงานตามที่ลูกพี่สั่ง+โดนแดกดันเรื่องกูไม่รอบคอบมาอาทิตย์นึง ลูกพี่คอมเม็นต์บ้าๆบอๆ แก้แล้วแก้อีก 3 วัน
พอส่งโปรเจ็ค..."โอนเนอร์เค้าไม่เอาแบบนี้นะคะ เค้าห้าม !@#$@#%#^" สรุปแก้แบบแทบจะเรียกว่าทำใหม่หมด
กูหันไปหาลูกพี่กู แม่งนิ่ง พอประชุมออกมา "เอ่อ...เอ็งก็ไปทำตามที่เค้าบอกละกันนะ ได้เมื่อไรแจ้งเค้าไปด้วย"
...ไอ้สัดตัวไหนวะไม่รอบคอบเนี่ย อยากจะต่อยซักที
>>971 พูดถึง Corporate Accountant กูทำอยู่แล้วอยากหางานใหม่เพราะที่เก่าให้น้อยแล้วไม่ค่อยได้เรียนรู้งาน แต่ที่กูเพิ่งจบบัญชีมาได้ปีเดียวกูควรทำไงดีหว่า
คือที่เก่ามันเป็น บ. โคตรเล็กลูกจ้าง 3 คนนายจ้าง 1 งี้ที่เหลือคือจ้างฟรีแลนท์เลยไม่ค่อยได้มีงานเท่าไร อยากจะหางานที่อื่นนะแต่กูก็อายุ 30+ แล้วด้วยสิที่ไหนมันจะรับมั่งวะเนี่ย
>>908 ว้ายยย ขยะอย่างมึงแนะนำอยู่กับเจ๊เล้ง ดอนเมืองได้นะ ขี้เหยียดพอกัน หลงยุคมาแนะนำหาทางกลับให้ดีๆเนอะ โง่แล้วพ่นแต่อะไรไม่สร้างสรรค์แนะนำเก็บสมองเก็บปากไว้แดกขี้เนอะ
https://www.matichon.co.th/social/news_3078887
กูตัดสินใจลาออกจากงานแบบยังไม่มีงานรองรับเลย กูรู้สึกแย่ในความไม่อดทน แต่กูนอนหลับๆตื่นๆมาเป็นเดือนแล้ว มึงว่าคนเราเป็น Loser แล้วมีความสุขได้หรือเปล่าวะ หรือต้องคอยโทษตัวเองจนกว่าจะสำนึกสิ่งที่ทำลงไป
พี่ที่ทำงานจะลาออก แล้วเหมือนงานเขาน่าจะพาสมาให้กูเป็นเฮดคุมแทน ใจกูทั้งเคว้งคว้างทั้งกลัวเลย เพราะพี่เขาถือเป็นพี่ที่สนิทคนนึงและกูเองก็ทำงานยังไม่ถึงครึ่งปีเลย มันแอบกังวลกับอะไรหลายๆอย่างว่ะ ที่ผ่านมากูก็พึ่งพาพี่เขาเยอะด้วย พอตอนต้องทำอะไรเองแล้วแอบไม่มั่นใจขึ้นมา
บริษัทใครโดนเขียนรายงานประจำวันบ้าง กูล่ะโคตรเซ็งต้องมาพิมพ์ทุกวันเสียเวลา เขียนสั้นๆไม่ได้ด้วยต้องเขียนยาวๆละเอียดๆ บางวันที่งานน้อยก็ไม่มีอะไรจะเขียน อันนี้เพื่อนจะเขียนอะไรกันบ้างวะ
>>984 กูเจอมาคล้ายๆกันเลย แต่ความเชี่ยคือหัวหน้าถามกูก่อนแล้วว่าอยากเป็น manager มั้ย กูบอกไม่ แต่เค้าก็เนียนยัดให้กูเป็นอยู่ดี 555
ทุกวันนี้รู้สึกว่าหลายๆเรื่องมากแม่งต้องมั่วทำๆไปทั้งที่ก็รู้มั่งไม่รู้มั่ง กำลังคิดสงสัยอยู่เนี่ยว่าคนอื่นเค้ารู้สึกได้แค่ไหนว่ากูไม่ค่อยจะรู้เรื่อง
ตลกดี หลายๆ บริษัทตอนนี้ประสบปัญหาขาดคนทำงาน แต่ก็ขยันออกกฎบ้าๆ บอๆ ให้พนักงานยิ่งอยู่ยาก ใครมีลู่ทางเขาก็ออกไปเป็นฟรีแลนซ์บ้าง ไปเปิดเองบ้าง ไม่ก็เปลี่ยนสายงานไปเลย แล้วบริษัทแม่งก็มาบ่นๆ ขาดคนทำงานอยู่อีก
ในยุคแบบนี้ถ้าเริ่มทำงานประจำตอนอายุ 26-17 ถือว่าช้าไปไหม ตั้งแต่เรียนจบมายังไม่มีงานการเป็นหลักเป็นแหล่ง
สอบถามพี่โม่งหน่อยคับ ตอนนี้เรียนมหาลัย (สายภาษา/สังคม) อยู่แล้วชีวิตไม่มีเวลาว่างเลย ตอนเย็นมาก็นั่งทำการบ้านงก ๆ วันหยุดก็ต้องอ่านเตรียมเนื้อหาล่วงหน้า/ทวนความรู้เดิม มีเวลาส่วนตัวเหลืออยู่จึ๋งเดียว ถ้าจบไปทำงานชีวิตมันจะว่างขึ้นมั้ย (หมายถึงกลับบ้านยังต้องหอบงานมาทำรึเปล่า เสาร์อาทิตย์จะได้พักผ่อนจริง ๆ มั้ย) อยากรู้คับ TT เหนื่อยกับเวิร์คไร้บาลานซ์ ถ้าอนาคตไม่ดีขึ้นสุขภาพจิตกูต้องพังแน่ ๆ คงต้องลองคิดเรื่องย้ายสายงานละ
>>995 ทำงานละต่อให้ออฟฟิศคือก็ไม่ได้ว่าง อยากได้แบบwork life balance เชิญไปประเทศที่ไม่ใช่กะลาแลนด์อ่ะ นั่นอ่ะ ขี้ข้าคุณภาพสภาพไม่แมลงสาปแบบบ้านเรา ก็คือยังไงมึงก็เจอ จะงานskilledหรือunskilledในไทยแม่งเจอหมดเลยมึง ถ้าพยายามเรียนทุกสิ่งตั้งแต่ตอนนี้และเจียดเรียนทักษะใหม่ๆแบบทั้งโลกจะอยากได้เรื่อยๆในอนาคต มึงควรลุย เห็นพวกที่ย้ายไปแล้วกูละหนึ่งที่แอบอิจเบาๆ
>>995 ไม่ว่างขึ้นหรอก แล้วยุคนี้ใช้ไลน์กันเก่งมากกกก เลิกงานแล้วก็ยังจะทักมาคิดว่าขอไฟล์นิดหน่อยไม่เป็นไร ไม่ต้องทำใหม่แค่กดส่งมั้ง กลับมาก็มีรีพอตว่าวันนี้ทำอะไรไปบ้างอีก วันหยุดบางทีลูกค้าก็ทักมาเหมือนไม่เคยหยุด เร่งเอางานด่วนๆ ถ้าทำงานสายที่ปฏิเสธลูกค้าได้ก็โชคดีแต่ถ้าสายที่ต้องเอาใจลูกค้าก็ได้แต่ตอบครับๆไป
ขอให้ปีหน้าเงินขึ้น
ปิดมู้
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.