Last posted
Total of 1000 posts
ปีหน้าจะจบละโว้ยยยยยยกูใจหายชิบหายต่อไปต้องทำงานหาแดกเองแล้วใครมีไรแนะนำกูได้มั่งไหมเนี่ยกับการเป็นผู้ใหญ้
วันนี้ชวดดีลลูกค้าเพราะวิธีพรีเซ้นของคนในทีม แต่กลายเป็นหัวหน้ามองว่าเป็นความผิดของกูที่เตรียมข้อมูลดิบให้ แบบนี้ต้องทำไงวะ
เหมือนหัวหน้าเค้าก็ไม่เก็ตในสิ่งที่ทำ หรือตัวลูกค้าเท่าไหร่ คนพรีเซ้นก็ไปพรีเซ้นในแนวที่มันไม่ดึงดูดลูกค้าจนป่านนี้กูก็คิดว่าลูกค้าก็ยังไม่เห็นภาพด้วยว่าจะเสนออะไรให้เค้า พอกลับมาประชุมกลายเป็นความผิดกูที่รีเซิสไม่ดีพอ ไม่เข้าใจลูกค้า แต่กูก็พูดไรมากกว่านี้ไม่ได้อีกไม่งั้นก็พาดพิงคนพรีเซ้น แถมดูแก้ตัวว่าไม่ใช่ความผิดตัวเอง กูกำลังจะขอโปรโมตอยู่ด้วย แบบนี้คงไม่ได้โปรโมตชัวร์ ยังไงดีวะ หางานใหม่ไปเลยดีมั้ยวะ เหมือนทำไงก็ไม่ดูดีขึ้นในสายตาเค้าแล้ว
มันจะมีไอ้คนนึง เป็นคนของแผนกข้างๆที่มีบางส่วนงานต้อง Co กันนิดหน่อย มันจะไม่มีปัญหาเลยถ้าต่างคนต่างทำงานให้เต็มที่ แต่ไอนี่แม่งชอบมาจุ้นงานของแผนกกูตลอดๆ ชอบมาโวยวายเสียงดังว่าทำไมไม่ทำแบบนั้น ทำไมต้องทำแบบนี้ แล้วแม่งหนักขนาดพอจุ้นมากๆแล้วไม่มีใครฟัง มันก็โทรไปหาหัวหน้าของกูอีกทีว่าให้สั่งลูกน้องคุณทำแบบนี้ซิๆๆๆ หัวหน้ากูก็เนอะ คนของตัวเองไม่ฟัง ฟังเเต่คนอื่นตลอดๆ ละพองานมีปัญหามา มันก็หายเเว้บไง อ้างว่าคนละแผนกกัน รับผิดชอบคนละส่วนนะ หน้าส้นตีนจริงๆคนแบบนี้
กูคิดถึงขนมปังอันนั้นอ่ะ กูเคยกินมาเมื่อ6-7ปีที่แล้ว ญาติซื้อมาให้จากกทม. ที่แป้งอย่างบางงงแต่ไส้เยอะมาก เกือบครึ่งกล. ได้มั้ง55555 อันละ50-60 แต่กูยอมมม มันคุณภาพพพ มันคือร้านไหนน อยู่ที่ไหนนน
วันจันทร์กำลังจะมา...
ปาร์ตี้ฉลองนั่งดื่มในร้านได้ เมื่อคืนเลยจัดหนักทั้งๆที่วันนี้ทำงาน ซาโจ้ซังก็รู้งานดีละเกิน เอากับแกล้มมาให้ลองเรื่อยๆยังกะบุฟเฟ่ต์ เลยดื่มไปเยอะมากๆๆ แต่เช็คบิลมาเเค่ห้าร้อยกว่าเอง เรียกแท๊กซี่กลับตอนตีสาม แล้วมาแฮงค์ที่ทำงานตอนเช้า วันนี้เลยฟิตเป็นพิเศษ ใครโยนงานมาให้ทำก็ ครับๆ เพราะกูแฮงค์ รับงานไว้ก่อนค่อยๆนั่งทำไป อิอิ
ทำงานเข้าเดือนที่ 4 ยังรู้สึกตัวเองกากๆใหม่ๆอยู่เลยว่ะ เขาคาดหวังกับเด็กจบใหม่ให้เก่งในกี่เดือนวะ
มีความรู้สึกว่าหัวหน้าจะเนียนยัดเยียดตำแหน่ง team lead ให้กูเลยว่ะ แต่ตอนนี้ยังไม่มีลูกน้องเป็นตัวเป็นตนนะ กำลังหาคนรับเข้ามาเพิ่ม
เวลาไปสัมภาษณ์คนหรือแนะนำตัวกับคนอื่นนอกทีมเค้าบอกว่ากูเป็น team lead หน้าตาเฉยเลย หลายรอบแล้วด้วย เหมือนตั้งใจ
จริงๆก่อนหน้านี้กูไม่อยากเป็น team lead เท่าไหร่แต่เร็วๆนี้มีบางอย่างทำให้กูเปลี่ยนใจ ถ้าเค้าจะเนียนให้กูเป็นกูก็ควรเนียนรับสินะ
แต่แค่รู้สึกว่าอยากให้กูเป็นก็น่าจะบอกกันดีๆสิ ไม่ใช่ทำแบบนี้
วันนี้วันศุกร์แล้ววววว
>>729 ไม่เชิงเพิ่มจากการได้เลื่อนตำแหน่ง คือกูได้เปลี่ยนจากพนักงานสัญญาจ้างเป็นประจำแล้วได้เงินเดือนเพิ่ม
แถมตอนจะรับเป็นประจำเค้าว่ากูอยากเป็น lead มั้ย กูบอกว่าไม่แล้วเค้าก็ท่าทางโอเคด้วย เลยงงว่าทำไมตอนนี้จะให้กูเป็นแล้ว
แต่คิดว่าปัญหาหลักๆคือในทีมคนเหลือน้อยแล้วนี่แหละ เลยอยากให้คนเก่าๆมาลองเป็นก่อน
ยังดีที่ความรับผิดชอบมันยังไม่ได้มีอะไรเพิ่มมาก เพราะทีมยังอยู่ในช่วงวุ่นวายฝุ่นตลบ หลายๆอย่างยังไม่ชัดเจนอยู่
>>731 กูมีร้านยากิโทริที่ชอบมากอยู่แถวมณเฑียรมอลล์ ไม่รู้จะยังอยู่มั้ย ไม่ได้ไปตั้งแต่ตอน wave 2 แล้ว
แถมช่วงนี้มา WFH อยู่นอกตัวเมืองอีก จะรอเลิกงานแล้วค่อยถ่อเข้าไปถึงกลางเมืองก็ไปไม่ไหวอีก OTL
หลังจากล็อคดาวน์มานานจัดๆ ตอนนี้เริ่มผ่อนคลายละก็ได้กลับมาสำรวจร้านที่ไปดื่มบ่อยๆ บางร้านก็ปิดไปเข้าใจได้ ร้านที่เปิดต่อก็เอาใจช่วยเข้าไปนั่งดื่มสัก3-4แก้ว ได้คุยกับเจ้าของก็ดีใจนะ แกไม่ได้แค่ขายของอ่ะ แกขายกำลังใจ พลังใจด้วย แกบอกว่ามนุษย์เงินเดือนแบบกูที่ดูภายนอกก็ไม่มีปัญหาชีวิตอะไร อยู่คอนโดดีๆย่านเศรษฐกิจ มีเงินแดกของอร่อยๆทุกวัน มีรถขับไปพักผ่อนต่างจังหวัด สุดท้ายก็มีเรื่องเครียดอยู่ดี ทุกคนนั่นแหละ ดังนั้นแกเลยชอบเปิดร้าน ชอบเจอลูกค้ามาดื่ม มาคลายทุกข์กันไป ได้คุยกันก็ไม่เหงาดี เออ ชีวิตมันต้องแบบนี้ดิวะ.
น้องที่ทำงานชอบทักมาให้ช่วยช่วงมืดๆ 3-4 ทุ่ม ถ้ากูตัดใจเมินไปเลยนี่จะดูเหี้ยปะวะ สงสารน้อง แต่กูก็ขี้เกียจ
พี่โม่งขอปรึกษาหน่อย กูเพิ่งกำลังจะได้ทำงานที่เเรก
กูอยากรู้ว่างานเเรกควรทำกี่เดือน,กี่ปี เเล้วใบผ่านงานสามารถขอได้ต้องกี่ปี
พวกเรื่องหลักๆในวัยทำงานที่ไม่เกี่ยวกับตัวงานควรรู้อะไรบ้าง เช่น ประกันสังคม ลาออกต้องได้อะไรบ้างพวกนี้ มีอะไรหลักๆที่ควรศึกษาไหม
>>735 งงว่าทำไมมาขอเวลานั้นวะ มันเลยเวลาเลิกงานมานานแล้วนะ ถ้าไม่ใช่อะไรที่ด่วนจริงๆก็ค่อยมาช่วยดูเช้าวันต่อไปก็ได้
>>736 เห็นคนอื่นตอบเยอะ กูเสริมอีกเรื่องละกันคือเรื่องการลดหย่อนภาษี โดยเฉพาะพวกซื้อประกันหรือกองทุนจะช่วยลดได้เยอะมาก
>>740 อาจจะแล้วแต่สายงานมั้ง กูว่าถ้าไม่ได้น่าเกลียดแบบไม่ถึงเดือนออกก็ใส่ไว้ก็ได้ ใน resume ก็ได้
ถ้ามีช่วงแหว่งเวลาสัมภาษณ์งานจะโดนถามอีกว่าช่วงที่หายไปนี่คือไปทำอะไร
>>741 กำลังจะมาเสริมเรื่องนี้พอดี ตอนจบใหม่ทำงานปีแรก กูไม่รู้เรื่องภาษีอะไรเลย โดนหักเต็มไม่พอ ตอนยื่นจริงเจอจ่ายเพิ่มจ้า 555 T.T เพื่อนรุ่นเดียวกันไม่มีใครรายได้ถึงเกณฑ์ด้วยไง เลยไม่ได้เอะใจเรื่องนี้มาก่อนเพราะไม่มีใครพูดถึง เรื่องอื่นๆ ยังมีคุยเม้ามอยปรึกษากันปกติ ตอนนี้เหรอ หึหึ ทำใส่ excel คำนวณไว้ก่อนเลย จะได้วางแผนถูกว่ายอมรับได้ที่จะจ่ายที่เท่าไหร่ ต้องซื้ออะไรยังไงเท่าไหร่เพื่อกดฐานลงเท่าที่รับไหว ตอนยื่นจ่ายจริงตรงกับที่คำนวณเองทุกสตางค์ เขี้ยวลากดินจ้า 555
ทำไมไม่หนีภาษี
กูกำลังกังวลกับงานที่เเรกมากเลยว่ะพี่โม่ง คือพื้นฐานความรู้ตอนเรียนกูก็ไม่ได้เเน่นมากเเต่ก็กำลังจะได้ลองเข้าไปทดลองงาน ไปเเบบไม่รู้อะไรเลยตอนนี้เเต่กูก็เรียกเงินเดือนต่ำๆนะ กูคิดมากไปปะวะ มีใครทำวิดวะบ้างไหม ตื่นเต้นชิบเลย ไม่รู้จะทำได้ไหม
กูแม่งไม่สามารถทำงานกับผู้หญิงได้จริงๆว่ะ โดยเฉพาะคนที่สายบงการ คือกูผู้หญิงเป็นคนสายชอบจัดการงานให้มันเป็นระเบียบเรียบร้อยเหมือนกัน แล้วพูดตรงไปตรงมาด้วย เช่น จะให้ใครทำไร เพื่อไร ก็พูดตรงๆไปเลยว่าจะให้ทำงี้นะ หรือใครจะให้กูทำไรก็จะถามไปเลยว่ารายละเอียดเป็นไง เวลาพูดโทนนี้กับผู้ชายแม่งไม่เคยมีปัญหาเลยเว้ย แต่พอพูดกับผู้หญิงรู้สึกว่าแม่งขัดๆไปหมด แล้วจุดนึงก็จะรู้สึกว่าผู้หญฺงคนนั้นจะเริ่มไม่ชอบกูที่กูมาสั่งนั่นนี่
ตอนนี้กูทำงานกับคนนึง เมื่อก่อนกูเป็นลูกมือกูก็เคารพเค้าที่เค้าเก่งกว่ากู จนตอนนี้กูเก่งวขึ้นละ กูสามารถเมเนจอะไรเองได้ละ ในขณะที่เค้าดูงงๆ อึนๆ ไปกับทุกอย่าง ไม่ค่อยช่วยแก้ปัญหาไร จนกูหวังพึ่งพาเค้าไม่ได้ กูเลยมาทำเองทุกอย่าง แล้วแม่งเลยทำให้เค้าเหมือนถูกลดบทบาทต้องมาตามกู แล้วกูก็รู้สึกเหมือนเริ่มโดนเกลียด
คือถ้าเค้าทำงานดีอย่างแต่ก่อนกูก็ไม่ต้องมาทำเองหรอก แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ไง ซึ่งทำงานกับผู้ชายไม่เคยมีปัญหาไรแบบนี้ แต่ผู้หญิงมักจะไม่ชอบกูอยู่เรื่อยๆเลย
สวัสดีวันศุกร์ที่15ตามชื่อมู้เลยนี่หว่า
พรุ่งนี้ก็วันเสาร์แล้ว ช่วงนี้งานใกล้ส่งมอบ เหนื่อยชิบหาย
ฝนตกปรอยๆทั้งวันแถมตั้งแต่เช้าก็ประชุมกับบรรดาท่านๆที่เอาแต่พูดเรื่องสวยหรู อุดมคติ วาดฝัน แม่งไม่เคยลงมาดูหน้างานจริงๆที่แทบจะขูดเลือดขูดเนื้อทำกันละ เฮ้อ ว่าแล้วก็หาร้านยากิโทริบุฟเฟ่ต์อร่อยๆแกล้มวิสกี้ญี่ปุ่นแก้เซงหน่อยดีกว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้ปิดประชุมเสร็จก็จะไปสิงร้านประจำทันที เพราะเคอร์ฟิวมันขยับไปเป็น 23:00-03:00 ก็เป็นเวลาที่กูเข้าและออกจากร้านอีกทีพอดี ฮาฮา
ขอคำแนะนำโม่งหน่อย ตอนนี้กูอายุ 25 เรียนจบบัญชีมา 2 ปีเพราะเรียนช้า
ปี 63 ที่กูเรียนจบกูทำงานในห้าง 05-10/63 แล้วก็ออกเพราะรู้สึกว่าแม่งเหนื่อย อยากทำงานออฟฟิศที่แม่มน่าจะสบายกว่า
กูเป็นนีทมาจนกูได้งานตอน 02/64 ทำบัญชีแบบโคตรลูกกระจ็อก งานไม่ใช่สมองเลยเพราะหัวหน้าไม่ไว้ใจกูให้ทำอะไรสำคัญๆ แล้วกูก็กากด้วย ทำได้ 4 เดือนไม่ผ่านโปรถูกให้ออก
ตอนนั้นกูท้อมากๆเลยว่างงานมาจนตอนนี้
คำถามคือตอนนี้กูเล็งว่ากูควรไปทำข้าราชการดีไหม หรือควรลองพยายามกับบัญชีที่กูลืมที่เรียนไปเกือบหมดแล้วดี แล้วก็พยายามอ่านเพื่อรื้อฟื้นความรู้ทั้งๆที่เรียนจบมา 2 ปีแต่มีประสบการณ์แค่ 4 เดือน มันดูจะยากมากๆที่จะหางานทางนี้ได้แล้วอะ หรือมันพอมีทางอยู่
แล้วก็กูคิดว่าระหว่างที่กูทำงานกูอยากฝึกภาษาละค่อยหาลู่ทางไปทำงานที่ญี่ปุ่น เพราะกูชอบภาษาญี่ปุ่นมาก ตั้งใจว่าจะสอบให้ได้ N2 อยู่ แล้วก็สอบทักษะเฉพาะไปทำงานที่นั่นสามปี เงินเดือนน่าจะเยอะพอตั้งตัวได้
เพื่อนโม่งมีไรจะแนะนำกูไหม กูตันๆไม่รู้จะเริ่มทำอะไรยังไงดี ไม่ได้หางานมานานแล้ว ก่อนหน้านั้นมีแต่ไปสัมไปสมัครตามที่พี่กูหามาให้ แต่ตอนนี้กูจะตั้งใจแล้ว ช่วยแนะนำกูทีนะ
>>748 ราชกาลกว่าจะสอบเข้า กว่าจะบรรจุ กว่าจะชเลียไต่ลำดับขึ้น กูว่ามึงจะหมดไฟไปมากกว่านะ ลองกลับไปทบทวนตัวเองว่าอยากทำอะไร หรือชอบงานด้านบัญชีอยู่แล้วก็ลุยใหม่อีกรอบ มันมีทางอยู่โดยฝึกทักษะ Excel, Access เพิ่มเอา เพราะค่อนข้างเป็นทักษะสำคัญของยุคนี้ละ และก็ไปสอบ TOEIC เก็บคะแนนไว้ด้วย จะได้มีภาษีดีกว่าเวลาไปสมัครงาน ส่วนภาษาญี่ปุ่นก็สู้ๆนะเพรากูก็พยายามอยู่เหมือนกัน
>>749 ไม่มั่นใจว่าชอบไหมเพราะไม่ได้แตะเนื้องานจริงๆ แต่อยากลองดูอีกครั้งเพราะเสียดายที่เรียนมา เลยไม่อยากจะปล่อยให้ลืมไปเฉยๆอะ
ปัญหาหลักตอนนี้ของกูมีเรื่องการสัมภาษณ์เพราะกูตื่นเต้นง่าย ทุกครั้งที่สัมภาษณ์งานกูบอกได้เลยว่ากูทำได้แย่มาก กูท้อจนไม่รู้ว่าควรเริ่มต้นยังไง ตอนนี้เลยบอกแม่ให้ลองหางานให้หน่อยแล้วก็ระหว่างนี้จะหาคลิปฟื้นความรู้ตัวเอง+จะเตรียมสอบโทอิคตามที่มึงบอกดู ขอบคุณนะ
ใครมีไรแนะนำกูมึงบอกกูได้เลย กูจะจดเป็น yo do list ไว้เพื่อทำ ไม่อยากเป็นนีทแล้ว
>>750 อีกอย่างจากที่ทำงานเก่าที่กูไม่ผ่านโปรเพราะกูทำงานช้า เรียนรู้ช้า แล้วก็ไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น เพราะกูพยายามตั้งใจทำงานให้ดีที่สุดแต่มันก็ออกมาไม่ดีสักที ทำผิดบ่อยมาก จะถามหัวหน้าให้เคลียร์หัวหน้าก็ไม่ค่อยว่างสอนงานมาสอนแปปๆก็โดนเรียกตัว ถามคนอื่นบางทีเขาก็ตอบไม่เหมือนกันจนบางทีกว่าจะรอ กว่าจะทำเสร็จเลยนานมากๆ ขนาดเป็นพวกงานง่ายๆ
>>750 สัมภาษณ์เยอะๆ อาศัยช่วงโควิดนี่แหละดีเลยเพราะส่วนมากสัมภาษณ์ออนไลน์ ไม่เปลืองค่าเดินทาง สมัครไปหว่านๆ เอาแค่ประสบการณ์สัมภาษณ์ก็ถือว่าคุ้มแล้ว ตอนกูจบใหม่ สัมภาษณ์ที่แรกๆ ตื่นเต้นมาก พอสัมภาษณ์หลายที่เข้ามันก็ชิน คำถามบางทีเจอที่แรกตอบได้ไม่ดี พอเจอที่ 2-3 ก็ตอบได้ดีละ เพราะคำถามเดิม เรามีเวลาคิดมาก่อนแล้ว
เรื่องการเรียนงาน อย่าคิดว่าจะมัวแต่รอให้คนอื่นสอน บริษัทไม่ใช่โรงเรียนแล้ว ให้รู้จักรื้อหาไฟล์งานเก่าๆ มาดูแล้วศึกษาเอง เช่น พวกข้อมูลรายเดือน ให้ลองทำข้อมูลเก่า ทำให้มันได้เท่ากับเขา ถ้ามันเท่าหมดตรงหมดทุกเดือน แสดงว่าเราทำถูกละ ก็จะมีความมั่นใจในการเอาวิธีการนั้นไปทำข้อมูลสำหรับเดือนใหม่ ถ้ามึงหัวช้า เรียนรู้ช้า มึงต้องปฏิสัมพันธ์กับคน ก็จะได้ตัวช่วย ถ้ามึงฉลาด เก่ง มึงถึงจะมีสิทธิ์อินดี้ได้ ต้องมีทักษะอย่างใดอย่างนึงนะ จะมาหัวช้าแล้วอินดี้ไม่ค่อยเข้าหาใครด้วยแบบนี้ไม่ได้ มีแต่ความตั้งใจอย่างเดียวไม่พอ เป็นผู้ใหญ่มันไม่ง่ายแบบตอนเรียนแล้ว แต่ถ้าไปได้ดี ผลลัพธ์มันคุ้มค่า มันคือเงินและอนาคตอันสดใส สู้ๆ
น้อง hr(ทั้งทีม) ที่บ.กูน่ารักกันจังว่ะ คือหน้าตาก็น่ารักนะ แต่ที่กูรู้สึกประทับใจคือการทำงาน คำพูดคำจา วิธีการสื่อสารดีจัง ตั้งแต่ทำงานละเปลี่ยนบ.มาเจอ hr หลักๆ มาประมาณ 4 แบบ แบบน้องๆ พวกนี้อยู่ด้วยแล้วสบายใจ วางใจ อยากให้ความร่วมมือด้วยที่สุดแล้ว รักษาผลประโยชน์ให้พนักงาน ติดต่อง่าย พูดจาดี ให้เกียรติทุกคน นานๆ ทีกูมาอวยบ.หน่อย 555
>>753 ยกตัวอย่างให้หน่อยดิว่าน่ารักจนอยากทำให้คนอยากร่วมมือด้วยต้องเป็นไง คือกูเป็นคนตรงๆ แข็งทื่อ ถึงจะเป็นผู้หญิงเสียงน่ารัก แต่ก็พูดแต่หลักการและเหตุผลจนมันดูไม่น่ารัก แล้วตอนนี้ต้องมาประสานงาน ดูแล dev ที่เป็นผู้ชายทั้งทีม ต้องพูดยังไงดีที่จะไม่ถูกกด แต่ก็ไม่กดหัวคนอื่น
>>754 พอดีช่วงนี้ยัง wfh อยู่ก็จะเป็นแชททาง ms team แทบทั้งหมดอ่ะนะ ก็ไม่ได้อะไรเป็นพิเศษเลยพิมพ์สุภาพแอบมีมุกตลกนิดๆ หน่อยๆ โดยรวม บ.กุจะคุยแบบเท่ากันเป็นเพื่อนกันนะ ไม่มีแบบว่าแก่กว่าหรือตำแหน่งสูงกว่ามาข่มกัน แต่กูว่าที่ทำให้รู้สึกดีกับทีมก็จะมีเรื่องที่ทำให้รู้สึกว่าแคร์พนักงานดีเช่น แจ้งว่าได้ส่งชื่อพนง.ทุกคนให้ ปกส.เพื่อรับเงินชดเชยแล้วตาม sheet นี้ใครตกหล่นไม่มีชื่อรีบแจ้ง / แจ้งสิทธิ์การเปลี่ยนแปลงเงินสมทบ provident fund. มีแจ้งเตือนก่อนหมดเขต / ติดต่อง่าย บอกว่า process ถึงตรงไหนยังไงชัดเจน หลักๆ ก็คือทำงานดีไม่ได้ปกป้องแค่ผลประโยชน์ บ.แต่ปกป้องพนง.ด้วย แค่นั้นแหละ เพราะงั้นเราก็เลยอยากให้ความร่วมมือยินดีช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ กลับไป อย่างเวลาขออาสาสมัครทำนู่นนี่ เฝ้าคนพ่นยาฆ่าเชื้อ ขอข้อมูลการฉีดวัคซีน(ไม่บังคับ) เวลาจัดกิจกรรมก็รุ้สึกสบายใจที่จะเล่นด้วย ...จริงๆ มันคงเป็นวัฒนธรรมองค์กรด้วยนั่นแหละไม่ใช่แค่ hr หรอกเนอะ แต่พอดีวันนี้น้อง hr มาหาอาสาสมัครนางแบบถ่ายรูปให้อีกทีมแล้วมีเล่นมุกกันโบ๊ะบ๊ะกูเลยคิดว่า เออน่ารักดีว่ะ
>>753 ขอเม้าท์ต่อเรื่อง hr อีกหลายแบบที่เจอมา
- แบบ บ.เล็ก hr มีคนเดียวและมักจะควบกับดูแลเรื่องบัญชีไปด้วย งานคงจะล้นจนรู้สึกว่าไม่ค่อยได้อะไรเท่าไหร่ เราต้องหาข้อมูลต่างๆ เองเพื่อปกป้องผลประโยชน์ตัวเองพวกเรื่องปกส. ภาษี เบิกจ่ายอะไร ไม่ค่อยมีกิจกรรมเทรนนิ่งอะไร มีแค่เอ้าท์ติ้งปีละครั้งเป็นธรรมเนียม
- แบบ บ.ใหญ่ ที่เคร่งมาก รู้ได้ว่า hr แบบว่าเก่งนะ แต่ พนง.กลัว ไม่กล้าเข้าหา ถ้า พนง.มีความรู้หน่อยก็ติดต่อ hr ทำนู่นนี่ได้ ไอ้ที่ไม่รู้เรื่องอะไรก็คืออยู่ไปแบบนั้นแหละ hr เขาไม่ค่อยมาสนผลประโยชน์ พนง. เท่าไหร่ ตอนที่อยู่ก็รู้สึกว่าไม่แย่ แต่พอเจอที่ที่ดูแลกว่า+มีความรู้มากขึ้นก็ค่อยเข้าใจว่าเราพลาดอะไรไปบ้าง
- แบบ บ.ใหญ่ ที่เหี้ยมาก hr เลีย บ.สุดตีนเอาเปรียบพนักงานสุดๆ อยู่ดีๆ ลดสวัสดิการ พนง. จัดกิจกรรมเอาหน้ายังไงก็ได้ให้มีผลงานแต่ใช้เงินน้อยที่สุด (ก็คือใช้งาน พนง.ให้หนักกว่าเดิมอีก) จนเข็ดหลาบไม่อยากให้ความร่วมมือใดๆ สุดท้ายก็ต้องลาออกมา ส่วนคนที่อยู่ก็คือต้องยอมโดนกดไป
ภายในสองเดือน คนในทีมลาออกติดๆ กันเกินครึ่งทีมแล้วว่ะ เป็นแค่ของบริษัทกูที่เดียวมั้ยแบบนี้ ใจนึงก็เศร้า ทุกอย่างกำลังลงตัวเลย อีกใจนึงก็อยากเตรียมคิดหาทางหนีทีไล่ไว้เนิ่นๆ เพราะสักวันก็คงเป็นตากูไปเหมือนกัน
>>758 ถึงฤดูสมัครงานละไง เป็นธรรมดาแหละ แต่ว่าวันนี้ลูกน้องกูหายหัวไปไหนโว้ยยยยยยยยย ถ้าแม่งลานี่หมาเลยนะ เพราะมันก็ปล่อยลูกน้องคนๆอื่นๆลาไปหมดแล้ว ถ้าลากันหมดสุดท้ายก็คือกูต้องไปทำงานแทนพวกแม่ง ก็จะกลายเป็นว่าวันนี้งานกูไม่คืบหน้าเลยเพราะต้องดึงงานของลูกน้องมาทำก่อน ถ้าไม่ทำ หัวหน้ากูก็ด่าอีก ไอัสสส
สองเดือนนี้โดนฟีดแบ็คเรื่องงานกับการสื่อสารกับคนในทีมติดๆกันจนกลัวการพูดกับการทำงานไปเลย ที่ผ่านมากูคิดว่ามันโอเคมาตลอด แต่จริงๆแล้วคนอื่นไม่รู้เรื่องกับสิ่งที่กูพูดหรืออธิบายอะ ซึ่งแม่งวิกฤตมากอิเหี้ย ถ้าเป็นงี้กูจะทำงานให้สำเร็จได้ยังไงวะ
แม่งเป๋เลยอะ คือกูต้องทำยังไง ต้องพูดแบบไหน เขียนแบบไหน ถึงจะสื่อสารให้คนเข้าใจได้ ความมั่นใจที่เคยมีคือหายเกลี้ยงเลย จนตอนที่พิมพ์อยู่กูก็พานิค ต้องอ่านซ้ำสามสี่รอบแล้วพิมพ์แก้ๆเพราะกลัวคนอื่นจะอ่านไม่เข้าใจ โคตรเหี้ยอะ
แล้วงานล่าสุดที่ส่งไปก็เหมือนน่าจะยังไม่โอเค พี่ในทีมเลยต้องลงมาดู ยิ่งรู้สึกแย่กับตัวเองเข้าไปใหญ่เลยว่ะ
กุทำงานสายดีไซน์ งานอะไรที่ต้องจัดสวยๆหน่อย กุทำไปกี่อันรุ่นพี่ตามแก้ทุกอันเลย แทบจะเหมือนจัดใหม่เลย กุรู้ว่าตัวเองเซ้นส์กราฟิกไม่ค่อยดีนะ แล้วก็ไม่ได้ซีเรียสกับการโดนแก้งานด้วย แค่กลัวพี่เขาจะรำคาญมั้ยวะว่าทำไมอีเด็กนี่ทำไม่สวยเลย จบคณะเดียวกันมาจริงมั้ย ทำๆไปกูก็ยิ่งไม่กล้าปรับไม่กล้าขยับอะไรแล้ว กลัวทำไปแล้วดูสะเหล่อ แต่ไม่ทำกูก็ดูเป็นคนอู้งานไม่ขยับเม้าส์อีก
มาบ่น รู้สึกไม่มั่นใจในการไปลุยงานที่ใหม่ซะอย่างนั้น
มีใครเคยว่างจัดๆไหมวะ กูเพิ่งย้ายงานมาเเล้วรู้สึกว่างสัดๆ ว่างขนาดที่เล่นคอมยันเลิกงานได้ หัวหน้ากูก็ว่างเหมือนกันนั่งเล่นเหมือนกัน
ตอนว่างๆที่ทำอะไรกัน ตอนนี้เเม่งรู้สึกไม่ไหวละ ว่าจะฝึกภาษาหาหนังสืออ่านเเม่งเลยว่างขนาดนี้
>>761 ปกติมึง ไม่รู้ว่าทำงานมานานหรือยัง แต่พอทำไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็จับทางได้เองว่างานมันต้องออกมาประมาณไหน และพี่มึงชอบแบบไหน จะทำยังไงให้งานผ่านไรงี้ เดี๋ยวเซนส์มึงก็เข้าที่เอง สู้ๆ เพื่อนโม่ง
KY อยากรู้เทคนิคเขียนเมลสมัครงานหรือ cover letter ให้น่าสนใจอ่ะ คือกูอยากลองเปลี่ยนแนวงานที่ทำดู แต่ติดที่ว่าโปรเจกต์ที่เคยทำมายังไม่มีงานแนวที่อยากทำนั้นเลย เลยอยากรู้ว่าจะทำยังไงให้ hr สนใจดี5555
>>758 โดนมาคล้ายๆกันเลย แต่กูเป็นคนที่ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะหนีดีมั้ยวะ สุดท้ายคนอื่นหนีกันหมด
กูกลายเป็นคนไม่กี่คนที่ยังเหลืออยู่ ตอนนี้รู้สึกว่าแม่งนรกตรงต้องมานั่งงมของที่คนเก่าๆทำทิ้งไว้แบบไม่มีใครให้ถามนี่แหละ
แต่ขี้เกียจย้ายงาน คงอยู่ๆไปก่อนถ้าไม่เจออะไรที่แย่ๆจนรับไม่ได้จริงๆ
>>763 กูทำสาย IT ถ้าว่างจัดๆก็หาข้อมูล ศึกษาพวกเทคโนโลยีใหม่ๆไปเรื่อย
รำคาญโว้ย พวกมึงนั่งทำงานกันสองคนไปเงียบๆไม่ได้หรอวะ ต้องคุยกันนู่นๆเรื่อยเปื่อยไปเรื่อย แล้วแค่นั้นไม่พอ ยังหันมาถามกูอีกนะ ใช่ป่าว ใช่มั้ย ใช่เนอะ หน้ามึงสิอีสัส กูไม่ได้คุยอะไรเลย อยู่นอกวงสนทนาเพราะกูกำลังเร่งทำงานอยู่ แต่ก็เสียสมาธิเรื่อยๆจากที่มึง ใช่เนาะ ใช่ป่าว ใช่มั้ย ทุกๆ 2-3 วิเนี่ยแหละ
ยัง ยังไม่สุด แล้วคือพวกมึงคุยๆๆกันพอมีอะไรที่ไม่รู้ก็หันมาถามกู ใช่ป่าว เค้าเรียกอะไรนะ มันอยู่ตรงไหนนะ หน้าพ่อแม่มึงมั้งสัส คอมก็มีไม่เซิร์จหาเองวะ กูแกล้งไม่สนใจ นิ่งๆ ก็ถามจี้ๆอยู่นั่นแหละ อุส่าเข้ามาทำโอทีสะสางงาน ดันมาเจอพวกงานไม่ทำมาเม้ามอยด์กินโอทีไปวันๆอีก สัสเอ้ยยยยย
คุ้นๆว่ามีโม่งบอกว่าเปลี่ยนงานให้ย้ายพวกกองทุน Provident Fund ไปด้วย
กูสงสัยว่าทำไมต้องย้ายด้วยนะ กูเห็นพี่ที่ออฟฟิซกูหลายๆคนมีแต่คนบอกว่าไม่ควรย้าย ให้แช่ไว้ที่เดิมปลอดภัยกว่า
ไม่รู้คุยเรื่องการเงินห้องนี้ได้ไหม เเต่อยากปรึกษาพี่โม่งหน่อย
กูสงสัยว่าวิธีลงทุน ออม เเบบง่ายที่สุด เเบบว่าเราไม่มีเวลาจัดการเอง ศึกษา หรือนั่งเล่น มีอะไรที่ง่ายๆไหมนอกจากฝากประจำ มันมีอะไรที่เเบบตัดบัญชีเองได้ปะ
นอกเหนือจากฝากประจำเอง พวกกองทุนง่ายๆอะไรพวกนี้เเบบกดเข้าไปซื้อทิ้งไว้ได้เลย ไม่มีเล่นหุ้นหรือดูกราฟอะไรพวกนี้เลย
มันมีเเบบไหนง่ายสุด สะดวกสุด ถ้ามีเเบบตัดออโต้ให้ยิ่งดี
เงินเดือนขึ้น 500 นี่คือกำลังบีบให้กุออกปะวะ5555555
กรุงเทพใช้อาทิตย์ละ 800 พอป่ะว่ะ
มื้อละ 50 ก้1050 ขนาดไม่แดกหนม เห้อ
มึง เครียดว่ะ กูเหมือนวางตัวในที่ทำงานไม่เป็นเลยอะ เผลอพูดอะไรข้ามหน้าข้ามตาหัวหน้าตลอด ทั้งที่ความจริงคือแค่เกรงใจแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองทำได้เฉยๆเอง อย่างเขาจะให้คนมาช่วยงาน แต่กูรู้สึกว่ากูยังได้อยู่ กับคนที่ช่วยเขาก็มีงานของเขา กูเลยบอกว่ากูทำเองได้ มันไม่ยากด้วยอะ
แต่พูดออกไปละเหมือนมันข้ามหน้าคำสั่งพี่เขามาก กุเครียดอิเหี้ยยยย เหมือนเป็นคนที่เผลอทำอะไรแบบนี้บ่อยด้วยอะ
พวกมาถามงานแล้วพึมพำๆถามเองตอบเองแม่งโคตรน่ารำคาญเลยนะ อย่างเช่น งานนี้ส่งตอนไหน/ไม่รู้ , เอกสารนี้มีแก้ไขรึเปล่า/ขอดูก่อน คืออีพวกนี้คราวหน้ามาถามกูจะเงียบละนะ ถ้าพึมพๆตอบเองอีกจะตบเเม่งเลย น่ารำคาญสัสๆ
เพิ่งทำงานได้แค่เดือนเดียว ต้องเรียนรู้งานไปด้วย ต้องสอนงานน้องจูเนียร์ที่เพิ่งเข้าพร้อมกันไปด้วย แต่โดนบอกว่าไม่ผ่านโปรมันดูโหดไปมั้ย
มีคนเข้ามาใหม่ขยันมาก มากแบบมากเกิน วันหยุดเสร่อทำงาน ตอบเมล์ กูที่สะสมความดีมาตลอดดูขี้เกียจไปเลยทั้งๆที่กูทำงานตามเวลา เลยคิดว่าถ้ามีพิจารณาเลื่อนขั้น ยังไงเค้าก็เลือกคนเสร่อขยันทำงานวันหยุดใช่มั้ยวะ เซ็งชิบหาย
อายุ 29 ได้เงินเดือนแค่ 28k มันถือว่าโอเคมั้ยวะ กูควรดีใจใช่มั้ยวะ หรือมันธรรมดามากใครๆก็ทำได้
ปกติเวลาส่งresume ไม่ใส่รูปตัวเองมันแปลกมั้ยนิ
(สมัครงานสายกราฟฟิค)
ลาป่วย เดือน 1-2 วัน ต่อเดือนมึงถือว่าเยอะป่ะว กูทำงาน 6/อาทิตย์
แก้ความขี้เกียจทำงานยังไง งานส่งพรุ่งนี้แล้วแต่กูยังไม่เริ่มซักหน้า รู้สึกเหนื่อยสะสมจากงานก่อนๆจนพาลไม่อยากทำงานใหม่อะ อยากพักไรงี้
>>794 แล้วการที่งานสะสมมันไม่รู้สึกเหนื่อยกว่าเดิมเหรอวะ กุมีความรู้สึกงานมันสะสมแล้วเครียด จัดการให้มันเสร็จอะไรที่ทำเสร็จเร็ว ระหว่างทำงานยังไม่เสร็จก็หาพักไปช่วงนั้นมจะบอกทำงานอื่นให้เสร็จจะได้รีบพัก นี่มันไม่ใช่เลย555ทำเสร็จงานอื่นก็มาต่อ พักระหว่างงานละดีละ
ผ่านมาจะจบปีละ อีพวก WFH คงทำงานอยู่แต่บ้านสบายหีจนไม่อยากกลับมาเข้าออฟฟิศล่ะสิ ทำ WFH อยู่บ้านแต่เสือกได้ OT เยอะกว่าพวกกูที่เข้าออฟฟิศอีกนะ แล้วอย่ามาอ้างว่าทำงานตลอดทั้งวัน หน้ามึงอ่ะ กูยังเห็นมึงเผลอลง IG ไปเที่ยวคาเฟ่ใสๆ ในเวลางานอยู่เลย ถุย กลางวันเที่ยวคาเฟ่ พอเย็นเข้าหน่อยทำทีเปิดคอมปั่นงานแล้วมานับ OT สบายสัสๆไปเลย ส่วนพวกกรรมกรออฟฟิศอย่างกูนี่โดนบีบทุกอย่าง งานต้องเสร็จในเวลานี้ๆ ถ้าเกินก็ไม่จ่าย OT ให้ แถมออกมาทำงานมีความเสี่ยงติดเชื้ออีก
สอบถามเรื่องผ่านโปรไม่ผ่านโปรหน่อยว่ะ กูทำงานมาสองเดือนละเเต่วันๆไม่ได้ทำอะไรเลยว่ะ ไปดูงานนู้นนี้ เเต่ไม่มีงานที่ต้องรับผิดชอบเลย
หัวหน้าบอกให้เรียนๆรู้ไป จนกูชักสงสัย ปกติการผ่านโปรเขาวัดจากอะไรวะ ต้องมีผลงานด้วยปะ
>>799 ตอบยาก แล้วแต่บริษัท แล้วแต่ตำแหน่ง แล้วแต่ลักษณะงาน ความคาดหวังย่อมไม่เท่ากัน ปกติเค้าจะมี KPI มีเกณฑ์ในการประเมินอยู่แล้วนะ อย่างระดับจูเนียร์บริษัทกูช่วงโปรฯ มีหน้าที่แค่เรียนรู้งานตามที่รุ่นพี่สอน และทำงานง่ายๆ ตามแต่รุ่นพี่สั่งเท่านั้นเอง เพราะงั้นแค่ทำตามที่รุ่นพี่สั่งบวกกับไม่ขาดลามาสายบ่อยๆ จนน่าเกลียด ก็เห็นผ่านโปรกันหมดทุกคน แต่กับคนที่เข้ามาแบบระดับซีเนียร์หรือเมเนเจอร์ มีประสบการณ์มาแล้วก็คงไม่ใช่ เกณฑ์ก็คงจะเป็นอีกแบบ
ปรึกษาเรื่องรายได้พอลิเศษได้ปะ กูทำงานประจำออฟฟิศ แต่วาดรูปได้และอยากอัพขายต่างประเทศ(งานกูไม่ใช่พวกแนวอนิเมอะไรแบบนั้นน่ะ) แบบเน้นขายขาดไปเลย กดซื้อก็จบไม่ต้องติดต่อกันอีก (เพราะด้วยเวลากูไม่สะดวกรับคอมมิชชั่น) พอจะมีเว็บแนวนี่ไหม ไม่เอาNFT
คนทำงานสาย marketing ปกติหาไอเดียจากไหนกันวะ กูเพิ่งเริ่มย้ายมาทำสายนี้ ยังจับทางไม่ค่อยได้เท่าไหร่
งานกุก็ค่อนไปทางสายไอทีอยู่ ตอนนี้จบใหม่สตาร์ทสองหมื่น ไม่ได้เป็นคนเก่ง เงินเดือนจะถึงสามหมื่นก่อนอายุ30ได้ไหมวะ
ทั่วๆไปแล้วเงินเดือนสามหมื่นส่วนใหญ่ได้ตอนอายุเท่าไหร่กัน
>>809 กูว่าน่าจะทันสบายๆนะ แต่เรื่องแบบนี้มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวมึงอย่างเดียว มันขึ้นกับบริษัทและสภาพเศรษฐกิจด้วย
ถ้าซีเรียสเรื่องอยากได้เงินเยอะๆ แล้วยินดีเอาสวัสดิการ/ความมั่นคงไปแลก
แนะนำว่าถ้าทำไปจนคิดว่าตัวเองรู้เรื่องประมาณนึง สามารถทำงานแบบไม่ต้องถามคนอื่นเยอะๆแล้ว ก็ลองย้ายไปเป็นพวก outsource สัญญาจ้างเอา
ทำไงดีวะ ที่ทำงานปัจจุบันเนื้องานเรียนรู้จนหมดแล้ว แต่งานมันเริ่มรูทีนซ้ำๆละไง แถมยังต้องเข้ากะ อดหลับอดนอนไปอีก พอทีนี้อยากย้ายงานใหม่ ก็ดันติดตรงที่ฐานตรงนี้มันสูงมากๆ คือมันชนเพดานเมเนเจอร์ของที่อื่นๆ แต่กับที่นี่ตำแหน่งแต่ซุปทั่วๆไปเอง ปัญหาคือ กูเบื่องานแนวกรรมกรของที่เดิม แล้วอยากย้ายไปแนวบริหารที่อื่นๆ แต่ติดตรงเงินเดือนมันต่ำกว่าปัจจุบันไง คือกูต้องยอมหั่นลงครึ่งนึงเลย ซึ่งก็ไม่พอใช้กับภาระปัจจุบัน
กูเหนื่อยงานว่ะ คือกูรู้สึกว่ากูเวิกโหลดมาก ทำทุกอย่าง อันที่ไม่อยากก็ต้องทำ ขนาดหน้าที่คนอื่นกูยังต้องมาทำเพราะคนอื่นไม่ยอมทำ แล้วก็ไม่ยอมคุยกัน ส่งไรให้ไปก็เงียบใส่ ประสานงานช้าชิบหายจนโดนลูกค้าด่า แล้วกูก็ต้องมาตามขอโทษ พอแม่งเสียหายก็โทษกูอีก
คือแม่งโคดน่ามคาน วันนี้มีแต่เรื่องวุ่นวาย กูอยากเลิกทำแต่ก็ไม่อยากทิ้ง แต่แม่งเบื่อจริงว่ะ จะโฟกัสกับไรก็ไม่ได้เลยเพราะทุกคนชอบโยนงานมาให้กูทั้งหมด ปฏิเสธไปก็ไม่มีใครยอมทำ กูก็ต้องมาทำอีก เบื่อว่ะ อยากลาออก แต่ก็ไม่อยากออกในเวลาเดียวกันเพราะเสียดายสิ่งที่ทำมา แต่ก็เหนื่อย และเบื่อมาก
ทำงานที่บ.เล็กๆ ที่แผนกปกติมีสามคนคือกุกับพี่ที่สอนงานอีกสองคน กุทำได้ไม่ถึงเดือนพี่คนนึงลาออก ทำต่ออีกเดือนนึงพี่อีกคนก็ลาออกอีก ออกแบบปุบปับมากมีเวลาสอนงานที่ต้องส่งต่อแค่วันเดียว แล้วกุก็ต้องทำในส่วนของทั้งแผนกคนเดียวทั้งที่ยังทำงานไม่ทันพ้นช่วงทดลองงานเลย เหมือนกลับไปเริ่มต้นใหม่หมดเวอร์ชั่นไม่มีคนสอนแล้ว (กุกับพี่เขาดูแลลูกค้าคนละส่วน ซึ่งพี่เขาจะดูลูกค้ารายใหญ่ที่มีเงื่อนไขพิเศษเยอะแยะมากๆ แถมยังเป็นเอกสารคนละแบบกับที่กุทำมาตลอดช่วงกุเรียนงานแรกๆ และลูกค้าแต่ละคนเอกสารไม่ซ้ำกันสักคน) ปรึกษาใครก็ไม่ได้เพราะคนอื่นไม่รู้รายละเอียดในเนื้องานพี่เขาเหมือนกัน เขาก็เปิดรับคนเพิ่มนะ แต่ไม่รู้จะมีคนมาสมัครเมื่อไร กุจะตายอยู่แล้ว ภาระงานเพิ่มเท่าตัว แถมที่เพิ่มมายังเป็นงานที่ไม่ถนัดแล้วไม่มีคนสอนอีกต่างหาก (เครียดเพราะงานเยอะก็ส่วนหนึ่ง หลักๆ คือกุเครียดเรื่องไม่รู้จะไปต่อยังไงเพราะไม่มีคนสอนว่าต้องทำยังไง เห้อ ใครเคยประสบปัญหาทำนองนี้แล้วแก้ไขยังไงมาแชร์ได้นะ กุท้อมากเลยตอนนี้)
กูไม่รู้เป็นเหี้ยอะไร กูไม่อยากทำงานอะไรเลยอะ รู้ว่าต้องทำ รู้ว่าไม่ทำกูแย่แน่ โดนห้องเย็นแน่ๆ แต่กุบังคับร่างตัวเองให้ทำไม่ได้เลย พอคิดว่าจะแตะงานกุก็นั่งน้ำตาไหลเป็นบ้าเป็นบอ กุไม่อยากทำเหี้ยไรแล้ว กุอยากอยู่เฉยๆ เล่นดนตรีเล่นแมวไปวันๆ แค่คิดว่าต้องทำงานกุก็ใจสั่นมือสั่นไปหมด รู้สึกแย่ชิบหายเลย กุไม่อยากเป็นแบบนี้เลยอะ
ที่ทำงานเป็นกันไหมว่ะ จะมีพวกเพื่อนร่วมงานมาขอยืมเงิน หรือขอให้ค้ำประกัน ถ้าไม่ให้ยืมเงิน ไม่ค้ำประกันให้ จะแสดงอาการไม่พอใจ ไม่ทักทาย ไม่คุยด้วย ถ้าคุยก็แค่เรื่องงานกรณีจำเป็นจริง ๆ
อยากลาออกมานอนโง่ๆ ใช้เงินเก็บทั้งหมดที่มีให้เกลี้ยง แล้วก็ตายๆ ไป เบื่อโว้ยยยยย ทำไมเกิดเป็นคนมันต้องเหนื่อยต้องฝืนแบบนี้ด้วยวะ
อยากลาออกมานอนโง่ๆ แต่เงินเก็บก็ยังไม่มีสักแดง อีชิบหายยยยยยย ทำงานด้านท่องเที่ยวเงินเดือนกุเหลือ40% มาตั้งแต่โควิดระบาด จนตอนนี้แม่งก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย แทบไม่พอยาไส้ เงินเก็บไม่เหลือแล้ว งานนอกก็ไม่ไหวแล้ว กุอยากตาย หนี้ก็เต็มไปหมด รายจ่ายเท่าเดิม รายรับลดเอาๆ ทำไมกุต้องลำบากขนาดนี้ด้วยวะ สบิ่มก็บอกว่ากุไม่ประหยัด จะประหยัดยังไงในเมื่อไม่เหลือเงินให้ใช้ ควย
มีใคร WFH แล้วรู้สึกเสียนิสัยไม่กล้าออกจาก comfort zone มั้ยวะ
ควยกูเกลียดพวกมึง ที่WFHเวลาประชุมแล้วเงี่ยบฉี่ ไอเชี่ย เหนื่อย เจอหน้าจริงอยากจะต่อยคนละซักหมัด
ขอบ่นหน่อย มันบ่นลงเฟซไม่ได้ อายุจะ40ละ เงินเดือนยังไม่ถึง2หมื่นเลย ท้อใจจังวะ
พรุ่งนี้วันลอยกระทองหรอวะ เห็นลูกน้องและ Co มาถามว่าจะไปไหนๆ พอบอกว่าไม่ลอย ทำไมมองหน้ากูแปลกๆวะ จะเสียเวลาไปเบียดๆคนเอาขยะไปปล่อยทำไม พรุ่งนี้กูคงเลิกงานไวหน่อยแล้วไปวอร์มให้กรึ่มๆที่ร้านคูชิคัทสึแถวพร้อมพงษ์(วันก่อนนายพาไปเลี้ยงเลยติดใจ) พอได้ที่แล้วก็คงย้ายไปร้านเกะแถวๆธนิยะ ไม่ได้ไปนานละแวะไปดูหน่อย ละก็คงยาวจนร้านปิดแหละ เสาร์มีประชุมบ่ายๆตื่นสายได้ อิอิ
>>827 กูได้ WFH 100% ที่ใหม่ 2 ที่ แต่ที่นึงเค้าพูดเลยว่าจะเจอกวนตอนดึกๆกับวันหยุดบ่อยนะ ส่วนอีกที่เจอเนื้องานเป็นส่วนที่ไม่ชอบพอดี
สุดท้ายเลยคิดว่าทนอยู่ที่เดิมกับงานน่าเบื่อๆดีกว่า อย่าหาเรื่องใส่ตัวเลย เงินก็ไม่ได้ให้เยอะด้วย
>>831 คนไม่ไปลอยกระทงนี่มันแปลกขนาดนั้นเลยหรอวะ
ว่าแต่ร้านคูชิคัทสึที่มึงพูดถึงนี่ใช่ที่อยู่ใกล้ๆกับร้าน Custard Nakamura รึเปล่า กูเห็นมานานแล้ว แต่ยังไม่ได้ลองซักที
กูว่าการเริ่มงานใหม่แบบ WFH100% สำหรับงานสายกูมันยากมากๆ นี่ยังโชคดีอยู่มานาน รู้งานหมดทุกอย่างอยู่แล้วเลยทำจากที่บ้านได้ไม่ยาก แถมอยู่มานานเลยมีคอนเนคชั่นประมาณนึง คนยังพอเกรงใจบ้าง เลยยังพอตามงานได้ เห็นรุ่นน้องๆ ที่เข้าใหม่ช่วงนี้แล้วสงสารเลย เพราะมันมีพวกเหี้ยๆ ในแผนกอื่นทีมอื่นที่ WFH แต่ทำตัวเหมือน AL หายหัวทิ้งคอม away โทรศัพท์ไม่รับ ตามงานประสานงานยากชิบหาย เด็กมันก็เพิ่งเข้า ตำแหน่งก็ต่ำ พาวเวอร์อะไรก็ไม่มี ตามอะไรไม่ได้ต้องมาขอให้พี่ๆ ช่วย น้องมันก็ท้อมันก็เครียดที่จบงานเองไม่ได้ ไหนจะเรื่องเรียนงานแบบออนไลน์อีก งานกู technical จ๋าๆ สมัยก่อนที่นั่งประกบข้างกันสอนกันยังเข้าใจยากเลย อันนี้แม่งออนไลน์ ... แต่อยู่บ้านแม่งก็สบายจริงๆ สบายจนติดใจ จนงอแงไม่อยากกลับไปเข้าออฟฟิศ ไม่อยากตื่นเช้า อาบน้ำ แต่งหน้าแต่งตัว
เบื่อโว้ยยยยยยย เบื่อพวกสมองปลาทอง ดาต้าที่เคยให้ไปแล้วก็มาขออีกอยู่ได้ เขียนเมลเหมือนกูเป็นฝ่ายบกพร่องที่ไม่ส่งดาต้าให้ครบ พอกูเวิร์ดเมลเดิมกลับไปให้ (เป็นหลักฐานด้วยว่าเคยส่งไปแล้ว) เขียนแบบสุภาพว่าตามอีเมลที่เคยส่งให้เมื่อวันนี้ๆ นะ แม่งก็มาประชดแดกดันกูว่าความจำดีเหลือเกินเนอะ อีดอก เอาเวลาแดกดันกูไปแดกแปะก๊วยเถอะ! ก่อนขอคนอื่นไม่คิดจะ search เมลตัวเองหาก่อนกันเลยเหรอไงวะ กูทำประจำ คนอื่นเค้าไม่ทำกันรึไง
>>834 เข้าใจฟีล ปัญหา WFH คือเรื่องการประสานงานนี่แหละ ถ้าประสานไม่ดีคือพัง ส่วนข้อดีคือท้ายๆ ที่เล่า + >>837
ปกติถ้าไปออฟฟิศต้องตื่นแบบเช้ากว่าเวลางานเข้า 3-4 ชั่วโมงเพราะจากบ้านไปก็ไกลนิดนึง แต่พอ WFH คือชั่วโมงเดียวก่อนเข้ายังได้
กับมีเวลาใช้เครื่องที่บ้านทำงานฝิ่นไปด้วย หารายได้หลายทางหน่อย (ไม่ค่อยอยากใช้เครื่องออฟฟิศทำเท่าไหร่)
ไม่ต้องใส่หน้ากากทั้งวัน กดซักผ้าก่อนเข้างาน พักเที่ยงตาก เข้าประชุมไปด้วยให้ขนมแมวไปด้วยได้ ชีวิตโคดดี 555
ขอมาแชร์เรื่องประสบการณ์ทำงานที่ญี่ปุ่นหน่อย พอดีกูอยากถกประเด็นต่อจากห้องตู้ปลา
>>840 ที่มึงเคยถามไว้ใช่ไหม? ว่าตกลงทำงานบริษัทญี่ปุ่นในไทยกับทำงานที่ญี่ปุ่นต่างกันยังไง >>>/animanga/14131/141
อันนี้ไม่ต้องบอกก็คงรู้ว่างานอะไรแต่ละสายมันก็ต่างกันอยู่แล้ว แต่ที่มึงเคยยกตัวอย่างในกระทู้ตู้ปลาเรื่องหัวหน้าขว้างเก้าอี้ลงมาด่าจากชั้น2 ไอ้แบบเนี้ย มึงจะเอามาเหมาว่าคนญี่ปุ่นเขาทำงานกันอย่างงี้ไม่ได้ เพราะอันแบบนี้ถ้าทำที่บริษัทกูคือเอาผิดแจ้งความกม.แรงงานได้เลย กับความคิดเรื่องพาวเวอร์ฮาราสเมนท์นี่ก็ค่อนข้างสำคัญ ไม่ใช่ว่าเขาให้ทำกันได้ปกติ ที่ที่ทำก็มีแน่นอน แต้ให้รู้ไว้ว่ามันผิด
กูถึงได้ไม่ชอบการไปสรุปให้คนอื่นฟังว่าประเทศญี่ปุ่นเหมาะจะไปเที่ยวอย่างเดียวไม่เหมาะจะไปอยู่จากปากคำของคนที่ไม่ได้ทำที่ญี่ปุ่นเองด้วยซ้ำ
เพราะถ้าถามกู ประเทศที่เหมาะจะไปเที่ยว ปลดปล่อยทำอะไรก็ได้ตอนมีเงิน แต่ให้อยู่ยาวๆแล้วทรมาณสัดๆนี่ไม่มีที่ไหนที่เหมาะเท่าไทยในประสบการณ์ของกูอีกแล้ว
กูอยู่ญี่ปุ่นมา6ปี ไอ้การที่โดนคนทำแย่ๆใส่ มีไหม มี แต่ถามว่ามันเยอะไหม ก็ไม่เยอะขนาดนั้น เทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่คนไทยปฏิบัติต่อแรงงานต่างชาติในประเทศ
แล้วบริษัทกู มึงจะหาว่าโชคดีเลยพูดได้ ก็อาจจะใช่ในสายตาของคนที่อาจจะได้ไปอยู่ที่แย่ๆ แต่กฏหมายคุ้มครองแรงงานที่นี่มีอยู่ ถ้ามันแบล็คมากจริงๆ มึงก็สามารถฟ้องได้ บริษัทดีๆเขาก็พยายามหลีกเลี่ยงที่จะทำผิดตรงนี้กัน เพราะจะทำให้อิมเมจไม่ดี
สุดท้ายคือมึงต้องรู้ว่าตัวเองอยากจะทำอะไร แล้วที่ที่จะทำมึงจะเจออะไรบ้าง ถ้าทำความเข้าใจได้แล้วไปทำมันก็ไม่ได้แย่ ให้กูพูดตรงๆคือกูรู้สึกอยู่ที่นี่แล้วมีความเป็นมนุษย์มากกว่าตอนอยู่ที่ไทย ไปที่ไหนแล้วคนก็ไม่มีมารยาท ไม่รู้จักหน้าที่ เข้าเซเว่นพนักงานก็คุยตะโกนข้ามหัวกู จ่ายเงินแล้วก็ไม่ขอบคุณ ไม่มีมารยาท
ที่ญี่ปุ่น กูคิดว่า กูพยายามปรับตัวให้เข้ากับเขา ทำหน้าที่กูดีๆแล้วเขาก็แฟร์ๆกับกู ก็โอเค กีฟ แอนด์เทค
ถ้าเป็นโรงงานที่ไทย มึงจะคิดก่อนเลยคือนายญี่ปุ่นแม่งหยาบคาย ทำกับคนไทยแย่ๆงี้ได้ไงวะ!? อาจจะเพราะ1.เขาอาจจะดูถูกมึงว่าเป็นชาติที่ด้อยกว่าจริง แต่2.คือ ส่วนนึงก็ต้องยอมรับด้วยว่าคนไทยก็ไม่ได้ทำงานตามระบบหรือรักษาหน้าที่แบบที่ญี่ปุ่น สิ่งที่พวกนายญี่ปุ่นที่บริษัทแม่ส่งมาทำต่างชาติจะปฏิบัติมันจะออกมาไม่มีทางเหมือนที่ทำกับที่ทำงานที่ประเทศญี่ปุ่นเองอยู่แล้ว อาจจะด้วยความเครียดและอื่นๆ เลยต้องใช้วาจารุนแรงถึงจะสื่อสารได้ในความเห็ยของพวกนั้นที่รู้แต่ภาษาญี่ปุ่น ซึ่งอันนี้กูไม่อาจทราบว่ามึงไปเจอเหี้ยอะไรมาบ้าง พูดไปก็จะกลายเป็นกูไปแสนรู้แทนงานมึงอีก แต่มึงก็น่าจะพอเก็ตไอเดียที่กูพูดนะ ว่ามันจะฟีลต่างกันยังไง
แล้วอีกอันที่ต่างกันคือ งานโรงงานญี่ปุ่นในไทย มันคืองานโรงงาน... ถ้าให้เดามึงอาจจะเป็นล่ามโรงงานมั้ง?อันนี้กูไม่รู้นะ เดาล้วนๆ แต่งานบนโลกนี้ไม่ได้มีแต่งานโรงงาน คนเป็นกราฟฟิกดีไซน์ คนเป็นโปรแกรมเมอร์ คนเป็นเกมครีเอตเตอร์ คนเป็นอนิเมเตอร์ อาจารย์สอนภาษา หรือแม้แต่คนวงการบันเทิง พวกนี้ทำงานอยู่ในวัฒนธรรมที่ต่างจากงานโรงงานแบบคนละเลเยอร์ และงานพวกนี้ เอาแค่บริษัทญี่ปุ่นที่ไปเปิดในไทย การปฏิบัติข้างในก็จะเป็นคนละอย่างกันกับงานของมึงแล้วแน่ๆ ไม่ถึงขั้นต้องไปเทียบบริษัทพวกนี้ในญป.เลยด้วยซ้ำก็เป็นคนละแบบกัน
สุดท้ายคือก็แล้วแต่ว่ามึงไปทำที่ญี่ปุ่นแล้วมึงเข้าใจวัฒนธรรมของเขา หรือบริษัทที่มึงจะเข้าได้รึเปล่า
ที่กูเจอคนไทยมาทำงานญป.แล้วบ่นเยอะคือเกินครึ่งเป็นพวกที่มาแล้วไม่รู้จะไปยังไงต่อ เลยหว่านแหสมัครบริษัทอะไรก็ได้ไป ขอแค่ได้อยู่ต่อ เขาต่อวีซ่าให้ แล้วสุดท้ายก็ได้บริษัทแย่ๆ กับงานที่ตัวเองไม่ได้อยากทำ และวัฒนธรรมองค์กรที่อาจจะไม่ค่อยดี อันนี้คนที่ปรับตัวได้แล้วแฮปปี้กับชีวิตก็มี แต่บางส่วนคือจะทนไม่ไหวแล้วกลับไทยไปพูดต่อๆกันว่า เออ สุดท้ายกลับไทยดีกว่า ญี่ปุ่นเอาไว้เที่ยวพอแล้ว อันนี้ไม่ได้ว่าทุกคนนะ แต่คนที่กูรู้จักหลายคนที่พูดคำนี้คือมึงไม่ตั้งใจตอนเป็นนักเรียน หางานดีๆเองด้วยแหละ เลยไปจบกับที่แย่ๆ เลยเจอประสบการณ์แย่ๆ
อย่างเช่น มึงบอกว่ารุ่นน้องมึงอยู่ญป. แล้วบ่นหลายๆอย่างให้มึงฟังว่าอยากลาออกใช่ไหม? แล้วรุ่นน้องมึงลาออกกลับไทยมารึยังล่ะ? ถ้ายังก็อาจจะพอสรุปได้รึเปล่าว่า ต่อให้ปากพูดว่าอยากกลับ แต่ลึกๆแล้วก็รู้สึกว่าอยู่ญป.ก็ยังดีกว่ากลับทำงานไทย ส่วนถ้ากลับแล้วก็ดีใจด้วย ที่ค้นพบว่าอะไรเหมาะรึไม่เหมาะกับตัวเอง
ที่ร่ายมายาวไม่ใช่อะไร ที่ไหนจะเหมาะกับเที่ยวอย่างเดียว ไม่เหมาะไปอยู่ มึงไม่ออกมาพูดแทนคนอื่น ยิ่งในกรณีที่มึงไม่ได้มาทำที่นั่นๆเองด้วยซ้ำ
ส่วนในกระทู้อควาโทปนั่น การที่มาบอกว่า กูพอ กูจบแล้ว แต่ใส่คห.ตัวเองมายาวเหยียด นี่มันเหมือนมัดมือชกให้จบที่คห.ตัวเอง ทั้งๆที่คนก่อนหน้าเขาบอกว่าโอเคจบเถอะมาแล้วแท้ๆ แต่มึงมาจ่อท้ายแล้วตัดจบเองเฉยงี้อะ กูเลยรู้สึกว่าแม่ง ทำงี้ไม่จบหรอก คนที่มึงโควทเขาก็อยากต่อ ไอ้ตอนคนเถียงเรื่องจิยุมันเลยไม่จบไง ต่างคนก็ต่างอยากต่อ
>>841 โอเคได้ฟังแชร์จากมุมมาเยอะล่ะ กูเคยไปเรียนที่นั่นมาปีนึง ยอมรับว่า ปสก การทำงานเลยไม่เยอะ
ส่วนสาเหตุกูกลับไทยคือหมดเงินเรียนต่อ กูเลยกลับมาทำงานที่ไทยก่อนเพราะภาษาตอนนั้นกูอ่อนมาก
ไม่ใช่ไรกูยังใช้เงินพ่อแม่ แล้วกูก็ไม่เก่งพอเอง กูเลยกลับมาเริ่มทำงานที่ไทยกับภาษา N3 แรกที่ๆทำงานกูก็แฮปปี้มากล่ะ เพราะเจอเจ้านายใจดีให้โอกาส แบบกูไม่ได้เริ่มเรียนภาษาตั้งแต่มปลาย กูมาเรียนเอาตอนจบมหาลัย กูเป็นพวกไม่ตรงสายแล้วเพิ่งเจอว่ากูชอบญี่ปุ่นกูเลยอยากไปเปิดโลกก็สมัครเรียนไปนั่นล่ะ
แต่ยอมรับกูไม่ได้เก่งพอจะหางานที่ญปได้ เลยสมัครมาเป็นล่ามโรงงานที่ไทย แบบโรงงานเพิ่งเปิด ซึ่งช่วงสองสามปีแรกก็มีความสุขกับการทำงานดี แต่มันเริ่มนรกแตกตอนเจ้านายคนแรกของกูเกษียรกลับไป พอมาเจอกับเจ้านายคนที่สองที่เขาแบบ เออติดหญิง แล้วกูพูดไรไปเขาก็ไม่เชื่อกู เพราะสังคมโรงงานมึงคงรู้เรื่องระบบเล่นพรรคเล่นพวก พอเราไม่ใช่พวกเขา แบบเพื่อนแทงกัน เพื่อขึ้นไป แล้วนายคนที่สองก็ดันไม่เชื่อใจกูเพราะกูก็ไม่รู้ว่าเพื่อนร่วมงานไปพูดอะไร แต่กูสัมผัสได้ว่า เขายิ้มต่อหน้านะ แต่ภายในคือเขาไม่เชื่อใจอะไรกูเลย แล้วกูก็ไม่เข้มแข๊งพอที่จะทนบรรยากาศสังคมแบ่งพวก แบบกูเป็นพวกที่อยากทำให้ทุกคนเข้าใจกัน แต่กูทำไม่สำเร็จเองล่ะ เพราะกูไม่ทันคนจริงๆ จนกูท็อคซิกเองเลยลาออกมา ตอนนี้กูทำงานเปลี่ยนบไปก็หลายที่เหมือนกัน แต่ใจกูคงแบบไม่เคยเจอเจ้านายจริงใจเหมือนคนแรก
แล้วคนญปที่มาทำที่ไทยก็มีทั้งดีและร้ายต่างๆกันไปนั่นล่ะ เลยเป็นเหตุที่มากุเลยว่าสังคมในตู้ปลามันโคตรดีมาก กูคงไม่มีวันกลับไปสัมผัสการทำงานแบบนั้น เพราะพอกูลาออกจากที่ทำงานที่แรก กูก็ยังหาบ.ที่เข้ากับกูไม่ได้จริงๆ จนตอนนี้กูมาทำฟรีแลนซ์เป็นจ๊อบๆไปก็สบายใจดีถึงเงินไม่ดีเท่ากับการทำงานประจำก็เถอะ
ทีนี้ส่วนรุ่นน้องกูทำงานกฏหมายจ๊ะ แต่นางมีสามีเป็นญี่ปุ่นแล้ว บ.ที่ทำก็แนวๆพวกมาต่อวีซ่า ไกล่เกลี่ย ว่าความ ซึ่งมันจะเจอผู้หญิงไทยมาแต่งงานกับคนญปเยอะ แล้วปัญหามันก็แล้วแต่กรณีด้วย แต่ที่น้องกูมีปัญหาคือ มันรู้สึกว่า อะไรที่เกี่ยวข้องกับภาษาไทยงานมันจะโหลดมาที่มันคนเดียว แล้วหัวหน้าที่เป็นทนายความเจ้าของบ.ก็ทรีตกับมันไม่ค่อยดีในช่วงหลังๆ อย่างเรื่องสัญญาการขึ้นเงิน ช่วงนี้มันก็ติดโควิดเนอะ น้องกูเลยโดนลดเงินเดือนค่าเดินทาง เพราะเจ้านายจะให้เวิร์คฟอร์มโฮมเยอะ แต่มันก็ติดเรื่องไปทำเอกสาร สุดท้ายก็ต้องนั่งรถมาทำงาน แต่ทีนี้ก็ไม่มีค่าเดินทางให้ตามแบบที่คุย แต่น้องกูก็แบบอยู่มาตั้งแต่บ.ไม่มีอะไรจนมาหลายปี มันเลยฟีลแบบเหมือนคนอยากจะเลิกแต่ติดกับการผูกพัน แต่นั่นล่ะ มันก็ชีวิตน้องเขา กูก็เชียร์ให้ลาออกหาที่ใหม่ในญป.ไป เพราะยังไงมีบ้านที่ซื้อไว้และน้องกูก็ไม่อยากกลับไทยเพราะหลายๆเรื่องที่มันเฮงซวยอยู่แล้ว
ทั้งนี้ที่กูว่ามันไม่เหมาะกับการไปอยู่ ก็เพราะไอ้เรื่องปรับตัวไม่ได้ ซึ่งกูก็เห็นด้วยกับจุดนี้ของมึง กูก็ไม่ได้บอกนะว่าไทยเป็นที่ๆดีที่จะอยู่ แต่คือ ที่กูอยากสื่อคือ บ.ญี่ปุ่นมันไม่ได้ดีทุกที่ แต่มันอาจจะมีบริษัทที่ดี ซึ่งจะหาเจอไหมก็แล้วแต่คนด้วย แต่คือเรื่องเงินอ่ะ ปัจจัยหลักเลย ซึ่งก็ไม่ใช่ทุกคนจะเจอสิ่งที่อยากทำ อย่างกูก็มีรุ่นน้องอีกคนที่เจ้านายท็อคซิคชิบหาย แต่ทนอยู่เพราะเงินมันดีนั่นล่ะ กับหัวหน้าบางแผนกยังดีกับเขาอยู่มันเลยทำให้ทนอยู่กันไป
เอาจริงๆกูไม่ใช่ว่าไม่อยากหางานไปอยู่ที่ญปนะ แต่อย่างที่บอก กูยังหาบที่มันเข้ากับกูไม่เจอ ตอนนี้เลยแบบเออกูพอมีเงินหาเลี้ยงตัวเองได้ตอนนี้ กูเลยยังไม่ขยับไปไหน แต่ถ้าประเทศกูมันจะตกต่ำลงไปกว่านี้กูก็มองหาทางหนีทีไล่อยู่ แต่เงินที่กูหาได้ตอนนี้กูก็ยังสบายดี กูเลยว่ามันก็แล้วแต่คนล่ะ สุดท้ายมึงก็ต้องหาที่ๆเหมาะกับตัวเองให้เจอ
>>842 ส่วนในกระทู้นั่นก็ยอมรับว่ากูดันไม่จบเองซึ่งก็เป็นนิสัยแย่ของกู ฟีลแบบเออ คนขอให้จบแต่กูอยากพูดเอง อันนี้ก็ขอโทษมึงด้วยว่ะ ส่วนที่กูปี้ดกับเรื่องยกตนข่มท่านนั่นก็เพราะกูยังโมโหอีแอนตี้จิยุที่ก็ใช้คำพูดแบบเดียวกัน กูเลยเดือดไป ซึ่งก็ยอมรับว่า กูนิสัยไม่ดีเองตรงนี้ล่ะ ส่วนที่ยกเรื่องรุ่นน้องมาต่อ กูแค่อยากจะเสริมเพิ่มเติมว่า คนทำงานในแวดวงนี้มันเจออะไรมาบ้าง เอาจริงๆ ตู้ปลามันเป็นเมะที่แบบกูดูแล้วเออมันฮีลลิ่งได้ เพราะมันเป็นสังคมการทำงานที่แบบ ถัากูเจอผู้คนดีๆแบบนั้นมันก็คงดี กูเลยเอาปสก.ที่ฟังมาและเคยเจอมา ว่ากูไม่เคยเจออะไรดีๆมานานมากแบบในเรื่องนั้นนั่นล่ะ
>>843-844 มั้งหมดทั้งมวลนี่ กูไม่ได้มีปัญหาอะไรกับมึงนะ แล้วก็มึงไปเจออะไรดีไม่ดีมา มันเป็นอีกเรื่อง กูมีปัญหาอย่างเดียวแค่เรื่องที่มาพูดแทนคนอื่นว่าที่ไหนเหมาะไปเที่ยวอย่างเดียวไม่เหมาะไปอยู่ อันนี้มันแล้วแต่คนเลยว่าเขาสบายใจจะอยู่แบบไหน มึงพูดแทนคนอื่นไม่ได้ ยอมรับแหละว่าเพราะกูได้งานดีๆที่ตั้งใจอยากจะทำด้วย แล้วเพื่อนที่บ.กูก็ปรักทุกข์กันได้ด้วย ที่สำคัญคือแทบไม่เคยโดยเหยียดในที่ทำงานเลยด้วย เลยไม่ค่อยมีปัญหา กับอย่างที่บอกมาก่อนหน้าคือ คนที่พูดประโยคนี้ต่อหน้ากูที่เคยเจอ เกินครึ่งคือเป็นพวกที่ใช้ชีวิตแบบไม่หนักแน่นแต่แรกแล้วด้วย เลยทำให้กูไม่ค่อยชอบเห็นคนพูดประโยคว่า ญี่ปุ่นเหมาะเที่ยวไม่เหมาะอยู่ ถ้าให้พูดเลยว่ากูทำงานอะไร กูทำงานอนิเมชั่น ชีวิตกูใกล้เคียงกับอนิเมเรื่องชิโรบาโกะพอสมควร คืออยู่บนตารางเวลาที่อาจจะเกิดความชิบหายได้ตลอด แต่สำหรับกู ความชิบหายแบบนี้มันคือเรื่องสนุก กูเลยแฮปปี้กับมันอยู่ ถึงมันจะหนักก็ตาม กูก็ไม่ได้ตรงสายเหมือนกันนั่นแหละ ทำงานอย่างอื่นมาก่อน ก่อนจะเสริมภาษาตัวเองเพิ่มจนN2แล้วย้ายสายงาน
ส่วนไอ้ ที่มึงปรี้ด น่าจะหมายถึงคนอื่นแล้วล่ะ เพราะกูไม่ได้พิมพ์ว่ายกตนข่มท่าน อะไรนั่นเลย แค่พอเห็นมึงพิมพ์ต่อมายาวๆทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เขาเบรกกันไปแล้ว กูก็แค่ร้สึกว่า แม่ง กูก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูน มันก็ต้องอยากโต้ตอบต่อเป็นธรรมดา แต่ไม่งั้นกระทู้อควาโทปน่าจะเละพอควร...
ในความเห็นกู ไอ้อควาโทปนี่เรียลไหม ระดับมันก็พอกับชิโรบาโกะนั่นแหละ เรียล แต่เรียลแบบใจดี ของจริงมีจุดที่เครียดกว่าเยอะ แต่อีกแง่คือ ของจริง พนักงานใหม่อายุน้อยก็ไม่โดนมอบหมายหน้าที่สำคัญหนักๆระดับเป็นเด็สค์ของอนิเมออริจินัลเรื่องใหม่ หรือได้รับผิดชอบโซนเปิดใหม่ของควาเรียมใหญ่สุดในเกาะหรอก... ดังนั้นก็เลยบอกคนนึงในนั้นที่มาพูดประโยคคล้ายๆมึงไป ว่าไม่ควรเอามาเป็นบรรทัดฐานมาก มันเป็นอนิเมน่ะ...
ส่วนเรื่องหางานของมึงนั่น มันอยู่ที่ว่ามึงอยากจะทำอะไร กูไม่ใช่ล่ามมืออาชีพ คงจะออกความเห็นอะไรไปมากไม่ได้ ประสบการณ์ที่เจอล่ามไทยญป.มามันก็มีหลายแบบ แต่ที่ตรงกันคือ ล่ามไทยจะขาดความเข้าใจบริบทของคำที่ใช้ในเนื้องาน ซึ่งก็เป็นอะไรที่เข้าใจได้แหละ เพราะล่ามแค่รู้ภาษาญี่ปุ่น แล้วแปลกลับไปมาได้ก็น่าจะยากแล้ว มึงก็ใจเย็นๆแหละ ซักวันมึงก็คงเจอคนดีๆอีกบ้างแหละมั้ง แต่กูก็เข้าใจว่าล่ามมันก็เหมือนเครื่องแปลอะ ต้องมารองรับอารมร์คนแล้วส่งต่อไปอีกคนไม่ให้เปลี่ยนบริบท กูคนนึงล่ะไม่ทำแน่ๆ
อันนี้พูดให้ฟังเล่นๆ ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร แต่ในงานกู เคยไปรับจ็อบเสริมที่อื่น เจอล่ามที่แปลศัพท์เฉพาะผิดๆมา กูก็มานั่งทำลิสท์คำศัพท์ที่ใช้ในการทำอนิเมส่งไป ให้ทำงานสมูทกันมากขึ้น ครั้งนึงที่ไปรับงานพิเศษ เกี่ยวกับตู้ปาจิงโกะจากอนิเมหุ่นชีวะกลชื่อดัง แล้วบ.นั้นจ้างบ.ไทยช่วยทำอยู่พอดี ล่ามที่บ.ไทยจ้างน่าจะไม่เคยดูอนิเมเรื่องนี้ แปลอะไรแบบเข้าใจผิดไปแบบคนละเรื่องเดียวกัน โชคดีที่กูค่อนข้างรู้เรื่องนี้ละเอียด เลยแก้ให้ได้ แต่อ่านที่เขาแปลผิดๆมาแล้วก็เข้าใจเลยว่า... มหาลับคณะสอนภาษาคณะไหนก็ตาม คงไม่มีคำว่า A**フィールド หรือ プログレッ**ナイフ สอนหรอกมั้ง...www
สำหรับกู กูแฮปปี้กับการทำงานในบ.ญี่ปุ่นในไทยมากกว่าบ.ญี่ปุ่นในญี่ปุ่น อ้อ เคสของกูคือเทียบออฟฟิศกับออฟฟิศนะ ไม่เคยทำงานโรงงาน แล้วก็ไม่ใช่ล่ามด้วย ทำงานเป็นส่วน core business ส่วนตัวกูก็ยังเห็นด้วยว่าญี่ปุ่นในสายตากูเหมาะไปเที่ยวมากกว่าทำงาน แต่คนอื่นจะคิดแบบไหนก็แล้วแต่ สุดท้ายคนเราก็ตัดสินจากประสบการณ์ขอตัวเองอยู่แล้ว ส่วนคนที่ไม่มีประสบการณ์ก็ฟังแค่เป็น reference พอ
>>841 จะบอกว่า คนที่บอกว่า ยุ่นเหมาะไปเที่ยว ไม่เหมาะไปทำงาน นั่นคือกระผมเอง
แต่อันที่เขียนนั้นใส่ * เพิ่มไปแล้วนะว่า ไม่เกี่ยวกะไปทำงานแบบ skill labor
ยังไงดีละ คือต้องการสื่อว่า ยุ่นนะ ทรีต คนที่เหนือกว่า ดีมากถึงดีเวอร์
แต่กับคนที่ด้อยกว่า สับไม่เลี้ยง อยู่
ยังจำสายตาเหยียดหยามของป้ากิวชูได้เลย 555
ดังนั้น เลยตั้งธงไว้ว่า ถ้าจะไปยุ่น ต้องไปในสถานะที่ทางโน้นต้องทรีตเราดีเท่านั้นนะแหละ
นี่ก็แพลนไว้ว่าชีวิตนี้จะไปเหยียบทุกภาคให้ครบ นี่ขาดแค่ ฮอกไกโด โทโฮคุ ชิโกกุ กะ ชูโกกุ นะ
ตามนี้นะ เดี่ยวคาใจกัน
อ่อ แล้วถ้า คำพูดเรื่อง เหมาะไปเที่ยว ไม่เหมาะไปทำงาน มันดูอ่อนโลก ดูขัดใจคนทำงานจริง อะไรยังไง ก็ขออภัยไว้ตรงนี้ละกัน
จริงๆ เชื่อว่าคนพูดคำนี้ ร้อยละ 70 คือคนที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นประจำนะ ไม่ได้เกลียดประเทศนี้หรอก รักเลย
แต่ก็เหมือนชีวิต คนบางคนเหมาะเป็นเพื่อน ไปเที่ยวไปเฮฮาด้วย แต่จะไม่ทำงานด้วยกันเป็นแฟนกันนะ เดี่ยวเสียเพื่อน ฮา
>>848 กูเป็น white collar ทำงานในส่วน core business เขาทรีตกูดีมากๆ กูยังไม่ชอบเลย กูไม่ชอบความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยความอ้อมค้อมและตอแหล เหนื่อยเรื่องงานละยังต้องมาเหนื่อยอ่านบรรยากาศอีก ยกเว้นเจอคนญี่ปุ่นสมัยใหม่ที่หัวนอกหน่อย อันนั้นค่อย relax หน่อย อยู่กับพวกญี่ปุ่นจ๋าเหมือนต้องเกร็งตลอดเวลา กูถึงชอบบ.ญี่ปุ่นในไทย เพราะมันมีความผสมผสานกลมกลืนไปแล้วบางส่วน
>>850 คือ ทรีตดีแบบนี้ มันเหมาะกะไปเที่ยวด้วยไงครับ แบบรู้สึก VIP จัง คุ้มตังทุกเยนที่จ่ายเปย
จริงว่า ถ้าไปอยู่เลย เจอสวมหน้ากากแบบนี้คงอึดอัด แต่อยู่ที่คนด้วยละ
ถ้ารักสันโดษแบบคิระ โยชิคาเงะ คงสวรรค์เลย ดีจังทุกคนกางบาเรียใส่กรู กูกางบ้างไม่แปลก
ถ้าต้องเจอมะนุดป้าเมืองไทย คิลเลอร์ควีนก็คงเอาไม่อยู่ ฮา
>>851 รักสันโดษแล้วสวรรค์งั้นเหรอ คิดผิดแล้วจ้า อย่าลืมนะว่ามึงต้องไปโนมิไก ที่ในเชิงปฏิบัติถือเป็นส่วนนึงของงานด้วยซ้ำ แล้วโนมิไกของไทยยังชิลล์นะ ไปกินแบบบรรยากาศกันเองสนุกสนาน แต่ของญี่ปุ่นเหมือนมึงไปทำงานในวงเหล้าอะจ้าาา ต้องรินเหล้าให้คนใหญ่คนโต ต้องพูดจาเอาใจให้เข้าหูคนเมา ต้องอ่านบรรยากาศสุดๆ ฯลฯ เหี้ยยิ่งกว่าตอนทำงานอีก ยกเว้นมึงจะเป็นคนใหญ่คนโต ซึ่งเค้าไม่มีทางเอาไกจินเป็นคนใหญ่คนโตอะนะ
กูว่าบริษัทไทยยังเหมาะกับคนรักสันโดษมากกว่าอีก คนส่วนมากไม่ค่อยมายุ่งกันหลังเลิกงาน แยกย้าย ยกเว้นใครสนิทกันก็นัดไปกินกันเอง ส่วนกินเลี้ยงทีมก็แค่นานๆ ทีเวลามีคนเข้าใหม่/ลาออก แต่ของญี่ปุ่นแม่งกินกันเป็นสรณะ ไม่ไปไม่ได้ ของไทยกูยังไปมั่งไม่ไปมั่ง หรือบางคนไม่ไปเลย ก็ไม่มีใครว่าอะไร เข้าใจว่ามัน introvert ก็ปล่อยมันไป ไม่มีผลกับเรื่องงาน แต่ของญี่ปุ่น ลองหัวหน้าชวนแล้วมึงไม่ไปสิจย้าาาา หึหึ
>>853 555 ลืมเรื่องกินเหล้าหลังเลิกงานสนิทเลย เคยเห็นตรงหน้าร้านย่านชินเซนไค แม่งร่ำลากันหน้าร้านโคตรพิธีรีตอง ตัวเด็กแม่งโค้งแล้วโค้งอีก เออ เหมือนทำงานเลย ฮา
แต่ถ้าเป็นคิระ ไม่ต้องห่วงเขาครับ
คิลเลอร์ควีนจัดให้ ไอ้พวกชอบสังสรรค์ในบริษัทไม่นาน มันจะขาดงานหายไปหาศพไม่เจอ
คิระ โยชิคาเงะ คนนี้ต้องการแค่มีชีวิตที่สงบสุขเท่านั้น
พนวันจันทร์อีกแล้ววววววววว
เหนื่อยจังวะกุอยากกลับเปนเด็กจังชิวๆไปเรียนกับเพื่อนๆที่ดี ตอนนี้มาดูตัวเองเบื่อชิบหายโอ้ยยยยย ไปแต่งตัวแล้ว
กูแปลกป่าววะที่ชอบวัยทำงานมากกว่าวัยเรียน ชีวิตก็พูดได้ไม่เต็มปากว่ามีความสุขหรอก แต่มันก็ยังดีกว่าตอนเรียน
ส่วนนึงเพราะไม่มีครอบครัวด้วยล่ะมั้ง เลยภาระน้อยหน่อย งานก็ไม่ได้โดนทำโอฟรีบ่อย
รู้สึกชีวิตมีอิสระมากกว่าเยอะ มีเงินเป็นของตัวเองอยากซื้ออะไรก็ได้ซื้อ มีสิทธิมีเสียงในบ้านมากขึ้น
สมัยเรียนเกรดกูก็ไม่ได้น่าเกลียดเลยนะ แต่กูโคตรเกลียดวังวนชีวิต เข้าคลาส-ทำการบ้าน-อ่านหนังสือ-สอบ แบบแค่นึกถึงก็รู้สึกแย่แล้ว
เสียดายอย่างเดียวคือเพื่อนมหาลัยต่างคนต่างยุ่งจนไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่นี่แหละ
กูบ้านจนก็ชอบวัยทำงานมากกว่านะ สมัยเรียนกูต้องทำงานพิเศษไปด้วยเช่นพวก mk เซเว่น
พอเรียนจบมาทำงาน ทำงานมันได้เงินอะเลยชอบมากกว่า ทำงานไปเฉยๆ รอท้ายเดือนรับเงิน
เเต่ถ้าพูดถึงความเครียด ทำงานเครียดกว่าเพราะต้องรับผิดชอบ เรียนมันเฉยๆรับผิดชอบตัวเองเเค่ช่วงสอบ
>>858 ตอนแรกกูนีกว่ากูแปลก เพิ่งรู้ว่ามีคนเป็นเหมือนกันเยอะเลย กูมาจากครอบครัวพอมีพอกิน ไม่รวย ที่บ้านเข้มงวด กูชอบช่วงเวลา 20 กว่าที่สุด มันร้เสึกว่าตัวเองทำอะไรก็ได้ ไม่มีใครมาบงการ ตอนเด็กๆต้องประหยัดเพราะหาเงินไม่ได้ แต่พอมีรายได้เข้ามาตอนนี้กูก็จัดพิซซ่า ชาบู สเต็กเกือบทุกวัน ชอบมาก
ขอให้ลูกหนี้คืนตังภายใน3วันด้วยสาธุๆ
หนุจะตายแล้วข่ะ ฮือ
>>861 กูก็ชอบช่วงนั้นช่วงที่เริ่มทำงานใหม่ๆ วัยเด็ก+วัยรุ่นเป็นอะไรที่กูยี้มาก เงินก็ไม่มี พ่อแม่คาดหวัง+เข้มงวด แม่กูก็เป็นพวกวิตกจริต วิตกทุกอย่างในชีวิตกู เรียนเสร็จต้องกลับบ้านเลยห้ามไปเที่ยวไหน ชีวิตวัยเรียนกูเครียดมาก กูคิดอยู่แค่ว่ากูอยากจะไปจากบ้านนี้ กูเลยขยันเรียนจนกูจบวิศวะ ม.อันดับต้นๆ (ทั้งๆที่หัวกูไม่ให้แต่กูก็ไถจนกูจบได้แหละ จำได้ว่าตอนเข้ากูติดอันดับที่ 10 จากข้างท้าย 555) แล้วมาทำงานในกรุงเทพแม่งโคตรมีความสุข แค่กูส่งเงินไปให้ที่บ้านที่เหลือเป็นของกู กูพึ่งจะได้เข้าโรงหนังก็ตอนกูทำงานนี่แหละมึงเชื่อป่ะ สุขสุดๆ
แต่พอ 30++ แม่งก็เจอการเมืองใน บ. + มีครอบครัวอีก ความรับผิดชอบมหาศาล
เป็นฟรีแลนซ์มาตลอด งานที่เคยทำก็เป็นทำทีมเล็กๆ
พอต้องมาทำงานประจำ เจอคนกลุ่มใหญ่ที่กูไม่รู้จักใครเลย (ดูสนิทกันทั้งกลุ่มแล้วด้วย)
ในห้องเดียวกันแล้วเครียดเลยว่ะ
มีวิธีแนะนำการรับมือเรื่องนี้มั้ย
ตอนนี้กูจะ 30 แล้ว ถึงทำงานแล้วจะมีอิสระมากขึ้น แต่ก็ยังไม่เคยรู้สึกว่ามีชีวิตเป็นของตัวเองจริงๆเลยว่ะ
ตอนเรียนถึงจะอยู่หอ แต่ก็ไม่มีเงินทำอะไรไม่ได้ แถมเรียนกับทำโปรเจคก็สูบเวลาว่างไปแทบจะหมด
พอทำงานช่วงหลัง 25 ค่อยดีขึ้นหน่อย แต่พอเจอโควิดต้องกลับมาอยู่แต่บ้านไม่ได้ออกไปไหนนี่อึดอัดสัสๆ
เหมือนยังไม่ทันได้รู้สึกว่าพอใจกับการใช้ชีวิตตามใจชอบเลยก็ถึงเลข 3 ซะแล้ว
เห็นเพื่อนที่แต่ก่อนเฮอาปาร์ตี้กันบ่อยๆก็เริ่มจริงจังกับชีวิต เริ่มมีครอบครัว เลิกเหล้ากันแล้ว
มีกูนี่แหละที่ยังไม่รู้สึกว่าได้ทำอะไรตามใจชอบจนพอใจเลย
ปรึกษาหน่อยสิสหายโม่ง กูอายุ27ละเเต่เพิ่งทำงานนะ ตอนนั้นก็ดีใจมากๆที่ได้ทำตอนที่กูอายุเริ่มเยอะเเต่ทีนี้สายที่กูทำอยู่มันเป็นสายวิชาชีพว่ะ(วิศวะ)
เเต่กูก็ทำมาจะครึ่งปีละเเต่กลับไม่ได้ประสบการณ์อะไรเลยว่ะ ว่างชิบหาย ได้ทำเเต่เอกสารไรนิดหน่อย
ตอนเเรกกูคิดว่าจะทนอยู่ให้ได้ปีนึง เพราะถ้ากูอยู่ไปตลอดโดยที่ไม่มีอะไรพัฒนาเเม่งยากเเน่ๆละสำหรับการย้ายงานเพราะใกล้เลข3
กูควรพัฒนาอะไรดี ตอนนี้เเม่งไม่รู้จะทำอะไรนอกจากฝึกภาษาอังกฤษให้เทพ ไปสอบโทอิคให้ได้ซัก 800 900 เเต่ในส่วนของเนื้องานเเม่งถ้าลาออกไปกูไม่รู้จะเอาอะไรไปขายเพื่อสมัครงานเลย เหมือนความรู้เเทบไม่ต่างกับตอนเรียนจบ
กู >>857 กูไม่ได้หมายความว่าไม่ชอบวัยทำงานนะ แต่กูมองว่าชีวิตวัยทำงานมันเครียดกว่า มีความซับซ้อนกว่าทั้งเรื่องการวางตัว การหาความสุขใส่ตัว การคบคน ไหนจะความรับผิดชอบต่อตัวเอง และสังคมรอบข้าง มันมีไรให้ต้องคิดเยอะกว่าสมัยเด็ก นอกจากเรื่องนี้แล้วกูก็ชอบเหมือนพวกมึงคือการที่สามารถหาเงินได้เอง มีอิสระเสรีมากที่สุด สุขสบายที่สุด
แต่อย่างที่บอก พวกเงื่อนไขการใช้ชีวิตของกูตอนนี้แม่งเต็มไปด้วยความซับซ้อน และความรับผิดชอบ มันเหนื่อยอ่ะ เมื่อเทียบกับตอนเด็กแบบที่วันๆเอาแต่เล่นดินทราย ไปเรียน เล่น ผจญภัย จะคบใครก็คบไม่ต้องมาคิดลึกซึ้ง มีความสุขกับอะไรง่ายๆ แบบนั้น ถ้าอยากเป็นคนเจ๋งก็แค่เรียนให้เก่งก็มีแต่คนรักแล้ว พ่อแม่ก็จะชม กูไม่ต้องมานั่งคิดว่ากูต้องพัฒนาตัวเองด้านไหนเพื่อจะวิ่งให้ทันโลกปัจจุบัน แบบกูนึกภาพวันหยุดสมัยเด็ก กูตื่นเก้าโมงมาดูช่อง 9 การ์ตูน นั่งดูยาวยัน 11 โมงก็ออกไปเล่นนอกบ้านไม่ก็เล่นเกม ไม่ต้องมาคิดว่า เหี้ย กูต้องพัฒนาตัวเองนะ กูต้องทำไงให้ได้เงินเดือนเยอะ ไม่ต้องรู้สึกว่าถูกสังคมทอดทิ้งถ้าไม่เก่ง
ทุกวันนี้พอถึงวันหยุดแค่กูจะนอนดู netflix แบบไม่คิดไร หรือนั่งเล่นเกมที่ตอนนี้มีปัญญาซื้อของแท้แล้วก็เล่นแบบสบายใจไม่ได้ มันเหมือนสังคมแม่งกดดันให้กูเพอเฟก ต้องเก่ง ต้องได้ไปต่างประเทศ ที่ไม่ว่าจะพยายามมากเท่าไหร่แม่งก็ไม่เคยดีพอ มันไม่เหมือนตอนเด็กที่แค่มึงสอบได้ที่ 1 ทุกคนก็อู้หูละ นี่เหมือนมึงต้องเป็น ceo ร้อยล้านมึงถึงจะได้รับการยอมรับอ่ะ พอทำไม่ได้ก็เสือกมารู้สึกไร้ค่าอีก แล้วยิ่งพออายุมากขึ้นก็ยิ่งตระหนักว่าเวลาแม่งเหลือน้อยลงเรื่อยๆ อะไรที่ตอนเด็กคิดว่าจะได้ทำ ก็ยังไม่ได้ทำ สุดท้ายก็กลวัว่าจะไม่ได้ทำ แต่พอจะทำก็ติดเงื่อนไขอื่นๆในชีวิตเช่น การวางแผนอนาคตอะไรอื่นๆอีก แม่งซับซ้อนมากเลย กูก็ไม่รู้จะปรับไมน์เซ็ทยังไง
เมื่อก่อนไม่เคยเป็นงี้เลย แต่ยิ่งโตความคาดหวังก็ยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆจนเหนื่อยว่ะ กูอยากเป็นเด็กเพราะอยากกลับไปมีความสุขง่ายๆแบบที่เคยเป็นอ่ะ แค่นั้นแหละ กูแค่อยากออกไปผจญภัยกับเพื่อนโดยไม่ต้องมาสนใจว่ากำลังทำให้ชีวิตเสียเวลาไปเปล่าๆ
>>872 หางานใหม่ให้ได้ก่อนแล้วค่อยลาออกที่เดิม ช่วงนี้เศรษฐกิจแย่หางานยากเกาะงานเก่าไปก่อน
>>874 กู >>865 ช่วงชีวิตที่กูชอบที่สุดคือช่วงทำงานใหม่ๆอย่างที่บอก ไม่ต้องคิดไรมาก ได้เงินเดือนใช้ให้เปรม อยากทำไรก็ทำอยากซื้ออะไรก็ซื้อ
ช่วงที่ทุกข์ที่สุดคือหลัง 35 รู้สึกเลยว่าโดนหลอมด้วยระบบจนกลายเป็นคนจำพวกที่กูตอนวัยรุ่นเกลี่ยด พอร์ตกาก ภาษาแย่ ไม่ค่อยมีพักพวก ตามรุ่นเดียวกันในสายงานไม่ทันแล้วคนอื่นเค้าไปดวงจันทร์กันแล้ว กูยังต๊อกต๋อยอยู่เลย มีครอบครัว เมียคาดหวังคือไมไ่ด้พูดตรงๆหรอกแต่รู้ว่าคาดหวังในตัวกูไว้สูงเลยแต่งด้วย(อ้าวอีนี่หวังสบายนี่หว่า) พอกูตกงานตอนโควิดเลยเฟลทำตัวกับกูแย่ลง มองว่ากูเป็นภาระ กว่าจะหางานใหม่ได้ก็ปีกว่าลูกพี่เก่าลากเข้าให้ (เส้นสายโคตรสำคัญ) แต่เงินเดือนลดไป 20 กว่า% ก็ต้องเอาๆไว้ก่อน ตอนนี้ความสุขในชีวิตกูมีอย่างเดียวคือการได้เล่นกับลูก ได้ดูลูกกูเติบโตเนี่ย
กูโคตรคิดถึงตอนทำงานใหม่ๆตอน 20 กว่าๆ จันทร์ถึงศุกร์ทำงาน เสาร์อาทิตย์ไปซื้อ DVD แผ่นอนิเมยกแพคมาเปิดนอนดูโง่ๆตั้งกะตื่นยันจะนอนอีกรอบ เบื่อก็ไปนั่งเล่นเกมมั่งอ่านมังงะมั่ง เงี่ยนก็ไปออน. ไม่ต้องคิดถึงพอร์ต ไม่ต้องคิดถึงการพัฒนาตัวเอง ไม่ต้องคิดถึงการหาพักพวกในที่ทำงาน
T_T
>>875 กูกะมึงมีจุดร่วมกันอยู่อย่างคือถูกสังคมคาดหวังให้เก่ง ต้องคอยพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ พอทำไม่ได้ หรือทำได้ไม่ดีพอก็จะไม่มีความสุข เนี่ยแหละคือชีวิตผู้ใหญ่ที่กูอยากหนี แต่รูปแบบสังคมมันเป็นแบบนี้กูก็ไปไหนไม่ได้ โดยเฉพาะในประเทศนี้ที่อะไรๆก็ดูจะแพงขึ้นไปหมดจนหามาได้เท่าไหร่ก็ไม่พอเติมเต็มชีวิตตัวเองอ่ะ สุดหมายเหมือนกูอยู่บนลูวิ่งสายพานที่ถ้าหยุดวิ่งเมื่อไหร่กูจะโดนลากลงนรกทันทีอ่ะ
คือวัยเด็กกูอยากไปต่างประเทศ อยากไปเล่นหิมะ อยากเล่นเซิร์ฟ ปีนเขา เข้าป่า จดบันทึกการเดินทาง แต่พอมาดูเงินตอนนี้เมื่อเทียบกับภาระ และความเสี่ยงในอนาคตเพราะสวัสดิการในประเทศทรีตกูยังกับสวะ มันไม่สามารถจริงๆว่ะที่จะพาตัวเองออกไปผจญภัยใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการ แค่เดินทางท่องเที่ยวในประเทศด้วยระบบคมนาคมเหี้ยๆ แม่งก็ไม่เอื้อให้กูออกไปใช้ชีวิตที่ไหนเลยด้วยซ้ำ กูไม่กล้าใช้เงินซื้อประสบการณ์แพงๆ เพราะกูกลัวว่ากูจะวิ่งหนีค่าครองชีพไม่ทัน กูเลยต้องพยายามเก็บเงิน วางแผนอนาคต ผ่อนบ้าน พยายามทำให้ตัวเองมีรากฐาน แต่เวลาเดียวกันกูก็กลัวว่าช่วงเวลามันจะผ่านไปจนรู้ตัวอีกทีกูก็แก่หง่อมไม่สามารถทำไรอย่างที่อยากทำได้แล้ว ความลำบากมันน่ากลัวเว้ย สุดท้ายกูก็หมกมุ่นอยู่กับการทำไงให้ตัวเองมีเงินเดือนเกิน 5 หมื่นให้ได้ เพื่อที่จะรวยพอไปใช้ชีวิตแบบไม่ต้องกังวลซะทีจนต้องกดดันตัวเองแบบนี้
ปัญหาแบบผู้ใหญ่แม่งซับซ้อน และมืดแปดด้านเหี้ยๆ เพราะกูไม่สามารถยอมให้ตัวเองล้มได้เลยอ่ะ แต่ตอนเด็กกูไม่จำเป็นต้องแคร์อะไรแบบนี้เลย ชีวิตเด็กแม่งไม่มีอิสระเพราะถูกพ่อแม่ตีกรอบก็จริง แต่ปัจจุบันกูก็ยังถูกระบบตีกรอบอยู่ดี ต่างกันคือตอนเด็กอย่างน้อยไม่ไหวก็ยังกลับไปหาพ่อแม่ได้ แต่โตแล้วต้องดูแลตัวเองจะเอาแต่หวังพึ่งคนอื่นไม่ได้อ่ะ กูก็เลยอยากกลับเป็นเด็ก อยากมีความสุขกับเรื่องง่ายๆโดยไม่ต้องคิดถึงภาระ และแผนการใช้ชีวิตแบบทุกวันนี้อ่ะ กูเหนื่อย
>>874 จริงๆการสอบไดที่1มันก็ยากปะวะ มึงโตมาแล้วมองย้อนไปอาจจะมองว่าก็แค่นั้รก็มีคนชมแล้ว แต่สำหรับมึงตอนเด็ก แม่งไม่ใช่ง่ายนะเว้ย วารพัดเวื่อนไขในห้องเรียน ไหนจะอาจารย์แก่ๆโง่ๆหัวโบราณห้ามมึงใช้เครื่องคิดเลข กับจดหนังสือตามที่มันเขียนบนกระดานดำให้ทัน(จดทำเหี้ยไรวะ...ก็แจกใบให้อ่านสิควาย)
เรื่องอยากเป็นคนเจ๋ง แม่งก็ยากอีก มึงต้องมีดวงสุ่มการ์ดทาโซ่SSRไม่ก็สุ่มไพ่ดราก้อนบอลสีทองโอเดงย่าให้ได้ ไม่งั้นมึงก็เป็นแค่พวกเด็กสะสมดาดๆตามกระแสในสายตาตัวเอง
แล้วตอนนี้มึงแก่แล้ว จะเอาเงินไปทุ่มซื้อตู้มเลยก็ได้ไง แต่ตอนเด็กมึงได้ค่าขนมวันละ25บาท สุ่มได้มากสุดวันละ5ห่อ (กรณีที่มึงไม่แดกอะไรเลยทั้งวัน) มึงเห็นเพื่อนเล่นโปเกม่อนโกลซิลเวอร์กัน มึงอยากไปเล่นกับเขา แต่มึงมีแต่เกมบอยขาวดำโง่ๆ ไปอ้อนแม่ซื้อคับเลอร์กับตลับโกบซิลเวอร์ให้ แม่มึงก็ตอบกลับมาว่า ก็มีอันเก่าแล้วไง เล่นอันเก่าไปสิลูกเหมือนกันแหละ จบเลย ต้องทำสัญญาซาตานสอบได้เกรด4ทุกวิชาเพื่อแลกเกม แล้วจะเอาเวลาไหนไปเรียนหนังสือวะ...ก็การ์ดโอเดงย่ากูยังไม่ออกเลย แม่งเหนื่อยสัด
สำหรับกูเป็นเด็กแม่งไม่ได้ง่ายเลย...
มีเงืนเก็บอยู่ได้สักปีนึง ออกมาพักสักเดือนสองเดือนดีป่ะวะ งานแม่งทำburnoutสัสๆ ละสกิลก็เริ่มถดถอยยิ่งทำ ปล.สายdev
เริ่มทำงานแล้วรู้สึกสนุกดี สังคมเหมือนเด็กมหาลัย แล้วทีมอื่นก็มองทีมกูเป็นเด็ก อยู่ในออฟก็ทำตัวเหมือนเด็ก เหมือนมีหัวหน้าห้องคอยบอกเพื่อนว่าอย่าเสียงดังเดี๋ยวครูเดินมาด่า
กู >>858 >>870 อันนี้แค่แชร์เรื่องของตัวเองให้ฟังเฉยๆนะ
ตอนเริ่มทำงานใหม่ได้งานแรกเป็นพนักงานประจำบริษัทใหญ่ กูก็เป็นพวกไฟแรงอยากเติบโตเร็วๆแหละ
ยิ่งจบมาเกรดดีด้วย ก็ยิ่งมีความคิดว่าตัวเองออกตัวได้ดีแล้ว ควรจะไปได้ไกล ก็กดดันตัวเองมาก
แต่ด้วยความที่ติดอะไรหลายอย่าง ทั้งวัฒนธรรมทีมที่เน้นให้คนโชว์ออฟ, ทำโอฟรีเยอะๆ คนอื่นวัยใกล้ๆกันที่เค้าก็เก่งเหมือนกัน หัวหน้าคนแรกเหี้ย
เลยลาออกมาแบบรู้สึกค่อนข้างเฟลๆ รู้สึกว่าอยู่มาตั้ง 3 ปีนิดๆ เงินเดือนเพิ่มมานิดเดียว แถมไม่ค่อยได้เรียนรู้อะไร
แต่ก็พยายามไม่คิดมาก ได้งานใหม่เป็นพนักงานสัญญาจ้างที่เลือกเพราะเห็นตัวเลขเงินเดือนเค้าให้เยอะดี
ก็เจอสังคมใหม่ที่คนเป็นอีกสไตล์ คนไม่ได้การศึกษาสูง ทะเยอทะยานหรือบ้างานเท่า (แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเค้ารายได้น้อยกันนะ)
แล้วความที่ตอนย้ายเงินเดือนกูได้เพิ่มเยอะ กับสังคมรอบข้างมันไม่ทำให้กูรู้สึกบีบมาก กูก็เลยเริ่มรู้สึกช่างแม่งกับชีวิตลงได้
ตอนนี้ก็อายุจะ 30 ละ เรื่องยุ่งยากอะไรหลายอย่างในชีวิตวัยผู้ใหญ่กูก็ไม่ค่อยแคร์อะไรมาก ด้วยความที่กูไม่มีครอบครัวด้วยนี่แหละ
งานเข้าสังคมอยากไปก็ไป ไม่อยากก็ไม่ไป ประจบหัวหน้าไม่เป็นจนโดนบีบออกมาทีนึงก็ไม่แคร์ ก็แค่หางานใหม่
เรื่องเลือกคบเพื่อนในที่ทำงานก็เหมือนโชคดี ถ้ากับคนตำแหน่งระดับเดียวกันก็ไม่ค่อยมีปัญหาการเมืองในออฟฟิซอะไร
ก็ตั้งใจจะอยู่ตำแหน่งเดิมไปเรื่อยๆนี่แหละ ไม่อะไรกับชีวิตมากละ เงินเดือนกูไม่เยอะถึงขั้นใช้ล้างผลาญแบบไม่ต้องคิด แต่ก็พอกินสบายๆ
ก็ไม่รู้นะว่กูคิดน้อยกับชีวิตไปมั้ย แต่กูรู้สึกว่าเหมือนกูใช้ความพยายามกับตอนเรียนกับช่วงจบใหม่ไปจนหมดแล้ว
ให้กูต้องมาพยายามอะไรสุดตัวแบบตอนนั้นคงไม่เอาอีกแล้ว อยากอยู่สบายๆไปเรื่อยๆ
ตอนนี้ปัญหาที่จะเกิดในอนาคตแน่ๆคงเป็นเรื่องพ่อแม่ที่แก่ตัวลงเรื่อยๆ แถมไม่มีพี่น้องช่วยเลยนี่แหละ
แต่กูก็ไม่อยากคิดอะไรมากแล้ว ถึงเวลาปัญหามันเกิดก็ค่อยว่ากัน
สายdevหางานไม่ยากมั้ง เห็นเพื่อนกูสายโปรแกรมเมอร์จบวิศวคอมหางานง่ายมาก ถ้ามีสกิลตามที่รับประกาศส่วนใหญ่จะหาง่าย (จากที่ฟังเพื่อนมา)
เเต่สายอื่นนี่อย่าเลยเห็นเพื่อนกูคนนึงทำวิศวโรงงาน อยากอินดี้ลาออกมาพัก ตอนนี้ยังบ่นหางานยากอยู่เลย
การส่งเมลไปถามผลสัมภาษณ์งาน เป็นการเสียมารยาทรึเปล่าวะ
ผ่านมาอาทิตย์นึงแล้ว เงียบมากเลย
>>885 กูเคยโทรไปถามหลังสัมภาษณ์ 1 อาทิตย์ แล้วเขาเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ ตามเรื่องให้กูวันนั้นเลยสรุปว่าได้งาน จริงๆงานมันเอาคนได้ภาษาอังกฤษและจีน ซึ่งกูได้แต่อังกฤษ กูเดาว่ามันคงกะจะดองชื่อกูไว้จนกว่าจะมีคนอื่นที่คุณสมบัติพร้อมกว่า แต่เสือกไม่มีไง เลยเอากูก็ได้ หยวนๆ 55555
ทำงานก่อนหยุด ส-อา
ถ้ายังไม่เซ็นสัญญามีโอกาสโดนเททั้งนั้นว่ะ กูยังเคยเลยทำเทสข้อสอบของบ.ผ่าน คุยเงินเดือนเเล้วอะไรเเล้ว จะนัดเซ็นสัญญาอีกที
พอก่อนวันนัดเท
ของกูนี่บ.ที่คุยกันถูกคอสัมดีตอบดีเทลได้หมด บอกอยูในระบบนะยังไม่ได้คัดออกนะเดี๋ยวคุยกับเมเนเจอร์ก่อนนะ...แล้วก็หายไป
บ.ที่ผลสัมเหี้ยๆเค้าถามอะไรมาก็ตอบไม่ค่อยจะได้มึนๆงงๆ เสือกเรียกเซ็นต์
เบื่อโว้ยยยยยยยยยยยยย หน่วยงานกูมันคือหน่วยงานเบ๊ชัดๆ เพราะอีตัวหัวหน้าใหญ่สุดมันหน้าบางใครสั่งอะไรมาก็รับจบ ครับๆๆๆ ทำให้ครับๆๆ แล้วแม่งก็มาโยนให้พวกกูทำอีกที ทั้งๆที่บางงานแม่งก็เห็นกันชัดๆว่าอยู่คนละ Field กันเลย ถ้ามึงลองไปแหกตาดูใน JD ก็จะเห็นเค้าเขียนแล้วไงว่าหน่วยงานนี้ๆรับผิดชอบนะ แต่เผอิญมันมีส่วนที่หน่วยกูเข้าไปใช้ด้วยกระจิ๊ดนึง อีพวกนั่นก็เอาง่ายยัดๆๆมาให้ะพวกกูดูแลแม่มเลย ใช้คำง่ายๆโยนมาว่า ใครใช้ก็ต้องดูแลไป เอางี้เลย งั้นถ้าพวกมึงเข้าห้องน้ำไปขี้เยี้ยว ก็ไม่ต้องจ้างแม่บ้านมาละ พวกมึงไปตักขี้เยี่ยวเช็ดทำความสะอาดกันเองละกันสัส กลับมาที่หน่วยงานกูต่อ คือพอมันรับงานมากเข้าๆๆ งานที่ทำอยู่ประจำมันก็ออกมาไม่มีคุณภาพไง เพราะกลายเป็นว่าแม่มด่วนหมดทุกงาน แล้วไอ้หัวหน้ามันก็จะมาประชุมทำทีถามว่าทำไมงานห่วย ทำไมเพอร์ฟอร์มม๊านส์พวกเอ็งตกละห๊าๆๆ โถ กูอยากจะงัดแม่งหลายทีละติดที่รุ่นพี่กูห้ามไว้ไง เอาเหอะ ทนๆไปก่อน ถ้าได้งานใหม่กูออกแน่ แล้วกูจะส่งเมลล์วิจารณ์ระบบการทำงานขององค์กรณ์กูแม่มทั้งหมดเลย มีที่ไหนวะ หน่วยงานนึงทำหน้าที่แค่ส่งเมลล์ทวงว่างานนี้เสร็จยังๆ งานนี้แก้นะ ทั้งๆที่ใน JD แม่งระบุว่าหน่วยงานแม่งต้องทำเองทั้งหมด
กูเบื่องานที่ต้องมีไมนด์เซทลูกค้าคือพระเจ้าชิบหายเลยว่ะ จริงๆก้ไม่ใช่ลูกค้าแต่เป็นพาร์ทเนอร์
คือกุเป็นทีมที่ต้องติดต่องานกับทั่วโลกละทีนี้ระบบที่ใช้มันเก่า บางทีอีพวกนี้มันกดผิดกดถูกทำให้ยังไม่ได้เงิน ละกุมีหน้าที่ต้องสืบบวกอธิบายว่าทำไมมันไม่ได้ ทำไมเงินจ่ายไม่ผ่าน(เพราะมึงใส่ข้อมูลมาผิดไงสัด) เวลาเจอพวกหัวร้อนกุอยากตอบแบบส่งๆ ห้วนๆบ้าง แต่จิตใจอันดีงามของกุมันเป็นทาสจนเคยตัว บวกค่านิยมเบื้องบนที่มองว่าเราต้องนอบน้อม อธิบายละเอียดๆเขาก้เข้าใจเอง (จริงๆ ก้คงทุกที่แหละ มันภาพลักษณ์บ.เนอะ) แต่นานวันเข้ามันทำให้กุชินกับการเป็นฝ่ายยอมคนจนกลายเป็นคนหงอๆ ไปเลย สรุปก้คือขอกุมาหนีความจริงที่นี่หน่อย มีงานอะไรที่เราไม่จำเป็นต้องอ่อนข้อมั้ยวะ แบบทำมาถูกก้ผ่าน ไม่ถูกก้คือไม่ผ่าน จบอย่ามาดราม่า ช่างหัวมึง รึต้องเป็นสรรพากรอย่างเดียว
เซ็งตัวเองอะ เป็นคนที่ทำงานได้ไวแต่งานไม่เรียบร้อย100% จะมีจุดโหว่ตลอด และสาเหตุหลักๆก็คือกุไม่สื่อสาร ไม่ถาม ไม่เอะใจกับงานมากพอ ประมาณว่ามีอะไรให้ทำก็ทำโดยไม่มีข้อสงสัย ไม่มีการส่งต่อข้อมูลกับเพื่อนร่วมงาน ซึ่งกูก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นงั้นเลย
กูรู้ตัวว่าเป็นคนสื่อสารไม่เก่งอะ ไม่ค่อยคุยกับใคร ทักทายใคร เป็นประเภทที่คุยกับคนได้ปกติถ้าเจอหน้ากันหรือมีoccasion แต่ถ้าไม่มีอะไร กูก็ไม่ได้คุยกับใคร
กูกลัวจะกลายเป็นคนที่เพื่อนร่วมงานไม่ชอบเพราะทำงานด้วยยาก ไม่ยอมอัพเดตข้อมูลอะ มีใครพอแนะนำเรื่องการสื่อสารส่งต่อข้อมูลในทีมบ้างมั้ย กูไม่อยากเป็นภาระเพื่อนร่วมงานอะ
>>894 ถ้าไม่ใช่พวกราชการกูนึกออกแต่ audit แต่เป็น audit ก็ไม่ได้ ชี้ถูกชี้ผิดชาวบ้านได้ขนาดนั้น บางทีก็ต้องมีหยวนบ้าง
>>895 เรื่องนิสัยชอบทำงานเร็วแต่ไม่เรียบร้อยนี่กูสงสัยว่ามันเป็นที่สภาพแวดล้อมกับวัฒนธรรมทีมด้วยมั้ย
อย่างแต่ก่อนกูเคยอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนั้นแล้วก็คิดว่าเป็นปัญหาที่นิสัยตัวเอง
แต่พอเปลี่ยนงานแล้วเจอที่ใหม่ที่มันเน้นให้ทำงานเรียบร้อย แต่ไม่เน้นปริมาณ พอมีเวลาค่อยๆคิดค่อยๆทำกูก็สามารถทำงานเนี้ยบๆได้นะ
>>894 มึงปรับไมน์เซ็ตตัวเองได้นะ ต้องอย่ามองว่าที่ตัวเองทำอยู่เพราะต้องมองว่าลูกค้าเป็นพระเจ้า จากที่มึงเล่ากูก็รู้สึกว่างานมึงไม่ได้จะต้องหงอขนาดนั้นนะ แต่ต้องควบคุมสติและตอบกลับอย่างสุภาพเฉยๆ กูว่าการปรับอารมณ์ตัวเองน่าจะสำคัญกว่า มึงต้องมองใหม่ว่า มนุษย์ทุกคนมีทั้งดีไม่ดี เรื่องของมัน มึงแค่มาช่วยแก้ปัญหาให้คนพวกนั้น เวลาคนมันหัวร้อนมา มันไม่ได้ด่ามึง มันแค่หัวเสียกับระบบ(หรือตัวเองที่ไม่เข้าใจระบบ) อย่าไปเก็บมาเป็นคำด่าของตัวเอง ที่มึงพูดดีกับเขา ไม่ใช่เพราะเป็นทาสหรือยอมเขา แต่เพราะมึงมีเมตตา ที่ไม่เก็บการกระทำแย่ๆ ของเขามาคิดมาก มึงอภัยให้เขาได้ ถ้าคิดแบบนี้กูว่าดีต่อใจกว่านะ
>>880 กูเป็นคล้ายมึงเลยแฮะ ตอนเรียน ตอนเริ่มทำงานไฟโคตรแรง แต่ตอนนี้ใช้ชีวิตแบบไม่สนเรื่องประสบความสำเร็จอะไรละ โดนคนมองว่าไอ้นี่ไม่ประสบความสำเร็จก็ช่างแม่ง เลิกงานก็ดูvtuber ต่อพลาโม เล่นเกม ไปวันๆ พอจะมีเงินเหลือเก็บบ้างบางส่วน ส่วนที่แบ่งไว้ลงทุนก็เอาไปโยนลงกองทุนไว้โง่ๆเพราะขี้เกียจมานั่งดูกราฟ, นั่งเช็คtwitter เช้า-เย็น เรื่องสกิลในสายงานก็คิดเอาเองว่าทำไปเรื่อยๆเดี๋ยวมันก็คงค่อยๆพัฒนาขึ้นเองละ
อาจฟังดูเปื่อยๆแต่การที่ไม่ต้องไปคอยวิ่งไล่ตามอะไรซักอย่างตลอดเวลาเหมือนเมื่อก่อน กูก็รู้สึกมีความสุขกับทุกวันนี้ดีนะ
ถามโม่งที่เคยทำงานวุฒิราวๆมัธยมปลายหน่อยดิ .... เงินเดือน 99xx ต้องทำแม่งทุกตำแหน่งในนั้น(ขึ้นกับว่าตอนนั้นมีคนทำงานในร้านกี่คน ถ้าคนน้อยก็ควบตำแหน่งชิบหาย) กูเข้ามาทำได้จะ2สัปดาห์ละ ที่กูไม่อยากทำและโดนด่าชิบหายคืองานแคชเชียร์เพราะกูไม่มีประสบการณ์ แล้วงานมันไม่ใช่แค่ว่ารับเงิน-ลูกค้าจ่าย-ทอนเงิน คือ ทำไปๆมาๆแม่งคล้ายเซเว่นเลย ต้องเป็นเป็ดให้ได้ หลังรับเงินต้องไปทำของ แพคของส่งอีก แล้วระบบสแกนจ่ายอย่างเยอะ กูทำมาได้เกือบจะสัปดาห์แล้วกูไม่แม่นนี่คือหัวหน้างานคาดหวังกูมากไปหรือกูกากอะไรยังไงอ่ะ? นี่คือแคชเชียร์กับแพคของกูไม่แม่นก็ตีว่ากูจำอะไรไม่ได้สักอย่างในช่วงที่กูทำมาเกือบเดือน เป็นพวกโม่งเจองี้คือออกดีไหมวะ? มันเริ่มเปรยๆเชิญกูละ ..... ใบ้ให้ว่าเป็นร้านในเครือห้างดัง มีหุ้นในตลาดหลักทรัพย์(ราคาหุ้นตอนนี้30กว่าบาท)
>>902 มึงกาก มึงไม่สู้งาน มึงไม่ทน มึงมีทัศนคติขี้แพ้
อ่านถึงตรงที่มึงพยายามจะใบ้ชื่อห้างแล้วสมเพชชิบหาย มีเวลาไปดูราคาหุ้นแต่แค่งานแคชเชียร์โง่ๆง่ายๆก็ยอมแพ้ มีเวลาว่างก็จดเนื้อหาไว้แล้วเอามาท่องจะได้ทำงานได้คล่องไวๆ นี่เสือกเอาเวลามาคิดคำใบ้ประจานนายจ้าง คงจะเจริญในเร็ววันอยู่หรอก
แล้วบ่าย3วันจันทร์นี่คือนอกเวลางาน?
>>903 อ่านมึงสองรอบจบ อดสงสัยไม่ได้เลยว่าคนแบบมึงทำงานแนวนี้เป็นไหมวะ? เคยไหมลงมาหาเงินเองสมัยเรียนในสายงานบริการ-ร้านอาหาร? หรือมีปัญญาสุดคือขอตังค์พ่อแม่แดกจนจบ ป.ตรี นั่งบิดควยบิดหีแต่บนเก้าอี้สำนักงานหรือเป็นข้าราชการงั่งๆสักหน่วยงานอะไรงี้ป่ะ? แดกยามั่นมาเยอะหรืออะไร? ความเอ๋อแดกในโคตรบรรพบุรุษกำเริบเพราะแค่กูพยายามใบ้ประจานนายจ้างกับแค่กูพยายามทนกับความหวังสูงสัสๆของนายจ้างร้านที่แม่งอยากได้คนสติปัญญาระดับพระพุทธเจ้ามากๆมายืนแคชเชียร์เหรอ? เคยไปเป็นเด็กเซเว่นไหม เคยทอดไก่KFCป้ะ? เคยลองงานครัวในร้านมากี่ครัวเพื่อบอกว่ากูแย่สารพัดแค่เพราะประจานนายจ้างจริงๆ? หรือว่าเคยทำงานบนเตียงกับยืนตามย่านสถานบันเทิงเยอะจนไม่รู้ห่าไรมามั่นหน้าด่าท่าเดียว ..........อ๋อ ที่สงสัยเพราะคำถามทิ้งท้ายโง่ๆของมึงอ่ะนะ งานสายนี้เขาเบรกหน้างานแล้วระบบไม่เสีย คนมาสำรองแทนดันได้เขาก็ต้องให้คนมาเบรกจ้ะ
>>902 อ่ะ เสริมให้ในนี้จะได้ไม่มีโม่งโง่ๆแสดงความเอ๋อแดกอีก กูละนึกว่าลุงส ลิ่ ม แถวบ้านมาดิ้นด่ากูทั้งๆที่ตัวเองก็บริหารประเทศเหี้ย
-ที่เคยทำมา2สัปดาห์ เพิ่งมาขึ้นแคชเชียร์โง่ๆนี่ได้4-5วันนะดีออก ที่เหลือขึ้นแป้งกับทำส่วนผลิตขนมจ้ะ
-4-5วันนี้คือเริ่มเจอคาดหวังให้รู้ทุกอย่างของตรงนี้ รับมือกับลูกค้าถล่มให้ได้ ทั้งๆที่ไม่ได้ผ่านตำแหน่งนี้เลย งานครัวกับเด็กเสิร์ฟล้วนๆจ้ะ
-โปรแกรมPromise ไม่ค่อยแปลกใจ แต่นี่โปรแกรมPOSซึ่งไม่เคยเจอมาก่อน ถ้ากูเคยใช้ในเชิงแคชเชียร์ด้วยกูยอมรับแต่โดยดีหรอกว่าเจอร้านนี้กูไม่สู้งานจริง
-ใช้โปรแกรมเหี้ยนี่มันเหมือนกับการเข้าเล่นไลน์ครั้งแรกของพวกมึงในชีวิตอ่ะ แค่เพิ่มมาว่ามึงถูกกดดันให้ต้องรู้แบบกดไวสัสๆว่าต้องเข้าตรงไหนๆเวลามีออเดอร์ไรมา ลูกค้ามาขอแบบนี้ต้องทำไง
-ทุกคนก็บอกกับกูว่าทำบ่อยๆแล้วมันจะจำได้ไปเอง จดเนื้อหาเอามาท่องเวลาว่างอะไรก่อน? ทำงานเจอมันทุกวัน โพยมีจดข้างเครื่อง แค่ไม่บอกวิธีใช้คู่กับฟังก์ชันในโปรแกรม มันเลยเข้าใจยาก แล้วท่องจำทำส้นตีนไรไม่ใช่สอบO-NETปีละครั้งเจอแล้วติดตัวทั้งชีวิตอีห่า
-อ๋อ ใช่ งานที่นี่ ตอนเก็บอุปการณ์ต่างๆ ต่อให้มึงเก็บถูกstationของมัน แต่ว่าผิดนิดหน่อย เช่น จากซ้ายไปขวา หน้าไปหลัง ชั้นบนไปชั้นล่าง ทั้งหมดนี้คือมองเห็นได้ง่ายๆนะ มึงโดนด่าหีแหกนะจ๊ะ
-รอยขนแมวนิดๆก็เจอด่าหีฉีกเช่นกัน เรียกง่ายๆว่าถ้าผิดเยอะก็คงบานเท่าถ้ำขุนน้ำนางนอนเลย
เอาแค่นี้ก่อนให้อีกงั่งๆแบบ >>903 มาดิ้นๆอีก แอบขำในความองุ่นเปรี้ยวของแม่ง
แคชเชียร์ น่ารักกดช้ากุไม่ว่า กุจะได้อยู่กับเขานานขึ้น โรแมนติกว่าไหม
ส่วนถ้าเป็นป้าแก่ๆกดช้า เมิงไปถูพื้นเถอะ
ทำไมวัยทำงานกูถึงรู้สึกว่าความสุขกูมันหายไปวะ มีงานการทำนะสบายดี แต่รู้สึกเหมือนเดี๋ยวนี้เวลาอยากเล่นเกมดูหนังมันไม่สนุกแล้วอ่ะมันระแวงไปตลอดเลยว่ากูต้องพัฒนาตัวเองนะเว้ยเดียวไม่ก้าวหน้าจะเล่นเกมไม่ได้ไปหาความรู้ดีกว่าไหม ละเหมือนความสุขกูมันหายไปหมดเลยอ่ะ พี่ๆใครแนะนำกูได้มั่งวะ ตอนเรียนกูนั่งเล่นเกมชิวๆดูหนังนั่นละก็โคตรมีความสุขละ ทำไงดีวะ
ปัญหาหลัก salary man เลยมึง คือต้องพัฒนาตัวเองตลอด ทั้งงาน ทั้งบุคลิค ทั้งความสัมพันธ์ในที่ทำงาน สำหรับคนชอบอยู่คนเดียวแบบกูแม่งเหนื่อยสัส แล้วถ้ามึงยังเป็น salary man อยู่คือหยุดไม่ได้ด้วย ต้องทำไปเรื่อยๆ ต้องพัฒนาตลอด
กูใส่หูฟังประชุมออนไลน์อยู่ ถ้าตามสำนึกมารยาทแบบที่ปัญญาชนพึงมีนะเค้าจะพยายามไม่เรียกคุย พยายามไม่ส่งเสียงรบกวนเข้ามาหรอก แต่นี้มึงเรียกกูย้ำๆๆๆจนกูต้องถามว่ามีอะไร แล้วสิ่งที่มึงจะคุยก็คือข้อมูลวันนัดหมายประชุมที่เป็นเรื่องของตัวมึงเอง เพียงแค่มี CC เมลล์ถึงกูเท่านั้น มึงสติปัญญาโง่เง่าลืมง่ายไร้ความพยายามที่จะแค่กดค้นหาในช่อง Inbox เมลล์ด้วยตัวเอง แล้วก็ทำให้กูสมาธิหลุดจากประชุม ฟังข้อมูลประชุมไม่ต่อเนื่อง ส่วนมึงพอได้คำตอบไปก็ไปนั่งสบายหีเล่นติ๊กต๊อกต่อ กูควรทำยังไงกับมึงดีวะ
>>908 5555 ยิ่งด่ากลับยิ่งเห็นความเอ๋อ ทาสนายทุนเหี้ยไรก่อน รุมด่านายทุนควยไร เกี่ยวไรกันก่อน แค่สงสัยว่างานกับรายได้ตรงนี้มันอยู่ถูกที่ถูกเวลาไหม คนมันtoxicไปไหมแค่นั้นเอง เก็บความมั่นไปคลุกข้าวแดกกับหมาเหอะอีเวร สุดท้ายมึงก็แค่ลูกอีขี้เหยียดสินะ ระวังละกันว่ามึงมีลูก วันนึงลูก หรือตัวมึงมาเป็นunskilled labourขึ้นมาหวังว่ามึงคงไม่ไปกระโดดระเบียงห้างตาย หรือหารถมารมแก๊สตัวเองกับเตาอั้งโล่นะอีสัส คนอย่างมึงก็ดีแต่พ่นสิ่งเหี้ยๆใส่ชาวบ้านเขาไปทั้งชีวิตอ่ะนะ
กุผิดปกติอะไรวะ พอทำออฟฟิศโรงงานกุก็ไม่ค่อยถูกจริตกะสังคมเขา คือไม่ได้ดูถูกแต่พอเก็ทป่ะมันไม่คลิกกับวิธีคิดวิธีพูดจาของคนที่นั่น พอทำงานกรุงเทพออฟฟิศหรูๆ กุก็หน่ายความฉาบฉวย คุยด้วยแล้วรุ้สึกตกยุค เรื่องงานกุเป็นคนหัวไว แต่บ้างานจัดๆ ทำที่ไหนได้ปีสองปีกุก็ล้า เคยคิดจะไปทำสวนทำไร่คนก็บอกเสียดายความฉลาด เหี้ยเอ๊ย ทำไมกุไม่เหมาะกับที่ไหนสักที่วะ จะสามสิบแล้วยังมาเบียวอะไรอีก
>>907 จากประสบการณ์ส่วนตัวกู ที่พอเริ่มทำงานได้ซักพักแล้วเริ่มไม่สนุกกับงานอดิเรกเก่าๆของตัวเอง แต่อาจจะคนละสาเหตุกัน
- บางทีอาจจะเริ่มอิ่มตัวกับงานอดิเรกเก่าๆแล้ว ลองเริ่มมองหางานอดิเรกใหม่ๆที่ยังไม่เคยลองมาคั่นเปลี่ยนบรรยากาศบ้างก็ได้
ไหนๆก็เข้าวัยเริ่มทำงานเริ่มมีเงินแล้ว ลองนึกๆดูว่ามีอะไรที่เคยอยากทำแต่ตอนเรียนติดเรื่องเงินบ้างมั้ย
- การพัฒนาตัวเองถ้าจะให้ดีกูว่าลองดูว่ามีอะไรที่มันทำแล้วสนุกด้วยก็ดี จะได้ไม่ต้องรู้สึกว่าทำทีนึงมันต้องฝืนใจทำ
แล้วก็อย่าไปตึงมาก บางช่วงถ้าเบื่อก็เบรคบ้างก็ได้
- อะไรที่ทำแล้วรู้สึกว่ามันฝืนมากไปก็เลิกๆซะบ้างก็ได้ ปลงบ้างก็ได้ แต่ของแบบนี้มันอธิบายบอกกันด้วยคำพูดไปคงไม่ได้
กูว่าเป็นอะไรที่ต้องให้แต่ละคนได้รู้สึกแบบนั้นด้วยตัวเองเมื่อถึงเวลา
>>915 กูว่าเรื่องรายได้เพิ่มรึเปล่านี่มันหลายปัจจัยมาก คือถามว่าพัฒนาตัวเองนี่เป็นปัจจัยนึงมั้ย ตอบแบบทั่วๆไปก็คงใช่
แต่บางครั้งรายได้จะเพิ่มจะลดมันก็มากับอะไรที่เราควบคุมไม่ค่อยจะได้อยู่หลายทาง
เช่น โบนัส/การเพิ่มเงินเดือนที่ขึ้นผลประกอบการบริษัท คนออกตำแหน่งเลยว่างให้ขึ้นแทน พวกงานหาคนด่วนเงินเยอะอยู่ดีๆก็ลอยมาหา
เวลาว่างๆชอบดึงหมอยตัวเอง ดึงซะโล้น
รู้สึกไม่รู้ว่าตัวเองทำถูกมั้ย คือพี่ๆที่ทำงานมีเรื่องกัน ส่วนกูเป็นเด็กใหม่ที่ได้แต่ฟังเขาคุยออนไลน์แบบตัวลีบๆ ไม่กล้าทักไปถามพี่ที่เป็นประเด็นและเป็นพี่ที่สนิทกันระดับนึงเลยว่าเขาโอเคมั้ย ที่ทำแบบนั้นเพราะกูรู้สึกตัวเองไม่อยู่ในจุดที่พูดอะไรได้อะ กลัวอีกว่าจะกลายเป็นการleadว่ากูเข้าข้างฝั่งไหน กูยังทำงานไม่ครบปีเลย ไม่กล้าออกตัวอะไรว่ะ ไม่อยากมีเรื่องแต่ก็ไม่รู้ว่าจะดูกลายเป็นกูไม่ใส่ใจคนอื่นมั้ย
>>922 มึง ว่าก็ว่านะ เรื่องแบบนี้มีทุกที่อ่ะ ขนาดในงานแบบไร้ทักษะยังมีเลย แล้วอีกเรื่องที่ค่อนข้างเจอบ่อย ไอพวกแบ่งพรรคพวกเนี่ย ถ้ามีผู้ชายอยู่เยอะคือมันจะแบ่งพรรคพวกน้อยมากๆ มีแต่ผู้หญิงที่อยู่กันเยอะๆแล้วมาแบ่งกลุ่มเสี้ยมหีเสี้ยมแตดกัน(บางทีทอมกับกะเทยก็ตัวตั้งตัวตีนั่นแหละนะ) ทำมาให้เกลรยดคนนั้น ไม่ชอบคนนี้ บ้าบอคอแตกมากๆ มึงลองหางานที่ผู้ชายอยู่ๆกันแล้วเรื่องแบบนี้มันจะไม่ค่อยเกิด เชื่อกู ไม่รู้ทำไม แต่เจอแบบนี้บ่อยจริงๆ
จะซื้อกองทุนลดภาษีนี่จังหวะนี้ดีมั้ยโม่ง หรือน่าจะลงได้มากกว่านี้
ผู้ชายส่วนใหญ่ถ้ามีปัญหาเรื่องงานจบในงาน ออกมาข้างนอกแดกเบียร์ด้วยกันต่อได้
ผู้หญิงถ้ามีเรื่องกันในงาน จะหาเรื่องมานินทาอีกฝ่ายถึงจะไม่ใช่เรื่องงาน แบ่งพวก แดกดัน กระแน๊ะกระแหน โพสเฟส 9ฯ9
รุ่นน้องกูผู้หญิงมันสายลุยงานมันยังหงุดหงิดเลย มันบอกอยากได้เพื่อนร่วมงานผู้ชาย
>>928 ที่ล่าสุดที่กูเจอสังคมผู้ชายดีมากๆนะ เพราะโดนนายใช้งานหนักเลยต้องมานั่งแดกเหล้าหลังเลิกงานกันประจำ แต่ที่ก่อนกูเจอพวกผู้ชายขี้อิจฉานี่แหละแทงกูลับหลังยับๆ คือแม่งแล้วแต่ที่ล่ะมั้ง..
ส่วนตัวกูนะ เวลามีคนที่กูไม่ชอบขี้หน้าออกจากงานกูโครตดีใจเลยนะ แต่ระหว่างที่มันอยู่กูจะพยายามไม่ไปเฉียดใกล้ตัวมันเลยถ้าไม่จำเป็น
พอดีพึ่งทำงานได้เดือนแรก แล้วอยากเอาเงินเดือนส่วนหนึ่ง สัก 3-4 พัน ไปออมไว้และได้กำไรด้วย ดีกว่าเก็บไว้ในบัญชีเฉยๆ แต่ไม่รู้ว่าจะออมแบบไหนดี จุดประสงค์คืออยากออมเงินสัก 3-4 พันต่อเดือน แต่ออมไว้ในบัญชีดอกเบี้ยมันต่ำเกินไป เลยอยากจะออมแบบที่เอาเงินไปลงทุนกับอะไรที่ความเสี่ยงมันต่ำๆ เน้นออมยาวๆ เห็นช่วงนี้คริปโตเป็นกระแส แต่ความเสี่ยงมันเยอะไป
กูเป็นเด็กจบใหม่ทำงานที่แรก กำลังคิดจะย้ายงานเพราะเบื่อๆ เซ็งๆ กับงานปัจจุบัน คุยกับที่อื่นไว้แล้วนิดหน่อยเพราะมีคนติดต่อมา บอกฐานเงินเดือนเก่าไปเขาบอกให้มากกว่าแน่นอน แต่กูเพิ่งได้รู้ตัวเลขเงินเดือนปีหน้า เพิ่มขึ้นเกือบ 20% ที่ปัจจุบันโอเคทุกอย่างงานชิล สังคมพรีเมี่ยม เพื่อนร่วมงานดีมากๆ แต่งานน่าเบื่อมาก ไม่ได้ทำสิ่งที่ชอบ คิดหนักเลยจะย้ายดีไหม ทำใจลำบาก คงเพราะเป็นครั้งแรกด้วยแหละ พี่โม่งมีคำแนะนำอะไรไหม ตัดสินใจย้ายงานเพราะอะไรกัน
>>933 แล้วที่ใหม่เค้ามห้มากกว่าเท่าไหร่ล่ะ เรื่องแบบนี้อยู่ที่มึงพอใจอ่ะ ถ้าที่เก่าเงินเยอะแล้วมึงให้ความสำคัญกับเงินเป็นอันดับแรก การทำต่อไปอีกซักพักอาจจะดีกว่า แต่ถ้าเงินไม่ใช่ปัจจัยแรก กูมองว่าถ้าไม่ชอบงานก็ย้ายเถอะ ดีกว่าทำเวลาเกือบครึ่งชีวิตไปเสียกับสิ่งที่ไม่เป้นสุข
กูรู้สึกว่าเป็นเบ๊ของที่ทำงานว่ะ คืองานกูหนักเกิน ทำหลายหน้าที่เกิน และโฟกัสไรไม่ได้ซักอย่าง พอจะทำไรก็จะต้องโดนคนอื่นให้ไปช่วยนั่นนี่ ซึ่งกินเวลากุเหี้ยๆ และเหนื่อยมาก ซึ่งเจ้านายก้มองว่ากูต้องช่วยเพราะเป็นหน้าที่ แต่ก็คาดหวังว่ากูจะต้องออกงานดีๆเหมือนกัน เงินเดือนก็แค่สองหมื่นปลายๆ แต่ทำแล้วเหนื่อยล้าอ่ะ จนตอนนี้เริ่มจะหมดไฟแล้ว แต่ก็ไม่อยากทิ้งไปเพราะเป็นโปรดักส์ที่ทำมากับมือ ยังอยากพัฒนามันต่อ + กูกลัวว่าไปอยู่ที่อื่นแล้วจะไม่รอดเพราะงานที่ทำมันจิปาถะสัส จะย้ายไปสายเพียวๆก็กลัวความสามารถไม่ถึง เครียดว่ะ เอาไงดีวะ ควรออกมั้ย
>>934 ของกูทำยังไม่ถึงครึ่งปีเลย แต่แบบเนื้องานที่ทำมันเฉพาะทางเกินไป (มาก) อ่ะ ฝึกแปบๆ สุดท้ายก็รูทีนอ่ะ เบื่อแล้ว กูว่าของแบบนี้แล้วแต่ที่เลย ที่ปัจจุบันของกูเป็นบริษัทใหญ่ด้วยมั้งเลยได้จับงานส่วนเล็กนิดเดียว เมื่อก่อนกูฝึกงานบริษัทสตาร์ทอัพสนุกมาก ได้ลองนั่นนี่เยอะไปหมด เป็นทุกตำแหน่งให้เธอแล้ว 55
>>935 ที่ใหม่ให้มากกว่า แถมเป็นงานที่อยากทำด้วย แต่ก็ไม่รู้สังคมเป็นยังไง พูดง่ายๆ คือ ไม่กล้าออกจากคอมฟอร์ทโซนนั่นแหละ ขานึงก็ก้าวออกจากบริษัทเก่าแล้วล่ะ แต่อีกขาโดนรั้งไว้ด้วยเพื่อนร่วมงานที่ดี๊ดี กับความหวังว่าปีหน้าจะสถานการณ์จะดีขึ้น T_T
สำหรับกูเบื่อทีมผู้หญิงที่เจอว่ะ คุยเสียงดัง
เกาะกลุ่มแบ่งพวกยังกะแก๊งเด็กมัธยม
แม่งคงซวยแหละ อยากทำงานสงบๆโว้ย
เห็นพวกมึงเบื่องานเเต่กูนี่เครียดเลยไม่มีเนื้องานให้ทำ กูโม่งจบใหม่น่ะพี่โม่ง เเต่ทำงานมา4เดือนละ ทำวิศวโรงงาน
เเล้วก็ตลอด4เดือนกูไม่ได้ทำห่าอะไรเลยได้เเต่ไปดูเครื่องจักรนู่นนี่นั่น เเต่หัวหน้าก็ไม่ป้อนงานอะไรให้กู
ล่าสุดก็เพิ่งผ่านโปร เเต่ก็เหมือนเดิมว่ะ หัวหน้าไม่ได้ให้ทำอะไรเลย ตอนนี้กูเหมือนมานั่งรับเงินเดือน เเล้วก็รอไปดูเวลาพวกเเบบเครื่องจักรมีปัญหาหรือซ่อมอะไรเเค่นั้นเอง เเต่ก็ไม่ได้ซ่อมเองนะไปดูพี่ๆเขาทำ
กูว่าจะทนอยู่จนถึงครบปีให้มีโปรไฟล์ติดตัว เเต่ก็นั่นเเหละกูก็ยังนึกไม่ออกเลยถ้าเกิดครบปีกูจะเอาอะไรไปขายของที่ใหม่เวลาสัมภาษณ์
พวกพี่โม่งเคยทำงานที่สบายไม่มีงานให้ทำบ้างปะวะ ตอนนี้กูเเม่งว่างจัด นั่งอ่านTOEICยาวๆไปเลยกู เตรียมไปสอบ ปั้นโปรไฟล์
ประสบการณ์เหมือนไม่ต่างกับตอนเรียนจบเลยตอนนี้
ไงล่ะ ใช้กูทำทุกอย่างดีนัก พอกูจะออกก็มากอดขาขอร้องไม่อยากให้ออก เพราะไฟล์ข้อมูลทั้งหมดกูเป็นคนเดียวที่ผูกสูตรโยงไว้ รวมถึง Database กูก็ซอยย่อยๆๆถี่ยิบไว้ทุกอย่าง แต่พอเดือนก่อนมึงโดนสั่งมาว่าให้ลดพนักงาน มึงก็เรียกกูเข้าไปคุยทันทีและบอกว่าตำแหน่งกูไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว ให้ส่งต่องานผ่านหน่วยอื่นๆจัดอบรมฟรีไป เออ กูก็ทำแล้ว แล้วเป็นไง ไม่มีใครทำได้แบบกูสักคน ตอนนี้จะมาขอร้องให้กูอยู่ต่อก็สายไปแล้วว่ะ กูเริ่มงานใหม่พรุ่งนี้แล้ว สังคมใหม่ เพื่อนร่วมงานใหม่ เงินมากกว่าที่เก่า และสบายไม่ต้องเข้ามานั่งปวดหัวในออฟฟิศ ลาก่อนไอพวกงั่ง
สังเกตตัวเองว่าเวลากูปวดหัวหลังเลิกงานนี่ไม่ได้เป็นเพราะงานเยอะ แต่มักจะเป็นเพราะคนอื่นทำงาน แล้วกูไม่รู้จะขอช่วยทำงานยังไง เลยทำแบบจุ๊บจิ๊บ อู้บ้าง แล้วรู้สึกผิด
กูคือโม่งแกะน้อยผู้หลงทาง อยากได้คำปรึกษาเรียกสติ จัดหนักได้เลยนะ
กูอายุ 32 แล้วไปเรียนต่อการตลาดกลับมาปี 20 ก่อนไปเรียนทำงานสายรถมา 5ปี งานเจอลูกค้า(ดีลเลอร์นะ) กูรู้สึกอยากเปลี่ยนสายไปทำวางแผนการตลาด เลยเรียนต่อ
แต่ด้วยโควิดกับสัมภาษณ์ไม่ดี กูเลยตกงานอยู่ 9 เดือน เพิ่งได้งานใหม่ แต่เป็นงานปะทะลูกค้าอีกแล้ว นี่เพิ่งทำมาได้ 3 เดือน แต่กูเจอลูกค้า Toxic มากๆ และกูไม่ได้ใช้ความรู้ ความสามารถที่กูไปเรียนมาเลย (งานเป็นกึ่งๆเซลล์) ถ้ายอมรับว่าหลังๆกูหลอนโทรศัพท์ เพราะลูกค้าแม่งโทรมาโวยวาย พอกูประสานงานกับคนใน คนในแม่งก็เหวี่ยงใส่ หรือปล่อยเบลอตอบช้า รู้สึกว่าสุขภาพจิตกูแย่ลงเยอะเลย กูจะลาออกตอนผ่านโปรพอดี กูจะดู Loser ไหมวะ กูแอบแพลนว่าจะบอกนายช่วงสิ้นเดือน ให้เวลาเขาหาคน ส่วนตัวกูอยู่ในช่วงยื่นใบสมัคร ยังไม่มีงานรองรับเลย
>>948 มึงทำตามนี้นะ
- นัดเจ้านายมึงคุย บอกว่าขอปรึกษาเรื่องงาน
- ว่างานไม่ตรง career path มึงอยากวางแผนมากกว่าขาย
- ว่ามึงไม่ถนัดรับมือลูกค้าเหวี่ยงๆ และเริ่มกระทบสุขภาพมึงแล้ว นายมีข้อแนะนำไหม ถ้าไม่มีงั้นขอทำงานส่วนที่ไม่ต้องปะทะลูกค้า
- ว่าระบบงานภายในไม่สมูธ ประสานงานกันช้า มึงเล็งเห็นว่าเป็นปัญหา นายกำลังทำอะไรเพื่อแก้ไขรึเปล่า
- ว่ามึงกำลังคิดเรื่องลาออก หากสถานการณ์ไม่เปลี่ยนแปลงมึงก็จะออก
ไม่ต้องรอ มึงคุยยิ่งเร็วยิ่งดี เคนะ
มีใครเคยคิดจะลาออกเพราะรู้สึกโดดเดี่ยว เข้ากับเพื่อนที่ทำงานไม่ได้บ้างวะ
เเล้วเจออะไรเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ลาออก
ที่ถามเพราะกูกำลังเผชิญเหตุการณ์นี้อยู่ 555 เพื่อนที่ทำงานกูเค้าดูสนิทเป็นกลุ่มเป็นก้อนมาก ยกเว้นกูที่เข้ามาทำงานไม่นานเนี่ย ไม่รู้สึกเฮฮาหรืออินไปกับเค้าด้วยเลย
>>951 เวลาที่เขาเฮฮาในเรื่องที่มึงไม่เข้าใจ มึงถามไปเลยได้นะ แบบ พี่ขำไรกันอ่ะ อยากเก็ทด้วย ลองหน่อย สถานการณ์ช่วงนี้มันทำให้สานสัมพันธ์ทีมยากนิดนึง คนในทีมก็ไม่รู้ว่ามึงรู้สึกยังไง ถามเลยชัดเจน ของกุก็มีน้องในทีมที่เข้ามาแล้วแบบ wfh ยาวๆ ไป ไม่เคยเจอน้องเลย อยากซัพพอร์ตเท่าที่ทำได้นะ แต่ก็ไม่รู้ว่าน้องต้องการให้ช่วยอะไรยังไงบ้าง
>>950 ขอถามหน่อย กูไม่ใช่ 948 มึงเป็นคนกล้าพูดอยู่แล้ว หรือว่าผ่านการอดทนมามากถึงได้กล้าพูดวะ คือกูสงสัยจริงๆ เพราะคนไทยส่วนใหญ่(รวมถึงกู)น่าจะเป็นพวกก้มหน้าทำตามน้ำ ทนๆ ไป ไม่ก็รอจนถึงเวลาสิ้นโปรแล้วเขานัดคุยถึงได้พูดได้บ้าง ขนาดกูตอนนี้ทำงานที่ บ. เดิมมาสามปี เวลาเขามี 1-1 กูยังไม่กล้าคอมเม้นข้อเสียของหัวหน้าตรงๆ เลย ทัง้ที่เป็นเรื่องงานไม่ใช่เรื่องส่วนตัว กูอยากมีความกล้าพอจะเป็นฝ่ายยืนหยัดเพื่อสิทธิ์ของตัวเองบ้าง
เมาเว้ยยยยยยยย เมาๆๆไอหัวกน้าใหม่ก็ไม่ได้เรื่องอุส่าส่งมาจากยุ่น แหม่ๆๆๆ นึกว่าจะเก่ง สรุปกูทำเองหมดเหมือนเดิมค้าบ งั้นต้องเมาๆๆๆๆๆๆๆ แม้งพามาเลี้ยงเหล้าที กูจะกินให้ยับเลย เอาให้ร้องคิมุจิ้เลย เมาๆๆๆๆๆๆ
พรุ่งนี้ต้องทำงานละ อาทิตย์นี้ทำงานแค่ 3 วัน แต่ขี้เกียจชิบหายอยู่ดี
แถมยังเจอประชุมประกบต้นอาทิตย์ปลายอาทิตย์จนไม่ได้ทำงานอีก
มันมีวิธีเปลี่ยนเวลาขี้ประจำวันเป็นตอนกลางคืนมั้ยวะ ขี้ตอนเช้ามันไม่ค่อยสะดวกเลย บางทีชนเดินทาง บางทีชนประชุม
ถ้าปวดกลางวันมึงก็อั้นไว้ปล่อยเวลาที่มึงต้องการ ทำสองสามวันร่างกายกุจำได้เองอัตโนมัติ แต่ถ้าขี้มึงเป็นแบบรถด่วน อั้นจนขนลุกมึงก้อย่าฝืน ไว้ทำวันถัดๆไป ต้องได้สักวันละวะ
โม่ง กูได้งานสองที่
งานแรกงานประจำร้านซูชิ ฐานเงินเดือนน้อยกว่าหมื่น วันหยุดนักขัตฯมาทำงานแต่ไม่ได้สองแรง ได้เป็นวันหยุดแทน ร้านมีกี่ก่ะไม่รู้ ที่แน่ๆเปิด9โมงถึงสี่ทุ่ม(เพราะร้านปิดสามทุ่ม) มีสลิปเงินเดือน(น่าจะมีดิจิตอลไม่ก็คาร์บอน) กับมีใบผ่านงานให้ งานอยู่ในศูนย์การค้าเน้นคนรวยมาแดก กูเห็นร้านมันแอบเข้าข่ายfine diningเพราะวัตถุดิบทำเมนูส่วนมากมาดีๆเลย แล้วเขาก็บอกว่ารายได้เติบโตเรื่อยๆ แต่กูตกใจตรงที่ว่า ผจก.ร้านแม่งดูไม่รู้หีรู้แตดไรเยอะเท่าไหร่เลย ที่จะรับหรือไม่รับกูเสือกเป็นฝ่ายจัดซื้อนี่สิ แล้วอารมณ์แบบคนรับกูเข้าทำงานเป็นทั้งจัดซื้อและควบทำงานอื่นให้ด้วย เช่น มีส่วนในการคัดคนมาทำงาน เป็นต้น สภาพครัวที่กูไปเทสงานแม่งเก่าแปลกๆ ก๊อกเสียก็มี อะไรพังก็ไม่ค่อยมาซ่อม ยอดขายพออยู่ได้ แต่กูงงว่าร้านมี2ชั้นแต่เปิดขายชั้นบนแล้วปิดชั้นล่าง(ซึ่งมีครัวและโซนหน้าบ้าน)ไว้ทำเหี้ยไรกูก็งงๆนะ การเดินทางคือไม่ไกลมาก ถ้ารถวิ่งก็มาได้อยู่
งานที่สองคือ KFCไดร์ฟทรูแถวบ้าน รายได้เริ่มมาคือพาร์ทไทม์ ทอดไก่ สต๊อคไก่ ทำงาน supply ทอดเฟรนฟราย บลาๆ ร้านสาขาใหม่เปิดแบบ24/7 เป็นเวลาสามเดือนทดสอบยอดขาย ..... อันนี้ใกล้บ้านเหี้ยๆ เดิน10นาทีถึงเลย ข้อเสียคือมันไม่ปรับประจำให้ง่ายๆ แล้วที่น่ากลัวกว่าคือคนทำรายวันเวลามันขอขาด ลา มาสาย หรือหายไปเลยแม่งทำได้ง่ายมาก และกูเสียวว่าถ้าเพื่อนร่วมงานทำจริงจะเหนื่อยเกินเหตุนี่ดิ เพราะงานคือถ้ามีก่ะกลางคืน แล้วมีคนเบี้ยวก่ะ ไม่มาเลย กูล้างของและลงไก่ ทอดของไปด้วยคือแม่งทำทันยากมาก ของไม่ใช่น้อยๆ ทำงานกับความร้อนลวกมือทั้งนั้นเลยมึง
คำถาม งานไหนดีกว่ากันวะ? เป็นโม่งจะเอางานอะไรดี?
>>961 ไม่ค่อยน่าทำซักทีเลยว่ะ ดูท่าทางเหนื่อยสัด แต่ถ้ามีแค่สองตัวเลือก
ร้านชูชิดีกว่าเพราะเวลาไปยื่นสมัครที่ใหม่ก็บอกว่าทำจัดซื้อมาก่อน ส่วน kfc ประสบการณ์ที่ได้ไม่มีประโยนช์ในการหางานใหม่เลยซักนิด
แต่ถ้ามึงมีตัวแปรอื่นแบบร้านชูชิค่ารถ ค่ากินเงินเดือนไม่พอจ่าย kfc กินข้าวบ้านได้ อันนี้ก็พิจรณาเป็นกรณีไป
แต่ๆ ถ้าทำได้ซักพักไปหางานบริษัททำ หรือไม่อย่างน้อยก็ส่วน office ในโรงงานที่ได้หยุด ส-อ. เถอะ แล้วชีวิตมึงจะมีความสุข
เอาตรงๆ เขาเปิดรับเอาตำแหน่งเชฟซูชิ ..... คือกูเคยทำร้านแบบขายซูชิแมสๆมาก่อนแบบ ไข่หวานบ้านซูชิ , Sushi expressไรงี้มาก่อนไง เห็นร้านนี้ที่กูสมัครมาในย่านที่กูเดินทางได้มันใกล้มาก กูเลยลองดู ...... กูไม่แน่ใจเลยว่าเขาจะสอนงานให้ไหม เพราะเทสงานเขาก็บอกแค่ว่าพอเทรนได้ แต่กลัวเข้าไปเริ่มละเสือกไม่สอนห่าไรเลยนี่ดิ ใจจริงถ้าเอาร้านซูชิ กูจะเรียนสกิลแล่ปลากับสกิลพวกทำโรล , มากิ มาเพิ่มด้วย ส่วนเงินเดือนคือมันไม่พูดตรงๆนะว่าจะให้เท่าไหร่ มันบอกแค่ว่ายอดรวมๆได้ 10,000บาท เริ่มต้นแค่นั้น แต่ถ้าอยู่นานๆจะมีปรับให้ ใจจริงอยู่เพราะใบผ่านงานหรอก ถ้ามีใบผ่านงานกับได้วิชาแล้วลาออกไปร้านfine diningที่อื่นในเมืองฝั่งพระนครนี่รายได้สูงพอๆกับofficeด้วยซ้ำ
ขอถามพวกพรี่ ๆ ครับ พอดีผมเป็นพวกโลกส่วนตัวสูงครับ เคยอ่านเจอมาเขาบอกว่าคนโลกส่วนตัวสูงเหมาะกับการทำอาชีพ นักบัญชี, ผู้ตรวจสอบบัญชี เลยสงสัยครับว่ามันจริงไหม
ส่วนตัวผมเรียนสายครู อีก 3 เทอมก็จบแล้ว แต่พอได้ฝึกสอนแล้วรู้สึกเลยว่าไม่ใช่ทาง แทบไม่มีเวลาส่วนตัวเลย เลยคิดว่าเรียนครูให้จบแล้วไปเรียน ป.ตรี บัญชี ครับ แต่กลัวว่าต่อบัญชีแล้วไม่เหมาะกับคนโลกส่วนตัวอีก
เคยเจอลูกพี่เหี้ยๆแบบตัวเองไม่รู้ก็สอนมันแบบมั่วๆมะ คือแม่งถือว่าเด็กใหม่มันยังใสๆอยู่ กูมั่วยังไงก็ได้มึงไม่รู้อยู่ดี คือกูนั่งอยู่ข้างๆนี่ได้แต่ wtf คือจะโชว์พาวอะไรของมึงวะ ทำเด็กมันเข้าใจผิดๆไปด้วย เวลามาทำงานกับกูก็ต้องปรับใหม่อีก -*-
>>968 >>966 ตกลงอยากได้เวลาส่วนตัวที่แปลว่าเวลาว่างหลังเลิกงาน หรือโลกส่วนตัวสูงที่แปลว่าตอนทำงานไม่ต้องสุงสิงกับใคร ไม่เหมือนกันนะ
ถ้าอย่างแรกยังพอเข้าใจได้ว่าไม่รู้มาก่อนว่างานครูมันหนัก แต่อย่างหลังนี่ต้องถามว่าตั้งใจจะเป็นครูโดยไม่รู้ว่าต้องคุยกับนักเรียนเหรอ???
กลับไปที่คำถามแรก นักบัญชี/ผู้ตรวจสอบบัญชี
ไม่รู้ว่าไปอ่านมาจากไหน แต่เสียใจด้วย ไม่ใช่อาชีพที่ตอบโจทย์ทั้ง 2 อย่างว่ะ
entry level งานหนักแน่นอน กว่างานจะเบาลงคือต้องระดับบนและที่มันเบาลงเพราะเก่งมากเลยทำเสร็จไว ไม่ใช่เพราะงานน้อย
ไม่ต้องสุงสิงกับใคร เป็นไปไม่ได้จ้า ถึงเนื้องานหลักๆจะอยู่กับตัวเลข แต่ก็ต้องการ communication skill เพื่อให้ประสานงานกับเพื่อนร่วมงานหรือหัวหน้างานแผนกอื่นได้ ยิ่งผู้ตรวจสอบบัญชีนี่คุยกับลูกค้าไม่รู้เรื่องก็ตายสิ
>>966 corporate accountant ถือว่าใช่ แค่ส่งเมลตามคนอื่นเวลาข้อมูลไม่มาตามกำหนด เวลาปกติก็นั่งเงียบทำ ๆ ไปเน้นส่งเมลถามเอาได้ ส่วนออดิทไม่จริงเพราะต้องดีลเจอหน้าลูกค้าตลอดเวลา (ไม่นับช่วงโควิด) ต้องถามนู่นถามนี่ ตามไม่พอต้องไฟ้ว์ให้เขาปรับตามเราด้วย ในทีมก็ต้องคุยกัน สอนน้อง รีวิวงานน้อง รายงาน+ตอบคำถามเจ้อ
กูก็ทำบัญชีนะ แต่เรื่องสกิลคุยนี่กูก็ไม่ได้กระดิกเลย คือคุยข้ามแผนกน่ะใช่แต่กูอย่างมากก็แค่แวะไปทวงใบนั่นโน้นนี่แล้วกลับมาทำงานตัวเองต่อเท่านั้นอะ ออกจากโต๊ะทำงานมีแค่ไปห้องน้ำ ไปกินข้าวและเลิกงาน ถถถถ
>>976 โปรแกรมเมอร์ที่สกิลประชุมไม่จำเป็นคือ
- junior level เขียน program in house ใช้กันเองในบ.เล็กๆ ซึ่งคงไม่มีใครอยากเป็น junior ไปตลอด
- โคตร expert ขั้นเทพที่เก่งชิบหาย เก่งเหี้ยๆ เก่งจนบ.รู้ว่าปล่อยมึงให้เป็น nerd แบบนั้นไม่ต้องฝึกสกิลประชุมให้เสีย performance จะดีกับบ.มากกว่า ซึ่งบ.ในไทยที่จะเข้าใจได้ขนาดนั้นก็น้อยหน่อยนะ
- freelance ที่มีนายหน้าคอยป้อนงานให้ ซึ่งพออายุถึงช่วงนึงมึงก็อาจจะอยาก trade-off ความสบายนี้กับความมั่นคงทางการเงิน
เท่าที่นึกออกก็ประมาณนี้ ไม่ง่ายอย่างที่คิดหรอกนะ 555
เมื่อกูทำงานตามที่ลูกพี่สั่ง+โดนแดกดันเรื่องกูไม่รอบคอบมาอาทิตย์นึง ลูกพี่คอมเม็นต์บ้าๆบอๆ แก้แล้วแก้อีก 3 วัน
พอส่งโปรเจ็ค..."โอนเนอร์เค้าไม่เอาแบบนี้นะคะ เค้าห้าม !@#$@#%#^" สรุปแก้แบบแทบจะเรียกว่าทำใหม่หมด
กูหันไปหาลูกพี่กู แม่งนิ่ง พอประชุมออกมา "เอ่อ...เอ็งก็ไปทำตามที่เค้าบอกละกันนะ ได้เมื่อไรแจ้งเค้าไปด้วย"
...ไอ้สัดตัวไหนวะไม่รอบคอบเนี่ย อยากจะต่อยซักที
>>971 พูดถึง Corporate Accountant กูทำอยู่แล้วอยากหางานใหม่เพราะที่เก่าให้น้อยแล้วไม่ค่อยได้เรียนรู้งาน แต่ที่กูเพิ่งจบบัญชีมาได้ปีเดียวกูควรทำไงดีหว่า
คือที่เก่ามันเป็น บ. โคตรเล็กลูกจ้าง 3 คนนายจ้าง 1 งี้ที่เหลือคือจ้างฟรีแลนท์เลยไม่ค่อยได้มีงานเท่าไร อยากจะหางานที่อื่นนะแต่กูก็อายุ 30+ แล้วด้วยสิที่ไหนมันจะรับมั่งวะเนี่ย
>>908 ว้ายยย ขยะอย่างมึงแนะนำอยู่กับเจ๊เล้ง ดอนเมืองได้นะ ขี้เหยียดพอกัน หลงยุคมาแนะนำหาทางกลับให้ดีๆเนอะ โง่แล้วพ่นแต่อะไรไม่สร้างสรรค์แนะนำเก็บสมองเก็บปากไว้แดกขี้เนอะ
https://www.matichon.co.th/social/news_3078887
กูตัดสินใจลาออกจากงานแบบยังไม่มีงานรองรับเลย กูรู้สึกแย่ในความไม่อดทน แต่กูนอนหลับๆตื่นๆมาเป็นเดือนแล้ว มึงว่าคนเราเป็น Loser แล้วมีความสุขได้หรือเปล่าวะ หรือต้องคอยโทษตัวเองจนกว่าจะสำนึกสิ่งที่ทำลงไป
พี่ที่ทำงานจะลาออก แล้วเหมือนงานเขาน่าจะพาสมาให้กูเป็นเฮดคุมแทน ใจกูทั้งเคว้งคว้างทั้งกลัวเลย เพราะพี่เขาถือเป็นพี่ที่สนิทคนนึงและกูเองก็ทำงานยังไม่ถึงครึ่งปีเลย มันแอบกังวลกับอะไรหลายๆอย่างว่ะ ที่ผ่านมากูก็พึ่งพาพี่เขาเยอะด้วย พอตอนต้องทำอะไรเองแล้วแอบไม่มั่นใจขึ้นมา
บริษัทใครโดนเขียนรายงานประจำวันบ้าง กูล่ะโคตรเซ็งต้องมาพิมพ์ทุกวันเสียเวลา เขียนสั้นๆไม่ได้ด้วยต้องเขียนยาวๆละเอียดๆ บางวันที่งานน้อยก็ไม่มีอะไรจะเขียน อันนี้เพื่อนจะเขียนอะไรกันบ้างวะ
>>984 กูเจอมาคล้ายๆกันเลย แต่ความเชี่ยคือหัวหน้าถามกูก่อนแล้วว่าอยากเป็น manager มั้ย กูบอกไม่ แต่เค้าก็เนียนยัดให้กูเป็นอยู่ดี 555
ทุกวันนี้รู้สึกว่าหลายๆเรื่องมากแม่งต้องมั่วทำๆไปทั้งที่ก็รู้มั่งไม่รู้มั่ง กำลังคิดสงสัยอยู่เนี่ยว่าคนอื่นเค้ารู้สึกได้แค่ไหนว่ากูไม่ค่อยจะรู้เรื่อง
ตลกดี หลายๆ บริษัทตอนนี้ประสบปัญหาขาดคนทำงาน แต่ก็ขยันออกกฎบ้าๆ บอๆ ให้พนักงานยิ่งอยู่ยาก ใครมีลู่ทางเขาก็ออกไปเป็นฟรีแลนซ์บ้าง ไปเปิดเองบ้าง ไม่ก็เปลี่ยนสายงานไปเลย แล้วบริษัทแม่งก็มาบ่นๆ ขาดคนทำงานอยู่อีก
ในยุคแบบนี้ถ้าเริ่มทำงานประจำตอนอายุ 26-17 ถือว่าช้าไปไหม ตั้งแต่เรียนจบมายังไม่มีงานการเป็นหลักเป็นแหล่ง
สอบถามพี่โม่งหน่อยคับ ตอนนี้เรียนมหาลัย (สายภาษา/สังคม) อยู่แล้วชีวิตไม่มีเวลาว่างเลย ตอนเย็นมาก็นั่งทำการบ้านงก ๆ วันหยุดก็ต้องอ่านเตรียมเนื้อหาล่วงหน้า/ทวนความรู้เดิม มีเวลาส่วนตัวเหลืออยู่จึ๋งเดียว ถ้าจบไปทำงานชีวิตมันจะว่างขึ้นมั้ย (หมายถึงกลับบ้านยังต้องหอบงานมาทำรึเปล่า เสาร์อาทิตย์จะได้พักผ่อนจริง ๆ มั้ย) อยากรู้คับ TT เหนื่อยกับเวิร์คไร้บาลานซ์ ถ้าอนาคตไม่ดีขึ้นสุขภาพจิตกูต้องพังแน่ ๆ คงต้องลองคิดเรื่องย้ายสายงานละ
>>995 ทำงานละต่อให้ออฟฟิศคือก็ไม่ได้ว่าง อยากได้แบบwork life balance เชิญไปประเทศที่ไม่ใช่กะลาแลนด์อ่ะ นั่นอ่ะ ขี้ข้าคุณภาพสภาพไม่แมลงสาปแบบบ้านเรา ก็คือยังไงมึงก็เจอ จะงานskilledหรือunskilledในไทยแม่งเจอหมดเลยมึง ถ้าพยายามเรียนทุกสิ่งตั้งแต่ตอนนี้และเจียดเรียนทักษะใหม่ๆแบบทั้งโลกจะอยากได้เรื่อยๆในอนาคต มึงควรลุย เห็นพวกที่ย้ายไปแล้วกูละหนึ่งที่แอบอิจเบาๆ
>>995 ไม่ว่างขึ้นหรอก แล้วยุคนี้ใช้ไลน์กันเก่งมากกกก เลิกงานแล้วก็ยังจะทักมาคิดว่าขอไฟล์นิดหน่อยไม่เป็นไร ไม่ต้องทำใหม่แค่กดส่งมั้ง กลับมาก็มีรีพอตว่าวันนี้ทำอะไรไปบ้างอีก วันหยุดบางทีลูกค้าก็ทักมาเหมือนไม่เคยหยุด เร่งเอางานด่วนๆ ถ้าทำงานสายที่ปฏิเสธลูกค้าได้ก็โชคดีแต่ถ้าสายที่ต้องเอาใจลูกค้าก็ได้แต่ตอบครับๆไป
ขอให้ปีหน้าเงินขึ้น
ปิดมู้
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.