เห็นไม่มีใครตั้ง กระทู้นี้สําหรับคนที่มีความสนใจในภาษาญี่ปุ่น ใครที่อยากจะพูดคุยสอบถามหรือปรึกษาอะไรที่เกี่ยวกับภาษาญี่ปุ่น เชิญพูดคุยกันได้ในกระทู้นี้
Last posted
Total of 741 posts
เห็นไม่มีใครตั้ง กระทู้นี้สําหรับคนที่มีความสนใจในภาษาญี่ปุ่น ใครที่อยากจะพูดคุยสอบถามหรือปรึกษาอะไรที่เกี่ยวกับภาษาญี่ปุ่น เชิญพูดคุยกันได้ในกระทู้นี้
อยากเก่งคันจิไวๆ ทำไงดีนอกจากท่องจำเฉยๆ วะ
มีปัญหากับการจำเสียงอ่านคันจิอ่ะ ตัวนึงอ่านได้หลายเสียงเหลือเกิน555 ถ้าจากn3จะสอบขึ้นn2นี่แนะนำให้อ่านอะไรกันวะ ถ้าไม่ใช่หนังสือสอบอ่ะ อ่านหนังสือพิมพ์หรือนิยายเล่มไหนดี n2นี่ควรอ่านนิยายได้ปร๋อแล้วใช่ป่ะ
กุไม่มีพื้นฐานเลย ถ้าจะเริ่มเรียนญี่ปุ่น แนะนำที่ไหนบ้างวะเพื่อนโม่ง
ช่วงนี้รู้สึกท้อกับการเรียน อยากดูช่องที่สร้างแรงบันดาลใจในการเรียนญี่ปุ่นจัง มีช่องไหนแนะนำบ้างไหมเพื่อน
ยังมีใครยุไหม
俺が練習したい。俺と話したい人、手を上げて。*\0/*(最近、うちしか行かないから、ちょう寂しい)
さよならのない国で
>>10 何という意味だ?分からない。説明しろ!
ここは誰もいないな。どこかいい所があったら。紹介してくれ。日本語で話したい。
いや。。。こんな小説について興味がないな。それに、俺はまだN3ごろから、いっぱい難しい漢字が書いてある本なんて、読めないな。でも、俺と話してくれた。ありがとうよ。
อยากเรียน
>>15 สายฟรีไปกดๆ duolingo เล่นดูก่อนซัก 1-2 เดือน ตัว app เปิดใน appstore หรือ playstore ในมือถือเอาได้ หรือถ้ามีคอมก็มีเว็ปให้ใช้
พอคล่องค่อยคาตาคานะ ฮิการานะ แล้วขยับขยายไปทางอื่น เพราะ duolingo ใช้จริงจังมันห่วย แต่สำหรับจุดเริ่มต้นน่าจะดีสุดแล้วเหมือนเล่นเกม จิ้มๆ ผ่านด่าน
อ่อ อย่าลืมเลือกภาษาตั้งต้นเป็น eng นะ ภาษาไทยมันไม่มีคอร์สภาษาญี่ปุ่น
ミラーさんはIMCの会社員です
山田さんも会社員ですか。いいえ、会社員じゃありません、 銀行員です
รอห้องโม่งภาษาเกาหลีอยู่นะ
ปกติพวกโม่งฝึกญี่ปุ่นนี่ไปสิงที่ไหนกันออ?แบบที่แม่งพอจะให้ถามคำถามได้บ้างหรือพูดคุยกันอ่ะ
ชี้แนะกุทีได้โปรด
近藤向かって来い
พวกโม่งรักญี่ปุ่นไปไหนหมดว้าาาาาา
มาคุยกะกูทีกูเหงา
จะว่าไปพวกมึงลงสอบJLPTปลายปีกันยังวะ(มันจะได้สอบจริงปะวะ)
JLPT ที่ให้ค่าสอบคืนได้กันยัง
ยอดคนติดเชื้อเท่าจิ๋มมดแม่งยังยกเลิกได้เลย คราวนี้ถ้าแม่งจะยกเลิกอีกก็ไม่แปลก
ถ้าคนสอบมันเยอะมากจะจัดแต่ละระดับแยกวันกันก็ได้ แต่แม่งก็ไม่ทำควย
มึงโดนพวกยุ่นโกงตังไปหมดแล้ว โกเมนเน้ ไทจิน
N5 นี่เรียนด้วยตนเองแล้วไปสอบได้มั้ย จากพื้นฐาน0
>>37 อ่าวมันไม่ต้องสอบไล่ระดับสินะ แบบไปสอบN3ได้เลยงี้
ที่กูอยากสอบเริ่มจากN5เพราะกลัวด้วยแหละ อยากค่อยๆไต่ๆไป อยากวัดว่าตัวเองผ่านเลเวลแรกยัง ไรงี้ แต่เปลืองตังจริง55;;-;; เดี๋ยวลองเรียนดูก่อนแล้วไว้ตัดสินใจอีกทีแล้วกัน
ว่าแต่มันเรียนด้วยตัวเองแล้วสอบN3ได้จริงดิ เจ๋ง ถ้าถึงจุดนั้นกูแอบอยากไปติวหน่อยไม่มั่นใจตัวเองเลย ;-;
>>36 ได้อยู่แล้ว แต่ N5-4 มันก็ใช้อะไรไม่ค่อยได้จริงๆ ขนาดเรียนตอนม.ปลายกูยังไม่รู้จะเอาไปทำอะไรเลย เนื้อหาก็พื้นฐานมาก ถ้าจะไปถึง N3 รึสูงกว่านั้นกูแนะนำให้หาที่ติว ที่เรียนดีๆ ดีกว่า ให้เรียนเองงมเองกลัวพื้นฐานไม่แน่นพอ มีอะไรสงสัยจะได้ถามครูได้ ถ้าเป็นไปได้ก็หาที่เรียนจริงจังควบคู่กับเรียนเองไปด้วย ยังไงก็ดูเมะเล่นเกมบ่อยอยู่แล้วใช่มะ จัดไป สู้ๆ เว้ย แต่กูก็แนะนำให้ลองไปสอบดูก่อนนะ เริ่มจาก N5 ก็ได้ ความสนามสอบอะ อยากให้ไปลองสัมผัสบรรยากาศกับการสอบพื้นฐานก่อน จะได้รู้ว่าตัวเองอ่อนตรงไหน ต้องทำเวลาให้ดีในพาร์ทอะไร
พูดถึงภาษามือ คณะกูแม่งเปิดสอน กูหยีมากเลย ไม่รู้เรียนทำไม เอาไปใช้อะไรต่อไม่ได้ด้วย
>>46 การเรียนอะไรสักอย่างมันมีประโยชน์แน่นอนมึง แต่แค่เพราะสำหรับมึงตอนนี้มันไกลตัวน่ะเลยรู้สึกไม่อิน กูมองว่าการมีสอนวิชาแปลกๆนี่ดีออกเพราะหาเรียนยากมากจริงๆ เพราะกูชอบเรียนทุกๆแขนงวิชาน่ะ ส่วนใครไม่อิน ถ้าเลือกวิชาไม่ได้จริงๆก็ทนเรียนไปก่อน หาแง่มุมดีๆของมันให้เจออะ
พวกมึง กูงง ます กับ です
รายการคุณภาพแห่งย่านชิบูย่า มาดูกันครับ
https://m.youtube.com/watch?v=xWtjWeLUblM
コンドーム買って来い
>>54 เสริมนิด รูป て มันหลากหลายมาก เอาในระดับต้นก็เป็นการผันเชื่อมประโยคได้ แต่หลักๆไว้เชื่อมกับไวยากรณ์อื่น เช่น て+ください
>>53 นี่มึงเรียนเองใช่มั้ย ดูจากที่เรียนมินนะถึงเล่ม 2 แล้วแต่ยังไม่เข้าใจเรื่องการผันรูปเบสิคๆแบบนี้ กูคิดว่าควรไปเริ่มเรียนใหม่แบบมีครูสอนไม่ก็ดูในยูทูปนะ มีคนสอนมินนะฟรีในยูทูปเยอะ หรือไม่ก็ขายมินนะไปซื้ออากิโกะแทน อันนั้นอ่านง่ายกว่า มันต้องแม่นจริงอะถึงไปต่อได้
จะเริ่มขึ้น N3 อ่านนส.เล่มไหนดีเพื่อนๆ แบบสำหรับเริ่มต้นN3 นะ ไม่เอาพวกหนังสือสรุปรวบรัด
N2 ยากกว่า N3 มากมั้ยวะ ว่าจะหาเรียนเองแต่รู้สึกหายากจัง
กูเจอคนญี่ปุ่นในธนาคารเมื่อวันจันทร์เค้าดูต้องการความช่วยเหลือมากๆ เพราะเห็นพูดไทยไม่ได้เลยอิ้งก็สำเนียงแบบที่จนท.ฟังไม่รู้เรื่องอีก กูก็สไลด์หน้าเข้าไปช่วย ถึงได้รู้ว่ากูควรอยู่เงียบๆดีกว่า ฮืออออ ในอนาคตกูคงทำอาชีพล่ามไม่ได้ ภาษาญป.นอกจากล่ามทำไรได้อีกบ้างวะ จะเปลี่ยนคณะก็ไม่ได้ละต้องเรียนให้จบ
>>66 ไม่รู้ว่ะ เอาจริงๆนะ อย่าหาว่าตัดกำลังใจเลย อาจารย์ที่ม.เราก็พูดมาแบบนี้ เขาบอกว่า ในอนาคต ล่ามจะต้องเก่งหลายๆด้านมากๆ โดยเฉพาะโรงงาน เพราะเขาเอาคนในโรงงานมาเรียนภาษาแทนที่จะจ้างแล้ว เพื่อประหยัดงบ ไรงี้ ส่วนตัวก็อยากเปลี่ยน เพราะชอบศิลป์มากกว่า แต่เพราะทุนไม่พอก็เลยเรียนญี่ปุ่น (ค่าใช้จ่ายโดยรวมน้อยกกว่า)
อ่ะนี่ ให้ https://www.marugoto.org/assets/docs/download/intermediate1/MarugotoIntermediate1VocabularyList_TH.pdf ใครอยากเอาไปอ่านเอาไปเลย พอดีหาเจอ ขอให้เจอแต่เรื่องดีๆ ชิตังเมโป้งควย
พวกมึงเวลาจะเช็คแกรมม่าพวกมึงทำไงกันมั่งวะกูไม่มีเพื่อนคนญี่ปุ่นด้วยดิเรียนด้วยตัวเองอยู่ช่วยกูด้วย
สายภาษาจะหมดอนาคตเพราะ AI ป่าววะ
เป็นอาชีพที่เหมาะกับคนฉลาด แต่ไม่เฉลียว
จะเป็นล่ามในศาลอยากเรียน นิติ หล่อ เท่ กว่าจบสายภาษามั้ยคับ
อิคึๆ มีแต่ล่ามอิคึเต็มไปหมด
Kyกูเคยดูคลิปของญป.อ่ะ กูชอบอันนั้นมากเลยกูดูตอนเศร้าๆแม่งหายเศร้าเลย ที่mcผญ ไปแดกอะไรซะอย่างแล้วมันจะพูดโออิชิ~ ละยกมือด้วย แต่เสือกไปตบเพดานเค้ากระจาย กูอยากเก็บไว้ดูอ่ะ ใครมีบ้าง
ถ้าไม่มีพื้นฐานภาษาญี่ปุ่นเลย อ่านหนังสือเอง จะสามารถผ่าน n4 ภายในหนึ่งปีได้ไหมวะพวกมึง
คิมูจ๊
ไม่เข้าใจคนที่ชอบเขียนคันจิกับทุกอย่าง มึงไม่รู้จักสิ่งที่เรียกว่า usually written with kana alone หรอวะร่นเวลาในการเขียนเยอะเลย ในแง่การเขียนภาษาทางการหรือนิยายอาจต้องใช้ แต่มึงไม่ต้องใช้คันจิ 下さい 御 何故 致します ในชีวิตประจำวันทุกครั้งก็ได้
กูงงการบอกเวลาแบบญี่ปุ่นว่ะ 25時 นี่เท่ากับกี่โมงวะ แล้วถ้าจะบอกว่าบ่ายสองต้องบอกว่า 14時 หรือ 2時 อะ ใครเก่งช่วยกูด้วย กูดรียนด้วยตุวเองและงงมาก
>>85 วดฟ 25時มีด้วยหรอวะ
ญี่ปุ่นพูดได้ทั้งสองแบบ แต่ถ้าจะเอาแบบหลัก12ชม.(ที่เขานิยมกัน)ต้องเติม 午後(p.m.) 午前(a.m) ด้วย หรือจะเติมคำว่า 朝 夜 เป็นตัวบอกช่วงเวลาไรงี้ก็ได้เหมือนกัน
มึงดูตามคลิปสอนฟรีในยูทูปปะ หรืออ่านเองล้วนๆเลย กูว่าถ้าอ่านเองล้วนๆมันไม่เหมาะกับคนเริ่มต้นนะ
กูก็ชินกับรายการทีวีญี่ปุ่นใช้ 25時 26時 พอเจอบางรายการใช้ 1時 คืองงเลยว่าเป็นตี1ของวันไหนกันแน่
จะลงทุนเรียน Waseda สัก 1 ปีจะเห็นผลขนาดไหนวะ กูว่าจะเรียนภาคเสาร์-อาทิตย์ เพราะทำงานประจำไปด้วย แต่ว่าช่วงนี้มันออนไลน์ 100% กลัวจะไม่เข้มข้นว่ะ มีสถาบันอื่นๆแนะนำไหม วางแผนภายใน 1 ปีต้องพูดกับคนญี่ปุ่นได้, 2 ปีอ่านออกเขียนได้
ใครมีเคล็ดลับการจำคันจิบ้าง พอกูจำคันจิบทใหม่ได้กูก็ลืมคันจิบทเก่าทันที ทั้งที่กูก็พยายามท่องทุกวันแล้ว ทำไงดีวะ
คันจิกับศัพท์ที่อยู่ในอากิโกะทั้ง6เล่ม เพียงพอต่อการสอบ pat7.3 มั้ย หรือควรไปจำจากที่อื่นเพิ่มด้วย
ไอ้สมาคมควัยๆครายเย้สสรัสหมานี่แม่งยกเลิกอีกแล้วไอ้รังไข่ไม่มีปัญญาจัดการส้นติรนไรเลยไงวะชยะชิบหายฮุบเงินไปกินอิ่มแล้วมั่งครวัยเฮี้ย ขอให้พ่อแม่ไอ้พวกผู้บริหารส้นตรินๆของสมาคมหน้ารังไขี่นี่แม่งตกน้รกมอดไหม้ไอร้เหี้นยครวยเยส
ไห้กำเนิดลูกๆเหรี้ยนไร้สมองจัดการปัญหาแบบนี่ได้ถือเปนบาปพวกมึงละถ่วงประเทสชิบหาย
กุอยากตะโกนบอกโม่งที่คิดจะเรียนญป.เพื่อจบไปเป็นล่าม
พวกมึงหนีรีบหนีไปปปปปปปปปปปปปปป
ยุ่นคู่แข่งเยอะจะตาย มาเรียนรัสเซียกันเถอะครัชชาวโม่ง ถึงจะมีสงครามโดนโลกแบนแต่ก็ยังมีความสัมพันธ์กับไทย ซ่อมฮอต้องหาล่ามคุย ขึ้นศาลก็ต้องหาล่ามแปลแล้วนักท่องเที่ยวนักธุรกิจในไทยมีเป็นล้าน แต่เสือกในไทยไม่มีล่ามที่มีlicenseซักคนเลยเนี่ยหล่ะสิ ทุกวันนี้ที่ไปแปลเป็นล่ามเถื่อนกันทุกคน555
คนในวงการมีไม่กี่คน จำหน้ารู้จักอาจารย์กันหมดแล้ว ไม่มีสอบวัดระดับด้วยในไทย มาเรียนเพิ่มกันเถอะนะ มันจะทํากันไม่ไหวแล้วบุคลากรอย่างน้อย
>>106 จริง เมื่อ 10 ปีก่อนสายงานนี้รายได้ดีงามมาก แต่ตอนนี้พวกบริษัทญี่ปุ่นในไทยปิดตัวหนีกลับเกาะหมดแล้ว
อีกด้านคือการแข่งขันสูงขึ้นมากๆ เด็กจบใหม่สายอื่นอย่างวิศวะได้สกิลญี่ปุ่นพ่วงมาด้วย มีผลสอบ N2 กับ TOEIC 700+ งี้ สายภาษาล้วนจะเอาอะไรมาสู้ ถ้าใครคิดจะเรียนสายนี้ ต้องเรียนให้เก่งเทพจริง ไม่งั้นตายหยังเขียด
>>110 ข่าวปีที่แล้วบอกว่าจำนวนบริษัทญี่ปุ่นในไทยเพิ่มขึ้น ตกลงบริษัทญปย้ายฐานผลิตจริงหรือไม่จริงวะ
>>111 จำนวนบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นทั้งหมดในภาพรวมอาจจะเพิ่มขึ้น แต่จำนวน "บริษัทญี่ปุ่นที่จ่ายเงินเดือนสูงๆ" ลดลง หลายที่ออกมาตรการรัดเข็มขัด ทั้งลดโบนัส ลดคน ยุบแผนก หรือไม่ก็ปิดบริษัทไปเลย เรื่องนี้กระทบถึงเรทเงินเดือนเด็กจบใหม่ด้วย
สมัยก่อนถ้ามีทักษะด้านภาษาสูง ได้ N1+eng เป็นล่ามตามโรงงานต้องได้อย่างต่ำ 35k-40k แต่เดี๋ยวนี้เหลือแค่ 25k-30k เท่านั้น นี่ยังไม่พูดถึงงานที่ใช้ทักษะน้อยกว่าอย่างธุรการหรือแอดมิน (japanese speaking) เลยนะ
ถ้าด่าว่านายจ้างเอาเปรียบ นายจ้างบอกกูไม่แคร์ ให้เงินเดือนต่ำขนาดนี้ก็ยังมีคนแย่งกันสมัคร บางคนจบไปแล้ว 2-4 ปียังมาแย่งกันรับงานเงินเดือนเด็กจบใหม่ กูถึงได้บอกไงว่ายุคนี้เอกญี่ปุ่นไม่น่าเรียนแล้ว รายได้ไม่ได้ดีเหมือนสมัยก่อน ไม่ต้องเชื่อกูก็ได้ เชิญส่องเว็บหางานด้วยตาตัวเองได้เลย
ใครที่เรียนเอกญี่ปุ่นอยู่ในตอนนี้ก็อย่าพึ่งท้อใจ ต่อให้งานที่จ่ายเงินเดือนสูงๆลดลง แต่ก็มีอยู่ เพียงแต่ต้องเก่งเทพจริงๆเท่านั้น เข้าห้องสมุดบ่อยๆ หมั่นทบทวนความรู้นอกห้องเรียน ถ้าว่างก็ลองรับงานแปลฟรีแลนซ์ ไปฝึกงาน หาทุนแลกเปลี่ยนระยะสั้นที่ญี่ปุ่น ทำยังไงก็ได้ให้มีทักษะโดดเด่นกว่าคนอื่น จบใหม่เงินอาจจะน้อยกว่าเมื่อ 10 ปีก่อน แต่ถ้าเข้าไปทำงานแล้วพิสูจน์ตัวเองได้ว่าเก่งจริง รับรองว่าแปปเดียวก็เงินเดือนแตะๆแสนในยุคโควิดแบบนี้ได้
ตอนนี้เรียนจีนน่าสนใจกว่า แต่เค้าว่าเจ้านายจีนส่วนใหญ่จะเหี้ย
>>111 ย้ายเข้าย้ายออกเป็นปกติงี้แหละ
แต่อันที่จริงบริษัทญปตำแหน่งแอดมินทั่วไปเงินน้อยอยู่แล้วนะ ยิ่งสายรถนี่รุ่นกุเริ่มต้น 9-10k ด้วยซ้ำ ในขณะที่โนเนมทั่วไปได้ 12k แต่มันบอกว่ามันให้โบนัส บวกลบคูณหารแล้วก็ได้ประมาณเดียวกัน
สายญปอยากได้เงินเยอะจริงๆ ไปทำล่ามดีกว่า แต่อาจจะดูไม่ค่อยมั่นคง+ความรู้ต้องแน่น ศัพท์เทคนิคสายนั้นๆ ต้องแน่น แต่ได้เยอะกว่าทำรายเดือนเยอะ แม่งงกกับรายเดือน แค่ไม่อั้นกับล่าม อีดอก
เรื่องเงินเดือนอาจจะไม่สูงลิบลิ่วเท่าแต่ก่อน แต่สายงานก็ดูมีคนหาคนทำงานภาษาญี่ปุ่นเกือบทุกวันนะ แค่เป็นแค่ล่ามอย่างเดียวไม่พอ อาจจะต้องเรียนรู้งานอย่างอื่นเช่นเป็น ล่ามสายเซลล์ ล่ามประสานงาน ล่ามทำHRไปด้วย ถึงจะไปรอด ไม่ก็งานเลขา หรือ แอดมินก็ยังได้เลท25+ขึ้นไปอยู่นะ ถ้าใครเก่งกว่านี้อาจจะได้มากขึ้นแต่ก็ต้องมีสกิลจับฉ่ายนิดนึง
Jlpt part ฟังนี้มันจะสอบยังไงวะ กูยังไม่เคยไปสอบ กะว่าจะไปลอง n4 สักหน่อย แต่ไม่รู้วิธีสอบเลย
>>117 หมายถึงอะไร พาร์ทฟังคือ มันจะพูด @#&+@%@#?!#@? จบ ละมันก็จะถามคำถามจากปย.ที่มันพึ่งพูดไป ตย.อย่างเช่น หวัดดีโซเชี่ยลแคมนิน้องคลิปนี้อยากฝากถึงพวกลักเหนียวไก่คือแบบว่ากูซื้อเหนียวไก่ใช่มั้ย30 แล้วกูก็วางไว้หน้าตระกร้ารถใช่มั้ยล่ะ กูเข้าไปออนไลน์แปปเดียวนิเหนียวไก่หาย มึงว่าคนลัก หมาคาบหรือหมากิน ไม่รู้นะมึงไม่มีปย.ซื้อหรอถึงมาลักคนคนอื่นเหยดแหม ตางยังไม่มีปย.ซื้อ มาลักของคนอื่นเหยดแหม พอพูดจบปย.แล้วมันก็จะดังตู้ดดดแบบยาวๆอ่ะ แล้วเค้าก็จะถามคำถามเกี่ยวกับปย.ที่พึ่งร่ายเสร็จตะกี้ เช่น เด็กผญ.มันขุยเหนดแหมกี่คำ หรือ เด็กผญ.วางเหนียวไก่ไว้ที่ไหน เพราะงั้นตั้งสติและฟังให้ดีๆนะ เหมือนมันพูดอยู่2หน
มีมู้เกี่ยวกับภาษาเลยเหรอวะ? ...ช่วยดันให้นะ
กูอยากรู้คำแปลของคำที่กูได้ยินมานะ
-โอเรไกชิมัส
-โอสึกาเระ สะมาเดส
-ฮาระอิปปัย
-โคะโคโระอิปปัย
คำพวกนี้แปลว่าอะไรวะ? แล้วที่กูพอเข้าใจบ้างว่า โอฮาโย แปลว่า อรุณสวัสดิ์ แต่เวลาพูดจริงโอฮาโยโกไซมัสนี่มันต่างกับโอฮาโยยังไงอ่ะ? แล้วคำนี้นี่ใช้ได้ทุกเวลาเหมือนกับคำว่า你好ในภาษาจีนเลยเหรอวะ? ถ้าจำไม่ผิดแม่งมี คนนิจิวะ , คมบังวะ ด้วย แต่เวลาทักทายกันนี่คือคำว่าโอฮาโยใช้ได้ทุกเวลาตอนที่เจอกันใช่ป่ะ?
>>124 โอฮาโย แปลว่าสวัสดีตอนเช้า
แต่เท่าที่เห็นจากสื่อญี่ปุ่นต่างๆ เหมือนจะอนุโลมให้ใช้เป็นคำทักทายตอนเจอหน้ากันครั้งแรกของวันนั้น
ที่เห็นบ่อยคือพวกวงการบันเทิงเหมือนใช้เป็นคำทักทายสามัญ แบบจะเวลาไหนก็โอฮาโย แล้วก็พวกไอดอลจะทักทายว่าโอฮาโยตลอดเพราะอิมเมจไอดอลต้องสดใสตลอดเวลามั้งกูก็ไม่แน่ใจ
แต่ถ้าคุยเป็นการเป็นงานก็ใช้คำทักทายให้ถูกเวลาดีกว่า
>>124 -โอเรไกชิมัส
อันนี้จริงๆ มันคือ โอเนไกชิมัส แปลว่า "รบกวนด้วย" เวลาจะฝากเขาทำอะไรหรือช่วยอะไรก็จะใช้แหละ
-โอสึกาเระ สะมาเดส
อันนี้ใช้ตอนที่จบงานหรือกำลังจะกลับบ้าน แยกย้ายไรงี้ ว่าแบบเออเหนื่อยหน่อยนะ กับอีกอย่างนึงคือใช้ตอนเจอกันเป็นคำทักทายได้ ว่าแบบ เออ เหนื่อยหน่อยนะ(ที่ผ่านมาก่อนมาเจอกู)
-ฮาระอิปปัย
แปลว่าอิ่ม แดกไม่ไหวแล้ว
-โคะโคโระอิปปัย
แปลว่า ฟิน พึงพอใจ
คำทักทายมันมีสามอย่างอย่างที่มึงว่า โอฮาโย ใช้ตอนเช้า คนนิจิวะ ใช้ตอนบ่าย คมบังวะ ใช้ตอนเย็น แต่ตอนเจอกันครั้งแรกของวัน ไม่ว่าจะช่วงเวลาไหนก็ใช้โอฮาโยได้ เพราะเหมือนมึงเพิ่งเจอเขาครั้งแรกของวันงี้
อมก. โม่งได้ญี่ปุ่นคือเยอะจัด.... มีอีกอันนะ
เคียวโมะ โยโนชิคุ โอเนไกชิมัส อันนี้แปลว่าไรวะ?
โม่งสอบวัดระดับรอบนี้ไม่จำกัดคนใช่ปะ
มินนะโนะนิฮงโกะนี่ 4 เล่มจบแล้วมันจะได้ในระดับไหนอ่ะ ไวยากรณ์ต่างๆมันมีเยอะมั้ยของยุ่น คือในมินนะ4เล่มมันครบป่ะ กะจะลองศึกษาเอง
ถ้าอยากไปทำงานที่ญี่ปุ่นแบบที่ต้องใช้ภาษาเยอะเช่นกฎหมายต้องได้อย่างน้อยระดับไหนอะ
สงสัยครัช เรื่องการใช้สรรพนาม มีมั้ยที่ผู้หญิงใช้oreเรียกแทนตัวเอง กูไปหามาเขาบอกว่าใครใช้แม่งจะโครตดูquirkyสัสๆ “
Any teenager girl using ore will be considered ill-mannered, uneducated, low class, furyo“ เขาว่ามางี้ จริงมั้ยอ่ะโม่ง
แล้วผู้หญิงที่ใช้bokuนี่ในสังคมญี่ปุ่นมันดูดัดจริตป่ะ? หรือใช้ได้ทั่วไป?
จะไปเรียนภาษาญี่ปุ่น 1 เดือนที่ญี่ปุ่น เน้นแค่พอพูดได้เฉยๆ ไม่ได้เอาไปใช้สอบอะไร มันพอป่ะ
(เคยเรียนญี่ปุ่นตอน ม.ปลาย ความรู้ระดับN4 แต่ลืมไปหมดละ )
เอ่องั้นผู้หญิงใช้ โอเระ นี่คือแบบ เอ็งข้า เนอะ พูดกับคนแปลกหน้าผู้ใหญ่แม่งก็ไม่สุภาพแน่นอน งั้นถ้าใช้กับเพื่อนพอได้ใช่ป่ะ แล้วมันนิยมกันเยอะมั้ย?หรือถ้าพูดไปจะดูเสร่ออยู่
ปล กุไม่ได้มองเรื่องเท่าเทียมเชี่ยไรไม่อินwokeฆร่ะ🤢🤮 แค่แบบสงสัยเฉยๆ
เอ่อแล้วแบบผญมัยก็ไม่มีคําสารพนามเถื่อนๆไว้ใช้เลยเหรอ พวกสก๊อยแยงกี้สาวแกลมันพูดแทนตัวว่าไรกันบ้างอ่ะ
โอเระซามะไปเลยเพื่อนโม่ง อย่าไปแคร์
อายุ 32 n5 อยากเรียนเซมมงการโรงแรมทันมั่ยว่ะ
เตรียมสอบ n3 พวกมึงอ่านไรบ้างวะ
ไปเรียนภาษาที่ญี่ปุ่น 1 เดือน จะพูดคุยในชีวิตประจำวันได้คล่องมั้ย
//ส่วนตัวเคยเรียนศิลป์ญี่ปุ่น คงามรู้ประมาณ n4 แต่ลืมไปหมดแล้ว แค่อยากไปอยู่ที่ญี่ปุ่นนานๆ เรียน 1 เดือน เที่ยว 1 เดือน
// ไม่ได่เอาความรู้ภาษาไปใช้อะไร แค่อยากพูดได้
1 เดือนไม่ได้อะไรหรอก ต้อง 1 ปีขึ้นไป
>>157 กูไม่ใช่ 156 แต่ที่ 156 บอกก็คือ "ไม่ได้อะไร" ความหมายตรงตัวตามนั้น จะเอาไปใช้ทำงานหรือไม่ใช้ทำงานก็ไม่ได้เกี่ยวอะไร ยังไงไปเรียนแค่ 1 เดือน + อยู่ 1 เดือน ยังไงมึงก็พูดไม่ได้อยู่ดี ถ้าบ้านรวยอยากไปเที่ยวก็ไป ไม่ต้องหาข้ออ้างว่าจะไปเรียนภาษาที่ญี่ปุ่น แต่ถ้าเป้าหมายคือการเรียนจริงๆ เอาเงินจำนวนนั้นมาลงเรียนคอร์สในไทยยาวๆ นั่นแหละถึงจะพอพูดได้
ฟังเพลงยุ่นมันช่วยให้เก่งขึ้นมั้ย ถ้าเทียบกับไปดูวาไรตี้ คนแนะนําเยอะแต่ขกดู กูยอมฟังเพลงดีกว่า
>>157 1 เดือนไม่ได้อะไรจริงๆนะ ต่อให้มึงจะแค่เอาพูด การเรียนภาษามันมี 2 แบบคือพวกที่เรียนไปเที่ยวเอาชีวิตรอดกับเรียนเพื่อใช้จริงจัง เรียนไปเที่ยวก็เหมือนตามหนังสือพูดญี่ปุ่นง่ายๆมีประโยคให้พร้อมว่าสถานการณ์ไหนต้องพูดอะไร เช่นสั่งข้าว ซื้อตั๋วรถไฟ แต่ถ้ามึงอยากเข้าถึงอะไรมากกว่านั้นต้องลงเป็นคอร์สเลยแล้วจะเรียกได้เต็มปากว่าพูดได้ กูก็พึ่งจะกล้าบอกใครว่าพูดได้ตอนผ่าน N3 แล้วก็ไม่ใช่ว่าพูดได้เยอะนะ ได้แค่พื้นๆ
เรียนเก็บแต้มกูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอยากได้ระดับไหน เมื่อก่อนกูก็พวกเก็บแต้มเหมือนมึง เรียนใน duolingo แล้วคิดว่าตัวเองพูดได้หลายภาษาแต่ที่จริงแค่เปลือก เพื่อนกูก็มีพวกที่เรียนอะไรของมันไม่รู้ทีเดียว 3 ภาษาซึ่งมันก็แบกไม่ไหว ได้แค่เบสิคเช่นตัวเลข คำทักทาย
>>159 วาไรตี้เก่งขึ้นง่ายกว่า มึงจะได้ฟังการพูดคุยกันจริงๆของคนญี่ปุ่น เพลงมันไม่ได้เสียงชัด แถมมีความเป็นศิลปะเนื้อเพลงไปเปิดดูมันก็ไม่ใช่ประโยคทั่วไปอีก แต่ดีตรงได้ศัพท์เฉพาะทาง
ถามคนมีเพื่อนญี่ปุ่น ทําไมคิ้วผู้ชายยุ่นมันเส้นบางๆคมๆจังวะ คือกันคิ้วกันเหรอ หรือเขียนคิ้ว กูเห็นตั้งแต่สมัยแยงกี้เมื่อก่อนปัจจุบันก๋ยังกันคิ้วกันทรงนี้
หรือจริงๆมันคือกรรมพันธุ์คิ้วญี่ปุ่น?
จีน, เกาหลี, ญี่ปุ่น พวกที่แต่งตัวๆจะกันคิ้วกันหมด
เขานิยมถอนขนคิ้วนิเรียกว่ากันคิ้วก็ได้ ไม่ต้องพวกแต่งตัวจ๋า เหมือนมึงถอนขนรักแร้อะ เรื่องปกติ
เรียนญป.เองแล้วไม่ถนัดฟังกับพูดเลยทำงานอะไรได้วะ
อยากเรียนญี่ปุ่นแบบออนไลน์ตัวต่อตัว ชั่วโมงประมาณละ 500 ออกใบกำกับภาษีให้ได้ พอจะมีบ้างมั้ยอะ หาเองเจอแต่แบบชั่วโมงละ 1000 up ถ้าแบบถูกๆ ก็จะเป็นแบบส่วนบุคคล ออกใบกำกับให้ไม่ได้ ;_;
~していました นี่มันใช้ไงวะ แบบเดียวกับ ~ましたป่ะ
ตอนกูกำลังอ่านหนังสือเตรียมสอบ n4 อยู่ แล้วทีนี่ กูเรียนญปจากมินนะมาตลอด แต่พอกูซื้อ 200 ประโยคมาอ่านรู้สีกว่ามันอธิบายกับยกตัวอย่างดีกว่ามินนะ แต่ว่าพวกคำศัพท์กับแบบฝึกหัดสู้มินนะไม่ได้ กูเลยลังเลว่าจะอ่านแบบไหนดี ถ้ากูใช้ไปคู่กันเลยมันจะดีปะวะ
ถามหน่อยสิโม่ง ตอนนี้ปรับเวลาตัวเองใหม่ให้นอนครบ7ชม.ต่อวันอยู่เพลียสะสมมากเกินไปแล้ว นอกจากเรียน1วัน3ชม.ต่อสัปดาห์แล้ว
ระหว่างทบทวนเนื้อหา-อ่านล่วงหน้า5วันที่เหลือวันละชั่วโมง กับไปทบทวนลงในวันเดียว5ชั่วโมงเลย พวกมึงว่าอย่างไหนดีกว่ากันวะ คือตัวเลือกแรกกูกลัวไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่ สองก็กลัวสมาธิว่อกแว่ก เลยอยากทราบความเห็น
คนบังวะ สวัสดีตอนเย็น มองไม่เห็นเลย
พรุ่งนี้จะสอบแล้ว 神様、どうか 私に合格させてください
จาสอบแว้วววววววทำไมกูรู้สึกว่าจะตกเลยอร้าายยสาาาายยยวสววงฝำววกนดาดดวเวเวเเวเงขฟหใกสดาดรดรกยฟงฟวหสกาปปาาปส
中出ししたい!中出ししたい!中出ししたい!中出ししたい!中出ししたい!中出ししたい!中出ししたい!中出ししたい!中出ししたい!中出ししたい!中出ししたい!中出ししたい!中出ししたい!中出ししたい!中出ししたい!中出ししたい!中出ししたい!中出ししたい!中出ししたい!中出ししたい!中出ししたい!中出ししたい!中出ししたい!中出ししたい!中出ししたい!中出ししたい!中出ししたい!中出ししたい!中出ししたい!中出ししたい!中出ししたい!中出ししたい!中出ししたい!中出ししたい!中出ししたい!中出ししたい!
https://youtu.be/Z3TjP5LZ3mg
ญี่ปุ่นโหดร้ายจังวะ รมแก้สหมาแมวทั้งหมด
เสียดายของออก จับแดกโดยการใส่หม้อต้มทั้งเป็นดีกว่า เนื้อหวานไม่เสียเวลาด้วย
ผล JLPT มันไม่มีอายุแบบ TOEIC ใช่มะ คือกูผ่าน N1 ตั้งแต่จบป.ตรี หลังจากนั้นสอบบ้างบางปี (อยากเช็คตัวเองเฉยๆ) ก็ผ่านทุกครั้ง กูมักจะลังเลว่าถ้ากูจะสมัครงานใหม่ กูควรยื่นอันไหน ทีนี้ถ้าคิดแบบปกติ เราควรจะยื่นอันล่าสุดใช่ป่าว? แต่กูกลับคิดว่ากูอยาก appeal ว่าตัวเองผ่านตั้งแต่เรียนจบ ไม่ได้เพิ่งมาสอบผ่าน คิดประหลาดไปป่าววะ 555 จะยื่นแม่งทุกอันที่สอบก็กลัวจะโดนมองว่าเลอะเทอะ จะยืนอันที่คะแนนดีที่สุด มันก็ใกล้ๆ กันแหละไม่ค่อยต่างกันแบบมีนัยยะเท่าไหร่
อยากถามความเห็นคนที่เรียนภาษายี่ปุ่น มันยากกว่าengไหมวะ
คหสต.นะ ถ้าคิดแบบทั่วๆ ไปกูว่าอิงค์ง่ายกว่า ญี่ปุ่นลึกซึ้งกว่า แต่โดยส่วนตัวกลับรู้สึกว่าตัวเองจริตถูกกับภาษาญี่ปุ่นมากกว่าเลยรู้สึกว่าสำหรับตัวเองญี่ปุ่นง่ายกว่า เก็ตไวกว่า เพราะหลักการคิดหลายอย่างมันคล้ายไทยเพราะเป็นเอเชียเหมือนกัน มันเลยมีเรื่องระดับของภาษา ความอ้อมค้อมต่างๆ นัยยะแฝงโน่นนี่นั่น เข้ามาเกี่ยวเยอะ
และแบบ >>195 บอกคือญี่ปุ่นมันมีไวยากรณ์หลายอันที่หน้าตาคล้ายกันแต่คนละความหมาย เพราะงั้นโอกาสเข้าใจผิดมีสูงมาก ไม่แปลกใจเลยที่หลายคนออกมาจากห้องสอบบอกว่าทำได้ อ่านได้ แต่ผลออกมาตกระนาว (ชอยส์แม่งแกล้งสุด เพราะมันดักได้เลยว่าถ้าไม่เป๊ะจริง มึงจะเข้าใจผิดไปในทางไหน) ในขณะที่อิงค์กูมองว่าเป็นภาษาที่เข้าใจง่าย ตรงไปตรงมา ถ้าอ่าน/ฟังรู้เรื่องก็คือรู้เรื่อง ถ้าอ่าน/ฟังไม่รู้เรื่องก็คือไม่รู้เรื่องไปเลย แต่ญี่ปุ่น มึงจะเหมือนเข้าใจ แต่จริงๆ มึงจะเข้าใจผิด 555
กูไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาเอาภาษาอังกฤษเป็นภาษาสากล ถ้าเอาภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาสากล กูว่าแม่งมีสาปอะ 555 ภาษาอังกฤษมันเหมาะสมแล้วแหละ ภาษาไทยเองก็ใช่ย่อย บางทีเจอเพื่อนต่างชาติถามมา กูยังสตันท์ 555 แต่กับอังกฤษแทบไม่ค่อยสตันท์เลย เหมือนทุกอย่างมันเป็น logic อธิบายได้ง่าย ชัดเจน แต่ไทย/ญี่ปุ่น มันจะมีแบบว่า ถูกไวยากรณ์นะ แต่ไม่เป็นธรรมชาติ อธิบายด้วยหลักการไม่ได้ อะไรแบบนี้ 555
เขียนเมลยุ่นดูยุ่งยากเวิ่นเว่อสัสๆ ทั้งๆที่แค่ต้องการคอนเฟิร์ม yesหรือnoแค่นั้น https://youtube.com/shorts/zqZdK9uX4po?feature=share
.... 持っていますか。ถ้าไม่มี นี่ตอบด้วย ありませんได้ป่ะวะ
พวกข้อสอบเก่าๆมันหาได้จากไหนวะ
กูผ่านN2ได้ซะที5555555⁵55555555555
มีข้อสอบ a level 85 หลุดมายัง จะเอาไปติวเด็ก
กูเคยเห็นช่องข่าวญป.ช่องนึงในยูทูป มันมีccภาษาไทยด้วยอ่ะ กูลืมชื่อช่องละใครรู้จักบ้าง
ไม่เกี่ยวกับภ.ญป.แต่ขอถามเกี่ยวกับญป.หน่อย อยู่โตเกียวด้วยเงิน 5หมื่นเยนยังไงวะ(ไม่รวมค่าหอ)
ถามหน่อย JLPT นี่ไม่สามารถดูคะแนน/ผลในเว็บไซต์ย้อนหลังได้ใช่ปะ? ดูได้แค่ตอนประกาศหลังสอบรอบล่าสุดเนอะ?
>>209 ทำอาหารกินเองเป็นหลัก ซื้อเสื้อผ้าตามร้าน outlet หรือพวกมือสองแบบ bookoff ข้าวในมหาลัยก็ถูก ถ้าไม่ฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือย ไม่เที่ยวเลย ก็พออยู่ได้แหละ โตเกียวมีไบท์ให้ทำเยอะด้วย แนะนำให้ทำไบท์เหอะ จะได้มีเงินจับจ่ายคล่องมือหน่อย ไม่ต้องอยู่แบบอัตคัตมาก แนะนำร้านอาหาร ยังไงก็ได้แดกฟรี 555
>>210 แดกคอนบินี่ทุกมื้อยังเปลืองเลย กูใช้วิธีไปซูเปอร์ตอนกลางคืน รอเค้ามาแปะป้ายลดราคา ซื้อวัตถุดิบตอนนั้นแหละเอาไว้ทำอาหาร โคตรคุ้ม กินแซลมอนทุกวันในราคาเท่าเนื้อหมู คอนบินี่เหมาะกับคนวัยทำงานไม่มีเวลา ทำโอทียันรถไฟเที่ยวสุดท้าย ถ้าไปเรียน แนะนำทำอาหารกินเอง เพราะประหยัด ไม่อ้วน ได้กินของดีๆ มีคุณภาพ นักศึกษาจะค่อนข้างมีเวลาเยอะอยู่แล้ว
>>213 ไม่รู้แฮะ ไม่เคยอยู่แชร์เฮาส์ อยู่อพาร์ตเมนต์คนเดียว แต่ที่แน่ๆ ตอนกูอยู่ญี่ปุ่น ของมีค่าราคาแพงวางทิ้งไว้ไม่เคยหาย แต่วางข้าวกล่องคอนบินิไว้ในตระกร้าจักรยาน=หาย เสียบร่มไว้ที่จักรยาน ฝนตก=หาย
>>214 ถือว่าค่อนข้างอัตคัต แต่ถ้าประหยัดมากๆ ก็พออยู่ได้แหละ กลับมาได้ภาษา N1 ก็สบายละ เงินเดือนสูงกว่าเพื่อนเยอะ ค่อยมาฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยตอนนั้นเอานะ 555 ข้อดีคือต่อให้อยู่แบบเงินน้อย แต่คุณภาพชีวิตมันไม่แย่แบบคนจนในไทยอะ ปั่นจักรยานไปเรียนก็ปลอดภัย ไม่ร้อน ไม่ฝุ่น ไม่อันตราย อยู่เมืองไทยนี่ถ้าจนชีวิตมึงจะทั้งลำบากทั้งอันตราย ตอนกูไปกูก็ได้ทุนยกเว้นค่าเรียน+ให้ค่ากินอยู่ (แต่ได้เยอะกว่ามึง+ไม่ได้อยู่โตเกียว+ทำไบท์ได้) กูอยู่แบบประหยัดๆ แต่ไม่ได้รู้สึกว่าลำบากเลย กลับมามีเงินก้อนเหลือด้วยซ้ำ เอาไว้ตั้งตัวตอนเริ่มทำงานสบายๆ
>>216 กูไม่ค่อยมีเพื่อนญป.ว่ะบอกตามตรง มีเพื่อนต่างชาติเยอะสุด ฝรั่ง จีน เวียดนาม เกาหลี มีหมด เพื่อนญป.มีแต่คนที่เค้าเป็นคนที่มีความสนใจตปท.เป็นทุนเดิม คนที่เคยไปอยู่ตปท.มาก่อน คนที่สนใจอยากไปอยู่ตปท.ในอนาคต อยากมีเพื่อนเป็นต่างชาติ เค้าถึงมาสนิทด้วย (ซึ่งน้อย) แต่คนญป.ทั่วๆไปส่วนมากเค้าไม่อยากมาสนิทสนมอะไรกับต่างชาตินักหรอก ก่อนอื่นมึงต้องเข้าใจก่อนว่า คนที่ friendly กับต่างชาติสุดๆ อยากมีเพื่อนเป็นต่างชาติ เจอต่างชาติมาชาติตัวเองแล้ว welcome ชิบหายดูแลอย่างดี มีแต่พี่ไทยเรานี่แหละ 555
>>219 ฝรั่งก็ไม่ได้อยากสนิทกับเอเชียทุกคน หลายคนก็ยังเหยียดเอเชียอยู่ จากปสก.ส่วนตัวกูกับเอเชียด้วยกันสนิทง่ายสุด แต่สุดท้ายมึงก็ต้องไปดูหน้างานเอาแหละ อย่าเพิ่งไปปักธง เดี๋ยวได้เจอได้คุยก็สังเกตเอาว่าคนไหนเค้าดูจอยกับเรา คนทุกชาติก็เหมือนกันหมดแหละ มันก็มี stereotype ประมาณนึง แต่ก็ไม่ 100% และบางคน(ส่วนน้อย) ก็หลุด stereotype ไปเลยก็มี
>>220 อย่าไปมีอัคติแบบไอนี่ บางทีคิดกันไปเอง มึงอาจต้องเข้าหาเขาก่อน หรืออาจจะต้องมีค่านิยมการใช้ชีวิตแบบตะวันตกด้วยจะสนิทกันได้มากขึ้น กูส่าสาเหตุที่เด็กเอเชียแม่งเกาะกลุ่มกันเองเพราะคิดมากไปเองมากกว่าว่าฝรั่งไม่ชอบ กูเป็นเพื่อนทั้ง2ฝ่ายได้ ก็ปกตินะ ในทางกลับกันฝ่ายเด็กฝรั่งกูรู้สึกถึงความกีดกันเรื่องraceน้อยกว่าเด็กเอเชียอีก….
>>225 RDR2 มันยุคเมื่อร้อยกว่าปีก่อนมึง ไม่ว่าประเทศไหนก็ทักคุยคนแปลกหน้าปกติ เพราะมันไม่มีหน้าจอให้จ้องเหมือนทุกวันนี้ การพบเจอคนพูดคุยกับคนไม่ใช่เรื่องแปลก ไม่ต้องมองไกล คนแก่แถวบ้านกู บางทีไม่รู้จัก ยืนซื้อของร้านเดียวกันบางทีแกยังชวนคุยเลย
แต่ฝรั่งทุกวันนี้ไปชวนคุยมั่วซั่วกูว่าจะมีเรื่องมากกว่าผูกมิตร ยิ่งถ้ามึงเป็นผู้ชายอยู่ๆ ไปชวนคุยผู้หญิงตามท้องถนน แม่งจะมองว่า creepy ด้วยซ้ำ
ที่ชวนคุยได้ปกติส่วนใหญ่คือตามผับ บาร์ สถานที่แบบนั้นเหมือนรู้กันว่ามาเพื่ออะไร
นี่โม่งอายุเท่าไหร่วะ 10ขวบรึไง ไม่ต้องย้อนไปสมัยเรดเดทหรอก กูว่าสังคมที่คุยกับคนแปลกหน้าไม่ได้เพิ่งจะทาเป็น10กว่าปีที่ผ่านมานะ ตอนที่มีสมาร์ตโฟนอ่ะ แต่ก่อนหน้านี้เมืองไทยเองกูไปไหนกูก็ชวนชาวบ้านคุยไปเรื่อย ตอนนี่ก็คุยได้นะพวกแม่ค้าแม่บ้านภารโรงวินมอไซ คือยิ่งคนสังคมเมืองฐานะสูงขึ่นก็ยิ่งคุยยากขึ้นเป็นปกติ แต่กูไม่เข้าใจว่าเอ็งจะย้อนไปตั้ง100ปีทําไมโว้ย เลิกเก็บachievementแล้วออกไปแตะหญ้าจริงๆบ้างอาเธอร์!!!
ส่วนที่บอกให้ทักไปเหอะ คือมึงก็ต้องดูด้วยว่าเขาเป็นใคร ไม่ใช่แบบไปเจอข้างทางที่ไหนไม่รู่แล้วเมคแฟรนมันก็แปลกๆอยู่แหละ อย่างกูมาเรียนนอก กูก็ทักเด็กในหอ เด็กในมหาลัย หมดทั้งคนประเทศนั้นๆทั้งเด็กชาวต่างชาติ มันมีกิจกรรมให้ต้องทําด้วยกันด้วยไงมันก็สนิทกันได้ง่าย ขนเป็นเพื่อนสนิทกันจริงจังอ่ะ คือเขาไม่กด้กีดกันโว้ยแต่บาวทีมึงต้องเข้าหาอีกฝ่ายก่อน ไหนๆมานอกละหาเพื่อนต่างประเทศบ้าง อย่าเอาแต่เกาะกลุ่มกันเองเลยเด็กเอเชี่ยนเอ้ยยย
แล้วสังคมเมืองนอกมันไม่ได้เหมือนส่ามึงไปข้าวสารซอยคาวบอยพัทยาสตรีทไนท์ซะหน่อย ไหนๆก็มาละ กูแชร์ปสกเลยว่าวันๆคุยยังไงไรบ้าง -ก็ถ้าเป็นเพื่อนช่วงอายุวัยเดียวกัน(กู20ต้นๆ) ก็จะคุยบ่นเรื่องมหาลัยการเรียน เรื่องแนวทางอาชีพในอนาคต บ่นเรื่องชีวิต อีโมอยากตายเป็นปกติของเด็กมหาลัย อ่อแล้วก็คุยเรื่องหนังเรื่องดนตรีอนิเมะ ข่าวสารนินทาชาวบ้าน เรื่องรักๆไคร่ๆวัยรุ่น
-เพื่อนวันทํางานแก่กว่ากู ก็คุยเรื่องไปเที่ยว ทํากิจกรรม การงาน แลกเปลี่บนวัฒนธรรม เรื่องภาษา ประเพณี วรรณกรรม ศิลปะ ชวนไปตั้งแค้มป์เดินป่าไรงี้แหละมีทุกเรื่องแต่คุยกับผู้ใหญ่จะประสาทแดกน้อยกว่าพวกไวรุ่น ไม่มีเรื่องอีโมเอดจี้
มันไม่เห็นจะเหมือนอารมณ์คุยที่ข้าวสารเลยหน่ะ… เอาจริงฝรั่งข้าวสารชวนคุยเรื่องการเมืองแท่งก็กลับมาซีเรียสได้เหมือนกัน โดยที่แม่งจะลืมไปเลยว่ามาหาหี มึงต้องลองดูเว้ย เอาจริงที่ข้าวสารก็ทักได้ทุกคนเหมือนกันแต่ก็ระวังไว้ว่าอีกฝ่ายจะคิดว่ามึงมาจีบ เอ่อจะว่าไปกูก็ไปคุยได้ไงวะแต่ละคนมีแต่ผช แล้วกูก็ผช ไอเชี่ยเกเรชห แต่แม่งมาคุยเรื่องการเมืองเถียงกันมันสัสๆ
พวกเมกา แคนนาดานี่ไปเดินสวนสาธารณะดูคนทักแบบ small talkเยอะ มีความเฟรนลี่ เหมือนทักเพื่อไว้เริ่มบทสนทนา
ส่วนยูเคนี่คนละแนวเลย แม่งmind your own business
อันนี้ยังเป็นโม่งภาษาญี่ปุ่นอยู่ใช่ไหม
ภาษาญี่ปุ่น มีคำไว้ด่าคนที่ยืดหยุ่นกับทุกเรื่อง จนมันไม่เป็นไปตามกฏที่เขาวางกันไว้กันอยากรู้
ถ้ามีด่าคนที่ยืดหยุ่นกับทุกเรื่อง แม่งคงโดนด่าหมดจ้าา
อ๋อ ยกเว้นมู้นี้
>>237 สรุปคือมึงเป็นขี้เรื้อนที่เห่าคนไปทั่วว่างั้น? มึงไปด่าเขาก่อนก็ยังจะเถียงกลับ คำอธิบายมึงกุนับว่าแถล้วนๆ ประเด็นหาเพื่อนมันคือออกทะเลเพราะมึงโยงเข้าเรื่องนี้ได้ทุกมู้แต่มันไม่ได้เกี่ยวกับหัวมู้ กุจะแถว่าอยากเดินหาเพื่อนในทู้อนิเมะก็ได้แต่มันก็จะเป็นการชวนออกทะเล มันไม่จำเป็นจะต้องหลุดหัวเรื่องขนาดคุยการเมืองในทู้วิทยาศาสตร์
>>238 ประเด็นคือมันปากหมากุเลยทัก ส่วนตัวไม่ได้มีปัญหากับการออกทะล
อยากเรียนภาษาเยอรมันด้วยตนเองเริ่มต้นยังไงดีโม่ง
อยากเรียนภาษาฝรั่งเศสด้วยตนเองเริ่มต้นยังไงดีโม่ง
อยากเรียนภาษาคนด้วยตัวเองเริ่มยังไงดีโม่ง
อยากเรียนภาษาลูด้วยตนเองเริ่มต้นยังไงดีโม่ง
เพื่อน ภาษาญี่ปุ่นนี่บางทีเหมือนไทยปะ ที่คุยกันแล้วรูปประโยคไม่เป๊ะมาก มีสลับหน้าหลังบ้างแต่เข้าใจ กูกังวลเรื่องรูปประโยคมาก กลัวคุยกับคนอื่นละเขาไม่เข้าใจ
อย่าลืมติดตามบีมเซนเซย์
https://www.youtube.com/watch?v=-N93OI6pNPQ
ถามความแตกต่างระหว่างสถาบันพวกคอร์สปกติกับเร่งรัดหน่อยโม่ง คือกูไม่ได้รีบไม่โดนจำกัดด้วยเวลา แล้วก็ไม่อยากเครียดมาก ระหว่าง
1.เรียนธรรมดา แล้วสามารถมีเวลาทบทวน อ่านเอง ทำการบ้านทุกวันวันละ2-3ชม.
2.เรียนเร่งรัด แต่ไม่มีเวลาทบทวน หรือ ทำการบ้านอะไรเลยหลังเรียนจบ
ปล.ชีวิตประจำวันกูมีชาวเกาะให้คุยด้วยได้ถ้าเลือกจะคุย วันละ10-หลาย10คนทุกวัน ทั้งหน้าใหม่และเก่า
โม่งช่วยแนะนำหน่อยสิแบบไหนดีกว่า
https://tadoku.org/japanese/free-books/
ไว้อ่านภาษาญี่ปุ่น
ตอนนี้ชักสงสัยตัวคันจิบางคำเสือกเขียนเสียงกำกับให้ออกเสียงอิ้ง กรณีนี้นี่มีหลักการยังไงหว่า
อ่าน novel
วิธีใช้ Anki เพื่อเรียนภาษาญี่ปุ่น | Japanese Anki Deck & การตั้งค่าสำหรับคำศัพท์ภาษาญี่ปุ่นหลัก
duolingo นี่มันเหมาะสำหรับการจำคันจิป่าววะ เห็นวีเรียนญี่ปุ่นในนี้กันเยอะ
ทำไมพวกที่ผ่านn2ก่อนจบม.6 ส่วนใหญ่จะเป็นลูกครึ่งว่ะ แล้วพวกพาร์ทการฟังแม่งเยอะสัส เห็นเต็มเกือบหมด
>>268 ก็ลูกครึ่งไง เหมือนพ่อแม่เป็นไทย แล้วไปสอบวัดระดับไทย
ถึงจะเขียนไม่คล่อง อ่านไม่เก่ง แต่ฟังพูดมันก็ได้ง่ายๆอยู่แล้ว
แต่เอาจริงๆแล้วแต่คนเหมือนกัน กูก็ N2 ตอนม.6เทอม 2 แล้วได้ N1 ตอนปี 1 แต่ก็ไม่ได้เป็นลูกครึ่งหรือรู้จักคนญี่ปุ่นซักคน
ขยันเรียนกับความชอบล้วนๆ
คนที่เข้าใจภาษาญี่ปุ่น เวลาดูหนังโป๊ญี่ปุ่น แล้วตลกบทพูด เหมือนกูบ้างไหมวะ
jlpt n4 นี่ถ้าเทียบกับคนญป.ประมาณป.ไหนวะ
อยากเรียนภาษาญี่ปุ่นนะ แต่เห็นสภาพประเทศ สังคม หรืออะไรหลายๆอย่างละแม่งไม่ได้ดูน่าไปแบบ20-30ปีก่อนเลย ละสภาพเศรษฐกิจดูโดนแช่แข็งหนักจัดๆไปอีก ระบบการศึกษาไม่ได้ดูๆหาเส้นสายต่อยอดนอกเกาะได้ .... กูละคิดไม่ตกเลยว่าเรียนหาpassionไรดีวะ? ในการทำงานก็นึกไม่ออกว่ามีงานไรให้ทำที่เกาะเมื่อเทียบกับในไทยที่ห้างร้านเยอะจนกลุ่มธุรกิจแบบโคเรทสึจะฟอร์มกลุ่มผูกขาดทุกเรื่องก็โคตรยาก หรือสไตล์การคัดคนเข้าทำงาน การทำงานกับคนยุ่นมันมีอะไรที่ดีแล้วมันสบายใจกว่าทำงานกับคนไทยถ้าเจอนายญี่ปุ่นที่ดีจริงๆ? แต่ที่กูOKกับอย่างนึงคือเรื่องของหนังโป๊ที่คัดหาเด็กแบบอายุ18-19หรืออายุ24-25ละหุ่นเด็ดๆได้นี่เค้าสรรหาจริง5555+ ส่วนอีกอันที่กูอยากทำคือหามังงะที่ลายเส้นสวย4 สีแบบมังฮวาเกาหลีมาอ่านจริงจังแต่หายากมากในวงญี่ปุ่นมันเป็นเพราะอะไรวะ? เกิดจากการที่คนนิยมดูอนิเมะมากกว่าเหรอ? ในปี2024ถ้าอยากเรียนภาษาญี่ปุ่นแบบIf I had to start over....กูเอาอะไรเป็นแรงบันดาลใจดีวะโม่ง? ตอนนี้อะไรในญี่ปุ่นที่แม่งยังหาแดกเป็นจริงเป็นจังสุดๆได้นอกเกาะบ้างวะ? ถ้านอกจากเรื่องอาหารแล้วอ่ะนะ เรื่องการจัดบ้าน ไลฟ์สไตล์มินิมอลที่ลงตัวจัดๆถือว่าได้ไหมวะ?
>>275 ขอคำปรึกษาเลย ตอนนี้เรื่องอายุคนทำงานที่ญี่ปุ่นเริ่มมีค่านิยมที่เปิดกว้างขนาดไหนละวะ? กูเล็งหางานในยุโรปมากกว่าเพราะเรื่องอายุมันไม่สำคัญ คนตะวันตกอังกฤษหรือในเครือจักรภพไม่เอาเรื่องอายุเป็นของโต เริ่มสายงานมีปสก. ด้านไหนก็เริ่มใหม่ได้เสมอ กูไม่เอาญี่ปุ่นไต้หวันเพราะเรื่องที่ว่าแก่ตัวไปหางานทำไม่ได้แล้ว
อนึ่ง ใช่ว่ากูจะเรียนญี่ปุ่นเพียวๆๆนะ กูไถสายงานร้านอาหารโรงแรมอยู่ ในอนาคตจะไปสายงานโปรแกรมมิ่งซึ่งเมื่อมีทุนกับจังหวะชีวิตลงร่องให้ไปเปลี่ยนได้เลย ที่กังวลมากคือเรื่องข้างต้นมาากว่า
JLPT N3 Grammar: にしては (nishitewa): For, considering it's~ in Japanese
How to Use Japanese Words っていう and っていうか | Common Japanese Conversation Phrases
https://www.youtube.com/watch?v=hmkfEWm9sBs
なんてvsなんか┃FLUENTLY Express Dislike & Surprise (JLPT N3)
https://www.youtube.com/watch?v=orRauBAGB8g
“YOU” in Japanese and how to address someone (Don't say anata)
https://www.youtube.com/watch?v=7e7JPRxLR6s
It's Not Like...No Way!! わけではない & わけがない PART3┃JLPT N3
https://www.youtube.com/watch?v=dzhW05x9cno
じゃない & じゃん NOT ONLY NEGATION! (Right?, Wow, What are you talking about?!) ┃The の particle Part 1.5
https://www.youtube.com/watch?v=RwlkJp2xqT8
คำถามกูนะ ใช้แอพไรคุยกับคนญี่ปุ่นดี? อย่างน้อยๆสนทนากันแบบไม่ต้องเห็นหน้ากันก็ได้ มันมีไหมวะ?
https://www.youtube.com/watch?v=jpo7YOytU6c
Causative form
にどね - sleep twice
เรียนเรื่อง Rendaku กัน
https://www.youtube.com/watch?v=1XCD8qvOLz4
https://www.tofugu.com/japanese/rendaku/
食後でいいですか?
คำนี้หมายถึง กินหลังอาหารไหม
ありがとうございますか?
แปลว่า ขอบคุณใช่ไหมคะ ?
全部馬鹿。
Jiritsu = อยู่คนเดียว
タイが恋しい=ホームシック
サラさんの笑顔を見ると、ストレス発散になります
やらないか
JLPT N3 Grammar Point - によって (ni yotte): How to say "Depending on~" in Japanese
癒される
subtitle : 字幕 じまく
字幕付きで日本のアニメを見ています
海に囲まれている
出不精 = sluggishness
選択肢 = option
選択肢が増える =More choices
選択肢が増える = Sentakushi ga fueru
申し訳ありませんが、過去に金銭的な問題で人を助ける際に悪い経験をしたため、もうそれをすることはありません。
言い訳:excuse
人を殴るのはいいわけがない
お金困ってるのでPayPayくれるのであれば(•ᴗ•; )
土日 = weekend
履歴書 = resume
志望動機 = motivation
聞かれた = being asked
英語を上手に話せるようにならないといけない
本性 = nature
異性=別の性別
Heterosexual = another gender
要求 -> request
もっとかっこよくなりたいです
このチャンネルから色々な文法を勉強しています。
母国語はなんですか?
ダラダラしてます
なので、そんなに混んでない
電車が増えた
繊維 - fiber
express 急行 きゅうこう
各駅停車 かくえきていしゃ
漢字検定 - kanji test
日本人でも忘れちゃう
読めるだけで、書けなくなる
とりあえず = so far
息子のウイルスが娘にうつってしまいました。
お金に関しては、厳しくいないといけません
可愛い人には、ついつい親切にしてしまいます
DESU NOTE 名前何?!
https://www.youtube.com/watch?v=tntC5hM1N68
พิมพ์เหี้ยอะไรกัน พ่อมึงเป็นคนญี่ปุ่นหรอ
'Kono jinsei iyada! Kono machi iyada! Raise wa Tokyo no ikeman danshi ni shite kudasai!'
なぜ 地獄はまだ整理されてないんだ
梅雨(つゆ)
はまっている
流行り แปลว่า fashion
50周年 - Fashion
声優 - นักพากษ์
ふりん - adultery
職業 - jobs
平均 - Average
息子は (むすこは, musuko wa) - My son
野球の (やきゅうの, yakyuu no) - of baseball
体験に (たいけんに, taiken ni) - to a trial/experience/practice session
行ったことがあります (いったことがあります, itta koto ga arimasu) - has been / has gone
The complete sentence with hiragana:
息子は野球の体験に行ったことがあります
むすこはやきゅうのたいけんにいったことがあります
musuko wa yakyuu no taiken ni itta koto ga arimasu
Shohei Ohtani (大谷翔平)
Japanese baseball pitcher
私の (わたしの, watashi no) - My
弟は (おとうとは, otouto wa) - younger brother
愛知県に (あいちけんに, aichi ken ni) - in Aichi Prefecture
住んでいます (すんでいます, sundeimasu) - lives
The complete sentence with hiragana:
私の弟は愛知県に住んでいます
わたしのおとうとはあいちけんにすんでいます
watashi no otouto wa aichi ken ni sundeimasu
身長
しんちょう
shinchou
The phrase "genuine attraction" in Japanese can be translated as 本当の魅力 (ほんとうのみりょく, hontou no miryoku).
Here is the breakdown with the hiragana:
本当の (ほんとうの, hontou no) - genuine/real
魅力 (みりょく, miryoku) - attraction/charm
The complete phrase with hiragana:
本当の魅力
ほんとうのみりょく
hontou no miryoku
Here is the breakdown of the sentence with hiragana:
お金がある人よりも、見た目がいい方が女性にモテると思います。
お金がある人よりも (おかねがあるひとよりも, okane ga aru hito yori mo) - Rather than someone who has money
見た目がいい方が (みためがいいほうが, mitame ga ii hou ga) - someone who looks good/appearance is better
女性にモテると思います (じょせいにモテるとおもいます, josei ni moteru to omoimasu) - I think will be popular with women
Translation:
"I think someone who looks good is more attractive to women than someone who has money."
男性の (だんせいの, dansei no) - male
本能ですね (ほんのうですね, honnou desu ne) - instinct, isn't it?
遺伝子 - gene
可愛い人の方が、普通の顔の人より、いい人生を送れると思います。
可愛い人の方が (かわいいひとのほうが, kawaii hito no hou ga) - Someone cute
普通の顔の人より (ふつうのかおのひとより, futsuu no kao no hito yori) - Than someone with an average face
いい人生を送れると思います (いいじんせいをおくれるとおもいます, ii jinsei o okureru to omoimasu) - Can live a better life
Translation:
"I think someone cute can live a better life than someone with an average face."
人間の摂理 (にんげんのせつり, ningen no setsuri) translates to "the principles or laws of human nature" or "the order of human affairs." It refers to the natural order, principles, or laws that govern human existence, behavior, and society.
"Serious sickness" in Japanese can be translated as 重病 (じゅうびょう, juubyou).
Here's the breakdown with hiragana:
重病 (じゅうびょう, juubyou)
重 (じゅう, juu) - serious, heavy
病 (びょう, byou) - illness, sickness
So, 重病 (じゅうびょう, juubyou) specifically refers to a serious or severe illness.
Nagaku Taizai shitakotoganai
長くいたいことはない
Rekishi - ประวัติศาสตร์
yakei - Night view
hotondo - almost
chihou - region
kekkou jikanga kakaru
今寝れたばかりです - I just went to bed.
ตอนนี้กูสับสนละ .... โม่งญี่ปุ่นตัวบนๆบอกว่าโอฮาโยโกไซมัสหรือโอฮาโย ใช้ช่วงเวลาไหนก็ได้ของวัน ตอนกูไปทักจริงๆกับคนญี่ปุ่นเค้างงเลยว่าต้อง คนนิจิวะ ไม่ใช่เหรอ? ละกูดูAV แม่งทักทายตากล้องกับทีมงานหลังฉากก็คนนิจิวะ... สรุปละมันควรเป็น คนนิจิวะมากกว่าป้ะ?
อยู่ญี่ปุ่นมา10ปีเพิ่งเคยได้ยินว่าโอฮาโยได้ทั้งวัน
มึงฟังผิดป่าว ช่วง11โมงเห็นแม่งเปลี่ยนไปใช้คอนแล้ว
人事部 - human resource
照り焼きちきん、フライドチキン
サラさんはどんな時に幸せを感じますか?
美味しいものを食べてる時
お金を貯められた時
家族が喜んでいる時
ふたつ目の目的は
日本語が得意になることです
頑張って!
子供達にとっていい思い出になりましたね
子供達が母を幸せにするのが、自然の原理。
野獣 - Yajū
選べます- เลือกได้
どんな言語が話せるかがわかるようになっています
習慣:運動が習慣になれば、運動をすることが楽になります。
悪い習慣はいらないから、いい習慣を築いていきます
体に悪いものを食べる習慣をやめて、健康的なものを食べる習慣を作りたいです。
ใครพออธิบายเรื่อง rendaku ได้ไหม
取引関係
私の黒歴史は
私の過去は
Watashi no kako wa
My Past is
Sure, here is the translation of the sentence along with the hiragana reading for each part:
Japanese Sentence with Hiragana Reading:
もし (もし)
moshi
If
私の母が (わたしのははが)
watashi no haha ga
my mother
病気の時でさえも (びょうきのときでさえも)
byouki no toki de sae mo
even when sick
お金を欲しいと言う (おかねをほしいという)
okane o hoshii to iu
asks for money
彼女の願いは (かのじょのねがいは)
kanojo no negai wa
her request
断ります (ことわります)
kotowarimasu
I will refuse
Translation:
"Even if my mother is sick, I will refuse her request for money."
Japanese
お金を持っている人を助けるのは、自分が全部失っても大丈夫な場合だけです。
Hiragana
おかねをもっているひとをたすけるのは、じぶんがぜんぶうしなってもだいじょうぶなばあいだけです。
Comprehensive Translation
"Only help people with money if you can afford to lose it all."
This sentence advises that one should only provide financial assistance if they can afford to lose the entire amount without facing personal hardship.
In "Fullmetal Alchemist" (鋼の錬金術師, Hagane no Renkinjutsushi), the concept of "equivalent exchange" is indeed central to the story. The specific phrase used in the series is "等価交換" (とうかこうかん, tōka kōkan), which translates directly to "equivalent exchange" in English. This principle governs alchemy in the series, stating that in order to obtain something, something of equal value must be given up.
In Japanese, both "tango" (単語) and "kotoba" (言葉) can be translated as "word," but they are used in slightly different contexts:
単語 (tango): This typically refers to individual words or terms, often used in the context of vocabulary or linguistics. It focuses on the discrete units that make up language.
言葉 (kotoba): This has a broader meaning and can refer not only to individual words but also to language, speech, or expression in a more general sense. It encompasses the meaning, sentiment, or significance conveyed through words.
So, while both can mean "word," "tango" is more specific to individual words themselves, whereas "kotoba" includes a wider range of linguistic elements and meanings.
Fanboiは馬鹿野郎ばかりいるからFanboiを破壊したいなんです
ลองแต่งประโยคภาษาญี่ปุ่นดูใครเก่งญี่ปุ่นบอกหน่อยใช้ไวยากรณ์ถูกไหม
もくめちょう -> สีต้นไม้
はながら - ลายดอกไม้
ミッキー柄のTシャツを着ています - ใส่เสื้อลายโดเรมอน
私もそうだと思います
sou data omoi masu -> naruhodo
naruhodo, tashikani จริงด้วย เห็นด้วย น่าจะเป็นอย่างนั้น
Sure! Let's break down the Japanese sentence "もし時間が作れたら、連絡するね" and translate it into English.
Sentence Breakdown
もし (moshi):
This means "if" or "in case."
It is used to introduce a conditional clause.
時間 (じかん, jikan):
This means "time."
が (ga):
This is a subject marker, indicating that "time" is the subject of the verb.
作れたら (つくれたら, tsukuretara):
This is the conditional form of the verb 作る (つくる, tsukuru), which means "to make" or "to create."
The conditional form (作れたら, tsukuretara) means "if (I) can make" or "if (I) can create."
連絡する (れんらくする, renraku suru):
This means "to contact" or "to get in touch."
する (suru) is a verb meaning "to do," and 連絡 (renraku) means "contact" or "communication."
ね (ne):
This is a sentence-ending particle used to seek confirmation or to soften the statement.
It can be translated as "right?" or "okay?" or it can be omitted in translation for a more natural flow.
Translation
Putting it all together, the sentence "もし時間が作れたら、連絡するね" translates to:
"If I can make time, I'll contact you."
Detailed Translation
もし (moshi): "If"
時間 (じかん, jikan): "time"
が (ga): (subject marker, no direct translation in English)
作れたら (つくれたら, tsukuretara): "I can make" (conditional form, "if I can make")
連絡する (れんらくする, renraku suru): "I'll contact"
ね (ne): (softens the statement, often translated as "okay?" or "right?")
So, a natural English translation would be:
"If I can make time, I'll contact you."
This sentence indicates that the speaker will get in touch if they find the time to do so.
O型 -> Bloodtype O
一応外に干せます -> ภาพ
一応 - just in case
https://www.youtube.com/watch?v=8YSD1Dj7Auc
What does 一応 mean??
JLPT N3 Grammar: について (~ni tsuite) : How to say "regarding; about; on~" in Japanese
https://www.youtube.com/watch?v=_6a0S9ddXzQ
バタバタしてた -> ค่อนข้างยุ่ง
24時間あいています
เปิด 24 ชั่วโมง
今回のテストを受ける目的があるわけではないので、緊張していません
I'm not nervous because I don't have any particular purpose in taking this test.
そういう言い方ばっかり上手くなって、どうするの!笑
男性ウケは良くないけど、スポーティなのが好きです
ほとんどスポーツは苦手です - I am bad with sport
可愛い女の子と会うのは、私の生きがいです
やりたいけど、提案するのが怖かったです
I wanted to do it, but I was afraid to propose it.
どうしたら吸えますか?口がこんなに広いんですね。子供たちよ、近寄らないでください。
มันอมไปได้ยังไงวะทุกคน ปากมันกว้างขนาดนั้นเลย เด็กๆอย่าเข้าไปใกล้นะ
家着 = เสื้อใส่อยู่บ้าน
初めて会社に行った時にもらった、ノベルティです。
นี่เป็นสิ่งแปลกใหม่ที่ฉันได้รับเมื่อไปทำงานครั้งแรก
出社 -> Shussha -> ไปออฟฟิศ
登校する -> Tōkō suru -> ไปโรงเรียน
学校に登校する -> Gakkō ni tōkō suru -> ไปโรงเรียน
22時に寝て、7時に起きましょう - เข้านอนเวลา 22.00 น. และตื่นเวลา 7.00 น
早く寝た方がよかったです
-> Hayaku neta kata ga yokattadesu
-> ฉันควรจะเข้านอนเร็วได้แล้ว
困難、苦労、試練
Kon'nan, kurō, shiren
ความยากลำบาก ความยากลำบาก การทดลอง
困難を乗り越えた時、嬉しいと感じます
Kon'nan o norikoeta toki, ureshī to kanjimasu
乗り越えた Norikoeta
overcome
艱難 - tribulation
ちょーつまんない -> น่าเบื่อมาก
かなり、とても、めっちゃ、超、すごい
Kanari, totemo, sugoku, chō, sugoi
แปลว่า มากเหมือนกัน
とても→すごい→かなり→めっちゃ*超
จาก formal ไป informal
硬すぎる -> Kata sugiru -> Too formal
ชิกะโนโกะโนโกะโนโกะโคชิตันตัน
海外旅行 - OVERSEA
ドイツ
ennyasu - YEN BECOME CHEAP
endaka - Yen become expensive
出社 - shussha - WORK AT OFFICE
契約書 keiyakusho
契約書 = Legal 書類
雰囲気 = Atmosphere
普段 = โดยทั่วไป
他のタイ人と日本語を話す練習をします - ฝึกพูดภาษาญี่ปุ่นกับคนไทยคนอื่นๆ
私と話すと、寂しくなくなるそうです -
ดูเหมือนว่าถ้าคุณคุยกับฉันคุณจะไม่รู้สึกเหงาอีกต่อไป
教科書 - หนังสือเรียน
今日の次の日をいいます。
今日の前の日をいいます。
一昨日:おととい - วานซืน
トイレができない子供のためのパンツです。
กางเกงเหล่านี้เหมาะสำหรับเด็กที่ไม่สามารถใช้ห้องน้ำได้
ふわふわ - fluffy
真ん中に穴があいています
もし子供がトイレを漏らしても、汚れません。ถ้าลูกของคุณทำห้องน้ำรั่ว มันก็จะไม่สกปรก
初めは、生なので、食べるために焼いてから食べます。
Hajime wa, namananode, taberu tame ni yaite kara tabemasu.
ตอนแรกจะดิบก็เลยนำไปคั่วแล้วรับประทาน
これは、鉄板で焼いてから、タレにつけて食べます。
Kore wa, teppan de yaite kara, tare ni tsukete tabemasu.
Tokyo อ่านว่า โต๊กโย
息をつく間もなかった - ฉันไม่มีเวลาที่จะหายใจ
子供のいる人の朝は、基本的に忙しい - โดยทั่วไปแล้วช่วงเช้าสำหรับคนที่มีลูกจะยุ่งมาก
バタバタ - ยุ่ง
海の恩恵に感謝するとともに、海洋国日本の繁栄を願う
島国だから
島国だから = เพราะเป็นประเทศเกาะ
復習 ー ทบทวน
二日前 - Day before yesterday
寂しくない
寂しくなりたくない
満たされたい
寂しくなければ、友達がいなくてもいい
ไม่เหงา
ฉันไม่ต้องการที่จะเหงา
ฉันต้องการที่จะพอใจ
คุณไม่จำเป็นต้องมีเพื่อนถ้าคุณไม่รู้สึกเหงา
会社はお金を稼ぐための場所なので、友達は作らなくていいと思っています。
親切な人は、怪しいと思ってします
親切な人は、怪しいと思ってしまいます
疑いますか? - doubt
# 160 Learn Japanese【~なんて】Surprise / Unexpectation, Despise/Disrespect/Humble - N3 Grammar -
Make Excuses & Justify Yourself Like the Japanese もん/もの/んだもん!JLPT N2
https://www.youtube.com/watch?v=UNHzLucIqT8
連休 - Renkyū - Long weekend
すいてる - empty
充実 - Jūjitsu - fulfillment
なにがワクワクしますか? - Nani ga wakuwaku shimasu ka?
いいかたしだい - Iikata shidai - It depends on how you say it
言い方次第 - いいかたしだい - Iikata shidai - It depends on how you say it
英会話 えいかいわ - English conversation
炎症 えんしょう - inflammation
熱中症 -> Netsuchūshō -> Heatstroke
血液検査 -> Ketsueki kensa -> การตรวจเลือด
点滴をしました -> Tenteki o shimashita -> I had an intravenous drip
水筒 - Suitō - Water bottle
寂しさを感じたくない - Sabishisa o kanjitakunai - ฉันไม่ต้องการที่จะรู้สึกเหงา
彼女も同意見です - Kanojo mo dō ikendesu - เธอยังเห็นด้วย
寂しい思いをしたくない - Sabishī omoi o shitakunai
熱い思いをしたくない - ฉันไม่ต้องการที่จะรู้สึกหลงใหล
悪い思いをしたくない - Warui omoi o shitakunai - ฉันไม่อยากรู้สึกแย่
辛い思いをしたくない - Tsurai omoi o shitakunai
怖い思いをしたくない - Kowai omoi o shitakunai
悔しい思いをしたくない - Kuyashī omoi o shitakunai - ฉันไม่ต้องการที่จะเสียใจใดๆ
人間の摂理 - Ningen no setsuri - human providence
悪い経験だったけど、たくさん学ぶことがありました
Warui keikendattakedo, takusan manabu koto ga arimashita
มันเป็นประสบการณ์ที่แย่ แต่ฉันได้เรียนรู้มากมาย
三代欲求 - Mitsuyo yokkyū - ความปรารถนาสามชั่วอายุคน
がつくのに時間がかかりました
Kigatsuku no ni jikan ga kakarimashita
ฉันใช้เวลาสักพักกว่าจะตระหนักได้
ขี้หมากูเละ ปริ้นเซส
個人的にはタイの方が暑いと思います
Kojin-teki ni wa Tai no kata ga atsui to omoimasu
Personally, I think Thailand is hotter.
人間は綺麗な人の方がいい人生を送れると思います
Ningen wa kireina hito no kata ga ī jinsei o okureru to omoimasu kokoro
I think people who are beautiful live better lives.
はいけい - background
かきごおり - น้ำแข็งใส
節約 - Setsuyaku - ประหยัด
疲れた時に飲んでいます - Tsukareta toki ni nonde imasu
オートミール - Oat milk
豆乳 - Soy milk
たまに - tokitoki
お米 - O kome - Rice
キャットフード - Kyattofūdo - Cat food
留守番する - Rusuban suru - Stay home
妹に家に来てもらっていた - Imōto ni ie ni kite moratte ita - I had my sister come over to my house.
さみしく、なくなります - Samishiku, nakunarimasu - Sadly, it will be gone
おとなしい - Otonashī - Quite
犬がほえる - Inu ga hoeru - Dog barking
都会 - Tokai - City
都会の方がさみしいひとが多い - Tokai no kata ga sabishī hitogaōi - There are more lonely people in cities
見かけたら - Mikaketara - If I see you
ひもちする -
肉が腐る -
ひもちする - can last idea
มู้เหี้ยไรเนี่ย
มู้เหี้ยไรเนี่ย
หน่านี้โคแหล่ โคโนะมู้นี้
ハァハァハァ…
私はタイ人です 貴方は何人ですか?
私はタイ人です 貴方はなん人ですか?
ドモ ボクハダム人デス。
とても忙しい
お泊まりしていました - I was staying the night
学生の時はよくお泊まりに来ていました
学生の時はよくお泊まりに来ていました
Gakusei no toki wa yoku o tomari ni kite imashita
When I was a student, I often came to stay over.
お泊まりしていました
- O tomari shite imashita
- I was staying the night
帰るのがめんどくさいから
- Kaeru no ga mendokusaikara
2時まで飲んでました
- 2-Ji made nondemashita
- ฉันดื่มจนถึงบ่ายสอง
健康には良くないけど - Kenkō ni wa yokunaikedo - มันไม่ดีต่อสุขภาพของคุณ
お酒が得意ではない - O sake ga tokuide wanai - ฉันไม่เก่งเรื่องการดื่ม
最近は酔いやすくなった - Saikin wa yoi yasuku natta - ช่วงนี้ฉันเมาง่ายขึ้น
最近は飲める量が少なくなた - Saikin wa nomeru ryō ga sukunakunata - ช่วงนี้ฉันดื่มได้ไม่มาก
読める本の量が減った - Yomeru hon no ryō ga hetta - The amount of books I can read has decreased
読める機会が減った - Yomeru kikai ga hetta - I have fewer opportunities to read
助けられない - Tasuke rarenai
顔は選べない - Kao wa erabenai - I can't choose the face
危険 - Risk
タイの男性はみんな素直に物事を話します - Tai no dansei wa min'na sunao ni monogoto o hanashimasu - All Thai men speak honestly.
積極的に - actively
愛は永遠じゃない - Ai wa eien janai - love isn't forever
Dangers of Talking About Others' Feelings in Japanese
https://www.youtube.com/watch?v=FYxdPUp1qCk
冷麺 - れいめん
ゆうがた - Evening
0時~3時「未明」、3時~6時「明け方」、6時~9時「朝」、9時~12時「昼前」、12時~15時「昼過ぎ」、15時~18時「夕方」、18時~21時「夜のはじめ頃」、21時~24時「夜遅く
電車でナンパされたことがありますか?
後悔します
老けてない
Have you ever been hit on on the train?
You'll regret it.
You're not old.
ハンサムな人を見たとき、キュンキュンしますか?
Do you get excited when you see a handsome person?
Nareru - To get used too
褒められることには慣れますか?
褒められることには慣れますか?
Do you get used to being praised?
แทนที่จะเป็นมู้ที่คุยกันด้วยภาษาญี่ปุ่น
Kyōsō-ryoku - 競争力
はげしい - Violent
国立大学 - Kunitachidaigaku - National university
国立大学: national university
私立大学: private university
銃 - ju - gun
政策 - policy - Seisaku
カルト - cult
詐欺 - scam
老人 - Rōjin - old people
休憩中 - きゅうけいちゅう, kyūkeichū
略 - hobo - regularly
更衣室
Kōi-shitsu
彼女は来年韓国で整形を受けたいと言っています
Kanojo wa rainen Kankoku de seikei o uketai to itte imasu
She says she wants to undergo plastic surgery in Korea next year.
彼女は性的欲求を満たしたい
Kanojo wa seiteki yokkyū o mitashitai
お父さんに束縛されているね
Otōsan ni sokubaku sa rete iru ne
You're tied down by your father.
何も感じない
Nani mo kanjinai
i don't feel a thing
次回
Jikai
はるなさん 愛している
明日、来週 来年 s*にたい
今どうすればいいかな 私の気持ちどうすればいいか分からない
早く帰るメリットがないです
早く帰るメリットがないです - Denki-dai ga kakarimasu
There is no point in going home early.
理由、目的 - Riyū, mokuteki - Reason, purpose
つい食べちゃう - Tsui tabe chau - I can't help but eat it
恋愛 - Ren'ai - love affair
つい食べちゃう - Tsui tabe chau - I can't help but eat it
つい気になってしまいます - Tsui ki ni natte shimaimasu - I can't help but worry about it.
1食あたり800円くらいになりますね - 1 Shokuatari 800-en kurai ni narimasu ne - It will cost about 800 yen per meal.
1日食事に2400円かかると - 1-Nichi shokuji ni 2400-en kakaru to - If it costs 2,400 yen a day to eat
ドルで保険に加入しています - Doru de hoken ni kanyū shite imasu - I have insurance for $
綺麗な女性が家にいれば早く帰ります - Kireina josei ga ie ni ireba hayaku kaerimasu - If there is a beautiful woman at home, I will come home early.
本当は豚カフェにいきたかったのですが、予約をしていなかったので入れませんでした。 - Hontōwa buta kafe ni ikitakatta nodesuga, yoyaku o shite inakattanode iremasendeshita. - I actually wanted to go to the Pig Cafe, but I couldn't get in because I didn't make a reservation.
晴れていました - Harete imashita - It was sunny
xxのせいで →bad
xxのおかげ→good
電気代が高い -> Denki-dai ga takai -> High electricity bill
節約ですね -> Setsuyakudesu ne -> It's a saving
less spending → 節約
散財しない→be careful with money
People who are careful with money will think a lot before buying expensive things
Think a lot or think carefully
お金に慎重(しんちょう)な人は、高価なものを買う前によく考えます。
缶 パン - ขนมปังกระป๋อง
台風があった時、タワーマンションに住んでいる人は、
断水してしまったのでトイレができませんでした。
Taifū ga atta toki, tawāmanshon ni sunde iru hito wa, dansui shite shimattanode toire ga dekimasendeshita.
純粋に可愛い子と遊びたいです
Junsui ni kawaii ko to asobitaidesu
I just want to play with a cute girl
そんなにメリットがないです
Son'nani merittoganaidesu
There is not much benefit
日本人がたくさん金メダルを取りました
Nihonjin ga takusan kinmedaru o torimashita
The Japanese won many gold medals.
日本とタイのどちらを応援するの?
I just want to play with a cute girl
日本とタイのどちらを応援するの?
Nihon to Tai no dochira o ōen suru no?
Will you be rooting for Japan or Thailand?
さがる
モチベーションが下がる
motivation goes down
コストが下がる
costs go down
レベルが下がる
the level goes down
Context Sentences
雨の日は気分が下がる。
My mood is lower on rainy days.
すみません。ジーンズが下がってパンツが見えてますよ。
Excuse me. Your jeans are hanging down and I can see your panties.
去年からスコアが下がった。
Scores have dropped since last year.
この組の生徒は全体に出来がよい。
Generally speaking, the students of this class are very good.
Meanings
>>587 この組の生徒は全体に出来がよい。
(Generally speaking, the students of this class are very good.)
1. この組の生徒 (このくみのせいと)
この (kono): This
組 (くみ, kumi): Class or group
の (no): Possessive particle, meaning "of" or "belonging to"
生徒 (せいと, seito): Students
この組の生徒 means "The students of this class."
2. は (wa)
This is the topic marker particle. It indicates that "この組の生徒" (the students of this class) is the topic of the sentence.
3. 全体に (ぜんたいに, zentai ni)
全体 (ぜんたい, zentai): The whole, entirety
に (ni): Particle indicating direction or scope
全体に can be translated as "generally speaking" or "overall."
4. 出来がよい (できがよい, deki ga yoi)
出来 (でき, deki): Ability, performance, or output
が (ga): Subject marker particle
よい (yoi): Good
出来がよい means "is good" in the sense of performance or ability.
Putting It All Together:
この組の生徒は (kono kumi no seito wa): "The students of this class" (topic)
全体に (zentai ni): "Generally speaking" or "overall"
出来がよい (deki ga yoi): "Are very good" (in terms of performance)
Full Translation:
この組の生徒は全体に出来がよい。
"Generally speaking, the students of this class are very good."
Grammar Points:
Topic Marker (は, wa): Marks the topic of the sentence, which is "the students of this class" here.
Possessive Particle (の, no): Links "class" to "students," showing possession or belonging.
Particle (に, ni): Used to indicate the scope or extent in this context, giving the meaning of "generally speaking."
Subject Marker (が, ga): Marks the subject "ability/performance" which is being described as good.
This sentence structure is typical in Japanese, where the topic is introduced first, followed by the scope or context, and then the main statement.
人生は学ぶことが多いです。
There are so many things to learn in life.
兄はロボット工学を学ぶ学生です。
My brother is a student studying robotic engineering.
学ぶことは大切だけど、多分もっと大切なのは、どのように学ぶかということ。
Learning is important, but perhaps what’s more important is how you learn.
Quruli - Amber Colored City, The Morning of The Shanghai Crab | Japanese
https://www.youtube.com/watch?v=NyddMMiViZc
揚げ焼き
出社しますか?
Shussha shimasu ka?
เข้าออฟฟิศ
みんなが幸せそうです。
白い髪の毛のおばあさんが二つの亜明菜チキンを持っています。
クリスマスかもしれません。
休みの日に見えます。
大人が4人、子供が2人に見えます
家の中が綺麗で、テーブルが高そうなので、お金持ちそうです。
みんなが綺麗な服をきています。
みんなの髪の毛も綺麗です。
全員白人です。
左から2番目の男の人は、おじいちゃんです。
チキンを持っている人はおばあちゃんです。
右から2番目の男性は子供のお父さんに見えます・
一番左の男性
右から2番目の人は、それが簡単すぎると言っています
一番上の男性は、足が痛そうです。
右の人には、成功者の足元が見えていません。
苦労、困難、挫折を味あったに違いないと思います。
知的な言葉 - Chitekina kotoba - Intelligent words
せいこう success
1歳差です - 1 Saisadesu - There is a one year age difference
叔父 - Oji - uncle
Certainly! The sentence "ある女性が、バーの椅子に座っていた。" can be broken down as follows:
ある (Aru): This word means "a certain" or "some" when used before a noun. In this case, it indicates that the woman being referred to is not specified but is just "a certain woman" or "some woman."
女性 (Josei): This means "woman" or "female."
が (Ga): This is the subject marker. It shows that "女性" (woman) is the subject of the sentence. In Japanese, this particle indicates who or what is performing the action.
バー (Bā): This is the katakana version of the word "bar." It refers to a place where people go to drink alcohol.
の (No): This particle shows possession or association. In this sentence, it connects "バー" (bar) with "椅子" (isu), indicating "the chair of the bar" or "bar's chair."
椅子 (Isu): This means "chair."
に (Ni): This particle indicates the direction or location of an action. In this case, it shows where the woman sat down, so it translates to "on" or "in."
座っていた (Suwatte ita): This is the past progressive form of the verb "座る" (suwaru), which means "to sit." The past progressive form indicates that the action was ongoing in the past. So, "座っていた" means "was sitting."
Putting it all together:
"ある女性が、バーの椅子に座っていた。" means "A woman was sitting on a chair at the bar."
This sentence describes a scene in the past, where a certain woman was sitting on a chair in a bar. The grammar structures like "が" (subject marker), "に" (location marker), and the verb in the past progressive form "座っていた" (was sitting) are key components to understand the sentence.
The sentence "スキーはどこでしてたの?" translates to "Where were you skiing?" in English. Let's break down the grammar:
スキー (sukii): This means "skiing" and is the topic of the sentence.
は (wa): This is the topic marker. It indicates that "skiing" is the topic being discussed.
どこで (doko de): "どこ" means "where," and "で" is a particle indicating the place where an action occurs. Together, "どこで" means "at where" or "where."
してた (shiteta): This is the past continuous form of the verb "する (suru)," which means "to do." "してた" implies an action that was ongoing in the past, so "してた" translates to "was doing" or "were doing."
の? (no?): This is a sentence-ending particle that adds a questioning tone, often used in casual speech. It softens the question, making it sound more informal and conversational.
So, the entire sentence "スキーはどこでしてたの?" asks about the location where someone was skiing, with a friendly, informal tone.
The Japanese word "悔しい" (kuyashii) expresses a feeling of frustration, regret, or chagrin, typically when something doesn't go as hoped, or when one experiences a setback, loss, or disappointment.
Meaning:
悔しい (kuyashii): "Frustrating," "regrettable," or "vexing."
Usage:
悔しい is often used when someone feels upset or disappointed about a situation that didn't turn out as desired, especially when they believe it could have been different or better.
For example:
試験に落ちて悔しい。
(Shiken ni ochite kuyashii.)
"I'm frustrated (or disappointed) that I failed the exam."
This word conveys a strong emotional response, often tied to feelings of regret or the desire to have done better.
The Japanese phrase "よろこんでます" (yorokondemasu) comes from the verb "喜ぶ" (yorokobu), which means "to be happy" or "to be pleased." The verb "yorokobu" is in its polite present continuous form, "yorokondeimasu," which is often contracted to "yorokondemasu."
Meaning:
よろこんでます (yorokondemasu): "I am happy," "I am pleased," or "I am delighted."
Breakdown:
喜ぶ (yorokobu):
The root verb meaning "to be happy" or "to be pleased."
喜んで (yorokonde):
The "て" form of "yorokobu," which connects the verb to "います" to indicate a continuous action or state.
います (imasu):
A polite auxiliary verb used to indicate the present continuous tense, showing that the action or state is ongoing.
In this case, it indicates that the person is currently happy or pleased.
Usage:
This phrase is used when expressing happiness or pleasure in a situation. It’s often used in formal or polite contexts.
2つの意見 (ふたつのいけん):
2つ (ふたつ): "two" or "a pair." This is the counter for counting two things.
意見 (いけん): "opinions" or "views." So, 2つの意見 means "the two opinions."
に:
A particle indicating the direction or point of focus. In this case, it's used to mark the "two opinions" as the subject of the comparison.
大した (たいした):
An adjective meaning "significant" or "considerable." It's often used in a negative context when you want to say that something isn't very important or noteworthy.
差 (さ):
"Difference" or "gap." This is the key noun that indicates what is being compared between the two opinions.
は:
The topic marker particle, used to emphasize what comes after it. In this case, it emphasizes the lack of a significant difference.
ない:
The negative form of the verb ある, meaning "there is not" or "does not exist."
Putting It All Together:
2つの意見に: "Between the two opinions"
大した差はない: "There is no significant difference"
Full Translation:
"There is no significant difference between the two opinions."
This sentence is expressing that the two opinions being compared are very similar, with no major differences between them.
#6 Adjectives Past & Past Negatives┃Japanese Absolute Beginners
https://www.youtube.com/watch?v=5_woSKucmUg&list=PLd5-Wp_4tLqYZxS5j3g6kbeOfVXlTkr3N&index=7
In Japanese, both "手前" (temae) and "前" (mae) refer to concepts of "before" or "in front," but they are used in different contexts and carry different nuances:
手前 (temae):
Meaning: It can mean "in front of," "before," or "the area just before something." It is often used to refer to a specific area close to the speaker or the current location, and sometimes in more formal or specific contexts.
Usage: It is used in contexts like giving directions or describing a specific location. For example, in a restaurant setting, "手前" might refer to the area in front of a counter or a particular place near where someone is standing.
前 (mae):
Meaning: It generally means "in front of," "before," or "previous" in a more general sense. It is used to refer to the position or time before something or someone.
Usage: This term is more commonly used and can refer to time or spatial positions. For example, "前に" (mae ni) can mean "before" in terms of time, as in "三日前" (san-nichigo) meaning "three days ago."
Here are some examples of how "手前" (temae) can be used in different contexts:
Spatial Context:
店の手前で待ってください。
(Mise no temae de matte kudasai.)
"Please wait just before the store."
Here, "手前" (temae) specifies the area just in front of or near the store.
Directions:
交差点の手前で左に曲がってください。
(Kōsaten no temae de hidari ni magatte kudasai.)
"Turn left just before the intersection."
In this case, "手前" (temae) indicates the area close to the intersection where the turn should be made.
Formal Situations:
手前の会議室が空いています。
(Temae no kaigishitsu ga aiteimasu.)
"The meeting room just in front is available."
Here, "手前" (temae) is used to describe the meeting room that is close to or in front of the current location.
In these examples, "手前" (temae) helps specify a location or point in relation to something else, often used in more specific or formal contexts.
In Japanese, the particle "ず" (zu) is used to indicate the absence of something or the negation of an action. It is typically used in classical or formal contexts and can sometimes be seen in older texts or more formal written Japanese. It often appears in the form "〜ず" or "〜ずに" to mean "without" or "not doing [something]."
Here are a few examples:
Negating an Action:
行かずに待つ
(Ikazu ni matsu)
"Wait without going."
Here, "行かず" (ikazu) means "without going."
Classical Usage:
知りもせず
(Shiri mo sezu)
"Without knowing."
In this example, "知りもせず" (shiri mo sezu) translates to "without knowing."
In modern Japanese, you might more commonly see the concept of "without" expressed with phrases like "〜ないで" (〜naide) or "〜ずに" (〜zu ni) in everyday conversation.
In the sentence "を食べるのは、彼だ," the use of "のは" is correct and commonly used to emphasize that the action of eating is associated with "彼" (he).
If you change it to "を食べるのが、彼だ," it slightly alters the nuance. Using "のが" instead of "のは" would place more emphasis on the action itself being the subject, rather than the overall statement.
"を食べるのは、彼だ。" → The focus is on the fact that he is the one who eats.
"を食べるのが、彼だ。" → The focus shifts to the act of eating, identifying he as the one doing it.
While both can be used, "のは" is more natural in this context because it emphasizes the identification of the subject (彼) related to the action. "のが" is less common in such sentences but not grammatically incorrect. It just changes the emphasis slightly.
"今日は先生が休みなので、授業がなくなった," the phrase "なので" is used to connect the cause (the teacher is on break) with the effect (the class was canceled). Let's break down why "なので" is necessary here:
Explanation:
"ので" by itself:
"ので" is a conjunction that means "because" or "since," and it’s used to indicate a reason or cause. It’s typically used to connect two clauses where the first clause provides the reason for the second.
However, "ので" is usually preceded by a plain form of a verb, adjective, or noun.
Why "な" is needed before "ので":
When you want to use "ので" after a noun or a na-adjective (形容動詞, keiyō dōshi), you need to add "な" before "ので" to make the connection grammatically correct.
In your sentence, "休み" (yasumi) is functioning as a noun, and "先生が休み" describes the current situation. Since you’re connecting this noun phrase to "ので," you must insert "な" to form "なので."
Example Breakdown:
先生が休み (Sensei ga yasumi) — The teacher is on break.
なので (nanode) — Because of that, or since that’s the case.
So, "今日は先生が休みなので、授業がなくなった。" means "Since the teacher is on break today, the class was canceled."
What if you use just "ので"?
If you used only "ので" without "な," the sentence would be grammatically incorrect when connecting to a noun or a na-adjective, as the correct connector "な" is required.
Summary:
Use "なので" when connecting a noun or na-adjective to "ので" to indicate reason or cause.
Use "ので" directly after verbs and i-adjectives in their plain form.
Japanese Sentence:
彼はとても親切だと聞きました。
(かれは とても しんせつだ と ききました)
Vocabulary:
彼 (かれ, kare) - he
とても (totemo) - very
親切 (しんせつ, shinsetsu) - kind
だ (da) - copula, equivalent to "is" in informal speech
と (to) - quoting particle, used to quote speech or thoughts
聞きました (ききました, kikimashita) - polite past form of 聞く (きく, kiku), meaning "to hear" or "to listen"
Grammar Breakdown:
彼は (かれは, kare wa):
彼 (kare) means "he."
は (wa) is the topic marker, indicating that "he" is the topic of the sentence.
とても親切だ (とても しんせつだ, totemo shinsetsu da):
とても (totemo) means "very."
親切 (しんせつ, shinsetsu) means "kind."
だ (da) is the informal copula, equivalent to "is." It is used to state that "he is very kind."
と (to):
This is the quoting particle. It is used to mark the preceding clause as something that was heard or said.
It functions like quotation marks in English, but it's not limited to direct speech; it can also introduce indirect information.
聞きました (ききました, kikimashita):
聞きました is the polite past form of 聞く (きく, kiku), which means "to hear" or "to listen."
Here, it indicates that the speaker heard the information from someone else in the past.
Translation:
"Heard that he is very kind."
Summary:
The structure [Sentence] + と + 聞きました is used to express that you heard something from someone else.
だ is used here as an informal copula, connecting the subject "he" with the adjective "kind."
The sentence overall conveys indirect information, attributing the quality of kindness to "him" as something the speaker heard.
Let me know if you'd like further clarification!
日焼け - Hiyake - Sunburn
熱中症 -> Netsuchūshō -> Heat stroke
多摩川 - Tama River
花粉症 - Hay Fever
桜は大好き。でもその季節は目が痒くなります - I love cherry blossoms, but my eyes get itchy during that season.
大会 - Tournament
先週で18歳になりました
Divorce - 離婚 - Rikon
幸せになるのは難しい - It is hard to be happy
【N2文法】#13 〜というものではない
https://www.youtube.com/watch?v=wyJQeHzPIbk
ぽかぽかと暖かい日だった。
This translates to "It was a warm and pleasant day."
1. ぽかぽかと (Poka-poka to):
ぽかぽか (poka-poka) is an onomatopoeic expression in Japanese that describes a warm, comfortable feeling, like when you're basking in the sun or feeling cozy warmth. It evokes a sense of gentle, pleasant warmth.
と (to) is a particle that often accompanies onomatopoeic words to emphasize the state or manner of something happening. In this case, it emphasizes the warmth described by "ぽかぽか."
2. 暖かい (あたたかい, Atatakai):
暖かい (あたたかい) means "warm" in a physical or emotional sense. It's commonly used to describe warm weather, objects, or feelings.
3. 日 (ひ, Hi):
日 (ひ, hi) means "day" in this context. It refers to a day or daytime.
4. だった (Datta):
だった is the past tense of です (desu), which is a copula (a linking verb similar to "is" or "was"). So だった means "was."
Putting it all together:
ぽかぽか (warm and cozy feeling) + と (emphasis) + 暖かい日 (a warm day) + だった (was) = "It was a warm and pleasant day."
This sentence evokes a comfortable and peaceful feeling, like enjoying a nice day outside.
https://www.youtube.com/watch?v=Xwq829J1uYc
N3文法 くらい【程度】 N3 Grammar-KURAI [Degree] for intermediate Japanese lesson
一歳ちがい - one year different
退勤 - Taikin - Leaving office
現代的な - contemporary
年収 - Nenshū
Sentence: あなたは彼の金銭面での援助を当てにはできない
(Anata wa kare no kinseimmen de no enjo o ate ni wa dekinai)
1. あなた (Anata) - "You"
あなた (anata) means "you" in Japanese.
This is the subject of the sentence.
2. 彼 (Kare) - "He"
彼 (kare) means "he."
Here, it is possessive because it is followed by の (no).
3. 金銭面 (Kinseimmen) - "Financial aspect"
金銭 (kinsen) means "money" or "financial."
面 (men) means "aspect" or "side."
Together, 金銭面 (kinseimmen) refers to "financial aspect."
4. での (de no) - "in terms of" or "regarding"
で (de) is a particle that indicates the context or condition (in this case, "in the financial aspect").
の (no) is a possessive particle, connecting 金銭面 and 援助.
5. 援助 (Enjo) - "Assistance" or "Support"
援助 (enjo) means "assistance" or "support."
6. を (o) - Direct object marker
を (o) indicates that 援助 is the direct object of the verb.
7. 当てに (Ate ni) - "To rely on" or "To count on"
当てにする (ate ni suru) means "to rely on" or "to count on."
当てにはできない means "cannot rely on."
8. できない (Dekinai) - "Cannot"
できない (dekinai) is the negative form of できる (dekiru), meaning "can" or "be able to."
できない means "cannot" or "not able to."
Putting It All Together:
あなたは: "You"
彼の: "His"
金銭面での援助を: "financial assistance" (literally, "assistance in terms of the financial aspect")
当てにはできない: "cannot rely on" or "cannot count on."
Translation: "You cannot rely on his financial assistance."
Japanese:
普段はお化粧はしないよ。
ふだんはおけしょうはしないよ。
Breakdown:
普段 (ふだん, fudan): usually, normally
は (wa): topic marker, indicating the topic of the sentence
お化粧 (おけしょう, okeshou): makeup
しない (shinai): don't do, don't wear (negative form of the verb する suru, which means "to do")
よ (yo): sentence-ending particle, adds emphasis
気持ちが抑えきれない - Kimochi ga osae kirenai - I can't control my feelings
アルコールを飲みたい気持ちを抑えられない - Arukōru o nomitai kimochi o osae rarenai - I can't control my desire to drink alcohol
好きな気持ちを抑えられない - Sukina kimochi o osae rarenai - I can't suppress my feelings of love
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.