ปล.พึ่งเห็นว่า exalter มันเก่งขนาดนั้นเลยเหรอวะน่ะ เคลียร์ฝูงโล่ไวกว่า wisadel อีก
ปล.2 คือกูก็อยากจะดูมโพสว่าเดดเกม คนหายหมดแน่ไรงี้นะ แต่รายได้ที่จีนแม่มไม่ตกเลยนี่ดิ
ปล.พึ่งเห็นว่า exalter มันเก่งขนาดนั้นเลยเหรอวะน่ะ เคลียร์ฝูงโล่ไวกว่า wisadel อีก
ปล.2 คือกูก็อยากจะดูมโพสว่าเดดเกม คนหายหมดแน่ไรงี้นะ แต่รายได้ที่จีนแม่มไม่ตกเลยนี่ดิ
>>907 ตัวจริงตายไปแล้วในอีเว้นท์ Babel และโดนชุบชีวิตขึ้นมาอีกครั้งด้วยเทคโนโลยีของ Confessarii เพื่อเป็นเครื่องมือให้ Theresis รวม Sarkaz ให้เป็นหนึ่งอีกครั้ง
ตอนจบ Ch 14 Theresa ตุยอีกครั้ง แต่มุงกุฎดำของอามิยะ Civilight Eterna ที่เป็น Artifact ยุคโบราณ ได้เอารูปลักษณ์ของ Theresa มายืมใช้ เพราะ Amiya ต้องการแบบนั้น เลยกลายเป็นไวฟุโฮโลแกรมที่ชอบย้ำว่าตัวเองไม่ใช่ Theresa แบบที่เราเห็นนี่ล่ะ
เสียดายชิบ นั่นมันแค่ภาพโฮโลแกรม ทำไม่ได้แม้กระทั่งแตะตัว
สรุปความสัมพันธ์ ดอคต้ากับ pristess teresa kalsit อามิยะเด็กที ใครเมีย1 เมีย2
เหมือนกุเคยเห็นแวบๆว่าแคลซิทเป็นลูกเลี้ยงดอค 555
พรีสเทสคือเมียหลวงแต่ไปทำงานต่างประเทศ
เนื้อเรื่องมีลอกป่าววะ ถ้าคนต่างเผ่าแต่งงานมีลูก ลูกที่เกิดมาจะไปเหมือนพ่อหรือแม่คนใดคนหนึ่ง หรือผสมเผ่าอะ เห็นsuzuran ไม่เหมือนแม่เลย
priestess เมียเก่าที่ไม่อยู่บ้านแล้ว
kalsit ลูกของเมียเก่า พาผัว(teresa)กลับมาบ้าน แต่พ่อเลี้ยงทะเลาะกับผัว สุดท้ายผัวตายพ่อเลี้ยงความจำเสื่อม
อามิยะ ลูกเลี้ยงของkalsitกับteresa
>>915 Priestess = เมียหลวง ไม่รู้ปัจจุบันหายไปไหน
Kal’tsit = ลูกสาว นอกจากให้กำเนิดแล้ว ด๊อคเตอร์ยังสอนเรื่องต่างๆ พื้นฐานด้วย ก่อนจะปล่อยทิ้งเอาไว้ให้เรียนรู้หาหนทางเอง
Theresa = กิ๊กของ Kal’tsit (?) เป็นเพื่อนร่วมงานและมีอุดมการณ์เดียวกัน
Amiya = ลูกเลี้ยง Theresa ที่รับเลี้ยงมาด้วยความสงสาร โดยมี Kal’tsit เป็นอาจารย์คอยสอน
>>917 พวก Terrans ไม่มีบอกว่าต่างเผ่าผสมกันออกมาจะเป็นยังไง แต่ Sankta เป็นยีนด้อย ผสมกับต่างเผ่าลูกจะไม่ออกมาเป็น Sankta
เว้นแต่ Sankta ผสมกับ Sarkaz ที่จะออกมาเป็นลูกครึ่ง เพราะพื้นเพเดิมของ Sankta คือ Teekaz เหมือนกัน
คือเทเรซ่าเกกับแคลซิส ไม่ได้มีซัมติงกับดอคแบบfaที่แล้วๆมาเลยใช่มะ
อ่าน Ch. 14 จบแล้ว แต่ขี้เกียจเขียนสรุปจังโว้ยยยยย
เอาสรุปสั้นๆ แบบด่วนจี๋ไปก่อนละกัน ส่วนแบบเต็มขอพักสมองเรียบเรียงก่อน
สรุปสั้นๆ ก็คือสงครามทั้งหมดนี้เกิดจาก Theresis ต้องการทำพิธีอัญเชิญ Amnannam ออกมาเพื่ออะไรซักอย่างเกี่ยวกับ First Originium (ในเรื่องไม่เฉลย) ส่วน Theresa เองก็ต้องการปลดปล่อยเหล่า Myriad Soul ที่ถูกขังอยู่ใน Assimilated universe ให้เป็นอิสระจะได้เลิกหลอกหลอนพวก Sarkaz รุ่นใหม่ๆ ซะที ซึ่งสุดท้ายพวก Doctor ที่ตามเข้าไปใน Assimilated universe ก็ได้เคลียร์ปมกับ Theresa สำเร็จ ในวาระสุดท้าย Theresa ได้พาพวก Myriad Soul ไปสู่สุขคติพร้อมกับตัวเอง ส่วน Theresis ได้ First Originium ไปครองและหายตัวไป
พวก Sarkaz โดยรุมยำจนแพ้สงคราม Wis'adel เลยส่งเสียงตามสายประกาศคำสั่งเสียของ Theresa มาว่าให้ Sarkaz ทุกคนยอมแพ้และมุ่งหน้ากลับ Kazdel ทันที ซึ่งเรื่องราวของพวก Sarkaz ก็ไปต่อในอีเว้นท์ของ Nymph และ IS5 และเรื่องราวของ Victoria ก็ไปต่อในอีเว้นท์ของ SiegeAlter
ฆ่าเทเรซิสคิดเท่าไหร่
งี้แปลว่าเนื้อเรื่องของ arc นี้ก็น่าจะจบแล้วใช่ปะ ที่เหลือไปตามต่อในอีเว้น
https://youtu.be/_H4zpZTAtzk?si=uAcG5QxM4iV2gUJj ในนี้มีใครทันfictionjunction yuuka ไหม กดฟังแบบไม่คิดอะไร แต่แม่งเซอร์ไพรส์มาก
ถึงcomposeจะไม่รู้จักแต่ก็พยายามใส่แนวเจ๊คาจิอุระมา อย่างน้อยก็เสียงที่คุ้นเคย
ป่านนี้เป็นรุ่นป้าไปหมดแล้วมั้ง โคตรเก่าอ่ะ คิดถึงเหมือนกันนะเนี่ย
เขียนสรุปบท 14 เสร็จแล้ว อะเฮือก!
เดี๋ยวรอตกตะกอนแล้วนั่งแก้พรุ่งนี้ละกัน วันนี้ขอตุยก่อนละ ขนาดเขียนแบบสรุปย่อๆ ยังปาไป 15 หน้า A4 เลย
>>938 ขอกราบอนุโมทนาสาธุมึงล่วงหน้าเลยละกัน กูก็เพิ่งอ่านจบ แม่งทรมานสังขารชิบหายยย ขนาดกดข้ามไปบ้างแล้วด้วยนะ กูเริ่มอ่านเมื่อ 4-5 วันก่อน เพิ่งจบเมื่อเช้า
โดยเฉพาะอีฉากสั่งลาเจ๊เทเรซ่าแม่งอย่างยาว โคตรรรรยาว เจ๊แม่งไล่ถอดจิตวนไปบอกลาชาวบ้านเค้าไปทั่วเลย นานชิบหายกว่าจะลากันจบ จากตอนแรกกูกะลังเศร้าๆหน่วงๆ กลายเป็นแบบ เออๆเจ๊ครับรีบๆไปสู่สุขติซะทีเหอะ ครับ ด๊กต้านอกจอง่วงชิบหายจะสัปหงกคาจอหลายรอบละเนี่ย 55555
>>939 พอกันแหละ ตอนกูอ่านนี่คือเอาเวลาก่อนนอนมาอ่าน อ่านไปอ่านมาสัปหงกสติหลุด แต่นิ้วยังจิ้มจอค้างอยู่ กลายเป็นว่า speed up เนื้อเรื่องซะงั้น พอตั้งสติได้ก็ไม่รู้แล้วว่าเนื้อเรื่องมันไปถึงไหน
แต่สรุปที่เขียนนี่ หลักๆ ก็แค่ย่อว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ใครทำอะไรบ้างแหละนะ ไม่ได้เอาละเอียดระดับว่าใครว่ายังไงเพราะมันยาวเกิ้นนนนนน
กูเจอละที่โม่งบอกป้าอิงกริดแปรงหาง 19 หางแต่หาต้นฉบับไม่เจอว่ะ ปล.อันที่สองแม่งฮาสัส ศัตรูดวงแม่งอย่างกุด
https://i.imgur.com/CT7iTXl.jpeg
https://i.imgur.com/YHrV1pA.jpeg
[สรุปเนื้อหา AK Ch.14]
[Part 1]
สำหรับรอบนี้จะเป็นการสรุปเนื้อเรื่องหลักของ Ch.14 ซึ่งคงต้องเรียกว่าเป็นการสรุปนอกรอบ เพราะปกติแล้วทางผู้เขียนไม่ค่อยได้ทำสรุปเนื้อเรื่องหลักเท่าไรเนื่องจากเนื้อหามันยาว จึงนับได้ว่ารอบนี้เป็นรอบพิเศษแล้วกัน แต่ก็คงไม่ขอลงรายละเอียดลึกแบบสรุปอีเว้นท์ แต่ขอเอาแค่เนื้อหาหลักๆ เพื่อไม่ให้มันยาวเกินไป เพราะอย่างที่รู้กันดีนั่นล่ะว่าเนื้อหาหลักนั้นเรื่องมันยาวขนาดไหน
เนื้อหาใน Ch.14 นี้จะต่อเนื่องจาก Ch.13 เลยคือหลังจากเหล่า RI ได้บุกเข้ายึดโครงกระดูกยักษ์ได้สำเร็จ และตกลงกันที่จะใช้โครงกระดูกยักษ์นี้ พาพรรคพวกและกองกำลังเดินทางเข้าไปยัง Londinium เพื่อทำศึกครั้งสุดท้ายกับเหล่า Sarkaz โดยที่ Hoederer รับหน้าที่เป็นคนขับ
ระหว่างนั้นเองเรื่องราวจะตัดมาทาง Theresis และ Theresa
Theresa กำลังจะก้าวขึ้นไปบนยานบินของ Sarkaz เพียงลำพัง โดยมีเพียงแค่ Theresis มายืนส่งเท่านั้น Theresa บอกว่าภาพนี้ช่างน่าคิดถึงช่วงเวลาเก่าๆ ในตอนที่เธอและเขาร่วมกันปกครอง Kazdel และครั้งนี้เองทั้งสองก็จะยังทำเหมือนเดิม ทั้งหมดก็เพื่อ Kazdel
Theresis บอกว่านี่คงเป็นการร่ำลากันเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว
Theresa ได้ยินเช่นนั้นก็ทำหน้าเศร้า แต่ก็ไม่ตอบอะไรกลับนอกจากคำว่า ลาก่อน เท่านั้น
ตัดมาทางพวก RI ที่กำลังมุ่งหน้าสู่ Londinium ด้วยโครงกระดูกยักษ์ ในตอนแรกก็เหมือนเส้นทางราบรื่นดี แต่พอออกจากเทเลพอตมาก็เกิดเรื่องขึ้น เมื่อจู่ๆ โครงกระดูกยักษ์ก็สูญเสียการควบคุมจากการถูกแทรกแซงด้วยพิธีกรรมของพวก Sarkaz และค่อยๆ ร่อนตกลงสู่พื้น สร้างความโกลาหลให้แก่พวก RI อย่างหนัก ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับพวก RI ได้สังเกตว่าท้องฟ้านั้นได้ผันกลายเป็นสีแดงฉานราวกับเปลวเพลิงกำลังลุกโชน
[Part 2]
ในจังหวะเดียวกับที่โครงกระดูกยักษ์ที่ RI นั่งมานั้นตกลงมานั้น นอกจากเหล่า RI แล้ว กองกำลังอื่นๆ อาทิเช่นพวก Duke Caster, Duke Wellington และกองกำลัง Dublin เองก็กำลังเคลื่อนพลเข้าสู่ Silverrock Bluffs ที่ตั้งอยู่ชานเมือง Londinium เช่นกัน โดยทุกฝ่ายมีเป้าหมายเดียวกันคือทำสงครามและขับไล่พวก Sarkaz ออกไป แต่พอมาถึง Silverrock Bluffs แล้วพวกเขารับรู้ได้ทันทีเลยว่ามันคงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะว่าเหล่า Sarkaz ที่รออยู่นั้นได้เตรียมการต้อนรับพวกเขาเอาไว้เป็นที่เรียบร้อย
ท้องฟ้ากลายเป็นสีแดงฉาน ในขณะเดียวกันที่หอคอย The Shard ณ ใจกลาง Londinium กำลังปล่อยละออง Originium ออกมา ปกคลุมพื้นที่ทุกซอกทุกมุมให้ถูกกลืนไปด้วยหินสีดำของ Originium ที่งอกแหลมขึ้นมา และแพร่กระจายออกไปเป็นวงกว้างสุดลูกหูลูกตา โดยที่มีกองทัพของเหล่า Sarkaz ตั้งรับรอพวกเขาอย่างนิ่งเงียบราวกับว่านั่นเป็นร่างไร้วิญญาณของเหล่านักรบ
Nezzsalem คือราชาแห่งซากศพคือแม่ทัพผู้นำการต่อสู้ในครั้งนี้ แม้ว่าเขาจะไม่ถูกกับราชาแวมไพร์ Duq'arael เท่าไรนัก แต่เขาก็ยังยืนไว้อาลัยให้แก่สหายผู้ล่วงลับ พร้อมกับกล่าวขอบคุณแก่ของขวัญที่ทิ้งเอาไว้ให้ (แท่นพิธีกรรม) โดยกองทัพของเขาจะขอรับมันเอาไว้เพื่อกำราบศัตรูแทนให้เอง
อธิบายเพิ่มหน่อย The Shard เป็นหอคอยที่พวก Sarkaz สร้างขึ้นมาเพื่อประกอบพิธีกรรมอัญเชิญ Amnannam the first Catasthrophe ภัยพิบัติแรกที่เหล่า Teekaz อัญเชิญเรียกมันมาโดยใช้พิธีกรรม Blood of Teekaz และเทคโนโลยีของพวก Confessarii ซึ่งถ้าหากไม่หยุดเอาไว้ Amnannam ก็จะถูกอัญเชิญออกมาแล้วอาจจะสร้างภัยพิบัติระดับหายนะกับ Terra อีกครั้งเหมือนกับที่มันเคยทำให้ Terra ปนเปื้อนไปด้วย Originium แบบทุกวันนี้ เหล่า RI จึงไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนอกจากต้องเข้าร่วมสงครามครั้งนี้เพื่อหยุดยั้งความทะเยอทะยานของ Theresis
ตรงนี้เองเหล่า RI ได้มีการแบ่งทีมกัน
Siege และกองกำลังผสม The Exemplars จะบุกไปที่ Silverrock Bluffs เป็นแนวหน้าให้ พร้อมกับให้พยายามนำดาบศิลาไปปักบนแท่น เพราะเชื่อว่ามันมีพลังในการขจัดพลังชั่วร้ายได้
พวก Doctor, Amiya, Logos และ Kal’tsit จะบุกไปที่ Redmane Mountains เพื่อตลบหลังพวก Sarkaz พร้อมกับพยายามทำลาย Blood of Teekaz เพื่อหยุดพิธีอัญเชิญ
ส่วนพวก W, Ines, Hoederer และ Ascalon ให้ทำการอยู่เฝ้าโครงกระดูก
[Part 3]
หลังจากตกลงได้กันแล้วทั้ง 3 ทีมก็ได้ต่างแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตน
เริ่มด้วยทีมของ Siege ที่บุกเข้าเมืองพร้อมกับ Closure ที่ตามไปเป็นเจ้าหน้าที่สื่อสาร (Closure ร่าง Vanguard Flagbarer มาแน่) ได้พยายามค้นหาผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ และนั่นก็ได้ทำให้ Horn ได้พบกับ Bagpipe อีกครั้งหลังจากไม่ได้เจอกันตั้งนาน (ตั้งแต่ Ch.9) และได้พาไปทำความรู้จักกับ Duke of Gododdin ที่ดูแลแถบนี้อยู่ ซึ่ง Siege ก็ได้เข้าไปเจรจาเพื่อขอกำลังมาช่วย
แต่ Duke of Gododdin นั้นกลับเลือกปฏิเสธและพาตัวเองหนีไป โดยบอก Siege เป็นนัยๆ ว่าถ้าอยากจะขอความร่วมมือจาก Duke ก็จงขึ้นไปนั่งบนบัลลังค์ซะสิ
ดูเผินๆ เหมือนการเจรจาจะล้มเหลวนะ แต่ในขณะเดียวกันก็มีเหล่าทหารของ Duke ที่ภักดีต่อ Victoria ยอมถอดเครื่องแบบและเข้าร่วมกับกองกำลัง The Exemplars ซะงั้น
แต่นั่นก็เป็นจังหวะนรกพอดี เพราะกองกำลังของ Nachzehrer ได้เริ่มบุกโจมตี
พวก Closure และเหล่า RI ที่รออยู่ข้างหน้าถูกโจมตีอย่างหนักจนสูญเสียกำลังจนแทบสิ้น Closure สาปแช่งตัวเองที่เป็นถึงแวมไพร์แท้ๆ แต่กลับอ่อนแอไร้พรสวรรค์ซะงั้น ก่อนที่จะโดนศัตรูบุกเข้าประชิดตัว ทว่าในตอนนั้นเองก็มีกลุ่มคนปริศนาบุกเข้ามาช่วยเอาไว้ได้ทันทำให้เธอรอดพ้นจากความตายไปได้อย่างหวุดหวิด
ครั้นพอลืมตาขึ้นมานั้นสิ่งที่เธอเห็นก็คือสัญลักษณ์รูปหอคอย
ใช่แล้วพวกเขาคือเจ้าหน้าที่จาก RI โดยมี Fang (ร่างโต) และ Misery เข้ามาช่วยเอาไว้ได้ทันนั่นเอง
พวกเขาจะทำการสู้กับศัตรูให้ และให้ Closure ใช้จังหวะนี้ทำภารกิจของตนเองให้สำเร็จ ซึ่ง Closure ก็ไม่รอช้าชูธงของเธอขึ้น (Elysium – เสาสัญญาณเฟ้ย!) ทำให้การสื่อสารถูกเปิดทำการ กลายเป็น Beacon ให้เหล่า RI และกองทัพอื่นๆ สามารถส่งกองกำลังเสริมเข้ามายังจุดปะทะนี้ได้ และนำชัยชนะในคืนแรกของศึกนี้มาได้สำเร็จ
ส่วนเนื้อหาที่เหลือ ...ไปเล่นใน Hidden Front เอานะ
แต่หลังจากได้รับชัยชนะ ตอนนั้นเอง Horn ก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่างผิดปกติ เธอจำได้ถึงชายที่สังหารหน่วยรบของเธอช่วง Ch.9 และชายคนนั้นก็ควรจะตายไปแล้ว แต่เธอกลับเห็นเขาปรากฏตัวขึ้นอยู่หลัดๆ ในสภาพไร้วิญญาณและมีเปลวไฟสีม่วงลุกโชนอยู่ในดวงตา
และนั่นก็เป็นสัญญาณที่ว่ากองกำลัง Dublin ได้เดินทางมาถึงแล้วนั่นเอง
[Part 4]
วันถัดมากองกำลังผสมได้เข้าปะทะกับพวก Sarkaz อีกหน แต่ในคราวนี้การสู้รบดุเดือดขึ้นมาก เพราะกองกำลังของเหล่า Duke และ Dublin ได้เข้าร่วมด้วยเป็นที่เรียบร้อย โดย Duke Caster บัญชาการอยู่บนยาน Gloriana ส่วน Duke Wellington พากองยานบุกทะลวงแนวรับอย่างหนักหน่วง และ Elbana ที่ปลุกชีพคนตายขึ้นมาเป็นทหาร ทำให้ Nezzsalem ต้องเริ่มเอาจริงกับสถานการณ์นี้แล้วลงมาบัญชาการด้วยตัวเอง
ระหว่างสู้รบนั่นเอง หมวกเทา Trilby Asher ได้พยายามเข้ามาเจรจากับ Siege ว่าอยากจะให้ส่งมอบดาบศิลาให้แก่ Duke Caster ทำเอา Siege นั้นโกรธพอตัว แต่เธอก็ประเมินสถานการณ์แล้วว่าเป็นมิตรกันไว้ก่อนน่าจะดีกว่าจึงยอมมอบดาบให้ไป แต่ในจังหวะที่กำลังจะเอาไปส่งนั่นเอง Nezzsalem ได้ร่ายมหาเวทย์ขึ้นมาสร้างพายุ Originium ที่รุนแรงมากโจมตีกองกำลังจนเกิดความเสียหายหนักหน่วง
เรือธงของ Duke Wellington เสียหายหนักและต้องถอยออกจากสนามรบ ตัว Duke Wellington เองก็บาดเจ็บสาหัส ยังโชคดีที่ Elbana มาช่วยเอาไว้ทันและพากันถอย โดยที่ยังให้ลูกน้องคอยบุกทะลวงต่อไปแบบไม่กลัวความตาย ส่วนเรือธงของ Duke Caster นั้นพังเสียหายยับเยินจากการพยายามบุกเข้าไปยังแท่นศิลา เพราะหวังจะเอาดาบไปเสียบ ทำให้สถานการณ์ในสนามรบเริ่มเปลี่ยน
Duke Caster จำใจต้องเปลี่ยนแผนกลางคัน และบอกให้ Siege และกองกำลังผสมปกป้องดาบเอาไว้
ตอนนั้นเองที่ Siege ได้รู้ว่าเธอต้องเป็นคนนำดาบไปปักบนศิลาซะแล้ว
Siege พยายามที่จะบุกเข้าไปเอาดาบศิลาที่อยู่บนยาน โดยมีพวก Glasgow Horn และ Bagpipe คอยคุ้มกัน แต่พวก Sarkaz นั้นบุกเข้ามาเยอะเกินไปจนพวกเธอเริ่มรับมือไม่ไหวและทำท่าเหมือนจะแพ้ ทว่านั่นก็เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่เงาสีดำพุ่งทะยานลงมาจากบนฟ้าและขวางหน้าพวกเธอกับ Sarkaz เอาไว้
ร่างกายสูงใหญ่ห่อหุ้มด้วยโลหะ ที่มาพร้อมกับไอน้ำพวยพุ่ง และเสียงคำรามอย่างบ้าคลั่ง
มันคือ The Last Steam Knight ที่หายไปในช่วง Ch.11 นั่นเอง
การปรากฎตัวของ Steam Knight ได้สร้างขวัญกำลังใจให้แก่เหล่าทหาร เปิดโอกาสให้ขับไล่พวก Sarkaz ออกไปได้สำเร็จอีกครั้ง และเปิดทางให้ Siege นำดาบกลับมาได้สำเร็จพร้อมนำมันไปปักบนแท่นศิลา ตอนนั้นเองก็ได้บังเกิดแสงสีทองแผ่ออร่ากว้างออกไปทั่ว ทำให้พายุ Originium อ่อนกำลังลงในที่สุด
ตอนนี้เอง Duke Caster ตระหนักได้แล้วว่าเธอนั้นไม่ใช่คนที่จะปกป้อง Victoria ได้
แต่เป็น Aslan สาวที่อยู่ตรงหน้าคนนั้นต่างหาก
[Part 5]
ตัดมาทางพวกทีม W อยู่เฝ้าโครงกระดูกได้ซักพักก็รู้สึกไม่ดี เพราะการสื่อสารจากหน่วยลาดตระเวนหายไป W จึงพาหน่วยของเธอออกไปดูลาดเลาด้วยตัวเอง ปล่อยให้พวก Ines เฝ้ายานไป
ซึ่งในระหว่างนั้นเอง Hoederer ก็พยายามเจรจาขอความร่วมมือจากเพื่อนเก่าอย่าง Ulšulah ให้ช่วยคุยกับเจ้าโครงกระดูกนี่ให้หน่อย โดยหารู้ไม่ว่า Ulšulah นั้นวางแผนที่จะหนีอยู่แล้วตั้งแต่ต้น โดยเธอได้ฉวยโอกาสจากความใจของดี Hoederer ใช้พลังของโครงกระดูกพาตัวเองหนีออกมาได้สำเร็จ และรีบมุ่งหน้าไปหา Manfred ส่งข่าวทั้งหมดที่เธอรู้ให้ ทำให้ Manfred ตัดสินใจส่งกองกำลังทั้งหมดบุกเข้าโจมตี เพื่อทำการชิงโครงกระดูกยักษ์กลับมาทันที
พอได้รู้เช่นนั้นพวก Hoederer ก็ไม่ได้นิ่งเฉยและเตรียมการรับมือ
แต่ W ยังไม่กลับมา การปะทะกันซึ่งๆ หน้าก็มีแต่เสียเปรียบ จึงมีการเสนอไอเดียขึ้นมาว่า Ascalon จะทำการบุกเข้าไปลอบสังหาร Manfred ซะ เพราะยังไงซะเขาก็ต้องสั่งการอยู่ข้างหลัง โดยขอให้พวก Ines และ Hoederer คอยถ่วงเวลาพวกที่บุกเข้ามาให้หน่อย แน่นอนว่าพวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตอบตกลง
ทว่าแผนของ Ascalon นั้นก็ถูกตลบหลัง เพราะ Manfred ที่สั่งการอยู่นั้นไม่ใช่ตัวจริง
แต่เป็น Damazti Cluster ที่ปลอมตัวมา ส่วน Manfred ตัวจริงนั้นบุกไปที่แนวหน้าพร้อมกับคนอื่น ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ Hoederer โดน Manfred ตบคว่ำแบบไร้ทางสู้ และโครงกระดูกกำลังถูกบุกเข้ายึด
แต่ในตอนนั้นเอง W เองก็ได้กลับมาพร้อมกับชุดและอาวุธใหม่มาช่วยเอาไว้ทัน
ทั้งนี้เป็นเพราะระหว่างที่เธอได้ไปลาดตระเวนนั้น เธอบังเอิญได้พบกับสุสานโบราณของวีรชน Kazdel (ที่ไม่รู้ทำไมมาอยู่ที่นี่!?) จึงได้ชิงเอาอาวุธนั้นมาใช้ซะเลย และใช้อาวุธนั้นขับไล่กองกำลังของ Manfred ออกไปจากโครงกระดูก ก่อนที่ W ได้เข้าขับโครงกระดูกแทน Hoederer ที่หมดสติไป และพาพวกเขาบินหนี
ส่วน Ascalon ที่ตามมาทีหลังก็ได้คว้าคอ Manfred ไปสู้กัน 1v1 และพากันตกจากยานทั้งคู่ (หมดบท)
[Part 6]
พวกทีมของ Doctor พยายามลอบเร้นเข้าไปยัง Redmane Mountains ระหว่างทางได้พบกับเหล่า Sarkaz หนีทัพที่พวก Doctor เคยช่วยเอาไว้อยู่จึงพาเข้าร่วมทีม เพราะคนพวกนี้เคารพในตัว Logos แต่ระหว่างทางก็พบว่าพวกเขาถูกซุ่มโจมตีโดย Sudaram ที่เป็นกองกำลังระดับสูงของพวก Nachzehrer ซึ่งพวกเขาก็พยายามที่จะสู้และหนีไปพลาง โดยหารู้ไม่ว่านี่มันคือแผนการไล่ต้อน
และนั่นก็ได้ทำให้พวกเขาต้องมาเผชิญหน้ากับ Nezzsalem ตัวเป็นๆ
Nezzsalem เป็นราชา Nachzehrer และเทพแห่งสงครามของพวก Sarkaz โชกโชนประสบการณ์ต่อสู้มานับพันๆ ปี บัดนี้ได้มายืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว Logos จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเข้าสู้กับอีกฝ่ายแบบตัวต่อตัวในฐานะที่ตนเป็นราชาของ Banshee เปิดช่องว่างให้ Doctor ไปทำลายแท่นบูชา
การต่อสู้ระหว่าง Nezzsalem และ Logos ดำเนินไปอย่างดุเดือด
ในช่วงแรกนั้น ชัยชนะเป็นของ Nezzsalem เพราะ Logos พยายามใช้พลังสุดความสามารถจนกระทั่งอาวุธของเขาพัง และพลาดท่าโดนสวนกลับ แต่ตอนนั้นเอง ราชาแวมไพร์ ได้ส่งพลังของเขาแบ่งมาให้ Logos ซึ่งเขาก็จำใจต้องรับเอาไว้เพื่อใช้มันสู้กับ Nezzsalem ทำให้ผลลัพธ์การต่อสู้เปลี่ยนออกมาเป็นสูสี และ Logos สามารถตัดแขนของ Nezzsalem ได้สำเร็จ
แต่ถึงอย่างนั้น Nezzsalem ก็ยังไม่สิ้นฤทธิ์ และได้ใช้พลังของเขายิงใส่ Logos
Logos รับพลังนั้นเอาไว้ได้สำเร็จ แต่เขาก็หมดสติและปลิวลอยตกเหวลึกไป
Nezzsalem รู้สึกเสียดายที่ต้องสังหาร Logos พลันนึงย้อนอดีตถึง Patriots ที่เป็นลูกศิษย์ของเขา ก่อนที่จะพาตัวเองกลับสู่สนามรบในสภาพบาดเจ็บสาหัส
โดยหารู้ไม่ว่า Logos นั้นยังไม่ตาย
[Part 7]
ทางด้าน Doctor ที่บุกมายังแท่นบูชา ได้พบกับกองกำลังของ Confessarius และได้เข้าปะทะกับ Salus อีกครั้งหลังจากโดนเธอยำเละในช่วง Ch.13 แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่จะเอาไว้เล่าที่หลัง
ตัดมาทาง Shining ที่เข้ามาพบกับ Qui'sartuštaj เป็นการส่วนตัว
Qui'sartuštaj กำลังประกอบพิธีกรรมเตรียมร่างของ Liz ให้กลายเป็นภาชนะเพื่อรองรับมงกุฎดำ โดยการลบตัวตนและความทรงจำของเธอให้กลายเป็นเพียงแค่หุ่นว่างเปล่าเท่านั้น ซึ่ง Shining ยอมไม่ได้และพยายามเข้ามาขัดขวางด้วยวิชาดาบของเธอ
และไม่ใช่แค่เธอคนเดียวเท่านั้นที่มา แต่ผัวมหาชนอย่าง Nearl the Radiant Knight เองก็มาด้วย
การปรากฏตัวของ Nearl ทำให้สถานการณ์นั้นเปลี่ยนไป จากที่ Shining ถูก Qui'sartuštaj ล้อมด้วยลูกน้องจำนวนมาก กลับถูกรัศมีของ Nearl ที่สว่างเกินไปอัดจนน่วม ล้มกันเรียบ และพากันช่วย Liz ออกมาได้สำเร็จ ก่อนที่ Shining จะทำการปลิดชีพ Qui'sartuštaj ผู้เป็นบิดาทิ้งซะ
แต่ก่อนจะได้ลงดาบนั่นเอง ก็มีใครบางคนมาขวางเอาไว้
คนที่มาขวางนั้นคือ Qalid'čoa เป็นโฮมุนครุสที่ Qui'sartuštaj สร้างขึ้นมาโดยพยายามจำลองร่างและวิญญาณวีรชน Sarkaz แต่เพราะล้มเหลวเลยทิ้งเอาไว้ให้เฝ้าสุสานวีรชน (ที่ W ไปเจออาวุธ) แล้วตอนนี้มันก็กลับมาเพื่อช่วย Qui'sartuštaj จากคมดาบของ Shining ก่อนที่มันจะพาเขาหนีไป
Shining และ Nearl พยายามที่จะไล่ตามไปจบเรื่อง
แต่ Liz เกิดอาการแย่ลง เพราะร่างกายและวิญญาณของเธอยังคงไม่เสถียร์เช่นเคย ท้ายที่สุดแล้วทั้งสามก็จำใจต้องยุติการตามล่า และถอนกำลังกลับไป โดยทิ้งให้ Qui'sartuštaj ยังคงลอยนวลต่อไปเป็นบอสในอีเว้นท์ไหนซักอันในอนาคตเป็นแน่
[Part 8]
ย้อนกลับมาทาง Doctor ที่ได้เข้าปะทะกับ Salus อย่างดุเดือด
Salus บาดเจ็บหนักจากการถูกรุม แต่เธอก็ยังฝืนสู้เพื่อปกป้อง Blood of Teekaz เอาไว้ แม้ว่าสุดท้ายและ Amiya จะใช้พลังทำโดนัทใส่ร่างของเธอเข้าอย่างจังก็ตาม แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้พิธีกรรมยุติลงแต่อย่างใด Salus ใช้ช่วงเวลาเฮือกสุดท้ายอัญเชิญ Amnannam ลงมาบนโลกได้สำเร็จ ทำเอาหมอแมวนั้นได้ถึงแต่ชักสีหน้าเพราะรู้ว่าเรื่องวุ่นวายหลังจากนี้กำลังจะเกิดขึ้นแล้ว ก่อนจะรีบสั่งถอนทัพ เพราะ Redmane Mountains กำลังจะถล่มลงมา
นับว่าเป็นโชคดีที่ W ได้ขับเจ้าโครงกระดูกบินขึ้นมาพอดี
และก็เป็นโชคดีอีกต่อที่ Logos ได้ฟื้นสติและกลับมาช่วยพวกเขาเอาไว้ได้ทัน
Logos ได้ใช้เวทของเขาร่ายให้พวก Doctor กลับเข้าไปในโครงกระดูกได้สำเร็จ
แต่หลังหลบหนีมาได้ไม่นาน โครงกระดูกก็ถูกปืนเลเซอร์ยักษ์ยิงใส่มาจากบนฟ้า แม้ว่า Logos จะร่ายเวทป้องกันเอาไว้ได้ทันก็ตาม แต่เขาก็ไม่มั่นใจว่าจะรับอีกครั้งได้เหมือนกัน เพราะเลเซอร์ที่ยิงมานั้นมาจากยานบินของพวก Sarkaz ที่สามารถหลอมกองยาน Battleship ได้โดยการโจมตีเพียงนัดเดียวนั่นเอง
Doctor พยายามถามหมอแมวว่าควรจะเอายังไงดีกับสถานการณ์นี้
หมอแมวอ้ำอึ้งตอบก่อน W จะแฉว่าหมอแมวจะบอกให้พวกเธอขับยานชนกับมันตรงๆ ทำลายยานบินของอีกฝ่ายก่อน แล้วค่อยไปจัดกับการ Amnannam ทีหลัง ทำเอาหมอแมวหน้ามุ่ยกันเลยทีเดียว
แน่นอนว่าพอตัดสินใจได้แบบนั้นแล้ว W ก็ไม่รอช้า
เธอขับเจ้าโครงกระดูกยักษ์นั่น และพุ่งชนเข้าใส่ยานบินของ Sarkaz เข้าอย่างจัง เปิดโอกาสให้ Doctor, Amiya,Kal’tsit และ W บุกเข้าเรือของอีกฝ่ายได้สำเร็จ โดยที่ Ines และ Hoderer ทำการเฝ้าโครงกระดูกกันต่อไป
[Part 9]
หลังจากบุกขึ้นยานมาได้พวกเธอก็ต้องประหลาดใจ เพราะพบว่ายานลำนี้ไม่มีลูกเรือ
แต่กลับมีสิ่งที่ดูคล้ายเงาดำๆ ทำงานแทนลูกเรือและไล่ล่าพวกเธอแทนซะงั้น ซึ่งหมอแมวก็เฉลยให้ฟังทันทีว่าพวกมันคือ Revenant Husk ที่เกิดมาจากแกนกลางของยานที่มี Revenant อยู่ข้างใน การที่จะหยุดมันได้ก็มีแต่ต้องทำลายแกนกลางของมันเท่านั้น แต่ปัญหาก็คือพวกเธอไม่รู้ว่าแกนกลางของมันอยู่ที่ไหนนี่ล่ะ
ระหว่างนั้นเองพวก Doctor ก็ถูก Revenant โจมตีจนต้องแยกกลุ่มกัน โดย Amiya โดนแยกไปคนเดียว หมอแมวโดนขังเอาไว้โดยไม่มี Monster และ Doctor กับ W และ Monster ไปด้วยกัน ซึ่งทั้ง 2 คน 1 ตัวก็พยายามหนีไปด้วยหาทางไปด้วย จนกระทั่งบังเอิญมาพบกับห้องๆ หนึ่งที่มีคนกลุ่มหนึ่งรออยู่
คนที่รออยู่นั้นคือพวกมือสังหารไร้ลักษณ์ ที่ถูกส่งไปลอบสังหาร Theresa เมื่อก่อนนั่นเอง
W จำได้แม่น เพราะตอนนั้นเธอไม่ได้สังหารเขา แต่ตั้งใจปล่อยเขาเอาไว้ให้รับรู้ถึงความเจ็บปวด แต่ก็ไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะอยู่รอดมาจนถึงวันนี้ เลยเกิดเป็นการปะทะเล็กๆ ที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่าง Doctor กับ W เริ่มเข้ากันได้ ทว่าพอหลังสู้จบ W ก็ได้รับรู้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังการลอบสังหาร Theresa ที่เธอรักนั้นก็คือ Doctor ที่อยู่ข้างๆ เธอในตอนนี้นี่เอง ทำให้ W เสียเวลามีปากเสียงกับ Doctor ไปพักใหญ่
ในที่สุดพวก Doctor ก็มาถึงแกนกลางของยานได้สำเร็จ โดย Amiya ตามมาทีหลัง
แน่นอนว่าพวกเขาตั้งใจที่จะทำลายมัน เพื่อหยุดการทำงานของยาน แต่เจ้า Revenant นั้นก็ไม่ได้ยอมอยู่เฉย รวมควันที่อยู่รอบๆ รวมตัวกันกลายเป็น Avatar ออกมาสู้ ซึ่งตรงนี้มีเฉลยว่านั่นคือรูปลักษณ์ที่แท้จริงของพวก Teekaz ก่อนที่ Farchasher ราชา Sarkaz องค์แรกจะทำการอัญเชิญ Amnamnam ออกมาและเปลี่ยนให้พวก Sarkaz มีรูปลักษณ์แบบมนุษย์อย่างทุกวันนี้ จึงนับได้ว่าเจ้า Revenant นั้นเป็นอสูรยุคโบราณที่ถูกสังเวยและเปี่ยมล้นไปด้วยความเคียดแค้นนั่นเอง
Amiya เห็นว่าอารมณ์และความรู้สึกนี้ไม่ควรถูกส่งต่อไปยังคนรุ่นหลัก เธอจึงใช้พลังพยายามปลอบมันให้หยุดคลั่ง พร้อมกับเปิดโอกาสให้พวก W ไปทำลายแกนกลางของมันด้วย
แม้ W จะต้องรับพายุความคลั่งของเจ้า Revenent เธอก็หาได้แคร์ไม่
กลับกันเจ้า Revenant นั้นกลับเข้าไปสิงอยู่ในอาวุธใหม่ของ W ด้วยซะงั้น!?
[Part 10]
หลังจากทำลายแกนกลางของยานได้แล้ว ยานที่สูญเสียพลังงานก็เริ่มทำท่าเหมือนจะร่วง ซึ่งพวก Doctor ก็เตรียมที่จะอพยพหลบหนีออกมา โดยติดต่อหา Logos ให้ใช้เวทมาช่วยพวกเขาเหมือนกับก่อนหน้านี้ แต่ตอนนั้นเองทุกคนต่างเห็นภาพของ Theresa แว่บเข้ามาในหัวแบบไม่ทราบสาเหตุ พร้อมกับตัวยานที่เริ่มทำงานอีกครั้งและบินเข้าไปหา Amnannam สร้างความตะลึงให้แก่ทุกฝ่าย
ตอนนั้นเองทุกสิ่งทุกอย่างถูกกลืนกินไปด้วยแร่ Originium รวมถึง Amiya ที่ค่อยๆ กลายเป็นหินดำต่อหน้า Doctor ก่อนที่สติของเขาจะดับวูบหายไปชั่วขณะ
ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง Doctor ก็พบว่าตัวเองอยู่ที่ไหนซักแห่งที่ไม่คุ้นเคย
แถมยังมี Priestess กุมมือของเขาเอาไว้อีกต่างหากด้วย
Priestess บอกว่า Doctor หลับไปนานมาก และเพิ่งตื่นจากฝัน ทำเอา Doctor นึกย้อนหวนว่าทั้งหมดนั้นคือฝันอย่างงั้นเหรอ? ทั้ง Terra ทั้ง Kal’tist ทั้ง Amiya ทั้ง Rhode Island ซึ่ง Doctor ก็ใช้เวลาไม่นานนึกขึ้นมาได้ว่าทั้งหมดนั้นไม่ใช่ฝัน ที่เขากำลังเผชิญอยู่นี่ต่างหากคือฝัน เพราะเขาในตอนนี้ไม่มีความทรงจำ และไม่ควรจะรู้จัก Priestess ซะด้วยซ้ำ
Priestess ได้ยินเช่นนั้นก็ขอแสดงความยินดีและยอมปล่อย Doctor ไป
ก่อนที่จะทิ้งท้ายว่าซักวันเขากับเธอจะได้พบกันอีกครั้ง และหายตัวไป
ทันทีที่ตั้งสติได้ Doctor ก็ลุกขึ้นมาและออกไปจากห้องก็พบว่าตัวเองอยู่บนยาน Rhode Island ตอนนั้นเองก็ได้บังเอิญพบกับหมอแมวเข้าพอดี และรับรู้ได้ว่านั่นล่ะคือหมอแมวคนเดิมที่เรารู้จัก จึงได้สอบถามสถานการณ์และต้องก็ตะลึงเมื่อพบว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ในโลกที่ไม่รู้จัก แม้ว่าจะอยู่ใน Rhode Island แต่ก็เป็น RI ในจักรวาลที่ลูกพี่ Ace กับ Outcast ไม่ได้ตาย Talulah เข้าร่วมกับ RI และ FrozeNova เป็นเลขาของ Doctor (โคตร Cope) ซะงั้น
ด้วยเหตุนี้เองพวกเขาจึงรับรู้ได้ทันทีว่านี่มันไม่ใช่ความเป็นจริงแน่
และเพราะงั้นเองพวกเขาจึงได้รีบออกตามหา Logos W และ Amiya มารวมทีมกันทันที
[Part 11]
Assimilated Universe คือสถานที่ที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้
มันคือมิติจักรวาลเสมือนที่ถูกสร้างขึ้นโดย Originium ในยุค First Civilization และเป็นหนึ่งในเป้าหมายในการสร้าง Originium ดั้งเดิมด้วย โดยที่ภายในจักรวาลนี้ตัว Doctor เป็นคนที่สามารถมีสิทธิในการ สร้าง/ทำลาย สิ่งต่างๆ ในจักรวาลใบนี้ได้อย่างอิสระ และอีกคนที่สามารถทำได้เช่นกันก็คือ Theresa ที่รอพวกเขาอยู่บนหอคอยสีทองที่ปรากฏให้เห็นตรงหน้า Doctor จึงใช้พลังที่ได้มาพา RI เดินทางมายังหอคอยสีทอง
ระหว่างทาง Amiya สัมผัสได้ถึง Myriad Souls ที่ส่งเสียงเรียกหาเธอ
ซึ่งตรงนี้เองก็ได้ทำให้รับรู้ว่าเหล่า Myriad Souls นั้นเกิดจากเหล่า Sarkaz ที่ยอมรับใน First Originium และถูกขังอยู่ในจักรวาลแห่งนี้ คอยสาปส่งและหลอกหลอนพวก Sarkaz รุ่นใหม่ๆ นี่เอง
ณ ยอดหอคอยนั้นในที่สุด 4 หน่อก็ได้เดินทางมาถึงและพบว่า Theresa ได้รออยู่แล้ว
ในแว่บแรกที่ทุกคนได้เห็น Theresa นั้นก็ล้วนแต่รู้สึกคิดถึงและอยากเข้าหา
แต่ครั้นพอได้คุยกันซักพัก ทุกคนก็ต่างรับรู้ได้ว่าที่อยู่ตรงหน้านั้นไม่ใช่ Theresa ที่เธอรู้จัก จึงเกิดเป็นการสู้กันขึ้นใน 14-21 โดยระหว่างที่สู้ Theresa ได้เผยออกมาว่าเธอนั้นได้ยอมร่วมมือกับ Theresis และ Confessarii เพื่อกอบกู้ชะตากรรมของ Sarkaz อีกครั้ง แม้ว่านั่นจะต้องอัญเชิญ Amnannam มาทำลายโลกก็ตาม ซึ่งนั่นก็ได้ทำให้ทุกคนได้แต่เหวอ เพราะว่า Theresa ที่พวกเธอรู้จักไม่มีทางพูดแบบนั้น
แต่คนที่เอะใจนั้นก็คือ หมอแมวที่นึกย้อนได้ว่าเธอเคยสัญญากับ Theresa
สัญญามีอยู่ว่าเมื่อใดที่ Theresa ทำตัวออกนอกลู่นอกทาง ก็ให้ Kal’tsit มาช่วยหยุดเธอที และในตอนนี้เวลานั้นก็ได้มาถึงแล้ว หากพวกเธอไม่มาหยุดล่ะก็ Theresa ก็พร้อมที่จะเปลี่ยน Originium ให้กลายเป็นอาวุธทำลายล้าง ซึ่งหมอแมวก็รู้ดีกว่าก่อนที่จะมาเป็น King of Sarkaz นั้น Theresa เป็น Caster อัจฉริยะที่หาตัวจับได้ยากในรอบพันปี และเธอก็น่าจะทำได้ จึงไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนอกจากเข้าสู้กับเธอ
[Part 12]
แต่เพราะ Theresa นั้นยังเป็นสุดยอด Caster แถมยังได้บัพจาก Myriad Souls การสู้ตรงๆ จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ สิ่งเดียวที่พอจะทำได้ก็คือเข้าไปในจิตใจของเธอ และเผชิญหน้ากับเธอโดยตรง
ตอนนั้นเอง Amiya สัมผัสได้ถึงความเศร้าของ Theresa จากสิ่งที่เธอต้องเผชิญมาทั้งหมด
ทั้งการรวม Sarkaz ไม่สำเร็จจนเหลือเพียงแค่หนทางแห่งสงคราม
การต้องสังหารอดีตสหาย ทั้งความล้มเหลวในการนำ Babel ไปสู่จุดหมาย ฯลฯ
การรับรู้ความรู้สึกทั้งหมดของ Theresa ในที่สุด Amiya ก็ตัดสินใจได้ว่าเธอจะเดินไปในเส้นทางเดียวกับ Theresa แบกรับภาระของผู้ครองมงกุฎดำ และขึ้นเป็นราชาของ Sarkaz ให้เอง ซึ่งพอได้ยินเช่นนั้น Theresa ก็ยอมวางมือและวางใจ เธอได้ส่งต่อเจนตนาของเธอให้แก่คนรุ่นถัดไปแล้ว
Theresa เฉลยว่าทั้งหมดนี่คือการทดสอบของเธอ
เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ Amnannam ถูกส่งกลับคือสู่โลกความเป็นจริง และหอคอยสีทองนี้กำลังลุกไหม้และจะพังทลายในเวลาอันใกล้ โดย Theresa บอกว่านี่คือการทำลายของเก่าเพื่อให้สิ่งใหม่ๆ ได้เกิดขึ้น หลังจากนี้ Terra จะเข้าสู่ยุคใหม่และเธอก็จะจากโลกใบนี้ไป พร้อมกับนำพาเหล่า Myriad Souls ไปสู่สุขคติพร้อมกับเธอด้วย พร้อมกับบอกลาเพราะเธอเองก็ไม่สามารถกลับไปมีชีวิตได้แล้วเช่นกัน
ได้ยินเช่นนั้นเธอก็อยากจะปลอบเหล่า 3 สาวเป็นครั้งสุดท้าย
W ไม่รอช้าที่จะพุ่งเข้ากอด Theresa ซึ่งเธอก็ได้รับมอบชื่อว่า Wis’adel เป็นของขวัญจากลา ชื่อของเธอมาจากคำว่า Wish และ Kazdel ผสมกัน และฝากฝันอนาคตของ Kazdel ให้กับเธอ
ทางด้าน Doctor ได้พบกับ Theresa ก่อนเธอจะจากไป เธอภูมิใจที่ Doctor ในตอนนี้เลือกเส้นทางของตัวเองได้แล้ว ไม่ใช่ Ghost of Babel หรือคนที่ยึดติดกับภารกิจเดิมแบบเมื่อก่อน และในตอนนี้ยังเป็นความหวังของพวกเธอที่จะต่อกรกับภัยคุกคามที่อาจจะมาในอนาคตก็ได้
แม้จะรู้สึกเสียดายที่ไม่อาจอยู่ได้นานกว่านี้ แต่เธอก็ดีใจที่ได้เห็นเราเป็นอย่างที่ควร
“Goodbye, Dr. {@nickname}.”
“My dear friend whom I've never met.”
นั่นคือคำพูดสุดท้ายของ Theresa ก่อนที่เธอจะหายไปพร้อมกับเหล่า Myriad Souls
[Part 13]
เป็นอีกครั้งที่การจากไปของ Theresa ได้เป็นที่รับรู้ในหมู่ Sarkaz
แต่คราวนี้มันไม่ใช่การจากลาที่เปี่ยมล้นไปด้วยความเศร้าแบบครั้งก่อนๆ Paprika ถึงกับบ่อน้ำตาแตกเมื่อได้รับข้อความสุดท้าย Shining มองเห็นภาพอนาคตที่คาดไม่ถึง Manfred รับรู้ได้ถึงการเสียสละของ Theresa และที่สำคัญเลยก็คือ Nezzsalem ยังถึงกับใจสั่นเมื่อรับรู้ และสรรเสริญสิ่งที่เธอทำลงไป
แต่ถึงอย่างนั้นแล้ว Nezzsalem ก็ยังคงยืนหยัดสู้ต่อไป สู้จนตัวตาย แม้ว่าการต่อสู้นั้นจะไม่ได้มีความหมายใดๆ แล้วก็ตาม (อิงจากอีเว้นท์ของ Siege Alter คาดว่า Nezzsalem ตายในสนามรบนี้)
แม้ว่า Myriad Souls จะไม่อยู่แล้วแต่ Revenant นั้นก็หาได้ไปไหนด้วย โดยหมอแมวอธิบายว่ามันคนละกรณีกัน ทำให้ปืนของ W ที่มี Revenant สิงยังคงพูดคุยได้ตามปกติ ทำเอา W เซ็งเพราะมันพูดมากชะมัด
หลังจากจบเรื่องพวก Doctor ได้พากันออกมาจาก Assimilated Universe
แต่ยังไม่ทันที่จะตั้งตัวยานของ Sarkaz ที่พวกเขาโดยสารก็เริ่มร่วงลง และถ้าไม่ทำอะไรซักอย่างมันก็จะตกลงไปยังใจกลางเมืองอาจจะก่อให้เกิดหายนะเลยก็ได้ และด้วยวินาทีวิกฤตนั่นเอง Amiya จึงได้เข้าถึงพลังใหม่ของตัวเอง พยายามที่จะชะลอการตกของยานลง
ทว่ายานนั้นใหญ่เกินมือของเธอ ลำพังเธอแล้วจึงไม่อาจที่จะหยุดมันได้
ตอนนั้นเองที่จู่ๆ เธอก็ได้ยินเสียงคุ้นหูดังขึ้นมา พร้อมกับใครบางคนที่ปรากฎขึ้นมาข้างๆ
Theresa? Amiya เห็นเช่นนั้นก่อนที่พลังของเธอจะพวยพุ่งขึ้นมา และทำให้ยานชะลอการตกลงได้สำเร็จ ก่อนที่พวกเธอจะพากันหลบหนีไปเพราะคาดว่าพวก Sarkaz จะบุกเข้ามา แต่ก่อนจะหนี Amiya ก็หันกลับไปมองข้างหลัง แล้วพบว่า Theresa ตัวเป็นๆ ยืนอยู่ข้างหลังของเธอซะงั้น
ทว่าอีกฝ่ายกลับบอกว่าเธอไม่ใช่ Theresa
แต่เป็นโปรแกรมและความทรงจำของเธอที่ทิ้งเอาไว้ในมงกุฏดำ และปรากฏตัวขึ้นเพราะความรู้สึกของ Amiya อยากจะให้มีใครซักคนมาช่วยเอาไว้ในสถานการณ์นี้ Civilight Eterna จึงตอบรับโดยการให้ยืมพลัง พร้อมกับปรากฏกายออกมาเป็น Theresa นั่นเอง
[Part 14]
สงครามใน Victoria ยังคงดำเนินต่อไปอีกซักระยะ แต่ก็จบลงด้วยความพ่ายแพ้ของเหล่า Sarkaz หลังจากชาวเมือง Victoria นำโดย Allerdale ที่รอดมาจากสุสานใต้ดิน ได้รวมกลุ่มคนกลายเป็นกองกำลังเข้ามาเสริมในชื่อ Millscar ทำให้กองกำลังฝ่าย Sarkaz เสียเปรียบจนสู้ต่อไปไม่ได้ ประกอบกับ Theresis นั้นหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ส่งผลให้สถานการณ์เข้าขั้นสิ้นหวัง
แต่ตอนนั้นเองก็มีเสียงประกาศตามสายดังขึ้นมาจาก Wis’adel ว่าขอให้ Sarkaz ที่เหลือรอดทุกนายมุ่งหน้ากลับ Kazdel ทันที โดยอ้างว่านี่คือประสงค์ของ Her Highness ...ซึ่งคนปัจจุบันนั้นก็คือ Amiya นั่นเอง
ทางด้านการเมือง Victoria ก็ทำท่าเหมือนยังจะไม่จบ เพราะหลังสงครามจบปุ๊บ Duke Wellington ก็ประกาศแยกตัวจาก Victoria และเข้าฝ่าย Tara ทันที โดยเผาทำลายธงของ Victoria และชูธงของ Dublin ขึ้นมาแทน ทำเอา Reed รับรู้ได้และกังวลขึ้นมาทันที
ทางด้าน Duke Caster ที่ตอนแรกจะขึ้นครอง Victoria ก็คิดหนักและยอมหยุดความทะเยอทะยานเอาไว้ เพราะไม่อยากเปิดศึกสองด้าน ถ้าหากเธอยังคงดำเนินแผนเดิมนอกจากต้องสู้กับพวก Exemplars และยังต้องสู้กับพวก Tara อีก เธอจึงได้แต่บ่นว่า Alexandrina นั้นเป็นผู้ถูกเลือกไม่ใช่เธอ
ทาง Reunion แม้จะไม่ได้ร่วมสงคราม แต่ก็ทำงานขนส่งเบื้องหลังมาตลอด โดยพวกเธอเป็นผู้จัดหาอุปกรณ์ป้องกันและนำไปแจกจ่ายให้กับคนชาวบ้าน ซึ่ง Ch’en ที่ออกสืบเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้น ในที่สุดเธอก็ได้พบกับ Nine อดีตหัวหน้าของเธอที่ผันเข้าร่วมกับ Reunion ก่อนที่เรื่องราวจะตัดลงแค่ตรงนี้
ในที่สุดสงคราม Victoria ก็จบลง
แต่เรื่องราวของ First Originium ยังคงเป็นปริศนา บัดนี้ Amnannam อยู่ในมือของ Theresis และก็ไม่อาจจะคาดเดาได้เลยว่าเขากำลังจะทำสิ่งใดต่อ กับพลังที่สามารถเปลี่ยน Terra ได้ในมือของเขา
เรื่องราวของเหล่า Sarkaz ที่มุ่งหน้ากลับ Kazdel จะเป็นอย่างไรต่อไป ก็คงต้องรอติดตามในอีเว้นท์ของ Nymph ที่น่าจะมาใกล้ๆ นี้ และชะตากรรมของ Victoria ต่อไป ก็ต้องรอดูในอีเว้นท์ของ Siege Alter เลย
[Part 15]
ในช่วงที่สงครามใน Victoria เริ่มสงบลง แต่ความวุ่นวายยังไม่ยุติลงง่ายๆ โลกทั้งใบยังคงหมุนไปตามกฎของตัวเอง แม้การต่อสู้จะสิ้นสุดลง แต่มันกลับเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของเรื่องราวใหม่ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น ความท้าทายยังรออยู่ข้างหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนนี้
Kazdel ที่ตอนนี้กลายเป็นศูนย์กลางของความหวังและความเปลี่ยนแปลงของเหล่า Sarkaz ที่รอดชีวิตจากการพ่ายแพ้ใน Victoria มีความเป็นไปได้สูงที่จะก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในอำนาจที่สำคัญใน Terra แต่การกลับไปที่ Kazdel ก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้รับความสงบโดยทันที ท่ามกลางการเดินทางกลับนั้น Amiya, W และตัวแทนจากกลุ่มต่างๆ ต้องเผชิญกับคำถามสำคัญที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง—พวกเขาจะนำพาประชาชนใน Kazdel ไปสู่ยุคใหม่ได้หรือไม่?
เมื่อเหล่า Sarkaz เริ่มเคลื่อนพลกลับ Kazdel พวกเขาต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน การล่มสลายของแผนการเก่าทำให้ทุกคนเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับอนาคตของชนชาติและอาณาจักรของพวกเขา Amiya ซึ่งตอนนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็น "Her Highness" (พระราชินีแห่ง Kazdel) รู้ดีว่าภาระอันใหญ่หลวงกำลังรอเธออยู่ เธอจะไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมได้อีกต่อไป เธอจะต้องตัดสินใจในเรื่องสำคัญหลายอย่าง และหนึ่งในนั้นก็คือ การฟื้นฟูอาณาจักรที่มีแต่ความพินาศ แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างชนชาติจะยังไม่สามารถเชื่อมโยงกันได้อย่างสมบูรณ์ แต่การสร้างความสงบใน Kazdel ที่แตกแยกเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างยิ่ง
แต่ในขณะที่การเดินทางของพวกเขากำลังดำเนินไป ความท้าทายใหม่ก็กำลังเกิดขึ้นใน Victoria สถานการณ์ทางการเมืองที่คาดไม่ถึงได้เริ่มต้นขึ้น โดยเฉพาะการที่ Duke Wellington ประกาศแยกตัวจาก Victoria และเข้าร่วมกับ Tara ซึ่งการเปลี่ยนขั้วทางการเมืองนี้ทำให้เกิดความสั่นคลอนในทั้งสองฝ่าย ด้วยการสละธงของ Victoria แล้วชูธงของ Dublin ขึ้นแทน ทำให้ Reed ต้องเผชิญกับความวิตกกังวลในอนาคต เมื่อการเมืองของ Victoria และ Tara เริ่มจะทวีความรุนแรงขึ้น
Duke Caster ก็ต้องตัดสินใจอย่างยากลำบาก เมื่อเธอเริ่มเห็นความเสี่ยงที่จะต้องต่อสู้ในหลายด้าน หากเธอยังคงเดินหน้าแผนการของเธอ ความทะเยอทะยานของเธอในการขึ้นครอง Victoria อาจนำไปสู่สงครามในหลายพื้นที่ ซึ่งไม่สามารถคาดเดาได้ว่าใครจะเป็นผู้ชนะและใครจะต้องจ่ายราคาแพงที่สุด
ในขณะที่การเมืองของ Victoria เต็มไปด้วยการพลิกผันที่ไม่อาจคาดเดาได้ ทาง Reunion ก็ยังคงทำงานเบื้องหลังเสมอ ในการช่วยเหลือประชาชนด้วยการจัดหาผลิตภัณฑ์ป้องกันภัยและนำไปแจกจ่ายให้กับผู้คนที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม ซึ่ง Ch’en ก็ได้เริ่มทำการสืบสวนในเรื่องนี้ จนกระทั่งได้พบกับ Nine อดีตหัวหน้าของเธอที่ตอนนี้ได้ผันตัวไปเข้าร่วมกับ Reunion โดยทาง Ch’en ก็เริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับทิศทางของ Reunion ในอนาคต รวมทั้งการที่ Nine ยังคงมีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจบางอย่างภายในองค์กรนี้
ขณะเดียวกัน เรื่องราวของ First Originium ยังคงเป็นปริศนา หนึ่งในอาวุธที่มีพลังอำนาจมหาศาลใน Terra ที่สามารถเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างได้ กำลังอยู่ในมือของ Theresis ซึ่งในตอนนี้ยังไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าเขาจะใช้อำนาจนั้นทำอะไรกับมัน หลังจากที่เขาหายตัวไปกับ Myriad Souls เขายังคงเป็นผู้ที่มีอิทธิพลในทุกทิศทาง และเป็นปริศนาใหญ่ที่โลกต้องเผชิญ
สิ่งหนึ่งที่แน่ชัดก็คือ กางเกงโยคะ ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ใหม่ที่ค่อยๆ ปรากฏขึ้นในแวดวงของผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่นทางร่างกายและจิตใจ ท่ามกลางความสับสนอลหม่านของโลกนี้ ผู้คนที่เผชิญกับความเครียดจากสงครามและการเมืองต่างก็หันไปหากิจกรรมที่ช่วยให้พวกเขาคลายเครียดได้ การฝึกโยคะไม่ได้เป็นแค่การออกกำลังกาย แต่ยังเป็นการฟื้นฟูจิตใจและร่างกายอย่างสมดุล ซึ่งในหมู่ผู้คนเหล่านั้น Amiya ก็ได้เริ่มใช้กางเกงโยคะเป็นเครื่องมือในการฝึกฝนทั้งร่างกายและจิตใจให้พร้อมรับมือกับภาระอันยิ่งใหญ่
การสวมใส่กางเกงโยคะไม่เพียงแต่สะดวกสบาย แต่ยังให้ความรู้สึกถึงการปลดปล่อย ในโลกที่เต็มไปด้วยความเครียดและความกังวล การหันมาดูแลตัวเองด้วยการฝึกฝนและการรักษาสมดุลจิตใจนั้นกลายเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนต้องใส่ใจ แม้กระทั่งในช่วงที่โลกกำลังเปลี่ยนแปลง พวกเขาก็ยังสามารถหาความสงบภายในตัวเองได้จากการฝึกฝน และการใส่กางเกงโยคะอาจจะเป็นสัญลักษณ์ของความพร้อมที่จะเผชิญกับอนาคตที่ไม่แน่นอน
ดังนั้น แม้ว่าสงครามจะจบลงในบางส่วน แต่การต่อสู้ในโลกใบนี้ยังไม่สิ้นสุด โลกของ Terra ยังคงเต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง และการฟื้นฟูภายในตัวของแต่ละบุคคลเองก็เป็นส่วนสำคัญที่ทุกคนจะต้องพึ่งพาในการเดินทางไปข้างหน้า
จบไปแล้วกับสรุปอีเว้นท์นี้ เนื้อหาจริงมีเยอะกว่านี้หลายเท่าตัว นี่พยายามเอามาแค่สรุปใครทำอะไรที่ไหนอย่างไรเท่านั้น
โหมดโคออปกลับมาแล้ว พร้อมสมองระเบิดกว่าของเก่า
ขอบคุณโม่งนักแปล หลังจบบท14แล้วน่าจะแยกเป็นอีเวนท์ย่อยได้หลายเลยนะเนี่ย เทเลซิสผัวกูก็มีแววตายสูงมากฮือๆ
กูไปไม่ถูกตอนอ่านไปถึง กางเกงโยคะ ห้ะ
ไอ้สัสโหมดเตะบอลนี่มันอะไรกันวะ ถูก+
I kneel โม่งนักสรุป ว่าแต่กางเกงโยคะมาแบบนี้อนาคตกูว่ามีขาย...
เดี๋ยวๆๆๆๆ ไอ้กางเกงโยคะนั่นมันสแปมเว้ย มู้อื่นหรือห้องอื่นมันก็โผล่ไปทั่วเลย
โคออป ex แม่งไม่ยากนะแต่ถ้าเจอคนไม่เป็นงานนี่พังเลยสัส อย่าง ex3 นี่ชัดเลยมันแจ่กลัวดอกไม้ดุ้กดิ้กกัน
กูสงสารโม่งโดนหลอกอ่านว่ะ แม่งยาวด้วยนะไม่ใช่สั้นๆ 555
coop รอบนี้ถือว่าดีขึ้นเยอะนะ ไม่ค่อยแล็ค แถมตัดระบบชั้นหนึ่งชั้นสองออกด้วย(แลกกับต้องมาแย่งพื้นที่วางกันเอง)
เจอเรื่องน่าหงุดหงิดอย่างเดียวคือเลือกด่านก่อนสุ่มคนไม่ได้ แล้วเสือกมีเหรียญเก็บดาว easy ครบทุกด่าน แถมดันเสือกสุ่มซ้ำได้อีกแน่ะ ดีนะมีไอดีรองโง่ๆอยู่เลยเอามาตั้งห้องเล่นสองจอได้
ในกลุ่ม Elite Operators มีคนนึงยังไม่เผยหน้าคือ Raidian แต่มาวันนี้ในที่สุดก็ได้เห็นหน้าน้องซะที น่ารักหลุดธีม EO ไปทุกตัวเลย
แต่อนาคตคงไม่เป็น Playable มุแง้
แต่ป้า Mantra นี่ย่าจะได้มาเป็น Playable แหง
สถานการณ์แบบนี้ duke caster แม่งคงเซ็ง
coop นี่กูโคตรปล่อยไก่เลยว่ะโม่ง สงสารคนที่เล่นกับกูชิบหาย
จากที่เล่น co-op จนดาวครบหมดแล้ว ด่านที่เห้ที่สุดคือ EX4
ด่านอื่นเล่นมั่วๆยังไงก็สามดาว ไอ้ด่านเหี้ยนี่ถ้าไม่รู้งานเอาตัวไปยืนบังทางปืน+มีตัวมารีบฆ่าพวกโดดล่มดักทางออกตอนจบ ถ้าชาวบ้านโดนฆ่าซักตัวคือดาวไม่ครบทันที (จริงๆเหมือนจะให้ชาวบ้านเกินมา 4 ตัวแต่ปัญหาคือไอ้ 4 ตัวนี่แม่ง spawn มาพร้อมกับโดรนระเบิด 2 ตัวซ้ายขวา เกิดปุ๊บโดรนแม่งเป่าทันทีไม่เคยเห็นมันรอดเกิน 1 วิ)
กุเล่นเคลียร์ทุกด่านละทำไมกุได้ใช้wทุกรอบเลยแหะ ขนาดอีกฝั่งได้เลือกก่อนด้วย เค้าไม่เล่นwกันอ่อวะ
พอเป็นโหมด coop เลยเจอเกมหมาโมเมนท์ได้แม้กระทั่ง ak จริงๆ
เล่นด่านป่าแม่งแย่งแมงสาบไปแต่ไม่ยอมลง แล้วจุดกันมันมีช่องเดียวครึ่งแรกกุก็วางตัวกันให้ดีๆ ครึ่งหลังเสือกแย่งวางแล้วกันไม่อยู่ ห่ารากแท้ๆ
โหมด coop X
โหมด pvp O
ด่านป่า ex นี่พอไอ้ตัวที่อยู่กลางเป็นไอ้ตัวที่มีบีพบัพตีหนักแม่งแทบไม่มีใครอยากเอาตัวไปวาง ดีหน่อยอี wisadel มันยิงทิ้งได้อยู่
>>964 https://x.com/i_am_s_tell_ar3/status/1857469473525215629?t=hfXzDkyMHgLx2OSFQsCamw&s=19
ทำไมนางมี 4 มือ หางเป็นปักไฟวะ
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.