[Part 8]
ทางด้าน Reynell เองที่โดน Mateo จับตัวเอาไว้เป็นตัวประกันได้เผยความจริงว่า ทั้งหมดที่เขาทำลงไปนั้นก็เพื่อล้างแค้นให้แม่ของเขา ก่อนจะเริ่มเล่าอดีตว่าเขาเป็นลูกของเศรษฐีชื่อดังที่ชื่นชอบงานศิลป์เหมือนกับเขา แต่พ่อของเขาก็ไม่ใช่คนดีนัก และทำให้แม่ของเขาเป็นทุกข์ตลอดเวลา พอ Reynell ขึ้นมาแทนที่เขา เขาก็ตั้งใจที่จะทำลายที่สิ่งที่เคยเป็นของพ่อของเขา จึงสร้างหอศิลป์นี้ขึ้นมา รวบรวมงานศิลป์ของพ่อเขาและตั้งใจจะระเบิดงานทั้งหมดทิ้งภายในคราวเดียว
Mateo ได้ยินเช่นนั้นก็หาว่า Reynell บ้าไปแล้วจึงพยายามจะหนีโดยลิฟท์ส่วนตัวของ Reynell แต่ลิฟท์ตัวนั้นจำเป็นจะต้องใช้กุญแจจาก Reynell ด้วย Mateo จึงหยิบไม้กลอฟ์ขึ้นมาทุบหัว Reynell เพื่อพยายามชิงกุญแจเพื่อหลบหนี แต่นั่นก็เป็นจังหวะที่ Ela ฝ่าขึ้นมาจนถึงดาดฟ้าได้สำเร็จ และได้ปราบ Mateo ลงได้อย่างง่ายดาย
ในระหว่างจังหวะนรกนั่นเองระเบิดก็เหมือนจะใกล้ทำงาน Ela จึงต้องพา Reynell หนีออกจากดาดฟ้า โชคดีไปที่ Blitz ได้ตามขึ้นมาและส่งมอบ Jetpack ให้ช่วยให้ Ela สามารถพา Reynell กระโดดออกมาจากดาดฟ้าได้ แต่ด้วยความดราม่า Reynell ได้ตั้งใจจะจบชีวิตตัวเองลงและปลดสายรัดของ Jetpack ให้ตัวเองร่วงลงไปจากที่สูง
แต่ก็ดูเหมือนดวงยังไม่ถึงฆาต เพราะจุดที่ Reynell ตกลงไปนั้นคือสระน้ำที่อยู่ข้างล่างซะงั้น
Ela ได้เห็นชั้นก็ของขึ้นกับความเอาแต่ใจของ Reynell จึงลงไปลากคอเขามาชกหน้าเรียกสติ ก่อนที่จะพาเขาออกไปจากตึกและรวมตัวกับพวก Ash ที่รออยู่ข้างล่างแล้ว เป็นการปิดฉากความวุ่นวายในคราวนี้ลง โดยที่ฝ่ายตัวประกันและพวก Ela ไม่มีใครเสียชีวิตเลยซักคน
[Part 9]
หลังจากจบเรื่อง Reynell ได้ถูกควบคุมตัวในฐานะคนที่ก่อความวุ่นวาย ก่อนจะถูกตัดสินเนรเทศให้กลับไปยัง Kazimierz โดยที่ Miłosz ก็ขอตามไปด้วย โดยทาง Candela ได้ติดต่อกับสถานทูตของ KGCC ให้มารับตัวไป ส่วน Mateo นั้นได้รับการสอบสวนจากฝ่ายรัฐบาล Bolivar และถูกตัดสินใจถอดยศพร้อมกับส่งกลับไปยังฐานที่มั่นเดิมพร้อมกับจำคุกด้วย
การจากไปของ Reynell นั้นได้ทำให้ชุมชนศิลป์กลับ และเริ่มทำการฟื้นฟูตัวเองกันอีกครั้ง แต่คราวนี้มีของแถมเพิ่มด้วยก็คือหอศิลป์ของ Reynell ที่ถูกทิ้งร้างเอาไว้ เพราะ Diaz กู้ระเบิดได้ทันทำให้มันไม่ถูกระเบิดทิ้ง แต่จะปล่อยเอาไว้เฉยๆ ก็น่าเสียดายแย่ พวกเขาจึงเปลี่ยนมันกลายเป็นร้านอาหาร และชวนพวก Ela มานั่งกินข้าวกัน โดยมีทีมของ Ash มาร่วมด้วย
ด้วยความคิดถึง Ela ได้ขอให้ Ash ช่วยเล่าเหตุการณ์ต่างๆ ให้ฟังหน่อย Ash จึงสนองความต้องการนั่น พร้อมกับชวนพวก Ela ไปยัง RI ด้วยกันหลังจากจบเรื่องราวในครั้งนี้
ทางด้าน Ernesto ได้เข้าไปคุยกับ Candela เกี่ยวกับความวุ่นวายในครั้งนี้ ระหว่างนั้นเอง Candela ได้ชงกาแฟด้วยเมล็ดกาแฟ 3 ชนิดให้ Ernesto ก่อนจะเริ่มเปรยขึ้นมาว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ได้ส่งผลกระทบกับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลกลางอย่างหนัก จนถึงกับเกิดการประท้วงภายในขึ้น และอาจจะทำให้อีก 2 ฝ่ายที่เคี่ยวเข็นกับรัฐบาลกลางมานานเริ่มเคลื่อนไหว
Candela แซวว่านี่อาจจะจบสงครามกลางเมืองของ Bolivar ได้เร็วๆ นี้เลยก็เป็นได้
ระหว่างนั้นเอง Candela ถามว่าถ้าเป็นแบบนั้นจริง Ernesto จะเอายังไงต่อ?
เพราะยังไง Ernesto ก็เป็นลูกชายของ Pancho จึงไม่ใช่เรื่องยากเลยที่เขาจะรับตำแหน่งและขึ้นเป็นผู้นำต่อจาก Pancho ก่อตั้งฝ่ายที่ 4 ขึ้นมาท่ามกลางความวุ่นวายของศึกสามก๊กใน Bolivar ทำอา Ernestoยิ้มเจื้อนกลับไปว่าเลิกล้อเล่นเถอะ ก่อนจะรีบหนีกลับ RI กันเลยทีเดียว
[Part 10]
จบไปแล้วสำเร็จการสรุปอีเว้นท์ในคราวนี้ ซึ่งเนื้อหาก็ไม่ได้มีเยอะอะไรหรอก แต่มันเล่าจากมุมมองของหลายตัวละคร ทั้งฝ่าย Ela ฝ่าย Reynell ฝ่าย Tecno และฝ่าย Mateo เลยค่อนข้างลำบากเลยกว่าจะรวบรวมมาให้ครบๆ ได้แบบนี้
ก็เช่นเคย อีเว้นท์นี้เป็นแค่ Sidestory ที่เผยให้เห็นเรื่องราวอีกด้านของ Terra แต่คราวนี้ก็ค่อนข้างชี้ชัดแล้วว่าชาว Terra นั้นแข็งแกร่งกว่ามนุษย์ทั่วๆ ไปอย่างพวก Ela หรือแม้แต่ Doctor พอสมควร เพราะขนาด Reynell ตกจากบันจี้จัมป์ยังได้แค่แผลถลอก Tecno สามารถคว่ำผู้ใหญ่อย่าง Fuze ได้ง่ายๆ แถมกระโดดจากตึก 4 ชั้นลงมาข้างล่างได้สบายๆ ในขณะที่ Doc บ่นระงมว่าเป็นเขาคงตายไปแล้ว
แต่ในขณะเดียวก็ดูเหมือนจะทดแทนด้วยที่ร่างของพวก Terra สามารถติดเชื้อหินดำได้นี่ล่ะ
ในขณะที่พวกมนุษย์นั้นไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากหินดำเลย
เนื่องจากนี่เป็นอีเว้นท์โคแลป จึงไม่ค่อยจะคาดหวังว่าจะมีเนื้อหาต่อไปนัก จึงขอสรุปว่าเรื่องราวของทีม R6S น่าจะจบลงแค่นี้ซะล่ะมั้ง? ซึ่งจะเป็นยังไงก็ช่างเรามาคอยดูกันต่อดีกว่าว่าอีเว้นท์คอแลปหน้าอย่าง Dungeon Meshi จะมีเนื้อหาเป็นยังไง