[Part 1]
AK Events – To the Grinning Valley
กลับมาเจอกันอีกครั้งสำหรับการสรุปอีเว้นท์ของเกม Arknights สำหรับคราวนี้เป็น Mini event เนื้อหาสั้นๆ ไม่ยาวมากอย่าง To the Grinning Valley ที่จะพาพวกเราเข้าสู่ Rim Billiton ดินแดนแห้งแล้งที่มีการกล่าวถึงมาตั้งแต่เกมเปิด แต่ไม่เคยมีเนื้อเรื่องของประเทศนี้ซักที
อีเว้นท์นี้ตอนแรกก็คิดว่าค่อนข้างสั้นและเนื้อหาไม่ซับซ้อนเพราะยังไงมันก็เป็นแค่อีเว้นท์คั่น
ซึ่งมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ในช่วงแรกถึงช่วงกลางของเนื้อเรื่อง ก็เลยคิดว่าง่ายละที่จะเขียนสรุป
แต่พอเข้าช่วงท้ายปุ๊บนี่ล่ะผู้เขียนก็ถึงกับติดสตั้น เพราะมีอะไรหลายๆ อย่างไม่เข้าใจเลย เพราะเนื้อหามันไม่ได้บอกตรงๆ ขนาดลองแว่บไปหาข้อมูลในเพจ lore ยังไม่มีสรุปเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น กลายเป็นว่าแทนที่จะได้เรื่องราวที่เข้าใจได้ กลับมีแต่เรื่องที่ชวนงงเพิ่มซะงั้น ถ้าผิดพลาดตรงไหนก็ช่วยกันแก้หน่อยแล้วกัน
และเช่นเคยก่อนจะเข้าสู้เรื่องราวก็ต้องมาเกริ่นเบื้องหลังกันก่อนเล็กน้อย
Rim Billiton คือชื่อประเทศที่อยู่ทางตอนใต้ของ Terra มีลักษณะเด่นเป็นดินแดนแห้งแล้งเต็มไปด้วย Barrenland มีประชากรส่วนใหญ่เป็นพวกเหล่ากระต่าย Cautus เป็นอาณานิคมขุดเหมืองเนื่องจากมีสายแร่จำนวนมหาศาล ประเมินคร่าวๆ คือสายแร่ทั้งหมดใน Terra มาอยู่ที่ Rim Billiton ไปแล้วซะครึ่งนึง ทำให้อาชีพหลักของคนในพื้นที่แถบนี้คือการทำเหมือง จนมีบริษัทขุดเหมืองจำนวนมากเข้ามาลงทุนเป็นจำนวนมากแม้ว่าจะเป็นดินแดนที่ค่อนข้างอันตรายและเต็มไปด้วยสัตว์ร้ายและภัยพิบัติก็ตาม
แถมสิ่งน่าแปลกก็คือ ว่ากันว่าดินใน Rim Billiton นี่ปลูกอะไรก็ไม่ขึ้นนอกจากแครรอทด้วย
และเพราะในเหมืองอาจมีอันตรายนั่นเอง จึงได้บังเกิดอาชีพ Pitsinker ขึ้น ซึ่งมันเป็นอาชีพเอกชนที่ทำงานคล้ายๆ ทหารรับจ้างเข้าไปตรวจสอบ + กำจัดสิ่งอันตรายต่างๆ ในเหมือง อาทิเช่นสัตว์ร้าย ก๊าซพิษ ซึ่ง Ray ตัวเอกของเรื่องราวนี้ก็ทำอาชีพมาก่อน และเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวทั้งหมดของเรื่องด้วย
[Part 2]
เรื่องราวในครั้งนี้ก็เริ่มต้นขึ้นในช่วงปี 1098 ก่อนเกิดเรื่องที่ Victoria ขึ้นไม่นาน
Potlid “Warmy” สาวกระต่ายตัวน้อยที่อุดมไปด้วยรอยยิ้มและความชื่นชอบในการทำอาหาร เธอใช้ชีวิตอยู่กับ Alanna ที่เป็นช่างเครื่องและคนขับรถโดยสารขนส่งระหว่างเมือง ทำให้ชีวิตส่วนใหญ่ของพวกเธอทั้งจึงอยู่บนรถโดยสารคันโตซะเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งนี่ก็นับว่าครบ 2 ปีแล้วที่ Potlid ได้มาใช้ชีวิตกัดก้อนเกลือร่วมกันอยู่บนรถแบบนี้ในฐานะเด็กสาวที่ไม่มีที่ไป
ซึ่งก็น่าเสียดายที่การเดินทางครั้งนี้ น่าจะเป็นการเดินทางครั้งสุดท้ายของพวกเธอ
ทั้งนี้เรื่องมาจากสัมปทานของ Alanna นั้นหมดสัญญาลง ทำให้ขบวนรถโดยสารของพวกเธอนั้นจะยุติให้บริการ Alanna กับ Podlit จึงได้เริ่มวางแผนที่ใช้ชีวิตกันต่อโดยตั้งใจว่าจะย้ายเข้าไปในเมือง Iron Carrot แทน แต่ก่อนที่จะเป็นเช่นนั้นพวกเธอก็อยากจะทำงานขนส่งครั้งนี้อีกหนเป็นครั้งสุดท้าย เป็นการปิดฉากธุรกิจรถโดยสารของพวกเธอก่อนจะย้ายกันไปใช้ชีวิตในเมืองเริ่มต้นชีวิตใหม่
และเพื่อเป็นการถอนทุนคืนบางส่วน ก่อนที่จะได้เริ่มออกเดิน Podlit จึงได้ตั้งใจจะเอาข้าวของส่วนตัวที่เธอเก็บเอาไว้บนรถไปทยอยขายเลหลัง ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นขยะไม่ก็ของตกรุ่นทั้งนั้น ทำเอาลุงซาเล้งรับซื้อของเก่าจึงถึงกับปวดขมับกันเลยทีเดียว
ในระหว่างที่ Potlid พยายามต่อรองราคานั่นเองก็มีผู้หญิงชาว Cautus ผมสีม่วงหนึ่งเข้ามาในร้าน แล้วถามหาถึง Sandbeast ทั้งที่ร้านนี้เป็นร้านขายของชำ ซึ่งทั้งคู่ก็แค่สบตากันก่อนจะแยกย้ายไปทำธุระของตัวเองในเวลาไม่นานเท่านั้น
ในระหว่างเดินทางกลับ Potlid ได้บังเอิญเจอกับชาว Sarak คนหนึ่งเข้า ซึ่งเขานั้นได้ถามว่าจะไปเมือง Iron Carrot ยังไง Podlit จึงได้บอกเขาไปว่ารถโดยสารของ Alanna จะออกจากท่าเตรียมไปยังเมือง Iron Carrot ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า
ซึ่งนอกจากสาวหัวม่วงกับชาว Zalak หนุ่มขี้ตื่นแล้ว Podlit ยังได้พบกับกระต่ายสาวผมขาวในชุดเปิดรักแร้อีกคนด้วย ซึ่งกระต่ายสาวคนนั้นก็ได้แอบมอง Podlit อยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเดินเข้ามาทักทายเธอ ยื่นนามบัตรให้แล้วบอกให้ Podlit นำไปให้ผู้ปกครองอ่าน
แน่นอนว่ากระต่ายสาวคนนั้นก็คือ Savage จาก Rhode Island นั่นเอง
หลังจากจัดการธุระต่างๆ เสร็จเรียบร้อย Podlit ได้กลับมายังรถโดยสารและเข้าห้องส่วนตัวของเธอไป ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่รถโดยสารเตรียมที่จะออกจากท่า ระหว่างนั้นเอง Podlit ก็รู้สึกอาลัยอาวรณ์เล็กน้อยเพราะอีกไม่นานก็ต้องคืนรถคันนี้แล้ว ทั้งที่เธออยู่กับมันมาตั้งนาน
ทว่าในระหว่างกำลังเศร้านั่นเองก็มีประกาศเสียงตามสายดังขึ้นมา
แจ้งว่ารถโดยสารคันนี้ได้ถูกเข้ายึดโดยโจรสาวปริศนาเป็นที่เรียบร้อย~