Last posted
Total of 1000 posts
ถ้ารวมกูละกลัวมู้จะกลายสภาพเป็นแบบมู้ wuwa
ขอให้เป็นเกมเจ๋งๆแล้วมีรายได้เยอะๆพอละ
โคแลปซานริโอ้ทั้งทีทำไมสกินมาน้อยจังวะ มึงไม่อยากได้เงินเหรอ
ก่อนจะเรียกเงินพวกมึง เขาก็ต้องจ่ายเงินให้ซานริโอ้ก่อนปะ
เขาคงไม่มั่นใจว่าต่อให้จ่ายเงินทำสกินมาเยอะๆ แล้วคนจะซื้อจนคุ้มทุนล่ะมั้ง
เอาโควต้าสกินไปให้ตัว1ดาวด้วยนะ 55555555
จะว่าไปก็มีพวกหลอนเยอะเหมือนกันนะ ล่าุดเห็นในเรดดิตตกใจยอดเกมนี้กันใหญ่ทั้งๆที่เอาจริงๆยังเป็นรองตู้สเปคเตอร์กับสกาดิอยู่เลย
คงไมเคยตามยอดเซิฟจีนกันมั้งเลยช็อค
รู้สึกดีจริงที่เกมมีรายได้เยอะคงเอาไปลงendfieldละอยากเล่นเลย
บ.hgมีนายทุนอื่นปะ
เกมนี้กาชาใจดีเลยนะ ไม่บังคับอัพตัวซ้ำด้วย ยอดเติมเยอะขนาดนี้กูงงว่าทำได้ไงวะ
ตัวไหน must have วะ กูเห็นคลิป low star เพียบ
เกมนี้ไม่เน้น must have เกมนี้เน้น must segg
>>703 ไม่มี เงินทุนเริ่มต้นตอนแรกที่เอาโปรเจคไปเดินขายก็เปลี่ยนไปเป็นรูปแบบหุ้นส่วนแล้ว
แล้วหลังจากรวยมากๆก็เอาเงินไปซื้อหุ้นส่วนคนที่ออกทุนให้ตอนแรก
ตอนนี้ Yostar ถือหุ้น HG
HG ก็ถือหุ้น Yostar หลังจากเกมประสบความสำเร็จ
เลยอยู่ในสภาพ Cross Holding ทำให้ Yostar กด HG ไม่ได้
HG ถ้าเอนด์ฟิลด์ออกมาดีนี่กูจะดีใจมากเลย ซึ่งแน่นอนว่ากูเชื่อใจ ไม่ได้หวังคุณภาพให้ต้องว้าวแบบพวกเกนชิน, รางดาว แต่ขอให้มันไม่เหี้ยมากก็พอแล้ว ถ้าให้ดีไปอีกขอระบบสร้างพิสดารแบบ botw ด้วยจะดีพิลึก
ray of light
อีกกี่เดือน
คนทำTDหลังจากนี้แม่งจะโดนเปรียบเทียบทันที แถมจะทำTDให้ออกมาเล่นสนุก+เข้าถึงง่ายประมาณนี้ก็ไม่ใช่ง่ายๆอีก
CC กูก็ชอบนะ อย่างรอบนี้ไอ้วันที่ลงได้ตัวเดียวที่ทำกูวนอยู่สองสามรอบเหมือนกัน มันมีอะไรให้ทำเยอะกว่าแมปปกติดี
ดีงามเหรี้ยๆ กูไม่ได้เข้าเกม 4-5วันก็เข้ามาเก็บเหรียญครบได้ ไม่ต้องมาลงด่านโง่ๆทุกวัน
ตลกดี ถ้าเกมเพลเฉยๆแล้วมันจะยอดเติมเงินขนาดนี้ได้ไงทั้งๆที่เกมก็เก่าชิบหายละ หาเรื่องมาแซะไม่เข้าท่า
พวกมึงว่าhgจะทำตัวหุ่นยนต์มาลงตู้บ้างปะ
เบื่อ cc อย่างเดียวคือเควสยืมเพื่อนห้าครั้งนี่แหละถ้าลืมแม่งอดเหรียญเลย
Tinman ก็น่าสนอยู่นะ
กุอยากได้ตัวนี้อะ https://arknights.fandom.com/wiki/Apostolic_Knights
คิดว่าเร็วๆนี้จะมีข่าวให้test endfield ปะ
เคลียร์ CC เรียบร้อย พวกด่านรองขนาดเล่น Max risk ยังง่ายเลยแฮะ มีแค่ไอ้ด่านคุกเนี่ยล่ะที่หืดขึ้น เพราะศัตรูมันอึด
ส่วนไอ้ด่านซ่อมสะพานก็ฮาเกิ้น เอา Typhon ลง Solo clear ได้เนี่ย
คุกนี่ทำเอาตกใจนิดๆ ปกติเจสตั้นมันไม่ได้ตีแรงอะไรมาก ยัดบัพให้ทีแม่งฟันขี้แตกเลย ถถ+ แจ่ดีหน่อยท่าแม่งเดิมๆตลอด แก้ทางไม่ยาก
ว่าไปไหนๆ อีเว้นท์ Kjerag กำลังจะเข้าเลยลองไปอ่านมังงะดู พบว่า Degen นี่รับใช้ป๋าตูดเงินมาตั้ง 10 แล้วเหรอเนี่ย
ตอนรับตัวมาคือช่วงปี 1089 แล้วในเนื้อเรื่องอีเว้นท์คือช่วงปี 1099 ตอนนั้นทั้งตูดเงิน + โนซิส ยังดูรุ่นๆ อยู่เลย
กุคาดหวังอยากให้enfieldมีภาษาไทยอะถึงคนไทยเล่นakปกติไม่เยอะก็เถอะ
>>747 ลองไปดูประวัติคือ เป็นแชมป์ตั้งแต่ปี 1082-1088 แล้วปัจจุบันปี 1099 ก็คือห่างกัน 17 ปี
ถ้าหากลงแข่งตอนอายุซัก 18-20 ก็น่าจะราวๆ 35+ แต่อิงจากประสบการณ์ต่อสู้ 25 ปี แล้งติต่างว่าเริ่มสู้เป็นตั้งแต่อายุ 15 ล่ะก็ ปัจจุบันอายุก็น่าจะ 40 อย่างที่ว่า
แม่งเกมนี้สาวอายุมากแซ่บกันหมดเลยว้อย
มึงว่าcollab dungeon meshi จะมีด่านให้เล่นเหมือนrb6กับmonhunปะ
ก็น่าจะมีแหละ มอนก็คงพิสดารแบบ R6 ที่มีไอ้ก้อนแมลงกับมอนหันที่มีเม่นสลัดขน
ขอgoodsเด็ดๆนะhg🙏
ประกาศละ อีเว้นท์ใหม่เข้าวันที่ 21 นี้ เหล่าด๊อกต๊าเตรียมเพชรให้พร้อม Black knight mommy กำลังจะมา
อีเวนท์นี้ท่าจะฮาดี
https://youtu.be/FM5URXPDSIY?si=Um8zDWTh6gyzVoQk
>>756 ดูคลิปแล้วเห็นคาจิร่า + เอ็นยะ ก็รู้สึกเสียดายทั้งคู่ชิบหาย
เอ็นยะ ก็ออกมาสมัยเกมเปิดเลย สกิล Outdate ไม่พอยังดีไม่เท่า Shamare ที่มาทีหลัง
ส่วนคาจิร่า ดันดีไซน์มาด้วยสกิล RNG เชื่อถือไม่ได้ ทั้งที่ใน Lore นี่เทพอวตาร
แถมยังเป็น 5 ดาวค่าอัพแพงอีก ผลคือทั้งคู่เป็นตัวที่ไม่ค่อยน่าหยิบมาใช้ ไม่ก็มีตัวอื่นที่ดีกว่าซะงั้น
ส่วนอันนี้ ไม่รู้กูควรขำหรือสงสารดี
https://www.youtube.com/watch?v=1jSD2m-6q-U
ทำไมถึงได้ฉายาว่า black knight อะ ผิวก็ไม่ดำ ชุดก็ไม่ดำ
คลิปแม่งแกงเจโนซิสคนหล่อสัสๆ
https://youtu.be/SudK_Odr1cE?si=L6DxlRaQr7jC8_8H
หวัดดีเกมด้อยพัฒนา เมื่อไหร่โหมด Roguelike มันจะมีการปรับตัวละครที่ไม่ได้ปั้นให้อัพเต็มอัตโนมัติวะ
งอมืองอตีนแบบนี้ไม่ต้องอัพไรหรอก รอป้อนเข้าปากวนไป เกมอื่นมีก็เรื่องของมึงอ่ะคับ
กดไป20หมุนออกรุ้งทำกูดีใจ ปรากฏเป็นพี่ถอนซะงั้น
ปกติตัวใหม่นานเท่าไหร่กว่าจะลงตั๋วเลือกหว่า
6เดือนหรือ1ปีนี่แหละ
>>771 มายืนยันให้ละ ตั๋วหยิบห่างจากตู้ปัจจุบันอยู่ราวๆ 6 เดือน
อ้างอิงจากช่วงอีเว้นท์ลิมิตเต็ดล่าสุดของอาทูเรีย สามารถหยิบได้ถึง Ines
Ines เดบิวเซิฟ Global วันที่ October 24, 2023
อีเว้นท์ของอาทูเรียเซิฟ Global เริ่มวันที่ April 30, 2024
ซึ่งระยะเวลาทั้งหมดก็คือห่างกันที่ 6 เดือนพอดี
ว่าไป 6 เดือนนี้มีตัว 6 ดาวใหม่ตั้ง 10 ตัวเลยเหรอวะ?
ปัญหาก็คือ Degen เป็นตัวละครหลังตู้ลิมิตฯ หมายความว่าต่อให้ผ่านไป 6 เดือนก็ยังไม่น่าลงตั๋วหยิบทันที
ตั๋วหยิบครั้งหน้าไกลสุดน่าจะแค่ Hoederer ซึ่งหมายความว่าต้องรอ 1 ปีกันเลยกว่าจะได้ซื้อผ่านตั๋วได้ ลองเอาข้อมูลนี้ไปชั่งน้ำหนักดูนะ
ถ้าไม่นับตู้คอลแลปที่ไปแล้วไปลับที่ต้องกดมีแค่อิ w ที่ op จนถอดหมองแค่นั้นเองนะ
คราวนี้บอสตึงเหมือนกันนะเนี่ย ขนาดด่านธรรมดา พอเป็นตัวเล่นเสือกโดนดาวน์เกรดยับไอ่ห่า
50โรลได้ดีเกน+lin+weedy ค่ตดี
https://www.facebook.com/MaPlaeDi/posts/pfbid02jqaK2ErYP8QWqU8Hxuovw43ioqmFGCt6wp6ZZzXjWCkQNXLEftTuaL9xWtnVPPDVl มังงะก่อนเริ่มอีเว้น สรุปเนื้อเรื่อง https://docs.google.com/document/d/1IPqss47TcHhuqZV5wHALEL8y8bpN1432-I42nhBgKUE by Mike Lawson The Library of Rhodes
ลุงฮาโรลนี่ใช่ที่โม่งบอกไว้ป่ะวะว่าเป็นวิชคิงคนปัจจุบัน?
โอ้ยยย โดนการันตี 150 โรล
แม่งออกรุ้งมา 6 ตัวแต่หลุดเรตเกลี้ยงเลย
อีเว้นท์นี้มีคนสรุปให้แทนแล้ว กูไม่ต้องเขียนละมั้ง ถถถถถถถ
ว่าไปเพิ่งเริ่มอ่านก็เจอช็อตขำชิบหายละ คาจิร่า บ่นว่ารูปปั้นตัวเองสร้างมาไม่เหมือน เพราะตัวจริงไม่ได้อ้วนขนาดนั้น
มีการหลุดด้วยนะว่า "อันที่จริงฉันไม่..." ก่อนจะเงียบไปแล้วแทนที่ว่า "อันที่จริง Kjeragandr ไม่ได้ดูอ้วนขนาดนี้"
ว่าไปกูเกือบลืมแล้วนะเนี่ยว่าแก้งลูกหมีทั้งหลายโตๆ กันแล้วทั้งนั้นเลย
เรื่องที่ Chernoborg เกิดปลายปี 1096 แต่ในอีเว้นท์ที่เกิดปี 1100 ห่างกันเกือบ 4 ปี ซึ่งในเรื่อง Leto ก็บอกว่าตัวเองอายุเกือบๆ 20 แล้ว
เห็นใส่ชุดนักเรียนเลยไม่เอะใจ เลยตกใจนิดหน่อยตอนเฉลยอายุเนี่ยล่ะ
Triby Asher โดนแกงหม้อใหญ่แท้ ทั้งเรื่องพี่แกโดนแกงคนเดียวเลยวุ้ย
เล่นใกล้จบละ แต่ขอพักก่อนนั่งอ่านจนเหนื่อย
ผมทอง เขายาวใหญ่ สีดำ เก่งแบบเก่งจริงๆจังๆ
เจ้เดเจนคือราจังกลับชาติมาเกิด
เนื้อหาหลักๆ อาจจะเป็น Triby Asher โดนแกง + ความฮาระหว่างทาง แต่ความจริงเบื้องหลังแม่งซีเรียสจังแฮะ
เพราะ Kjerag เริ่มโตเลยโดน Victoria หมายมอง ยิ่งป๋าตูดเงิน Enciodes มีความสัมพันธ์เครือญาติกับดยุค Caster ยิ่งทำให้สถานการณ์ระหว่างสองประเทศออกแนวตึงๆ เพื่อรับมือสถานการณื Kjerag เลยต้องหาพันธมิตรเพิ่ม ซึ่งก็ได้ Kazmierz มาเจรจาธุรกิจทำให้ทาง Victoria ยอมถอย แถมยังดึง Columbia มาสนับสนุนเพิ่ม โดยการเสนอให้ตั้งสถานวิจัยและฐานยิงยานเอาไว้บนเขาสูง เพื่อร่นระยะทางสำหรับสำรวจท้องฟ้าอีก
ว่าง่ายๆ ก็คือ Kjerag พยายามหาพันธมิตรฝ่ายอื่นมาช่วยคานอำนาจ เพื่อรักษาเอกราชเอาไว้ในขณะเดียวกันก็แอบต่อ Battleship เอาไว้เป็นกำลังรบ เผื่อเอาไว้ใช้ในสถานการณ์ที่เลวร้ายต้องปะทุขึ้นนั่นล่ะ
>>803 เสริมให้
วิคตอเรียหลังจบบท 14 พลังก็ไม่ได้มากล่ะ เพราะเสียหายหนัก บ้านเมืองเละเทะ ทหารที่รบก็ติดมะเร็งหิน ดูบลินก็ประกาศแยกประเทศอีก
แต่นั่นแหละ ก็ยังหนักไปสำหรับ Kjerag
การสร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศเปิดใหม่โดยดึงประเทศใหญ่ๆมาแบ่งหน้าเค้กนี่ถือว่าเป็นทางเลือกที่ฉลาดที่สุดแล้ว เพราะอำนาจมันจะคานกันหมด ทำอะไรต้องเกรงใจคนอื่น
หลังจากนี้ก็อยู่ที่ Kjerag ล่ะ ว่าจะบริหารยังไง ส่วนตัวกูรอดูอีเว้นท์เมืองลอยฟ้าลัสตี้เลย แม่งบันเทิงแน่ๆ
พากย์ EN เกมนี้แม่งของดีชิบหาย ล่าสุดเจ๊ Degen นี่สำเนียง Eng เยอรมันโคตรๆ
ก่อนหน้านี้มีกระต่ายแม็กซิกันไปแล้ว เดี๋ยวรอดูอีเว้นท์หน้ากระต่ายออสซี่เลยว่าจะออกมายังไง
อยากดูคอนเสิร์ต2024แล้วโว้ยยยยย
นั่งเขียนสรุปเนื้อหาอีเว้นท์ได้คราวๆ ครึ่งนึงละ
ตอนแรกว่าจะไม่เขียน เพราะเห็นมีสรุปแบบละเอียดอยู่แล้ว แต่ด้วยความว่างอะนะเลยเขียนมาซะงั้น
เดี๋ยวคืนนี้ค่อยเขียนต่อ ถ้าไม่ติดเกมอื่นละก็ซักพรุ่งนี้ก็น่าจะเอามาลงได้ละมั้ง
ว่ากันตรงไหนัาตาแก่ฮาโรลมันยังทุ่มกำลังสู้ต่อไปเรื่อยๆเจ้เดเจนแกจะไหวไหมวะ ถึงตอนเลิกจะโดนเจ้แกกระทืบไปกว่าครึ่งแล้วก็เถอะ
เดเจนตบคว่ำหมดอ่ะถ้าสู้ต่อ แต่พอเลิกก็ไปขอเขาถ่ายรูปซะงั้น ว่าไปเดเจนนี่ก็ยังดังอยู่นะ ขนาดพวกซิลเวอร์ไนท์มาเจอยังขอถ่ายรูปด้วย
[Part 1]
สวัสดีเหล่าผู้อ่าน กลับมาพบกันอีกครั้งกับการสรุปอีเว้นท์เกม Arknights ซึ่งในบทนี้จะกล่าวถึงอีเว้นท์ The Rides to Lake Silberneherze อีเว้นท์เชิงตลกขบขัน แต่แฝงไปด้วยการเมืองภายในเล็กๆ ประกอบกับการเล่าเรื่องราวภาคต่อของ Kjerag หลังจากประเทศได้มีการพัฒนาไปจากนโยบายการเปิดประเทศในช่วงอีเว้นท์ Break the Ice ซึ่งพอมาประเมินไทม์ไลน์แล้วก็พบว่าระยะเวลาห่างกันถึง 3 ปีด้วยกันเลย
แน่นอนว่าก่อนมาเริ่มเรื่องก็คงต้องขอเกริ่นสรุปสั้นๆ ก่อน ถ้ายังจำกันได้ช่วงอีเว้นท์ Break the Ice นั้นเรื่องราวเกิดขึ้นช่วงปี 1097 ซึ่งเป็นการปฏิรูประบอบของ Kjerag โดยมี Enciodes (Silverashe) เป็นตัวตั้งตัวตีผนวกกำลัง 3 ตระกูลใหญ่แห่ง Kjerag ให้มาร่วมมือกันพร้อมกับยกนักบุญอย่าง Enya ขึ้นมาเป็นประมุข แล้วก่อตั้งเป็นประเทศราชอย่างเป็นทางการ โดยใช้เทคโนโลยีและองค์ความรู้ที่เจ้าตัวได้เรียนรู้มาจาก Victoria มาพัฒนา ทั้งด้านคมนาคม ด้านอุตสาหกรรม ซึ่งส่งผลทำให้ปี 1100 Kjerag มีการเติบโตสูงมาก ทั้งในด้านภาคอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยว จนกลายเป็นประเทศที่น่าจับตามองประเทศหนึ่งในเวลาอันสั้น
และด้วยความรุ่งเรืองนี้เอง ทำให้ Kjerag ได้รับความนิยมพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว จนมีการประกาศสร้างรูปปั้นของ Kjeragandr ขนาดใหญ่ไว้เป็นอนุสรณ์ ณ ทะเลสาบ Silberneherze พร้อมกับเตรียมที่จะจัดพิธีบวงทรวง ในฐานะที่ชาวเมืองเชื่อว่าสถานที่แห่งนี้คือของขวัญล้ำค่าที่ Kjeragandr มอบให้พร้อมกับเรียกนักท่องเที่ยวเข้าแวะมาเข้าชม ซึ่งนั่นก็กลายเป็นเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นในอีเว้นท์หลังจากนี้
อนึ่งเรื่องราวในครั้งนี้เกิดขึ้นภายหลัง Victoria Act Ch 14 ซึ่งสงครามกลางเมืองได้จบลงแล้ว แต่นั่นก็ได้ทำให้ Victoria สะบักสะบอมหนักจนไม่อาจขึ้นเป็นมหาอำนาจได้แบบเมื่อก่อน ดัชเชส Caster หนึ่งในแกรนด์ดยุกที่เหลือรอดจึงได้พยายามสานสัมพันธ์ทางการทูตกับทาง Kjerag โดยอาศัยช่องทางที่ตระกูล Silverashe มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับดัชเชส Caster โดย Elizabeth Silverash แม่ของ Enciodes นั้นมีศักดิ์เป็นญาติกับดัชเชส Caster ซึ่งส่งผลทำให้ ไวท์เคาน์ Harold Craigavon ถูกส่งมาในฐานะทูต พร้อมกับกองกำลังทหารอีกจำนวนหนึ่ง ที่อ้างว่าถูกส่งมาเพื่อคุ้มกันทูตนั่นเอง
[Part 2]
กล่าวถึง Harold ผู้มีนิสัยสบายๆ เป็นกันเองเข้ากับชาวเมืองได้ดี แถมยังมีความรู้ด้านสัตวแพทย์ ทำให้เขาสามารถปรับตัวเข้ากับ Kjerag ได้อย่างรวดเร็ว แม้จะถูกส่งมาทำภารกิจทางการทูต แต่กองทหารที่มากับเขาก็ถูกสั่งให้ปฏิบัติตัวเหมือนกับได้มาพักร้อน ซึ่งทาง Kjerag เองก็ได้ส่ง Degenbrecher มาคอยจับตาดูเป็นระยะๆ เช่นกัน เพราะอย่างไรซะ Harold ก็เป็นคนของ Victoria อยู่วันยังค่ำ
และการที่ Harold กับกองกำลังสามารถลอยชายอยู่ได้นั้นก็ได้ทำให้ Arctosz หนึ่งในผู้นำ 3 ตระกูลใหญ่ของ Kjerag รู้สึกไม่พอใจพอสมควรที่มีทหารของประเทศอื่นมาป้วนเปี้ยนอยู่ในเขตบ้านของตัวเอง แต่เพราะ Enya ปรามเอาไว้ว่าพวกเขาแค่มาร่วมงานพิธีบวงสรวง Arctosz จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมฟังแล้วถอยให้ แต่ในขณะเดียวกัน Enya ก็รู้สึกกังวลอยู่เล็กน้อยเพราะ Kjerag นั้นเปลี่ยนแปลงไปเร็ว
ระหว่างนั้นเอง Kjera มีการบ่นเล็กน้อย เพราะรูปปั้นของ Kjeragandr นั้นดูอ้วน + หน้าบาน ทำเอาเจ้าตัวกังวลว่ารูปลักษณ์ของตนที่คนอื่นเห็นเป็นแบบนั้นจริงๆ เหรอ? ซึ่งความอุดมสมบูรณ์ของรูปปั้นนี้ก็คงต้องโทษ Arctosz ที่บังเอิญไปเจอข้อมูลบันทึกเก่าๆ ที่กล่าวถึงรูปลักษณ์ของ Kjeragandr เอาไว้แล้วใช้มันอ้างอิงในการสร้างรูปปั้นนี้ ทำเอา Kjera แทบอยากจะโบกกระบาลหมีกันเลยทีเดียว
ตัดไปทางทาง Enciodes ได้มีการเข้าพบ Harold แล้วส่งเทียบเชิญงานพิธีบวงสรวงให้ โดยระบุว่าพิธีจะเริ่มในอีกสองวันข้างหน้า ระหว่างนั้นเอง Harold ได้เข้ามาคุยกับ Enciodes และถามถึงความสงสัย เพราะสืบข้อมูลได้ว่ามีการขนโลหะจำนวนมากผิดปกติไปยังรูปปั้นของ Kjeragandr จึงเลียบเคียงถามว่าทาง Kjerag ได้ซุกซ่อนอะไรเอาไว้รึเปล่า
แน่นอนว่า Enciodes ปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลแล้วตอบไปทำนองว่าเอาไว้สร้างรูปปั้นนั่นล่ะ
แต่ Harold กลับพูดเชิงขู่กลับในทำนองว่า ตอนนี้ Kjerag กำลังร่วมมือกับ Victoria อยู่ และทางดัชเชส Caster ก็คาดหวังความร่วมมือกับ Enciodes เอาไว้ไม่น้อย จึงเตือนไปว่าอย่าได้ทำให้พวกเขาผิดหวังจะดีกว่า ซึ่ง Enciodes ก็ได้แค่ยิ้มตอบกลับมา แล้วบอกว่าค่อยคุยเรื่องนี้กันวันหลัง ก่อนจะออกมาจากค่ายที่พักของ Harold ในที่สุด
[Part 3]
เรื่องราวตัดมาทาง Rosaline (Lato) ที่เพิ่งเดินทางมาถึง Kjerag และกำลังงงอยู่กับความศิวิไลส์ จนทำเอาหลงอยู่กลางชานชาลารถไฟ เธอเดินทางมายัง Kjerag โดยตั้งใจจะตอบสนองความหวังของมารดา ที่คอยพร่ำบอกเสมอว่า Kjerag เป็นสถานที่วิเศษขนาดไหน และในวันนี้เธอก็ได้มีโอกาสมาเยือนที่นี่ ซึ่งนั่นทำเอาเจ้าตัวถึงกับ Culture shock ไปชั่วขณะ เพราะไม่คิดว่า Kjerag จะพัฒนามาได้ถึงขนาดนี้
Rosaline ตั้งใจจะเดินทางไปที่ทะเลสาบ เพื่อเข้าชมรูปปั้น Kjeragandr พร้อมกับขอพร แต่เพราะชานชาลาค่อนข้างกว้างทำให้เธอหลง และในระหว่างหลงนั่นเอง ก็ช่างบังเอิ๊ญบังเอิญที่ Harold เองก็กำลังจะเดินทางไปที่ทะเลสาบเช่นกัน ด้วยการที่ Harold ใส่เสื้อลายตลกทำให้ Rosaline เข้าไปทักอย่างเป็นกันเอง จนทั้งสองคุยกันถูกคอ แล้วชวนพากันชวนขึ้นรถไฟไปด้วยกัน
ตรงนี้เอง Rosaline ได้เล่าเรื่องของตัวเองว่าเป็นลูกครึ่ง Kejrag แต่ย้ายไป Ursus กับแม่ก่อนจะจำความได้ เธอเลยไม่รู้ว่าพ่อของตัวเองเป็นใคร การเดินทางมาครั้งนี้นอกจากเอาของดูต่างหน้าของแม่มายัง Kejrag แล้วเธอยังแอบคาดหวังด้วยว่าอาจจะได้พบกับพ่อ ซึ่งเจ้าตัวก็เล่าว่าแม่ชอบย้ำอยู่บ่อยๆ ว่าพ่อหล่อมากแค่เห็นก็รู้แล้วว่าหล่อ ระหว่างอยู่ที่นี่ Rosaline เลยไล่ถามชาวเมืองอยู่เนื่องๆ ว่าใครหล่อที่สุดใน Kejrag
น่าเสียดายที่แทบทุกคนตอบมาว่า ก็ต้องเป็น Enciodes Silverashe นั่นล่ะ ทำเอาน้องสตั้นไปชั่วขณะ
นอกจาก Rosaline แล้วยังมีแขกไม่ได้รับเชิญอยู่บนรถไฟอีกคนหนึ่งก็คือ Trilby Asher สายลับของดัชเชส Caster ที่ถูกส่งมาสืบราชการแบบลับๆ ด้วย แต่มิทราบว่าเป็นสายลับอีท่าไหนถึงได้แต่งตัวโคตรเด่น จนเด็กที่นั่งอยู่บนรถไฟด้วยกันเรียกว่า “ลุงหมวกประหลาด” แถมยังโดนชาวเมืองที่นั่งรถไฟด้วยกันไหว้วานให้ไล่จับนกที่หลุดออกมาจากกรงอีก ทำเอาพี่สายลับของเราปวดกะบาลจนต้องเดินไปไล่เปิดประตูหานกที่หลุดไปที่ละห้องๆ กันเลย
ขณะเดียวกันทาง Degenbrecher ที่ฝึกทหารใหม่อยู่ก็ถูกเรียกตัวมาทำภารกิจบางอย่าง จนทำให้สภาพเจ้าตัวเปรอะเลือดไปทั่ว ตอนนั้นเองเธอคิดว่าต้องหาตัว Harold แล้วตามกลับมา แต่เพราะ Harold เดินทางไปยังทะเลสาบด้วยรถไฟแล้ว จึงไม่น่าจะตามไปได้ง่ายๆ แถมจะหยุดรถไฟก็คงเป็นไปไม่ได้
แต่เจ๊ Degenbrecher ก็บอกว่าไม่จำเป็นต้องหยุดรถไฟ
เพราะนางเลือกที่จะกระโดดลงจากสะพาน ไปยังรถไฟที่กำลังวิ่งผ่านแทนไปเลยนั่นเอง
[Part 4]
Trilby Asher ยังคงเดินหานกที่หลุดต่อไป พร้อมกับใช้มันเป็นข้ออ้างในตรวจสอบผู้โดยสารตามประสาสายลับไปด้วย ทว่าในระหว่างตรวจสอบนั่นเองก็บังเอิญเปิดไปเจอ Harold กับ Rosaline เข้า ซึ่งทั้ง Harold และ Trilby Asher ต่างเป็นลูกน้องของดัชเชส Caster ด้วยกันทั้งคู่ แม้จะแสร้งทำเป็นไม่รู้จักกันในตอนแรก แล้วพากันกอดคออกมาคุยกับอย่างลับๆ
แต่นั่นก็ไม่สามารถที่จะปกปิดความผิดปกติจน Rosaline สังเกตเห็นได้
หลังคุยกันจบ Trilby Asher ขอตัวไปเดินตรวจตู้โดยสารต่อ แต่ตอนนั้นเองก็ดวงซวยจัดเพราะดันเปิดไปเจอ Degenbrecher ในสภาพเปรอะเลือดเข้า ทำเอาเจ้าตัวแทบปิดประตูหนีไม่ทัน ซึ่ง Degenbrecher ก็รู้จัก Trilby Asher ว่าเป็นใครจึงทำท่าเหมือนจะเข้ามาหาเรื่อง + เตือนว่าอย่าทำตัวเป็นปัญหา แต่ Harold ดันปรากฎตัวขึ้นมาพอดี ซึ่งนั่นก็ทำเอา Harold ผงะเพราะไม่รู้ว่าสาเหตุใด Degenbrecher ถึงได้พยายามตามล่าตัวเขา จนกลายเป็นมหกรรมวิ่งหนีสุดชีวิต โดยที่ Rosaline ที่บังเอิญออกมาสูดอากาศข้างนอกโดนหางเลขด้วย ทั้งคู่จึงจำเป็นต้องวิ่งหนี Degenbrecher กันไปจนถึงหัวขบวนรถไฟกันเลย
หนีกันได้ไม่นานในที่สุดก็มาถึงทางตัน ทั้งคู่จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมมอบ
ตรงนี้มีการแซวตลกกันเล็กน้อย เพราะเจ๊ Degenbrecher ทำหน้าเครียดตลอดแล้วบอกว่า Lily กำลังรอ Harold อยู่จึงอยากให้รีบกลับไปหา ทำเอา Rosaline ตกใจว่า Lily นั้นคือใคร? ซ้ำร้าย Trilby Asher ยังคิดว่า Harold มีเมียน้อย หรือเล่นชู้กับชาวบ้าน จนแทบจะเอาเรื่องกลับไปรายงาน ก่อน Harold จะเฉลยว่ามันคือชื่อของสัตว์ที่เขาดูแลอยู่ Degenbrecher บอกว่ามันเพิ่งคลอดลูกแล้วเธอก็ไปช่วยทำคลอดมา ทำให้เลือดเปรอะไปทั้งตัวแบบที่เห็น และเพราะรีบมาตามหา Harold จึงไม่มีเวลาให้เปลี่ยนชุด
กลายเป็นว่าการวิ่งไล่ในครั้งนี้เป็นความเข้าใจผิดล้วนๆ ไม่ได้มีอะไรในก่อไผ่
[Part 5]
หลังจากรถไฟมาถึงสถานีที่หมาย แต่ละคนจำเป็นต้องแยกย้ายกันไป Harold ต้องกลับไปดูแล Lily เพราะ Degenbrecher บอกว่าอาการไม่ค่อยดูนัก Trilby Asher ก็ได้ขอตัวไปทำงานต่อ ส่วน Rosaline ก็ตั้งใจจะเดินเที่ยวในเมืองเล่นก่อนจะไปเยี่ยมชมรูปปั้น ระหว่างนั้นเองเธอก็พยายามถามชาวเมืองไปด้วยว่า ใครเป็นคนที่หน้าตาที่สุดใน Kejrag ทำเอาชาวเมืองขำกันถ้วนหน้า จนกระทั่งเธอได้มาพบกับชายชราคนหนึ่งที่กำลังทำความสะอาดลานรอบๆ รูปปั้นเขา ซึ่งหน้าตาของเธอนั้นก็สะดุดตาชายคนนั้นอย่างมากจนเขาต้องเข้ามาทัก
ด้วยความเฟรนลี่ของ Rosaline เธอเข้ากับชายชราคนนั้นได้เร็วมาก จึงถูกเชิญให้ไปยังที่พักของตระกูล Paleroche โดยที่จริงแล้วชายคนนั้นก็คือ อดีตผู้นำตระกูล Paleroche และบิดาของ Arctosz ซึ่งการที่เขาเชิญ Rosaline เข้าไปง่ายๆ ก็ทำให้ Trilby Asher เอะใจว่าเด็กคนนี้อาจจะเป็นบุคคลสำคัญ จึงพยายามแอบตามสืบแบบลับๆ เพื่อเอาข้อมูลไปรายงาน
หลังจาก Rosaline ได้มายังบ้านตระกูล Paleroche แล้วสิ่งแรกที่เธอได้พบก็คือ Arctosz กำลังเมาเละได้ที่ พอได้เห็นสาวน้อยหน้าไม่คุ้นเข้ามาก็ดันชวนกันจัดปาร์ตี้กินดื่มกันต่อ ซึ่งทาง Rosaline เองก็ไม่ขัดแล้วร่วมวงด้วยอย่างเป็นมิตร ตรงนี้มีการถามก่อนด้วยว่าอายุนางถึงรึเปล่า ก่อน Rosaline จะบอกว่าตัวเองอายุเกือบๆ 20 ปีแล้วดื่มได้สบายมาก
แต่ใครจะรู้ล่ะว่าการที่บอกอายุมาแบบนั้น ทำให้ชายชราเอะใจ
เพราะนอกจากหน้าตาที่ดูคุ้นๆ แล้วเอาอายุเจ้าตัวมาประเมินแล้วก็ยิ่งใช่
ซึ่งพอเอาทั้งหมดมาประมวลเข้ากันแล้ว เขาก็ได้รู้ว่าที่จริงแล้ว Rosaline นั้นคือลูกสาวของ Arctosz และเป็นหลานสาวแท้ๆ ของตนไม่ผิดแน่
ตัดมาทาง Enciodes ได้รับข่าวมาจาก Weiss (Courier) ที่จับตาดูพวกทหารของ Harold อยู่ ในจดหมายมีแจ้งว่าทางนั้นอาจจะเริ่มเอะใจอะไรบางอย่างแล้ว Harold จึงอยากจะเชิญ Enciodes มาคุยเปิดใจร่วมกับน้องสาวอย่าง Enya พร้อมกับร่วมรับประทานอาหารกัน เป็นการสานสัมพันธ์ ซึ่งทั้งสองก็ตอบรับแล้วมาร่วมงานเลี้ยงที่ว่า
แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่าสัมพันธ์พี่น้องนั้นไม่ได้ดีกันตั้งแต่ต้น
จากการที่ตั้งใจจะมาคุยงานกันแท้ๆ กลับกลายเป็นการทะเลาะกันเล็กๆ ของ Enciodes กับ Enya ซะงั้น ทำเอา Harold ที่เป็นคนกลางถึงกับเหงื่อตก ไม่รู้เลยว่าควรทำยังไงกันดี
[Part 6]
หลังจากงานเลี้ยงจบ Enciodes ตั้งใจจะกลับไปทำงานที่บริษัทต่อ โดย Gnosis ที่กำลังเมาได้ที่ก็พยายามจะฝืนตัวเองกลับไปทำงานต่อเช่นกัน แต่เพราะเมาหนักลงท้ายโดยการคายคลื่นสีรุ้งออกมาจากปาก โดยที่มี Degenbrecher คอยดูแลอยู่ข้างๆ พลางรำลึกไปด้วยถึงเรื่องเมื่อราวๆ 10 ปีก่อน ที่ Gnosis เมาอ้วกแตกแบบนี้หลังจบงานเลี้ยงที่ Victoria (เรื่องในมังงะ)
ตรงนี้ไม่มีอะไรมากเป็นการกล่าวถึงความสัมพันธ์เชิงนาย-บ่าว โดยจบลงที่ Degenbrecher ไล่ทั้งคู่ไปนอน เพราะต่างคนต่างเมาจนไม่น่าจะทำงานกันไหวนั่นเอง
ตัดมาทาง Arctosz ที่เมาปลิ้นตั้งแต่เมื่อวานได้ตื่นมาในสภาพดูไม่จืด แล้วพบว่า Rosaline หายตัวไปแล้ว ตอนนั้นเองที่พ่อของ Arctosz ได้เข้ามาคุยแล้วเฉลยว่าที่จริง Rosaline คือลูกสาวของตน และ Rosaline ก็เดินทางมายัง Kejrag โดยนำของดูต่างหน้าแม่มาด้วย จึงทำให้พวกเขาตีความไปได้ว่าแม่ของ Rosaline อาจจะเสียชีวิตไปแล้ว ทำเอา Arctosz เรียบเรียงเหตุการณ์แทบไม่ทัน
ตอนนั้นเอง กระรอก Ratatos ได้เข้ามาหาพวกเขา
แล้วแจ้งว่า Rosaline ที่เป็นลูกสาวอาจจะกำลังถูกสายลับจาก Victoria หมายหัวอยู่
ซึ่งนั่นก็ทำเอา Arctosz ไม่ยอมอยู่เฉยแล้วรีบวิ่งขึ้นเขาเพื่อไปตามหา Rosaline กันเลยทีเดียว
ทางด้าน Trilby Asher หลังจากสืบข้อมูลในบ้าน Paleroche แล้วไม่ได้อะไรก็พยายามที่จะเข้าถึงตัว Rosaline โดยตรง ซึ่งเจ้าตัวก็ตั้งใจจะไปดักถามเค้นข้อมูลในจังหวะที่อยู่กันเพียงลำพัง เลยตั้งใจจะขึ้นเขาล่วงหน้าไปก่อน เพราะรู้ว่า Rosaline มีกำหนดการจะขึ้นเขาไปในวันรุ่งนี้
ตรงนี้มี Joke นิดนึงก็คือหนู Maria กับน้า Sofia แวะมาเที่ยง Kejrag ในฐานนักท่องเที่ยว A กับ B กำลังเดินขึ้นเขากัน ซึ่งทาง Trilby Asher ได้เห็นก็ถึงกับเหงื่อตก เพราะขนาดชาวบ้านยังไม่เดินขึ้นเขา แต่ใช้วิธีนั่งกระเช้ากันเลย และในระหว่างเอาแต่ตะลึงนั่นเองเจ้าตัวก็ดันติดกับดักตกหลุมจนขึ้นมาไม่ได้ซะงั้น (ฮา)
ตัดมาทาง Rosaline ที่ขึ้นกระเช้ามาถึงที่และกำลังจะเดินทางขึ้นไปต่อ ก็บังเอิญได้พบ Trilby Asher ที่ติดอยู่ในหลุมกับดักสัตว์ และขอความช่วยเหลือ Rosaline ที่บังเอิญเดินผ่านมา ตอนนั้นเอง Trilby Asher ที่ใช้ชื่อแฝงว่า John Smite ดันบังเอิญเรียกชื่อเต็มของเธอย่าง “Rosalind Tatyanovna Larina” ออกมา ทำอา Rosaline ระแวงเพราะชื่อเต็มของเธอนั้นไม่เคยบอกใครนอกจากเพื่อนสนิท และจบเรื่องที่การ Rosaline มองเขาว่าเป็นศัตรูทันที
แล้วดันประจวบเหมาะที่ Arctosz กับ Degenbrecher มาเห็นเหตุการณ์พอดี ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ Trilby Asher กลายเป็นคนร้ายในสายตาพวกเขาทันที Degenbrecher จึงมุ่งเข้าสู้กับ Trilby Asher กลายเป็นการประลองยุทธกลางเวหาซะงั้น
[Part 7]
ในขณะที่ Trilby Asher กำลังสู้กับ Degenbrecher ทางด้าน Arctosz ก็ได้พยายามพา Rosaline ไปที่ปลอดภัย แต่บังเอิญพื้นมันลื่นทั้งคู่เลยตกลงไปในหน้าผา โชคดีที่เป็นแค่ร่องตื้นๆ ไม่ได้อันตรายอะไร แต่สถานที่แห่งนี้ก็ช่างดูคุ้นตา และทำให้ Arctosz นึกหวนถึงสมัยตอนที่ได้พบกับ Tatyana แม่ของ Rosaline เป็นครั้งแรก ระหว่างการหาทางออกเอง Arctosz จึงได้มีการเล่าความจริงกับ Rosaline ว่าเขานั้นเป็นพ่อของเธอ
Arctosz บอกว่าเมื่อเกือบๆ 20 ปีก่อน หลังเจ้าบ้านตระกูล Silverashe รุ่นก่อนเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ มันก็ทำให้ Kejrag เกิดกระแสต่อต้านชาวต่างชาติมากขึ้น ซึ่งบังเอิญ Tatyana ก็เป็นชาว Ursus แถม Arctosz ยังเป็นคนของตระกูลใหญ่ จึงกลัวว่าแม่-ลูกจะเป็นอันตราย เขาถึงได้เนรเทศพวกเธอออกไปจาก Kejrag
แต่ทุกวันนี้ Kejrag เปลี่ยนไปแล้ว Arctosz จึงรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำแล้วอยากจะขอโทษกับ Tatyana แต่ดูเหมือนจะสายไปแล้ว เพราะเขาคิดว่า Tatyana ได้เสียชีวิตไปแล้ว จึงได้ฝาก Rosaline นำของดูต่างหน้าพากลับมายัง Kejrag ทำเอา Arctosz พร่ำโทษตัวเองที่เป็นผู้ชายไม่ได้เรื่อง
แต่ถึงกระนั้น ลึกๆ แล้วเขาก็อยากให้ Rosaline เรียกเขาว่าพ่อซักครั้งอยู่เหมือนกัน
ฟังดูเหมือนซึ้งนะ แต่เรื่องดันจบลงที่ว่า Rosaline ไม่อินกับดราม่านี้ แล้วถีบ Arctosz ตกหน้าผาอีกครั้ง พร้อมกับก้นด่าบิดาของตนจนเสียหมี เธอโตมากับแม่เลี้ยงเดี่ยวมาตลอด จะมีพ่อหรือไม่ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร ถึงชีวิตจะลำบาก + เจอเหตุการณ์แย่ๆ ก็เถอะ แต่การได้ใช้ชีวิตอยู่กับแม่ก็ไม่ใช่เรื่องผิดพลาด และไม่มีอะไรจะต้องเสียใจทั้งนั้น
อีกอย่าง Rosaline บอกว่าแม่ของเธอยังไม่ตายซักหน่อย แค่ลื่นข้อเท้าพลิกจนมาเที่ยวไม่ได้ต่างหาก
ซึ่งนั่นก็ทำเอา Arctosz ถึงกับหน้าเหวอ เพราะเขาเข้าใจว่า Tatyana สั่งเสียให้ Rosaline มายัง Kejrag แต่ความจริงแล้วนางแค่มาเที่ยว + ล่วงหน้ามาเตรียมทำงานให้ RhodeIsland แต่ก็ไม่นึกเลยว่าจะได้เจอพ่อของตัวเองเป็นๆ แบบนี้ ซึ่ง Rosaline ก็สวนกลับไปว่าถ้าอยากให้เรียกว่าพ่อ ก็คงต้องขอจ่ายค่าเลี้ยงดูพวกเธอด้วย จน Arctosz ทำตัวไม่ถูกกันเลยว่าเอายังไง
[Part 8]
ตัดมาทางด้าน Trilby Asher ที่กำลังหนีการไล่ล่าของ Degenbrecher ก็ได้แต่หนีไปสู้ไป เพราะไม่สามารถเทียบฝีมือกับอีกฝ่ายได้เลย เขาถูกไล่ต้อนจนต้องหนีไปอยู่บนรู้ปั้นของ Kjeragandr แต่หนีไม่นานก็โดน Degenbrecher เตะร่วงลงมาพร้อมกับส่วนหนึ่งของใบหน้ารูปปั้นจนแหว่ง ทำเอา Kjera ที่มองอยู่ข้างล่างพอใจมาก เพราะทำให้รูปปั้น Kjeragandr ดูหน้าเรียวขึ้นกว่าเดิม
Trilby Asher โดนถีบตกน้ำเย็นจัดจนเกือบตุย โชคดีไปที่ได้ Harold ผ่านมาช่วยเอาไว้ทัน และพยายามกลับไปที่รูปปั้นอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาถูก Kjera มาห้ามเอาไว้ไม่ให้เข้าใกล้ + เทเลพอตถีบออกไปกลางเมือง ทำเอา Trilby Asher รู้สึกได้ว่าที่รูปปั้นนั้นจะต้องมีอะไรบางอย่างสำคัญอยู่แน่ๆ
และเอาข้อสันนิฐานดังกล่าวมารวมกับการที่ Kejrag นำเข้าโลหะจำนวนมากมาส่งที่ทะเลสาบแห่งนี้ โดยอ้างว่ามันเป็นไวน์ชั้นเลิศที่ถูกส่งมาจากต่างประเทศ เขาก็เอะใจขึ้นมาได้ว่า Kejrag อาจจะพยายามลักลอบทำอะไรซักอย่างอยู่แน่ๆ จึงบอกกับ Harold ให้ไปเตรียมกองกำลังทหารให้พร้อม โดยให้เหตุผลว่ามีความเป็นไปได้ที่ Kejrag อาจเตรียมสร้างอาวุธทำลายล้างสูงแบบลับๆ
ซึ่งนั่นก็ทำเอา Harold ถึงกับหน้าซีด เพราะรู้ว่าเวลาพักร้อนของตนได้หมดลงแล้ว
Harold กลัดกลุ้มว่าจะเอายังไงระหว่างทำงานที่ได้รับมาต่อไป หรือจะทำเป็นเมินเพราะเขาเองก็รู้สึกหลงรักใน Kejrag เข้าไม่น้อย พวกทหารลูกน้องของเขาเองก็คิดเช่นเดียวกัน บางคนถึงกับจีบสาว Kejrag จนแทบขอแต่งงานเตรียมย้ายมาอยู่ที่นี่แล้วก็มี แต่ยังไงงานก็คืองานไม่อาจเอาเรื่องส่วนตัวมาปนได้ เขาจึงออกคำสั่งลูกน้องให้จับ Weiss กับ Matterhorn ที่แอบมาสปายอยู่ในฐานเอาไว้ ไม่ให้รายงานเรื่องนี้กลับไปยัง Enciodes พร้อมกับเตรียมเคลื่อนกำลังพลในวันรุ่งขึ้น
ทางด้าน Enciodes ก็ได้รับรู้ว่าเร็วๆ นี้น่าจะมีเรื่องเกิดขึ้น เพราะ Weiss ไม่ได้ติดต่อกลับมาตามกำหนดการ จึงได้จัดประชุมกับสามตระกูลใหญ่เป็นการเร่งด่วน แล้วประกาศให้เริ่มปฏิบัติการแผน B โดยการเชิญ “แขกพิเศษ” มาจากต่างประเทศ ซึ่งทาง Trilby Asher ได้รู้ข่าวก็รีบมุ่งหน้าไปยังขบวนรถไฟ เพื่อทำการลอบสังหาร “แขกพิเศษ” ที่ว่า ขัดขวางแผนการของ Enciodes
...โดยหารู้ไม่ว่าแขกพิเศษพวกนั้นคือใคร...
[Part 9]
เช้าวันถัดมา Harold นำกองกำลังทหารบุกเข้ามายังบริเวณทะเลสาบ โดยตั้งใจจะทำลายรูปปั้น Kjeragandr เพราะตามข้อมูลมันเป็นที่ต้องสงสัยว่าอาจจะซุกซ่อนอะไรอยู่ แม้จะไม่เต็มใจนักแต่เขาก็ต้องทำในฐานะทหารของ Victoria คนหนึ่ง ซึ่งในขณะที่กำลังเคลื่อนกำลังกว่า 2,000 นายนั้น พวกเขาก็ต้องหน้าซีด เพราะคนที่เข้ามาขวางก็คือ Degenbrecher ที่ยืนขวางกองกำลังของ Victoria เอาไว้เพียงลำพัง
Degenbrecher อาสาเข้ามาขวางกองทัพเอาไว้ ทำเอา Harold ลังเลว่าจะบุกดีมั้ย แต่ถึงจะไม่เต็มใจนักแต่ Harold ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากสั่งกองกำลังโจมตี ซึ่งถึงแม้จะมีทหาร 2,000 นายก็ยังไม่อาจเทียบได้กับ Degenbrecher เพียงคนเดียว ถึงเจ้าตัวจะบาดเจ็บกลับมาบ้างก็เถอะ แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือมีทหารกว่าครึ่งโดนกระทืบซะหมอบไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย
ตัดมาทางด้าน Trilby Asher พยายามหาตัว “แขกพิเศษ” บนขบวนรถไฟจึงได้สุ่มเปิดตู้รถไฟดูอีกครั้ง และตอนนั้นเองเขาก็ต้องตะลึงเพราะคนที่ได้เจอนั้นคือ Mob อดีตพิธีกรของรายการ Kazimierz Major ซึ่งในปัจจุบันเขาได้ผันตัวมาเป็นโฆษกของรัฐบาล K.G.C.C. แถมเขาไม่ได้มานั่งคนเดียว แต่ได้อัศวิน Kazimierz อีกกว่าครึ่งโหลมาคอยคุ้มกันด้วย ทำเอา Trilby Asher เหงื่อตกแล้วปิดประตูแทบไม่ทัน
Trilby Asher ตั้งข้อสันนิษฐานว่าเป็นไปไม่ได้ ไม่มีทาง Kazimierz จะมาเป็นแขกของ Kejrag แต่ในระหว่างที่กำลังใช้ความคิดนั่นเอง Trilby Asher ก็ถูกทักโดย Sharp หนึ่งใน Elite operator ของ RhodeIsland ที่มาพร้อมกับตัวเรา (Doctor) พ่วงมาด้วย มูมู่ Muelsyse จาก Rhinelab ที่ถูก Enciodes เชิญมางานฉลองด้วย ทำเอา Trilby Asher เกิดโลกวูบขึ้นมากระทันหัน เพราะแขกแต่ละคนมันไม่ใช่เป้าหมายที่จะลอบสังหารได้เลยทั้งนั้น
ตรงนี้ขอสรุปสั้นๆ ก็คือในตอนนี้ Kejrag กำลังหาพันธมิตรเพิ่มนอกจากดัชเชส Caster จาก Victoria จึงมีการเสนอเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ K.G.C.C. จึงได้ดึงตัว Mob ที่เป็นโฆษกรัฐบาลมาประกาศให้ทุกคนทราบ ในขณะเดียวกันก็ตั้งใจจะมือกับ Rhinelab โดยเสนอให้สร้างฐานยิงกระสวยเพื่อสำรวจท้องฟ้าบนยอดเขาของ Kejrag ด้วย เป็นการถ่วงดุลทางอำนาจให้แต่ละฝ่ายมาคานกัน ส่งผลให้ Victoria ไม่สามารถข่มเหง Kejrag อยู่ฝ่ายเดียวแบบเมื่อก่อนได้
ส่วน RhodeIsland นั้น Enciodes แค่อยากจะ Simp Doctor
แต่ก็อ้างว่าเชิญมาเพื่อเป็นแผนสำรอง ทั้งที่ RI ไม่มีอำนาจต่อรองใดๆ เลยซักนิด
[Part 10]
หลังจากการปรากฎตัวของ Mob ส่งผลทำให้การต่อสู้ที่ทะเลสาบเป็นอันต้องหยุดลง เพราะ Harold พิเคราะห์ว่าคงจะมีดีแน่ๆ ถ้า Victoria แสดงท่าทีคุกคามแบบนี้ต่อหน้าสาธารณะสื่อ จึงตั้งใจจะยอมถอยแล้วยอมแพ้ พร้อมกับพยายามหยุด Degenbrecher ที่กำลังเกือบจะคลั่งได้ที่ เพราะแผลที่ได้รับระหว่างต่อสู้
ทั้ง Harold และ Trilby Asher ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเลือกละทิ้งคำสั่งของดัชเชส Caster และตั้งใจจะไปขอโทษกับ Saintess Enya ซึ่งทางท่านนักบุญเองก็ใจกว้างบอกครั้งนี้จะยอมยกโทษให้ แถมยังเชิญให้พวกเขามาร่วมสนุกกับงานบวงสรวงด้วย
หลังจากจบเรื่อง Harold ได้ออกสื่อว่าการสู้รบกันที่ทะเลสาบ เป็นเพียงการซ้อมรบในพื้นที่หนาวปกปิดความจริงต่อสาธารณะ มีทหาร Victoria หลายคนบอกว่าไม่กลับละบ้าน ขออยู่ที่นี่เลยดีกว่า รวมถึง Trilby Asher ที่ไม่มีหน้ากลับไปหาดัชเชส Caster เป็นการปิดฉากความวุ่นวายในครั้งนี้ไปด้วยรอยยิ้มกันถ้วนหน้า
ทางด้าน Rosaline เข้าไปพบกับ Arctosz อีกครั้งเพื่อตกลงว่าจะเอายังไงกันต่อ เธอบอกว่าเธอโตมาแบบไม่มีพ่ออยู่แล้ว จึงไม่แคร์นักเรื่องความสัมพันธ์อะไรนั่น แต่ก็ไม่รังเกียจที่ Arctosz จะเป็นพ่อของเธอ แต่ถ้าจะเอาแบบนั้นก็ช่วยส่งเงินค่าเลี้ยงดูเข้าบัญชีมาให้ด้วยทุกเดือน ทำเอา Arctosz ผงะอีกครั้ง แล้วค้านว่าเวลาโอนเงินต่างประเทศมันจะโดนเก็บค่าโอนแพง ช่วยเปิดบัญชี Local แทนจะได้มั้ย ปิดฉากความบันเทิงฉันท์พ่อ-ลูก คู่นี้ไปอีกหนึ่ง
ตัดมาทางด้าน Gnosis และ Ratatos ทั้งสองได้แอบมาคุยกันในใต้ดินข้างล่างรูปปั้น ซึ่งตรงนี้ได้เผยให้เห็นว่าที่จริงแล้ว Kejrag เองนั่นก็ไม่ได้เป็นรัฐที่ใสสะอาดอย่างที่คิด เพราะข้อสันนิษฐานของ Trilby Asher นั้นถูกต้อง ทาง Kejrag เองก็กำลังแอบซ่องสุมกำลังรบเอาไว้เช่นกัน โดยปัจจุบันได้มีการต่อเรือประจัญบานความเร็วสูงอยู่ใต้รูปปั้น เผื่อว่าต้องใช้ในอนาคตด้วย
Gnosis บอกว่าก็ไม่ได้อยากจะเก็บเป็นความลับหรอกนะ
แต่ยังไงซะเรื่องสะสมอาวุธนี่ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรป่าวประกาศไปทั่ว สู้แอบทำแบบเงียบๆ เสริมกำลังรบเข้ามาแบบไม่กระโตกกระตากน่าจะดีกว่า
[Part 11]
จบกันไปแล้วสำหรับสรุป Event ในครั้งนี้ ดูเผินไปก็เหมือนจะเป็นอีเว้นท์ที่ไม่สั้นไม่ยาวเกินไป ถึงส่วนใหญ่จะเป็นการแกง Trilby Asher ก็เถอะ แต่ในขณะเดียวกันก็แฝงถึงความหัวหมอของ Kejrag เอาไว้ให้เห็นด้วย ก็ไม่รู้ว่าอนาคตจะมีเนื้อหาของ Kejrag อะไรให้เล่นอีกมั้ย เพราะแทบจะหมดตัวละครแล้ว ถ้าจะมีอีกทีก็คงเป็น Cliftheart Alter โน้นเลยล่ะมั้ง
ถ้าให้สรุปอีเว้นท์แบบสั้นๆ รวบรัดเลยก็คือ
Kejrag โต > โดน Victoria เขม่น > เลยหาพันธมิตรอย่าง K.G.C.C. กับ Rhine lab มาคานอำนาจ
ส่วนที่เหลือก็เป็นแค่องค์ประกอบเล่าเรื่องเพิ่มความบันเทิงเท่านั้น ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วก็ค่อนข้างทำมาได้ดีเลย เพราะบทแกง Trilby Asher มันฮาก๊ากแท้ๆ น่าสงสารเจ้าตัวชะมัด เป็นถึงสายลับขั้นเทพแต่โดนแกงจนหมดสภาพแบบนี้ ทำเอาประวัติในช่วง Victoria มัวหมองกันเลยทีเดียว
อนึ่ง Enya บทนี้ทำปากแมวบ่อยมาก โคตรน่ารัก ท่าทางเจ้าตัวจะมีความสุขกับการบริหารประเทศนะ
>>820 อีเวนต์นี้มีนจะส่งต่อให้กับเนื้อเรื่องอนาคตที่โชว์ใน pv4 อ่ะ
มูมู่มาขอสร้างฐานปล่อยกระสวย ตำแหน่งที่สูงที่สุดบน Kjerag (ยอดเขาที่สูงที่สุดบน terra) เพราะจะได้ให้นาสตี้สานต่อโปรเจคอวกาศของคริสเทน รวมถึงโปรเจคเมืองลอยฟ้าที่เป็นความฝันสูงสุดของนาสตี้ด้วย
ใน pv4 มีหมดเลย
เข้ามาอ่านช้าไปหน่อย ขอบคุณโม่งที่แปลสรุปมาให้อ่านทุกครั้ง
ม๊อบนี่พอได้เลื่อนตำแหน่งตัดผม?แล้ว เหมือนนิสัยจะเปลี่ยนไปด้วยเลย
ส่วนหมวกเทา จะมาขอทำงานกับด๊อคแทนไหมนี่
https://x.com/gf_saihate/status/1808336067550142678?s=46&t=MbLe2s6MiKkSoUOvZqWJiA หกดาวใหม่ แคสเตอร์ดาเมจelement
โมดูลซองมาแล้ว อีเฉินจะกลับมาได้มั้ย แต่ไทฟอนแม่งอีหรอบ เดจาวูกับแองเจว่ายน้ำจังวะ ส่วนเว้นซัมเมอร์น่าจะล็อคของมาโต้ไว้เเล้ว
สกินไทฟอนว่ายน้ำ รี้ดว่ายน้ำ
เสร็จล่ะมึง สปอยส์มาแบบนี้สกินรี้ดปีใหม่อดเงินกู 55555555555
Reed Halloween จบกัน อดแดกเงินกู
เชี่ยไทฟ่อนว่ายย้ำ ทำไมไม่ L2D วะ
ส่วนรี้ดทำกูหนักใจ สกินกำลังจะเข้าแท้แก
แต่กูสะดุดตาน้องม้า Provinso สุดละ แม่งหุ่นสะดิ้งมาก
ส่วนน้องนมิฟ ใครแม่งคิดโค้ดเนมให้วะ รู้ความหมายกันใช่มั้ยเนี่ย
เออลืม Totter เลย 4 ดาวตัวเดียวที่กูอัดเวล max ให้
พี่แกก็หล่อเกิ้น
สกินคนหล่อแม่งมาเรื่อยๆเลยว่ะรอบที่แล้วก็พรี่ insider สาวๆมันเล่นเกมนี้เยอะหรือยังไง
ไทฟ่อนนี่กูยอมใจ LM7 เลย แม่งดีไซน์ชุดได้ถูกใจมาก
ไทฟ่อนนางเตี้ย + อวบ เลยต้องใส่วันพีชเพื่อปิดพุง แต่ในขณะเดียวกันแม่งก็ดึงเสน่ห์ของหุ่นตันๆ ออกมาได้ด้วย
กระต่าย Ray ประกาศแล้วเข้าวันที่ 9 นี้ (เที่ยงคืนวันที่ 10 บ้านเรา)
ไม่อยากข้ามแต่ก็คงต้องข้ามแฮะ หลังจาก Reed Rerun ก็น่าจะเป็นมังกรข้าวถัดไปเลย แถมหลังจากนั้นยังมี R6S มาให้เก็บอีก 2 อีเว้นท์ คงต้องดองตั๋วเอาไว้ตั้งแต่ตอนนี้ละ
เห็น skin summer มากับอีเว้นท์ kazdel
อีเว้นท์ลิมิตหน้าร้อนจะเป็น dungeon meshi แทนหรือเปล่า
เกมไม่เดท แต่มู้เรานี่เดทจริงๆ แฮะ
เห็นอนิเมชั่นของ ZZZ แล้วกูอดกังวลกับ Endfield ไม่ได้จริงๆ ว้อย
ไม่เคยคาดหวังให้เกมนี้มันดีได้เท่าเกมค่ายหมีอ่ะบอกตรงๆ เอาให้ภาพสวยกว่าเกมปลูกผักยุค ps2 กูก็ดีใจละ ส่วนเนื้อเรื่องคงหายห่วง เรื่องระบบก็รอ cbt ที่ลือว่าจะเปิดในงานของเจ้คว่ามันจะออกมาอีท่าไหน เอาตรงๆกูอยากให้มันทำระบบสร้างของให้พิศดารๆได้ไปเลย ไม่ต้องถึงขั้นทำกันดั้มได้แบบ botw หรอกแต่อยากให้มันมีสร้างความอิสระได้แบบโหมดกันบ้านของเกมหลักมัน
แกรนเชส3มิติอะนะ
https://www.facebook.com/share/2Dkud9osAVLczow1/?mibextid=WC7FNe Tin Man อาจจะเป็นplayable
grand chase, elsword นี่คอมแบทดีมากนะมึงทำเป็นเล่นไป ทุกวันนี้ขนาดรวมเกม console กูยังหาเกม side scrolling ที่คอมแบทดีขนาดนี้มาเล่นไม่ได้เลย
https://www.bilibili.com/video/BV14w4m1a7xw/ สกิลตัวใหม่อย่างเกรียน5555
หว่า 1 รุ้งไม่ออก Ray หยุดแค่นี้ละกัน ต้องเก็บไว้เผื่อน้องข้าวกับ R6S อีกที
พอลองย้อนเทียบเนื้อเรื่องระหว่าง ak กับ zzz ของ ak มันโครตไม่สมเหตุสมผลเลย องค์กรผลิตยาอะไรวะ ติดอาวุธ สังหารหมู่ ขี้เสือก เปิดหน้าชนกับประเทศ พอบทเฉลย ไอ้ดอกเตอร์ กับ หมอแมว ก็แค่ไอ้ฆาตกรโรคจิต กับ นักปฏิวัติ ที่มีเมียเป็นหมอ กับ ทรราชสังหารหมู่ อยากไถ่บาป
บทเฉลย
มีเมียเป็นหมอ
kek
>>855 มันอินดี้ ไม่เหมาะกับคนที่มีสมองเล็กๆแบบมึง
จะเอาเนื้อเรื่องเเน่นๆ ข้อมูลดีๆ หรือจะเอาย่อยง่าย+ฉากปลุกอารมณ์ คนที่สมองน้อยจะชอบอย่างหลัง
แต่ ak ทำครบนะ ดีสุดคือ ch8 ที่เหลือแม่งดรอปฮวบๆ ไม่ค่อยมีอะไรดี ยิ่งเปลี่ยนจากเมะเป็น 3d ในเนื้อเรื่องก็ดรอปลงไปอีก
ส่วน zzz กูให้แค่อีเตี้ย ตอนก่อนจบ+จบ ที่เหลือ น้ำล้วนๆ
องค์กรผลิตยาอะไรวะ ติดอาวุธ สังหารหมู่ ขี้เสือก เปิดหน้าชนกับประเทศ พอบทเฉลย ไอ้ดอกเตอร์ กับ หมอแมว ก็แค่ไอ้ฆาตกรโรคจิต กับ นักปฏิวัติ ที่มีเมียเป็นหมอ กับ ทรราชสังหารหมู่ อยากไถ่บาป
โรคมันร้ายแรง ชาวบ้านก็เหี้ยด้วย มึงดูชาวบ้านในแต่ละด่าน ไม่ต่างจากพวกไร้บ้านหัวรุนแรงหรอก แล้วสงครามมาอย่างบ่อย แต่บทเฉลยสวะจริง ที่มึงทำมานี่หมดสิ้นเลย เนื่อเรื่องโง่ๆที่โดนความโกงของ wisadel กลบหายวายวอด
>>855 ก่อนจะเป็น RI ในปัจจุบันมันคือองค์กร Babel มาก่อน ซึ่งเป็นหน่วย Royalist Armed Force ส่วนตัวของเทเรซ่า
แต่เพราะเทเรซ่าอยากจะช่วยโลกจากการถูกโรคหินดำเลยเริ่มหาทางรักษา พอหมดยุคเทเรซ่าหมอแมวก็สานต่อเจตจำนงค์เลยเปลี่ยนให้กลายเป็นบริษัทยา แล้วลดความเป็นกองทัพลงโดยเปลี่ยนเจ้าหน้าที่เก่าๆ ให้กลายเป็น Operator ทำงานภาคสนามแทน ซึ่งโลก AK มันเต็มไปด้วยอันตราย ไหนจะโจรไหนจะสัตว์ประหลาดจะติดอาวุธให้ก็เป็นปกตินั่นล่ะ
ส่วนตัวเรา (อีหมอ) มันก็แค่มนุษย์ยุคโบราณที่โดนปลุกขึ้นมาจากการจำศีล เพื่อสอนวิธีการใช้งานเทคโนโลยีพร้อมพยายามหาวิธีจัดการหินดำ แต่เลือกผิดไปเชื่อเรื่องการชำระล้างทั้งหมดเลยรวมหัวกับเทเรซิสโค่นเทเรซ่า ก่อนจะโดนลบความทรงจำแล้วกลายเป็นอีหมอติงต๊องอย่างเราๆ
ตามเนื้อหาปัจจุบัน RI ก็ทำตัวเป็นทำนององค์กรอนามัยโลก คอยกระจายยา+ตั้งสถานรักษาเอาไว้ตามประเทศต่างๆ นั่นล่ะ ส่วนเนื้อหาอีเว้นท์ทั้งหลายส่วนใหญ่ก็เป็น Side story เล่าสถานการณ์ต่างๆ ผ่านสายตาตัวละครนั่นล่ะ
มันแค่มาปั่นพวกมึงเฉยๆแหละเพราะดูแล้วมันไม่รู้เนื้อเรื่องไรเลย55
แล้วพวกมึงก็งับกันเป็นพวงเลยนะ โทรลแม่งอิ่มแปล้
อยากได้น้อง Warmy มาเป็นเลขา แต่ 30 โรลแล้วยังไม่ออกเลยว้อยยยยย นังไก่ฟ้าออกมาทำไมเยอะแยะ
น้องnympนี่กุหงิดมากที่ท่า3ดันไม่เติมเกจกลม ทั้งที่มีเงื่อนไขทำดาเมจเอเลเมนท์เพิ่มตอนหลอดกลมแตก
อีเว้นท์ Kazdel ล่าสุด Mudrock นี่ยืนยันเรียบร้อยแล้วว่าเป็นการ์กอยล์ จากที่ก่อนหน้าโมดูลยืนยืนซักราวๆ 80% ได้
ท่าทาง Kazdel บางคนยังเหยียดคนที่ไม่ใช่ Sarkaz อยู่ อย่าง Nymph ก็คนนึงที่ไม่ไว้ใจคนนอก เลยโดนเจ้าหญิงปนาลีเทศน์คนนี้สั่งสอนไปที ถถถถ
เพิ่มเติม ประกาศเรียบร้อยกับ IS5 Sakaz’s Endless Fantasies
ตามคาดเลยว่าต้องเป็น Kazdel ได้เวลาปั่น Is4 ให้ครบแล้วเหวย
สรุปจบบท 14 นี่เทเรซิสได้ของแล้วหนี ทิ้งลูกน้องหมดเลยสินะ....
Sarkaz ladies จาก IS นี่ตอนนี้โผล่มาในเนื้อเรื่องกี่คนแล้ววะ อาเจ๊ IS4 นี่น่าจะมาเป็น playable แน่ๆแล้ว 1 แต่อีกสองคนมีหวังไหม น้องปากฉีกกับน้องนักเต้นอะ
แต่พวก Sarkaz girls ที่เจอใน Is นี่คือพวก Djall หมดเลยปะวะ เงื่อนไขมันตรงตรงที่ใช้เวทลวงตา ล่อลวงคนให้เข้าไปใกล้เนี่ย
เรื่อง Tinman เป็นตัวเล่นกูว่าคงเหมือนพวกโอเปอเรเตอร์ฟรีใน is แหละมั้งแบบพวกเอส, ชาร์ปอะไรนี่น่ะ แต่ is5 รอบนี้กูขอเงื่อนไขจบแบบอื่นไม่จุกจิกทีเถอะ
เดาว่าตัวแจก 5 ดาวถ้าไม่ใช่ Crownie ก็คงเป็น Qalaisa มั้ง
Tinman เป็นตัวแจก IS แหละเพราะ Official แอบสปอยมาหลายอย่างละ ส่วนที่เหลือมีแค่สไปรท์ NPC ที่ดูทรงเหมือนจะมาได้แต่ไม่รู้มาเมื่อไหรว่ะ เอาแค่ที่โผล่มาล่าสุดก็ปาไป 3 ตัวละ ไหนจะตัว NPC เก่าๆที่มีอีกเป็นโหลยังไม่ได้เป็นตัวให้เล่นอีก
แต่ถ้า IS5 แจกตัว 6 ดาวมาเพิ่มก็อีกพีคเกิน
Endfiedถึงzzzมีอะไรให้เปรียบเทียบกันบ้างอะนอกจากเนื้อเรื่อง
สติปัญญาขนาดไหนวะพูดถึงเกมที่ยังไม่มี cbt เนี่ย
แต่ช่วงนี้มันเร่งปล่อยnpcออกจากคุกอยู่นะ
endfield กากตดเทียบอะไร zzz มไ่ได้เลยซักอย่าง เชื่อกู
ทีนี้มึงพอใจแล้วไปเรื้อนมู้อื่นได้แล้ว
https://x.com/WHO_808/status/1811207354396103015?t=NuGZZGz3NhucRmfICK6dTQ&s=19
Ak กับ zzz ตัวละครลิมิตเต็ดตัวแรกเป็นฉลามเหมือนกัน
ตัวต่อไปเป็นตำรวจอีเฉินจีน ซึ่ง zzz ตัวต่อไปแม่งก็ตรวจจีน
ตัวต่อไปเป็นตัวรวจยักเขียว ซึ่งzzz ก็เป็นตัวรวจชุดเขียวเหมือนกัน
ฉลาม zzz แม่งลอกเข้จูเซนจิมาชัดๆ
กาชากูไม่เคยเห็นเกมไหนเลยเหอะ ที่หุ่นเป็นมนุษย์แล้วมีหางสัตว์เบิ้มๆติดมาด้วย
Ak นี่แหละแม่งเกมแรก
ไป zzz กันพ่อมึงโน้นชิ่วๆ
>>892 สำหรับกูคอนเซ็ป Furry + High tech ใน ZZZ ก็น่าสนใจนะ มีทั้งหมาทั้งหมี ถถถถถถ
AK น่าจะมีสายขนปุยตัวผู้เยอะกว่านี้หน่อย ตอนนี้มีแค่พี่เสือคนเดียวเอง เอาพ่อ Waai fu เข้ามาที~
ส่วนสาวฉลามอันนี้กูมองว่าเป็น Genre concept ที่พบเห็นได้ทั่วไปว่ะ อย่างฟันแหลม + มีหาง อย่างมังงะก็มีเรื่องเมดฉลามหาผัว ฝั่งวีทูปก็มีกูระ
เฟอรี่ขยะ ใต้ตี นลุงลีจอมผลักหมดอ่ะ ท่าสามกู้โลกมาแล้วโว้ย
บอสendfieldสำหรับพวกมึงถือว่าทั่วไปปะอย่างตัวนี้ https://youtu.be/wXOFtuW1hwk?si=zi8HdL3x3sDwUTrz
>>902 น่าจะใช่แหละ https://imgur.com/Yp3hJ5d
Sariah girl มีเนื้อเรื่องแล้วว่ะ
Qalaisa เป็นคนเดียวกับที่เราเจอใน IS4 เธอเป็นอดีตทหารของหน่วย Narchzerer แต่ไม่ชอบสงครามเลยหนีทัพไปซ่อนตัวทางตอนเหนือ กลายเป็น Witch of the Northern แล้วได้พบกับเราใน IS4 ก่อนเราจะบรึ้มบ้านนางทิ้ง ถถถถถ
คุ้นๆว่าบทล่าสุดนี่ก็บ้านบึ้มอยู่ดีนี่หว่า ปล.ลงตู้ทีเหอะแบบนี้ บัตรกูพร้อมสำหรับแม่มดแดนเหนือคนงามทันที
อยากได้น้องแดนเซอร์
Is5
เดือน 7 ทินแมน
เดือน 8 บัตรสกิล m3 หกดาว
เดือน 9 เฟอร์กับ UI หน้าแรก
เดือน 10 สกินทินแมน
เดือน 11 เฟอร์ส่วนที่เหลือกับกล่องโมดูล
เดือน 12 เฟอร์กับสกินมัดร็อค
เดือน 1/2025 ฉาก
เดือน 2/2025 ไอคอน
ท่าโพสแม่งโคตรโจโจ้เลยทินแมน
ทินแมน e2 เท่จัด
เขียนสรุปเนื้อหาอีเว้นท์ Ray เสร็จแล้ว งงกับช่วงท้ายชะมัดเลยว้อยยยยย
เดี๋ยวขอเอากลับไปแก้สำนวนก่อนซักรอบแล้วค่อยอัพละกัน น่าจะลงได้ช่วงพรุ่งนี้แหละ
ว่าไป Tin man ไหงแค่ 5 ดาวเองวะ ตัวตนระดับตำนานน่าจะซัก 6 ดาวสิ
ทีแมวชมพูเดิมทีเป็นแค่สาวบาร์อยากเปิดร้านทำผมยังเป็น 6 ดาวได้เลย ถถถถถ
โดนเจ้งูแอบฉกหัวหลุดไปทีอยู่นะ เมื่อก่อนคงเก่งแหละ ปัจจุบันข้อต่ออาจจะติดๆขัดๆไปบ้าง สนิมเยอะ
Hg เอาเงินไปเปิดเกมใหม่ด้วยเรอะ ชื่อ coreblazer อะไรนี่แหละ
>>918 ไม่ใช่เกมน่าจะเป็นpublisherมากกว่า https://x.com/COREBLAZER เกมอะมีใหม่เหมือนกัน https://x.com/SphereofSoulsEN อันนี้อะ
เป็นบ.ที่เกิดมาให้ทุน ให้ความรู้ ให้เทคโนโลยีกับเกมค่ายเล็กๆอย่างพวกของนักศึกษาจบใหม่ไรงี้ Hg มันชอบทำไรแบบนี้มานานละ
โอ้แต๊งกิ้วเพื่อน มันทำดีนี่หว่า
HG มันเปิด bootcamp ได้รุ่นน้องเข้าแข่งกันเขียนเกม เข้ามาเรียนรู้ เข้ามาแข่งกันบ่อยอยู่
ตัวมันเองก็เคยเป็นอินดี้ไง ใหญ่โตมาได้ก็เกมแรกเกมเดียวของมันนี่แหละมันเลยให้ความสำคัญกับเรื่องของโอกาส
ด่านพิเศษทำมาอวยเรย์หรือทำมาฆ่าเรย์ ยิงไม่ทันอีสัส
เออ มีใครเล่น mystery of dust ยัง เกมมันทำดีไหมวะ
gameplayเหมือนakอะแหละ
Mystery of dust ราคา 95 บาท ในขณะที่กุเล่น ak ได้ฟรี ไอ้สัสกูขำ
สัดศัตรู IS5 มีแม่ Logos ด้วยเหรอวะ ถถถถถ
พูดถึงพวก Sarkaz แล้วก็ทุกวันนี้ยังไม่เข้าใจเลยแฮะว่า Nachzehrer นี่เป็นเผ่ายังไง ในเรื่องก็มีข้อมูลเผ่านี้น้อยมาก
ตอนแรกตีความว่าน่าจะเป็นซากศพ อารมณ์ประมาณพวกกูลหรือมัมมี่ อย่าง Nachzehrer King นี่ก็ภาพลักษณ์ชัดดีแหละ แต่พอมาเห็น Qalaisa เองก็เป็น Nachzehrer นี่ทำเอารู้สึกอิหยังกับความงามกันเลย
ข้อมูลน้อยมากระดับที่ Djall ที่มาทีหลังยังมีข้อมูลเยอะกว่า
เอาทินแมนไปเป็นบอสแล้วเอาแม่โลกอสมาแจกไม่ได้เรอะ
[Part 1]
AK Events – To the Grinning Valley
กลับมาเจอกันอีกครั้งสำหรับการสรุปอีเว้นท์ของเกม Arknights สำหรับคราวนี้เป็น Mini event เนื้อหาสั้นๆ ไม่ยาวมากอย่าง To the Grinning Valley ที่จะพาพวกเราเข้าสู่ Rim Billiton ดินแดนแห้งแล้งที่มีการกล่าวถึงมาตั้งแต่เกมเปิด แต่ไม่เคยมีเนื้อเรื่องของประเทศนี้ซักที
อีเว้นท์นี้ตอนแรกก็คิดว่าค่อนข้างสั้นและเนื้อหาไม่ซับซ้อนเพราะยังไงมันก็เป็นแค่อีเว้นท์คั่น
ซึ่งมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ในช่วงแรกถึงช่วงกลางของเนื้อเรื่อง ก็เลยคิดว่าง่ายละที่จะเขียนสรุป
แต่พอเข้าช่วงท้ายปุ๊บนี่ล่ะผู้เขียนก็ถึงกับติดสตั้น เพราะมีอะไรหลายๆ อย่างไม่เข้าใจเลย เพราะเนื้อหามันไม่ได้บอกตรงๆ ขนาดลองแว่บไปหาข้อมูลในเพจ lore ยังไม่มีสรุปเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น กลายเป็นว่าแทนที่จะได้เรื่องราวที่เข้าใจได้ กลับมีแต่เรื่องที่ชวนงงเพิ่มซะงั้น ถ้าผิดพลาดตรงไหนก็ช่วยกันแก้หน่อยแล้วกัน
และเช่นเคยก่อนจะเข้าสู้เรื่องราวก็ต้องมาเกริ่นเบื้องหลังกันก่อนเล็กน้อย
Rim Billiton คือชื่อประเทศที่อยู่ทางตอนใต้ของ Terra มีลักษณะเด่นเป็นดินแดนแห้งแล้งเต็มไปด้วย Barrenland มีประชากรส่วนใหญ่เป็นพวกเหล่ากระต่าย Cautus เป็นอาณานิคมขุดเหมืองเนื่องจากมีสายแร่จำนวนมหาศาล ประเมินคร่าวๆ คือสายแร่ทั้งหมดใน Terra มาอยู่ที่ Rim Billiton ไปแล้วซะครึ่งนึง ทำให้อาชีพหลักของคนในพื้นที่แถบนี้คือการทำเหมือง จนมีบริษัทขุดเหมืองจำนวนมากเข้ามาลงทุนเป็นจำนวนมากแม้ว่าจะเป็นดินแดนที่ค่อนข้างอันตรายและเต็มไปด้วยสัตว์ร้ายและภัยพิบัติก็ตาม
แถมสิ่งน่าแปลกก็คือ ว่ากันว่าดินใน Rim Billiton นี่ปลูกอะไรก็ไม่ขึ้นนอกจากแครรอทด้วย
และเพราะในเหมืองอาจมีอันตรายนั่นเอง จึงได้บังเกิดอาชีพ Pitsinker ขึ้น ซึ่งมันเป็นอาชีพเอกชนที่ทำงานคล้ายๆ ทหารรับจ้างเข้าไปตรวจสอบ + กำจัดสิ่งอันตรายต่างๆ ในเหมือง อาทิเช่นสัตว์ร้าย ก๊าซพิษ ซึ่ง Ray ตัวเอกของเรื่องราวนี้ก็ทำอาชีพมาก่อน และเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวทั้งหมดของเรื่องด้วย
[Part 2]
เรื่องราวในครั้งนี้ก็เริ่มต้นขึ้นในช่วงปี 1098 ก่อนเกิดเรื่องที่ Victoria ขึ้นไม่นาน
Potlid “Warmy” สาวกระต่ายตัวน้อยที่อุดมไปด้วยรอยยิ้มและความชื่นชอบในการทำอาหาร เธอใช้ชีวิตอยู่กับ Alanna ที่เป็นช่างเครื่องและคนขับรถโดยสารขนส่งระหว่างเมือง ทำให้ชีวิตส่วนใหญ่ของพวกเธอทั้งจึงอยู่บนรถโดยสารคันโตซะเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งนี่ก็นับว่าครบ 2 ปีแล้วที่ Potlid ได้มาใช้ชีวิตกัดก้อนเกลือร่วมกันอยู่บนรถแบบนี้ในฐานะเด็กสาวที่ไม่มีที่ไป
ซึ่งก็น่าเสียดายที่การเดินทางครั้งนี้ น่าจะเป็นการเดินทางครั้งสุดท้ายของพวกเธอ
ทั้งนี้เรื่องมาจากสัมปทานของ Alanna นั้นหมดสัญญาลง ทำให้ขบวนรถโดยสารของพวกเธอนั้นจะยุติให้บริการ Alanna กับ Podlit จึงได้เริ่มวางแผนที่ใช้ชีวิตกันต่อโดยตั้งใจว่าจะย้ายเข้าไปในเมือง Iron Carrot แทน แต่ก่อนที่จะเป็นเช่นนั้นพวกเธอก็อยากจะทำงานขนส่งครั้งนี้อีกหนเป็นครั้งสุดท้าย เป็นการปิดฉากธุรกิจรถโดยสารของพวกเธอก่อนจะย้ายกันไปใช้ชีวิตในเมืองเริ่มต้นชีวิตใหม่
และเพื่อเป็นการถอนทุนคืนบางส่วน ก่อนที่จะได้เริ่มออกเดิน Podlit จึงได้ตั้งใจจะเอาข้าวของส่วนตัวที่เธอเก็บเอาไว้บนรถไปทยอยขายเลหลัง ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นขยะไม่ก็ของตกรุ่นทั้งนั้น ทำเอาลุงซาเล้งรับซื้อของเก่าจึงถึงกับปวดขมับกันเลยทีเดียว
ในระหว่างที่ Potlid พยายามต่อรองราคานั่นเองก็มีผู้หญิงชาว Cautus ผมสีม่วงหนึ่งเข้ามาในร้าน แล้วถามหาถึง Sandbeast ทั้งที่ร้านนี้เป็นร้านขายของชำ ซึ่งทั้งคู่ก็แค่สบตากันก่อนจะแยกย้ายไปทำธุระของตัวเองในเวลาไม่นานเท่านั้น
ในระหว่างเดินทางกลับ Potlid ได้บังเอิญเจอกับชาว Sarak คนหนึ่งเข้า ซึ่งเขานั้นได้ถามว่าจะไปเมือง Iron Carrot ยังไง Podlit จึงได้บอกเขาไปว่ารถโดยสารของ Alanna จะออกจากท่าเตรียมไปยังเมือง Iron Carrot ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า
ซึ่งนอกจากสาวหัวม่วงกับชาว Zalak หนุ่มขี้ตื่นแล้ว Podlit ยังได้พบกับกระต่ายสาวผมขาวในชุดเปิดรักแร้อีกคนด้วย ซึ่งกระต่ายสาวคนนั้นก็ได้แอบมอง Podlit อยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเดินเข้ามาทักทายเธอ ยื่นนามบัตรให้แล้วบอกให้ Podlit นำไปให้ผู้ปกครองอ่าน
แน่นอนว่ากระต่ายสาวคนนั้นก็คือ Savage จาก Rhode Island นั่นเอง
หลังจากจัดการธุระต่างๆ เสร็จเรียบร้อย Podlit ได้กลับมายังรถโดยสารและเข้าห้องส่วนตัวของเธอไป ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่รถโดยสารเตรียมที่จะออกจากท่า ระหว่างนั้นเอง Podlit ก็รู้สึกอาลัยอาวรณ์เล็กน้อยเพราะอีกไม่นานก็ต้องคืนรถคันนี้แล้ว ทั้งที่เธออยู่กับมันมาตั้งนาน
ทว่าในระหว่างกำลังเศร้านั่นเองก็มีประกาศเสียงตามสายดังขึ้นมา
แจ้งว่ารถโดยสารคันนี้ได้ถูกเข้ายึดโดยโจรสาวปริศนาเป็นที่เรียบร้อย~
[Part 3]
ในส่วนนี้เนื้อหาได้เปลี่ยนไปโฟกัสที่ Alanna ที่กำลังกลุ้มเล็กๆ เนื่องจากรถโดยสารของเธอโดนปล้นโดยโจรสาวปริศนาที่มีผมสีม่วงแถมท่าทางเหมือนกับไม่มีอะไรในหัว อีกทั้งเธอยังโดนหน้าไม้กระบอกโตจ่อหัวอยู่ด้วย เพื่อลดความตึงเครียดเธอจึงพยายามชวนอีกฝ่ายคุยพลางก่อนจะถามว่าอีกฝ่ายทำแบบนี้ทำไม
โจรสาวคนนั้นตอบกลับว่าที่เธอต้องการคือเดินทางไปยัง Grinning Valley เท่านั้น และให้สัญญาว่าจะไม่ทำร้ายใครพร้อมกับยื่นข้อเสนอว่าผู้โดยสารคนไหนอยากจะลงก็จะไม่ห้าม และจะปล่อยให้พวกเขาลงตอนที่เดินทางถึงเมืองข้างหน้า
ตรงนี้เองสองสาวมีการคุยเถียงกันเล็กน้อย เพราะ Alanna บ่นว่าตั้งใจจะไปเริ่มใช้ชีวิตใหม่ในเมืองแท้ๆ แต่ไหงซวยมาโดยปล้นซะนี่ ทางโจรสาวหัวม่วงก็เลยสวนกลับไปทำนองว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนชีวิตก็เป็นเหมือนเดิม ฟังดูเหมือนจะเป็นการเถียงกันแต่นั่นก็ทำให้อุณหภูมิในห้องโดยสารค่อยๆ เย็นลง โจรสาวได้ลดหน้าไม้ลงก่อนที่เปลี่ยนใจไปเจรจาต่อรอง เพื่อให้ Alanna พาไปส่งที่ Grinning Valley
ในระหว่างที่กำลังเดินทางนั่นเอง รถโดยสารของพวกเธอก็ได้มาถึงด่านตรวจแห่งหนึ่งเข้า ซึ่งก็เป็นจังหวะนรกมาก เพราะรถของพวกเธอถูกสุ่มตรวจทั้งที่ปกติจะปล่อยผ่าน
โจรสาวหัวม่วงบอกว่านี่อาจะเป็นการตรวจหาผู้ติดเชื้อบนรถ ทำเอา Alanna ถึงกับสะอึก เพราะเธอรู้ดีว่าบนรถคันนี้ Potlid คือคนๆ เดียวที่ติดเชื้อ Oripathy
แม้จะพยายามเฉไฉ + เจรจา แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผล การตรวจหาผู้ติดเชื้อดำเนินต่อไป
และด้วยสาเหตุบางอย่าง (ในเรื่องไม่บอกเลย) Potlid ถึงได้ถูกเหล่าเจ้าหน้าที่คุมตัวไป โดยเธอก็แสร้งทำเป็นยิ้มและให้สัญญาว่าจะกลับมาให้ไว ทั้งที่ในใจกลัวแทบแย่อยู่แล้ว ยังนับว่าเป็นโชคดีของเธอที่โจรสาวหัวม่วงตัดสินใจเข้ามาขัดขวางเจ้าหน้าที่ แล้วพาตัว Podlit หลบหนีขึ้นรถ พร้อมให้สัญญา Alanna รีบชิ่งหนีพากันแหกด่านตรวจหนีไปยัง Barrenland ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
การเผชิญเรื่องเสี่ยงด้วยกันทำให้ Alanna เริ่มเปิดใจกับโจรสาวคนนั้นแล้วถามชื่อ ซึ่งเธอก็บอกว่าทุกคนเรียกเธอว่า Ray พร้อมกับแนะนำเจ้า Sandbeast คู่หูให้ทุกคนได้รู้จัก แถมยังบอกว่าเจ้านี่พูดได้ทำเอาทุกคนถึงกับเงียบเพราะไม่รู้ว่าโจรสาวคนนั้นพูดจริงหรือพูดเล่นกันแน่
[Part 4]
เรื่องราวตัดมาทางพ่อหนุ่ม Zalak ที่ติดรถโดยสารมาแล้วไม่ยอมลง ชื่อของเขาคือ Jerry เป็นคนขายประกัน แต่ค่อนข้างไร้ซึ่งความมั่นใจแถมยังขี้ขลาดขนาดว่าตอนเกิดเรื่องพี่แกก็เอาแต่ไปหลบอยู่ในห้องของ Potlid ทั้งที่ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นแท้ๆ
หลังจากพากันแหกด่านมาได้สำเร็จ พวก Alanna ก็ได้มาหยุดพักที่ Barrenland และพยายามจัดหาเสบียงเท่าที่จะทำได้ หนึ่งในนั้นคือน้ำ บังเอิญว่าใกล้ๆ พวกเธอมีต้น Bottletree อยู่พอดี ซึ่งมันเป็นพืชที่เก็บน้ำเอาไว้ในลำต้น เธอจึงสั่งให้พวก Ray กับ Podlit ไปเอาน้ำมาตุนเอาไว้ในระหว่างที่เธอจะซ่อมรถซักหน่อย
แล้วก็ช่างบังเอิญที่ใกล้ๆ พวกเธอมี Platform ขุดเหมืองอยู่พอดี
พวกจึงได้ไปแวะพักที่นั่นชั่วคราว พร้อมกับจัดแจงข้าวของเตรียมเดินทางต่อ
ระหว่างเดินซื้อของกันนั้น Jerry ได้ชวน Ray คุยแล้วบอกว่าเขาประทับใจในตัวเธอก่อนที่จะเล่าว่า อันที่จริงเขากำลังจะไปเข้าพิธีหมั้นในเมือง Iron Carrot แต่เพราะนิสัยกลัวซะทุกสิ่งของตน เลยพยายามเตะถ่วงเวลาให้ไปถึงเมืองให้ช้าลง แถมตอนนี้ดูเหมือนว่างานนั้นต้องยกเลิกซะแล้ว เพราะรถโดยสารโดน Ray ปล้นจนออกนอกเส้นทางซะก่อน ทำเอาโจรสาวเลิกคิ้วมองบนกันเลย
แต่ Jerry ก็ไม่โทษเธอ กลับกันรู้สึกขอบคุณซะด้วย เพราะมันทำให้เขาโล่งอกที่จะได้เลือกชีวิตของตัวเอง แทนที่จะโดนบังคับเข้าพิธีตามที่ครอบตัวของตัวเองคาดหวัง ตรง Ray ออกความเห็นว่าไม่เข้าใจ เพราะเธอโตมาอย่างโดดเดี่ยว เลยอยากขอให้เล่าเพิ่ม
แต่ครั้นพอหันหลังกลับไปนั้นก็พบว่า Jerry ได้หายตัวไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย
Jerry นั้นขี้ขลาดอย่างมาก เขาวิ่งหนีจาก Ray มาเพียงเพราะมีคนแปลกหน้าเดินเข้ามาหา แล้วไปซ่อนตัวบนรถขนส่ง ทว่ารถที่เขาขึ้นนั้นดันเป็นคนละคันกับของ Alanna ซะงั้น โชคดีที่รู้ตัวทันและพยายามจะหนีออกมา แต่ตอนนั้นเองเขาก็บังเอิญได้เจอกับผู้หญิงชาว Cautus คนหนึ่งเข้าโดยบังเอิญ และบังเกิดกลายเป็นรักแรกพบกันซะงั้น
ตรงนี้ไม่ขอเล่ามาก เพราะสาระแทบไม่มี เอาเป็นว่าทั้งสองไปเที่ยวเล่นกันในเมืองกันพักใหญ่
กลับมาอีกครั้งก็พบว่า Jerry ตัดสินใจจะแต่งงานกับสาวคนนั้นเป็นที่เรียบร้อย
[Part 5]
ย้อนกลับมาในระหว่าง Jerry ออกไปเที่ยวเล่นเล็กน้อย
Ray ยืนคุยอยู่กับชายแปลกหน้าที่เข้ามาหา แล้วพบว่าเขาแค่มาโฆษณาโปรโมชั่นร้านของเขาเท่านั้น ตอนนั้นเอง Ray บังเอิญปรายตามองไปเห็นกระต่ายสาวผมสีน้ำตาลตัวเล็กคนหนึ่ง กำลังเดินมากับกระต่ายผมขาวและชายใส่ชุดคลุมทั้งหัวโดยบังเอิญ ซึ่งพวกเธอก็คือ Amiya กับ Savage และตัวเรา Doctor นั่นเอง
ตรงนี้ตามเนื้อหาบอกว่าตัว Doctor กับ Amiya เดินทางมายัง Rim Billiton เพื่อดูงาน + พา Amiya มาหวนรำลึกบ้านเกิดเท่านั้น จึงให้ Savage ที่เกิดและโตที่นี่มาเป็นไกด์นำทาง ซึ่งทั้งหมดก็เพื่อทำใจให้สงบก่อนที่จะเริ่มแผนการบุก Victoria ในอนาคต
ตัดมาทาง Alanna เธอได้พา Podlit มายังอาคารแห่งหนึ่ง โดยอ้างว่ามาหาคนรู้จักเพื่อขอข้อมูลและเส้นทางที่จะไป Grinning Valley ซึ่งคนรู้จักที่เธอว่าก็คือ Asbestos นักสำรวจชื่อดังของ Rim Billiton และเป็นหนึ่งใน RI Operator เธอได้รับคำเตือนว่า Grinning Valley ไม่ใช่สถานที่ที่จะเดินทางไปได้ง่ายๆ แถมมีการพยากรว่าอาจจะเกิดภัยพิบัติบริเวณใกล้ๆ นั้นด้วย
Asbestos ย้ำว่าอันตรายบ่อยครั้ง ทำเอา Alanna รู้สึกรำคาญ แต่ Asbestos ก็บอกว่านี่เป็นความเห็นของนักสำรวจมืออาชีพ ก่อนที่ Alanna จะขอตัวกลับมาเธอได้ถาม Asbestos เกี่ยวกับคำพูดบางอย่างที่เธอได้ยินมา ประกอบด้วยคำ 3 คำคือ Ray of light, Shadows as tall as mountain และ Talks
Asbestos ได้ยินเช่นนั้นก็แก้คำสุดท้ายเป็น Feranmut ในภาษา Sargonian
แน่นอนว่านั่นทำเอา Alanna สงสัยว่ามันคืออะไร แต่ Asbestos บอกไปว่าอย่าได้ใส่ใจ เพราะเธอเองก็อธิบายที่มาของคำๆ นั้นไม่ได้เช่นกัน และย้ำเตือนอีกครั้งว่าสถานที่ที่พวกเธอจะไปนั้นอันตราย ขอให้ระวังตัวเอาไว้ ก่อนที่พวกเธอจะมุ่งหน้ากลับไปยังรถโดยสารเพื่อเตรียมเดินทางต่อ
พอกลับมาก็พบว่า Jerry มารออยู่แล้ว แล้วบอกว่าเขาจะไม่ไปด้วย แถมยังส่งจดหมายเชิญไปงานแต่งงานกับสาวคนใหม่ที่เขาได้พบอีก ทำเอา Alanna กับ Ray นี่ถึงกับงง แต่ไม่นานนักพวกเธอก็เตรียมออกเดินทางต่อ ทว่าตอนนั้นเองที่ Podlit เริ่มแสดงอาการไม่ดี และล้มป่วยลงก่อนจะพาไปนอนที่ห้องเครื่อง
[Part 6]
ตัดมาทางพวก Rhode Island Savage กำลังเตรียมตัวพา Amiya กับ Doctor เดินทางกันต่อ โดยตั้งใจจะตามรอยความทรงจำของ Amiya ตามที่ขอ แต่ในระหว่างที่กำลังจะไปนั่นเอง ก็พบว่านอกเมืองมีรถโดยคันหนึ่งกำลังเกิดควันโขมงลอยขึ้นมาสะดุดตา พวกเธอจึงรีบมุ่งหน้าเข้าไปตรวจสอบดูเพราะคิดว่าอาจจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นก็ได้
ครั้นพอไปถึงก็พบว่านั่นคือรถของ Alanna ที่กำลังเจอวิกฤต เพราะโรค Oripathy ของ Podlit เกิดกำเริบขึ้นมาจนควบคุมไม่ได้ Art ของ Podlit สามารถทำให้อุณหภูมิรอบๆ สูงขึ้น ซึ่งเป็นอันตรายทั้งตัวเธอและคนรอบข้าง เธอจึงใช้วิธีแบบบ้านๆ ที่เคยรู้มาอย่างการมัด Podlit เอาไว้กับหม้อน้ำหวังให้เธอเย็นลงโดยมี Ray คอยดูแลอย่างห่างๆ ห่วงๆ ส่วน Alanna ก็พยายามกันไม่ให้พวก RI เข้ามายุ่ง
Alanna พยายามเฉไฉว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่ RI ต้องมายุ่ง แต่ตอนนั้นหม้อน้ำก็ทนอุณภหูมิไม่ไหวแล้วเกิดระเบิดขึ้น ทำให้เธอกลบเรื่องไม่มิดแล้ว Ray เองก็โดนลูกหลงจนออกมาในสภาพโชกเลือด แถมยารักษาก็ไม่มี จนไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่านี่คือสถานการณ์วิกฤต
ทว่าคนที่ยื่นมือเข้ามาช่วยในสถานการณ์นี้ก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็น Doctor ตัวเรานั่นเอง
หลังจากได้รับยา + Amiya ช่วยใช้ Art กล่อม Podlit ก็มีอาการดีขึ้นตามลำดับ Savage จึงถือโอกาสถามว่าพวก Alanna มาทำอะไรในที่แบบนี้ คงไม่ใช่มาปลูกต้น Bottletree กันหรอกนะ? ตอนนั้นเองที่ Podlit ตื่นขึ้นมาพอดีแล้วบอกว่าพวกเธอกำลังตามหา Feranmut อยู่ และเธอรู้สึกเหมือนกับเห็นแสงสว่างนำทาง พร้อมมีอะไรใหญ่ๆ กำลังเรียกหาอยู่ตอนที่เธอหลับ ทำเอา Ray ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับนิ่งไปด้วยความอึ้ง
เพราะที่ Potlid พูดมานั้น คือสิ่งเดียวกับที่เธอได้รับรู้มาก่อนหน้า
และเป็นเหตุทำให้เธอปล้นรถและออกเดินทางมานั่นเอง
หลังจากนี้จะเหมือนเป็นบท Filler ไม่มีอะไรมากนอกจากคุยกัน + รำลึกความหลังเกี่ยวกับ Amiya ตอนเด็กที่เพิ่งถูกพาขึ้น RI มา พร้อมกับเล่าเหตุการณ์ช่วง Cage Incident ที่ Rim Billiton ได้ประกาศเอกราช ส่วนใหญ่เป็นรายละเอียดยิบย่อย ฉะนั้นก็ขอข้ามไปเลยก็แล้ว
[Part 7]
ตรงนี้ Ray เล่าความเป็นมาของตัวเองในอดีต ว่าก่อนหน้านี้เธอคือ Pitsinker ผู้ตรวจสอบเหมืองเอกชน ที่จะเข้าเหมืองไปกำจัดสัตว์รบกวนกันตรวจสอบอันตรายตามคำว่าจ้างร่วมกับ Sandbeast สัตว์คู่หูของเธอ ซึ่งภารกิจนั้นเองทำให้ Sandbeast เกิดบาดเจ็บระหว่างทำงาน Ray จึงได้พยายามพาตัวเองหลบหนีออกมาจากเหมืองนั่นโดยอุ้มเจ้า Sandbeast เอาไว้ด้วย
แต่เพราะเส้นทางมันซับซ้อน + ไม่มีการนำทางทำให้เธอหลงทาง แย่กว่านั้นคือมีแผ่นดินไหวและภัยพิบัติถล่มซ้ำอีก แต่ตอนนั้นเอง Ray ได้รู้สึกเหมือนกับเห็นแสงสว่างบางอย่างกำลังนำทางเธอไปยังทางออก จนทำให้เธอสามารถหลบหนีออกมาจากเหมืองได้สำเร็จอย่างเฉียดฉิว
หลังจบเรื่องนี้ทำให้ Ray ไม่สามารถทำงานเป็น Pitsinker ต่อได้ แถมบริษัทยังปัดความรับผิดชอบเบี้ยวค่าจ้างด้วย แม้ Ray จะพยายามจะหาทางรักษามัน แต่เพราะเดิมทีมันไม่ใช่สัตว์เลี้ยงจึงไม่มีใครที่จะรักษาได้เลย เธอจึงได้แต่งกังวลว่ามันจะเป็นอะไรไปเท่านั้น
แต่ตอนนั้นอยู่ๆ เธอก็ได้ยินเสียงของเจ้า Sandbeast คุยกับเธอเป็นครั้งแรก
และมันก็คุยกับเธอมาตลอดจวบจนทุกวันนี้
ตัดกลับมา ณ ปัจจุบัน หลังจากพวก Alanna เดินทางกันต่อ เจ้า Sandbeast ดูเหมือนจะชอบเสื้อ Hood ของ Doctor เป็นพิเศษ มันถึงได้ไปเกาะอยู่บนหัวของเรา จนเดือดร้อน Amiya ที่ต้องพยายามดึงมันออกมา Ray ที่เคลมว่าตัวเองเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน Sandbeast ยังประหลาดใจว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น
ตอนนั้นเอง Alanna เรียก Ray ไปดูพวก Sandbeast ที่ขวางทางรถอยู่ และพบว่านี่เป็นรังของพวกนั่นเอง ทำเอา Ray ที่ทนเห็นความตะมุมตะมิมของพวกมันอดไม่ได้ที่จะลงไปน้วย แต่ระหว่างนั้นตัว Doctor ก็ได้สังเกตเห็นถึงสภาพอากาศเริ่มผิดปกติ จึงได้รีบแจ้งให้ทุกคนกลับขึ้นรถ เพราะรู้ว่ากำลังจะเกิดภัยพิบัติขึ้นจึงแนะนำให้รีบหนีออกจากสถานที่แห่งนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ทว่าพอรถล้อหมุนออกไปนั้นเอง...
ก็พบว่า Ray ไม่ได้อยู่บนรถซะงั้น!?
Ray ไม่ขึ้นรถมากับเขาด้วย แต่เลือกที่จะพยายามพา Sandbeast ในรังนั้นหนีจากภัยพิบัติ แต่นั่นก็หมายความว่าเธอก็จะโดยภัยพิบัติเล่นงานไปด้วยเต็มๆ ในขณะที่พวก Sandbeast สามารถขุดดินหลบลงไปได้ กว่าจะรู้ตัวว่าที่ทำลงไปนั้นไม่มีประโยชน์ก็ช้าไปซะแล้ว (สมองกลวงแท้)
แต่ในช่วงวิกฤตนั้นเองพวก Sandbeast ก็ได้มารวมตัวกันทำอะไรบางอย่าง แล้วนำทาง Ray ไปหลบในถ้ำแห่งหนึ่ง Ray รู้สึกคุ้นเคยกับถ้ำแห่งนี้เหมือนเคยได้เห็นในความฝันมาก่อน เธอจึงเลือกที่จะเดินตรงเข้าไปข้างในแทนที่จะรออยู่ตรงทางเข้า
ครั้นพอไปถึงก็ดันพบกับทางตันซะงั้น แต่ด้วยสัญชาตญาณเธอบอกว่าอาจจะไปต่อได้ จึงได้หยิบอุปกรณ์ขึ้นมาหวังจะขุดผนังไปต่อ แต่ตอนที่ลงมือนั่นเองก็พบว่ามีเสียงทุ้มต่ำดังสนั่นขึ้นมา พร้อมกับแรงสั่นสะเทือนอยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะเผยให้เห็นดวงตาสีฟ้าใสราวคริสตัลปรากฎขึ้นตรงหน้า
ด้วยความหัวกลวง Ray คิดว่านั่นคือ Sandbeast แต่พอลองคุยด้วยไปซักระยะแล้วก็พบว่ามันคือ Feranmut ที่เธอตามหาอยู่ทำเอาเจ้าสัตว์ยักษ์นั่นงงว่าทำไม Ray บอกว่าเธอจำลักษณะของมันที่เคยปรากฎให้ได้และคิดว่าเป็นตัวเดียวกัน และตอนนี้เธออยากจะมาขอบคุณที่ช่วยให้เธอรอดจากวิกฤตในเหมืองนั่น เธอจึงพยายามเดินทางและตามหามันมาตลอด
แต่แทนที่เรื่องจะลงเอยด้วยดี เจ้า Feranmut นั้นกลับไม่รู้ว่าเธอพูดถึงเรื่องอะไร เพราะตามเทคนิคแล้วมันจำศีลอยู่ที่นี่ตลอด ไม่สามารถขยับร่างกายไปไหนได้ จึงสันนิฐานว่าจะเป็น Feranmut คนละตัวกัน
แต่มันก็เปรยมาว่าใน Rim Billiton นี้ก็ไม่น่าจะมี Feranmut ตัวอื่นหลงเหลืออยู่ ต่างฝ่ายต่างจึงได้แต่งงว่ามันเป็นยังไงกันแน่ ทำเอา Ray พยายามที่จะหาคำตอบ
แต่ด้วยความรำคาญ + ความง่วง ท้ายที่สุดแล้วเจ้า Feranmut จึงไล่เธอออกมาแล้วนอนต่อ
ทิ้งให้ Ray และพวกเราที่ยังไม่ได้คำตอบได้แต่งงกันต่อไปว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
[Part 8]
วันเวลาผ่านไปเท่าไรก็ไม่ทราบ Alanna ได้งานใหม่เป็นที่เรียบร้อยและกำลังคุยกับ Jerry ถามสารทุกข์สุกดิบก่อนจะชวนเขามาลงทุนด้วย โดยอ้างว่าจะเอาไป Upgrade รถให้ดีขึ้น ก่อนจะตรงไปรับ Podlit ที่สถานพยาบาลของ RI ซึ่งทาง Podlit เองนอกจากได้รับการรักษาแล้ว ยังได้รับการฝึกฝนให้ใช้ Art อย่างปลอดภัย จนตอนนี้อาการ Oripathy ไม่กำเริบแล้วด้วย
ตรงนี้ลืมเล่าเลยว่า Podlit เดิมทีเป็นเด็กที่ถูกพ่อทิ้งเอาไว้บนรถจน Alanna ต้องรับมาดูแล แต่เธอยังมีความหวังว่าซักวันจะได้เจอพ่อของเธออีกที แม้จะเศร้าแค่ไหนเธอก็จะฝืนยิ้มมาตลอดเพื่อให้พ่อจำได้ ครั้นพอรักษาอาการติดเชื้อแล้ว Alanna ก็ปลอบเชิงประมาณว่า พ่อของเธอคงดีใจถ้าได้เห็นเธอควบคุม Art ได้เก่งขึ้น ทำเอาแม่กระต่ายตัวน้อยน้ำตาคลอ แล้วเข้าไปกอด Alanna กันเลยทีเดียว
ตัดมาทาง Amiya และ Doctor ที่ทั้งคู่ได้กลับมายัง RI แล้วเป็นที่เรียบร้อย หลังจากส่งรายงาน Amiya ก็เอาของขวัญให้ Doctor ในฐานะของดูต่างจากหน้า Rim Billiton ก่อนจะตั้งมั่นว่าเธอจะช่วย Victoria จากวิกฤตให้ได้ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่า Ray ได้รับการบรรจุเป็น Operator ของ RI อย่างเป็นทางการแล้ว จึงอยากจะไปแสดงความยินดีด้วย
แต่ก็ไม่วาย Doctor โดนเจ้า Sandbeast แทะหัวอีกรอบ ก่อน Ray จะมาอุ้มมันไป
Ray บอกว่าดีใจมากที่ได้ทำงานมั่นคงซะที เพราะก่อนหน้านี้แม้แต่บัตรประจำตัวก็ไม่มี ตอนนั้นเอง Amiya ถามเชิงสัมภาษณ์ว่าทำไม Ray ถึงได้เลือกมาทำงานกับ RI ก่อนเธอจะตอบว่าเพราะ RI ช่วย Podlit ที่เป็นผู้ติดเชื้อ และเธอเองก็จะทำแบบนั้นเหมือนกันจึงเข้าร่วมกับ RI นอกจากนี้เธอยังอยากรู้ด้วยว่าผลลัพธ์จะออกมายังไง เพราะก่อนจะจากเจ้า Feranmut มาเธอขอพรว่าอยากหาสถานที่ปลอดภัยให้ตัวเธอและ Sandbeast ซึ่ง RI เองก็เป็นสถานที่ลงตัวไม่เลว
[Part 9]
จบไปแล้วสำหรับสรุปเนื้อหาอีเว้นท์นี้ ก็อย่างที่บอกไปตอนแรกเลยว่าช่วงแรกเนื้อหาเข้าใจไม่ยากอะไร หลักๆ ก็คือ Ray ปล้นรถเพื่อเดินทางไปหา Feranmut แล้วบังเอิญมาเจอกับพวกเราเท่านั้น แต่ตอนที่เจอ Feranmut นี่ล่ะที่ไม่เข้าใจเลยว่าเรื่องมันพยายามจะสื่ออะไร หรือทิ้งปมอะไรเอาไว้ให้กันแน่
ส่วนเซ็ตติ้งของ Rim Billiton เองก็ยังค่อนข้างตื้นเขนไปหน่อย คาดว่าน่าจะเก็บเอาไว้เล่าให้ลึกลงในอนาคตมากกว่า เพราะเนื้อหาที่เปิดออกมาก็ล้วนแต่เป็นสิ่งที่เราๆ รู้แล้วกันทั้งนั้น ทั้งเรื่องกีดกันผู้ติดเชื้อ (ปกติของเนื้อหาช่วงปี 1097-1098) เรื่องที่เป็นนิคมทำเหมือง และเรื่องที่เป็นดินแดนแห้งแล้งนี้
เนื่องจากข้อมูลค่อนข้างน้อย เนื้อหาสรุปอีเว้นท์นี้จึงอาจชวนงงหน่อย แถมน่าจะมีเนื้อหาตกหล่นไปเยอะด้วย จึงขออภัยที่ไม่สามารถสรุปออกมาได้เต็มที่เอาไว้ ณ ที่นี้ก็แล้วกัน
ปล. Podlit ในเรื่องน่ารักม๊ากกกกก แต่ไขไปหลายโรลแล้วน้องไม่ออก!!!
อ้ออีกอย่างอย่าลืมว่ามู้ใกล้หมดแล้ว เริ่มคิดชื่อมู้ต่อไปได้แล้วนะ~
ขอบคุณโม่งที่มาสรุปให้อ่านอีกแล้ว
[Arknights] ARCLIGHT, a fan group, released a 2-hour-long fan-made Lone Trail movie
https://www.reddit.com/r/arknights/comments/1e3u3yf/
ขอบคุณโม่งสรุป I kneel, ปล. เรย์นี่แม่งเรฟูจีชัดๆ
55555+ หังเราะอย่างบ้าคลั่ง
https://x.com/Sciel12/status/1812747393013833854?t=QJEIQuSxr1g-x7-M3gh6yg&s=19
หยังวะ IS5 ลุง Patriots กลายเป็น Apostolic Knight เฉย ถถถ
อ้าวมาแปลกว่ะเซิฟ Global คราวนี้ อีเว้นท์รีรันมาก่อนอีเว้นท์ลิมิตซะงั้น
เพลงakซื้อในiTunesของiosได้นะ 塞壬唱片-MSR
https://youtu.be/1DCMbyj7i8E?si=R3qiCkYB0lkR6ADo แพททริออทร่างใหม่ออกมาล้างแค้นที่โดนบุลลี่สินะ
อส. มังงะ 4 ช่องออฟิเชียลแม่งบุลลี่ Tin man
Tin man เวลาไปทำงานในสถานที่ร้อนๆ แบบ Sargon จะอุณหภูมิบนผิวสูงมากจนไม่มีใครกล้าโจมตี แต่ในขณะเดียวกันกลิ่นตัวก็จะคล้ายๆ Originium Slug โดนย่างเช่นกัน และหัวพี่แกก็สะท้อนแสงดีมาก ถึงกับสามารถใช้เป็นสัญญาขอความช่วยเหลือได้ ถถถถถถ
https://x.com/ImMikeLawson/status/1813474968682000785?t=Uw2ApLMZUW0Zad69BFGTKw&s=19
คนแปลใน discord เท ak ไปแล้วเพราะเกมน้ำเยอะเกิน
ใช่คนเดียวกับในโม่งไหม อันที่จริงตามอ่านแต่ในนี้จนเพิ่งรู้ข้างนอกก็มี
>>962 มึงจะบอกว่าไร้สาระมันเกินไปหน่อย เนื้อเรื่องช่วงนี้ออกมาพีกๆซะเยอะตั้งแต่ 5 ปีละแม่งเล่าหลายอย่างที่สาย Lore สงสัยมาเยอะโคตร โดยเฉพาะบท 14 อะไรมาน้ำก่อน
เหมือนที่กูบอกไปว่าคอมมูมันไม่เอื้อ ถ้าให้พูดตรงๆคอมมูที่แกเป็นเจ้าของมันไม่ค่อยถูกใจแกสักเท่าไหรอ่ะและก็ปัญหาส่วนตัวหลายๆอย่าง แค่นั้น
>>964 ไม่ถึงกับพีคอะ มันก็เล่าอดีตปกตินี่แหละ ที่เหลือ ยัดใส่หนังสือเอาไว้เป็นนิยายให้อ่านเล่นแก้เซ็ง แต่รวมๆ น่าเบื่อ >>963 เป็นเนื้อเรื่องที่กูลองอ่านไปสักพักแล้ว เวิ่นเว้อมาก เหมือนเกมอื่นที่คิดอะไรไม่ออกขึ้นไปตีกับเทพ ก็กลับพล็อตเป็นอดีตตัวเองกับโลกปีศาจ ตีกันไปตีกันมา เอาจริงๆ ถ้านับตัวอักษรถ้ามึงอ่านๆไปมันจะเหมือนนำเสนอว่า setting มันเป็นแบบนี้ อันนี้คืออะไร อธิบายมาหนึ่งเล่มหนังสือ คนที่ชอบแบบนี้ก็มีอยู่ อ่านจบมึงกระดกแว่นได้ แต่เนื้อเรื่องจริงๆ A4 แผ่นเดียว กูเลยกล้าบอกว่าแม่งมีแต่น้ำ แต่คนก็ชอบ
เนื้อเรื่องis5สำหรับกูน่าสนใจจัดเลยนะ
เท่าที่กุเห็นคนที่บอกมีแต่น้ำนี่คือสายสคิปล้วนๆ หลังๆเลยไม่ได้ให้ค่าความเห็นอะไรกับพวกนี้แล้ว
>>967 คือกูมองว่าของแต่ละอย่างไม่ได้เอี่ยวกับเนื้อเรื่องขนาดนั้นไง มันน่าสนใจในตัวมันเอง แต่ทำเนื้อเรื่องไม่เดิน กูก็เลยว่า มันคือน้ำไง อ่านแต่ละอย่างมาประกอบกัน ยกเอาแค่ IS เนี่ยของแต่ละอย่าง เหตุการณ์แต่ละเรื่องมันมีที่มาที่น่าสนใจแต่กลับไม่ต่างจากโปสเตอร์ข้างทาง เนื้อเรื่องจริงๆตรงดิ่งเป๊ะๆ
Lone Trail นี่เทพจริง เสียอย่างเดียวคริสเตนที่กูนึกว่าจะมาดามใจกับซาเรียแล้วมาทำงานให้โร้ดส์ด้วยกัน(ลงตู้กาชา) แม่งดันชิ่งไปนอกอวกาศแล้ว แถมไปแบบไม่มีตั๋วขากลับด้วย กูต้องไปหวังคนเจอซากโลงศพแบบดิโอในภาคเอนด์ฟิลด์แทนเผื่อจะฟื้นมาเป็นตัวให่เล่นได้
เดี๋ยวลูกพี่เจสจะมาดามใจซาเรียให้เอง
เออจะน้ำก็น้ำ เอาที่มึงสบายใจละกัน แต่มึงจะมาหาว่าคนแปลเลิกเพราะน้ำเยอะอันนี้ไม่ใช่ละ
>>976 มีส่วนไม่ใช่ทั้งหมดไอ้ห่า กูต้องพูดใช่มั้ยว่าเกมเหี้ยนี่ดีไม่มีน้ำเลย มีแต่ lore ทั้งนั้น โฆษณาที่ทำมาก็อยู่ใน lore เหมือนกัน ส่วนคนแปลก็แปล lone trail เป็นปึกๆก็ยังชิวๆอยู่ หลังๆจะทำแบบนี้ คอมมูมันไม่ค่อยอ่านด้วยจะเลิกก็ไม่แปลก ใครจะไปอ่านน้ำที่ความยาวระดับสารานุกรมกันบ้าง ต้องถามใครแม่งอ่านสารานุกรมดีกว่า อ่านแต่นิยาย ถึงจะเป็นเกม แต่ทำออกมาแนวนี้ น้อยคนที่จะอ่าน คนไปดู cutscene ยังเข้าใจมากกว่า
กูโม่งสรุป เขียนสรุปลงที่นี่ยังขอยืนยันเลยว่าบางอีเว้นท์น้ำเยอะเดินไปเช่นกัน อย่างอีเว้นท์ล่าสุดของ Ray งี้ใส่เนื้อหาของJerry มาทำไมก็ไม่รู้ ไม่มีอิมแพคกับเนื้อเรื่องไม่พอ ไม่มีสาระอะไรเลยด้วย orz
อย่างพวกอีเว้นท์ใหญ่แบบ Lonetrail หรือ I’ll Siracusa นี่คือเขียนมาดีนะ เรียกว่าเนื้อหารวบรัดด้วย เพราะบทสำคัญเกือบหมด แต่อย่าง Ch13 นี่กูส่ายหน้าที่จะแปลเลย เพราะน้ำล้วนๆ ทุกวันนี้ยังอ่านไม่จบ
ทุกวันนี้เขียนสรุปออกมาต้อง Research หลายแหล่งมาก ทั้งจากบทพูดเกม จากเพจ storylog และตีความเองอีก ซึ่งกูก็ไม่ใช่นักแปลด้วย แต่เป็นนักเขียนที่พออ่าน eng ได้ เลยได้แค่สรุปเนื้อหาออกมาตามความรู้สึกเข้าใจตัวเองนั่นล่ะ
แต่เนื้อหา Is5 แม่งบันเทิงดีแฮะ สรุปคือแม่งราวๆ เล่าเรื่องผีเพื่อเรียกเหล่า Revenant ม่รวมตัวกัน แต่สุดท้ายโดน Lich king จับได้พิธีเลยล่ม ถถถถถ
หมาแม่งขาดยาอีกแล้วเรอะ เกมมันใครๆก็รู้ว่าน้ำเยอะ คนแปลลงโม่งยังบอกเลยว่าน้ำเยอะ ยังมาอวยอะไรเกินเบอร์อีกแล้ว
>>977 ตามนั้น ขนาดพวกญี่ปุ่นผู้ริเริ่ม VN นิยาย มันยังต้องออกนิยายที่กระชับลงแถมมีชื่อแนวให้อีกว่า Light Novel เพราะหลายๆคนสมัยนี้ไม่อ่านนิยายเป็นปึก
ยิ่งยัดมาในเกมคนอ่านก็ยิ่งน้อยลง ลองเทียบเกมมือถือดู เกมยุคก่อน 2020 เนื้อหายาวเป็น VN แบบ AK FGO เทียบกับเกมยุคนี้อย่าง BA ที่ใครๆก็บอกไม่เฟ้อกระชับดี หรือเบนซิน Star Rail ที่เน้นเล่าเรื่องด้วยอนิเมชั่น cutscene แทนละ ตอนนี้เกมกาชาแบบ VN มันแทบไม่มีแล้วเพราะกลุ่มลูกค้านอร์มี่ไปเสพแนวเนื้อหากระชับๆนี่แหละ
แปลเนื้อหา ak แบบไม่เอาอรรถรสครบนี่มึงต้องมีแรงกายกับใจรักโคตรๆเลยนะ มันคือแปลนิยายเป็นเล่มดีๆนี่เอง กุเข้าใจอยู่ว่าทำไมแฟนๆทำกันเองไม่ไหว
ส่วนหนึ่งที่เลิกเรื่องที่จะตาม cn ให้ทันก็น่าจะเพราะเรื่องแปลนี่แหละ
ตัดสินยังไงว่าอะไรน้ำไม่น้ำวะใครเมื่อเดี๊ยวแม่งก็แอบหยิบมาเป็นประเด็นทีหลัง
กิจกรานิกุญแจเลือดก็เหมือนน้ำในสมัยของตัวมันเองแต่ตอนนี้กลายเป็นของสำคัญของกิจปลา
อดีตกรานิก็เหมือนจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับนักรบบ้าฆ่าทะเล
น้ำจากกิจมาเรียก็ไปๆมาๆกลายเป็นอีมาเรียนี่แหละมีสายเลือดนักรบเลือดทอง
https://x.com/AK_CN_Shitpost/status/1814252607314993514?t=ffvHtyUo12C3BHb6cc1D8w&s=19
ชิบหายแล้ว ak จ้างบริษัททำเกมเชิดชูคนดำฆ่ายุ่น มาช่วยทำ endfield
ได้เล่นพฤษภาปีหน้า
นานค่ต
สู้จะหมดแล้ว คิดชื่อมู้ด้วยยยยย
เอาเกี่ยวกับ shu ปะตู้จะมาละ
เอาเกี่ยวกับshuปะตู้จะมาละ
【アークナイツ】Arknights มู้ที่ 24 ตู้แมงสาบขี้โกงทำตู้มังกรเงียบกริบ กับ อาคไนท์เป็นเกมที่เนื้อเรื่องมีแต่น้ำเนื้อหายไปไหน? Feat อีหล่าที่โครตเงียบกับตู้ลูกกระจ๊อกอีกสองสามตู้
อีหล่ามันไม่เก่งเนอะ?
เอาจริงถามว่า AK น้ำเยอะมั้ย ก็คงไม่เชิงนะ เรื่องมันก็พยายามเล่าให้อยู่ในขอบเขตแล้วโยงเข้าเรื่องในที่สุดอยู่ดี
จะติดก็แค่บทสนทนาแม่งโคตรเยอะนี่ล่ะ แล้วกว่าจะเล่าจบคือโคตรยาวจนขี้เกียจอ่าน
【アークナイツ】Arknights มู้ที่ 24 กับช่วงเวลาที่โหดร้ายกับกระเป๋าตังที่สุด เริ่มด้วยแม่นางดีเจน ตามด้วยทุ่งข้าวป้าชูตบด้วยอีหล่าแล้วปิดด้วยอี
ดับบลิวสุดโกง เอาให้ตายกันไปข้าง
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.