>>175 MGS3 เป็นเกมที่กูกว่าจะชินการบังคับได้ใช้เวลาไปเกินครึ่งเกม
จุดเด่นของเกมนี้ไม่ใช่การบังคับที่ไหลลื่น กันเพลย์สุดมัน ลอบเล้นสุดเจ๋ง หรือเนื้อเรื่องจูนิเบียวอลังการสุด Weeb
แต่จุดเด่นจริงๆคือการใส่กิมมิคของเกมที่ยุคนั้นคนยังไม่ค่อยทำกันมากกว่า
เหมือนมึงลองคิดว่าจะทำแบบนี้ดู เกมก็ดันใส่ให้ทำมาได้จริงๆมันเลยรู้สึกว้าวในตอนนั้น
หรือการตัดสินใจอะไรบางอย่างในเกมที่ไม่ได้คิดอะไรมาก แล้วดันเสือกมีผลขึ้นมาอะไรแบบนี้
พูดถึงเกมไทยกูว่าจะหาคนคิดอะไรแบบนี้ได้เองตั้งแต่ต้นแม่งยากว่ะ
คนทำเกมไทยส่วนใหญ่คือคนที่ชอบเล่นเกมมาก่อน เลยอยากทำเกม แต่ไม่มีปัญญาทำเกมให้สนุกออกมาได้
บางคนพอเริ่มเรียนเริ่มทำงานเขียนเกมก็ไม่ค่อยได้เล่นเกมแล้ว ความรู้ที่ตัวเองมีเกี่ยวกับเกมจริงๆคือเกมโบราณสมัยก่อน
แนวความคิดว่าเจ๋งในยุคนั้น บางทีมันก็ตกยุคไปแล้ว ดูอย่างดาบเวลาได้ เกมแบบนี้ออกมาในยุค ps2 ยังไม่รู้จะมีคนเล่นหรือเปล่าเลย
กูเข้าใจว่าคนทำดาบเวลาคงได้แรงบันดาลใจจาก symphony of the night มาแล้วใส่ความเป็นตัวเองลงไป
แต่อย่าลืมว่าเกมนั้นเป็นอะไรที่ขึ้นหิ้งไปแล้ว โดยที่เกมแนวเดียวกันยุคใหม่ๆยังไม่สามารถผ่านกำแพงตัวเองไปได้เลย
ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงภาคใหม่ๆ หรือเกมรอยเลือดมันแย่กว่านะ มันคือเกมที่รักษามาตรฐานตัวเองได้ดีแต่ไม่สามารถยกระดับความสนุกไปอีกขั้นได้อีกแล้ว
แต่ในทางกลับกันเกมดาบเวลาที่ทำเกมแนวเดียวกัน ยังไม่สามารถทำเกมได้ถึงมาตรฐานพวกนั้นที่ออกมาก่อน 10-20 ปีได้
สุดท้ายแล้วกูเห็นด้วยกับโม่งข้างบนบางข้อนะ โดยเฉพาะเรื่อง Ego คนทำเกม
อันนี้ไม่ใช่ปัญหาเฉพาะ Dev ไทยนะ Dev ยุ่นหลายๆคนพอออกมาทำเองก็เละเพราะ Ego ตัวเองนี่แหละ
ดูอย่างแว่นดำที่ทำเกม Ninja Gaiden ก็ได้ ว่าเกมสุดท้ายที่ออกมาสภาพเป็นไง
บางคนทำเกมมานาน ยิ่งทำนาน Ego ยิ่งสูง เริ่มไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ไม่สนโลกว่าวงการเกมไปถึงไหนแล้ว
ลืมความรู้สึกว่าทำไมถึงยากทำเกมสมัยตอนแรกๆไป แล้วยัด Ego ของตัวเองลงไปในชิ้นงาน
อันนี้ไม่ใช่สิ่งไม่ดีนะ คนที่ทำแบบนี้แล้วยังพอไปรอดในวงการนี้อยู่ก็ยังมี
แต่พวกนั้นคือระดับเทพ หรือเป็นพวกที่ไม่หยุดที่จะเรียนรู้สิ่งต่างๆบนโลก
เหมือนโคจิม่าที่ชอบดูหนัง (หนังไทยอย่างฉลาดเกมโกงเฮียแกยังดูเลย)
แล้วที่โม่งพูดถึง Academic ทั่วไปมาใส่ในเกม มึงลองคิดดูว่ามี Dev ไทยสักกี่คนที่ศึกษาอะไรพวกนี้แล้วเอามาปรับใช้ในเกมได้