>>355 ทฤษฎีมึงโหวงเกินไปหาจุดแย้งลำบาก แต่ถ้าอยากได้แค่แย้งเดี๋ยวจะแย้งให้
ซาเทร่าเคยเรียกสุบารุด้วยชื่ออยู่ ตอนแม่มดแห่งความริษยาโผล่มานั่นไง "สุบารุคุง" จนโดนบักสุด่าว่า"มึงไม่มีสิทธิ" ในตอนหลังซาเทร่าพูดเหมือนรู้ว่าสุบารุต้องทรมานเท่าไหร่เพื่อมาถึงจุดนี้ ดังนั้นสามารถอนุมานได้ว่าซาเทร่ามีความทรงจำในลูปที่ผ่านมา แต่แม่มดแห่งความริษยาไม่มี(ดังนั้นจึงไม่ตามบักสุมาในลูปใหม่ ทั้งที่ลูปก่อนจ้องจะเอาให้ได้) ดัวยเหตุนี้เองในลูปใหม่ซาเทร่าเลยไม่เรียกบักสุด้วยชื่ออีก
เอคิดน่าแสวงหาหนทางเป็นอมตะด้วยภูมิความรู้ที่สูงขนาดสร้างระบบทำนายอนาคตความแม่นยำสูงได้ แต่กลับไม่สามารถสร้างภาชนะเฉพาะให้บรรจุวิญญาณแม่มด(หรือความทรงจำ)ลงไปได้ อย่างมากก็ได้แค่เศษเสี้ยว ซึ่งแค่เศษเสี้ยวนี้เทียบกับรอสวาลที่เป็นจอมเวทอัจฉริยะกลับสามารถใช้วิธีคล้ายกัน แต่เป็นการนำวิญญาณไปชิงร่างติดกันมาได้ 400 ปีโดยไม่พลาด แสดงว่าภาระวิญญาณแม่มดคงมากยิ่งกว่ามาก ฉะนั้นการบอกว่าซาเทร่าสามารถทำได้มันก็ดูเลื่อนลอยไปหน่อย(ที่จริงคือไม่มีวี่แววว่าเอมิเลียมีอะไรเหมือนซาเทร่าเลยด้วย ยกเว้นร่างกายอะนะ)
ในกรณีนี้มันน่าคิดอีกอย่างว่าทำไมเอคิดน่าถึงไม่ลองโคลนตัวเอง แต่กลับสร้าง "เอคิดน่า" ที่เป็นวิญญาณเทียมขึ้นมาแทน อาจหมายความว่าแม่มดไม่ใช่แค่มีวิญญาณที่พิเศษ แต่ยังมีร่างกายที่พิเศษในระดับที่ต่อให้เป็นเอคิดน่าซึ่ง(อาจจะ)กากที่สุดในหมู่แม่มดก็ยังโคลนไม่ได้ ซึ่งหากคิดในแง่นี้ โอกาสที่เอมิเลียจะเป็นร่างโคลนของซาเทร่าก็จะต่ำลงไปอีก
ถ้าคิดในแง่แบ่งวิญญาณมาเกิดใหม่ ถ้าหากการทำแบบนั้นจะทำให้ได้ร่างแม่มดที่เหมาะสมกับวิญญาณแม่มด มันก็น่าสงสัยว่าทำไมเอคิดน่าไม่ลองทำ ทำไมรั้นจะสร้างร่างอื่นมารองรับอยู่ตลอด ในส่วนนี้กูคิดว่าเพราะมันเป็นไปไม่ได้ จากคำบอกเล่าแม่มดคือตัวตนอันผิดปกติตั้งแต่กำเนิด ผิดเพื้ยนตั้งแต่รากฐาน ดังนั้นการจำลองความผิดปกตินี้ให้ซ้ำรอยเดิมทั้งหมดคงยากระดับฝันเอาง่ายกว่าเยอะ และถ้าทำได้จริง เอคิดน่าที่มีเสี้ยววิญญาณเพื่อนๆอยู่คงลองไปแล้ว(อันนี้ไม่แน่ใจว่ามีจริงไหม เหมือนจำได้ลางๆว่าที่จริงคือสร้างจากความทรงจำ)
>>362 ไอ้โกงๆที่ว่าไม่ได้รับประกันว่าจะไม่ตายไง โกงขนาดไรน์ฮาร์ทยังตายได้เลย (ถึงจะมีสกิลตายฟื้นก็เถอะ)
>>363 เผินๆคือบอกว่าอย่ามาทำตัวน่าสงสาร ที่จริงคือบอกว่าอย่าคิดเองเออเองเมินความจริงไปคิดว่าทำร้ายตัวเองแล้วคนที่จะเจ็บมีแค่มึงคนเดียวต่างหาก มิเนอว่าช่วยคน1คนโดยที่รู้แก่ใจว่าจะทำให้มีคนตายมากยิ่งกว่า แม่มดทุกคนรู้ดีว่าสิ่งที่ทำไปจะมีผลร้ายอีกอย่าง แต่สุบารุทำเป็นไม่เห็นความผิดของตัวเองทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ บอกว่าทำแบบนี้แล้วคนที่เจ็บมีแค่ตัวเองคนเดียวทั้งที่รู้ว่าไม่ใช่ เอาเป็นข้ออ้างให้ทำร้ายตัวเองโดยไม่แยแสว่าคนอื่นเป็นห่วง กระทำโดยไม่ยอมรับว่ามีส่วนที่ผิด แถมเอาเฉพาะข้อดีมาพูดถึงอีก มันถึงโดนด่าไง
>>366 รักตัวเองมากกว่านี้มันก็บอกตามตัวแล้วนะ ตรงนี้ไม่ได้ชี้บอกว่าตายให้มันน้อยๆหน่อย หรือไปแกว่งตีนหาเสี้ยนน้อยๆหน่อย แต่เป็นให้ความสำคัญกับตัวเองมากกว่านี้ มองเห็นคุณค่าตัวเองมากกว่านี้ รับรู้หน่อยว่ามีคนที่เป็นห่วงอยู่
แล้วที่ให้พลังมาอย่างเดียวก็อาจเป็นเพราะขีดจำกัด อาจเหมือนพรประจำตัวที่ 1 คนมีได้แค่ 1 อย่าง(ถ้าไม่โกงแบบไรน์ฮาร์ท) ถ้าให้พลังอื่นมาแล้วพลัง "ตายแล้วกลับมา" ไม่ได้มาด้วย สุดท้ายคือตายไปจริงๆซะอีก ไอ้พลังนี้แหละทำให้รอดได้ของแท้
>>379 หลักๆคือริบไปเป็นค่าตอบแทนสำหรับการบอกปมของกาฟีล ส่วนนึงคงเพราะงอนด้วยแหละมั้ง และคงเพราะสุบารุประกาศชัดว่าจะไม่ร่วมมือด้วยอีกเลยริบแม่ง
คิดว่าเงื่อนไขเบื้องต้นในการเข้ารับบททดสอบได้คงจะเป็น "มีอดีตที่ติดค้างในใจ แต่ปล่อยมันไว้เพราะไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับมัน" แหละมั้ง เพราะเงื่อนไขในการผ่านบททดสอบแรกคือการหาข้อสรุปว่าจะเอายังไงกับอดีตที่ติดค้างนั้น จะ "ก้าวข้ามมัน" หรือ "ทิ้งมันไป" ก็ล้วนเป็นคำตอบ ถ้ายังครึ่งๆกลางๆอยู่จะผ่านบททดสอบไปไม่ได้ ถ้าผ่านอันแรกมาได้ก็คงไปต่อได้หมดแหละ มันดูไม่เจาะจงเท่าบททดสอบแรกด้วย
>>382 เงื่อนไขความอยากรู้มันคือบัตรผ่านเข้า"งานเลี้ยงน้ำชาของแม่มด" ไม่ใช่บัตรผ่านเข้า "บททดสอบ"
>>383 อนาคตที่เอามาแสดงให้เห็นน่าจะเป็นอนาคตที่มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเกิดขึ้นโดยอิงจากปัจจุบัน เอมิเลียถึงได้เห็นอนาคตหลายแบบ เพราะต่อให้ไม่มีพลังรีเซ็ตอนาคตมันก็ไม่แน่นอนอยู่แล้ว จะบอกว่ามันเปลี่ยนไปเรื่อยๆเพราะพลังรีเซ็ตก็แปลกๆ ไม่งั้นโพยของรอสวาลก็ต้องเปลี่ยนตามทุกครั้งไปแล้ว เพราะโพยใช้ระบบคำนวนเดียวกันกับบททดสอบ