Last posted
Total of 1000 posts
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>179 เทียนกวาน Part.131
.
.
.
.
.
หลังจากเซี่ยเหลียนกล่าวขอบคุณเทพแห่งฝนที่เคยให้ตนยืมหมวกนำน้ำไปสร้างฝนที่หย่งอัน หรงกวงไซส์มินิก็ถากถางเผยหมิงที่ต้องให้ผู้หญิงมาช่วย อีกทั้งคนๆ นั้นยังเป็นอวี้ซือหวงอีกต่างหาก พอเห็นบรรยากาศชักไม่ดี เซี่ยเหลียนก็ผนึกหรงกวงไม่ให้พูด แล้วเดินไปยืนบังฮวาเฉิงจากวัวของเทพแห่งฝน เพราะกลัวว่าวัวจะมาขวิดอ๋องผีเพราะใส่เสื้อสีแดง แล้วเผยหมิงก็เอ่ยขอบคุณที่อวี้ซือหวงเคยให้การช่วยเหลือเผยซู่ด้วยท่าทีกระอักกระอ่วน
หลังจากเทพแห่งฝนใช้พลังทำให้พืชผลงอกงามจนได้กินอิ่มกันแล้วทุกคนก็กลับขึ้นมาบนพื้นด้านบน เซี่ยเหลียน ฮวาเฉิง เผยหมิง กับอวี้ซือหวงต่างมีความเห็นตรงกันว่าจะปล่อยคนอื่นไว้ที่นี่แล้วไปที่เตากัน 4 คน เทพแห่งฝนเอ่ยเตือนเซี่ยเหลียนต้องระวังชายหนุ่มในชุดสีขาวซึ่งพันศีรษะทั้งหมดด้วยผ้าพันแผล ได้ยินอย่างนั้นเซี่ยเหลียนก็ตกใจ แอบคิดว่าหรือว่าอีกฝ่ายจะคือหลางอิ๋ง แต่พออวี้ซือหวงก็เสริมว่าอีกฝ่ายน่าจะอายุราว 16-17 ปี ก็คิดว่าไม่น่าจะใช่ เมื่อเทพแห่งฝนเห็นว่าแม่ทัพเผยไม่มีอาวุธ เธอจึงส่งกระบี่อวี้หลงให้อีกฝ่าย ทว่าเผยหมิงกลับรีบปฏิเสธ
ขณะพักผ่อนก่อนเดินทางต่อ เซี่ยเหลียนซึ่งพักในเตนท์นอนที่ฮวาเฉิงเอามาจากไหนไม่รู้ก็ถามเรื่องราวของแม่ทัพเผยกับเทพแห่งฝนจากอีกฝ่าย
อวี้ซือหวงเป็นเจ้าหญิงที่เกิดจากสนมระดับล่างจึงมีฐานะไม่สูง อีกทั้งยังเป็นคนชอบเก็บตัวไม่สุงสิงกับใครจึงยิ่งไร้ตัวตน ด้วยความที่อาณาจักรอวี้ซือมีธรรมเนียมในการส่งตัวลูกหลานราชวงศ์ไปบำเพ็ญที่อารามอวี้หลง แต่เพราะวิธีบำเพ็ญของอวี้ซือคือการทำงานหนักโดยห้ามมีคนรับใช้คอยช่วยเหลือ ตามปรกติจึงไม่มีผู้ใดอยากไป ทว่าเมื่อการคัดเลือกมาถึง อวี้ซือหวงกลับเสนอตัวไปที่นั่นด้วยตนเอง อวี้ซือหวงใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายในอาราม วันหนึ่งขณะที่เธอขึ้นทำความสะอาดหลังคาก็ถูกคนแกล้งด้วยการนำบันไดไปซ่อนจนเธอลงมาไม่ได้ และนั่นก็ทำให้เธอได้พบกับเผยหมิง แม่ทัพจากอาณาจักรซูหลี่ซึ่งถูกส่งมาร่วมงานเลี้ยงเจริญสัมพันธ์กับอาณาจักรอวี้ซือ
แม้จะถูกผนึก แต่ด้วยความอยากเมาท์จัดทำให้หรงกวงแหกผนึกของเซี่ยเหลียนมาเล่าให้ฟังว่าทั้งๆ ที่ตอนนั้นก็รู้แล้วว่าซูหลี่มีแผนจะรุกรานอวี้ซือ แต่เผยหมิงก็ยังไปแจกขนมจีบให้เซวียนจีและบรรดาเจ้าหญิง พอเจออวี้ซือหวงก็ทำหล่อไปช่วยเธอลงมาจากหลังคา แต่เสน่ห์ขุดแผนกลับไม่ได้ผลกับอีกฝ่าย ถึงตอนนั้นแม่ทัพเผยก็ไม่คิดมากไม่นานก็ลืมเธอไป แต่หลังจากนั้นการกระทำของเธอก็ยิ่งไปกระเทือนศักดิ์สรีความเป็นชายของเผยหมิงมากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อซูหลี่กับอวี้ซือเปิดศึกกัน ด้วยความเก่งกาจของแม่ทัพเผยทำให้เขาสามารถบุกถึงราชวังอวี้ซือได้ หรงกวงแนะนำให้เผยหมิงกดดันราชาซึ่งซ่อนตัวอยู่ข้างในวัง ขู่ว่าภายใน 3 วัน ให้ผู้ครองอาณาจักรออกมาโขกศีรษะขอโทษประชาชนของตน 3 ครั้งก่อนฆ่าตัวตาย แล้วเขาจะไว้เชื้อพระวงศ์ที่เหลือ แต่หากไม่ยอมทำตามเขาจะตัดหัวของชาวเมืองที่จับมาวันและกลุ่ม สุดท้ายก็จะเข้าไปสังหารทุกคนให้หมดวัง ซึ่งการกระทำนี้จะทำให้ซูหลี่มีความชอบธรรมในการรุนรานอวี้ซือมากขึ้น ขณะเดียวกันหากราชาไม่ทำตาม ความศรัทธาต่อราชวงศ์ของประชาชนก็จะลดลง และสุดท้ายเชื้อพระวงศ์ทุกคนก็ต้องตายอยู่ดี
เพียงวันแรกที่คำสั่งถูกประกาศออกไป ก็มีคนผู้หนึ่งถือกระบี่อวี้หลงออกมาที่ประตูราชวัง ฝ่ายนั้นคุกเข่าโขกศีรษะ 3 ครั้งแล้วเฉือนคอตัวเอง คนๆ นั้นคืออวี้ซือหวง
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เผยหมิงและหรงกวงตกใจมาก หลังจากนั้นจึงสอบจนได้ความว่าราชาของอวี้ซือรักตัวกลัวตายจนไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมทำตามคำสั่งของศัตรู เมื่อบรรดาลูกหลานพยายามกดดันก็โมโหเหวี่ยงคทาตีจนมีคนสู้กลับ ราชาผู้ชราล้มหัวแตกลุกไม่ขึ้น ขณะที่ลูกหลานกำลังจะจับอีกฝ่ายบังคับให้ออกไปฆ่าตัวตายหน้าประตูวัง ตอนนั้นเองอวี้ซือหวงจึงขอให้บิดายกบัลลังก์ให้กับตน เนื่องจากอวี้ซือบรรลุข้อตกลง ซูหลี่จึงไม่สามารถฆ่าราชวงศ์อวี้ซือและประชาชนได้แล้ว ทว่าทหารซูหลี่ก็ทนเห็นภาพราชินีอวี้ซือนอนจมกองเลือดไม่ได้จึงเข้าไปช่วยทำแผลและรักษา เมื่อรู้ว่าอย่างไรเธอก็ไม่มีทางรอด พวกเขาจึงพาเธอไปที่อารามอวี้หลง เพื่อที่ยามสิ้นใจพวกเขาจะได้ฝังเธอที่สุสานราชวงศ์บนนั้นได้เลย ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าในตอนที่อวี้ซือหวงสูดลมหายใจครั้งสุดท้ายเธอจะได้ขึ้นสวรรค์กลายเป็นเทพแห่งฝน และนั่นก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เผยหมิงไม่มีทางรับกระบี่อวี้หลงจากอวี้ซือหวงมาใช้
.
.
.
.
.
เทพสี่องค์กับวีรกรรมอันน่าจดจำ องค์ชายรัชทายาทผู้เป็นที่รักของเทพเจ้า แม่ทัพผู้หักดาบ ชายหนุ่มผู้เทเหล้า เจ้าหญิงผู้เฉือนคอตัวเอง
ทำไมดูจากฉายาแล้ววีรกรรมของคนที่ 2 กับ 4 ดูยิ่งใหญ่ดีจัง
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>183 เทียนกวาน Part.132
.
.
.
.
.
วัวของเทพแห่งฝนขยายร่างใหญ่ขึ้นเพื่อให้ทุกคนสามารถนั่งได้ แต่แม้เผยหมิงจะนั่งตรงกลาง วัวก็ยังพยายามสลัดเฉพาะเขาจนได้ หลังแม่ทัพเผยถูกเหวี่ยงหล่นไป 7-8 ครั้ง ทั้ง 4 ก็มาถึงใจกลางเขาตงลู่ หลังฮวาเฉิงชี้อารามศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งอยู่ข้างบนให้เซี่ยเหลียนดู ตอนนั้นจู่ๆ วัวของอวี้ซือหวงก็ร้องอย่างเจ็บปวด เทพแห่งฝนรีบใช้กระบี่อวี้หลงฟันอะไรบางอย่างออกจากหลังของมัน ปรากฏว่าสิ่งนั้นคือหนูกินศพนั่นเอง หนูจำนวนมหาศาลกรูกันเข้าล้อมพวกเซี่ยเหลียน ต่างกรีดร้องด้วยภาษาอู๋หย่งถึงความทรมาน บ้างขอความช่วยเหลือจากองค์ชายรัชทายาท บ้างก็กล่าวว่าพวกตนไม่น่าเชื่อสิ่งที่อีกฝ่ายพูดเลย ขณะที่เผยหมิงจะโชว์หล่อเป็นเหยื่อล่อพวกหนูไว้แล้วให้คนอื่นๆ หนีไป เทพแห่งฝนกลับกระโดดขึ้นหลังวัว โปรยเศษธัญพืช กระตุ้นวัวให้วิ่งนำพวกหนูไปทางอื่นแล้ว พอฮวาเฉิงกับเซี่ยเหลียนจะเดินทางต่อ แม่ทัพเผยผู้รู้สึกเสียเชิงชายที่ต้องให้ผู้หญิงช่วยเหลือจึงขอแยกตัวตามอวี้ซือหวงเพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะจัดการกับสถานการณ์นี้ได้ บอกว่าหากจัดการพวกหนูได้แล้วก็จะตามไปสมทบพวกเซี่ยเหลียนที่อารามศักดิ์สิทธิ์
ภายในอารามศักดิ์สิทธิ์มีรูปปั้นศพของประชาชนชาวอู๋หย่งที่เข้ามาหลบภัยอยู่เต็มไปหมด รูปภาพในอารามก็ถูกฟันทำลายโดยใครบางคน แต่เมื่อเซี่ยเหลียนพยายามดูภาพที่หลงเหลือยู่ก็ถึงกลับขนลุก ภาพอันดำมืดนี้มีบุคคลเพียงคนเดียวอยู่บนนั้น ใบหน้าบิดเบี้ยวเจ็บปวด ฉีกทึ้งเสื้อผ้าของตัวเองเผยให้เห็นผิวหนังที่มีใบหน้าเล็กๆ ปรากฏอยู่ องค์ชายรัชาทายาทแห่งอู๋หย่งติดโรคหน้าคน เซี่ยเหลียนยิ่งตื่นตระหนกที่อีกฝ่ายมีสิ่งที่คล้ายกับตัวเองมากมายถึงขนาดนี้จนฮวาเฉิงต้องกอดปลอบให้ใจเย็น การที่ใครบางคนทำลายภาพอีก 2 ภาพ แต่กลับเหลือภาพนี้ไว้ อาจเพราะไม่อยากให้เห็นเรื่องราวในอีก 2 ภาพนั้น หรือไม่ภาพภาพนี้ก็อาจเป็นภาพปลอมที่ถูกวาดขึ้นใหม่หลังทำลายทั้ง 3 ภาพแล้ว พอเซี่ยเหลียนเริ่มใจเย็นก็รู้สึกอาย จึงดันตัวออกจากอ๋องผี ทว่าฮวาเฉิงกลับดึงเขามากอดอีก กระซิบว่ามีความเป็นไปได้ว่าที่ภาพที่ 3 ยังอยู่ เป็นเพราะคนที่ทำลายภาพนี้ทำการไม่ทัน และอีกฝ่ายอาจซ่อนตัวอยู่ภายในรูปปั้นชาวอู๋หย่ง
เซี่ยเหลียนรีบกวาดตามองไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง รูปปั้นของชาวอู๋หย่งบ้างกอดกัน บ้างกุมศีรษะไว้ด้วยความหวาดกลัว แต่กลับมีร่างหนึ่งยืนตรงอย่างไม่หวั่นเกรงด้วยใบหน้าครึ่งหนึ่งที่แย้มยิ้ม ส่วนอีกครึ่งร่ำไห้
เซี่ยเหลียนรีบคว้าฟางซิ่นเข้าไปฟันใส่รูปปั้นนั้นอย่างบ้าคลั่ง แต่กลับไม่มีสิ่งใดอยู่ข้างในนั้น เขาบอกฮวาเฉิงว่าอีกฝ่ายจะต้องเป็นเศวตไร้หน้าอย่างแน่นอน แต่พออ๋องผีหยิบใบหน้ารูปปั้นมาดูก็พบว่าเป็นใบหน้าธรรมดา ทั้งคู่ไล่ทำลายรูปปั้นแต่สุดท้ายก็ไม่เจอว่ามีใครหลบซ่อนตัวอยู่ พอคิดว่าอาจมีใครบางคนแอบตามพวกตน ทั้งสองจึงออกเดินทางต่อโดยไม่รอเผยหมิง ยิ่งขึ้นไปสูงอากาศก็ยิ่งเย็นลง หิมะบนพื้นก็เริ่มหนาขึ้นเรื่อยๆ ฮวาเฉิงจึงบอกให้เซี่ยเหลียนอยู่ใกล้ๆ ตนเพราะหากเกิดอะไรขึ้นจะไม่สามารถตะโกนเรียกกันได้ เนื่องจากอาจทำให้หิมะถล่ม แต่ตอนนั้นเองพวกเขาก็ได้ยินเสียงตะโกนของใครบางคน พอมองขึ้นไปด้านบนก็เห็นคนสองคนกำลังต่อสู้กันอยู่ พอได้ยินคนหนึ่งร้องว่าตนไม่ได้ฆ่าเด็กคนนั้น และกำลังตามหาตัวทั้งสองเช่นกัน เซี่ยเหลียนก็รู้ว่าอีกฝ่ายคือหนานเฟิง กับฝูเหยา
เซี่ยเหลียนอยากตะโกนให้ทั้งสองคนหยุดเสียงดัง แต่ก็ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ ฮวาเฉิงเลยส่งผีเสื้อขึ้นไป ทว่าก่อนที่เซี่ยเหลียนจะส่งเสียงพูดกับอีกฝั่ง จู่ๆ ฮวาเฉิงก็มีสีหน้าเย็นชา ก่อนจะเปลี่ยนเป็นตกใจ ไม่นานนักภูเขาก็เริ่มสั่นเพราะหิมะกำลังถล่มลงมา เซี่ยเหลียนรีบจับมืออ๋องผีวิ่งหนี พอมองกลับไปก็เห็นฝูเหยาหล่นลงไปในหลุมใต้หิมะ หนานเฟิงเองก็พลอยชะงักเหมือนอยากกลับไปช่วย แม้ฮวาเฉิงจะห้ามไว้ แต่เซี่ยเหลียนก็ยังส่งรั่วเย่ไปมัดทั้งสองไว้ ส่งผลให้ทั้ง 4 ถูกคลื่นหิมะกวาดเรียบ ไม่ทราบว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด เมื่อทุกอย่างสงบลง เซี่ยเหลียนก็แหวกหิมะโผล่หัวขึ้นมาได้ เขาไม่เห็นใคร แม้แต่รั่วเยก็หลุดออกไปจากแขน เซี่ยเหลียนเดินออกตามหาทุกคน สักพักเขากเห็นใครบางคนเดินอยู่เบื้องหน้า ชุดสีขาวโบกสะบัด เมื่อได้ยินเสียงเรียก อีกฝ่ายก็เงยหน้าที่ครึ่งหนึ่งแย้มยิ้ม ครึ่งหนึ่งร่ำไห้ขึ้นมา
.
.
.
.
.
กุกลับรู้สึกว่าแม่ทัพไม่ควรคู่กับเทพน้ำเลย แม่ทัพเผยคือคนที่ทำให้อวี้ซือหวงต้องปาดคอตัวเองนะ หรือถ้าอวี้ซือหวงไม่ปาดคอตัวเอง ตอนนั้นก็ต้องจับตัวราชาของแคว้นตัวเองไปสังเวยช่วยคนในแคว้นนะ (._.) ถึงจะไม่ใช่คนวางแผนก็เหอะ อวี้ซือหวงคงไม่แค้นแม่ทัพหรอก แต่ให้คู่กับคนที่เคยทำแบบนี้กับแคว้นตัวเองกุรู้สึกแหม่งๆ
>>193 กูมองในมุมว่าสงครามของอวี้ซือกับซูหลี่เป็นเรื่องการเมือง มีหลายคนเกี่ยวข้อง ไม่ใช่ความผิดของเผยหมิง การที่แม่ทัพเผยใช้แผนของหรงกวงเพื่อให้ได้ผลประโยชน์ดีที่สุดกับอาณาจักรตัวเอง และการฆ่าหัวหน้าของอีกฝ่าย ถึงจะดูเลือดเย็นแต่ก็เป็นเรื่องปรกติโดยเฉพาะในสมัยโบราณ เผลอๆ ถ้าทำอะไรครึ่งๆ กลางๆ ใจดีเกินไปมันจะเหมือนกรณีของเซี่ยเหลียน ที่ไม่ยอมจัดการในหย่งอันให้เด็ดขาด แถมเรื่องก็ผ่านมานานแล้วด้วย แต่กูก็เข้าใจในมุมมองของมึงนะ เพราะว่ามันก็คงมีตะขิดตะขวงใจ เหมือนกรณีเฮ่อเสวียนกับซือชิงเสวียนอะ
ปล เทพน้ำ คือ เฮียตู้สิ อวี้ซือหวงเป็นเทพแห่งฝน 5555
>>194 เอ้า กุมึนเอง ใช่เทพฝนสิ เรียกเทพน้ำนี่อวี้ซือหวงกลายเป็นแก๊งไร้เพื่อนไปเลย 55555
นี่รู้สึกว่าแม่ทัพก็อึดอัดเวลาอยู่กับอซหด้วยอ่ะเพราะในอดีตก็เคยไปมีเรื่องกับแคว้นเค้า แต่พอบทตงลู่กับลาสไฟท์ยังต้องให้เค้าช่วย แม่ทัพเผยนี่ก็ยึดติดกับMasculinityของตัวเองเกินไป แต่อซหนี่เหยียบmasculinityของแม่ทัพแบบไม่ตั้งใจจนแบนอ่ะ นี่เลยว่าอซหคือคนที่ทำให้แม่ทัพเผยเปลี่ยนแนวคิดตัวเองไปในทางที่ดีขึ้น แต่ไม่ใช่คนที่จะคู่กันได้เลย
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>187 เทียนกวาน Part.133
.
.
.
.
.
เซี่ยเหลียนสะดุ้งตื่นจากความฝัน เมื่อมองไปรอบๆ ก็รู้ว่าที่นี่เป็นถ้ำ ไม่นานนักฮวาเฉิงก็กลับมา บอกว่าที่นี่เป็นถ้ำในภูเขาซึ่งเขาเองก็ไม่รู้จักเช่นกัน ด้วยความเป็นห่วงหนานเฟิงกับฝูเหยา แม้ฮวาเฉิงจะบอกให้ไม่ต้องไปสนใจ แต่เซี่ยเหลียนก็ออกตามหาทั้งสองคนอยู่ดี ระหว่างทางเขาเห็นรูปปั้นเทพตั้งอยู่เป็นจำนวนมาก แต่กลับมีผ้าโปร่งคลุมหน้าไว้ทุกอัน พอเซี่ยเหลียนจะไปเปิดผ้าดูก็ถูกอ๋องผีห้ามไว้ อ้างว่าไม่รู้ว่าหากเปิดผ้าจะเกิดอะไรขึ้น ให้ป้องกันไว้ก่อนดีกว่า อีกทั้งที่นี่ก็คืออู๋หย่ง รูปปั้นพวกนั้นก็น่าจะเป็นองค์ชายรัชทายาทแห่งอู๋หย่ง แต่เซี่ยเหลียนกลับไม่คิดเช่นนั้น เพราะเสื้อผ้าของรูปปั้นดูเป็นศิลปะสมัยราวเซียนเล่อมากกว่า
ฮวาเฉิงมีท่าทางเครียดขึ้น เร่งให้เซี่ยเหลียนเดินต่อ เห็นอีกฝ่ายเดินนำลิ่วๆ เซี่ยเหลียนเลยถามอีกครั้งว่าอีกฝ่ายไม่รู้จักที่นี่จริงๆ หรือ แต่อ๋องผีก็ยังยืนยันคำเดิม ตอนนั้นเองเซี่ยเหลียนก็ได้ยินเสียงคนแว่วๆ มา พอคิดว่าน่าจะเป็นหนานเฟิงกับฝูเหยาเขาก็รีบวิ่งตามเสียงไป ในที่สุดเขาก็เจอเทพทั้งสองติดกับดักอยู่ในหลุมแห่งหนึ่ง แต่หลุมนั้นก็มืดมากจนมองไม่เห็นข้างล่าง แต่พอเซี่ยเหลียนบอกว่าจะปีนลงไป ทั้งหนานเฟิงกับฝูเหยาก็ร้องห้าม แม้ฮวาเฉิงจะไม่ตามมา แต่ก็มีผีเสื้อตัวหนึ่งก็อยู่ใกล้ๆ เซี่ยเหลียนเลยบอกให้มันลงไปส่องไฟที่ข้างล่างหลุม ถึงได้เห็นว่าทั้งคู่อยู่บนเส้นอะไรบางอย่างคล้ายใยแมงมุม อีกทั้งร่างกายก็ถูกใยขาวพวกนั้นห่อไว้จนขยับตัวไม่ได้ เซี่ยเหลียนผูกฟางซิ่นกับรั่วเย่ลองหย่อนลงไป แต่แล้วเขากลับถูกใยกระชากดึงตกลงไปในหลุมแล้วเข้ามาห่อร่างเขาไว้เช่นกัน
ฝูเหยาหงุดหงิดมากจึงเริ่มประชดประชันเซี่ยเหลียนจนถูกหนานเฟิงด่า พอเซี่ยเหลียนถามว่าทั้งคู่มาเขาตงลู่ได้อย่างไร ฝูเหยาเลยบอกว่าตนตามจับหลันฉางกับวิญาณตัวอ่อนจนมาถึงที่นี่ โวยวายถามหนานเฟิงว่าทำไมต้องโจมตีตน แต่อีกฝ่ายก็ตอกกลับว่าแม่ทัพของฝูเหยาน่าสงสัยเชื่อถือไม่ได้ ทั้งคู่เริ่มทะเลาะกัน คำเรียกว่าแม่ทัพของข้า แม่ทัพของเจ้า เริ่มกลายเป็น ข้ากับเจ้าแทน สักพักถึงรู้สึกตัวหันมามองเซี่ยเหลียนซึ่งรีบเนียนบอกว่าตนไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น เห็นท่าทางแบบนั้นฝูเหยาก็รู้ว่าเซี่ยเหลียนรู้ตัวจริงของพวกตนอยู่แล้วเลยพาลโกรธ จี้ถามว่ารู้ตั้งแต่ตอนไหน รู้ได้ยังไง แม้เซี่ยเหลียนจะอยากบอกเหลือเกินว่าทั้งคู่นิสัยไม่เปลี่ยนสักนิด ตนเลยตงิดมาตั้งแต่คดีเจ้าบ่าวผี ตอนไปปั้นเยวี่ยก็ฟันธงได้ว่าใช่แน่ๆ แต่เห็นว่าทำเหมือนไม่รู้จักแบบนี้ก็ต่างฝ่ายต่างสบายใจดีเลยทำเป็นไม่รู้มาตลอดว่าหนานเฟิงกับฝูเหยาไม่เคยมีตัวตนอยู่จริง ทั้งคู่คือเฟิงซิ่นกับมู่ฉิงที่จำแลงร่างมาต่างหาก
มู่ฉิงกลับมาใช้ร่างจริงของตน เริ่มชวนดรามาหาว่าเซี่ยเหลียนแสร้งทำเป็นไม่รู้ แอบหัวเราะเยอะพวกตน พอเฟิงซิ่นด่าว่าใจแคบ มู่ฉิงจึงหันไปชวนทะเลาะเรื่องลูกชายของอีกฝ่ายแทน ตอนที่ทั้งคู่เถียงกันจนหน้าแดง เซี่ยเหลียนก็บอกให้มู่ฉิงที่อยู่ใกล้ตนเอียงตัวเพื่อที่เขาจะได้ลองช่วยกัดใยที่มัดอีกฝ่ายให้ขาด แต่มู่ฉิงกลับงอนพูดจิกกัดไม่ให้ความร่วมมือเลยถูกเฟิงซิ่นด่าจนทะเลาะกันอีก เซี่ยเหลียนบอกให้ทั้งสองกลับมาสนใจว่าจะมีใครมาช่วยหรือเปล่า แต่แล้วก็นึกได้ว่าตนกับฮวาเฉิงมีด้ายแดงผูกกันไว้ เดี๋ยวอีกฝ่ายก็คงตามมาช่วย พอเห็นเฟิงซิ่นกับมู่ฉิงทำหน้าบิดเบี้ยว ก็อธิบายว่าด้ายแดงนี่ไม่ใช่ด้ายแดงผูกชะตา หากแต่เป็นอุปกรณ์พลังทิพย์ แต่พออธิบายว่าเอาไว้ใช้ทำอะไร ทั้งสองก็โวยวายพร้อมกันว่าแล้วมันจะต่างจากด้ายแดงผูกชะตาตรงไหน แต่ยังไม่ทันที่เซี่ยเหลียนจะอาย ฮวาเฉิงก็มาถึงพอดี
ฮวาเฉิงกระโดดลงมาในหลุม ระหว่างช่วยแกะใยจากร่างเซี่ยเหลียนก็ให้ผีเสื้อช่วยสู้กับใยจุดอื่น พอเรียบร้อยแล้วก็จูงมือพาเซี่ยเหลียนขึ้นไป จนเฟิงซิ่นกับมู่ฉิงต้องถามว่าลืมอะไรไปหรือเปล่า เซี่ยเหลียนจึงใช้รั่วเย่ดึงทั้งสองคนขึ้นมา พอเฟิงซิ่นบอกว่าทำกระบี่หล่นไว้ เซี่ยเหลียนก็ช่วยเก็บขึ้นมาด้วย หลังช่วยแกะใยออกแล้วส่งกระบี่คืนถึงได้เห็นว่ามันคือกระบี่ฮ่องจินที่ฮวาเฉิงเคยหักระหว่างทางไปปั้นเยวี่ย ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะซ่อมแซมมันแล้วเรียบร้อย เฟิงซิ่นกลับไปใช้ร่างจริง แล้วจู่ๆ มู่ฉิงก็จ้องฮวาเฉิงที่เพิ่งเคยเห็นร่างจริงครั้งแรกด้วยสีหน้าประหลาด แต่พอเซี่ยเหลียนถามเขาก็ปฏิเสธว่าไม่มีอะไร
.
.
.
.
.
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>198 เทียนกวาน Part.134
.
.
.
.
.
เซี่ยเหลียนบอกเฟิงซิ่นกับมู่ฉิงว่าที่นี่คือถ้ำ 1 พันเทวะ พอมู่ฉิงทำท่าจะไปดึงผ้าคลุมหน้าของรูปปั้นออก ฮวาเฉิงก็ตวัดเอ้อมิ่งขู่ไม่ให้ทำเช่นนั้น กล่าวว่าอย่าจับอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าในแดนของคนอื่น เซี่ยเหลียนกับเฟิงซิ่นต้องพยายามไกล่เกลี่ยทั้งสองถึงยอมถอย พวกเขาเดินทางใน้ถ้ำต่อ เห็นฮวาเฉิงเดินนำแบบไม่สะดุด ทั้งเฟิงซิ่นกับมู่ฉิงก็อดสงสัยไม่ได้ ทั้ง 3 มีปากเสียงกัน สุดท้ายฮวาเฉิงก็บอกว่าตนจะเดินนำหน้าไปไกลๆ ให้ห่างจากทั้งสอง ตอนนั้นเองจู่ๆ มู่ฉิงก็คว้าแขนเซี่ยเหลียน ส่วนเฟิงซิ่นชกผนังถ้ำให้หินปิดทางกั้นอ๋องผีไว้ ก่อนที่ทั้งสองจะถล่มยันต์กันผีแปะบนหินพวกนั้น เซี่ยเหลียนรีบขอคำอธิบายจากทั้งสอง มู่ฉิงเลยด่าเซี่ยเหลียนว่าตาบอด ไม่เห็นเลยหรือว่าอีกฝ่ายมีท่าทางแปลกๆ แค่ไหน เฟิงซิ่นตะโกนให้ทั้งสองวิ่ง พลางชกผนังถ้ำปิดกั้นทางเป็นระยะ สักพักเซี่ยเหลียนจึงเค้นถามว่าอ๋องผีมีอะไรแปลก มู่ฉิงถามกลับว่าไม่เห็นมุกที่ผมของฮวาเฉิงเลยเหรอ มันคือตุ้มหูมุกปะการังสีแดงที่เซี่ยเหลียนทำหายไปในเทศกาลซ่างหยวนเมื่อ 800 ปีก่อน
เซี่ยเหลียนถึงกับอึ้ง ถามว่าอีกฝ่ายจำผิดหรือเปล่า แต่มู่ฉิงก็บอกว่าเพราะเซี่ยเหลียนกับเฟิงซิ่นสงสัยว่าเขาเป็นคนขโมย เขาเลยเครียดตามหาสิ่งนั้นอยู่เป็นปีๆ จะจำผิดได้ยังไง ถึงอย่างนั้นเซี่ยเหลียนก็อ้างว่าอาจแค่เหมือนกันก็ได้ มู่ฉิงเลยหันไปดึงผ้าคลุมหน้าของรูปปั้นออก ปรากฏว่ามันคือใบหน้าของเซี่ยเหลียน รูปปั้นทุกตัวในถ้ำนี้ล้วนเป็นเทพองค์เดียวกัน เซี่ยเหลียนยิ่งทำอะไรไม่ถูก ถามว่าอีกฝ่ายรู้ได้ยังไงว่าทุกชิ้นคือรูปปั้นของเขา มู่ฉิงยิ่งเดือด บอกว่าเมื่อก่อนตนเป็นคนดูแลเสื้อผ้า เครื่องประดับให้เซี่ยเหลียน ทั้งจัด ทั้งซัก ทั้งซ่อม จนจำได้ทั้งหมด ถึงได้รู้ว่ารูปปั้นพวกนี้ล้วนใส่เสื้อผ้าของใคร การที่ฮวาเฉิงพยายามขัดขวางไม่ให้พวกตนสำรวจรูปปั้น บอกว่าตนไม่รู้จักที่นี่จึงเป็นเรื่องตอแหลทั้งนั้น
ยิ่งมองรูปปั้นก็ยิ่งเห็นรายละเอียดสมจริงเหมือนต้นฉบับจนเฟิงซิ่นถึงกับขนลุก มู่ฉิงเสนอให้ทำลายรูปปั้นทิ้งให้หมดเพราะอาจมีคาถาครอบงำเซี่ยเหลียน แต่เซี่ยเหลียนก็บอกว่าถึงฮวาเฉิงจะโกหก แต่เขาก็ยังเชื่อว่าอีกฝ่ายไม่ได้ทำร้ายเขาด้วยการใช้คาถาอย่างแน่นอน ตอนนั้นเองเฟิงซิ่นก็เจอใยแมงมุมเหมือนในหลุม พอคิดว่ามันมีไว้เพื่อบล็อกทางปกปิดบางสิ่งไว้ด้านหลัง ทั้งสามเลยช่วยกันแกะใยเข้าไปด้านใน พวกเขาพบกับรูปภาพขนาดใหญ่มากมาย เห็นลายมือน่าเกลียดบนนั้นก็แน่ใจว่าเป็นของฮวาเฉิง พอเห็นภาพร่างสีขาวสว่างเข้าไปอุ้มเด็กชายในชุดสีแดงที่หล่นจากกำแพง ทั้งสามก็อึ้ง ไม่อยากเชื่อว่าอ๋องผีจะคือเด็กชายที่หล่นจากกำแพงเมื่อ 800 ปีก่อนคนนั้น พอดูภาพอื่นเห็นพบว่าในทุกๆ ภาพ ร่างในชุดสีแดงนี้จะคอยมองเซี่ยเหลียนอยู่เสมอ หลายสถานที่ หลายเวลา ยังมีรูปปั้นมากมายพวกนั้นอีก นี่มันสตอล์กเกอร์โรคจิตชัดๆ
ทั้งสามแยกกันสำรวจรูปภาพ ความทรงจำมากมายในอดีตกลับเข้ามาในหัวของเซี่ยเหลียน เขาได้ยินเฟิงซิ่นกับมู่ฉิงแหกปากเสียงดัง แต่พอจะเข้าไปดู เฟิงซิ่นกลับห้ามเขาไว้ มู่ฉิงเองก็หน้าดำบอกให้รีบออกไปจากที่นี่โดยไม่ยอมอธิบายอะไรให้เซี่ยเหลียนฟัง ทั้งคู่คว้าแขนเซี่ยเหลียนคนละข้างลากออกไปให้ห่างจากสถานที่นั้น เห็นเซี่ยเหลียนอยากดูรูปนั้นให้ได้ เฟิงซิ่นก็ตะคอกว่าสิ่งนั้นไม่ควรถูกใครพบเห็น ส่วนมู่ฉิงโวยวายว่าอนาคตอย่าไปเข้าใกล้ฮวาเฉิงอีก เจ้าหมอนั้นมันเป็นโรคจิตวิปริต แต่พอขอคำอธิบายเพิ่ม ทั้งคู่กับอึกอักไม่ยอมบอก ตอนนั้นเองทั้งสามก็เห็นร่างสีแดงยืนขวางทางอยู่เบื้องหน้า มือหนึ่งหมุนผมที่มีไข่มุกสีแดงห้อยประดับอยู่ ส่งยิ้มแสแสร้งบอกว่าตนเตือนแล้วว่าอย่าไปจับอะไรในถิ่นของคนอื่น เพราะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
เฟิงซิ่นระดมยิงธนูใส่อีกฝ่ายไม่ยั้ง แล้วมู่ฉิงก็นึกได้ว่าเป็นเพราะด้ายแดงทำให้ฮวาเฉิงตามพวกตนเจอเลยพยายามหันมาแกะเชือกออกจากมือเซี่ยเหลียน แต่เซี่ยเหลียนก็ต่อต้าน บอกว่าเดี๋ยวเขาจะคุยกับอ๋องผีตรงๆ เอง พอทั้งสองก็ไม่ยอม เซี่ยเหลียนเลยท้าต่อยแก้ปัญหากัน มู่ฉิงร้องให้เฟิงซิ่นเข้าไปลุยก่อน แล้วอาศัยจังหวะแอบแปะอะไรบางอย่างบนหลังของเซี่ยเหลียนอย่างรวดเร็ว
Note : ตามที่กูบอกในหลังสปอยพาร์ทที่ 53 >>>/801/7776/969 ว่าพาร์ท 34 >>>/801/7776/621 มีบางอย่างที่เชื่อมโยงกันอยู่ รู้แล้วเนอะว่าใครเป็นหัวขโมยมุกตัวจริง ส่วนเรื่องรูปที่เฟิงซิ่นกับมู่ฉิงไม่ยอมให้เซี่ยเหลียนดูนั่น ตามสัมภาษณ์แม่โม่ มันก็คือภาพ... แบบที่พวกมึงคิดอยู่นั่นแหละ 5555
.
.
.
.
.
กูเพิ่งเห็นโพสของสนพ.ที่ได้ lc เทียนกวาน กูเห็นเพื่อนกูบ่นหงุงหงิงทุกวันว่าอิสนพ.มันดองมันช้าไม่ออกมาสักทีได้แอลซีแล้วก็ดอง แต่จริงๆคือสนพ.ยังไม่ได้ต้นฉบับจากจีนเลยจ้าาา กูลั่นแรงมากต้นฉบับยังไม่มามึงจะให้เขาเอาอะไรมาออกกก โว้ยยยย
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>201 เทียนกวาน Part.135
.
.
.
.
.
สิ่งที่มู่ฉิงนำมาแปะเซี่ยเหลียนคือยันต์ที่ทำให้อีกฝ่ายต้องทำตามคำสั่งเจ้าของยันต์ เมื่อถูกสั่งให้อยู่นิ่งๆ และห้ามพูดเซี่ยเหลียนเลยไม่อาจขัดขืน มู่ฉิงสั่งให้เซี่ยเหลียนวิ่งตามพวกตน แต่ด้วยความไม่รู้ทางพวกเขาจึงวนกลับมาที่เดิม และถูกฮวาเฉิงดักหน้า เฟิงซิ่นกับมู่ฉิงรีบบังหน้าเซี่ยเหลียนทันที พออ๋องผีถามว่าทั้งคู่ทำอย่างนี้ไปเพื่ออะไร เฟิงซิ่นก็ตะคอกบอกว่าพวกตนเห็นทุกอย่างแล้ว และสั่งไม่ให้อีกฝ่ายเข้าใกล้เซี่ยเหลียนอีก
อ๋องผีบอกว่าทั้งสองไม่มีสิทธิ์พูดอย่างนั้นกับเขาแล้วสั่งให้ผีเสื้อโจมตีใส่ อีกฝ่ายบุกเข้ามาประชิดขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดก็ตั๊นหน้ามู่ฉิงไปทีหนึ่ง ก่อนจะมีใยพุ่งมาห่อเฟิงซิ่นกับมู่ฉิงเป็นดักแด้อีกครั้ง ทั้งสองเลยถึงบางอ้อว่าที่แท้คนที่จับพวกตนไว้ในหลุมก็คืออีกฝ่าย และสิ่งนี้ก็คือใยของผีเสื้อต่างหาก ฮวาเฉิงเต็มไปด้วยความโกรธ แขวะมู่ฉิงว่าตนมีความสามารถในการใช้ดาบโค้งมากกว่า มู่ฉิงจึงนึกได้ว่าอีกฝ่ายคือทหารเด็กที่เซี่ยเหลียนอยากสนับสนุนในตอนนั้น อ๋องผีต่อยหน้ามู่ฉิงอีกรอบ กล่าวว่ามู่ฉิงโกหกหัวหน้ากองว่าเซี่ยเหลียนสั่งให้ไล่เขาออกจากกองทัพ พอมู่ฉิงแถว่าเขาช่วยให้อีกฝ่ายไม่ต้องเสี่ยงอันตรายต่างหาก ฮวาเฉิงก็ประเคนหมัดใส่หน้าของมู่ฉิงอีก แต่มู่ฉิงก็ด่ากลับว่าตอนนั้นตนตัดสินใจถูกจริงๆ ที่ไล่ฉวาเฉิงออกจากกองทัพ เพราะขืนปล่อยให้เข้าใกล้เซี่ยเหลียนก็มีแต่เอาแค่คิดเรื่องบัดสี ช่างน่ารังเกียจจริงๆ
พอถูกด่าว่าน่ารังเกียจฮวาเฉิงก็ยกหมัดค้าง ถามว่าสิ่งที่เฟิงซิ่นกับมู่ฉิงเถียงกันบนภูเขาก่อนหิมะถล่มเป็นความจริงหรือ ทำเอาทั้งสองเลิกลั่กตกใจ แล้วมู่ฉิงก็สั่งให้เซี่ยเหลียนวิ่งหนีไป แต่อ๋องผีก็ใช้ใยผีเสื้อมัดเซี่ยเหลียนไว้ได้ทัน พอเห็นฮวาเฉิงจะเข้าไปหาเซี่ยเหลียน เฟิงซิ่นก็ขอให้อีกฝ่ายปล่อยเซี่ยเหลียนไป บอกว่าเซี่ยเหลียนทนทุกข์มามากพอแล้ว แต่อ๋องผีก็ไม่ฟัง เขาเข้าไปอุ้มเซี่ยเหลียนเดินไปอีกทาง ทิ้งเฟิงซิ่นกับมู่ฉิงไว้เบื้องหลังจนในที่สุดก็เดินออกห่างจนไม่ได้ยินเสียงของทั้งสอง
ฮวาเฉิงพาเซี่ยเหลี่ยนมาถึงส่วนที่เหมือนห้องนอนภายในถ้ำ พอวางเซี่ยเหลียนลงบนเตียงหินก็เจอยันต์ที่มู่ฉิงแปะไว้ แต่กลับไม่ยอมช่วยดึงออกเพราะกลัวว่าท่าทีเซี่ยเหลียนที่มีต่อตนอาจเปลี่ยนไปแล้ว เขาพยายามบอกว่าตนไม่ได้คิดไม่ดีขณะถอนเสื้อเซี่ยเหลียนเพื่อช่วยรักษาแผลนำแข็งกัดให้ แต่แล้วก็มีเสียงพูดด่าฮวาเฉิงดังขึ้น พอมองไปก็เจอมู่ฉิงกับเฟิงซิ่นยืนอยู่หน้าทางเข้าห้อง อ๋องผีรีบดึงเสื้อกลับให้เซี่ยเหลียนแล้วไปฉะปากกับทั้งสอง ถึงจะหงุดหงิดแต่เซี่ยเหลียนก็รู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆ เพราะมู่ฉิงเหมือนจะใช้คำหยาบคายทั้งยังปลุกปั่นมากกว่าปรกติ เห็นฮวาเฉิงง้างเอ้อมิ่งก็ร้องห้ามไว้ แต่ไม่ทัน เฟิงซิ่นกับมู่ฉิงตัวขาดเป็น 2 ท่อนเสียแล้ว อ๋องผีเดินกลับมากอดเซี่ยเหลียนที่นั่งอึ้งแข็งเป็นหิน แล้วดึงยันต์บนหลังออกให้ เซี่ยเหลียนรีบพุ่งไปหาทั้งสองทันที ดูเหมือนว่ามู่ฉิ่งจะสิ้นใจไปแล้ว เมื่อเฟิงซิ่นพยายามบอกเขาว่าอ๋องผีเป็นปีศาจ อย่ายุ่งกับอีกฝ่าย เซี่ยเหลียนก็หยิบฟางซิ่นแทงใส่หัวใจของคนตรงหน้า ก่อนรีบกลับไปสมทบกับฮวาเฉิง บอกให้อีกฝ่ายเผยตัวจริงออกมา
ตอนที่ช่วยดึงยันต์ออก ฮวาเฉิงได้แอบกระซิบบอกเซี่ยเหลียนแล้วว่าเฟิงซิ่นกับมู่ฉิงตัวจริงยังถูกห่อเป็นดักแด้อยู่ที่เดิม เซี่ยเหลียนจึงรู้ว่าสิ่งที่อยู่ต่อหน้าไม่ใช่เพื่อนของตน ร่างปลอมที่จำแลงเป็นมู่ฉิงกับเฟิงซิ่นหัวเราะ เอ่ยว่าจะทำตามที่เซี่ยเหลียนต้องการ จากนั้นกองเลือดบนพื้นก็ก่อตัวเป็นชายคนหนึ่งซึ่งทำให้เซี่ยเหลียนขนลุก เมื่อร่างของเฟิงซิ่นและมู่ฉิงหายไป ตรงหน้าก็มีชายหนุ่มในชุดขาวคนหนึ่งยืนอยู่ บนใบหน้าคือหน้ากากครึ่งแย้มยิ้ม ครึ่งร่ำไห้ กล่าวทักทายด้วยเสียงอบอุ่นว่า “เป็นอย่างไรบ้าง เซี่ยเหลียน”
เซี่ยเหลียนหัวชาทำอะไรไม่ถูก เมื่อฮวาเฉิงออกไปโจมตีใส่ อีกฝ่ายก็พลิ้วหลบอย่างว่องไว ยื่นมือหมายจะสัมผัสหน้าของเซี่ยเหลียน แต่อ๋องผีก็กลับมาตัดมือของชายคนนั้นไว้ได้ทัน ทว่าพอฝ่ายนั้นสะบัดแขน มือข้างใหม่ก็งอกออกมาแล้วยื่นไปที่ตาขวาของฮวาเฉิงอย่างรวดเร็ว แม้จะหลบทัน บนแก้มของอ๋องผีก็ปรากฏแผลขึ้นมา พอเขาส่งผีเสื้อเข้าจู่โจม เมื่อพวกมันห่อร่างในชุดขาวนั้นไว้ไม่นานก็ระเบิดกลายเป็นผง ก่อนที่มือข้างนั้นจะยื่นมาที่ตาขวาของฮวาเฉิงอีกครั้ง
.
.
.
.
.
แวะมาดันหน่อย คิดไปเองหรือโทรลแม่งเยอะมาก
อนึ่ง ขอบคุณโม่งสปอยเด้ออ
ช่างโทรลล์มันไปเหอะ เดี๋ยวพอไม่มีใครพูดถึงเดี๋ยวมันก็ไปโทรลที่อื่นเอง
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>206 เทียนกวาน Part.136
.
.
.
.
.
เซี่ยเหลียนรีบใช้ฟางซิ่นฟันไป๋อู๋เซียง ก่อนที่เขากับฮวาเฉิงจะรีบวิ่งหนี แม้อ๋องผีจะบอกว่าอาจเป็นตัวปลอม แต่เซี่ยเหลียนรู้สึกได้ว่านั่นคือตัวจริง สงสัยว่าใครฟื้นชีพให้อีกฝ่าย แล้วทำไมอีกฝ่ายถึงได้จำแลงเป็นเฟิงซิ่นกับมู่ฉิงได้เหมือนขนาดนั้น ฮวาเฉิงพยายามปลอบให้เซี่ยเหลียนใจเย็น แต่ขณะที่กำลังพูดว่าอีกฝ่ายอาจรู้จักกับเซียนเล่อทรีโอ้ดีถึงได้ปลอมเหมือนขนาดนั้น พอรู้ตัวว่าเผลอจับมือเซี่ยเหลียนก็รีบปล่อย เซี่ยเหลียนเลยถามว่าคนพิเศษที่ฮวาเฉิงเคยกล่าวถึงคือใคร อ๋องผีอึกอัก ก่อนถามว่าในเมื่อรู้แล้วจะถามอีกทำไม เซี่ยเหลียนกล่าวต่อว่าแล้วอยากรู้คำตอบของเขาไหม ถึงฮวาเฉิงจะกลัวจนบอกว่าไม่อยาก แต่เซี่ยเหลียนก็เอ่ยว่าเรื่องแบบนี้ต้องเคลียร์ๆ กันไปเลย ไม่นานนักก็เข้าไปกอดอีกฝ่ายจากด้านหลัง ต่างคนต่างเงียบไปพักใหญ่ แล้วฮวาเฉิงก็หันกลับมากอดเซี่ยเหลียนแน่น
พอได้ยินเสียงตูมตามดังตามมาจากด้านหลัง ทั้งสองก็วิ่งหนีกันต่อ พอเซี่ยเหลียนบอกว่าให้รีบไปปล่อยเฟิงซิ่นกับมู่ฉิงก่อน ฮวาเฉิงก็ไปทำตามโดยไม่ขัด เมื่อทั้งคู่เห็นเซี่ยเหลียนยังอยู่กับฮวาเฉิงก็อดสงสัยไม่ได้ แต่เซี่ยเหลียนบอกว่าไว้อธิบายทีหลัง เพราะตอนนี้ศัตรูกำลังไล่ตามมา ถึงอย่างนั้นทั้งสองก็ยังตั้งแง่ เซี่ยเหลียนเลยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างคร่าวๆ ให้ฟัง เมื่อรู้ว่าคนที่ตามมาคือเศวตไร้หน้า ทั้งเฟิงซิ่นกับมู่ฉิงก็หน้าซีด และเพราะไป๋อู๋เซียงบล็อคทางออกไว้ พวกเขาเลยต้องวิ่งหนีไปเรื่อยๆ เพื่อล่อให้อีกฝ่ายออกห่างจากจุดนั้น จะได้พอให้ใครในกลุ่มหนีออกไปแจ้งสวรรค์ว่าเศวตไร้หน้ายังมีตัวตนอยู่ และเนื่องจากยังไงอีกฝ่ายก็คงไล่ตามเซี่ยเหลียน เขาเลยบอกว่าจะเป็นตัวล่อ ให้เฟิงซิ่นกับมู่ฉิงอาศัยจังหวะหนีไป
ตอนแรกเฟิงซิ่นจะขออยู่กับเซี่ยเหลียน แต่เซี่ยเหลียนก็บอกว่าเขามีฮวาเฉิงอยู่ด้วยแล้ว ถึงจะไม่เห็นด้วย แต่สุดท้ายเฟิงซิ่นก็ต้องยอมหนีออกไปพร้อมมู่ฉิง เมื่อเซี่ยเหลียนกับฮวาเฉิงสามารถทิ้งห่างจากไป๋อู๋เซียงได้แล้ว ทั้งสองก็หลบซ่อนตัวช่วยกันคิดแผนรับมือ แต่พอเหลือกันสองต่อสองก็เขิน เซี่ยเหลียนเลยชวนคุยเรื่องรูปปั้นแก้เก้อ เห็นเซี่ยเหลียนอยากสำรวจรูปปั้นมากกว่านี้ ฮวาเฉิงก็บอกว่าไว้เขาจะพาไปดูอันที่เขาปั้นได้ดีที่สุด อันอื่นอย่าไปดูเลย พอเซี่ยเหลียนพูดเรื่องรูปขึ้นมา ฮวาเฉิงก็หน้าบอกว่าเดี๋ยวจะไปทำลายให้ แต่เซี่ยเหลียนห้ามไว้ เมื่ออ๋องผีรู้ว่าที่แท้เซี่ยเหลียนยังไม่เห็นภาพๆ นั้นก็โล่งใจ
พอมาคิดๆ ดูแล้ว หลังจากถูกจวินอู๋กำจัดไป 1 ครั้ง พลังของเศวตไร้หน้าอาจโดนเนิร์ฟไปแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่มาเขาตงลู่เพื่ออัพคลาสอีก ฮวาเฉิงเลยว่าจะไปลองบวกดู แต่เซี่ยเหลียนเกรงว่าเจวี๋ยตีกันเองจะทำให้สมดุลโลกผีเสีย และไม่อยากให้อ๋องผีได้รับอันตรายจึงห้ามไว้ บอกว่ายังไงฝ่ายนั้นก็ไม่ฆ่าเขา เลยจะไปลองเชิงเอง ฮวาเฉิงบอกว่ายังไงตนก็ซ่อนเถ้ากระดูกไว้แล้ว ยังไงก็ไม่มีทางเป็นอะไรไป พอเซี่ยเหลียนถามว่าซ่อนไว้ดีแล้วใช่ไหม แน่ใจหรือเปล่าว่าจะไม่ถูกพบ อ๋องผีก็ตอบว่าเขาคิดว่าสถานที่นั้นเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุด หากสถานที่นั้นถูกทำลาย เขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะคงอยู่ต่อไป เซี่ยเหลียนอยากถามว่าอีกฝ่ายตายได้อย่างไร ทำไมถึงไม่ไปสู่สุขคติ แต่ก็กลัวว่าจะไปกระทบจิตใจของฮวาเฉิง สุดท้ายเลยเปลี่ยนไปถามว่าหลังจากเซียนเล่อล่มสลายไป พวกตนเคยได้พบกันมาก่อนหรือเปล่า อ๋องผีตอบว่าแม้เขาพยายามตามหาอีกฝ่าย แต่ก็ไม่เคยพบกัน แล้วถามกลับว่าเหตุใดจู่ๆ ถึงถามคำถามนี้ เซี่ยเหลียนบอกว่าเป็นเพราะในช่วงนั้นเขาดูไม่ดีเลย เป็นเพียงคนล้มเหลวคนหนึ่งจึงไม่อยากให้อีกฝ่ายเห็น แต่ฮวาเฉิงก็กล่าวคำพูดที่เซี่ยเหลียนเคยกล่าวเอาไว้ว่า ไม่ว่าจะรุ่งโรจน์หรือตกต่ำ สิ่งสำคัญคือตัวของท่าน ไม่ใช่สถานะที่ท่านเป็น และเขาก็คิดอย่างนั้นเช่นกัน
ทั้งสองหยอกล้อกันเล็กน้อยก่อนออกจากที่ซ่อน เซี่ยเหลียนกล่าวว่าหลังจากออกจากเขาตงลู่ได้แล้วมีหลายเรื่องที่เขาอย่างบอกกับฮวาเฉิง พอถามถึงเฟิงซิ่นกับมู่ฉิง อ๋องผีก็เชคให้ว่าทั้งสองออกไปจากเขาลูกนี้แล้ว แต่เมื่อเชคหาไป๋อู๋เซียง เขากลับไปหาอีกฝ่ายไม่พบ บางทีอาจจะผละไปอัพคลาสที่เตาแล้ว เมื่อได้ยินอย่างนั้นเซี่ยเหลียนก็ตัดสินใจว่าต้องไปหยุดเศวตไร้หน้าไว้ให้ได้ แต่เมื่อทั้งสองเดินไปพักหนึ่งก็พบกับว่ากระบี่บนรูปปั้นที่ยังไม่ได้ดึงผ้าคลุมหน้าออกอันหนึ่งกำลังมีโลหิตสดใหม่หยดไหลลงมา
Note 1 : ยินดีกับเซี่ยเหลียนกับฮวาเฉิงที่ในที่สุดก็เจอว่าใจตรงกัน แต่มันใช่เวลาจีบกันเหรอฟร้า ไป๋อู๋เซียงมันกำลังไล่ตามมาอยู่นะเฮ้ย
Note 2 : พาร์ทหน้าก็จบอาร์ค 3 แล้ว
.
.
.
.
.
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>215 เทียนกวาน Part.137
.
.
.
.
.
เมื่อฮวาเฉิงใช้พลังเปิดผ้าคลุมบนรูปปั้นออก เขากับเซี่ยเหลียนก็เห็นหลางอิ๋งถูกเสียบอยู่บนกระบี่ในมือรูปปั้นนั้น หลางอิ๋งค่อยๆ ดึงตัวเองออกมาจากคมกระบี่ตกลงบนพื้น คิดยังไงคนตรงหน้าย่อมต้องเป็นเศวตไร้หน้าปลอมตัวมา พอเซี่ยเหลียนถามว่าหลางอิ๋งตัวจริงอยู่ที่ไหน อ๋องผีก็บอกสมมติฐานว่าบางทีไป๋อู๋เซียงอาจปลอมตัวเป็นหลางอิ๋งมาตลอด แต่เมื่อเซี่ยเหลียนนึกถึงความผูกผันที่เด็กชายแสดงต่อเสี่ยวอิ๋งก็คิดถึงความเป็นไปได้อีกอย่างว่าเศวตไร้หน้าอาจกินหลางอิ๋งเข้าไป
ไป๋อู๋เซียงกลับสู่ร่างเดิม บอกว่าเซี่ยเหลียนเดาได้ถูกต้อง เป็นเพราะเคยถูกจวินอู๋จัดการไปจนวิญญาณอ่อนแอ อีกฝ่ายจึงจำเป็นต้องสิงร่างคนอื่นเพื่อฟื้นฟูพลัง การที่ผีจะสิงร่างผีด้วยกันย่อมต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของร่าง แสดงว่าหลางอิ๋งน่าจะถูกหลอกล่อให้ยินยอม แต่เมื่อเศวตไร้หน้าฟื้นพลังได้ก็กินเด็กชายไป พอฮวาเฉิงถามว่าเหตุใดหลางอิ๋งจึงยอมให้อีกฝ่ายสิงร่าง ไป๋อู๋เซียงก็หันไปมองเซี่ยเหลียน พูดปั่นประสาทว่าอีกฝ่ายแซ่หลาง เป็นคนหย่งอัน มีโรคหน้าคน เดาไม่ออกเลยหรือว่าทำไมเด็กชายถึงยิมยอมให้ตนกิน คำพูดนั้นทำให้เซี่ยเหลียนของขึ้นแทงกระบี่ใส่อีกฝ่าย แต่เศวตไร้หน้าก็หลบอย่างชิลๆ ก่อนหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
เซี่ยเหลียนกับฮวาเฉิงรีบออกจากถ้ำเพื่อหยุดยั้งไม่ให้ไป๋อู๋เซียงอัพคลาสสำเร็จ ในที่สุดก็ขึ้นมาถึงยอดปล่องภูเขาไฟ พอเห็นว่าเตาปิดแล้วก็แน่ใจว่าเศวตไร้หน้าอยู่ในนั้นเรียบร้อย ขณะเดียวกันการที่เตาปิดโดยไม่รอให้มีผีเข้าไปมากๆ ก็หมายความว่าอีกฝ่ายต้องมีพลังสูงส่ง หากปล่อยให้อัพคลาสอีกก็จะยิ่งแข็งแกร่งทวีคูณ ฮวาเฉิงจูบเซี่ยเหลียน อ้างว่าให้ยืมพลังทิพย์จนเซี่ยเหลียนรู้สึกอายจนเกือบจะวิ่งหนีไปอีกทาง จากนั้นทั้งสองก็กระโดดลงไปในปล่องด้วยกัน
แม้จะจับมือไว้แน่น แต่ระหว่างทางจู่ๆ ในมือของเซี่ยเหลียนก็ว่างเปล่า ถึงจะตะโกนเรียกหาก็ได้ยินเพียงเสียงสะท้อนของตนเอง มองขึ้นไปก็เห็นประตูเตาที่เคลื่อนตัวปิดอีกครั้ง เมื่อเห็นเงาร่างสีขาวของไป๋อู๋เซียงก็รีบเรียกหาอ๋องผีเพราะกลัวอีกฝ่ายเป็นอะไรไป เมื่อไม่ได้เสียงตอบกลับก็หันไปบู๊กับคนตรงหน้า ถามว่าอีกฝ่ายทำอะไรฮวาเฉิง ไป๋อู๋เซียงจึงปั่นว่าอีกฝ่ายจากไปแล้ว พอเซี่ยเหลียนโกรธจึงบอกว่าตนแค่ส่งอ๋องผีออกไปนอกเตา แต่ไม่รู้ว่าพอกลับมาเห็นสภาพเซี่ยเหลียนจะรับได้หรือเปล่า เซี่ยเหลียนยิ่งเดือด ระดมโจมตีอีกฝ่ายไม่ยั้ง ถามว่าเหตุใดจึงมาที่นี่ แล้วเศวตไร้หน้าก็ตอบว่าเขามาที่นี่เพราะเซี่ยเหลียน
เซี่ยเหลียนโมโหมาก แต่ยิ่งโจมตีก็ยิ่งรู้ว่าตนไม่มีทางชนะ เขาถูกอีกฝ่ายใช้กระบี่ฟันเฉี่ยวลำตัวไป ความเจ็บทำให้เผลอปล่อยกระบี่ ไป๋อู๋เซียจับหัวของเซี่ยเหลียนกระแทกแนบกับพื้น กล่าวว่าช่างน่าเศร้าเสียจริง น่าสงสารเสียจริง ทุกครั้งที่เขาเจอเซี่ยเหลียน เซี่ยเหลียนมักตกอยู่ในสภาพนี้ ชวนเจ็บปวดและตื่นเต้นในคราวเดียว พอเซี่ยเหลียนบอกว่าเดี๋ยวก็มีคนมา อีกฝ่ายไม่มีทางอัพคลาสได้เด็ดขาด เศวตไร้หน้าก็พูดว่าใครว่าเขาจะอัพคลาสเอง คนที่ต้องอัพคลาสคือเซี่ยเหลียนต่างหาก นี่เป็นหนทางที่ 3 อย่างที่เซี่ยเหลียนชอบไม่ใช่หรือ ฆ่าตัวเองกลายเป็นผีแล้วมาฆ่าไป๋อู๋เซียงต่อ หลอมรวมกับเตาเป็นเจวี๋ยคนต่อไป
พอได้รู้ความตั้งใจจริงของอีกฝ่ายเซี่ยเหลียนบังเกิดความหวาดกลัว เมื่อเห็นเศวตไร้หน้าเสกหน้ากากครึ่งแย้มยิ้ม ครึ่งร่ำไห้อีกชิ้นหนึ่งขึ้นมาก็พยายามดิ้นหนีสุดชีวิต ไป๋อู๋เซียงหัวเราะ บอกว่าจะช่วยฟื้นความรงจำให้ ก่อนแนบหน้ากากในมือเข้ากับใบหน้าของเซี่ยเหลียนอย่างพอดิบพอดี
.
.
.
.
.
จบอาร์คที่ 3
จบอาร์ค 3 แล้วเว้ยยยย ยาวนานมาก พาร์ทนี้มีหลายอย่างเกิดขึ้น ทั้งเรื่องของซือชิงเสวียน เฮ่อเสวียน กับซืออู๋ตู้ หลิงเหวินกับเสื้อคลุมอมตะ เฟิงซิ่น เจียงหลันกับลูกชาย เผยหมิง หรงกวงกับเทพแห่งฝน อวิ๋นอวี้กับเฉวียนอี้เจิน ฉีหรงกับกู่จือ องค์ชายรัชทายาทแห่งอู๋หย่งกับราชครูที่ออกมาแค่เสียง ไป๋อู๋เซียงกับหลางอิ๋ง ปมต่างๆ เริ่มคลายออก พร้อมกับปมใหม่ที่จะเชื่อมโยงไปถึงตอนจบ ต่อไปก็คือพาร์ท 4 อันเลื่องลือ ประเด็นในพาร์ทนี้ส่วนมากก็คุยๆ กันระหว่างคอมเมนท์แล้วเนอะ มีใครอยากถกเรื่องไหนกันอีกไหม ส่วนกูตอนนี้มีเรื่องที่อยากพูดเกี่ยวกับอาร์ค 3 อย่างเดียวนั่นคือ กูรักแม่ทัพเผย 555555
สปอยเทียนกวานอาร์ค 4 ต่อจาก >>222 เทียนกวาน Part.138 (เหตุการณ์อาร์คนี้เป็นเรื่องหลังเซียนเล่อล่มสลาย และเซี่ยเหลียนเพิ่งถูกเนรเทศครั้งแรกได้ไม่นาน)
.
.
.
.
.
เซี่ยเหลียนสะดุ้งตื่นจากความฝันวที่เขาจะฆ่าตัวตายตามพ่อแม่ ความรู้สึกที่เชือกรัดคอยังแจ่มชัด พอเอามือเตะลำคอก็สัมผัสถูกคำสาปพันธนาการ เพราะยังไม่ชินกับการนอนเสื่อทำให้รู้สึกไม่สบายตัว สักพักก็ออกไปกินอาหารเช้าตามที่เฟิงซิ่นเรียก พอเห็นหมั่นโถ่วแข็งแห้งก็ไม่รู้สึกอยากอาหาร มู่ฉิงเลยเอ่ยว่าไม่กินนี่ก็ไม่มีอย่างอื่นให้กินแล้ว เดี๋ยวถ้าเป็นลมอีก สุดท้ายก็ต้องกินอยู่ดี เฟิ่งซินเลยเตือนอีกฝ่ายให้ระวังคำพูด หลังจากนั้นทั้งสามก็ออกหางานทำ เซี่ยเหลียนพบว่าไม่ว่าจะพยายามทำงานหนักเท่าไรเงินที่ได้ก็ไม่เคยพอ มู่ฉิงเสนอให้ไปหางานที่มีระดับขึ้นมาหน่อยอย่างยาม แต่เพราะเซี่ยเหลียนต้องปกปิดใบหน้าไม่ให้ชาวบ้านที่เคียดแค้นเทพองค์ชายรัชทายาทเข้ามาทำร้าย แม้แต่ตอนนี้ก็ต้องเอาผ้าขาวผืนหนึ่งคอยปิดบังใบหน้าไว้ พวกเขาจึงรับงานเช่นนั้นไม่ได้
ตั้งแต่เกิดมา นี่เป็นครั้งแรกที่เซี่ยเหลียนต้องกังวลเรื่องปากท้อง เพิ่งเข้าใจความรู้สึกของผู้ศรัทธาที่หิวโหย สักพักทั้งสามก็เจอกลุ่มนักแสดงข้างถนนที่มีคนมุงดู มู่ฉิงเลยเสนอให้ไปทำการแสดงแบบนั้นบ้าง แต่ก็ถูกเฟิงซิ่นด่าว่าจะให้เชื้อพระวงศ์สูงส่งแบบเซี่ยเหลียนไปทำงานน่าอายสร้างความบันเทิงให้ผู้อื่นได้อย่างไร พอเซี่ยเหลียนเห็นพวกนักแสดงก้มเก็บเศษเงินที่มีคนโยนให้ก็ไม่อยากทำเช่นกัน มู่ฉิงกลอกตา คิดว่าในเมื่องานแบกอิฐหามปูนก็ทำมาแล้ว สิ่งนี้จะต่างตรงไหน นู้นก็ไม่เอา นี่ก็ไม่ได้ บอกให้เอาของไปจำนำ เฟิงซิ่นก็ไม่ยอมอีก อ้างว่าจำนำไปเยอะแล้ว ต้องพยายามเก็บที่เหลือไว้ สักพักพวกเขาก็เห็นกลุ่มทหารหย่งอันตามล่าจับตัวราชวงศ์เซียนเล่อที่เหลือ ด้วยความเป็นห่วงพ่อแม่ เซี่ยเหลียนเลยรีบกลับไปที่ซ่อนตัวของพวกตน
ราชินีพยายามทำอาหาร แต่เพราะไม่เคยทำมาก่อนเลยเกือบทำไฟไหม้ เซี่ยเหลียนจึงต่อว่าว่าควันจะทำให้เป็นจุดเด่นเรียกคนมา เขาไม่อยากไปพบหน้าบิดา ก่อนหน้านี้ทั้งคู่ก็มักทะเลาะกันอยู่แล้ว พอต้องตกต่ำลงกันทั้งพ่อลูกเลยยิ่งไม่อยากเห็นหน้ากันเนื่องจากต่างอับอายในตนเอง พอรู้ว่าลูกชายยังไม่ได้กินอะไร ราชินีก็เรียกทุกคนเข้าไปกินโจ๊กที่เธอเพิ่งทำ เมื่อเห็นหน้าตาโจ๊กทั้งสามก็ถึงกับติดสตั๊น หลังกลับเข้าไปหางานต่อ เซี่ยเหลียนก็ต้องลูบหลังให้เฟิงซิ่นกับมู่ฉิงที่อาการย่ำแย่
ไม่นานนักทั้งสามก็หางานดำนาได้ หลังทำไปได้สักพักมู่ฉิงก็บอกให้เซี่ยเหลียนไปพัก เขาจะทำงานส่วนของเซี่ยเหลียนเอง เพราะหากเสื้อผ้าของเซี่ยเหลียนสกปรกเขาต้องเป็นคนซัก แต่ก็ถูกหัวหน้างานสั่งไม่ให้คุยกัน พอตกเย็นก็เหนื่อยทั้งกายใจ เมื่อได้ยินเสียงผู้คนตื่นเต้นกันก็หันไปดู จึงได้เห็นว่าคนกำลังมุงดูเห็นรูปปั้นองค์ชายรัชทายาทแห่งเซียนเล่อคุกเข่า ชาวบ้านคนหนึ่งบอกว่าเอารูปปั้นเทพแห่งโชคร้ายมาทำไม คนที่แบกมาก็บอกว่าถ้าเหยียบรูปปั้นของเทพแห่งโคร้ายจะได้โชคดี เฟิงซิ่นเกือบออกไปบวก แต่มู่ฉิงก็ห้ามไว้ เมื่อมีคนบอกว่าทำอย่างนี้ไม่ค่อยเหมาะสม อย่างไรอีกฝ่ายก็เคยเป็นเทพและองค์ชายรัชทายาทมาก่อน คนกลุ่มนั้นก็บอกเซียนเล่อล่มสลายแล้วจะมาองค์ชายอะไรอีก และเซี่ยเหลียนควรต้องขอบคุณพวกตนด้วยซ้ำ เพราะหากพวกตนเหยียบย่ำ ถ่มน้ำลายใส่แล้วมีโชค เซี่ยเหลียนก็ย่อมได้กุศลด้วย
เซี่ยเหลียนทนฟังไม่ได้แล้วเข้าไปต่อยตีชายคนนั้น เฟิ่งซิ่นที่รอคนเปิดมานานแล้วรีบเข้าร่วมวงทันที ส่วนมู่ฉิงก็ไม่แน่ใจว่าถูกลากไปร่วมวงด้วยหรือตั้งใจเข้าไปเอง หลังอุตลุดพักหนึ่ง มู่ฉิงก็หิ้วอีก 2 คน ออกมา บอกว่าฆ่ามนุษย์ไม่ได้ไม่อย่างนั้นจะมีความผิดเพิ่มขึ้น และเพราะพวกตนเข้าไปก่อวิวาทจนต้องหนีออกมา ทำให้สุดท้ายจึงไม่ได้รับค่าจ้างของวันนี้เลย มู่ฉิงจึงเดือดโทษทั้งสองคน เฟิงซิ่นก็ด่าว่าทำไมต้องคุยเรื่องเงินในเวลาเช่นนี้ มู่ฉิงยิ่งโมโห บอกว่าเวลาแบบไหน ก็เวลาที่ทุกคนหิวอย่างนี้ไงล่ะถึงต้องพูดเรื่องเงิน เฟิงซิ่นเลยถามกลับว่าเซี่ยเหลียนถูกดูถูกขนาดนี้จะให้ทนอยู่ได้ยังไง มู่ฉิงตอกกลับว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องธรรมดาหลังพ่ายแพ้สงคราม อนาคตย่อมยิ่งกว่านี้ ถ้าเซี่ยเหลียนไม่เรียนรู้ที่จะชินกับมันก็ไม่มีทางมีชีวิตต่อไปหรอก เมื่อเฟิงซิ่นเถียงว่าจะให้เซี่ยเหลียนชินกับเรื่องทุเรศพวกนี้ได้ยังไง เซี่ยเหลียนก็สั่งให้ทั้งสองหยุดทะเลาะกันแล้วกลับไปเตรียมหารถเข็นไปรับพ่อแม่ของเขาเพื่อหนีออกจากเมืองในคืนนี้ เฟิงซิ่นรีบตอบรับ แต่พอเดินไปสักพักก็สังเกตว่ามู่ฉิงไม่ได้เดินตามมา อีกฝ่ายบอกว่าเขาไม่อยากติดตามเซี่ยเหลียนแล้ว ขออนุญาตให้เขาจากไปด้วย
.
.
.
.
.
>> 230 โอ้โห... เปิดมาก็อยากร้องเลย กลิ่นดราม่าคละคลุ้ง...
Arc4 มาแล้ว โอยยย ตับจะแตก
วันพีซดังจากการสอนให้รู้จักว่าครอบครัวที่บิดเบี้ยวเเหลกเหลว พ่อแม่หัวควยเป็นยังไง
ลูฟี่ถูกพ่อแม่ทิ้งให้อยู่กับปู่ที่เป็นทหาร แต่กลับโตมากลายเป็นคนที่ไม่รู้จักความเดือดร้อนของคนอื่นที่โดนพังข้าวของเสียหาย มีความคิดนอกลู่นอกทางแทนที่จะเป็นทหาร กลับอยากเป็นโจร เนื่องจากลูฟี่ถูกทอดทิ้งไม่ได้รับการสั่งสอนจากพ่อแม่ จึงกลายเป็นสวะสังคมที่ต้องหาจุดเด่นให้ตัวเองเป็นที่ยอมรับ
ซันจิมีพ่อบ้ากาม มีเมียน้อยมากมาย โรคจิต พี่เป็นพวกตายด้าน ชอบบุลลี่ทำให้ซันจิกลายเป็นพวกเก็บกด ลักเพศ สับสนในเพศและชีวิตตัวเอง วิถีสุภาพบุรุษที่ไม่เตะผู้หญิงคือได้จากเชฟขาแดง แท้จริงแล้วตอนโดนพุดดิ้งเยาะเย้ย ซันจิอยากจะเตะพุดดิ้งให้หน้ายับ ต่อยหีบิ๊กมัมให้มดลูกแตก
ดอฟฟี่มีพ่อโง่ที่อยากออกจากการเป็นชาวมังกรฟ้า แต่เสือกง่อยทำไรไม่เป็นเนื่องจากพ่อดอฟฟี่เกิดมาบนปุยเมฆ มีพี่เลี้ยงคอยเช็ดตูด ก่อนกินข้าวก็มีคนบดอาหารให้ทำให้เมื่อเป็นคนธรรมดาแล้ว พ่อของดอฟฟี่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองและครอบครัว จนดอฟฟี่โดนชาวบ้านกลั่นแกล้ง ทรมานกลายเป็นโดนด้านมืดครอบงำจิตใจ
ไอ้ราชาเก๊โรเจอร์ปั้มลูกเพื่อให้ลูกสานต่อความฝันวันพีซ รู้เต็มอกว่าสิ่งที่อยู่ที่ลาฟเทลมันยังไม่ถึงเวลาครอบครอง แต่เสือกทำตัวคลิกเบทโม้ประหนึ่งว่ากูได้เจอ กูได้ครอบครอง ทำให้ผลกรรมมาตกที่เมียต้องอั้นลูกอั้นขี้ไว้จนตาย ลูกชายเกิดมาก็มีปมพ่อจ๋า โดนชาวบ้านรังเกียจ เหยียดหยาม อายุก็สั้น เมียไม่มี สานฝันพ่อพินอคคิโอ้ขี้โม้ไม่ได้เลย
นี่คือตัวอย่างที่ทำให้วันพีซดังเพราะความสาระยำให้ไอ้พวกพ่อแม่กร๊วกเวรครับ
นิยายโม่เซียงมันต้องมีอะไรสักอย่างที่อิหยังวะมาก โดยเฉพาะปรมจ เว่ยอิงตัวหาเรื่องขนานแท้ ถ้าไม่ก่อเรื่อง สกุลเจียงจะชิบหายแบบนี้มั้ย
>>237 กุเอง >>236 กุว่าไม่โทรลมั้ง แต่อาจจะผิดมู้มาไกลมากกก
กุพยามจะนึกถึงด้อมโม่เซียงที่พ่อแม่เลี้ยงมาดีๆ แต่ส่วนใหญ่พ่อแม่ไม่ครบทั้งนั้นเลย 5555 เซี่ยเหลียนนี่ฝั่งแม่เลี้ยงดีมาก แต่ฝั่งพ่อเหมือนจะทำตัวไม่ค่อยถูกกับลูก ตีกันเนืองๆ แต่ตัวเซี่ยเหลียนเองก็ดูถูกพ่อนิดๆด้วย แต่เซี่ยเหลียนตอนเด็กๆก็นิสัยอ่อนต่อโลกด้วยแหละ
ยิ่งarc4 ช่วงท้ายๆปมปัญหาพ่อแม่คือแย่มาก toxicใส่ลูกตัวเองชิบหาย(กุหมายถึงหลังจากเฟิ่งซิ่นเลิกติดตามเซี่ยเหลียนไปแล้ว ฉากนั้นแหละ)
>>240 กุสงสัยมานานละ กุเมนเว่ยอิง ขอกุปกป้องเมนกุหน่อย เว่ยอิงมันทำตระกูลเจียงล่มตรงไหนวะ ตระกูลเวินมันจะขยายอำนาจอยู่แล้วเรื่องเล็กๆน้อยๆแม่งก็หาเรื่องได้หมด หรือถ้ามันขัดตีนตระกูลเวินจริงๆแล้วตระกูลเวินจะล้างแค้นก็ลงกับเว่ยอิงคนเดียวมั้ย ลงกับทั้งตระกูลแม่งโคตรข้ออ้างอ่ะ แล้วคนก็เกลียดเมนกุเพราะเหตุผลนี้เยอะเลย ทั้งที่เมนกุแค่โดนvictim blaming
>>242 เพราะว่าตอนเซี่ยเหลียนเด็ก พ่อโม้ไว้เยอะว่าตัวเองเก่งอย่างนู้นอย่างนี้ พอลูกโตมาเห็นความจริงว่าพ่อก็แค่คนธรรมดาก็เลยไม่เคารพ ยิ่งความเห็นหลายอย่างไม่ตรงกัน พอลูกชายทำอย่างนั้นใส่ พ่อเซี่ยเหลียนไม่อยากเสียหน้ากับลูกชายก็เลยพาลชวนทะเลาะกัน แต่ก็อยู่แค่ระดับแค่นี้ โดยรวมยังถือว่าเลี้ยงดี
ส่วนปมท้ายอาร์ค 4 กูว่าพ่อแม่เซี่ยเหลียนน่าจะคิดว่าตัวเองเป็นตัวถ่วงและเป็นต้นเหตุที่ทำให้เซี่ยเหลียนเปลี่ยนไป จริงๆ มันเป็นความหวังดีนะ แต่เป็นความหวังดีที่ทิ้งปมให้ลูก ไม่ได้คิดในมิติว่าเซี่ยเหลียนจะเจ็บแค่ไหน
>>243 มองในอีกแง่หนึ่งก็คือเป็นเพราะเว่ยอิงไปทำเรื่องขัดกับตระกูลเวินในถ้ำเต่านั่นไว้ ถ้าเว่ยอิงทนใจดำไม่ยอมออกหน้าช่วยเหมียนเหมียนทั้งๆ ที่เจียงเฉิงก็ห้ามแล้ว ตระกูลที่โดนฆ่าล้างอาจจะเป็นตระกูลจิน หรือตระกูลหลานแทน ซึ่งพอมีตระกูลอื่นรับกรรมเป็นไก่ที่ถูกเชือดให้ลิงตัวอื่นดูแล้ว ตระกูลเจียงก็จะไม่โดนแบบนี้ ถึงตระกูลเวินจะหาทางกดขี่ ก็น่าจะแค่ระดับเดียวกับที่ทำกับตระกูลอื่นๆ เว่ยอิงอาจไม่ใช่ปัจจัยหลักตรงๆ ที่ทำให้ตระกูลเจียงล่ม แต่ก็เป็นฟันเฟืองตัวหนึ่งที่มีส่วนทำให้เรื่องออกมาเป็นอย่างนี้
>>245 คือกุไม่ปฏิเสธว่าเพราะเว่ยอิงตระกูลเวินเลยได้ทาร์เก็ตเป็นตระกูลเจียง แต่มันก็เป็นปัจจัยที่อ้อมมากๆอ่ะแทบไม่รีเลทกันเลย พอเห็นคนโทษเว่ยอิงตรงๆว่าเพราะเว่ยอิงตระกูบเจียงเลยชิบหายกุก็ปวดใจว่ะ สมมติกุโทษคุณแม่ว่าถ้าตอนนั้นยอมใจแข็งตัดแขนเว่ยอิงเอาใจตระกูลเวิน ตระกูลเวินคงไม่ฆ่าล้างตระกูลเจียงงี้ได้มั้ยอ่ะ แต่คุณแม่ก็ไม่ผิดไง เว่ยอิงก็ไม่ผิดเหมือนกัน คนผิดคือตระกูลเวินที่มันตั้งใจจะเลวฆ่าล้างตระกูลไหนซักตระกูลเพื่อเชือดไก่ให้ลิงดูไง
กูว่าตระกูลเวินมันตั้งใจมานานแล้ว เหิมเกริม บ้าอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ แค่รอเวลาเท่านั้นแหละ
สปอยเทียนกวานอาร์ค 4 ต่อจาก >>230 เทียนกวาน Part.139
.
.
.
.
.
คำพูดของมู่ฉิงทำให้เซี่ยเหลียนเซไปพิงกำแพง เฟิงซิ่นเลยถามว่าอีกฝ่ายหมายความว่ายังไง มู่ฉิงอ้างว่าราชากับราชินีเป็นพ่อแม่ของเซี่ยเหลียน ซึ่งเขาเองก็มีแม่ที่ต้องดูแลเช่นกัน จะให้เขาดูแลพ่อแม่คนอื่นแต่ไม่ดูบุพการีตัวเองหรือ พอเฟิงซิ่นถามว่านั่นคือเหตุผลหลักเหรอ มู่ฉิงก็บอกว่า อีกสาเหตุหนึ่งก็คือเขารู้สึกอึดอัด ทัศนคติของพวกเขาต่างกันเกินไป อยู่ด้วยกันไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น พอเฟิงซิ่นโวยวาย ก็บอกเพิ่มว่าคนอย่างเฟิงซิ่นอาจมีความสุขกับการได้อยู่รอบผู้อื่น แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะรู้สึกแบบนั้น ในที่สุดเซี่ยเหลียนก็บอกให้ทั้งคู่หยุด เขาไม่อยากบังคับจิตใจใคร แล้วบอกให้มู่ฉิงไป
เฟิงซิ่นด่ามู่ฉิงว่าพอมีสุขร่วมเสพย์ แต่พอมีทุกข์ไม่ยอมอยู่ด้วยกัน แล้วบอกว่าตนจะไม่มีทางทิ้งเซี่ยเหลียนไปเด็ดขาด ระหว่างที่เขาออกไปหารถเพื่อพาราชากับราชินีหนี เซี่ยเหลียนก็เดินไปตามริมแม่น้ำ เขาเชื่อมั่นในคำว่าตลอดไปมาตลอด เป็นเพื่อนกันตลอดไป ไม่มีการหักหลัง ไม่มีวันเลิกรา ตามตำนานเรื่องเล่าขานของผู้กล้ามีเพียงการถูกชะตาบังคับหรือความตายที่ทำให้ต้องแยกทางกับใคร ไม่มีตำนานไหนเล่าว่าคนสองคนแยกกันเพราะมีความเห็นไม่เหมือนกัน เพราะอีกฝ่ายใช้เงินฟุ่มเฟือยหรือเพราะอีกฝ่ายนิสัยเสีย
เห็นโคมลอยตามน้ำกับเหล่าเด็กๆ เล่นริมน้ำเซี่ยเหลียนก็คิดได้ว่าวันนี้คือเทศกาลซ่งหยวน พอหันไปเจอชายชรากำลังหลอกขายโคมที่มีวิญญาณของคนตายให้เด็กๆ เขาก็เข้าไปขัดขวาง พ่อค้าด่าเซี่ยเหลียนที่มาทำให้การค้าเสียหาย พออีกฝ่ายทำท่าจะจากไป เซี่ยเหลียนก็รั้งไว้ ถามว่าไปจับวิญญาณพวกนั้นมาจากที่ไหน พ่อค้าบอกว่าจับมาจากสนามรบเก่า เซี่ยเหลียนเลยสั่งห้ามอีกฝ่ายขายโคมต่อ เพราะวิญญาณทหารเหล่านั้นคือวีรชนที่ป้องปกบ้านเมือง พ่อค้าไม่ยอม บอกว่าตนก็ต้องหาเงินไว้กินไว้ใช้ เซี่ยเหลียนเลยควักเงินที่มีติดตัวเพียงน้อยนิดซื้อโคมพวกนั้นมาถอนผนึกออก ทำพิธีส่งวิญญาณอย่างง่ายๆ ขณะปล่อยโคมลอยไปตามแม่น้ำ แต่ กลับมีวิญญาณดวงหนึ่งลอยมาอยู่รอบๆ ตัวเขาไม่จากไป ส่งเสียงเรียกเขาว่าฝ่าบาท ท่าทางยินดีที่ได้พบกับเซี่ยเหลียน
เซี่ยเหลียนถามวิญญาณดวงนั้นว่าทำไมถึงไม่ไปสู่สุขคติ อีกฝ่ายตอบว่าเป็นเพราะคนที่เขารักยังอยู่บนโลกใบนี้ แม้คนๆ นั้นอาจจำเขาไม่ได้เพราะเคยพูดกันไม่กี่ครั้ง แต่เขาก็ยังต้องการอยู่เพื่อปกป้องอีกฝ่าย พอเซี่ยเหลียนบอกว่าเช่นนั้นเจ้าจะไม่มีวันได้สู่สุขคตินะ หากคนๆ นั้นรู้เรื่องนี้เข้าคงรู้สึกแย่และรู้สึกผิด วิญญาณตอบกลับว่าเช่นนั้นเขาก็จะไม่ให้อีกฝ่ายรู้ว่าทำไมเขาถึงยังไม่จากไป พอเซี่ยเหลียนบอกว่าถ้าเห็นอีกฝ่ายตามปกป้องบ่อยๆ สักวันคนๆ นั้นก็คงรู้อยู่ดี วิญญาณก็เอ่ยว่าถ้าอย่างนั้นเขาจะพยายามไม่ให้คนๆ นั้นรู้ว่าตนตามปกป้องอยู่ เมื่อเห็นความมั่นรักของวิญญาณตรงหน้า นึกว่าอีกฝ่ายคงต้องพรากจากคนที่รักเพราะเขาแพ้สงคราม เซี่ยเหลียนก็เอ่ยขอโทษ แต่วิญญาณดวงนั้นก็ตอบกลับมาว่าการได้ตายเพื่อเซี่ยเหลียนถือเป็นเกียรติของเขา
การที่แม้ตัวตายก็ยังภักดีต่อตนทำให้เซี่ยเหลียนยิ่งรู้สึกผิด เขาเอ่ยขอโทษอีกครั้งและบอกให้อีกฝ่ายลืมตน แต่วิญญาณดวงนั้นก็ยืนยันว่าเขาจะไม่มีวันลืมเซี่ยเหลียน และจะเป็นผู้ศรัทธาของเซี่ยเหลียนตลอดไป แต่เซี่ยเหลียนที่สูญเสียผู้ศรัทธาไปจนหมด แม้แต่เพื่อนคนหนึ่งก็ทอดทิ้งกลับไม่เชื่อ เพราะแม้แต่ตอนนี้เขาก็ยังไม่เชื่อในตนเองเลย
เมื่อเดินทางมาถึงอีกเมืองและหาที่ซ่อนตัวให้พ่อแม่ได้แล้ว เซี่ยเหลียนกับเฟิงซิ่นก็ออกหางานทำ แต่พอขาดคนที่เคยอยู่ด้วยกันไปคนหนึ่งก็เริ่มรู้สึกว่ายากลำบากขึ้น เพราะปรกติมู่ฉิงจะเป็นคนนับเงิน และเก็บกระเป๋า พอให้คนที่ไม่ละเอียดอ่อนอย่างเฟิงซิ่นรับหน้าที่แทนก็มักเผลอทำกระเป๋าหาย เซี่ยเหลียนเลยต้องรับหน้าที่มาเป็นของตน พอมู่ฉิงไม่อยู่ ก็ไม่มีคนทำหน้าที่ส่งอาหารให้ราชากับราชินี เซี่ยเหลียนกับเฟิงซิ่นเลยต้องทำหน้าที่เอง ราชินีขยันทำอาหารให้ทั้งสองคน แต่ด้วยสกิลของเธอทำให้ของที่ทำออกมาดูไม่ได้ทั้งนั้น พอราชินีละสายตาไปดูสามี เซี่ยเหลียนกับเฟิงซิ่นก็แอบเอาของในชามไปทิ้ง เมื่อราชินีถามถึงมู่ฉิง เซี่ยเหลียนเลยโกหกไปว่าเขาส่งอีกฝ่ายไปทำงานที่อื่น จากนั้นเฟิงซิ่นจึงสังเกตว่ามือของราชินีมีเลือดออก ราชินีบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก เพียงแค่เธอไม่เคยซักผ้ามาก่อน เซี่ยเหลียนถึงนึกว่าออกปรกติมู่ฉิงเป็นคนซักเสื้อให้เขากับพ่อแม่มาตลอด เซี่ยเหลียนไม่อยากเห็นแม่ลำบากจึงบอกว่าต่อไปเขาจะเป็นคนทำเอง แต่ราชินีก็บอกว่าไม่อยากเพิ่มงานให้ลูกชาย อีกทั้งเธอก็มีเวลามากจึงอยากทำงานพวกนี้ให้ พอเห็นทั้งสองกินอาหารของเธออย่างเอร็ดอร่อยก็มีความสุขแล้ว ทำเอาเซี่ยเหลียนกับเฟิงซิ่นรู้สึกผิดขึ้น แล้วราชินีก็เอ่ยว่าถ้ามีโอกาส พรุ่งนี้ช่วยซื้อยามาให้เธอหน่อย
.
.
.
.
.
วันพีซดังจากการสอนให้รู้จักว่าครอบครัวที่บิดเบี้ยวเเหลกเหลว พ่อแม่หัวควยเป็นยังไง
ลูฟี่ถูกพ่อแม่ทิ้งให้อยู่กับปู่ที่เป็นทหาร แต่กลับโตมากลายเป็นคนที่ไม่รู้จักความเดือดร้อนของคนอื่นที่โดนพังข้าวของเสียหาย มีความคิดนอกลู่นอกทางแทนที่จะเป็นทหาร กลับอยากเป็นโจร เนื่องจากลูฟี่ถูกทอดทิ้งไม่ได้รับการสั่งสอนจากพ่อแม่ จึงกลายเป็นสวะสังคมที่ต้องหาจุดเด่นให้ตัวเองเป็นที่ยอมรับ
ซันจิมีพ่อบ้ากาม มีเมียน้อยมากมาย โรคจิต พี่เป็นพวกตายด้าน ชอบบุลลี่ทำให้ซันจิกลายเป็นพวกเก็บกด ลักเพศ สับสนในเพศและชีวิตตัวเอง วิถีสุภาพบุรุษที่ไม่เตะผู้หญิงคือได้จากเชฟขาแดง แท้จริงแล้วตอนโดนพุดดิ้งเยาะเย้ย ซันจิอยากจะเตะพุดดิ้งให้หน้ายับ ต่อยหีบิ๊กมัมให้มดลูกแตก
ดอฟฟี่มีพ่อโง่ที่อยากออกจากการเป็นชาวมังกรฟ้า แต่เสือกง่อยทำไรไม่เป็นเนื่องจากพ่อดอฟฟี่เกิดมาบนปุยเมฆ มีพี่เลี้ยงคอยเช็ดตูด ก่อนกินข้าวก็มีคนบดอาหารให้ทำให้เมื่อเป็นคนธรรมดาแล้ว พ่อของดอฟฟี่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองและครอบครัว จนดอฟฟี่โดนชาวบ้านกลั่นแกล้ง ทรมานกลายเป็นโดนด้านมืดครอบงำจิตใจ
ไอ้ราชาเก๊โรเจอร์ปั้มลูกเพื่อให้ลูกสานต่อความฝันวันพีซ รู้เต็มอกว่าสิ่งที่อยู่ที่ลาฟเทลมันยังไม่ถึงเวลาครอบครอง แต่เสือกทำตัวคลิกเบทโม้ประหนึ่งว่ากูได้เจอ กูได้ครอบครอง ทำให้ผลกรรมมาตกที่เมียต้องอั้นลูกอั้นขี้ไว้จนตาย ลูกชายเกิดมาก็มีปมพ่อจ๋า โดนชาวบ้านรังเกียจ เหยียดหยาม อายุก็สั้น เมียไม่มี สานฝันพ่อพินอคคิโอ้ขี้โม้ไม่ได้เลย
นี่คือตัวอย่างที่ทำให้วันพีซดังเพราะความสาระยำให้ไอ้พวกพ่อแม่กร๊วกเวรครับ
เมื่อไหร่กูจะได้อ่านเล่ม 4 วะ
กูเห็นมังฮวาเทียนกวานระงับจริงไหมวะ
ดันนนน
ดันด้วยยย
มาดัน
สปอยเทียนกวานอาร์ค 4 ต่อจาก >>249 เทียนกวาน Part.140
.
.
.
.
.
พอรู้ว่ายาที่แม่ต้องการคือยารักษาอาการไอเป็นเลือด เซี่ยเหลียนก็เสียงสูงด้วยความตกใจทำให้ราชาได้ยินแล้วดุภรรยาทันทีว่าตนบอกแล้วว่าไม่ให้บอก เซี่ยเหลียนรีบเข้าไปต่อว่าพ่อว่าทำไมถึงไม่รรีบบอก ปล่อยให้อาการทรุดหนักจนยากจะรักษาแล้วเช่นนี้ ทั้งสองทะเลาะกัน แต่พอเซี่ยเหลียนบอกว่าต้องรีบพาไปหาหมอ เฟิงซิ่นก็เตือนว่าหากทำเช่นนั้นทหารหย่งอันจะพบตัว ราชินีเสริมว่าเพราะเช่นนั้นพวกตนจึงไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเซี่ยเหลียน และขอให้ช่วยซื้อยามาลองดูก่อน
เซี่ยเหลียนไปหยิบกระบี่ฮ่องจินแล้วส่งให้เฟิงซิ่นนำมันไปจำนำเพื่อนำเงินไปซื้อยา ด้วยความที่กระบี่เล่มนั้นเป็นสิ่งที่จวินอู๋มอบให้ทำให้เฟิงซิ่นพยายามห้ามไว้ ระหว่างทางทั้งคู่เจอกลุ่มชาวบ้านกำลังมุงดูบางอย่าง เมื่อสอบถามก็ได้ความว่าบ่าวรับใช้ผู้หนึ่งกำลังซ้อมเจ้านาย เนื่องจากบ่าวผู้นั้นติดตามรับใช้นายอย่างภักดีมานาน ทว่าเจ้านายกลับไม่เห็นค่า ทั้งๆ ที่รู้ว่าครอบครัวของบ่าวยากจนก็ยังไม่ยอมจ่ายเงินเดือนและใช้งานหนัก ในที่สุดบ่าวผู้นั้นก็ทนไม่ไหว ได้ยินดังนั้นเซี่ยเหลียนก็ตัวสั่น ยิ่งเฟิงซิ่นเอ่ยเห็นด้วยกับการกระทำของบ่าวคนนั้นก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัว
ด้วยความที่ไม่ได้พาคนไข้มา หมอจึงจ่ายยาสุ่มตามอาการให้ แต่โรคหนัก ค่ายาจึงแพง เงินที่ได้จากการจำนำจึงซื้อยาได้พอใช้ไม่นาน ขณะที่เฟิงซิ่นไปต้มยา เซี่ยเหลียนก็รีบกลับไปหาผ้าผูกเอวทองคำผืนสุดท้ายมามอบให้เพราะเพิ่งตระหนักได้ว่าทั้งๆ ที่เฟิงซิ่นติดตามตนมานาน ยามยากก็ไม่ทิ้งไปไหน แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขากลับไม่เคยมอบอะไรให้อีกฝ่ายเลย ด้วยความกลัวว่าเฟิงซิ่นจะทอดทิ้งตนไปอีกคนจึงมอบของซื้อใจโดยไม่ได้บอกเหตุผล ตอนแรกเฟิงซิ่นปฏิเสธ บอกว่าภายหน้าอาจต้องนำไปจำนำซื้อยาอีก แต่พอเซี่ยเหลียนคะยั้นคะยอมากเข้า ในที่สุดเขาก็รับไว้โดยอธิบายว่าหากต้องการใช้ก็มาเอาคืนไปได้เลย
เซี่ยเหลียนรู้สึกผิดต่อพ่อ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปขอโทษยังไง พวกเขาไม่อาจหยุดพักนาน จำต้องออกเดินทางหนีการจับกุมเป็นระยะ แต่พอออกมาไกลเซียนเล่อมากขึ้นก็พบว่าชาวบ้านต่างดูสงบสุขไร้ความทุกข์ร้อน แม้จะมีการพลัดเปลี่ยนแผ่นดินก็ไม่ได้รู้สึกแตกต่าง เงินที่ได้จากการจำนำฮ่องจิ้นใกล้หมดแล้ว ทรัพย์สมบัติที่พอจำนำได้ก็ไม่เหลือแล้ว พอเห็นการแสดงข้างถนนที่ตนเคยไม่ยอมทำก่อนหน้า เซี่ยเหลียนจึงชวนเฟิงซิ่นให้ลองแสดงหาเงินดู เฟิงซิ่นบอกว่าตนทำคนเดียวก็พอ แต่สุดท้ายเซี่ยเหลียนก็ต้องออกไปร่วมแสดงด้วยอยู่ดี แต่ตอนก้มลงเก็บเศษเหรียญก็อดรู้สึกเหมือนได้สูญเสียอะไรบางอย่างไปไม่ได้ ทว่าเฟิงซิ่นกลับโชว์ยิงธนูไปปักธงประดับของคนอื่นโดยไม่ทันคิด ทั้งสองจึงถูกพาเข้าไปในบ้านหลังนั้นซึ่งเป็นสถานเริงรมย์เพื่อให้ชดใช้ค่าเสียหาย พอแม่เล้าเห็นพวกเขาไม่มีเงินจึงตั้งใจพาเซี่ยเหลียนไปบริการลูกค้า โชคดีที่เฟิงซิ่นรีบลากเซี่ยเหลียนหนีออกมาได้ก่อน
เซี่ยเหลียนกับเฟิงซิ่นเปลี่ยนสถานที่ตั้งการแสดง ด้วยความที่การแสดงสดใหม่ทำให้พวกเขาได้เงินมาค่อนข้างมาก แต่สุดท้ายก็ถูกนักแสดงเจ้าถิ่นตามมาหาเรื่องถึงที่พักเพราะทั้งสองไปแย่งพื้นที่ทำมาหากินจนพวกเขาไม่ได้เงินเลย เซี่ยเหลียนพยายามเถียงว่าไม่ใช่ความผิดของพวกตน พออีกฝ่ายจะรุม เฟิงซิ่นก็ต่อยกำแพงเป็นหลุมให้อีกฝ่ายหงอไป สุดท้ายพวกนักแสดงเจ้าถิ่นจึงเสนอให้ทำการแสดงอกหินผาแข่งกัน ผู้ใดชนะก็จะได้อยู่ต่อ ส่วนผู้แพ้ต้องออกไปจากบริเวณนั้น แต่ด้วยความที่เซี่ยเหลียนกับเฟิงซิ่นเป็นเทพ สกิลสูงกว่าอีกฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด ทว่าด้วยเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับปากท้อง หากไม่พยายามตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าต่อไปจะใช้ชีวิตต่ออย่างไร ชายนักแสดงที่เข้ามาแข่งด้วยจึงฝืนตัวเอง แม้กระอักเลือดบาดเจ็บก็หมายสู้ตาย เซี่ยเหลียนเห็นว่าหากแข่งต่อไปอีกฝ่ายต้องตายแน่ จึงเป็นฝ่ายขอยอมแพ้เองแม้เฟิงซิ่นจะไม่เห็นด้วยก็ตาม
ด้วยความที่อาการป่วยของราชาแย่ลง ทำให้พวกเซี่ยเหลียนไม่อาจย้ายเมืองเพื่อหาที่ทำการแสดงใหม่ พอเซี่ยเหลียนเห็นเฟิงซิ่นที่กำลังต้มยาร้องเพลงอารมณ์ดีก็รู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ พอนึกว่าหลังจากเหตุการณ์มีเรื่องกับพวกนักแสดงเจ้าถิ่นตอนนั้น บางทีอีกฝ่ายก็ชอบยิ้มคนเดียวโดยไม่มีเหตุผล บางทีก็ทำอะไรพลาดบ่อยๆ แต่ด้วยความเหนื่อยเซี่ยเหลียนจึงคร้านจะสอบถาม พอเขาเห็นว่ายาชุดนี้เป็นชุดสุดท้ายที่เหลืออยู่ เซี่ยเหลียนก็บอกเฟิงซิ่นว่าตนจะหาวิธีหาเงินมาเอง ให้อีกฝ่ายคุ้มครองราชากับราชินีไว้ และห้ามตามเขามาเด็ดขาด
Note 1 : เผื่อลืมไปแล้ว ที่ตอนหลังเฟิงซิ่นมีอาการแปลกๆ เป็นเพราะกำลังมีความรักกับเจียนหลันที่เจอที่ซ่อง พอไม่ต้องย้ายเมืองก็เลยแอบดีใจ
Note 2 : สุดท้ายทั้งสองก็ต้องมาแสดงข้างถนน ทั้งๆ ที่ตอนแรกมู่ฉิงก็ชวนแล้ว แถมยังด่าอีกฝ่ายด้วย
.
.
.
.
.
สปอยเทียนกวานอาร์ค 4 ต่อจาก >>262 เทียนกวาน Part.141
.
.
.
.
.
ด้วยปัญหาที่บีบคั้นทำให้เซี่ยเหลียนตัดสินใจดักปล้นชาวบ้าน แต่ด้วยความรู้สึกผิดทำให้เขาไม่อาจทำใจลงมือกระทำได้ทันที หลังจากปล่อยผ่านคนไปหลายคน เมื่อทำใจได้ชายที่เขาตัดสินใจชิงทรัพย์กลับมีเครื่องรางอยู่เต็มตัว ทำให้เมื่อเขาร้องตะโกนขอความช่วยเหลือจึงมีเทพราว 33 องค์มาตามคำอธิษฐานอย่างว่องไว เห็นสายตาของทุกคน เซี่ยเหลียนก็ตัวแข็งด้วยความหวาดกลัว มีเทพบางองค์จำเซี่ยเหลียนได้ ต่างตะลึงกล่าวว่าไม่นึกว่าเซี่ยเหลียนจะทำเรื่องเช่นนี้ ก่อน บอกว่าเข้าใจว่าเซี่ยเหลียนกำลังอยู่ในช่วงยากลำบาก พวกตนจะไม่นำเรื่องนี้ไปบอกคนอื่น เซี่ยเหลียนกล่าวขอบคุณอย่างตะกุกตะกัก จำไม่ได้ว่าตนผละจากจุดนั้นมาอย่างไร ระหว่างที่ยืนฝั่งหน้ากับฝ่ามือก็เหมือนเห็นร่างสีขาวที่สวมหน้ากากอยู่ข้างหน้า แต่พอมองดีๆ ก็ไม่เห็นผู้ใด
เซี่ยเหลียนไม่อยากให้เฟิงซิ่นผิดหวังในตัวของเขาจึงไม่ยอมเล่าอะไรให้ฟัง พออีกฝ่ายชวนออกไปหาที่แสดงในวันต่อไปเซี่ยเหลียนก็ไม่อยากออกไปพบหน้าผู้ใด เฟิงซิ่นคิดว่าเซี่ยเหลียนคงเหนื่อย จึงบอกว่าไม่เป็นไร ตนจะไปแสดงคนเดียว เซี่ยเหลียนจะได้มีสมาธิกับการบำเพ็ญด้วย แม้ตอนแรกเซี่ยเหลียนจะพยายามบำเพ็ญเพื่อจะได้กลับขึ้นสวรรค์อีกครั้ง แต่เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นทำให้เขาไม่มีหน้ากลับไปเจอใครบนสวรรค์อีกแล้ว เขาไม่เชื่อว่าเทพกลุ่มนั้นจะไม่นำเรื่องที่องค์ชายรัชทายาทแห่งเซียนเล่อตั้งใจขโมยของชาวบ้านไปพูดให้คนอื่นฟัง เมื่อถึงห้องนอนก็นอนหลับฝันร้าย รู้สึกว่าทำให้พ่อแม่ต้องขายหน้าที่มีลูกชายเช่นนี้
เมื่อเซี่ยเหลียนตื่นขึ้นมาก็ออกไปหาสถานที่สงบใจ ในที่สุดก็มาถึงสุสานแห่งหนึ่ง อากาศหนาวเย็นจนเขาต้องกอดร่างของตัวเอง พอหันไปเจอไหเหล้าที่มีคนเอามาไหว้สุสานก็หยิบมากระดกโดยไม่สนใจว่าจะเป็นการทำผิดวิถีบำเพ็ญ ระหว่างนั่งกอดไหดื่มเหล้าไปเรื่อยๆ ก็เห็นดวงไฟวิญญาณดวงหนึ่งมาลอยอยู่ใกล้ๆ เซี่ยเหลียนคิดว่านั่นอาจเป็นวิญญาณเจ้าของเหล้าที่ตนหยิบมาดื่มซึ่งไม่พอใจในการกระทำของเขา เซี่ยเหลียนเลยบอกว่าตนจะไปแล้ว แต่ด้วยความเมามายทำให้เขาตกลงไปในหลุมศพเปล่าที่มีคนขุดเตรียมไว้ แข้งขาที่อ่อนยวบเพราะฤทธิ์สุราทำให้เขาปีนขึ้นไปไม่ได้สักทีทั้งๆ ที่หลุมก็ลึกนิดเดียว เซี่ยเหลียนสบถคำหยาบด้วยความโมโห สุดท้ายก็ตะโกนเรียกหาคนช่วยดึงเขาขึ้นไป แม้ไฟวิญญาณจะเหมือนอยากช่วย แต่ก็ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ หลังจากทุ่มพลังทั้งหมด ในที่สุดเซี่ยเหลียนก็ปีนขึ้นมาได้สำเร็จ เขาหอบหายใจ คู้ตัวกอดร่างของตนเอง พึมพำเสียงแผ่วเบาว่าหนาว ไฟวิญญาณเลยพยายามเปล่งแสง แต่ด้วยความที่มันเป็นไฟวิญญาณจึงไม่มีความอุ่นออกมาเลย ระหว่างที่เซี่ยเหลียนกำลังเคลิ้มๆ จะหลับ เขาก็ได้ยินเสียงสะอื้นเสียงหนึ่ง “พระเจ้า โปรดรอข้าที ขอข้าด้วยเถอะ ขอเวลาข้าอีกหน่อย ข้าจะ... ข้าจะ...”
เซี่ยเหลียนตื่นขึ้นมาเพราะถูกเฟิงซิ่นปลุก หลังจากโล่งใจที่เซี่ยเหลียนไปเป็นอะไรอีกฝ่ายก็เปลี่ยนไปโกรธจัด ต่อว่าที่เซี่ยเหลียนจู่ๆ ก็หายไป 2 วัน ทำเอาเซี่ยเหลียนถึงกับงง พอเฟิงซิ่นเล่าว่าเขาเมายำเป เที่ยวไปไล่ต่อยตีชาวบ้าน แถมยังไปขวางขบวนทหารหย่งอัน โชคดีที่เฟิงซิ่นไปเจอพอดีเลยรอดมาได้ พอเฟิงซิ่นกล่าวว่าเขาต้องโกหกราชากับราชินีเพื่อไม่ให้ทั้งสองเครียด เซี่ยเหลียนทำเช่นนี้แล้วจะกลับขึ้นสวรรค์ได้ยังไง เซี่ยเหลียนก็รีบเดินหนี เฟิงซิ่นเลยรู้สึกเอะใจถามว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่เซี่ยเหลียนก็ไม่ยอมตอบอีกฝ่าย สักพักถึงเพิ่งสังเกตว่าแก้มของเฟิงซิ่นบวมช้ำ แขนข้างหนึ่งก็มีผ้าพันแผล พอสอบถามถึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายถูกนักแสดงเจ้าถิ่นทำร้ายเพราะทำผิดสัญญา เซี่ยเหลียนเลยบอกไม่ให้เฟิงซิ่นไปแสดงอีก แต่อีกฝ่ายก็ดื้อ ไม่ยอมล้มเลิกหาเงินเด็ดขาด
เซี่ยเหลียนยิ่งรู้สึกผิดต่อเฟิงซิ่น กล่าวขอโทษอีกฝ่ายที่เขาปล่อยให้ไปทำงานคนเดียว ขอโทษที่สร้างปัญหาให้ คราวนี้พอเฟิงซิ่นเอ่ยว่าถ้าเพื่อทำให้เซี่ยเหลียนสามารถบำเพ็ญจนขึ้นสวรรค์ได้อีก เขาก็ยินดี คราวนี้เซี่ยเหลียนพยักหน้ารับอย่างแข็งขัน แม้แต่อาหารฝีมือราชินี เขาก็ช่วยเฟิงซิ่นกินจนหมด หลังจากนั้นขณะที่เฟิงซิ่นออกไปทำการแสดง เซี่ยเหลียนก็จะพยายามบำเพ็ญเพิ่มพลังทิพย์แต่ก็ไม่สามารถทำได้อยู่ดี เมื่อผ่านไป 2 เดือน เขาจึงตัดสินใจขอตัวเดินทางไปหาสถานที่บำเพ็ญที่มีพลังทิพย์ การฝึกจะได้คืบหน้า และพาทุกคนพ้นจากความลำบากนี้เร็วขึ้น ระหว่างนั้นของให้เฟิงซิ่นช่วยดูแลพ่อแม่ของเขาให้หน่อย ซึ่งเฟิงซิ่นก็รับปากอย่างดี วันต่อมาเซี่ยเหลียนก็บอกลาทั้งสามแล้วออกเดินทาง
.
.
.
.
.
ตามโม่งสปอยตลอดนะ กดเข้ามาดูทุกวันขอบคุณมากกกกก รู้สึกถึงความจุกแบบอึดอัดเลยอ่ะตอนต่อๆไป TT
โอ๊ย กูอยากรีบข้ามไปพาร์ท 5 เลย กำลังลุ้น ส่วนพาร์ทนี้ไม่อยากอ่านเลยถึงจะรู้ว่าเป็นอดีตแต่แม่งบีบหัวใจชิบหาย
กูไม่เข้าใจ
ปรมจ เล่ม 4 5 มันช้าเพราะไรวะ
แปลช้า ตรวจงานช้า หรือไร
ชาวบ้านชาวช่องต่างประเทศเค้า ตีพิมพ์ทีหลังแต่จบก่อน งงมั้ย
ทำไมช้าแบบนี้ ต้องการดึงลูกค้าให้อยู่กับสนพนานๆหรอ
กูเสียความรู้สึกกับบกรมากอะ วันหลังไม่ซื้อกับสนพนี้แล้ว
พวกมึงเลิกฉอดตอแหลๆว่าคงไม่ซื้อแล้วสักที555 มันตลก เพราะเค้าได้จีนดีๆมาก็ซื้ออยู่ดี ทำนานก็คงมีเหตุผลสิวะ
เออแต่กูก็เบื่ออ่านพาทอดีตของปรมจแล้วว่ะ อยากอ่านปัจจุบัน
กูเห็นบ่นจะเทๆกัน พอมีทอปปิคใหม่ก็ออกมาฉอดเหมือนเดิม เมื่อไหร่จะเทจริงๆซะทีวะ
อีกอย่างทำนานไม่น่ากลัวเท่าทำชุ่ยนะมึง เร่งสนพ.แต่พอดีๆเถอะ เดี๋ยวเกิดบ้าจี้เร่งออกมาแล้วชุ่ยจะซวยกันหมด
กูอยากเก็บให้มันครบๆ 5 เล่ม จะได้ปิดจ็อบไป
นี่เก็บมาปีกว่า ได้แค่ 3 จาก 5
มันเหมือนคนขี้ แต่ขี้ไม่สุดอะมึง
ค้างคา
ถ้าไม่เก็บ 1-3 มาก่อน คงเลือกไม่ซื้อเลย เพราะหมดอารมณ์อ่านแล้ว
เห็นว่าเก็บมาเกินครึ่ง เลยเก็บให้มันครบๆ
ถ้าเป็นสนพอื่น คงครบ 5 เล่มตั้งแต่ปีที่แล้วแล้วมั้ง
เรื่องวายที่เคยดังขนาดติดเทรนทวิตอันดับ1ทุกสัปดาห์
แต่สนพกลับได้รับเสียงด่ามากกว่าเสียงชม
แบบนี้ไม่เรียกว่าทำตัวเองแล้วให้เรียกว่าไรวะ
แทนที่จะสร้างชื่อเสียงให้สนพตัวเองให้เป็นที่รู้จัก
วันนี้กูบอกเลย ถ้าพูดถึง บกร กูจะนึกได้แค่ว่า
บกร = ดอง
สปอยเทียนกวานอาร์ค 4 ต่อจาก >>267 เทียนกวาน Part.142
.
.
.
.
.
เซี่ยเหลียนเดินทางมาถึงภูเขาเงียบสงบมีพลังทิพย์เหมาะกับการฝึกบำเพ็ญ ขณะที่เขากำลังสำรวจถ้ำด้วยความยินดี ไม่นานก็มีเทพชั้นล่างกลุ่มเล็กๆ ตามเข้ามา เขาจำได้ว่าบางคนเป็นคนที่อยู่ในเหตุการณ์ที่เขาพยายามปล้นชาวบ้านเมื่อตอนนั้น อีกฝ่ายบอกว่าพวกตนก็ต้องการฝึกบำเพ็ญที่นี่เช่นกัน เซี่ยเหลียนมาถึงที่นี่ก่อน แม้ไม่อยากฝึกกับคนอื่นอีกทั้งยังระเวงสายตาที่ฝ่ายนั้นมองตน แต่เพื่อเลี่ยงการปะทะเขาเลยยอมแบ่งปันสถานที่ให้ ทว่าเทพกลุ่มนั้นกลับอ้างว่าในเมื่อในอดีตเซี่ยเหลียนเคยยิ่งใหญ่ คราวนี้ก็ควรเสียสละให้คนอื่นแล้วออกไปจากที่นี่ซะ คำพูดรังแกกันเช่นนั้นเซี่ยเหลียนเดือดขึ้นมาโต้เถียงกับอีกฝ่าย เทพกลุ่มนั้นเอ่ยอ้อมๆ ว่าเดี๋ยวจะมีเพื่อนคนอื่นตามมาสมทบ แต่ไม่ว่าอย่างไรเซี่ยเหลียนก็ไม่ยอม ฝ่ายนั้นจึงงัดเรื่องที่เซี่ยเหลียนไปดักปล้นคนขึ้นมา เนื่องจากคนที่พูดคำนี้ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ตอนนั้น ทำให้เซี่ยเหลียนรู้ทันทีว่าเทพพวกนั้นเอาเรื่องของเขาไปบอกคนอื่น แต่พอหันไปหาเทพที่อยู่ในเหตุครั้งนั้น อีกฝ่ายกลับบอกว่าเพื่อนของตนไม่ใช่คนอื่นเลยไม่ถือว่าผิดคำพูด
พอเซี่ยเหลียนระเบิดอารมณ์ใส่ เทพกลุ่มนั้นก็รีบอ้างว่าคนทำผิดคือเซี่ยเหลียน เซี่ยเหลียนจะมาโทษว่าเป็นความผิดของคนอื่นได้อย่างไร เพราะเช่นนี้พวกตนจึงไม่อยากบำเพ็ญกับเซี่ยเหลียน เซี่ยเหลียนอยากเถียงกลับแต่ก็เถียงไม่ออก แต่เพื่อพ่อแม่กับเฟิงซิ่น เขาเลยจะไม่ยอมไปจากที่นี่เด็ดขาด การทะเลาะกันเริ่มดุเดือด ในที่สุดเซี่ยเหลียนก็คว้ากิ่งไม้มาสู้กับพวกที่เป็นเทพสงคราม แต่ด้วยความเมพเขาก็สามารถปัดกระบี่อีกฝ่ายกระเด็นทุกคน เทพพวกนั้นไม่อยากเชื่อว่าจะแพ้เทพตกสวรรค์ พอเห็นไฟวิญญาณดวงหนึ่งพยายามชนตนก็อ้างว่าเซี่ยเหลียนเล่นทริก อีกฝ่ายจับลูกไฟนั่นไว้ ส่วนเซี่ยเหลียนก็ตะคอกด้วยความโกรธว่าเขาไม่เกี่ยว มีชื่อเขาสลักบนวิญญาณนั่นหรืออย่างไรถึงมากล่าวหากัน ตอนนั้นเองพวกเทพก็เรียกใครบางคนให้เข้ามาช่วย คนๆ นั้นคือมู่ฉิง
ทั้งเซี่ยเหลียนกับมู่ฉิงต่างติดสตั๊น เป็นเพราะตอนที่เฟิงซิ่นกับมู่ฉิงเป็นผู้ติดตามของเขาบนสวรรค์ ฝีมือของทั้งสองเข้าตาเทพองค์อื่นจนอยากได้ไปเป็นลูกน้องตัวเอง ตอนเขาถูกเนรเทพถึงกับมีบางคนมาขอตัวทั้งสองไป จึงมีความเป็นไปได้ที่จะมีเทพองค์ใดองค์หนึ่งพามู่ฉิงกลับขึ้นสวรรค์ไปเป็นลูกน้อง เทพที่สู้กับเซี่ยเหลียนรีลเล่าเรื่องให้มู่ฉิงฟัง พอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้เล่าเรื่องที่เขาปล้นคนตั้งแต่ตน ก็รู้ว่ามู่ฉิงต้องรู้เรื่องนั้นแล้วอย่างแน่นอน ฝ่ายนั้นบอกให้มู่ฉิงไล่เซี่ยเหลียน เซี่ยเหลียนที่ถูกไส่สีว่าจะยึดจะยึดถ้ำไว้คนเดียวแล้วไล่คนอื่นออกไปจึงร้องว่าเรื่องไม่ได้เป็นเช่นนั้น พอพวกเทพองค์อื่นเริ่มตะโกนด่ามู่ฉิงว่ายืนเฉยอยู่ทำไม เซี่ยเหลียนก็แอบดีใจว่าอย่างไรพวกตนก็เพื่อนกัน แต่พอถูกพูดเหน็บแหนมอีกมู่ฉิงกลับยกดาบฟันกิ่งไม้ในมือเซี่ยเหลียน ก่อนบอกให้เซี่ยเหลียนไปจากที่นี่
เซี่ยเหลียนอึ้ง หลังเงียบไปครู่หนึ่งก็บอกว่าตนไม่ได้อยากขโมยของใคร ไม่ได้ยึดที่นี่ไว้คนเดียว และเป็นเขาที่มาถึงที่นี่ก่อน รู้ใช่ไหมว่าเขาไม่ได้โกหก เขาไม่อาจทนต่อไปได้จึงยอมจากออกมาจากที่นั่น แต่กลับมีเทพองค์หนึ่งแกล้งขัดขาให้เขาล้มลงไปในหลุมโคลนบนพื้นเชา มู่ฉิงยังยืนอยู่ในกลุ่มเทพที่หัวเราะเยาะเซี่ยเหลียนโดยไม่ยอมมองมา ไม่แม้แต่ช่วยยื่นมือมาช่วยให้เขาลุกขึ้น เซี่ยเหลียนหยิบย่ามที่แม่ของเขาจัดให้แล้วลุกขึ้นเดินลงจากเขา ค่อยๆ เพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนออกวิ่งแล้วล้มอีก คราวนี้เขากระอักเลือดเพราะความโกรธออกมาด้วย เขานั่งนิ่งอยู่ตรงนั้นโดยไม่มีความคิดจะลุกขึ้น ก่อนจะมีมือข้างหนึ่งยื่นมาให้ พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าอีกฝ่ายคือมู่ฉิง
แม้อีกฝ่ายจะถามว่าเขาเป็นอะไรไหม เซี่ยเหลียนก็เอาแต่จ้องหน้าเฉยๆ แต่พอมู่ฉิงเริ่มหน้าตึงขึ้นเรื่อยๆ แล้วทำท่าจะชักมือกลับ เซี่ยเหลียนก็กระชากอีกฝ่ายลงมาคลุกพื้นด้วย มู่ฉิงโกรธ บอกว่าเขาไม่มีทางเลือก ที่เซี่ยเหลียนปล้นคนก็เพราะไม่มีทางเลือกเหมือนกันไม่ใช่เหรอ เซี่ยเหลียนจึงคว้าทุกสิ่งที่คว้าได้ปาใส่จนมู่ฉิงจากไป จากนั้นเขายังนั่งอยู่ที่เดิมจนมืดค่ำก็ไม่ไปไหน แต่แล้วก็มีใครบางคนเข้ามาใกล้ พอเซี่ยเหลียนมองก็เห็นร่างในชุดสีขาว ใบหน้าสวมหน้ากากครึ่งร่ำไห้ครึ่งแย้มยิ้มยืนอยู่ตรงหน้า พร้อมเอ่ยทักอย่างยินดีว่า “ทรงสบายดีหรือเปล่า ฝ่าบาท”
Note : ตอนมู่ฉิงขอไม่อยู่กับเซี่ยเหลียนแล้ว ถึงจะรู้สึกไม่ดีแต่กูเข้าใจและยอมรับเหตุผลของนางได้นะ ตอนสิ่งที่นางทำในตอนนี้ทำให้กูอยากจิกหัวมากระทืบซ้ำ ไอ้เหี้ย ไอ้ข้อศอกหมา มึงไม่กล้าขัดคนอื่นมึงก็ยืนอยู่เฉยๆ ไปสิวะ
.
.
.
.
.
พูดถึงบกร กูจะนึกถึงติ่งประสาทแดกคิดว่าหนังสือเสกได้ประกาศLC=พึ่งได้LC ที่สนพมันออกได้เร็วเบื้องหลังมันผ่านกระบวนการมาตั้งนานเป็นปีๆ เสร็จแล้วค่อยออกโว้ย เพราะความประสาทแดกของพวกมึงตอนนี้ที่ไหนได้ลิขสิทธิ์เรื่องอะไรก็ไม่กล้าประกาศได้แต่กระมิดกระเมี้ยนกระซิบคนแปลเถื่อนว่าลบเถอะนะได้LCแล้วแต่ห้ามประกาศว่าสนพไหนได้ จนวันนี้กูยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฮัสกี้กับซือจุนที่ไหนได้ไป
ถ้าเป็นสายอ่านนิยายสักหน่อยไม่ใช่ตามแต่ซีรีส์แล้วมางอแงหาว่านิยายออกช้าเพราะดอง ก็จะเห็นว่านิยายแปลหลายเรื่องที่โดนขอให้ลบเพราะติดลิขสิทธิ์หายเป็นปีกว่าจะออกทีละเล่ม ซบ.ที่มาเป็นข้อพิสูจน์ว่าออกเร็วได้ ขอโทษเหอะ ป่านนี้กูยังไม่เห็นเงาฆ่าหมาป่าที่ได้ลิขสิทธิ์เป็นปีเลย
กูเคืองพวกโวยสุดตรงทำให้วงการวายสนพไม่กล้าประกาศลิขเลยหัวร้อนเป็นพิเศษ
>>284 อืม เป็นกูกูอาจจะยกโทษให้แต่ไม่กลับไปสนิทเหมือนเดิม คบแค่ห่างๆ พอ แต่อีกแง่หนึ่งมันก็ตั้ง 800 ปีแล้วอะ เวลานานขนาดนั้น แถมด้วยนิสัยของเซี่ยเหลียนเองก็อาจไม่เก็บมาใส่ใจแล้ว ยังไงคนบ้านเดียวกันก็เหลืออยู่แค่นี้ แถมมู่ฉิงก็ยังปลอมเป็นฝูเหยามาช่วยงานเจ้าบ่าวผีกับตอนปั้นเยวี่ย (ถึงจะแอบหนีไปก่อน แต่รู้ว่าอาจทำให้มีปัญหากับเผยหมิงก็ยังมา) ตอนรู้ว่าฮวาเฉิงเป็นสตอล์กเกอร์ก็พยายามหวังดีพาหนี (ถึงเซี่ยเหลียนจะไม่ต้องการก็เถอะ 5555) แต่อย่างน้อยด็อยากให้เซี่ยเหลียนจับมาซ้อมสักยกก่อน อารมณ์พวกผู้ชายตีกันแล้วความบาดหมางคลายอะ
>>288 กูก็สงสัยเหมือนกันเพราะในเรื่องไม่ได้บอกไว้ ถ้าพยายามหาเหตุผลให้ ตอนที่เทพองค์อื่นพาขึ้นสวรรค์อีกรอบ ก็คงขอให้อีกฝ่ายช่วยให้พรดูแลแม่ ไม่ก็ขอให้ทำนิมิตรให้พวกนักบวชในศาลของตัวเองช่วยดูแลหญิงตาบอดคนนี้ แล้วให้แม่ของมู่ฉิงมาอาศัยในเขตอาราม มีน้ำอาหารให้กิน หรือไม่เจ้าตัวก็อาจแอบๆ มาช่วยเอง เพราะเทพเล็กๆ แอบทำอาจไม่มีคนรู้
>>282 >>284 กูจำได้ว่าพอกูอ่านบทนี้จบ กูเกลียดมู่ฉิงไปเลยอ่ะ กูรับไม่ได้ด้วยที่เซี่ยเหลียนกลับไปเป็นเพื่อนกัน คือเซี่ยเหลียนตอนนั้นไม่เหลืออะไรเลย ชื่อเสียง เกียรติยศ จากคนที่เคยอยู่สูงสุดตกลงมาจุดต่ำสุด แม่งยังทำได้ลงคออ่ะ ไม่เห็นแก่มิตรภาพที่เคยมีมาด้วยซ้ำ
จะแยกตัวออกไป ไม่ว่ากัน เพราะการเอาตัวเองให้รอดไม่ผิด แต่เหตุการณ์ที่ถ้ำคือสุดๆละ
แต่อีกอารมณ์นึงหลังจากอ่านบทนี้คือ กูสะใจมากที่ฮวาเฉิงจัดการอิเทพพวกนั้นตอนหลัง สมน้ำหน้าาาาา
>>295 แต่คิดในอีกมุมหนึ่งคือมู่ฉิงมันมีนิสัยเอาตัวรอดก่อนจนไม่คิดถึงคนรอบข้าง แล้วตัวเองก็มาเสียใจทีหลัง
.
.
.
.
.
อย่างในอาร์ค 5 ที่ไปตบเฟิงซิ่นสลบ ทำให้อีกฝ่ายไปเจออันตราย ก็กลัวจนทำอะไรผิดๆ ถูกๆ แต่พอพวกเซี่ยเหลียนจะไปช่วยก็ขอตามไป หรือตอนที่เจอเฟิงซิ่นแล้ว แต่กำแพงในถ้ำกำลังปิดทาง นางก็ชิงหนีก่อน แล้วก็มาเสียใจทีหลัง เพราะชอบทำผิดซ้ำๆ อย่างนี้ เลยไม่ค่อยมีคนเชื่อคำพูดด้วยว่าไม่ตั้งใจ ทำไปตามสัญชาตญาณ อย่างในอาร์ค 4 ที่ไล่เซี่ยเหลียน ตอนหลังก็รู้สึกผิดจนต้องแอบเอาของไปให้ แล้วก็ยอมขอโทษ (ซึ่งปรกติไม่เคยทำ ในอาร์ค 5 ก็ไม่พูด) จะว่าไปแล้วก็เป็นสันดานเสียซึ่งนางก็พอรู้ตัว ก็หวังว่าต่อๆ ไปจะหาทางแก้นิสัยนี้ได้นะ
.
.
.
.
.
>>297 ฮวาเฉิงกับมู่ฉิงนี่ฮวาเฉิงน่าจะแค้นเก็บมาตัังแต่เล่ม2ละป่ะที่ไปออกปากไล่ฮวาเฉิง มีเรื่องหน้าถ้ำนี่อีก ฮวาเฉิงแม่งได้จังหวะเลยต่อยด้วยความแค้น เฟิ่งซิ่นยังโดนน้อยกว่าอ่ะ 555
กุจะบอกว่ากุเนี่ยคนชอบมู่ฉิง กุรักนางกรอกตา ส่วนตัวกุว่ามู่ฉิงไม่เคยทำร้ายใครจริงจังด้วย คือนางแม่งทำตัวน่าจิกหัวมาตบก็จริง แต่ความน่าจิกหัวมาตบแล้วก็จบอ่ะ มู่ฉิงเองก็ไม่ได้คิดร้ายกับใครแบบจะฆ่าจะแกง ประกอบกับมู่ฉิงเข้าใจว่าเซี่ยเหลียนกับเฟิ่งซิ่นเกลียดตัวเองด้วยนะ นึกสภาพว่ามึงต้องติดตามเค้าแต่คิดว่าเค้าเกลียดตัวเองอ่ะ เฟิ่งซิ่นแม่งก็ชอบซุบซิบด่ามู่ฉิงให้เซี่ยเหลียนฟัง แล้วที่นางทำก็รู้สึกผิดสัสๆ รู้สึกผิดมา800ปี ที่ทำดีก็เยอะสร้างสาธารณะประโยชน์ก็เยอะ ไอที่สับคอเฟิ่งซิ่นก็เจตนาดี อย่างเล่ม5ที่ผนังถ้ำจะปิดกุเข้าใจว่านางไม่ได้ชิ่งนะ แต่โดนOOOดึงตัวออกไปให้คนอื่นเข้าใจว่านางหนี
.
.
.
.
.
.
แล้วเล่ม5นั่นอ่ะ มู่ฉิงตั้งใจจะตายนะ บอกให้เซี่ยเหลียนหนีไปคนเดียวเพราะคิดว่าไปกันสองคนยังไงก็คงไม่รอด เลยตั้งใจจะตายให้เซี่ยเหลียนรอดนะ ตอนที่OOOวางยาให้สามหน่อเข้าใจผิดกันเอง มู่ฉิงก็ไม่ได้ทรยศเซี่ยเหลียนเลยนะ ตั้งแต่เซี่ยเหลียนบึ้นสวรรค์รอบ3มานางก็แสดงอออกว่าเป็นห่วงเยอะแต่ทำตัวกับเค้าไม่ถูกเฉยๆ
นางปรับปรุงตัวขนาดนี้แล้วให้อภัยนางเถอะ YwY
ดันหน่อย ตกหน้าแรกละ
ขอ ky กูพึ่งมาตามอ่านงานของคุณโม่แล้วกูอยากรู้ว่า นิยายตัวร้ายนี่เล่มสองกูยังสามารถตามหามือ 1 ได้อยู่ไหม กูเห็นนายอินทร์ขายแต่เล่ม 1 กับ 3
ขุดหน่อยจ้า
สปอยเทียนกวานอาร์ค 4 ต่อจาก >>282 เทียนกวาน Part.143
.
.
.
.
.
เซี่ยเหลียนได้แต่ยืนตัวสั่น พอเศวตไร้หน้าเข้ามาใกล้ก็ยกมือโจมตี แต่ก็ถูกอีกฝ่ายจับไว้ เตะเซี่ยเหลียนล้ม ก่อนจะใช้มือข้างเดียวจับหัวของเซี่ยเหลียนยกเขาลอยกลางอากาศ ลูกไฟวิญญาณดวงหนึ่งพุ่งชนไป๋อู๋เซียงแต่ก็ทำอะไรไม่ได้แม้แต่น้อย แล้วเซี่ยเหลียนก็ต้องตัวแข็งเมื่อจู่ๆ เศวตไร้หน้าก็กอดเขา ลูบหัวราวกับปลอบประโลม กล่าวว่าถูกคนทำอย่างนั้น เซี่ยเหลียนช่างน่าสงสาร พออีกฝ่ายชักชวนให้มาอยู่ด้วยกัน เซี่ยเหลียนก็ปัดหน้ากากนั่นออก บอกว่าใครจะไปอยู่กับเอ็ง ไป๋อู๋เซียงยกมือปิดหน้าหัวเราะ บอกว่ายังไงสักวันเซี่ยเหลียนก็ต้องมาอยู่กับตน เพราะว่าในโลกนี้ไม่มีใครเข้าใจเซี่ยเหลียนไปมากกว่าเขา และเขาจะเป็นคนๆ เดียวที่อยู่ข้างเซี่ยเหลียนตลอดไป เซี่ยเหลียนไล่อีกฝ่ายที่มโนว่าเขาจะไม่มีใครอยู่เคียงบ่าเคียงไหล่ ไม่สนใจลูกไฟที่ขยับขึ้นลงราวพนักหน้าเห็นด้วย ไป๋อู๋เซียงเลยกล่าวว่าในอดีตน่ะใช่ แต่ต่อแต่นี้ไปก็ไม่แน่
เศวตไร้หน้าปล่อยบังไคทำให้เซี่ยเหลียนกระเด็น ส่วนตัวเองก็ไปจับลูกไฟมาถามชื่อ แต่เซี่ยเหลียนที่เป็นห่วงพ่อแม่กับเฟิงซิ่นก็ไม่สนใจเหตุการณ์ตรงหน้า แล้วรีบวิ่งกลับไปยังที่พัก พอกลับมาถึงเขาก็เจอเฟิงซิ่นกำลังคุยกับมู่ฉิง เลยหันไปถามมู่ฉิงว่ามาที่นี่ทำไม เฟิงซิ่นตอบแทนว่าอีกฝ่ายเอาเสบียงมาให้ แล้วมู่ฉิงยังเสริมอีกว่าจะหาโอกาสนำยามา ตอนที่เฟิงซิ่นบอกว่าไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะมาช่วย แต่ก็ต้องขอบคุณ เซี่ยเหลียนก็ขัดขึ้นมาว่าเขาไม่ต้องการความช่วยเหลือจากมู่ฉิง และไล่ให้อีกฝ่ายออกไป ทำให้มู่ฉิงหน้าซีดแล้วกล่าวคำขอโทษออกมา
เซี่ยเหลียนหยิบกระสอบพวกนั้นไล่ฟาดมู่ฉิง ทำเอาเฟิงซิ่นงง พอถามเรื่องราวเซี่ยเหลียนก็บอกให้ไปถามมู่ฉิงเอาเองว่าทำไมเขาที่ไปฝึกบำเพ็ญถึงต้องกลับมา เมื่อมู่ฉิงเล่าคราวๆ ว่าตนขอให้เซี่ยเหลียนไปจากภูเขา ด้วยสถานการณ์ตอนนั้นแล้วหากเซี่ยเหลียนไม่ไป เรื่องก็คงไม่จบ ได้ยินแค่นั้นเฟิงซิ่นก็ปะติดปะต่อเรื่องราวออก เลยหยิบกระสอบมาไล่ฟาดมู่ฉิงอีกคน ปากก็ด่าไม่หยุด แม้มู่ฉิงบอกว่าตนรู้ว่าตัวเองทำผิด ตอนนี้ก็พยายามแก้ไขแล้ว แต่เฟิงซิ่นก็ไม่ฟัง มู่ฉิงเลยถามว่าทีเซี่ยเหลียนดักปล้นคนทำไมถึงยอมรับได้ แต่พอเขาทำผิดบ้างถึงรับไม่ได้ คำพูดนั้นทำให้เซี่ยเหลียนถึงกับหยุดหายใจ ส่วนเฟิงซิ่นก็ช็อคมาก เห็นท่าทางของทั้งสองมู่ฉิงเลยเพิ่งรู้ว่าเซี่ยเหลียนไม่ได้บอกเฟิงซิ่นว่าไปทำเรื่องอะไรไว้
เซี่ยเหลียนไม่อาจคุมอารมณ์ได้อีกเลยคว้าไม้กวาดไล่ตีมู่ฉิงจนได้แผล มู่ฉิงยอมจากไปแต่ก็ยังยกกระสอบของมาวางไว้ด้านหน้าพวกเซี่ยเหลียน พอเฟิงซิ่นถามว่ามู่ฉิงโกหกใช่ไหม เซี่ยเหลียนก็ขอร้องไม่ให้อีกฝ่ายถามอะไรอีก พอถูกบอกให้เล่าความจริง เซี่ยเหลียนก็กรีดร้องเอามือปิดหูวิ่งเข้าห้องตัวเองไป แม้ความจริงอยากหนีไปไกลๆ แต่ก็หลัวว่าไป๋อู๋เซียงจะมาทำร้ายพ่อแม่กับเฟิงซิ่นจึงไม่ได้ไปไหน แม้เฟิงซิ่นกับแม่จะมาเคาะประตูเรียกก็ไม่ยอมออกไปหา ผ่านไปสองวันถึงใจเย็นลงแล้วยอมออกมา เฟิงซิ่นเอาอาหารมาให้ พยายามชวนคุยเรื่องอื่นให้บรรยากาศผ่อนคลาย ทำเป็นว่าไม่เคยเกิดเรื่องอะไรขึ้น ผ่านไปหลายวันก็พอรู้ว่าเฟิงซิ่นไม่ได้เล่าเรื่องที่เขาปล้นคนให้พ่อแม่ของเขาฟัง เซี่ยเหลียนเลยสบายใจขึ้น
พอเซี่ยเหลียนเอ่ยปากจะไปแสดงกับเฟิงซิ่น อีกฝ่ายก็บอกให้เขาพักอีกหน่อย เซี่ยเหลียนเลยสารภาพว่าตอนนี้เขาไม่มีกะจิตกะใจจะบำเพ็ญเลย อย่างน้อยก็ให้เขาทำตัวเป็นประโยชน์บ้าง ขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อก่อน แต่ตอนที่ส่องกระจก เซี่ยเหลียนกลับเห็นว่าบนใบหน้าของตนมีหน้ากากครึ่งแย้มยิ้มครึ่งร่ำไห้สวมอยู่ เขาร้องเสียงดังจนเฟิงซิ่นรีบมาดู แต่คราวนี้พอมองกระจกอีกครั้งหน้ากากนั่นก็หายไปแล้ว เห็นเซี่ยเหลียนหลอน เฟิงซิ่นก็เลยยืนยันให้เซี่ยเหลียนพักต่ออีกสัก 2-3 วัน เซี่ยเหลียนไม่กล้าบอกอีกฝ่ายว่าตนได้เจอกับเศวตไร้หน้ามา เพราะกลัวว่าเฟิงซิ่นจะทิ้งตนไปอีกคน สุดท้ายเพราะยืนเหม่อเลยถูกทิ้งให้อยู่บ้านไม่ได้ไปไหน
เซี่ยเหลียนเพิ่งสังเกตว่าตัวเองเหม็นมากเพราะไม่ได้อาบน้ำมา 2 สัปดาห์ จึงจัดการไปอาบน้ำ ตอนที่กำลังจะหยิบชุดมาใส่ก็สังเกตว่าเสื้อตัวนักพรตสีขาวของเขากลับกลายเป็นชุดไว้ทุกข์สีขาวหรูหราเหมือนของเศวตไร้หน้า เขาตะโกนหาคนที่แอบมาเปลี่ยนเสื้อด้วยความโกรธ ทำให้ราชากับราชินีที่อยู่ห้องข้างๆ รีบมาดูด้วยความตกใจ แต่แม้ลูกชายที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้วจะยืนเปลือยกายอยู่ ราชินีก็ยังรีบเขาไปกอดปลอบ เซี่ยเหลียนกอดมารดา บอกว่ามีผีร้ายตามตนเองอยู่แล้วเรียกให้ดูเสื้อของตน แต่เมื่อทั้งสามมองไปที่เสื้อตัวนั้น ก็พบว่ามันเป็นแค่ชุดนักพรตไร้ความผิดปรกติใดๆ ทำให้เซี่ยเหลียนยิ่งเดือด ร้องว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรจากตน อยากปั่นหัวตนนักหรือ เห็นอย่างนั้นราชินีก็พยายามกลั้นน้ำตา แล้วกอดลูกชายเอาไว้
.
.
.
.
.
สปอยเทียนกวานอาร์ค 4 ต่อจาก >>307 เทียนกวาน Part.144
.
.
.
.
.
หลังจากเฟิงซิ่นกลับจากทำงาน เซี่ยเหลียนก็เรียกอีกฝ่ายมาคุย ซึ่งเฟิงซิ่นเองก็บอกว่ามีเรื่องอยากคุยเหมือนกัน เซี่ยเหลียนเป็นคนเริ่มก่อนว่าไป๋อู๋เซียงกลับมาแล้ว เฟิงซิ่นเลยบอกว่าถ้าอย่างนั้นตนจะไม่ไปไหนเพื่อระวังความปลอดภัยให้ราชากับราชินี ถึงจะไม่อยาก แต่ช่วงนี้ก็เอาเสบียงที่มู่ฉิงเอามาให้มาใช้ก่อนได้ พอเซี่ยเหลียนถามว่าแล้วเฟิงซิ่นอยากคุยอะไรกับเขา อีกฝ่ายก็มีท่าทีลำบากใจแต่สุดท้ายก็ถามว่าเซี่ยเหลียนพอมีเงินให้ยืมไหม แม้เซี่ยเหลียนไม่มีให้แต่ก็พยายามถามว่าอีกฝ่ายมีปัญหาอะไรถึงต้องใช้เงิน ทว่าเฟิงซิ่นกลับบอกปัดว่าไม่ต้องใส่ใจ
หลังจากนั้นเซี่ยเหลียนก็เห็นเศวตไร้หน้าอยู่เป็นพักๆ แต่ทุกครั้งที่เขากรีดร้องแล้วทุกคนรีบมาดู ที่ตรงนั้นก็จะไม่มีใครอยู่ ผ่านไปหลายวันเซี่ยเหลียนก็ยิ่งประสาทเสีย คืนนี้หนึ่งเขาตื่นขึ้นมากลางดึกเห็นพ่อแม่กับเฟิงซิ่นแอบปรึกษากัน ดูเหมือนทุกคนจะเป็นห่วง คิดว่าเพราะช่วงนี้เจอเรื่องกระทบจิตใจมากมาย เซี่ยเหลียนเลยเห็นภาพหลอน เซี่ยเหลียนรีบออกไปโวยวายว่าตนไม่ได้เป็นบ้า จากนั้นก็วิ่งออกจากบ้าน เมื่ออยู่กลางป่าก็ตะโกนเรียกท้าทายให้ไป๋อู๋เซียงปรากฏกาย เขาเด็ดกิ่งไม้มาถือต่างอาวุธ เดินเข้าไปในกลุ่มหมอกหนา ระหว่างทางก็เจอกลุ่มไฟวิญญาณกั้นเป็นกำแพง ต่างร้องเตือนไม่ให้เขาเดินไปต่อ มีเพียงลูกไฟซึ่งสว่างที่สุดซึ่งน่าจะเป็นหัวหน้าที่ไม่เอ่ยอะไรออกมา เมื่อเซี่ยเหลียนเดินแหวกพวกมัน ดวงไฟก็พยายามมาดักหน้ากั้นทางอีก เซี่ยเหลียนเลยด่าไปด้วยความโมโหและเศร้าใจในสภาพตัวเองที่แม้แต่ผีเล็กๆ ก็ไม่เชื่อฟัง พวกลูกไฟจึงไม่ลอยตามมาอีก
เซี่ยเหลียนเดินไปเจออารามขององค์ชายรัชทายาทแห่งเซียนเล่อที่ผุพัง รูปปั้นของเขาไม่อยู่แล้ว ป้ายคำขวัญก็ถูกผู้คนฟันด้วยความโกรธแค้น เขาตัดสินใจนั่งรอไป๋อู๋เซียงแต่กลับเจอกลุ่มคนวิ่งเข้ามา ต่างบอกว่าพวกตนหลงทาง เซี่ยเหลียนเอาผ้าปิดบังใบหน้าตัวเอง คิดได้ว่าเศวตไร้หน้าน่าจะใช้คาถาทำให้ทุกคนมาหลงมายังที่แห่งนี้ ผ่านไป 4 ชม. ทั้งอารามก็เต็มไปด้วยผู้คน แล้วพวกเขาก็ได้ยินเสียงคนวิ่งเข้ามาชนต้นไม้หน้าอารามจนสลบไป เมื่อเซี่ยเหลียนอาสาเข้าไปดูก็พบว่าอีกฝ่ายซึ่งฟื้นขึ้นมาพอดีเป็นโรคหน้าคน โชคดีที่เซี่ยเหลียนคว้าชายคนนั้นแล้วโยนลอยออกไปไกลก่อนที่อีกฝ่ายจะพุ่งใส่คนอื่น ทว่าไม่ทันทำอะไรก็มีผู้ป่วยโรคหน้าคนวิ่งมาที่อารามอีก 10 กว่าคน เซี่ยเหลียนรีบเข้าไปจัดการจนหมด ตอนนั้นเองเขาก็เห็นไป๋อู๋เซียงยืนอยู่ไม่ไกล เลยรีบวิ่งตามโดยมีลูกไฟวิญญาณลอยตามมาส่องแสงนำทางให้
พอสังเกตว่าเศวตไร้หน้าเหมือนต้องการล่อตนออกไป เมื่อเซี่ยเหลียนเลยหยุดวิ่ง อีกฝ่ายก็หยุดการเคลื่อนไหว ไป๋อู๋เซียงยืนยันว่าต้องการให้เซี่ยเหลียนมาอยู่กับตน เซี่ยเหลียนเลยหยิบกิ่งไม้ชี้ไปที่อีกฝ่ายโดยมีไฟวิญญาณลูกหนึ่งมาโอเวอร์โซลเพิ่มพลังให้ เศวตไร้หน้ากล่าวเสริมว่าเขาต้องการให้เซี่ยเหลียนมาเป็นลูกศิษย์ บทเรียนแรกที่เขาจะสอนให้ก็คือเมื่อต้องการเผชิญกับหลายอย่างบนโลกใบนี้ เซี่ยเหลียนก็เป็นแค่คนที่ไร้ซึ่งพลัง ส่วนบทเรียนที่สองก็คือมนุษย์ธรรมดาไม่มีค่าพอให้เซี่ยเหลียนต้องปกป้อง
เซี่ยเหลียนโจมตีใส่อีกฝ่ายไม่ยั้ง แต่ไป๋อู๋เซียงก็รับการโจมตีได้อย่างชิลๆ บอกว่าหากเซี่ยเหลียนไม่มาอยู่กับตนก็จะไม่มีวันเอาชนะตนได้ แต่เซี่ยเหลียนก็ตอกว่าอีกฝ่ายไม่มีวันฆ่าเขาได้ และในเมื่อเขาไม่มีวันตาย สักวันก็ต้องเอาชนะอีกฝ่ายได้อย่างแน่นอน แต่ถึงจะพูดอย่างนั้นเขาก็ไม่มั่นใจว่าออฟชันเสริมที่จวินอู๋ใส่ในคำสาปพันธนาการทำให้เขาไม่ตายจะเป็นจริงทุกรณีหรือเปล่า ไป๋อู๋เซียงบอกว่าเขาไม่มีความคิดจะฆ่าเซี่ยเหลียน แต่ระวังจะเสียใจกับเรื่องนี้ในภายหลัง ก่อนจะสับคอเซี่ยเหลียนสลบไป
เมื่อเซี่ยเหลียนฟื้นขึ้นมาก็เห็นไฟวิญญาณดวงหนึ่งลอยอยู่ข้างหน้า แต่พอพยายามขยับก็พบว่าตัวเองถูกมัดไว้โดยผ้าที่เขามักใช้ปกปิดใบหน้า เขาอยู่บนแท่นบูชาในอารามโดยมีผู้คนจำนวนมากจับจ้อง ดูเหมือนทุกคนจะจำได้แล้วว่าเขาคือเจ้าชายรัชทายาทแห่งเซียนเล่อ แต่ก็ไม่ได้มีความเกลียดหรือโกรธแค้นอยู่ในสายตาพวกนั้นเหมือนที่เซี่ยเหลียนกลัว ตอนนั้นเองเสียงโหยหวนของผู้ป่วยโรคหน้าคนที่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากและกำลังล้อมอารามก็ดังขึ้นจนทุกคนหวาดกลัว ทั้งยังเกรงว่าหากอยู่ใกล้ในระยะนี้พวกตนจะติดโรคไปด้วย พอเซี่ยเหลียนตะโกนเรียกหาเศวตไร้หน้า ก็มีมือเย็นๆ ลูบหัวของเขา อีกฝ่ายนั่งอยู่ข้างๆ เขาในความมืดนี้มาตลอด
.
.
.
.
.
โม่งสปอยล์กุรักมึงนะ แต่ช่วงนี้กุคงไม่มาอ่านสปอยล์มึงซักพัก กุจะหนีฉากนั้น 555555
แต่เอาจริง โม่งมาสปอยให้ก็เล่าย่อๆ ไม่ได้เจาะลึกถึงคำพูด กูแนะนำว่าถ้าซาดิสชอบทำร้ายตับตัวเองให้ไปอ่านเวอเต็มต่อ แบบ มึงเอ้ย 555555 บางทีตัวหนังสือก็เหมือนมีดอ่ะ กรีดใจได้เหมือนกัน
กูไม่รู้จะขอบคุณเว็ปโม่งยังไงที่ทำให้กูรู้จักโม่เซียง ตอนแรกกูไม่เคยคิดจะดูจะอ่านเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำจะเข้ามาอ่านพวกสปอยในโม่งเมื่อไม่นานมานี้
แปปเดียวอ่านสปอยเทียนกวานที่โม่งสปอยพิมพ์ลงตั้งแทนต้นถึงปัจจุบัน ซื้อปรมาจารย์ 1-3 มาอ่าน แล้วพึ่งได้กดสั่งตัวร้ายอีก 3 เล่มมารอมาส่ง
อีเหี้ย อ่านปรมาจารย์ไปปวดใจชิบหาย อย่างตอนรวมจิตกับพี่ใหญ่นี่ ถ้ากูเป็นพี่ใหญ่กูก็โกรธจนลมปราณแตกตายเหมือนพี่แกอะ ต่อให้กวนเหยาจะน่าสงสารแต่ทุกครั้งที่มึงทำผิดมึงเสือกมานั่งบีบน้ำตาเอาดีเข้าตัวเอาชั่วให้คนอื่น บอกสถานการณ์บีบบังคับ แต่แม่งไม่ยอมรับว่าตัวเองทำผิดเลย สำหรับกูในมุมมองพี่ใหญ่ก็แค่อยากให้มึงไปในทางที่ถูกที่ควร สำนึกว่าสิ่งที่ตนทำมันผิด แถมพี่แกเป็นคนตงฉิน ยอมหักไม่ยอมงอ พอเห็นกวนเหยาพลิกลิ้นไปมาพี่แกก็ปรี๊ดแตกสิ ที่ด่าลูกกระหรี่ก็เพราะตอนนั้นกวนเหยาแม่งเสือกตอบใช่ตอนที่พี่แกถามว่า ทำไมอย่างงั้นถึงไม่เสียสละตัวเอง กวนเหยาสูงส่งกว่าพวกเขาเหล่านั้น(นักพรตที่ฆ่าไปตอนเป็นสปาย)หรอ โว๊ยยยย
โทษทีกูพึ่งอ่านจบสามเล่มรวดแล้วกูอิน
>>320 ก็จริงแหละมึง คนตรงๆ โผงผางขวานผ่าซากแบบพี่ใหญ่ไม่ควรเป็นที่ปรึกษาให้คนที่มีปัญหาจริงๆ ขนาดตอนพี่แกสอนน้องตัวเองกูยังคิดเลยว่าเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ได้มีบ้านแตกแน่นอน
แต่ถ้าถามว่าพี่ใหญ่ไม่ได้ไปเห็นตอนที่กวนเหยาฆ่าหัวหน้าตัวเองเรื่องมันจะต่างไปจากนี้ไหม กูคิดว่าน่าจะต่างแบบมากๆ อย่างน้อยน่าจะดีกันจนถึงตอนพี่พี่ใหญ่โดนจับไป (แต่ถ้าดีกันมาก่อนกวนเหยาอาจบอกข้อมูลให้พี่ใหญ่รู้ด้วยและเลี่ยงเหตการณ์นั้นได้ก็ได้) อาจจะไปเริ่มแตกหักเอาตอนตระกูลจินปกป้องเซวียหยางเอาแทนแต่คงไม่ถึงกับปรี๊ดแตกแบบนั้นหรอกมั้ง
>>321 กูว่าพี่เนี่ยกับอาเหยาเหมือนคู่ผัวเมียยันเดเระอะ
คนนึงเปิดเผย ตรงไปตรงมา ยอมหักไม่ยอมงอ
คนนึงเจ้าเล่ห์ เพื่อเป้าหมายแล้วไม่สนวิธีการ
ดูๆแล้วไม่น่าจะเข้ากันได้ แต่ก็อยู่ด้วยกันได้
ในอดีตพี่เนี่ยเป็นคนตรงๆ แต่ก็เป็นคนเดียวที่รู้ตัวจริงของอาเหยา ไล่อาเหยาไปตายบ่อยๆ แต่ไม่เคยทำจริง
อาเหยาเนี่ย โดนไล่ฆ่า โดนไล่ให้ไปตาย แต่สุดท้ายก็ช่วยชีวิตพี่เนี่ยไว้ตอนโดนประมุขตระกูลเวินจับตัว
กูอ่านแล้วรู้สึกคู่นี้รักกันแบบซึนๆ มีไล่ตบตีกันอยู่บ่อยๆ
เพียงแต่หลังๆทะเลาะกันหนักไปหน่อย ดันไปด่าแม่เมียเข้าให้ สุดท้ายโดนเมียฆ่าหั่นศพทิ้ง เมียเหยาก็ดันโรคจิตหน่อยๆ ฆ่าหั่นศพเสร็จ เก็บหัวผัวไว้ในห้องเก็บของ มโนว่าผัวกำลังจ้องมองตัวเองอยู่
สุดท้ายซอมบี้ผัวรัก ลากเมียที่ฆ่าตัวเอง ลงไปนอนในโรงศพด้วยกัน โรแมนติกจะตาย รักกันจนฆ่ากันตาย 5555
ปรมาจารย์ สั่งกับเบอเกอรี่บุ๊กโดยตรงห่อดีมั้ย พอดีเห็นมือ1ที่นี่ราคาถูดสุดหรือมีที่ไหนราคาดีกว่านี้ ห่อดี
เออมึง กูอ่านเล่มสามจบแล้วมันมีฉากนึงที่พี่ซีเฉินพูดกับวั่งจีเรื่องเหล่าว่า อย่าดื่ม อย่าให้เป็นเหมือนคราวนั้น นี่คือยังไงวะกูสงสัย พี่แกช่ำใจที่พี่เว่ยตายแล้วแดกเหล้าอาละวาดหรอ
กับอีกเรื่องที่สงสัยมากถึงมาที่สุด พ่อแม่ของซีเฉินกับวั่งจีขังตัวเองอยู่คนละเรือนกันไม่ใช่หรอ แล้วทำลูกกันอีท่าไหน ถ้ามีซีเฉินคนเดียวก็พอเข้าในว่าอาจจะโจ๊ะพรึมพรึมกันตั้งแต่ก่อนขังตัวเองแต่นี่มีวั่งจีเกิดต่อมาด้วยไม่ใช่ฝาแฝด เลยงง หรือบางทีคุณพ่อแกก็ทนไม่ไหวออกออกไปหาคุณแม่งี้หรอ
>>322 ถ้าพี่ใหญ่กับกวนเหยาเป็นคู่ผัวเมียแล้วพี่ซีเฉินนี่อยู่ในฐานะอะไร เพื่อนพระเอก(เพื่อนผัว)ที่เห็นแต่ด้านที่น่าสงสารของเมีย ทำให้คิดว่าผัวมองเมียผิดไปเลยพยายามให้ผัวเมียคืนดีกันแต่กลายเป็นว่าเมียเสือกเอาความหวังดีของเพื่อนผัวมาใช้ประกอบแผนฆ่าผัวงี้หรอ หรือควรเป็นตำแหน่งชู้รักของเมีย 5555555
>>328
รื้อคดีตายปริศนาของหลังผ่านมานานหลายปีพบหลักฐานว่าเมียของผู้ตายเป็นคนฆ่าอำพรางคดี
ด้านเพื่อนผัวเผยความรู้สึก ไม่อยากเชื่อว่าเมียเป็นคนก่อคดีฆ่าอำพราง เจ้าตัวเป็นคนจิตใจดีมีน้ำใจมาโดยตลอด ถึงคู่ผัวเมียจะทะเลาะกันเป็นระยะแต่ก็ยังรักกันดีไม่น่าฆ่ากันได้ ส่วนตัวเชื่อว่าคนเป็นเมียโดนใส่ร้าย
ด้านตำรวจเผยหลักฐานมัดตัวแน่นหนาหลังจากถูกอำพรางคดีถูกอำพรางมานานหลายปี
สปอยเทียนกวานอาร์ค 4 ต่อจาก >>310 เทียนกวาน Part.145
คำเตือน เนื้อหาในตอนนี้แม้จะเป็นแค่สปอยไม่ลงรายละเอียดมาก แต่มีความ Gore สูง
.
.
.
.
.
เสียงโหยหวนของผู้ป่วยโรคหน้าคนทำให้คนในอารามหวาดวิตก แต่ก็ไม่มีใครกล้าเสียสละฝ่าวงล้อมให้คนอื่นหนีออกไป เซี่ยเหลียนพยายามปลอบให้ทุกคนใจเย็น ทว่าเศวตไร้หน้ากลับพูดว่ามีวิธีรักษาโรคหน้าคนให้ลองถามเซี่ยเหลียนดู ชาวบ้านจึงเร่งเร้าขอคำตอบ ทว่าไม่ว่าจะถูกต่อว่าอย่างไรเซี่ยเหลียนก็ไม่ยอมบอก ไป๋อู๋เซียงจึงเอ่ยว่ารู้ไหมว่าทำไมในเมืองหลวงทหารถึงไม่ติดโรคนี้ เป็นเพราะคนกลุ่มนั้นกระทำในสิ่งหนึ่งที่ชาวบ้านทั่วไปไม่ทำนั่นก็คือฆ่า นั่นแหละคือวิธีรักษาโรคร้าย
เซี่ยเหลียนไม่อาจปฏิเสธได้ว่านั่นไม่ใช่ความจริง ส่วนพวกชาวบ้านเมื่อได้ยินก็รู้สึกสับสน พอมีคนหนึ่งถามขึ้นมาว่าแล้วจะต้องฆ่าใครทุกคนก็ยิ่งแตกตื่น บางคนเริ่มร้องไห้จนทะเลาะกัน ตอนนั้นเองจู่ๆ ไป๋อู๋เซียงก็จับหน้าเซี่ยเหลียนไว้ บอกพวกชาวบ้านว่านึกไม่ออกหรือว่าควรฆ่าใคร รู้แล้วไม่ใช่หรือว่าเซี่ยเหลียนคือใคร อีกฝ่านคือเทพและเทพย่อมเป็นอมตะ ว่าแล้วเจ้าตัวก็เอากระบี่กระซวกท้องเซี่ยเหลียนโชว์ ก่อนโยนกระบี่เล่มนั้นไปกลางวงชาวบ้าน หันมาถามเซี่ยเหลียนว่าอีกฝ่ายเคยพูดไว้ไม่ใช่หรือว่าอยากช่วยเหลือไพร่ฟ้าชาวประชา
พอเห็นว่าเซี่ยเหลียนแม้เสียเลือดมากก็ยังไม่ตาย พวกชาวบ้านก็ดีใจว่าพวกตนมีทางรอด แต่ก็มีบางคนไม่ค่อยเห็นด้วย ไป๋อู๋เซียงเลยยิ่งปั่นประสาทเซี่ยเหลียนว่าให้รีบไปช่วยผู้คน ก่อนหน้านี้เพิ่งพูดเองว่าไม่มีวันตายไม่ใช่หรือ อย่ากลัวสิ จงเสียสละตัวเองเพื่อช่วยเหลือคนอื่นซะ แต่พอเห็นว่าไม่มีใครเข้ามาหยิบกระบี่ เซี่ยเหลียนก็มีความมั่นใจในความดีของคนขึ้นมาทว่าเศวตไร้หน้ากลับบอกว่าไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่อยาก เพียงแต่ไม่มีใครกล้ากระเดิมคนแรกต่างหาก ตอนนั้นเองผู้หญิงก็หนึ่งก็ร้องโวยวายขึ้นมาเพราะลูกของเธอติดโรคหน้าคนเสียแล้ว พ่อแม่ของเด็กจึงคว้ากระบี่เล่มนั้นใส่มือบุตรเดินเข้าไปแทงท้องของเซี่ยเหลียนพร้อมร้องขอโทษไปด้วย เซี่ยเหลียนยังคงพยายามโทษว่าเป็นเพราะไป๋อู๋เซียงทำให้ทุกคนไม่มีทางเลือก แต่อีกฝ่ายก็กล่าวว่าเป็นเพราะต้องมีแรงกระตุ้น มนุษย์ถึงเผยสันดานที่แท้จริงออกมา
เมื่อผู้คนเห็นใบหน้าเล็กๆ หายไปจากร่างกายของเด็ก ก็มีคนหนุ่มอีกคนมาหยิบกระบี่ฟันเซี่ยเหลียน อ้างว่าเพราะเขายังมีครอบครัวรอการกลับไป ถึงไม่ตาย แต่เซี่ยเหลียนก็ยังรู้สึกเจ็บไม่ต่างจากมนุษย์ธรรมดา พอชายคนนั้นกลับไปในกลุ่มคนก็มีคนคนหนึ่งก้าวออกมา เป็นชายนักแสดงข้างถนนที่เซี่ยเหลียนเคยแข่งด้วยนั่นเอง ชายคนนั้นบอกว่าทำไมทุกคนถึงทำสิ่งที่ปีศาจบอก ถึงแม้เซี่ยเหลียนจะไม่ตาย แต่สิ่งที่ทำลงไปก็ไม่ต่างจากการฆ่าคน ชายคนนั้นเลยถูกคนอื่นต่อว่าว่าอีกฝ่ายคงไม่มีคนให้นึกถึงเลยไม่คำนึงถึงชีวิตตน ชายคนนั้นจึงบอกว่าถึงตนมีลูกเมียก็ไม่มีวันใช้วิธีนี้ ถ้ารักลูก ทำไมถึงไม่ให้ลูกฆ่าตัวเองแทนที่จะไปฆ่าคนอื่น แต่เขาก็ถูกพ่อแม่คู่นั้นด่าว่าจะให้ลูกทรพีฆ่าพ่อแม่ตัวเองอย่างนั้นหรือ พวกเขาโต้เถียงกัน แต่แล้วร่างของชายนักแสดงก็เริ่มมีใบหน้าผุดขึ้นมา ถึงอย่างไรเขาก็ยึดมั่นในความเชื่อของตัวเองจึงไม่ทำร้ายเซี่ยเหลียนแล้ววิ่งออกไปจากอารามร้างแทน
พอตัวปัญหาจากไปแล้ว ชาวบ้านก็ต่างก่นด่าชายคนนั้น จากนั้นก็มีชายคนหนึ่งเดินออกมาบอกว่าก่อนหน้านี้เซี่ยเหลียนเคยพยายามปล้นตนแต่ตนหนีรอดมาได้ ไม่นานนักจู่ๆ โรคหน้าคนก็กระจายระบาดผู้คนในอารามอย่างรวดเร็ว ทุกคนกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว ก่อนเริ่มเห็นดีเห็นงามกับการฆ่าเซี่ยเหลียน อีกฝ่ายเป็นเจ้าชาย เป็นเทพ แต่กลับขโมยของของผู้คน ทั้งๆ ที่พวกตนกราบไหว้ แต่กลับนำโรคร้ายมาให้ เซี่ยเหลียนจำเป็นต้องไถ่โทษ ผู้คนเริ่มกรูกันเข้าหาเซี่ยเหลียนที่บังเกิดความกลัวขึ้นมา ยังไม่ทันที่เขาจะร้องว่าช่วยด้วยก็มีคนปาดคอเขาแล้ว ทุกคนต่างรีบพากันเข้ามาแทงเซี่ยเหลียน ร้องให้คนก่อนหน้าเหลือจุดที่ทำให้ถึงตายของอีกฝ่ายไว้ให้พวกตนด้วย
กระบี่นับไม่ถ้วนฟันร่างของเซี่ยเหลียน เลือดไหลออกมาจนเจิ่งนอง แม้เขาจะน้ำตาไหล ในใจกรีดร้องว่าเจ็บ และขอความช่วยเหลือเท่าไรก็ไม่เป็นผล สุดท้ายก็คิดว่าทำไมเขาถึงไม่ตาย อยากจะร้องก็ทำไม่ได้ อยากจะดิ้นด้วยความเจ็บ ร่างกาบที่แหลกเหลวก็ทำไมได้ ลูกไฟที่อยู่ในมือของไป๋อู๋เซียงเปล่งแสงดื้นราวใจกำลังแหลกสลาย ตอนที่เซี่ยเหลียนไม่มีสติหลงเหลืออยู่แล้ว มันก็สว่างวาบกลายเป็นไฟแผดเผาผู้คนและทุกอย่างในอารามจนหมด แล้วเงาร่างของคนๆ หนึ่งก็ปรากฏแทนที่ดวงไฟลูกนั้น นั่งคุกเข่าด้วยความเจ็บปวดอยู่หน้าแท่นบูชาที่ร่างแหละจนสิ้นสภาพความเป็นมนุษย์ของเซี่ยเหลียนอยู่ ขณะที่ผีร้ายตนใหม่ถือกำเนิด ไป๋อู๋เซียงก็เดินจากไปอย่างเงียบๆ
.
.
.
.
.
เหมือนถ้าอ่านไม่ถึง190ก็เหมือนยังไม่ได้อ่านเทียนกวานอ่ะ ขอบคุณโม่งสปอยล์นะที่สปอยล์มาถึงตรงนี้
เมื่อวานตัวร้ายอย่างข้า3เล่มพึ่งเอามาส่ง อ่านเสร็จแล้วรู้สึกว่าชอบคู่โม่กับไอ้นักเขียน มากถึงมันจะไม่มีฉากอะไรลึกซึ้งถึงพริกถึงขิงเท่าคู่หลักก็เถอะ
>>339 จีง โม่ซั่งกูอยากเห็นคาร์แรกเตอร์ดีไซน์ของ อฟช. อ่ะ เฝ้ารอมานาน กู้ดก็ออกมาส่วนหนึ่งแล้ว แต่ไม่มีคู่นี้ TT เปงเสร้า
ส่วนเรือผีเรื่องนี้กูจิ้นหลายคู่เลยนะส่วนมากเป็น Allหลิ่ว กูจิ้นหมดหนุ่มซึนหน้าออกสาว หลิ่วเสิ่นก็เป็นหนึ่งในทั้งหมดที่กูชอบ หยางหลิ่ว ซึ่งผีในผีกูก็ชอบ และเรือบาปอย่าง ปิงหลิ่ว กัดกันตลอดใครลงเรือกับกูบ้าง 555555555
>>338 ยอมรับเลยว่าตอนช่วงอ่านถึงเล่มสองก็เริ่มรู้สึกแล้วแหละว่าน่าจะคู่กัน จนตอนพิเศษเท่านั้นแหละอีเหี้ยขอยกเป็นเรือลำโปรดของนิยายโม่เซียงเลย ตอนต่อกูก็อยากให้มี เรื่องหลังๆ ของโม่เซียงแม่งอ่านแล้วกูรู้สึกปวดตับชิบหาย คู่นี่แม่งชอบฮีลกูดีมาก
>>339 กูไปตามfanart ในนกฟ้าและ งานดีดีทั้งนั้นเลย แถมแทบทุกคนให้อาซั่งเป็นหนูแฮมเตอร์กันสะเป็นเอกฉัน 555555
>>340 ดีไซน์อฟซนี่ต้องรออนิเมตัวร้ายฉายหละมั้ง
เออแล้วสรุปอาซั่ง(นักเขียน)นี่โดนไฟดูดส่งมาโลกนี้ถือว่าถึงตายไหมวะหรือว่าไม่ตายเพราะเห็นในเน็ตบางคนบอกว่าตาย แล้วอย่างงี้ถ้าแม่งเลือกกลับโลกจริงก็ตายห่าอะดิ
สปอยเทียนกวานอาร์ค 4 ต่อจาก >>331 เทียนกวาน Part.146
.
.
.
.
.
เซี่ยเหลียนรู้สึกหัวว่างเปล่า ปล่อยให้ไป๋อู๋เซียงนำกระบี่เล่มเดียวกับที่ให้ชาวบ้านใช้มาสะพายให้ ใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ที่อีกฝ่ายนำมา เอาผ้าขาวที่ใช้ปกปิดใบหน้าและถูกใช้มัดมือเท้าของตนเองในวันนั้นมายัดใส่มือ เขาเดินลงจากเขา ระหว่างทางเจอแม่น้ำพอส่องตัวเองก็พบว่าดูเหมือนปรกติทุกอย่าง ขณะที่ก้มลงดื่มน้ำ เขาก็หันไปเห็นศพของชายนนักแสดงข้างถนนคนนั้นอยู่ที่ต้นน้ำ เลยอ้วก ไอจนมีเลือดออกมา หลังจากกลับมาถึงบ้านก็เจอเฟิงซิ่นซึ่งโกรธที่จู่ๆ เขาก็หายไปถึง 2 เดือนอัดเข้าเต็มหน้า แต่พอเห็นท่าทางแปลกๆ รวมถึงกระบี่ที่หลังของเซี่ยเหลียนก็รู้สึกเอะใจ ถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทว่าเซี่ยเหลียนกลับเอ่ยเพียงคำว่าขอโทษ พอเห็นหน้าลูกชาย ราชินีก็รีบเข้ามากอด ส่วนราชาพูดเพียงไม่กี่คำ ด้วยความกลัวว่าเซี่ยเหลียนจะหายตัวไปอีก ทั้งสามเลยไม่พูดอะไรและคอยดูเซี่ยเหลียนด้วยความห่วง
เซี่ยเหลียนปลดกระบี่เล่มที่เพิ่งได้ให้เฟิงซิ่นนำไปจำนำ เพราะจำได้ว่าอีกฝ่ายเคยบอกว่าต้องการใช้เงิน ทว่าเฟิงซิ่นกลับมีสีหน้าเจ็บปวด ก่อนบอกว่าตอนนี้ไม่จำเป็นแล้ว เซี่ยเหลียนใช้เวลาพักผ่อนหวังให้ทุกอย่างกลับมาเป็นปรกติจนผ่านไป 2 เดือน พอเฟิงซิ่นจะออกไปแสดง เขาก็ขอตามไปช่วยด้วย แต่เพราะทำการแสดงที่นี่มานานทำให้การแสดงของเฟิงซิ่นไม่เรียกคนเหมือนช่วงแรกๆ เซี่ยเหลียนเลยเด็ดกิ่งไม้มาทำการแสดงร่ายกระบี่ ทว่าไม่นานก็มีคนร้องว่าน่าเบื่อทั้งยังพูดดูถูก แต่ก่อนที่เฟิงซิ่นจะทันจัดการ เซี่ยเหลียนก็โยนชายคนนั้นลอยกระเด็นไปไกลได้รับบาดเจ็บจนผู้คนแตกตื่น เขายังเดินเข้าไปหาชายคนนั้น ขู่ว่าถึงไม่มีกระบี่จริง แต่เขาก็สามารถเอาชีวิตอีกฝ่ายได้ เฟิงซิ่นเข้ามาห้ามก่อนที่เขาจะโยนชายคนนั้นอีกรอบ ตอนนั้นเองทหารหย่งอันก็มาถึง เซี่ยเหลียนไม่ยอมหนี ทั้งยังทำท่าจะเข้าไปบวก แต่เฟิงซิ่นก็ดึงเขาไปซ่อนตัวได้ทัน
พอกลับมาถึงบ้านเฟิงซิ่นก็ต่อว่าเซี่ยเหลียน เมื่อเห็นราชินีวิ่งมา เซี่ยเหลียนก็สั่งให้แม่กลับไปที่ห้อง เฟิงซิ่นถามว่าถ้าชายคนนั้นตายไปจริงๆ จะทำยังไง แต่เซี่ยเหลียนถามกลับว่าถ้าตายจริงแล้วจะทำไม ทั้งสองทะเลาะกันแรงขึ้น จนเซี่ยเหลียนพูดว่าการที่เขาเป็นเทพ จะห้ามไม่ให้เขาโกรธหรือเกลียดเลยหรืออย่างไร เขาเดินหนีเข้าห้อง ร้องตะโกนบนเตียง ไม่ว่าอย่างไรเขาก็กลับไปเป็นเหมือนก่อนหน้านี้ไม่ได้แล้ว
เย็นวันนั้นราชินีเข้ามาในห้องพร้อมนำอาหารมาให้ เธอเล่าว่าแต่ละอย่างมีชื่อว่าอะไร เซี่ยเหลียนรู้สึกไม่อยากกินสิ่งที่เธอทำสักนิดถามเธอกลับว่าทำไมต้องตั้งชื่อให้ ซึ่งเธอก็บอกว่าเพื่อให้เป็นสิริมงคล ตอนที่ส่งตะเกียบให้ก็ถามว่าเขาทะเลาะกับเฟิงซิ่นหรือ ตอนที่เซี่ยเหลียนไม่อยู่ เฟิงซิ่นคอยดูแลเธอกับราชามาตลอด แม้ตอนนี้จะยากลำบากก็ไม่ทอดทิ้ง เซี่ยเหลียนเลยระเบิดว่าแล้วเขาไม่ลำบากหรือ หยุดถามหยุดพูดเรื่องที่เธอไม่เข้าใจได้แล้ว ว่าเสร็จเขาก็บอกว่าจะไปจัดการให้ทุกอย่างดีขึ้นสำหรับทุกคนแล้วออกจากบ้านไป สักพักก็กลับมาพร้อมถุงกระสอบที่ใส่ของมีค่าซึ่งไปขโมยชาวบ้านมา เฟิงซิ่นโกรธมาก บอกว่าเซี่ยเหลียนกลายเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร แต่เซี่ยเหลียนก็ตอกกลับว่าอีกฝ่ายก็เคยคิดจะทำเหมือนกันแค่ไม่กล้าใช่ไหมล่ะ เฟิงซิ่นเอ่ยว่า ทำไมจู่ๆ ถึงได้ยอมแพ้ เซี่ยเหลียนยังคงเป็นคนเดิมที่สูงส่งอยู่หรือเปล่า เซี่ยเหลียนจึงเยาะว่านั่นสิ ทำไมเขาถึงได้ทนมาถึงตอนนี้กัน ตัวเขาในอดีตมันโง่เง่าเอง พอเฟิงซิ่นตัดพ้อว่าเขาติดตามเซี่ยเหลียนมาตลอดเพราะอะไรกัน เซี่ยเหลียนก็ตอบว่าถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องติดตามเขาแล้ว จากนั้นก็กลับเข้าห้องไป
4 ชม. ผ่านไปเขาก็ได้ยินเฟิงซิ่นบอกลาพ่อแม่ของเขาที่นอกห้อง ที่ผ่านมาเขากลัวมาตลอดว่าอีกฝ่ายจะทิ้งตนไป ตอนนี้จึงไม่เหลืออะไรให้กลัวอีก ถึงแม้ในใจลึกๆ เขาจะแอบหวังว่าหลังจากตนทำเรื่องที่ไม่ควรทำลงไป เฟิงซิ่นจะยังคงอยู่กับเขา แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นเช่นนั้น สักพักเขาก็ได้ยินเสียงของแม่จากหน้าห้อง กล่าวขอโทษที่พวกตนดึงให้เขาต้องกลายเป็นเช่นนี้ ส่วนพ่อบอกไม่ต้องการใช้เงินที่เซี่ยเหลียนนำมา และอยากให้เขาไปตามเฟิงซิ่นกลับมา แต่เซี่ยเหลียนก็ไม่ยอม สุดท้ายราชินีก็กล่าวขอโทษที่ไม่อาจช่วยเหลืออะไรได้ และยังต้องให้เขาคอยดูแล แต่เซี่ยเหลียนก็ไม่สนใจอีก เขาอาบน้ำลวกๆ ก่อนสลบไป พอตื่นมาเห็นตะวันโด่งก็สงสัยว่าทำไมเฟิงซิ่นไม่มาปลุก ก่อนนึกได้ว่าอีกฝ่ายไม่อยู่แล้ว พอก้มหาผ้าขาวที่ใช้ปิดหน้าก็หาไม่ได้ เซี่ยเหลียนเลยตั้งใจเข้าไปถามแม่ที่ห้องของทั้งสอง แล้วสิ่งที่ปรากฏต่อสายตาของเขาก็คือร่างอันแข็งทื่อสองร่างซึ่งแขวนคอยู่บนขื่อด้วยผ้าสีขาวของเขา
Note 1 : กระบี่เล่มที่ได้มา คือ ฟางซิ่น
Note 2 : จำได้ไหมว่าหลังจากนี้เซี่ยเหลียนก็ชอบตั้งชื่ออาหาร
.
.
.
.
.
บ่นหน่อย บกร ห่วยแตก
ความผิดพลาดหนึ่งเดียวของ ปรมจ คือการที่ บกร ได้ลขไป
จะครึ่งปีอยู่แล้ว แม่งยังไม่เป็นพรีเลย
ห่วยแตก
กูเพิ่งได้อ่าน ตัวร้ายฯแบบละเอียด อ๊ากกก กูเพิ่งอ่านถึงเรื่องของเสิ่นจิ่ว กับชีเกออ่ะ (จำชื่อหลักไม่ได้) เศร้าเลยว่ะ สงสารชีเกอชิบเป๋ง 555 อยากอ่านไซต์สตอรี่ของคู่นี้อ่ะ ปวดใจว่ะ ฉากสารภาพอ่ะ ฮือออออออ
>>352 จีงมึง คู่นี้ เยวี่ยจิ่ว เป็นคู่เดียวปะวะ ที่ดูยังไงก็แบดแอนท์ ทั้งแบบที่เสิ่นหยวนเข้าไปแก้ไขและแบบออริจินอล ไม่ว่าทางไหนสองพี่น้องก็ไม่ได้มาขอโทษและฟังเหตุผลกันดีๆเลย TT กูซึมเป็นส้วมตั้งแต่เล่มสามตอนที่ เยวี่ยชี ขอเรียกเสิ่นชิงชิวว่าเสิ่นจิ่วอ่ะ แล้วคือตอนนี้เสิ่นชิงชิวนางไม่ใช่ตัวออริแล้ว ช็อตที่บอกว่า 'เสิ่นจิ่วไม่อยู่แล้ว' กุอยากเอามือทาบอกร้องไห้ แม้แต่คำขอโทษจากเยวี่ยชี เสิ่นจิ่วตัวจริงก็ยังไม่ได้ยิน
>>352 ตอนพิเศษอันนั้นกูยอมรับเลยว่ากูข้าม แค่ในเรื่องหลัก พี่แกก็น่าสงสารพอแล้ว คนที่ตัวเองรักโดนแทนที่เป็นคนอื่นโดยไม่รู้เรื่อง คำขอโทษไม่มีวันที่อีกฝ่ายจะได้รับรู้ เห็นอีกฝ่าย(ถึงจิตใจจะไม่ใช่ก็เหอะ)ไปครองรักมีความสุขกับคนอื่นอีก เหี้ยแม่งเจ็บแทน ถ้าอยากได้กูคงอยากได้จักวาลที่ทุกตัวเป็นออริ แต่ปรับความเข้าใจกันได้และอยู่อย่างมีความสุข(สักนิด)มากกว่า อย่างงั้นถึงจะเรียกว่าคู่ เยี่ยวจิ่วสมหวังมั้ง เอ๊ะ หรือมันจะกลายเป็น หลิ่วจิ่ว คู่คนซึนที่สมหวังแทน
>>355 สำหรับกูถือว่ากึ่งๆ อฟซ นะ คือมันมีความรักเกิดขึ้นแหละ แต่แม่โม่ไม่ได้เขียนให้สมหวัง ไม่ได้คู่กัน
the untamed special edition ต่างจากแบบเดิมยังไง
สปอยเทียนกวานอาร์ค 4 ต่อจาก >>342 เทียนกวาน Part.147
.
.
.
.
.
เซี่ยเหลียนล้มลง จากนั้นก็เริ่มร้องไห้พร้อมกับหัวเราะ เขาลุกขึ้นกรีดร้องเอาหัวโขกกำแพง พึมพำเรียกเฟิงซิ่น แต่คนที่อยู่ด้วยกันมาตลอดก็ไม่ได้อยู่แล้ว ผ่านไปพักใหญ่เขาก็นำร่างของพ่อแม่ลงมา แล้วจึงเริ่มเดินไปทั่วบ้านอย่างทำอะไรไม่ถูก พอเห็นอาหารที่แม่ทำทิ้งไว้เมื่อวานก็เข้าไปตักมากินจนหมด หลังจากอ้วกเสร็จ เขาก็หยิบผ้าขาวผืนนั้นขึ้นไปผูกที่ขื่อแขวนคอตัวเองหมายฆ่าตัวตาย แต่เพราะคำสาปพันธนาการ ทำให้ถึงจะผ่านไปเท่าไร แม้เขาจะหายใจไม่ออก คอจะหัก เซี่ยเหลียนก็ไม่ตาย ในที่สุดปมผ้าก็หลุดจนเขาตกลงมา ผ้าขาวเริ่มขยับได้เองราวกับงู เพราะมันตามติดเซี่ยเหลียนซึมซับความรู้สึกด้านลบมากมายจากเขา ทั้งยังถูกใช้แขวนคอคน 2 คน มันเลยเกิดจิตมารขึ้นมา แต่เซี่ยเหลียนก็ไม่สนใจ เขาร้องตะโกนขอร้องให้ใครสักคนมาฆ่าตนให้หลุดพ้นจากความทรมานนี้
ตอนนั้นเองเซี่ยเหลียนก็ได้ยินเสียงผู้คนโห่ร้อง พอออกไปดูเลยรู้ว่าผู้คนกำลังเฉลิมฉลองการก่อตั้งสร้างเมืองหลวงใหม่ของอาณาจักรหย่งอัน เขายกมือปิดหน้า หัวเราะพร้อมกับร้องไห้ บอกว่าจะไม่มีวันยอมให้หย่งอันสุขสงบ เขาจะฆ่าทุกคน เขาจะสาปทุกคนด้วยคำสาปโรคหน้าคน จู่ๆ บนใบหน้าของเขาก็ปรากฏหน้ากากครึ่งแย้มยิ้มครึ่งร่ำไห้ ชุดนักพรตกลายเป็นชุดไว้ทุกข์ เขามุ่งหน้ากลับซากเมืองหลวงเก่าของเซียนเล่อ เรียกวิญญาณถามว่าโกรธไหมที่ผู้คนที่เคยปกป้องด้วยชีวิตกลับไปเป็นประชากรของหย่งอัน ลืมเลือนผู้ที่เสียสละ ส่งเสียงร้องยินดีให้คนที่พรากชีวิตของพวกตน ทั้งวิญญาณทหารและผู้ป่วยโรคหน้าคนต่างตอบรับและติดตามเซี่ยเหลียน เสียงร้องโหยหวนของพวกมันทำให้นักพรตที่อยู่ใกล้ๆ หวาดกลัว คำว่า “หายนะชุดขาว” ปรากฏขึ้นมาในหัวทันที
ตอนนั้นเองก็มีเสียงเรียกฝ่าบาทดังขึ้น เมื่อเซี่ยเหลียนหันไปก็เห็นชายชุดดำ สวมหน้ากากผีฉีกยิ้มเป็นรูปจันทร์เสี้ยวตนหนึ่งคุกเข่าข้างหนึ่งให้ตนเอง แม้เซี่ยเหลียนจะบอกว่าตนไม่ใช่องค์ชายรัชทายาท แต่อีกฝ่ายก็ยืนยันว่าตนจำเซี่ยเหลียนได้ เซี่ยเหลียนรู้สึกไม่สบอารมณ์ที่ถูกเรียกในฐานะนั้น เขาส่งผ้าขาวออกไปโจมตีแต่อีกฝ่ายกลับจับมันไว้ได้ เห็นผีร้ายตรงหน้ามีความสามารถ เซี่ยเหลียนเลยถามชื่อ เมื่อชายคนนั้นบอกว่าตนไม่มีชื่อ เซี่ยเหลียนเลยเรียกอีกฝ่ายว่าอู๋หมิง (นิรนาม) พอรู้ว่าอู๋หมิงเป็นวิญญาณทหารเซียนเล่อเลยเรียกให้อีกฝ่ายตามตนมา แม้ไม่ทราบความรู้สึกจริงๆ เพราะหน้ากากฉีกยิ้มปกปิดไว้ อู๋หมิงก็เอาหน้าผากแนบหลังมือที่เซี่ยเหลียนยื่นให้ เอ่ยคำสาบานว่าจะติดตามเซี่ยเหลียนจนกว่าชีวิตจะหาไม่ เซี่ยเหลียนดึงมือกลับ กล่าวว่าอีกฝ่ายตายแล้ว ราวกำลังบอกว่าคำสาบานนั้นเชื่อไม่ได้
เซี่ยเหลียนกับอู๋หมิงเดินทางไปยังราชวังของหย่งอัน เมื่อสัมผัสได้ถึงคาถาป้องกัน อู๋หมิงก็เข้าไปทำลายโดยไม่รอให้เซี่ยเหลียนออกคำสั่ง และด้วยจำนวนยันต์คาถามากมายก็ทำให้เซี่ยเหลียนอดคิดไม่ได้ว่าคนที่อยู่ข้างเหมือนกำลังกลัวว่าจะมีสิ่งชั่วร้ายเข้าไปทำร้าย พอถึงห้องโถงหลัก เซี่ยเหลียนก็ได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ ทว่าหลังเตะประตูเปิดด้านในกลับมีเพียงหลางอิงคนเดียว ดูเหมือนหลางอิงจะเข้าใจว่าเซี่ยเหลียนคือไป๋อู๋เซียง เขากล่าวว่าตนตามหาอีกฝ่ายมาตลอด แต่พอได้ยินเสียงเขาก็จำได้ว่าคนตรงหน้าคือเซี่ยเหลียน อีกทั้งพอได้ยินเสียงของวิญญาณร้ายมากมายที่เซี่ยเหลียนนำมาก็ไม่มีท่าทีตกใจแต่อย่างใด จากนั้นเซี่ยเหลียนก็เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วเข้าไปจิกหัวของหลางอิงกดลงบนพื้น แล้วเขาก็ได้ยินเสียงเด็กร้องดังขึ้นมาอีก
ตอนที่หลางอิงเอ่ยปลอบไม่ให้อะไรสักอย่างกลัว เซี่ยเหลียนก็หันไปเห็นใบหน้าเล็กๆ หนึ่งเด็ก หนึ่งสตรีบนหน้าอกของหลางอิงซึ่งเสื้อแหวกออกพอดี หลางอิงกล่าวว่านี่คือภรรยาและลูกชายของเขา ก่อนถามถึงเศวตไร้หน้า เพราะอีกฝ่ายสัญญาว่าภรรยาและลูกชายของเขาจะกลับมาจึงได้ทำเช่นนี้ ทว่าถึงตอนนี้ทั้งสองกลับไม่อาจพูดกับเขา ได้เพียงส่งเสียงร้องเท่านั้น เขาจึงอยากพบไป๋อู๋เซียงโดยเร็ว ตอนนั้นเองเซี่ยเหลียนก็เข้าใจแล้วว่ายันต์พวกนั้นไม่ได้มีไว้เพียงป้องกันสิ่งที่อยู่ภายนอกไม่ให้เข้ามา แต่มีไว้เพื่อกันไม่ให้สิ่งที่อยู่ภายในราชวังออกไปได้ต่างหาก
ด้วยความที่วิญญาณจะกัดกินร่างกายของผู้ที่มันสิง อวัยวะภายในของหลางอิงจึงแทบกลวงเปล่าและตอนนี้เขาก็ใกล้ตายเต็มที ตอนนั้นเองมุกปะการังสีแดงก็กลิ้งออกมาจากตัวของหลางอิง ก่อนที่เขาจะจับมือของเซี่ยเหลียนไว้ราวกับทำความเคารพ กล่าวว่าเขาอยากขอบคุณเซี่ยเหลียนมาตลอดที่มอบมุกให้ หากแต่คงดีกว่านี้ถ้าเซี่ยเหลียนมอบมันให้เขาเร็วกว่านี้ สิ้นเสียงหลางอิงก็ล้มลงตาเบิกกว้างกับพื้น ก่อนที่อู๋หมิงจะเอ่ยขึ้นมาว่าอีกฝ่ายตายแล้ว
.
.
.
.
.
เจิมมู้
ดันนนนนน
ประมาจารย์ ข้องใจเรื่องเหยา
.
.
.
.
.
ทำไมถึงทำกับประมุขเนี่ยขนาดนั้น ทำไมเมียถึงยอมฆ่าตัวตาย เนี่ยหวายซังทำอะไรลงไปบ้าง ถ้าไปดูfatal journeyจะตอบคำถามนี้มั้ย
.
.
.
.
.
>>369 ไม่แน่ใจว่าถ้าดู fatal journal จะตอบคำถามมั้ย เพราะกูก้ไม่เคยดู 555 แต่เท่าที่อ่านนิยายมาจนจบก็พอตอบได้นะ
เรื่องพี่เนี่ย เข้าใจว่าเพราะถีบตกบันไดแล้วโดนเรียกว่าลูกโสเภณีนะ เหมือนเป็นปมของเหยาไปแล้วอ่ะเรื่องนี้
ส่วนที่เมียฆ่าตัวตาย ถ้าจำไม่ผิด น่าจะเพราะว่ารู้ว่าตัวเองเป็นพี่น้องกับเหยาป่ะ กับรู้ที่เหยาฆ่าลูกตัวเอง กูว่ามันก็ช็อคพอสมควร
เนี่ยหวายซังคือคนที่ทำให้เนื้อเรื่องปรมาจารย์ 13 ปีถัดมาเกิดขึ้น 55555 วางแผนอย่างแยบยล
>>372 กูว่าน้องเนี่ยคงรู้ว่าโม่เป็นเกย์ชอบเหยา พอเรื่องเปิดเผยโดนกระหน่ำ เหยาไม่ชอบ โดนคนที่สำนักแกล้งและดูถูกเพราะเป็นเกย์โดนไล่กลับมาบ้านก็โดนคนที่บ้านทารุณอีก น่าจะถูกกดขี่ทารุณอยู่นานเลยแค้นทุกคน เนี่ยคงเห็นเลยแย้มๆ เรื่องพี่เว่ย หาตำราอัญเชิญพี่เว่ยให้ โม่ที่แค้นผสมหมดอาลัยตายอยากเลยสละชีพเรียกพี่เว่ยมาฆ่าทุกคน
>>374 กูว่าเพราะแม่โม่ไม่เฉลยรายละเอียดแผนการ 13 ปีของน้องเนี่ยด้วยแหล่ะ fatal journey เลยยังไม่กล้าเล่น ความจริงเรื่องน้องเนี่ยสร้างนิยายไซด์สตอรี่ได้เลยน่าเสียดาย หรืออย่างน้อยที่สุดแม่โม่ก็มาเป็นที่ปรึกษาหนังภาค 13 ปีก็ได้ตัวซีรีส์จะได้สมบูรณ์... ถ้ามีนะ
>>377 มันเป็นจุดที่ไม่ฉายรายละเอียดอ่ะ ความจริงน้องเนี่ยสนิทกับเหยามากนะ พี่รักพี่สปอยล์พี่ไม้กันหมาพี่ใหญ่แต่หลังจากน้องเนี่ยรู้ความจริงก็ยังแสร้งสนิทเหมือนเดิมแต่ไม่สนิทใจแล้ว จากรักมากกลายเป็นแค้นมากยอมอดทนรอวันแว้งกัดจนตาย
หรือจุดที่เห็นชัด ๆ ในซีรีส์ใครหน้าไหนก็เลียนแบบไม่ได้ ไม่มีใครคุ้มเท่าน้องมีโอกาสดิ่งเข้ากอดซุกอกทั้งเหยาทั้งพี่ซี 55 ไม่ว่าจะน้องหรือหลานยังไม่อ้อนเท่าแสดงว่าสนิทพอตัว และด้วยความที่น้องเนี่ยเป็นน้องชายของพี่ใหญ่ร่วมสาบาน น้องเนี่ยนับทั้งคู่เป็นพี่รองพี่สามยังไงก็คุ้นเคยกันและทั้งคู่ต้องคอยดูแลช่วยเหลือแทนพี่ใหญ่ที่ไม่อยู่แล้วด้วย ยิ่งน้องพยายามแสดงอิมเมจตัวเองเป็นคนไม่ได้เรื่อง
ดันนนนน
เห็นโฆษณาเทียนกวานที่ไปโคกับ KFC ละอยากกินไก่ทอดเลย
ทำไมกูดูซีรีย์yขอวประเทศอื่น ไม่อินเท่ากับของไทยวะ
มึง แผ่น bd เวอร์ชั่นญี่ปุ่น เสียงพากษ์มันมีแค่ในตัวอย่างไม่ใช่อ่อ ในแผ่นมันไม่มีเสียงพากษ์นี่ ทำไมเห็นหลายคนพูดว่าจะซื้อเพราะอยากดูพากษ์ญี่ปุ่น หรือกูเข้าใจผิดไปเองวะ
มีเสียงพากย์โชว์อยู่นะ
อห ก่อนรู้จักปรจ. รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนใสใส (ไม่จริง!) พอรู้จักปรจ. รู้สึกว่าตัวเองทะลึ่งขึ้น 80% 😂😂😂 ภาพแฟนอาร์ตแต่ละภาพก็ช่วยเติมจินตนาการดีเหลือเกิน
ปรมจ พรีกับสนพต่างยังไงกับร้านรับพรีหรอ
สปอยเทียนกวานอาร์ค 4 ต่อจาก >>360 เทียนกวาน Part.148
.
.
.
.
.
เซี่ยเหลียนรู้สึกโกรธ เขายังไม่ทันทำอะไรศัตรูคู่แค้นก็กลับมาตายไปเอง แต่ก่อนที่เขาจะเอากระบี่ฟันร่างของหลางอิง อู๋หมิงก็ชิงตัดหน้าโดยอ้างว่าเพื่อไม่ให้มือของเซี่ยเหลียนสกปรก ตอนนั้นเองก็มีเด็กชายคนหนึ่งวิ่งเข้ามาพร้อมร้องเรียกหาหลางอิงว่าเสด็จอา พอได้ยินคนรับใช้ที่ตามมาเรียกเด็กชายว่าองค์ชายรัชทายาท เซี่ยเหลียนเลยรู้ว่าอีกฝ่ายคือหลานชายคนเดียวของหลางอิง เมื่อเห็นพวกเซี่ยเหลียนกับศพเป็นชิ้นๆ เด็กชายก็กรีดร้องด้วยความกลัว เหล่าทหารจึงรีบกรูเข้ามาในท้องพระโรง เซี่ยเหลียนกับอู๋หมิงจัดการฝ่ายตรงข้ามได้อย่างไม่อย่างเย็น ก่อนจากไป เซี่ยเหลียนก็สั่งให้อู๋หมิงจัดการเผาราชวัง
เป้าหมายต่อไปของเซี่ยเหลียนคืออ่าวหลางเอ๋อร์ สถานที่ซึ่งเขาเคยมาสร้างฝนให้เมื่อหลายปีก่อน บัดนี้เมืองที่แห้งแล้งแห่งนั้นกลับเต็มไปด้วยชีวิตชีวา เซี่ยเหลียนเข้าไปพักในซากอารามของตนเพื่อพักผ่อน และหาเป้าหมายใหม่ให้เหล่าวิญญาณแค้นที่เขาพามา อู๋หมิงยังเรียกเซี่ยเหลียนว่าฝ่าบาท เซี่ยเหลียนจึงต่อว่า ก่อนออกคำสั่งอีกฝ่าย ให้ไปหาสถานที่วาดเขตอาคมคำสาป ไม่นานนักอู๋หมิงก็กลับมาแจ้งว่าหาที่ได้แล้ว อีก 3 วันจะเป็นวันพระจันทร์เต็มดวงส่งผลให้คำสาปโรคหน้าคนยิ่งทรงประสิทธิภาพ เซี่ยเหลียนเลยตั้งใจจะรอให้ถึงวันนั้นก่อน หลังไล่อู๋หมิงออกไปเขาก็หลับตาพักผ่อน ตอนนั้นเองก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้นด้านหลัง พอเซี่ยเหลียนลืมตาก็เจอไป๋อู๋เซียง เลยฟาดกระบี่ใส่ทันที แต่อีกฝ่ายก็ใช้นิ้วคีบรับไว้ได้อย่างชิลๆ
เศวตไร้หน้าเอ่ยชมว่าเซี่ยเหลียนในตอนนี้ดูดีมาก ก่อนเล่าว่าตนเห็นเซี่ยเหลียนฝังพ่อแม่ในพื้นดินไม่ดี เลยถือวิสาสะย้ายศพไปไว้ที่สุสานลับของราชวงศ์เซียนเล่อให้แล้ว พร้อมเพิ่มออฟชันเสื้อผ้าวิเศษที่ทำให้ศพไม่เน่าเปื่อยไปอีก 1000 ปีให้ด้วย พอเซี่ยเหลียนถามว่ารู้ที่อยู่สุสานได้อย่างไร อีกฝ่ายก็อ้างว่าตนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเซี่ยเหลียน เห็นว่าไป๋อู๋เซียงดูมีความสุขมาก เซี่ยเหลียนก็บอกไม่ให้ดีใจเร็วไป เพราะหลังจากเขาลบหย่งอันออกจากแผนที่ก็จะจัดการอีกฝ่ายต่อ เศวตไร้หน้าถามกลับว่าเซี่ยเหลียนจะทำลายหย่งอันจริงหรือ ไม่อย่างนั้นทำไมต้องรออีกตั้ง 3 วัน ทั้งยังพูดปั่นประสาทถึงสิ่งที่หย่งอันทำกับเซียนเล่อ รวมไปถึงเรื่องที่เซี่ยเหลียนถูกใช้กระบี่กระหน่ำแทง และเรื่องที่เขาจะสอนเป็นอย่างที่ 3 ก็คือ หากปกป้องผู้คนไม่ได้ ก็ให้ฆ่าคนเหล่านั้นซะ
จู่ๆ เซี่ยเหลียนก็รู้สึกปวดหัวเพราะวิญญาณอาฆาตไม่มีเป้าหมายให้ลง หากปล่อยไว้นานเกินเขาก็จะตกเป็นเป้าคำสาปเสียเอง ก่อนจากไป ไป๋อู๋เซียงย้ำว่าเซี่ยเหลียนไม่มีทางให้ย้อนกลับได้แล้ว หลังจากนั้นเซี่ยเหลียนก็หลับไป 1 วันเต็มๆ พอตื่นขึ้นมาก็เห็นดอกไม้สีขาวอยู่ในมือของซากรูปปั้นของเขา เขาตะโกนเรียกอู๋หมิงมาสอบถามทันที แต่อีกฝ่ายกลับบอกว่าไม่ใช่ฝีมือของตน แล้วถามกลับว่าทำไมต้องอารมณ์เสีย เซี่ยเหลียนตอบว่าการแกล้งเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกขยะแขยง อู๋หมิงบอกว่านี่อาจเป็นเพราะยังมีผู้ศรัทธาของเซี่ยเหลียนเหลืออยู่จริงๆ ทว่าเซี่ยเหลียนกลับยิ่งโมโห หยิบดอกไม้มากระทืบทิ้งจนกระทั่งใจเย็นลง จากนั้นอู๋หมิงจึงขอเป็นคนสาปหย่งอันเอง เพราะคนที่เขารักสูญเสียทุกสิ่งไปในสงคราม ต้องใช้ชิวิตอย่างทุกข์ทรมานยิ่งกว่าความตายและที่ผ่านมาเขาทำได้แค่เพียงมองดูเท่านั้น เซี่ยเหลียนท้าให้อีกฝ่ายพิสูจน์ว่ากล้าลงมือจริง แต่พออีกฝ่ายทำท่าจะออกไปฆ่าคนเขากลับห้ามไว้ โดยบอกว่าเขามีสิ่งหนึ่งที่อยากทำก่อน จากนั้นเขาก็หยิบกระบี่แทงใส่ตัวเอง
วันต่อมาที่อ่าวหลางเอ๋อร์ ในตลาดซึ่งชาวบ้านกำลังใช้ชีวิตกันอย่างสงบสุข จู่ๆ ก็มีอะไรบางอย่างหล่นจากฟ้ากระแทกพื้นเสียงดัง พอผู้คนที่แตกตื่นมุงดูก็เห็นหลุมรูปมนุษย์ซึ่งมีชายร่างท่วมเลือดอีกทั้งมีกระบี่ปักอกอยู่ในนั้น ชาวบ้านบางคนจำได้ว่าอีกฝ่ายคือองค์ชายรัชทายาทแห่งเซียนเล่อเลยรู้สึกสับสน สักพักจึงได้ยินเสียงเซี่ยเหลียนพึมพำว่าช่วยด้วย แต่พอพ่อครัวคนหนึ่งทำท่าจะไปช่วยดึงกระบี่ออกให้ ชาวบ้านกลับร้องห้ามไว้โดยอ้างว่าอีกฝ่ายคือเทพแห่งโชคร้าย หากเข้าใกล้สุ่มสี่สุ่มห้าจะทำให้ทุกคนซวย ชายขายน้ำรู้สึกทนไม่ได้ อย่างน้อยเลยอยากนำน้ำไปให้ดื่ม แต่ก็ถูกภรรยาห้ามไว้ ชาวบ้านเริ่มถกเถียงกันว่าจะทำอย่างไรดี สุดท้ายก็ตัดสินใจส่งคนไปแจ้งทางการแล้วทิ้งเซี่ยเหลียนไว้อย่างนั้นบนถนน เซี่ยเหลียนได้แต่มองดูผู้คนผ่านไปมา มองดูเขาแล้วก็จากไปโดยไม่มีใครยื่นมือมาให้จนกระทั่งถึงตอนกลางคืนไป๋อู๋เซียงก็ปรากฏกายส่งเสียงหัวเราะ ถามเซี่ยเหลียนว่าคิดว่าจะมีใครมาช่วยดึงกระบี่ออกให้อย่างนั้นหรือ
.
.
.
.
.
ปกเล่มสี่ปรจ. มาแล้ว ไปดูกันได้ ปกสวยมากแต่ที่สำคัญคือน้องมาก บอกได้แค่ว่า น้องงงงงงงงงง น้องงงงงจ๋า น้องงงงงงง 😭😭😭
เทพลมฝีมือ Starember ปรากฏกตัวแล้ว >> https://twitter.com/butchinelle/status/1264922854144892928/photo/1
หน้าตาโคตรหวาน อารมณ์ประมาณคุณหนูที่แอบปลอมตัวเป็นชายท่องยุทธภพ 555
กูว่าปกเล่มนี้ก็สวยดีออก แต่ถ้าเล่มหน้าไม่ใช่ปกวั่งเซี่ยนนี่สมควรโดนด่าจริงๆ 5555555
ตกใจเหมือนกันตอนอ่านเจอเม้นด่าสำนวนแปลซะเละไม่มีดิบดี กูรู้สึกมันไม่แย่ขนาดนั้นนะ เรื่องความลื่นไหลกูไม่ค่อยรู้สึกเท่าไรเพราะกูอ่านด้วยความรู้สึกว่ามาจากภาษาต่างประเทศก็คงมีประโยคที่ไม่สามารถทำให้มันเป็นธรรมชาติในเซนส์เราได้เหมือนนิยายคนไทยเขียนเองอะ
ก็ว่าแปลปกตินะ ไม่ได้ภาษาสวยมาก แต่ก็ไม่ได้แย่ แต่พออ่านหลายเม้นท์ว่าแปลแย่ก็เริ่มเขวตามไปบ้าง (อย่าด่าหนู) พอดีว่าอ่านจีนไม่ออก จะให้ไปเทียบต้นฉบับมันก็เกินความสามารถไปอ่ะ ต้องถามผู้ที่อ่านจีนออกเท่านั้นถึงจะรู้
ไปอ่านคอมเมนต์ในเพจบกรแล้วตกใจ ด่ากันโหดมากทั้งเรื่องปกเรื่องแปล
ใช่ กูก็ว่าเขาแปลปรกติ ติดแข็งไปหน่อยแต่ก็ไม่ได้แย่ ลองไปอ่านลิ่วเหยาดิ นั่นอะ ต้องแปลไทยเป็นไทยของจริง ส่วนเรื่องปกกูก็โอเคนะ ไม่เห็นว่าจำเป็นต้องฟิกให้เป็นวั่งเซียนทุกเล่ม (แต่เล่ม 5 ที่เป็นเล่มจบกูว่าควรเป็นวั่งเซียน) กูว่าปกไทยสวยนะ ถึงจะดึงคาแรคเตอร์ตัวละครออกมาได้ไม่ดีเท่าฉบับไต้หวันก็เถอะ
กูว่าอลิสแปลปรมจโอเคนะ ที่ไม่โอเคคือครองฝัน ภาษาไม่เข้ากับเรื่องเล้ย ติดย้อนยุคเกินไปหน่อย
ด่ากันไม่หายใจหายคอเลย 555555 กุก้เฉยๆแล้วเหมือนกัน ออกก้ซื้อเกบไว้ แต่คงไม่เอาบ็อกละ หมดอารม
ออกครบห้าเล่มเมื่อไหร่คนปล่อยมือสองเยอะแน่ ใครรอซื้อทีเดียวยกชุดรอมือสองกูว่าน่าจะเจอถูกๆเพียบ
กูว่าสำนวนแปลดีนะ คนที่บอกห่วยคือชอบแบบทับศัพท์เยอะๆเปล่าวะ แต่กูไม่ชอบปกอะ มันไม่คือ
ด่ากันได้น่ากลัวมาก ด่าเหมือนไปฆ่าพ่อฆ่าแม่กันมา
/Ky กุเพิ่งสังเกตว่าปกปรมจเล่ม 4 จริงๆ แล้วเป็นซือจุยน้อยกับเวินหนิง
ตอนแรกปัดผ่านๆ นึกว่าเป็นพี่เว่ยร่างน้องโม่ที่ตะมุตะมิมาตลอด555555 โปรดอภัยแก่คนบาปปป
ว่าแต่ไปอ่านเม้นในเพจแล้วแบบ เล่มห้าอาจจะปกคู่ก็ได้ พวกมึงสงบใจก่อน...
>>419 เห็นอัพเดตล่าสุดแล้วได้แต่บอกว่าทุกคนเตรียมป๊อปคอร์นรอดูดราม่ากันให้พร้อม...
สนพ.เหมือนปฏิเสธความเป็นไปได้ของปกคู่กลาย ๆ (อาจคู่กันที่บ๊อก?) แล้วบอกว่าเรื่องนี้ทำปกในธีมตัวละครเด่นในแต่ละเล่ม งั้นมาแทงกันเถอะว่าเล่ม 5 จะจบที่รูปอะไร กูแทงรูปพี่ซีอาเหยา / สามพี่น้องร่วมสาบาน / อาเหยาน้องเนี่ย(แต่กูว่าจะสปอยล์ไป...)
เออ แอบอยากเห็นน้องเนี่ยในลายเส้นคนนี้ด้วย ถึงกุจะโคตรผิดหวังตอนเจียงเฉิงก็เถอะ555555555 แต่จุยน้อยกับเวินหนิงน่ารักดีพอใช้ได้ ชอบสุดก็คงปกพี่วั่ง/ปิงเหอน้อย
>>421 ขอโทษนะแต่กูอดแซวไม่ได้ รูปพี่เนี่ยเวอร์ชั่นไหนวะ ร่างคนหรือร่างแยกส่วน ถถถถ
แล้วกูขอทวงความเป็นธรรมให้สกุลเนี่ย บ้านนี้ก็ยังไม่มานะมึง 55 บ้านเมนกูด้วยแต่รู้สึกหวังยากความจริงถ้ามีต่ออีกสักเล่มกูจะแทงเป็นปก5 คู่พี่ซีอาเหยา แล้วปิดด้วยน้องเนี่ยกับ(แขนซ้ายหรือศพไร้หัว)พี่ชายของเขา...
สงสัยเรื่องปกว่ะ คือทางบกรเป็นคนกำหนดตัวละครที่จะขึ้นปกเองเหรอ แต่ของแบบนี้ต้องให้แม่โม่แอพพรูฟก่อนอยู่ดีป่ะ ถ้าแม่โม่ไฟเขียวว่าไม่ต้องเป็นปกคู่ แฟนๆก็บ่นอะไรบกรไม่ได้ปะวะ
ปกยังขาดตระกูลจินกับเนี่ย
เอาพี่เนี่ยกับเหยาสู้กันก็ไม่ได้ สปอยล์เกิน
เอาสามพี่น้องร่วมสาบานขึ้นปก เยอะไป
เอาวั่งเซี่ยนขึ้นปก ก็ยังขาดตระกูลจินกับเนี่ยอีก เดาโคตรยากเลยปกเล่มนี้
แต่ที่จริงกูก็แอบคาดหวังนะว่าเล่มสุดท้ายทั้งทีขอปกคู่ซะหน่อย คือถ้าไม่คู่ตรงนี้แล้วที่เหลือจุดที่จะคู่ได้ก็ตรงบ็อกซ์ แต่นี่เป็นสายไม่เก็บบ็อกซ์ไง เก็บแต่เล่ม...
กูว่าถ้าไม่ปกคู่ก็คงสามพี่น้องร่วมสาบานแหละ แต่ปกก็เท่านั้นไม่รู้จะพอยัดมั้ย
แต่อันนี้กูขอถามแบบโง่ๆเลยนะ การที่ต้องมีปกคู่มันสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอวะ ในเมื่อเราก็รู้ว่าเนื้อในก็ได้คู่กัน
>>426 ไม่เคยเห็นนักเขียนเรื่องไหนซีเรียสถึงขนาดแอพพรูฟปกนะ ทำไรก็ทำมาเถอะ ยกเว้นแต่oocมากไป
เดี๋ยวนี้ถึงขนาดถ้าไม่รูปคู่กันบนปกก็ดราม่าแล้วเหรอวะ กูตามนิยายหลายเรื่องที่ขึ้นปกเดี่ยวๆจนเล่มจบก็ปกเดี่ยวตัวละครอื่นก็ไม่น้อย ตัวละครเยอะก็แบ่งๆโควต้ากันไป กูเชียร์น้องเนี่ยขึ้นเล่มจบมีแขนพี่เนี่ยเป็นพร็อพยิ่งดี คนไม่รู้สปอยอ่านจนเฉลยก็นั่งกุมขมับแม่งงี้นี่เอง
เรื่องแปลกูโอเคนะ คำผิดมีนิดหน่อยซึ่งเป็นกันทุกสนพ ย้ายไปที่ไหนก็ไม่รอดอยู่ดี กูพึ่งเจอพันสารทของอวว.ข้อความหายไปสองเล่มแถมไม่รับเคลมจนกว่าจะขายล็อตที่พิมพ์หายไปหมดก่อน อยากยืมอีเนอร์จี้ดราม่าตัวร้ายฯไปบวกมาก สำนวนร.กูก็ขัดๆไม่รู้เป็นเพราะคนแปลหรือต้นฉบับเป็นงี้
ปกปรมจของไต้หวันกับเกาสวยมากจนน่าอิจฉา
มีใครเคยสั่งซื้อจากทาวไต้หวันโดยตรงมั้ย หรือสั่งทางคิโนะอยากรู้ราคา
กูชอบปกที่ตลคอื่นขึ้นนะ ให้อารมณ์เหมือนการ์ตูนโชเน็น แต่กูว่าปกสีมันทึมไปหน่อยอะ ใจจริงกูอยากให้ปกขึ้นคู่ทุกเล่มเลย ตลคจะได้ครบ 1 วั่งเซียน 2 เจียงเฉิงจินหลิง 3 พี่ซีอาเหยา 4 เวินหนิงซือจุย 5 เนี่ย brothers ไรงี้ กูโลภมาก 555 บ้อกซ์รูปวิวแดนเมฆา(ชื่อไรนะ)รังรักของวั่งเซียน สรุปคือดูไม่ออกว่าเป็นนิยายรักละ แหะๆ
>>439 กูคิดกลับกันกับมึงอะะ กูคิดว่าเรื่องนี้พล้อตรักเป็นพล้อตรอง บุญคุณความแค้นดูเป็นปมใหญ่กว่าอีก
>>441 พอมึงเทียบกับนอร์มอล นึกถึงเงาเพลิงสะท้านแผ่นดิน พระเอกนางเอกรักกันชิบหาย หน้าปกรูปนกทั้ง8เล่ม
ส่วนใหญ่นิยายที่พล็อตอลัง ปมเยอะๆหน้าปกชอบใช้อะไรสักอย่างที่เป็นกิมมิคในเรื่องอะ สวยดีนะ แปลกดี ถ้าเป็นวายจะไม่ค่อยเห็น แต่เวอร์ชั่นจีนก็มาเป็นกระบี่
Ky ปกเล่มสามดูยากกันเหรอวะ กูดูแวบเดียวเห็นชุดสีม่วงก็คิดว่าเจียงเฉิงเลย หรือมีตัวอื่นเด่นๆนอกจากนี้
แต่ละเม้นในเพจคือกินมาม่ากันมาใช่มั้ย จะคลั่งอะไรกันขนาดนี้ ด่าสาดเสียเทเสีย ไม่เผาผีกันเลยทีเดียว ส่วนตัวคิดว่าแสดงความเห็นได้รุนแรงและไม่มีมารยาทเท่าไหร่ เอาแต่ใจกันเกินไป ไม่รู้การทำงานภายในบกร เลยไม่ด่าไม่อวยอะไรทั้งนั้น เรื่องแปลก็อ่านเข้าใจนะ ไม่ต้องแปลไทยเป็นไทย เรื่องรอนาน ลองมารอมังงะที่ออกปีละเล่ม สองสามปีเล่มดู แบบนี้เรียกปกติ 555
แล้วที่ถือคือแส้ ไม่ใช่เชือก? กูมองเป็นเชือก อืมๆ เจียงเฉิงอยู่หรอกหน้านิ่วคิ้วขมวดออลเดอะไทม์
ยอมรับเลยว่าปกสามกูมองไม่ออกว่าม่วง...
กูเห็นอาร์ตพี่เว่ยอันนึงแล้วคิดขึ้นมาเล่นๆ ว่า ถ้าพี่วั่งเปย์ตามใจเมียสุดชีวิต พี่เว่ยอายุสั้นแน่ เพราะไหเหล้าโคตรใหญ่ กระดกคนเดียวหมด 😂 ตับแข็งมาเยือน (ขำๆ นะ) ในซีรีย์ขวดมันเล็ก ไปดูในอาร์ตของ drama radio จะเห็นชัด ไหโคตรใหญ่
เอ๊ะ หรือจะขอให้พี่ซีสอนวิชาสลายฤทธิ์สุราให้
สมน้ำหน้าบกร ดองดีนัก โดนด่าก็สมควรแล้ว
ปรมจเล่ม4พรุ่งนี้โม่งพากันพรีกันที่ไหน
ปรมจ
.
.
.
.
.
1.เป็นไปได้มั้ยที่หลานจ้านมีส่วนเอี่ยวในแผนของเนี่ย
2.เซวียหยางรู้ว่าเว่ยอิงยังไม่ตาย ไม่ประจวบเหมาะเจาะไปหน่อยหรอเพราะต้องวางแผนให้แก็งedmเข้ามาติดกับในเมืองเว่ยซึ่งก็ดันเป็นสถานที่ซ่อนชิ้นส่วนศพอีก
.
.
.
.
.
สปอยเทียนกวานอาร์ค 4 ต่อจาก >>396 เทียนกวาน Part.149
.
.
.
.
.
เซี่ยเหลียนไล่ไป๋อู๋เซียงไม่ให้มายุ่ง แต่อีกฝ่ายก็ย้ำว่าไม่มีใครมาช่วยหรอก วันต่อมาผู้คนก็ยังทำเหมือนเดิม คอยสังเกตเขาอยู่ห่างๆ โดยไม่มีใครให้ความช่วยเหลือ ชายขายน้ำยังมีท่าทีอยากนำน้ำมาให้ดื่ม แต่ก็ถูกภรรยาห้ามไว้เหมือนเดิม ผ่านไปครึ่งวันฝนก็ตกทำให้ชาวบ้านกลับบ้านหลบฝน จนกระทั่งใกล้อาทิตย์ตกดิน เศวตไร้หน้าก็ปรากฏตัอีกครั้ง พูดปั่นประสาทว่าเซี่ยเหลียนเคยสร้างฝนให้หย่งอัน แต่ตอนนี้กลับไม่มีใครนำน้ำมาให้แม้สักถ้วย เคยถูกผู้คนกระหน่ำแทง ตอนนี้กลับไม่มีใครคิดช่วยดึงกระบี่ออกให้ อีกฝ่ายช่วยเอากระบี่ออกจากร่างของเซี่ยเหลียนแล้วจากไป เซี่ยเหลียนยังนอนท่าเดิมอีกพักหนึ่ง ทว่าตอนที่เขาลุกขึ้นนั่งกลับมีใครบางคนวิ่งผ่านมาพอดี เลยสะดุดเขาล้มจนข้าวสารที่อยู่ในตะกร้าในมือหกออกมาจนหมด
ชายคนนั้นกรีดร้องด่าทอเซี่ยเหลียนอย่างรุนแรง พอเห็นเซี่ยเหลียนไม่ตอบโต้ก็ด่าว่าอยากตายเหรอ เมื่อเซี่ยเหลียนตอบว่าใช่ ชายคนนั้นเลยด่าไม่ยั้ง หลังพยายามบอกให้เซี่ยเหลียนดชดใช้ค่าเสียหายอยู่พักใหญ่จึงยอมเก็บหมวกไม้ไผ่เดินจากไป เซี่ยเหลียนกลับไปอยู่ในหลุมอีกครั้ง ยกมือปิดหน้าสัมผัสถึงเสียงร้องโหยหวนของวิญญาณที่เขาพามา แต่แล้วก็รู้สึกว่ามีอะไรถูกวางลงบนหัว เป็นชายคนที่ด่าเขาเมื่อครู่นั่นเอง อีกฝ่ายบอกว่าตัวเองโชคร้ายที่ได้เจอกับเซี่ยเหลียน ความจริงเรื่องก่อนหน้านี้เขาเองก็ผิดเหมือนกัน แต่เซี่ยเหลียนก็สมควรถูกด่าแล้ว ใครใช้ให้เซี่ยเหลียนเป็นบ้าและมีใครกันที่ไม่เคยถูกด่า เซี่ยเหลียนไม่จำเป็นต้องชดใช้อะไร แล้วนี่จะรอให้แม่มารับหรืออย่างไร ลุกขึ้น แล้วกลับบ้านไปซะ จากนั้นอีกฝ่ายก็ช่วยดึงเซี่ยเหลียนออกมาจากหลุม ก่อนตบหลัง
แม้ชายคนนั้นจะไปแล้ว แต่หมวกไม้ไผ่ใบนั้นยังอยู่บนหัวช่วยกันฝนให้กับเซี่ยเหลียน ย้ำว่ายังมีคนๆ หนึ่งให้ความช่วยเหลือเขา ตอนนั้นไป๋อู๋เซียงกลับมาอีก ฝ่ายนั้นเห็นว่าเซี่ยเหลียนกำลังร้องไห้ พอถามเซี่ยเหลียนว่าทำไมยังไม่รีบลงมือสาป เซี่ยเหลียนก็ด่าไปว่าคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงกล้ามาพูดกับเขา เพราะว่าเขาคือองค์ชายรัชทายาทแห่งเซียนเล่อ
เซี่ยเหลียนรู้สึกได้ว่าในที่สุดเขาก็กลับไปเป็นตัวของตัวเอง แม้ความเจ็บปวดจะเป็นความจริงและเขาไม่ลืมเลือน แต่เขาจะไม่มีวันกลายเป็นอย่างไป๋อู๋เซียงเด็ดขาด เซี่ยเหลียนพุ่งกระบี่ใส่อีกฝ่ายไม่ยั้ง แต่พอปะมือด้วยก็รู้ตัวว่าไม่มีทางเอาชนะได้ ความแข็งแกร่งนั้นทำให้เขาต้องนึกถึงจวินอู๋ อาจมีเพียงจวินอู๋ที่เอาชนะอีกฝ่ายได้ พอไป๋อู๋เซียงบอกว่าตนเกิดมาจากเจตจำนงค์ของสวรรค์ เซี่ยเหลียนก็ตอกกลับว่าเช่นนั้นสวรรค์ก็ควรถูกทำลาย ครู่หนึ่งอีกฝ่ายก็ยึดแขนบังคับให้เซี่ยเหลียนชูกระบี่ขึ้นไปบนฟ้า ส่งผลให้ฟ้าผ่าไม่หยุด สัตว์เลี้ยงแตกตื่น กลุ่มควันเริ่มก่อตัวบนท้องฟ้าเป็นใบหน้าของคนมากมาย ทำเอาชาวบ้านที่ออกมาดูสถานการณ์ต้องตื่นตระหนก คำสาปหน้าคนกำลังทำงานแล้ว
เซี่ยเหลียนรีบเดินเข้าไปหาฝูงชน อธิบายว่าสิ่งนั้นคือคำสาปหน้าคน ก่อนยื่นกระบี่ในมือส่งให้พวกชาวบ้าน บอกว่าหากใช้กระบี่เล่มนี้ฟันร่างของเขาทุกคนก็จะปลอดภัยจากคำสาป ทำให้ทุกคนรวมถึงไป๋อู๋เซียงถึงกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน เศวตไร้หน้ารีบปั่นว่าถ้าให้ชาวหย่งอันทุกคนฟัน เซี่ยเหลียนก็จะกลายเป็นแค่เศษเนื้อ แต่เซี่ยเหลียนก็ยืนยันว่าหากเขาสามารถช่วยได้ 1000 คน ก็จะช่วย 1000 หากเขาช่วย 1000 ไม่ได้ ก็จะช่วย 100 หากช่วย 100 ไม่ได้ ก็จะช่วย 10 หรือถึงแม้จะช่วยได้แค่คนเดียว เขาก็จะทำ เหตุผลมีเพียงแค่มันคือสิ่งที่เขาต้องการ ซึ่งเศษสวะไร้ค่าอย่างไป๋อู๋เซียงก็ไม่มีทางเข้าใจอย่างแน่นอน
เศวตไร้หน้าโกรธมากที่ถูกด่าว่าเศษสวะไร้ค่า ส่วนเซี่ยเหลียนก็พยายามโน้มน้าวชาวบ้านให้ใช้กระบี่ฟันตนเพื่อรักษาชีวิต ในที่สุดก็มีชายคนหนึ่งซึ่งห่วงชีวิตลูกน้อยยอมรับกระบี่มา เขานำมันยัดใส่มือของบุตรก่อนเอามือปิดตาลูกพาเดินเข้าไปหาเซี่ยเหลียน แต่ตอนนั้นเองชายขายน้ำกลับขัดคำห้ามของภรรยา เข้ามาทุบกระบี่พร้อมบอกว่าไม่เห็นรูที่ท้องเซี่ยเหลียนหรือ ถึงอีกฝ่ายไม่ตายก็ยังเลือดออกและเจ็บได้ พอชาวบ้านบอกว่าเป็นเทพแห่งโชคร้ายอย่างเซี่ยเหลียนที่นำพาคำสาปมาก็สมควรแล้วที่ต้องรับผิดชอบ แต่ชายขายน้ำก็แย้งว่าถึงเซี่ยเหลียนจะเป็นเทพแห่งความโชคร้าย แต่ดูแล้วสิ่งนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่อีกฝ่ายอยากให้เกิดไม่ใช่หรือ เซี่ยเหลียนจะตั้งใจหรือไม่นั่นก็เป็นเรื่องของเซี่ยเหลียน สิ่งที่พวกเขากำลังจะทำก็ย่อมเป็นเรื่องของพวกเขาเองเช่นกัน 2 วันที่ผ่านมาตอนที่เซี่ยเหลียนนอนในหลุมรอรับการช่วยเหลือมีใครช่วยซี่ยเหลียนไหม ไม่รู้สึกละลายใจกันบ้างหรือ
Note : ใครจะวาดเซี่ยเหลียนก็อย่าลืมวาดหมวกไม้ไผ่ด้วยนะเพราะมันคือไอเทมทรงคุณค่าจริงๆ
.
.
.
.
.
เทียนกวานไทยยังไม่ออกเพราะจีนยังไม่ส่งต้นฉบับมาให้แต่เวียดนามจะออกแล้วจ้า ได้รอแปดร้อยปีตามฮวาเฉิงมั้ย
กูงง สรุปคือโชว์ปกหรือมาแล้วจริงๆ
เอ่อ เวียดนามออกเร็วจริงนะ แต่แม่งทำงานพลาดแบบเหี้ยๆ วางปกผิดแนว vertical-horizontal เลยมึง กูเพิ่งอ่านแถลงการณ์ภาษาอังกฤษของ สนพ.ในทวิต ร้อง อห. เลยมึง ชุ่ยสัด
ทวิตกำลังระอุ เพราะทุกคนบอกว่าพลิกกลับซ้ายขวา ที่คาดตาอยู่สลับด้าน เฮ้ย จุดเด่นตัวละครเลยนะ มันไม่ได้ป่ะ
สนพ บอกแก้ไม่ทันละ เดี๋ยวปรินท์รอบใหม่ถูกต้องแน่นอน และ ปรินท์ปกเล่มหนึ่งแบบถูกด้านแนบไปกับเล่มสองด้วย
ขายแล้วเหรอวะ ทำไมไทยยังไม่ได้ต้นฉบับหรือกูโดนแกง
กูที่อ่านเวียดนามได้และหิวปรมจ.กลับมา วินาทีแรกคือประทับใจปกกับของแถมมาก วินาทีที่เปิดอ่านมึงจะปิดและเก็บมันไว้เป็นความทรงจำพอ แปลได้ห่วยมากกกก จุดผิดอีกหลายจุด เทียบกับที่บกรทำแล้ว บกร น่ารักกว่าเยอะเลยพวกมึง ส่วนเทียนกวานยิ่งไม่ค่อยกล้าคาดหวังเลยว่ะ แต่ฝั่งโน้นทำปกสวยกับของแถมอลังจริง
สปอยเทียนกวานอาร์ค 4 ต่อจาก >>475เทียนกวาน Part.150-1 (จำนวนตัวอักษรมันเกินไปนิดหนึ่ง เลยแบ่งเป็น 2 พาร์ทย่อยๆ นะ)
.
.
.
.
.
แม้จะติดสตั๊นกับคำพูดของชายขายน้ำ แต่ด้วยความรักตัวกลัวตาย ทำให้ชาวบ้านบางคนจะเข้ามาคว้ากระบี่ ทว่าพ่อครัวคนที่เคยจะออกตัวช่วยเซี่ยเหลียนเมื่อ 2 วันก่อนก็มาขัดขวาง บอกว่าใครกล้าหยิบกระบี่ต้องเจอปังตอของเขา ตอนนั้นเองคำสาปหน้าคนก็พุ่งลงมาจากท้องฟ้า เซี่ยเหลียนรีบมองหากระบี่แต่ก็พบว่ามันหายไปแล้ว เขาเลยร้องเรียกให้พวกวิญญาณเอาคำสาปมาลงที่เขาคนเดียว ยามวิญญาณพุ่งผ่านร่างให้ความรู้สึกไม่ต่างจากถูกมีดกรีดแทง ความหนาวเย็นเริ่มกัดกินเซี่ยเหลียน แต่เขาก็ยังหลับตายืนหยัดอยู่ที่เดิม แต่เมื่อผ่านไปพักหนึ่งวิญญาณพวกนั้นกลับเปลี่ยนทิศพุ่งไปอีกทาง เป้าหมายของพวกมันคืออู่หมิงที่ถือกระบี่เล่มนั้นไว้ เซี่ยเหลียนพยายามตะโกนสั่งให้อีกฝ่ายคืนกระบี่มาให้ตน แต่อู๋หมิงไม่ยอมทำตาม แม้เขาจะไม่เห็นสีหน้าทีแท้จริงภายใต้หน้ากากยิ้มเป็นจันทร์เสี้ยว แต่เวลานั้นเขากลับรู้สึกว่าอู๋หมิงกำลังยิ้มให้เขาอยู่จริงๆ เมื่อวิญญาณร้ายกลืนกินร่างๆ นั้น เซี่ยเหลียนก็เข่าอ่อนคุกเข่ากรีดร้อง พอตั้งสติได้อีกทีก็เห็นว่าวิญญาณร้ายหายไปหมดแล้ว และบริเวณที่อู๋หมิงเคยยืนอยู่ก็เหลือเพียงกระบี่เล่มนั้นที่หล่นจากอากาศว่างเปล่าลงสู่พื้น ที่ปลายใบดาบมีดอกไม้สีขาวดอกหนึ่ง
พอเห็นเซี่ยเหลียนเข้าไปหยิบกระบี่กับดอกไม้ ไป๋อู๋เซียงก็หัวเราะ บอกว่าเซี่ยเหลียนไม่รู้อะไร แม้อู๋หมิงจะเป็นวิญญาณทหารเซียนเล่อจริง แต่ขณะเดียวกันอีกฝ่ายก็เป็นผู้ศรัทธาคนสุดท้ายของเซี่ยเหลียน ยามมีชีวิตเป็นทหารรับคำบัญชา ยามตายเป็นวิญญาณคอยติดตาม กลายเป็นผีร้ายเมื่อครั้งที่เซี่ยเหลียนถูกผู้คนกระหน่ำกระบี่ใส่ แต่ตอนนี้กลับต้องสลายไปเพราะวิญญาณร้ายที่เซี่ยเหลียนพามา ถึงเซี่ยเหลียนจะน่าหัวร่อ แต่ผู้ศรัทธานั้นน่าหัวร่อยิ่งกว่า
เซี่ยเหลียนอึ้งอยู่พักหนึ่ง แต่พอได้ยินประโยคสุดท้ายก็ลุกขึ้นโจมตีใส่เศวตไร้หน้าไม่ยั้ง ไม่นานนักก็มีเสียงฟ้าร้องสายฟ้ากัมปนาทก่อนที่จวินอู๋จะปรากฏตัวขึ้นแล้วเข้าไปบวกกับไป๋อู๋เซียงจนได้รับชัยชนะ จากนั้นมหาเทพจึงเดินกล่าวแสดงความยินดีที่เซี่ยเหลียนได้ขึ้นสวรรค์อีกครั้ง ทว่าเซี่ยเหลียนกลับขอร้องให้อีกฝ่ายเนรเทศตน ถึงแม้จะเกิดความเสียหายไม่มากแต่คำสาปหน้าคนรอบนี้เป็นเพราะเขา จวินอู๋ปลอบว่าในเมื่อเซี่ยเหลียนรู้ตัวว่าทำผิดก็โอเคแล้ว แต่เซี่ยเหลียนก็แย้งว่าเท่านั้นไม่พอ เพราะทั้งๆ ที่เขาเป็นคนทำผิด แต่กลับยังไม่ได้รับการลงโทษใดๆ เซี่ยเหลียนขอให้มหาเทพใส่คำสาปพันธนาการอีกวงไม่ให้เขามีโชคลาภเพื่อที่โชคที่เขาควรมีจะได้ตกสู่ผู้ที่มีโชคน้อยกว่า แม้เขาจะกลายเป็นเทพแห่งความโชคร้ายจริงๆ ก็ไม่เป็นไร เพียงแค่เขารู้ตัวว่าตัวเองไม่ได้เป็นเช่นนั้นก็พอแล้ว
ผู้คนจะยกให้เขาเป็นเทพ เขาจึงได้พลังมา แต่ความจริงเขากลับไม่ใช่เทพอย่างที่ทุกคนอยากให้เป็น เขาเป็นแค่คนที่ล้มเหลวคนอยากปกป้องคนของตน ทั้แต่ก็ทำให้ประชาชนต้องตายไปมากมาย อยากล้างแค้นผู้คน แต่สุดท้ายก็ไม่ทำ เขาทำอะไรไม่สำเร็จสักอย่าง เพราะฉะนั้นถึงเขาจะไม่ได้เป็นเทพอีกก็ช่างมันเถอะ จวินอู๋เอ่ยชมว่าเซี่ยเหลียนโตขึ้นแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องมีเหตุผลในการเนรเทศเซี่ยเหลียน เซี่ยเหลียนเลยขอ PWP กับอีกฝ่าย
.
.
.
.
.
สปอยเทียนกวานอาร์ค 4 ต่อจาก >>475 เทียนกวาน Part.150-2
.
.
.
.
.
วันนั้นองค์ชายรัชทายาทแห่งเซียนเล่อขึ้นสวรรค์เป็นครั้งที่ 2 แต่ก็ถูกเนรเทศกลับลงมาในเวลาเพียง 1 ก้านธูป กลายเป็นตัวตลกของทั้งสามโลก เทพหลายคนสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมเซี่ยเหลียนถึงทำแบบนั้น บางคนถึงกับปลอมตัวแอบมาสังเกตการณ์ แต่สิ่งที่พวกเขาเห็นก็มีเพียงชายคนหนึ่งที่ทำงานแบกอิฐหามปูน อาบเหงื่อต่างน้ำคนหนึ่ง
เซี่ยเหลียนเป็นเวรทำอาหารให้คนงานก่อสร้างซึ่งกำลังสร้างอารามของเฟิงซิ่นกับมู่ฉิงที่ได้ขึ้นสวรรค์เป็นเทพชั้นสูงแล้ว อารามของทั้งคู่สร้างอยู่ข้างกันเพียงเพราะเป็นตำแหน่งดีจึงไม่อยากให้อีกฝ่ายครอบครอง เหล่าผู้ศรัทธาของทั้งสองจึงได้ใกล้ชิดทะเลาะกันไม่เว้นแต่ละวัน พอทุกคนได้กลิ่นอาหารก็พากันด่าเซี่ยเหลียนที่อ้างว่าเป็นสูตรลับชาววังสุดท้ายเขาก็ถูกหัวหน้าไล่ออกเพราะทำวัตถุดิบเสียหาย เซี่ยเหลียนทำหน้าหนาของเงินค่าแรงของวันนี้ แต่ก็ถูกหัวหน้าด่ากลับว่าไม่คิดค่าเสียหายก็บุญแค่ไหนแล้ว เพราะตั้งแต่เซี่ยเหลียนมาก็มีแต่เรื่องซวยไม่หยุดทำให้ข้าวของเสียหายไปมากกมาย แต่ก่อนที่เซี่ยเหลียนจะแย้งอะไร ทุกคนก็ทนกลิ่นอาหารในหม้อไม่ไหวพากันหนีเตลิดไปคนละทาง เขาเลยอดบ่นไม่ได้ว่าถึงมีเงินก็ไม่ควรทิ้งขวางของกินเช่นนี้ ว่าเสร็จก็ตักอาหารใส่ชามวางบนแท่นถวายให้เฟิงซิ่นและมู่ฉิง ก่อนกลับไปม้วนเสื่อ สะพายกระบี่ เอามือตบผ้าแพรขาวที่พันอยู่บนตัวเบาๆ หยิบหมวกไม้ไผ่ขึ้นสวม หากเขาหาเงินจากการทำงานกรรมกรไม่ได้ เขาก็ไปแสดงข้างถนนแทนก็ได้ ระหว่างทางเมื่อเซี่ยเหลียนหันไปเห็นดอกไม้สีแดงที่ข้างทาง เขาก็เอามือลูบมันพร้อมเอ่ยขึ้นว่า “หวังว่าสักวันคงได้พบกับเจ้าอีกครั้ง” จากนั้นเขาก็มุ่งไปข้างหน้าต่อไป
.
.
.
.
.
จบอาร์ค 4
ในที่สุดก็เคลียร์ไปอีกบทหนึ่ง อ่านอาร์คนี้จบทุกคนก็มีสุขภาพตับที่แข็งแรงและแข็งแกร่ง ถึงอาร์คนี้จะเครียดจัดๆ แต่สุดท้ายก็ทำให้กูรู้สึกโล่งมากเพราะรู้สึกได้ว่าเซี่ยเหลียนหลุดพ้นแล้วจริงๆ ไม่ใช่ที่ร่างกาย แต่เป็นที่จิตใจ อย่างที่กูเคยบอกบ่อยๆ ว่ากูคิดว่าประเด็นของเทียนกวานคือความมั่นคง มั่นคงในรักของฮวาเฉิง มั่นคงในความดีของเซี่ยเหลียน แล้วกูก็นึกถึงคำพูดของเพื่อนโม่งที่บอกว่าใครที่อ่านเทียนกวานแล้วอ่านไม่ถึงอาร์ค 4 ก็เหมือนยังไม่ได้อ่านเรื่องนี้ กูเห็นด้วยอะ เพราะประเด็นในอาร์คนี้มันมีความสวยงามของมันอยู่จริงๆ ยอมรับด้านไม่ดีของตัวเองกับของคนอื่น ให้อภัยและอยู่กับมัน
อาร์คนี้มีประเด็นที่น่าคุยหลายเรื่องมาก ทั้งเรื่องพ่อแม่ของเซี่ยเหลียน เหตุผลที่ทำให้เฟิงซิ่นกับมู่ฉิงทิ้งเซี่ยเหลียนไป เรื่องของเทพ 33 องค์ เซี่ยเหลียนที่ตกต่ำลง เรื่องราวของไป๋อู๋เซียง เรื่องที่เกิดกับเซี่ยเหลียนในอารามร้าง ที่มาของฟางซิ่น รั่วเย่ และหมวกไม้ไผ่ ตัวจริงเจ้าของนามหายนะชุดขาว ที่มาที่ไปของการขึ้นสวรรค์และตกสวรรค์ครั้งที่สอง ที่มาของสกิล Luck E + คำสาปพันธนาการบนข้อเท้า เหตุผลที่ทำไมตอนถูกหมิงอี้ถามว่าสิ่งที่เซี่ยเหลียนเสียใจมากที่สุดในชีวิตคืออะไร แล้วเซี่ยเหลียนตอบว่าสิ่งนั้นคือการขึ้นสวรรค์ครั้งที่ 2 ของเขา พออ่านมาถึงตรงนี้แล้วกลับไปอ่านเกริ่นเรื่องที่ว่าเซี่ยเหลียนเป็นตัวตลกของสามโลกรู้สึกเปลี่ยนไปไหม และก็ทำให้เราเข้าใจได้ว่าทำไมสำหรับเซี่ยเหลียนแล้วฮวาเฉิงถึงเหมาะสมที่สุด พูดตรงนี้แล้วก็ขัดใจ เพราะที่เซี่ยเหลียนรู้สึกคุ้นกับฮวาเฉิงส่วนหนึ่งเป็นเพราะฮวาเฉิงยิ้มตอแหลเป็นจันทร์เสี้ยวเหมือนรอยยิ้มปลอมๆ บนหน้ากากของอู๋หมิงด้วย แต่ทั้งเวอร์นิยาย เวอร์มังฮวา กลับวาดฮวาเฉิงยิ้มนิดๆ หล่อๆ ทั้งสองเวอร์ชันเลย ขัดใจว้อยยย
เอาล่ะ มาถกกันเถอะ ใครมีเรื่องอะไรอยากเมาท์ โปรดรีบเปิดประเด็น
>>492 โม่งสปอยล์กุรักมึง กุเองคนพูดว่าไม่ได้อ่านเล่ม4เหมือนไม่ได้อ่านเทียนกวาน กุบอกเลยตอนกุอ่านเล่ม4กุอึดอัดมาก ยิ่งฉากในอารามที่ดุจะอ้วก แต่ตอนจบที่เซี่ยเหลียนบอกว่าไว้พบกันอีกครั้งนี่กุหนีไปร้องไห้เลย
กุอยากคุยกับมึงจังเลยแต่กุไม่รู้จะเปิดประเด็นอะไร มึงลองเปิดประเด็นมาเลย เดี๋ยวกุมาตอบแน่ๆ ทุกอย่างของเล่มนี้มันดีไปทุกอย่างเลยเว้ย อย่างนึงที่กุอ่านเล่มนี้จบแล้วเข้าใจคือจริงๆแล้วฮวาเฉิงไม่ได้รอเซี่ยเหลียนมา800ปี แต่เป็นเซี่ยเหลียนที่อยากเจออู๋หมิงมาตลอดตะหาก
>>492 ใครอ่านไม่ถึงอาร์ค 4 เหมือนไม่ได้อ่านเทียนกวาน กูอยาก +100000 ถึงอาร์คนี้ตับกูจะแตกไปสองรอบแต่เป็นอาร์คที่ดีสุด เป็นเรื่องราวของเด็กโลกสวยไปเป็นผู้ใหญ่ที่เข้าใจโลกอะ กูอยากขอบคุณที่แม่โม่เขียนให้เซี่ยเหลี่ยนไม่เข้าดาร์กไซต์ไม่งั้นนอกจากตับกูจะแตกเป็นรอบสามกูจะดรอปเรื่องนี้เพราะมันดาดมาก หาเจอได้ทั่วไปไม่ว่า จีน ญี่ปุ่น เกา ทำให้ตอนนี้กูรักเซี่ยเหลี่ยนที่สุดในเรื่อง(ตอนแรกเทพลม) // กูขอเปิดประเด็นเลยดีกว่า ทำไมเฟิ่งซิ่นกับมู่ฉิงถึงไม่เคยเจอเซี่ยเหลียนเลย ทั้งๆที่ต้องมาดูรูปปั้นตัวเองกัน
>>498 ถกประเด็นที่เพื่อนโม่ง >>499 เริ่มกันก่อนเลยเนอะ ส่วนเรื่องฮวาเฉิงกับเซี่ยเหลียน เป็นทั้งสองคนนั้นแหละที่ตามหากันมาตลอด ไม่ใช่แค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่รอคอย
>>499 กูคิดว่าตอนแรกๆ ที่เซี่ยเหลียนตกสวรรค์ครั้งที่ 2 แล้วบอกว่ามีเทพองค์อื่นมาแอบส่องก็มีสองคนนั้นอยู่ด้วยอะ เพราะว่าเซี่ยเหลียนก็เพิ่งมาทำอาหารเองเอาช่วงนี้ แล้วทั้งคู่ก็กินอาหารที่เซี่ยเหลียนถวายให้ตอนท้ายอาร์ค 4 ถึงได้รู้ว่ารสมือของเซี่ยเหลียนเป็นยังไงจนขยาดมาจนถึงทุกวันนี้ แต่เพราะว่าทั้งสองคนจากกับเซี่ยเหลียนแบบแย่มากก็เลยไม่กล้าสู้หน้า (ถูกเซี่ยเหลียนออกปากไล่เองทั้งสองคน กรณีมู่ฉิงคือตอนที่เอาของมาให้ แล้วเจอเซี่ยเหลียนเอาไม้กวาดไล่ฟาด) ตอนแรกๆ อาจจะแอบมองๆ อยู่ แต่เพราะเวลามันก็นาน งานช่วงแรกๆ ก็คงยุ่งๆ เหมือนเพื่อนที่ขาดการติดต่อไปนาน เราก็ไม่คิดถึงเท่าไร นานๆ อาจแวบขึ้นมาในหัวบ้าง + เซี่ยเหลียนเปลี่ยนที่อยู่บ่อยๆ เปลี่ยนชื่อไปเรื่อยๆ เลยคลาดกันแล้วก็ไม่ตามหาต่อ (ซึ่งถ้าอยากหาจริงก็คงไปขอหลิงเหวินได้แหละ แต่อาจเพราะศักดิ์ศรีมันค้ำคอเลยไม่ไป แต่กูก็แอบรู้สึกว่าที่จริงก็น่าจะแอบส่องหน่อยนะ ไม่ห่วงบ้างเลยหรือไง ไม่ควรหายไปเลยแบบนี้ แต่ก็นั่นแหละ ขนาดผ่านมา 800 ปีแล้วก็ยังไม่กล้าสู้หน้าตรงๆ อยากทำดีด้วยก็ต้องเนียนจำแลงร่างไปช่วย)
Ky ตัวร้ายมีตอนพิเศษแต่งงานด้วยเหรอวะ เคยมีใครสรุปย่อๆมั้ยกูอยากรู้ววว
>>504 ปิงชิวเดินไปเจอพิธีแต่งงานตอนจะกลับยอดเขามั้ง พอกลับยอดเขามาปิงเหอก็เหม่อทั้งวันเหม่อตลอดจนเสิ่นชิงชิวงงว่าปิงเหอเป็นอะไร สุดท้ายปิงเหอก็พ่นพรวดออกมาว่าแต่งงานกับข้าเถอะ ถ้าท่านไม่อยากแต่งเข้าเป็นข้าที่แต่งเข้าก็ได้ เสิ่นชิงชิวเลยน่ามืด นึกว่าปิงเหอป่วยเป็นอะไรทีแท้แค่อยากจะแต่งงานด้วย ปิงเหอเข้าใจผิดว่าซือจุนหน้ามืดเพราะอยากไม่อยากแต่ง เลยบอกว่าไม่เป็นไร คืดว่าข้าล้อเล่นก็ได้ เสิ่นชิงชิวเลยเอาพัดฟาดไปที บอกว่าเรื่องแบบนี้ล้อเล่นได้ไง เกือบตอบตกลงแล้วมั้ยล่ะ ปิงเหอติดสตัน เสิ่นชิงชิวเรียกปิงเหอไปรินเหล้าแล้วเกี่ยวแขนกันดื่มเหล้า คืนนั้นปิงเหอก็ไปหาพร๊อบมาจากไหนไม่รู้โคตรเร็ว เสิ่นชิงชิวรู้สึกว่าปิงเหอจริงจังมากเลยทำทุกอย่างแบบจริงจังตาม มีปูผ้าขาวทดสอบคความบริสุทธิ์ด้วย5555 พี่แตงแม่งก็หน้าเครียด(ได้กันมากี่รอบแล้ว) ปิงเหอบอกไม่ต้องเลือดออกจริงๆก็ได้ เอาแค่ตามพิธีพอๆ แล้วหลังจากนั้นก็ป้าบกัน ป้าบกันเสิ่่นชิงชิวดันเลือดออกจริงๆเว้ย 5555 เสิ่นบอกปิงเหอเบาๆหน่อย ปิงเหอก็เลยขอให้เรียกว่าสามี(เซียงกง)หน่อย สรุปพี่แตงแม่งเลยต้องจำใจเรียกปิงเหอว่าสามีทั้งคืน ปิงเหอก็เรียกพี่แตงว่าภรรยาด้วย
ตื่นเช้ามาเสิ่นชิงชิวเบลอๆเห็นปิงเหอกำลังแต่งตัว(ไปทำอาหารเช้าตามปกติ) คิดไงไม่รู้หลุดปากเรียกเซียงกงออกไป ปิงเหอเลยสตันแล้วเดินกลับมาที่เตียง พี่แตงเฉไฉว่าหิวแล้ว ไปทำข้าวเช้าเร็ว ปิงเหอเลยบอกซือจุนข้าก็หิวเหมือนกัน 555555 จบปิ้ง ผิดตรงไหนแย้งได้ กุชอบตอนพิเศษอันนี้นะ ปิงเหอน่ารักดี มีสะดุดธรณีประตูล้มหน้าทิ่มด้วย
ดันนนนน
ดันด้วย
ดัน ดัน
ดันดันดัน
https://youtu.be/eV_ki8Z7UHc กูไปเจอมา
หานักวาดไทยคนนึงกูจำชื่อไม่ได้อยากตามงานอีก ลายเส้นออกจีนสวยมาก เคยวาดสามพีพี่วั่ง พี่เว่ย เจียงเฉิง มีAUทูตสวรรค์ด้วย พอมีใครนึกชื่อออกมั้ย
ปรมจ ตกลงว่า อาจิงหรืออาชิง เรดิโอก็ออกเสียงว่าอาจิงนะ
ทุกวันนี้ยังมีคนเอาปรมาจารย์มาหากินทั้งที่แม่โม่ห้ามอีกเหรอวะ https://twitter.คอม/ImmCraft0302/status/1271634618752495616?s=19
ในนี้ไม่มีใครรู้จีนเลยหรอ กูคาใจจริงๆนะว่า อาจิงหรือ อาชิ่ง
พูดถึงเรื่องอาจิง นึกถึงตอนที่กูดูซีรีย์แล้วถึงฉากเมืองอี้
ตอนแรกกูหวั่นใจมากว่าเซวี่ยหยางมันจะฆ่าสองคนนั้นทิ้ง สุดท้ายกลายเป็นว่าอยู่ด้วยกันถึงสามปี และคงจะอยู่ต่อไปเรื่อยๆถ้าซ่งหลานไม่เข้ามาเจอ
ถึงตลอดสามปีอีเซวี่ยหยางก็ไม่ได้เป็นคนดี หลอกให้เสี่ยวชิงเฉินฆ่าชาวบ้านไปเยอะ ซึ่งก็สมควรรับโทษแหล่ะ
แต่ก็มีอีกความคิดที่ว่า ถ้าซ่งหลานไม่ไปหา มันจะดีกว่านี้มั้ยนะ อาจจะอยู่ด้วยกันต่อไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่ไปฆ่าใคร
เซียหยางคงพาต้าวจางฆ่าคนตายทุกหมู่บ้านไม่มีเวลาปลีกตัวไปช่วยเหยา
คนสปอยหายไปนานมาก เป็นอะไรรึเปล่า
รอสปอยเทียนกวานนะคะ
รอโม่งสปอยเช่นกัน
เทียนกวานจะออกเล่มแปลไทยปีหน้าแล้ว เตรียมเงินกันด้วยนะเพื่อนโม่ง ดีใจ กรี๊ดดดดด
เทียนกวานปกฉางหยางอีกแล้วเหรอ แอบอยากได้เส้นแบบเวียดนาม เศร้า แต่คนชอบสไตล์ฉางหยางก็คงเยอะอะ
กุเกียมขายไตปีหน้า 8เล่มจุกๆไปเลย เรื่องปกเอาจริงกุแอบอยากได้คุณstaremberมาวาดอ่ะ ชอบซันหลางเขามาก
ถึงกูจะตามโม่งสปอยอยู่ก็เถอะ แต่กูจะไม่พลาดเทียนกวานแปลไทยแน่ๆ
ใจจริงอยากให้ออกมาตู้มเดียวเลยแปดเล่ม กูเก็บเงินรอตั้งแต่ตอนนี้ละ 55555
อ้าว สรุปคือแม่โม่รีไรต์ไม่ถูกใจสักทีเลยไม่รีแม่งแล้ว ขายทุกที่เป็นแบบเดิมเลยใช่มั้ย ถ้าตามกูเข้าใจ
กุเห็นคนด่าสนพแล้วงง กรณีสนพผิดยังไง ใครจะรู้ว่านขมันจะติสต์รีไรท์เป็นปีๆ ไม่ถูกใจ แต่จะขายเอาเงินมาแดก
กำ ทำสัญญาลิขสิทธิ์กันยังไงวะเนี่ย กุเริ่มผิดหวังกับนักเขียนละ
ตอนซื้อลิขสิทธิ์มันไม่ระบุกันเหรอว่าจะเอาเวอร์ชั่นบนเว็บหรือรีไรต์ ละถ้านักเขียนจะขายเวอร์รีไรต์ก็ควรจะรับผิดชอบตารางงานไม่ให้กระทบคู่ค้าป้ะ สรุปเสียเงินแต่ได้เท่าที่อ่านฟรีบนเว็บ?
ไม่ได้ดูติสเลยนะการจัดการงานแบบเนี้ย
มันก็มีเยอะไปเมิง นขที่หายไปบอกจะรีไรท์ แต่สุดท้ายแค่แก้คำผิดกับจัดประโยคใหม่นิดๆหน่อยๆ
ไม่ชอบปกคนนี้เหมือนกันอึมครึม แต่คงเก็บเล่มเก่า ส่วนเล่มรีไรท์ใหม่ถ้ามีทำออกมาอีกรอบคงต้องรอรีวิว
ถ้าได้ฉบับเดียวกับจิ้นเจียงก็กลัวจะอดได้ตอนพิเศษกับฉากปี๊บๆฮวาเหลียนอะสิ พระเอกกุต้องซิง800ปี+เหรอ เศร้า5555
กูรอฉบับรีวะ ซื้อฉบับเว็บมันแปลกๆ
พวกที่บอกรอฉบับรีไรท์ดีกว่าเอาอะไรมามั่นใจว่าฉบับรีไรท์จะมีคนซื้อลิขสิทธิ์มา???
เคสนี้กูว่าฝ่ายจีนอะน่าเกลียด ขายลิขสิทธิ์ทั้งๆที่ยังไม่ใช่ฉบับสมบูรณ์ หิวเงินอะไรขนาดนั้น จะอ้างว่าเพราะแฟนๆรอเลยขายๆมาก่อนมันก็ทุเรศอยู่ดีอะ
ถามหน่อยฉบับมีตอนพิเศษเยอะปะ
อยากรู้ว่าถ้ารีไรท์แล้วเนื้อเรื่องจะต่างไปจากเดิมแค่ไหน เพราะฝั่งอนิเมกับมังฮวาที่ทำอยู่ก็ใช้ต้นฉบับจากจิ้นเจียงปะ
>>560 เค้ามีสัญญานักเขียนกันกับweb จจ.ไม่ใช่แค่webลงนิยายแบบจอยหรือรอร แต่โม่เซียงเหมือนเป็นนักเขียนในสังกัดเค้า
>>563 กุดูอ่านก็เข้าใจนะ ว่าตอนนี้จิ้นเจียงมีต้นฉบับในเนตให้อันเดียวไง จะเอาอันนี้ไปพิมพ์กันเลย หรือว่าจะรออันรีไรต์ที่ไม่มีกำหนดก็แล้วแต่ แบบเซนท์คือเอาอันนี้พิมพ์เลย ส่วนไต้หวันแค่ขอไปคุยกันก่อนประกาศอีกที
กูกลัวหลายเรื่องเลย
1 ฉบับรีไรท์ออกมาจริงแต่สนพ ไทยไม่ซื้อแล้ว
2 ถ้าสนพ ไม่เอาฉบับเว็บ ไม่รู้ต้องรอฉบับรีไรท์อีกนานแค่ไหน
3 สมมุติว่าขายฉบับเว็บแปลไทยจบไปไม่นาน ฉบับรีไรท์เสร็จตามมาติดๆ โดนด่ามันส์แน่ทั้งสนพไทย จีนและนักเขียน เหมือนโดนหลอกให้ซื้อเบิ้ล
ถ้ามีโหวตกูอยากรอฉบับสมบูรณ์มากกว่า (แต่ขอไม่เกิน 1-2 ปีนะ นานกว่านั้นก็ไม่ไหว แล้วขอให้ออกครบภายในหนึ่งปีด้วยเพราะรอนาน)
ที่ฉบับรีไรท์ไม่เสร็จนี่เพราะโม่เซียงคิดพล็อตเล่มสี่รึเปล่าวะ
กูเดาว่าสนพ.ฝั่งจีนที่ถือสิทธิ์อาจจะขายลิขสิทธิ์ไปก่อน สนพ.ไทยถือสัญญาได้แค่ไม่กี่ปี หมดสัญญาก็ต้องห้ามขายแล้ว จะรอก็ไม่ได้ ซบ.โดนด่า คนด่าคุยกันยังไง มึงดูลวดลายจีนด้วย สงสารกูเองจะรอรีไรต์ก็ไม่น่ามีหวังเอาเข้ามา คนซื้อน้อยแน่ๆ
สัญญาปกติกี่ปีวะ 5ปีปะ? งั้นก็แปลว่าเรื่องอื่นๆอย่างตรยข ถ้าเกิน5ปีไปก็พิมพ์เพิ่มไม่ได้แล้วเหมือนกัน?
กรณีนี้กูสงสารเซ็นส์บุ๊คว่ะ เอาฉบับเว็บมาพิมพ์ก็ผดดนว่าไม่สมบูรณ์ จะรอรีไรท์ก็ไม่รู้ชาติไหนจะเสร็จ
>>568 ถ้าไม่ซื้อเพิ่มก็ห้ามพิมพ์เพิ่ม บางสัญญาเหลืออยู่ก็ห้ามขายด้วยจ๊ะแม่ สยั่มมันถึงได้เทขายของบ่อยๆ
เห็นด้วยว่ะอย่างเวียดนามตอนแรกก็ไม่รอเหมือนกัน คำว่ารีไรท์เหมือนจะจบง่ายแต่บางคนก็หายไปสี่ห้าปี แค่รีไรท์แถมเพิ่มเติมมาบอกไม่รีแล้วกลางคันหลังผ่านไปเป็นปีๆก็มี รีแค่ครึ่งเดียวงี้
สนพ.ลำบากใจจริงว่ะ จีนดูลวดลาย เห็นแล้วเหนื่อยแทนซบมาก ปกติแช่งซบแต่กรณีนี้ไม่ไหวสงสาร เขาไม่ควรขายแต่แรกถ้าคิดจะรีฯ ถ้านึกถึงใจนักอ่านอะ(อันนี้ไม่โทษแม่เพราะจจอาจจะเป็นคนขายเอง)
ถ้าแม่รีเสร็จไวก็แล้วไปรอได้พิมพ์ทีเดียวจบๆ แต่ที่เขาบอกให้พิมพ์ไปก่อนเลยแสดงว่างานนานรึเปล่า อย่างไวก็ปีหน้าไรงี้
ทำงานเป็นมืออาชีพกันจริง กุงงเลย
กรณีนี้จจกับมซโดนด่าว่าหิวเงินคือดิ้นไม่ได้นะ
เหมือนลูกค้าจ่ายเงินแล้ว แต่ไม่ส่งงานตามกำหนด ขอแก้ไปเรื่อยๆ รอได้ก็รอ รอไม่ได้ก็เอาที่ยังไม่แก้ไป
กูพร้อมรอนานขอเนื้อหาที่สมบูรณ์ที่สุดว่ะ หนังสืออยู่กับกูเป็นสิบๆปียังไม่เน่าสลาย อ่านช้าไปอีกปีสองปีถือว่าสั้นมาก ดีไม่ดีปี2021ซบยังไม่ทางออกแม่โม่รีไรต์เสร็จ
ปัญหาคือรีไรต์ไม่รู้จะเสร็จเมื่อไหร่จะเสร็จหรือเปล่ายังไม่รู้เลยนี่แหละ เฮ้อ กรณีนี้กูเห็นใจ สนพ.จริงๆ
อ่านที่คนสรุปความแตกต่างที่คนบ่นระหว่างเทียนกวานต้นฉบับกับรีไรต์รอบแรกแล้วเซ็ง นิสัยบางคนเปลี่ยนจนคนออกมาไม่โอเคเยอะ ถ้าฉบับรีไรต์ออกมากูควรล้างความรู้สึกที่มีต่อเวอร์อรกที่อ่านไปอิงเนต้าใหม่เหรอ งานนี้ไม่โอเคกับเว็บจจและแม่โม่จริงๆ
>>580 ตัวละครเค้าป่ะวะมึง5555 เค้าก็ต้มยำทำแกงยังไงก็ได้จริงๆแหละ มึงพูดอย่างกับเค้าเป็นคนแต่งฟิค มันอยู่ที่เค้ายำออกมาแล้วมึงชอบมั้ยแค่นั้น แต่ไม่ชอบก็ไม่ควรเปิดปากด่าเสียๆหายๆนะ ยังไงเค้าก็เจ้าของผลงาน ไม่ชอบก็เลิกอ่านเรื่องนี้รอเรื่องอื่นแค่นั้น
ทีนี่กุขอบ่นของกุบ้างได้มั้ยอ่ะ พวกมึงที่บอกรอฉบับสมบูรณ์กันนี่คือมึงคิดว่าฉบับเว็บไม่สมบูรณ์เหรอ หรือยังไง แล้วด้อมเทียนกวานทั้งไทยทั้งอินเตอร์ที่ฟอร์มขึ้นมาตั้งนานเนี่ยมึงคิดว่าเค้ากรี๊ดกร๊าดเรื่องที่มีแต่พล็อตโฮลด์กันงี้อ่อ กุจะบอกให้นะ ฉบับเว็บเนี่ยเรียกสมบูรณ์แล้ว งานเขียนมันดีมาตั้งแต่ฉบับเว็บแล้ว มันถึงรีไรท์ไม่เสร็จซักทีเพราะมันปรับนู่นนี่ยากไง
>>582 งั้นกุถามกลับ ว่าถ้ามันสมบูรณ์แล้ว เขาจะรีไรท์ทำไม? ตรวจบรู๊ฟ พิมพ์เลยสิ แบบที่ปล่อย LC ไปสร้าางเวอร์อื่นแล้ว
และการที่กุติเรื่องต้มยำทำแกงคาร์ เพราะพฤติกรรมตัวละครมันส่งผลต่อเนื้อเรื่อง ไม่ใช่ว่ากุชอบหรือไม่ชอบ
สมมติเรื่องมันสมูทดีอยู่แล้ว แต่เพราะตัวละครที่เขาบิดจากเดิม ทำให้มันแย่ลง ส่งผลต่อตัวอื่น กุบ่นนักเขียนไม่ได้เลย? เขาเขียนมาให้อ่าน ชอบก็อวย ไม่ชอบก็ต้องติได้สิวะ
>>583 +1000000 จริงๆคนเขียนจะต้มยำทำแกงตัวละครยังไงก็สิทธิ์ของคนเขียนแหละ แต่เวลาเปลี่ยนแล้วออกมาแย่ลง คาแรกเตอร์เปลี่ยนไป หรือขัดกับการกระทำอื่นๆทำให้ตัวละครขาด consistency คนอ่านก็มีสิทธิ์บ่นเหมือนกัน นิยายไม่ใช่ของที่แตะต้องไม่ได้ซะหน่อย มันเป็นของที่วิจารณ์กันได้อยู่แล้ว
>>581 คนที่คิดว่าฉบับเว็บไม่สมบูรณ์คือตัวแม่โม่เองเลยนะคนแรก ไม่งั้นเขาจะพูดว่าจะรีไรท์ทำไมอะ
พฤติกรรมไม่ตรงเวลา ขายแอลซีเวอร์ที่ตัวเองคิดว่าไม่สมบูรณ์ไปให้ประเทศอื่นแปลแบบนี้ ถ้าเป็นนขคนอื่นก็ทัวร์ลงแล้วนะ แต่นี่แฟนเทียนกวานในไทยคือพยายามเบี่ยงประเด็นเป็นว่าฉบับบนเว็บก็ดีมากอยู่แล้วต่างๆ ทำไมถึงหาว่าไม่สมบูรณ์ ฉบับในเว็บที่แกว่าไม่สมบูรณ์นี่ยังดีกว่านิยายรวมเล่มขายบางเรื่องอีกนะ บลาๆๆ เห็นในทวิตเยอะมาก เออออกูรู้แล้วว่ามันดี เพียงแต่ที่เค้าด่าๆกันเนี่ยเพราะตัวนักเขียนเองก็ไม่ได้พอใจในเวอร์ชั่นนี้ ออกปากเองว่าจะรีไรท์แต่ดันทำไม่ได้แล้วมาทำครึ่งๆกลางๆปะวะ
>>586 เห็นด้วยว่าถ้าเป็นนักเขียนคนอื่นทัวร์ลงไม่เหลือซากละ แต่โม่เซียงบารมีเยอะ แฟนคลับเยอะ คนอยากด่าก็ด่าได้ไม่เต็มปากเพราะเดี๋ยวคนด่าจะโดนทัวร์ลงซะเอง แฟนๆก็ช่วยปกป้องว่าฉบับเว็บดีมากๆๆๆๆแล้ว แต่ไม่มองถึงมุมที่รีบขาย lc ก่อนแล้วดันทำให้สนพ.ประเทศอื่นๆเสียเวลารอรีไรท์เป็นปี แถมจู่ๆบอกว่ารีไรท์ไม่เสร็จละ ขายๆของเดิมไปเลยละกัน แล้วยังทำตัวไม่ชัดเจนอีกว่าสรุปจะรีไรท์มั้ย แถมแฟนๆก็แห่ไปด่าสำนักพิมพ์ที่ซื้อลิขสิทธิ์มาอีก กูล่ะเพลีย
>>583 >>585 คือมึงบ่นได้ เลิกชอบก็ได้ แต่ >>580 ใช้คำว่าต้มยำทำแกงซึ่งบริบทมันออกไปในเชิงลบไง แล้วโม่เซียงคือโดนด่าเยอะชิบหาย คาแรคเตอร์ชิงเสวียนที่เปลี่ยนไปมันก็แค่ขัดๆนิดนึงตรงที่นางชอบแต่งหญิงแต่บ่นที่โดนให้แต่งหญิงแค่นั้นป่ะ กับเปลี่ยนโทนเรื่องนิดนึง ไม่เห็นจะเปลี่ยนอะไรเนื้อเรื่องหลัก เนื้อเรื่องหลักก็ยังสมเหตุสมผลดี แค่มึงอาจจะไม่ได้ชอบชิงเสวียนใหม่
>>586 เรื่องความสมบูรณ์ เอาจริงกุว่าความสมบูรณ์ในหัวของคนเขียนกับสิ่งที่เขียนจริงมันคงต่างกันว่ะ โม่เซียงอาจจะอิมเมจเทียนกวานในหัวจักรวาลใหญ่เท่าเดอะลอร์ดแบบนี้แต่เขียนออกมาไม่ได้ก็ได้ แต่ถามว่าถ้าดูแค่ตัวนิยายไม่ต้องดูในหัวโม่เซียงนิยายมันก็สมบูรณ์ดี เป็นเหตุเป็นผล ไม่มีพล็อตโฮลด์อยู่แล้วไง
ส่วนเรื่องขายลิขสิทธิ์กุไม่รู้โม่เซียงขายหรือจิ้นเจียงขาย จิ้นเจียงแม่งอาจจะรีบขายแล้วโม่เศียงมาบอกทีหลังว่าอยากรี สนพ.ไทยก็รีบซื้อแต่พอรู้ว่าจะมีรีก็ต้องรองี้ก็ได้ ถ้าจิ้นเจียงขายกุก็ไม่อยากด่าโม่เซียงว่ะ
>>581 คนเขียนต้มยำทำแกงได้ คนอ่านก็มีสิทธิ์บ่นได้ ชี้เจเคที่อ้างฮอร์ไมโอนี่ผิวสีเพราะไม่เคยบรรยายสีผิว คนอ่านกลอกตาไปสิกลับจากปิดเทอมผิวเฮอเข้มเป็นสีมะกอกได้จ้า หรือมักกอนนากัลที่กลายเป็นอาจารย์ในfttbเฉยทั้งที่ไทม์ไลน์ไม่ได้ คนเขียนเขียนบ้งได้ทั้งนั้นแหละ มันสมบูรณ์แล้วจะรีไรต์สามชาติเศษแปดร้อยปีงี้เหรอเพราะแม่โม่ไม่โอเคกับเนื้อหาเวอร์เว็บเลยต้องรี แต่ให้ประเทศอื่นเอาเวอร์ชันที่ตัวเองไม่ต้องการงี้เหรอ
นักเขียนจีนมีสิทธิ์จะขายหรือไม่ขายด้วยเหรอ กูนึกว่าลิขสิทธิ์เป็นของจิ้นเจียงมาตลอดเลย อย่างเอาไปทำซีรีส์ยีงไม่มีสิทธิ์มีเสียง หรือโม่เซียงถือว่าขายดีเลยมีสัญญาต่างกับคนอื่น (เคยเห็นเธรดภาษาอังกฤษมาแฉจิ้นเจียงอะ)
>>587 ขอกุเคลียร์ประเด็นของมึงแปป มึงพูดเหมือนแฟนที่บอกในเว็บดีกับแฟนที่ไปด่าสนพ.ไทยเป็นกลุ่มเดียวกับ กุเนี่ยมาจากทวิต จะบอกให้ว่าคนละกลุ่มนะ คนที่บอกในเว็บดีคือพวกอ่านจบแล้ว เห็นเนื้องานแล้วเค้าถึงออกมาบอกว่าใจเยน ในเว็บก็ดีเหมือนกันไม่ได้พยามเบี่ยงประเด็น แต่มึงไปเปิดประเด็นเรื่องโม่เซียงไม่มีความรับผิดชอบบนบกไม่ได้ใช่มั้ยอ่ะ
ส่วนแฟนกลุ่มที่ไปด่าสนพ.คือกลุ่มที่ยังไม่ได้อ่านแล้วคิดว่าสนพ.ทำงานชุ่ย คนละกลุ่มกันเลยมึง
ถ้าไม่ติดฟิลเตอร์นักเขียนที่รักมองเป็นการทำงานโม่เซียงก็ไม่โอเครึเปล่าที่ไม่รีไรต์ส่งตามกำหนดแถมไม่มีวี่แววหรือกำหนดการว่าจะเสร็จเมื่อไหร่ นึกออกมั้ยว่าเวลาเราๆทำงานกันมันก็มีเวลาสมองตัน แต่พอถึงเดดไลน์ก็ต้องเร่งต้องทำไม่ใช่เทไม่รู้จะเสร็จเมื่อไหร่ทั้งที่รู้ว่างานถูกดีลไปแล้ว ลูกค้า(นักอ่าน)เป็นแสนเป็นล้านทั่วโลกรออ่านงานอยู่ หักคอขายเวอร์ไม่ไฟนอล
ประเด็นที่ไม่โอเคกับเวอร์ก่อนรีไรต์เพราะมันไม่ใช่สิ่งสุดท้ายที่นักเขียนต้องการสื่อไง มีเรื่องที่นักเขียนไม่พอใจและคนอ่านต้องมาอ่านสิ่งที่นักเขียนยังมองว่าต้องแก้ ลองเปลี่ยนเป็นนักเขียนไทยเปิดพรีออเดอร์ทำมือแต่รีไรต์ไม่เสร็จทันกำหนดดิ พิมพ์ฉบับล่าสุดให้คนพรี และประกาศว่ายังรีไรต์ต่อไปสักวันจะออกเวอร์รีไรต์สิ เวอร์เว็บมันสนุกกว่าหนังสือเรื่องอื่นจริงแต่ไงก็เทียบเวอร์รีไรต์ไม่ได้อยู่ดี
>>587 เออ คือถ้าไม่รีไรท์แล้วก็บอกมาเลยว่าจะไม่รีไรท์ ถึงจะทำให้ตปท.รอฟรีไปปีแต่ก็ถือเป็นเหตุสุดวิสัย รีไม่ได้จริงๆเพราะอะไรๆก็อธิบายว่าไป แต่นี่คือจนถึงตอนนี้ก็ยังกั๊ก สุดท้ายจะรีไม่รีก็ไม่รู้แต่ตอนนี้พูดๆไปก่อนว่ายังบอกอะไรไม่ได้ซักอย่าง เพราะงั้นเอาฉบับไม่รีไปพิมพ์ก่อนนะ เอ้า เข้าใจว่าเรื่องดัง แตะเปลี่ยนอะไรหน่อยคนก็มีสิทธิ์โวยวายง่าย เหนื่อย แต่นี่มันทำธุรกิจมั้ยวะ มันกระทบคนเป็นวงกว้างอะ คือควรรีไรท์ให้เสร็จแล้วค่อยออกขายแต่แรกมั้ยถ้าจะทำงานไม่ได้ตามกำหนดแบบนี้ จิ้นเจียงเป็นตัวกลางซื้อขายลิขสิทธิ์แทนก็จริงแต่ก่อนขายยังไงก็ต้องคุยกับทางนักเขียนก่อนอยู่แล้ว จะไม่ใช่ความผิดแม่โม่ได้ยังไง
ระบบจิ้นเจียงเป็นไงวะ อารมณ์เดียวกับเว็บตูนป่าวที่นักเขียนเขียนลงแพลตฟอร์มแล้วอำนาจในการดีลลิขสิทธิ์ส่วนหนึ่งขึ้นกับเจ้าของแพลตฟอร์ม แล้วคนเขียนได้ตังมั้ย
กูงงไปหมดละ คนอ่านฉบับเว็บมาแล้วบอกว่าฉบับเว็บมันดีมากๆๆ สมบูรณ์มากๆๆ อยู่แล้ว เป็นสาเหตุให้รีไรท์ยาก แต่ตัวคนเขียนกลับยังไม่พอใจในงานของตัวเองและรีไรท์ คือในสายตาคนอ่านมันอาจจะดี แต่ตัวคนเขียนไม่พอใจ ถูกมะ? แปลว่าคนเขียนเขาก็น่าจะมีจุดที่อยากแก้ไขในใจแน่ชัดอยู่แล้วรึเปล่า แล้วทำไมถึงใช้เวลาแก้นานและคาดเดาไม่ได้ว่าจะเสร็จเมื่อไหร่ กูไม่เคยเขียนนิยายอ่า อารมณ์แบบคนเขียนรู้จุดบกพร่อง แต่คิดไม่ออกว่าควรแก้ไขยังไงดีงี้เหรอ
>>600 น่าจะแนวๆเดียวกันนะมึง นิยายแม่โม่จะเอาไปขายทำอะไรกุก็เห็นต้องผ่านจิ้นเจียงตลอด จจ.น่าจะได้ส่วนแบ่งค่าลิขสิทธิ์แหละเลยเคี่ยวเรื่องลิขสิทธิ์มาก อย่างห้ามตัดชุดคอสตัวละครในนิยายใส่เอง แต่อนุโลมให้ใส่ชุดคอสของร้านหูแมวได้ เพราะจจ.ขายลิขสิทธิ์ให้ร้านนี้ไรงี้
กูเห็นที่คุณเม่ยพูดว่าเรื่องนี้ไม่โอกับแม่โม่ ก็ไม่มีทัวร์ลงนะ คงเพราะเค้าไม่ได้อยู่ด้อมจีนเป็นประจำด้วยมั้ง
ถ้าฉบับรีไรท์เสร็จออกมา มีความเป็นไปได้มั้ยว่าค่ายอื่นที่ไม่ใช่ซบ. จะมาแย่งซื้อไปทำ
บันเทิงเลยนะทีนี้ สำนวนแปลคนละเรื่องอีก
คนนอกด้อมกับนูกูพูดไปก็เท่านั้นอะมึง
ถ้ายังมีคนสนับสนุนเขา มึงก็รอเห็นมซเป็นเจ๊หลินฝั่งแปลแล้วกัน เลื่อนแล้วเลื่อนอีก
ไม่มีคำว่ารีไรท์สมบูรณ์แบบ 100% หรอก อยู่ที่ความพอใจของสนพ หรือนข. ล้วนๆ
กูว่าโม่เซียงโฟกัสที่เรื่องที่สี่มากกว่า บางทีมารีไรท์ของเก่าเหมือนอยากจะโล๊ะใหม่ทั้งเรื่อง กเขียนนิยายไก่กาอาราเล่ยังอยากลบรีไรท์ใหม่ทุกคำเลย
มึงกุสงสัยอ่ะ ฉบับเว็บที่ซบ.จะตีพิมพ์ขายนี่มันคือฉบับเดียวกันกับที่คาร์เทพลมเปลี่ยนป่าววะ คือกุชอบคาร์นี้พอสมควร เห็นเรื่องโดนเปลี่ยนคาร์ล่ะแอบสะอึกเลย
กุมองแม่โม่เหมือนนักเขียนการ์ตูนจัมป์ว่ะ ไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจเองแต่ได้เงินและเมื่อเบื้องบนบอกเดดไลน์ก็ต้องทำงานให้เสร็จ ไม่ใช่บอกปัดไม่รู้ทำไม่ทันเอาๆเวอร์ก่อนไปก่อน งานนี้กูค่อนข้างหงุดหงิดนะ เหมือนเขาไม่แคร์คนอ่านคนที่ตามซื้องานเขาเลย
จากทวิตซบ.ก็ตอบว่าจจ.ยอมให้ยืดลิขสิทธิ์นะไม่ได้หักคอเอาอายุเดิมเป๊ะๆแต่ประกอบหลายๆอย่างไม่รู้จะได้เมื่อไหร่เลยออกมาเป็นแบบนี้ ซึ่งกุเข้าใจว่ะ วางแผนไรมาเรียบร้อยแล้วจะให้รอนักเขียนที่ไม่รู้จะเสร็จเมื่อไหร่ทางธุรกิจมันไม่ได้ คนอ่านก็รอกันสลอน
>>624 พอเทียบกับนักเขียนการ์ตูนจัมป์แล้วนึกถึงคนเขียนฮันเตอร์ ส่งเนมภาพเผาๆลงตีพิมพ์ในนิตยสารทั้งดุ้น แต่แฟนๆดีใจมากเพราะแค่ได้อ่านต่อก็บุญแล้ว 555555555 เอาจริงๆในฐานะคนอ่านกูรอคนเขียนได้เสมอนะ แต่เคสนี้มันน่าเกลียดตรงที่ขายลิขสิทธิ์ทั้งที่ยังไม่พร้อมแหละ ทำให้สำนักพิมพ์ประเทศอื่นๆเดือดร้อนกันไปหมด
>>625 ตอนกูเขียนกูก็นึกถึงคนเขียนฮันเตอร์ ซึ่งกูมองตอนออกนิตยสารเหมือนลงเว็บที่เอาเรื่องมาก่อน ลงเล่มเป็นอันรู้กันว่าปรับแก้เกือบทุกเรื่องมากน้อยต่างกัน ส่วนคราวแม่โม่เหมือนค่ายส่งฉบับนิตยสารให้ประเทศอื่นรวมเล่ม คนเขียนช่างแม่งอาร์ตจัดจะแก้นะแต่แก้ไม่เสร็จ ไม่มี ไม่หนี ไม่ส่ง
กูว่าที่แม่โม่ไม่ค่อยโดนคนด่าแต่คนไปลงที่จิ้นเจียงกับสนพ.เพราะคนอ่านศรัทธาในตัวคนเขียนด้วยแหละ กูว่ายังไงแม่โม่ก็มีส่วนผิด ต่อให้จิ้นเจียงขายลิขสิทธิ์เอาเองก็ตาม ยังไงงานก็คืองานอะ แม่โม่เป็นนักเขียนอาชีพแล้ว ไม่ใช่มือสมัครเล่นที่เขียนเล่นลงเว็บ ในเมื่อได้ผลประโยชน์จากตรงนี้ก็ควรทำงานให้เป็นมืออาชีพ แต่คนไม่กล้าด่าแม่โม่ สนพ.ก็เลยเป็นแพะรับบาปไป
กุอะเมซิ่งตรงทำไมไม่มีคนกล้าด่าเขาเลยวะ มีแต่คนเห็นใจคนอวย ทั้งที่ควรจะเห็นใจที่สุดคือสนพต่างประเทศที่เสียเงินไปแล้ว แต่ได้งานที่เขาคิดว่าไม่สมบูรณ์
>>631 เค้าบอกว่าถ้าโม่เซียงหิวเงินน่าจะไปต่อยอดปรมจที่แมสกว่าป่ะวะ ไอขายลิขสิทธิ์ทั้งที่มันไม่เสร็จก็ผิดอยู่ แต่สรุปรู้ยังว่าใครขาย แล้วช่องทางทำเงินปรมจมันมีอีกเยอะแยะ โม่เซียงไม่เห็นทำไร นิยายเรื่องใหม่ก็ไม่เปิดเอายอดวิว แต่หายไปเป็นปีรีไรท์เทียนกวานอย่างเดียว พฤติกรรมมันไม่ได้ดูหิวเงินขนาดนั้นป่ะวะ อยู่ดีๆมึงจะมาตัดสิข้ามช็อตว่ารีบขายคือหิวเงินก็แปลกๆ ในเมื่อขายตอนรีเสร็จกับยังไม่เสร็จแม่งก็ได้เงินอยู่ดี โม่เซียงต้องรีบหาเงินไปใช้หนี้เหรอ 5555
>>632 กูเห็นคนนึงบอกว่าแค่ปรมจแม่โม่ก็รวยจะแย่แล้ว จะว่าแม่โม่หิวเงินได้ไง ไม่มีทาง จำคำพูดเป๊ะๆไม่ได้แต่เนื้อหาประมาณนี้
กูว่าคนเขียนจะหิวเงินหรือไม่หิวเงินมันก็ไม่เกี่ยวหรอก แต่การรีบขายลิขสิทธิ์ทั้งๆที่งานยังไม่สมบูรณ์ (ในมุมมองของคนเขียน) มันก็น่าเกลียดอยู่ดี
เพิ่งเกิดเมื่อวานกันเหรอถึงคิดว่าคนรวยแล้วจะไม่ต้องการรวยมากขึ้นอะ?
ขนาดดารารายได้ต่อปีเป็นร้อยพันล้านมันยังหนีภาษีเพราะเสียดายเศษเงินที่ต้องหักไปจ่ายรัฐเลย นับประสาอะไรกับอาชีพนักเขียน
ถ้าไม่หิวเงินและรักงานเขียนของตัวเองจริง มึงต้องมีความรับผิดชอบและหนักแน่นเลยว่าจะแก้ จนกว่าจะครบกำหนดหรือแก้ให้พอใจกับตัวเองได้จะไม่ขายเด็ดขาด ยิ่งถ้าพวกมึงยกมาว่ารวยจากปรมจอยู่แล้วคนเขียนยิ่งต้องไม่ร้อนเงินจะขายงานกินสิ อันนี้คืออายุเท่าไร? ความรับผิดชอบความเป็นมืออาชีพและความซื่อสัตย์ต่อคนซื้อคือไม่มีเลย ไม่เรียกว่าคนไร้ความรับผิดชอบที่หิวเงินแล้วจะเรียกอะไร? Scum writer self-saving system?
เขารวยอยู่แล้วไม่โกงหรอก อยู่ประเทศไทยปะวะ5555
สุดท้ายจะหิวเงินจริงหรือไม่มันก็มีแต่ตัวนักเขียนที่รู้อยู่ดี เถียงกันไปก็เท่านั้น เรื่องที่จิ้นเจียงขายลิขสิทธิ์ให้ประเทศอื่นทั้งๆที่งานยังไม่สมบูรณ์นั่นโม่เซียงรู้เห็นด้วยรึเปล่าก็ไม่มีใครรู้อยู่ดีแหละ แต่กูว่าผู้บริโภคก็มีสิทธิ์ไม่พอใจปะวะที่ได้อ่านฉบับไม่สมบูรณ์อะ
รอสปอยเทียนกวาน T_T
ปรมจ ซีรีส์ครบ 1 ปี
หนังสือยังออกไม่จบเลยจ้า 55555
Wwtbกูอ่านมากี่ปีละวะ55555 หรือไม่ก็เทียนซือของบกรเหมือนกัน ยังรออยู่เสมอนะถถถถ
กูนั่งเขี่ยพื้นรอ more heat than sun
แม่โม่ลงนิยายเรื่องที่สี่ในเว็บจจ.บ้างหรือยังอะ?
อยากอ่านแระ
ปีนี้ (ถ้าทัน) ก็หวังจะได้เห็นเทียนกวานฉบับภาษาไทยสักเล่มก็ยังดี ต่อให้มีฉบับรีไรท์ตามมาอีกก็จะตำ
ปรจ นี่เขาแปลดีมั้ย หรือแค่พอใช้ คือกูไม่รู้จีนเลยบอกถึงการแปลไม่ได้ แต่เห็นหลายคนบอกแปลไม่ดี
แล้วตัวร้ายล่ะ?
บ่นได้มั้ยในฐานะคนที่ดูทั้งซีรีส์อ่านนิยาย มันก็ไม่ได้มีปัญหาแค่เรื่องทับศัพท์ มีโน่นนั่นนี่ผิดเล็กผิดน้อยในเมื่องานยังปรับปรุงได้อีก ถอดเสียงผิด ใช้สำนวนไทยจ๋าอย่างผีซ้ำด้ำพลอย ด้ำคือผีแถบทางอีสาน เคราะห์ซัดกรรมซ้ำได้มั้ยหรือซวยซ้ำซวยซ้อนดี ของจีนเขาใช้ 雪上加霜
เพราะว่าคลังศัพท์น้อยถอดออกมามันเลยออกจะลิเก
ถ้าจะเปรียบเทียบทำไมไม่เทียบอะไรที่มันดีๆ อีกหน่อยไม่ไปเทียบกับงานเจิ้น เทียบกับค่ายอรุณไปเลย เนี่ยแปลดีกว่าเจิ้นตั้งเยอะ ปกดีกว่าอรุณ[แต่ได้ข่าวว่าปกวายอรุณทำสวยกว่า] มันใช่หรอ
ออกช้าแต่งานแปลเฉยๆ ออกช้าสิไม่เห็นเป็นไรเลย อ้าว บ่นได้มั้ยในฐานะคนจ่ายเงินซื้ออ่านก็ได้
ผีซ้ำด้ำพลอยใช้ในนิยายแปลไม่ได้แล้วเหรอสมัยนี้
>>665 เคยอ่านงานแปลของหลายประเทศ สำนวนไหนมันแปลเป็นสำนวนไทยได้ไม่ขัดกับบริบทก็แปลนะ เคร่งที่ว่าเอามาจากไหนเหรอ อย่างที่บนๆว่าว่าสายนิยายไม่บ่นเพราะมันเป็นทางเลือกในการแปลว่าจะทับหรือแปลไปเลย และที่ทำกันเป็นส่วนใหญ่คือการแปลว่ะ งานทับส่วนใหญ่มันเริ่มมาจาก งานฝึกแปลเป็นประสบการณ์ มือใหม่หัดแปลดำน้ำบ้างอยากให้เรื่องนี้ดัง ฯลฯ พอคนเสพงานแปลเถื่อนเอาง่ายทับศัพท์ไปบ่อยๆก็ชินจากนั้นก็โวยวายว่าทำไมถึงแปลไทย ก็สำนักพิมพ์ปกติมันแปลแบบนี้
>>663 เรื่องที่บ่นช้าๆกัน ถ้าลองเทียบกับงานดังๆเรื่องอื่นที่มีกระแสตั้งแต่ก่อนซื้อลิขสิทธิ์มันรู้ว่าโดนซื้อลิขสิทธิ์ไปเมื่อไหร่เพราะสนพ.วิ่งไปขอร้องพวกแปลเถื่อนให้หยุดแปลก็ไม่ช้าเลยว่ะ สเต็ปปกติลองเทียบดิ ส่วนเรื่องที่ไม่เคยมีกระแสมาก่อนออกเดือนสองเดือนเล่มสนพ.อาจแปลตุนไว้ก่อนแล้วแล้วออกติดๆกันว่ะ หนังสือเล่มนึงมันต้องใช้เวลาเหมือนกันนะ
ปกติถ้าสำนวนความหมายเดียวกันหรือใกล้เคียงกันเขาจะใช้สำนวนไทยก่อนนิ มันแปลกหรอ
ความจริงเคยอ่านหลักการแปลสำหรับคนที่เรียนมาโดยตรงนะ เขาบอกว่าประมาณการแปลที่ดี ถ้าสามารถหาความไทยได้ต้องแปลให้เป็นภาษาไทยที่สุด ถ้าแปลแล้วทับศัพท์อีกมันไม่เรียกว่าแปลเพราะยังใช้ภาษาอื่นอยู่ ปัจจุบันคนติดทับศัพท์เยอะเพราะแปลเถื่อน นักแปลสมัครเล่นกัน
>>675 +1 ตอนเรียนกูเคยคุยกับอาจารย์เรื่องการแปล อาจารย์บอกว่าเวลาแปลต้องแปลออกมาให้เข้ากับบริบทของปลายทางด้วย ไม่ใช่สักแต่จะแปลอย่างเดียว ไม่งั้นคนอ่านที่ไม่มีความรู้ด้านภาษา/วัฒนธรรมของต้นทางอ่านไปยังไงก็ไม่เข้าใจ เพราะความต่างทางด้านวัฒนธรรม
ก็นะ นิยายแปลตรงไหนแปลได้ก็ควรแปล ไม่งั้นจะเรียกว่านิยายแปลเหรอ
>>665 ข้องใจคำว่าเคร่งของมึงแฮะ เคร่งนี่คือยึดหลักการไหน ทฤษฎีการแปลอะไร หนังสือเล่มไหนสอนเรื่องแบบนี้มา ถ้าคิดแบบนี้คำว่ากลับตาลปัตรก็ใช้ไม่ได้หรือเปล่าเพราะจีนไม่มีตาลปัตร กูไม่ได้ถามกวนตีนนะแต่สงสัยจริงๆว่ามึงเอาแนวความคิดนี้มาจากไหน อ่านหนังสือเกี่ยวกับการแปลมาหลายเล่มไม่เคยพบเจอคนคิดแบบนี้มาก่อน แปลกใหม่มาก
>>679 บ่นตามความรู้สึกเฉยๆว่างานยังปรับปรุงได้อีก ถ้าบอกว่าควรใช้สำนวนให้ใกล้เคียงไทยทั้งหมด ทำไมสำนวนเล่มสองมาจีนจ๋าจนมีเชิงอรรถห้อยท้ายไว้เต็มทาง
ทับศัพท์ถ้าจำไม่ผิด เดี๋ยวทับเดี๋ยวถอด
‘ลูกคณิกา ‘ คำนี้ล่ะ ‘ลูกโสเภณี’ ไม่เข้ากับไทยมากกว่าหรอ อ่านแล้วรู้สึกว่าแรงกว่าด้วย
ไม่มีปัญหาว่าจะทับพ์หรือจะถอด อยากได้ความคงเส้นคงวา
>>684 เอิบ ถ้าคนอ่านหนังสือทุกคนบนโลกนี้วิจารณ์การแปลโดยใช้ความรู้สึกของตัวเองเป็นที่ตั้ง มันก็ไม่มีหนังสือแปลเล่มไหนเป็นหนังสือแปลที่ดีหรอกมึง มันต้องมีอะไรบางอย่างขัดใจความรู้สึกคนอ่านสักคนเข้าจนได้แหละ เพราะงั้นถ้าคิดจะวิจารณ์ว่า "แปลไม่ดี" "ควรดีได้มากกว่านี้" มึงก็ควรวิจารณ์บนพื้นฐานหลักการอะไรสักอย่างนะ
>>684 มึงวิจารณ์นักแปลว่าแปลไม่ดี ใช้สำนวนไม่ถูก ถอดเสียงก็ผิด พอคนออกมาแย้งถามหาหลักการที่ใช้อ้างอิงในการวิจารณ์ของมึง มึงดันมาบอกว่าไม่มี เพราะมึงใช้ความรู้สึก แถมมึงยังใช้ความรู้สึกของมึงในการตัดสินว่านักแปลคลังศัพท์น้อยเลยแปลออกมาลิเก กูไม่รู้จะพูดยังไงต่อดี ถามว่านักแปลแปลออกมาดีไม่มีข้อติเลยเหรอ ก็เปล่า มันยังมีจุดที่ให้ติ แต่มันก็ต้องอยู่ในขอบเขตของการวิจารณ์มีหลักการมารองรับ ไม่ใช่ใช้ความรู้สึกแค่อย่างเดียว ปล.ทำงานแปลมืออาชีพก็ยังอ่านหนังสือแปลจ้า ใครไม่อ่านไม่รู้ แต่คนที่กูรู้จักยังอ่านหนังสือแปลอยู่จ้า
ขอยกเรื่องการแปลได้ไหมเอาจริงวงการแปลญป.ก็มีพูดถึงนะว่า บางครั้งการแปลควรเอาเชิงอรรถรสด้วย แล้วค่อยเสริมไว้ท้ายเล่มว่ามันหมายถึงอะไร ส่วนตัวกูชอบการแปลแบบนี้ ยิ่งคนที่ถอดคำมาใช้คำไทยได้สวยและเกือบจะคงสำนวนเดิมไว้กูจะทึ่งกับความสามารถคนแปลตรงนี้ได้เก่งๆ
ส่วนตัวยกง่ายๆอย่างเกมไฟนอล7บทญปมาบทอังกฤษก็ไม่เหมือนเดิมนะ เพราะเค้าเน้นให้คนปลายทางเก๊ตก่อน ดังนั้นการแปลเราต้องให้ความสำคัญกับคนรับสารปลายทาง แล้วค่อยเสริมเกร็ดวัฒนธรรมอีกที
ขอโทษที่ไม่เกี่ยวกับมู้โม่โดยตรง พอดีเห็นถกเรื่องการแปลกูเลยอยากมาเสริมให้ในอีกมุมนึง
กูว่าการแปลนี่ปัญหาโลกแตกจริงๆ ต่อให้มีทฤษฎี-หลักการ-งานวิจัยเกี่ยวกับการแปลออกมามากแค่ไหน คนอ่านก็ไม่ใช่ว่าจะรับรู้ของพวกนั้นกันทุกคน วันดีคืนดีมันก็จะมีคนอ่านมางอแงหาว่าแปลห่วยๆๆๆๆเพราะใช้ความรู้สึกตัวเองเป็นที่ตั้งโผล่มาอยู่ดีแหละ เป็นกันทุกวงการ ไม่ใช่แค่แปลจีนหรอก
บางทีกูก็สงสารปรมจนะ เป็นเรื่องที่โดนบ่นว่าแปลไม่ดีบ๊อยบ่อย แต่คนยกตัวอย่างตรงที่แปลไม่ดีมาแต่ละทีนี่เป็นจุดที่คลุมเครือทั้งนั้น อย่างเรื่องการแปลชื่อกระบี่งี้ จะแปลหรือไม่แปลมันก็ต้องมีคนไม่ชอบอยู่ดี คราวนี้มาโดนบ่นว่าแปลไม่ดีเพราะใช้สำนวนไทยเกินไปอีก โอ้ย แต่ละอย่าง 555555555
>>690 งั้นก็ไม่มีอะไรแล้ว เพราะหาหลักการอะไรมาแย้งไม่ได้ ต่อให้อ่านแล้วคิดว่ามันทำได้ดีกว่านี้ก็ทำได้แค่บ่น เพราะงั้น ปรมจของเบอเกอรี่นั้นแปลดีแล้ว นักแปล(คนเดียวไม่ใช้หลายไม้ใช่ไหม) แปลดีแล้ว หน้าปกสวยดีแล้ว ไม่มีไรให้ติแล้ว การออกหนังสือนั้นไม่ช้าเลยดูสิ พรีต้นเดือน6เดือน7จะได้อ่านแล้ว
>>695 ถ้ามึงคิดว่ามันไม่ดี มึงบ่นได้ วิจารณ์ได้อยู่แล้ว ไม่มีใครห้ามมึงเลย แต่ถ้าจะวิจารณ์ก็ควรจะมีเหตุผลที่เข้าท่าด้วยอ่ะ เคสนี้มึงยกตัวอย่างมาแล้วคนอื่นเห็นว่ามันไม่ค่อยเข้าท่า ไม่มีน้ำหนักพอที่จะชี้ชัดได้ว่าเป็นการแปลที่ไม่ดี คนอื่นๆก็เลยแย้งมึง เท่านั้นเอง
ส่วนตัวกูโอเคกับการแปลของปรมาจารย์นะ อ่านได้ลื่นไหลรู้เรื่องดี คำศัพท์ที่ใช้ถ้ากูอ่านแล้วเข้าใจก็ผ่าน ไม่ได้มีจุดที่นิ่งอึ้งไปชั่วขณะเพราะไม่เข้าใจทั้งประโยคเลยเหมือนเรื่อง....55555
อ้อ แต่กูขัดใจนิดหน่อยที่แปลชื่อพวกกระบี่ หรือชื่อเสี่ยวผิงกั่วงี้ คือกูชอบให้มันอยู่ในภาษาจีนมากกว่าน่ะ ดูเข้ากับเรื่องดี แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นรับไม่ได้
>>704 มีการเติมคำให้ 555555555 แต่อ่าน >>699 ตอนแรกกูนึกถึงลิ่วเหยาก่อนเลย
พูดถึงเรื่องแปลชื่อนี่กูเฉยๆมาก ไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงเป็นประเด็นได้ขนาดนั้น หรือกูอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นจนชินไม่รู้ พวกชื่อดาบชื่อท่าไม้ตายแม่งแปลกันทุกเรื่องอ่ะ อย่างนารุโตะงี้คนอวยเรื่องแปลชื่อกันด้วยซ้ำ ไม่เคยเจอคนบ่นเลยว่ามันไทยเกินไป ทำไมไม่เก็บภาษาญี่ปุ่นไว้ แต่พอเป็นนิยายจีนคนกลับบ่นกันซะงั้น
ปรมจคนอ่านมันเยอะมากเพราะมันดังอ่ะ คนบ่นโน่นนี่ก็เลยเยอะตามไปด้วย กลุ่มที่บ่นก็อาจจะไม่ได้อ่านพวกการ์ตูนญี่ปุ่นกัน บางคนก็บ่นเหมือนไม่เคยอ่านนิยายจีนมาก่อน ของแบบนี้มันแล้วแต่ประสบการณ์ของแต่ละคนด้วยแหละ
กู >>699 เองนะ ขอโทดที่หายไป 5555
>>704 >>705 พวกมึงเก่งมาก กูหมายถึงลิ่วเหยานั่นแหล่ะ กูพยายามอ่านจนตาลายก็ยังไม่เข้าใจซักที เนื้อเรื่องน่าสนใจมากแต่กูไม่ไหวกับการแปลจริงๆ เสียด๊ายเสียดาย
เออกูกลับมาคิด ตอนดูนารูโตะกูก็ไม่ได้รู้สึกแปลกอะไรกับชื่อท่าที่ถูกแปลมาอย่างกระสุนวงจักรเงี้ย เพน 6 วิถี รู้สึกแม่งโคตรเท่ด้วย 5555
แต่กลายเป็นว่าพอเป็นนิยายจีนกลับไม่อยากให้แปลชื่อซะงั้น บางทีก็งงๆตัวเองเหมือนกัน
>>695 กูเก็ตมึงนิดๆ มึงต้องการจะสื่อว่าผีซ้ำด้ำพลอย มันมีคำว่าด้ำที่เป็นภาษาถิ่นของอีสานใช่ป้ะ พอคนมาอ่านแล้วมีความรู้ตรงนี้จะนึกถึงภาคอีสานซึ่งไม่ลิ้งกับความเป็นจีนไรงี้ใช่มะ แต่ตอนกูอ่านไม่ได้สะดุด 555 อาจเพราะกูไม่รู้ มันเป็นสำนวนปกติไปแล้วแหละ แต่ทุกคนน่าจะจบหัวข้อนี้แล้วล่ะ 555 กูยังมาขุด
เรื่องชื่อนี่กูยังไงก็ได้ว่ะ ทับหรือแปลก็โอเคหมด แต่ก็เข้าใจ>>708 นะว่าในนารุโตะโอเค ในนิยายจีนดันไม่โอเค มันคนละแบบกันอ่ะ กูเองก็อธิบายไม่ถูก 5555555 แต่กูว่ามันได้ทั้งสองแบบแหละ ไม่ใช่ว่าคนแปลเลือกที่จะแปลชื่อ=ผิดอ่ะ มันเป็นแค่กลวิธีการแปลอย่างนึง จะถูกใจคนอ่านมากน้อยแค่ไหนก็อีกเรื่อง
กูอ่านแปลจีนมากกว่ารักของแจ่มใสมันแปลหมดเลยว่ะ ทั้งฉายา ชื่อสมุนไพรเฉพาะ ชื่อกระบี่ จนมาคัลเจอร์ช็อคกับวาย เพราะฝั่งชายหญิงการแปลเป็นเรื่องธรรมดามาก
คนแปลจีนกลภนเก่าก็น่าจะงงเหมือนกัน กิมย้งงี้ สิมแปดฝ่ามือพิชิตมังกร ถ้าไม่แปลน่าจะอ่านแล้วตาลายไปเลย กูคิดว่าคนบ่นก็มีแต่พวกเคยอ่านอิ้ง อ่านแปลเถื่อนอะไรแล้วพอแปลไทยมันก็งงๆจับไม่ถูกปะวะ
my บกร. เพิ่งประกาศว่า ปรมจ.เล่ม 4 จะส่งไปร้านหนังสือไม่ครบ รู้งี้สั่งกับร้านพรีดีกว่าว่ะ พลาดมาก
กูพรีกับ บกร ยังไม่ได้ของเลย
เซ็ง
ยังไม่ได้อีเมล์เหมือนกัน แต่กูจ่ายเงินวันท้ายๆ ก่อนหมดเขตหนึ่งวัน 😂 เข้าใจว่าตามลำดับ ช้าชัวร์ 555
กุจ่ายวันสุดท้าย หนังสือพึ่งมาส่งตอนเที่ยงนี้แบบงงๆ
ใครอ่านเล่ม 4 แล้วบ้าง
ฉากจบเล่ม 4 จบที่ตอนไหนวะ อยากรู้
กูเพิ่งได้หนังสือ 320 หน้า โคตรบาง
ยิ่งทำยิ่งบาง ถ้าลดขนาดตัวอักษรลงนะ
4 เล่มจบ สบายๆอะ
อ่านจบแล้ว
สปอย
เล่มนี้อย่างเศร้า
ในที่สุดก็ได้อ่านเวอร์ชั่นออริจินอล
เว่ยอิงแม่ง หนุ่มน้อยโลกสวย
อยากจะช่วยคนบริสุทธิ์ทุกคนที่โดนรังแก
สุดท้ายโชคชะตาก็เล่นตลก ทุกครั้งที่ช่วยคน จะต้องมีใครอีกคนที่โดนฆ่าไปเพราะความพยายามเป็นฮีโร่ของตัวเอง
อ่านแล้วไม่โทษจินกวงเหยาเลยนะ
โทษโชคชะตามากกว่า ไม่ใช่ว่าไม่อยากจะกลับตัว เดินไปในวิถีเซียนที่ดีนะ แต่มันไปทางนั้นไม่ได้ต่างหาก รู้ว่าวิชามารมันไม่ดี แต่มันไม่มีทางเลือกนี่นา
เศร้าอ้ะ อุตส่าห์ช่วยคน สุดท้ายวาระสุดท้ายของชีวิต มีแต่คนตราหน้าว่าเป็นมารร้าย
นอกจากดราม่าเล่มนี้แล้ว
กูชอบความแอบกินเต้าหู้ของหลานจ้านว่ะ
เอะอะก็โอบเอว สวมกอด กุมมือ พอเค้าสลบ ก็จับเค้ามานอนซบ อก โอ้วมายก็อดดดด
ผู้ชายธรรมดาเค้าไม่มาโอบเอวเธอหรอกนะ
ทำไมเธอไม่รู้ตัวล่ะเว่ยอิงงงง สาวน้อยไร้เดียงสาจริงๆ หนุ่มหล่อเค้าแอบแต๊ะอั๋งเธอตั้งหลายรอบ เธอก็ยังสาวน้อย ไม่มั่นใจ เอ๊ะเค้าจะชอบเราเหมือนที่เราชอบเค้ารึเปล่านะ โถ่ๆๆๆๆๆๆๆ
>>730 กูชอบพัฒนาการหลานจ้านมาก
จำได้ เล่ม 1 จะช่วยเว่ยอิงขึ้นจากน้ำ ไม่ยอมแตะตัว ใช้วิธีดึงคอเสื้อเอา
พอมาเล่ม 4 อหหหห โอบเอวพาขึ้นกระบี่เลยจ้า อยากได้ตัวเค้าล่ะซี้ เผลอไม่ได้ เป็นต้องจับ ต้องกอด ผู้ชายปากหนัก ไม่ยอมพูด แต่ท่าทางนี่ออกหมด อีหนูเว่ยอิงก็ไม่คิดอะไรเลย คิดว่าเค้าบริสุทธิ์เหมือนพระสงฆ์ 55555
แต่ตอนอ่านนิยายนี่ อิมเมจเว่ยอิงในหัวกูคือเป็นผู้ชายตัวเล็กตะมุตะมิ โดนหลานจ้านหิ้วไปหิ้วมา
ตอนหลานจ้านไม่อยู่นี่แข็งแกร่งมาก โดนแทงไส้ทะลัก ก็ยัดไส้ตัวเองเข้าไปในพุง
พออยู่กับหลานจ้าน ตัวเซ เป็นลม กระอักเลือด อ่อนแอต้องซบ อก ผู้ชายหน้าหล่อขึ้นมาทันใด 5555
ทำไมพวกมึงได้หนังสือกันแล้ว กูยังไม่ได้เลย อยากอ่านแล้วอ้ะ ฮือออออออ
เลือกรับกับนายอินทร์ เป็นไงหล่ะ กว่าจะเข้า รอต่อไป หึๆๆๆ
รู้งี้สั่งกับ สนพ ตรงเลยดีกว่าถ้าจะทำแบบนี้
โม่งสปอยกลับมาเร็วๆ
กุเขิลกับเล่มนี้มาก อุ๋งๆมาก เพราะเป็นหลานจ้านนี่แหละ แงงงง อ่านไปอุ๋งไป เขิน
อยากมีเงิน กุจะกวาดมาให้หมดเลย
ขอบคุณเชิงอรรถเล่มสี่ที่บอกว่าทำนิยายจีนมันชอบคูณเลขก่อนบอกจำนวน กูสงสัยมาตั้งนาน
แอบโผล่หน้ามาเงียบๆ บ่นว่ากูสั่งปรมาจารย์กับนายอินทร์ แต่ตอนนี้ยังมิได้ของเลย ว่าแล้วก็แปะ
สปอยเทียนกวานอาร์ค 5 ต่อจาก >>492 เทียนกวาน Part.151
.
.
.
.
.
เซี่ยเหลียนถูกไป๋อู๋เซียงจับใส่หน้ากากเข้าคู่กัน อีกฝ่ายยังพยายามพูดโน้มน้าวให้เขามาเป็นศิษย์ แต่เซี่ยเหลียนก็เมิน เปลี่ยนเรื่องถามว่าหลางอิ๋งคือองค์ชายรัชทายาทคนแรกของหย่งอันใช่หรือเปล่า ไป๋อู๋เซียงตอบว่าใช่ เพื่อป้องกันไม่ให้คนนอกรู้ว่าเชื้อเชื้อสายกษัตริย์ติดโรค พวกขุนนางจึงตั้งใจฆ่าหลางอิ๋ง แล้วหาคนมาสวมรอยแทน ทว่าหลางอิ๋งก็หนีออกมาได้และกลายเป็นผี เมื่อไป๋อู๋เซียงพบเด็กชายจึงเล่าความจริงว่าเซี่ยเหลียนเป็นคนก่อเหตุในวันนั้น หากให้ความร่วมมือเขาก็จะช่วยล้างแค้นให้ แต่ด้วยหน้าตาแบบนั้นจะเป็นคนหรือผีก็ย่อมไม่มีใครคิดทำดีด้วย ให้เขากินไปย่อมดีกว่ามีชีวิตต่อ ตอนนั้นจู่ๆ เซี่ยเหลียนก็เรียกคนตรงหน้าว่าฝ่าบาท พอเห็นไป๋อู๋เซียงทำท่าเหมือนจะเผลอตอบรับคำเรียก เซี่ยเหลียนก็จี้ถามต่อว่าแท้จริงแล้วอีกฝ่ายก็คือองค์ชายรัชทายาทแห่งอู๋หย่งใช่หรือไม่ เซี่ยเหลียนไม่คิดว่าเขาที่ทำให้เขาสามารถเข้าใจภาษาอู๋หย่งเป็นจวินอู๋ เพราะตามประวัติ มหาเทพเกิดหลังจากอู๋หย่งล่มสลายไปแล้ว เพราะฉะนั้นจึงเหลือแค่ราชครูกับไป๋อู๋เซียงเท่านั้น อีกทั้งอีกฝ่ายยังทำให้เตาดีดฮวาเฉิงออกไป คนที่จะออกคำสั่งกับเตาใจกลางอาณาจักรอู๋หย่งได้จะเป็นใครได้นอกจากองค์ชายรัชทายาทคนนั้น
เศวตไร้หน้าโจมตีใส่เซี่ยเหลียน เซี่ยเหลียนเลยเรียกอีกฝ่ายว่าองค์ชายรัชทายาทรัวๆ เห็นเซี่ยเหลียนยังใช้กระบี่ฟางซิ่นเป็นอาวุธ ไป๋อู๋เซียงก็บอกว่าความจริงแล้วกระบี่เล่มนี้มีชื่อว่าจื่อซิ่น (หทัยสังหาร) แล้วจู่ๆ เซี่ยเหลียนก็ร้องว่ามีใครอีกคนอยู่ที่นี่ด้วย เศวตไร้หน้าบอกว่าตนไม่หลงกลลวงของเซี่ยเหลียน ทว่าเซี่ยเหลียนเห็นใบหน้าใหญ่ยักษ์สะท้อนในกระบี่จริงๆ พออีกฝ่ายย้ำว่าที่นี่มีแค่หินกับลาวา เซี่ยเหลียนก็นึกบางอย่างออก ไม่นานนักก็มีร่างใหญ่ยักษ์พุ่งโจมตีใส่ไป๋อู๋เซียง มันคือรูปปั้นหินยักษ์ขององค์ชายรัชทายาทผู้เป็นที่รักของพระเจ้าที่ฮวาเฉิงปั้นไว้และบอกว่าเป็นงานปั้นที่ดีที่สุดของตนนั่นเอง
เซี่ยเหลียนอาศัยจังหวะขึ้นไปเกาะบนรูปปั้นก่อนใช้พลังสั่งให้มันกระโดดหนีออกไปจากเตาได้สำเร็จ พอร้องเรียกหาฮวาเฉิง อ๋องผีก็รีบขึ้นมาอยู่บนรูปปั้นด้วยสีหน้าร้อนใจเพราะก่อนหน้านี้ไม่อาจเข้าไปในเตาช่วยเซี่ยเหลียนได้ ไม่นานนักภูเขาก็เริ่มสั่น ตอนที่เซี่ยเหลียนขับกันดั้มหนีภูเขาก็ระเบิดควันสีดำออกมา เมื่อมองดีๆ ก็เห็นว่ากลุ่มควันนั้นคือคำสาปหน้าคน ฮวาเฉิงที่เห็นไป๋อู๋เซียงรีบบอกตำแหน่งให้เซี่ยเหลียนใช้กันดั้มต่อยวันพันช์ใส่เป้าหมาย ทว่าเศวตไร้หน้าก็หลบได้อย่างรวดเร็วแล้วใช้พลังเดอะเฟลชเขามาโจมตีใส่เข่าของกันดั้มจนล้มคุกเข่า ตอนนั้นเซี่ยเหลียนก็หันไปเห็นว่าเตาระเบิดลาวาออกมาด้วยจึงรีบขับกันดั้มหนี ส่วนไป๋อู๋เซียงก็อาศัยจังหวะนั้นหลบไปเช่นกัน
กลุ่มควันกับลาวาไล่ตามพวกเซี่ยเหลียนมาติดๆ แต่จู่ๆ กันดั้มก็ล้มลงเพราะพลังของเซี่ยเหลียนหมด ฮวาเฉิงเลยดึงเซี่ยเหลียนมาม๊วฟส่งพลังให้ขับกันดั้มได้ต่อ แล้วเซี่ยเหลียนก็นึกได้ว่าเผยหมิงกับเทพแห่งฝนยังอยู่ที่นี่จึงตั้งใจกลับไปรับ แต่พอหันไปก็สะดุดกับภูเขาผี 3 ลูก เขาขับกันดั้มวิ่งหนีทำเอาบ้านเมืองโบราณสถานเสียหายยับๆ แต่สุดท้ายก็ถูกภูขาทั้งสามล้อมไว้ ด้วยพลังแห่งรักและการให้กำลังใจจากอ๋องผี เซี่ยเหลียนจึงบังเกิดพลังดันพวกมันออกไปได้ ก่อนชักกระบี่ออกมา อนิจจากระบี่ถูกปั้นไว้แต่ด้ามจับ มิได้ปั้นใบดาบไว้ในฝักแต่อย่างใดจนฮวาเฉิงต้องขอโทษขอโพยบอกว่าคราวหน้าจะกลับไปปั้นให้ เซี่ยเหลียนเลยรีบปลอบก่อนโยนด้ามกระบี่ทิ้งแล้วโกยต่อ
ฮวาเฉิงใช้ผีเสื้อเป็นโทรศัพท์ให้เซี่ยเหลียนคุยกับเผยหมิง มู่ฉิงกับเฟิงซิ่น ดูเหมือนทุกคนรวมทั้งพวกเผยซู่จะไปรวมตัวกันที่แม่น้ำอู๋หย่งเรียบร้อยแล้ว เซี่ยเหลียนเลยบอกให้ทุกคนรอตรงนั้นเขาจะไปรับ พอเห็นกันดั้มทุกคนก็ถึงกับติดสตั๊นเพราะไม่เคยเห็นรูปปั้นเทพองค์ใดใหญ่โตขนาดนี้มาก่อน และในตอนที่ทุกคนขึ้นมาอยู่บนกันดั้มแล้ว พวกเขาก็เห็นคำสาปพยายามจะออกจากออกไปสู่โลกภายนอก ขณะที่เซี่ยเหลียนบอกว่าโชคดีที่เขาตงลู่มีบาเรียกั้นไว้ ฮวาเฉิงก็แย้งขึ้นมาว่าตอนนี้ไป๋อู๋เซียงได้ใช้พลังเปิดบาเรียของเขาตงลู่ออกแล้ว
Note : เผื่อลืมไปแล้ว องค์ชายรัชทายาทของอู๋หย่งคือคนที่ประวัติคล้ายๆ เซี่ยเหลียน เคยเป็นเทพที่รักของทุกคน สุดท้ายก็ถูกผู้คนทำลายอารามเหมือนกัน ภาพวาดสุดท้ายที่เซี่ยเหลียนเห็นคือองค์ชายติดโรคหน้าคน
.
.
.
.
.
แอบมาสปอยสั้นๆ ต่อนิดหนึ่ง
สปอยเทียนกวานอาร์ค 5 ต่อจาก >>743 เทียนกวาน Part.151.5 (เป็นจุดละกัน เพราะมันสั้นนิดเดียว 5555)
.
.
.
.
.
เซี่ยเหลียนพยายามขับกันดั้มต่อยควันคำสาปหน้าคนแต่ก็ไร้ผล ขณะที่กำลังบ่นว่าถ้ามีกระบี่ก็ดี ฮวาเฉิงเลยปิ๊งไอเดียให้เทพสงครามฟิวชันจำแลงร่างเป็นอาวุธเทพ GN Sword ให้กันดั้มเซี่ยเหลียน Exia ใช้ ทว่าเทพสงครามที่อยู่ที่นี่มีเพียงเผยหมิง เฟิงซิ่นกับมู่ฉิงเท่านั้น ยังขาดอีกคน ตอนนั้นเองแม่ทัพเผยก็นึกได้ว่าเฉวียนอี้เจินก็อยู่ด้วย อวิ๋นอวี้เลยหยิบตุ๊กตาล้มลุกศิษย์น้องออกมาให้อ๋องผีคลายคำสาป พอกลับร่างได้ก็รีบจะเข้าไปเกาะหนึบอวิ๋นอวี้ที่ปวดเศียรเวียนเกล้าขึ้นมาทันที แต่ด้วยคำขอร้องของเซี่ยเหลียน เฉวียนอี้เจินเลยยอมให้ความร่วมมือโดยง่าย เมื่อทั้ง 4 โอเวอร์โซลเป็นกระบี่ เซี่ยเหลียนก็ขับกันดั้มเอากระบี่เข้าไปฟันกลุ่มควันคำสาปทันที ขณะที่กำลังไล่ตีอย่างเมามันส์ เซี่ยเหลียนที่รู้สึกว่าพลังทิพย์กำลังจะหมดเลยหันไปจับฮวาเฉิงมาม๊วฟยืมพลังโดยลืมว่าเหล่าประชาชีก็อยู่ด้วย
เฟิงซิ่น : …
มู่ฉิง : …
เฉวียนอี้เจิน : ?
เผยหมิง : โฮะๆ
เฟิงซิ่น : นี่มันอะไร พวกท่านสองคนทำอะไรกันฝ่าบาท
เซี่ยเหลียนเพิ่งสำนึกได้ว่าตัวเองทำอะไรลงไปรีบเด้งออกห่างจากฮวาเฉิง แล้วตะโกนแถ แหงนหน้ามองฟ้าเพราะไม่กล้าสบตาใคร
เซี่ยเหลียน : ย่ะ ยืมพลังทิพย์ยังไงล่ะ ข้าก็แค่ยืมพลังทิพย์มาเท่านั้นเอง!
มู่ฉิง : ท่านไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้นเพื่อยืมพลังทิพย์ไม่ใช่เหรอะ! จะตบหรือชกหรืออะไรอย่างอื่นก็ได้นี่!
เซี่ยเหลียน : ฮ่าๆๆๆ นั่นสินะ ไม่ใช่ยืมพลังทิพย์สินะ ฮ่าๆๆๆ
เห็นเซี่ยเหลียนสติกระเจิง ฮวาเฉิงเลยจับเซี่ยเหลียนมาจุ๊บหน้าผากบอกให้สงบสติอารมณ์ เซี่ยเหลียนเลยใจเย็นลง ทำหูทวนลมเสียงของเฟิงซิ่นกับมู่ฉิง แล้วหันไปมุ่งมันขับกันดั้มต่อ พอเห็นกันดั้มกลับมามีพลังเต็มที่ เฉวียนอี้เจินก็ร้องออกมาว่าแสดงว่านั่นคือการยืมพลังทิพย์จริงๆ สินะ มู่ฉิงเลยจะหันไปด่าให้ยับ แต่พอนึกถึงความเด็กน้อยของเฉวียนอี้เจินเลยเปลี่ยนน้ำเสียงไปบอกแทนว่า ใช่แล้ว ด.ช. ฉีอิง นั่นคือการยืมพลังทิพย์ยังไงล่ะ เผยหมิงได้ที รีบเสริมว่า ใช่แล้ว แต่ ด.ช. ฉีอิงอย่าได้ไปทำอย่างนั้นกับใครซี้ซัวะนะจ้ะ ทำเอาเฟิงซิ่นกรีดร้องว่าพวกมรึงพูดเรื่องเหี้ยอะไรกันเนี่ย
ถึงแม้จะจะมีพลังเต็มเปี่ยม แต่จู่ๆ กันดั้มก็ล้ม ที่ขามีรูโหว่อยู่ พอมองไปเห็นว่าไป๋อู๋เซียงแอบมาโจมตีด้วยมือเปล่า ก่อนหายไปอย่างเนียนๆ พอเฉวียนอี้เจินเสนอให้ยืมพลังทิพย์อีก แม่ทัพเผยก็บอกให้ ด.ช. ฉีอิงลบความทรงจำที่เห็นก่อนหน้านี้ไปซะ เห็นกันดั้มใช้งานไม่ได้แล้ว เซี่ยเหลียนก็อดรู้สึกเจ็บปวดไม่ได้เพราะนั่นเป็นสิ่งที่ฮวาเฉิงตั้งใจปั้นเพื่อเขา อีกทั้งคำสาปพวกนั้นก็ทำท่าจะหนีออกไปจากเขาตงลู่ได้แล้ว ไม่นานนักจู่ๆ ก็มีแสงสว่างส่องออกมาจากท้องฟ้า แล้วจวินอู๋ก็ปรากฏตัวขึ้น
Note : เพราะอย่างนี้พวกสื่อต่างๆ ถึงต้องมีการแบ่งเรทไงล่ะ!! ไม่งั้นเด็กเห็นแล้วจะไม่เข้าใจ อาจทำตาม ตอนอ่านครั้งแรกกูห่วงสวัสดิภาพอวิ๋นอวี้ต่อจากนี้มาก
.
.
.
.
.
กุงงอย่างนึงคือทำไมในปรมจ.เจียงเฉิงถึงไม่ถูกบรรยายด้วยชื่อรองคนเดียววะ
>>752 ถ้าเอาจริงๆไม่สนิทคือไม่เรียกชื่อเลยนะ จะเรียกแค่ฉายาไม่ก็ตำแหน่งตามด้วยสกุล เช่นคุณชายรองสกุลหลาน คุณชายเว่ย คุณหนูเจียงหลี ประมุขจิน แนะนำลองพิมพ์หาในกูเกิ้ลว่า การเรียกชื่อในปรมาจารย์ลัทธิมาร มีกระทู้พันติ๊บอันนึงตอบไว้เคลียร์อยู่ การเรียกชื่อมันค่อนข้างละเอียดอ่อน บางทีก็แล้วแต่ความสัมพันธ์ความพอใจของแต่ละบุคคล แต่หลักโดยทั่วไปคือไม่เรียกชื่อกันเดี่ยวๆต้องมียศมีคำเรียกนำหน้าหรือเป็นสร้อยตามไปด้วย การเรียกชื่อเดี่ยวๆถ้าไม่สนิทถือว่าเรียกแบบหยาม ชื่อรองบางทีก็ใช้เรียกกันเพื่อแสดงความเคารพให้เกียรติแนวๆนี้ก็มี
ขอบคุณโม่งสปอยย รอมานานนัก กุล่ะเอ็นดู ด.ช ฉีอิง
Ky เคยมีใครสปอยปรมาจารย์หลังจากเล่มสี่ไว้บ้างมั้ย บอกบุญที อ่านแล้วอารมณ์ค้างมาก
ขอบคุณโม่งสปอย กุแฮปปี้มากตอนนี้
โม่งเมื่อไหร่จะมาาาาาา
ดันนนน
ky เห็นมีประเด็นดราม่าเรื่องการแปลชื่อกระบี่ต่างๆในเรื่องปรมาจารย์ กูเพิ่งไปอ่านเรื่องรัชศกมา ในนั้นก็มีแปลชื่อกระบี่นะ ทำไมไม่เห็นมีใครบ่น หรือเขาบ่นวะ
มึง ที่จีนตอนนี้ฝ่าบาทกลายเป็นพรีเซนเตอร์กำจัดขยะไปแล้ว 5555 แถมสี่ภัยพิบัติก็กลายเป็นสี่ถังขยะด้วย
https://twitter.com/jenengkufeli/status/1283362504333123584?s=09
สวยง่ะ แต่ไม่กล้าออกจากบ้านสภาพนี้ https://twitter.com/LeBearPolarr/status/1283383904301232129?s=19
ดูเป็นคนรักโลกเนอะ พกถังขยะติดตัว 😂😂😂
ดันจ้า
มาดันด้วยคนนน
ทำไมเทียนกวานไปโคกับอะไรเยอะจัง 55555
ว่าแต่สรุปแม่โม่ยังรีไรท์เทียนกวานอยู่มั้ยวะ เมื่อไหร่จะได้อ่านเรื่องใหม่
เห็นตัวอย่างด๋อยซือจุนกับปิงเหอน่ารักจนกุอยากเปย์ เพื่อนโม่งใครเคยซื้อด๋อยค่ายนี้ปกติราคามันตกประมาณตัวละเท่าไหร่อ่ะ กุกะไม่ถูกว่าต้องเก็บเงินเท่าไหร่ ขอเพื่อนโม่งเมตตา
คิดยังไงกับนักเขียนที่ถูกอวยว่าโม่เซียงไทยแลนด์บ้างวะ ในฐานะติ่งแม่โม่กูแบบ 555555555 กล้าเนอะ
ky ขอนอกเรื่องนิดนึง ชื่อซือจุยตอนเด็กเห็นเขียนพินอินว่า Yuan และมีเขียนเป็นไทยอ่านทั้ง หยวน หรือ เหยียน แล้วแบบนี้จะแยกยังไงว่าตอนไหนออกเสียงหยวน ตอนไหนออกเสียงเหยียน (มีมู้ถามเรื่องภาษาจีนมั้ย วานบอกที)
ช่วยอย่าเอามาเทียบกับแม่โม่ได้ไหมวะ กูเกลียดดด!! แม่โม่คือท็อปเบอร์ต้นของจีน อย่างนางเทียบไม่ได้ด้วยซ้ำ เกลียดตรรกะลูกหาบ
https://twitter.com/MommmmV/status/1286336964854272007?s=19
https://twitter.com/DrPensiriSrPhSt/status/1286190507220058112?s=19
ลูกหาบเดนตายของจริง กล้ามากนะที่เอานักเขียนขี้ก็อปมาเทียบกับแม่โม่ มันคนละชั้นโว้ยยยยย กูอยากแปะมีมเบะปาก
ช่างกล้าที่จะเอามาเทียบ นอกตากก๊อปงานแล้วสำนวนการเขียนการวางพล็อตอะไรก็สู้ไม่ได้สักนิด กล้าที่จะเทียบนัก วันๆเอาแต่อ่านของฟรีก็มีรสนิยมได้แค่เท่านี้แหละจ้า
ใครอ่านเทียนกวานจนจบแล้วบ้าง มีใครอ่านมู่หรงเหยียนแล้วเอ๊ะมั้ย https://ทวต.com/SHFileez/status/1286606207101198336?s=19
>>792 กูอ่านมู่หรงเซียนส่วนเทียนกวานตามแต่สปอยในนี้ กูขอเห็นต่างนะ.... มันก็ไม่ได้ดูลอกอะไรขนาดนั้นอ่ะ เรียกว่ายังไงดีอ่ะคล้าย ๆ จะเป็นพล็อตคลิเช่แนวเทพเซียน?
กูคิดว่าหลายคนในนี้คงรู้เรื่องเทียนกวานดีแล้วขอย่อมู่หรงฯ ให้คร่าว ๆ นอ.เริ่มเรื่องก็เป็นเทพบนสวรรค์แต่เจ้าชู้กวนตีนบ่อยพอโดนใส่ร้ายก็เผ่นไปโลกมนุษย์แล้วรู้ตัวว่าตัวเองเป็นตัวละครในนิยายแล้วได้ภารกิจจากนักเขียนให้ช่วยเหลือพอ.ที่จุติลงมาเป็นมนุษย์ ส่วนพอ.เคยเป็นเด็กมนุษย์ที่นอ.เคยผ่านมาช่วยเหลือหลายร้อยปีก่อนแล้วก็ลืมสนิทแต่นางรักฝังใจพยายามฝึกตัวเองจนขึ้นสวรรค์ แล้วก็พบว่านอ.ลืมตัวเองไปสนิทก็เลยชอบต่อยตีเรียกความสนใจจนโดนทำโทษให้มาจุติโลกมนุษย์...
คือถ้าจะให้บอกว่าเหมือนเทียนกวานยังไง คงเป็นตรงนอ.เป็นเทพมาก่อนและเคยช่วยพอ.จนพอ.รักหัวปักหัวปำแค่นั้นอ่ะ ซึ่งกูว่ามัน...ค่อนข้างทั่วไปอ่ะ
//ถ้าใครเห็นต่างยังไงชี้แจงคุยกันดี ๆ ได้นะ ตอนนี้กระแสร้อนแรงกูกลัวโดนเหวี่ยงเหมารวมว่าเป็นลูกหาบนาง
เท่าที่กูเคยอ่านแค่ทดลองอ่านของมู่หรงเหยียนนะ กูว่ามันมีกลิ่นอายอยู่มากๆ แต่จะเรียกว่าก๊อปมามันก็ไม่ได้ แล้วกูก็ว่าตัวเอกเหมือนเอาคาร์แรคเตอร์เว่ยอิงกับหลานจ้านมาอะ มันให้ความรู้สึกนั้นจริงๆ เวลาอ่านๆ มันได้กลิ่นเทียนกวานผสมปรมาจารย์อยู่ตลอด แต่มันก็ไม่ได้ก๊อปอะ อธิบายไม่ถูก
กูลองไปเปิดโรเซเนียแจกฟรีของนางผ่านๆ เซ็ตติ้งแฟนตาซีชื่อตัวละครตะวันตกทั้งเรื่อง แต่ตัวละครพูดว่า มารดามันเถอะ! กูว่านางเขียนนิยายจีนเพลินไปหน่อยนะ (อันนี้ไม่ได้จะด่าอะไร แค่เห็นแล้วขำเฉยๆ)
>>798 อืม... ก็ว่ามันเป็นคาร์โหลมันก็ใช่นะ แต่คงด้วยบริบทเรื่องด้วยล่ะมั้ง อย่างเว่ยอิงในเรื่องมันก็มีสืบเรื่องผีอะไรด้วยใช่ไหม แล้วก็จะเป็นผู้รอบรู้ในเรื่องพวกนี้ เวลาไปสืบอะไร หรือเจออะไรเข้าก็จะอธิบายแบบจริงจังปนกวนๆ ซึ่งมู่หรงเหยียนก็เป็นแบบนั้น พอไปผนวกกับนิสัยร่าเริง ขี้แกล้ง ไม่ค่อยแคร์สายตาชาวบ้าน ปกปิดดรามาตัวเองแล้วเลยรู้สึกว่ามันเหมือนกันมากๆ ซึ่งปรกติแนวร่าเริงส่วนมากที่เห็นจะไม่ค่อยต้องมาสืบคดี หรือถ้าอยู่ในกลุ่มก็ไม่ใช่คนที่เก็บรายละเอียดเรื่องที่สืบเท่าไรอะ
หรืออย่างพระเอกคือลักษณะความนิ่งมันเหมือนกันอะ กูก็ดูอนิเมะพวกที่มีตัวละครแนวคูลเดเระมาเยอะ ซึ่งแต่ละตัวละครก็จะมีจุดแตกต่าง วิธีแสดงออกต่างกันนิดๆ หน่อยๆ แต่การตอบคำตอบ หรือลักษณะเวลาเดเระแตกของทั้งสองเรื่องมันก็มาในโทนแบบเดียวกัน วิธีที่ปฏิบัติกับนายเอกก็คล้ายๆ กัน ถึงพระเอกมู่หรงเหยียนดูไม่เย็นชาเท่าหลานจ้าน แล้วก็พูดมากกว่า แต่พอผนวกกับรูปแบบดำเนินเรื่องกับคาร์นายเอกแล้วมันก็เลยยิ่งคิดอะ
>>800 กูก็ไม่ได้บอกนี่ว่ามันต้องเป็นแบบที่กูคิดแน่ๆ แค่บอกว่ากูอ่านแล้วกูรู้สึกว่ามันเหมือน แล้วกูก็อธิบายว่าทำไมกูถึงรู้สึกแบบนั้น ซึ่งถ้าตัวละครมันแค่นิสัยคล้ายๆ กันกูอาจจะไม่คิด เพราะกูไม่ได้เป็นพวกอวยว่าทุกสิ่งอันใดในโลกนี้กำเนิดจากโม่เซียง ไม่ต้องเอา 2 เรื่องนี้ก็ได้ ถ้าอ่านการ์ตูนแนวไปเกิดใหม่ต่างโลก 2 เรื่อง ตัวเอกนิสัยเหมือนกัน มีสกิลอะไรคล้ายๆ กันแค่นี้ ไม่ต้องมองไปว่าปฏิกิริยาต่อสิ่งรอบตัวคล้ายกันด้วยนะ กูว่าคนส่วนหนึ่งก็ต้องคิดว่าตัวละครมันเหมือนกัน
เรื่องอยากให้ย้ายกระทู้อันนี้กูเข้าใจว่าค่อนข้างเกี่ยวกับหัวข้อนั้นมากกว่า แต่ >>798 เขาเปิดคำถามมา กูก็ตอบเขาอะ
>>799 >>801 กูคนถามต้นเรื่องเองนะขอบคุณมาก ๆ ได้คุยแบบแจงรายละเอียดยิบย่อยทำให้พอเข้าใจฟิลขึ้นมาบ้าง ถึงโดยความเห็นส่วนตัวกูเคยเห็นคาร์ราว ๆ นี้มาหลายเรื่องเลยไม่ได้คิดว่ามันจะคล้ายตัวละครใดตัวละครหนึ่งโดยเฉพาะเท่าไหร่... แต่ถึงจะเห็นต่างกันแต่ดีใจที่ได้แชร์คุยกันแบบดี ๆ นะ
แล้วก็กูอาจใช้มู้ผิดหมวดไปหน่อยกูก็ขอโทษด้วยแล้วกันเพราะกูไม่ค่อยเก็ทประเด็นความเหมือนของคาร์เลยอยากได้ความเห็นหลาย ๆ แนว งั้นก็ปิดประเด็นแค่นี้แหล่ะเดี๋ยวยิ่งเลยเถิด
สปอยเทียนกวานอาร์ค 5 ต่อจาก >>749 เทียนกวาน Part.152
.
.
.
.
.
เพราะบาเรียของเขาตงลู่ถูกเปิดออก เครือข่ายโทรจิตเลยกลับมาใช้งานได้ เทพแห่งฝนเห็นโอกาสจึงรีบรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นแก่มหาเทพ ด้วยแสงทิพย์ของจวินอู๋ก็ทำให้กลุ่มควันพวกนั้นเริ่มแตกสลายไป เซี่ยเหลียนรีบรายงานอีกฝ่ายทันทีว่าไป๋อู๋เซียงกลับมาแล้ว มหาเทพเลยบอกว่าให้ช่วยกันจัดการวิญญาณก่อนแล้วค่อยไปตามหา กลุ่มควันคำสาปเริ่มก่อตัวใหม่เป็นพายุพุ่งไปยังอารามศักดิ์สิทธิ์ของอู๋หย่งที่เศวตไร้หน้าจะวาดคาถาร่นระยะเตรียมให้พวกมันออกไปจากเขาตงลู่ พอฮวาเฉิงเข้าไปตรวจสอบวงคาถาก็บอกว่าปลายทางเป็นเมืองใหญ่ต่างๆ โดยเฉพาะที่เมืองหลวง ซึ่งอวิ้นอวี้ก็รีบประสานกับพวกผีด้วยเครือข่ายโทรจิตและบอกพิกัดของสถานที่ต่างๆ ทันที
จวินอู๋แบ่งงานให้เฟิงซิ่นไปจัดการทางทิศใต้ เผยหมิงไปดูแลทิศเหนือ พอมหาเทพสั่งให้เฉวียนอี้เจินไปดูแลทิศตะวันตก อีกฝ่ายก็งอแงบอกว่าตนยังไม่รู้เลยว่าตกลงนี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่เมื่ออวิ้นอวี้ยอมบอกว่าจะไปด้วย เฉวียนอี้เจินก็ทำตามอย่างว่าง่าย มู่ฉิงออกปากของานบ้าง จวินอู๋เลยเตือนความจำว่าเอ็งหนีคดีออกมาจากการกักบริเวณไม่ใช่หรือ กลับไปสวรรค์บัดเดี๋ยวนี้ เทพแห่งฝนจะคอยสแตนบายเพื่อใครต้องการความช่วยเหลือ ส่วนจวินอู๋จะจัดการกับภูเขาผีกับเชคว่าไป๋อู๋เซียงยังอยู่ที่เขาตงลู่หรือไม่ เซี่ยเหลียนเลยรับหน้าที่ไปจัดการคำสาปที่เมืองหลวงกับอ๋องผี
เมื่อมาถึงปลายทาง เซี่ยเหลียนก็ใช้โทรจิตถามจวินอู๋ว่าอีกฝ่ายยังจำเหม่ยเนียนชิง อาจารย์ของเขาได้หรือไม่ ในตอนนั้นรู้สึกว่าราชครูมีอะไรแปลกๆ หรือเปล่า มหาเทพตอบว่าราชครูเหม่ยมีความรู้ ความสามารถมากเกินที่เซี่ยเหลียนจินตนาการ อีกฝ่ายต้องมีอายุมากกว่าเทพที่อายุมากที่สุดอย่างเขาอย่างแน่นอน หลังจากเซียนเล่อล่มสลายเขาก็พยายามไปจับอีกฝ่ายมาซักแล้ว แต่ราชครูกลับหนีไปได้ เมื่อได้ยินเช่นนั้นเซี่ยเหลียนรู้สึกได้ว่าอาจมีความเป็นไปได้ที่ราชครูจะเป็นหนึ่งในผู้ติดตามทั้ง 4 ขององค์ชายรัชทายาทแห่งอู๋หย่งจริงๆ พอเซี่ยเหลียนถามจวินอู๋ว่าเหตุใดจึงต้องการซักราชครู ทำไมไม่บอกเรื่องนี้แก่เขา มหาเทพบอกว่าเพราะเขากลัวเซี่ยเหลียนจะผิดหวัง และดูเหมือนว่าราชครูต้องการปลุกอะไรบางอย่างในตัวเซี่ยเหลียน เขาถามว่าทำไมจู่ๆ เซี่ยเหลียนถึงถามเรื่องนี้ขึ้นมา แต่ก่อนที่เซี่ยเหลียนจะตอบอะไรหรือถามอะไรต่อ มหาเทพก็เจอภูเขาผีทั้งสามเลยจะเข้าไปบวก ซึ่งก่อนตัดสายก็ไม่ลืมเตือนว่าหากเซี่ยเหลียนพบกับราชครูก็ให้ระวังตัวไว้ด้วย
ด้วยออร่าปกปักจากราชาซึ่งประทับอยู่ในวัง รวมถึงพลังจากอารามเทพมากมาย ทำให้คำสาปยังไม่อาจเข้าไปในเมืองหลวง แต่หากพวกเขาไม่เสริมพลังให้บาเรีย ท้ายที่สุดพวกมันคงเจาะเข้าไปได้ หลังจากคิดอยู่สักพักเซี่ยเหลียนก็คิดวิธีออกหากแต่ต้องใช้คนอย่างน้อย 500 คน เพื่อยืมพลังหยางของคนเป็นมาทำบาเรีย โดยที่คนเหล่านั้นจำเป็นต้องสมัครใจเอง มีเจตจำนงค์ที่จะต่อสู้และไร้ความหวาดกลัวในใจ เพราะไม่เช่นนั้นวิญญาณจะเข้าไปสิงได้ เรื่องนี้แม้แต่อ๋องผีก็เห็นว่าเป็นเรื่องยากซะยิ่งกว่ายาก แล้วขณะที่ทั้งสองกำลังเดินคิดหาวิธี พวกเขาก็เจอเข้ากับนักบวชกลุ่มหนึ่ง เป็นพวกเนตรสวรรค์แอนด์เดอะแก๊งค์ที่ทำอารามผูจี้พังนั่นเอง
เซี่ยเหลียนถือโอกาสขอความช่วยเหลือจากพวกเนตรสวรรค์ แต่ พอเห็นเซี่ยเหลียนยกมือขึ้นมาอีกฝ่ายก็ร้องเตือนกันให้ระวังอาวุธลับลูกชิ้นพรหมจรรย์ที่โดนกันไปคราวก่อน แล้วเนตรสวรรค์ก็ชักชวนเซี่ยเหลียนกลับสู่ทางธรรม บอกว่าตอนนี้อายมารบนตัวเซี่ยเหลียนมีมากกว่าครั้งก่อนจนตอนนี้เขามองไม่เห็นหน้าของเซี่ยเหลียนแล้ว ขณะที่เซี่ยเหลียนหน้าแดง ฮวาเฉิงเลยตัดบทให้ทุกคนดูควันคำสาปที่นอกเมือง และขอความร่วมมือมาตีบวกบาเรีย แต่พวกนักบวชไม่มีคนมากขนาดนั้น ที่สำคัญคือพวกเขาไม่เชื่อใจและไม่อยากร่วมมือกับอ๋องผีอย่างฮวาเฉิง
.
.
.
.
.
ดันมู้
เทียนกวาม่านฮวาตอนใหม่ ชิงเสวียนน่าน้วยมากมึงเอ้ย
Ky ปรมจqน่ารักมาก มีกี่ตอนจบวะ
ปรมจก็มาแล้ว เมื่อไหร่ตัวร้ายฯกุจะออกจากไมโครเวฟเนี่ย
ดันๆๆ
ดันด้วยคนนนน อยากดูอนิเมตัวร้ายแล้วว่ะๆๆ เห็นพรีวิวเพลงประกอบแล้วใจเต้น
แต่ปรมจq นี่ไม่ได้เดินเรื่องตามเส้นเรื่องหลักปกติช้ะ เป็นแนวฉากนอกรอบน่ารักๆใช่มั้ย คือน้อนน่าบีบมาก ใจกูเจ่บไปหมด แต่เพลงปิดก็คือดีงามเช่นเดิม
กุเบื่อนักเขียนไทยหลายๆคนที่ชอบเอาภาพแฟนอาร์ตของเรื่องที่แม่โม่แต่งไปใช้อะ ปรมจ เทียนกวาน ตัวร้ายงี้ นิยายก็ดังยังเอาไปตั้งปกนิยายตัวเองเฉยแล้วไม่ใช่แฟนฟิคด้วยนะ
My ตัวอย่างตัวร้ายฯพึ่งออก กุขำความจับซือจุนใส่ไหชิบหาย
สปอยเทียนกวานอาร์ค 5 ต่อจาก >>803 เทียนกวาน Part.153
.
.
.
.
.
พวกเนตรสวรรค์ไม่ให้ความร่วมมือ แต่ก็ไม่ได้ขัดขวาง ถึงอย่างนั้นด้วยความไม่ไว้วางใจ พวกเขาจึงแอบตามซึ่งเซี่ยเหลียนก็ไม่ได้ใส่ใจ เซี่ยเหลียนกับฮวาเฉิงเดินมาถึงอารามในเขตสลัมซึ่งคนจรจัดจำนวนมากกำลังนอนอยู่ เขาตัดสินใจปลุกทุกคนเพื่อขอความช่วยเหลือ ทำให้คนจรจัดที่ถูกขัดเวลานอนหัวเสียโวยวายด่า ทว่ากลับมีชายคนหนึ่งบอกให้ทุกคนฟังที่เซี่ยเหลียนพูดก่อน เซี่ยเหลียนเลยได้โอกาสอธิบายสถานการณ์ให้ทุกคนฟังและขอความร่วมมือมาช่วยปกป้องเมืองหลวง ตอนแรกทุกคนต่างปฏิเสธบอกว่าไม่ใช่ธุระ ขณะที่เซี่ยเหลียนถอดใจกำลังจะเดินจากไป ชายขาเป๋ แขนหัก ร่างกายมอมแมมคนหนึ่งกลับเดินออกมาบอกว่าตนยินดีให้ความช่วยเหลือ พอได้ยินพวกคนจรจัดเรียกอีกฝ่ายว่าเฟิง (ลม) เซี่ยเหลียนก็นึกออกว่าที่แท้คนตรงหน้าก็คือซือชิงเสวียนนี่เอง
เมื่อคนจรจัดรู้ว่าซือชิงเสวียนกับเซี่ยเหลียนเป็นเพื่อนกันก็มีท่าทีเป็นมิตรมากขึ้น ทั้งยังให้ความร่วมมือมาร่วมปฏิบัติการด้วย โดยมีข้อแม้ว่าหลังจากเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้วพวกเซี่ยเหลียนจะต้องเลี้ยงซุบน่องไก่ให้กับทุกคน ยิ่งซือชิงเสวียนเชียร์ก็ยิ่งมีคนยอมให้ความร่วมมือมากขึ้นเรื่อยๆ เซี่ยเหลียนถามซือชิงเสวียนว่าเฮ่อเสวียนได้ทำอะไรกับชะตาของอีกฝ่ายหรือเปล่า ชายหนุ่มบอกว่าไม่ พอถามถึงแขนขาที่พิการ เขาก็ยืนยันว่าธาราทมิฬล่มเรือไม่ได้ทำร้าย เป็นเขาเองที่โชคร้าย พอเซี่ยเหลียนจี้ถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากวันนั้น ในที่สุดซือชิงเสวียนจึงยอมเล่าว่าหลังจากที่เขาสูญเสียพี่ชายก็จิตใจไม่อยู่กับเนื้อตัว เฮ่อเสวียนพูดอะไรก็ไม่ได้เข้าหัว รู้เพียงว่าอีกฝ่ายพาเขามาทิ้งไว้ที่เมืองหลวง โชคดีที่เมื่อก่อนเขามาเที่ยวกินดื่มที่นี่บ่อยจึงคุ้ยเคยที่ทาง หพอตั้งสติได้ก็ตัดสินใจกลบชื่อและตัวตนของตนไว้เบื้องหลัง เขาไม่เคยได้พบกับเฮ่อเสวียนอีก แล้วย้ำว่าไม่ต้องให้สวรรค์ไปยุ่งอะไรกับอีกฝ่าย
พวกคนจรจัดยิ่งไปเกณฑ์คนมาเพิ่ม ขณะที่ซือชิงเสวียนหันไปพูดคุยกับคนเหล่านั้น แม้อีกฝ่ายจะเปลี่ยนไปมาก แต่เมื่อเซี่ยเหลียนเห็นว่าชายหนุ่มยังคงร่าเริง มีมนุษย์สัมพันธ์เข้ากับคนง่ายเช่นเดิม เขาก็รู้สึกเบาใจ ทุกคนเดินไปหาถนนกว้างใจกลางเมืองหลวงเพื่อยืนจับมือสร้างเขตอาคม เซี่ยเหลียนอธิบายว่าอาคมนี้ไม่ได้ป้องกันไม่ให้สิ่งชั่วร้ายเข้ามา แต่ใช้ล่อให้พวกมันเข้ามาอยู่ในเขตอาคมให้พวกเขาไล่จัดการทีละตัว หากพลาดพวกมันก็จะเข้าสิงคนและทำให้เกิดโรคหน้าคน พอเห็นเช่นนั้นพวกเนตรสวรรค์ก็เข้ามาขัด บอกทุกคนว่าพวกเซี่ยเหลียนเชื่อใจไม่ได้ อย่าเห็นแก่ของกินนิดเดียวแล้วเอาชีวิตไปทิ้ง ฮวาเฉิงเลยบอกว่าพวกเขาไม่ได้ทำเพื่อของกิน แต่ทำเพื่อช่วยโลก พอเนตรสวรรค์บอกว่าคนเหล่านี้จะช่วยโลกได้อย่างไร ก็ยิ่งจุดไฟฮึกเหิมให้เหล่าคนจรจัดต้องการพิสูจน์ว่าตัวเองไม่ได้ด้อยค่าและมีความสามารถมากพอ
ในที่สุดกลุ่มวิญญาณร้ายก็ฝ่าเกราะคุ้มกันของเมืองหลวงเข้ามาได้ พอสัมผัสถึงลมหายใจคนเป็น พวกวิญญาณก็เข้ามาในเขตอาคมจนค่อยๆ ถูกเซี่ยเหลียนกับฮวาเฉิงจัดการ เห็นวิญญาณร้ายจะเข้าทำร้ายคนที่จิตใจอ่อนแอเกือบสำเร็จ ในที่สุดพวกเนตรสวรรค์ก็ทนไม่ไหวเข้ามาร่วมจับมือในเขตอาคมแม้ปากจะด่าพวกเซี่ยเหลียนไปด้วยก็ตาม เขตอาคมจึงใหญ่และแข็งแกร่งขึ้นมาก เห็นคนยิ่งมากขึ้นทุกคนก็ยิ่งฮึกเฮิมกล้าหาญ แต่พอขานจำนวนที่ยังเหลือในอาคม เซี่ยเหลียนกลับพบว่ามีคนเกินมา 1 คน เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ต้องการอะไร แต่การที่อยู่ในเขตอาคมนี้ได้จะต้องไม่ใช่ผีอย่างแน่นอน
พวกเซี่ยเหลียนลองต้อนวิญญาณไปใกล้คนมากขึ้น บุคคลปริศนาที่เข้ามาร่วมวงจะต้องไม่หวาดกลัววิญญาณและย่อมไม่ใช่คนธรรมดาจนวิญญาณทำอะไรไม่ได้ ในที่สุดพวกเซี่ยเหลียนก็เจอบุคคลหนึ่งที่วิญญาณไม่กล้าเข้าไปใกล้ เขารีบไปดึงอีกฝ่ายออกมาจากวงอาคม แต่ยังไม่ทันที่เขาจะถามว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เซี่ยเหลียนก็ต้องแข็งค้างด้วยความตกใจเพราะชายคนนี้คือราชครูเหม่ยเนียนชิง
.
.
.
.
.
KY ตอนนี้กูเห็นร้านคอสจีนเริ่มทำชุดคอสตัวร้ายเวอร์อนิเมะ คือตอนนี้อฟช.ไปดีลกะร้านคอสให้ทำได้แบบปรมจ.คราวนู้นแล้วเรอะ
สปอยเทียนกวานอาร์ค 5 ต่อจาก >>825 เทียนกวาน Part.154 (ตอนนี้โคตรเมเจอร์สปอย)
.
.
.
.
.
แม้จะได้ยินเสียงของอีกฝ่ายคุยกับผีภูเขา อีกทั้งจวินอู๋ก็เคยบอกว่าราชครูไม่ใช่คนธรรมดา เซี่ยเหลียนก็ยังแอบคิดว่าอาจเป็นเรื่องเข้าใจผิด ถึงหน้าตาของคนตรงหน้าจะเด็กลงราวทำเบเบี้เฟซ แต่ยังไงคนๆ นี้ก็คือราชครูเหม่ยเนียนชิงแน่ ตอนนั้นเองจู่ๆ ก็ราชครูคว้าคอของเซี่ยเหลียน แต่ฮวาเฉิงก็ซัดอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว ขณะที่ราชครูจะหนีไปก็มีกระบี่หล่นจากฟ้าขวางทางของเขาไว้ ก่อนที่จวินอู๋จะปรากฏกายขึ้นพร้อมแสงสว่างจ้าบดบังเหล่ามนุษย์ไม่ให้มองเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อเห็นว่าไร้ทางหนี ราชครูก็ยอมถูกเซี่ยเหลียนใช้รั่วเย่มัดไว้แต่โดยดี
จักรพรรดิสวรรค์บอกว่าตนได้กางบาเรียใหม่ครอบเขาตงลู่ หากแต่เขาหาตัวไป๋อู๋เซียงไม่พบ จากนั้นเซี่ยเหลียนจึงสอบถามตัวจริงของผู้เป็นอาจารย์ ซึ่งราชครูก็ไม่ได้ปฏิเสธว่าตนไม่ได้เป็น 1 ใน 4 ผู้ติดตามขององค์ชายรัชทายาทของอู๋หย่ง พอจวินอู๋ถามขึ้นว่าองค์ชายรัชทายาทของอู๋หย่งคือใคร แต่ด้วยความยาว เซี่ยเหลียนเลยบอกว่าเดี๋ยวกลับสวรรค์แล้วจะรายงาน กระนั้นด้วยจำนวนวิญญาณร้าย เขาอาจจะต้องใช้เวลา 7 วัน 7 ในการกำจัดพวกมัน ฮวาเฉิงเลยเสนอว่าเขาจะจัดการตรงนี้ให้เอง ตอนนั้นซือชิงเสวียนก็เข้ามาในวงแสงเพื่อตามหาเซี่ยเหลียน พอเห็นจวินอู๋ก็กระดากอายเพราะสภาพของตัวเองกับสิ่งที่พี่ชายของตนได้ทำลงไป ทว่ามหาเทพก็ไม่ได้ดูถูกเขาแต่อย่างใด แล้วจู่ๆ ราชครูก็ทักซือชิงเสวียนขึ้นมาราวกับรู้จักอีกฝ่าย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่าว่าชื่อของอีกฝ่ายไม่เป็นมงคล
จวินอู๋บอกว่าตนจะพาราครูกลับไปบนสวรรค์ก่อน ให้เวลาเซี่ยเหลียนกล่าวร่ำรากับอ๋องผี แม้ฮวาเฉิงจะอ้อนเซี่ยเหลียน แต่ซือชิงเสวียนก็ไม่ได้เข้าใจสถานการณ์เลยสักนิดจนเซี่ยเหลียนต้องเอ่ยปากขอคุยกับอ๋องผีแค่สองคนก่อน แม้จะอาย แต่เซี่ยเหลียนก็ตัดสินใจจุ๊บแก้มบอกลา แต่ฮวาเฉิงไม่พอใจและบอกให้จุ๊บปากแทน แต่พอปากแตะปาก ซือชิงเสวียนก็กลับมาทำลายโมเม้นท์โดยไม่ได้รู้ตัว จนเซี่ยเหลียนต้องเด้งตัวออกจากฉวาเฉิงอย่างรวดเร็ว
เทพทุกองค์รีบมุ่งหน้ามาประชุมที่หอมหายุทธิ์ หลางเชียนชิวเปิดประเด็นเป็นคนแรกถามถึงฉีหรง มหาเทพจึงบอกว่าเป็นผลงานของอวิ๋นอวี้จับมา แล้วอนุญาตให้อวิ๋นอวี้เขามาในหอประชุมด้วย หลางเชียนชิวรีบขอฉีหรงเพราะต้องการแก้แค้น แต่ยังไม่ทันจบเรื่อง มู่ฉิงก็ขัดว่าเขาไม่อาจทนรอต่อไปได้ จวินอู่จึงสั่งให้คนพาตัวเจียนหลันกับลูกชายเข้ามาในหอประชุม มู่ฉิงกล่าวหาว่าเฟิงซิ่นเป็นคนเสี้ยมให้เจียนหลันเกลียดเขากับเซี่ยเหลียน เธอกับลูกชายจึงได้ใส่ความพวกเขาก่อนหน้านี้ ทั้งสองเริ่มสงครามน้ำลายสุดท้ายก็ต่อยกัน เซี่ยเหลียนเลยหันไปบอกจวินอู๋ว่าให้พาราชครูเข้ามา เพราะเรื่องนี้สำคัญที่สุด ซึ่งพอเห็นหน้าคนรู้จัก เฟิงซิ่นกับมู่ฉิงก็หยุดทะเลาะกัน
เซี่ยเหลียนรายงานเรื่องที่เกิดในเขาตงลู่ให้ทุกคนฟัง พอเขาหันไปถามอาจารย์ว่าองค์ชายรัชทายาทแห่งอู๋หย่งคือไป๋อู๋เซียงใช่หรือไม่ ราชครูก็ตอบว่าใช่ แต่พอถามว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ช่วยขององค์ชายรัชทายาทแห่งอู๋หย่งหรือเปล่า ตอนนี้ไป๋อู๋เซียงอยู่ที่ไหน ทำไมอีกฝ่ายต้องนำความล่มสลายมาที่เซียนเล่อ แต่ก็ไร้คำตอบ เซี่ยเหลียนถามเลยว่าทำไมถึงต้องการฆ่าเขา เมื่อราชครูปฏิเสธว่าเขาไม่เคยต้องการทำเช่นนั้น เซี่ยเหลียนจึงถามว่าอีกฝ่ายต้องการปลุกอะไรในตัวเขากันแน่ เหม่ยเนียนชิงตอบว่าสิ่งหนึ่งที่เขาบอกได้นั่นก็คือไป๋อู๋เซียงอยู่ในหอประชุมนี้ และยืนอยู่ตรงหน้าเขา ทำเอาทุกคนสงสัยว่าวิญญาณขององค์ชายรัชทายาทแห่งอู๋หย่งอาจะถูกแบ่งเป็นสอง คนหนึ่งคือไป๋อู๋เซียง ส่วนอีกหนึ่งคือเซี่ยเหลียน
เซี่ยเหลียนอดรู้สึกหวาดกลัวไม่ได้ว่าตนจะเป็นผู้นำความล้มสลายมาสู่เซียนเล่อ โชคดีที่คำพูดที่ฮวาเฉิงเคยเอ่ยช่วยดึงสติไว้ จู่ๆ ราชครูก็พุ่งไปคว้ากระบี่ที่ข้างเอวของเฟิงซิ่นพุ่งไปทางมหาเทพ แต่ก็ถูกเซี่ยเหลียนแย่งกระบี่มา ราชครูตะโกนสั่งให้เซี่ยเหลียนมองอะไรบางอย่างซึ่งทำเอาเซี่ยเหลียนตัวแข็งทื่อ เป็นเพราะกระบี่เล่มนี้คือฮองจิ้นซึ่งสามารถสะท้อนภาพร่างจริงของผีเล่มนั้น และตอนนี้มันกำลังสะท้อนภาพของชายหน้าตาไม่คุ้นหน้าคนหนึ่งซึ่งมีใบหน้าเล็กๆ 3 หน้าขยับอยู่บนนั้น ทำให้เครื่องหน้าดูบิดเบี้ยวคล้ายครึ่งหนึ่งกำลังร่ำไห้ และอีกครึ่งกำลังแย้มยิ้ม
กระบี่เล่มนั้นไม่ได้กำลังสะท้อนใบหน้าของเซี่ยเหลียน ทว่าเป็นชายที่ยืนอยู่ด้านหลังเขา มือข้างหนึ่งยื่นมาจับไหล่ของเขาจากด้านหลัง พร้อมถามว่า “เซียนเล่อ เจ้ากำลังดูอะไรอยู่อย่างนั้นหรือ” แรงบีบทำให้เซี่ยเหลียนต้องตะกุกตะกัดตอบว่าหน้าของท่าน จักรพรรดิสวรรค์เลยบ่นอย่างไม่ใส่ใจมากว่า “อา พอเผลอหน่อยพวกเขาก็ออกมาอีกแล้ว”
.
.
.
.
.
ดันให้
ดันด้วยย
แวะมาคิดถึงโม่งสปอยล์
ดันด้วยจ้า ช่วงนี้เงียบเหงาไปนาน
แวะมาก๊อกๆจ้า
ไม่ค่อยมีไรคุย
งั้นมานับถอยหลัง วันซือจุนออกจากไมโครเวฟแล้วกัน
คิดถึงโม่งสปอย
สปอยเทียนกวานอาร์ค 5 ต่อจาก >>829 เทียนกวาน Part.155
.
.
.
.
.
จวินอู๋บีบไหล่ของเซี่ยเหลียนจนเขาต้องทิ้งกระบี่ แต่ราชครูก็รีบคว้ากระบี่ขึ้นมาเรียกให้ทุกคนมอง และบอกว่าจักรพรรดิสวรรค์ก็คือไป๋อู๋เซียง เทพทุกองค์พากันตื่นตกใจสับสน คิดว่าจักรพรรดิสวรรค์โดนสิงร่าง พวกเทพสงครามต่างพากันรีบออกหน้ามาบู๊ แต่แม้จะช่วยกันรุมตีก็กลับถูกบอสตบร่วงอย่างง่ายดาย พอเห็นจวินอู๋คว้าคอราชครูมาข่มขู่ว่าคิดว่าล้มดีลตอนวินาทีสุดท้ายแล้วทุกอย่างจะเปลี่ยนไปหรือ เซี่ยเหลียนก็เก็ททันทีว่าที่ก่อนหน้านี้อีกฝ่ายให้เวลาเขาร่ำลากับฮวาเฉิงเป็นเพราะต้องการคุยกับราชครูก่อน เซี่ยเหลียนพยายามติดต่ออ๋องผีทางโทรจิต แต่ก็พบว่าสัญญาณถูกบล็อคไปแล้วเพราะจวินอู๋เป็นผู้สร้างสวรรค์ ทำให้ทุกอย่างย่อมอยู่ในการควบคุมของอีกฝ่าย
ตอนนั้นเองหลิงเหวินร่างชายในเสื้อคลุมอมตะก็เข้ามาในหอประชุม คุกเข่ารับงานจากจักรพรรดิสวรรค์ อีกทั้งวิญญาณตัวอ่อนที่เข้ามาในหอประชุมเพราะเจียนหลันก่อนหน้านี้ก็ไม่ฟังเสียงของเฟิงซิ่นรีบพุ่งไปกอดขาจวินอู๋ จักรพรรดิสวรรค์สั่งให้เทพลูกน้องที่ตัวเองพาขึ้นสวรรค์มาจับพวกเทพในหอประชุมไปขังที่ตำหนักของแต่ละคน โดยเฉพาะตำหนักของพวกเทพสงครามจะกางอาคมทำให้ร่างกายฟื้นตัวช้ากว่าปรกติด้วย ส่วนเซี่ยเหลียนนั้นเขาเดินไปส่งที่ตำหนักเซียนเล่อด้วยตัวเอง แต่แม้จะพยายามคิดหาทางหนีเท่าใดเซี่ยเหลียนก็คิดไม่ออก ระหว่างที่กำลังนึกว่าถ้าเขาไม่ติดต่อไปนานฮวาเฉิงก็คงเอะใจ จู่ๆ จวินอู๋ก็บอกให้เขาติดต่ออ๋องผี บอกอีกฝ่ายว่าไม่ต้องเป็นห่วง แถมร่ายมนต์ใส่เซี่ยเหลียนเพื่อฟังสิ่งที่เขาพูดกับฮวาเฉิงด้วย เซี่ยเหลียนไร้ทางเลือกจำต้องทำตามไปก่อน พอได้ยินรหัสผ่านโทรจิตจวินอู๋ก็ถึงกับขำเบาๆ แถมยังได้รับรู้ถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองคน มหาเทพสั่งให้เซี่ยเหลียนบอกฮวาเฉิงไปว่าได้รับงานมาเยอะ ช่วงนี้เจอกันไม่ได้ แต่หลังงานเสร็จจะได้พักร้อน 3 ปี จากนั้นอ๋องผีก็ชวนเซี่ยเหลียนคุยอีกพักหนึ่งก่อนถามว่าทำไมเซี่ยเหลียนถึงติดต่อมาทางโทรจิตทั้งๆ ที่ปรกติไม่เคยทำ ขณะที่เซี่ยเหลียนเครียดไม่รู้ว่าจะแถอะไรให้จวินอู๋ฟัง ฮวาเฉิงก็สรุปเองว่าเกอเกอคิดถึงเค้ามากล่ะซี่ เซี่ยเหลียนเลยต้องเออออห่อหมกตาม พอทั้งสองบอกลากัน จวินอู๋ก็ตบไหล่ บอกว่าเซี่ยเหลียนใช้ชีวิตในโลกมนุษย์ได้สนุกจริงๆ เซี่ยเหลียนตัดสินใจถามคนตรงหน้าว่าท่านเป็นใครกันแน่ จักรพรรดิ หรืออะไรอย่างอื่น แต่อีกฝ่ายก็จากไปโดยไม่ได้ให้คำตอบ
เซี่ยเหลียนอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อให้หัวโล่งขึ้นเผื่อคิดอะไรออก พอเจอลูกเต๋าที่พกไว้ แม้จะรู้ดีว่าตอนนี้ฮวาเฉิงคงใช้คาถาร่นระยะมาสวรรค์ไม่ได้ เขาก็ยังลองทอยไปอย่างสิ้นหวัง แต่แล้วก็มีเสียงเรียก เกอเกอ ดังขึ้นมา เซี่ยเหลียนตกใจ พอมองรอบๆ ก็ไม่พบใคร ก่อนที่ปากของเขาจะเอ่ยเรียกฝ่าบาทออกมา แล้วเขาก็ได้รู้ว่าเป็นเพราะตนเคยใช้คาถาสลับวิญญาณกับซือชิงเสวียนมาก่อน ทำให้ตอนนี้อีกฝ่ายจึงสามารถสลับวิญญาณมาอยู่ในร่างเขาได้ พอถูกถามว่าใช้พลังทิพย์ที่ไหน ซือชิงเสวียนก็อธิบายว่าฮวาเฉิงเอาลูกอมแปลกๆ มาให้เขากินเขาเลยได้พลังมา ส่วนที่เรียกเซี่ยเหลียนว่าเกอเกอก่อนหน้านี้ เป็นเพราะอ๋องผีบอกว่าหากเซี่ยเหลียนรู้ว่าเขามาจะได้สบายใจขึ้น
ตอนนี้สถานการณ์ปราบวิญญาณร้ายในเมืองหลวงกำลังดำเนินไปได้ด้วยดี แต่หลังจากเซี่ยเหลียนติดต่อไป ฮวาเฉิงก็สัมผัสได้ถึงความผิดปรกติ เพราะเซี่ยเหลียนไม่น่าจะยอมใช้รหัสผ่านน่าอายนั่นติดต่อเขามาด้วยเรื่องแค่นี้จึงสั่งให้ซือชิงเสวียนใช้คาถาสลับร่างกับเซี่ยเหลียนดู หลังจากเล่าสถานการณ์บนสวรรค์ให้ฟัง ฮวาเฉิงก็บอกผ่านซือชิงเสวียนว่ามีวิธีที่เขาจะขึ้นไปบนสวรรค์ แต่ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากคนๆ หนึ่ง แต่ยังไม่ทันที่เซี่ยเหลียนจะได้ยินคำตอบ เขาก็รู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ด้านหลัง
.
.
.
.
.
ฮู้ววว
อยากได้รหัสผ่านด้วยค่า
มึงงงงงง ปิงเหอน่ารักมาก
ฮวาเฉิงเซี่ยเหลียนนี่มีชื่อคู่ชิปป่ะ
นิยายปรมจ.กูนึกว่าออกเล่ม 5 เสร็จแล้วจะหมดเวรหมดกรรมกันแล้วนะ แต่นี่ต้องรอเล่มพิเศษ + box อีกรอบว่ะ อีกนานมั้ยกว่ากูจะได้อ่าน ดองเล่ม 1 ไว้จนปลวกแทะแล้ว
>>852 ตอนพิเศษใหม่ ที่เขียนเพื่มหลังรวมเล่มใช่มั้ย เหมือนมีคนเคยบอกว่าต้นสังกัดไม่ขายลข.ให้ต่างชาติด้วยนะ บกร.น่าจะไปไปดีลมาจนได้มั้ง (ขออภัยถ้าข้อมูลผิด) ให้เวลาบกร.ทำงานหน่อย
เดี๋ยวนี้ไม่กล้าเร่งไปที่ไหนแล้ว งานรีบงานเร่งพลาดทุกที่ ทั้งแปลผิด แปลตก พิมพ์ผิด บลาๆๆๆ มีแต่ผิดๆ กลัว
กูรออ่านเรื่องอื่นหมดแล้ว
เริ่มเฉยๆกับปรมจแล้ว
รู้สึกว่าก็มีเรื่องอื่นที่สนุกๆเหมือนกัน
ระหว่างรอ บกร ออก
สนพอื่นแม่งออกนิยายที่กูรู้สึกสนุกเยอะมาก
จนไม่อะไรกับบกรแล้วอะ 5555
เอาจริงๆนะ กูไม่เข้าใจคนที่รอให้ออกครบแล้วค่อยอ่าน แล้วก็ไปโวยวายใส่สำนักพิมพ์ว่าเมื่อไหร่จะได้เริ่มอ่านซะที คือมึงจะรอให้ออกครบแล้วค่อยอ่านเพราะอยากอ่านรวดเดียวเนี่ยมันใช่ความผิดของสำนักพิมพ์เหรอวะ กูเข้าใจนะว่าอยากอ่านเร็วๆ แต่การพิมพ์หนังสือมันก็มีกระบวนการหลายอย่างไหม และกูว่าปรมจ.นี่ถือว่าคุณภาพโอเคเลยนะ แทบไม่มีพิมพ์ผิดพิมพ์ตกเลย การแปลที่คนชอบบ่นกันก็มีแค่เรื่องแปลชื่อกระบี่ที่เป็นปัญหาเรื่องรสนิยมมากกว่าจะเป็นเรื่องผิดถูก หรือมึงอยากได้แบบบางค่ายที่ออกเร็วฉิบหายแต่คุณภาพไม่ได้เรื่อง พิมพ์ผิดกระจายทุกหน้า อยากได้แบบนั้นกันจริงๆเหรอ???
>>859 แย้งเรื่องออกเร็วช้าสอดคล้องกับคุณภาพ บกร.ไม่ได้คุณภาพดีเลยนะ ไม่ได้คุ้มเวลา กูไม่เคยด่าที่ออกช้า แม้จะเป็นหนึ่งคนที่ยังไม่ได้แกะซีลเลยสักเล่ม 5555 กูว่าทุกที่มีการทำงานเป็นของตัวเอง ช้าเทียบกับที่อื่น แต่สำหรับสายนิยายแปล กูอ่านพวก LN ด้วยบางทีปีหนึ่งมาเล่ม/สองเล่ม บกร.เลยไม่ได้ช้าแบบที่เร่งๆ กันขนาดนั้น ถ้า handle ดีมันก็ออกเร็วกว่านี้ได้ แต่นั่นแหละ บกร.คือบกร. กูยังเจ็บกับเจียงเฉียง เจียงเฉิน บลาๆ อยู่เลย (อันนี้เอาเรฟจากที่คนรีวิวชื่อที่พิมพ์ผิดมานะ) ถ้าออกช้าขอคุณภาพดีกว่านี้หน่อยนะ พลีส~~
>>860 เอ่ออ่า กูไม่ได้จะเข้าข้างสำนักพิมพ์นะ แต่มึงแกะอ่านเองก่อนดีมั้ยแล้วค่อยพุ่งเข้ามาแย้งว่าคุณภาพไม่ดี ไม่ใช่ฟังจากคนอื่นมาแต่ยังไม่ทันแกะของตัวเองก็ชิงบ่นแล้วว่าคุณภาพแย่ คือมึงยังไม่ได้อ่านเองเลยด้วยซ้ำอ่า ถ้ามึงอ่านแล้วคุณภาพแย่เกินรับไหวจริงก็ว่าไปอย่าง
ตอนนี้ไม่รู้สนพ.ไหนดีแล้วว่ะ ซบ.ทำหายไปย่อหน้าวอร์เป็นวันกว่าสนพ.จะยอมเปลี่ยน อวว.ที่กูเคยมองเป็นตัวแม่วงการโดนด่าพิมพ์ข้อความหายไปสองเล่ม แปลฉากอัศจรรย์ผิดไปไกลเรื่อง แปลผิดยิบย่อยนานา มด.งานอาหารฟาสต์ฟู้ดอย่าสนคุณภาพ ร.เลเวลออกช้าน้อยกว่าบกร.นิดนึงหลายเรื่องสำนวนแปลแข็งๆ ข้อดีคือราคาดี บกร.ราคาแพง
>>860 ปรมจ. อ่านแล้วคำผิดน้อยกว่าวายหลายเรื่องที่กูอ่านนะ เหมือนคนพยายามเฟ้นหาคำผิดแล้วเอามาขยี้ซ้ำๆมากกว่า ไม่สงสัยกันเหรอว่าทำไมขยี้แต่คำเดิมๆ เพราะมันพลาดแค่นั้น
>>861 คำว่าคุณภาพแย่ ต้องแบบไหนถึงเรียกว่าดีเหมาะกับเวลาอ่อ ถ้าพิมพ์ตก พิมพ์ผิดและใช้เวลามากในการออกทีละเล่มแล้วยังมีคำผิด กูนับว่าแย่ ออกเร็วแล้วผิดก็แย่ ออกช้าแล้วยังผิดอีก = ยิ่งแย่ ทำงานเกี่ยวกับตัวอักษร อยู่ในวงการหนังสือ เรื่องพวกนี้ควรใส่ใจอะ กูถามจริงชื่อตัวละครผิดทุกเล่มมันเรียกคุณภาพดีอ่อ
ปล.ไม่ใช่แค่ปรมจ ตอนนี้นิยายที่ออกมาพิมพ์ผิด ตกหล่น เว้นวรรค แย่กันมากนะ ไม่นับแปลผิดแปลไม่ครบ
ปล.2 >>862 เพราะยังไม่ได้แกะอ่าน ดูจากที่คนอื่นรีวิวแล้วเจอเท่านี้ รอครบ ไว้ถ้าอ่านแล้วจะมาบอกเพิ่มนะว่าเจอคำผิดที่อื่นไหม
กูแย้งเท่าที่เห็นเลยว่าออกช้าไม่ได้คุณภาพดีกว่าที่อื่น ถ้าออกช้าแล้วงานดีกูโอเคนะ 555 ไม่ได้รีบร้อนอ่านเลย
>>865 กูเริ่มงง 5555 คือต้องอ่านก่อนถึงตัดสินได้ใช่ไหมว่าแย่หรือไม่แย่ สำหรับกูมันไม่แปลก อาจเพราะกูวางมาตราฐานสูงอะ(แต่จริงๆมันควรเป็นบรรทัดฐานของหนังสือด้วยซ้ำ) มีคำผิดซ้ำๆ ซากๆ = แย่และไม่ใส่ใจ กูชอบปรมจมากนะ อ่านก่อนจะมีซีรีย์อีก กูสายหนังสือมาแต่ไหนแต่ไรด้วยเลยมองว่าคุณภาพจริงๆ คืออะไร รูปเล่ม คำแปล คำศัพท์ พิมพ์ถูกพิมพ์ผิดอะไรพวกนี้ จะออกช้าออกเร็วถ้าดีจริง คือคุณภาพดีไง ไม่ได้จะว่าแค่บกร.อะ แต่มันแทบทุกสนพ.เลยเรื่องพวกนี้ งานมันไม่เนี้ยบ พอเห็นเม้นบนที่ว่าแปลเร็วก็คุณภาพ... เลยคิดว่าถ้าแปลช้าแล้วยังผิดคุณภาพก็... เซมอะแหละ พ้อนด์กูมีเท่านี้เอง
ปล.อีกครั้ง ไว้รอครบ อ่านแล้วจะมาบอกเรื่องคุณภาพโดยรวมอีกทีก็แล้วกันนะ
หนังสือออกเร็วออกช้า กูว่าไม่น่าเอามาคิดในแง่คุณภาพนะ สมมติหนังสือมาอยู่ในครอบครองของมึงแล้ว มึงคงไม่เอาประเด็นว่าเล่มนี้ออกเร็วทันกระแส เล่มนี้ออกช้า มาเป็นค่าตัวมันหรอก ก็คงไปมองที่คำผิด การจัดหน้า รูปเล่ม อะไรพวกนี้มากกว่า ล่าสุดกูอ่านเรื่องของค่ายมดที่ขึ้นชื่อว่าพิมพ์ผิดกระจายไม่พอ เล่มนี้เจอหมึกจางหมึกเข้มกระจายทั่วเล่ม ด่าเหี้ยได้เต็มปาก
จริงๆมันมีแต่นิยายวายรึเปล่าวะ ที่ใช้เวลาออกนานแล้วคนมาบอกว่าตามคุณภาพ สำนักพิมพ์เล็ก ฯลฯ นิยายแฟนตาซี NL ทั่วไปสนพ.เล็กกว่า ออกไวกว่า ไม่มีผิดมีพลาดเลย เห็นบ่อยอยู่นะ
>>871 สนพ.ที่ออกเล่มไวติดๆกันส่วนมากแปลตุนไว้ก่อนแล้วออกรวดเดียว บางสนพ.ออกยกเซ็ตพร้อมกันเลย มีเวลาจัดการเยอะก่อนออกซีรีส์ แต่ปรมจ.โดนด่าออกช้าตั้งแต่ไปขัดแปลเถื่อนให้หยุดพิมพ์ตั้งแต่สามเดือนแรก ว้าวสัสๆที่นักเขียนคนนึงบอกบกร.ดองลิขสิทธิ์ไปสามปี ทั้งที่พึ่งผ่านไปปีเดียว
จริงๆมันมีแต่วายแหละที่ออกอัตราเท่านี้เรียกว่าช้า ไปอยู่สายอื่นไม่ต้องมีคำว่ารอช้าได้ของคุณภาพเพราะมันไม่ได้ช้าขนาดนั้น และคุณภาพนิยายวายก็ตามที่เห็นนะ
>>873 สนพ.แฟนตาซีไหนวะ ที่กูตามถ้าไม่ออกติดกันเป็นพรวนให้จบเซ็ตรวดเดียวก็ออกปีละเล่ม แถมสนพ.ที่ออกติดกันคุณภาพไม่เนี้ยบด้วย
ทำตุนถ้าสายวายตามนิยายแปลในเว็บจะเห็นระยะห่างกว่าสนพ.จะออกหลังได้ลิขสิทธิ์ชัดนะ นานกว่าปรมาจารย์เป็นส่วนใหญ่ แบบถ้าไม่งมอ่านอังกฤษให้หายค้างก็ทำใจลืมยาวๆไปกว่าจะมีเล่มๆ กูเลยหงุดหงิดเวลาคนพยายามบอกว่าบกร.ออกช้าบ่อยๆ เพราะด่าจนสนพ.วายได้ลิขสิทธิ์เรื่องไหนไม่กล้าประกาศกันหมดเพราะแบบบกร.เรียกว่าช้าที่ไหนก็ช้า555 ไปบอกให้แปลเถื่อนหยุดทีเหมือนทำธุรกิจมืดต้องปิดหน้าปิดตาไปเจรจาให้เขาหยุดแปลแต่ไม่ให้บอกว่าตัวเองได้ รอพร้อมออกค่อยประกาศ จากเมื่อก่อนสนพ.ไหนได้อะไรก็ประกาศให้ปูเสื่อรอ ดังนั้นตรรกะช้าแล้วได้คุณภาพกว่าที่อื่นกูก็เหม่งๆ เพราะเทียบกับที่อื่นมันก็ไม่ได้ช้า แต่ที่อื่นไม่โดนจิกตั้งแต่ซื้อลิขสิทธิ์เท่านั้นเอง ส่วนงานเร่งจะสายงานไหนก็ทำให้คุณภาพตกทั้งนั้น
โม่งงงง กลับมาาาาาาาา ได้แล้วววว
กุจะต้องด่าเรื่องความช้าของสนพ.บกร.อีกนานแค่ไหนวะ เมื่อไหร่จะออกเล่มพิเศษจบ จะได้หมดเวรหมดกรรมกันซักที
คือกุสายอ่านการ์ตูนด้วยอ่ะ ปกติรอเป็นปีถึงจะออก ส่วนตัวเลยไม่ปสดกับการออกของเบเกอรี่ (ที่ก็ช้าปกติตามหลักสนพที่ไม่ได้มีโรงพิมพ์ใหญ่ๆแต่เจอเรื่องดัง)
บกร.พึ่งประกาศว่าได้ตอนพิเศษเพิ่มไม่ใช่เหรอวะ ให้ออกเร็วแค่ไหนถึงว่าไม่ช้า
ที่กุบ่นคือเมื่อไหร่จะออกครบชุด รอเล่ม 5 แล้วยังไม่จบ ต้องรอเล่มพิเศษอีกรอบ ไม่รู้ชาติไหนจะออกครบ
ซื้อเล่ม 5 แล้วอ่านเลยแม่ในเล่ม 5 มี 4 ตอนพิเศษแล้ว ได้หมดเวรหมดกรรมจะรอบ็อกเล่มพิเศษในพิเศษทำไม มีผลกับเนื้อเรื่องหรอ หรือไม่ได้ต้องครบชุด แต่ไต้หวันก็ออกเล่มพิเศษนี่ทีหลังนะ ไม่ยักกะโดนด่าอะไร
ตอนนี้ไม่มีความรู้สึกอยากอ่านแล้ว แค่อยากเก็บให้ครบชุดเฉยๆจะได้หมดเวรหมดกรรมกันไป กว่าจะครบชุดก็.... 55555
ใจเย็นๆ กระดาษไม่ได้สลายง่ายปานนั้น หกเล่มใช้เวลาปีครึ่งไม่ต้องถึงขั้นเป็นเวรเป็นกรรมมั้ง
ก็ว่าอยุ่ สายอ่านไม่ค่อยบ่นหรอกเพราะอ่านไม่ทันกันแล้ว มีแต่สายเก็บสายเวรสายกรรมที่หลงเข้ามาแต่ต้องมีครบชุดนั่นแหละที่บ่น
กุคงเป็นชนกลุ่มน้อยวะที่ไม่รู้สึกว่าบกร.ออกช้า เรื่องผิดตกก็ไม่ได้เยอะขนาดต้องเอามาเป็นประเด็น เรื่องแปลชื่อกระบี่อาจจะรุ้สึกนิดนึงแต่ก็ปล่อยเบลอได้เพราะชินกับซีรี่แล้วก็เมะที่ใช้ทับศัพท์ แต่หนังสือดันแปลแต่ก็พอทนได้ กุว่าถ้าซีรี่ไม่ดังขนาดนี้คงไม่โดนบ่นว่าช้า สงสารสนพ.เลยกุยังเข้าข้างสนพ.อยุ่นะว่าไม่ได้แย่อะไรขนาดนั้น เล่มพิเศษนี่ยิ่งเพิ่งได้มาต้องให้เวลาหน่อยป่าววะ จะให้ออกเลยพร้อมกันก็เกินไปป่ะ จบเรื่องนี้กุก็ซื้อเรื่องอื่นของสนพ.ต่ออยู่ดี เพราะไม่ได้รุ้สึกแย่กับบกร. ไม่ใช่ม้านะ แต่กุเห้นด่าบกร.กันเยอะล่ะ กุสงสาร
ปรมจ ปีครึ่งต่อ5-6เล่มนี้ว่าไม่ช้าขนาดนั้นอะ ไม่อย่างนั้นจะเห็นนิยายที่แปลในเว็บประกาศlcแล้วหายเป็นปีๆได้ไง เผื่อๆได้ลิขสิทธิ์ปุ๊บประกาศลิขสิทธิ์ปั๊บด้วยซ้ำำ ปกติก็จะประมาณนี้ด้วยซ้ำอย่างลืมซีรีย์ฉายเร็วเป็นปีๆ และจะออกเล่มแต่ละรอบต้องให้แม่โม่ตรวจงานทุกครั้งแล้วแม่โม่ติดต่อยากอีก สำหรับกูสายนิยายถือว่าไม่นานนะ
กูก็เฉยๆ กับระยะเวลาของบกร ติดอย่างเดียวคือนส.แม่งแพง+ไม่ค่อยร่วมโปรลดนี่แหละ 5555
ที่ว่าช้า เพราะอยากข้ามไปอ่าน NC ตอนพิเศษเลยหรือเปล่า แบบไม่ทันใจ
คนที่บ่นช้าน่าจะเป็นคนที่ตามซีรีส์แล้วปกติไม่ได้อ่านนิยาย หรืออ่านแต่เรื่องที่จบแล้วเลยไม่รู้ว่าสปีดแบบนี้คือปกติ พอนิยายมันออกจบหลังซีรีส์เป็นปีก็จะรู้สึกว่าช้าเพราะตัวเองกำลังจะเลิกติ่งซีรีส์แล้ว ส่วนคนที่ตั้งใจอยากอ่านนิยายจริงๆใครเขาจะมองเป็นเวรกรรม มีแต่คนดีใจด้วยซ้ำที่ดีลตอนพิเศษมาได้
>>895 กูไม่ได้ดูซีรีส์ แต่ก็รู้สึกว่าช้านะแต่ไม่ได้ช้าขนาดที่ด่าๆกันจะเป็นจะตาย แล้วกูก็ไม่ได้รอเล่มพิเศษกับบ็อกด้วย ไม่ได้ไฮป์อะไรขนาดนั้น ก็กะจะเก็บห้าเล่มธรรมดา แต่ออกครบได้ก็รู้สึกว่า เออ! มาซะที ครบซักที ปิดจ๊อบ เลยเข้าใจคนที่ว่าหมดเวรหมดกรรมแหละ (กูรอนิยายชายหญิงนานกว่านี้อีก เช่น หมิงหลัน แต่อันนั้นรายละเอียดยุ่บยั่บ ตัวละครเพียบมาก กูรอได้ชิวๆ)
>>897 ถ้าสายนอร์มอลใครผ่านหย่งเยี่ยและเรื่องต่าง ๆ ของแม่นางหลินโหม่วยุคแรก ๆ มาได้กูว่าก็ไม่มีอะไรสะเทือนได้มากกว่านี้แล้วล่ะ ถถถถถ
แล้วสายไลท์โนเวลอีกที่บางเรื่องแทบต้องสวดมนต์ขอให้ออกได้ทุกปีหรือทุกงานหนังสือ มาเจอวัฒนธรรมสายรีบของสาววายทีเกิดเป็นคัลเจอร์ช็อคเลยทีเดียว
แล้วสำหรับปรมจ.กูก็ว่าไม่ได้ช้าขนาดนั้นถ้าเทียบกับไลน์วายด้วยกัน ถ้าสายช้ากูขอส่ง WWTB เข้าประกวด....
ช้าก็คือช้า มึงจะดีเฟนทำไม 555555
รายต่อไปเทียนกวานจ้า เตรียมตัวโดนช้าแน่นอน ไม่ต้องดีเฟน 55555555555555555
สามสี่เดือนออกเล่มทีเรียกช้าเหรอวะ
มันดูช้าเพราะได้lcปุ๊ปประกาศทันทีเพราะต้องโกยกระแสแหละ ปกติแม่งกวาดเงียบแล้วเปิดตัวตอนใกล้ๆเสร็จกันเลยรอไม่นาน อย่างโรสคือเปิดตัวตอนที่มันออกติดๆกันหลายเล่มได้ ปรมจใมันเลยดูช้า อย่าเอางานไลท์โนเวลอะไรมาเทียบเลย อันนั้นคนเขียนมันยังแต่งไม่ทันกันแทบทุกเรื่อง จะให้มาออกติดๆกันก็ทำไม่ได้อยู่แล้ว
ช้าคือช้ามึง แค่มันมีเหตุผลรองรับอยู่ ใครจะรับได้ก็ตาม ไม่ได้ก็เลิกซื้อ
ประเด็นการออกเล่มปรมจ.เป็นอะไรที่ตลกที่สุดแล้วมั้ง สายรีบก็หาว่าสายสายชิลดีเฟนทั้ง ๆ ที่เขามองว่าเป็นเรตออกงานปกติ ส่วนสายชิลก็มองบนใส่สายรีบทั้ง ๆ ที่สายรีบอยากให้งานอยู่ในกระแส ต่างคนต่างมุมมองที่ขยันเป็นดราม่าจริง ๆ
>>901 เทียนกวานอันนี้ต้องดูว่าจะช้าเพราะอะไร ถ้าสรุปเอาเวอร์ชั่นออนไลน์ที่จบแล้วมาแปลแล้วยังออกช้าก็คงโดน แต่ตามสไตล์น่าจะตุนไว้เยอะก่อนค่อยปล่อยทีเดียว (แต่ก่อนหน้านั้นก็อาจเสี่ยงโดนดราม่าเอาของเก่ามาทำไมเนื้อหาไม่สมบูรณ์ถ้ารีไรต์เสร็จไม่ต้องซื้อใหม่หรือไง!?)
แต่ถ้าคนอ่านเรียกร้องจะเอาเวอร์ชั่นรีไรต์จริง ๆ อันนี้สนพ.ลอยตัวได้ ถ้ามีบ่นช้าอีกแฟนคลับต้องไปตีกันเองแล้วเพราะคนเขียนยังรีไรต์ไม่เสร็จสนพ.จะไปทำอะไรได้ สรุปขยับตัวไปทางไหนก็โดนขึ้นทั้งล่อง
>>905 กูเข้าใจคนที่อยากให้งานออกในกระแสนะ แต่ไม่ใช่ไปโมเมว่าเขาช้า เพราะมีพวกสักแต่ด่าว่าช้า สนพ.อื่นเลยไม่กล้าประกาศว่าได้lcอะไร โอตาคุวันสิ้นโลกกับฆ่าหมาป่ากว่าจะประกาศ ฮัสกี้กับซือจุนชะตาตอนนี้เป็นไงกูยังไม่เห็น แค่นี้ยังคิดไม่ได้อีกเหรอว่ากว่าจะออกเล่มหลังดีลลิขสิทธิ์ได้มันนานแค่ไหน
ผลพวงจากการที่รีบประกาศLCแต่ยังไม่ได้แปลหรือเตรียมอะไร สรุปทุกสนพพร้อมใจไม่ประกาศLCให้ไปลุ้นเอาเอง55555
กูมีคำถาม มึงว่าแม่โม่สนับสนุนวันไชน่าหรือไม่
ไทยก็โดนปลูกฝังเหมือนกันแต่โดนแบนเพราะเป็นส ลิ่ม ทำไมเข้าใจคนต่างประเทศแต่ไทยล่ะแบนเก่ง
มาคอนเฟิร์มว่าคนจีนส่วนใหญ่ที่กูรู้จัก (เกือบร้อยท้ังร้อย) ถูกปลูกฝังว่าไต้หวันกับฮ่องกงเป็นส่วนหนึ่งของจีนมาตั้งแต่ต้น พวกเขายังงงว่าทำไมโลกภายนอกถึงมองสองเกาะนี้ไม่ใช่จีนเดียวกัน
และเกือบร้อยทั้งร้อยเช่นกันเชื่อมั่นว่าคนจีนเก่งงงงงงง นวัตกรรมใด ๆ แม้คิดค้นโดยเยอรมัน ญี่ปุ่น อเมริกา คนจีนก็ผลิตได้เหมือนกัน คุณภาพดีกว่า ราคาถูกกว่าด้วย
แต่มันเป็นความอวยชาติที่กูรู้สึกว่าน่ารักว่ะ (ส่วนใหญ่ที่กูเจอนะ) แบบเออ คนจีนดูภูมิใจในชาติตัวเองดี
ในขณะที่เกาหลี กูร่วมงานกับคนชาตินี้น้อยกว่า เลยไม่อยากเหมารวม แต่แม่ง เหยียดชาติอื่นเก่ง อวยตัวเองด้วยการเหยียดคนอื่นจนกูรู้สึกแปลก ๆ
สรุป กูคิดว่าแม่โม่ฯ ไม่เชิงอวยวันไชนา แต่เหมือนมันเป็นสามัญสำนึกของคนแผ่นดินใหญ่ไปแล้วว่าจีน ไต้หวัน ฮ่องกงคือประเทศเดียวกัน
เป็นหมดแหละ เขามองว่าฮ่องกงคือพื้นที่ของจีนที่ให้อังกิดยืมเช่า ซึ่งมันก็จริงตามที่เขาว่า แค่พลาดตรงที่ให้ยืมนานไปหน่อยจนคนฮ่องกงเขาไม่เหลือความเป็นจีนแล้ว
>>914 เห็นด้วยเรื่องเกาหลีรู้สึกมาหลายคน คนจีนที่รู้จักหรือนักเขียนหลายคนก็อวยชาติแบบภูมิใจในชาติตัวเองนะ เช่นเรื่องอาหาร เรื่องกำลังภายใน ฯลฯ หลายอย่างเขาเป็นต้นกำเนิดจริง กูยังภูมิใจอาหารไทยได้เลย เขาก็มีสิทธิ์ภูมิใจอะ
เรื่องวันไชน่าเอาจริงฮ่องกงก็เป็นพื้นที่ของจีนจริงอะ แค่เช่า+ปล่อยนานไปมันเลยกลายเป็นประเทศใหม่แล้ว เหมือนมึงมีบ้านหลังหนึ่งปล่อยไว้มีคนมาอยู่สิบปีเป็นปรปักษ์ แต่มึงจ่ายภาษีให้รัฐทุกปี ก็เข้าใจปะว่านั่นบ้านกูที่กู แต่คนอื่นก็มองอีกแบบว่าเขาอยู่มานานก็ควรของเขาแล้ว
ถึงพูดแบบนี้แต่เราฝ่ายด่าจีน ซับฮ่องกงนา แค่เข้าใจได้ว่าทำไมคนจีนถึงวันไชน่า
ถ้ากูเลือกได้ กูเลือกประกาศ lc ช้า แต่ออกติดๆกัน มากกว่าประกาศ lc เร็ว แต่ออกห่างกันนะ
ชอบแบบออกติดๆกัน เพราะไม่ลืมเนื้อเรื่อง มูฟออนไวด้วย ไม่ค้างคา เรื่องไหนออกห่างกันมากๆ กูเลิกตามไปก็มี เพราะลืมหมดแล้ว ไม่อยากรู้เนืัอหาแล้ว
ไม่ใช่แม่โม่เป็นคนไต้หวันเหรอวะ
>>917 เห็นด้วย เมื่อก่อนติดกลอรี่มากต้องได้ทันทีที่ออกไม่มีไม่วิ่งไปรับ จัางแมสฯรับก็มี ออกเดือนละเล่มหรือเดือนครึ่งเล่ม เดือนเว้นเดือน หลังๆคนแปลก็หย่อนยานจากคำสัญญา หลายเดือนเล่ม(เขาสัญญาออกมาเองนะไม่มีคนกดดัน) เลยกึ่งๆเท ทุกวันนี้ยังซื้อไม่ครบ เพราะลืมเนื้อหาลืมความไฮป์ เพราะเรื่องยาวด้วยแหละ26เล่ม หนา600หน้าโดยประมาณทุกเล่ม เล่มจบออกปีนี้ เริ่มขาย2016ละ
สปีดบกร.(ออกปีละ3เล่ม)ถ้าปรมจ.ยาวเท่ากลอรี่... ปรมจ2เล่ม ยาวเท่ากลอรี่1เล่ม ต้องใช้เวลาราวๆ17ปี ฟังดูนานพอไหม (คิดว่าเทียนซือก็คงใช้เวลาเท่านี้ไหม)
เอาสองเรื่องมาเทียบกันดูคนละเรื่องนะแต่สำหรับเรื่องที่เขียนจบไปนานแล้ว สปีดแบบบกร.ก็ว่าค่อนข้างช้าอยู่ดีนะ มันคนละกรณีกับเขียนไม่จบอะ ไลท์โนเวลงี้ เขารีไรท์ใหม่เขียนกันไฟลุกอยู่นะที่ออกช้า
มองว่า5เล่มใช้เวลาเท่านี่ก็ทนได้แหละ ไม่มากมายไหวอยู่ไม่กี่ปี ถ้าต้องรอออก40เล่ม ที่บอกไม่ช้าๆก็คงไม่ไหวด้วยเหมือนกันมั้ง
>>923 ที่กูมักพูดได้ช้ามีคุณภาพดีกว่าฟาสต์ฟู้ดเพราะสยามนี่แหละมึง กลอรี่ออกเร็วนรกมากหนาสัสๆ สยามเน้นทำเร็วอยู่แล้วหนังสือของสนพ.หลักสิบเยอะมาก ความเร็วออกนิยายของสยามทิ้งห่างสนพ.อื่นมาก ดังนั้นเทียบบกร.ว่าช้ากว่าสยามเห็นด้วย แต่เทียบกับสนพ.ทั่วไปแล้วบอกค่อนข้างช้าบิดเบือนไปหน่อย
งานของสยามก็แย่ สำนวนคุณเบียร์โอเคดีนะ แต่คำผิดคำสลับเต็ม ชื่อคนจากทีมหนึ่งไปอยู่อีกทีม จำนวนคนประโยคต้นสามคน ประโยคถัดมาห้าคนเฉย ชื่อทีมพระเอกกับทีมสลับกันรัวๆ เปลี่ยนอาชีพคนในเรื่องเป็นว่าเล่น สมกับที่คนล้อบ่อยๆว่าสยามไม่มีบก.เพราะถ้ามีบก.อ่านมันจะไม่หลุดขนาดนี้
สำหรับกูนิยายทั่วไปที่ตามออกปีละสองเล่มตามงานหนังสือต่อให้ต้นฉบับออกจบแล้ว ปีครึ่งห้าเล่มกูว่าไม่ช้าขนาดนั้น เล่ห์กลจักรพรรดิ ทะลุมิติหักเหลี่ยมจอมมาร ก็ไม่ได้ออกต่างกันมาก
คิดภาพปรมจคุณภาพสยามแล้วมัน...55555555
ว่าแล้วก็น่าคิดระหว่างออกเร็วพีคสุดให้เดือนล่ะเล่มแต่ทำงานเหมือนไม่มี qc กับแบบที่ออกกับบกร.ตอนนี้แบบไหนจะโดนทัวร์ลงมากกว่ากัน
ศิษย์ข้าเจ้าตายอีกแล้วนี่ของสนพขึ้นหิ้งใช่ป่ะ ออกมากี่เล่มแล้วอ่ะ จำได้ว่าเมื่อก่อนเรื่องนี้ดังมากก่อนจะหายเงียบไป
ถ้า5เล่มจบแบบปรมจ ก็ขอแบบบรก. แต่ถ้าถยาว40เล่ม ใช้เวลา20ปีจบ ขอแบบสยามคำผิดคำตกประมาณ1%ของเล่ม ยังได้อ่าน99% แต่ถ้าแปลแบบบรก ไม่ได้อ่านเลย น่าคิด
ออกเร็วผิดเยอะกูไม่ว่า แต่ไม่ชอบออกช้าอ่ะ เป็นสายชอบอ่านเร็วให้จบๆแต่ไม่ซีเรียสเรื่องคำผิด กลอรี่ของสยามก็อ่านได้ ไม่สะดุดอะไร
อย่างกลอรี่ที่ตอนแรกออกเดือนละเล่มกูก็ยังตามนะ พอหลังกลายเป็น 2 เดือนเล่ม 3 เดือนเล่มกูก็เริ่มเบื่อๆ เลยไม่ได้ตามต่อและ มันไม่ค่อยต่อเนื่อง อารมณ์คลั่งแบบพีคๆมันหายไปตามกาลเวลาอ่ะ ทั้งๆที่ช่วงแรกชอบมากกก ไปงานหนังสือขอลายเซ็นคุณบ.คนแปลงี้ 555555
>>934 กูนี่แหละสายอ่าน อ่านนิยายเพราะมีความสุขกับการอ่านนิยายถ้ามันจะนานจนไม่ได้อ่านก็นึกไม่ออกว่าคุณค่าอยู่ตรงไหน จะมาสวยเนียนเลอค่ารอสิบปีระหว่างนั้นฟินความงามอย่างเดียวก็ไม่ใช่ (อันนี้พูดถึงกรณียาวหลายสิบเล่มแต่สปีดนี้) ผิดแบบสยามพอรับไหวคำสลับคำผิดนิดหน่อย
ky ถ้าจะเริ่มตามปรมาจารย์ลัทธิมาร ควรเริ่มจากอะไรก่อน เห็นมีทั้งอนิเมะ หนังสือ ซีรีส์ มังงะ
กูให้ความสำคัญกับคุณภาพมากกว่าความเร็วนะ ความเร็วมันเป็นแค่ความพอใจของคนบางส่วนในช่วงแรกๆไง แต่คุณภาพมันคือสิ่งที่ติดตัวหนังสือเล่มนั้นไปตลอดกาลอะ จริงๆคุณภาพมันต้องมาก่อนอยู่แล้ว แต่คนแบบ >>935 ก็มีอยู่จริง และมีเยอะด้วย สายคุณภาพก็ได้แต่ปลงกับมาตรฐานนิยายวายที่ตกต่ำลงทุกวี่ทุกวัน (อันนี้กูพูดรวมๆเลยนะไม่ได้พูดถึงแค่ปรมจ.)
>>942 กูงง ก็เพราะหนังสือมีไว้อ่านไง ถึงได้ควรให้ความสำคัญกับคุณภาพมากกว่าความเร็ว หนังสือที่ดีมันก็ควรจะแปลดีๆ ไม่มีคำผิดรึเปล่า ไม่ใช่หนังสือที่ออกเร็วทันใจแต่ผิดยุบยิบจนอ่านแล้วรำคาญ แล้วคนอ่านหนังสือเล่มนั้นๆมันก็อาจจะไม่ได้มีแค่คนที่ตามอ่านตอนมันออก แต่มาอ่านหลังจากหนังสือออกมาหลายปีแล้วก็ได้ คนกลุ่มนี้จะไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการออกเร็วเลยนะ ยังไงคุณภาพก็ควรมาก่อนสปีดมั้ยวะ หรือคนอ่านสมัยนี้เน้นแดกด่วน คุณภาพตกยังไงก็ช่าง??
>>942 หนังสือมีไว้เพื่ออ่านก็ควรได้อ่านสิ่งที่ถูกต้องไม่ใช่เหรอ??? ถ้าสะสมไม่ต้องสนกันหรอกส่าเนื้อในจะเป็นไง หนังสือสายอื่นแปลทีขายห้าหกปี เรื่องดีๆรีปรินต์ใหม่สิบปีให้หลังก็ใช้สำนวนเดิม นี่คือสาเหตุที่การแปลดีดีกว่าเร็ว เพราะออกเร็วก็ได้แป๊บๆ แต่เนื้อหามันอยู่ตลอดไป
>>947 เพิ่มเติม ระดับสยามไม่ใช่แค่สะกดผิด สลับชื่อตัวละคร สลับทีม จำนวนผิด ผิดประมาณเผลอใช้สกุลหลานแทนสกุลเวิน ก็รู้เรื่องได้ใจความว่าการกระทำชาติชั่วขนาดนั้นไม่ใช่สกุลหลานหรอก สนพ.พิมพ์ผิดแหละ แต่ถ้าไม่ตั้งสมาธิดีๆยิ่งเรื่องที่ตัวละครเยอะๆจะเข้าใจคลาดเคลื่อนไปเลย
คิดถึงโม่งสปอยจุง
คิดถึงนะ โม่งสปอย
ปกเล่ม 5 มาแล้วขอย้ายประเด็นมาคุยห้องแม่โม่จะได้ยาว ๆ กันไป
บอกคำเดียวไม่ผิดหวังสมเป็นปรมจ.สมเป็นบกร.ดราม่าได้ทุกการขยับตัว 555555 แล้วทุกคนคิดเห็นยังไงกับปกเล่ม 5 (+เล่มพิเศษ)บ้าง ส่วนกูมองว่าไม่ผิดจากที่เพื่อนโม่งเคยเดากันไว้ เล่ม 5 ไม่พ้นใครสักคนในแก๊งสามพี่น้องร่วมสาบาน(+น้องเนี่ย) ก็โอเคมองธีมปกออกแต่แรกแล้วแค่เสียดายนิดหน่อยกูโลภกูอยากได้แบบครบทีมอยากเห็นพี่ซี พี่น้องเนี่ยด้วย 555555
เป็นอาเหยากูก็ไม่ปัญหาหรอก แต่บกร ดันทำโปสการ์ดเป็นรูปคู่ได้ แต่เอาขึ้นปกไม่ได้ เรทราคาปกกับทำโปสการ์ดมันต่างกันก็จริงเถอะ แต่มึงงงง วัดกวนอิมเป็นจุดคลายปมของเรื่องเลยนะเว้ย งงอะเอาจริง สนพ ได้อ่านเรื่องนี้จริงป่าววะ หมดปรมจ แล้วเทียบกับของเวียดนามที่กูได้มา...โอเค้
เป็นเอามาก บางคน เหมือนหมาบ้า ตามกัดไม่ปล่อย ด่าเว่อวัง แต่ก็สมเป็นบกร 5555 เอาให้เอฟซีอกแตกตายกันไป จบเรื่องนี้แฟนขาจรจะจากๆไป หมดเวรหมดกรรม
คอนเสปปกมันเป็นเล่มละคนเปล่า เอาตัวหลักมาขึ้นปก อย่างมากก็คู่พอนอขึ้นปกเล่มสุดท้ายยังมีอีกเล่มนี่
จินกวงเหยาเด่นจะตายเมิง จะได้ขึ้นปกไม่แปลกเลย แม่งเป็นตัวร้ายแบบที่เอาไปเขียนแยกเป็นนิยายอีกเรื่องได้เลย
กูibไปถามสนพให้ละ
สนพตอบมาละว่ามีบรีฟ สรุปไอทวิตแรกมันผิดแหละ
อาเหยาขึ้นปกเฉยๆ ไม่ได้รูปคู่รู้อยู่แล้ว ปัญหาคือกูรู้สึกอาเหยาสว่างไหวไปหน่อยว่ะ แสงส่องถึงมาก ดอกไม้ขาวคนงาม ขัดธีมเล่มอื่นที่มีแสงก็ส่องไม่ถึง(อย่างหลานจ้าน) ในความคิดกู ปกสว่างสมเล่มจบดี ปัญหาคือคนขึ้นเป็นตัวร้ายไงแม่
พวกที่ออกมาด่าว่าปรมจแปลห่วย ส่วนมากคือติ่งซีรีส์ที่เฮโลด่าทั้งๆที่ยังไม่ได้อ่านทั้งนั้น
>>972 มึงให้เกียรติตะกูลเนี่ยกูด้วย 5555
ดีนะกูพอทำใจไว้แล้วว่าน้องเนี่ยกูคงไม่ได้ขึ้นปกเพราะมันสุ่มเสี่ยงสปอยล์ยิ่งก่อนหน้านี้ไม่ได้เป็นธีมห้าตระกูลจริง ๆ จัง ๆ และน้องวางตัวในฐานะตัวประกอบมาตลอดด้วย แต่ลึก ๆ กูก็อยากได้ตัวแทนตระกูลเนี่ยขึ้นปกนะ จะเป็นผีดิบเป็นแขนซ้ายก็ได้กูไม่ถือ 555
กุเหนื่อยมาก เถียงกะคนที่ไปรุมด่า บกร แล้วกูสงสาร สนพ แน่จริงให้ที่อื่นระบุวันประกาศ lc มาสิ ชักตาตั้งแน่ๆ
กูไม่ดีใจเลยว่ะ ที่เล่ม 5 ออก
ไม่อยากเก็บแล้วอะ
รอซื้อ box + เล่มพิเศษ
อ่านสักรอบนึง แล้วขายต่อ
คิดว่าขายเท่าไหร่ดี
ไม่อยากเก็บแล้ว
>>977 ถ้าไม่อยากเก็บจริงๆ มือสองหรือนอกซีลส่วนใหญ่จะตั้งต่ำกว่าปกนะ ส่วนจะลดแค่ไหนอยู่ที่ตัดสินใจ ลดเยอะขายง่ายลดน้อยคุ้มทุน แต่ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปถ้ามีที่คั่นจิบิเล่มแรก ตอนพีคๆขายกันเป็นพัน ตอนนี้ไม่รู้เท่าไหร่ ถ้าไม่รีบมากรอของครบค่อยปล่อยราคาตามกระแส ตัวร้ายครบเซตตอนนี้กูเห็นตั้งราคากันสี่ห้าพันยังมีคนยอมจ่าย
เห็นคนขายสองเล่มรอบพรี 2000 ยังอยู่ในซีล แบบมีคนมาจองไว้แล้วด้วยนะ กูจะเป็นลม กูที่พรีมาเหมือนกันยังไม่แกะซีลสี่เล่มคือแบบอยากขายขึ้นมาทันที เดี๋ยวกูเอาส่วนต่างไปซื้อขนม
ของกูแกะซีลไม่พอ ใช้กระดาษไขห่อปกอีก เพราะปกคล้ายดาวแท้มาก วางติดกันกลัวปกลอกอีก
แต่อย่างน้อยปก4ได้เวินหนิงกับอาเยวี่ย ปก5กูขอจินหลิงกับอาเหยาก็ดี ไม่ก็สามตรีเทพไปเลย ล้องแล้ว
ดราม่าปกนิยาย " ไร้สาระ " ฉิบหาย
กูมารอโม่งสปอยฮวาเหลียนที่ท่าน้ำทุกวันเลยนะ ถึงกูจะตากผ้าแล้วมันไม่แห้งมาหลายวัน กูก็จะอดทนรอมึงจนผ้ากูแห้ง
เบอเกอรี่แถลงเรื่องปก ก็ไปอ่านคอมเม้นต์ เจอกันนึงสะดุดใจก็มาก ไม่ซีเรื่องปกแต่ซีเรื่องความเร็วในการออกแถมบอกออกช้าเว่อร์ กูนี่เก่าหัวแล้วเกาหัวอีก เร็วของมึงต้องขนาดไหน วันนี้เล่มพรุ่งนี้อีกเล่มเลยไหม
ด้อมประสาทแดก ดราม่าปกปัญยาอ่อนสัส
อ่านคม.โครตหงุดหงิด อีพวกปัญญาอ่อน ไม่ซื้อก็เรื่องของมึง!
>>996 กูเจออันนึงบอกว่าเหยาเป็นตัวร้ายเสริมจะมาเด่นกว่าคู่ตัวเอกได้ไง มึงอ่านเรื่องเดียวกับกูปะเนี่ย หนึ่งในปมหลักของเรื่องรองจากเว่ยอู๋เซียนเลยนะมึง ยิ่งอิคนที่บอกว่าเนี่ยมันมีทุกวันคือทุกวันมันเลยเป็นนิยายรักวาย ทั้งที่พล็อตหลักของเรื่องคือแฟนตาซีเซียนแล้วบังเอิญตัวเอกรักกับผู้ชายด้วยกันปะ ถ้ามึงเอามาตรฐานว่ามีฉากเย = นิยายรัก นิยายแนวกำลังภายในจีนก็เป็นนิยายรักทั่วบ้านทั่วเมืองแล้วเหอะ คิดว่าที่ไต้หวันปกแรกๆมันเป็นแค่รูปอาวุธเครื่องดนตรีเพราะอะไร เพราะมันไม่ใช่นิยายเน้นรักแต่แรกไงโว้ยยยยย
พวกมึงห้ามเพื่อนร่วมด้อมหน่อย ขึ้นเทรนที่3แหละ วันนั้นทวิตเตี้ยนยังรณรงค์ให้แบ่งนิยายวายเป็นหมวดหมู่แบบนอร์มอร์อยู่ อันนี้ดันไปย้ำให้ปกคู่เพราะเป็นนิยายวาย.. .
ชิบหายแล้ว
กูอยากขายต่อมือสอง
ดราม่าแบบนี้ กูจะขายออกมั้ยวะ
แบบนี้ ถ้าเก็บ box ครบ จะขายได้ราคามั้ยเนี่ยยย
เพื่อนโม่งคิดว่าไง
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.