Last posted
Total of 1000 posts
ดันนนนนน
ดันนนนน
ดันนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>864 เทียนกวาน Part.105
.
.
.
.
.
เพราะเฉวียนอี้เจินไม่มาประชุม จวินอู๋เลยบอกเซี่ยเหลียนว่าหากตามตัวอีกฝ่ายได้แล้วจะบอกให้ไปหา ด้วยอากาศที่เริ่มเย็น ขากลับเซี่ยเหลียนเลยแวะซือเสื้อคลุมตัวใหม่ให้หลางอิ๋งด้วยเงินที่ได้จากการเก็บขยะขาย ก่อนหน้านี้อารามผูจี้มีกันถึง 5 ชีวิต พอเหลือกันแค่ 2 คนเช่นนี้ก็แอบรู้สึกเงียบเหงา เขาเหม่อลอยคิดถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดระหว่างตนกับฮวาเฉิง รวมถึงเรื่องเขาตงลู่จนเกือบทำไฟไหม้อาราม อาหารที่กำลังทำอยู่ในหม้อก็พลอยเสียหายหมด ถึงเขาจะตั้งชื่อให้มันว่าสีสันแห่งความอลหม่าน แต่ก็รู้ดีว่านอกจากอ๋องผีคงไม่มีใครฝืนกินอาหารฝีมือของตนได้ เขาเลยบอกให้หลางอิ๋งนำไปทิ้ง แต่พอไปล้างหม้อกลับมาก็เห็นเด็กชายกินในชามเรียบจึงรีบเข้าไปดูอาการด้วยความตกใจ แต่ก็ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้เป็นอะไร
คืนนั้นเซี่ยเหลียนนอนไม่หลับ ขณะที่กำลังคิดจะออกไปสูดอากาศนอกอารามก็ได้ยินเสียงกุกกักดังขึ้น ใครบางคนแอบเข้ามาทางหน้าต่าง พุ่งไปที่กล่องรับบริจาค ก่อนใส่อะไรบางอย่างลงไป แต่เมื่อหันไปเห็นชามที่วางอยู่บนแท่นบูชา ด้วยความหิวจึงยกชามกินสิ่งที่อยู่ในนั้น ทว่าเพียงวินาทีต่อมาร่างของอีกฝ่ายก็ล้มลง เซี่ยเหลียนรีบจุดไฟ พอเห็นหน้าอีกฝ่ายก็รีบเอาน้ำกรอกใส่ปากให้จนได้สติ
เซี่ยเหลียน : ฝ่าบาทฉีอิง ทำไมท่านถึงได้ไม่รอบคอบเอาของใส่ปากทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าเป็นอะไรอย่างนี้ล่ะ
เฉวียนอี้เจิน : ก็ข้าจะไปรู้ได้ยังไงกันว่าจะมีคนวางยาพิษใส่อาหารถวายของตัวเองในอารามของตัวเองอยู่ด้วย
เซี่ยเหลียนถึงกับกุมหน้าผาก ถามว่าเป็นอีกฝ่ายใช่ไหมที่เอาทองมาใส่กล่องตั้งแต่คราวก่อน เหตุใดจึงทำเช่นนี้ แต่เฉวียนอี้เจินก็ตอบอย่างชิลๆ ว่าเป็นเพราะเขามีเยอะ ถึงเซี่ยเหลียนพอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายอยากตอบแทนเรื่องที่เขาช่วยปิดม่านการแสดงในงานเลี้ยงฤดูใบไม้ร่วง เขาที่คิดว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรจึงบอกให้เฉวียนอี้เจินนำทองกลับไป แต่เทพหนุ่มกลับไม่ฟัง ตอนนั้นเองหลางอิ๋งก็ช่วยพูด ทำเอาเซี่ยเหลียนอดตกใจไม่ได้ว่าหลางอิ๋งตื่นตั้งแต่เมื่อไร อีกทั้งยังเริ่มรู้สึกแปลกๆ พอนึกๆ ดูแล้วก็รู้สึกว่าวันนี้เด็กชายดูพูดมากกว่าทุกที แต่สุดท้ายเขาก็เลือกจะไม่คิดมากแล้วหันไปคุยงานกับเฉวียนอี้เจินว่าพวกตนต้องช่วยกันจับเสื้อคลุมอมตะ
ตำนานของเสื้อคลุมอมตะเล่าถึงเด็กหนุ่มในอาณาจักรโบราณคนหนึ่งซึ่งโง่เขลาอายุสมองไม่ต่างจากเด็ก 6 ขวบ ทว่ากลับมีพรสวรรค์ด้านการต่อสู้จนนำชัยชนะกลับมาให้บ้านเกิดทุกครั้งที่ออกรบ แต่ด้วยความเขลาทำให้รางวัลที่ได้มามักถูกผู้คนหลอกหลวงเอาไปจนสิ้น ไม่มีบ้านใดอยากให้ลูกสาวแต่งงานกับเขา และด้วยความโง่งมก็ทำให้ไม่มีหญิงใดอยากสานความสัมพันธ์ อีกทั้งชายหนุ่มที่ไม่เคยใกล้ชิดผู้หญิงก็ไม้กล้าพูดคุยกับสาวคนใด ถึงอย่างนั้นเขาก็มีอนาคตน่าจะได้ขึ้นสวรรค์เป็นเทพสงคราม ทว่าเขากลับไปตกหลุมรักหญิงคนหนึ่งเสียก่อน หญิงคนนั้นเย็บเสื้อคลุมให้ชายหนุ่มเป็นของขวัญวันเกิด แต่สภาพของเสื้อตัวนั้นกลับไม่ต่างจากถุงกระสอบ ด้วยความที่ไม่เคยมีหญิงคนไหนให้ของตนมาก่อน ชายหนุ่มจึงดีใจมาก เมื่อพบว่าตนใส่มันไม่ได้จึงถามว่าในเมื่อไม่มีแขนเสื้อ เขาจะเอาแขนออกมาได้อย่างไร พอหญิงสาวตอบว่าหากท่านไม่มีแขนก็จะไม่มีปัญหา ชายหนุ่มก็ตัดแขนตัวเองทิ้ง เมื่อถามว่าจะเอาขาออกมาอย่างไร เธอก็ตอบว่าหากท่านไม่มีขาก็ไม่มีปัญหาแล้ว ชายหนุ่มจึงขอให้คนอื่นช่วยตัดขาของตนออก ส่วนคำถามสุดท้ายที่ว่าแล้วเขาจะนำศีรษะออกมาได้อย่างไรก็คงไม่ยากที่จะเดาคำตอบ
เฉวียนอี้เจินเหม่อลอยไม่ค่อยฟัง แต่ดูเหมือนว่าเขาก็รู้จักกับเสื้อคลุมอมตะดี ด้วยความที่มันสามารถจำแลงร่างเป็นเสื้อคลุมแบบใดก็ได้ งานนี้จึงค่อนข้างยากราวงมเข็มในมหาสมุทร ทว่าเพราะมีคนขโมยมันไป อีกทั้งยังมีเรื่องเล่าว่าหากผีตนใดสัมผัสเสื้อคลุมอมตะก็จะจำแลงร่างเป็นพ่อค้าแล้วนำเสื้อคลุมไปเที่ยวขอแลกกับชาวบ้าน เขาจึงเสนอให้ไปหาข่าวในเมืองด้วยกัน แต่พอเขากับเฉวียนอี้เจินทำท่าจะจากไป จู่ๆ เทพหนุ่มกลับล้มลงอ้วก ท่าทางไม่อาจเดินทางได้ไหว เซี่ยเหลียนจึงต้องลากอีกฝ่ายกลับไปนอนพัก
.
.
.
.
.
โม่งมาแล้วววว รู้สึกสงสารเฉวียนอี้เจิน 55555 อยากมาทำตัวลับๆล่อๆแล้วกินอาหารฝีมืออันโอชะของเตี้ยนเซี่ยเอง ช่วยมิดั้ย!
ปล. หรือว่าที่ผ้าคลุมที่เซี่ยเหลี่ยนซื้อให้หลางอี๋จะเป็นผ้าคลุมผืนนั้น...เห็นหลางอี้พูดมากกว่าเดิม
ดันๆๆ
มึงงงง ม่านฮวาล่าสุดน่ารักมากๆๆๆๆ วั่งเซี่ยนเล่นไล่จับกันแล้ว (กูนึกว่าการ์ตูนญี่ปุ่นตาหวานเลย สลับกันเป็นนางเอก 555) น่ารักจะเป็นลมมมมมมมมม TOT
ดันนนน
ฮวาเฉิงโผล่แล้ว หล่อเหี้ยๆ
จะแยกร่างไปกรี๊ดอันไหนดี ทำจัยลำบาก 😆 นี่ขาดแต่ตัวร้ายที่ยังไม่มา
ดันนนนน
ซางหลางแม่งหล่อจริง ตอนล่าสุดคือมีเขี้ยวด้วย กรี้ดๆๆ
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>902 เทียนกวาน Part.106
.
.
.
.
.
วันต่อมา พอเซี่ยเหลียนเห็นหลางอิ๋งมองเฉวียนอี้เจินนั่งที่ประจำของฮวาเฉิงด้วยสายตาไม่เป็นมิตรก็เผลอเรียกเด็กชายว่าซานหลางก่อนรีบเปลี่ยนเรื่องแก้เก้อ จากนั้นเขาก็สั่งให้อีกฝ่ายต้มน้ำเตรียมอาบ ระหว่างที่เด็กชายไปตัดฝืนเพิ่ม เซี่ยเหลียนเลยลงไปแช่ในอ่างก่อน พอหลางอิ๋งกลับมาก็วานไปหยิบม้วนเอกสารมาให้ ตอนแรกอีกฝ่ายรีบปิดประตูออกไป แต่ครู่เดียวก็กลับเข้ามาลากเฉวียนอี้เจินที่นอนหลับลึกอยู่ออกไปข้างนอก เอาผ้ามาพันศีรษะแล้วก้มหัวไปหยิบเอกสารส่งให้เซี่ยเหลียน ขณะแช่น้ำอยู่เซี่ยเหลียนก็ยกแหวนที่ฉวาเฉิงให้มาดู เมื่อสังเกตเห็นดอกไม้เล็กๆ ที่แท่นบูชาก็หยิบขึ้นมาด้วยความรู้สึกคลุมเครือ ตอนนั้นเองก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น หญิงสาวที่อยู่ข้างนอกบอกว่าตนมีเสื้อคลุมใหม่ต้องการหากแลกเสื้อคลุมมือสองสวยๆ ตรงเปะกับเรื่องเล่า เรียกว่าไม่ต้องตามหา ผีที่น่าจะขโมยเสื้อคลุมอมตะไปก็มาหาถึงที่
โชคดีที่ในยามว่างเซี่ยเหลียนจะเปิดคอร์สป้องกันตัวจากผี 101 ให้บรรดาแม่บ้าน ทำให้ไม่มีชาวบ้านคนใดหลงกลไปก่อน เขาสั่งให้หลางอิ๋งไปเปิดประตู และนำเสื้อที่เขาซื้อมาเมื่อวานไปแลก แต่พอหญิงสาวรับมันไปสักพักรั่วเย่ก็เลื้อยออกมาจากเสื้อ เมื่อเธอกระโดดหนีการโจมตีผ้าคลุมที่ปิดใบหน้าส่วนบนก็หลุดออกเผยให้เห็นว่าแม้ใบหน้าครึ่งล่างจะสวยสดใส แต่ครึ่งบนกลับเหี่ยวย่นเหมือนคนชรา เธอคือผีหญิงชราที่กินเนื้อเด็กสาวเพื่อหวังให้ตนอ่อนเยาว์ เฉวียนอี้เจินที่ตื่นพอดีเข้ามาจัดการผีตนนั้นอย่างง่ายดาย แต่เมื่อเซี่ยเหลียนถามว่าเธอคือคนที่ขโมยเสื้อคลุมอมตะหรือเปล่าเธอก็ปฏิเสธ และอ้างว่าได้มันมาจากเมืองผี
เซี่ยเหลียนบอกให้เฉวียนอี้เจินให้คนมาจับผีสาวไป ทว่าอีกฝ่ายกลับบอกว่าตนไม่มีลูกน้องในตำหนักสักคน เขาเลยผนึกผีสาวไว้ในไหแทน แต่เมื่อหันมาสำรวจเสื้อคลุมก็พบว่าอายมารของมันไม่น่าจะอันตรายเหมือนในตำนาน ตอนนั้นเองเฉวียนอี้เจินก็บอกว่าเสื้อคลุมนี้เป็นของปลอมเพราะของจริงที่เขาเคยเห็นมีพลังมากกว่านี้ แต่ยังไม่ทันจะถามว่าอีกฝ่ายเคยเห็นมันจริงหรือ หลิงเหวินก็ติดต่อเขาทางโทรจิตว่ามีข่าวว่ามีผีถือเสื้อคลุมอมตะอยู่ห่างจากอารามผูจี้ไปราว 20 ลี้ พอเซี่ยเหลียนเถามเธอว่าเฉวียนอี้เจินเคยเห็นเสื้อคลุมอมตะจริงหรือเปล่า หลิงเหวินจึงเล่าว่าก่อนหน้านี้เทพสงครามที่ปกครองทิศตะวันตกคืออวิ๋นอวี้ ไม่ใช่เฉวียนอี้เจิน
ก่อนที่อวิ๋นอวี้จะได้ขึ้นสวรรค์ ในวันหนึ่งเขาได้พบกับเด็กเฉวียนอี้เจินซึ่งเป็นเด็กทโมนข้างถนน ด้วยความใจดีจึงขอให้อาจารย์รับอีกฝ่ายเข้ามาดูแลในสำนัก อวิ๋นอวี้ให้ความดูแลศิษย์น้องเป็นอย่างดี ตอนที่ได้ขึ้นสวรรค์ก็พาเฉวียนอี้เจินมาเป็นลูกน้องด้วย แต่ด้วยนิสัยขวางโลก ศิษย์น้องคนนี้จึงสร้างปัญหากับคนอื่นไปทั่วสวรรค์ หากอวิ๋นอวี้ไม่คอยปกป้องคงถูกกระทืบตายไปนานแล้ว จนกระทั่งต่อมาเฉวียนอี้เจินได้ขึ้นสวรรค์มาเป็นเทพชั้นสูงด้วยความสามารถของตัวเอง เพื่อไม่ให้ต้องแย่งเขตปกครองกันทั้งสองจึงตกลงจะดูแลทิศตะวันตกด้วยกัน แต่สุดท้ายเสือ 2 ตัวก็อยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ พลังของฉวียนอี้เจินรุดแซงหน้าศิษย์พี่มากขึ้นเรื่อยๆ แม้จะนิสัยเสียแต่ผู้คนก็เริ่มให้การยอมรับ ตำหนักของเขาใหญ่ขึ้น ผู้ศรัทธามากขึ้น จนชื่อของอวิ๋นอวี้เริ่มถูกผู้คนลืมเลือน และแล้วในวันเกิดของเฉวียนอี้เจิน อวิ๋นอวี้ก็ได้มอบชุดเกราะซึ่งแท้จริงแล้วคือเสื้อคลุมอมตะให้กับศิษย์น้อง
ความสามารถที่โดดเด่นที่สุดของเสื้อคลุมอมตะจะทำให้เมื่อสวมมัน ผู้รับจะตกอยู่ในอำนาจของผู้ทีมอบมันให้ ไม่ว่าจะสั่งอะไรก็จะต้องทำตามทุกอย่าง แม้หลิงเหวินจะคิดว่าอวิ๋นอวี้เพียงต้องการแกล้งศิษย์น้อง แต่เมื่อจวินอู๋สังเกตเห็นว่าเฉวียนอี้เจินสูญเสียสติสัมปชัญญะ ทำตามสิ่งที่ศิษย์พี่พูดทุกอย่าง มหาเทพก็ช่วยแยกเสื้อคลุมออกมา และด้วยความผิดที่ทำร้ายเทพด้วยกันจึงทำให้อวิ๋นอวี้ถูกเนรเทศในทันที พอฟังถึงตรงนี้เซี่ยเหลียนก็ถึงบางอ้อว่าตัวร้ายในละครที่แสดงในงานเทศกาลของเฉวียนอี้เจินก็คืออวิ๋นอวี้ แต่เมื่อดูจากอาการของเทพหนุ่มแล้ว เซี่ยเหลียนก็คิดว่าอีกฝ่ายยังนับถือศิษย์พี่ของตนและเชื่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องเข้าใจผิด
ตอนที่คิดว่าคุยจบ หลิงเหวินก็บอกข่าวตำแหน่งของเสื้อคลุมอมตะอีก 20 กว่าจุดรวด พอถามเรื่องของปลอมจากเมืองผี เธอก็บอกว่าเมืองผีชอบทำของเถื่อนอยู่แล้ว เมื่อพ่อค้าได้ข่าวว่าเสื้อคลุมถูกขโมยก็รีบแอบอ้างเพื่อหาเงินเข้ากระเป๋าจึงทำให้มีข่าวมั่วมากมายต้องคอยไล่ตรวจสอบ แต่ด้วยความที่เซี่ยเหลียนไม่มีพลังทิพย์ ส่วนเฉวียนอี้เจินก็วาดคาถาร่นระยะไม่เป็น ทำให้พวกเขาต้องเดินเท้ากัน และเซี่ยเหลียนก็ถือโอกาสนี้พาหลางอิ๋งไปอัพเลเวลด้วย
.
.
.
.
.
ตัวร้ายกำลังจะมีอนิเมะ แล้วมีม่านฮวาหรือแบบการ์ตูนไปหรือยัง
ดราม่านักวาดเกลียดงานที่ตัวเองวาดใช่ป่ะ
ม่านฮวาของปรมจถึงฉากที่เว่ยอิงขึ้นบนหลังคาทีาปู๋เย่เทียนยังอ่ะ อยากอ่านฉากนั้น
>>920 คำถามนี้ขึ้นกับว่าสปอยส่วนไหน
.
.
.
.
.
เพราะถ้าหมายถึงคนที่อยู่กับเซี่ยเหลียนในสปอยตอนล่าสุด คนนี้คือฮวาเฉิงปลอมตัวมา ส่วนตัวจริงถูกส่งไปอยู่เมืองผีแทน แต่ถ้าหมายถึงว่าหลางอิ๋งตัวจริงคือใคร หลางอิ๋งคือหลานชายคนเดียวของหลางอิง ปฐมกษัตริย์ของหย่งอัน คนที่อยู่ในอาร์คที่ 2
.
.
.
.
.
>>915 ความไม่เป็นมิตรที่ให้เฉวียนอี้เจิน เพราะลืมตัว แถมพี่ทั่นไปนั่งที่เดิมอีก โอ๊ยหนูลูกโคตรน่าหอมหัวจีจีจ้าโม่งสปอยด์
นึกว่าเป็นเทพเเล้วจะจบ เผลอที่มาก่อนเป็นเทพนี่โคตรคลุมเคลือ พอมาเป็นเทพก็ยังสร้างเรื่องกันอีกมากมาย เทพของแม่โม่นี่จริงๆเเล้วมันมนุษย์ ver.มีพลังวิเศษชัดๆ มีความลืมคาถาไปอี๊กกกก
ดันจ้า
0000000
ดันๆๆ
เจอกันในopen chat
โม่งสปอยล์ตามไป openchat ด้วยนะ TOT ยังอยากอ่านสปอยล์อยู่
ที่นี่แม่งไม่ปลอดภัยแล้ว เหนื่อยใจ
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>915 เทียนกวาน Part.107
.
.
.
.
.
พวกเซี่ยเหลียนเดินทางได้ไม่เท่าไรก็เจอกับผีกระดูกหามเกี้ยวที่ฮวาเฉิงเคยส่งมารับเซี่ยเหลียน อีกฝ่ายอ้างว่าพวกตนว่าง หากรีบเดินทางอยู่ก็จะให้ความช่วยเหลือ พวกมันยอมให้หลางอิ๋งกับเซี่ยเหลียนนั่ง แต่ปฏิเสธเฉวียนอี้เจิน เทพหนุ่มจึงพยายามวิ่งตามแต่สุดท้ายก็ไปถึงที่หมายโดยไม่ได้นั่ง พอเข้าไปยังบ้านร้างก็เจอกับชายใส่หน้ากากที่มีคำสาปพันธนาการซึ่งซือชิงเสวียนเคยบอกว่าน่าจะคืออวิ๋นอวี้ เซี่ยเหลียนลองถามชื่อของอีกฝ่ายดู แต่ก็ถูกบ่ายเบี่ยง อีกฝ่ายจับพวกผีที่ทำนำเสื้อคลุมอมตะปลอมมาหลอกขาย และรวบรวมเสื้อต้องสงสัย 98 ผืนไว้เสร็จสรรพ ทั้งยังเสริมว่าหากหาได้อีกจะรีบส่งมาให้ เพราะฮวาเฉิงไม่อยากให้เซี่ยเหลียนต้องมาเสียเวลากับเรื่องเล็กๆ แบบนี้ พอถามว่าอ๋องผีเป็นอย่างไร ชายใส่หน้ากากก็บอกว่าเจ้านายของตนกำลังยุ่งมาก
พอชายใส่หน้ากากจากไปไม่นาน เซี่ยเหลียนก็หันไปเห็นเงาคนไร้ศีรษะเดินอยู่ในกลุ่มเสื้อผ้า ตอนนั้นเองบรรดาเสื้อคลุมผีก็บินว่อนเพราะอิทธิพลจากเขาตงลู่ ขณะที่กำลังวุ่นวายกันเขาก็เห็นว่ามีเสื้อคลุมบางตัวบินออกไปข้างนอก เมื่อจับกลับมาครบก็ลองให้เฉวียนอี้เจินกับหลางอิ๋งไล่สวมโดยมีเซี่ยเหลียนลองออกคำสั่งให้ทำตาม แต่ลองเท่าไรก็ยังไม่เจอ เซี่ยเหลียนเลยติดต่อหลิงเหวินให้ส่งคนมาช่วยดู ซึ่งเธอก็อาสามาด้วยตัวเอง ตอนนั้นเองเซี่ยเหลียนก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ ข้างหน้าปรากฏเงาของชายร่างสูงซึ่งยังมีหัวอยู่ครบ มันยืนนิ่งอย่างไม่ยี่หระ แต่เมื่อลมพัดมาก็ค่อยๆ จางหายไป พร้อมกันนั้นหลิงเหวินก็มาถึงพอดี เซี่ยเหลียนรีบเล่าให้อีกฝ่ายฟังว่าเมื่อครู่วิญญาณที่น่าจะเป็นเสื้อคลุมอมตะตัวจริงปรากฏตัว ทำให้อีกฝ่ายงงเพราะมันไม่เคยแสดงตัวให้ใครเห็นมาก่อน หลิงเหวินเสนอว่าตนจะนำเสื้อทั้งหมดกลับไปตรวจสอบบนสวรรค์ แล้วเสริมว่าพวกเซี่ยเหลียนจำเป็นต้องส่งเสื้อคลุมที่ใส่ในคืนนี้ไปให้ตรวจสอบด้วย เพราะอายมารของเสื้อคลุมอมตะส่งผลต่อเสื้อธรรมดา
วันต่อมาเซี่ยเหลียนก็จัดการรวบรวมเสื้อคลุมทั้งหมดเดินทางไปยังตำหนักหลิงเหวิน บอกว่าไม่แน่ใจว่านำมาครบหรือเปล่า หลิงเหวินจึงลองนับเร็วๆ แล้วเธอก็บอกว่ามีเสื้อตกหล่นไปตัวหนึ่งจริงๆ ก่อนถามว่าไม่ได้ลืมเสื้อที่พวกหลางอิ๋งใส่ใช่หรือไม่ แต่เซี่ยเหลียนกลับไม่รีบกลับไปนำมา เขาบอกว่าตนคิดมาตลอดว่าคงไม่มีผีที่ไหนกล้าเข้าไปในหอมหายุทธ์ และหากจะมีใครเข้าไปขโมยของในนั้นอย่างชิลๆ ก็คงมีแค่จวินอู๋กับหลิงเหวิน อีกทั้งผีที่มาขอแลกเสื้อก็บอกชัดว่าต้องการแลกเสื้อมือสองเหมือนว่าต้องการเสื้อมือสองที่อยู่ในอารามของเขา
เมื่อคนร้ายขโมยเสื้อคลุมมาก็คงรีบนำไปซ่อนในภพมนุษย์และคอยดูอยู่ห่างๆ และด้วยสกิล Luck E ของเซี่ยเหลียนก็ทำให้เขาไปเจอกับมันเข้า มันคือเสื้อที่เขาซื้อกลับไปให้หลางอิ๋งนั่นเอง ผีตนนั้นถูกส่งมาเป็นเหยื่อล่อให้เขาต้องรายงานเรื่องกับหลิงเหวิน เธอจะได้อ้างว่าต้องนำเสื้อทั้งหมดในอารามมาตรวจสอบ แต่เฉวียนอี้เจินดันอยู่ด้วยพอดีทำให้พวกเขารู้ทันทีว่าเสื้อไม่ใช่ของจริง เมื่อผีถูกจับได้ หลิงเหวินก็รีบโยนงานมาให้เขาทันทีเพื่อที่เขาจะต้องไปทำงานแล้วทิ้งหลางอิ๋งไว้ที่อารามคนเดียว หลิงเหวินแย้งว่าหากเสื้อที่หลางอิ๋งใส่คือเสื้อคลุมอมตะจริงๆ ทำไมเซี่ยเหลียนจึงไม่สามารถสั่งอีกฝ่ายได้ เซี่ยเหลียนจึงบอกว่าความจริงแล้วเสื้อที่ตนนำมาตกหล่นไปเป็น 10 เทพสาวจึงขอลองนับใหม่และบอกว่าเธอพลาดไปจริงๆ แต่เซี่ยเหลียนก็จี้ว่าในเมื่อเธอนับแบบส่งๆ เหตุใดถึงรีบถามถึงเสื้อของหลางอิ๋ง ทั้งๆ ที่เสื้อของหลางอิ๋งก็อยู่ในกองนี้ หลิงเหวินพยายามอ้างว่าตนเบลอจนดูพลาดไป แต่เขาก็บอกีอกว่าความจริงเสื้อที่เขาอ้างว่าเป็นของหลางอิ๋งไม่ใช่ของเจ้าตัวจริงๆ หลิงเหวินเลยถามเหตุใดจึงต้องลงทุนปลอมเสื้อด้วย แต่เซี่ยเหลียนก็จี้ต่อว่าเขาไม่ได้ทำเสื้อเลียนแบบ แค่หยิบส่งๆ จากในกองขึ้นมา พอเขาถามเทพสาวว่าเสื้อที่หลางอิ๋งใส่เมื่อวานมีสีอะไร เมื่ออีกฝ่ายตอบไม่ได้เขาก็สรุปได้ทันทีว่าเป็นเพราะเธอเห็นหลางอิ๋งสวมถุงกระสอบ เสื้อคลุมอมตะสามารถจำแลงร่างได้มากมาย แต่ในสายตาของผู้สร้างยังไงก็จะมองเห็นเพียงร่างจริงของมัน ด้วยเหตุนี้เธอจึงมองออกแต่แรกว่าในเสื้อกองนี้ไม่มีเสื้อที่หลางอิ๋งใส่เมื่อคืน ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว หญิงสาวที่เย็บถุงกระสอบสร้างผีเสื้อคลุมอมตะ และขโมยมันออกมาจากหอมหายุทธิ์คือเทพอักษร หลิงเหวินเจินจวิน
.
.
.
.
.
ว่าแต่หลิงเหวินนี่มุมมืดน่ากลัวใช้ได้แหะ..
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>937 เทียนกวาน Part.108
.
.
.
.
.
พิจารณาจากตำนานเสื้อคลุมอมตะทำให้คาดได้ว่าหลิงเหวินสร้างมันหลังจากเป็นเจ้าหน้าที่สวรรค์แล้ว ด้วยการที่มันฆ่าคนไปมากกว่า 500 คน แถมเทพสาวยังปลิดชีวิตของคนที่อนาคตจะได้เป็นเทพให้เป็นผีสิงในนั้น ความผิดนี้คงไม่อาจละเว้นโทษได้ เซี่ยเหลียนรู้จักกับหลิงเหวินมาหลายร้อยปี แม้จะมีสัมพันธ์กันแค่เรื่องงาน แต่ก็เป็นมิตรภาพอันดี หลังขึ้นสวรรค์ครั้งที่ 3 ในขณะที่เทพองค์อื่นดูถูกเขาว่าเป็นเทพเก็บขยะ หลิงเหวินกลับไม่เคยทำเช่นนั้น ทั้งยังคอยให้ความช่วยเหลือมาตลอด ทำให้เซี่ยเหลียนเองก็อดรู้สึกปวดใจไม่ได้ พอเขาถามหลิงเหวินว่าเหตุใดเขาจึงไม่สามารถสั่งหลางอิ๋งที่สวมเสื้ออยู่ได้ เธอก็ขอแลกเปลี่ยนด้วยการให้เขาพาเธอไปพบกับเสื้อคลุมอมตะก่อน เพราะเธอเองก็ไม่ได้เห็นไป๋จิง วิญญาณที่อยู่ในเสื้อคลุมมานานมากแล้ว
ทั้งคู่เดินมาตามถนนบนสวรรค์โดยไม่ให้ใครเห็นว่าเขาให้รั่วเย่มัดข้อมือหลิงเหวินไว้ ระหว่าทางพวกเขาก็เจอกับเผยหมิงเข้าพอดี แม่ทัพเผยจึงเอ่ยเตือนเทพสาวให้ระวังตัว เพราะเขาเห็นใครเดินคู่กับเซี่ยเหลียนแล้วต้องเกิดเรื่องทุกที ที่อารามผูจี้นอกจากหลางอิ๋งแล้ว เซี่ยเหลียนยังได้พบกับเฉวียนอี้เจินที่แอบมาหยอดทองลงในกล่องรับบริจาคอีก เมื่อเห็นเสื้อคลุมอมตะหลิงเหวินก็ขอเวลาอยู่กับมันตามลำพัง เซี่ยเหลียนจึงหันไปทำอาหาร เขาเรียกให้หลางอิ๋งมาช่วยผัก ระหว่างนั้นก็ลองถามว่าในบรรดาเทพกับผีที่เคยมาอารามใครหล่อที่สุด หลางอิ๋งตอบว่าเซี่ยเหลียน แต่เมื่อเซี่ยเหลียนบอกให้ตอบคนอื่นนอกจากเขา หลางอิ๋งก็ตอบว่าคนที่ใส่เสื้อสีแดง พอถามว่าใครแข็งแกร่งที่สุด รวยที่สุด คนที่ชอบที่สุด อีกฝ่ายก็ตอบเช่นเดิม ทั้งยังให้เชิญอ๋องผีมาที่อารามอีก แต่เซี่ยเหลียนก็บอกว่าตอนนี้อีกฝ่ายงานยุ่งมาก หากไปเรียกมาจะเป็นการรบกวน
หลังเคี่ยวอาหารในหม้ออยู่นาน และเห็นหลิงเหวินยังอยู่ในอารามดี เซี่ยเหลียนก็ไปหยิบกระดาบกับพู่กันมาให้หลางอิ๋งลองเขียนอักษร หลังจากมือแข็งอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดหลางอิ๋งก็ยอมแพ้กล่าวขอโทษด้วยเสียงของฮวาเฉิง ส่วนเซี่ยเหลียนก็หัวเราะขำ บอกว่าอีกฝ่ายปลอมตัวไม่เนียนทำนิสัยเหมือนเดิม อีกทั้งนอกจากอีกฝ่ายแล้วจะมีใครกินอาหารฝีมือของเขาได้อีก แต่การได้พบกับอ๋องผีอีกก็ทำให้เขารู้สึกถึงความสุขอันเรียบง่ายอีกครั้ง
เมื่อเซี่ยเหลียนถามถึงหลางอิ๋งตัวจริง ฮวาเฉิงก็บอกว่าเขาส่งอีกฝ่ายไปเป็นแขกที่เมืองผี ตอนนั้นจู่ๆ หลิงเหวินก็เดินเข้ามาในครัวเพราะได้กลิ่นแปลกๆ พอรู้ว่าเซี่ยเหลียนทำอาหารเธอก็บอกว่าของในหม้อน่าจะกินไม่ได้แล้ว หลังจากนั้น 2 ชม. เซี่ยเหลียน ฮวาเฉิง หลิงเหวิน กับเฉวียนอี้เจินก็มานั่งรอบวงโต๊ะกินข้าว พอเห็นลูกชิ้น เฉวียนอี้เจินก็ถามว่าทำไมของในหม้อที่เซี่ยเหลียนต้มก่อนหน้าถึงกลายเป็นสิ่งนี้ไปได้ เซี่ยเหลียนเฉไฉไปว่ามันมีชื่อว่าลูกชิ้นพรหมจรรย์ไม่เลือนหาย พอเฉวียนอี้เจินถามประโยคเดิม เขาก็ตอบว่าการทำลูกชิ้นต้องกะกำลังให้ดีจึงใช้เวลานาน เมื่อเฉวียนอี้เจินทวนคำถามเดิมเป็นครั้งที่ 3 เซี่ยเหลียนจึงค่อยยอมรับว่ามีปัญหาในการคุมไฟน้ำแกงในหม้อเลยระเหยไปหมด ก็เลยเปลี่ยนมาทำลูกชิ้นแทน
พอเห็นฮวาเฉิงในร่างหลางอิ๋งกินลูกชิ้นแถมบอกว่ารสอ่อน หลังจากคิดสักพักเฉวียนอี้เจินก็คีบมากินบ้าง แต่พอเข้าปากหน้าของเทพหนุ่มก็ซีดขาวก่อนล้มตึงหมดสติ เซี่ยเหลียนยังคงยิ้มทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมอ๋องผียังให้ท้ายว่าสงสัยกินเร็วเกินไป ส่วนหลิงเหวินหันไปกินหมั่นโถวแทน ฮวาเฉิงโทรจิตมาคุยกับเซี่ยเหลียนว่าการที่อีกฝ่ายพาคนอมหิตไร้หัวใจอย่างเทพสาวมาด้วย เดี๋ยวเธอจะต้องหาทางหาคนมาช่วยแน่ๆ และคนๆ นั้นน่าจะไม่ใช่เผยหมิง เพราะหากแม่ทัพเผยรู้ความจริงก็คงไม่เข้ามาขัดขวางเซี่ยเหลียน แต่จู่ๆ เขาก็บอกให้เซี่ยเหลียนระวังตัว ได้ยินดังนั้นเซี่ยเหลียนจึงมองออกไปนอกหน้าต่างซึ่งกลุ่มนักพรต นักบวชกว่า 50-60 คนกำลังเข้ามาในหมู่บ้านผูจี้ ในตัวมีอุปกรณ์พลังทิพย์ครบมือพร้อมบวกเป็นอย่างมาก หรือว่านี้จะเป็นฝีมือของฉีหรงที่ก่อนหน้านี้เคยประกาศว่าจะไปตามคนมาจัดการฮวาเฉิงกัน
.
.
.
.
.
ดันนนนน เงียบเหงามั้กๆ
สรุปตอนจบในเรดิโอเว่ยอิงพกสุยเปี้ยนไปมาใช่ป่ะ จินตันกลับมาแล้วสินะ ฮรือออ กระบี่เว่ยอิงนี่เก่งมากจนมีแต่คนอยากประลองด้วยเลยใช่ป่ะ อยากเห็นตอนพิเศษเว่ยอิงใช้กระบี่เลย คิดถึงเว่ยอิงโชว์เทพ
เมิงตามทวิตเฟอเรตกับน้องหมาป่ากันไหม ฮีลลิ่งจังวะ แม่งละมุ้นงุ้งงิ้งหงิงๆๆๆๆ
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>949 เทียนกวาน Part.109
.
.
.
.
.
ฮวาเฉิงขอโทษที่นำความวุ่นวายมาให้ บอกว่าจะตนล่อพวกนักบวชไปที่อื่นเอง แต่เซี่ยเหลียนพอเดาได้ว่าพลังของอีกฝ่ายยังไม่เต็มร้อยเพราะผลจากเขาตงลู่ และที่จำแลงเป็นหลางอิ๋งซึ่งตัวเล็ก ส่วนหนึ่งก็เพื่อเซฟพลังไว้ไม่ให้คลั่ง เขาจึงสั่งห้ามอ๋องผีแล้วออกไปรับหน้าพวกนักบวชเอง นักบวชบอกชาวบ้านว่าอารามผูจี้มีผีร้ายสิงอยู่ เซี่ยเหลียนจึงบอกว่ามีผีอยู่ในอารามจริงๆ แล้วหยิบไหที่ผนึกวิญญาณผีหญิงชราออกมาให้ แต่พวกนักบวชก็บอกว่าที่พวกตนหาอยู่ไม่ใช่ผีลูกกระจ๊อกเช่นนี้ ตอนนั้นเองนักบวชที่แต่งกายหรูหราก็บอกว่าตนคือเนตรสวรรค์ มีตาที่ 3 บนหน้าผากสามารถมองเห็นอายมารจากร่างของเซี่ยเหลียน แต่แล้วเนตรสวรรค์ก็บอกว่ามีอะไรแปลกๆ เพราะดูดีๆ เซี่ยเหลียนก็มีอายทิพย์อยู่ หากแต่ก็มีอายมารเช่นกันโดยเฉาพะที่ริมฝีปาก เซี่ยเหลียนจึงเข้าใจทันทีว่าน่าจะเพราะเรื่องน่าอายในอารามเฉียนเติ้งกับฮวาเฉิงในคืนนั้น เลยแถไปว่าเป็นเพราะตนนำไหผนึกผีมาใส่แตงกวาดองแล้วกินต่างหาก แต่กลุ่มนักบวชก็ยังดึงดันบุกเข้าไปในอารามอยู่ดี
เซี่ยเหลียนรีบกลับเข้าไปคว้าเฉวียนอี้เจิน ขู่ว่าจะเอาลูกชิ้นพรหมจรรย์ยัดปากอีกฝ่าย ได้ยินดังนั้นเทพหนุ่มก็รีบเปล่งออร่าเทพป้องกันร่างของตน แสงทิพย์สาดเข้าเนตรสวรรค์จนตาที่ 3 ใช้งานไม่ได้ ขณะที่เซี่ยเหลียนคว้าจานลูกชิ้นมาถือไว้ ฮวาเฉิงก็ใช้พลังสร้างบาเรียไม่ให้พวกนักบวชเข้ามาข้างใน สร้างเสียงข่มขู่จากท้องฟ้า แม้จะกลัว แต่พวกนักบวชที่รู้ว่าพลังของฮวาเฉิงถูกผนึกไว้ส่วนหนึ่งก็ยังบอกให้อีกฝ่ายยอมแพ้พวกตนแต่โดยดี เซี่ยเหลียนรีบเข้าไปจับตัวฮวาเฉิงไว้ บอกว่าตนจะจัดการทุกอย่างเอง เขาอุ้มฮวาเฉิงที่ร่างกายค่อยๆ เล็กลงไว้ด้วยมือข้างหนึ่งแล้วออกไปต่อว่าที่พวกนักบวชว่าเชื่อสิ่งที่ผีเขียวบอก แต่พวกนักบวชบฏิเสธ กล่าวว่าพวกตนจะไปเป็นพวกเดียวกับผีได้อย่างไร ก่อนพุ่งมาพร้อมบวกกับเซี่ยเหลียนที่คิดปกป้องผี ทว่าเทพจะทำร้ายมนุษย์ไม่ได้ เซี่ยเหลียนเลยต้องเรียกรั่วเย่มาใช้
พอรั่วเย่พ้นมือปุ๊บ หลิงเหวินก็ฉีกสัญญา กล่าวลาขอตัวทันที เซี่ยเหลียนจึงเข้าใจได้ทันทีว่าคนที่ปล่อยข่าวให้พวกนักบวชมาที่นี่แท้จริงแล้วก็คือเทพสาว เขารีบบอกให้เฉวียนอี้เจินจับเธอเอาไว้ แต่แล้วเทพหนุ่มก็ถูกซัดทะลุหลังคา เงาของชายร่างสูงเดินออกมาจากอาราม แต่เมื่อมองดีๆ จึงรู้ว่านั่นคือหลิงเหวินที่สวมเสื้อคลุมอมตะอยู่ เมื่อเซี่ยเหลียนแทงฟางซิ่นใส่ เธอก็เพียงใช้แขนเสื้อปัดออก ด้วยความที่ไป๋จิง วิญญาณในเสื้อคลุมมีความสามารถเกือบได้เป็นเทพจึงทำให้เธอที่เป็นเทพสายบุ๊น สู้กับเทพสายบู๊ได้อย่างสบาย
หลิงเหวินพยายามสั่งให้เสื้อคลุมหยุดสู้แล้วรีบหนี แต่ไป๋จิงก็ยังใช้ร่างของเธอสู้กับเฉวียนอี้เจินต่อจนกำแพงอารามเกือบทลาย พอพวกนักบวชกรูกันเข้ามาล้อมเซี่ยเหลียนในที่สุดกำแพงก็พัง สร้างความชีช้ำให้เซี่ยเหลียนจนฮวาเฉิงต้องปลอบ เมื่อเนตรสวรรค์เข้ามาปรามาศว่าเป็นนักบวชกลับช่วยเหลือผี นับถือเทพองค์ไหนกัน เซี่ยเหลียนก็คำรามเสียงดังว่าเขาไม่นับถือเทพองค์ไหนทั้งนั้น เพราะว่าเขาคือเทพตัวจริงเสียงจริง ได้ยินดังนั้นพวกนักบวชก็ถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตะลึง เซี่ยเหลียนจึงสบโอกาส บอกลืมคำพูดเมื่อกี้กันไปนะจ้ะ แล้วดีดลูกชิ้นใส่ปากเรียงตัว คนที่ไหวตัวทันเอาอาวุธกันไว้ก็พบว่าลูกชิ้นพุ่งรุนแรงราวใช้เน็นสายเสริมพลัง แล้วเซี่ยเหลียนก็ประกาศก้องว่ามันคือลูกชิ้นพรหมจรรย์ไม่เลือนหายในตำนาน หากไม่รีบดื่มน้ำสะอาด 81 ถ้วยภายใน 1 วันจะต้องท้องระเบิดตาย พวกนักบวชจึงหนีไปแก้พิษกันอย่างว่องไว อีกด้านหนึ่งหลิงเหวินยังพยายามห้ามไป๋จิงไม่ให้ทำร้ายเฉวียนอี้เจินมากกว่านี้ เห็นเธออ้าปากปุ๊บ เซี่ยเหลียนก็ซัดลูกชิ้นใส่ปากปั๊บ ทำเอาเธอทำท่าเหมือนจะขย้อน อีกทั้งอายมารจากเสื้อคลุมอมตะก็ปลิวหายในทันที แล้วเธอก็รีบหนีโดยมีเฉวียนอี้เจินตามไป แต่พอเซี่ยเหลียนจะตามไปด้วยเขาก็ถูกนักบวชอีกกลุ่มมาขวางทางไว้ เขาจึงบอกให้ฮวาเฉิงกอดตนแน่นๆ แล้วอุ้มอีกฝ่ายโกยหนีไปอีกทาง ก่อนรีบใช้โทรจิตบอกในเครือข่ายสวรรค์ว่าหลิงเหวินหนีไปพร้อมใส่เสื้อคลุมอมตะไว้
Note 1 : เซี่ยเหลียนควรเปลี่ยนอาวุธจริงๆ นะ
Note 2 : ถ้าไม่ติดว่าเป็นแนวจีนโบราณ กูอยากเอาอันนี้เป็นเพลงประกอบฉากตอนนี้มาก https://youtu.be/4Diu2N8TGKA?t=17
.
.
.
.
.
เพื่อนโม่งไปทำอิ้งเทียนกวานกันที่ไหนวะ โม่งสปอยล์ทำกุอยากไปดำอิ้งแต่หาไม่เจอว่ะ ที่เจอก็มีแต่ตามโม่งสปอยล์ไม่ทัน ใบ้คีย์เวิร์ดให้กุทีพลีส
อ่านไปแล้วขำก๊ากอ่ะ อะไรจะโบ๊ะบ๊ะกันขนาดนี้ 5555555 ฮวาเฉิงเอ้ยยยยยลูกกกกกก ชอบตอนที่นางปลอบพี่เซี่ยตอนอารามพังอ่ะ
อารมณ์พี่แกตอนนั้นถ้าพูดได้คือ 'กูนี่แหละเทพตัวจริงโว้ยย!' โบ๊ะบ๊ะจริงให้ตายสิ พี่เซี่ยควรเปลี่ยนไปสายทำอาวุธยาพิษอ่ะน่าจะรุ่งนะสายนี้
หลานเอ้อเกอเกอกลายเป็นหลานโอนี่จังไปแล้ววววว
ที่มาของความดวงซวยของเซี่ยเหลียนคืออะไรวะ
ขอถามด้วยคน ทำไมเซียเหลียนต้องพันผ้าสีขาวอยู่ตรงคอ ? (อันนี้ดูจากคาแรกเตอร์ดีไซน์ใน Anime กับ Manhua นะ)
แอบสงสัยว่ามันเป็นแค่ดีไซน์ของชุด ? หรือปิดแผลที่คออ่ะ ?
ทำไมทุกครั้งที่ฟาฟากับเตี้ยนเซี่ยกำลังจะพูดอะไรหวานๆใส่กันแม่งต้องมีอะไรมาขัดทุกทีวะ กุหงุดหงิดดดดดดดดด
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>959 เทียนกวาน Part.110
.
.
.
.
.
เนื่องจากหลิงเหวินเป็น กสทช ดูแลเครือข่ายโทรจิตของสวรรค์ พอเธอทิ้งหน้าที่จึงเกิดความโกลาหล แม้เฟิงซิ่นจะได้ยินเสียงของเซี่ยเหลียน แต่เครือข่ายก็ล่มโดยที่เขาไม่ทันบอกรายละเอียดกับอีกฝ่าย พอเซี่ยเหลียนหันมาสังเกตฮวาเฉิงก็เห็นว่าตอนนี้อ๋องผีมีร่างเหมือนเด็กอายุราว 11-12 ปี หน้าตาก็กลับมาเป็นของเจ้าตัวในเวอร์ชั่นเด็ก น่ารักจนเซี่ยเหลียนหมั่นเขี้ยวบีบแก้มไปทีหนึ่ง แต่ถึงเซี่ยเหลียนจะมีความสุข ฮวาเฉิงกลับดูไม่ปลื้มเท่าไร เพราะเขาอยากแข็งแกร่งกว่าใครเพื่อที่จะได้สามารถทำสิ่งหนึ่งได้
วันต่อมาทั้งคู่ก็มาถึงเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่ง เซี่ยเหลียนลองถามว่าเฮ่อเสวียนเจอปัญหาเดียวกับฮวาเฉิงหรือเปล่า อ๋องผีเลยเล่าว่าอีกฝ่ายก็ใช้วิธีกินดุแล้วจำศีลเพื่อไม่ให้ได้รับผลกระทบ และที่ฉีหรงกินมนุษย์ก็เป็นเพราะพยายามเลียนแบบเฮ่อเสวียนที่อัพเลเวลด้วยการกินผี และที่ชอบห้อยศพกลับหัวก็เป็นเพราะต้องการเลียนแบบฝนเลือดของฮวาเฉิง หากแต่ผีเขียวไม่รู้ว่าเขาสร้างมันอย่างไร เมื่อถามถึงเมืองผี เขาก็บอกว่าเขาทำการปิดเมืองไว้แล้ว น่าจะไม่เป็นปัญหา ก่อนที่เขาจะถามอย่างสงสัยบ้างว่าทำไมเนตรสวรรค์ถึงบอกว่าปากของเซี่ยเหลียนมีอายมารอยู่ เซี่ยเหลียนเลยเปลี่ยนเรื่องรีบจูงอีกฝ่ายเข้าร้านขายเสื้อเพื่อซื้อเสื้อตัวใหม่ให้ฮวาเฉิงที่ตอนนี้เสื้อไม่พอดีตัว แต่ตอนกำลังจะออกจากร้านก็พบว่าพวกนักบวชตามมาถึงเมืองพอดี เซี่ยเหลียนเลยขอเสื้อตัวหนึ่งไปลองในห้องลองเสื้อเพื่อหลบ
ด้วยอิทธิฤทธิ์ลูกชิ้นพรหมจรรย์ทำให้พวกนักบวชต้องคอยเข้าห้องน้ำ กับหาน้ำสะอาดดื่มแก้พิษ (?) พอเนตรสวรรค์ถามชาวบ้านว่าเห็นนักพรตพาเด็กมาหรือเปล่า หลายคนก็มองไปทางร้านขายเสื้อ แต่พอเขาไปกระชากเปิดผ้าม่านห้องลองก็เห็นสตรีกำลังถอดเสื้อออกครึ่งหนึ่ง เมื่ออีกฝ่ายร้องกรี๊ด เอาแขนเสื้อปิดหน้า เขาก็รีบขอโทษบอกบาปก๊ำ บาปกรรม เซี่ยเหลียนครอสเดรสเลยสบโอกาสอุ้มฮวาเฉิงหนีต่อจนไปชนร้านขายของเสียหาย ถูกพวกพ่อค้าตามล่าตัวอีกกลุ่ม พวกนักบวชที่ได้ยินเสียงวุ่นวายรู้ตัวเลยตามมา แต่ด้วยความเชี่ยวชาญศาสตร์และศิลป์แห่งการโกย ทำให้เซี่ยเหลียนสลัดหนีมาได้ในที่สุด
ทั้งคู่เดินมาเจอกับโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งจึงเข้าไปพัก แม้จะอึ้งกับการแต่งกายของเซี่ยเหลียน แต่พนักงานก็ยังให้การต้อนรับอย่างดี ส่วนพวกเซี่ยเหลียนเองพอเห็นบ้านใหญ่โตกลางป่า แต่มีพนักงานแค่ 2 คน แถมมีกลิ่นเลือดจางๆ ก็รู้ว่าที่แห่งนี้เป็นของผี ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังเช่าห้อง เมื่อฮวาเฉิงย้ำกับพนักงานว่าหากมีคนถามหาพวกตนให้บอกว่าไม่เห็น อีกฝ่ายก็รับปากอย่างดี ตอนที่พวกเซี่ยเหลียนกำลังเปิดเข้าห้องบนชั้น 2 พวกเนตรสวรรค์ก็เปิดประตูเข้ามาในโรงเตี้ยมพอดี ขณะที่พวกนักบวชรีบขอเข้าห้องน้ำ และทำท่าจะสั่งอาหาร อ๋องผีก็เจาะรูพื้นแอบส่องพวกเนตรสวรรค์จากในห้อง
พวกเซี่ยเหลียนคิดว่าพวกนักบวชต้องถูกวางยาพิษเพื่อจับกินแน่ แต่พอเนตรสวรรค์เห็นว่าจานสกปรกก็สั่งให้พนักงานไปทำอาหารมาใหม่ แล้วถามพนักงานก่อนว่าเห็นสตรีท่าทางแปลกๆ มากับเด็กชายหรือไม่ ซึ่งพนักงานก็ตอบทันทีว่าอยู่ข้างบน พวกนักบวชจึงพากันเดินขึ้นมาชั้น 2 ทว่ากลับเดินเลยห้องพวกเซี่ยเหลียนไป ก่อนมีเสียงด่าทอด้วยคำหยาบคายจากหญิงสาวดังออกมา พอทั้งสองแอบส่องก็พบว่าอีกฝ่ายคือหลันฉาง ตอนนี้อีกฝ่ายหน้าสดไร้เครื่องสำอางหนาอย่างที่เคย แม้จะมีริ้วรอยที่ตาตามวัย ทว่าใบหน้าของเธอกลับสวยสง่ากว่าตอนแต่งหน้ามากจนเซี่ยเหลียนอดสงสัยไม่ได้ว่าเหตุใดเธอจึงแต่งหน้าอย่างนั้น แล้วก็พอเดาได้ว่าเด็กที่มาด้วยจะต้องเป็นวิญญาณตัวอ่อนทารกที่หลบหนีมา
เนตรสวรรค์เปลี่ยนคำถามถามพนักงานว่ามีนักพรตมากับเด็กหรือไม่ พนักงานก็บอกว่าถึงจะไม่มีเด็ก แต่มีนักพรตมาเพียงลำพังอยู่คนหนึ่ง ทั้งหมดก็แห่กันไปที่ห้องๆ หนึ่ง แต่ยังไม่ทันเข้าใกล้ก็มียันต์พุ่งผ่านช่องประตูมาปักกลางเสาต่อหน้า เนตรสวรรค์คิดได้ว่าอีกฝ่ายมีกำลังน้อยกว่าตอนเซี่ยเหลียนปาอาวุธลับจึงรู้ว่าไม่ใช่คนเดียวกัน เลยขอโทษแล้วพากันลงไปข้างล่าง สั่งให้พนักงานนำแก้วน้ำไปล้างใหม่ พอพนักงานเดินเข้าไปในครัว ฮวาเฉิงก็เจาะรูสังเกตการณ์เพิ่ม พวกเขาจึงเห็นว่าภายในครัวเต็มไปด้วยชิ้นส่วนมนุษย์ และมีชายกำลังกัดกินศพเหล่านั้นอยู่คนหนึ่ง เป็นชายที่ฉีหรงสิงร่างนั่นเอง
.
.
.
.
.
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>976 เทียนกวาน Part.111
.
.
.
.
.
ฉีหรงด่าผีที่ไปบังคับมาเป็นลูกน้องที่ไม่สามารถหลอกเหยื่อให้กินอาหารได้ ก่อนบ่นว่าพวกนักบวชช่างเรื่องมาก น่าจับไปให้กินอาหารฝีมือของเสด็จพี่องค์ชายรัชทายาทให้หมด จากนั้นจึงหยิบเนื้อมนุษย์มาโชว์สกิลพ่อครัวหัวป่าก์ เซี่ยเหลียนรีบดีดกรวดผ่านช่องถ้ำมองไปถูกแก้วของเนตรสวรรค์ ทำให้น้ำชากระเด็นไปโดนนักบวชข้างๆ แล้วพิษในนั้นก็ทำให้อีกฝ่ายหน้าไหม้ราวโดนกรด ชั้นล่างจึงเกิดความชุลมุนขึ้นมาทันที ขณะเดียวกันเขาก็ได้ยินเสียงของหลันฉางกำลังขอร้องใครบางคนไม่ให้จับเธอ พอเซี่ยเหลียนเปิดประตูออกไปก็พบว่านักพรตที่อยู่ในห้องใกล้กันที่แท้ก็คือฝูเหยา ได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยว่าแม่ทัพของตนกำลังเดือดร้อน เซี่ยเหลียนเลยถามว่าเกิดอะไรมู่ฉิง แต่ฝูเหยาไม่สนใจแล้วพยายามจับหลันฉางกับวิญญาณตัวอ่อนต่อ เซี่ยเหลียนเลยลงไปที่ครัวเพื่อจับฉีหรงแทน พอเชคห้องเก็บของก็พบกู่จือถูกล็อคไว้ด้านในด้วยสภาพมีไข้สูง ตอนนั้นเองพวกนักบวชก็เข้ามาในครัว เช่นเดียวกับฝูเหยา วิญญาณตัวอ่อน กับหลันฉางจนอลวนกันอีกรอบ สุดท้ายฮวาเฉิงก็เตะแผ่นทองคำซัดกำแพงจนโรงเตี๊ยมถล่มทับพวกนักบวชกับฝูเหยา ทุกอย่างจึงค่อยสงบลง
ในที่สุดฝูเหยาก็จับวิญญาณตัวอ่อนไว้ได้ ก่อนที่หลันฉางจะออกมาจากซากโรงเตี๊ยม ตอนนั้นเองเฟิงซิ่นก็ติดต่อเซี่ยเหลียนมาทางโทรจิต เขาบอกว่าตอนนี้สวรรค์ก็ยังวุ่นวาย เพราะถึงทุกคนจะชอบด่าหลิงเหวินว่าทำงานไร้ประสิทธิภาพ แต่พอได้ลองมาทำงานจริงก็ไม่มีเทพสายบุ๊นคนไหนทำงานได้ถึงครึ่งของเทพสาว แถมเพราะก่อนหลบหนี วิญญาณตัวอ่อนได้กล่าวว่ามู่ฉิงคือคนที่ควักตนออกจากท้องมารดา อีกฝ่ายจึงถูกกักบริเวณเพื่อไต่สวน แต่มู่ฉิงกลับทำร้ายผู้คุมหนีออกมา เซี่ยเหลียนบอกว่าเขาไม่เชื่อว่ามู่ฉิงจะเป็นคนที่ทำเรื่องเช่นนั้น แต่เฟิงซิ่นก็กล่าวว่าตอนนี้ทุกคนเชื่อว่ามู่ฉิงคือคนร้ายไปแล้ว อีกทั้งที่แขนของมู่ฉิงก็มีรอยกัดซึ่งตรงกับรอยฟันของวิญญาณตัวอ่อน แม้อีกฝ่ายจะอ้างว่าตนเคยปะทะกับวิญญาณตัวอ่อนมาก่อน แต่ไม่ใช่คนสังหารอีกฝ่ายก็ดูฟังไม่ขึ้น เซี่ยเหลียนจึงเข้าใจทันทีว่าเพราะอีกฝ่ายเป็นคนสันโดษ พอเกิดเรื่องเลยไม่มีใครเชื่อ จึงตัดสินใจหนีออกมาหาความจริงด้วยตนเอง
ขณะที่เฟิงซิ่นถามที่อยู่ของเซี่ยเหลียน จู่ๆ ฝูเหยาก็เข้ามาถามว่าแอบคุยกับใคร เซี่ยเหลียนเลยแถไปว่าแค่พยายามเชื่อมต่อกับเครือข่ายโทรจิตกลางดู เมื่อเขาไปดูอาการกู่จืออีกครั้งก็อดหันไปด่าฉีหรงไม่ได้ว่าไม่ดูแลเด็กให้ดี คิดว่าที่อีกฝ่ายไม่กินเพราะเนื้อเด็กป่วยไม่อร่อย ด้วยสัญชาตญาณความเป็นแม่ เมื่อเห็นเด็กป่วยหลันฉางจึงเข้ามาช่วยดูให้ แต่ฝูเหยาก็เร่งให้อีกฝ่ายตามตนไป เซี่ยเหลียนเลยหันไปสารภาพว่าเขารู้เรื่องที่มู่ฉิงเดือดร้อนแล้วเลยอยากฝากบอกให้อีกฝ่ายกลับสวรรค์ แต่ฝูเหยาปฏิเสธ พูดว่ากลับไปก็มีแต่ถูกใส่ความรับโทษตาย เซี่ยเหลียนเลยบอกว่าเดี๋ยวเขาจะช่วยสืบหาความจริงให้เอง ฝูเหยาจึงเอ่ยว่าเห็นเซี่ยเหลียนสืบเรื่องใคร สุดท้ายก็ซวยทุกคน อีกทั้งเขาก็รู้เรื่องความบาดหมางระหว่างเซี่ยเหลียนกับมู่ฉิงจึงไม่เชื่อใจ เซี่ยเหลียนกล่าวว่าถึงเขาจะคิดว่ามู่ฉิงใจแคบ ชอบดรามา นิสัยเสีย ขี้มโน ไม่เคยพูดจาดีๆ ชอบเหน็บแนม มองคนในแง่ร้าย ไม่มีเพื่อน ชอบคิดเล็กคิดน้อย จู้จี้จุกจิก แต่ด้วยความที่เขารู้จักอีกฝ่ายตั้งแต่เด็ก จึงรู้ว่าถึงอีกฝ่ายอาจแอบถุยน้ำลายใส่แก้วคนที่ไม่ชอบ แต่ก็ไม่มีวันวางยาพิษลงไปแน่นอน
ได้ยินอย่างนั้นฝูเหยาก็โวยวายว่าไม่เคยทำเรื่องแบบนั้น เซี่ยเหลียนก็แถว่าแค่ยกตัวอย่าง ก่อนบอกให้ฝูเหยาบอกมู่ฉิงให้มาเดินทางกับเขาจะได้แสดงความบริสุทธิ์ได้ว่าไม่ได้ไปทำเรื่องไม่ดี แต่แล้วจู่ๆ ฉีหรงที่กำลังจ้องหน้าหลันฉางก็หัวเราะลั่น กล่าวว่าที่แท้เธอก็คือคุณหนูเจียนหลันเองหรอกหรือ เขาอธิบายให้เซี่ยเหลียนที่ไม่รู้เรื่องว่าเธอคือ 1 ใน หญิงงามของเซียนเล่อ เกิดในตระกูลข้าราชการ แถมยังเกือบได้เข้ามาเป็นสนมให้เซี่ยเหลียนอีกต่างหาก ฝูเหยาเองก็เหมือนจะรู้เรื่องที่หลันฉางเป็นชาวเซียนเล่อ ผีสาวร้องว่าเธอเปลี่ยนชื่อมานานแล้ว อย่าเรียกเธอด้วยชื่อนั้นอีก พอนึกว่าหญิงสูงศักดิ์ อดีตผู้ศรัทธาของตนต้องกลายมาเป็นผีอีตัวก็ทำให้เซี่ยเหลียนพูดอะไรไม่ออก ตอนนั้นฮวาเฉิงก็จับมือของเขาไว้ แม้มันจะเย็นแต่ก็ทำให้เซี่ยเหลียนรู้สึกอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
Note 1 : ที่หลันฉางใส่ความว่าเซี่ยเหลียนเป็นพ่อเด็ก ก็เพราะโกรธแค้นเซี่ยเหลียนที่ทำอาณาจักรล่มสลาย ที่เปลี่ยนชื่อแต่งหน้าหนาๆ ก็เพื่อไม่ให้ใครจำได้เพราะไม่อยากให้ตระกูลเสื่อมเสียที่ต้องขายตัว
Note 2 : ถึงในเรื่องจะไม่มีบอกไว้ตรงๆ แต่กูคิดว่าหลันฉางคือผู้หญิงที่ถูกชายหย่งอันข่มขืนแล้วมาเดินขบวนไล่ชาวหย่งอันในพาร์ท 64 >>191 และเพราะมีราคีแล้ว พอเซียนเล่อแพ้สงครามเลยถูกส่งไปอยู่ซ่อง
.
.
.
.
.
ฮวาเฉิงอบอุ่นมากกกกก
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>979 เทียนกวาน Part.112
.
.
.
.
.
ฉีหรงพูดจาดูถูกเจียนหลันไม่หยุด บอกว่าหลังเซียนเล่อล่มสลายอีกฝ่ายก็ถูกส่งไปอยู่ซ่อง เด็กคงไม่แคล้วเป็นลูกของพวกหย่งอัน ก่อนที่เซี่ยเหลียนจะหันไปด่า เจียนหลันก็พุ่งเข้าไปตบ ถ่มน้ำลายใส่ ด่ากลับผีเขียวแล้ว ตอนนั้นเองเฟิงซิ่นก็ลงมาจากสวรรค์เพราะเป็นห่วงที่จู่ๆ เซี่ยเหลียนก็ตัดการติดต่อไป เขาหันไปชี้ถามว่าเด็กที่อยู่ข้างๆ คือใคร เซี่ยเหลียนเลยแถว่าน่ารักเนอะ ถ้าเขามีลูกต้องน่ารักอย่างนี้แน่เลย ได้ยินอย่างนั้นอ๋องผีก็ยิ้มกริ่มเอ่ยเห็นดีเห็นงาม แล้วจู่ๆ เจียนหลันก็รีบวิ่งหนี เฟิงซิ่นเลยจะยิงธนูใส่ขาสกัดไว้ เห็นแม่จะถูกทำร้าย วิญญาณตัวอ่อนจึงฮึดฝ่าผนึกยันต์ของฝูเหยาพุ่งใส่เฟิงซิ่น เจียนหลันรีบวิ่งกลับมา เรียกลูกชายของตนว่าเฉาเชา ขณะที่ทั้งสองทำท่าจะสู้กัน เจียนหลันก็ร้องห้ามลูกของตนไว้ แต่ธนูของเฟิงซิ่นก็ปักขาของวิญญาณตัวอ่อนตรึงกับต้นไม้แล้ว แต่ขณะที่เจียนหลันพยายามดึงศรให้ลูก เฟิงซิ่นที่เพิ่งสังเกตเห็นหน้าสดของเธอก็ร้องชื่อเจียนหลันออกมาด้วยความตกใจ
เจียนหลันปฏิเสธว่าอีกฝ่ายจำคนผิด แต่เฟิงซิ่นก็ยืนยันว่าเขาจะจำคนผิดไปได้อย่างไร แต่พอนึกว่าตนจำอีกฝ่ายตอนแต่งหน้าไม่ได้ก็พูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ถามว่าเขานึกว่าเธอแต่งงานมีความสุขไปแล้ว ทำไมถึงได้มีสภาพเช่นนี้ได้ หลันฉางเลยด่าเฟิงซิ่นด้วยคำหยาบคาย บอกให้ช่วยไว้หน้าตนด้วยการทำเป็นไม่รู้จักที พอเห็นสถานการณ์ตรงหน้า ฉีหรงก็เดาเรื่องราวออกเอ่ยดูถูกเซี่ยเหลียนว่าถูกลูกน้องตีท้ายครัว ส่วนเซี่ยเหลียนเองก็ถึงกับพูดไม่ออก นึกไม่ถึงว่าคนกลัวผู้หญิงอย่างเฟิงซิ่นจะมีคนรัก ฝูเหยาก็มีสีหน้าไม่อยากเชื่อเช่นกัน ตอนนั้นเองเฉาเชาก็หลุดจากศรพุ่งกัดแขนของเฟิงซิ่นจนเลือดอาบ พอเฟิงซิ่นทำท่าจะตีมันออก เจียนหลันก็ร้องห้าม วินาทีนั้นทุกคนจึงเก็ตทันทีว่าว่าแท้จริงแล้วพ่อของวิญญาณตัวอ่อนก็คือเฟิงซิ่น
เจียนหลันรีบร้องว่าเฉาเชาไม่ใช่ลูกของเฟิงซิ่น แม้ตอนแรกเฟิงซิ่นจะมีท่าทางตระหนก แต่พอได้ยินคำพูดของเจียนหลันก็โกรธ ทว่าพอเจียนหลันถามว่าหากเป็นลูกของเขาจริงๆ เขาจะเลี้ยงเฉาเชาเหรอ เฟิงซิ่นก็ไม่สามารถตอบได้ เห็นลูกตัวเองที่เหมือนปีศาจ ทั้งสายตายังมองตนอย่างเกลียดชังก็ยิ่งทำอะไรไม่ถูก เจียนหลันถ่มน้ำลายบอกว่าตนบอกว่าไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ ไม่ต้องมากังวลเรื่องนี้อีก แต่ฉีหรงกลับยิ่งกวนน้ำให้ขุ่น บอกว่าเทพที่คนกราบไหว้ขอเด็กกลับปล่อยให้เมียถูกผ่าท้องเอาลูกมาทำกุมาร เซี่ยเหลียนใช้รั่วเย่ปิดปากอีกฝ่าย ส่วนเจียนหลันก็กระทืบหัวของผีเขียวไปหลายที ก่อนที่กู่จือจะได้สติหันไปกอดศีรษะของฉีหรงเอาไว้ ขอไม่ให้เธอทำร้ายพ่อของตนอีก ได้ยินอย่างนั้นเจียนหลันก็หันไปพาลใส่ลูก สั่งให้อีกฝ่ายปล่อยแขนของเฟิงซิ่น แล้วอุ้มลูกวิ่งหนี เซี่ยเหลียนสั่งให้รั่วเย่ตามเธอไป แต่มานึกได้ว่าเขาให้ผ้าแพรมัดฉีหรงไว้อยู่เลยต้องกลับมาจับผีเขียวไว้ แต่เพราะอิทธิพลจากเขาตงลู่ฉีหรงจึงฮึดจนหลุดจากพันธนาการได้ เขารีบเอากู่จือมาเป็นตัวประกันแล้วหนีไปอีกคน ขณะเดียวกันฮวาเฉิงก็เริ่มมีสีหน้าไม่สู้ดี เซี่ยเหลียนเลยต้องรีบดูอาการ ในที่สุดเฟิงซิ่นที่ยืนตัวแข็งก็รีบไปจับแขนของเจียนหลันไว้ แต่เฉาเชาก็กัดหน้าของเขา ส่วน เจียนหลันก็ขู่เฟิงซิ่นว่าอย่ามายุ่งกับพวกตนอีกแล้วหนีต่อ
เฟิงซิ่นเข่าทรุดนั่งเอามือกุมใบหน้าอาบเลือดไว้ พอเซี่ยเหลียนเข้าไปถามด้วยความเป็นห่วงก็โวยวายใส่ว่าอย่ามาถามอะไรจากเขา ฮวาเฉิงจึงต่อว่าว่าให้โกรธคนที่ฆ่าลูกเมียสิ เฟิงซิ่นจึงหันไปมองฝูเหยา ฝูเหยาบอกว่าแม่ทัพของตนไม่รู้เรื่อง มู่ฉิงเพียงเห็นว่าเจียนหลันเป็นคนเซียนเล่อ ก่อนหน้านี้เลยคิดให้ความช่วยเหลือ เซี่ยเหลียนพยายามบอกให้เฟิงซิ่นจัดการแผลก่อน แต่เฟิงซิ่นกลับเสียงแข็งว่าตนไม่เป็นไรแล้วจากไปเงียบๆ แม้เซี่ยเหลียนกับฝูเหยาจะเรียกไว้ก็ไม่เป็นผล จากนั้นฝูเหยาจึงตัวไปจัดการจับพวกเจียนหลันต่อ ซึ่งคราวนี้เซี่ยเหลียนก็ไม่ห้ามไว้เพราะสถานการณ์บนสวรรค์น่าจะวุ่นวายมาก หากมู่ฉิงกลับไปก็อาจไม่ใช่เรื่องดี หลังจากนั้นเซี่ยเหลียนกับฮวาเฉิงก็เข้าพักในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง เห็นเซี่ยเหลียนนั่งเหม่อ ฮวาเฉิงก็พยายามพูดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวกับเซี่ยเหลียน เซี่ยเหลียนเลยเปิดใจเล่าเรื่องในอดีตให้อีกฝ่ายฟัง
Note 1 : ตอนอ่านครั้งแรกแล้วรู้ว่าเฟิงซิ่นเป็นพ่อเด็กนี่กูช็อคมาก แถมพาลชิปเรือเฟิงมู่ไม่ได้อีกเลย
Note 2 : แต่เฟิงซิ่นนี่อะไรฟะ เมียแต่งหน้าหนาจำไม่ได้ มู่ฉิงมองทีเดียวดูออกเลยนะเว้ย (ถึงมู่ฉิงก็เป็นคนจำหน้าคนแม่นที่สุดในแก็งค
์ทรีโอก็เถอะ) หาว่าเขาสติไม่ดีอีกต่างๆ กูเป็นเจียนหลันนี่โคตรเจ็บ
Note 3 : จำได้ไหมว่าบ้านพ่อค้าที่วิญญาณตัวอ่อนทำร้าย บ้านนั้นบูชาเฟิงซิ่น
.
.
.
.
.
>>986 กูคิดว่าจริงๆ เฟิงซิ่นไม่ได้กลัวผู้หญิง แต่กลัวการอยู่กับผู้หญิงเพราะไม่รู้ว่าควรทำตัวยังไง เฟิงซิ่นเป็นตรงๆ ห่ามๆ ไม่ละเอียดอ่อนไม่ชอบคนขี้งอน พูดจิกกัด ขี้อิจฉา คิดเล็กคิดน้อย ชอบมโน บอกว่าผู้หญิงชอบเป็นอย่างนั้น (คงเพราะโตในวังกับเซี่ยเหลียน เห็นพวกนางสนม นางกำนัล) กรณีมู่ฉิงที่นิสัยอย่างนั้นก็ไม่ชอบ แต่เพราะเป็นผู้ชายเลยด่าได้สะดวกปาก ต่อยเลยก็ได้ แต่ผู้หญิงทำแบบนั้นไม่ได้ก็เลยกลัว กรณีเจียนหลันคือค่อนข้างเป็นคนกล้าพูด กล้าทำ และส่วนมากก็คุยตรงๆ ด่าตรงๆ ไม่คือไม่ เฟิงซิ่นเลยน่าจะโอเคแล้วก็ไม่กลัวเจียนหลันอะ
สปอยเทียนกวานอาร์ค 3 ต่อจาก >>982 เทียนกวาน Part.113
.
.
.
.
.
เซี่ยเหลียนเล่าว่าเฟิงซิ่นน่าจะคบหากับเจียนหลันในช่วงที่เขาถูกเนรเทศครั้งแรก ในตอนนั้นชีวิตของเขาลำบากมาก สมบัติที่มีถูกเอาไปจำนำหมด ผู้ติดตามก็เหลือเพียงเฟิงซิ่นที่ยังอยู่เคียงข้าง เขามอบผ้าผูกเอวทองคำให้เฟิงซิ่นแม้อีกฝ่ายจะปฏิเสธหลายครั้ง ไม่ใช่เพราะรู้สึกผิด แต่เป็นเพราะเขากลัวว่าเฟิงซิ่นจะทอดทิ้งตนไป พวกเขาโตมาด้วยกัน ทั้งเฟิงซิ่นก็เป็นข้ารับใช้ที่เขาไว้ใจ ทว่าที่ผ่านมาเขากลับไปเคยมอบของรางวัลอะไรให้อีกฝ่ายเลย พอนึกถึงภาพมายาของวิญญาณตัวอ่อนซึ่งในห้องมีเครื่องรางของเขาอยู่ ทั้งๆ ที่หลังเซียนเล่อล่มสลายแล้วก็ไม่มีผู้ใดศรัทธาเขาอีก แต่เฟิงซิ่นก็ยังมอบมันให้คนรัก นำไปแจกเป็นกำลังใจให้เซี่ยเหลียนว่ายังมีผู้ศรัทธาอยู่ หลายปีที่เขาไม่เคยรับรู้ว่าเฟิงซิ่นไปชอบใคร ไม่เคยถาม ไม่เคยสนใจ ไม่เคยนึกว่านอกจากใช้ชีวิตอยู่รอบตัวเขาแล้ว อีกฝ่ายก็ยังมีชีวิตเป็นของตนเอง ด้วยสถานการณ์ตอนนั้นที่พวกเขาต้องอดมื้อกินมื้อ นั่นแสดงว่าเฟิงซิ่นต้องรักเจียนหลันมากจึงมอบผ้าผูกเอวให้ เขาเลยกลัวว่าตนจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ทั้งคู่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ฮวาเฉิงกลับบอกว่าเฟิงซิ่นแค่ชอบเจียนหลัน เพราะถ้ารักจริงยังไงก็ต้องหาทางมาอยู่ด้วยไม่ใช่แยกทางกันเช่นนี้ แต่ก็ทำให้เซี่ยเหลียนรู้สึกดีขึ้นบ้าง ขณะที่พวกเขาจำเข้านอน จู่ๆ ฮวาเฉิงก็ลุกพรวดขึ้นมา พอเซี่ยเหลียนมองตามสายตาอีกฝ่ายไปก็พบว่ามีเงาของใครบางคนเข้ามาในห้องตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้ แต่พออีกฝ่ายเอ่ยเรียกตนขึ้นมาจึงได้รู้ว่าคือจวินอู๋
มหาเทพไม่ได้มีท่าทีต้องการจัดการฮวาเฉิงแต่อย่างใด เขาเรียกให้เซี่ยเหลียนไปคุยกันข้างนอกห้อง แต่ฮวาเฉิงก็กล่าวว่าตอนนี้สถานการณ์ของสวรรค์เป็นอย่างไรทุกคนก็รู้หมดแล้ว ให้พูดตรงนี้ไปเลย จวินอู๋เลยเริ่มว่าตอนนี้สวรรค์ไม่อาจยับยั้งการเปิดของเขาตงลู่ได้แล้ว เทพสงครามที่ควรทำงานนี้อย่างมู่ฉิงก็หนีไป เฟิงซิ่นที่กลับไปสวรรค์ก็บาดเจ็บ อีกฝ่ายสารภาพความจริงทุกอย่างกับมหาเทพ ขอร้องให้มีคำสั่งไม่ให้เจ้าหน้าที่สวรรค์อย่าทำอะไรเจียนหลันกับลูก และด้วยบาดแผล ทำให้จวินอู๋สั่งกักตัวเฟิงซิ่นไว้เพื่อรักษาตัว เฉวียนอี้เจินก็ติดต่อไม่ได้ ตอนนี้จึงเหลือเพียงทางเดียวคือส่งเทพสงครามไปจัดการพวกผีที่เข้าไปในเขาตงลู่ไม่ให้เหลือ
ฮวาเฉิงอธิบายว่าใจกลางของเขาตงลู่จะมีเตาหลอมยักษ์ รอบๆ นั้นมีเมืองร้างอยู่ 7 เมือง การฆ่าจะเริ่มจะวงนอกค่อยๆ กระชับพื้นที่เข้าไปด้านในจึงมีเพียงผีที่เก่งกาจเท่านั้นที่จะไปถึงใจกลาง เมื่อมีผีเข้าไปในเตาจำนวนหนึ่ง เตาก็จะปิด ผู้ที่มีพลังไม่พอจะออกมาจากในนั้นไม่ได้และถูกเผาไหม้ ส่วนผู้ที่ออกมาได้ก็จะได้เป็นเจวี๋ยคนต่อไป เพราะฉะนั้นหากมุ่งไปจัดการผีที่ไปถึงใจกลางก็ไม่ต้องเปลืองแรงเสียเวลาจัดการผีกี้ๆ จำนวนมาก จวินอู๋บอกว่าตนจะเข้าไปในเขาตงลู่เอง ระหว่างนั้นฝากให้เซี่ยเหลียนเป็นผู้ดูแลสวรรค์แทน แต่เซี่ยเหลียนที่ไม่อยากเป็นผู้นำ อีกทั้งรู้ตัวดีว่าไม่มีอำนาจพอให้คนอื่นเชื่อฟังก็ปฏิเสธ บอกว่ามหาเทพจำเป็นต่อการคงอยู่ของสวรรค์ เข้าไปในนั้นจะอันตรายอาจถูกลอบสังหาร จวินอู๋บอกว่าถึงต้องสูญเสียใครไป สุดท้ายก็จะมีคนใหม่ขึ้นมา หากเจวี๋ยตนใหม่เหมือนธาราทมิฬล่มเรือหรือฮวาเฉิงก็ยังพอโอเค แต่ถ้าเหมือนกับหายนะชุดขาวความวุ่นวายต้องบังเกิดแน่ เขาจึงจำเป็นต้องเข้าไปในนั้น แต่แล้วฮวาเฉิงก็เสนออะไรบางอย่างขึ้นมา
สรุปว่าฮวาเฉิงเสนอตัวเข้าไปในเขาตงลู่กับเซี่ยเหลียน ด้วยความที่เขาเคยเข้าไปในนั้นมาก่อน ย่อมเชี่ยวชาญพื้นที่ทำให้ได้เปรียบในสมรภูมิ อีกทั้งก็มีดีลว่าหากเขาสามารถช่วยขัดขวางการเกิดเจวี๋ยตนใหม่ได้ สวรรค์จะต้องแซ่ซ้องสรรเสริญอ๋องผีไปทั้งปี ซึ่งเป็นการหยามหน้าสวรรค์ได้อีกด้วย ถึงเซี่ยเหลียนยังกังวลกับสภาพร่างกายของอีกฝ่าย ฮวาเฉิงก็บอกว่าอีกไม่นานเขาก็จะกลับสู่สภาวะปรกติแล้ว หลังจากนั้น 10 วัน ในที่สุดทั้งสองก็เดินทางมาถึงทางเข้าเขาตงลู่ซึ่งมีผีปีศาจรวมตัวกันอยู่มากมาย
.
.
.
.
.
เผื่อลืมกันไปแล้ว หายนะชุดขาวที่จวินอู๋พูดถึงหมายถึงไป๋อู๋เซียง (เศวตไร้หน้า) ที่ปล่อยโรคหน้าคนใส่เซียนเล่อนะ เป็นเจวี๋ยตนแรกที่ถือกำเนิดขึ้นมา
>>990 ถ้าให้เซี่ยเหลียนคุมสวรค์กุว่ามีเละ เซี่ยเหลียนดูไม่มีความสามารถด้านการคุมคนจริงๆว่ะ ยังดีที่เจ้าตัวรู้ตัวนะ จวินอู๋ไบแอสเซี่ยเหลียนขนาดไหนวะขนาดจะยกงานคุมสวรรค์ให้เนี่ย
อย่างนึงที่กุผิดคาดนิดหน่อยคือสววรค์กับเมืองผีดูร่วมกันอย่างสงบสุขดีว่ะ ออกจะเกรงใจฟาฟาด้วยซ้ำ ไม่ได้ถึงขนาดจ้องจะเหยียบตีนฟาฟาตอนเผลอ ขนาดฟาฟามันเคยไปไล่ถีบเทพจนตกสวรรค์มาแล้ว33องค์ จวินอู๋ยังพูดเองว่าเจวี๋ยสองนไม่ได้ทำให้วุ่นวายขนาดนั้น
>>992 >>993 สองคนนั้นไม่ได้ฆ่าคนเป็นผักปลาอะ กรณีเทพ 33 องค์นั้นฮวาเฉิงก็ท้าสู้ตรงๆ แล้วก็คอยคุมผีในเมืองของตัวเองไม่ให้ล้ำเส้น เฮ่อเสวียนถึงจะแอบเข้ามาเป็นสปาย แต่ก็จัดการเฉพาะคู่กรณี (มีหมิงอี้คนเดียวที่ไม่ได้เกี่ยวเล้ย) ตอนแรกเฮ่อเสวียนถูกสวรรค์มองว่าปล่อยๆ ไปก็ได้ด้วยซ้ำ แล้วในเมื่อสองคนนี้ไม่ได้เปรี้ยวมาก ถ้าสวรรค์หาเรื่องไปจัดการมันจะพาลให้เกิดการต่อสู้สูญเสียกันใหญ่โต เลยอยู่คุมเชิงถ่วงอำนาจกันไปอย่างนี้ดีกว่า แล้วก็อย่าลืมว่าถ้าไม่มีผีคอยสร้างความวุ่นวายให้มนุษย์ต้องขอเทพมาช่วยเหลือ พวกมนุษย์ก็จะศรัทธาเทพน้อยลงกว่าที่เป็นอยู่นะ ซึ่งเทพไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว
กูว่าเหตุการณ์บังเอิญพอดีไปเปล่าว่ะ เหมือนมีคนคุุม
อห เห็นฮวาเฉิงในม่านฮวาล่าสุดกันยังอ้ะ ใจกุไม่ไหวแล้ว
สำหรับกุรู้สึกว่าฮวาเฉิงยังไม่ใช่อะ ฮวาเฉิงต้องยิ้มตอแหล ปากโค้งเป็นจันทร์เสี้ยว ไม่ได้ยิ้มนิดๆ หล่อๆ แบบนี้ เพราะการที่ฮวาเฉิงยิ้มตอแหลมันมีจุดเชื่อมโยงกับของสิ่งหนึ่ง และตัวละครตัวหนึ่งก็เคยด่าฮวาเฉิงที่ชอบยิ้มแบบนั้นด้วย
ฟุขยะขยะ
ฟุรกโลกขยะ
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.