สปอยเทียนกวาน อาร์ค 2 ต่อจาก >>135 เทียนกวาน Part.60
.
.
.
.
.
สถานการณ์ในหย่งอันแย่มาก เฟิงซิ่นกับมู่ฉิงที่สืบข่าวได้แล้วรีบรายงานเซี่ยเหลียนว่าภัยแล้งในเซียนเล่อมีเค้าลางมาตั้งแต่เมื่อ 2 ปีก่อน แต่ปีนี้น้ำน้อยกว่าปรกติมากโดยเฉพาะในภาคตะวันตกอย่างหย่งอัน ครอบครัวคนรวยยังพอหาซื้ออาหารกับน้ำดื่มจากที่อื่น และพากันย้ายบ้านได้ คนที่เหลือจึงมีเพียงคนยากไร้ ราชาเคยส่งเงินมาช่วยนานแล้ว แต่ทุกครั้งที่ผ่านมือข้าราชการมันก็ถูกยักยอกออกไปจนสุดท้ายก็ไม่เหลืออะไร หากฝืนส่งมาอีกก็มีแต่จะเป็นอาหารให้พวกปรสิต ราชาจึงเลิกส่งเงินมาช่วย มู่ฉิงคิดว่าสิ่งที่เกิดในภพมนุษย์คือความรับผิดชอบของราชาไม่ใช่เซี่ยเหลียน การเข้าไปยุ่งจะเป็นการเอาปัญหามาสู่ตัวเองมากกว่า และถึงแม้เซี่ยเหลียนจะไปสั่งให้ข้าราชการพวกนั้นคืนเงินมาก็ไม่ได้ช่วยแก้ต้นเหตุของปัญหา
เฟิงซิ่นเสนอให้ขุดคลองส่งน้ำ แต่พอเซี่ยเหลียนมาเห็นสถานที่จริงจึงรู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้ ตอนนี้ทุกที่ล้วนประสบภัยแล้งจะให้แบ่งน้ำจากที่อื่นมาคงไม่ได้ อีกทั้งการสร้างก็ต้องใช้เวลาหลายปี แต่ในเมือใช้วิธีสามัญไม่ได้ แม้ก่อนหน้านี้นอกจากจวินอู๋แล้วเขาจะไม่เคยไปพยายามผูกมิตรหรือเยี่ยมเยียนเทพองค์ใดเพราะอยากปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียม แต่เขาจะบากหน้าไปขอยืมอุปกรณ์เทพจากเทพแห่งฝนเพื่อโยกย้ายน้ำจากภาคตะวันออกของเซียนเล่อมาช่วยหย่งอัน ทว่ามู่ฉิงแย้งว่านอกจากหย่งอันแล้วที่อื่นในเซียนเล่อก็ล้วนมีน้ำน้อย การนำน้ำจากตะวันออกมาให้หย่งอันจะทำให้ที่นั่นรับเคราะห์ไปแทน และด้วยจำนวนประชากรที่มากกว่าก็จะทำให้มีคนเสียชีวิตมากขึ้น
เซี่ยเหลียนคิดไม่ตก เขาเห็นชาวหย่งอันที่ผอมแห้งใกล้ขาดน้ำและอาหารตายอยู่เต็มเมือง เขาบอกให้เฟิงซิ่นและมู่ฉิงพยายามขนน้ำมาที่นี่ระหว่างที่เขาคิดหาวิธีแก้ไข แม้เฟิงซิ่นจะรับคำสั่งอย่างเต็มใจ แต่มู่ฉิงก็ยังไม่เห็นด้วย เขาบอกว่าพวกตนไม่อาจช่วยเหลือคนเหล่านี้ไปตลอด และไม่อาจช่วยได้ทั้งหมด เซี่ยเหลียนเป็นเทพสงครามไม่ใช่เทพแห่งน้ำ แต่ถึงจะเป็นเทพแห่งน้ำก็ไม่สามารถสร้างน้ำจากความว่างเปล่าได้อยู่ดี และพวกเขาไม่มีพลังมากพอ คำพูดนั้นทำให้เซี่ยเหลียนชะงัก แต่สุดท้ายเขาก็ยังเดินหน้าต่อไป
เซี่ยเหลียนไม่แน่ใจว่าทำไมตัวเองกลับมาที่ราชวังทั้งๆ ที่ปรากฏตัวให้คนอื่นเห็นไม่ได้ อีกทั้งก็ไม่ได้ต้องการมาหาพ่อแม่ เขาเดินไปตามสถานที่คุ้นเคยจนกระทั่งพบราชากับราชินีอยู่ด้วยกันเพียงลำพัง เแม่ของเขากำลังลูบหน้ากากทองที่ลูกชายเคยสวมใส่ เส้นผมที่กลายเป็นสีเทาของบิดาทำให้เซี่ยเหลียนอดสงสัยไม่ได้ เพราะตอนที่อีกฝ่ายไปที่อารามของเขาเมื่อไม่นานมานี้ผมก็ยังเป็นสีดำ หลังจากฟังทั้งสองพูดจึงได้รู้ว่าทุกครั้งที่จะไปอาราม ราชาจะย้อมผมก่อนเสมอเพื่อไม่ให้ลูกชายเห็น ราชินีบอกให้สามีไปพักผ่อน แต่ราชาบอกว่าเขายังต้องทำงานเพราะวันนี้มีชาวหย่งอันจำนวนหนึ่งอพยพมาที่เมืองหลวง หากมาเฉยๆ และมีจำนวนแค่หลัก 10 หลัก 100 ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ามีคนอพยพมาเป็นพันเป็นหมื่น รวมไปถึงขโมยเงินวัดอย่างเรื่องที่เกิดในวันนี้ นั่นอาจเกิดปัญหาตามมา ราชินีอดเปรยไม่ได้ว่าหากเซี่ยเหลียนยังอยู่ก็จะได้ช่วยแบ่งเบางานให้พ่อ ราชาแย้งว่าแค่อีกฝ่ายไม่สร้างปัญหาให้เขามากขึ้นก็ดีแล้ว แต่คงเป็นการดีกว่าที่จะปล่อยให้บุตรได้ทำทุกอย่างตามที่ใจปรารถนา ใช้ชีวิตอย่างอิสระไม่ต้องรู้เรื่องอะไรอยู่บนสวรรค์
ได้ยินดังนั้นราชินีก็ยิ้มบอกว่าเป็นราชาเองที่ชอบสปอยลูกชายตั้งแต่เด็ก ก่อนบ่นว่าตั้งแต่อยู่ที่เขาไท่ชางเซี่ยเหลียนก็ไม่ค่อยยอมกลับมาเยี่ยมที่บ้าน พอเป็นเทพก็ยิ่งได้เจอกันยาก พวกเขาไม่ได้เจอลูกชายมา 3 ปีและไม่รู้จะได้พบอีกเมื่อไร แต่เธอจะไม่ด้วยเกรงว่าหากขอให้อีกฝ่ายมาปรากฏตัวจะทำให้ลูกชายทำผิดกฎสวรรค์จนเดือดร้อน ตอนนี้แค่เธอได้มองรูปปั้นของลูกชายก็เพียงพอแล้ว
ยิ่งฟังทั้งสองคนพูดเซี่ยเหลียนก็ยิ่งรู้สึกผิด แต่เขาก็ยังนึกไม่ออกอยู่ดีว่าจะคุยอะไรกับพ่อแม่ เขาจำแลงกลายเป็นนักพรตสืบหาข้อมูลปริมาณน้ำในเมืองหลวงแล้วก็พบที่มู่ฉิงบอกว่าทุกแห่งในเซียนเล่อมีปริมาณน้ำน้อยลงมากเป็นเรื่องจริง เขายืนเครียดอยู่ข้างแม่น้ำจนกระทั่งฝนเริ่มตก พอเห็นเซี่ยเหลียนยืนนิ่งก็มีชายสองคนดึงเขาไปหาที่หลบด้วย เมื่อฝนเริ่มซาชายคนหนึ่งจึงยกร่มของตนให้เซี่ยเหลียน ก่อนใช้ร่มคันเดียวกับเพื่อนวิ่งจากไป สักพักเซี่ยเหลียนก็เห็นอารามเล็กๆ ที่มีป้ายติดว่า “กายอยู่ในนรก ใจอยู่บนสวรรค์” เป็นอารามของเขานั่นเอง ที่นี่ไม่มีนักพรตประจำการ อีกทั้งรูปปั้นดินเหนียวก็บิดเบี้ยวน่าตลกเป็นอย่างมาก ดอกไม้สีขาวที่ปักอยู่ในมือของรูปปั้นสะดุดตาเซี่ยเหลียน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นดอกไม้จริงๆ บนรูปปั้นของตัวเองจึงอดเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ไม่ได้
.
.
.
.
.