ขอ KY สปอยเทียนกวาน อาร์ค 2 ต่อจาก >>92 เทียนกวาน Part.59
.
.
.
.
.
หลางอิงเล่าว่าตอนนี้หย่งอันแห้งแล้งไม่อาจทำการเพาะปลูก ผู้คนขาดรายได้และอดอยากล้มตาย ในเมื่อเมืองหลวงหล่อรูปปั้นทองคำ โยนเหรียญขอพรลงในสระน้ำได้ เหตุใดจึงไม่บริจาคให้หย่งอันบ้าง ฉีหรงด่าอีกฝ่ายว่าใช้ความจนมาอ้างเพื่อขโมยของของเทพเจ้า หลางอิงเลยบอกว่าเช่นนั้นเขาจะคุกเข่าโขกหัวคำนับเพื่อให้องค์เทพแบ่งปันทรัพย์สินช่วยเหลือ ฉีหรงเอ่ยอีกว่าเซี่ยเหลียนงานเยอะ ไม่มีเวลาสนใจคนต่ำต้อยอย่างอีกฝ่าย ซึ่งหลางอิงก็เห็นด้วย เพราะพวกเขาสวดภาวนาขอร้องแล้วก็ไม่เห็นมีอะไรดีขึ้น คำพูดนั้นทำให้ฉีหรงโกรธมาก เขาสั่งให้ทหารซ้อมหลางอิง แต่เฟิงซิ่นก็ใช้พลังช่วยทำให้การโจมตีของพวกเขาเบาลง ตอนนั้นเองมู่ฉิงก็มาถึงพอดี แต่เขาก็ไม่เคยได้ยินเรื่องภัยแล้งในหย่งอันเช่นกัน พอฉีหรงสั่งให้คนจับหลางอิงไปขัง เซี่ยเหลียนจึงใช้พลังทำให้รูปปั้นโยก ฉีหรงที่กลัวว่ารูปปั้นของเซี่ยเหลียนจะล้มจึงสั่งให้พวกทหารไปช่วยตนจับรูปปั้นไว้ หลางอิงเลยอาศัยจังหวะนั้นหลบหนีไปได้
เมื่อหลางอิงหยุดพักที่ใต้ต้นไม้ในป่า เซี่ยเหลียนก็จำแลงกายเป็นนักพรตเข้าไปหาอีกฝ่ายซึ่งกำลังใช้มือเปล่าขุดดิน เขายื่นน้ำดื่มให้ชายหนุ่มที่รับมันไปดื่มอย่างกระหายก่อนเอ่ยขอบคุณ หลังจากสอบถามความเป็นมา หลางอิงก็บอกว่าพวกตนมาจากอ่าวหลางเอ๋อร์ในหย่งอัน พอเห็นเซี่ยเหลียนสงสัยคำว่าพวกตน ชายหนุ่มจึงปลดย่ามลงมาเปิดให้เซี่ยเหลียนเห็นศพของเด็กชายอายุราว 2-3 ขวบด้านใน หลางอิงเล่าว่าเขาไม่รู้เลยว่าลูกของตนตายเพราะกระหายน้ำ หิว ป่วย หรือว่าทุกอย่างรวมกัน เขาแบกอีกฝ่ายที่ร้องไห้และไอไม่หยุดออกจากเมือง ตอนที่บุตรเงียบเสียงก็นึกว่าหลับไป แต่หลังจากนั้นถึงเขาพยายามปลุกเท่าไรอีกฝ่ายก็ไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย หากภรรยาที่จากไปทราบคงด่าเขาไม่หยุด แต่เขาก็ยังอยากให้เธออยู่ตรงนี้ด้วย
หลางอิงขอตัวกลับไปขุดหลุมเพื่อฝังลูกชาย สักพักเซี่ยเหลียนก็คิดได้ว่าให้น้ำอย่างเดียวคงไม่พอจึงส่งตุ้มหูปะการังสีแดงที่เหลือข้างเดียวของตนให้ หลางอิงไม่ปฏิเสธ เขารับมันไปพร้อมเอ่ยขอบคุณอีก มู่ฉิงที่สืบได้ความแล้วตามมาแจ้งว่าที่หย่งอันมีอารามของเซี่เหลียนเพียงน้อยนิด และมีกฎว่าถ้าใครจะขอพรต้องบริจาคเงินด้วยทำให้พวกเขาไม่ได้ยินเสียงสวดภาวนาของชาวบ้านหย่งอัน จากนั้นเซี่ยเหลียนก็สั่งให้ผู้ติดตามทั้งสองไปดูสถานการณ์ในหย่งอัน ส่วนตัวเขาจะไปสอบถามราชครูให้ได้ความ
แม้จะมีกฎห้ามเทพปรากฏตัวต่อหน้ามนุษย์ แต่ก็มีข้อยกเว้นสำหรับนักพรตชั้นสูง เมื่อรับรู้การมาของอดีตลูกศิษย์ ราชครูก็ให้คนอื่นออกจากหอแล้วปิดประตูคุยกับเซี่ยเหลียนสองคน เขาบอกว่าราชารู้เรื่องที่เกิดขึ้นในหย่งอันดี และเป็นเขาเองที่คนแนะนำไม่ให้ราชาหรือราชินีบอกเรื่องนี้กับเซี่ยเหลียน เพราะถึงเซี่ยเหลียนรู้ไปก็ไม่เกิดประโยชน์อันใด เซี่ยเหลียนบอกว่าจะไม่ให้เขาสนใจประชาชนของตัวเองได้อย่างไร เขาขอให้อาจารย์แจ้งราชาว่าไม่ต้องสร้างอารามให้เขาอีก ส่วนรูปปั้นทองคำก็สามารถนำไปหลอมเอาเงินไปช่วยขุดคลองส่งน้ำ พอได้ยินดังนั้นราชครูก็บ่นว่าเซี่ยเหลียนได้ขึ้นสวรรค์เร็วเกินไป ตอนนี้ประชาชนยังไม่ตายทั้งหมดเสียหน่อย
เซี่ยเหลียนโกรธผู้เป็นอาจารย์มาก แต่ราชครูก็ต่อว่าเซี่ยเหลียนที่ไม่ยอมตัดขาดสถานะบนภพมนุษย์ ทั้งยังบอกว่าอีกฝ่ายไร้พลัง การมายุ่งจะพาลทำให้เรื่องยุ่งยากกว่าเดิม เซี่ยเหลียนไม่เชื่อว่าหากเขาพยายามลงมือจะไม่เกิดผลอะไรเลยจึงตั้งใจจะไปคุยกับบิดาด้วยตนเอง ราชครูบอกว่าอย่าได้ทำอะไรโง่ๆ เซี่ยเหลียนเลยถามว่าถ้าเช่นนั้นเขาทำอะไรได้บ้าง เทพถูกเรียกว่าเทพเพราะช่วยเหลือมนุษย์ไม่ใช่หรือ ถ้าอย่างนั้นเขาจะขึ้นสวรรค์มาเพื่ออะไร
ราชครูบอกว่าเขาเห็นอนาคตของเซี่ยเหลียนมีแต่ความดำมืด หากเซี่ยเหลียนช่วยเหลือประชาชนไม่ได้ คนเหล่านั้นจะลากเซี่ยเหลียนลงจากแท่นบูชา แต่เซี่ยเหลียนเชื่อว่าคนของเขาจะไม่เป็นเช่นนั้น แต่ถ้าเขาไม่อาจช่วยเหลือประชาชนได้ก็ไม่ควรได้อยู่บนแท่นบูชาอยู่ดี สักพักราชครูก็ถอนหายใจ อธิบายว่าแม้สิ่งที่พ่อเซี่ยเหลียนทำอาจไม่ถูกต้อง แต่ก็ไม่อาจกล่าวได้ว่าผิด ไม่ใช่ว่าราชาไม่เคยคิดจะส่งเงินไปช่วยหย่งอัน เขาบอกให้เซี่ยเหลียนลองไปดูด้วยตนเองว่าหากเป็นตัวเองจะทำอะไรได้หรือไม่ เซี่ยเหลียนจึงขอบคุณอีกฝ่ายแล้วเดินทางไปหย่งอันทันที
.
.
.
.
.