>>425 ที่กูรู้สึกไม่เมกเซนส์ เพราะมันเป็นหนัง ไม่ใช่เรื่องเทคโนโลยี คือถ้าเป็นการเข้าไปสัมผัสบรรยากาศในหนังโดยใช้อุปกรณ์เทคโนโลยีขี้โม้ให้เข้าไปแล้วเรียลทุกประสาทสัมผัส อันนี้กูเมคเซนส์ หรือต่อให้เข้าไปสัมผัสแบบเรียล โดยไม่มีเทคโนโลยีอะไรมาอธิบายเลย กูก็ยังว่าเมคเซนส์
แต่นี่เข้าไปดูหนัง แล้วได้เล่นหนังด้วย เพิ่มซีน ปรับเนื้อเรื่องให้ได้ด้วย ได้หนังเวอร์ชั่นใหม่มาฉายได้ด้วย ตรงนี้ที่กูว่าไม่เมคเซนส์ มันเหมือนกูไปคิดว่าหนังมันผ่านการถ่ายทำตัดต่อมาแล้ว มันมีแค่นั้น ไม่มี alternative way ไม่ใช่ two way communication // ใช้คำว่าเป็นแค่ผู้ชม ละกัน
กูถึงได้รู้สึกว่าพวกระบบเกม ทะลุมิตินิยาย ทะลุมิติต่างโลก มันเมคเซนส์กว่า คิดไปเลยว่ามันคืออีกโลกนึง // ใช้คำว่าได้เป็นผู้เล่น ละกัน
ไม่รู้กูอธิบายงงไหม เอาเป็นว่า สำหรับกู พอเป็น"หนัง" แล้วกูต้อง suspend my disbelief มากกว่าแนวระบบทะลุมิติทั่วไปอีกขั้นนึง คิดซะว่าตอนนายเอกดูหนัง มีกล้องหนึ่งกล้องสองตามถ่ายละกัน
พอกูตัดประเด็นเรื่องหนังไป มองว่ามันคือนิยายแนวหลายอาร์ค งั้นกูคงได้ประหยัดเงินแล้วละ