Last posted
Total of 1000 posts
กูกลับชอบปก eno ภาพสีน้ำฟุ้งๆ เห็นปกชญของเครือกุหลาบชอบซื้อมา ปกของส้มสมัยใหม่กูก็ชอบ ชอบความเรียบๆ ถือไปไหนมาไหนสบายใจดี บางเล่มเป็นแค่ภาพวิว บางเล่มมีตลคตัวเล็กกระจิด 5555 ไม่มีภาพบนปก เป็นแค่พื้นหลังกับตัวหนังสือตวัดสวยๆ กูยังโอเคเลย (จริงๆ กูชอบปกมินิมอลของแมวล้นวังมาก ที่ด้านในสีขาวปั๊มฟรอยด์เฉยๆ อะ)
เรื่องปกนานาจิตตังว่ะ เอาจริงแดนวายค่อนข้างเรื่องเยอะ กูเห็นม่ากันได้แทบทุกเรื่องเลย ตามม่าเยอะไม่ไหวเพราะมันยิบย่อยมาก 555 กูเคยม่าหนักสุดคือเคสตรยขเล่มแรกกับตู้เจ๋อที่แบบสมควรม่าจริงๆ แล้วปกฮัสกี้ที่ว่ากันถ้าตัดสินตามรสนิยมกูว่ามันยังได้มากกว่านี้อีก ตอนเปิดปกเล่มแรกถูกจริตมาก เล่มต่อมาดับฝันอ.เหมียวกูมาก เจอเล่มสองไปสามมาหน้าสไตล์เดียวกันสองเล่ม ก็ไม่คิดอะไรละ 5555 แต่หนังสือกูให้ค่าที่ตัวเนื้อหา งานอาร์ตไปซื้ออาร์ตบุ๊คเสพเอาดีกว่า กูคิดงี้ แต่เข้าใจหลายคนเลยเพราะเพื่อนรอบตัวกูก็ซื้อเพราะเอามาลูบๆ คลำๆ ซื้อตามกระแสอีกด้วย มันเพิ่งเข้าวงการมาตอนซรปรมจ 🤣 หลังจากนั้นคือซื้อดะ ยุควายจีนแปลเฟื่องฟูสุดๆ
โทษนะวันนี้ทั้งวัน กูพึ่งมาแสดงความเห็นนี้ความเห็นแรกแต่ดันโดนด่าว่าโทรลเฉย?! กูไปพูดจี้ใจดำมึงเหรอหรือมึงเมาแอดเค้าท์ แล้วอีกอย่างกูแค่แสดงความเห็นจากที่พวกมึงด่าๆกันลากยาวเป็นสิบเม้นเรื่องปก เอาจริงกูหรือมึงที่เป็นโทรลไล่ด่าไล่แซะคนอื่น
อีกอย่างจะดูว่าปกสวยไม่สวยทั้งของวายและนอร์มอลกูก็บอกอยู่ว่า “รสนิยม” อิสัส อ่านไม่ได้ศัพท์ อย่าจับไปกระเดียด
>>785 กูก็ให้ค่าที่ตัวเนื้อหามากกว่า แต่จะดีสักแค่ไหนถ้าปกงาม เนื้อหาเริ่ด กูเป็นพวกชอบมองของสวยๆอะ ปกสวยๆกูมองแม่งทั้งวัน 555 ดูแล้วน้ำตาซึม สวย ฮือออ 55555 แต่เป็นปกพวกสิ่งของ วิวนะ แบบรายละเอียดมันดูแล้วไม่เบื่ออะ ปกอิโนถ้าเป็นพวกวิว ดอกไม้ใบหญ้าสวยนะ สวยมากกก แต่คนนี่เฉยๆว่ะ ตลคหน้าเหมือนกันหมด
กูสงสัยนะ นักอ่านตลาดวายกับนอร์มอลบางคนมันเปลี่ยนวิญญาณตอนอ่านกันหรอว่ะ กูเห็นบางคนพอเป็นนอร์มอลปกคือได้หมดไม่ต้องสวยมากก็ได้ แต่พอเป็นวายเรื่องปกคือเดือดสัดๆจะเอาแบบนั้นแบบนี้
ปล.นี่ประโยคคำถามน่ะ
กูลืมพิมพ์กันงง ในกรณีที่นักอ่านคนนั้นอ่านทั้งวายทั้งนอร์มอลอ่ะ
ถ้าจะเทียบกัน ปกช-ญ กูว่ามีน้อยนะที่เป็นตัวละครมายืนเฉยๆ อะ
แต่อย่างปกใบไม้ใบหญ้า สิ่งของต่างๆ นานาของแจ่มนี่ กูชอบมาก เพราะเขาค่อนข้างจะตีความให้เข้ากับเนื้อเรื่อง กูชอบปกตำนานรักเหนือภพ
ปกตัวละครตอนนี้ที่นึกออกก็คือเสน่ห์รักขุนนางหญิงของอรุณ (เครือเดียวกับโรส)
ซึ่งเล่ม 3 ห้องจีนก็แซะ แสดงความไม่พอใจกันอยู่นะ
ปกกูกูก็มีคนบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่สวย
อะ แต่อย่างแสนชังของแจ่มที่เป็นนางเอก กูก็ว่าสวย
ชญกูชอบปกหงส์ขังรัก เดอะเบสในใจทั้งเนื้อเรื่องและนางเอกพระเอกในกู ไบแอสแหละ ไม่มีคนแถมเปลี่ยนสีหลากหลายแต่มันมีกิมมิคอยู่ ปกสวยว๊ากกกกกก ตอนออกยังเรียนอยู่ไม่ค่อยมีตังยังต้องเจียดมาซื้อบ็อก วันนี้เวลามองยังมรความสุขเลย มาฝั่งวายสงสัยเรื่องนี้โดนสับเละเรื่องปกขอหาเหมือนหนังสือเรียนแแล้วมั้ง 55555555555
>>791 มึงร่างแยกกูหรือเปล่า ตำนานรักเหนือภพคือตีความดีมาก ทุกอย่างคือสิ่งที่มีผลต่อใจนางเอกอะ แล้วใดๆคือ ราคาดีงาม กูว่าคนบรีฟปกมากกว่ารักใส่ใจงานทำงานดีนะ กูชอบที่เค้ามีเหตุผลว่าทำไมเลือกปกแบบนี้ๆๆ กุอวยส้มอีกละ เกลียดตัวเอง 5555 แต่ว่าไม่ได้งานดีจริง ขนาดปกเงาเพลิงที่ไม่มีอะไรยังดูไม่ค่อยน่าเกลียด
>>789 เป็นพวกนอร์มอลอ่านกันตาย วายอ่านประดับบารมีหรือเปล่า 555 กูอ่านทั้งสองแบบ แต่กูก็บ่นปกนอร์มอลนะ เช่น ปกกูกู ปกยามเช้า กูกูนี่กูไม่เข้าใจความ perfectionist ของนาง งานออกช้ามาก ราคายอดดอย ปกก้นเหว จุดต่ำสุดของวงการปกแปลจีนหรือยัง ส่วนยามเช้าเครือเดียวกับกุหลาบ น่าจะเลิกจ้างคนนั้นละมั้ง กูผิดห้องแหละ เออ ขอโทษ 555
>>791 แปลจีนสมัยก่อนของส้มเล่มบางๆ ไง นางเอกตาหวานยืมแป๋วแหวว หน้าเหมือนกันทุกเล่ม 555 พอเปลี่ยนเป็นปกวิว ปกสีน้ำปาดๆ กูเลยปลื้มเลย มันไม่ใช่ว่าไม่ชอบปกตัวละคร มันแค่ไม่ตรงจริตเท่านั้นเอง แบบได้มากกว่านี้ก็ดีสิอะไรแบบนี้ แต่จริงๆ กูก็ยังให้ค่าเนื้อหามากอยู่ดี พอผ่านมาหลายยุคมันเลยแบบ เออ อันไหนก็ได้ ถ้าสวย/ตรงจริตก็ยิ่งถูกใจงี้
กูเลยว่าฝั่งวายมันปัญหายิบย่อยมาก หยิบยกเรื่องไหนก็ม่ากันได้ รึเพราะโควิดเลยยิ่งหาที่ระบายหว่า อีกปัญหาที่เห็นชัดและกระทบวงการหนังสือคือพวกพรีเมี่ยมเว่อร์วังที่เริ่มเทไปทางชญและเครืออววของส้มแล้ว ทำกูเจ็บช้ำละเกิน มันโดนอินฟลูมาจริงๆ นะมึง แต่ก่อน ปีที่แล้วก็ยังได้ที่ส้มยังออกแค่หนังสือ ตอนนี้การตลาดพรีเมี่ยมทั้งนั้น ช้ำ! กูอยากได้หนังสือ แค่หนังสือเลย พวกอาร์ตกูหาซื้อตามอาร์ตบุ๊คของคนวาดที่กูชอบเอาได้ ไม่อยากได้ของพรีเมี่ยมบวกราคา มันเปลืองทรัพยากรโลกด้วยอะ แรกๆ ก็เห่อ ชอบมากเวลารวมยอดแลกของในงานหนังสือ กระเป๋านอ เต็มบ้าน ของกระจุกกระจิกหลังๆ คือโคตรรก
ปล.ยืนยันว่าปกดูตรมจริตจริงๆ แต่ไม่ได้กระทบการซื้อของกูเลย กูสาย ‘ตัวหนังสือ’ มาแต่ไหนแต่ไรยังไงก็เน้นเนื้อเป็นหลักอยู่ดี ของสวยๆ งามๆ บนปกได้ตรงใจคือกำไร
ปกหงส์ขังนิคือ ถ้ามาฟังวายโดนสับเละแน่นอน คงเจอฟิลสนพ.ไม่เข้าใจความรักหรงจื่อกับฉู่อวี่555 เอาจริงวายส่วนใหญ่คือปกตัวละครอะ เดี่ยว กลุ่ม คู่ คือมาหมดจริง กูเห็นไม่กี่เรื่องเองที่เอาอย่างอื่นขึ้น ส่วนนอร์มอลคือ กูชอบปกมกร.เกือบทุกเรื่องเลยอ่ะรู้สึกดีมีนัยยะ
เอาจริงกูเห็นปกฮัสกี้ครั้งแรกทำเอากูคิดถึงปกทรราชตื้อรักยังไงไม่รู้555
เออ อีกอย่างนอกเรื่องใครพอจะแนะนำพระเอกแบบเฮียหรง(หรงจื่อ)ให้กูได้บ้าง ได้ทั้งนิยายวายทั้งนอร์มอล ตำนานมากพระเอกทำกูลืมฮีไม่ลงจริงๆ
ปกวายดีสุดแย่สุดในใจกูคือ ผู้ช่วยทั้งคู่555 ผู้ช่วยสถาปัตร ชอบความไม่มีตัวละครแต่ภาพสถานที่โดนใจกูสุด ส่วนผู้ช่วยหท.กูคงเข้าไม่ถึงรสนิยมมึงจริงๆ
ฝั่งชญไม่ค่อยมีที่ไม่ชอบแต่เทใจให้ปกแจ่มมากสุด
>>795 ฮีเป็นผชแบบไหนนะ นิ่งๆ ดูไซโค รักจริงแต่ก็ร้ายปนเลวป้ะ นึกออกแต่คนละไวบ์อะ จันทร์พรายเหนือสายน้ำ มาแนวเจนเทิลแมน แต่แผนสูง วิธีการแบบงงๆว่ารักจริงเหรอ อีกเรื่องก็น่าจะลุงเยี่ยน แต่แนวพระเอกประสาท อย่าไปคุยกับมันลูก บ่วงเล่ห์ด้วยมั้ยวะ ไอ้ลูกหมาเลี้ยงไม่เชื่อง
ส่วนตัวกูมองว่าเฮียหรงเป็นพระเอกฉลาดยันและไซโคพาส ที่แผนสูงสัดๆกูชอบความทำทุกอย่าง(ทุกอย่างจริงๆ)เพื่อเป้าหมายของฮีอะ แต่ส่วนใหญ่ทั้งวายแปลจีนหรือเสิ่นกูยังไม่เห็นพระเอกแบบฮีเลย
เออ ใช่กูลืมจันทร์พรายไปได้ไงแต่นึกออกอยู่เรื่องเดียวอะ พระเอกแบบนี้ขนาดฝั่งนอร์มอลยังหายากเลย แล้วดันกูมาหาฝั่งวาย55 เศร้าวะ
>>792 หงส์ขังรัก มันก็มีกิมมิคด้านฤดูกาลของมันนะ กูว่าก็ไม่แย่ แค่คนละแนว ไม่สาปอะ
>>793 ใช่ไหม มึงงงงง มปร กูเข้าใจ กูก็อวยส้ม มันแบบแปลดีเป็นมาตรฐาน ปกก็ค่อนข้างสวย ถูกจริตกู 555
>>794 อ๋อ เออ กูก็ลืมนึกไปไกลขนาดนั้น ยุคนั้นก็ด่าเหมือนกัน
หรือปกพวกเหมือนเอารูปคนจริง/ดารามาโฟโต้ช้อปแต่งรูปของทั้งแปลและไทยสมัยก่อนตามร้านหนังสืออะ อันนั้นก็เกลียด
>>796 ปกผู้ช่วยเหรียญทองคือ กูนึกถึงยุคสมัยสัก 10 ปี+ เลยที่ฝ่ายชญเคยฮิตปกแบบนั้นเลยอะ
ก็คือกูไม่ติดเรื่องปกแบบไหนอะ ไม่ใช่ชอบตัวละครมากกว่าวิว หรือกลับกันเลยด่างี้
เอาตามแนวที่คุณทำก็ได้ ขอแค่ทำให้ดี 5555
อย่างปกฮัสกี้ตัวเต็มของไต้หวันก็คือเป็นสถานที่หมดเลย กูก็โอเค
ปกตัวละครวายยืนเก๊กอย่างปรมจ. กูก็ชอบ
แต่ปกไทยฮัสกี้มันมีแค่ตัวละคร แต่ยังดึงคาร์ไม่ชัด ดูทื่อๆ ไม่โดดเด่น กูก็เลยขัดใจเล็กๆ แค่นั้น
(บางที ถ้าไม่ดูโพยเป็นคำโปรย กูก็อาจจะงงๆ เหมือนกันว่าเอ๊ะ นี่ใครนะ
แอบเศร้ามีคนเห็นปกเล่ม 3 เป็นโม่หราน 1.0 ปก 4 เป็นโม่หราน 1.0 หรือซือเม่ยบ้างแล้ว)
แต่ก็เป็นเหมือนจุดติจุดเดียวของเนื้อเรื่องที่ดี สำนวนแปลและอีดิตที่งดงาม เท่านั้นแหละ
พระเอกแบบเฮียหรงใครอ่านแล้วคงลืมฮีไม่ลงจริงๆ กูรักฮีนะแต่กูก็หมั่นไส้ฮีด้วย เป็นพระเอกยันที่สวนทางกับพระเอกวายยันสมัยนี้มากก ส่วนใหญ่เหมือนสมัยนี้ยันแบบไทป์ลูกหมา แต่ฮีคือยันแบบร้ายอ่ะร้ายเลย แถมขี้ทอแหลเป็นที่หนึ่งด้วย ไม่รู้มาฝั่งวายคนจะด่าหรือจะกรี๊ดมากกว่ากัน วายนอกจากจันทร์ที่มึงแนะนำกูนึกถึงคนอื่นไม่ออกจริงๆอ่านแล้วแต่ละเรื่องไม่มีเรื่องไหนไทป์นี้แล้วมั้ง(รักแต่ดูไม่ออกว่ารัก ไม่ค่อยคลั่งรัก แผนสูง ฉลาดเป็นกรด ไซโคพาส จิต mตัวแม่ sตัวพ่อ) ตามที่มึงบอกกูว่า
ลุงเยี่ยน-นางกวนทีนไปนะ เป็นคนแก่ที่ดูไม่นิ่งด้วย55
บ่วงเล่ห์- ลูกหมายัน คลั่งรัก
พอ.จันทร์พราย-คนนี้ตรงสุดละ
กูว่าเฮียหรงไม่ค่อยคลั่งรักนะ(หรือมันคลั่งรักแต่กูดูไม่ออกว่ะ) พระเอกวายส่วนใหญ่คือคลั่งรักหนักมากก ยิ่งฟิลทั้งโลกกับเธอคนเดียวนิแทบเป็นทุกเรื่อง
ของม่านๆกูยังไม่อ่านอ่ะแต่เห็นมึงว่าเหมือนเดี๋ยวกูไปตำจากกองดองก่อน
>>806 เหมือนแค่ คาร์ฉลาด เจ้าแผนการ ใช้วิธีต้อนนายเอกเข้ามือ แต่ความคลั่งรัก/นายเอกหลงผัวแต่แรกนี่ กลบฟีลไปเยอะนะ ระดับทำนายเอกพังเพื่อต้อนเข้ามือนี่หายากจริงๆ คนอ่านคงไม่เอาด้วยแหละ (อย่างพวกซี่รีย์ทาสรักนี่นายเอกพังแต่ไม่รู้สึกถึงความฉลาดของพระเอกเลย)
เอาจริงๆถ้าไม่ติดว่าต้องธีมพีเรียด กูว่ากู้เซียวก็ได้อยู่สำหรับพระเอกสายmanipulate
หรงจื่อนางคลั่งนางเอกมากกว่า แพลนทุกอย่างเพื่อให้นางเอกอยู่กับตัวเองตลอดไปไม่ว่าจะทำร้ายจิตใจนางเอกเเค่ไหนก็ตาม กูจำไม่ผิดเมื่อตอนพิเศษในเล่มสิ่งที่นางกลัวที่สุดคือนางเอกจะหนีกลับปัจจุบัน
>>802 เป็นไปได้ว่าตะโดนสาปนะมึงถ้ามาฝั่งวาย กูเห็นมีคนว่าปกฮัสกี้แบบนี้คงประหยัดต้นทุน ค่าปกคงถูกแหละ กูแบบ ห้ะ นี่เราให้ค่างานจากจำนวนขีดหรอ กูงงเลย งานมินิมอลบางที่แพงสุดเลยนะ กูท้อ งานศิลปะโดนวัดค่าแบบนี้ได้หรอ นักวาดร้องแล้วน้า
เออว่ะ ที่ฮีทำไปทุกอย่างคือเพื่อขังนางเอกไว้กับตัวนิหว่า เป็นความคลั่ง(รัก)ที่ทำกุสะพรึงมากๆ รักฮีว่าซวยแล้วโดนฮีรักกลับแม่งซวยกว่าอีก
เห็นด้วยที่พระเอกวายคือรักนายเอกแบบถนอมประคองไว้กลางฝ่ามือคือคงไม่ได้เห็นฟิลไล่ต้อนจนพัง คลั่ง(รัก)แบบน่าสะพรึง ฉลาดร้ายกับทุกคน(ร่วมทั้งคนที่ตัวเองรัก) กูว่าที่เด่นของเฮียหรงคือจุดนี้ซึ่งกูคงหาไม่ได้จากพระเอกวายอ่ะ
>>795 ยังนึกฝั่งวายไม่ออก แต่มึงอ่านพี่ชายของแจ่มยังนะ (นิยายเรื่องนี้ข้าไม่ได้เขียน) กูว่าอันนั้นก็พอไหวอยู่
กูลองไปอ่านสปอยล์จันทร์พรายมา กูว่าอันนั้นเกินเลเวลกูไปหน่อย มันไม่ใช่รักแล้ว
>>808 ไม่ๆ กูหมายถึงกูเอง กูไม่สาป 555 แต่เห็นด้วยกับมึงว่าเป็นไปได้ เพราะตลาดวายโดยรวมชอบปกตัวละคร โดยเฉพาะปกคู่
แต่มันก็ต้องคำนึงถึงยุคสมัยด้วยแหละ สิ่งที่ฮิตยุคนึง อาจจะไม่ฮิตแล้ว
นึกถึงที่มีคนบอกปกพันสารท ถ้ามองตอนนี้ก็คงไม่สวยแล้ว แต่สมัยออกมาคือว้าวมาก (ไม่รู้เหมือนกัน กูไม่ทัน)
และพอมึงยกประเด็นต้นทุนมาก็ทำให้นึกคิดได้ว่าเออ หลายๆ คนบอกว่าชญไม่ค่อยเรื่องมากเท่าวาย
แต่ก็อย่าลืมด้วยนะว่าวายโดยเฉลี่ยแพงกว่าชญอะ (ไม่นับกูกูเพราะตั้งราคาโดดจากตลาด)
หงส์ขังรักคือถัวเฉลี่ยตกเล่มละ 250-300 บาท 400 หน้า แต่โอเค มันเก่าแล้ว
ยุคใหม่แจ่มใส แสนชังงี้ 400 หน้า ขาย 350
ฮัสกี้เล่ม 1 เกือบ 400 แต่ราคาพุ่งไป 425 งี้
จะอ้างว่าเป็นเพราะวายแปลดีกว่าชญ กูก็คันปากอยากจะแย้ง
>>809 กูว่ามึงอาจจะยังหาแหล่งไม่เจอ นึกคีย์เวิร์ดไม่ออก (กูก็ยังนึกไม่ออก)
เพราะมีความรู้สึกว่าคาร์แรกเตอร์แบบนี้ คนน่าจะยอมรับกรณีกระทำกับตัวเอกที่เป็นชาย มากกว่าผู้หญิง
แต่อาจจะเฉพาะกลุ่มหน่อย มีคนเขียน แต่ไม่มีคน LC เข้ามางี้
หรือมึงจะลองอ่านงานของลิลิธ ถ้าไม่ติดว่าเน้น PWP กูว่าหลายเรื่องก็เข้าเค้านะ 555
แบบ toxic relationship manipulative สุดๆ โรคจิตให้เต็มขั้น
>>810 ตลาดวายมันแคบกว่าชญมึง ต้องแพงกว่าเป็นปกติอยู่แล้ว ไหนจะต้นทุนของเเถม ไหนจะค่าประมาณการ perfectionist ของนักอ่านสายวาย เทียบกับชญที่ไม่เห็นแมสในออนไลน์ แต่พอออกปุ๊ปซื้อเลย งานหนังสือซื้อเป็นหมื่นๆ ไม่สนหน้าปก ออกซื้อจ่ายจบ ออกมาถูกใจเนื้อเรื่องก็ซื้อ ออกมาห้าปีคนยังซื้ออ่านอยู่เลย ขายได้เรื่อยๆ ถ้าเป็นวายหนึ่งปีเรื่องไม่ค่อยดังก็ตลาดวายแล้ว และส่วนมากของชญคือซื้อมาอ่านไม่ซื้อมาเก็บเหมือนสายวาย และสายวายที่ตลาดน่าจะมีวัยรุ่นเยอะกว่า เวลาซื้อต้องคิดหน่อย
งานลิลิธในไหนว่ะกูค้นไม่เจอ ในรอร. จอย ดด. ธัญ หรือเล้า ช่วยปาวาร์ปมาให้กุที ไม่ก็ยกตัวอย่างซักเรื่องที่เขาแต่งให้กูไปค้นต่อก็ได้ ขอบคุณมากเพื่อนโม่ง
นอร์มอล นิยายข้าไม่ได้เขียน รหัสลับที่โม่งตำหนักจีนเคยว่าๆไว้ว่าร่างทรงหรงจื่อกูตามหมดล่ะ ถึงมานั่งกอดเข่าหาพระเอกแบบนี้จากฝั่งวายบ้าง แต่ถ้าฝั่งนอร์มอลยังเหลือพอ.แนวๆนี้อยู่ก็ปามาได้ กูพร้อมรับ
>>810 โทษทีมือกูเผลอไปกดส่งก่อน ต่อในนี้เเทน จากที่กูเล่ามาข้างต้น จะทำให้ต้นทุนคงที่(ค่าเสื่อมเครื่องจักร เงินเดือน ค่าแปล ค่าปก ค่าไฟ เป็นต้น) มันจะตัวหารน้อยลงมากๆ ซึ่งต้นทุนพวกนี้ถือเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมากของสนพ. พอยอดพิมพ์น้อยยอดขายน้อย ต้นทุนพวกนี้ก็จะถูกกระจายเข้าไปในแต่ล่ะเล่ม ต้นทุนต่อเล่มก็จะสูงขึ้น และสนพ.ก็ต้องเผื่อราคาสำหรับนิยายวายที่ไม่ได้ขายได้ตลอดๆแต่ขายดีช่วงแรก ไม่เหมือนชญที่รีปริ้นแล้วขายได้ตลอดๆ ซึ่งพิมพ์แรกเนี่ยต้นทุนจะสูง เพราะค่าLC ส่วนที่เป็นฟิกคอสจะอยู่ในรอบนี้ (กูไม่รับประกันว่าเป็นทุกเรื่อง แต่ส่วนใหญ่เป็นเเบบนี้ ) พิม2,3ก็ถึงจะค่อยเป็นเปอร์เซ็นตามราคาปก
กูง่วงมากสมองไม่ไหวแล้ว ถ้ามึงงงกูก็ขอโทษด้วย
>>812 + 815 ไม่เป็นไร มึง กูเข้าใจ ขอบคุณมากๆ ที่มาอธิบายให้กูฟัง ฝันดีนะ เพื่อนโม่ง
กูเพิ่งอ่านวายได้ไม่นานอะ และถึงแม้ตลาดอาจจะแคบกว่าในแง่จำนวนผู้บริโภคจริงอย่างที่มึงเล่า
กูก็มีภาพจำ (อาจเเป็นความเข้าใจผิด) มาตลอดเลยว่าตลาดฝั่งนี้ดูค่อนข้างคึกคัก
เมื่อเทียบกับแฟนตาซี หรือนิยายแปลฝรั่งอะ (ล้มหายตายจากไปเยอะแล้ว)
อย่างเวลาไปร้านหนังสือ หรืออันดับนิยายขายดี เดี๋ยวนี้ก็เห็นวายครองอันดับเยอะ
มหากาพย์ยอดออเดอร์ของปรมจ. กับสวรรค์งี้ หรือทุกครั้งที่มีเปิดประกาศลิขสิทธิ์ เปิดพรี
ทุกคนคือพร้อมจ่าย พร้อมเปย์มากๆ
แต่มึงก็อาจจะพูดถูกว่ามันแค่เพราะผู้บริโภคค่อนข้างส่งเสียงเยอะกว่า ดังกว่า
ในขณะที่ชญไม่เน้นส่งเสียง แต่เน้นซื้อเลย
แต่จริงๆ ถ้าพูดให้ถูกคงต้องบอกว่าที่คึกคักจริงๆ คือตลาดจีน ทั้งวาย และชญล่ะมั้ง
อ๋อ นี่อาจจะเป็นสาเหตุที่พอ กูเพิ่งมาตามและอยากเก็บบางเล่มก็กลายเป็นของหายากสินะ
>>814 DarkQueenLiLith ใน RAW มึงลองไปเปิดๆ และอ่าน tw เขาเอาว่าพอใช่สิ่งที่มึงตามหาไหม เขาเขียนละเอียดอยู่ แต่ PWP นะ ย้ำ 555
หรือถ้าไม่มีปัญหากับการอ่านอิ้งค์ ลองค้นๆ tag พวก manipulative charaters หรือ psychopath ใน novelupdate มะ
อาจจะมีเรื่องที่น่าสนใจ คิดไปคิดมา นึกถึงด้อมซีรีส์อย่าง Hannibal ด้วย อันนี้พอเข้าที่มึงต้องการไหมวะ
>>809 องค์ชายอัปลักษณ์ก็เข้าข่ายมั้ยวะ พอเรื่องนี้ก็ออกแนวป่วยจิต ที่กูอ่านมาคือวางแผนครองบัลลังก์เพราะอยากปกป้องนอ แต่ระหว่างทางก็มีเหตุการณ์ให้ทำร้ายร่างกาย&จิตใจนอ พอนอจะไป ออกแนวไม่อยู่ด้วยก็เริ่มป่วยจิตทำสารพัดวิธีรั้งนอไว้
คนเลี้ยงม้าก็เข้าข่าย มึงเคยอ่านงานอี้เหรินเป่ยยัง? แนวtoxicแบบhate-loveวายแปลกับวายไทยก็น่าจะเยอะอยู่นะ แต่ไม่ค่อยมีใครรีวิว
องค์ชายพอ.จิตป่วยแน่นอนกูคอนเฟิร์ม กูชอบนะพอ.ยันจิตๆฉลาดๆ งานอหป.กูตามงานพีเรียดแกครบหมดทุกเรื่องล่ะ ฮา ทั้งลู่เหริน องค์ชาย ฤาบุรุษ คนเลี้ยม้า แนวผิดศีลธรรมอย่าง พี่น้องกินกันเองกูก็ชอบแบบ รัชทายาทของฟน.เงี่ยถึงพล็อตจะบ้งบางช่วงก็ตาม ไม่ก็รอร.ใครจะรู้แม่ทัพอย่างข้า คู่หลักก็ดีแต่กูดันชอบคู่รองที่เป็นอช.สามกับอช.รองกินกันเองมากกว่า ของอาเจวี๋ยก็ดีกูชอบความซึนยันแตกของนางยิ่งตอนพิเศษที่ลามโซ่นอ.แล้วขังไว้ในห้องตัวเองคือกูว้าวมาก แต่ใดๆกูชอบพระเอกยันจิตแต่ไม่โง่เหี้ยนะอย่างอิพระเอกเร้นใจนิตั้งแต่ตนจนจบกูไม่รู้สึกถึงความฉลาดของนางเลย แต่จริงๆกูชอบแนวจิตแต่ไม่แสดงออกมามากกว่า หลอกกูให้ตายใจ แล้วตลบหลังกูทีหลัง แบบตบหน้าคนอ่านว่าอย่าตัดสินใครที่หน้าตาเพราะแม่งไม่ได้เป็นอย่างที่คิดเสมอไป ไม่ก็หลอกคนอ่านให้เชื่อใจแล้วค่อยตลบหลังกันตอนสุดท้าย มันเลยออกมาเป็นแนวคุณชายหน้าสวย บัณฑิตชุดขาว ดูอ่อนแอไม่น่าสู้ใครได้ แต่ก็ดูมีลับลมคมในที่ไม่ธรรมดาให้รู้สึกระแวงเล่น แนวๆจันทร์พราย หงส์ขัง
เขียนๆไปอิห่านี่กูชอบพระเอกจิตป่วยหรอเนี่ย555 รึกูเป็น m ว่ะ
>>816 กูตื่นเเล้วมึ๊งงงงงงงง สวัสดี ยินดีต้อนรับมึงเขาสู่ฝั่งนี้ กูก็ย้ายมาเหมือนกันมึง จับมือ กอดๆ ตอนมาแรกๆกูเค้าเจอร์ช็อกกับหลายอย่างเลย ตั้งแต่
-ปกสำคัญกว่านิยายด่ากันจะเป็นตายเพราะเรื่องปก
-ให้รอเกิน 2 ปีในการออกครบทุกเล่มถือว่าดอง สนพ.ก็ดัดนิสัย ไม่ยอมบอกว่าLC ไรมาบ้าง แปลเสร็จครบค่อยออก ก็บ่นกันอีกว่าทำไมไม่บอก บอกมาซิว่าที่ไหนได้ จะได้ไปตามทวงยิกๆ (นี่แหละจ่ะสนพเลยไม่บอกไงงงงง สำนึกบ้าง)
-แปลเถื่อนคือเป็นเรื่องปกติ เซเลปอ่านแปลเถื่อนอิ้งยังเอามาบอกกันง่ายๆว่าอ่านแปลเถื่อนมานะคะ แถมยังต้องสำนึกบุญคุณเพราะเเปลเถื่อนทำให้มี lc นี่เรากำลังย้อนไปเหมือนยุคมังงะแรกๆหรอคะ //เอามือทาบอก
-อ่านแปลเถื่อนมา สปอยจนจบเรื่อง ลงแท็ก ลงเฟส คนเห็นเยอะแยอะ หรือซื้อมาอ่านเล่มสปอยหรือแล้วถ่ายหน้าหนังสือลงแท็ก เป็นเรื่องปกติ ไม่มีใครว่า ไม่รู้สมัยนี้ชญเป็นไง แต่กูยังทันเคสที่นักเขียนขายดีรุ่นใหญ่ของชญไทยคนหนึ่ง ได้อ่านพร่างพราวบุปผาก่อนวันขาย แล้วมาสปอยหรือเม้าส์กับเพื่อนที่แหละกูไม่แน่ใจ จนคนด่ายับ ทั้งนักเขียนและสนพ ข้อหาเส้นใหญ่มาจากไหนได้อ่านก่อนสนพส่งให่ และ มาสปอยแบบนี้มันได้หรอ แล้วคนที่รอคนอื่นล่ะ ตอนนั้นฝั่งชญค่อยข้างคอนเซินเรื่องสปอยมากๆ ไม่รู้ตอนนี้เปลี่ยนยัง กูจำได้ว่าไม่สามารถหาสปอยทั้งเรื่องที่รู้ปมทุกอย่างได้เหมือนในนิยายวายอ่ะ ถ้าหาได้คือเพื่อนโม่งห้องตำหนักจีนไปดำมาสปอย5จุดอ่านกันเงียบๆไม่เอาขึ้นดิน
-การที่ต้องรีบซื้อตอนที่มันออกมาไม่งั้นจะหายาก จนเกิดเป็นอาชีพใหม่คือนักลงทุนนิยาย ซื้อมาก่อนค่อยขายแบบบวกอัพ100%200%300% จากราคาปก
-ทุกคนเเย่งซื้อรอบพรีเพราะพรีเมี่ยม ส่วนหนึ่งคืออยากสะสม กับส่วนหนึ่งคือเอาไว้กั๊กขายต่อนั้นแหละ
-ถ้าอยากขายต่อได้ราคาต้องเป็นรอบพรีเท่านั้น ราคามือสองวายเกือบเท่ามือหนึ่ง ถ้าไม่ใช่รอบพรีลดเกิน 50%แล้วก็ยังออกยากเลยสำหรับวายไทยที่ออกมาไม่เกินปี ถ้าเป็นชญไทยราคานี้เเยกกันแล้ว
-ซื้อนิยายร้านไหนแถมการ์ดเอาการ์ดใสมาขายต่ออีกสองสามร้อย พรีเมี่ยมจงจะเจริญ
-แปลทับศัพท์เยอะแยะเหมือนกูกูได้รับความนิยมที่นี่ กูแสนท้อ
ข้างต้นที่บ่นมาถ้าใครจะมาบอกว่าถ้างั้นก็ไม่ต้องอ่าน ออกจากแก๊งเลาไป กูก็จะขอบอกตรงนี้ว่า กูจะอยู่ กูไม่อยู่แล้วก็จะอ่านอะไร 5555555555555 รสนิยมกูสวนกับตลาดชญอยู่ กูไม่ชอบยุทธภพ พีเรียด เทพเซียน ในรั้วในวัง ตลาดใหญ่ของชายหญิง กูชอบยุคปจบหรือแฟนตาซี(ระบบ อวกาศ) ที่มีในวายเยอะกว่าและวายมีความเป็นการ์ตูนหรืออนิเมมากว่า ซึ่งกูชอบvibeประมาณนี้ บ่นยังไงก็กัดๆฟันทนเรื่องดราม่าอ่านต่อไป
ถึงพูดงั้นแต่เวลากูจะซื้อนิยานหาซื้อมือสอง50%ไม่จริงจังสภาพไม่เจอเลย หาทั้งทวิต เฟส ไอจี สุดท้ายไปซบอกช็อปปี้ พวกที่ลด50%คือออกเมื่อนานมาแล้วววววว ลด30%อัพพอมีบ้างแต่คนจองอย่างเร็วไม่เคยเหลือมาถึงกู
วายมันไม่ใช่เพราะขายได้น้อยกว่าชายหญิงเลยราคาแพง ตลาดวายอันดับสองรองจากนิยายรักชายหญิง ขณะอันดับรองลงมาแบบผี แฟนตาซี สืบสวนราคาก็ยังไม่ห่างจากรักชายหญิงมากทั้งที่ยอดคนอ่านคนละโลก สาเหตุที่อันดับสองอย่างวายแพงเพราะถึงแพงคนก็ยอมซื้อ หลายสนพ.เห็นกำไรงามจัดๆเลยลงมาเล่นเป็นดอกเห็ดเจริญเติบโตเร็วมาก
>>820 อย่าลืมเรื่องวิจารณ์การแปลประหนึ่งตัวเองเป็นอาจารย์สอนการแปลที่ชูล่า แต่ความจริงแล้วยังไม่ได้อ่านเบย แค่เห็นรูปจากคนอื่นเฉยๆแล้วขอฉอดก่อน อันนี้กูงงมาก ทำไมไม่อ่าน บางทีดึงศัพท์มาตัวเดียวแล้วแซะว่าว้าย ขำ ใครเขาแปลงี้ แต่มันอาจจะเข้ากับบริบทก็ได้ หลังๆนี่กูเห็นเริ่มๆลามไปชญละด้วยนะ ดีหน่อยฝั่งชญยังไม่ค่อยมีใครเขาบ้าตาม อย่างมากก็คิกคักกับเพื่อนตัวเองเหงาๆแค่สองสามคนไรงี้
>>822 แต่พวกนั้นมันขายได้ตลอดๆอ่ะมึง ฐานแน่นเป็นคนวัยทำงาน ถ้ามันอยู่ยาวมันรีปริ้นแล้วขายอีก คนก็ซื้อเรื่อยๆจะเด็กจะเเก่พ่อแม่ซื้อให้ลูกยังไงก็อ่านวนไปๆ วายมาดูแรงและแรงมากขึ้นในปีนี้ แต่เกิดแล้วก็ดับเร็วมากเช่นกัน ออกมาเกินปีคนก็ไม่ค่อยสนใจแล้ว ยกตัวอย่าง ระบบพลีชีพงี้ ตอนนั้นแมสชิบหาย ตอนนี้หายไปในกลีบเมฆกระแสไม่หายเร็ว เขาก็ต้องรีบตกกำไรเท่าที่ทำได้ก่อน แต่กูก็พอรู้ว่าก็มีที่ราคาสูงยอดก็ไม่ได้ต่ำอยู่ เหมือนกัน อันนั้นก็คิดว่ามันอาจจะมีคอสเยอะกว่า
พระเอกสาย manipulate รัชทายาทบัญชาก็ใช่นะ แต่ว่าสู้หรงจื่อไม่ได้อะ รัชทายาทนางมีความใจอ่อน มีความเปนคนดีอยู่ ไม่ได้ร้ายเบอร์นั้น
มาจนถึงตอนนี้ไม่ว่าจะวายหรือนอร์มอลเรื่องความร้าย โหด จิต กูก็ยังไม่เห็นมีใครโค่นตำแหน่งนี้ของพี่ท่านลงได้เลยนะ ท็อปฟอร์มมากฮีเกาะตำแหน่งเหนียวแน่นจริง
>>820 ยินดีต้อนรับ จากกูผู้คลุกคลีสายนี้มากว่า 20 ปี ขอให้คงความปกติของมึงไว้อย่าปสดตามไป สายนี้ต้องการคนเสพปกติมาถ่วงดุลความปสดแดกที่ทุกวันนี้ชักจะเลยเถิดไปเรื่อยๆ กุไม่โทษสนพ.เลยที่จะขึ้นราคาหนังสือเพราะคชจในการจัดการ ทุกความต้องการมีราคาและต้นทุนที่ต้องจ่ายในตัวมันเอง ตัวกูผู้อยากได้แค่เนื้อหาดีๆมีมาตรฐานและรูปเล่มที่สวยประมาณหนึ่งเท่านั้นก็ต้องจ่ายตามไปด้วย อีกหน่อยถ้า ebook โตมากๆกูหวังแค่ว่าสนพ.จะไม่เอาคชจพวกนี้ไปบวกกับราคาอีบุค
ตลาดวายส้วนใหญ่เป็นวัยรุ่นหญิงด้วยมั้ง กุไม่ค่อยเห็นคนอายุ30-40ขึ้นไปอ่าน ชายหญิงต่อให้แต่งแนววัยรุ่นก็มีคนอายุเยอะๆอ่าน คนที่ทำงานแล้วอายุเยอะแล้วเขามีวุฒิภาวะพอที่จะไม่ทะเลาะกันเรื่องแบบที่>>820บอก คนอายุเยอะอ่านวายก็พอมีอยู่บ้างนะแต่เขาก็ไม่ได้เล่นโซเชียลเก่งอย่างมากก็เล่นแค่ไลน์-เฟสบุคเพราะงั้นจึงไม่ใช่ตัวตั้งตัวตี
ตลาดวายเหมือนใหญ่แต่ถ้าเทียบยอดพิมพ์กับช-ญไม่ได้เลยมึง งานวายคืองานอ่านฟรีเป็นหลักกลุ่มลูกค้าที่เรียกร้องเพราะมองว่าเป็นของสะสมมากกว่าอ่าน แต่ถามว่าทำไมหลายสนพเริ่มแตกหน่อมาขายวายเพราะกลุ่มวายเป็นกลุ่มลูกค้าที่ออกอะไรมาก็ยอมจ่ายแม้ราคาจะแพง แพงเพราะจำนวนที่พิมพ์ทำน้อย แต่ก็ยอมจ่าย ทำให้ราคาเฉลี่ยกับยอดมันพอไปได้เรื่อยๆ
ในขณะกลุ่มช-ญยอดพิมพ์เยอะก็จริงแต่ราคาหนังสือจะถูกมากถ้าเทียบราคาทางฝั่งวายแต่ตลาดโคตรใหญ่ แต่กำไรต่อเล่มน้อยกว่าวายมาก ส่วนมากเน้นพิมพ์เยอะเพื่อยอดขายดี และเป็นกลุ่มที่ซื้ออ่านเป็นหนัง เป็นวัยทำงาน วันอยู่บ้าน มีเงินเหลือ สายตาไม่ดีอ่านในเน็ตไม่ค่อยได้เลยซื้อเล่มกันเยอะอีก
สาวๆ วัยเยาว์ - 35 ปีนี่แหละตัวเก็งเลย คนอายุเยอะกว่านี้อ่านวายน้อยมากส่วนมากถ้าแปลจีนก็อยู่ค่ายแจ่มกับ หสม(เบะปากแปป) ซะเยอะ อย่างแจ่มอยู่คู่กับนิยายมานานมากๆ ตั้งแต่ปกขาวภาพสีน้ำมัน แปลจีน คุกกี้ แฟนซี เวลาไปงานหนังสือคือเห็นชัดเลยว่ากลุ่มไหนซื้อนิยายแนวไหน บูธวายมีแต่วัยรุ่น อัตราการซื้อไม่สูงเท่าเหล่าแม่ๆ ป้าๆ ที่หยิบแนวอื่นทีเป็นตั้งๆ แต่ตอนนี้การตลาดก็เปลี่ยนด้วยอะ วายมาในยุคที่การซื้อออนไลน์บูม และไม่ต้องรอไปซื้อตูมเดียวในงานเหมือนแต่ก่อน จริงๆ ปรมจเล่มแรก บูธสนพ.อย่างโล่ง ^^'
ส่วนราคาหนังสือกูว่ามีผล ไม่เข้าใจทำไมวายถึงได้แพงกว่ามาก เรื่องที่ไม่ได้ดังมากราคาก็ยังแพงกว่าชญอยู่ดี กูยังรับราคาของแจ่ม/อววได้ ยังชอบที่มันไม่โดดสูงมาก ขอแค่เพลาๆ พรีเมี่ยมและกลับไปออกตัวเล่มเหมือนเดิม เบื่อพรีเมี่ยม ไม่ซื้อมาก็รู้สึกไม่คุ้มกับพรีแรกที่อย่างน้อยก็มีส่วนลด ส่งฟรี จะขายต่อก็ง่ายกว่า หนังสืออย่างเดียวเทียบราคากับรอบพรีแรกแล้วพรีก็คุ้มมากกว่าในหลายๆ ด้านอยู่ดี ทั้งกว่าจะวางร้านนอให้ซื้อ คนขายมือสองรอบพรีกันพรึ่บละ ไม่รู้ว่าต้องตกบ่วงการตลาดแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน เง้อ
>>829 ตอนเเรกกูไม่ค่อยอยากเอาเรื่องอายุมาเล่นว่าที่มันปสดเพราะวัยรุ่นเด็กอยู่กันเยอะ แต่กูว่าเป็นปัจจัยใหญ่ล่ะนะ เพราวัยรุ่นสมัยนี้ทั้งในนกฟ้าค่อนข้างให้ความสำคัญกับสายผลิตที่เป็นนักวาดมากกว่าสายเขียน (จากเรื่องที่มีคนด่าเเฟนฟิคให้ทุกคนหยุดเขียนแต่เเฟนอาร์ตขายกันล่ำซ่ำกว่าสายเขียนลอยตัวเหนือไม่โดนอะไร)จนมันลามมาเรื่องอื่นที่มีการใช้งานวาดต้องเป็นศิลปะต้องมีสตอรี่ ต้องดี ต้องเพอร์เฟค กูเป็นงง นี่เราซื้อหนังสือนะ ไม่ได้ซื้อโฟโต้บุ๊ค ต้องให้ความสำคัญกับเนื้อหาหน่อยนะ กูเห็นเวลาคนวีดมีแต่ปกสวย พรีเมี่ยมดี กูจะรอดูว่ากระเเสนี้จะอยู่ไปได้ตลอดจริงไหม และกูเข้าใจว่าเด็กๆหรือวัยรุ่นหลายคนพึ่งตระหนักถึงสิทธิที่ตัวเองมี เลยใช้กันอย่างไม่บันยะบันยัง คิดว่าตัวเองเป็นลูกค้ายิ่งใหญ่กว่าสนพ. แค่จ่ายเงินไม่เท่าไรก็ใช้คำแรงวิจารณ์แค่ไหนก็ได้ ชั้นมีสิทธิ แพงหน่อยก็บอกว่าเอาเปรียบผู้บริโภค นายทุนมันแย่ ขอโทษนะคะ เป็นนายทุนก็มีต้องต้นทุนเหมือนกัน (ยุคโควิดกูยังเชื่อเลยว่านายทุนใหญ่ของวงการสิ่งพิมพ์ก็ยังเเย่เพราะรายได้หลักมันส่วนหนึ่งมาจากงานแฟร์ที่จัดไม่ได้แต่ฟิกคอสมันเท่าเดิม ) กูรำคาญบทผู้ร้ายนายทุนมากเลย มันแย่ขนาดนั้นเลยหรอวะ แค่คนจะหากำไรถูกโยนรับบทนายทุนหมด ทั้งที่มันก็ไม่ได้มาผูกขาดราคาอะไรในวงการนี้เลย ถ้างั้นก็หารเงินซื้อค่าเเอลซี ค่าแปล ค่าปกที่ถูกใจกันเองเถอะ จะได้ไม่ต้องมามีปัญหาเรื่องนี้ ตอนกูเด็กๆถ้าอยากได้แต่ตังไม่ถึงกูก็ได้เเค่เก็บตังค์อ่ะ แบบนี้เรียกว่ากูโดนนายทุนเหยียบไม่เรียกร้องหรอ กูมันโง่หรอ 555555 เห้อ ถ้างั้นไม่พอใจก็ไม่ต้องซื้อเป็นฟีดเเบคที่ดีที่สุด ยอดขายไม่ดีเขาก็ปรับปรุงเอง ไม่ใช่มาแว๊ดๆใส่เขาให้ลงราคาลงมาให้พอดีกับเงินที่ตัวเองมี จะมาอ้างเรียกร้องเพื่อสิทธิผู้บริโภคของตัวเองแต่ไม่เเคร์ฝั่งคนที่รับคำพวกนี้
เด็กๆก็งี้แหละมึง
ดูแต่อะไรฉาบฉวย หน้าปกต้องดี ต้องสวย ต้องเริศ ของแถมต้องดี
สำหรับกู กูมองแค่เนื้อใน แต่เนื้อหามันดี หน้าปกจะไม่สวยยังไง กูก็ซื้อ
เพราะกูสนใจเนื้อหา 300+หน้าข้างใน มากกว่าหน้าปกแค่หน้าเดียว
>>830 ถูกเลยมึง คนที่อยู่แต่ในทวิตหรือในเฟสก็จะมองว่าวายใหญ่โต แต่เอาจริงชญนี่กว่าใหญ่มาก สมัยก่อนมีเรื่องหมอหญิงเทวดาของเเจ่มออกเล่มใหม่นี่แมสเซนเจอร์ต่อคิวรอซื้อที่แจ่มคลับอย่างยาว
>>831 เพราะยอดเรื่องที่ไม่แมสมันยอดพิมพ์ต่ำกว่าเล่มที่แมนๆ ต้นทุนต่อเล่มเลยสูงขึ้น ราคาก็ต้องบวกขึ้นไปอีก มึงลองอ่านที่กูพิมพ์อธิบายไว้ข้างบนก็ได้
>>828 กูก็ไม่มีปัญหาเรื่องราคาเลย กูเข้าใจเรื่องต้นทุนๆมาก มันมีอะไรเยอะกว่าที่นักอ่านคิด จะเอามาหารหน้าเปรียบเทียบไม่ได้ ยิ่งเทียบที่ไม่ใช่พีเรียดเดียวกันนี่ยิ่งเทียบไม่ได้เลย แต่ล่ะสนพก็มีการตลาดที่ต่างกันเงินฟงเงินเฟ้ออีก กูเลยคิดว่าหรือเพราะวัยรุ่นยังไม่เคยทำงานเลยมองไม่ออกว่าในบริษัทหนึ่งมีอะไรที่ต้องจ่ายมากกว่านั้น
กูไม่มีปัญหาเรื่องราคาเหมือนกัน ราคาก็สมเหตุสมผลอยู่ไม่ได้แพงมากจนขมวดคิ้ว แต่กรณีพวกซื้อกั้กไว้แล้วขึ้นราคาแพงๆคือแม่งขายแพงเวอร์ๆแถมเป็นอาชีพที่ไม่น่ารักด้วย คนที่เขาอ่านอยากสะสมจริงๆก็อดซื้อ
ky กุอ่านบนๆแล้วอยากรู้ขนาดตลาดชญเทียบกับวาย กุจะไปหาได้จากไหน เพื่อนโม่งมีใครรู้ช่วยชี้ทางให้หน่อย
กูรู้สึกว่าตลาดชญเงียบๆแต่ขายได้เพียบจริงก็ตอนบริดเจอร์ตันแมสอะมึง แทบไม่มีคนพูดถึงหนังสือเลย แต่ขายหมดเอาๆ
>>835 กูก็ไม่ชอบพวกแม่ค้าซื้อกั๊ก กว้านซื้อกันไปหลักหลายสิบหลักร้อย ก็เข้าใจว่าสิทธิเขา ช่องทางหาเงินเขา เงินเขา แล้วคนที่อยากอ่านอยากซื้อจริงๆก็แย่งซื้อกับแม่ค้าพวกนี้ไม่ทัน ไปซื้อต่อจากแม่ค้าก็โดนอัพราคามากบ้างน้อยบ้าง กูก็ว่าอะไรพวกแม่ค้าไม่ได้หรอก ได้แต่คิดอย่างมึงว่า เป็นอาชีพที่ไม่น่ารัก
เวลากูเห็นแม่ค้าแทงหวยผิด ปล่อยขายไม่หมดสักที บอกเหลือเป็นสิบๆ ชุด กูก็ได้แต่ดีใจแทนสนพ. ได้ยอดขายเยอะดี
คนชอบมองว่าตลาดวายใหญ่ แต่จริงๆไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้น แค่มีคนพูดถึงเยอะเฉยๆเพราะคนอ่านส่วนใหญ่เป็นสายโซเชียล ยอดพิมพ์ของวายนี่โดยรวมเทียบกับนิยายชายหญิงไม่ได้เลย ที่มันตลาดใหญ่รองจากชญเพราะบางคนเล่นแบ่งประเภทนิยายแบบ 1. ชญ 2. วาย 3,4,5...N. อื่นๆที่ไม่มีพล็อตโรแมนติก วายมันก็ต้องที่สองอยู่แล้วแหละ แต่ก็ยังคุ้มที่จะลงทุนอยู่นะ
ตัวอย่างที่เห็นชัดคือ ถ้าวายตลาดใหญ่จะไม่มีการโซเอ้าท์ไม่พิมพ์เพิ่มแล้วกลายเป็นของหายากให้แม่ค้าเอาช่องว่างตรงนี้มากินกำไรหรอก
ปัญหาการกดกั๊กอัพราคามันเป็นปัญหาสืบเนื่องจากเทคนิคการตลาดจริงๆ ขนาดตลาดก็มีส่วนแต่กุว่าไม่ใช่จุดหลัก ไม่งั้นสายชญก็ไม่มีปัญหานี้ ซึ่งกุเห็นมีกันทุกสาย หากอยากให้ได้ผลทางการตลาดสนพ.ต้องกำหนดจำนวนทำให้มันขาดตลาดอ่ะมึง ตามหลักดีมานซัพพลาย และกูก็คิดว่าสนพ.ยินดีให้มันขาดตลาดมากกว่าเหลือสต๊อกบาน
ดูอย่างฮัสกี้ได้ เล่ม 1 กูว่าแม่ค้ากดมากะฟันกำไรกันบาน แต่กุหลาบดันพิมพ์เยอะจริง สุดท้ายราคาก็ไม่ขึ้น ส่วนตัวกูเองก็ไม่รีบกดแล้ว รอกดทีเดียวตอนใกล้ครบ แน่นอนว่าสนพ.ได้เงินช้าขึ้น พอกระแสซาก็เสี่ยงสต๊อกจมแล้ว จะเร่งยอดก็ต้องเล่นกัยความรู้สึกหวาดกลัวว่าจะไม่ได้ของของลูกค้านี่แหละ
สงสัยอะ โม่งชอบพูดกันว่าตลาดวายไม่ใหญ่ขนาดนั้นๆๆ แต่ปีสองปีนี้สนพ.ใหม่ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด มาถึงก็พิมพ์วายจีนกันรัวๆ ถ้าตลาดมันไม่ใหญ่ขนาดนั้นจริง ทำไมสนพ.วายมันผุดมาเยอะกว่าชญอะ?? ถ้าชญแมสกว่าจริง สนพ.ใหม่มันก็น่าจะอยากไปจับตลาดนั้นกันมากกว่าป่าว??
อันนี้ความคิดเห็นส่วนตัวกูนะ กูว่าฮัสกี้พิมพ์เยอะอยู่และกระเเสมันยังไม่สุดอ่ะ ต้องรอซีรีย์ด้วย ที่สนพ.ตัดสินใจพิมพ์เยอะเพราะยิ่งเยอะฟิกคอสของค่าแอลซีก็เฉลี่ยต่ำลงอีก ยังก็ขายได้อยู่แล้ว รอซีรีย์มาก็พีคอีกรอบ สู้พิมเยอะเเต่เเรกไปดีกว่าตัดปัญหาแม่ค้ากั๊กราคา กำไรเข้าสนพ.ให้หมด แต่วายทุกเรื่องไม่ได้โชคดีแบบนี้ที่มีซีรีย์มาฉุดกระแส หลายเรื่องที่พอขาดตลาดปั๊ปอัพราคาปุ๊ปแล้ว เพราะไม่รู้ว่าสนพจะพิมพ์ใหม่ไหมเพราะถ้าเป็นสนพเล็กๆมารอบเดียวก็ไป พิมพ์สองจน.เริ่มไม่คุ้มคอสแล้ว วายมันค่อยข้างเน้นสะสมมากกว่า คนซื้อก็เร่งซื้อตั้งแต่รอบแรก พอคนมาตามที่หลังก็หายาก จะพิมพ์ใหม่จน.ขั้นต่ำที่จะพิมพ์และขายได้ก็ไม่พ้นต้นทุนคงที่อยู่ดี สนพเลยเลือกที่จะปล่อยมันหายากต่อไป รอดีมานมากพอแล้วรีปริ้นรวดเดียวแบบให้พรี ต่างจากนอลมอลที่สนพตีพิมพ์เรื่อยๆไม่ต้องรอรีปริ้นอยู่ บางเรื่องออกมานานแล้วสนพยังต่ออายุสัญญาต่ออีก แต่กับวายกูเห็นพ้นปีแรกกระแสก็เริ่มดับไป กูเชื่อว่าระหว่างของค้างสต็อกกับของขาด สนพต้องประมาณการค่าเผื่อเสียโอกาสของทั้งสองฝั่งอยู่แล้วอยู่ที่ว่าจะเลือกฝั่งไหนให้เหมาะสมแล้วมีค่าประมาณการตัวนี้น้อยที่สุด ซึ่งถ้าอิงว่าตลาดไหนใหญ่กว่สโดยดูจากตรงนี้ ก็จะเห็นว่าชญที่มีการพิมอยู่เรื่อยๆอยากซื้อเมื่อไรก็ได้น่าจะใหญ่กว่าวายที่ต้องรอการรวมกลุ่มดีมานที่มากพอสนพถึงจะรับพิจารณาพิมพ์เพิ่ม
>>844 ไม่ใช่แบบนั้นหรอกมึง การที่สต็อกหมดหมายความว่าพิมพ์เพิ่มแล้วไม่คุ้มต่างหาก พิมพ์ออกมายอดอย่างต่ำพันเล่ม คนซื้อแค่สองร้อย แล้วใครจะพิมพ์ล่ะ พิมพ์แค่พอดีๆสองร้อยเล่มเหรอ ต้นทุนต่อเล่มก็เบิกบานสิ ไม่มีใครเล่นกระแสการตลาดด้วยการกะให้สินค้าตัวเองขาดตลาดหรอก นอกจากจะทำให้ได้กำไรน้อยลงแล้วยังทำให้ลูกค้าหงุดหงิดอีก ใครมันจะเสี่ยง เรื่องไหนที่ดูแมสๆเขาก็พิมพ์เผื่อเหลือเอาไว้ทั้งนั้นแหละ สต็อกบานยังไงเอาไปเลหลังขอแค่ต้นทุนคืนก็ยังได้ แต่ถ้าของขาดแล้วพิมพ์เพิ่มไม่คุ้มนี่สิช้ำจริง
ชญ ตลาดมันใหญ่กว่าเพราะขายผู้ชายได้ด้วยปะ แล้วก็ขายผู้หญิงอายุเยอะได้ด้วย
วายมันส่วนมากเป็นผู้หญิงวัยรุ่น
>>845 เพราะตลาดชญมีเจ้าตลาดอยู่แล้ว ลูกค้าที่อ่านชญส่วนมากอ่านกันมาเป็นสิบๆปี กลุ่มที่จ่ายหนักสุดคือวัยเกษียณ เขามีสนพ. มีนักเขียนที่ตามๆกันอยู่ หน้าใหม่ก็เลยเจาะเข้าไปลำบากหน่อย แต่วายไม่ใช่ เพราะส่วนใหญ่กลุ่มลูกค้าเป็นกลุ่มอายุน้อยลงมาที่เล่นโซเชียล มันมีพื้นที่ให้โฆษณามากกว่า แต่กำลังซื้อก็สู้วัยเกษียณหรือกำลังจะเกษียณไม่ได้
>>845 อันนี้กูเดา จากที่กูเห็นคือวายเปิดใหม่จะมาสายพรี สายหาทุนไปพิมพ์ก่อน สายออนไลน์ บ้างที่ก็ไม่เข้าร้านหนังสือ ต้องซื้อตรงสนพไม่ก็ชป.อย่างเดียว ถ้าชญมาเปิดเเบบนี้กูว่าไม่รอด รูปเเบบกลุ่มเป้าต่างกัน ชญชอบไปเดินเจอแล้วซื้อหรือซื้อเยอะๆที่งานหนังสือมากกว่า แล้วก็ไม่ชอบต้องมานั่งรอสองสามเดือน(ยกเว้นของกูกูรอสามปีแฟนคลับก็รอได้) ต้องเปิดพร้อมขายเลย จุดนี้ที่ต่างจากวาย ดังนั้นถ้าทุนไม่ถึงต้องมาระดมเงินจากการเปิดพรี ชญน่าจะไปไม่รอดกับรูปเเบบนี้ ซึ่งถ้ากูจำไม่ผิดตอนชญแมสใหม่ๆก็มีสนพเปิดเยอะอยู่แต่ไปไม่รอดเหมือนกัน(ถ้ากูจำไม่ผิดนะหลายปีแล้ว ) สนพวายที่เปิดใหม่ช่วงสองสามปีนี้กูไม่เห็นที่ไหนจะใหญ่ขึ้นมาจากการขายวายเลย ร่างแยกเป็นไฮดร้าก็มี ขายเรื่องเดียวแล้วก็ไปก็มี กูจะรอดูว่ามันจะไปสุดเหมือนชญที่สุดท้ายก็เหลือแต่หน้าเก่า
ตลาดวายมันดูใหญ่ เพราะสาววายมันขี้ฉอดขี้โวยวาย มันเลยดูยิ่งใหญ่
พวกชญ กูว่าเขาไม่ได้โวยวายเยอะ มันเลยดูเงียบๆ คนรู้จักกูเป็นผู้ชาย ตามอ่านจีนกำลังภายใน ก็ซื้อนิยายอ่านอยู่เรื่อยๆ แบบเงียบๆไม่บอกใคร
แต่กูเห็นหนังสือที่เขาซื้อเอง
>>845 เค้กใหญ่กว่าแต่คนแบ่งเยอะแล้วไง จะไปตัดมามันก็ยาก อันนี้ตลาดเล็กกว่า แบ่งมาได้ง่ายกว่าก้อนใหญ่กว่า ประมาณนี้มั้ย
>>846-847 กุหลาบอาจจะหวังซี่รีย์จริงกุก็ลืมไปว่ามันยังไม่ออนแอร์ ตอนนั้นน่าจะมีกระแสดึงติ่งนสดมาเพิ่มด้วย เลยพิมพ์หนักไว้ก่อนเพราะคุ้มทุนกว่าเจ้าใหญ่ไม่กลัวเรื่องสตอกอยู่แล้วนิ
แต่กระแสพิมพ์น้อยเอาการตลาดกุดูตัวอย่างจากมังงะง่ะ (อีลพ.นั่นล่ะ) กุว่าสนพก็คงคำนวนจุดคุ้มทุนมาละเอียดแล้วว่าแค่ไหนถึงบาลานซ์กับความเสี่ยง แต่กุก็ยังคิดว่าสนพ.ไม่น่าจะอยากเลหลัง คงจะยอมให้ขาดเล็กน้อยแต่ขายราคาเต็มได้มากกว่า ดังนั้นกุว่าถ้าไม่ติดfix costต่อลอต ก็ยังน่าจะกำหนดให้ขาดนิดๆมากกว่าป่าววะ
>>848 ใช่ๆ พ่อกูอ่านชญจีนแต่ไม่ยอมอ่านวายไม่ว่าจะเชียร์แค่ไหน พ่อกูชญจีนกับกำลังภายใน สมัยกูอ่านชญเชียร์พ่อได้หลายเรื่องเลย
>>853 เอาจริงกูว่านังใบไม้นางไม่มีกำลังผลิตไม่เพียงพอเองมากกว่าว่ะ มันเลยขาดตลาด กูแอบคิดว่ามันขี้โม้ที่มาอ้างสนพญปจำกัดจำนวน ต้องเชียร์ให้มันขยายโรงพิมพ์มันแล้ว มันเสียกำไรไปเยอะมากนะสำหรับคนที่หาแล้วท้อ คนการที่ขายมือสองราคาสูงตัดหน้ามัน จากที่มันจะได้เงินจากสองคนกลายเป็นคนเดียวกูว่าคนคำนวนจน.เล่มในการตีพิมพ์หนึ่งครั้งของมันน่าจะมีปัญหานะ เปลี่ยนคนเถอะ เพราะไม่ได้มีปัญหาแค่เล่มแรกๆของซีรีย์นั่นแต่เป็นทุกเล่มเลย หรือพอหายากแล้วทำให้มันพูมใจแต่กำไรไม่เข้ามันก็ปล่อยมันไปเถอะ ดูอย่างสนพ.มังงะอื่นยังไม่มีปัญหาเท่ามันเลย แล้วเท่าที่กูรู้สนพ.ตั้งราคาเพื่อสำหรับเลหลังอยู่แล้วมึงไม่ต้องห่วง อีกอย่างพิมพ์ขาดมันใช้กับตลาดชญที่ผู้อ่านอายุเยอะเป็นส่วนมากไม่ได้อ่ะ เขาไม่ได้มีเวลามานั่งหาตามsns นั่งแย่ง มีเวลามานั่งรอรีปริ้น เขาเเค่อยากอ่านเขาก็เเค่เดินเจอเรื่องไรก็ซื้อ ไม่มีไม่อ่านก็ได้ไม่เดือนร้อน ตัวอย่างจากพ่อกูเลย
เคสใบเขียวเคยเห็นคนในวงการที่ทำค่ายอื่นวิเคราะห์ว่าน่าจะอยากขายดิจิตอลมากกว่าเลยพิมพ์เล่มน้อยๆอ่ะ
>>853 ทำไมมึงถึงคิดว่าสนพ.อยากขายได้น้อยแต่ขายเต็มราคามากกว่าล่ะ ในเมื่อ:
ถ้าพิมพ์ 80 มีคนต้องการ 90 สนพ.ขายเล่มละ 100 ได้ 80x100 = 8000 แล้วโดนลูกค้าอีกสิบคนด่า
แต่ถ้าพิมพ์ 100 ขายราคาเต็ม 90 ผ่านไปสามปีขายโปรโมชั่นพร้อมเล่มอื่นลด 50% ไปเลยอีก 10 เล่ม จะได้ (100x90)+(10x50) = 9500 ได้ลูกค้าเรื่องอื่นด้วย
พวกมึงเป็นคนในวงการสนพปะวะ มีคำนวณราคาด้วย ทำไมกูอ่านไม่รู้เรื่องเลย 5555
>>857 ในความจริงมันคงกะตัวเลขเป๊ะๆไม่ได้หรอก ในความคิดกูคือการประมาณการยอดให้มันขายหมดในเวลาไม่นานนั่นแหละ ให้มีความแรร์หน่อยๆ ไม่เหลือเผื่อไว้ขายนานๆ น่าจะเป็นเทคนิคการตลาดที่ให้ผลดีต่อยอดขายมากกว่าน่ะ ไม่ใช่ว่าตั้งใจให้ขาดตลาดเยอะๆนะ อันนั้นก็ถือว่าเสียโอกาสทางการขายมากกว่าแล้ว
ที่กูคิดคือผลทางอ้อมน่ะ อย่างตัวเลขที่มึงยกมา สิบคนที่ด่า พอเล่มต่อไปออก มันจะไม่รอแล้วมันจะแย่งกันซื้อเลยเพราะรู้ว่ารอแล้วแม่งไม่ได้อ่านต้องซื้อราคาอัพ ตอนนั้นมึงอัพจำนวนพิมพ์สักหน่อยเป็น 120 ก็ยังอาจจะหมดในเวลาไม่นาน เพราะกระแสแย่งชิงมา มึงก็นับเงินสบายๆในเดือนนั้นเลย เอาไปพิมพ์เรื่องใหม่ให้คนแย่งต่อ หมุนเงินได้หลายรอบ กำไรก็มากตาม
และเวลาสต๊อกค้างมันก็มีค่าใช้จ่ายในการจัดการ มีทุนที่จมในระหว่างรอขายสามปีน่ะนะ แต่ก็อย่างที่เพื่อนโม่งถกมา มันก็มีหลายปัจจัยจริงๆ ทั้งเรื่องพฤติกรรมกลุ่มเป้าหมาย จำนวนงานที่ออก การประหยัดต่อขนาด ต้นทุนบริษัท ฯลฯ ที่กูคิดก็อาจจะไม่ถูกทั้งหมดนั่นแหละ
>>862 ใช่ กำหนดต่อรอบพิมพ์แรกมีจำกัดอยู่แล้วเเต่สัญญา รอบไหนๆก็ต้องมีการจำกัดจำนวนไว้ แต่คนที่ต่อรองก็สนพ.ในไทยนี่แหละ ใบไม้จะไม่มีอำนาจต่อรองที่จะเลือกจำนวนพิมพ์ที่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดเลยหรอ กูเลยว่ามันขี้โม้ เพราะพิมพ์ได้น้อยเลยเลือกสัญญาที่พิมพ์จำนวนน้อยมากกว่า
>>861 กูขอถถตรงนี้นิดนึง อันนี้ไม่เอาต้นทุนคงที่ที่เกิดขึ้นต่อรอบมาเป็นตัวแปร ถ้ามึงปล่อยให้แรร์ในระยะเวลาที่ไม่นานและทำเป็นประจำยังไงผู้บริโภคก็ต้องรู้เนเจอร์ของสนพ.มึง เขาก็จะเริ่มชินไหมวะ ทำให้ไม่เร่งซื้อมึงเหมือนเดิม ไม่มีความรู้สึกว่าต้องรีบเพราะผ่านไปไม่นานมึงก็รีปริ้นอยู่ดี กูว่าปัจจัยที่จะทำให้แรร์ได้คือ ไม่รู้ว่าจะรีปริ้นช่วงระยะเวลาไหน หรือไม่รีแล้วจริงๆอันนี้จะทำให้แรร์ นานมากหรือสั้น ถ้าสั้นมากคนก็จะจำมึงในรูปแบบที่เดี๋ยวก็รีไม่ต้องแย่ง ถ้ายาวมากมึงก็จะเสียโอกาสทำกำไรในจุดนี้ กูว่ามันทำได้ยากในตลาดหนังสือ ใช้ได้ไม่บ่อย และค่าเสียโอกาสสูงอยู่
>>861 อย่างแรกคือไม่มีใครคำนวณพฤติกรรมผู้บริโภคได้เป๊ะๆแบบนั้นหรอก ยิ่งวิธีนี้ความเสี่ยงสูงไป ไม่คุ้ม แทนที่นักอ่านจะรีบซื้อของมึงในงวดถัดไป เกิดเขาหงุดหงิดว่าเสือกพิมพ์น้อย คราวนี้ก็คงจะน้อยอีก เดี๋ยวสั่งซื้อไม่ได้จะเสียอารมณ์ เลิกตามแม่งเลย สนพ.อื่นก็มีเยอะแยะ ทีนี้จะทำไงล่ะ
อย่างที่สองคือถ้ามึงเป็นสนพ. ยังไงมึงก็ไม่ได้พิมพ์เล่มเดียว มึงต้องมีค่าสต็อกอยู่แล้ว จะเช่าหรือซื้อโกดังเอาก็ต้องจ่าย จะมีสต็อกหรือไม่มีก็ต้องจ่าย แล้วทำไมจะไม่สต็อกล่ะ
แต่อมรินทร์นี่กูส่องในจิ้นเจียง ปีสองปีที่ผ่านมาแทบจะซื้อแอลซีแค่นิยายวายล้วนๆเลยนะ แบบ วาย:ชญ 80:20 เลยมั้งถ้ากูจำไม่ผิด แอบไปซื้อจากเว็บอื่นด้วยหรือเปล่าไม่รู้ แต่กูว่ากระแสวายมันกำลังมาจริงๆแหละ ถ้าคงกระแสงี้ไปได้อีกซักห้าปี ไอพวกผู้หญิงวัยรุ่นก็จะโตเป็นวัยทำงาน แล้วถ้าได้อีกสิบปีมันก็จะเริ่มกลายเป็นวัยที่ซื้อไม่ยั้งละ กูว่าตอนนี้มันเป็นช่วงเพิ่งเริ่มเองแหละสำหรับสายวาย ต้องดูว่ามันจะไปต่อได้ถึงขนาดไหนว่ะ เพราะเด็กวัยรุ่นเดี๋ยวนี้พอเริ่มเล่นโซเชียลก็แทบไม่อ่านชญกันเลยอ่านแต่วาย กระแสมันพาไปอ่ะ ตลาดฝั่งนี้ยังโตได้อีกเยอะ หรือวันนึงจะหายไปเหมือนนิยายแจ่มใสลูกกวาดเลยก็ไม่มีใครรู้
วายจีนแค่เรื่องมันยังใหม่เยอะอยู่ กูหมายถึงแนวถึงสไตล์น่ะ อย่างที่มึงบอก >>866 พออายุเยอะขึ้นมันก็จะเหมือนกูตอนเด็กที่อ่านชญ/จีนแปล กูเลือกแค่เรื่องที่ชอบอยู่ดี ไม่ได้ซื้อดะเหมือนสมัยเด็ก ตอนนั้นออกอะไรมาก็ซื้อๆ แต่พอมันอิ่มตัว ชญแปลมันพ้นยัคอิ่มตัวมาพักหนึ่งแล้ว เนื้อเรื่องก็วนเวียนกันแต่แบบเดิมๆ มันก็ต้องคัดบ้างอะ กำลังซื้ออะมีแน่ แต่จะให้กว้านมาดองๆ ไว้ ไม่ตรงจริตกูก็ไม่เอา ตอนที่หันมาอ่านวายจีนเพราะพล็อตแปลก ปีสองปีแรกซื้อแทบทุกเรื่องอะ แต่พักหลังมันวนๆ จำเจ กำลังซื้อไม่ได้ลด แต่เรื่องไม่ได้ว้าวถึงขนาดต้องตามเก็บทุกเรื่อง ที่ยังตกกูได้ตอนนี้คือเรื่องที่ตรงจริตจริงๆ กับปกสวยสะดุดตาแบบต้องมี กูว่ากระแสวายมาไวไปไวอะ มันคนละตลาดกับชญจริงๆ ในฐานะที่กูอ่านทั้งคู่กูชอบความสบายใจในการซื้อฝั่งชญ มากกว่า ซื้อง่าย ไม่ต้องว้าวุ่นไม่ชอบใจเหมือนตลาดฝั่งวาย จะหาซื้อเมื่อไรก็ซื้อได้ ในขณะที่วายต้องตามตั้งแต่รอบพรี เปิดเรื่องมายังไม่ทันลงตย. รายละเอียดพรีก็มาแล้ว ยิ่งเจอสนพ.ไหนเปลี่ยนรายละเอียดพรีไปมา/ชื่อเสียงไม่ดี/แปลห่วย คือกูทิ้งเลย ขี้เกียจตาม (อาจจะเพราะความรำคาญส่วนหนึ่งของตัวเองด้วย เรื่องเยอะ = ทิ้ง)
กูว่านิยายวายมันก็มีหลาย genre แยกย่อยอะ นิยายวายน่าจะยังอยู่อีกยาว แต่แนวที่ฮิตคงเปลี่ยนไปเรื่อยๆ อีกสิบปีข้างหน้าจีนโบอาจจะเลิกฮิต แล้วไปฮิตวายแนวอื่นแทน แนวมหาลัยอาจจะกลับมาอีกก็ได้ หรืออาจจะไปฮิตวายเกาหลีกันแทนก็ได้ หรือวันนึงแนวแฟนตาซีอาจจะบูมขึ้นมาดื้อๆก็ได้ เทรนด์หนังสือมันก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆอยู่แล้ว
กูรอเทรนด์แฟนตาซีกลับมาฮิตใหม่เนี่ย คิดถึงยุครุ่งเรือง ไม่ต้องวายก็ได้ T T
จะว่าไปสาววายมันก็มีนิสัยนักฉอดมานายแล้วนะ สตม.ชื่อดังก็เคยทะเลาะกับเพื่อนเพราะสาววายนี่แหละ
>>866 ส่วนตัวกูคิดว่า ตลาดวัยรุ่นถึงจะโตไปเป็นวัยทำงานน่าจะเปลี่ยนไวนะกูว่า เพราะมันมีสื่อบันเทิงอื่นเยอะ ความรอยัลตี้ในการซื้อนิยายไม่ค่อยสูง ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าในอนาคตยังจะอ่านต่อไปไหม แล้วค่าครองชีพสูงยังพุ่งสูงไม่หยุดส่วนทางกับเงินเดือนของเด็กจบใหม่สิ่งที่ต้องตัดออกก่อนก็คือสินค้าที่ไม่จำเป็นสำหรับการใช้ชีวิตประจำวัน นิยายนี่ไปก่อนอย่างแรกเลย ยิ่งราคานิยายมีแนวโน้มจะปรับตัวสูงขึ้นอีก แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ ถ้าห้าปีแล้วมันใหญ่มากกว่านี้กูก็ดีใจที่จะได้มีเรื่องใหม่เยอะๆเข้ามาให้กูอ่าน ก็ขอให้มันครองตลาดได้ในระยะยาวอย่างที่มึงบอก
อีกเรื่อง กูสงสัยมานานล่ะ ในจิ้งเจียนนี่ดูได้ทุกเรื่องเลยไหมว่าเรื่องไหนโดนที่ไหนซื้อมา แล้วเช็คยังไงถ้าดูได้ทุกเรื่อง กูเจอเเบบที่เช็คได้แค่ล่าสุดถึงย้อนได้เเค่ปีครึ่งเอง ถ้ามึงบอกได้ช่วงบอกหน่อย
สาววายแม่งโดนดูถูกว่าเป็นประเภทเดียวกันกับเฟมทวิตนี่แหละ ฉอดเก่งปสดกันทั้งนั้น สมัยก่อนโดนมองว่าเป็นประเภทเดียวกับติ่งเกาหลีด้วย ไม่ว่าวายแนวไหนจะดังยังไงมึงก็ต้องเจอความปสดในรูปแบบต่างกัน
ช่วงนี้วายจีนรับกรรมไปว่าเป็นด้อมปสด แต่ถ้าวายแนวอื่นดังบ้างก็เป็นแบบวายจีนแหละ ผู้หญิงแมร่งเรื่องเยอะอะมึง ยิ่งสาววายส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นท่องโลกโซเชียลอีก ว้าว
ม.ปลายน่าจะน้อยนะ เห็นตามกรุ๊ปนิยายวายพวกที่มาคุยๆกันก็มหาลัยขึ้นไปทั้งนั้น ป้าๆวัย 30-40+ก็พบเจอได้ง่ายกว่าม.ปลาย
กูว่าม.ปลายเยอะอยู่นะ เวลาไปงานหนังสืองี้ก็เห็นม.ปลายซื้ออยู่ตามบูธวาย ในนกฟ้าคนไหนที่ดูโตดูมหาลัยสรุปเตรียมสอบเข้ามหาลัยอยู่ก็มีนะ เด็กตอนนี้ดูเป็นผู้ใหญ่เร็วขึ้นเยอะเลย ที่สำคัญกูแอบรู้สึกอย่างหนึ่งคือวายมันมาแทนแจ่มใสลูกกวาดอ่ะ
น้องกูอยู่ม.ปลาย มันบอกส่วนใหญ่เพื่อนมันชอบอ่านฟิคมากกว่าว่ะ คนอ่านฟิคแชทเยอะกว่าฟิคบรรยายด้วย
kyนิดนึงได้มั้ยวะ พวกเพจหรือช่องรีวิวที่ทำรีวิวนิยายวายเยอะมากๆนี่เขารีวิวเองหมดหรือรับเงินด้วยวะ กูเห็นเพื่อนแชร์มาบ่อยมาก บางอันก็ก๊อปโพสเก่ามาแปะ กูอยากรู้ว่าถ้าโนเนมจะไปขอให้เขารีวิวให้นี่ต้องจ่ายปะวะ
มึง กระทู้โม่เซียงหายไปไหนวะ??????
แล้วไม่ตั้งเหรอ กูว่าช่วงนี้ยิ่งน่าตั้งเลยนะ นิยายเทียนกวานออกแล้ว ซีรีส์ก็เพิ่งเริ่มถ่าย ดูมีอะไรให้คุยเยอะออก
หลังๆมู้โม่เซียงมีแต่นินทาคนในด้อมด้วย โม่งสปอยก็หายไปเลย คนในมู้เลยเบื่อๆไม่อยากตั้งกันมั้ง
มีแต่ด่าคนนู้นคนนี้ กูก็ไถผ่านๆ
ทำไมกระทู้มันหายไปจากหน้าบอร์ดเลยอะ กูต้องไปกูเกิ้ลว่า fanboi โม่เซียง ถึงจะเจอ
KY มีใครสั่งราชันย์ในม่านอัสดงกับ มนว บ้างวะ มันคืบหน้าบ้างยังวะ กูเพิ่งนึกออกว่าสั่งไว้แต่เหมือนจะยังไม่รู้ความคืบหน้าอะไรเลย แม่ง มนวเล่นแบบนี้อีกแล้ว
Ky ถามในนี้หน่อย กูอยากรู้ความคิดเห็นของพวกมึงกับนายทุนแห่งวงการสิ่งพิมพ์ว่าที่มันเป็นอยู่นี่ถือเป็นการผูกขาดตลาดและเป็นเรื่องแย่ในสายตาพวกมึงไหม
>>894 ตลาดหนังสือทุกวันนี้กูว่าเสรีมากแล้ว เมื่อวานยังมีสนพเปิดใหม่ให้พวกเมิงหลอนอยู่เลย ส่วนเปิดใหม่แล้วเจ๊งนี่กูมองว่าเป็นเรื่องของการบริหาร การจับตลาด การหาจุดยืนตัวเองในตลาด
ตลาดผูกขาดเห็นชัดๆคือพวกสนามบิน พวกที่ต้องขออนุญาตแล้วได้สัมปทานมาทำคนเดียวไม่มีคู่แข่ง ส่วนสนพมันคือเรื่องของลิขสิทธิที่ซื้อมา “มีสิทธิตีพิมพ์ได้คนเดียว” ถ้าตีพิมพ์ได้หลายคนนั้นยุคการ์ตูนไพเรท
>>897 เสรีแต่เจ้าเล็กจะเอาอะไรไปประมูลลิขสิทธิ์สู้เจ้าใหญ่ได้ สุดท้ายเจ้าใหญ่ก็ชนะได้เรื่องดังๆไป เจ้าเล็กทำเรื่องไม่ดังก็ตายกันหมด แต่มีนายทุนทำหนังสือให้อ่านก็ยังดีกว่าให้วงการมันตายไปทั้งหมดนะ ไม่ได้จะบอกว่าเป็นเรื่องดีที่ควรชื่นชม แต่ในฐานะคนอ่านแล้ว ยังมีสำนักพิมพ์ทำหนังสือมาให้อ่านมันก็ดีกว่าไม่มีเลย
>>899 กูไม่ได้พูดถึงแค่นิยายแปลนะ ค่ายก็ต้องหาจุดยืนให้ตัวเอง อย่างค่ายที่ออกตัวว่าขายแต่ยั่วเย ค่ายที่เน้นปกสวยเนื้อในห่วย(เดี๋ยวนี้เริ่มดีขึ้น)
พวกนิยายแปลก็เหมือนกัน นิยายจีนมีเป็นล้านเรื่อง งบน้อยบก.ก็ไปงมหาเพชรเอา นักรีวิวมีเยอะแยะเมิงจะลอกการบ้านเขาแล้วซื้อมาขายก็ยังได้ ไม่ใช่หวังจะว่าจะซื้อนิยายดังระดับแม่โม่ในราคาถูกๆมาขายแล้วรวยในพริบตา
สิ่งที่เมิงคิดว่าเป็นการผูกขาดหนังสือในวงการหนังสือมันคือการซื้อลิขสิทธิ เมิงอยากจะกลับไปยุคไพเรทหรอวะ
>>896 เรื่องผูกขาดลิขสิทธิ์กูไปเจอมาในนกฟ้า
สต กูไม่เห็นด้วยที่ไปว่ามันผูดขาดตลาดโดนอ้างเรื่องนั้นหนึ่งคือจะทำอะไรต้องใช้ทุนต้องมีเงินอยู่แล้ว การที่มันจะซื้อมาก็เป็นสิทธิของมัน ไม่ได้ทำการกุศลนิและการกว้านเเห่ซื้อของมันก็ไม่ได้ส่งผลที่ทำให้รายเล็กรายย่อยไม่ได้เกิดเลย วงการไหนๆมันก็ต้องมีต้นไม้ใหญ่อยู่ในวงการอยู่แล้ว แต่คนจะมาเป็นคู่แข่งให้ใหญ่ได้เท่าอ.ในไทยมันไม่มีเพราะวงการสิ่งพิมพ์ในไทยมันไม่ใหญ่กำไรน้อยอาจจะล้ม Disrupt จากเทคโนโลยีใหม่ๆ ไงมันเลยไม่มาลงทุนในด้านนี้กัน อีกอย่างอ.ไม่ได้มีอำนาจผูกขาดด้านราคาและหนังสือไม่ได้เป็นสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต้องซื้อประจำ ลูกค้ามีสิทธเลือกว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อก็ได้ กูเลยคิดว่าการที่มันกว้านซื้อทำให้เรามีหนังสืออ่านมากขึ้น ทำให้วงการหนังสือมันยังไปได้อยู่ มีคู่แข่งมีปลาเล็กปลาน้อยผุดใหม่มาขอแบ่งส่วนตลาดได้ทุกวัน มันไม่แย่และการที่มันทุนหนาทำให้เราได้อ่านหลายๆเรื่องที่ถ้าไม่มีมันมีแต่รายย่อยเราไม่น่าได้อ่านเนื่องจากค่า LC ที่สูงและมีหนังสือออกใหม่ให้อ่านตลอดๆขนาดนี้
การมีมันก็ช่วยทำให้วงการหนังสือไปต่อได้อยู่อ่ะ จะหาว่ากูเป็นสาริ่มมันก็ได้ แต่กูมองว่ายังไงก็ต้องมีมันอยู่และก็ยังดีที่มันยังทำอยู่ คนอ่านหนังสือคนเข้าร้านก็น้อยลงทุกวัน ไม่เหมือนสมัยก่อน สื่อบรรเทิงมันเยอะ มีตัวเลือกอื่นนอกจากหนังสืออีกมาก กูดูจากงบมัน สองปีนี้มันกำไรหายไปเยอะ เหมือนทำเล่นๆเลย ที่มันอยู่ได้นี่เพราะกำไรจากตัวอื่นแท้ๆไม่ใช่ตัวแม่อ่ะ
>>900 แต่คนอ่านก็เลือกจะอ่านงานนักเขียนดังๆก่อนอยู่ดีรึเปล่า ยิ่งแห่ทำวายจีนกันเยอะๆ คนอ่านก็ยิ่งเลือกกันมากขึ้น ซึ่งเรื่องดังๆที่ค่าลิขสิทธิ์แพงมันก็ดึงนักอ่านได้มากกว่าอยู่แล้วเพราะเป็นงานนักเขียนดัง+มีซีรีส์หรืออนิเมะ
กูเข้าใจพอยท์พวกมึงที่เข้าข้างอมรนะ แต่การมีเจ้าใหญ่คอยกว้านซื้อเรื่องดังไปหมดมันก็ไม่ใช่เรื่องดีที่น่าชื่นชมอ่ะ
>>903 กูเข้าใจๆ กูว่ามันดีที่มีสนพ.ซื้อลิขสิทธิ์มาทำขายเป็นเรื่องเป็นราว ไม่ใช่ให้ไอ้พวกแปลเถื่อนมันไปละเมิดเขาอย่างเดียว
แต่กูว่าโมเดลอมรตอนนี้มันคล้ายๆสีพีตรงที่นักเขียนไหนเริ่มดัง มันก็ไปซื้องานเขามา ทั้งๆที่เรื่องก่อนๆมันดังมาจากสนพ.อื่นอ่ะ จริงอยู่ที่สนพ.ไม่มีผูกขาดสิทธิ์เหนือนิยายของนักเขียนคนใดคนนึง แต่อมรมันเหมือนเอาเงินฟาดๆๆ มาทีหลังแต่รวยกว่า ต่อให้ค่ายเดิมอยากทำงานของนักเขียนคนเดิมต่อ แต่เงินสู้ไม่ได้ก็จบ
>>904 ถ้าอยากให้ผูกกับสนพเดิม สนพก็ต้องทำตัวเป็นป้าหลินเปล่าวะ ได้ป้ายน้ำลายแปะไว้ตั้งแต่ยังไม่เขียน คนเขียนยื่นแก้มให้ป้ายแบบเต็มใจ
ถ้าทำกับเขาแบบคู่ธุรกิจ เขาก็ปฏิบัติกับสนพแบบคู่ธุรกิจแหละ ไม่ใช่ลูกใช่เพื่อนที่จะมาอุ้มชูกัน ฝั่งจีนมันก็ทุนนิยม ใครให้เยอะกว่าก็ขายให้คนนั้น ของแบบนี้มันตบมือข้างเดียวไม่ดัง
คสพแบบนี้ฝั่งการ์ตูนญปมีอยู่นะ ค่ายเต่าขายให้วบก ค่ายเดียว แต่มันก็ระบบอุปถัมป์ป่ะ จะหนีจากนายทุนไปหาระบบอุปถัมป์ หนีจากการซื้อลขไปไพเรท?
>>904 มึงมั่นใจได้เเค่ไหนว่ามันไปซื้อที่หลังตามเรื่องอื่นที่ออก มันอาจจะซื้อมาก่อนแล้วออกมาที่หลัง กระบวกการเสนอแอลซี ทำสัญญา ซื้อ แปลเป็นเล่มมะนใช้รัยะเวลาอยู่นะ จะแน่ใจได้ยังไงว่าเรื่องนั้นนข.คนนี้ขายได้มันเลยไปซื้อตาม กูว่าเรื่องซื้อแอลซีของนักเขียนจีนที่ดังในไทยไม่ใช่เเค่มันที่ทำ เจ้าอื่นก็ทำ เป็นปกติในวงการค้าอยู่แล้วที่ต้องมีการเสนอซื้อขาย แล้วการที่มึงอยากให้นข.คนเดิมออกกับสนพ.เดิมไปตลอดนี่ไม่ถือว่าเป็นการผูกขาดนข.หรอไม่ใช่ก็ได้ โมเดลมันไม่เหมือนสีพีและไม่มีทางทำได้เท่าสีพี ที่สีพีที่ทำแล้วโดนด่าคือมันทำให้เจ้าอื่นเจ๋งไปเลย ทำทุกอยาก และเป็นสิ่งที่อยู่ในชีวิตประจำวัน แต่อ.นี่ไม่มีวันไปถึงและกินรวบทั้งตลาดได้
>>904 กูว่าตอนนี้อาการยังไม่น่าเป็นห่วงเหมือน cp เพราะกูรู้สึกว่า กุหลาบของค่ายอมร มันไม่ใช่เจ้าเดียวที่เป็นเจ้าใหญ่
เพราะ ซบ เองก็เพิ่งประกาศลิขสิทธิ์เหมือนกัน
กูว่าต้องดูระยะยาวอะ ถ้า 1-2 ปีผ่านไป รายเล็กๆคงค่อยๆหาย แล้วเราจะเห็นชัดขึ้นว่าค่ายไหนบ้าง เป็นค่ายใหญ่
ยอมรับว่านายทุนเป็นนายทุนมันก็ไม่ใช่เรื่องแย่นะ ยอมรับกันหน่อยก็ได้
ถ้าไม่อยากให้รายใหญ่เติบโต
นักอ่านต้องช่วยกันซื้อนิยายสนุกๆที่ค่ายเล็กๆผลิตออกมาด้วย
กูรู้สึกว่าช่วงนี้ นักอ่านเองก็แห่กันซื้อนิยายของค่ายใหญ่กันเยอะ
นิยายของค่ายเล็กๆดูเหงาๆ
กูว่าธุรกิจหนังสือมันไม่เหมือนอย่างอื่นตรงที่ผู้บริโภคจะซื้อเรื่องที่อยากอ่านอ่ะ ตราบใดที่มันไม่ใช่หนังสือหมดลิขสิทธิ์แล้ว มันก็จะไม่มีคนแปลเรื่องเดียวกันหลายๆเวอร์ชั่นมาให้เลือก ถ้ามึงอยากอ่านเทียนกวานมึงก็ต้องซื้อกับซบ มึงอยากอ่านฮัสกี้ก็ต้องซื้อกับกุหลาบ มึงเลือกได้แค่จะซื้อหรือไม่ซื้อ ถึงจะบอกให้ไปสนับสนุนค่ายเล็กบ้าง ไม่ใช่สักแต่จะซื้อค่ายใหญ่ แต่สุดท้ายผู้บริโภคก็ไม่ได้มีเงินถุงเงินถังพอจะเปย์กันทั้งวงการไง เรื่องนึงก็หลักพันแล้ว คนซื้อก็ซื้อเฉพาะเรื่องที่ตัวเองอยากอ่านนั่นแหละ ทีนี้ไอ้พวกเรื่องที่คนอยากอ่านมันมักจะเป็นเรื่องดัง เรื่องฮิต เรื่องค่าตัวแพง ซึ่งค่ายใหญ่มันจะได้เปรียบในการบิทแอลซีเรื่องพวกนี้มากกว่า เพราะทุนมันหนากว่า ต่อให้ค่ายเล็กมันไปงมเพชรน้ำงามมาได้ แต่ดันเป็นนักเขียนโนเนม คนมันก็ไม่รู้จักหรอกมึง ยกเว้นจะฟลุ๊กเกิดกระแสปากต่อปากขึ้นมา ทุกวันนี้เรื่องที่ออกกับค่ายใหญ่ก็ใช่จะขายดีทุกเรื่อง แต่ค่ายใหญ่มันขาดทุนกับบางเรื่องได้ไง ค่ายเล็กมันแบกภาระตรงนี้ลำบากกว่า สุดท้ายมันเลยมีค่ายเล็กๆที่เปิดใหม่มาพิมพ์ได้ไม่กี่เรื่องก็ตายกันไปหมด เพราะมันสู้ค่ายใหญ่ไม่ได้ ค่ายใหญ่ได้เปรียบกว่าก็ต้องยอมรับตรงนี้อะ มันไม่ใช่การแข่งขันกันแบบที่ทุกค่ายเท่าเทียมกันมาแต่แรกแล้ว แต่มันก็เป็นแบบนี้ทุกวงการไง
เพิ่มเติมอีกนิด อมรมันคือนายทุนจริงๆมึง มึงแย้งตรงนี้ไม่ได้หรอกเพราะมันเป็น fact มึงต้องยอมรับก่อนว่ามันคือนายทุน แต่นายทุนมีข้อดีข้อเสียยังไงมันถกกันได้เว้ย
>>911 เห็นด้วยตรงจุดนี้ แต่มันแก้ไขยาก เพราะมันเป็นความจริงที่แก้ไขไม่ได้ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก
ถ้าอยากช่วย ก็ต้องหานักรีวิวนิยายดังๆ มาคอยรีวิวนิยายค่ายเล็กที่สนุกๆ ให้เกิดกระแส แล้วคนตามซื้อ
เหมือนกระทู้รีวิวหนัง ในเฉลิมไทยเมื่อ 10 ปีที่แล้วอะ
ทุกวันนี้คนมันแห่ซื้อเรื่องดังๆหมด เรื่องที่ไม่ค่อยดัง คนรีวิวไม่เยอะ คนก็ไม่รู้จัก ไม่ซื้อ
กูว่า อมร ก็ยังไม่ถึงขั้นครองตลาดขนาดนั้นนะ
ยังมี ซบ คอยแย่งซื้อลิขสิทธิ์อยู่อีก
มันคือการซื้อลขเว้ย ตอนแรกก็ว่าผูกขาด พอผูกขาดโดนปัดตกก็ว่านายทุน พวกเมิงเป็นไรกัน จะยัดความผิดให้ได้สักอย่างเลยเหรอ
ป้าหลินงี้ก็เคยเจ้าเล็กแบบเล็กชิบหาย นางยังป้ายน้ำลายนขดังได้เลย เจ้าเล็กก็มีทางของเจ้าเล็ก สักวันมันก็โต
ค่ายเล็กที่ไม่เจ๊งก็มี เมิงไปดูแนวทางเขาสิวะ ค่ายเล็กที่เมิงด่าๆกันสองสามปีก่อน ตอนนี้กูเห็นบางเรื่องพิมพ์2-3พัน ยังเล็กอยู่ไหม ก่อนค่ายใหญ่มันจะโตมาได้ถึงทุกวันนี้มันก็เคยเป็นค่ายเล็กมาก่อนทั้งนั้น เพื่อนรุ่นเดียวกันเจ๊งไปเท่าไรแล้วก็ไม่รู้ มันเอาตัวรอดมาได้ยังโดนพวกเมิงหมายหัวอีก
รายย่อยเสียเปรียบรายใหญ่อยู่แล้ว ตามหลักความเป็นจริง
เพียงแต่กูเฉยๆกับอมร กูเลยไม่รู้สึกอะไรกับการที่อมรซื้อลิขสิทธิ์มาได้
ประเด็นคือ คนที่รู้สึกไม่ชอบที่รายใหญ่อย่างอมรกว้านซื้อลิขสิทธิ์นิยายดังเนี่ย
เพราะไม่ชอบอมรเหรอ เลยไม่ชอบใจ?
ถ้าสนพเล็กได้ลิขสิทธิ์แทน จะดีใจกว่ารึเปล่า หรือยังไง
กูเฉยๆเรื่องข่าวประกาศลข เพราะกูไม่ได้ไม่ชอบอมร อะ
ไบแอสคนอ่านส่วนใหญ่มันไม่ได้มาจากการเป็นนายทุนหรือเป็นเจ้าใหญ่เจ้าเล็กหรอก มันมาจากคุณภาพล้วนๆ
ถ้าไม่อยากอุดหนุนสนพไทยเพราะคุณภาพห่วย มีวิธีเดียวเลยคือ เรียนภาษาต่างประเทศ
กูขอนิดนึง กูตกใจมากที่มีโม่งคิดว่า อมร=สีพี กูพึ่งรู้ว่ามีคนคิดแบบนี้ด้วย กูไม่ได้จะด่ามึงนะ กูอยากอธิบายกับมึงเพิ่มเฉยๆ สิ่งที่สีพีทำคือพยายามกินปลาให้หมดทั้งตลาด ทำเรื่องผิดจรรยาบรรณ มันเเย่ แต่สิ่งที่มึงกำลังคิดว่าอมรจะเป็นแบบนั้นมันคนล่ะแบบเลย หนึ่ง มึงไม่สามารถตัดสินได้ว่างานของคนที่ออกหลังคือไปซื้อตามหรือตัดหน้าคนอื่นนอกจากมึงจะทำงานอยู่ในสนพส่วนที่เกี่ยวข้อง เราไม่มีทางรู้ว่าเรื่องไหนซื้อก่อนแน่ๆ สอง สิ่งที่มึงคิดว่าเขาแย่งมามันคือการเเข่งขัน มันต้องเกิดการเเข่งขันมันถึงพัฒนาไปเรื่อย ถ้ามึงอยากให้ที่เดียวได้ไปหมดทุกเรื่อง มันจะเกิดการผูกขาด มึงต้องรองานจากที่เดียวไปเรื่อยๆ ไม่มีการเเข่งขัน คุณภาพก็จะคงที่หรือต่ำลงเพราะไม่มีการเปรียบเทียบซึ่งกูคิดว่าไม่ส่งผลดีต่อผู้บริโภคเลย ถ้าบอกว่าอมร.เหมือนสีพีตรงจุดนี้ กูว่าไม่เหมือน เราไม่สามารถใช้นิยายเรื่องหนึ่งทดแทนอีกเรื่องได้ ถึงนางจะได้อีกเรื่องที่นักเขียนคนเดียวกับอีกสนพก็ไม่ใช่ว่าเล่มนี้จะเป็นสินค้าทดเเทนของผู้บริโภคจนคนไม่ซื้อรายย่อยได้
หรือจะเพราะมันออกแต่เรื่องดังคนเลยเทไปซื้อแต่ค่ายมัน อันนี้ไม่ปฏิเสธแต่มันก็คือธุรกิจไม่ได้เป็นแค่เฉพาะตลาดนี้ อย่างงี้สมัยก่อนจส.ออกนิยายลูกกวาดมีแต่คนซื้อจส. บูธแน่นไม่อยากเดินผ่าน อันนี้ถือว่าจสมันแย่ไหมที่มันบังคับให้คนซื้อแต่มัน คนอื่นเขาไปแทรกตลาดแทบไม่ได้ กูว่าอีกอย่างมันเป็นเรื่องของความไว้ใจและความรอยัลตี้ของเเบรนที่สั่งสมมาด้วย
กูเข้าใจว่าหลายไม่พอใจเพราะคุณภาพนิยายมัน เลยเอาเรื่องที่มันเป็นนายทุนใหญ่มาจี้ แต่รายย่อยคุณภาพนิยายก็ไม่ได้ดีเหมือนกัน กูก็เห็นตกสระ หน้าตก เลื่อนจำหน่าย ทำบ็อกผิดขนาด บลาๆ อย่างอื่นที่คนไม่ขุดอีก คงเพราะคนซื้อมันเยอะทั้งฐานลูกค้าที่ตามด่าเลยเยอะกว่าที่อื่น
>>927 กูว่ามันไม่เหมือน สีพี มันจะไปเหมือนสนพการ์ตูนแทน ที่สมัยก่อนมีค่ายใหญ่อยู่ 3 ค่ายอะ วบก นช สยม
การ์ตูนญี่ปุ่นส่วนมาก ลขมันก็ไปวนเวียนแต่ใน 3 ค่ายนั้น ซึ่งก็ถูกใจ ไม่ถูกใจนักอ่านบ้าง ก็ได้แต่ทำใจ
ผู้บริโภคตัวเล็กๆ ทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว นอกเสียใจเรียนภาษาต้นฉบับ แล้วไปซื้อต้นฉบับมาอ่านเอง
แต่อมรก็ของเจ้าสัวไม่ใช่เหรอ แค่ไม่ใช่เจ้าสัวสีพี ไม่นับเป็นหนึ่งในธุรกิจของนายทุนเหรอ? แบบ one of ธุรกิจของนายทุนอะ อันนี้ถามแบบคนไม่รู้เลยนะ
>>929 กูเพิ่งรู้นะเนี่ย ว่าเป็นของเจ้าสัว ความรู้ใหม่เลย
แต่ถึงจะเป็นของเจ้าสัว หรือไม่เป็นของเจ้าสัว อมร มันก็จะไม่ผูกขาดตลาดแต่เพียงผู้เดียวเหมือน 711 แน่ๆ
มันก็เหมือนค่ายทรูปะ ทรูก็ของเจ้าสัว แต่ทรูก็ผูกขาดตลาดมือถือไม่ได้นะ ทำได้แค่เป็นส่วนหนึ่งของ 3 ค่ายใหญ่
กูว่า อมร ก็จะเป็นส่วนหนึ่งของค่ายใหญ่ แต่ไม่ใช่ค่ายใหญ่ค่ายเดียวที่ครองตลาด
และถึงแม้อนาคต ถ้า ถ้า ถ้า ถ้าอมรครองตลาดได้จริง
นักอ่านตัวเล็กๆก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี วิธีแก้คือ 1 รับได้ก็ซื้อ 2 รับไม่ได้ก็ไม่ซื้อ 3 เรียนภาษาจีนแล้วไปซื้อต้นฉบับ
คือกูงงว่า ถ้ามันเป็นธุรกิจของเจ้าสัว แล้วปัญหาคืออะไร
ปัญหาคือมันจะทุ่มตลาด ครองตลาดเจ้าเดียว แล้วทำให้เจ้าอื่นเจ๊ง เพราะมันเป็นเจ้าสัวเหรอ
กูว่าโอกาสเกิดน้อยมาก เพราะธุรกิจอื่นก็มีเจ้าสัว แต่เจ้าสัวก็ไม่ได้ครองตลาดทั้งหมด มันจะมีราย 2 ราย 3 ที่ขึ้นมาใกล้เคียงเสมอ (ยกเว้น สีพี)
ปัญหาคือปลาใหญ่กินปลาเล็ก? ตอนนี้อาจจะยังไม่ถึงขั้นเป็นเจ้าตลาด แต่สักวันเจ้าเล็กที่สู้ไม่ได้ก็จะตายกันไปหมด?
>>935 จะด่าสีพีเต็มปากก็ไม่ได้อีก แม่งกฎหมายเอื้อนายทุนอะ ควรมีกฎหมายควบคุมไม่ให้แกผูกขาดทางการค้านะ
.
.
ซึ่งตามกฎหมายแข่งขันเยอรมนีกำหนดไม่ให้มีส่วนแบ่งตลาดเกิน 30% หรือแม้แต่คณะกรรมการแข่งขันในสหรัฐก็กำหนดให้ต้องปรับโครงสร้างของกิจการก่อน ป้องกันการผูกขาด แต่ไทยปล่อยให้บริษัทใหญ่มีอำนาจครอบครองตลาดตั้งแต่ต้นทาง จนถึงปลายทาง มีส่วนแบ่งในตลาดสูงกว่า 50% โดยไม่ได้มีเงื่อนไขให้ปรับโครงสร้างกิจการ
>>937 สีพีมันเก่งจริง ต้องยอมมัน ธุรกิจอื่นมี เบอร์ 1 เบอร์ 2 เบอร์ 3 นะ แต่สีพี กูเห็นมีเบอร์เดียว
>>936 มึงอาจจะกลัวแบบนั้น แต่กูยังไม่กลัว เพราะกูไม่ได้รู้สึกว่า อมร มันใหญ่เกินหน้าสนพอื่นไปมาก ทุกวันนี้กูยังเห็นคนซื้อนิยาย ซบ ด่า อมร อยู่เลย
กูเลยคิดว่า อนาคต อมร จะไม่ผูกขาดตลาดเจ้าเดียวเหมือน สีพี แต่สิ่งที่กูคิดคือ เจ้าเล็กๆจะตายไป เหลือแต่เจ้าใหญ่ๆ แต่เจ้าใหญ่ๆที่เหลือ มันอาจจะไม่ได้เหลือ อมร แค่เจ้าเดียว มันคงมีเจ้าใหญ่เจ้าอื่นด้วย
กูอยากเห็นสีพีลงมาทำหนังสือเหมือนกันนะ สะเทือนวงการ ท้าทายอุดมการณ์ผู้บริโภคสัสๆ 555555 แต่คงไม่ได้เห็นหรอก ธุรกิจหนังสือมันไม่ได้กำไรเป็นกอบเป็นกำเท่าอย่างอื่นที่สีพีทำอยู่ สีพีคงไม่สนใจ
ถ้าใครกลัวอมรจะกินเรียบกูว่าระหว่างอมรกินทั้งวงการกับธุรกิจหนังสือตายกูว่าโอกาสอย่างหลังเกิดก่อน
>>939 เห็นมันใหญ่ขนาดนี้ แต่มันงกกับผู้ถือหุ้นมากนะ หุ้นสีพีไม่ค่อยขึ้นเลย กูเป็นโม่งเล่นหุ้นที่อ่านวายจีน
ที่กูพล่ามๆมาเนี่ย คือเอาความรู้ด้านหุ้นมาพล่าม ซึ่งบางคนก็อาจจะไม่เห็นด้วย
แต่ธุรกิจโดยทั่วไป มันจะมีเจ้าตลาด 2-3 เจ้าแข่งกันเสมอ
เช่น แบงค์ มี 3 แบงค์ใหญ่ = กสก ทพณ กทม
สื่อสาร มี 3 เจ้า = ออส ทร ดท
น้ำมัน+พลาสติก มี 2 เจ้า = ปตท อซจ
รพ มี 2-3 เจ้าใหญ่ = บดอส บฮ
คมนาคม มี 2 เจ้าใหญ่ = บทอ บออ
และอีกมากมาย
เพราะงั้นกูมองว่า มันเป็นเรื่องปกติ ที่สนพเล็กๆจะตายไปในที่สุด มันจะเหลือแต่เจ้าใหญ่ๆ แต่มันจะไม่ได้เหลือเจ้าเดียว
ให้กูเดา อนาคตข้างหน้า มี 2 สนพที่รอดแน่ๆแหละในตอนนี้คือ อมร ซบ มึงอยากให้สนพที่ไหนรอดอีก ก็เติมเอาเอง แต่ความคิดกูคือมันจะไม่เหลือเจ้าเดียว
ผู้บริโภค ทำได้แค่ทำใจยอมรับ ธรรมชาติของธุรกิจมันเป็นแบบนี้
แทบไม่มีวงการไหนที่หนีนายทุนได้หรอก โลกไม่ได้อุดมคติในแบบนั้นเลย ไม่มีสักวงการ สักที่ในโลกหรอก ideal สุดๆอะ ค่ายนายทุนสายป่านยาว ในภาวะเศรษฐกิจย่ำแย่ถูไถไปมันก็อยู่รอด ค่ายเล็กโอกาสเฮงยาก แต่ถ้าเฮงแล้วก็พุ่งทะยานอะ ไม่ต้องดูจากที่ไหน ซบ มาในเวลาที่เหมาะ การตลาดของเจ้านี้ลงมาเล่นถูกจุด พอกำไรเยอะก็สามารถไฟต์ลขเรื่องเด่นเรื่องดังมาได้ ก่อนหน้านั้นเล่นแค่ปกสวยเนื้อในแดรกจุดแทบทั้งนั้น หัวเลี้ยวหัวตอก็ผ่านมาแล้ว /// อีกเจ้าบกร.ได้เรื่องดังขนาดไหน ไม่ถูกใจแฟนด้อม…ก็ยังผ่านไปได้สวยๆ ขอแค่มีทุนหมุนเวียนยังไงก็ยังรอด เคยคุยกับคนในบกร.เขาบอกวายจีนแปลยังไงก็ขายได้ ‘ด้วยตัวมันเอง’ อยู่แล้ว ที่ทุนจมคือพวกนิยายไทย ต้องยอมรับจริงๆ ว่าวายแปลมันฮิตมาก ออกมายังไง เนื้อเรื่องจะดีแย่ขนาดไหน เล่นการตลาดถูกก็ยังมีคนซื้ออยู่ดี ยิ่งทำดีถูกใจก็ยิ่งเพิ่มรอยัลให้แบรนด์ตัวเอง ตอนนี้กูสะท้อนใจตัวเองมากกว่า กูชอบจส โตมากับนิยายลูกกวาดเลยแหละ กับแปลจีนมกร นิยายปกขาวสมัยอชลกูก็ติ่ง 555 พอเจอเคสไม่เอาวายแล้วมากลับลำทีหลังกูก็รู้แล้วว่าเขาต้องเพิ่มทางหากำไรให้ธุรกิจเขา แต่แปลจีนของอววถือว่าน้อยมากถ้าเทียบกับค่ายอื่นไม่ว่าจะเล็กจะใหญ่ที่เปิดตัวมาอะ สัดส่วนอววถือว่าไม่เยอะเลยนะ จะบอกว่าอววมาตราฐานสูง คัดเรื่องพิถีพิถันก็แปลกๆ เงินทุนเจ้านี้ก็ไม่น้อยนะ แต่นิยายไม่ค่อยดังเปรี้ยง แต่กูยังซื้อแปลจีนอววทุกเรื่อง กูเดนตายโทนการแปล/พิสูจน์อักษรของเจ้านี้ทั้งชญ ชช แม้ อวว จะเจอปัญหายิบย่อยแทบทุกเรื่องก็เถอะ 5555 แต่หลุมดำอววคือการ์เดี้ยน จนบัดนี้กูยังกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่เลย
นายทุนก็ยังทำให้วงการรันได้ กูยอมรับว่ามันเอื้อประโยชน์ให้กับคนซื้อนิดๆด้วยซ้ำเพราะราคามันต่ำกว่าในการตีพิมพ์ 1 ครั้ง เจ้าเล็กพิมพ์น้อย 1 ผู้บริโภคต้องเอาเงินไปโปะให้สนพ.ก่อน 2 ต้องมาว้าวุ่นใจกับการจัดการ คนน้อย/เริ่มใหม่ ไม่ค่อยมีมาตราฐานการทำงาน การจัดการที่ดี ซื้อกับค่ายใหญ่ ค่ายนายทุนมันสบายใจกว่าในหลายจุดอะ ทั้งนี้กูไม่ชอบงานของอมร เลยทั้งแปลจีนชญ และวาย กูให้ผ่านแบบนับเรื่องได้อะ กูอ่านงานแปล กูอยากได้การแปลที่แปลรู้เรื่อง สละสลวย ค่ายเล็กเจ้าไหนแปลดีกูก็อุดหนุน ถ้าอยากให้ไปรอดจริงๆ อย่าทำอะไรฉาบฉวยเลย หลายเจ้าที่ไม่ได้ตายเพราะทุนน้อยค่ายเล็กหรอก แม่งตายเพราะปากต่อปากของนักอ่านด้วย แปลแย่ พิมพ์ผิด ยังเรียกตัวเองว่าทำงานเกี่ยวกับตัวอักษรได้อีกหรอวะ ต้องยอมรับอีกอย่างว่างานวายคุณภาพค่อนข้างสวนทางกับราคาอะ ไม่สมเหตุสมผลเท่าไร ไม่คุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไป
สรุปพ้อยด์กูเลย กูซื้อตามเนื้อผ้า ไม่ได้ดูว่าเจ้าไหนนายทุน นายทุนทำไม่ดีกูก็ไม่ซื้อ ทำดีกูก็ซื้อ ค่ายเล็กก็เหมือนกัน มีนายทุนคนเจ็บหนักคือปลาตัวน้อยอย่างที่พวกโม่งว่ากันแหละ หืดขึ้นคอกว่าในหลายๆ ด้าน มันคือการได้เปรียบ/เสียเปรียบอะ กูไม่ได้
งไปคลุกคลีในวงการธุรกิจ กูมองจากมุมมองของนักอ่าน ผู้บริโภค ถ้าในอีกบริบทที่กูอยู่ในวงการธุรกิจ มุมมองกูต่อนายทุนก็เปลี่ยนแน่ๆ
กุไม่เข้าใจที่พวกมึงเถียงกันเท่าไหร่ การที่เรื่องที่มันดังมันฮิตในบ้านเขาอยู่แล้วต้นทางเขาจะขายแพง จนมีแต่ทุนใหญ่ที่ซื้อได้มันก็ปกติไม่ใช่เหรอวะ ถ้าสนพ.เล็กมีทุนจะบิทสู้เพราะคิดว่าขายแล้วคุ้มมันก็ทำได้ ไม่ใช่ว่าอมรเอาอะไรไปบีบให้ขายลิขให้เฉพาะบริษัทกุบ.เดียว แล้วมันผูกขาดตรงไหนอ่ะ มันก็เรื่องของราคาป่าว
แล้วนิยายคือมันเยอะมากนะ บางเรื่องดังทางนู้นมาทางนี้ดับก็มี กูยังไม่รู้สึกว่ามันเป็นการผูกขาด แต่ความได้เปรียบทางความมีทุน มีเครือใหญ่ที่พร้อมซัพทั้งการขายและโปรโมทเป็นเรื่องจริง ซึ่งตลาดมันก็เป็นงี้อยู่แล้วอ่ะ
>>946 ก็เรื่องของราคาแหละ แต่ประเด็นคือรายใหญ่มันใช้เงินฟาดได้ง่ายกว่า ไม่ต้องกลัวขาดทุน อยากได้เรื่องไหนก็ชี้นิ้วเปย์เอาเลย ธุรกิจขาดทุนก็เอากำไรจากส่วนอื่นมาโปะเพราะมีบริษัทในเครือมากมาย รายเล็กจะเอาอะไรไปสู้ สุดท้ายรายเล็กตายหมด แต่ก็อย่างที่พูดๆกันมาข้างบน มันเป็นแบบนี้ทุกวงการอยู่แล้ว โลกทุนนิยมอ่านะ
บ่นเรื่องธุรกิจต่อ
กูเข้าใจว่าหลายคนไม่ชอบระบบนายทุน เพราะสีพีมันทำภาพลักษณ์เอาไว้ไม่ดี
และประเทศไทยก็มีปัญหาด้านความเหลื่อมล้ำจริงๆ
แต่กูไม่คิดว่า ปัญหาเรื่องนายทุนครองตลาดแต่เพียงผู้เดียว มันจะไปเกิดกับวงการนิยายวายจีน
เพราะวงการนี้กำไรมันไม่ได้มากพอจะทำให้นายทุนผู้หิวเงินจะลงมาเล่นเต็มตัว
ถ้ากำไรมันดีจริง ป่านนี้นายทุนใหญ่ๆลงมาเล่นธุรกิจนิยายกันหมดแล้ว
เอาจริงๆนะมึง กูว่าถ้านิยายจีนมันฮิตและกำไรดีขนาดนั้น อีกหน่อยมึงอาจไม่ต้องแบนใครแล้ว รอให้ประชากรยุคอีบุคเฟื่องฟู กูว่าจีนจะมาจ้างคนแปลแล้วขายผ่านออนไลน์ให้มึงแทน ทีนี้ไม่ต้องมีไทยคนไหนกำไรแล้ว จ่ายตรงให้จีนหมดจบ
พูดถึง อมร มันเป็นยักษ์ใหญ่ครบวงจร น่าจะเจ้าเดียวที่ค่อนข้างมีบทบาทในตลาดปะ
ทั้งมีโรงพิมพ์ เป็นสนพ. และสายส่ง ซีเอ็ดก็เงียบ คิโนกับเอเชียบุ๊คก็นำเข้าหนังสือขายเฉยๆ (ไม่นับว่ามีธุรกิจช่องทีวีอีก)
กูเลยว่านอกจากจะเป็นนายทุนแล้ว เทียบสเกลกับสนพ. อื่นก็ค่อนข้างมีความมวยคนละรุ่นนิดนึง
แต่โอเค สนพ. ใหญ่ๆ รองลงมา เดี๋ยวนี้ก็น่าจะมีโรงพิมพ์ของตัวเองแล้วมั้ง แจ่ม ซบ. บกร เงี้ย
อมร. ก็ได้เปรียบหลายทางนะ สายป่านยาว จะไปซอยมากี่เรื่องก็ได้ ล่าสุดก็มีให้เปิดเสนอลิขสิทธิ์นี้
ก็น่าศึกษาเพิ่มนะ กูเชื่อว่ามีคนทำลิสต์แล้วด้วยซ้ำว่าหนังสือดังๆ ติดท๊อปแค่ในจินเจียงเนี่ยมีค่ายไหนได้ไปกี่เรื่องบ้าง
คิดเป็นเปอร์เซ็นต์เท่าไร
อมร. เองก็จัดพิมพ์ จัดส่ง กระจายของได้เองง่ายด้วย
อย่างซบ. ยังพยายามแก้เกมด้วยการเปิดให้ไปรับของที่สนพ. + จัดส่งไปรฯ
แต่อมร. สามารถกระจายออกทั่วกรุงและต่างจังหวัดให้ซื้อตามร้านของตัวเองได้เลย (ล่าช้าก็วันสองวัน)
อันนี้ก็ธุรกิจ กูอาจจะไม่ค่อยชอบใจ แต่ทำอะไรไม่ได้
ที่เกลียดมากกว่าคือรู้สึกนิยายวายแม่งไม่ค่อยมีมาตรฐาน มีความขาดๆ เกินๆ ไม่เรียบร้อย
เน้นขายอย่างเดียว แบบรีบๆ คุณภาพยังไม่ผ่าน ทั้งเรื่องการแปล บก.
หรืออย่างฮัสกี้ ดูมีหลายเคสที่หนังสือตก QC ด้วยซ้ำ แบบ ปั๋มฟอยล์ลอก ตกจากตัวนูนไปเป็นวาเงี้ย
ที่น่าสนใจและอาจจะเห็นชัดกว่าวายตอนนี้ คือการกระโดดเข้าตลาดใหม่ของฝั่งเกาหลี
ที่เปิดตัวหัวใหม่ พคล. สำหรับแปลเกาหลี ญี่ปุ่นกับไต้หวัน ซึ่งมีการออกตัวมาว่าเป็นสนพ. เล็กๆ กูขำ
แต่อมร. ซอยดกจาไปแล้ว ก็น่าจะเอามาออกกับหัว. นี้มะ
แถมเล่มที่ออกแล้วๆ มาก็มีความคล้ายบิบลิที่กรุยตลาดฝั่งนี้มาก่อน (ทั้งโทนการออกแบบปก ขนาดไซส์หนังสือ)
แต่ทั้งนี้ บิบลิก็คือนายทุนเจ้าใหญ่อีกคนที่กระโดดมาเล่นวงการหนังสือนะ 5555
อีกจุดที่ไม่ชอบคือการจัดโปรลดราคา 15-20 เปอทุกเดือนในเว็บด้วย
อันนี้คนในวงการเคยพูดๆ กันว่า ทางอมร./นอ. จัดโปรเองนะ
แต่มาหักคอให้สนพ. ต้องเป็นคนแบกรับ cost ตรงนี้ นอกเหนือจากหักค่าสายส่ง แถมส่งเงินสนพ. ช้าอีก
อันนี้ก็แล้วแต่คน แต่กูเลยพยายามไปซื้อตรงจากสนพ. หรือร้านนอกมากกว่า
เก็บโปรพวกนี้ไว้ซื้อแค่กับหนังสือในเครือนี้อย่างเดียว
ร้าน นอ เป็นของ อมร เหรอวะ
เห้ย กูเพิ่งรู้
>>957 กูว่าเรื่องเรื่องที่มาให้ลด 15-20% และให้สนพ.รับcost ต้องอยู่ในสัญญาฝากขายแล้วไหม ถ้าสนพรับไม่ได้ ก็ไม่ต้องฝากร้านนอ.หรือบอกว่าไม่เข้าโปรลดก็ได้นิ กูก็เห็นสนพเล็กพึ่งเปิดก็ไม่เข้าโปรได้ เขาดูไม่ได้บังคับ ถ้าเลือกว่าจะเข้าโปรนี้ สนพก็ต้องยอมรับเรื่องเขาหักคอสกับตัวเองเพิ่มอยู่แล้ว เป็นค่าใช้จ่ายในการขายอย่างหนึ่ง กูมองว่ามันคือธุรกิจ เวลาหน้าหักค่าวาง สมมุตินิยายเล่มล่ะ 100 นายหักไป 50 ก็ไม่ได้หมายความว่านอได้กำไร 50 เลย มันยังมีต้นทุนอื่นๆอีกนะ ร้านนางที่แล้วที่ยังเป็นร้านใหญ่ไม่กี่ร้านที่ยังอยู่รอด (อันนี้เห็นชัดเลยว่าธุรกิจนี้กำลังเป็นไง) ว่าแต่ พคลคือหัวไหนอ่ะ
อมก คุยกับพวกมึงแล้วเปิดโลกกูมาก
กูโง่มาก ที่ไม่เคยรู้เลยว่า นอ เป็นของ อมร
เพราะกูซื้อนิยายกี่เรื่องต่อกี่เรื่อง กูก็ซื้อที่ นอ หมดเลย
นอ มันอยู่ตรงข้ามบ้านกูเอง
แบบนี้ถึงกูจะซื้อของสนพไหน ก็เหมือนแบ่งรายได้ให้ อมร ส่วนนึงปะ
มันร้าย นังนี่มันร้าย 5555
ใครไม่ชอบมัน ต้องภาวนาให้นายทุนที่รวยกว่ามันเข้ามาทำตลาดแข่งแล้วแหละ
แต่กูก็ยังจะซื้อที่ร้าน นอ อยู่ดีนะ เพราะมันใกล้บ้าน
นอ เป็นหนึ่งในเครืออมร แต่เห็นว่าคนละบอร์ดบริหารอะนะ แต่ยังไงก็เครืออยู่ดี ในบรรดาร้านหนังสือทั้งหมดที่เปิดเป็นร้านจริงๆ กูผูกพันกับนอ มาตลอด ซื้อง่าย ชอบฟิลได้หยิบจับหนังสือเองในร้านด้วย เจ้าอื่นที่พอจะโอเคมากน่อยก็บทอ แต่เจ้านี้อยู่ในห้าง ไม่เหมือนนอที่ปลีกย่อยอยู่ในชุมชนมากกว่าอะ พอคิโนะเปิดตัวก็สิงคิโนะ ซื้อหลักๆ เลยมีแค่คิโนะกับนอ ไม่จัดโปรก็ไม่รอด เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีใครยอมซื้อราคาเต็มแล้ว ราคาปกเองก็บวกโอเวอร์กะลดอย่างน้อย 10-15% แบบที่ตัวเองยังมีกำไรอยู่แล้ว แต่พอสนพ.เล็กวางกับนอเท่ากับทำธุรกิจกันแล้ว รับได้ก็วาง ไม่ได้ก็ไม่เอาเข้าร้านนอไง หลายสนพ.ก็ทำแบบนั้น หลายที่ก็กว่าจะเอาเข้าก็หลังรอบพรีหลายเดือนมากๆ อาจจะเอาสต็อกพิมพ์เกินเข้าด้วยซ้ำ มีโอกาสวาง ได้กำไรส่วนนั้นไป น้อยหน่อยก็ยังดีกว่าไม่ได้ โลกเรามันเทาทุกอย่างเลย 5555 ได้นั่นเสียนี่เป็นเรื่องปกติว่ะ ขอแค่มันไม่เหลื่อมล้ำหรือบีบกันมากเกินไป กับวงการหนังสือกูว่ามันยังไม่กระทบถึงขนาดนั้น นอ/สนพ.ในเครืออมร จะทำเงินได้สักเท่าไร ขาดทุนก็เอาส่วนอื่นมาโป๊ะๆ อยู่ดี ตอนนี้ขอแค่วงการหนังสือไม่เจ๊งกูก็พอใจแล้ว กูชอบอ่านแบบเล่ม จับต้องได้ ในอนาคตถึงจะมี ebook มากยิ่งขึ้นกูก็ยังเลือกเล่มอยู่ดี ณ ตอนนี้หนังสือเต็มบ้านเลย กูสะสมมาตั้ง 15-16 ปี ชินและชอบกับการจับเป็นเล่ม ชอบกลิ่นกระดาษอ่อนๆ และกลิ่นสเปรย์ในห้องหนังสือกู ถือติดมือไปอ่านก็ยังได้กลิ่นอะ ความสุขจริงๆ ของกูเลย
ปล.ค่านิยมมันเปลี่ยนด้วย แต่ก่อนเวลาหนังสือออก ที่ไม่ใช่ช่วงงานหนังสือ ราคาเต็มกูก็ซื้อ ซื้อกับนอ นี่แหละแต่หลังๆ มานี่โปรมาตลอด ก็เลยรอสอยตอนโปรออกอยู่ดี หนังสือเดี๋ยวนี้แพงอะ ลด 20% บางทีถูกลงไปเกือบร้อยสำหรับเล่มหนาๆ อะนะ มันก็มีกำลังไปเปย์เล่มอื่นอีก
>>961 เห็นเคยมีคนลือว่าโมโน
>>963 หัวเกาหลี/ญี่ปุ่นที่ไม่สืบสวน กับจีนไต้หวันคือ Piccolo
ไม่รู้อะ อันนี้ก็แล้วแต่คนจะคิด แต่กูว่าบางที มันก็ง่ายไปหน่อยอะ ที่บอกว่าถ้าไม่พอใจก็ไม่ต้องทำสัญญาสิ
มันไม่ได้แปลว่าสัญญานั้นจะเป็นธรรมขึ้นมา บางทีก็ไม่มีทางเหลือ เลยต้องจำใจเปล่าวะ
ถ้าอยากให้หนังสือไปถึงคนอื่นเยอะๆ มีวางหน้าร้านก็ต้องทางนี้อะ และก็อาจจะจริงที่คิดเผื่อแล้ว
แต่กูว่ามันก็แอบน่าเกลียดอะ เหมือนไม่ยอมเสียอะไรเองเลยก็ไม่รู้ ผลักให้สนพ. หมด
แถมโปร มันไม่ได้มาตามเทศกาล แบบ สามเดือนมีครั้งไรงี้ มันมีทุกเดือน
แต่มึงอาจจะเห็นเป็นปกติก็ได้ ก็แล้วแต่
โชคยังดีที่สมัยนี้ขนส่งค่อนข้างสะดวก สั่งซื้อจากสนพ. ช้อปปี้ หรือร้านนอกเองง่ายงี้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน
แต่ถ้าสมัยก่อนก็คือต้องเพิ่งสายส่งลูกเดียวอะ ยิ่งถ้ากระจายออกขายชนบท
แต่เออ ค่านิยมมันก็เปลี่ยนเยอะแหละ ทั้งเรื่องการซื้อ งานหนังสืออย่างที่ว่าด้วย
อย่างยุคหลังนอกจากเราจะรอหนังสือราคาลดแล้ว บางเจ้าก็แอบรู้สึกว่าตั้งราคาเผื่อลดไว้ล่วงหน้าแล้วด้วย
ซื้อๆไปเถอะเมิง มันหมดยุคสายส่งแล้วสำหรับวงการนิยาย หลายสนพเริ่มดึงยอดมาขายตรงเอง บางสนพก็ไม่ลงร้านหนังสือเลย นิตยสารก็ทยอยตายทีละค่าย อีกหน่อยอาจจะเหลือแต่หนังสือเด็กกับหนังสือฮาวทู หรือไม่ก็ปิดไปเลย เหลือแค่สาขาเล็กๆตามห้างใหญ่
เมิงหนีไปซื้อคิโนะนั่นก็นายทุนอยู่ดี เป็นสายส่งเจ้าใหญ่เจ้าเดียวที่เหลือของญป ใหญ่ขนาดข้ามชาติมาได้ ถ้าซื้อซีเอ็ด อมร มันก็ยังวนๆในประเทศบ้าง
คิดถึงร้าน bookfriend ที่เมื่อก่อนขายการ์ตูน ไม่รู้ตอนนี้ยังอยู่ไหม
>>968 กูไม่ได้บอกว่าไม่ต้องขาย กูบอกว่าสนพต่อรองไม่เอาได้อย่างที่กูพูดข้างบน กูเห็น m ที่เพิ่งออกเรื่องยุทธภพก็ไม่เข้าโปรใด คือมันเป็นช่องทางขายอย่างหนึ่งอ่ะมึง ก็เหมือนมายืมที่เขาขายไหม มึงก็ต้องจ่ายค่าที่ แล้วพอเขาจะลดมึงก็บอกมึงจะลดด้วย แล้วเขาก็เเจ้งมึงก่อนแล้วลดนี่ไม่หักจากค่าที่นะรับได้ไหม มึงต้องออกเอง มึงรับได้ก็จบ กูรู้สึกว่าร้านหนังสือไทยจะตายลงทุกวัน นายก็มีภาระที่ยังต้องคีพสาขาให้ได้แม้จะต้องปิดไปหลายสาขาแล้วก็ตาม ยิ่งโควิดปิดห้างก็ตายไปพร้อมหลายๆร้านในห้างนี่แหละ สมัยก่อนนายมันไม่ทีโปรทุกเดือนนะ (ตามร้านสมัยนี้ก็ไม่ มีแค่วันเกิด งานหนังสือ ) ออนไลน์นี่แหละที่มีตลอด เพราะตลาดออนไลน์มันการแข่งขันด้านส่วนลดมันสูง ถึงต้องมาเล่นโปรออนไลน์แบบนี้แทน คนชอบมอกว่ามันได้กำไรจากการหักเปอร์ไปเต็มๆ แต่กูว่าไม่ หักค่านู่นนี่แล้วเหลือกำไรต่อเล่ม10 บาทนี่ถึงไม่รู้ มันมีอะไรที่ต้องเสียเหมือนกัน คือกูเคยเป็นเด็กที่เขาไปอ่านนายแล้วก็ไม่ซื้ออยู่หลายปี กูไบแอสมั้ง อันนี้กูถือเป็นต้นทุนที่ร้านนายต้องแบกรับมาหลายปีเหมือนกันจนคนเลิกอ่านหนังสือ ไม่มีเด็กมานั่งอ่านเหมือนเดิมอีกต่อไป และหลายๆที่แค่ในวงการวายก็ไม่เอาเข้ามันแล้วเพราะตลาดออนไลน์มันแรงกว่าสำหรับสายวาย ซื้อชป.ถูกกว่าอีก เรื่องราคากูว่ามีน้อยที่ซื้อนิยายอมรแบบราคาเต็มลด 15-25% ที่กูหาได้ ซึ่งกูโอเคที่สั่งกับที่ไหนก็ได้เหมือนกันถ้าเป็นพิมพ์แรก ถ้าเป็นที่อื่นรอบพิมพ์หนึ่งรอบพรีนี่ไม่มีทางลด ถึงลดก็ 20-30b ยังไม่รวมส่งอีก มันก็แล้วเเต่กลยุทธการตั้งราคาของแต่ละที่อีก
>>970 มึงต้องเข้าใจก่อนว่าร้านหนังสือแฟรนไชส์ใหญ่ๆนี่เขามีนายทุนหนุนหลัง สนพ.เล็กๆมีทางเลือกแค่ยอมเขา กับไม่ยอม ยอมเขาก็ได้ขาย ไม่ยอมก็ต้องไปหาทางใหม่ แล้วทางใหม่ทางไหน ตั้งร้านหนังสือเองเหรอ ก็เจอเจ้าแฟรนไชส์ใหญ่มาประกบไง ขายออนไลน์เหรอ งั้นออนไลน์เจ้าใหญ่ก็ลดด้วย ลดทุกเดือนไปเลย! เจ้าใหญ่ต้องรับต้นทุนจริง แต่มันเป็นต้นทุนที่เขาทุ่มตลาดเพื่อกินรวบ ต้นทุนที่เขาทุ่มเพื่อให้เจ้าอื่นๆต้องง้อเขา ถามว่าถ้าไม่มีโควิด รายใหญ่มีเงินมาหมุนแบบปลาใหญ่กินปลาเล็กได้ตลอด มันยุติธรรมกับเจ้าเล็กไหม ก็ไม่เลยนะ รายย่อยต่อรองแทบไม่ได้ ไม่เอาเหรอ เออ ไม่ต้องขายเนอะ ไปหาทางเอง ถ้าอยากให้หนังสือเป็นสินค้าที่ทุกคนเข้าถึงได้จริงๆ เป็นสังคมการอ่านจริงๆ กูว่ารัฐต้องยื่นมือเข้ามาช่วยรายย่อยด้วย ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นทุนนิยมผูกขาด เจ้าเล็กจะตาย
>>971 กูเข้าใจๆ แต่กูก็พยายามจะอธิบายเรื่องไม่เข้าโปรว่าสนพ.เล็กก็เลือกไม่เขาโปรได้ ไม่ใช่บังคับทุกสนพ ไม่ใช่ไม่ยอมเข้าโปรก็ไม่ต้องขาย กูบอกในประโยคบนสุดเลยนะ ทำไมทุหคนเข้าใจกูว่ากูไล่พวกไม่เข้าโปรก็ไม่ต้องขาย การเข้าโปรนายก็ต้องเเบกรับต้นทุนมากขึ้น ถ้าเขาเเบกจนขาดทุน มันก็ไม่คิดโปรนี้ขึ้นมาหรอกถูกไหม พอมันมาหักกับสนพสนพไม่พอใจ ก็ไม่เข้าโปรเป็นจบ และจะไม่มีใครต้องง้อนาย ถ้ามีนายทุนอื่นมาเปิดเเข่งกับนาย เหมือนไปรที่ตอนเเรกเเม่งครองตลาด แต่ตอนนี้มันมีคู่เเข่งเยอะ ลูกค้าก็มีทางเลือกเยอะขึ้น แต่อีธุรกิจหนังสือมันกำไรน้อยไง ต้นทุนหน้าร้านก็สูง ลุ่มๆดอมๆมาหลายปี นายนี่ก็จะไปเมื่อไรไม่รู้ และที่สำคัญกูก็บอกอยู่ว่าธุรกิจออนไลน์นายไม่ได้ผูกขาดทุกที่ สนพมีทางเลือกอื่นนอกจากขายกับนายเยอะ
>>971 อีกอย่าง กูว่าข้างบนคุยกันเรื่องปลาใหญ่กินปลาเล็กและมันเป็นนายทุนกันจนไม่มีใครไม่รู้ว่ามันมีทุนเยอะนะ ที่กูกำลังอธิบายใน >>970 กูหมายถึงว่ามันไม่ได้ไม่ให้สิทธิเลือกสนพในการเข้าหรือไม่เข้าโปรเลย ไม่ปิดกั้นสิทธิด้วยซ้ำ และมันก็ไม่มีทางจู่ๆลด ต้องมีข้อตกลงอยู่แล้ว ในจุดนี้มึงมองว่าเป็นการบีบบังคับมากไปจนทำให้สนพเล็กๆหายใจไม่ออกหรอ กูว่าก็ไม่ ยิ่งกูบอกเลยว่ายุคออนไลน์เผลอๆนายต้องง้อสนพเล็กๆบางที่ด้วยซ้ำ มึงจะมาบอกว่านี่คือตลาดผูกขาดเพราะมันกินปลาเล็กจนหมดตลาดได้หรอ ในเมื่อเทรนผู้บริโภคก็เปลี่ยนมาช๊อปออนไลน์ไม่ก็รองานหนังสือกันมากขึ้น มันจะผูดขาดตลาดแบบกำไรตอนนี้แนวโน้มเป็นผูกขาดการขาดทุนแทน เป็นตลาดผูกขาดที่มีแนวโน้มจะขาดทุนต่อเนื่องทุกปีขนาดนี้ก็ให้มันผูกขาดการขาดทุนไปคนเดียวเถอะ อย่าคิดว่ามันเป็นปลาใหญ่แล้วต้องได้กำไรเสมอ เห็นที่มันปิดสาขาลงเรื่อยไหมล่ะ ถ้าวันหนึ่งมันล่มไปเลยก็ไม่แปลกนะใจใดๆสำหรับร้านหนังสือที่เหลืออยู่ไม่กี่ร้านในห้างน่ะ
บุคเฟรนของสยาม ไม่น่าตาย แต่ไม่รู้หลังหมดโควิดยังจะกลับมามั้ย ขนาดใกล้บ้านกูกูยังไม่เคยไปซื้อเลย เพราะมันขายราคาเต็ม คือในเวบตัวเองซูเปอร์เซลล์ลด ตาแหกแล้วแต่หน้าร้านไม่ลดไง
นอ.ปีนี้ลดหนักจริงๆมึง โดนปิดสาขาหน้าร้านเป็นแถว ไม่รู้ดีลค่าเช่ากันยังไง แต่กุว่ายอดขายหายหนักมากถึงลด20% อย่างต่อเนื่อง กุว่านี่ไม่ใช่ทุ่มตลาดแต่ มันคือการดิ้นหนีตายจากโควิด
ส่วนเรื่องโปรกับค่าสายส่งที่ไม่เป็นธรรม ถ้าบีบต้นทางจัดโปรแล้วเลือกได้ไม่บังคับก็ปกติมั้ย แม้กูคิดว่าต้องมีบีบหน่อยๆแหละ แต่กูก็ไม่รู้เค้าคุยกันยังไง
มึงต้องอย่าลืมว่าตลาดสิ่งพิมพ์กำลังแย่และมีแนวโน้มจะแย่ลงเรื่อยๆ จะหาคู่แข่งที่อยากรับความเสี่ยงมาเปิดสาขาที่มีค่าจัดการเดือนละเป็นแสนให้ทั่วถึงแล้วยังคุ้มทุนคุ้มกำไรมันไม่ง่ายนะ อัตรากำไรมากเกินควรไหมกูคงวิจารณ์ไม่ได้ แต่มึงจะมองข้ามต้นทุนและเครือข่ายความสะดวก รวมถึงแบรนด์ที่นายทุนใช้เวลาและทุนสะสมมาไม่ได้ ตรงนี้เป็นจุดที่รายเล็กใช้ประโยชน์ได้ทันทีที่ยอมจ่ายค่าฝากขายในเรทที่เค้ากำหนด
กิน popcorn อ่านโม่งเถียงกัน
โม่งการเมืองขึ้นสมอง ทำเนียนๆชักจูงคนแบนอมร ทั้งๆที่นายทุนในวงการหนังสือมีเยอะแยะ
>>977 ว่าก็ว่านะอมรไม่ต้องแบนมันหรอก แบนไปมันก็ไม่สำเร็จเพราะเดี๋ยวพอมันเอาเรื่องดังๆที่พวกมันรออ่านเข้ามา มันก็ไปแห่ซื้อกันอยู่ดี ละพวกสนพ.เล็กๆมันจะเอาเรื่องดีๆสนุกๆเข้ามาสักกี่เรื่องอ่ะ มีปัญญาซื้อLCกี่เรื่อง บางเจ้านี่ยิ่งร้ายเน้นทำอาร์ตสวยๆเข้าว่าแต่เนื้อข้างในนี่ทำกูอยากปาทิ้ง เสียดายเงินชิบหาย เหมือนไม่มีปัญญาซื้อเรื่องสนุกๆท็อปๆมาเลยซื้อเรื่องกากๆมาขายแล้วแก้ปัญหาด้วยการทำอาร์ตให้สวย แค่อาร์ตอย่างเดียวด้วยนะ แปลให้ดีๆจัดหน้าดีๆยังทำไม่ได้เลย คือไม่ใช่สนพ.เล็กทุกที่นะที่จะเป็นเหมือนฝูที่นส.ออกน้อยก็เลยเอาเวลามาทำแต่ละเรื่องให้เต็มที่ คัดเรื่องอย่างดี 80%แม่งผลิตงานกากแล้วก็จากไปด้วยซ้ำ กูก็ต้องเก็บเงินไว้ให้สิ่งที่กูพอเชื่อมั่นในคุณภาพเนื้อหาได้ก่อนรึเปล่า เหมือนมึงบอกให้กูเลิกใส่ผ้าอนามัยเพราะมันเป็นของโรงงานนายทุนใหญ่ มาใส่กาบมะพร้าวดีกว่าสนับสนุนชาวบ้านตัวเล็กๆที่เขารวมกลุ่มกันผลิตขายเงี้ย
>>977 ทำเนียนชักจูงคนแบนอมร? จะขำตาย จะจูงไปทำไม ขืนทำแบบนั้นเจ้าเล็กเดือดร้อนก่อนอยู่แล้ว เพราะเสียค่าสายส่งไปแต่ไม่ได้เงินจากตรงนั้นเลย อมรต่างหากที่ได้เปรียบเพราะขายหนังสือตัวเองค่าสายส่งวนอยู่ในบริษัทตัวเอง เงินจะไปเปย์ลิขสิทธิ์เล่มดีๆก็มี ที่เขียนไปนี่เพราะเจ้าเล็กต้องการความช่วยเหลือจริงๆต่างหาก
ไม่ใช่นายทุนใหญ่ชั่วร้ายเลวทราม แต่ระบบนี้มันไม่เอื้อให้ตัวเล็กๆได้ต่อรองเท่าไหร่ ควรเปิดช่องให้เขามากกว่านี้ อยากให้เปิดช่องให้ตัวเล็กน่ะ เข้าใจไหม ไม่ใช่ให้ไปปิดช่องตัวใหญ่ ลดภาษีกระดาษ ลดภาษีลิขสิทธิ์ ชักชวนให้ร้านหนังสือจัดโปรโมชั่นช่วยรายย่อย แล้วลดภาษีให้ร้านหนังสืออีกที สนับสนุนงานแปลหลายๆภาษาเพื่อให้คนอ่านมีทางเลือกหลากหลาย ไม่ใช่ปัดให้งานแปลเป็นงานจ้างแล้วเก็บภาษีนักแปลเท่าพนักงานบริษัทที่การเงินมั่นคงมีสวัสดิการ ทั้งหมดนี่กูก็ไม่ได้คิดเอง ลอกมาจากแพทเทิร์นที่ประเทศอื่นเขาใช้กันแล้วผลมันเวิร์คทั้งนั้นแหละ ที่อื่นทำได้ ไทยวิเศษมาจากไหนถึงจะทำไม่ได้ และไม่ได้การเมืองขึ้นสมอง แต่วิธีพวกนี้ ถ้าไม่ใช่หน่วยงานใหญ่ๆของรัฐยื่นมือเข้ามาช่วย มันทำไม่ได้จริงๆ
>>974 มึงเห็นเวลาร้านใหญ่ทำคอนเทนต์ลดออนไลน์ใช่มั้ย ส่วนใหญ่มันลดแบบเป็นขั้นบันได ยิ่งซื้อเยอะ เปอร์เซ็นต์ที่ได้ลดก็จะเพิ่ม วิธีแบบนี้ทำได้เฉพาะร้านหนังสือใหญ่ที่มีหนังสือให้เลือกเยอะเท่านั้นแหละ แล้วสนพ.ที่เข้าร่วมช่วยลดทุกอีเว้นท์ แบบว่าก็รู้ๆกันใช่ปะว่าสนพ.ไหน อันนั้นไม่ใช่สนพ.เล็กนะ นายทุนหนุนหลังเหมือนกัน ใหญ่โตโทรคมนาคม สายป่านยาวเหยียดพันรอบโลกได้ค่ะ เขาลดได้เพราะขายของแมส พิมพ์เยอะต้นทุนต่ำ แต่เจ้าเล็กนี่ถ้าไม่ลดตามอาจขายไม่ออก แต่พอลดราคา กำไรก็ลด สนพ.เล็กอีก มีขายแค่ไม่กี่ปก หวังให้ลดแล้วขายได้เยอะๆก็ยากนะ น้ำหนักต่อรองเขาต่ำมากจริงๆ
ถ้าจะแบนอมรกูไม่แบนเพราะเป็นนายทุนหรอก แบนเพราะคุณภาพดีกว่าจ่ะะะ กุหลาบแปลผิดมากี่เรื่องแล้วล่ะ แปลญี่ปุ่นที่โดนแหกว่าผิดยับก็บอกจะตรวจสอบๆ สุดท้ายไม่เห็นตรวจสอบอะไร พอเรื่องเงียบไปก็เอาหนังสือค้างสต๊อกมาโปรโมตในเพจต่อ ทำหนังสือแบบไม่แคร์ผู้บริโภคเลย สักแต่จะขาย เครืออมรหัวอื่นก็เหมือนกัน สมัยก่อนมีแต่หนังสือคุณภาพดี ทุกวันนี้แม้แต่เรื่องดังระดับหนังบล็อกบัสเตอร์ยังมีแปลบ้ง กูจะบ้า
ไปพ่วงการเมืองซะงั้น ไอ้นโยบายส่งเสริมรายย่อยจากภาครัฐที่มึงบอกอ่ะกุเห็นด้วย ไทยไม่ส่งเสริมตรงนี้จริงจังจริงๆ ซึ่งก็ไม่ใช่ความผิดอมรที่ต้องมาอุ้มคนเดียวเพราะกุทุนใหญ่อ่ะ ถ้ากุเป็นเจ้าของกูก็ไม่เอาอ่ะกำไรไม่ได้จะทำธุรกิจไปทำไมขาดทุนขึ้นมาก็เงินกูล้วนๆอ่ะ
ถ้าจะพ่วงการเมืองกุก็ขอนอกเรื่องว่ากูไม่เห็นด้วยกับการแบนสีผี หรือสารพัดแบนทั้งหลาย รวมถึงไม่เห็นด้วยกับนโยบายส่งเสริมเจ้าสัวรายเดิมๆของภาครัฐด้วย กุมองว่าทุกวันนี้ไม่ใช่เล่นกันอยู่ประเทศเดียวแล้ว โน่น ข้างนอกทุกประเทศรอรุมฉกเงินคนไทยอีกเป็นฝูง คนไทยพออะไรโตก็ช่วยเหยียบกันลงมาเพราะหาว่าผูกขาดไม่ชอบใจอย่างเดียว อีกหน่อยก็ตายหมดไปซื้อของจากนายทุนต่างชาติแทนหมดสิ เพราะไม่มีอะไรโตพอจะไปแข่งสนามระดับโลกแม้แต่อย่างเดียว
สต.กูคิดว่ารัฐบาลควรให้เลิกซัพทุนเก่าสู้ตลาดในประเทศแล้วซัพเฉพาะที่ส่งออกพอ ในประเทศไปสนับสนุนกลุ่มตั้งใหม่ให้ลืมตาอ้าปากได้จะดีกว่า ส่วนพวกมึงก็ต้องช่วยอุดหนุนของแพงที่บริการดีมีมาตรฐานเพราะไม่มีความประหยัดต่อขนาดไปก่อน (ซึ่งเอาจริงๆแม่งก็ยาก เพราะกูจน งกและขี้เกียจ) ช่วยให้มันโตมาแข่งกันได้อีกที แต่ก็นั่นแหละความสามารถก็ต้องมีมากพอด้วยไม่ใช่แค่อาศัยแรงซัพ มันหนีการแข่งกับแชมป์เก่าไม่ได้อยู่แล้ว ความสามารถในการเบียดตลาดด้วยตนเองมันก็ต้องมี
>>981 อย่างงั้นมึงไม่ต้องแบนแค่อมรหรอก มึงแบนทั้งวงการวายเลยดีกว่า มาตรฐานโคตรต่ำ ชุ่ยกันทั้งวงการ ขนาดแจ่มที่ว่าแปลจีนดีๆ วายไทยแม่งยังมาตรฐานต่ำชิบหาย เขียนให้เป็นภาษาไทยยังไม่ได้เลยบางเรื่อง กูไม่สนเรื่องเล็กใหญ่แล้วจริงๆถ้าคุณภาพมันยังทำได้แค่นี้ เรื่องดังๆก็ทำดี เรื่องไม่ดังเท่าก็ชุ่ยไป แต่ขนาดบางเรื่องอย่างดังก็ไม่เห็นมันจะทำดี มึงดูอย่างเมืองยิ้มได้LCเรื่องดังนขดังไปหลายเรื่อง มันทำดีขึ้นแค่ไหน พิสูจน์อักษรทำงานบ้างมั้ย ซบ.ได้เรื่องดีๆมามันแปลออกมายังไง ถ้าแบนกูแบนทั้งวงการวายเลยดีกว่า ไม่อ่ายวายกูก็มีอย่างอื่นให้อ่าน แกล้งๆแบนดูเผื่อมันจะเห็นหัวผู้บริโภคขึ้นบ้าง
>>982 เอ่อ มึง คือมึงจะไม่เห็นด้วยกับการแบนสีผี อันนี้กูโนคอมเมนต์ แต่มันคนละกรณีกัน อมรมันทุนใหญ่จริง แต่มันไม่ได้แดกตลาดเข้าไปคนเดียว มันใช้วิธีเป็นพันธมิตรกับเจ้าอื่น ซึ่งถ้าใครไม่พอใจและใหญ่พอก็ไปล็อบบี้แข่งกับมันได้ ยังมียักษ์ประจำวงการอยู่อีกสามสี่ตัว แต่สีผีซื้อแอสการ์โก้สมควรผิดกฎหมายโมโนโพลีจริงๆนะ แดกส่วนแบ่งตลาดเข้าไปคนเดียวแปดสิบกว่าเปอร์ แต่มติคณะกรรมการดันไฟเขียว ทั้งที่แม่งไม่ควรเขียวอ่ะ ถ้าใครจะมองว่าไม่สมควรสนับสนุนและรณรงค์ให้แบน กูว่าก็ควรเข้าใจเขาด้วยว่ะ
>>980 เรื่องอำนาจต่อลองของสนพเล็กนี่กูเข้าใจว่าน้อย แต่กูเห็นคนว่าเหมือนมันบังคับมัดมือชกไม่มีทางปฏิเสธผูกขาดสุดๆไม่มีทางเลือกเลย กูเลยไม่เห็นด้วยเท่าไร และกูเห็นด้วยกับมึงมากว่าปัญหามันไม่่ได้อยู่ที่นายทุนมันอยู่ที่ประเทศเราไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ไม่มีงบที่จะอุ้มชู ไม่เห็นถึงความสำคัญของมัน ซึ่งตอนนี้มันกระทบเป็นวงกว้างกับคนที่อยู่ในธุรกิจสิ่งพิมพ์ ทั้งเรื่องกระดาษที่หลายโรงพิมพ์เปลี่ยนจากซื้อกระดาษในประเทศเป็นซื้อกระดาษจากจีนแทน คนเก่งๆไม่ค่อยอยากเข้าไปทำเพราะเงินเดือนน้อยทำให้งานไม่มีคุณภาพ หน้าร้านหนังสือที่ถยอยปิดเพราะสู้ค่าที่ค่าแรงที่พุ่งสูงส่วนทางกับยอดขาย มันเป็นปัญหาต่อเนื่องมาจากการที่ภาครัฐไม่สนับสนุนจริงๆ
กุเห็นพวกมึงคุยกันยาวมาก เหมือนคุยเรื่องเดียวกันแต่จับคนละประเด็น สรุปให้กูสั้นๆทีกุโง่
สรุปที่มึงเถียงกันคือเรื่อง
อมรเป็นนายทุนเลยทุนหน้า โปรยเงินซื้อแต่ลิขสิทธิ์เรื่องดังตัดหน้าจนเจ้าเล็กไม่ได้แดรก ถูกปะ
เรื่องดังไม่ดังนี่วัดที่อะไร แปลเถื่อนยอดดีหรอ ถ้างั้นกุไม่นับว่าดังนะ บางเรื่องยอดวิวในจจท็อปในไทยตุ๊บ บางเรื่องกริบในไทยแมส กุว่าการขายนิยายได้เรื่องนึงใช้องค์ประกอบหลายอย่าง
กูว่าแบนเหี้ยไรไม่ได้ทั้งนั้นอะ ไม่ว่าจะเป็นสนพใหญ่หรือเล็กหรือคุณภาพไม่ดี เพราะยังไงถ้าเรื่องมันสนุก แม้คุณภาพจะดรอป ก็จะมีคนซื้ออยู่ดี
เหมือนแบนสีผี เห็นรณรงค์ให้แบนๆ สีผีไม่กระทบเลย คนก็ยังซื้อเยอะเหมือนเดิม
เหมือนพวกขี้แพ้ชวนตีอ่ะ หาคนเกลียดเพิ่มเป็นเพื่อน นายทุนมันก็ตั้งหลายสนพ เจาะจงแค่อมร
นิยายนอกกระแสที่จีนที่มาดังเปรี้ยงๆในไทยก็เยอะแยะ บางเรื่องดังๆมาทำแล้วแป้กเพราะสนพกากก็มี เงินมันไม่ใช่ทุกอย่าง สนพเล็กๆแต่ตั้งใจแปลตั้งใจทำนิยายมันก็ดังได้
>>993 ขี้แพ้ชวนตี 5555555 พูดอย่างกับคนที่มาถกๆกันในนี้เป็นคนสนพ.เล็กงั้นแหละ หลายๆคนก็แค่ผู้บริโภคปะวะ ผู้บริโภคแสดงความเห็นเกี่ยวกับสนพ.ไม่ได้อ่อ?? ที่บ่นๆกันนี่ก็ซื้อของกุหลาบกันทั้งนั้นแหละ ไม่งั้นจะไปรู้เรอะว่าคุณภาพมันแย่อ่ะ หรือผู้บริโภคต้องซื้ออย่างเดียว แสดงความเห็นเกี่ยวกับแนวทางของสนพ.ไม่ได้เลย????
>>990 คนอื่นเถียงเรื่องไรกูไม่รู้ ประเด็นกูคือเจ้าเล็กไม่มีพาวเวอร์มากพอจะไปสู้กับทุนใหญ่มากมาย บางครั้งเจ้าเล็กก็ไม่มีทางเลือก ไม่ได้ชักชวนให้แบนทุนใหญ่ เพราะด้วยโครงสร้างนี้ แบนไปเจ้าเล็กก็เสียหายหนักกว่าอยู่ดี ไม่ได้เจาะจงโจมตีอมร แต่เขาคุยเรื่องอมรกันอยู่เฉยๆ กูก็ยกตัวอย่างตามไป
ว่าแต่มีใครชักชวนให้แบนอมรด้วยเหรอ กูไม่เห็น
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.