เริ่มที่โปร 1,500 แถมแก๊ก ร้านจับมือกับสนพ.ชุบตัว พวกทำไมกูสงสัยว่าเป็นเจ้าของเดียวกันพวกมึงคิดว่าไง
Last posted
Total of 1000 posts
เริ่มที่โปร 1,500 แถมแก๊ก ร้านจับมือกับสนพ.ชุบตัว พวกทำไมกูสงสัยว่าเป็นเจ้าของเดียวกันพวกมึงคิดว่าไง
แว่วเสียงมีดสับกระทบเขียงมาแต่ไกล ในครัวสำหรับฝึกสอนทำอาหารตกแต่งสไตล์โมเดิร์น เหล่านิสิตชายหญิงภาควิชาคหกรรมศาสตร์กำลังเดินสวนกันบริเวณทางเดินตรงกลางให้วุ่น สองข้างทางคือเคาน์เตอร์บาร์ขนาดย่อมฝั่งละหกเคาน์เตอร์ที่ถูกกั้นเป็นสัดส่วน ในเคาน์เตอร์หมายเลขหนึ่ง เด็กหนุ่มตัวสูงกำลังก้มตัวแล่ปลาอย่างตั้งใจ
เนื้อปลาทับทิมสดทั้งสองด้านถูกแล่ออกจากโครงปลาอย่างประณีต นายเปมทัตในชุดเชฟสีขาวกระดุมดำวางเนื้อปลาลงบนเขียงก่อนจะแบ่งเป็นหกส่วนเท่าๆ กัน เขาหยิบผ้าเช็ดมือสีขาวออกมาจากผ้ากันเปื้อนสีดำแบบครึ่งตัวที่สวมอยู่เพื่อเช็ดมือ รอจนน้ำมันในกระทะร้อนได้ที่เด็กหนุ่มก็หย่อนโครงปลาลงไปจนเกิดเสียง มือหนาจับตะหลิวพลิกโครงปลาอย่างชำนาญ พักกระทะไว้ ก่อนจะหันมาเทแป้งสาลีใส่ถุงร้อนปริมาณหนึ่งในสี่ของถุง
“เปรมจ๋า ข้าวสุกแล้วนะ”
เปมทัตหันไปพยักหน้า เส้นผมสีดำประบ่าถูกรวบเก็บเข้าไปในหมวกเชฟสีขาวเผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาที่ขึ้นเงาเพราะอยู่หน้าเตาเป็นเวลานาน “ไอมาทำปลาคลุกแป้งที เดี๋ยวเค้าไปเอากะทิ” เด็กหนุ่มหย่อนเนื้อปลาทับทิมสองชิ้นลงถุงไป ใช้นิ้วปิดปากถุงไว้ เขย่าให้ดูแล้วพูดว่า “ทำแบบนี้นะ”
ไอริณขานรับ เด็กสาวอยู่ในชุดเชฟแบบเดียวกับพาร์ทเนอร์ เธอเห็นเพื่อนหันไปมองโครงปลาในกระทะจึงพูดว่า “เดี๋ยวไอเอาขึ้นให้เอง เปรมไปทำต้มข่าไก่เถอะ”
เปมทัตเดินออกมาจากเคาน์เตอร์ เครื่องปรุงทั้งหมดวางอยู่บนรถเข็นแสตนเลสหน้าห้อง เขาตวงกะทิตามปริมาณที่ต้องการ แบ่งเครื่องปรุงที่จำเป็นใส่ถ้วยเล็ก ก่อนจะเรียงทุกอย่างลงบนถาดแล้วถือกลับเข้ามา โดยไม่ลืมที่จะหยุดหน้าเคาน์เตอร์ตัวเองเพื่อหยิบเนื้อไก่ ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูดและวัตถุดิบอื่นๆ ที่ต้องใช้มาจากโต๊ะยาวกลางห้องด้วย
“เอ้าห้าโมงกว่าแล้วนะเด็กๆ เร่งมือเข้า” อาจารย์สาวประจำวิชาเดินตบมือเข้ามาเรียกความสนใจ “วันนี้เคาน์เตอร์หมายเลขหนึ่งเป็นเวรเก็บกวาดใช่ไหม ทำเสร็จแล้วมาเช็ดรถเข็นกับเอาผ้าขี้ริ้วไปต้มด้วยนะลูก”
“ค่า” ไอริณขานรับ เธอคลุกเนื้อปลากับแป้งเสร็จแล้ว กำลังเตรียมทอด
เปรมพูดว่า “เดี๋ยวเค้าจัดการต้มข่าไก่เอง ไอริณทำปลาสามรสไปนะ” เด็กสาวหันขวับ เธอพูดตาถลน “ไอทอดปลาให้ได้ แต่น้ำจิ้มสามรสเปรมทำนะ!”
เปรมทำท่าจะท้วง แต่พอเห็นสายตาอ้อนวอนจากอีกฝ่ายเขาก็ยอมพยักหน้าให้
“เย้! เค้าอยากกินปลาสามรสฝีมือเปรมมานานแล้ว” ไอริณร้องอย่างร่าเริง เปรมล้างตะไคร้กับข่าพลางพยักหน้าหงึกหงัก เมื่อเด็กสาวหันไปทอดปลาต่อ เขาก็เอาผักมาสะเด็ดน้ำแล้วเริ่มทุบตะไคร้ก่อนจะหั่นเฉียง มือหนาหั่นข่าเป็นแว่น ฉีกใบมะกรูด ตามด้วยนำหางกะทิใส่หม้อ ขึ้นตั้งเตาที่ไฟแรงปานกลาง
ไอริณทอดปลาเสร็จแล้ว เด็กสาวช่วยหั่นไก่เป็นชิ้นพอดีคำระหว่างรอเปรมทำน้ำจิ้มสามรส
“หม้อเดือดได้ที่แล้ว ไอใส่เครื่องได้เลย แต่อย่าเพิ่งใส่ไก่นะ” เปรมกำชับ ไอริณทำตามอย่างว่าง่าย เด็กหนุ่มเทน้ำจิ้มสามรสที่ปรุงเสร็จใส่ถ้วยแสตนเลส เด็กสาวเดินมายืนข้างกัน
“ให้ไอจัดจานเสิร์ฟแล้วเปรมไปเคี่ยวเถอะ ไอไม่โปรว่ะ” ไอริณพูดเสียงอ่อน เปรมหันไปมอง “ไม่เห็นเป็นไร ใครๆ ก็ทำได้ ไอไม่ลองเคี่ยวดูล่ะ” เด็กสาวส่ายหน้าก่อนจะยิ้มแป้น “ไม่เอาอะ รอกินฝีมือเปรมดีกว่า เปรมทำอร่อย”
เด็กหนุ่มมองแล้วยิ้มตาม เขาเดินไปเคี่ยวต้มข่าในหม้อ ระวังไม่ให้กะทิแตกมัน ช่วงเวลานี้เองที่เปรมได้ยืนนิ่งๆ บ้างเสียที ดวงตาสีนิลกวาดมองรอบตัว เพื่อนๆ เองก็ดูวุ่นวายกับเมนูที่ได้รับไม่แพ้กัน
แต่ละคู่จะได้รับสองเมนูที่แตกต่างกันออกไป เคาน์เตอร์ที่ทำเสร็จก็เริ่มยกอาหารของตัวเองมาวางบนโต๊ะกลางกันบ้างแล้ว ในท้ายชั่วโมงพวกเขาทั้ง 19 คนจะรับประทานอาหารที่แต่ละกลุ่มปรุงร่วมกันเหมือนทุกที
“เฮ้ยไอ้เปรม!” เด็กหนุ่มผมโกรกสีทองเดินมาหา เปรมเรียกชื่อเขา “ไงไอ้ได หมูต้มเค็มถึงไหนแล้วมึง”
ไดนาไมต์ทำหน้าเหยเก “โคตรเค็มอะ ใครแดกหมดมึงมาเอาไตกูไปได้เลย กูให้” เปรมหัวเราะเพื่อนสนิท ก่อนจะชะเง้อหาอีกคน “ครัวไอ้สามทำไรวะ”
“ไอ้สามมันทำไอ้นี่...แกงจืดหมูสับกับไข่พะโล้ แม่งโคตรน่าแดกอะ” ไดนาไมต์ตาวาว เปรมพ่นลมหายใจกลั้วขำ ตอนนี้เขาใส่ไก่ลงไปในหม้อแล้ว เป็นจังหวะที่ไอริณเอาจานปลาทับทิมสามรสที่ตกแต่งสวยงามไปวางเรียบร้อย
เกิดเสียงฝีเท้าตรงทางเดินหน้าห้องครัว เปรมมองลอดมุ้งลวดเหนืออ่างล่างจานของเคาน์เตอร์ตัวเองออกไป พบกลุ่มนิสิตหญิงหน้าตาน่ารักเดินหัวเราะคิกคักเดินผ่านมา ไดนาไมต์ตาวาว “แม่เจ้าโว้ย แจ่มว่ะ คณะไรวะน่ะ”
“ชุดกาวน์ขาวแบบนี้ หมอล่ะมั้ง” เปรมว่า สอดคล้องกับห้องข้างๆ เป็นแลปวิทยาศาสตร์ที่พวกนักเรียนแพทย์ชอบมาเรียนให้เห็นบ่อยๆ ไดนาไมต์ขมวดคิ้ว “หมออะไรไม่เห็นแขวนที่ฟังเสียงหัวใจไว้ที่คอเหมือนในหนังเลย”
“มึงจะให้เขาห้อยเป็นจตุคามเลยรึไงล่ะ ก็แขวนเฉพาะตอนใช้งานมั้ย” เปรมพูดหน้าเหนื่อยๆ เขาเติมเกลือป่นเล็กน้อย ใส่หัวกะทิกับมะเขือเทศแล้วคนให้เข้ากัน
“เปรมจ๋า ใส่มะนาวเลยมั้ย” ไอริณเดินเข้ามา เปรมชิมต้มข่าไก่ด้วยช้อนส่วนตัวโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า “ยังก่อน ใส่เปรี้ยวตอนร้อนๆ เดี๋ยวขม”
ไดนาไมต์ผิวปากหวือก่อนจะส่งยิ้มให้เด็กสาว “ยังไงน้องไอ ครัวนี้มีอะไรกินจ๊ะ”
“ปลาทับทิมสามรสกับต้มข่าไก่ค่ะคุณพี่ อร่อยเหมือนคนทำนะคะพูดเลย” เสียงหวานเจื้อยแจ้ว เปรมสั่นหัวขำๆ เขาปิดเตา เติมน้ำมะนาว พอรู้สึกว่ารสชาติได้ที่แล้วก็โรยหน้าด้วยผักชี จากนั้นจึงตักใส่ชามเตรียมเสิร์ฟ
“มาๆ เดี๋ยวไอจัดจานเอง” ไอริณอาสา เปมทัตถอยฉากให้ เขาเริ่มเก็บล้างภาชนะโดยมีไดนาไมต์ชวนคุยอยู่ข้างๆ
“พวกหมอนี่เรียกหนักน่าดูเลยนะ” เด็กหนุ่มผมทองพูดพลางมองกลุ่มนักเรียนแพทย์ชายที่เดินตาโหลออกไป “ดูดิ แม่งทำแลปกันหน้าซีดเลย เรียนทั้งวันเอาเวลาไหนไปแดกวะน่ะ”
“ใครจะเหมือนสาขาเรา แดกทั้งวันไม่รู้เอาเวลาไหนไปเรียน” เปรมสั่นหัว ไดนาไมต์ยืนกอดอก “กูว่าแลปสาขาเราแม่งจอยสุดละ”
“ห่า แลปแดก”
“พวกมึ้งงงง!” เสียงทุ้มดังขึ้นด้านหลังตามด้วยแขนยาวที่ตวัดรัดคอเพื่อนทั้งสองเข้าอ้อมอกตัวเองเต็มรัก เปรมกับไดนาไมต์ตาเหลือก เด็กหนุ่มผมดำเค้นเสียงเรียกอีกฝ่าย “อะ...ไอ้สาม...พะโล้มึง...”
“เสร็จแล้วเว้ย! เหลือต้มข่ามึงอะเปรม หูยกลิ่นหอมว่ะ” สามสีน้ำลายสอ เขาเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดีที่ตัวสูงที่สุดในสาขา สามสีกดจมูกลงบนหัวของเพื่อนทั้งสองคนละทีอย่างหมันเขี้ยว “หึม พวกมึงนี่...หัวเหม็นฉิบหาย!”
“สัดเอ๊ยใครให้มึงมาดมล่ะโว้!” ไดนาไมต์โวยวาย เขาถอดหมวกเชฟแล้วเลยโดนสามสีหอมเต็มๆ ในขณะที่เปรมได้แต่ยืนปลง โชคดีที่เขายังมีหมวกเชฟคอยคุ้มภัยกบาลน้อยๆ ของตัวเองจากจมูกไอ้สามอยู่ แม้สุดท้ายมันจะโดนแรงกดทับจนแบนติดหัวเขาเลยก็ตาม
“ส่องหมออยู่เหรอพวกมึง” สามสีถามขึ้น เขาปล่อยเพื่อนออกจากแขนแล้ว ไดนาไมต์หันไปตอบ “มึงช้าอะ แจ่มๆ เพิ่งผ่านไปเมื่อกี้เลย เห็นแล้วอยากโดนรักษา”
“ให้เขาฉีดยาเหรอมึง” สามสีแขวะ ไดนาไมต์ยิ้มกริ่ม พูดว่า “กูนี่แหละจะฉีดเขา”
“ตื่นเถอะ กูว่าชาตินี้มึงไม่มีปัญญาได้แตะแม้แต่ขี้เล็บเขาหรอก”
“ทำม้ายยยย” ไดนาไมต์ร้องไห้แบบไม่มีน้ำตา สามสีพูดว่า “พวกหมอแม่งดูสูงส่งสัดอะ จะสวยหล่อเกินมนุษย์มนากันไปเพื่อใครก็ไม่รู้”
“แม่งเข้าถึงยากฉิบหาย ถึงกูไม่ติดหมอก็อยากมีหมอมาติดนะเว้ย” ไดนาไมต์เบ้หน้า ก่อนมันสองคนจะกอดคอกันร้องไห้ เป็นจังหวะที่เปรมล้างอุปกรณ์ทั้งหมดเสร็จพอดี
“แล้วมึงอะเปรม สนใจอยากมีหมอมาติดบ้างมั้ย” สามสีหันมาถาม เปรมหยิบผ้าขึ้นมาเช็ดมือหน้าเหนื่อยๆ “หมอนะมึงไม่ใช่สติกเกอร์”
พูดจบอาจารย์ก็ตบมือเรียกความสนใจ
“เอ้าเด็กๆ ใครเรียบร้อยแล้วมานั่งประจำที่เลยนะ เราจะได้เริ่มสรุปแลปสักที หกโมงกว่าแล้วเดี๋ยวมืด รีบกินจะได้รีบกลับนะ” พวกเปรมได้ยินจึงรีบเข้ามาประจำที่ เมื่ออาจารย์สรุปแลปจบทุกคนก็ลงมือจัดการอาหาร
เสียงอึกทึกคึกโครมดังไปทั่วบริเวณ เหล่านิสิตชายหญิงพูดคุยกันพลางหัวเราะสังสรรค์อย่างสบายใจ เปรมอาศัยจังหวะนี้มาตั้งอ่างแสตนเลสต้มน้ำเตรียมต้มผ้าขี้ริ้วเงียบๆ
“เปมทัตเช็ดรถเข็นยัง” อาจารย์สาวเดินเข้ามาถาม เด็กหนุ่มพยักหน้า “เรียบร้อยแล้วครับอาจารย์ นี่กำลังจะต้มผ้าขี้ริ้ว”
“เหรอ เออ เดี๋ยวอาจารย์มีประชุมนะ พอเสร็จเปมทัตดูเพื่อนออกไปให้หมดแล้วฝากปิดไฟล็อคห้องด้วย กุญแจเอาไปหย่อนไว้ในห้องพักอาจารย์นะ” หล่อนนัดแนะ เปรมพยักหน้ารับ ถามว่า “อาจารย์กินต้มข่ากับปลาผมยัง”
“เออ กินแล้ว” อาจารย์ตอบ เปมทัตยิ้มทะเล้น “เด่อ อร่อยอะดิ”
“งั้นๆ แหละ” หล่อนขึ้นเสียงสูง เป็นอันรู้กันว่าฝีมือเด็กหนุ่มเข้าขั้นอัจฉริยะ รสชาติอาหารของเขาไม่เป็นสองรองใคร แต่เธอไม่อยากชมออกไป เพราะมันกวนตีน
“โห่ อร่อยก็บอก ทำเป็นซึน” นั่น พูดยังไม่ทันขาดคำ
“เออ อร่อยดี ปิดห้องด้วย อาจารย์ไปละ” พูดจบก็เดินถือกระเป๋าออกไป เปรมยกมือไหว้ตามหลัง ก่อนจะหยิบผ้าขี้ริ้วทั้งหมดใส่อ่างแสตนเลสเพื่อต้ม
“กูไปก่อนนะเว้ยไอ้เปรม” พอคนเริ่มสลายตัวกลับ สามสีก็เดินมาทักตรงเคาน์เตอร์ เปรมพยักหน้า “เออ เจอกันพรุ่งนี้”
“แม่งเสียดายต้มข่ามึงว่ะ อร่อยนะ แต่กูอิ่มแล้วอะดิ” เด็กหนุ่มตัวสูงพูดตาละห้อย เปรมหัวเราะ ตอบว่า “กับข้าววันนี้แม่งเยอะไง แดกกันไม่หมดหรอก”
“แล้วมึงทำไงกับที่เหลือวะ” สามสีถาม เปรมกลอกตาอย่างใช้ความคิด ตอบส่งๆ “คงเอาให้หมากินล่ะมั้ง”
“โอ๊ย บุญของหมา” สามสีสัพยอก พูดว่า “เออกูไปจริงๆ ละ กูไม่ได้ช่วยไม่ว่ากูนะมึง มีธุระจริงๆ” เปรมพยักหน้าหงึกหงัก เขามองเพื่อนตัวสูงวิ่งจากไป ตอนนี้คนอื่นๆ เริ่มทยอยเดินออกจากห้องกันบ้างแล้ว หลายคนตะโกน ‘สู้ๆ นะเปรม’ มาให้ ซึ่งเด็กหนุ่มทำได้เพียงขานรับยิ้มๆ เท่านั้น
“เปรมจ๋า แม่โทรตามไอแล้วอะ เปรมปิดห้องคนเดียวได้ใช่มั้ย” เด็กสาวเดินเข้ามาหน้าเศร้า เปรมหันไปมองตาโต “อื้อ ได้ดิ ไอไปก่อนเลย ดึกแล้วอันตรายนะ กลับคนเดียวให้เค้าไปส่งมั้ย”
“ไม่เป็นไร ไอไปกับกู” ไดนาไมต์โผล่มา ไอริณยกมือไหว้ปลกๆ “แอ๊ ขอโทษน้าเปรมมม”
“โอเคๆ ไปกันเหอะ เดี๋ยวเค้าปิดห้องเอง มึงก็ไปพาไอไปดีๆ ล่ะได” เปมทัตกำชับเพื่อน เด็กหนุ่มผมทองยิ้มทะเล้น “อะเครๆ เจอกันพรุ่งนี้นะเพิ่ล”
“เพิ่ลพ่ง เจอกันพรุ่งนี้” เปรมตอบรับ ก่อนทั้งห้องจะเงียบสงบเมื่อเหลือเขาอยู่คนเดียว
ระหว่างต้มผ้าขี้ริ้วเด็กหนุ่มก็คิดหาวิธีจัดการกับต้มข่าไก่ เขาพึมพำว่า “เหลือเยอะซะ เป็นกะทิด้วยอะ บูดแน่เลยเสียดายเหมือนกันแฮะ” สงสัยคงต้องเอาไปให้หมากินจริงๆ ล่ะมั้ง
เด็กหนุ่มไล่เดินล็อคหน้าต่างมาจากหลังห้อง จากนั้นจึงเก็บกวาดโต๊ะกลาง ตอนนั้นเองที่ห้องข้างๆ เกิดเสียงดัง
โคร้ม! เคร้ง!
เปรมสะดุ้ง เขาเงี่ยหูฟัง มั่นใจว่าได้ยินเสียงมาจากแลปวิทยาศาสตร์ห้องข้างๆ ตอนที่กำลังคิดว่าจะทำไม่รู้ไม่เห็นแล้วรีบเก็บกวาดให้เสร็จเร็วๆ อยู่นั่นเอง
กึง! เพล้ง!
พ่อครัวหนุ่มสะดุ้งอีกครั้ง เขากลอกตาไปรอบๆ อย่างชั่งใจ สุดท้ายความอยากรู้ก็ชนะจนทำให้เปมทัตออกมาจากแลปครัวของตัวเอง เด็กหนุ่มเดินไปหยุดอยู่หน้าห้องแลปวิทยาศาสตร์ที่เปิดไฟอยู่ ในมือเขาถือตะหลิวหนึ่งด้าม
ครืด...
เด็กหนุ่มเลื่อนประตูเปิด เขามองด้านในห้องแลปวิทยาศาสตร์ที่ไร้ผู้คนแล้วสูดลมหายใจเต็มปอดคล้ายเรียกสติ
เอาวะ...เป็นไงเป็นกัน!
“ใครน่ะ!” เปรมพุ่งตัวพลางยกตะหลิวชี้ไปข้างหน้า ก่อนจะมีเสียงจิ้งหรีดยามค่ำคืนตอบกลับมา เปรมลดมือลงช้าๆ กล้ามเนื้อเขาคลายโดยอัตโนมัติ นึกปลงตัวเองที่มาทำอะไรน่าอายอยู่แบบนี้
หมับ!
“เหวอ!” แต่ยังไม่ทันได้วางใจเปรมก็โดนแรงปะทะจากด้านหลังชนจนล้มคว่ำ เด็กหนุ่มโงหัวขึ้นมา สะดุ้งเมื่อโดนอะไรบางอย่างสัมผัสลำตัว
มะ...มือ...
เปรมหน้าเสีย แล้วก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงลมหายใจแผ่วๆ อยู่ข้างหู อะไรบางอย่างรัดตัวเขาจนอึดอัด พอตั้งสติได้เปรมถึงรู้ตัวว่ามีคนๆ หนึ่งกำลังทับเขาอยู่
แถมคนๆ นั้นยังตัวใหญ่มากเสียด้วย เปรมพยายามแกะมืออีกฝ่ายออกจากลำตัว เขาส่งเสียง “เฮ้! แกเป็นใครเนี่ย ปล่อยฉันนะโว้ย!” เพราะโดนทับจากด้านหลังเปรมเลยไม่สามารถหันไปมองอีกฝ่ายได้ เด็กหนุ่มสะดุ้งเฮือกยามมือเย็นไล้สัมผัสร่างกายของเขาอย่างจาบจ้วง
“เฮ้ย! ไอ้บ้านี่!” ใบหน้าที่ปรกไปด้วยเส้นผมและหนวดเคราไล้ซุกไปทั่วลำคอของเด็กหนุ่ม เปรมขนลุก ร้องลั่นเมื่อโดนอีกฝ่ายกัดเข้าที่หลังคอ
“โอ๊ย! ฉันเจ็บนะ! นี่...อึ๊ก อย่ากัด...” แขนใหญ่ล็อคเขาไว้แน่น เปรมดิ้นจนหมดแรง เจ็บจนน้ำตาเล็ด ก่อนริมฝีปากร้อนของอีกฝ่ายจะแนบลงข้างหู เปรมสะดุ้ง ได้ยินเสียงทุ้มเป็นครั้งแรก
“หอมจัง...”
เปรมขมวดคิ้ว พยายามย่นคอหนีจมูกโด่งสันที่ไล่หอมเขาเป็นว่าเล่น “หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
“ขอกินหน่อย...”
“ไม่ได้!” เปรมพยายามดันหัวอีกฝ่ายออกสุดแรง “ฉันไม่ใช่ของกินนะ เลิกดมฉันสักทีไอ้นี่ !” เขาโวยวาย เด็กหนุ่มได้ยินเสียงอีกฝ่ายครั้งสุดท้าย
“หิว...”
จ๊อกกกกก...ฟุ่บ! แล้วร่างนั้นก็แน่นิ่งไป
“หา...” เปรมหน้าเหวอ พยายามหันไปหาอีกฝ่ายได้สำเร็จ ตอนนั้นเองที่เขาได้เห็นผู้ชายตัวใหญ่ผมเผ้ารุงรังหนวดเป็นตอเต็มสายตา เด็กหนุ่มลุกขึ้นอย่างทุลักทะเล ชุดกาวน์ที่อีกฝ่ายสวมใส่บอกให้รู้ว่าเป็นทั้งคู่นิสิตเหมือนกัน เปรมเขย่าคนใหญ่ “เฮ้ยนาย...ตื่น!”
“หิวจัง...” เสียงทุ้มนั่นแผ่วหวิว เปมทัตพรูลมหายใจอย่างอ่อนแรง เขาเขย่าตัวอีกฝ่ายอีกที “เดี๋ยวค่อยพูดกัน ที่ห้องข้างๆ มีต้มข่าไก่อยู่ นายเดินไหวไหม”
“อุ้ม...”
“อะไรนะ?”
“อุ้มหน่อย...”
“...”
เปรมใช้เวลาห้านาทีในการ ‘ลาก’ ผู้ชายตัวโตแปลกหน้ามาแลปอาหารที่อยู่ข้างๆ หลังจากจับอีกฝ่ายนั่งเก้าอี้เรียบร้อย เปรมก็เดินไปตักข้าวสวยกับต้มข่าไก่ใส่ชามมาให้ เขาเลื่อนถ้วยกับข้าวหาอีกฝ่ายก่อนจะนั่งลงตรงข้ามกัน
ทันทีที่ได้กลิ่นแกงคนแปลกหน้าในชุดกาวน์ก็คว้าชามไปโซ้ยอย่างหิวโหย ท่าทางมูมมามขัดกับกาวน์สีขาวที่เจ้าตัวสวมใส่ เปรมนั่งมองเงียบๆ จนร่างสูงกินหมดแล้วจึงยื่นชามกลับมาให้เขา
“เอาอีกมั้ย?” เปรมถามตามความเคยชิน เมื่ออีกฝ่ายพยักหน้า เขาก็ไปตักมาให้
รอบสองหมดลงภายในเวลาอันรวดเร็ว อีกฝ่ายยังคงยื่นชามกลับมาให้เขาเงียบๆ
“จะเอาอีกเหรอ?” เปรมหน้าเหยเก กระพริบตาเมื่ออีกฝ่ายพยักหน้า เขาลุกขึ้นไปตักให้ใหม่อีกรอบ
รอบที่สามหมดลงภายในเวลาต่อมา อีกฝ่ายยื่นชามให้เขาเงียบๆ อีกครั้ง เปรมยกมือกุมหน้าผาก ก่อนจะลุกไปยกหม้อต้มข่าไก่กับหม้อหุงข้าวมาตั้งบนโต๊ะดังปึ้ง
“...”
ผู้ชายตัวโตผมรุงรังนิ่งไป มือใหญ่ใช้ช้อนกินคดข้าวด้วยท่าทีเงอะๆ งะๆ เปรมมองท่าทางนั้นแล้วปวดหัว ชิงพูดว่า “จะคดข้าวต้องใช้ทัพพีสิ แบบนี้” ว่าแล้วก็คดให้ดูพร้อมตักแกงให้ด้วยเสร็จสรรพ อีกฝ่ายรับไปกินอย่างหิวโหย จนพอมีแรงแล้วถึงเริ่มพูด
“แกงนี่...ซื้อจากร้านไหน” เสียงทุ้มนั้นเป็นแบบโมโนโทน เปมทัตตอบเรียบๆ “ฉันทำเอง”
“อร่อย”
ตึกตัก...ตึกตัก...
เปรมชะงักอย่างตกใจ โดนอีกฝ่ายชมแค่นี้ทำไมเขาต้องเขินด้วยวะ
“ขอโทษ” เสียงทุ้มเปล่งออกมา เปรมขมวดคิ้ว “เรื่อง?”
“ขอโทษที่กัดนาย ตัวนายมีกลิ่นอาหาร เราก็เลยเผลอไป”
เผลอไปเนี่ยนะ...เปรมมองบน ตอบปัดตัดบท “ช่างมันเหอะ แล้วนี่ทำท่าไหนถึงได้ไปล้มอยู่ในนั้น”
“เรากำลังตัดเซคชั่นใส่สไลด์ส่งอาจารย์ แล้วง่วงนิดหน่อย”
ไม่นิดแล้วมั้ง...เปรมเหงื่อตก พูดว่า “เอาเถอะ กินเสร็จก็รีบกลับบ้านนายไปสักที ฉันจะปิดห้องแล้ว”
“แต่เรายังไม่อิ่มเลยนะ”
“ใจคอนายจะกินให้หมดหม้อเลยรึไงล่ะ” เปรมประชด
“มันอร่อย เราว่าเรากินหมด” คำตอบนั้นทำเปรมนิ่งงันไป แก้มเขาร้อนอย่างไร้สาเหตุ สุดท้ายก็นั่งลงพูดปลงๆ ว่า “นายเนี่ย พูดเรื่องน่าอายได้หน้าตาเฉยเลยนะ”
เปมทัตตักข้าวให้อีกฝ่าย มือหนารับไป เสียงทุ้มถามเขาว่า “นายชื่ออะไร”
“เปรม” เด็กหนุ่มตอบ
“นายเป็นกุ๊กของที่นี่เหรอ”
“จริงๆ เป็นนิสิตอะ” เปรมตอบพลางมองเวลา สองทุ่มกว่าแล้ว ตัวเขาน่ะอยู่หอแถมมีมอเตอร์ไซค์ไม่เป็นไรหรอก แต่หมอนี่จะไม่กลับบ้านกลับช่องรึไง “นายควรรีบกินแล้วรีบกลับบ้านนะ ดึกแล้ว รถตู้หน้าม.หมดสามทุ่มนะ”
“ไม่ต้องห่วง เรามีคนมารับ”
“อ้อ งั้นเหรอ” เปรมเชิดหน้า มองอีกฝ่ายยื่นถ้วยมาให้แล้วขมวดคิ้ว “จะกินก็ตักเองซะบ้างเซ่! เป็นเด็กเรอะ!”
“ตักให้หน่อย”
“ทำไมฉันต้องตักให้นายด้วย!”
“นายเป็นกุ๊ก เราเป็นลูกค้า” คนในชุดกาวน์พูดหน้านิ่งจนเปรมนึกโมโห
“นายยังไม่ได้จ่ายตังค์ฉันเลยสักกะบาทเดียว!”
“เดี๋ยวเราเซ็นเช็คให้”
“คนบ้าที่ไหนเซ็นเช็คซื้อต้มข่าไก่กันบ้างเล่า! ตักเองเดี๋ยวนี้!”
สองสายตาสบกัน ก่อนคนตัวใหญ่จะเป็นฝ่ายตัดพ้อ “ใจร้ายอ่ะ”
“อย่ามาง้องแง้งน่า! ฮึ่ย...เอามานี่” สุดท้ายก็ต้องยอมมันจนได้ ให้ตาย เด็กโข่งชะมัด แล้วอย่ามากินไปมองกันไปแบบนั้นจะได้ไหม ฉันกลัวนะเฟ้ย
“กุ๊ก เราอยากกินปลา”
“ปลาหมดแล้ว”
“ในบ่อหน้าตึกก็มีอะ”
“นั่นมันปลาคาร์ฟ”
“จะกิน...”
“...ไว้ชีวิตมันด้วยเถอะ” เปรมเกาหัว พูดออกมาว่า “วันหลังละกัน ถ้ามาที่แลปจะทำให้กิน”
“จริงเหรอ” เปรมมองใบหน้าที่รกไปด้วยผมกับหนวดและตาวาวๆ ของอีกฝ่ายอย่างละเหี่ยใจ พยักหน้าแกนๆ “เออ”
“เราอยากเรียนทำอาหารบ้าง”
“แถวหน้าม.มีเปิดสอนเยอะแยะ”
“เราจะเรียนกับกุ๊ก”
“หา?” เปรมหน้าเหวอ มองคนพูดอย่างไม่เชื่อหู ดวงตาหลังเส้นผมรุงรังดูจริงจังจนพ่อครัวต้องลอบกลืนน้ำลาย “เงินเรายินดีจ่ายให้ กุ๊กเอาเท่าไหร่ก็ว่ามาเลย”
“ขอปฏิเสธ”
“ทำไมอะ”
เปรมพรูลมหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน พูดว่า “ฉันไม่มีเวลามาดูแลเด็กโข่งอย่างนายหรอกนะ แล้วนายเรียนหมอก็หนักพออยู่แล้ว จะเพิ่มภาระให้ตัวเองทำไม”
“จะเรียน” เสียงนั้นยืนยัน
เปรมคิ้วกระตุก คิดมาตั้งนานแล้ว ไอ้หมอนี่มันสปีชีส์คุณชายฟีทเจอริ่งเด็กโข่งหน้าตายชัดๆ เขาเอามือเท้าโต๊ะ จิกตาพร้อมพูดว่า “นี่พ่อคุณ โตแล้วนะ จะเอาแต่ใจไปถึงไหน”
“ไม่ได้เหรอ...” คนพูดทำตาละห้อย เปรมยกนิ้วชี้หน้า “หยุดเลย! ถึงจะทำสายตาแบบนั้นก็ไม่ช่วยอะไรหรอกนะ!”
“ขอร้อง”
“ฉันบอกว่าไม่ก็คือไม่เด้!”
“เราจะเป็นเด็กดี”
“นายนี่มัน...”
“กุ๊ก...สอนเรานะ”
“...”
เปรมนิ่งไป ให้ตาย ไอ้หมอนี่มันรับมือยากสุดๆ ไปเลย!
“ก็ได้โว้ย!”
“เย่” คนตัวโตชูมือขึ้นพร้อมช้อนส้อมด้วยดวงตาเป็นประกาย แม้อวัยวะบนใบหน้าจะไม่ได้ขยับไปด้วยเลยก็ตาม เปรมสูดลมหายใจ ถามว่า
“นายแน่ใจเหรอที่จะมาเรียนกับฉัน ฝึกโหดนา”
“เราโอเค” เสียงทุ้มตอบกลับมา เปรมหรี่ตา ลอบนวดขมับตัวเองป้อยๆ ไม่วายหันไปกำชับเสียงดุ “นายต้องสัญญาก่อนว่าการเรียนพิเศษกับฉันจะต้องไม่ทำให้นายเสียการเรียน”
“เราสัญญา” ร่างสูงรับคำเป็นมั่นเหมาะ
“ดี ว่าแต่นายชื่ออะไร”
“เราชื่อเท็น” หมอผมรุงรังตอบเสียงโมโนโทน เปรมพยักหน้าหงึกหงักพลางเริ่มเก็บล้างหม้อ พอเห็นสภาพก็อดทึ่งไม่ได้ว่าหมอนี่มันกินหมดจริงๆ ด้วยเว้ย
“กุ๊ก ต้มข่าไก่หม้อนี้กี่บาท”
ร่างสูงพูดพลางควักกระเป๋าตังค์ออกมา เปรมขมวดคิ้ว ตอบส่งๆ ขณะขัดหม้อต้ม “ฟรี”
“แล้วสอนเราเอาเท่าไหร่” เท็นถือแบงค์พันปึกใหญ่ค้างไว้ คิดจะจ่ายค่ามัดจำ
“ฟรี” เปรมตอบเป็นหุ่นยนต์ เท็นมองแผ่นหลังที่เล็กกว่าของตัวเองมากกำลังล้างจานอยู่งกๆ แล้วพูดว่า “มาทำนู่นทำนี่ให้เรา ตังค์ก็ไม่เอาแล้วกุ๊กจะเอาอะไร”
“ตารางเรียนนายก็แล้วกัน” เปรมสวนมา “ฉันจะได้เช็คได้ว่านายไม่ได้โดดเรียนมาหาฉัน”
“ก็ได้อยู่หรอก” เท็นพูดแล้วขมวดคิ้ว “แต่เราไม่อยากติดค้างบุญคุณใคร”
“ก็อย่าไปล้มให้ต้องลากมาอีกละกัน” เปรมเช็ดมือหลังล้างทุกอย่างเสร็จแล้ว เขาเก็บหมวกเชฟใส่กระเป๋า ตอนนั้นเองที่แผ่นหลังชนเข้ากับอกกว้าง พ่อครัวตกใจ เจ้าเด็กโข่งหน้าตายไปยืนอยู่ข้างหลังเขาตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้
“อะ...”
จุ๊บ...
รู้ตัวอีกทีจมูกโด่งสันกับริมฝีปากเอาแต่ใจนั่นก็กดลงมาบนแก้มของนายเปรมเสียแล้ว พ่อครัวยืนตัวชา เหลือกตามองอีกฝ่ายคล้ายกำลังช็อค ในหัวขาวโพลนแต่ยังทันได้ยินอีกฝ่ายพูดว่า
“ค่าอาหารครับ”
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.