มีใครเคลมการ์ดใสเรื่องผชสถปน.บ้างปะ ได้ของกันยัง
Last posted
Total of 1000 posts
มีใครเคลมการ์ดใสเรื่องผชสถปน.บ้างปะ ได้ของกันยัง
สรุปพวกนิยายแปลงจากฟิค/ นิยายยิมเมยแล้วเปลียนมาขาย เรื่องก็เงียบไปเลยใช่ป่ะ สำนักพิมพ์ไม่รับรู้ นักเขียนไม่รับรู้ แฟนคลับดิ้นกันไปเถอะงี้ ??
>>775 นังนี่เกินเยียวยาแล้ว ตอนนี้เปิดโรงทานเลี้ยงลูกหาบยาวๆ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ปล่อยเบลอขั้นสุด แถมใช้นิยายเป็นเครื่องมือล้างสมองสร้างตรรกะพังๆ กูถามจริงตรรกะนิยายพังขนาดนั้นคนอ่านกันไปได้ไง ไม่ตะขิดตะขวงใจตอนอ่านกันหน่อยรึ
ซึงเศร้าเป็นโรคที่น่าสงสารที่สุดละ คนทำเชี่ยอะไรมาก็อ้างแต่โรคนี้ พอเรื่องแดงค่อยเป็น พอเรื่องเงียบค่อยหาย
Ky มีใครสั่งหนังสือร้านต๊อบบ้าง ร้านดองของไม่ตอบแชทเลยสักช่องทาง ตามตัวอะไรไม่ได้เลย มีใครมีประสบการณ์แจ้งความร้านหนังสือไหม กูท้อที่จะตามแล้วจะเข้าเดือน เดือนกว่าแล้วที่ตามหนังสือไม่ได้ แบบนี้แจ้งความได้ป่าววะ กูเสียเวลา เสียตังค์ เสียสุขภาพจิต ในเพจร้านก็มีแต่คนตามหนังสือ T_T
…นักเขียนไทยแต่ละคนนิ… วีรเวรน่ากลัวจริงๆ…
ช่วงนี้นัวกันสุดเรื่องแฟนฟิคชุบตัวเป็นออริ หาบก็เม้นให้กำลังใจกันรัวๆตามสไตล์ 555555555555
เตรียมหงายการ์ดซึมเศร้าสิคะ รออะไร
สนพ เริ่มออกมาทำงานละ หลังจากล้อคแอ็คหนีหายไปนาน
นขชื่อดังต่างๆจะว่ายังไงดีคะ รอบนี้จะเอาสูตรอาหารอะไรมาเสนอ
กูสงสัยว่าแฟนฟิคเปลี่ยนเป็นนิยายกับนิยายที่มีแรงบันดาลใจ อันไหนมันรุนแรงกว่ากันวะ ทำไมกูรู้สึกว่าคนมุ่งไปล่าแฟนฟิคที่เปลี่ยนเป็นนิยายรุนแรง แต่ปล่อยเบลอเรื่องนิยายที่มีแรงบันดาลใจ มนกกบ ที่ออกจากป่าแล้วก็ไม่เห็นมีผลกระทบอะไร สนพ.ก็ไม่ได้เลิกจำหน่าย
กูสงสัยนักเขียนชื่อดังประจำโม่ง ยอมรับผิดแค่เรื่องนั้น ที่สำนักพิมพ์ออกประกาศเหรอ
อีก3-4เรื่องที่พิมพ์กับที่อื่นคือปล่อยเบลอสินะ อีบุ๊คก็ยังเห็นขายอยู่.... รีบออกมารับผิดชอบหน่อยน้าา
>>799 จริงๆประเด็นนี้เคยถกกันไว้บ่อยมากๆ ลองย้อนไปดูก็ได้ แต่รวมๆคืออฟช.'ส่วนมาก'จะปล่อยเบลอให้ยกเว้นมันล้ำเส้นเกิน เช่น ทำของออกมาทับไลน์กู้ดอฟช./ทำรายได้ที่มากเกินไป อย่างที่โม่งบนบอกว่าถ้าเป็นแฟนฟิคมันขายได้ในวงทีาจำกัดอยู่แล้ว ยกเว้นกับอฟช.บาฃอันที่ระบุเลยว่าไม่อนุญาตให้ทำอะไรบ้าง อย่างม่อเต๋าไม่ให้ทำอะไรที่เป็นแฟนเมดเลย
ไอ้เรื่องว่าผิดมั้ยมันผิดเว้ย แต่คนทำมันก็ต้องรู้ว่าที่มันทำมันผิดไง ขีดเส้นไว้ว่ามึงทำได้แค่ไหน ไม่ใช่เขีบนแล้วกะชุบตัวเอาฟิคมาเแลี่บนเป็นออริเพื่อยอดเงินที่มากขึ้น โกยเงินจากยอดคนอ่านเก่า หากินกับด้อม แต่ก็มีบางกรณีอย่างที่คนเรียกกันว่าตั๊กแตน ก็คือคนที่เข้ามาหากินกับด้อมที่ดังๆทั้งที่ไม่ได้ชอบได้ชิปอะไรแบบนี้ก็มีเหมือนกัน
กุว่าบรรดานักเขียนต้องมีสวด ชมจ บ้างแหละ คือตอนนี้แบบว่าไฟลามทุ่งมาก เริ่มมีคนพูดถึงการพิมทำมือแล้วด้วย
พูดถึงแฟนฟิคชุบตัวเป็นออริ เรื่อง 65 Hours ของนาบูก็เข้าข่ายใช่ปะ ใน Amazon ยังไม่กล้าขายเลย เห็นแจกฟรี สนพไทยเสือกมาแปลขายตั้งหน้าละบาทกว่า
ทำไมร้านต๊อบ ขอหยาบคายหน่อยนะ โมโหมาก!!! หน้าด้านจังวะ โพสต์แจกโค้ดได้แต่แชทไม่ตอบสักทาง ปล่อยลูกค้าทวงไปเถอะ เบอร์ให้มาโทรไปก็ไม่รับสาย โม่งด้านบนที่มึงถามเรื่องแจ้งความได้เรื่องยังไงบ้างวะ ถ้าได้เข้ามาโม่งอีกฝากอัพเดทหน่อย เคสกูมันไม่อยู่ในการการันตีแอพ จะตามเรื่องที่ไหนก็ไม่ได้ ซวยชิบหายที่มาสั่งหนังสือกับร้านนี้เนี่ย
>>816 ถ้าเเบบอยากเป็นตำหนวด ผดุงความยุติธรรมก็ควรทำอะมึง อย่ามาอ้างว่าทำมือน้อยกว่า รู้ได้เงินทำมือน้อยกว่า บางคนขายจนรวย ซัพศลป. เท่าไรกันเชียว หรือว่ามันอยู่บนดิน เกาะกระเเสหากิน ถีบหัวส่งคนในด้อมอะไรแบบนี้
กูเข้าใจว่ามันเทานะ เเบบต่างหลับหูหลับตา เเต่ถ้าจะเล่นอะไรแบบนี้ เล่นให้หมดเลย เเต่งฟิคได้ เเต่อย่าโดเนท อย่าทำมือขาย สมัยก่อนกูเข้าใจนะว่าเเบบหารๆค่าทำเล่มเพราะทุนเเพง เเต่สมัยนี้ไม่ใช่เเบบนี้เเล้วม้างงงง
ส่วนตัวกูเฉยๆกับการแปลงแฟนฟิคเป็นนิยายนะ
สำหรับกูกูมองว่ามันเป็นinspire เรื่องหน้าตา ถ้า
ปกออกมาแล้วไม่รู้ว่าเป็นดาราคนไหนก็โอเค
อาจจะเป็นเพราะว่ากูยังมองไม่เห็นผลเสียของเรื่องนี้เท่าไร(สำหรับตัวนักแสดง)
ปล คนเขียนนิยายมันจะซึมเศร้ากันเยอะชิบหาย
เลยวะ
>>816 พวกกู๊ดส์นี่มปรหรอก เขามีลิมิตไว้อยู่แล้วว่าห้ามขายเกินจำนวนเท่าไหร่ๆป้องกันไม่ให้ค้าเอากำไร แต่พวกฟิคนี่เทาเฉดเข้มเลยเพราะมันไม่มีใครมาห้าม ถ้าดังมากๆก็ขายกันเป็นล่ำเป็นสันเหมือนที่ดซ.เคยโพสต์ให้ดูว่ายอดจองเป็นพันๆเล่มอะ มึงว่ามันจะได้ไปกี่แสนละกรณีนั้น
กูว่าประเด็นแปลงฟิคนี่ไม่เกี่ยวกับเงินที่ได้ว่ะ มันเป็นเรื่องเอาของที่ควรจะอยู่ใต้ดิน (หรือกลางๆ ดิน? ถถถถถ) ขึ้นมาอยู่บนดินแบบประเจิดประเจ้อน่ะ จดทะเบียน isbn วางขายกันตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศงี้ บางคนตอนเป็นฟิครวมเล่มขายไปทีแล้ว เอามาแปลงเป็นออริวางขายได้เงินคูณสองไปอีก
>>823 เเต่กูว่าเขาไม่ไล่บี้หรอกกก คนที่ไล่แหกพวกนักเขียนชุบตัว เเละสุดท้ายก็พากันอยากขายตัวเองที่เเต่งออริเองไม่เเมส เอ๋? สรุปที่จริงอยากให้อยู่ใต้ดิน ขายทำมือพอ ( เเต่รายได้บางคนเยอะกว่าสนพ.เล็กๆ) หรือ อิจฉาที่เขาดังกว่าก็ไม่รู้เเล้วจ้า ถถถถถถถถ
ทำแบบนี้มากเข้า คนก็เอือมวายไทย เเละเขาก็ไปซื้อเเต่แปล เเล้วก็มานอยด์ว่าคนไทยไม่สนับสนุนกันเอง
>>821 อันนี้ถามเพิ่มเติม เเฟนฟิคอิงจากบุคคล อิงแบบไหนอะมึง เเบบสมมติมันจงใจเเบบออริ เเต่เอาพวกนิสัย หน้าตา ท่าทาง นิสัยของคู่จิ้น คู่ชิปมาเเต่ง เเต่ไม่มีชื่อคล้าย ไม่มีภาพเมจ หรือเทียบกับ เอาเเค่รูปมา เเต่นิสัยท่าทาง ทุกอย่างเเต่งเองไม่เหมือนคู่จิ้น อันไหนเเฟนฟิค หรือทั้งคู่
>>826 กูมองที่การตลาดมากกว่า
แฟนฟิคมันก็มีพวก au ที่บางเรื่องก็ ooc ไปไกลมาก จากคนใจดีอ่อนโยนกลายเป็นไอ้โหดหื่นกาม แต่ตัวตัดสินสำหรับกูว่าเรื่องไหนทุเรศ/ไม่ทุเรศ คือการตลาดโปรโมต ถ้ามึงติดแท็กคู่ชิป โปรโมตรัวๆ เรียกชาวด้อมไปอ่าน นั่นคือมึงเกาะฐานแฟนฟิคแล้ว ต่อมาบอกว่าไม่ชิปค่ะ ไม่เกี่ยว อันนี้ก็เหมือนหักหลังฐานเดิม
แต่ถ้ามึงชอบคสพ.คู่ชิป ไปเขียนของตัวเองแล้วติดคสพ.ที่ชอบ แต่ไม่ได้แท็กคู่ชิป กูก็มองว่ามันไม่เกี่ยวกัน เพราะมันไม่ได้เรียกฐานจากคู่ชิปไปตาม มึงสร้างฐานของมึงเองจากคสพ.ที่ชอบแล้วบังเอิญเหมือนคู่ชิปเฉยๆ
>>826 มันจะมี แฟนฟิค ที่ใช้ชื่อศิลปินเลย อันนี้เข้าใจง่าย เฉพาะในด้อม แต่มันก็มีที่เปลี่ยนชื่อตัวละครเป็นออริ แต่ใช้อิมเมจศิลปิน แท็กคู่ชิป เพื่อดึงคนในด้อมมาอ่าน ลงหมวดแฟนฟิคไม่มีปัญหา (พวกวายไทยอาจจะไม่ได้ไปเจอ) แต่มาลงหมวดวายไทย คนนอกด้อมก็มาอ่านได้ มันก็เข้าถึงคนอื่นๆด้วย (มีบ้างที่คนอ่านวายไทย อาจจะไม่ชอบให้ติดอิจเมจศิลปิน ชอบจินตนาการเอง) แต่ต่อให้ลงหมวดวายไทย ยังติดแท็กคู่ชิปศิลปินเพื่อโปรโมท จะตามคาร์แรกเตอร์หรือเปล่าไม่รู้ แต่อันนี้ก็ถือว่าเป็นแฟนฟิคแล้ว เพราะใช้ความนิยมของคุ่ชิปมาดึงยอดอ่านนนิยายน่ะ
ไม่แปลกใจที่นักเขียนบางคนจะเกาะคู่ชิป ตอนมึงแต่งออริที่ไม่ติดเมจศิลปินมีคนอ่านหลักหมื่นคนเมนต์หลักร้อย พอมาแต่งแฟนฟิกมีคนอ่านหลักล้านคนเม้นต์หลักหมื่น ถ้ามึงกล้าภูมิใจว่าเป็นเพราะฝีมือมึงกูก็ขำค่ะ มึงเกาะคู่ชิปค่ะ ฝีมือมึงมีส่วนแค่ 20 เปอร์ นอกนั้นเป็นเพราะคนในด้อมเข้ามาอ่าน
ยืมเมจก็เหมือนแฟนฟิคนั่นล่ะ ลงท้ายมึงก็เอารูปลักษณ์มา ขายให้คนอ่านรู้ว่ามึงแต่งเรื่องของศิลปินคนนี้ แล้วบางทีมันไม่ใช่แค่ยืมเมจอย่างเดียว พวกนิสัยอะไรแบบนี้มันก็จะเบสออนศิลปินนั่นล่ะ
มกลม.แม่งกลายเป็นของแรร์ไปละ คนตามหากันให้ควั่ก
เสียดาย บบอนด์ ทันอ่านตอนนข.ยังเขียนหน้านิยายว่ามีเมจ แต่ไม่แปะในรอร. อยากรู้ไปดูเอาเองในแท็ก ไม่น่าเลยจริงๆ พล็อตเรื่องแปลกใหม่ในตลาดอมกว.ไทยด้วย
https://twitter.com/nigiri_sushi/status/1392710554842664960 คนคิดพล็อตกับเขียนก่อนจะต้องเป็นคนสงสัยคนมาทีหลังไม่ใช่เหรอวะ ทำไมมันกลับกัน 5555
กูสงสัยว่า ซบ ทำดีกว่าสนพ อื่นยังไง ลูกหาบอวยชิบหาย นิยายแม่งกี่ปีเข้าไปแล้ว ขายจนอิ่มจะเรียกเก็บมันก็ไม่แปลกปะวะ บางเรื่องเอามาลดราคาแล้วด้วย
กูเผือกอย่างมีจรรยาบรรณ ไปดูวันที่เปิดเรื่องมา ขป เปิดเรื่องก่อน แต่ประโยคที่ขีดเส้นใต้กันออกมา ใครโพสต์ก่อนนี่ไม่รู้ว่ะ ไม่ได้อ่านทั้งสองเรื่อง
>>837 +1 นางมั่นแหละว่าไม่ได้ลอก นขรวิศก็ซวยไป แต่งก่อนแท้ๆ ดีที่มีหลักฐานชัดเจน แต่ก็ไม่รู้ว่าซอมบี้จะลงไหม ส่วนขปเองถ้าไม่ดูลูกหาบดีๆรอบนี้ดับเพราะลูกหาบได้เลย ถ้าเจอขุดก็โดนรุมตีนแน่ๆ งานเก่าเขาบ้งน้อยซะที่ไหน สวรรค์เบี่ยงรีเมคก็ขายเป็นกอบเป็นกำ
แต่พล็อตมันก็คลิเช่พอตัว แนวท้องแล้วหนี พระเอกหมา จับมายำๆปรับๆให้นายเอกเป็นแนวเชิ่ดๆ
กูไปลองอ่านรวิศดีกว่า น่าจะสนุก
ทำไมกูอ่านแล้วรู้สึกเหมือนขปชี้เป้าให้ลูกหาบไปลงอีกเรื่องวะ
ทำไมกูอ่านแล้วไม่รู้จักสักเรื่องเลยวะ(...)ไม่เคยเห็นผ่านตา
>>849 เเล้วถ้าเขาไปถามเองหลังไมค์ก็เหมือน ขป ไปหาเรื่องอีกนั่นเเหละ อย่างน้อยมาถามความเห็น นอ ก่อน เเล้วค่อยว่ากัน ถ้าไม่ใช่ก็ไม่ใช่ อันนี้ก็มีนอ.ติดเเท็กทัก กับเห็นในรีวิวนี่ ก็ไม่ใผิดที่เขาจะถามแบบนั้น เคลียร์กันด้วยดีด้วยซ้ำ เเถมอีกเรื่องจากคนไม่รู้จักก็มีคนรู้จักมากขึ้นไปอีก
ทำไมการซื้อแฟนฟิค(แบบนักเขียนพิมพ์เอง) กลายเป็นปัญหาเกี่ยวเนื่องกับเรื่องที่แฟนฟิคกลายเป็นออริ(ส่งสำนักพิมพ์)ได้วะ
กูอุดหนุนแฟนฟิคเพราะกูชอบ แต่กูไม่ชอบออริชุบตัว ถือว่ากูผิดไหมเนี่ย....
ขป. โดนแก๊งอตปส. ถุยน้ำลายใส่น้ำให้กินเหรอวะ ลากคนเขียนเรื่องคล้ายตัวเองไปแขวน แล้วให้แฟนคลับออกหน้า ไอ้จุดที่อ้างว่าเหมือนก็โคตรหลักลอย พฤติกรรมแก๊งหมาชัดๆ
เคลียร์กันด้วยดีห่าไร แซะเขาไม่เลิก
ตอนแปะลอยๆ เปรยลอยๆ มีคนช่วยเบรกก็ยังไม่หยุด โดนกระแสตีกลับกว่าจะคิดได้ เคลียร์กันด้วยดีถุย
#ไม่ถามตรงๆหรอกฮะ
#นขทุกคนรู้ดีแก่ใจ
ขป.กูนึกว่าจะไม่ม่าอะไรกับเค้าแล้วนะ ใครคายตะขาบให้นาง หรือนข.แมสๆมันจะติดเชื้อหมากันไปหมดแล้วเชื้อเพิ่งแสดงอาการ ทยอยบ้งกันรายอาทิตย์แล้วนะเดือนนี้
นข.ทุกคนรู้ดีแก่ใจ ย่อมถูกเเล้วไง อีกคนก็อ่านงานเขียนเขา เขาสงสัยก็ไม่แปลก เเถมเขาสองคนก็คุยกันดีนี่หว่า อีกคนมาทีหลังตัวเล็กเลยดูเป็นเหยื่อเหรอ เชื่อว่าให้ทักหลังไมค์ เดี๋ยวอีกคนก็ออกมาทวิตเเน่นอน ขป ก็โดนอยู่ดีจ้า
ขป. ดีแค่ไหนแล้วที่ให้อภัยเค้า ไอ้ต.นั่นก็แฟนนิยายแก เฟบแกไว้ แล้วอยู่มาเขียนงานเหมือนแก
สุดท้ายไอ้ต. อ้างว่าทวิตพล็อตทิ้งไว้ก่อนขป.จะเขียนเรื่อง 2 ปี แหม มึงก็อ้างได้นะ สะดวกมึงเลย
>>859 เห็นเม้นแล้วจำได้ว่าเคยมีช่วงนึงที่ฮิตๆเขียนแต่พลอตลงทวต.กัน ละมีดราม่าถี่มากเรื่องมีคนเอาไปใช้ ในโม่งยังเคยถกกันด้วยซ้ำมั้งเรื่องนข.ควรปกป้องพลอตตัวเองหรือควรป้ายน้ำลายจองไว้ กูเลยสงสัยว่าถ้าเวลาพลอตดันซ้ำกันแล้วตกลงกันไม่ได้ คนนึงเขียนทั้งเรื่องก่อนแต่อีกคนทวิตพลอตไว้ก่อน เพื่อนโม่งจะเลือกเข้าข้างใครมากกว่ากัน
>>863 คลุมถุงชน ไม่ได้รัก มีเมียน้อย พอจับได้เปลี่ยนไปดูเเล คลิเช่เเหละ เเต่เขาบอกเองนะ
.....
หลังจากเปิดเรื่องไปแล้วสักตอนหรือสองตอนนี่ล่ะค่ะ จากนั้นเราก็ไปเปิดเรื่องของคุณข้าวปั้นเพื่อสำรวจว่าคล้ายกันไหม (จำได้ว่าน่าจะไม่เกินห้าตอน) แต่ด้วยโทนและองค์ประกอบอื่นที่เราตั้งใจจะเขียนทำให้คิดน้อยไปเองว่ามันจะไม่เหมือนกัน จึงตัดสินใจเขียนคุณรวิศต่อไป .....
เข้าไปอ่านละนะ ดูเเล้ว เขียนต่อไปเพราะดูไม่คล้าย เเต่สุดท้ายมีคนมาทัก ก็เเสดงว่ามันมีจุดคล้าย
พอมีคนทักเลยเข้าไปดูใหม่ ก็เจอว่า TW คำคล้ายกันอีก ซึ่งถ้าย้อนกลับไปเข้าไปดูเเล้ว TW มันคล้ายไม่คิดจะเลี่ยงหน่อยเหรอ
มันบังเอิญมั้ยละ ถ้าดูเเต่เเรกว่าไม่คล้าย มันก็ไม่น่าจะมีฟามสงสัยใดๆ จาก นอ. นะ
กูรู้สึกว่า เวลานข.ที่ค่อนข้างมีชื่อ คนรู้จัก พอเขาทักหรือ เขาสงสัย จากที่มีคนบอกหรือเห็นเอง พอมาทวิตหรือถามเสร็จ อีกฝ่ายปฏิเสธ นู่นนั่นนี่ เเละจบลงว่าโอเค..ไม่ติดในอะไรเเล้ว
นข.ที่อีกฝ่ายถามกลายเป็นเหยื่อ ชาวทวิตไล่ง้างตบคนสงสัย ส่วนอีกคนก็พิมพ์ขอโทษ บลาๆ เเละก็ได้พื้นที่ขายงานตัวเองรัวๆ สบายดีนะ
กูเกลียดความเอามือฟาดแล้วบอกขอโทษนะ รับซีนคนยอมรับผิด รับฟังความคิดเห็น มองบน กรอกตา
ขป. จบสวยดี สมเป็นเค้า ให้อภัยคนผิด นักเขียนอีกคนได้แจ้งเกิดเพราะเค้า ทุกคนมูฟออน
พูดถึงขปแล้วกูก็สงสัยว่าไปรู้จักกับนดได้ไงวะ
กล้าพูดนะว่าขป.ทำให้เค้าดังเหตุการณ์นี้เลยจบลงด้วยดีทุกคนแฮปปี้ งั้นวันหลังถ้าใครอยากแมสบ้างก็ให้นข.เบอร์ใหญ่ๆมากล่าวหาว่าลอกงานแล้วจับแขวนกลางทวิตเอาเนอะ แค่DMไปคุยกันส่วนตัวก่อนนี่มันยากขนาดนั้น? วงการนี้ขับเคลื่อนด้วยการประจาน? บางคนถ้าตามอ่านไม่ครบไม่รู้บทสรุปเขาก็คงเชื่อว่าอีกฝ่ายลอกงานจริงๆไปแล้ว ลองเอาคนอื่นมาทำอย่างขป.บ้างจะกางปีกปกป้องมั้ยพวกมึงเนี่ย
>>874 ขป ประจานตรงไหน ตอนเเรกไม่เอ่ยชื่อด้วยซ้ำนะ ถามหากับนอ.ก่อน มึงไปดูคนที่ให้ระบุชื่อเองคือ นข.ฝั่งนั้นนาจา https://twitter.com/nigiri_sushi/status/1393058287814279171?s=19
จะว่ากูลูกหายขป. ก็ได้นะ เเต่เคสนี้ ขป.เขาก็มีสิทธิ์ถามข้อสงสัยอะ เเล้วไม่ได้เรียกมาแหกด้วย งงว่า ทำไมนขไม่มีสิทธิ์ถามเหรอ
เผื่อมึงสงสัย ตอนต้นเรื่องขป.ทำตัวนอยด์จริง ไม่ถามเองแต่ให้นักอ่านลองไปอ่านกันเอง แล้วเทียบว่าเหมือนมั้ย
พอเสียงแตกว่าไม่เหมือน ไอ้ต.ก็วิ่งมาพอดี เอาทวิตเก่ามาอ้าง ว่าพล็อตมันเก่ากว่า คิดก่อนตั้งหลายปี (555555)
ขป. ก็โอเค แต่บอกนักเขียนควรรู้อยู่แก่ใจ แล้วไอ้ต. เลยยอมแก้ tag worn ของมัน (ถ้าไม่ผิดจะแห้เพื่อ)
คุณขป.ลงให้ด้วยว่าเคลียร์แล้ว ก็ยังมีคนกระชากแกลงมาให้ขอโทษ แกเลยต้องไล่ขอโทษทุกทวิต
เค้าผิดอะไรทำไมต้องขอโทษวะ
มันสมควรเหรอที่เค้าจะดังเพราะโดนครหา ว่าลอกหรือไม่ลอก เค้าควรดังในทางที่ดีสิ ส่วนขป. เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรก ตัวอย่างมีให้เห็น อายุไม่ได้น้อย อายุสมองไม่โตตามไปด้วยเหรอ เหมือนพูดทวงบุญคุญ ถ้าไม่ใช่ขป ก็ไม่ดัง
ลองกลับกันเป็นแก๊งหมาง้างตีนมาดิ โดนเหยียบจมตีนแล้วมั้ง สัส
มีใครรวบรวมนักเขียนชุบฟิคไว้บ้างป่ะ กูอยากรู้ว่ามีใครบ้าง จะได้ไม่จิ้มเข้าไปอ่าน
>>867 ใครผิดกันแน่
>>865 >>875 ไม่เอ่ยชื่อบนทล.แต่หลังไมค์กระจาย มึงอ่านในเมนชั่นต้นเรื่องรึเปล่า มีหลายคนมาเบรคขปให้ไปคุยกันดีๆแต่เขาก็ยังบอกว่าคนเขียนรู้ดีแก่ใจ เป็นฟอลโลเวอร์เขาด้วย ให้มาทักเอง คนก็มาขอหลังไมค์กัน ถ้าอ่านแชทที่ขปกับตคุยกันจะเห็นว่า ต ขอให้เอามาลง เพราะขปกระจายชื่อนิยายเขาหลังไมค์แบบนี้ไง ถ้าจบแบบเงียบๆ พวกที่ได้หลังไมค์กันก็อาจคิดว่าลอกอยู่
สงสัยไม่ผิด? ผิดดิ สงสัยก็ถามไม่ใช่การเอ่ยลอยๆเอาเขามาแขวน รอลูกหาบฟอร์มทีมมาช่วยตบ แต่ไม่เทียบให้เห็นไม่คิดว่าเหมือนใครบ้างอ่อ มู้แก๊งหมาข้างๆไง ที่แก๊งนั้นด่ากันเป็นหางว่าว พอขปทำปุ๊บ ผิดตรงไหน ขนาดทวิตแจกแจงเป็นเรื่องเป็นราวลูกหาบยังมีด่าเลยว่ามีส่วนคล้ายๆยก
ตัวอย่างง่ายๆ มึงสงสัยว่า เพื่อนมึงขโมยธีสิสมึงไปทำรึเปล่า สิ่งที่มึงควรทำคือการไปสืบหาหลักฐาน ว่าทำไมสงสัยเหมือนกันตรงไหน จากนั้นก็ไปโยนให้เขาดู แล้วรอดูว่าจะแก้ตัวไง ไม่ใช่บ่นลอยๆ เหมือนมีคนจะลอกธีสิสเรา พอคนถามว่าใคร ก็หลังไมค์ไปบอกว่า ของaๆ
รายชื่อนักเขียนที่แปลงฟิคเป็นออริ เท่าที่รวมมาได้นะ ด้อมป๋อจ้านยังมีอีกเยอะ ป้าจุมคงไม่ต้องพูดถึง
1. ตัวเต้เจค
2. Jamie
3. ชไมเจ
4. Jaylerqz
5. พาพา
6. Neeranan
7. Scriper
8. ของขวัญจากpeemai
9. Butterfly 8ffect
10. ++saisioo++
11. CLAZZICAL
12. Justwind
13. Rolisrose
14. หย่งช่าง
15. Puzgon
16. มนริต้า
17. Swanlee
18. KDH721, Planet721
19. ปฐวีรำพัน, lalaln
20. AnnularEclipes
21. ชื่อไม่สามารถเว้นว่างได้
22. Candy On
23. ชาริสม่า
24. Naoto
25. Star_Diamond (ยังไม่ยืนยันแต่มีการใช้เมทคริสสิง และมีใช้ชื่อคริสสิงก่อนจะเปลี่ยนชื่อ)
26. NRI_07042538 (ยังไม่ยืนยันแต่มีการใช้เมทแบมแบมและแต่งแนวไอดอล)
มีใครพูดถึง melenalike ยัง เรื่อง ai adore you จำได้ว่าเมจแรก ๆ เมจเป็นชานยอล x จงอินอะ ขุดดูในแท็กก็ได้ ตอนนี้ออกกับสนพ.ไปเรียบร้อย
ส่วนอีกเรื่อง เวฬาหยุดรัก อะเมจเป็นป๋อจ้าน ไม่ได้ตีพิมพ์ก็จริง แต่ก็ติดเหรียญไปละ นักเขียนอธิบายอยู่ว่าอยากจินตนาการเป็นใครก็ได้ แต่ตอนลงฟิคใหม่ ๆ นี่ทวีตนิยายพร้อมแปะรูปพี่จ้านเสร็จสรรพเลยนะ กลอกตาแล้ว1
หย่งช่างไม่ได้ตามเขานาน เขาเขียนฟิคด้วยเหรอ ด้อมไหนอ่ะ ปรมจเหรอ นึกว่าเขียนแต่ออริ
นางก็ดังแล้วนี่หว่าไปเขียนฟิคไมวะ
Ky https://twitter.com/bmee07/status/1393441921079468034?s=19 คนนี้เอาอีกแล้วววว
>>896 ก็บอกได้แหละ เหมือนเราอ่านนิยายเรื่องนึงแล้วไปรีวิว เรื่องนี้คนแนะนำว่าน้ำเน่าๆแต่เราว่าไม่น้ำเน่าเลย เรื่องนี้คนบอกว่าผัวหมาแต่เราว่าไม่หมาเลย
นิยายตลกมันเขียนยากด้วยว่ะ กูอ่านๆมาก็ยังไม่เคยขำก๊ากกับนิยาย อย่างมากก็ยิ้มมุมปาก คนอ่านเส้นลึกถ้าเจอคขพยายามสาดมุกมากๆแล้วมันแป้กรัวๆก็คงรำคาญนะ มองว่ามันเป็นรีวิวเตือนสำหรับคนอ่านเส้นลึกก็ได้อยู่
แต่คนนี้กูว่าเขาจงใจมากวนตีนแก๊งค์หมานะ เมิงไปดูหน้าทวิตเขาสิ
https://twitter.com/pnzly/status/1393445946269315073?s=21
https://twitter.com/pnzly/status/1393448082440814601?s=21
https://twitter.com/pnzly/status/1393461944506404864?s=21
https://twitter.com/ael_2543/status/1393457782108524544?s=21
https://twitter.com/il_love_li/status/1393459794896322563?s=21
ไปตามส่องๆ เพิ่งเห็นว่าน้อนอ เปิดพรีเดอะเมก3แล้ว วู้วๆๆ นิยายไทยที่ระดับฮอลลีวู้ดลอกไปทำหนังเลย ใครยังไม่สอยรีบสอยด่วนน้า ทั้งชุดตั้ง1600 มิน่าโดนแฉยับยังกล้าทำหนังต่อ กล้าจริงๆฮอลลีวู้ด
นิยายที่มีแรงบันดาลใจจจจจจ
สนพ ซ คือตบหน้าทุกสนพ
แต่รายการนิยายจากฟิคเยอะไปหน่อยนะฮะ คนตรวจสอบก็หลับหูหลับตาตรวจไปงี้เหรอ
เเถมของซ.นี่ส่วนใหญ่ ขอให้แปลงฟิคด้วย ทำลายก็ไม่แปลก ซึ่งเจ้าอื่นส่วนใหญ่เเทบจะมารู้ทีหลังด้วยซ้ำ
ไม่ค่อยมีคนส่งคืนหรอก อย่างมากก็เก็บของที่วางหน้าร้านกลับสนพ เผลอๆเอาไปขายแรร์ได้อีกเพราะคนตามหา
แต่นิยายซบสวยแต่รูปทั้งนั้น ฝ่ายศิลป์เขาดีเกินจนน่าเสียดายเลย
ใครจะส่งคืน ตอนนี้ไอ่เรื่องที่แปลงจากฟิคมาเป็นออริที่ยอดพิมพ์น้อยๆ เริ่มอัพราคาเตรียมแรร์ไปแล้ว
คือให้ส่งคืนแต่ไม่คืนเงินแม้แต่บาทเดียวหรอ? ต้องเสียค่าส่งอีก?
ซบ.ใช้เน้นตรงเรียกคืนตรงแถลงการณ์ทำให้มีคนเข้าใจผิดว่าคืนเงินทั้งที่ไม่ได้คืนจริง หลายคนที่ออกมาอวยอ่านไม่ละเอียดอ่ะกูว่า มันก็แค่บางเรื่องนะที่จะอัพราคาได้ลิสมีเป็นกระบุ้งขนาดนี้ ถ้าสนพ.มีให้เรียกคืนจริงกูก็มีคนส่งคืนไม่น้อยแหละ เหมือนเคสร้ายเดียงสา เรียกคืนจากร้านและลูกค้าคืนเงินให้ลูกค้าจริง ก็มีคนส่งคืนไป แน่จริงก็ประกาสคืนเงินดิ ไม่กล้าเองแต่เก่งใช้คำให้คนอวย หลายสนพ.ออกมายอมรับว่าที่ไม่ยอมให้ส่งคืนเพราะรับต้นทุนจริงนี้ไม่ไหว เป็นสนพ.เล็กๆ ซบ.ไม่ลองอธิบายแบบนี้ดู คนคงด่ามากกว่าอวย ตัดประโยคนี้ไปคนอวยเพิ่มเลยทั้งที่ความรับผิดชอบเหมือนที่อื่นเเท้ๆ กูล่ะบอกตรงว่ารำคาญคนอวยซบ.เหมือนไม่เคยอ่านนิยายแล้วได้อ่านซบ.เป็นที่แรกบาร์ต่ำขนาดนี้ไม่สามารถใช้เป็นมาตรฐานได้ด้วยซ้ำ ออกไปเปิดโลกหน่อยไหม บก.ไปติดต่อเองแต่ออกมาเน้นแค่จะตัดสัญญานักเขียน ตลกจังโยนความผิดเก่งมาก แถมลิสหนังสือก็ไม่ยอมเเจ้งในแถลงการณ์อีก มีตรงไหนดีให้ตบหน้าสนพ.อื่นได้ว่ะ ตอบกูหน่อยอยากรู้เเนวคิดคนอวยซบ.
ซบ เป็นเจ้าที่ทำผิดแล้วแทบไม่โดนทัวร์ลงจริง แล้วเวลาหนังสือผิดพลาด ออกช้า ชอบตอบแบบโบ้ยให้นักวาด นักแปล ต้นสังกัดจากจีน บลาๆๆๆ (ล่าสุดฆ่าหมา มีคนทักไปถามบอกรอนักแปลส่งงาน) คือบางเรื่องมันอาจเป็นความจริง แต่ตามหลักแล้วถ้าสนพ.อื่นจะต้องเป็นหนังหน้าไฟให้พวกคนทำงานเบื้องหลังอะ
สนพ.อื่น > ขออภัยในความล่าช้า
ซบ > ขออภัยที่นักแปลส่งงานช้า
กูอห เลย สรุปว่าเป็นฟิคคริสสิงจริง แปลงฟิคเป็นออริจริง แต่ก็จะแต่งต่อ อย่าให้ลบหรือเลิกเขียนเลย กูอห มากอะ แล้วนขคนอื่นๆ ที่โดนเรียกคืน โดนถอดเรื่องนี่ไม่รักตัวละครเลยอ่ะดิ ตรรกะความคิดอะไรเนี่ย
https://นกฟ้า.com/STARDI_/status/1393783882655223811?s=19
อยากเขียนต่อกูว่าก็ไม่เป็นไรนะ แค่อย่าพิมพ์ขายก็พอ
แต่สุดท้ายถ้าเรื่องมันดังคนเขียนจะอดใจไม่พิมพ์ขายได้จริงเหรอวะ
>>917 ยังไม่ลบมึง
คนนี้ใช่ป่ะที่ออกมาดราม่าเรื่องถูกแบนในเด็กดวกหนก่อน ตรรกะแบบนี้กูไม่แปลกใจเลย ชั้นผิดแต่ชั้นรักตลคของชั้นมากๆ พวกที่เรียกร้องให้หยุดจำหน่าย หยุดเขียนคือพวกใจร้ายอ่ะซิส แต่นขเอาฟิคมาชุบขายถูกป่ะ กูว่าที่ออกมาพูดแบบนี้เพราะกำลังเขียนภาคต่ออยู่แหละ ภาคต่อเล่มหนึ่งเพิ่งทำมือนี่
จลคือรับผิดชอบแค่เรื่องที่มีชื่อออกมาจากสนพ.ว่าเป็นฟิคหรอ ยังเห็นเรื่องอื่นๆที่พิมพ์กับสนพแล้วก็เป็นฟิคเหมือนกันยังขายได้ปกติอยู่เลยนาา โดยเฉพาะที่ออกกับสำนักพิมพ์รถไฟฟ้า สนพก็นี่ปล่อยเบลอเก่งเนอะ
>>920 เรื่องไหนมาจากด้อมไหนเมิงก็ไปบอกสนพสิ กูเห็นที่ซบประกาศมาส่วนมากก็อยู่ในลิสที่คนแค้ปไปลงตรงคอมเม้น
สนพพวกนี้เรื่องไหนไม่มีคนมาแฉมันก็ตีเนียนๆไป ไม่มีคนจี้มันก็ไม่ทำหรอก
มาเนียนด่าจลระวังกระทบแก๊งค์หมาน้า แต่ละเรื่องที่ด่าๆมากระทบหมาตลอด อีอด่านแรกผ่านมาเห็นเม้นเมิงมันคงกำหมัด อีสคปอีกคน มีแต่ฟิคชุบตัวทั้งนั้น
เพื่อนๆ คือเราอยากรู้ชื่อเรื่องมังฮวาเรื่องนึงมากเลยอะที่นายเอกพระเอกอยู่ข้างห้องกัน นายเอกเป็นดาวสตรีมอลฟไรสักอย่างแซ่บมาก พระเอกเป็นบิ๊กสเปนเดอร์นายเอก แต่ทั้งสองคนไม่รู้ว่าเป็นคนเดียวกัน เจอตัวจริงครั้งแรกตอนที่ไปรษณีย์ส่งของผิดห้องทำให้มีปากเสียงไม่ชอบกัน แต่พอกลับห้องเข้าไปพระเอกก็ไปเปย์เค้าต่ออะ เรื่องนี้คือเคะเมะแมนทั้งคู่ เรื่องไรวะㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠ
Ky มีใครได้เกิดใหม่เหมือนเดิมฯ เล่มพิเศษแล้วบ้างมั้ย เห็นร้านนอกขายแบบควบเล่มพิเศษหลายวันแล้วอะ
>>929 เห็นดราม่าห่อส่งของแล้วกูก็ปวดหัวแทน คือพักหลัง 3/4 ชั้นคือไม่พอกล่องต้องหนา 5 ชั้น ต้องเก็บมุม ต้องดามกระดาษ บลาๆ คือกุจะบอกว่าขนาดดวกับbah กล่องหนา 5 ชั้นบับสุดหนา 6 ชั้น ระบบขนส่งบ้านเราก็ยังทำบุบได้นะมึง แต่กรณีนั้นไม่โทษขนส่งกันหรอก โทษร้านแทนเพราะเห็นว่าห่อดีไม่น่าบุบระหว่างส่ง เอ๊ะ อ่าว..
กุว่าไอ้ที่ทำขยะล้นโลกสุดช่วงนี้อาจจะเป็นธุรกิจขนส่งนี่แหละ
นกฟ้า คือ สนพ ไหนวะ
ข้าวปั้นของเพื่อนโม่งและนักเขียนอีกคนที่ดังเพราะข้าวปั้นทวิต(ตามที่พวกมึงบอก) ล่าสุดเรื่องของอีกคนเลิกเขียนไปแล้วนาจา
มีใครอ่านมั่ง ที่เขาจับผิดว่าฉากมันเรียงเหมือนกัน พลอตเหมือนกันแล้วฉากเหมือนกันอีก มันโอเคหรือไม่โอเคอะ
เทสต์ๆ
>>937 กูอ่านเเล้ว ลิสต์ ได้ตามนี่
พระเอกนอนกับคนอื่นทั้งที่ยังคงสถานะคู่หมั้นเพราะคิดว่าก็ไม่ได้รัก พอนอนกับคนอื่นนายเอกก็มาเห็น (ซึ่งการมาเห็นแต่ละเรื่องไม่เหมือนกัน ) พอมาเห็น พระเอกก็เลยยกเลิกเรื่องคู่นอนหมด โดยให้ลูกน้อง ( อีกคนเลขา ) เป็นคนยกเลิก และพระเอกก็บอกว่าขอโทษไม่มีอะไรกับใคร ให้เกียรติคู่หมั้นตัวเอง
มีฉากพ่อนายเอกตาย ประเด็นคือ การตายซ้ำปกติ แต่การตายทั้งคู่ ทำให้นายเอกไม่มีที่พึ่ง และที่พึ่งก็คือพระเอก คล้ายกัน
มีการเสนอตัวให้พระเอกเหมือนกัน
อย่างอื่นมันก็มีท่อนคล้ายๆ กัน เเต่ไม่ได้ก็อปเป๊ะ ๆ นะ
เเต่ถ้าถามว่าลอกหรือเปล่า ก็ไม่ เเต่กูอ่านเล้วเอ๊ะ เเละสงสัย เเละนักเขียนเคลียร์จบเเล้ว กูก็เเล้วเเต่
เเต่เคสแบบนี้ก็มีเยอะให้เห็นเหมือนกันว่ะ บอกไม่ถูกว่า เเบบนี้ผิดรึเปล่า
ลองไปอ่านดูกันก่อนก็ได้ อยากดิสคัตเหมือนกันว่าแบบนี้มันจะถือว่าลอกมั้ย จะคล้ายเคส จล รึเปล่าที่อย่าง เมกาโลมา หรือ เคส ช่างสัก
>>941 ถ้ามีแค่นี้กูว่าพล็อตดาษดื่นมาก แนวน้ำเน่าไม้เลื้อยพึ่งพาไม้ใหญ่ธรรมดา ถ้าบังเอิญนักเขียนรสนิยมคล้ายๆกัน เสพงานแนวๆเดียวกัน จะเขียนออกมาคล้ายกันแค่นี้ปกติมาก ถ้าจะฟันธงว่าลอกต้องชัดกว่านี้ ไม่งั้นนิยายแม่งลอกกันหมดโลก แล้วเนื้อเรื่องของสองเรื่องนี้มันก็ไม่ได้แหวกอะไร คล้ายๆงานเก่าของ Nigiri Sushi กับนักเขียนอีกประมาณแปดล้านคนทั่วโลก งานแบบนี้ถ้าจะให้ขายก็ต้องพึ่งสำนวนกับชั้นเชิงการเล่า มันเอาพล็อตมาเทียบไม่ได้หรอก
พล็อตโคตรคลิเช่ แนวคลุมถุงชนที่มีฝั่งนึงรักข้างเดียว สตอรี่ไลน์มันมาแนวนี้อยู่แล้วอะ กิมมิคหลัก ๆ ก็ไม่เหมือนกันเลย เรื่องอาช้างพอ.มีคนในใจ ของรวิศมีแต่คู่นอน อาช้างขยี้เรื่องญาติโกแย่งสมบัติหลังพ่อตาย รวิศแก้ปมสองตอนจบ กูว่าโทนเรื่องอาช้างดราม่ากว่าตามสไตล์ข้าวปั้น ส่วนรวิศไม่ได้วางพล็อตให้มันซับซ้อนซ่อนเงื่อนไรมากเน้นพัฒนาคสพ.
>>936 พล็อตโคตรคลีเช่ถ้าบอกว่านักเขียนอีกคนลอก งั้ยขป.ก็ลอกคนอื่นป่ะเพราะพล็อตคลีเช่มาก เขาไม่ใช่ออริที่จะมาเคลมพล็อตนี้ มันมีมาตั้งแต่พระเจ้าเหา นิยายชายหญิงก็มีเป็นแสน
ดีแหละที่เป็นขป. ถ้าเคสนี้เป็นนักเขียนคนอื่นที่นกฟ้าเหม็นอยู่แล้วโดนแหกกีสามวันสามคืนไปแล้ว
>>947 กุเข้าใจแหละ แต่ถ้าสงสัยแล้วทำไมไม่ทักไปคุยหลังไมค์ทั้งๆ ที่รู้ว่าอีกคนเป็นใคร ไม่ถามเจ้าตัวเขาแต่เลือกเสียบประจานในนกฟ้า คนตามเขาก็ไม่ใช่น้อย เรื่องมันจะขยายวงกว้างก็ไม่แปลก โอเคแหละว่าพูดถึงลอยๆ ไม่ได้ระบุตรงๆ แต่สุดท้ายคนอ่านก็ตามไปด่าอีกคนอยู่ดีป่ะ เขาไม่ใช่เด็กใหม่ แถมอยู่วงการมานาน เคสแบบนี้มีมาทุกปี มาขอโทษตอนนี้มันไม่ทันแล้วรึเปล่า อีกคนเขามีแผลในใจไปแล้ว
>>947 แต่กูเคยเจอพล็อตพระเอกตอนเด็กๆโดนข่มเหงรังแกแล้วหายไปชุบตัว กลับมาแก้แค้นบ้านนางเอกอะไรงี้เยอะนะ เลห์ภุมเรศงี้ อสูรเริงไฟงี้ หรือนางเอกขับรถชนแฟนพระเอกตายแล้วต้องไปอยู่กับอีพระเอกให้เขาเหยียดหยามนี่ก็หลายเรื่อง มีทั้งชนจริงทั้งเข้าใจผิด กูจำได้ว่าอ่านเรื่องแรกคืออุบัติเหตุของทมยันตี หลังจากนั้นก็เจอสารพัดจำเลย จำเลยมาร จำเลยหัวใจ จำเลยนายหัว จำเลยท่านประธานห่านอะไรไม่รู้เยอะแยะไปหมด แล้วทำไมแนวนี้มันจะเหมือนไม่ได้ล่ะ
ลูกหาบเยอะมันดีอย่างนี้นี่เอง ทิ้งระเบิดไว้ ต่อให้ขอโทษแล้วแต่สะเก็ดระเบิดมันก็ยังสร้างความเดือดร้อนให้นักเขียนอีกคนอยู่ดี แล้วยังมีลูกหาบคอนดีเฟ้นให้อีกว่าขอโทษแล้วไม่ผิด เรื่องมันเป็นเพราะนักอ่านปสด. แต่มึงงงง ได้ข่าวว่าคนเริ่มก่อนคือนักเขียนนะ 555
ขป ออกมาทวิตล่าสุด พยายามจะให้กลจนขอีกคนกลับมาเขียนต่อ กูนี่อ่านแล้วได้แต่กรอกตา ลากกูมาตบกลางสนามหลวงเสร็จแล้วโอ๋ๆ ไม่เป็นไรนะ
>>954 ลูกหาบบอกนักเขียนเขาเคลียร์กันแล้วนักเขียนอีกคนก็ไม่อะไรแล้วทำไมต้องโจมตี ขป.
ถ้ากุเป็นนักเขียนอีกคนต่อให้ไม่โอเคก็ต้องบอกโอเคมั้ย ไม่งั้นลูกหาบตามมาแหกอีกว่า ชป.ขอโทษแล้วทำไมไม่จบ 555 เห็นใจเขานะ ถ้าไม่มีหลักฐานว่าร่างพล็อตไว้ก่อน 2 ปี กุว่าเละไปแล้ว เขาแอคเล็กด้วยอะ
>>957 กูมองต่างนิดหน่อยนะ เรื่องบางเรื่องทำผิด ขอโทษมันจบได้ แต่เรื่องบางเรื่อง คำขอโทษมันไม่สามารถทดแทนได้ แต่ต้องทำยังไงกูก็ไม่รู้เหมือนกัน ตอนก่อนที่จะทวิตลอยๆ ก็น่าจะรู้แล้วว่ามันจะมีผลยังไงกับอีกคน กูแค่กรอกตากับการที่ออกมาบอกว่าจะไปให้กลจ แล้วให้อีกคนกลับมาเขียนต่อมันไม่ได้ปะวะ คิดถึงใจอีกคนที่มาอ่านเจอประโยคนี้ดู แน่นอนว่าทั้งสองคนมีแผล แต่อย่าลืมว่าแผลที่ลึกที่สุดของอีกคน คนที่เริ่มเป็นคนสร้าง เมื่อมึงถือมีดออกไปแทงคนอื่น มันย่อมมีโอกาสที่จะพลาดบาดมือมึงเองเหมือนกัน
>>957 โดนแต่ก็น้อยถ้าเทียบกับอีกคนที่เขาไม่รู้เรื่องรู้ราวแต่อยู่ๆก็โดนด่าอะ กุเข้าใจนะว่า ขป. อาจรู้สึกผิด แต่มันก็ไม่ทันแล้วรึเปล่า
เป็นนักเขียนมี fc คอยถือหางมันก็ดีกว่าแอคเล็กๆ แหละ กุยังเห็นคนอวยขป.อยู่เลยว่าเป็นนักเขียนไม่มีอีโก้ ยอมขอโทษและปรับปรุงตัว 555 มันไม่ใช่เรื่องที่จะมาอวยนะ เป็นเรื่องปกติที่ควรจะทำ เพราะตัวเองโยนระเบิดก่อน
นข.คนนั้นคงไม่ฟ้องหรอก ที่แน่ๆขป.น่าจะเสียคนอ่านไปคนนึง เพราะนข.เหมือนจะเคยเป็นแฟนนิยายขป.ป่ะ ต่อไปเขาคงไม่กล้าอ่านนิยายของนางแล้ว เดี๋ยวแต่งเรื่องใหม่แล้วโดนบอกว่าไปเหมือนอีก หรือไม่ เขาก็อาจจะกลัวจนไม่กล้าแต่งนิยายอีกก็ได้
ล่าสุดคือ ขปเอานิยายเป็นตัวประกันกดดันอีกฝั่งไหม พิมทำนองนี้คือ ถ้าไม่กลับมา ชั้นจะปิดด้วยเหมือนกัน พิมให้รู้สึกผิดกันไปข้างนึง เหมือนอยากให้จบแบบต้องมีคนผิดอ่ะ
คือ จะปิดก้ปิดไป ไม่ต้องมาอะไรกับใครเขา เหนื่อยใจแทนคุณ ต ไม่จบไม่สิ้นสักที
>>966 นักอ่านขป.ตีโพยตีพายด่านักอ่านอีกเรื่องแล้วว่านักเขียนเคลียร์กันแล้วทำไมไม่จบซะที 555 สุดท้ายกุว่านักเขียนอีกคนก็โดนหางเลขด้วยอยู่ดี แล้วกุไปเจอคนแคปที่ขป.เคยทวิตตอบแอคนึงที่แนะนำให้ทักไปเคลียร์ทำนองว่า จะไม่ทักไปคุยหรอก เพราะคนทำรู้ดีอยู่แก่ใจ กุถึงกับเอ่อ...
มันจะน่าเห็นใจนะถ้าเขาไปเคลียร์กันเงียบๆ โดยไม่โพสต์แขวน ละไอประโยคที่ขปบอกว่า นข ทุกคนทำอะไรรู้ดีอยู่แก่ใจ กุอ่านแล้วจุกแทน อะไรทำให้มั่นใจขนาดนั้นว่าอีกฝั่งนึงก็อปวะ ละพวกลูกหาบก็มาบอกอีกว่าต้องให้พังกันไปทั้งคู่เลยมั้ยถึงพอใจ จุดเริ่มต้นแม่งมาจากนักอ่านสันดานเหี้ยก็จริงแต่การแขวนของขปก็คือทำให้มันแย่กว่าเดิมอ่ะ
พวกมึง นักเขียนนามปากกา ฝนที่กุหลาบ ใช่คนที่ก่อนหน้านี้มีดราม่าเรื่องโรคมะเร็งต้องปลูกถ่ายไขสันหลัง แต่ไม่มีเงิน เลยต้องขอโดเนมป่ะวะ ที่ว่าต้องไปบรร. คลจ.สูง เพราะอจ.หมอเบอร์1อยู่นั่น ส่วนรพ.ที่มีสิทธิ์คือเบอร์สอง อะไรประมาณนี้ พอดีอ่านทอล์คนิยายเขา แล้วรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาหน่อยๆ
กุอ่านไม่แตกเอง หรือในกลุ่มนั้นมันประหลาดวะ งง https://www.facebook.com/groups/429058544812358/permalink/505191953865683/
บทที่ 1 วันแรกแสนวุ่นวาย
“นี่แบ๊งค์ เร็วๆดิ ไปมหาลัยสายแต่วันแรกเลยนะ” พี่นุ่นในชุดนักศึกษาตะโกนเรียกใครบางคน ซึ่งกำลังอยู่ในห้อง
“มาแล้วๆ พี่นุ่นอ่ะเร่งกันจัง” แบ๊งค์ในชุดนักศึกษาเดินออกมาจากในห้อง พร้อมกับบ่นเล็กน้อย
“ไปสายชั้นไม่รู้ด้วยนะ ป่ะไปกันเหอะ” นุ่นรีบตัดบท
“อือ ก้อวันแรกนี่นาขอดูดีหน่อยจิ” แบ๊งค์แย้งขึ้นบ้างพร้อมกับเดินพี่นุ่นในชุดนักศึกษาออกจากห้องไป
ทั้งสองอาศัยอยู่ในคอนโด ย่านรังสิต ทั้งคู่เป็นเด็กจากจังหวัดเชียงใหม่ที่มาเรียนในกรุงเทพฯ ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งย่านรังสิตนั่นเอง
“ไม่ลืมอะไรแล้วนะ” นุ่นทักขึ้น
“ไม่อ่ะ ไม่มีแล้ว” แบ๊งค์ตอบ
จากนั้นทั้งคู่ก้อขึ้นรถเก๋งส่วนตัว โดยมีนุ่นเป็นคนขับ ออกจากคอนโดไปยังมหาวิทยาลัยที่พวกเขาเรียนอยู่
ทั้งคู่กำลังจะเข้าศึกษาต่อในชั้นปีที่ 1 ของมหาวิทยาลัยแห่งนี้นุ่นมีอายุมากกว่าแบ๊งค์แต่เนื่องจากมีปัญหานิดหน่อย ทำให้ต้องดรอปเรียนในชั้น ม.6 แล้วมาจบรุ่นเดียวกันกับแบ๊งค์ นุ่นเรียนในคณะวิทยาศาสตร์ ส่วนแบ๊งค์เรียนคณะรัฐศาสตร์ ในมหาวิทยาลัยเดียวกัน
“เลิกแล้วโทรหาพี่นะ” นุ่นพูดขึ้นตอนที่ส่งแบ๊งค์หน้าคณะรัฐศาสตร์
“อืม ค้าบรู้แล้ว ป้าก็อย่าไปเผลอเคี้ยวหมากให้ใครเห็นล่ะ” แบ๊งค์แหย่เล่น
“ยะ ชั้นรู้หรอกน่า” นุ่นพูดก่อนขับรถออกไปยังคณะที่ตนเองเรียนอยู่
แบ๊งค์เดินมานั่งที่โต๊ะม้าหินอ่อนหน้าคณะ กรูส์โดนรุ่นพี่ว๊ากแรงมั้ยเนี่ย แบ๊งค์คิดในใจ ซักพักก็เริ่มมีคนทยอยกันมา แบ๊งค์มองนาฬิกาเป็นเวลา 8.15น. มีเสียงรุ่นพี่คนหนึ่งดังขึ้นบริเวณอีกฟากหนึ่งของตึก
“น้องคนไหนที่เรียนคณะxyaaaa มารวมตัวกันทางนี้ด้วยค่ะ” พี่ผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้น แล้วนักศึกษาปีหนึ่งของคณะรัฐศาสตร์ทั้งหมด ก็ทยอยกันเดินไปหาพี่สาวคนนั้น เมื่อนักศึกษามากันพร้อมหมดแล้ว พี่เค้าก็แนะนำตัวเองว่าชื่อ ปอย เป็นรุ่นพี่ของคณะนี้ แล้วพี่ปอยก็ค่อยแนะนำตัว รุ่นพี่คนอื่น ๆ จนหมด หนึ่งในนั้นมีพี่คนหนึ่งชื่อ พี่ ตั้ม เป็นพี่ว๊ากที่ดุมาก เสียงดังขี้โวยวาย
เห็นหน้าแล้วไม่ค่อยสบอารมณ์เลย แต่ก็ช่างเหอะถ้าเราไม่ไปทำอะไรผิดก็คงไม่โดนว๊ากหรอกมั้ง
“นี่ ๆ นายชื่ออะไรอ่ะ เราชื่อแมคนะ“ คนข้าง ๆ ผมถามขึ้น
“เอ่อ...เราชื่อ....”
“ไอ้สองคนนั้นทำอะไร คุยอะไรกันมากมาย วันนี้เพิ่งวันแรกนะเว้ย พูดอยู่ได้”
ยังไม่ทันได้ตอบ อยู่ดี ๆ พี่ตั้มก็เห็นพอดีเลยด่าซะยกใหญ่ ยอมได้ซะที่ไหนล่ะคับ แบ๊งค์อ่ะยอมใครเป็นซะที่ไหนล่ะ แหงล่ะก็ลูกคนเดียวนี่นา และนี่ก็ยังไม่ได้ทำอะไรผิดซะหน่อยมาว่ากันได้ยังไง เลยสวนออกไป
“ผมก็แค่พูดคุยแนะนำตัวเฉย ๆ อ่ะ ยังไม่ทันตอบด้วยซ้ำ ไม่ได้พูดอะไรซักหน่อย” ทั้งนักศึกษาใหม่ และรุ่นพี่ต่างอึ้งที่เห็นว่า แบ๊งค์กล้าเถียงกับพี่ตั้ม ว๊ากเกอร์สุดโหด
“อ้าว!!!ไอ้นี่ มาวันแรกก็ปีนเกลียวกูเลยหรอมึง” พี่ตั้มโกรธจัดเมื่อเห็นแบ๊งค์แย้งออกไป
“ไม่ได้ปีนเกลียวซะหน่อย แค่อธิบายตามความจริงเฉย ๆ “
“ต่อปากต่อคำเก่งนักนะมึง ออกมาข้างหน้าดิ” พี่ตั้มเรียกแบ๊งค์ออกไป กลัวซะที่ไหนล่ะคับ อยากทำอะไรก็เชิญ แบ๊งค์ก็เดินออกมาข้างหน้าตามคำสั่ง
“ตัวเล็ก แต่แสบจริงนักนะมึง ไอ้พริกขี้หนู” พี่ตั้มพูดขึ้นหลังจากเห็นแบ๊งค์เดินออกมาจากที่นั่งในแถว ความจริงแบ๊งค์ก็ไม่ได้ตัวเล็กเท่าไหรหรอก สูง 170 แต่ที่พี่ตั้มเห็นแบบนั้นก็เพราะว่าในคณะนี้มีแต่คนตัวสูง ๆ รวมถึงพี่ตั้มด้วยที่น่าจะสูง ซัก 185 มั้ง
“ไหนลองแนะนำตัวดิ ว่าชื่ออะไร มาจากไหน” พี่ตั้มสั่ง
“ชื่อชัชพงศ์ ชื่อเล่นแบ๊งค์ มาจากโรงเรียน........จังหวัดเชียงใหม่” แบ๊งค์แนะนำตัว
“มาไกลนักนะมึง แต่ซ่าไม่เลือกถิ่นเลยวะ” พี่ตั้มเหน็บแนม
“แบ๊งค์ยังไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย!!” แบ๊งค์แย้งขึ้น
“เออๆๆๆ กุขี้เกียจเถียงมึงแล้ว เด็กอะไร เถียงคำไม่ตกฟาก” พี่ตั้มยังคงว่าแบ๊งค์ต่อไป แต่แบ๊งค์อ่ะสิ ตอนนี้แก้มป่อง ทำหน้าไม่พอใจไปแล้ว
“แน่ะ!! ไอ้เด็กนี่ยังทำหน้าไม่พอใจอีก กลับไปนั่งที่เลยมึง เดี๊ยะกูโบกให้” พี่ตั้มขู่ แบ๊งค์ก็เลยเดินกลับไปนั่งยังที่ของตัวเอง โดยที่นักศึกษาใหม่และรุ่นพี่ทุกคนมองเป็นตาเดียว จากนั้นรุ่นพี่ก็ให้ทุกคนแยกย้ายกันไปพัก ก่อนจะรวมตัวทำกิจกรรมอีกครั้ง
“เราขอโทษนะ ที่ทำให้นายต้องลำบาก แล้วยังโดนรุ่นพี่เขม่นอีก” แมคเดินเข้ามาแล้วพูดกับแบ๊งค์ที่นั่งอยู่ที่ม้าหินอ่อนหน้าตึก
“ช่างเหอะ ไม่ต้องสนใจหรอกเราก็งี้แหละ ไม่ค่อยยอมใคร ไม่ต้องไปสนใจอะไรมาก” แบ๊งค์พูด จากนั้นเพื่อน ๆ นักศึกษาปีหนึ่งทั้งหลายก็ต่างแนะนำตัวกับเพื่อนใหม่กันยกใหญ่ แล้วรุ่นพี่ก็เรียกรวม โดยจะให้แบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5 คน แยกกันไปเข้าฐานที่รุ่นพี่จัดไว้ให้ โดยกลุ่มของแบ๊งค์จะมี แบ๊งค์ แมค กาวและอีกสองสาวชื่อ ครีมกับผิง
เราก็เดินยกกลุ่มกันไปเข้าฐานต่าง ๆ ที่มีกิจกรรมให้เล่นมากมาย จนมาถึงฐานหนึ่งซึ่งมีพี่ตั้มและเพื่อนของเขาเป็นคนคุม กรูส์จะโดนอะไรอีกมั้ยเนี่ย แบ๊งค์คิดในใจ
“ฐานนี้เป็นฐานตอบคำถาม ไม่ต้องห่วงนะเป็นคำถามง่าย ๆ “ พี่ตั้มพูดขึ้น
“โดยที่พี่พี่จะเลือกคน 1 คนจากในกลุ่ม มาตอบคำถามพี่ 1 คำถาม ถ้าตอบไม่ได้ก็โดนลงโทษยกกลุ่มละกัน” พอพูดจบเพื่อน ๆ ของพี่ตั้มต่างทำตาค้าง แบบอึ้งอะไรบางอย่าง ฐานนี้ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแล้วล่ะสิ
“เอ่อ.......ผมว่ากติกามันแปลก ๆ ไปนะเหมือนว่ามีใครบางคนกำลังใช้อำนาจเผด็จการแก้ไขมันอยู่นะ” แบ๊งค์ก็แย้งไปสิครับ มันดูแปลก ๆ ตั้งแต่กติกาแล้วดูเอาเปรียบยังไงก็ไม่รู้
“ก็กูจะเอาของกูแบบนี้อ่ะ มึงจะทำไม หรือว่ากลัว ไม่กล้า” พี่ตั้มท้า โหยยยยยยยย ใครจะไปยอมล่ะคับ ท้ากันถึงขนาดนี้
“งั้นก็ตามใจ มีอะไรก็ว่ามาก็แล้วกัน” แบ๊งค์ตอบเนือย ๆ
“งั้นกูเอามึงเนี่ยแหละมาตอบคำถาม พูดมากดีนัก”
“ได้ไงอ่ะ เล่นแบบนี้ซะงั้น”
“ทำไม!!!มึกกลัวหรอ”
“ก็ได้!!!!!!!!!!!!!!!!!!ถามมาดิ” แบ๊งค์ตอบพี่ตั้มออกไป
“งั้นกูให้มึงอธิบายดีกว่าพูดมากดีนัก”
“.......(o_O)......” อ้าวเวรเปลี่ยนซะงั้น เผด็จการเต็มขั้นเลยว่ะ
“มึงลองเล่าประวัติโดราเอมอนให้กูฟังดิ ดูเหมาะกับมึงดี กูอยากฟัง ห้ามผิดนะเว้ย” พี่ตั้มขู่ไม่เลิก ในใจคงคิดว่าจะเอาชนะได้ ( มารู้ทีหลังคับ พี่เค้าเป็นแฟนพันธ์แท้โดราเอมอน )
“ก็ได้.......โดราเอมอนเกิดที่โรงงานหุ่นยนต์มาซุชิบ้า เมื่อวันที่ 3 กันยายน ค.ศ.2112 โดยความจริงแล้วโดราเอมอนมีสีเหลือง แต่หนูกัดหูก็เลยร้องให้ 3 วัน จนกระทั่งสีเหลืองที่เคลือบหลุดออกมาจนเหลือเป็นสีฟ้าซึ่งเป็นสีของตัวโดราเอมอนจริง...................”
แบ๊งค์ก็เล่าไปนานมาก หันไปดูพี่ตั้มอีกที พี่เค้าทำหน้าอึ้งคับ ไม่รู้ล่ะสิผมก็แฟนพันธุ์แท้โดราเอมอนเหมือนกัน พี่เค้าเลยหาทางเล่นงานแบ๊งค์ไม่ได้ เลยปล่อยออกฐานมาโดยทำหน้าเสียดาย คิดจะเล่นงานแบ๊งค์หรอ หุหุ.....ไม่มีทาง แล้วกลุ่มเราก็เดินออกฐานมาคับ
“แบ๊งค์เก่งจังอ่ะ รู้ประวัติโดราเอมอนด้วย เราว่าเรารู้ทุกอย่างแล้วนะ เจอแบ๊งค์เข้าไป ขอคารวะเลย” ครีมพูดขึ้น
“ช่ายๆๆๆ” ทุกคนในกลุ่มพูดเป็นเสียงเดียวกัน
“แหะ ๆ (- -") ก็นิดหน่อยอ่ะ” ไม่รู้จะตอบยังไงคับ
และแล้วครึ่งวันแรกก็ผ่านไปได้ด้วยดี เพื่อน ๆเค้าออกไปทานข้าวกลางวันนอกมหาวิทยาลัยกันคับ แต่แบ๊งค์อ่ะไม่อยากไปไหน ก็เลยไปซื้อขนมกับนมมานั่งกินที่หน้าตึกนั่นเอง กินเสร็จก็นั่งเปิดดูมือถือคับ กะว่าจะโทรหาเพื่อนที่เชียงใหม่ ได้ข่าวว่าอยู่คณะเดียวกันยกแก๊งค์ ทำเอาครูที่โรงเรียนถึงกับอึ้งว่าติดได้ยังไง กำลังจะกดเบอร์คับ แต่มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
กินน้อยแค่นี้ล่ะสิ ตัวถึงได้เล็กเป็นนายพริกขี้หนูแบบนี้” พี่ตั้มคับ เดินมากับเพื่อนอีกสองคน พี่ปอยคับ
( ยังจำได้ป่าว คนที่ประกาศเรียกเด็กมาอ่ะคับ ) และก็พี่ตี๋ พี่คนนี้ตี๋สมชื่อจริง ๆ คับตาเป็นเส้นเดียวเลย
“ให้พวกกูนั่งกะมึงได้ป่าว” โห....มาขอนั่งด้วยนะเนี่ย พูดซะเพราะโคตรพ่อเรย
“ก็นั่งไปสิคับ ไม่ได้มีป้ายห้ามซะหน่อย” แบ๊งค์เริ่มปะทะคารม
“อ้าว!!ไอ้นี่ กวนตีนกูอีกแระ” พี่ตั้มโวย
“พอแล้วตั้ม หาเรื่องน้องเค้าอยู่ได้” เหมือนนางฟ้ามาโปรดคับ พี่ปอยช่วยแย้ง
“ก็.........”
“เฮ้ย....พอเหอะวะเรามาขอน้องเค้านั่งด้วยนะเว้ย”
พี่คนที่ชื่อตี๋เสริมขึ้นบ้าง หุหุมีความสุขครับ
มีคนเข้าข้างมากมายขนาดนี้ แบ๊งค์มองหน้าพี่ตั้มซึ่งมองหน้าแบ๊งค์อยู่ก่อนแล้ว
โดยสายตาของพี่ตั้มบอกประมาณว่า ฝากไว้ก่อนเหอะ ผมก็เลยจ้องกลับบ้างพร้อมกับส่งสายตาไป
บอกประมาณว่า กลัวซะที่ไหนล่ะ พี่ตั้มมันก็ยิ่งไม่พอใจดิคับ
“น้องเป็นคนเชียงใหม่หรอคะ” พี่ปอยถามแบ๊งค์คับ
“คับ” แบ๊งค์ตอบพร้อมกับผงกหัวงึก ๆ
“อืม........นี่น้องเป็นเด็กปีหนึ่งจริง ๆ หรอ” พี่ตี๋ถามบ้างคับ
“ใช่คับ มีอะไรรึเปล่าคับ” แบ๊งค์งงนิหน่อยอ่ะ ถามแปลก ๆ
“ก็น้องอ่ะตัวเล็กนิดเดียว ผอมซะ อย่างกะเด็ก ม.ต้น”
“ แหะ ๆ (- -‘) หรอคับ” งงดิคับ นี่เราดูตัวเล็กขนาดนั้นเลยหรอเนี่ย
“นี่นายเล่นกีอะไรมั่งรึป่าว” พี่ตั้มถามคับ
“ไม่อ่ะ....ไม่เล่นซักอย่าง”
“ถึงว่าล่ะสิ ตัวถึงได้ผอมแห้งขนาดนี้อ่ะ” พี่ตั้มพูด
“แล้วเอาเวลาไปทำอะไรหมดล่ะ เวลาที่ว่างๆอ่ะค่ะ” พี่ปอยถาม
“คือ.......เอาไปเล่นเกมกะเอมเอสเอนอ่ะคับ”ไม่รู้ทำไงคับ เลยตอบไปตามความจริง
“แค่สองเองอ่ะหรอ แล้วเล่นกี่ชั่วโมงเนี่ย” พี่ตี๋ถาม
“คับ ถ้าวันปกติ ก้อแค่ช่วงเลิกเรียนอ่ะคับประมาณ 16.30-21.30น. ถ้าวันหยุดก็........13.30-04.00น.คับ.....”
ทุกคนต่างอึ้งเมื่อได้ยินคำตอบจากปากของแบ๊งค์ ไม่คิดว่าจะเล่นได้ขนาดนั้น
“โห!!!!!!!น้องเล่นหนักขนาดนี้เลยหรอคะ” พี่ปอยทำท่าตกใจ
“ไม่น่าล่ะถึงได้ดูผอม ไม่มีแรงแบบนี้อ่ะ” พี่ตั้มพูด
“พยายามลดลงหน่อยนะคับน้อง รักษาสุกขภาพด้วย” พี่ตี๋พูดบ้าง
“ค้าบบบบ(-‘-)!!!!” โดนรัวเป็นชุดเรยแฮะ
เรานั่งคุยกันไปเรื่อย ๆ คับ รู้สึกว่าคุยกับพี่ ๆกลุ่มนี้แล้วสนุกดีอ่ะคับ
พี่ปอยก็สวย ใจดี พี่ตี๋ก็คุยสนุก พี่ตั้มอ่ะหรอ ก็ดีนะ ถ้าลดความห่าม เถื่อนลงมาอีกนิด หุหุ
พอถึงเวลาประมาณ 13.30 น. พวกพี่ ๆ เค้าก็พาผมไปรอเพื่อน ๆ คนอื่นที่ลานกิจกรรมข้าง ๆ
ตึกคับ ไม่มีอะไรหรอกคับ ก็แค่ให้มานั่งร้องเพลงกันเฉย ๆ
แล้วก็ถึงเวลาเลิกแล้วคับ อยากกลับบ้าน (คอนโดนั่นแหละ)จัง อยากนอน ไม่จิ อยากออนเอม
เล่นเกมแล้วแหละคับ สงสัยคงเลิกไม่ได้จริง ๆ
โทรหาพี่นุ่นแล้วคับเดี๋ยวก็คงมารับ พอขึ้นรถอ่ะคับพี่นุ่น ก็รีบแจ้งเหตุยกใหญ่รัวเป็นชุดเลยคับ
ว่าที่คณะของเค้าเป็นยังไงบ้างฟังแล้วก็อิจฉาครับรุ่นพี่ใจดีทั้งนั้นเลย
พอมาถึงห้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า กินอะไรจนเรียบร้อย ก็ไม่ไหวแล้วคับขอตัวไปหลับอย่างแรง
จากที่กะไว้ว่าจะไปเล่นเกม ออนเอม ไม่ได้ทำหรอกคับ เหนื่อยมาก ไม่รู้เหนื่อยอะไรหลับไปไม่รู้ตัวเลยคับ
บทที่ 2 จุดเริ่มต้นของการอยู่คนเดียว
ผ่านมาได้ 1 อาทิตย์แล้วคับ กับชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยของแบ๊งค์ ก็ไม่อะไรหวือหวามากมายหรอกคับ
พี่ ๆ ใจดีกันทั้งนั้น ไอ้คุณพี่ตั้มก็ดีขึ้นเยอะ ไม่โววาย ไม่ปากเสียเหมือนแต่ก่อน ทำเอารุ่นน้องปี 1
สาว ๆ หลาย ๆคนเริ่มพากันกรี๊ดพี่ตั้มซะงั้น อืม....ลืมบอกไปตอนนี้มีการแบ่งพี่รหัส น้องรหัสแล้วนะคับ
บางคนได้พี่รูปหล่อ บางคนได้พี่สุดสวยก็ดีใจกันไป ของแบ๊งค์อ่ะหรอ ชื่อพี่อาร์ทคับ เป็นนักบาส สาว ๆ
รุมกรี๊ดกันเป็นแถว ไม่รู้ว่ากรี๊ดอะไรกัน แบ๊งค์ก็เห็นว่าพี่เค้าดูเฉย ๆ นะไม่ถึงกับหล่อมากมายแต่ไม่รู้ทำไมสาวกรี๊ดกันนัก
“ นี่แบ๊งค์ ออนคุยกะใครอยู่หรอ” พี่นุ่นถาม
“ จิมมี่ไง ไม่ได้คุยกันนานแล้ว” แบ๊งค์ตอบออกไป
“ อืมฝากทักทายมันด้วยล่ะ เดี๋ยวพี่ไปเก็บของก่อนนะ”
“ คับป๋ม” ว่าแล้วพี่นุ่นก็เดินไปเก็บเสื้อผ้า ข้าวของต่าง ๆ ใส่กระเป๋า ดีจังอ่ะ คณะพี่นุ่นคับมีกิจกรรม
รับน้องที่หัวหิน พี่นุ่นก็เลยต้องไป ดูท่าทางน่าสนุกจัง
“ เออ!!!นี่ลืมไป พรุ่งนี้พี่ไม่ได้เอารถไปนะ เดี๋ยวเพื่อนพี่ที่ชื่ออ้อมอ่ะ จะมารับ” พี่นุ่นหันมาพูดก่อนจะ
เดินพ้นห้อง
“ เราจะไปมหาลัยยังไงอ่ะ เอารถพี่ไปมั้ยอ่ะ” พี่นุ่นถามขึ้น
“ อือ ไม่อ่ะแบ๊งค์ขับรถไม่แข็ง เดี๋ยวเอารถป้าไปชน”
“ ไม่เป็นไร เดี๋ยวแบ๊งค์นั่งรถเมล์ รถ แท็กซี่ไปเองก็ได้ ไม่ต้องห่วง” แบ๊งค์ตอบ
“ งั้นเอาแบบนี้ เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปด้วยกันนี่แหละ แล้วตอนกลับเราค่อยกลับเองเอานะ” พี่นุ่นเสนอทางออกให้
“ อืม เอางั้นก็ได้คับ” แบ๊งค์ตอบพร้อมผงกหัวงึก ๆ พี่นุ่นก็เดินออกห้องไปยังห้องของเธอเองเพื่อจัดกระเป๋า
เดินทางให้เรียบร้อย แบ๊งค์ก็เลยเล่น MSN คุยกะเพื่อนที่อยู่เชียงใหม่ชื่อจิมมี่ต่อไป
kondeeplus__คนดีที่โลกรอหมอโฮจิม say: ดีแบง
badboy_be_sadboy say: คับ
kondeeplus__คนดีที่โลกรอหมอโฮจิม say: เปนไงบ้างที่โน่นอ่ะ
badboy_be_sadboy say: ก้อดีอ่ะเรื่อย ๆ แล้วที่นั่นอ่ะเปนไง เบนซ์ไปต่อยรุ่นพี่คนไหนอ่ะป่ะ
kondeeplus__คนดีที่โลกรอหมอโฮจิม say: อะนะ ไม่มีหรอก มีแต่รุ่นพี่ใจดี
kondeeplus__คนดีที่โลกรอหมอโฮจิม say: มีแต่คนมาจีบล่ะไม่ว่า
kondeeplus__คนดีที่โลกรอหมอโฮจิม say: อิอิ
badboy_be_sadboy say: ไรว้า!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
badboy_be_sadboy say: กรูส์อยู่ที่นี่ไม่เหงมีใครมาจีบเรย
kondeeplus__คนดีที่โลกรอหมอโฮจิม say: แล้วนุ่นควันไฟล่ะเปนไง ( ฉายยาของพี่นุ่นเค้าคับไว้วันหลังจะเล่าที่มาให้ฟัง )
badboy_be_sadboy say: ก้อดีอ่ะ เนี่ยเพิ่งออกไปเก็บของ
badboy_be_sadboy say: ป้าแกมีรับน้องที่หัวหินพรุ่งนี้อ่ะ อิดฉาว่ะ
kondeeplus__คนดีที่โลกรอหมอโฮจิม say: แล้วแบ๊งค์ไม่ไปหรอ
badboy_be_sadboy say: อือ.........ไม่ได้ไปว่ะ
badboy_be_sadboy say: เด๋วพุ่งนี้ ก้อคงต้องไปมหาลัยเองว่ะ
kondeeplus__คนดีที่โลกรอหมอโฮจิม say: พี่นุ่นไปกี่วันอ่ะ
badboy_be_sadboy say: 7 วันอ่ะ ไปโคตรนาน ทิ้งน้องแสนน่ารักอย่างกรูส์อยู่คนเดียว
kondeeplus__คนดีที่โลกรอหมอโฮจิม say: แหวะ.........ทำไปได้
badboy_be_sadboy say: อิอิ...........ขอหน่อยน่า
kondeeplus__คนดีที่โลกรอหมอโฮจิม say: โคตรป็อปเลย มีแต่คนมาจีบ
badboy_be_sadboy say: เพื่อนกรูส์ขายออกซะทีนะ
badboy_be_sadboy say: แระเมริงอ่ะ เปนไงห้ามตอบว่าไม่มี
kondeeplus__คนดีที่โลกรอหมอโฮจิม say: ก้อมีบ้างอ่ะ แต่ไม่เท่าสองคนนั้นหรอก
badboy_be_sadboy say: ให้มานเจงเหอะ
kondeeplus__คนดีที่โลกรอหมอโฮจิม say: อิอิ
badboy_be_sadboy say: หุหุ
kondeeplus__คนดีที่โลกรอหมอโฮจิม say: แล้วแบงอ่ะ เปนไง
badboy_be_sadboy say: ของกรูส์เงียบ ๆ ว่ะ ไม่มีใครเลย
kondeeplus__คนดีที่โลกรอหมอโฮจิม say: ถุย!!!!!!!.ให้มันจิงเหอะ
badboy_be_sadboy say: กรูส์พูดจิงนะเว้ย ไม่มีจิง
kondeeplus__คนดีที่โลกรอหมอโฮจิม say: แล้วคนใน เอมล่ะ เมื่อก่อนเหนเจอแต่เด็ก กทม.
kondeeplus__คนดีที่โลกรอหมอโฮจิม say: ไม่เจอกันบ้างหรอ
badboy_be_sadboy say: ไม่เลยว่ะ กรูส์ยุ่ง ๆ อ่ะ
badboy_be_sadboy say: กลับถึงคอนโดก็หมดแรงว่ะ
kondeeplus__คนดีที่โลกรอหมอโฮจิม say: อืม
badboy_be_sadboy say: คิดถึงพวกเมริงว่ะ
kondeeplus__คนดีที่โลกรอหมอโฮจิม say: อืมกรูส์ก้อคิดถึงเมริงเหมือนกัน
badboy_be_sadboy say: ฝากบอกเพื่อน ๆ ด้วยนะ
badboy_be_sadboy say: ว่ากรูส์ กะเพ่นุ่นคิดถึง
badboy_be_sadboy say: แล้วบอกพวกมันด้วยว่าตั้งใจเรียน
badboy_be_sadboy say: อย่าเกเรให้มากนัก
kondeeplus__คนดีที่โลกรอหมอโฮจิม say: ค้าบ....................พ่อ
badboy_be_sadboy say: ดีมากลูก
kondeeplus__คนดีที่โลกรอหมอโฮจิม say: อิอิ
kondeeplus__คนดีที่โลกรอหมอโฮจิม say: หุหุ
kondeeplus__คนดีที่โลกรอหมอโฮจิม say: เด๋วกรูส์ไปก่อนนะเว้ย
kondeeplus__คนดีที่โลกรอหมอโฮจิม say: พรุ่งนี้มีกิจกรรมแต่เช้า
badboy_be_sadboy say: อืม...............บายคับ
kondeeplus__คนดีที่โลกรอหมอโฮจิม say: บาย
บทที่ 3 เจ็ดวันอันตราย ..........รึป่าวนะ (-' -)ตอนที่ 1
“ตื่น ๆๆๆๆๆ ตื่นได้แล้ว" พี่นุ่นปลุกแบ๊งค์
“ ถ้าไม่ตื่น ไปมหาลัยเองละกัน แล้วถ้าสายขึ้นมาอย่ามาว่าชั้นล่ะ”
“ค้าบบบบบบ” แบ๊งค์ตอบพร้อมกับรีบวิ่งไปอาบน้ำแต่งตัว เมื่อแบ๊งค์ออกมานอกห้องก็เห็นพี่นุ่นซึ่งถือกระเป๋าพะรุงพะรังเต็มไปหมด
“นี่ป้า!!!!!! จะย้ายบ้านหรอ ขนไปซะ” แบ๊งค์แซวเมื่อเห็นของเหล่านั้น
“ ก็ไปตั้ง 1 อาทิตย์นี่นา ก็ต้องเตรียมไว้ คนสวยก็งี้แหละ” พี่นุ่นพูด
“อ่ะจ้า แม่สาวฮอทเชียงใหม่ อย่าไปทำน้ำหมากหกใส่ใครอีกก็แล้วกัน” แบ๊งค์แซวไม่เลิก
“ยะ ไปได้แล้วเดี๋ยวอ้อม จะมาแล้ว” แล้วแบ๊งค์ก็ช่วยถือกระเป๋าเดินทางของพี่นุ่นไปยังลานจอดรถหน้าคอนโด ไม่รู้ป้าแกจะไปสวยอะไรกันนักกันหนา กระเป๋าหนักซะ นี่ยังมีกระเป๋าถือที่ข้างในมีเครื่องสำอาง ของแกอีกนะ งานนี้ดูท่าพี่นุ่นเกิดแน่ ๆ มาถึงหน้าคอนโด รถของเพื่อนพี่นุ่นมาพอดี
“อ้าวอ้อม มาพอดีเลยนะ” พี่นุ่นทักขึ้น
“อ้อม นี่แบ๊งค์ นายเกย์น้อยที่ติดตามชั้นมาจากเชียงใหม่อ่ะ” พี่นุ่นแนะนำ
“หวัดดีคับ” แบ๊งค์ทักทาย
“หวัดดีค่ะ รีบขึ้นรถซิคะ” อ้อมพูด
“เดี๋ยวไปส่งแบ๊งค์ที่คณะรัฐศาสตร์หน่อยนะ” พี่นุ่นพูดขึ้นบ้าง
“อืมได้สิ” อ้ออมตอบ
ระหว่างทางบนรถ เราก็คุยกันต่าง ๆ นานา เรื่องเรียนบ้าง เรื่องส่วนตัวบ้างจนทำให้แบ๊งค์ได้รู้ว่าอ้อมเนี่ย เป็นเด็กซิ่ลมาก่อน คือปีที่แล้วเข้าคณะบริหารไปแล้วไม่ชอบ ก็เลยเอนท์ใหม่ในคณะนี้ พอเข้าคณะนี้แล้วชอบมาก ไม่น่าไปเอนท์บริหารเลย พี่อ้อมพูดแบบเสียดายนิด ๆ
“ถึงแล้วเกย์น้อย นี่วันนี้กลับบ้านเองก็ระวังตัวด้วยรู้มั้ย” พี่นุ่นสั่ง
“ค้าบ จะไม่คุยกับคนแปลกหน้าและหน้าด้วยเลยอ่ะ” แบ๊งค์รับปากพร้อมเหน็บแนม
“มีอะไรก็โทรหาพี่นะจ๊ะ แล้วจะซื้อขงฝากมาให้ บายจ๊ะ จุ๊บๆ ”
พี่นุ่นบอกก่อนที่จะไปยังคณะวิทยาศาสตร์ซึ่งตอนนี้คนคงเต็มไปหมดแล้ว เสียดายจังทำไมคณะเราไม่มีแบบนี้บ้างอ่ะ แบ๊งค์คิดในใจ แล้วก็เดินไปนั่นที่ม้าหินอ่อนหน้าคณะที่เดิม
ช่วงนี้เป็นช่วงที่เพิ่งเปิดเทอมก็เลยยังไม่มีการเรียนการสอนอะไรมากมายหรอกคับ ส่วนมากจะเป็นกิจกรรมที่พวกรุ่นพี่ทั้งหลายจัดขึ้นมาแทนการเรียนมากกว่า
“มานั่งคนเดียวอีกแล้วนะ ” กาวทักพร้อมเดินมาแมค
“อืม........ตามปกติอ่ะไม่รู้ไปไหน” แบ๊งค์ตอบ
“นั่งด้วยได้ป่ะล่ะ” แมคถาม
“อ้าว!!!ก็นั่งไปจิ ไม่ได้ห้ามซะหน่อย” แบ๊งค์ตอบไป
“เข้าใจแล้วว่าทำไมพี่ตั้มถึงได้เรียกว่านายพริกขี้หนู” แมคพูดแล้วหัวเราะหึหึ
“ซะงั้น เราก็ตอบตามความจริงนี่นา ก็เราเป็นคนแบบนี้อ่ะ” แบ๊งค์ตอบแบบมีงอน
“อ่ะนะ อย่าทะเลาะกันเลย” กาวตัดบทหลังจากดูสถานการณ์ไม่ดี
วันนี้ก็ไม่มีอะไรหรอกคับ ได้เรียนไม่กี่ชั่วโมง เน้นไปที่การนั่งร้องเพลงทำกิจกรรมมากกว่า วันนี้มีเลือกเข้าชมรมด้วยคับ ไอ้กาวอ่ะไปเข้าชมรมบาส ที่พี่อาร์ทพี่รหัสแบ๊งค์คุมอยู่อ่ะคับ แมคไปเข้าชมรมนันทนาการที่พี่ตั้มคุมอยู่ ( ไปอยู่กันได้ไงวะ น่าอยู่ซะ.....) สองสาวครีมกับผิงเลือกชมรมเทนนิสครับ ( นักกีฬาว่ะ ) แบ๊งค์หรอคับไม่รู้จะอยู่ไหน กีฬาก็ไม่ชอบเล่น นันทนาการก็เดี๋ยวไปทะเลาะกะไอ้พี่ตั้มอีก เลยไปอยู่ชมรมรักการอ่านของฝ่ายหอสมุดอ่ะคับ ( ไปหลับอย่างเดียวแน่ ๆ กรูส์ )
“ไอ้ตัวเล็ก อยู่ชมรมไรงะมึงอ่ะ” พี่ตั้มคับเดินเข้าทัก เดี๋ยวนี้ขยันหาคำมาผมจัง ตั้งแต่ไอ้พริกขี้หนูแล้ว ตอนนี้ก็มาไอ้ตัวเล็กอีก
“อยู่ชมรมรักการอ่านอ่ะไมหรอ” แบ๊งค์ตอบไปทำท่ากวน ๆ นิด ๆ
“หน้าอย่างมึงเนี่ยนะ นี่หัดไปทำอะไรให้ร่างกายแข็งแรงบ้างดิวะ พวกชมรมกีฬาทั้งหลายอ่ะทำไมไม่ไปเข้า ไม่ก็ชมรมกูก็ได้” พี่ตั้มพูดซะยาวเหยียด
“ก็ไม่ชอบอ่ะ อยากอยู่ชมรมนี่อ่ะ ใครจะทำไม” แบ๊งค์ตอบแบบกวน ๆ
“มิน่าล่ะ ตัวถึงได้เล็กแบบนี้ ไม่โตซะทีนะไอ้ตัวเล็ก” พูดจบพี่ตั้มก็หัวเราะใหญ่
“นี่พี่ แบ๊งค์อายุ 18 แล้วนะถึงจะสูงแค่ 170 ก็เหอะแต่มันก็สูงกว่าใครหลาย ๆ คนในมหาวิทยาลัยนี้ เลิกเรียกผม ไอ้ตัวเล็กซะที” แบ๊งค์ตอบแบบมีน้ำโห
“เดี๋ยวนี้ดุจังนะ แซวนิดเดียวทำเป็นโกรธ” พี่ตั้มพูดขึ้น แล้วก็เดินจากออกไปคับ สงสัยงอนมั้ง ช่างเหอะไม่ได้เกี่ยวพันอะไรกันอยู่แล้ว ตอนนี้ก็เลิกเรียนมานานแล้วคับ กำลังคิดครับจะกลับยังไงดี จะนั่งรถเมล์ หรือรถแท็กซี่ดี ระหว่างที่นั่งอยู่ป้ายรถเมล์ก็มีเสียงทักขึ้น
“อ้าวแบ๊งค์!!!!ทำไมมานั่งรอรถอยู่นี่ล่ะ เพื่อนนายคนนั้นล่ะ” กาวทักขึ้นครับ
“อืม ก็เค้าไปรับน้องที่หัวหินอ่ะดิ เลยต้องกลับเอง” แบ๊งค์ตอบ
“แล้วจะขึ้นรถสายอะไรกลับล่ะ” กาวถามครับ
“ไม่รู้ดิ น่าจะเป็นสาย aaa มั้งเห็นผ่านหน้าคอนโดบ่อย ๆ”
“อ้าว มาอยู่นี่ไม่ได้สำรวจอะไรเลยหรอ” กาวทำหน้าตกใจ
“อืม ก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้นี่นา” แบ๊งค์ก้มหน้าตอบ แบบอายนิดๆ
“งั้นนายอยู่คอนโดชื่ออะไรล่ะ” กาวถาม
“OOOOคอนโดอ่ะ รู้จักหรอ” แบ๊งค์ถามกลับ
“งั้นก็ดีล่ะ ขึ้นรถเมล์สายเดียวกับเราก็ได้ นั่นไง!!!!รถมาแล้ว!!!” จะรออะไรอีกล่ะครับ
วิ่งสิครับ เดี๋ยวรถเมล์ไปก่อนต้องรออีกนาน ตอนนี้ก็เริ่มเย็นมากแล้วด้วย กาวมันก็สอนครับว่าต้องขึ้นรถสายอะไร ถึงจะมาโรงเรียนได้ แล้วมีรถสายอะไรไปไหนบ้างที่ผ่านคอนโดแบ๊งค์ แล้วก็มาถึงคอนโดครับ
“เราไปก่อนนะ วันนี้เราขอบคุณนายมากด้วยละกัน บาย”
พูดจบก็ลงรีบรถไปเลยครับลงช้าเดี๋ยวกระเป๋ารถด่า เดินมาที่หน้าคอนโดซื้อบะหมี่หมูแดงไปกินด้วยครับ
ตอนนี้อยู่คนเดียวแล้ว ตอนที่กำลัง เปิดประตูเข้าไปในห้องนั่นเอง โทรศัพท์ก็ดังขึ้น ใครซะอีกล่ะคับ ป้านุ่นนั่นเอง
“แบ๊งค์อยู่ไหนแล้ว “ พี่นุ่นถาม
“กำลังถึงห้องเนี่ย” แบ๊งค์ตอบไป
“ตอนนี้พี่กำลังกินซีฟู๊ดอยู่ อร่อยมากกกกกกกกกกกกก ตอนที่มาถึงนะได้เล่นน้ำด้วย รุ่นพี่เค้าใจดีมากเลยอ่ะแบ๊งค์” พี่นุ่นบรรยายถึงบรรยกาศที่นั่น
“โห.......ป้าอิจฉาว่ะ เนี่ยอยู่คนเดียวอีก กินแต่บะหมี่หมูแดงเนี่ย” แบ๊งค์บ่นอุบอิบ
“อ่ะจ้า ยังไงก็ทนหน่อยนะ 7 วันเอง อิอิ แล้วนี่จะทำอะไรต่อไปอ่ะ” พี่นุ่นถาม
“เดี๋ยวกินข้าว อาบน้ำเสร็จ ก็คงไปเล่นเกมต่ออ่ะ กะจะอัพเลเวลวันนี้เลยอ่ะ”
“อย่านอนดึกให้มากนักล่ะ เดี๋ยวไปเรียนสายและเสียสุขภาพอีก” พี่นุ่นพูดเชิงเป็นห่วง
“คับ ซัก 5 ทุ่มกว่า ๆ ก็คงนอนอ่ะ” แบ๊งค์ตอบไป
“ดีมาก!!!งั้นแค่นี้ก่อนนะ บายจ๊ะ”
พี่นุ่นตัดสายไปแล้วคับ ตอนนี้ผมก็จัดแจงทุกอย่างเรียบร้อยแล้วคับ กินข้าว อาบน้ำ ในที่สุดก็ได้เล่นซะที เล่นเกมสนุกมากเลยคับ วันนี้ทำคะแนนได้อยู่อันดับต้นตลอด ไม่มีพลาดเลยคับ เล่นเพลินมากจนในที่สุด เหลือบไปมองนาฬิกา อ่ะจ๊ากกกก(o_O)นี่มันเที่ยงคืนกว่าแล้วหรอเนี่ย รีบปิดคอมแล้วเข้านอนเลยคับ เดี๋ยวตื่นไปโรงเรียนสาย
ปิ๊ป ๆๆๆๆๆๆๆ เสียงนาฬิกาปลุกครับ ดังอีกแล้ว เลยเอื้อมมือไปปิดคับ แล้วนอนต่อ (-“-)
รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนมองนาฬิกานั่นแหละครับเลยเวลาปลุกมาเกือบชั่งโมง ตอนนั้นลนลานมากคับทำอะไรไม่ถูก รีบอาบน้ำแต่งตัว แล้ววิ่งสุดแรงเกิดเลยคับมารอรถที่ป้ายรถเมล์หน้าคอนโด วันนี้เป็นอะไรไม่รู้คับ รถคันไหน ๆ ก็เต็มขึ้นไม่ได้เลย สงสัยคนตื่นสายกันหมด ( หรือว่าแบ๊งค์ไม่ชินเองกับการขึ้นรถเมล์ ) ไม่รู้จะไปไงคับ จะขึ้นแท็กซี่ รถแท็กซี่เจ้ากรรมก็ดันหาย บางคันก็มีลูกค้า วันนี้ต้องไปสายแน่เลยคับ คิดแล้วก็นั่งปลงตกที่ ป้ายรถเมล์อยู่คนเดียว แล้วอยู่ดี ๆ ก็มีรถสปอร์ต สีดำติดฟิล์มทึบเข้ามาจอดหน้าป้ายรถเมลล์คับ จากนั้นกระจกก็ค่อย ๆ เลื่อนลง
“นี่ ๆ น้องคนนั้นอ่ะ ชื่อแบ๊งค์ที่เป็นน้องรหัสพี่ใช่มั้ย” แบ๊งค์ก็เลยหันไปมองต้นเสียงคับ พี่อาร์ทคับ คนขับรถคันนั้นคือพี่อาร์ทพี่รหัสของแบ๊งค์เอง
“ค...คับ....” แบ๊งค์ตอบ
“ขึ้นมาเร็วเดี๋ยวพี่ไปส่ง” พี่อาร์ทเรียก แต่แบ๊งค์ยังคงเงอะงะอย
“ขึ้นมาเหอะ สายขนาดนี้อ่ะรถหมดแล้ว” พี่อาร์ทเร่ง แบ๊งค์เลยขึ้นรถพี่อาร์ทไป ระหว่างทางบนรถนั้นมีแต่ความเงียบ พี่อาร์ทคงสังเกตเห็นว่าแบ๊งค์นั่งเกร็ง ๆ ก็เลยพูดขึ้นมา
“ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นก็ได้ ว่าแต่...เราไม่ใช่คนกรุงเทพฯใช่มั้ย” พี่อาร์ทถาม
“ค...คับ...เป็นคนเชียงใหม่” แบ๊งค์ยังคงเกร็งอยู่
“ก็ว่า....สายขนาดนี้ยังมานั่งรอรถอีก คนกรุงเทพฯอ่ะเค้าไม่มานั่งรอกันแล้วเวลาขนาดนี้อ่ะ
“พี่อาร์ทพูดแล้วหัวเราะแหะ ๆ
“คับ.....พอดีขึ้นรถเมล์คนเดียวไม่เป็นอ่ะคับ มีคนพาขึ้นตลอด” แบ๊งค์ตอบไป
“แล้วปกติมามหาลัยยังไงล่ะ?” พี่อาร์ทถาม
“มีเพื่อนมาส่งครับ แต่ตอนนี้เค้าไปรับน้องคณะวิทย์อ่ะคับ”
แบ๊งค์อธิบายไป พี่อาร์ทก็ผงกหัวงึก ๆ รับคำตอบไป แบ๊งค์ยังคงเกร็งต่อไป ก็แบ๊งค์กับพี่อาร์ทเคยคุยซะที่ไหนล่ะ เดินสวนกันยังไม่ทักกันเลยต่างฝ่ายต่างไม่ยอมทักไม่รู้เป็นอะไร ไม่เหมือนพี่รหัส-น้องรหัสคู่อื่น ๆ แค่เจอหน้ากันระยะ 100 เมตร ต่างฝ่ายก็ต่างเดินเข้าหา ถามกันต่าง ๆ นานา คงเป็นเพราะแบ๊งค์ไม่ค่อยไปไหนด้วยมั้ง ว่าง ๆ ก็เอาแต่นั่งหน้าตึก ส่วนพี่อาร์ทก็เอาแต่เล่นบาส ต่างฝ่ายต่างทำกิจกรรมของตัวเองไป เลยไม่ค่อยได้เจอและสนิทกันเหมือนพี่รหัส-น้องรหัสคู่อื่น ๆ
“ขอบคุณมากนะคับ” แบ๊งค์พูดหลังจากที่รถของพี่อาร์ทเข้าจอดที่ลานจอดรถ
“อืม ไม่เป็นไร ทีหลังอย่านอนตื่นสายอีกล่ะ” พี่อาร์ทพูดและยิ้มให้ก่อนแบ๊งค์จะลงจากรถ
เมื่อลงจากรถก็ได้เรื่องเลยคับ คิดไว้อยู่แล้ว มีสายตาจากคนรอบข้างมองมาที่แบ๊งค์เป็นตาเดียว ยิ่งสายตาของพวกผู้หญิงที่จ้องมานะ ประมาณแกเป็นใคร? มากับพี่อาร์ทได้ยังไง? เห็นแล้วน่ากลัวจัง เห็นแค่นั้นก็รีบเลยคับ ไปนั่งที่เดิมด่วน ไม่สนใจใครแล้ว
“มาสายนะไอ้ตัวเล็ก” พี่ตั้มครับนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวประจำของแบ๊งค์แล้วทักขึ้น ผมก็เดินเข้าไปนั่งดิคับ โต๊ะตัวอื่นมีคนนั่งหมดแล้ว
“นี่ ๆๆ มีมารยาทหน่อยดิ คนอื่นเค้านั่งอยู่ จะขอซักคำมีมั้ยอ่ะ” พี่ตั้มพูดขึ้นมา
“ก็แบ๊งค์เห็นว่า ที่โต๊ะตรงนี้มีแค่นาย...เอ้ยพี่ตั้มนั่งอยู่คนเดียวไม่เห็นมีคนอื่นมานั่ง”
ในเมื่อมันว่างอยู่ แบ๊งค์ก็มีสิทธิ์นั่ง หรือว่ามันจะมีใครบางคนจะใช้อำนาจเผด็จการ และไร้ซึ่งน้ำใจไม่ให้แบ๊งค์นั่งหรอคับ” แบ๊งค์แย้งออกไป ทำเอาพี่ตั้มทำหน้าแหยเก
“เออ ๆๆๆ มึงอยากนั่งก็นั่ง” พี่ตั้มพูดดูท่าไม่ค่อยพอใจซักเท่าไหร่
วันนั้นก็ผ่านมาได้โดยที่ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรอกคับ ตอนเย็นแบ๊งค์ยังคงกลับบ้านกับนายกาวเหมือนเดิมเพราะยังไม่ค่อยชินในการขึ้นรถเมล์เท่าไหร่ กาวมันก็เลยอาสา กลายเป็นว่าตลอด 7 วันนี้แบ๊งค์ต้องกลับบ้านกับนายกาวทุกวัน โดยที่กาวจะพาขึ้นรถและสอนเส้นทางต่าง ๆ ที่จำเป็นให้ นี่ถ้าเป็นเชียงใหม่นะแบ๊งค์คงไม่ต้องลำบากเพื่อนขนาดนี้หรอก โบกรถได้อย่างเซียนต่อรถไปได้ทั่วเชียงใหม่
แต่พอมากรุงเทพฯแล้ว เอ๋อ.. รับประทานเลยคับ สายไหนเป็นสายไหนไม่รู้จริง ๆ วันนี้ยังคงเล่นเกมเหมือนเดิมครับ แต่ไม่เล่นเหมือนเมื่อวานอีกแล้วนะ เข็ดแล้วเดี๋ยวไปเรียนสายอีก มันคงไม่โชคดีแบบนี้ทุกวันหรอก
วันนี้ตื่นเช้าครับ ไม่ต้องห่วงว่าจะไปสายอีก ตอนนี้กำลังจะไปรอรถที่ป้ายรถเมล์ครับ คนเยอะกันจริง ๆ ระหว่างที่กำลังเดินก็มีรถคันหนึ่งบีบแตรขึ้นมาครับ เล่นเอาตกใจเลยก็เลยหันไปมองว่าเกิดอะไร
“แบ๊งค์ !!!แบ๊งค์จริง ๆ ด้วย” แมคครับ ไอ้คนที่มันถามชื่อแบ๊งค์ในวันแรก จนทำให้แบ๊งค์
ต้องทะเลาะกับพี่ตั้มอ่ะคับ มันพูดตอนที่แบ๊งค์หันไปพอดี
“ขึ้นมาดิ เดี๋ยวเราไปส่ง” แมคชวน
“อือ ไม่อ่ะไม่เป็นไรเดี๋ยวรถก็มาแล้ว” แบ๊งค์ปฏิเสธ นายแมคก็เลยทำหน้าเจื่อน ๆ
“ไปด้วยกันเหอะ ทางเดียวกันประหยัดเงิน ประหยัดน้ำมันนะเว้ย” แมคอ้าง
“เร็ว ๆ ดิ เดี๋ยวกูโดนรถเมล์บีบแตรไล่นะเว้ย มาจอดขวางป้ายเค้าอ่ะ”
ไม่รู้จะทำยังไงครับก็เลยรีบขึ้นรถเจ้าแมคไป แมคชวนคุยต่าง ๆ นานา แบ๊งค์ก็ไม่ได้ตอบอะไร พอดีวันนั้นง่วง ๆ อ่ะคับ เลยไม่ค่อยอยากพูดเท่าไหร่ เผลอหลับไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ มารู้ตัวอีกทีตอนที่แมคเรียก
“แบ๊งค์ แบ๊งค์ตื่นได้แล้ว ถึงมหาวอทยาลัยแล้ว” สะดุ้งสิคับ
หลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ยก้อเลยขอบคุณแมคไป แมคมันก็ยิ้ม ๆ แบ๊งค์ก็คิดในใจ มันยิ้มอะไรของมันวะ หรือว่าตอนนอนกรูส์หลับไปทำอะไรปัญญาอ่อนป่าววะ ( เช่น นอนน้ำลายไหล ) เออช่างเหอะลงไปเรียนดีกว่า เดินมานั่งที่เดิมเลยคับ โดยมีเจ้าแมคนั่นแหละเดินตามมานั่งด้วยกัน มันยังคงยิ้มอยู่ ทนไม่ไหวแล้วคับ
“นี่แมค มีอะไรรึป่าวเห็นยิ้ม ๆ มาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ มีอะไรก็บอกมาดิ ทำแบบนี้เราไม่ชอบนะ”
ก็จริงนี่คับทำแบบนี้มันดูเสีย self ยังไงก็ไม่รู้ แมคมันก็หัวเราะออกมาเลยคับ ยิ่งทำเราเสีย self เข้าไปใหญ่ นี่กรูส์ทำอะไรที่มันเปิ่นขนาดนั้นเลยหรอวะ คิดในใจคับแต่หน้ายังป่องเป็นปลาทองแสนงอนต่อไป
“ป่าว ๆๆๆ ไม่มีอะไร แค่เห็นหน้านายตอนหลับแล้วมันน่ารักดี บอกไม่ถูกว่ะ คิดอะไรเพลิน ๆ
เลยหัวเราะออกมา” แมคมันกลั้นหัวเราะพูดออกมาแล้วก็กลับไปหัวเราะอีก
“อะไรเนี่ย ดูตอนไหนไม่ดู มาดูคนตอนหลับ” แบ๊งค์ยังทำหน้าตาปลาทองต่อไป
“หัวเราะอะไรกันเนี่ย ดังเชียว”
พี่ตั้มเข้ามาทักครับแต่ไม่มีใครยอมตอบ นายแมคก็เอาแต่หัวเราะ ส่วนแบ๊งค์ก็ยังทำหน้างอนอยู่ แล้วแมคมันก็ดึงพี่ตั้มไปคุยอะไรกันก็ไม่รู้ พอกลับมาทั้งคู่ก็เอาแต่หัวเราะ วันนั้นทั้งวันแบ๊งค์รู้สึกไม่ชอบเลยอ่ะคับ สองคนนั้นเอาแต่ยิ้ม สลับกับหัวเราะตลอดเวลาที่เจอหน้าแบ๊งค์ ไม่รู้จะทำยังไงก็เลยทำหน้างอนอย่างเดียว
วันนี้แบ๊งค์ต้องกลับบ้านกับนายกาวตามปกติครับ แต่ที่ไม่ปกติคือ วันนี้ต้องกลับเย็นกว่าเดิม เพราะชมรมบาสที่นายกาวอยู่เรียกพบสมาชิกวันนี้แบ๊งค์เลยต้องไปนั่งรอนายกาว ซ้อมบาสที่สนามบาสครับ
*******************************
บทที่ 4 เจ็ดวันอันตราย ..........รึป่าวนะ (-‘-)ตอนที่ 2
“นั่นน้องแบ๊งค์รึป่าวคับ” เสียงคุ้น ๆ หูทักขึ้นข้างหลังแบ๊งค์
“คั...คับ” แบ๊งค์ตอบออกไป พี่อาร์ทเองครับ
“มาทำอะไรที่นี่ล่ะคับ” พี่อาร์ทถาม
“มารอเพื่อนอ่ะครับ ต้องกลับด้วยกัน ไม่งั้นแบ๊งค์จะหลงกรุงเทพฯ” แบ๊งค์ตอบไปตามความจริง พี่อาร์ทก็หัวเราะ หึ หึ
“งั้นให้พี่ไปส่งเราเอามั้ยล่ะ ทางผ่านบ้านพี่อยู่แล้ว” พี่อาร์ทถาม
“ไม่เป็นไรดีกว่าครับ ลำบากเปล่า ๆ ” แบ๊งค์ตอบออกไปด้วยความเกรงใจ ยังไม่ทันที่พี่อาร์ทจะได้พูดต่อเพื่อนพี่อาร์ทก็เรียกให้ไปซ้อม
“พี่ไปซ้อมบาสก่อนนะครับ ไว้วันหลังเราค่อยมานั่งคุยกันใหม่” แบ๊งค์ผงกหัวเป็นการรับคำ
วันนี้ไม่มีอะไรหรอกคับ แค่แนะนำประธานชมรมอะไรประมาณนี้อ่ะ แล้วก็ให้ทำความคุ้นเคยกับลูกบาสด้วยการฝึกทักษะเล็ก ๆ น้อย ๆ แล้วเค้าก็ปล่อยเด็กใหม่กลับ เหลือแต่พวกนักกีฬาเอาไว้
“ป่ะกลับกันเหอะแบ๊งค์” กาวเรียก แบ๊งค์ก็เลยค่อย ๆ เดินตามกาวไป เพื่อไปรอรถกลับบ้านด้วยกันที่ป้ายรถเมล์หน้ามหาวิทยาลัย แล้วอยู่ ๆ ก็มีรถเก๋งสีขาวคุ้น ๆ ตามาจอดหน้าพวกเราสองคน รถของแมคนั่นเอง
“แบ๊งค์ให้เราไปส่งมั้ย” แมคถาม
“ถ้าจะให้ดี นายช่วยไปส่งกาวด้วยได้ป่ะล่ะ” เ แบ๊งค์ถามย้อน
“ไม่ต้องหรอกแบ๊งค์ ไปเหอะเดี๋ยวเรากลับเองได้” อ้าว ไอ้กาวไมพูดงั้นล่ะ แบ๊งค์ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่คับ เลยทำหน้างอน ๆ ไป
“ไม่รู้แหละ บ้านกาวอยู่แถว ๆ OOO นายไปส่งได้ป่าวล่ะ เราทิ้งเพื่อนไปกับนายไม่ได้หรอกมันดูเป็นการเอาเปรียบกันเกินไป” แบ๊งค์แย้งออกไป
“อืมก็ได้ บ้านเราก็อยู่เลยบ้านกาวไปหน่อยเดียวเอง” แมคพูดพร้อมผงกหัว
“ป่ะกาว รีบขึ้นรถเหอะ เดี๋ยวกลับบ้านดึก” แบ๊งค์ลากกาวขึ้นรถ โดยผลักกาวให้นั่นที่นั่งข้างคนขับ กาวกับแมคทำหน้างง แบ๊งค์เลยตอบออกไป
“ก็คอนโดแบ๊งค์ถึงก่อน ถ้านั่งหน้าเดี๋ยวที่นั่งมันว่างแล้วแมคก็กลายเป็นคนขับรถอ่ะดิ อีกอย่างถ้าจะให้สลับกันไปสลับกันมาก็วุ่นวายป่าว” ทั้งคู่ไม่พูดอะไรได้แต่ผงกหัวงึก ๆ รับคำไป
“นี่แบ๊งค์ วันนี้เป็นอะไรรึเปล่า ทำหน้าแปลก” แมคถามโดยมองผ่านกระจกหลัง
“ไม่อะไร สบายดี กินข้าวแล้ว” แบ๊งค์ตอบแบบกวน ๆ
“เนี่ยนะไม่มีอะไร กาวช่วยเราหน่อยดิ แบ๊งค์มันงอนอะไรก็ไม่รู้” แมคหันไปหากาวให้กาวช่วยถามว่าแบ๊งค์เป็นอะไร
“อืม.....นั่นดิเห็นทำหน้าแบบนี้มาตั้งแต่เช้าแล้ว งอนใครหรอ” กาวถามขึ้นบ้าง
“แบ๊งค์ก็เป็นแบบนี้อ่ะใครจะทำไมล่ะ สนใจด้วยเหรอ” ตอบแบบมีงอน
“เรื่องที่เราหัวเราะนายกับพี่ตั้มเมื่อเช้าใช่มั้ยล่ะ” แมครู้ตัวครับ
“รู้ตัวแล้วหรอ ไม่รออาทิตย์หน้าล่ะค่อยรู้ตัว” แบ๊งค์ตอบไป
“เมื่อเช้ามีอะไรกันหรอ” กาวถามแบบงง ๆ
“ก็เมื่อเช้าอ่ะดิ แมคมันรับแบ๊งค์มามหาลัย พอถึงมหาลัยมันก็เอาแต่ยิ้ม กับหัวเราะแล้วยังมีหน้าไปชวนไอ้พี่ตั้มหัวเราะแบ๊งค์อีก แบ๊งค์ไม่ชอบอ่ะเข้าใจป่ะ ถามอะไรก็ไม่ยอมบอก”
“เราก็ไม่ได้ว่าอะไรแบ๊งค์ซะหน่อย แค่บอกพี่ตั้มว่าแบ๊งค์น่ารักดีตอนหลับ แต่ทำไมตอนตื่นถึงได้ดุได้ขนาดนั้นก็ไม่รู้ คนละแบบเลยอ่ะตอนนอนกับตอนตื่น ตอนหลับอย่างกะแมว ตอนตื่นอย่างกะเสือ สงสัยถ้าจะแกล้งต้องแกล้วตอนหลับ ก็เท่านั้นเอง” พูดจบไอ้กาวก็หัวเราะ หึหึ ออกมาเบา ๆ อ้าวไอ้นี่เป็นไปกับเค้าอีกคนหนึ่งแล้ว แบ๊งค์เลยยิ่งไม่พอใจ ไม่ยอมพูดกับใคร
“โอ๋ ๆๆๆๆ อย่างอนนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เราเลี้ยงข้าวอ่ะ” แมคเสนอ
“อืม นั่นดิแบ๊งค์อย่างอนเลย ว่าแต่ก็อยากเห็นแบ๊งค์ตอนนอนเหมือนกันนะ” กาวพูด
“ไม่ต้องหลอกอะไรเราเลย ไม่เชื่อใครแล้ว” แบ๊งค์บ่นอุบอิบ
“ทำตัวเหมือนเด็กอีกแล้วนะ ไม่น่าพี่ตั้มถึงเรียก ไอ้ตัวเล็ก” แมคพูด
“ ........................ ”
“พอเหอะ ๆ ๆ แมคแบ๊งค์มันงอนใหญ่แล้ว” กาวตัดบท แต่ก็หัวเราะเบา ๆ ไปด้วย มาถึงคอนโดแล้วคับ วันนี้ไม่อยากกินอะไร งอนใครหลาย ๆ คน เลยรีบขึ้นไปบนห้องกะว่าจะไปเล่นเกม แล้วพี่นุ่นก็โทรมาคับ
“ว่าไงจ๊ะ เกย์น้อย” พี่นุ่นทัก
“ก้อเรื่อย ๆ อ่ะป้า” แบ๊งค์ตอบเสียงเนือย
“เป็นอะไรป่าวเสียงดูแปลก โดนใครแกล้ง บอกเจ้มา เดี๋ยวจัดการให้” พี่นุ่นลุกลี้ลุกลน
“ช่างเหอะป้า ตอนนี้กำลังจะเซง เครียด Audition เซง เครียด ON MSN อยู่เนี่ย เดี๋ยวก็คงดีขึ้นเอง ป้าอ่ะอยู่ไหน” แบ๊งค์ถามขึ้นบ้าง
“ตอนนี้พี่กำลังจะเข้านอนอ่ะ วันนี้ไปเที่ยวมาทั้งวันเลย หนุกมากมาย” พี่นุ่นบรรยาย
“อืม ระวังนะมัวแต่เที่ยวเดี๋ยวอดกินผู้ชายนะ อิอิ” แบ๊งค์แซว
“อ่ะ จ้า ไม่มีอะไรละ โทรมาถามความปลอดภัยเฉย ๆ จ๊ะ”
“คับป๋ม วันนี้ไม่ได้กัดใครเรย” ...........หรอ.............
วันนี้ซ้อมเสร็จค่อนข้างเย็นครับ ทุกคนดูเหนื่อย ๆ จังเหงื่อออกเต็มตัวเลย เห็นแล้วเหนื่อยแทน กาวมันขอตัวไปอาบน้ำครับ เหงื่อมันออกแยะมากมายเลย ระหว่างที่รอครับแบ๊งค์ก็มองหาพี่อาร์ทแต่ไม่เจอครับ หายไปไหนก็ไม่รู้ แล้วยังทิ้งของราคาแสนแพงไว้อีก มองซ้ายมองขวาก็ไม่มี
“มองหาใครอยู่หรอครับ น้องแบ๊งค์” พี่อาร์ทเดินมาจากข้างหลังครับ พี่เค้าไปอาบน้ำมานี่เอง นึกว่าหายไปไหน
“หาพี่อาร์ทนั่นแหละครับ จะเอาของมาคืน” แบ๊งค์ยื่นของทั้งหมดออกไปให้พี่อาร์ท
“กลัวพี่จะหาว่าแบ๊งค์เป็นขโมยขนาดนั้นเลยหรอคับ” ( แอบรู้ทันอีกแล้ว )
“ปะ..ป่าวคับ ” แบ๊งค์ตอบไปแบบอาย ๆ ที่ถูกรู้ทัน
“น้องครับ ทุก ๆ คนเลยวันนี้ไปกินหมูกระทะกันนะครับ พวกพี่หิวมากเลย อยากชวนน้องไป ไปกันให้ได้นะครับ ไม่ไปมีเคือง” ( โห...........แนวเผด็จการอีกแระ ) พี่ประธานชมรมพูดขึ้น แล้วกาวล่ะ กาวก็ต้องไปด้วยอ่ะดิ แล้วเราก็ต้องกลับบ้านเอง แล้วกรูส์มานั่งรอหาพระแสงดาบของ้าวอะไรเนี่ยตั้งหลายชั่วโมง แบ๊งค์คิดแล้วทำหน้าวิตกกังวล พี่อาร์ทคงสังเกตเห็น
“เป็นอะไรรึเปล่าครับ น้องแบ๊งค์หน้าตาไม่สู้ดีเลย”พี่อาร์ทถาม ไอ้กาวครับ มันคงรู้มันเลยเดินมาหาแบ๊งค์แล้วยิ้มแหย ๆ ประมาณว่าขอโทษ
“เราขอโทษว่ะ วันนี้แบ๊งค์คงต้องกลับเองง่ะ เราไม่รู้เรื่องจริง ๆ นะขอโทษด้วยที่ทำให้รอ” นั่นไง ทำไมซื้อหวยไม่ถูกแบบนี้วะ
“ไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวเรากลับเองก็ได้ เราเริ่มขึ้นรถเป็นแล้ว” แบ๊งค์ตอบไป
“ทำไมน้องแบ๊งค์ต้องกลับกับน้องกาวล่ะครับ” พี่อาร์ทสงสัย
“คือ......แบ๊งค์มันขึ้นรถไม่เป็นอ่ะครับ ผมเลยต้องพามันไปส่งทุกวัน” อ้าวไปบอกเค้าทำไม กรูส์อายนะเฟ้ย
“อ้าว......หรอนึกว่าขึ้นเป็นแล้วซะอีก”พี่อาร์ททำหน้าสงสัยมองมาที่แบ๊งค์ซึ่งยิ้มแหย ๆ ให้
“งั้นเอาแบบนี้ น้องแบ๊งค์ก็ไปกินหมูกระทะด้วยกันซิครับ เดี๋ยวพี่เลี้ยงก็ได้” พี่อาร์ทแนะ
“ไม่ได้หรอกคับ นี่เป็นการไปของชมรม แบ๊งค์ไม่ได้อยู่ชมรมนี้ซะหน่อย” แบ๊งค์ปฏิเสธ
“ไปเหอะแบ๊งค์ ไปด้วยกัน กลับคนเดียวเดี๋ยวไปฉุดใครเข้า อิอิ” ไอ้กาวแซว
“อ้าว!!!!!!!!!!!!!!!!!!ไอ้นี่ the peach band ( วอน ) ” แบ๊งค์แย้งขึ้น
“น้องแบ๊งค์ก็เป็นน้องรหัสพี่ ไปด้วยกันไม่เห็นจะเสียหายนี่ครับ” พี่อาร์ทยังคงพยายาม
“เฮ้ย!!!!!!!!!!ไอ้โป้ง กูพาน้องรหัสกู ไปด้วยได้มั้ยวะ” พี่อาร์ทตะโกนถามพี่ประธานชมรม
“เออ!!!มึงก็เอาไปดิ กินหลาย ๆ คนอร่อยดี” อ้าว.........อนุญาตซะงั้น แล้วแบ๊งค์ก็เลยต้องจำยอมไปกินหมูกระทะกับ
ชมรมบาส โดยที่แบ๊งค์ต้องนั่งรถพี่อาร์ทไป ( อีกแล้วหรอ ) เพราะไอ้กาวมันจะไปกับเพื่อนมันที่อยู่คณะบริหาร ชื่อ เก่ง อะไรเนี่ยแหละ และแล้วความเงียบ บวกกับความเกร็งก็กลับมาเยือนอีกครั้ง
“พี่ดูน่ากลัวขนาดนั้นเลยหรอ” อยู่ดี ๆ พี่อาร์ทก็พูดขึ้น
“คับ ? ” แบ๊งค์ทำหน้างง
“ก็น้องแบ๊งค์ชอบทำท่าเกร็ง ๆ เวลาอยู่กับพี่ แล้วไม่เห็นยอมพูดอะไรเลย” พี่อาร์ททำท่าน้อยใจ
“คะ..คือแบ๊งค์ไม่รู้จะพูดอะไรอ่ะคับ” แบ๊งค์ตอบไปเสียงกระท่อนกระแท่น
บทที่ 5 เจ็ดวันอันตราย..........รึเปล่านะ(-_-')ตอนที่3
แล้วเสียงโทรศัพท์ของแบ๊งค์ก็ดังขึ้น เสียงนี้ไม่ใช่ใครอื่นไกลพี่นุ่นนั้นเองแบ๊งค์หันไปยิ้มแหย ๆ ให้พี่อาร์ทซึ่งยิ้มอยู่แล้ว ก่อนจะรับโทรศัพท์
“ฮัลโหลครับ”
“แบ๊งค์หรอ อยู่ไหนเนี่ย”
“บนรถพี่อาร์ทอ่ะ จะไปกินหมูกระทะ”
“อ่ะหรอ พี่อาร์ทคนที่เป็นพี่รหัสเราอ่ะนะ”
“คับ”
“แล้วไปกินในโอกาสไรอ่ะ”
“พอดีแบ๊งค์รอกลับพร้อมกาว แต่วันนี้เค้าเรียกให้นักบาสไปกินหมูกระทะด้วยกัน แบ๊งค์ก็เลยตกกระไดพลอยโจนไปด้วย แล้วป้าล่ะ อยู่ไหน”
“อ่ะหรอ ตอนนี้อ่ะกำลังทำกิจกรรมอยู่เลย รุ่นพี่กำลังเล่นละครเวทีให้ดู ฮามาก”
“อ่ะครับ”
“แล้วเรากลับไงล่ะ”
“คงกลับกะกาวมั้ง”
“อืมงั้นป้าไม่มีอะไรแระ โทรมาหาเฉย ๆ กลับดึกอย่าไปฉุดใครนะ” (-_-')
“อ่ะครับ” แล้วพี่นุ่นก็ตัดสายไป
“ถ้าน้องแบ๊งค์ พูดกับพี่เหมือนที่พูดกับเพื่อนเมื่อกี้ก็ดีสิครับ” อยู่ดี ๆ พี่อาร์ทก็พูดขึ้น
“ทำไมหรอคับ” แบ๊งค์ทำหน้าสงสัย
“มันจะได้ดูสนิทกว่านี้ไง”
พี่อาร์ทหันมายิ้มให้แบบแปลก ๆ หุหุ รู้สึกไม่ดีเลยครับ แล้วเราก็มาถึงร้านหมูกระทะ แบ๊งค์ไม่รู้จักใครเลย ก็เลยถูกขนาบข้างโดยยายกาว และพี่อาร์ท ทุกคนกินกันไปแยะมากมายเลย เห็นแล้วยังอึ้ง ต่างจากแบ๊งค์ที่กินเรื่อย ๆ ไม่เยอะมากมาย
“ไม่อร่อยหรอครับ” พี่อาร์ทถามขึ้น
“ปะ...เปล่าคับ แบ๊งค์ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่อ่ะครับ” แบ๊งค์ตอบไป
พวกเราก็กินกันไปเรื่อย ๆ จนกระทั่ง 4 ทุ่มกว่า ๆ ทุกคนกำลังจะแยกย้ายกันไปแต่พี่โป้งพูดขึ้นก่อน
“เดี๋ยวเราไปต่อที่คาราโอเกะกันมั้ย ใครไปได้ก็ไป ใครไปไม่ได้ก็ไม่เป็นไร”
แบ๊งค์รับหันไปมองหน้ากาวครับ มันก็หัวเราะแหะ ๆ เป็นอันรู้กันว่ามันไปแน่ ๆ
“น้องแบ๊งค์จะไปต่อกับพวกพี่มั้ยครับ” พี่อาร์ทถาม
“อือ..คงไม่ล่ะครับแบ๊งค์ง่วงนอน” แบ๊งค์ตอบพร้อมส่ายหัว
“แล้วนี่จะกลับบ้านยังไงอ่ะครับ” พี่อาร์ทยังคงเป็นห่วง
“เดี๋ยวคงถามสายรถเมล์จากกาว แล้วไปรอที่ป้ายอ่ะครับ” แบ๊งค์ตอบไปเสียงเบา
“งั้นเอาแบบนี้ดีกว่า เดี๋ยวพี่ไปส่ง พี่ไม่อยากไปต่อแล้วเหมือนกัน” พี่อาร์ทแนะ
“ไม่รบกวนดีกว่านะครับ” แบ๊งค์ปฏิเสธ
“ห้ามปฏิเสธสิครับ พี่เป็นคนพาน้องแบ๊งค์มาลำบากนะ พี่ต้องรับผิดชอบสิครับ”
พี่อาร์ทแย้งกลับบ้าง แบ๊งค์ก็เลยผงกหัวรับหงึก ๆ ตามเคย ตอนนี้ทุกคนแยกย้ายกันไปหมดแล้ว บางคนก็กลับบ้าน บางคนก็ไปต่อกับพี่โป้ง ตอนนี้แบ๊งค์อยู่ในรถพี่อาร์ทเรียบร้อยแล้ว ง่วงด้วยครับ
“หนาวหรอครับ” พี่อาร์ทถามหลังเห็นแบ๊งค์นั่งกอดอกแน่นไม่พูดไม่จา
“ครับ นิดหน่อย”
พอพี่อาร์ทได้ยินแบบนั้นก็เอื้อมมือไปเอาเสื้อกันหนาวที่หลังรถมาคลุมให้แบ๊งค์เลยตอบขอบคุณไป แล้วใบหน้าก็แดงเพราะเขิน แล้วแบ๊งค์ก็เผลอหลับไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ( อีกแล้ว ) มารู้สึกตัวตอนที่พี่อาร์ทเรียก
“น้องแบ๊งค์ครับ ตื่นได้แล้ว ถึงแล้วครับ” พี่อาร์ทเรียกด้วยเสียงนุ่ม
“อ่ะครับ ขอบคุณครับ” ขณะกำลังจะปิดประตูรถ พี่อาร์ทก็เรียก
“เดี๋ยวครับน้องแบ๊งค์!!!”
“อะไรหรอคับ”
“คือ........พี่ขอเบอร์โทรน้องแบ๊งค์หน่อยได้มั้ยครับ”
(o_O) อึ้งดิครับ วันนี้มันอะไรเนี่ย มีแต่คนทำท่าแปลก ๆ แต่แบ๊งค์ก็ให้เบอร์พี่อาร์ทไปนะครับ พี่อาร์ทเค้าบอกว่าอยากได้เบอร์แบ๊งค์เพราะแบ๊งค์เป็นน้องรหัสของพี่เค้า แต่พี่เค้ายังไม่มีเบอร์ และเผื่อมีอะไรให้ช่วย (แล้วกรูส์จะช่วยอะไรเค้าได้เนี่ย ) จะได้โทรหาได้สะดวก แล้วแบ๊งค์ก็เดินงัวเงียขึ้นไปที่ห้อง วันนี้ซกมกครับไม่อาบน้ำ พอถึงห้องหลับเป็นตายกลายเป็นศพเลย
~ U~u..uu แน่ใจแล้วหรอ ที่คิดจะมาคบคบกัน จั๊ดจั๊ดจาดีดาดา~
เสียงโทรศัพท์แบ๊งค์เองครับ เสียงนี้แสดงว่ามีเบอร์แปลกโทรมา ไม่ได้อยู่ใน contact ของแบ๊งค์ แล้วใครเนี่ยโทรมาแต่เช้าเลย
“ฮัล~โหล~ค้าบบบบ” แบ๊งค์รับเสียงงัวเงีย
“ตื่นได้แล้วครับ น้องแบ๊งค์” พี่อาร์ทครับ พี่อาร์ทโทรมา ตาสว่างเลยครับ
“มีอะไรรึเปล่าครับ พี่อาร์ท”
“อ่ะครับ คือวันนี้ น้องแบ๊งค์ยังต้องขึ้นรถเมล์ไปมหาลัยอยู่ใช่มั้ยครับ”
“อ่ะครับ ใช่ครับ” แบ๊งค์งง ๆ แต่ก็ตอบไป
“งั้นเดี๋ยวพี่ไปรับนะครับ ห้ามปฏิเสธพี่ด้วย ถึงแล้วจะโทรหานะครับ....ตื้ด...ตื้ด...” อ้าว
“เดี๋ยวสิครับ พี่อาร์ท พี่อาร์ท”
แค่นั้นแหละครับนักวิ่งทีมชาติก็ทีมชาติเหอะ เจอแบ๊งค์เข้าไปคงชิดซ้าย ตอนนี้แบ๊งค์รีบอาบน้ำแต่งตัวใหญ่เลยครับ อาบน้ำนี่อาจนานหน่อยเพราะ กำลังเช็คบิลเบ็ตเสร็จรวมของที่หมักหมมไว้เมื่อคืนด้วย แต่ก็ทำอย่างสะอาดเรียบร้อยนะครับ จนออกมาเป็นแบ๊งค์คนเดิม ที่ดูสะอาดเรียบร้อยไม่เปลี่ยนแปลง 07.15 น. พี่อาร์ทโทรมาแล้วครับบอกว่าอยู่หน้าคอนโด แบ๊งค์ก็เลยลงไปหา แล้วก็ไปมหาวิทยาลัยครับ พี่อาร์ทก็ยังคงชวนคุยไปเรื่อยนะครับ ระหว่างทางที่อยู่บนรถ แบ๊งค์ก็เริ่มหายเกร็งลงมาบ้าง แต่ก็ยังเกร็งอยู่นะครับไม่มากเหมือนครั้งก่อน ๆ เฉย ๆ พี่อาร์ทบอกครับวันนี้ อาจมีการไปกินกันอีกเพราะวันศุกร์แล้ว พี่อาร์ทเค้ากลัว แบ๊งค์กลับไม่ได้ ( เหมือนกรูส์เป็นภาระเรยฟ่ะ ) พี่เค้าเลยขออาสาพากลับบ้านอีก แบ๊งค์พยายามปฏิเสธ แต่พี่อาร์ทก็หาเหตุผลมาอ้าง จนในที่สุดแบ๊งค์ก็ต้องยอมให้พี่อาร์ทมาส่งอีกครั้ง
ตอนนี้มาถึงมหาวิทยาลัยแล้วครับ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าจะไปสิงสถิตที่ไหน ที่เก่าเจ้าประจำแหละครับ ม้าหินอ่อนหน้าคณะ
“แบ๊งค์วันนี้ มายังไง” แมคครับ มันเข้ามาทักอีกแล้ว
“พี่อาร์ทไปรับมาอ่ะ มากะพี่อาร์ท” แบ๊งค์ก็ตอบออกไป
“แล้วพี่เค้าไปรับได้ยังไง” แมคเริ่มซักครับ
“พี่เค้าโทรหาเราตอนเช้า แล้วบอกว่าจะมารับอ่ะ” แบ๊งค์เริ่มทำหน้าไม่พอใจที่ถูกถาม
“พี่เค้ามีเบอร์แบ๊งค์ด้วยหรอ เอาไปได้ยังไง” มันยังซักต่อ ไม่มองหน้ากรูส์เรย ตอนนี้หงิกยิ่งกว่าม้าหมากรุกไปแล้ว เลยโดนระเบิดลงไป 1 ลูก
“เราให้พี่เค้าไปเองแหละ แล้วก็เลิกถามเราซะที ทำอย่างกะเราเป็นนักโทษไปได้ จะรู้ไปทำไมมากมาย แม่เราก็ไม่ใช่ ขนาดแม่เรายังไม่เคยถามอะไรเราแบบนี้เลย พอได้แล้ว น่ารำคาญ” จบสิครับ แมคหน้าถอดสีแบบเห็นได้ชัด
“ระ....ระ...เราขอโทษ เราแค่เป็นห่วง” เห็นหน้าแมคก็สงสารครับแต่ก็ยังโกรธอยู่
“เรารู้ว่านายเป็นห่วง แต่พี่เค้าก็ไม่ใช่คนอื่นไกล พี่รหัสแบ๊งค์เองใคร ๆ ก็รู้จักขอบคุณนายด้วยละกันที่เป็นห่วงเราขนาดนี้” แบ๊งค์เริ่มเสียงค่อยลง แมคเลยเริ่มยิ้มออกได้
“ทีหลังก็อย่าซักเราแบบนี้อีกล่ะ เราไม่ใช่นักโทษ ไม่ปลื้ม!!!” แบ๊งค์พูดออกไป
“อืม....เราไม่ทำอีกแล้ว เราสัญญา” แหะ ๆ (- -')ทำไมมันดูแปลก ๆ วะทำหน้าระรื่นพิกล
“อ้าว!!!!!ไอ้ตัวเล็กมานั่งที่เดิมเลยนะ” พี่ตั้มเข้าทักอีกแล้วครับ
“หวัดดีค่ะน้อง” พี่ปอยก็มาด้วยครับ
“ไม่ค่อยได้เจอกันเลยนะไอ้ตัวแสบ” พี่ตั้มพูดพร้อมจ้องหน้า ยอมซะที่ไหนล่ะครับจ้องมา ก็จ้องตอบดิ กลัวอะไร แล้วพูดออกไปว่า
“พอดีไม่อยากเจออ่ะครับ กลัวว่าถ้าเจอเดี๋ยวมีเฮ”
“กลัวซะที่ไหนล่ะ” พี่ตั้มย้อนครับ
“นี่พอได้แล้ว หยุดทั้งสองคนเลย ทั้งไอ้ตัวเล็ก ไอ้ตัวใหญ่ อะไรกันนี่กะจะฟัดกันแต่เช้าเลยหรอ” พี่ปอยตัดบท
“โห...ปอยก็น้องเค้า..”
“หยุด!!!!!!ปอยไม่ปลื้มนะจบ!!!!”
พี่ปอยตัดบทพี่ตั้มครับ ตอนนี้พี่ตั้มทำหน้างอนไปแล้ว อิอิ สมน้ำหน้า ตอนนี้เลยเปลี่ยนมาสู้กันทางสายตาแทน
“เออนี่ น้องแบ๊งค์ได้เจอ ครีมกับผิงบ้างมั้ยคะ”
“ทำไมหรอคับ” แบ๊งค์สงสัย
“คือพี่อยากให้เค้ามาช่วยเรื่องกีฬามหาวิทยาลัยอ่ะค่ะ อยากให้เป็นหลีดคณะ”
“อ่ะครับ แบ๊งค์ไม่ค่อยได้เจอเท่าไหรนะ ก็เจอกันเฉพาะตอนเรียน สองคนนี้ตอนนี้กำลังหลงรุ่นพี่ในชมรมเทนนิสครับ ว่างทีไรอยู่ชมรมตลอด” แบ๊งค์อธิบาย
“ถ้าเจอ ช่วยบอกให้เค้ามาคุยกับพี่ด้วยนะคะ”
“ได้ครับ” แบ๊งค์รับปาก
วันนี้ไอ้กาวไม่มาครับ สงสัยแฮงค์จากเมื่อคืนแน่ ๆ ครับ แล้วตอนกลางวันแบ๊งค์ก็ได้เจอกับ 2 สาวนักกีฬาพอดี ..ใครล่ะครับ ก็ครีมกับผิงไง แบ๊งค์เลยบอกเรื่องที่พี่ปอยฝากมาบอกให้สองคนนั้นฟัง สองคนนั้นก็ทำท่าคิดอยู่พักใหญ่ แบ๊งค์ก็เลยแกล้งบอกไป ว่าถ้าเป็นหลีดอาจจะป็อปขึ้นมาได้ ไม่แน่อาจใครบางคนอาจหันมาสนใจก็ได้ คนเป็นหลีดเกิดทุกราย แค่นั้นแหละครับ สองสาวนักกีฬาก็รีบไปหาพี่ปอยทันที แหะ ๆ ตลกดีครับ
มาถึงตอนเลิกเรียน พี่อาร์ทโทรมาอีกแล้วครับถามว่าอยู่ไหน พอบอกว่ากำลังจะออกไปขึ้นรถเมล์เท่านั้นแหละ พี่แกวางสายแล้ววิ่งมาจากไหนก็ไม่รู้ มาดึงแขนแบ๊งค์ไว้ คนแถวนั้นมองเป็นตาเดียวเลย พี่อาร์มเห็นแบบนั้นก็เลยปล่อย
“มีอะไรรึป่าวครับ รีบเชียว” แบ๊งค์ถาม
“ยังไม่ต้องรีบกลับนะครับ เดี๋ยวพี่ไปส่ง” พี่อาร์ทพูดไปหอบไป
“ไม่เป็นไรดีกว่าครับ เดี๋ยวแบ๊งค์จะไปแล้ว” แบ๊งค์ตอบแบบยิ้ม ๆ
รถมาพอดีครับ แบ๊งค์เลยรีบวิ่งไปขึ้นรถโดยไม่ได้ล่ำลา ปล่อยให้พี่อาร์ทยืนงงอยู่คนเดียว พอนั่งรถไปได้ซักพัก โทรศัพท์ก็ดังขึ้นครับ พี่อาร์ทนั่นเอง โทรมา ไม่รู้มีอะไรรึเปล่า แบ๊งค์ก็เลยรับสายไป
“ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะครับ” พี่อาร์ทพูดขึ้นมาซะงั้น
“อะไรหรอครับ” แบ๊งค์ยังงอยู่
“ก็น้องแบ๊งค์อ่ะครับ ดื้อจัง พี่บอกจะไปส่งก็ไม่ยอม แถมยังวิ่งหนีพี่ไปขึ้นรถจนได้ ทีหลังห้ามทำแบบนี้นะครับ ดื้อจัง ไม่น่ารักเอาซะเลย อีกอย่างพี่เป็นห่วงนะครับ” พี่อาร์ทพูดซะยาวเลย
“อ่ะครับ คือแบ๊งค์ไม่อยากทำให้พี่อาร์ทลำบากอ่ะครับ แล้ววันนี้พี่อาร์ทจะได้ไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ ในชมรมด้วยไม่ต้องห่วงแบ๊งค์หรอกคับ” แบ๊งค์อธิบาย
“ถึงจะอย่างนั้นก็เหอะครับ สัญญากับพี่ได้มั้ยครับว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก” อ้าว!!!!!ซะงั้น
“.........เออ..........ก็ได้ครับ” แบ๊งค์รับปาก
“ดีมากครับ เด็กดื้อ แค่นี้นะครับ”
พี่อาร์ทวางสายไปพร้อมกับเสียงหัวเราะ หึหึเบา ๆ
วันนี้ถึงคอนโดเร็วครับ วันศุกร์อีกซะด้วย พี่นุ่นก็จะมาวันอาทิตย์ ไม่รู้จะทำอะไรครับ เลยทำความสะอาดห้องซะเลย ก็ปัดกวาดเช็ดถูหมดแหละครับ เว้นห้องพี่นุ่นเท่านั้น เดี๋ยวป้าแกจะไม่ปลื้ม เพราะว่าไปยุ่มย่ามกับของ ๆ แก เสร็จแล้วครับ กว่าจะเสร็จเล่นเอาเหนื่อยเลยนะเนี่ย พอแบ๊งค์ทำงานทุกอย่างเสร็จก็ไปอาบน้ำครับ แล้วก็กะว่าจะออกมานั่งเล่น MSN ต่อ พอเปิด MSN ก็มีเมลล์ใหม่แอดมาครับ คนแปลกหน้าครับ เค้าใช้ชื่อแบบนั้นจริง ๆ
คนแปลกหน้า say: ดีคับ
badboy_be_sadboy say: ครับ
คนแปลกหน้า say: ชื่อไรอ่ะ
badboy_be_sadboy say: แบ๊งค์ แล้วนายอ่ะ
คนแปลกหน้า say: ไม่บอกได้มั้ยครับ
badboy_be_sadboy say: ซะงั้นอ่ะ
คนแปลกหน้า say: โทดทีนะเราแค่อยากมาคุยกับแบ๊งค์เฉย ๆ
คนแปลกหน้า say: แต่แบ๊งค์ไม่ต้องรู้หรอกว่าเราเป็นใคร
badboy_be_sadboy say: ซะงั้นอ่ะ แล้วเราจะเรียกนายว่าอ่ะไรดีอ่ะ
คนแปลกหน้า say: อืม.........โต้ก็ได้อ่ะ
badboy_be_sadboy say: โต้นี่ไม่ใช่ชื่อนายจริง ๆ ใช่มะ
คนแปลกหน้า say: อืม
badboy_be_sadboy say: อืมก็ได้ ๆๆ เรียกนายว่าโต้ละกัน
คนแปลกหน้า say: ครับ
คนแปลกหน้า say: แบ๊งค์เรียนที่ไหนหรอ
badboy_be_sadboy say: มหาวิทยาลัย.........................อ่ะ
คนแปลกหน้า say: อ่ะครับ
badboy_be_sadboy say: นายอ่ะ
คนแปลกหน้า say: ไม่บอกได้มั้ยครับ
badboy_be_sadboy say: อารายฟะ
badboy_be_sadboy say: นั่นก้อไม่บอก นี่ก้อไม่บอก
badboy_be_sadboy say: แบ๊งค์ชักไม่ปลื้มแล้วนะ
คนแปลกหน้า say: ขอโทดครับ
badboy_be_sadboy say: อืม ๆ
คนแปลกหน้า say: เราแค่อยากมารู้จักแบ๊งค์เฉย ๆ
บทที่6 เจ็ดวันอันตราย.....รึป่าวนะ (-_-') ตอนที่ 4
คนแปลกหน้า say: ทำไมพูดแบบนั้นล่ะครับ
badboy_be_sadboy say: อ่ะนะ
คนแปลกหน้า say: แบ๊งค์เป็นกทม. รึป่าวคับ
badboy_be_sadboy say: ไม่อ่ะ เป็นคนเชียงใหม่
คนแปลกหน้า say: งั้นหรอครับ
คนแปลกหน้า say: เป็นไงบ้างครับเปิดเทอมใหม่
badboy_be_sadboy say: ก็หนุกดีอ่ะ บางทีก็น่าเบื่อ
คนแปลกหน้า say: รุ่นพี่ดุหรอครับ
badboy_be_sadboy say: ปามานนั้นอ่ะ
badboy_be_sadboy say: เด๋วดีเด๋วร้าย เดาใจยากส์
คนแปลกหน้า say: อ่ะครับ
คนแปลกหน้า say: แล้ววันนี้จะนอนกี่โมงเนี่ย
badboy_be_sadboy say: ไม่รู้ดิ คืนวันศุกร์ด้วย
badboy_be_sadboy say: กะว่าจะเล่นเกม/เอมไปเรื่อย ๆ อ่ะ
คนแปลกหน้า say: แบ๊งค์เล่นเอมทุกวันหรอครับ
badboy_be_sadboy say: โดยรวมก้อทุกวันนะ มีไรหรอ
คนแปลกหน้า say: ป่าวครับ จะได้เข้ามาคุย
badboy_be_sadboy say: อืม ๆ
คนแปลกหน้า say: คืนนี้อย่านอนดึกได้มั้ยครับ
badboy_be_sadboy say: ทะมายล่ะ
คนแปลกหน้า say: เด๋วเสียสุขภาพ ผมเป็นห่วงนะครับ
badboy_be_sadboy say: เหอ ๆ ซะงั้น
คนแปลกหน้า say: นะครับ
badboy_be_sadboy say: อืม ๆ วันนี้ไม่โต้รุ่งกะด้าย
badboy_be_sadboy say: ซัก เที่ยงคืนฝ่า ๆ ค่อยนอนละกาน
คนแปลกหน้า say: ครับ
คนแปลกหน้า say: เด๋วผมไปก่อนนะ
badboy_be_sadboy say: อืม บายคับ
คนแปลกหน้า say: บายครับ
คนแปลกหน้า say: หลับฝันดีนะครับ
badboy_be_sadboy say: ฝานเดเช่นกาน
ไปแล้วนายโต้คนแปลกหน้า หึหึ ตลกดีนะครับอยู่ดี ๆ ก็มาเป็นห่วง เค้าเป็นใครเราก็ยังไม่รู้เลย แต่คืนนั้นแบ๊งค์ก็นอนตอนเที่ยงคืนจริง ไม่รู้ทำไมต้องไปทำตามที่นายโต้บอกด้วยก็ไม่รู้ เนี่ยแหละครับข้อเสียร้ายแรงของแบ๊งค์ เชื่อคนง่ายมากส์ถึงมากที่สุด เผลอหลับไปแล้วครับ คงเพราะเหนื่อยจากการทำงานบ้านด้วยแหละ คืนนี้หลับสบายจริง ๆ............
แล้ววันนี้แบ๊งค์ก็ตื่นมาประมาณ 12.30น. ครับ วันเสาร์อีกแล้ว ได้ตื่นสาย ( บ่าย ) ตามเคย สบายจริง ๆ โทรศัพท์ดังขึ้นอีกแล้วครับ พี่นุ่นนั่นเองโทรมาหาแต่เช้าเลยนะ ( บ่ายแล้วตะหากเฟ้ย ) ก็รับสายไปครับ เสียงป้าแก ร่าเริงมากส์ ไปกินอะไรมาเนี่ย
“แบ๊งค์!!!!!~ตอนนี้พี่กำลังซื้อของฝากอยู่อ่ะ แบ๊งค์อยากได้อะไร” พี่นุ่นถามครับ
“ของที่ระทึก เอ้ย! ระลึกอ่ะไม่เอานะ ขอเป็นขนมดีกว่า พวกผลิตภัณฑ์แปรรูปจากทะเลอ่ะป้า ปลาหมึก ปลาเส้นอารายประมาณนี้อ่ะ” แบ๊งค์แนะ
เหี้ย
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.