ลองตั้งดูเผื่อจะมีอะไรคุย
Last posted
Total of 1000 posts
ลองตั้งดูเผื่อจะมีอะไรคุย
เจิม
จากคนจบคอมกากๆ
ไอที + GB + Programmer ราบงานตัว
ชื่อกระทู้นี่......
สวัสดี ชาวโลก
เจิม จากคนที่ไม่รู้จบมาได้อย่างไร
กูขอเปิดหน่อยละกัน ต่อจากกระทู้วันศุกร์
ถ้ากูจะสอนเด็กเรื่องวิธีแก้ปัญหา กูจะควรจะเริ่มสอนยังไงดีวะ?
คือกูบ่นไปก็จริง แต่กูก็อยากช่วยให้มันได้ดีกว่านี้นะ
เอาโจทย์พื้นฐานมาให้ทำเลย
ต้องเข้าใจ flow การวิ่งของโปรแกรม
ต้องเข้าใจว่าค่าตัวไหน ณ เวลาไหนเป็นเท่าไหร่
ส่วน db มันลำบากจัง ตอนเรียนกูได้ชีทมาชุดนึง ไม่มีหนังสือ เลยช่วยอะไรไม่ได้
มันต้องยกตัวอย่างให้เห็นภาพทุกเรื่องนะสิ
ว่าไป ทำไมหัดเขียนโปรแกรมตอนเรียน โปรแกรมแรกต้องเป็น Hello world. ด้วยวะ
เลือกคำพลาดไปหน่อย หมายถึงพวกเด็กจบใหม่น่ะ
flow พื้นฐานนั่นน่าจะเข้าใจว่ะ แต่ที่เจอมันประเภทสมมุติกูมี create_activity(article) ที่จะสร้าง activity พร้อม key แบบ "article.create"
ทีนี้กูอยากให้ create_activity มันรับค่าเป็น object อื่นได้ด้วย เช่น upload
แทนที่มันจะทำให้ create_activity มันอ่าน key จากชื่อคลาส มันดันก็อปปี้ create_activity เป็น create_activity_upload
แล้ว replace คำว่า article ทุกคำใน create_activity_upload เปลี่ยนเป็น upload แล้วก็เอามาส่ง
ปัญหาประเภทนี้นะ
ที่ตรงที่สุดที่คิดได้ มึงต้องสอนให้เด็กนั่นมันเห็นความสวยงามของโค้ดล่ะ ว่าทำให้ดีมันดียังไง
ต้องเตือนมันด้วยนะ ทุกอย่างที่เขียนไปเนี่ย มีความน่าจะเป็นที่ต้องแก้เพิ่มในอนาคตอยู่แล้ว
ถ้ามันทำแย่ๆ ก็มีเรื่องแย่ๆ รอมันข้างหน้าเอง
ถ้าสอนให้เห็นความสวยงามของการโค้ดดิ้งได้
กูอยากให้เป็นอาจารย์พิเศษซักมหาลัยจังว่ะ
ขอใส่ไว้อ้างอิงหน่อย
กระทู้นี้แตกมาจากที่คุยกันในกระทู้วันศุกร์ที่สาม เม้นที่ 472-496
https://fanboi.ch/lounge/286/472-496/
สมเป็นโซนคำสาป ย้ายมาปุ๊ป เงียบทันที
กูทักไปเรื่องให้โค้ดมันออกมาสะอาดนะ แต่โดน manager ออกมาบอกว่าทำไปทำไมในเมื่อมันก็ใช้ได้เหมือนกัน
เลยตอบไปว่าเพื่อ maintainability ในระยะยาว แต่ดูเหมือนฝั่งนั้นไม่เห็นคุณค่าเท่าไหร่
อาจจะไม่ตรงประเด็นเท่าไร (เพราะไม่ใช่สายดาต้าเบส) กูดูแลโครงการโอลิมปิกวิชาการ (เป็นผู้สอนและจัดเนื้อหา) ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งมา 5 ปีแล้ว และกูเรียนมาทางสายคอมพิวเตอร์ด้วย โดยเนื้อหาในโครงการนี้จะสอนตั้งแต่เริ่มเขียนโปรแกรมภาษา C จนถึงโครงสร้างข้อมูลขั้นสูงอย่าง Fenwick tree, Link-cut tree และอัลกอริทึมอย่างพวก maximum flow, dynamic programming เป็นต้น ซึ่งกูจะพูดถึงนักเรียนในความหมายของเด็กมัธยมนะ ไม่ใช่นักศึกษา เพราะไม่มีประสบการณ์ตรงนั้น
สิ่งที่สังเกตมากหลายอย่างคือ นักเรียนหลายคนไม่มีความสามารถในการแก้ปัญหาเลย เวลาให้โจทย์ที่ไม่ยากมากไป (ระดับเดียวกับวิชา 101 ในมหาลัย) บางทีทำไม่ได้ แต่พออธิบายขั้นตอนให้ฟังก็เขียนได้ พอลองให้โจทย์ที่ปรับปรุงจากข้อเก่าไปนิดหน่อย กลับทำไม่ได้อีกแล้ว แต่เด็กบางคนที่ไปไว เค้าก็ไปเองได้โดยแค่ชี้ทางหลักๆ (แค่หัวข้อ เนื้อหาไปหาอ่านเอง) ก็ทำได้เต็มไปหมด (ซึ่งจริงๆ ก็ไม่ได้ต่างจากวิชาอื่นเท่าไร) แต่พอดีว่าเป็นโครงการโอลิมปิก เด็กตัดใจออกจากโครงการง่ายเมื่อรู้ว่าไปต่อไม่ไหว (แต่ก็ยังมานั่งเล่นเกมตากแอร์ในห้องคอม - -) บางทีเจอคำถามแบบ "ใช้ตัวแปรกี่ตัวดีอ่ะ" ก็อึ้งไปเหมือนกัน (โน้ต: นี่ไม่ใช่โปรแกรมใหญ่ๆ ไม่ต้องห่วงเรื่องจำนวนตัวแปร)
จำได้ว่าเคยมีกระทู้นึงในพันทิบ ออกมาบ่นว่าเหตุผลที่นักเรียนไทยไปสายคอมพิวเตอร์ไม่ค่อยรุ่งเพราะเป็นสายที่ต้องสังเคราะห์อะไรใหม่ๆ ออกมาตลอดเวลา ขณะที่ระบบการศึกษาไทยไม่เคยสนับสนุนการสังเคราะห์เลย ซึ่งคิดว่ามาจากประเด็นนี้แหละ ทำให้สกิลการแก้ปัญหาต่ำ เวลาสอบเข้ามหาลัย/ในมหาลัยก็ใช้วิธีจำแนวโจทย์ให้ได้เยอะๆ แทนที่จะเข้าใจเนื้อหาให้ปรับใช้ได้ สังเกตว่าส่วนใหญ่ในระดับมัธยม/มหาวิทยาลัย เด็กจากโครงการโอลิมปิก หรือเด็กที่เคยเขียนโปรแกรมมักจะเรียนเก่งกว่าเด็กทั่วๆ ไป (หรืออย่างๆ น้อยๆ ที่ๆ ผมเรียนก็เป็นงี้นะ)
ที่กูทำงานมาก็เซ็งเรื่อยๆ นะ เวลาคิดอะไรออก ว่าทำไงดี ไอ้ตอนคิดได้มันก็ดีใจล่ะนะ
แต่ถ้าหันกลับมาดู มันก็เป็นเรื่องง่ายๆ นั่นแหละ แต่ทำไมตอนแรกไม่คิดจะทำยังงี้
ไม่เกี่ยวกับข้างบน แต่สงสัยว่าเหตุผลที่เด็กไปสายคอมกันเยอะส่วนหนึ่งเพราะ "อยากทำเกม" กันหรือเปล่าวะ
>>20 ที่ๆกูจบมานะ
หลายคน (เกินครึ่งสาขา) มาเพราะสอบตรงติดเลยเอาไว้ก่อน (สาขากูสอบตรงมันรับเยอะๆไว้ก่อนแล้วคัดทิ้งตอนเรียน) หรือไม่ก็ไม่รู้เลยว่า IT เค้าเรียนอะไรกัน นึกว่าสอนใช้คอมใช้ออฟฟิซทำเอกสารมั่งไรงี้
พวกที่มาเพราะอยากทำเกม อยากทำหุ่นยนต์นี่มีแค่นิดๆหน่อยๆว่ะ 2 อย่างนี้รวมกัน ไม่น่าถึง 15% ของคนที่เข้ามา
กูเขียนโปรแกรมไม่เป็นนะ แต่กูชอบดูพวกโปรแกรมเมอร์คุยกัน โลจิคมันแปลกดี
ที่กูถามแค่กูเคยโดนเพื่อนๆ ของน้อง (ม.ปลาย) ที่รู้ว่ากูทำงานเขียนโปรแกรมมาถามอยากให้สอนเขียนเกม
เลยสงสัยว่ามันเป็นกี่เปอร์เซ็นกันที่เข้าสายคอมเพราะเหตุผลนี้
แต่กูมองว่าถ้าเข้าด้วยเหตุผลนี้ แล้วไม่ใช่พวกที่มุ่งมั่นจริงๆ ไม่น่าไปรอดนะ
ตอนแรกกูก็อยากจะทำเกมน่ะนะ
แต่ในประเทศนี้ก็ยังงี้... ยังดีที่กูชอบเขียนโปรแกรมอยู่บ้าง
เป็นงานฝีมือไม่กี่อย่างที่กูพอจะทำได้
เพื่อนที่สนใจเขียนโปรแกรมก็ไปต่อหมอนะ
กูไม่สนใจเขียนโปรแกรม แต่มาต่อคอม
กูเคยเจอคุณหมอที่ดีบั๊กโปรแกรมได้.....
เผื่อไม่รู้ เด็กโอลิมปิกคอมจำนวนพอสมควรเข้าหมอศิริราช เวลาแข่ง ACM ที (เขียนโปรแกรมระดับมหาวิทยาลัย) ทีมหมอศิริราชชนะประจำเลย - -"
หมวดนี้แม่งอาถรรพ์จริงๆวุ๊ย ตอนอยู่เล้าจน์ยังคึกคัก มาอยู่นี่เงียบเป็นป่าช้า
คิดว่าคนเข้าเยอะนะ แต่ไม่รู้จะคุยอะไรดี เอ้า ใครเปิดประเด็นหน่อยซิ!
จะให้อวดสเป็คเครื่องคอมเป็นซูเนโอะก็คงไม่ได้ล่ะนะ เปิดประเด็นละกัน มีความสุขกับงานโปรแกรมเมอร์ที่ทำอยู่ตอนนี้มั้ย ?
ที่บริษัทตอนนี้มีปัญหาอยู่ว่าลูกค้าคิดว่าจำนวนโปรแกรมเมอร์เยอะแล้วจะช่วยให้งานเร็วขึ้น
แต่กลายเป็นว่าคนที่ทำมาก่อนแล้วต้องมานั่งเสียเวลาแก้ให้โค้ดมันเป็นไปตามที่เขียนมา
โดยสรุปแล้วทำให้งานช้าลง เพราะต้องมานั่งแก้แม่งทุกอัน บางอันแก้เยอะขนาดเขียนใหม่ยังจะเร็วกว่า
กูควรจะบอกลูกค้ายังไงดีให้ดูไม่น่าเกลียด
กูเคยบอกไปแล้วววววววววว แล้วแม่งก็เอาแต่หามาเพิ่มมมมมม
คุยอะไรกันดี !
ลองเปิดประเด็นว่าช่วงนี้มีภาษาใหม่ๆ อันไหนน่าลองจับมั่ง พวก Go, Rust, Clojure, Scala, Groovy, Kotlin etc.
> Scala
> ใหม่
ถ้า่เขียน Java อยู่แล้วก็ลอง Scala/Groovy ดูก็ได้ (Kotlin คิดว่ามัน vendor lock-in ไปหน่อยเพราะมันของ JetBrain)
Rust คิดว่าให้มันออก 1.0 ก่อนดีกว่า ตอนนี้ยังไม่ stable เลย
จริงๆ พวก Rust, Go เป็นภาษาที่ดีนะ แค่ส่วนมากทำได้แค่ backend นั่นแหละ (เป็นของถนัดมันเลย) เพราะ library binding กับ gui library ดีๆ ไม่ค่อยมี เท่าไร เคยพยายามเอามาเขียน GUI อยู่เหมือนกัน แต่สุดท้ายกลับไป C++ ตลอด
ตัวไหนน่าจะมีแววรุ่งโรจน์ นิยมใช้ในอนาคตมั่งมั้ย จะได้หัดๆจับๆตั้งอต่ตอนนี้
Go มีใช้ในบริษัทใหญ่ๆ หลายที่อยู่ แต่ในไทยอย่างหวัง
Scala น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
เล่น Clojure อยู่ แต่คำสาปภาษาตระกูล Lisp มันจะไม่เป็นที่นิยม
บอร์ดกามเปิดมาวิ่งเร็วกว่า tech
กูจะบ้าตาย
บอร์ดกามวันนึงแม่งคงเท่า Tech ทั้งปี
There was a joke back in the 80s when Reagan's SDI program was in full
swing that someone stole the Lisp source code to the missile interceptor
program and to prove it he showed the last page of code...
)))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))
แล้วก็ร้างเหมือนเดิม orz
อาถรรพ์แม่งแรงจริงๆห้องนี้
กูไม่ได้จบสาย Coding แต่เริ่มสนใจงานด้าน Coding เอาหลังจบ มันจะไหวมั้ยวะ
ตอนนี้ก็เรียนรู้อยู่ ก็สนุกดี เข้าใจมั่งไม่เข้าใจมั่ง ถ้าเก่งๆแล้วกูอยากทำพวก App ขาย
ถ้าทำแค่แอพเล็กๆ ถึงกลางๆ อย่างเกมหรืออะไรพวกนี้ไม่มีปัญหาหรอก
ถ้าทำงานใหญ่ๆ พวก embeded system, network, hardware, low-level, dsp หรือบ้าจี้เขียน C++ อาจจะมีปัญหาบ้าง แต่ก็หาหนังสืออ่านเองได้ (แต่ยากหน่อย)
อาจจะเป็นกูคนเดียว แต่เขียนไปเรื่อยๆ แล้วกูชอบ statically typed language มากกว่าว่ะ
ไม่หรอกว่ะ static language ก็โอเค กูยังอยากให้ Python มันเป็น static typing เลย
ลองนั่งเล่น Rust แล้วมันส์มากกกกกก
อยากให้ภาษามัน stable เร็วๆ จะเอามาเขียนอะไรเล่น ตอนนี้แม่งเปลี่ยน syntax ทุกเวอร์ชั่นเลยสาด
ส่วนตัวชอบ Go มากกว่า Rust
แต่ Rust คงเป็นความหวังสุดท้ายของ unmanaged.... (ยังไง std::unique_ptr มันก็ยาวมากกอยู่ดีแหละ)
จะต้องหางานแล้วเขียนได้หลายภาษาแต่เป็นแบบเป็ดเป็นอันนั้นอันนี้พอสมควรไม่มีถนัดจริงจัง หรือเก่งไป เลย ทำไงดีวะ
เป็ดนี่ขนาดไหนอ่ะ? โดยทั้วไปงานสายโปรแกรมเมอร์มันต้องเรียนรู้งานจริงเยอะ ถ้าไม่ได้แบบเขียนได้กะท่อนกะแท่นจริงๆ ไม่น่าทีปัญหา
การเขียนโปรแกรม สิ่งที่สำคัญมันไม่ใช่เรื่องภาษาที่เขียนได้เลย มันอยู่ที่กระบวนความคิดกับความสามารถในการแก้โจทย์ที่เจอซะมากกว่า
เรื่องภาษาที่ใช้มันสามารถ transfer ข้ามไปข้ามมาได้ พอเขียนได้ภาษานึง (และเข้าใจหลักการพื้นฐาน) การไปเริ่มอีกภาษาไม่ใช่เรื่องยาก
เวลาเรียนภาษาใหม่ สิ่งที่เรียนคือ syntax กับคอนเซปใหม่ของในภาษานั้นๆ (แล้วก็ stdlib lol) ที่เหลือคือความรู้เดิมที่มีอยู่แล้วที่ถูก generalize
วิธีที่อยากจะแนะนำคือเขียนภาษานึงให้คล่องก่อน อะไรก็ได้ แล้วก็ไปหัดภาษาใกล้ๆ กันต่อให้คล่องอีกภาษา แล้วจะเข้าใจเอง
ส่วนถ้าต้องการเดิน career ด้านนี้จริงๆ ขึ้นอยู่กับว่าจะทำอะไรล้วนๆ เลยหว่ะ
ถ้าสายเว็บก็ควรจะมีความรู้ด้าน RDBMS มีความรู้เรื่อง web stack (ตั้งแต่ client ยัน server อย่างละนิดหน่อยก็ได้) ถ้าได้ frontend ด้วยจะยิ่งดี
EXP งานจริงน้อยอะไปตอนฝึกงานก็ได้แต่เขียนเว็บสินค้านิดหน่อยตอนนั้น Jquery boom ก็ ได้ Jquery มาเสริม PHP HTML SQL ฯลฯ เรื่องแก้โจทย์คิดว่าไม่น่ามีปัญหาคิดว่าอัลกริทึมน่าจะดีแต่มีปัญหาเรื่องไม่เคยเขียนอะไรที่มันดูเหมือนจะเอาไปทำการทำงานได้จริงทำให้แม่งไม่ค่อยมั่นใจสมัครตำแหน่งอะไรดีความรู้ทีมีพอรึยัง รึสมัครไปไม่ผ่านลองงานค่อยว่ากันดี
>>59 ขอแย้งครับ เขียน C เป็นไม่ทำให้เขียน Clojure, Scheme, Prolog หรือ Haskell เป็นเลยครับ โอเค จริงจังก็ได้ จริงๆ มันย้ายได้แค่ในพาราดามเดียวกันแหละ ข้ามพาราดามก็ต้องเรียนใหม่พอสมควร
>>60 สมัครไปก่อนก็ได้แหละ ไม่ลองจะรู้ไหมว่าทำได้หรือเปล่า ถ้าได้บริษัทดีมีคนช่วยก็ดีไป ปัญหาที่อาจจะเจอคืออาจจะเริ่มโปรเจคใหม่ๆ ยาก คงต้องดูเรื่อง design pattern หน่อย แล้วลองอ่านโค้ดโปรเจค open source ก็พอช่วยได้ ถ้าในไทยรู้ HTML/PHP/jQuery ก็พอแล้ว (ไม่อยากใช้คำว่ารู้ภาษา SQL เพราะคิดว่าโปรแกรมเมอร์สายเว็บทั่วๆ ไปอ่าน SQL เป็นหน้าๆ ที่มี sub query, stored procedure เต็มไปหมดได้ แต่ถ้าทำได้ก็ขอโทษด้วย)
>>61 จาก C ไปภาษาที่ใช้ S-exp มันก็ไม่ยากมากนะ แต่เห็นด้วยว่าถ้าไปแถวๆ Prolog, Erlang, Haskell นี่เหนื่อยจริง
แต่ประเด็นที่ต้องการจะพูดไม่ใช่ตรงนั้น แต่เป็นเรื่องสกิลที่สำคัญที่สุดมันคือสกิลแก้ปัญหาที่ถูก generalize ให้ไม่ขึ้นอยู่กับ syntax
ถ้ามีสกิลนี้แล้วจะไปภาษาไหนมันก็ใช้ได้ (ถึงอาจจะติดกำแพงตอนหัดเขียนก็เถอะ)
>>60 ถ้าแบบนั้นลอง hack อะไรเป็นชิ้นเป็นอันขึ้นมาซักอันสิ ลองให้ใครมารีวิวด้วยจะยิ่งดี ทำแบบนั้นแล้วจะรู้ขอบเขตตัวเองได้ดีขึ้น
กูเป็นคนปรับตัวยากว่ะ ถนัดเขียน JAVA แล้วก็ชินกับการมี IDE ช่วย / มีการเช็ค type / ชินกับพวก library ที่แถมมากับภาษา
พอต้องมาเขียน JS นี่แทบกระอัก
เออ กูถามหน่อย กูยังเป็นนศ.หวะ กูสงสัยว่าตอนสมัครงานแรก เค้าจะแคร์กับการฝึกงานของเรามากปะวะ?
คือตอนนี้กูกำลังขึ้นปี 4 แล้วกูไม่ได้ฝึกงาน เพราะกูมาลงซัมเมอร์วิชาที่กูซิกแซกไม่เรียนเอาไว้
(คนปกติที่ซิกแซกของกูจะลงตัวที่ 1 ในซัมเมอร์ปี 1 และลงตัวที่ 2 ในซัมเมอร์ปี 2 แต่กูมีปัญหาครอบครัว เลยได้ลงตัวที่ 1 ในซัมปี 2 และ ตัวที่ 2 ใน ซัมปี 3)
เอาแต่โปรแกรมที่เคยพัฒนาไปใส่พอร์ตได้ปะ
หลุดมาเป็นปีแลัวนะ ไอ้นี่น่ะ
มู้นี้นิ่งไปแล้วใช่ปะ
ก็มีคนเช็คเรื่องๆ อะนะ แต่ไม่รู้จะโพสอะไร
http://pantip.com/topic/32258393
อ่านแล้วสิ้นหวังจังเลยว่ะ
มันเกิดจาก User ไม่รู้ความต้องการตัวเองจริงๆไง
พวกนี้ต้องแก้ไขต้องการวิเคราะห์ระบบธุรกิจการวางแผนและการออกแบบระบบ
ผมเรียนสาขานี้มา ทำเก่งด้วยนะแต่อ่ะนะไปที่ไหนใครๆก็ไม่รับ T T อยากได้โปรแกรมเมอร์กันสาด
ที่พูดคือฝั่งลูกค้าต้องมีคนวิเคราะห์ระบบน่ะ เพราะ โปรแกรมเมอร์ยังไงก็ไม่มีทางรับความหลากหลายได้เยอะขนาดนั้นหรอก
ขอถามนอกประเด็นนะครับ คนที่เป็นโปรเเกรมเมอร์ส่วนใหญ่มีเวลานอนกันมั้ย?หรือถ้าเวลางานมาก็ต้องอยู่โต้รุ่งอย่างงี้รึเปล่า เเล้วส่วนใหญ่จบกันมาเป็นโปรเเกรมเมอร์เพียวๆกันอย่างเดียวไม่มีอาชีพเสริมเลยสินะครับ เเล้วส่วนใหญ่ทำงานที่ไหนให้ส่วนใดกันมั่งครับ
>>76 มีสิวะ แต่มากน้อยขนาดไหนขึ้นอยู่กับแต่ละคน ตัวงานที่ต้องทำมันใหญ่มันยากมันซับซ้อนก็อาจจะต้องเจียดเวลานอนมาทำบ้าง กูว่ามันโคตรปกติของชีวิตคนทำงานเลยนะ
จบมาทำอย่างเดียวไม่มีอาชีพเสริมหรือเปล่า เพื่อนกูควบงานโปรแกรมเมอร์กับนักดนตรีอยู่คนนึงก็เห็นชีวิตมันมีความสุขดี ของแบบนี้ขึ้นอยู่ที่ตัวบุคคลล้วนๆ เลย
คำถามที่สามไม่เก็ทว่าถามอะไร
ตอนนี้ศึกษา Haskell ดูน่าเรียนดี ถ้าใครอยากได้ พาราไดมแนว Functional Programming cotoe.shgiupo
ฮาดีฟะ กูชอบเฮะ แม่งบอกว่าของพวกนี้ศึกษาเองได้ เอ่อ แล้วมันจะเรียนกับอาจารย์ไปเพื่อ ???
555 ตรรกะวิบัติจริงๆ
กูโพสไปคงโดนด่าแหงแซะ แต่ในความคิดกู โปรแกรมเมอร์ที่ตลาดต้องการส่วนมาก... ควรจะเรียนในสายอาชีพ
เอาระดับคนทั่วไปนะ ไม่ใช่พวกบอร์นทูบีหรือเนเจอร์เป็นโปรแกรมเมอร์แล้ว ที่กลับบ้านไปก็เขียนโปรแกรมเล่น ค้นเทคโนโลยีใหม่ ๆ ตลอด (ประเภทนี้ ไม่ต้องเรียนตามระบบก็เก่ง)
สายโปรแกรมเมอร์เนี่ย ถ้าต้องการพัฒนาคุณภาพบุคคลากรจริง ๆ
มหาลัยกับสถาบัน ควรต้องจับมือกับพวกซอฟท์แวร์เฮาส์ มีบังคับฝึกงาน 1-2 ปีอย่างต่ำ แบบพวกหมออินเทิร์น ให้ไปฝึกดูทุกแผนก ไม่ผ่านก็ไม่ให้จบ
เพราะการเรียนปกติมันจะได้แค่แนวภาพกว้าง ๆ ซึ่งโคตรมั่นใจเลย เรียนแค่ 3 หน่วยกิต (1 ตัว) ก็ยังไม่รู้หรอกว่าที่เรียนไปนี่ใช่สิ่งที่ตัวเองชอบรึเปล่า
กูสงสัยมากกว่า คือโปรแกรมเมอร์ในไทยน้อยลงเรื่อยๆ ไอ้คนที่เคยทำมาก่อนก็เลิกทำ เด็กจบใหม่เขียนไม่เป็นไม่นับเป็นโปรแกรมเมอร์ แต่ความต้องการสูงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ แล้วทำไมค่าจ้างมันไม่แปรผันตามหลักดีมานด์-ซัพพลายวะ
คนเก่งๆ หายาก มีแต่คนต้องการตัว แต่ค่าจ้างเท่าเดิม พิลึกว่ะ
ก็เก่งที่มันอยากได้คือระดับเทพไง แต่เงินเดือนแม่งติดดิน
บริษัทที่เริ่ม 40-50k มันก็มี ไม่ได้ต้องการสกิลยอดมนุษย์อะไรด้วย
ปัญหาคือคนที่มาสัมภาษณ์ ตอบคำถามง่ายๆ (ง่ายกว่าให้เขียน Fizz Buzz อีกด้วยซ้ำ) ยังตอบกันไม่ได้เนี่ยดิ
เลยยิ่งสงสัยว่าคนที่มีฝีมือจริงๆ มันไปบริษัทที่ต้องการมหาเทพกันหมดหรือไงวะ
คำถามง่ายๆ นี่ประมาณไหนอ้ะ ยกตัวอย่างมาให้ซักข้อสองข้อได้ปะ
ปกติเวลาที่จะเริ่มเรียนรู้ภาษาใหม่ๆ มีเทคนิคอะไรบ้างมั้ย หรือมีหนังสือค่ายไหนแนะนำบ้างมั้ยนะ?
>>94 ปกติจะอ่าน tutorial ทางเน็ตเอาพอเป็นไอเดียว่าพวกของพื้นฐานของภาษานั้นๆเขียนยังไงบ้าง แล้วก็อาจจะเอามา map กับภาษาที่ถนัด (ถ้ามันพอไปกันได้)
พอจบแล้วถ้าต้องทำงานหรือจะลองทำอะไรก็ลุยไปเลย ติดหรือไม่แน่ใจตรงไหนเน้นพึ่ง Google + Stackoverflow อะไรที่พลาดก็ค่อยมาไล่แก้ทีหลัง ซึ่งจริงๆก็อาจจะไม่ใช่วิธีที่ดีเท่าไหร่ แต่ถ้าต้องใช้ทำงานทำแบบนี้ในระยะสั้นมันได้งานเร็วกว่าการไปนั่งไล่อ่านแล้วไม่ได้ลองลงมือทำจริงๆ
>>95
อืม พื้นฐานจริง ๆ ด้วย
ถ้าปกติไม่ใช่โปรแกรมเมอร์ธรรมชาติ 2 คำถามหลังนี่ตอบว่าไม่มีไม่เคยแน่ ๆ
แต่อาจจะมีลอจิกเขียน live code Fizz Buzz ได้นะ
>>96 ส่วนใหญ่ก็แบบนี้ป่ะ มากกว่านี้คือไปหาหนังสือมาอ่านเพิ่ม ไม่ว่าจะเล่มหรือ pdf ขึ้นกับสไตล์
สุดท้ายก็ google + stackoverflow หาเมธอดตัวอย่างมาอ่าน code แล้วปรับใช้เอง
แต่ไอ้ที่ลำบากอีกอย่างเวลาเปลี่ยนภาษานี่คือ setting environment มั้ง ตอนเปลี่ยนจาก editor ธรรมด๊าธรรมดามาใช้ eclipse เขียนอีกภาษานึง เซ็ทนั้นแล้วไอ้นี่ error ไอ้นู่น error รัน emulate server ไม่ขึ้น นั่ง FUCK ทั้งวัน ขนาดนั่งทำตาม tutorial นั่งหาวิธีแก้เป็นชั่วโมงเป็นวัน สำหรับคนกาก ๆ แบบกูอ่ะนะ
เดี๋ยวนี้หลายทีมี vagrant template ให้เลย ชีวิตง่าย
ใช้ Editor ตัวไหนกันอยู่วะ
Me - Komodo Edit 8.5.3
กูไม่ได้จับโค้ดมาตั้งกะเรียนจบละ อยากรู้ว่า อีดิท+ นี่แม่งยังมีคนใช้อยู่ป่าววะ
แม่งยังมีคนใช้แบบกูด้วย คารวะ
ตอนสอนเค้าก็ให้พวก editplus แหละ ไม่ก็ notepad++
Vim -> TextMate -> Sublime -> Vim -> Emacs -> IntelliJ
ทำไมมาจบที่ IDE ได้ก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกัน…
NotePad -> EditPlus -> Eclipse -> Sublime -> Vim -> IntelliJ (Java, PHP, Python)
EditPlus -> Dev-C++ -> Visual Studio (C, C#)
Sublime (Go, Rust)
ช้างบนนั่นบนวินโดวส์ บนลินุกซ์ตอนนี้ยังเป็น Vim ล้วน
มีเรื่องอยากบ่นว่ะ กูเจอลูกค้าไม่เรื่องมาก แต่คนเขียน requirement ฝั่งตัวเองเสือกเรื่องมากแบบไม่มีเหตุผล แถมเอาลูกค้ามาอ้างบังหน้าซะงั้น
บางเรื่องลูกค้าก็พูดอยู่มันก็อุตส่าห์จะเนียนบิดเบือนคำพูดลูกค้าอีก
หัวหน้าก็ดันเป็นคนดีไม่อยากไปก้าวก่ายหน้าที่ส่วนของมันอีก กูก็ยอมรับนะว่ามีมันอยู่ก็เบางานคุยกับลูกค้ากับงานเอกสารของโปรแกรมเมอร์ไปได้หลายส่วน แต่หลังๆชักสร้างปัญหามากกว่าจะช่วยงานแล้ว
แสดงว่ามันออกแบบเยอะเกินไงมึง แม่งพวกโลภมากก็งี้
มีวิธีตั้งค่าUtorrent ให้หยุดpeerเมื่อ ratio=1 มั้ยครับ
initial seed ไม่ได้เรอะ
ไม่รู้จะตั้งถามที่ไหน ถามกระทู้กูรูเลยละกัน คือ utorrent กูตอนนี้มัน อยู่ๆ 1-2 วันที่ผ่านมามันก็กากอะ โหลดไฟล์ช้าผิดปกติ ทั้งที่ขึ้นว่ามี seed 1000 (ไฟล์ 300 mb) แต่ความเร็วแค่ 10 kb
แถมโหลดเสร็จขึ้น flush to disc แล้วก็ค้างเติ่งซะงั้น มันเกิดไรขึ้นวะ
CLion Goes Public: http://www.jetbrains.com/clion/
แลปทอปกูแดกน้ำเข้าไปวะ อาการคือ เปิดไม่ติด
กูต้องทำใจมั้ย
ส่งเคลมดู ถ้าไม่ช็อตอาจจะรอดได้มั้ง
อย่าเพิ่งมึง ทิ้งให้แห้งก่อนค่อยเปิดอีกที เผื่ออาจจะติดเพื่อมาแบ็คอัพ แล้วลงเคลมเบย
เราซื้อโน้ตบุ้คมาจากร้าน jib พันทิพน่ะ ทางร้านลงทะเบียนวินโดว์ จากนั้นพาไปร้านลงโปรแกรมให้ เอามาเปิดที่บ้าน มันมีแต่ไดรฟ c ไม่มีการแบ่ง พาร์ติชั่นใดๆทั้งสิ้น
ถ้ามันเป็นแบบนี้เรามาแบ่งเองได้ทีหลังไหม รึต้องลงวินโดว์ใหม่หมดถึงจะแบ่งได้ แล้วถ้าดันทุรังใช่ต่อไปจะมีผลเสียยังไง
แบ่งเองทีหลังได้ และควรแบ่ง เก็บไฟล์รักๆไว้คนละไดร์ฟกับวินโดว์ เวลาวินพังจะได้ไม่หมดตูด ลองดูพวก partition magic
แต่กูแนะนำ ไม่แบ่งนะ หา HDD External มาใส่ดีกว่าฟะ
แบ่ง partition ไว้กับใช้ HDD External ไปด้วยทั้งคู่ก็ดี
บริษัทนี้ดูแล้วน่าทำไหม https://www.blognone.com/node/61419
พึ่งซื้อคอมใหม่ การ์ดจอ AMD จอ LG เวลากูชี้เม้าแถบปุ่มstartแสงหน้าจอมันจะมืดลง พอชี้กลับไปที่ตรงกลางแสงมันดันสว่างขึ้น แก้ไงดีวะ ปวดตาชิบ
ไม่รู้ปรับตรงไหน
ตอนกูใกล้เรียนจบนี่เค้าลือกันว่า 1 ปีที่ Accenture = 3 ปีที่อื่น เลยนะ ทั้งในแง่งานหนักและประสบการณ์ที่ได้
แล้วก็อยู่ได้ 3 ปี เงินเดือนคูณ 2 (อันนี้ไม่รู้จริงมั้ย)
แต่กูมีเพื่อนทำอยู่ 2 คนก็ไม่เห็นงานหนักอะไร อาจจะโชคดีไม่โดนไม่ก็ยุคสมัยเปลี่ยน
Looking for one Senior eCommerce startup skill for one retail in SEA take care 180 staffs of operation team
Salary 500,000 THB per month with 1.5 Millions bonus every 6 months
Location to work HK, SG, BKK and PH (always work on the air)
If your interesting please email me tum@tum.im krub
โหดดี
ถ้าจะทำเว็บเปิดโปงพวกสินค้าผิดกฏหมายนี่ จะทำไงไม่ให้โดนจับได้ดี
facebook ไปก็น่าโอเคแล้ว มันเคยส่งเหี้ยไรให้ตำรวจด้วยหรอ
ยัดผ่าน Tor ไปอีกขั้นก็ไม่น่ามีทางตามได้แล้ว
แปลว่ามันจำมึงไม่ได้ไง มึงจะซ่อนตัวหรือเล่นเฟสก็เลือกซักอย่างละกัน
จะฝึก Domain Driven Design ยังไงดี
ถามในนี้ได้ปะ ถามโง่ๆเลยนะ ที่เซนต์หลุยส์รัฐมิสซูรี นี่มันมีอะไร ทำไมถึงเป็น target ของพวกแฮคเกอร์ง้ะ พอดีดูเว็บนี้ละสงสัย http://map.ipviking.com/
>>137 น่าจะอันนี้นะ http://en.wikipedia.org/wiki/St._Louis#Major_companies_and_institutions
มีMaster card กับธนาคารที่ติด1ใน4ของอเมริกาอยู่ที่รัฐนี้
คืออะไรยังไง ?
ดราม่าในสมาคมโปรแกรมเมอร์เมื่อวานมันจุง
Ruby on Rails ในไทย อนาคตเป็นยังไง
เบือชีวิตโปรเจคจบ
ที่นี่ที่ไหน
สวัสดีครับ
Hello World!!!!
hello
olo
งาน contract เมงดียังไงวะ
มาแชร์เงินเดือนกันไหม จะได้รู้ว่าแต่ละคนได้เรทยุติธรรมไหมอะไรงี้
ขอลิ้งต้นทางที่คุยกันหน่อยเด้ กูงง
เขียนภาษาอะไรแล้วใหญ่ยาวครับ ;)
ปกติแล้วโครงสร้างของโปรเจ็คจะเรียงแบบไหนครับ
DAL
BL
อะไรต่อนะ ขอคำอธิบายด้วยก็ดี
Data Access Layer
Business Logic Layer
Presentation Layer
SharedKernal สำหรับบางอย่างมันใช้ร่วมกันหลาย ๆ Layer
ไม่ต่อกันแล้วเหรอ ?
ที่ใดมีรัก สักพักโปรแกรมเมอร์หนีกลับบ้าน T_T
Tavon Kob Seesenpila
เมื่อเช้าหมาข้างล่าง เห่าผม โฮ่งๆๆๆ ผมก้มหน้ามองลงไปดู จากชั้น 4
แล้วก็นึกว่า เจ้าหมาเอ๋ย เห่าไปก็เหนื่อยเปล่า เพราะยังไงซะ
เราก็ไม่ได้สนใจเสียงเห่าของเจ้าหรอกนะ
แล้วผมก็มานั่งทำงานต่อ เขียนโค้ดเล่นไปเรื่อยๆ
ส่วนหมาตัวนั้น มันก็เห่าต่อไปของมัน เออแปลกดีนะ
นี่หมาสมัยนี้ มันเห่าได้แม้กระทั่งคนอยู่บนตึกสูงๆ เลยเหรอเนี่ย
ว่าแล้วมันก็คงเจ็บคอนะ แหงนขึ้นมา แล้วเห่า ฮ่าๆๆๆ
เนื่องมาจากดราม่าโปรแกรมเมอร์เมื่อเช้า
ไอดอนผมครับ
olo
นี่มันคืออัลไล? เรามาโผล่ที่ไหนกันนี่?
ที่นี่คือบอร์ดโม่งเราสามารถโพสต์สิ่งต่าง ๆ โดยไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ทำให้ความเห็นไม่โอนเอียงตามชื่อคนตอบ
และสามารถใส่ความเห็นได้เต็มที่กว่า
ขายครีมค่ะ ใครสนใจทำงานจากบ้านเชิญติดต่อได้นะค่ะ
Tavon Kob Seesenpila
คุณกำจัดผมออกจากวงการไม่ได้หรอ เพราะผมทองแท้ไม่แพ้ไฟ
จากประโยคนี้เห็นถึง ความเย้อยิ่งและความใฝ่สูงคิดว่าตัวเองเก่งหนักหนา เก่งหนักแต่ไม่รู้จัก restful คืออะไร โอ้อวดสร้างภาพ ตีราคาตัวเองให้สูง กบในกะลาชัดๆ คิดว่าตัวเองมีผลงานเยอะ แล้วเก่ง เจอคนจริงๆ เข้าไปไม่เห็นตอบคำถามเขาได้ เก่งแต่หน้สเฟสตัวเอง หลอกแดกตังค์จากเด็กๆ ที่หัดเขียนโปรแกรม สุดท้ายได้แต่ workshop ที่ไม่มีแม้แต่ที่มาที่ไปและหลักการ คำพุดประจำตัวว่าตัวเองทำงานเพื่อประโยชน์ไม่หวังเงิน และ ไหนอะผลงาน , และชอบบอกตัวเองทำโน้นนี่คนแรกของปประเทศ แต่ทำไม่มีใครรู้จักชื่อ ไม่เห็นโด่งดังละ
ตาสว่างล่ะ
อยากเขียนเกมด้วยอันเรียว 4 อะ เริ่มต้นยังไงดี
โหลดโปรแกรมมาแล้วมันจะสอนวิธีใช้ให้แบบเรียลไทม์เลย สะดวกดี เข้าใจง่ายด้วย สมัยตอนใช้ UDK กว่าจะใช้เป็นต้องนั่งอ่าน Doc เป็นเดือนๆ ไม่รวมกับต้องศึกษาภาษาสคริปของมันอีก
คุณคิดยังไง เมื่อเงินเดือนของคุณ ถูกเปิดเผยในที่ทำงาน โดยคนที่คุณเคยสนิทด้วย
https://blog.svpino.com/2015/05/07/five-programming-problems-every-software-engineer-should-be-able-to-solve-in-less-than-1-hour
ลองทำเล่นกันๆ กูลองทำแล้วข้อ 1-4 แป๊ปเดียวก็ได้ (แต่ข้อ 4 ติดบัคบางเคส) ส่วนข้อสุดท้ายคิดมาครึ่งวันแล้วยังตันๆอยู่เลย
เพื่อนโม่ง มีใครรู้จัก Microservice มั้ย
คือ อ่านแล้วไม่เข้าใจคอนเซปกับการทำงานมันเท่าไร
>>189 ตอนนั้นกูกำลังรีบปั่นให้ทัน 1 ชม. อ่ะมึง แต่กลายเป็นยิ่งพยายามเร่งตัวเองหัวยิ่งตันกว่าเดิม
พอย้อนกลับมาดูถ้าค่อยๆคิดมันก็ไม่ได้ยากอย่างที่เห็นตอนแรก แต่พอเขียนส่วนคำนวณหลักๆเสร็จตอนจะ print ผลออกมาเป็นสมการมันต้องมาแก้วิธีส่งข้อมูลอีกนิดหน่อยเพราะไม่ได้คิดเผื่อดีๆตอนแรก
โม่งขอคำปรึกษา กุเพิ่งจบไม่รู้ทำงานไรดี
กะว่าจะเริ่มจากโปรแกรมเมอร์เห็นแม่งคนรับเยอะดี เฝื่อไม่ไหวจะได้ออกไปทำตำแหน่งอื่นได้ คือตอนเรียนกุก็ไม่ได้เกลียดเขียนโปรแกรมไร แต่กุเป็นคนทำงานช้าไง
โปรเจคกุแม่งแบบไม่เข้าพวกไหนในนี้เลย งานสายเกี่ยวกับคอมสำหรับคนพึ่งจบมีอันไหนน่าได้ประสบการณ์เยอะบ้าง
>>194 ใจมากเพื่อน(หรือพี่โม่ง)
เรื่องทำงานช้าคือเป็นมาแต่เด็กแล้วค่อนข้างแก้ยาก ส่วนเรื่องเรียนรู้ ส่วนใหญ่กุอ่านเองไม่ได้ถามใครเท่าไหร่
กุสมัครงานไปแต่ที่ๆเขาเขียนรับเด็กจบใหม่ บางทีตอนกุสมัครไปเห็นเขาเขียนต้องการความรู้เกี่ยวกับด้านนี้ๆ ก็ไม่รู้เขาหวังจากกุลึกขนาดไหนถึงเรียกว่ารู้ด้านนี้
ตอนเขียนresumeกุไม่กล้าโฆษณาว่าถนัดด้านนี้ๆ
>>195 กู >>193 เองนะ เล่า ปสก ให้ฟังละกัน
แรกสุดกูเป็น Product Support ของ IBM (Lotus Application) ซึ่งจะข้ามแม่งไปเพราะคงไม่เกี่ยวกับมึง ต่อมากูมาสมัครบริษัทนึงเป็น PGM ประจำ ได้เงินเดือนไม่มากพอกินพอใช้พอส่งกลับบ้านบ้าง (+เก็บนิดๆ) ทำงานสบายหน่อยเพราะไม่ค่อยมีคนกดดัน โดนจี้งานบ้างแต่ก็ทำไปเรื่อยๆมีดีเลย์อะไรก็หาเหตุผลไปดีๆให้เขายอมรับได้ ไม่ค่อยโดนดุโดนด่าเท่าไหร่ ส่วนใหญ่มีแต่งเร่งงานกับกดดันแต่ส่วนตัวกูคนชิวๆเรื่อยๆก็ไม่คิดอะไรมากทำไปช่างแม่งเอาให้เสร็จ
ต่อมากูลาออกมาเป็น Outsource ให้กับอีกบริษัทหนึ่งเพราะเหตุผลหลักเลยคือเบื่อ ทำงานไม่มีความท้าทายไม่ทะเยอทะยาน สกิลขึ้นช้าแถมยังถดถอยเพราะต้องทำเอกสารมากกว่า Coding (ตอนบริษัทเก่ากูทำแบบเขาจ้าง Outsource มาช่วยด้วย) แล้วที่ใหม่ให้เงินเยอะมากๆแลกกับที่มึกรู้ดีคือ Outsource มันไม่ค่อยมีสวัสดิการ (มีค่ารักษาพยาบาลให้ปีละหมื่นแค่นั้น) วันหยุดลาคือโดนหักเงิน ทำงานช้าโดนด่า โดนขู่ว่าจะให้คนอื่นมาทำแทนต่างๆนานา ด่าต่อหน้า ด่ากลางออฟฟิศแบบกลาง พนง คนอื่นเลย แต่ด้วยความโชคดีของกูคือเรียนรู้ไวเลยแก้ไขอะไรๆตามความต้องการลูกค้าได้ค่อยข้างทันที แต่ก็เจอแบบเห็นว่ากูทำได้ก็อยากได้อะไรที่มันดูเทพดูพิศดารมากกว่า Simple แบบทำ Report Excel ก็ใส่สูตรใส่กราฟใส่เหี้ยอะไรมากมายเวลา Generate ออกมา แถมให้ออกไปเป็น PDF ต่ออีกงี้
ปัจจุบันกูก็ยังอยู่ไอ้ที่ Outsource ต่อเนี่ยแหละ เพราะยังพอทนอยู่ได้ แลกกับความสบายในอนาคตและการใช้เงินในปัจจุบันเอาล่ะมั๊ง
กุโม่งจบใหม่เอง
>>196 มึงชี้ผิดป่ะ ตกใจหมดเลยนึกว่าจะมีคนสวมโม่งเป็นตัวกุ
เดี๋ยวนี้ตำแหน่งทางitนี่ใช้outsourceกันกระหึ่มใช่มะ เห็นมีหลายบ.จัง
จริงๆมีบ.outsourceเรียกกุไปทำระยะเวลา 2-3 เดือน แต่บอกปัดไปแล้ว ไม่ขอลงลายละเอียด เพราะกุรู้สึกวงการนี้มันแคบ บ.นั้นจำกุได้แน่เลย เด๋วกุโม่งแตก
หลักๆคือกุไม่มีสโคปว่าอยากทำไร ตอนเรียนกุก็กลางๆ ไม่ได้เกาะกลุ่มอย่างชาวบ้าน ตอนเรียนวิชาเลือกเลือกวิชาแปลกๆดูน่าสนใจ เลยเหมือนเหวี่ยงแหเลย
>>197 เออกูชี้ผิด กูเป็นคนเดียวกับ >>194 >>196 เอง
บริษัทส่วนใหญ่มันไม่เลี้ยง PGM ประจำไว้เหตุเพราะค่าตัวแพงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาจ้าง เพราะเฟส Develop จริงๆมันใช้เวลาไม่นาน (พวก SA เก็บ Req ทำ Data Model วาดผัง DB วาด Flow นานกว่าเยอะ) ส่วนใหญ่มีไว้ประปรายไว้ทำ CR เล็กๆหรือแก้ Bug มากกว่า ถ้าจับ Project ใหม่ยังไงก็ต้องมี Outsource อ่ะจ้างมาทำแป๊บๆคุ้มกว่าเลี้ยงไว้เองเยอะ
วงการนี้ไม่แคบ แต่บริษัทดังๆในวงการ IT มันก็รู้จักกันหมด (เช่น Opti***, G-Ab**, Met**, C*S เป็นต้น)
เลือกเส้นทางที่อยากเป็นก่อน เพราะทำงานไปไม่มีอะไรง่ายหรอกทุกสาขาแหละ ถ้ามึงท้อคือจบละ
>>198 ใจมากรุ่นพี่โม่ง ตอนแรกกุนึกว่าเข้ามาถามในห้องนี้นึกว่าจะเงียบเหงาไม่มีคนมาตอบกุแล้วซะอีก
มิน่ากุเห็นบริษัทที่บางอันลงท้ายด้วย solution เปิดรับกันเต็ม ที่แท้มันคือ Outsource
เรื่องเส้นทางทำงานนี่กุโล่งมาก ครั้งจะสมัครในสายที่กุไม่เคยเรียนก็กลัวเค้าไม่รับ ส่วนสายพวกที่เคยเรียนมาก็แทบไม่มีรับกันเท่าไหร่ เลยเหลือ ไม่พวกโปรแกรมเมอร์ ก็สายเทสให้สมัคร
>>200 จะเรียกสายก็บอกไม่ถูกว่ะอย่างที่กุบอกข้างบนว่ากุลงหว่านแหไปหมด
ตอนเรียนวิชาเลือกลง image,HW ,AI ,oop, cg ที่เรียนopenGL ในขณะที่เพื่อนยังลงnetworkเพิ่มอีกตัวไว้กันเหนี่ยวกุไม่ลงเลยจ้า
ตอนฝึกงานก็ทำเทสนิดหน่อยแล้วก็เขียนโปรแกรมยิงhttpที่เขามีไว้ให้ป้อนค่าจากtestcaseที่มี
ตอนโปรเจคจบทำโปรเจคอิมเมจ
ภาษาพวก Java, .Net, C# ก็ได้แหละ แต่ไม่ได้แม่นlibแบบเขียนแล้วไม่ดูเลยได้ เพราะศึกษาเพิ่มมาเอง
Python,c shell,Linux เคยแค่ผ่านๆ คืนไปหมดแล้ว
กุเลยบอกไม่ถูกว่าตัวเองสายไหนกันแน่
เพราะเขียนโปรแกรมก็ได้แหละ Networkกุได้แต่ทฤษฎี6เลเยอร์ database เรียนแค่ mysql ตัวเดียว SWกุยังรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เทพไร HWก็แทบไม่ได้เขียนลงบอร์ดเป็นจริงเป็นจริง
ยิ่งเขียนยิ่งสิ้นหวังตัวเองหว่ะ OTZ
>>204 ขอบคุณมาก กุซาบซิ้งใจมากที่มึงมาคอยตอบกุชะมัดเลยว่ะ
กุคิดมากไปซินะจะได้แนวทางการโปรยใบสมัคร กุโปรยมาตั้งแต่หลังปีใหม่แล้ว มีเรียกไปสอบแค่ที่เดียว (ไม่นับที่ Outsourceกับอีกที่แม่งให้สอบรIQ,EQกับEngอย่างงี้) สงสัยกุต้องทำresumeใหม่ซะแล้ว ถ้ากุได้งานแล้วเดี๋ยวกุจะมาบอกอีกที (คงไม่บอกชื่อบ.เดี๋ยวโม่งแตก)
สมัครอะไรก็สมัครไปเหอะ เดี๋ยวมึงก็ปรับตัวได้เอง ทำไปสักพักมันจะจับจุดได้แล้วก็ชิน ถ้ามึงพอมีความสามารถในการพลิกแพลงหรือปรับตัวเองให้เข้ากับแวดล้อมหรืองานได้น่ะนะ
เรื่องสอบหลายที่ก็มีสอบอยู่แล้ว กูสมัครทุกที่ก็มีสอบทุกที่นะ Attitude, Eng, Programming พื้นฐาน (อันหลังสุดตอนเป็น Product Support ไม่มี) แล้วก็สัมภาษณ์
แค่นี่โม่งกูก็แตกชิบหายรู้กันหมดละสัส
กูพูดไปงั้นแหละไม่มีใครรู้จักกูหรอก
ป.ล.บริษัทกูมีพนักงานเข้าใหม่ 3 คนวันจันทร์หน้าไม่ใช่ว่ามึงเป็น 1 ในนั้นนะ
ไม่หรอก กูไม่ได้โด่งดังห่าไรขนาดนั้น
ช่วงนี้ SAP คนขาดมั๊ง
ถามเพื่อน (พี่) โม่งหน่อย กูกำลังจะเรียนจบละตอนแรกกูรู้สึกว่าตัวเองอยากทำงานประเภท System Admin ประมาณว่าคอยดูแลระบบ (?)
คือต้องทำไงถึงได้ไปทำงานแบบนั้นได้วะ คอยดูระบบใหญ่ๆ เนี่ย
เท่าที่ลองหาสมัครงานกูเจอแต่โปรแกรมเมอร์
ตอนนี้กูเริ่มลังเลว่ากูอาจไปทางโปรแกรมเมอร์ก่อนดีไหม หลังเรียนจบ อย่างน้อยกูคงไม่อดตาย
เขียนโปรแกรม ถ้าให้เขียนแก้ปัญหาพวกวิชาอัลกออันนี้กูโอเคเลย แต่พอเป็นแอปจริงพวกนี้กูเน่าหมดเกือบทุกโปรเจค
กูควรลองหางานแบบก่อนไหนดี เทส รายงานบั๊ก อันนี้โอเคไหม แล้ว DevOps นี่เป็นไง
ทำใจเพราะกูก็เรียนทางการกออกแบบระบบเหมือนกันสุดท้าย ในไทยไม่ได้ใช้ฟะเพราะ ประเทศไทยยังไม่พร้อมเหมือนกะประชาธิปไตยแหละ สนแต่โปรแกรมเมอร์ กดต๊อกแต๊กๆ
ไอ้งานที่เมิงบอกเขาเหมาให้โรแกรมเมอร์มันทำหมดนะเมิง เริ่มมาเมิงต้องเป้ฯโปรแกรมเมอร์ต๊อกต๋อยอยู่ดี
>>211 Admin ส่วนใหญ่เขาต้องการคนมีประสบการณ์แล้ว เพราะต้องดูระบบไม่เป็นไม่ใช่ใครจะเข้าไปดูก็ได้ ต้องรู้พวกชุดคำสั่งบน Linux Unix AIX Windows เยอะๆรวมถึง Monitoring Job กับเช็ค Database เป็นด้วยแล้วก็ทำ Report รายงาน
งานสายคอมเบสิกสุดก็ PGM หลายๆงานเข้าก็มักให้ PGM เป็นคนทำอยู่แล้ว
>>210 ไม่โด่งดังไม่ได้หมายความว่าไม่มีนะมึง เหมือนกุบางทีชอบไปส่องเฟสชาวบ้านว่ามันทำไรกันแต่ไม่ได้อิจฉาไรมันแค่อยากรู้ว่ามันทำอะไรชอบแชร์จัง
>>211จากการสังเกตพวกรุ่นเดียวกัน ถ้ามึงไม่มีความรู้สายnetworkหรือไม่เคยจับโปรเจคพวกนี้มาด้วยไม่น่าจะได้นะ ไม่รู้ไปทำsupportก่อนค่อยิัพเกรดตัวเองกันขึ้นมาได้รึเปล่า
จากโม่งจบใหม่ข้างบน
ถ้ามึงเป้นโปรแกรมเมอร์ เขาจะให้เมิงทำอะไรฟะ ทำเกม? ทำโปรแกรมซัพพอร์ต ดูแลระบบ พัฒนาโปรแกรมพิ่ม ?
จนถึงตอนนี้กูว่า IT ถ้าไม่ได้ทำบริษัทใหญ่ๆ เมิงก็จะได้เป้นแค่ เจเนรัล เบ๊โปรแกรมเมอร์แค่นั้นแหละเมิง
ไอ้ที่เรียนๆ มาแบบว่า มีคนมาวางระบบให้ เมิงต้องเขียน ให้รับกันนะ เบรนสตรอมกันหาทางวิเคาระห์ ในไทยแม่ง ไม่มีหรอกเรื่องแบบนี้
จาก ปสก ตรง
บริษัทใหญ่ แต่ไม่ใช่บริษัท Software = เข้าไปทำงานเอกสารกับคุม Outsource และเป็น SA
บริษัทใหญ่ที่เป็น Software Solution = ไปเป็น Outsource ให้ชาวบ้าน เวลสกิลทุกด้านพุ่งพรวดๆพร้อมกับโดนกดดันหูดับตับไหม้
บริษัทเล็กที่เป็น Software = รับ Req ลูกค้ามาทำกันเองภายในบริษัท เวลสกิลพุ่งช้ากว่าข้างบนแต่ Stable กว่า ชิลๆกว่า
ถามหน่อย
สมมติว่ากูไม่ได้จบด้านคอมโดยตรง แต่เขียนโปรแกรมได้ แม่นตัวภาษา แต่ไม่ค่อยรู้พวก API และ library ใหม่ๆ ที่ชาวบ้านเขาใช้กัน ไม่มีประสบการณ์ทำงานกับบริษัทมาก่อนเลย แต่เคยทำโปรเจ็กต์อิสระเองกับฟรีแลนซ์อีกนิดน่อย ภาษาอังกฤษดี
กูพอจะหางานประจำประเภทไหนได้บ้างไหม?
การสอบ cert ทั้งหลายนี่ช่วยไหม
>>217 สู้ๆละกัน มีไรก็มาถามได้จะพยายามมาตอบบ่อยๆ
>>218 API และ Lib เรียนรู้ได้ (Search ไม่ก็เปิด Definition ดูเอา) แต่ส่วนใหญ่แต่ละบริษัทที่เป็น Software โดยตรงจะมี Framework ส่วนตัวให้ใช้กับเรียนรู้อยู่แล้ว เจอบ่อยๆคือพวกจัดการ String เช่นแปลง Date Format เอย ตัดคำเอย ไม่ก็ลองถามรุ่นพี่ที่เขาอยู่มาก่อนดูว่าพอรู้ไหมก็ให้เขาสอนให้
ภาษาอังกฤษดีมีชัยไปกว่าครึ่ง เพราะไปถามตาม Commu พวก Stackoverflow เอาก็ได้ ทำงานกับต่างชาติก็ดี
ลำบากแค่ไม่จบสายคอมโดยตรงพวก HR ที่ไม่ได้รู้สึกฝั่ง PGM มาก่อนจะคัดใบสมัครออกเพราะเห็นว่าไม่ตรงสาย ซึ่งพวกนี้เขาดู Resume แบบผ่านๆไม่เกินคนละ 1 นาทีอยู่แล้ว (นอกจากจะมีอะไรโดดเด่นออกมาจริงๆ) อาจจะหางานที่ไปเป็น PGM ยากหน่อย
ส่วน Cert ช่วยได้มากถ้าเป็นสาย Network (เช่น CISCO CCNA เป็นต้น) ส่วนสาย PGM แทบไม่ช่วยอะไรเลย กูมี JAVA SE ของ Oracle ใบนึงเงินเดือนก็เท่าเดิม แต่ได้สอบเพราะบริษัทออกให้
ถึงโม่งจบใหม่ที่หวังจะอยู่วงการโปรแกรมเมอร์
มึงทำใจหน่อยละกันถ้ามึงไม่มีผลงานหรือเทพในระดับนึง บางที่แม่ง แค่มึงรู้ if else แค่นี้แม่งไม่พอนะสัด มึงต้องรู้เรื่อง OOP หีหอยอีกมาก
รู้พื้นๆผิวๆก็ไม่ได้ ตอนสมัยกูจบใหม่แม่งกูตอบไป แม่งก็ถามจี้อีก ยิ่งตอบยิ่งถามลึก จนกูเกือบเลิกหางานโปรแกรมเมอร์ละ กูกลับมานอนร้องไห้เลย
แต่กูอาจจะโชคร้ายเจอคนสัมภาษเหี้ยๆด้วย กูเรียกเงินเดือนแค่หมื่นห้า แม่งถามอย่างก่ะกูเรียกห้าหมื่น ควยจริงๆ
เฮ้ยโม่ง กุคือโม่งจบใหม่ที่จิตตกข้างบน
กุไปสอบสัมภาษณ์ 2 ที่ ที่เรียกกุมาแล้ว มารายงานให้พวกมึงรู้
ที่ 1 ข้อสอบมี 2 ข้อให้เขียนโปรแกรมเป็นรูปไหนก็ได้ กับสร้างตารางฐานข้อมูล
ข้อสอบแม่งไม่ยากเวลาเหลือๆ จนกุเพิ่มระดับความเหนือให้ แต่ฐานข้อมูลกุไม่แน่ใจว่าเขียนถูกฟอลม์การเขียนมั้ย แต่ดีไซน์ได้
ส่วนตอนสัมภาษณ์มีภาษาอังกฤษซึ่งโดยรวมกุสัมภาษณ์ได้กากถั่วมากๆเพราะภาษาอังกฤษห่วย
แถมไม่ได้คุยกับฝั่ง dev ด้วย เห็นว่าถ้าผ่ารจะเรียกสัมภาษณ์อีกรอบ
ซึ่งดูจากรูปการณ์แม่งไม่ได้แน่ๆhrคงไม่ให้ผ่าน
ส่วนที่ 2 ข้อสอบเป็นคำสั่ง SQL รัวๆกุทำไปแบบไม่แน่ใจคำสั่งเท่าไหร่แม่งลืมหมดแล้ว ส่วนสัมภาษณ์ภาษาไทย แบ่งมาเป็นคุย hr ทีนึง dev ทีนึง
ที่นี่มีถามกุเอาเงินเดือนเท่าไหร่(กุกรอกไม่ชัดด้วยมั้ง)
โดยรวมที่นี่ตอนสัมภาษณ์กุโอกว่าที่แรก คิดว่าน่าจะได้แต่ไม่กล้าฟันธงว่ะ เพราะที่ๆแล้วคนสัมภาษณ์เป็น dev ทั้ง 2 คน คนนึงชมกุด้วยยังหายต๋อมไปเลย
พอดีข้างบนกุพิมพ์เตรียมระหว่างนั่งรถมาแล้ว ขอตอบข้างล่างต่อแล้วกัน
>>220 ขอบคุณโม่งรุ่นพี่หมายเลข2มาก กุยังไม่เจอถามoopเดี๋ยวถ้ากุต้องร่อนใบสมัครไหนแล้วโดนเรียกจะไปอ่านทวน คืนอ.ไปหใดแล้ว 555 มึงทำให้กุนึกถึงที่แรกกับหมายเลข1ข้างบนเลยว่ะข้างบนที่กุไปสอบมาก
คือที่แรกเขาถามเลยว่าทำไมกุตอบคำถามนี้ๆแทบจะทีละข้อ(แม่งเขียนเป็นengอีกแล้ว)แล้วโจทย์มีคำเช่น เทสเคส เวกเตอร์ ไรพวกนี้แล้วกุไม่ชัวคำถาม(แม่งยิ่งอ่านอังกษแล้วมึนๆอยู่)
ส่วนอีกที่คือหมายเลข 1 ข้างบน พอกุกลับมานั่นอนคิดที่บ้าน คือเหมือนเขาถามล้วงกุเลย ทำไมกุเรียนได้เกรดไม่ดีงี้ (จริงๆแล้ว2.5มันเลวร้ายหรอวะ) พยายามให้กุเหมือนเอาเรื่องตัวเองมาพูดๆให้แม่ง
แล้วปกติกุไม่ชอบตีซี้เล่าประวัติให้ใครโดยที่แม่งฟังกุอย่างเดียว รู้สึกเหมือนถูกคุกคามความเป็นส่วนตัวชอบกล แล้วตอนแนะนำตัวก็เหมือนมึงกำลังโม้ตัวเองให้ฟังหน่อยๆ
กุเกลียดเวลาให้กุแนะนำตัวเองถามคำถามค้นหาตัวเองกับกุ ยิ่งกว่าถามทำไมข้อสอบถึงตอนอย่างงี้ซึ่งเหมือนมึงแลกเปลี่ยนข้อมูลกันมากกว่า
ฉะนั้นตอนให้แนะนำตัวกุตอบแค่ชื่อนามสกุลจบจากไหนเต็มที่ก็โปรเจคซึ่งสั้นโครต
>>220 นี่เลยที่กูกังวล เพราะตอนฝึกงานกูเคยลองยื่นไปสามที่
ที่นึงนี่ HR ปัดกูทิ้งตั้งแต่เห็น resume กูเลยมั้ง เกรดกูไม่ค่อยสวยเท่าไร มีวิชาที่ดีและแย่
แต่ที่หนักกว่าคือ โปรเจคที่เคยทำมันแทบไม่มีอะไรเลย
เพื่อนกูที่ไปสมัครด้วยกันนี่บอกเขาดูสนใจโปรเจคที่ทำมาก ถามเกี่ยวกับโปรเจคซะส่วนใหญ่อะ
อีกที่นึงตอนสัมภาษณ์ถามเรื่อง OOP ได้ไหม ซึ่งตอนนั้นกูคิดว่าได้ระดับหนึ่งละ
แต่ก็ตอบเค้าดูไม่มั่นใจ ตอนนั้นเค้าสัมภาษณ์ผ่านโทรศัพท์ เลยไม่ได้ให้ลองอะไรหรือถามอะไรลึกมาก
สุดท้ายเค้าคงไปดูเกรดมั้ง ซึ่งวิชาที่มี OOP ตอนนั้นเกรดกูกากมาก เพราะโปรเจคกูเน่าด้วยไรด้วย
แน่นอนว่าไม่รับ ฮา
ถึงตอนนี้กูคิดว่ากูกลับมาแม่นขึ้นกว่าเดิม แต่ก็คิดว่าถ้าโดนถามลึกนี่กูก็คงไม่รอดอยู่ดีอะ (เผลอๆ อาจโดนปัดทิ้งตั้งแต่เห็นเกรด)
รู้สึกเสียดายหน่อยๆ แฮะที่โปรเจคของแต่ละวิชากูไม่ตั้งใจเท่าไร
กูก็ยังกังวลอยู่ว่าเรียนจบกูอาจได้ไปเป็นแค่ support หรืออื่นๆ
กลัวสกิลไม่พัฒนาอะไม่ใช่ไร (กูโม่งที่กำลังเรียนจบ และอยากทำงานเก็บเวลเยอะๆ ก่อน)
สำหรับพี่โม่งที่จบแล้วกำลังหางานอยู่ สู้ๆ เว่ย เดี๋ยวอีกเดี๋ยวกูจะเริ่มวิ่งหางานบ้างเหมือนกันละ (ตอนนี้พึ่งลองสมัครไปที่เดียว)
ปล.กูก็ไม่ค่อยชอบเล่าประวัติตัวเองเหมือนกัน บางมุมมันจะดูเหมือนกูกำลังโม้อยู่อะ
หายไปหลายวันเลยนะพวกมึงหนิ กูก็มานั่งรอตอบทุกวัน
อย่าไปซีเรียสเรื่องสอบ ส่วนใหญ่จะถามที่เป็นพื้นฐานทั่วไป ถ้าจบใหม่ไม่น่าจะยาก ไอ้ที่จบไปแล้วจะมาทำอ่ะยากกว่าเพราะแม่งลืมทฤษฎีไปหมดแล้วเป็นแต่ปฏิบัติ
OOP กับ SDLC สองตัวนี้ต้องจำขึ้นใจเพราะใช้ตลอด
เกรดจบกูไม่ถึง 2.5 ด้วยซ้ำ F ก็ติดหลายตัว เรียนก็ไม่จบตามเกณฑ์ กูยังมาถึงจุดนี้ได้เลย เก็บสะสมประสบการณ์เอา
แต่ที่เขาชอบดูโปรเจคกันเพราะมันคล้ายกับมาจากการทำงานจริงๆไง เกรดวิชาแม่งเดี๋ยวก็มีงาน มีเช็คชื่อ มีแลป หรืออาจารย์ใจดีให้ง่ายอีกวัดยากกว่า
อยากจะบอกว่าไอ้ที่เรียนมาอ่ะ ไม่ใช้หรอก เขาเองก็คาดหวังแค่มึงเข้ามา ปรับตัวได้ เรียนรู้ไว แค่นั้นแหละไม่สนกับในมหาลัยหรอก
เริ่มแรกมึงต้องจับปลาตัวแรกให้ได้ก่อน แล้วต่อๆไปมึงจะเป็นแล้วอะไรๆจะง่ายขึ้น (เช่นสมัครงานครั้งต่อไปเขาก็ไม่ดูที่มึงเรียนมาแล้ว ดูจากงานเก่าที่มึงทำมากกว่า)
เห็นพูดเรื่องหางานแล้วเหนื่อยใจ
กูควรไปเขียนโปรแกรมลงแอ็ปสโตร์แทนขายดีไหมวะ
>>223 พยายามเข้า ถ้ามั่นใจจบ 100℅ กับมีเวลาวิ่งยื่นวิ่งไปมาลองสมัครเลย
ขนาดตอนนี้ม.กุยังขึ้นสถานะกุเป็นนักศึกษาอยู่เลย (พอดีกุจบเทอม1อ่านะ) ว่าแต่พวกมึงทำโปรเจคจบกันเสร็จแล้วหรอวะ
ตอนฝึกงานกุก็ได้เป็นคนท้ายๆเหมือนกัน เกือบจะรำคาญส่งฝึกงานกับฝ่ายเทคโนโลยีในม.แล้ว
ถ้าเพื่อนมึงเก่งสัส แนะนำว่ามึงอย่ายื่นสมัครงานเหมือนๆกัน ถ้าเขารับคนเดียวมึงเจ็บจึกเพราะมึงจะไม่ได้เข้าไปทำ แต่ถ้ารับทั้งคู่มึงจะกดดันที่เพื่อนแม่งเก่งกว่า (จะไม่เป็นถ้ามึงมีจิตใจอันประเสริฐซึ่งยากว่ะ)
>>224 โทดทีๆที่ทำให้มึงต้องเข้ามาเช็คห้องร้างๆทุกวัน พอดีหลายวันก่อนมันไม่มีประเด็นไรใหม่พูดไงมึง ก็เลยเงียบไปแต่เข้ามาเช็คเรื่อยๆ แสดงว่าพวกมึงก็ซุ่มอ่านเหมือนกันซินะ 555
กุก็จบช้าไปครึ่งปีเพราะขี้เกียจทำโปรเจคจบ (คู่โปรเจคแม่งแทบไม่ทำไร) แต่กุไม่ได้ซีเรียสเรื่องจบช้า หรือเคยF(กุไม่เคยดรอป มีFแค่ตัวเดียว ตอนนั้นโครตช๊อค) แต่เจ็บตรงรู้สึกว่าตัวเองเป็นสินค้าไร้มูลค่าตอนสมัครงานนี่ล่ะ เหมือนกุผิดที่จบใหม่งั้นล่ะ
>>225 ท่าจะยากนะมึงถ้าโซโลไปคนเดียว บอกตรงๆตั้งแต่ใช้แอนดรอยมา ยังไม่เห็นแอปคนไทยดีๆเท่าไหร่เลย
กุถามหน่อย ปกติเค้าไม่ฝึกงานกันก็ได้หรอวะกัน เห็นบางที่ถาม งง
กู >>220 นะ
>>223 มึงเล่าแค่สิ่งที่ถนัด ไม่ถนัดก็พอแล้ว เล่ามากคนฟังก็รำมึง คิดง่ายๆอะ ถ้ามึงเป็นคนสัมเด็กใหม่ มึงอยากฟังเรื่องอะไรบ้าง มึงก็พูดตามนั้น
แต่ติดตลกบ้างก็ดี แม่งช่วยเปลี่ยนบรรยากาศเครียดๆให้กันเองจนกรรมการมันเริ่มเปิดใจให้มึงได้ แต่ดูหน้าแม่งด้วยนะ บางคนแม่งก็ไม่ฮาจริงๆ
แล้วถ้ามึงกลัวว่าพูดสั้นนะ มึงเอาโปรเจ็คมึงอะมาบรรยายเลย บอกว่าอะไรจากไหนยังไง ถ้าคนสัมมึงแม่งเป็นนะ มึงก็แต้มบวก ถ้าแม่งไม่เป็นยิ่งหวานเลย
กูเคยไปสัมที่นึง กรรมการทั้งห้องแม่งไม่มีใครรู้เรื่องเขียนโปรแกรมจริงๆเลยไอสัด แบบเอา HR มานั่งอะ กูแม่งก็เล่าไปๆ เล่าแต่ไอเรื่องดีๆ
เรื่องคอนเซ็ปนะ โม้ไปเรื่อยๆอะ แม่งกลายเป็นคิดว่ากูเก่ง รับเฉยเลย แถมต่อรองเงินเดือนได้ด้วยนะ (ตอนนั้นงานที่แรกกูเลย start 23k)
แต่กูก็เขียนได้จริงๆนะ แค่ไม่แม่นทฤษฎีเท่าไหร่
>>223 กูเข้าใจมึงเลย กูเขียนโปรแกรมได้ท็อปๆของรุ่นนะ แต่กูเสือกมีปัญหากับอาจารย์ โดนแม่งแกล้งตอนสอบปลายภาคได้ 0 เลยเย็ดเหี้ย เกรดหายไปเลยอะ 40 คะแนน ซึ่งจาก ปสก กู กูค้นพบเทคนิคทำให้เกรดมึงหมดความหมายเว่ย มึงแค่ยอมไปทำงานกับ บ เล็กๆ เงินเดือนกากๆซักปี แล้วพอมึงมีประสบการณ์ + มีผลงานซักนิดที่โชว์ได้เท่านั้นล่ะ มันจะมีพวก HR โทรหาจีบมึงบ่อยๆแน่นอน ที่สำคัญ เริ่มกับ บ เล็กๆแม่งดีอย่างนะ ยิ่งพวก บ ตั้งใหม่อะ คือมึงไม่ได้ทำแค่เขียนโปรแกรมแน่ๆ มึงอาจต้องดูฐานข้อมูล ทำหน้าเว็บให้เขา หรือแม้แต่ลงวินโด้ด้วย คือมึงจะเป็นรอบด้านกว่าทำ ม ใหญ่ๆที่ทำงานซ้ำๆ พออยู่ไปซักพัก มึงก็เขียนไลบรารี่ใช้เอง จนมึงแทบไม่ต้องทำอะไรใหม่ๆแล้ว จาก ปสก ที่กูอยู่ บ เล็ก แม่งเขียนแทบทุกอย่างเลยสัด php html css c++ obj-c mssql ชงกาแฟ ส่งพัสดุ นวดไหล่หัวหน้า บลาๆๆ
>>225 เขียนแอปแม่งไม่ง่ายนะมึง กูนอนเอาตีนก่ายหน้าผากคิดมาครึ่งปีละ กูยังคิดไม่ออกเลยว่าจะเขียนแอพไรให้คนโหลดดี
>>227 ไม่แน่เสมอไป เพื่อนกูกากกว่ากูอีก แต่เขาเสือกรับเพราะแม่งตอบคำถามๆนึงได้(ไม่เกี่ยวกับโปรแกรมมิ่ง) ในขณะที่กุตอบผิด
ส่วนเรื่องฝึกงานมันขึ้นอยู่กับ ม แล้วก็ คณะ มั้ง กูเห็นเพื่อนกูเรียนเอกภาษา แม่งก็ไม่ได้ฝึกงานนะ
กู >>223 เอง
มีพี่โม่งมาให้กำลังใจเยอะจนกูตกใจ 555 ขอบคุณมากๆ
รู้สึกมีกำลังใจในการสมัครงานขึ้นมาเลย
กูกะจะลองสมัครกับบริษัทเล็กๆ ก่อนเหมือนกันเพราะอยากเก็บประสบการณ์หลายๆ ด้านก่อน
แต่ตอนนี้ขอเวลาพยายามลุยกับโปรเจคก่อน เผื่อจะมีอะไรไปพูดเวลาสัมภาษณ์มากขึ้น (ตอนนี้ยังไม่ถึงไหนเลย)
เออ นึกขึ้นได้ กูก็มีความทรงจำไม่ค่อยดีตอนฝึกงานพร้อมเพื่อนด้วยนะ 55
ได้ไปที่เดียวกันกับเพื่อนที่เป็นหัวแถวของรุ่น คือก็ไม่ได้เกลียดมันนะ แต่ก็ไม่ได้สนิทอะไร (แค่เกือบลืมชื่อเอง)
แต่วันแรกที่ไปฝึกคือพี่เค้าแค่คุ้นๆ หน้า แต่จำไม่ได้ใครเป็นใคร เค้าเลยถามเกรดว่าเกรดเท่าไร (จะได้จำได้ว่าเราคนไหน)
คือกูโอเคนะที่จะบอกเกรดเค้าแบบไม่อาย แต่รู้สึกเหมือนเค้าจำกูด้วยเกรดอะ ละเพื่อนที่ฝึกด้วยแม่งก็หัวแถวของรุ่นไง ...
กูแบบ ... เชี่ยยยยยยยยยยย โคตรเหมือนเศษฝุ่น แทบอยากกลับบ้านตอนนั้นเลย ช่วงสัปดาห์แรกกูรู้สึกไร้ค่าจริงๆ
แต่ฝึกไปก็โอนะ พี่เค้าก็ใส่ใจกูดี ทำงานไปกูก็รู้สึกว่าเพื่อนหัวแถวรุ่นมันก็ไม่ได้เพอเฟคหรอก มีด้านที่กูดีกว่าบ้างไรบ้าง (นิดนึง)
ถ้าให้ไปพร้อมเพื่อนในรุ่นอีกนี่อันนี้กูคงคิดหนักจริงๆ (ยกเว้นเพื่อนในกลุ่มที่รู้ฝีมือกันอยู่แล้วอันนี้กูโอเค)
ปล.กูจะพยายามมาอ่านแถวนี้ให้บ่อยขึ้นนะ 555 ขอบคุณเพื่อนๆ พี่ๆ โม่งมาก
แปลว่ากุไม่ได้คิดไปเองสินะว่าบางที่ไม่ต้องฝึกงาน
>>228>>231 คุยอย่างงี้แล้วกุคันปากอยากจะเล่าให้ฟัง
มีคนในรุ่นคนหนึ่งที่กุไม่ชอบขี้หน้าเพราะนิสัยเหมือนเกาะชาวบ้านเก่ง+ดูร่านเวลาคุยกับผู้ชาย ถ้ามึงมีประโยชน์ไรกับมันนี่เสียงหวานเลย กุเลยไม่ค่อยชอบพวกมันทั้งกลุ่ม
หนึ่งในเหตุการณ์ที่เจอกับมัน(ปกติกุจะพยายามหลบๆมัน ไม่ค่อยจะเจอกับมันหรอก) เป็นวิชาเขียนโปรแกรมแล้วมันมาขอลอกโค๊ตกุ ซึ่งมันมาเอ่ยปากกับกุๆให้ไป หลังจากนั้นมันเดินไปที่โต๊ะมันล็อกอิน user password กุก็อบไปเฉยๆ ทั้งๆที่กุไม่เคยบอกมันเลย หลังเลิกเรียนกุต้องกลับเปลี่ยน password เลย โครตเงิบ
หลายๆวิชา (ซึ่งมันโง่กว่ากุแล้วกัน) เกรดดีกว่ากุอีก อย่างวิชาที่กุตกก็มีกุคนเดียว (ไม่อยากจะพูดหรอกนะว่าอ.คนนี้เหมือนเค้ากดเกรดคนที่ดูเงียบๆเหมือนไม่สนใจเรียนหรือพวกดูไม่ค่อยเก่ง ซึ่งจริงๆแล้วแม่งเก่ง)
อย่างตอนคัดคนไปบ.ที่กุฝึกงานกุอยู่ชิดติดขอบเหตุการ์จริงเลย
เรื่องมีอยู่ว่าเขาจะเอา 3 คนแต่มีคนสมัคร 4 ซึ่งมี ไอ้เด็กไปแข่งค่อนข้างเก่ง กุ เด็กเรียนใช้ได้ค่อนข้างดี แล้วก็ตุ๊ดเก่งอิ้ง
ไอ้เด็กเก่งกับเด็กเรียนใช้ได้มันเป็นเพื่อนในก๊กเดียวกัน
ทีนี้สัมภาษณ์ทางสไกลทีละคนตามลำดับข้างบน ซึ่งคำถามมันเป็นคำถามเชิงจิตวิทยาแต่ยกเหตุการ์แหละ มันพีคตรงที่ว่าเขาถามว่าถ้าเรือรั่วมีคนนั่งจะจมทำไง(เป็นคำถามที่คนก่อนหน้าไม่โดนถาม) เด็กเรียนค่อนข้างดีมันตอบว่าให้ปล่อยไป กุนี่อยากจะเอาพายยางตบแม่ง
อย่างที่รู้กันมึงผลออกมาว่ามันไม่ได้ แต่พอดีตุ๊ดมันทิ้งไอ้นี่มันเลยได้ไป
ทีนี้ตอนฝึกงานตอนแบ่งแผนก ไอ้2คนนี้ก็ยังอยู่แผนกเดียวกัน เขียนโปรแกรมอีก
เป็นมึงจะรู้สึกไงล่ะถ้าเจอแบบนี้ แม่กุเสพมาม่าดูพวกมันอยู่ห่างๆ 555
>>229 ไม่ต้องบ.เล็กก็ได้ บ.ไหนที่รับมึงช่วงเศรฐกิจไม่ดี ไม่รู้ตอนมึงจบกุจะหางานได้ยัง 555
>>230 สู้ๆ มึงคงไม่ว่างมาตอบพวกกุเหมือนเดิมแล้วสินะ...
>>232 อ่าแล้วเหมือนกุตีความหมายไม่ชัด
กุหมายถึงถ้าไอ้เด็กเรียนใช้ได้ค่อนข้างดีมันไม่ตอบทิ้งให้เรือล่ม กุอาจจะได้ไปหาที่ฝึกงานใหม่อีกแน่
พูดมาตั้งนานไม่ได้บอกเลยว่ากุเป็นโม่งหญิง(อ้วน เพราะฉะนั้นฝันสลายไปซะ) เขียนโปรแกรมอยู่กลางๆของรุ่น แต่พอเทียบกับผู้หญิงค่อนข้างจะเก่ง เพราะผู้หญิงแม่งให้ผู้ชายช่วยเยอะชิปหาย
ส่วนเพื่อนสนิทกุ แม่งเขียนโปรแกรมเทพมาก แต่ซิ่วไปเพราะตกวิชาพื้นฐาน กุก็อาศัยมันเป็นคนสอนวิธีการเขียนแปลกๆนี่ล่ะ
ถ้าเพื่อนในรุ่นกุมาอ่านเจอแม่งโม่งแตกแน่เลยว่ะ 555
ว่างมาตอบอยู่ กูดูเรื่อยๆ เพราะนึกไม่ออกว่าจะเขียนยังไง
SA ก็ Design มาได้ Simple มากเลย ควย Logic เหี้ยอะไรก็ไม่ให้ เหมือนไปฟัง User Requirement แล้วจดใส่กระดาษมาให้เฉยๆว่าเขาต้องการอะไร ไอ้สัสแบบนี้กูไปนั่งฟังเองก็ได้ เงินเดือนก็เยอะกว่ากูด้วยนะ
บ่นไปงั้นแหละนั่งทำอยู่ เส้นตาย 19 นี้ตอนนี้ได้แต่จอเกือบเสร็จละ เหลือใส่ Logic Validate Field ว่าช่องนี้ๆๆให้เป็นตัวเลขเท่านั้นถึงจะอัพเดทได้ อะไรแบบนี้
>>235 กุขอถามโง่ๆได้ป่ะ ปกติเวลาเค้าเรียนlinuxเค้าเรียนไรกันวะ กุเคยแต่ลง linux ใช้คำสั่งลิสไฟล์งี้ 555 (คือรู้ว่ามันใช้ดูแลเซิฟได้แล้วยังไงต่องง)
>>236 มึงพูดถึง SA แล้วกุสงสัยว่าเดี๋ยวนี้ตำแหน่งสาย IT ทั้งหมดบ.กลางหน่อยเน้นภาษาหมดเลย คือมันได้ใช้จริงหรือแค่ถูไถอ่านออกก็พอวะ
ระหว่างที่กุกำลังโปรยใบสมัครโดยเฉพาะพวกตำแหน่ง SA QA SE นี่เจอแบบนี้เยอะเลย
กูโม่งบ่นงานเอง มาถึง Office ละเปิดโม่งก่อนทำงานเลยกู
>>237 หลักๆเลยกูเขียน Shell Script กับ Oracle Report แล้วยัดใส่ Linux ให้มันรัน
แล้วเน้นภาษานี่หมายถึงภาษา Programming หรือภาษาในการสื่อสารวะ อันแรกก็เน้นตามที่เขาอยากได้แหละว่าบริษัทพัฒนาด้วยอะไรอยู่(บางบริษัทก็มีหลายภาษา) ส่วนอันหลังนี่สำคัญมากเพราะบริษัทส่วนใหญ่ต้องติดต่อกับลูกค้า/User หรือแม้แต่พนักงานด้วยกันเองที่เป็นคนต่างชาติ อย่างบริษัทกูแขกเยอะมากเพราะเป็นบริษัทของสิงคโปร
โม่งแตกแน่นอนกู
>>234 มึงให้มันไปเจอลูกค้าอะดีละ คิดซะว่ามึงมีเกราะรองรับอารมณ์อยู่ เพราะถ้าโปรแกรมมึงมีบัคเหี้ยๆอะไรแบบนี้ ก็ส่งมันไปให้ลูกค้าด่า
แต่ถ้าแม่งไม่ทำไรเลยนอกจากเอาเอกสารมาโยนแปะ แล้วเดินหายไปเลยตลอดกาล แบบนั้นมึงโวยเหอะ
แต่กุว่าจริงๆแล้ว SA แม่งไม่จำเป็นเท่าไหร่มั้ง SE สำคัญกว่าอีก
>>239 สุดท้ายเดี๋ยวมันก็มาด่ากู จี้กูให้แก้ไง
SA สำคัญ ถ้ามันทำ Data Model หรือ System Flow มาให้ กูก็แค่ Code 9ามนั้นง่ายนิดเดียวไม่ต้องคิดอะไร แค่หา Code ที่ให้มันทำงานตาม Flow ได้หรืออัพเดทลง Database อะไร Field อะไรตามที่ SA ลิสต์มาให้ก็แค่นั้น(ง่ายด้วยไม่ต้องไล่หาเอง) แถมถ้าเป็นสูตรก็ต้องไปหามาให้ว่าจะเอาข้อมูลตรงไหนบ้าง มาทำอะไรกันบ้าง แล้วเราก็ค่อยมาเขียน PL ตามที่มันวางไว้ นี่คือหน้าที่ของ SA นะ(และเงินเดือนมันก็เยอะกว่า PGM อยู่แล้วไม่เถียง)
แต่ไอ้ SA หน้าหีที่มันแค่สั่งลอยๆเหมือน User ไม่หาหีแตดอะไรมาให้กูเลยเนี่ย ลาออกแล้วให้กูควบสองตำแหน่งรับเงินเดือนแทนมึงเถอะขยะเอ๊ย
วันนี้ถาม Parameter ที่จะเอามาใส่ใน Logic ว่าจะให้เช็คอะไรบ้าง ทักไปแม่งก็ไม่ตอบ แต่ยังเห็นนั่งอยู่โต๊ะอยู่นะ(ทำควยไรวะ)
>>240 แสดงว่ามันแค่ SA wannabe ไม่ต้องห่วงในไทย wannabe เยอะ
กูจบSA มา กูทำได้แบบว่าเมิงเขียนโค๊ด สบายเลยแหละ
จบมาหางานในไทยทำตรงสายไม่ได้เลยฟะ ทำใจ เมืองไทยยังไม่พร้อมสำหรับอาชีพนี้
ที่มีส่วนใหญ่ก็แค่ Sale ความรู้โปรแกรมมิ่งแค่หางอึ่ง ไม่ได้เรื่องดอก บ่องตง
เพื่อนรุ่นกูจบออกมา ไม่มีใครได้ทำSA จริงจังเลยซะคน
หวัดดีทุกท่านหลังจากหายไปอาทิตย์นึง กุคือโม่งจบใหม่เตะฝุ่นเจ้าเก่าเอง
นี่อาทิตย์นึงแล้วบ.ที่กุไปสัมภาษณ์เขายังไม่ติดต่อกุมาเลย เขาบอกว่าจะติดต่อมาภายใน2อาทิตย์ หมดหวังอีกแล้วสินะ (;_;)
ล่าสุดบ.หางานส่งไปบอกเขาเรียนกกุ นัดวันไรกันเสร็จเรียบร้อย แต่พอกุไปค้นในกูเกิ้ล
ดูแล้วเป็นบ.เล็กๆยังไม่เท่าไหร่ สาด คนตั้งบ.เป็นส.ส. แถมยังเจอจม.ร้องเรียนโดนให้ออกแต่จ่ายไม่ครบอีก
แล้วไกลโครตนั้งรถ 3 ชม.ยังไม่ถึงเลยมั้ง กุเลยปฎิเสธไป
กุเสียความรู้สึกที่ว่าคนที่เค้าหางานให้กุดันเป็นคนรู้จักกัน เขามองว่ากุเป็นของขายไม่ออกแล้วใช่มั้ยเนี่ย
(ถึงเขาจะให้วงเงินสตารต์กุเยอะก็เถอะ)
เรื่องนี้สอนให้กุรู้ว่า อย่าพึ่งตัดสินใจไรที่ได้ยินผ่านทางโทรศัพท์เป็นอันขาดก่อน ถ้าให้ตัดสินใจไรที่ไม่รู้รายละเอียดให้ส่งเมลมาก่อนอย่าพึ่งตัดสินใจ
ก็ไปสัมภาษณ์ก่อน ถ้าเดินทางพอไหวก็เอา
>>245 บอกยกเลิกไปแล้ว
เจอข่าวบริจาคเงินให้พรรคการเมืองที่ตัวเองอยู่ด้วย
กุเจอแค่นี้กลัวแล้ว สมมุติวันไหนกุพูดไม่ถูกหูโดนใครวิ่งโร่ไปฟ้องโยนว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามนิเสร็จเลย
ยิ่งพี่ๆทหารอยู่กันยาวๆอย่างนี้ต้องมีบ่นหลุดมาแน่
การเมืองเดี๋ยวนี้ยิ่งจับแพะชนแกะขีดเส้นแบ่งฝั่งคนอยู่
เมื่อกี้พึ่งมีบ.เรียกมาแล้ว(กุนิชูมือขึ้นสูงๆเลย) \(;_;)/
สู้ๆต่อไป ถ้ามึงไม่เลือกงานมากจริงๆยังไงแม่งก็มีให้ทำ เพราะสายงานนี้มีความต้องการเยอะและตลอด ขนาดที่บริษัทกูยังรับเพิ่มเลยตอนนี้(แต่ยังไม่ได้มาซักทีเพราะแม่งไม่ถูกใจหัวหน้ามั๊ง)
ช่วงนี้กูงานเยอะเลยไม่ค่อยได้มาตอบต้องขอโทษด้วย
จาก โม่งเหี้ยไรดีล่ะ โม่งสิงคโปร์ ละกัน
เพื่อนโม่งกุโม่งจบใหม่มารายงานพวกมึง กุได้งานแน่ๆแล้ว 555
พึ่งไปสัมภาษณ์มาเมื่อวาน คุยเสร็จเขาบอกรับกุเลย เหลือให้ hr โทรมาชี้แจงให้เป็นทางการอีกที งานที่ได้ตำแหน่ง software eng เขียนโปรแกรมควบคุม HW กับระบบโรงงาน มีวิ่งไปมาระหว่างออฟิสกับโรงงาน
บ.ที่ไปเป็นของไต้หวัน วันนี้กุลองไปค้นประวัติบ.ในเน็ตดู เห็นคนบ่นกันเยอะเลยว่าทำงานโรงงานงานหนักเอาเปรียบเยอะ กุชักสยองๆแล้ว ว่ากุจะรอดมั้ยเนี่ย (;_;) กุไม่รู้เรื่องไรเกี่ยวกับโรงงานเลย แถมตำแหน่งที่ทำออกทางวิศวอิเล็อทรอนิคอีก
ส่วนพวกที่รอสัมภาษณ์อาทิตย์หน้า นี่กุควรรอhrโทรมาเป็นทางการแล้วค่อยยกเลิกสินะ
>>251 กุจะพยายามดูดสกิลมาให้เยอะที่สุด เพราะคิดว่ากุคงไม่มีโอกาสหลุดเข้ามาในตำแหน่งยากๆอย่างนี้ที่อื่นอีก 555
ในรุ่นกุ กุแทบไม่ได้ยินใครไปทำงานสายอิเล็กทรอนิคเลย ยิ่งมีเกี่ยวกับอิมเมจไม่เคยเห็น มีแต่ มีแต่ทำ SW Network
เขาบอกแผนกที่กุทำแผนก r&d ถ้าเห็นอันไหนดีกว่ามึงแย้งแก้ได้เลย แลดูเอาแต่ใจดีว่ะ แถมตอนสัมภาษณ์เมื่อวานไม่มีข้อสอบเทคนิค มีแต่engอีก เอ่องงดี
ตอนที่เขารับกุเลยกุก็งงถามเขาเหมือนกัน เพราะกุถามเขาผลออกเมื่อไหร่ เขาบอกเดี๋ยวออกผลเลย แล้วออกไปคุยอีกห้องกลับมาบอกกุ
ว่าเขาให้ตามเงินที่กุเรียก(กุเขียนไป18000ซึ่งแม่กุด่าว่าน้อยไป ถ้ามีไปตจวน่ามากกว่านี้) เขาบอกแผนกเขามีอำนาจในการตัดสินใจได้เลย เหลือส่งให้ hr เดือนหน้าน่าทำงานได้เลย
เวลาเรียกเงินเดือนให้เรียกเยอะๆเอาไว้ก่อนเลยเพราะเขาจะต่อมึงแน่ๆแล้วก็เขาจะถามว่าทำไมถึงเรียกขนาดนี้ ซึ่งถ้ามึงตอบได้โดนใจก็บิงโกได้เงินตามนั้นแหละ
ใช้ได้เฉพาะบริษัทที่ไม่มีโครงสร้างเงินเดือนชัดเจนนะ บางที่จะมีเรทสำหรับเด็กจบใหม่อยู่แล้วอันนี้เขาก็จะถามว่าที่นี่ให้ xx,xxx สำหรับเด็กจบใหม่น้องโอเคมั๊ย ประมาณนี้
ตอนกูเข้ามาสมัครที่ปัจจุบันนี้ก็เรียกไปจำนวณนึง ก็โดนเขาต่อลงมาอีกเยอะอยู่(เป็นหมื่น) สุดท้ายก็ไปจบกันที่ตรงกลางจากส่วนต่างของที่เขาต่อกับที่กูเรียกเป๊ะ(สลัดผัก)
จากโม่งสิงคโปร์ที่หายไปนาน
>>253 พูดถึงเรื่องเรียกเงิน วันนี้มีอีกบ.รับกุว่ะ เป็นบ.เล็กๆมีกันไม่ถึง10คน แต่บ.นี้กุฮาตรงที่แม่งเหมือนเล่นประมูลเลย ตอนโทรมาครั้งแรกมีถามราคาด้วย พอวันนี้โทรบอกผลมีการถามราคาอีกฝั่ง ก็เข้าใจอยู่หรอกว่าdevมารับคนเองเลยยังงงๆกับชีวิต
ตอนนี้กุเลยกลายเป็นมี2ตัวเลือกเลย ระหว่างที่ใหญ่ เขียนโปรแกรมควบคุมHW เสียวงานยากไปไม่ผ่านโปร กับที่เล็กเป็นโปรแกรมเมอร์ ออกจากนี่มีงานรองรับเยอะ
เรื่องเงินเท่ากันก็จริง ที่ใหญ่ไม่รู้มีวันเสาร์กับลดเงินตอนโปรมั้ย ที่เล็กลดเงินช่วงโปรแต่ถ้าอยากเพิ่มบอกต่อรองได้(ไรฟระ)
ที่เซ็งคือถ้ากุไปสายไหนสายหนึ่ง อีกหน่อยกุจะเปลี่ยนไปอีกสายยากเลย
ชักเริ่มปวดหัวแล้วเอาอันไหนดี
ก่อนหน้านี้เงียบกริบกันหมด ทีนี้พอกุได้งานปุปโทรเรียกสัมภาษณ์กันเป็นแถว
เมิงก็ ลองๆ ไปดู ทั้ง 2 ที่ซิ
ที่เหลือเมิงต้องไปดูสถานที่ ที่ไหนไปง่ายกว่า ตรงนี้สำคัญนะเมิงการเดินทาง และเมิงต้องดูสถานที่เมิงทำงานด้วย คอมพร้อมไหม แรงพอไหม ไม่ใช่ที่เก่ากู ให้กูใช้ 486 เขียนโปรแกรม แบบนี้ไม่ควรใช้งาน เครื่องมือใหม่ป่าว สัสดิการดีไหม ลาป่วยได้กี่วัน ลากิจได้กี่วัน เข้มงวดเวลาหรือเปล่า
>>257 หลายๆอย่างกุดันลืมโง่ไม่ได้ถามโดยเฉพาะที่ใหญ่ กุว่ารอเขาติดต่อมาอีกรอบถามรายละเอียดอีกที
สถานที่ : ไกลจากบ้านทั้งคู่ เวลาเดินทางน่าพอกัน ที่ใหญ่มีออกไซต์
คอม : มี pc ให้ทั้งคู่ ส่วนคอมใหม่ป่าวนี่กุยังไม่รู้ละเอียดขนาดนั้นว่ะ 555
การทำงาน : เห็นที่ใหญ่ดูในเน็ตมันมีสายโรงงานมีเสียงสรรเสริญ(ด่า)ไว้จำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นเวลา คน ลักษณะการทำงาน แต่งานของกุไม่แน่ใจว่าโดนโรงงานหนักแค่ไหน สงสัยโดนทำวันเสาร์แน่ ส่วนที่เล็ก 5 วันเวลาไม่ฟิต
สวัดดิการ : ที่ใหญ่ยังไม่ได้คุย เห็นบอกที่พักออกไซต์บอกฟรี แต่ดูในเน็ตข้อมูลไม่ตรงกัน ส่วนโบนัส,ลาลืมถามทั้งคู่
กูขอคำปรึกษาบ้างดีกว่า จริงๆกูได้งานและทำมาได้สักพักแล้ว แต่พักนี้กูเริ่มมีความรู้สึกว่าถ้ากูออกจากที่นี่ กูจะไปทำงานอะไรได้บ้าง
ความสามารถกูก็ประมาณนี้
แม่น OOP
โปรเจ็กต์ไม่ได้ใช้ OOP เท่าไหร่ แถมทำเรื่องพื้นๆง่ายๆ (ความท้าทายตอนนั้นคือ ทำยังไงให้มันเร็วในระดับที่ใช้การได้จริงในทรัพยากรที่จำกัดจำเขี่ยมากๆ)
ภาษาที่เขียนได้ รู้คอนเซ็ปต์ แต่ไม่เคยทำโปรแกรมใหญ่ๆ JAVA, C++, Python, Parallel Processing
ใช้ Linux ได้เขียน Shell Script ได้
มีความรู้ด้าน Network อยู่บ้าง เขียน Expect Script ได้ คุ้นเคยกับ Software กลุ่ม Network Monitor, Packet Analyze สูง (อ่าน Packet, เข้าใจ SNMP ฯลฯ)
คือลักษณะงานคือ Project Implementer ทำงานร่วมกับ Pg เจ้าของ Product ที่ต่างประเทศ
หน้าที่เริ่มตั้งแต่คุย Requirement กับลูกค้าไทย เขียนสรุป Requirement ให้ Pg ต่างชาติ ภาษาอังกฤษกูเรียกตัวเองว่าอยู่ในระดับพอใช้
รับทราบ Bug จากลูกค้า Investigate เก็บข้อมูล และบอกวิธี Reproduce ให้กับ Pg
Bug บางส่วนที่เป็น JSP ก็แก้เองบ้าง (ส่วนมากในแง่ของ Front-end เช่น render report ไม่ออก หรือเพี๊ยน)
เขียนโปรแกรมสำหรับแก้ไขข้อมูลของระบบผ่าน API ที่เปิดไว้ให้เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
คิด Test Case, ทำ Automate Test ได้
Maintenance ระบบที่เป็น Linux ทั้ง HW และ SW
คิดว่าตัวเองมี Problem Solving skill สูง เพราะเจอกับ Bug ทุกวันทั้งต้องหาสาเหตุ reproduce ให้ได้ ยันแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ลูกค้าพอใจระหว่างรอ Pg แก้ root cause
คือตอนนี้กูมีความรู้สึกลบๆว่าตัวเองไม่ได้เรื่อง ไม่ดีเด่สักอย่าง กลัวมากๆที่อีก 2-3 ปีข้างหน้าถ้าจะออกจากที่นี่ กูจะทำงานที่ไหนก็ไม่ได้
กูก็เลยสับสนตัวเองว่ากูควรจะทำงานแบบไหนต่อไปดี
เข้าไปมึงก็เรียนรู้เพิ่มตามโครงสร้างของ IT แต่ละที่ๆมึงเข้าไปทำงานอยู่ดี ไม่ต้องซีเรียสเรื่องความสามารถนักหรอก
กูเห็นหัวหน้ากู กากกว่ากู ทำเอากูอึ้ง แต่เขาฝีมือ พรีเซนท์เก่งกว่า ดังนั้นเป้นโปรแกรมเมอร์เมืองไทย พรีเซนต์เก่งมีชัยไปกว่าครึ่งแล้วฟะ
ทำได้ไม่ได้ ช่างแม่ง
สกิลภาษา สกิลนำเสนอสำคัญกว่าสกิลเฉพาะทาง อันนี้จริงๆนะ
ส่วนสกิลเลียก็เป็นอีกด้านนึงที่สำคัญไม่แพ้กัน มีไม่มีก็ได้แต่ถ้ามีจะขึ้นไว 555555
ดังนั้นไม่ต้องห่วง ต่อให้มึงจบการแสดงมาเป็นโปรแกรมเมอร์ เน้นนำเสนอให้สวยงามอย่างเดียวพออย่างอื่นช่างหัวแม่ง
กูพูดเล่นนะ
ถามความรู้หน่อยครับ ตอนนี้อยากอัพสกิลตัวเอง กำลังเรียนอยู่ปี1อยู่ มีแหล่งมั้ยครับ เห็นคนแนะนำในไปเรียน udemy มันก็แพงไป
เห็น nectec เปิดสอบ ITPE ดูแล้วน่าสมัครสอบมั้ยวะ
เห็นว่าเป็นโครงการสอบมาตรฐานวิชาชีพไอที แต่โดยส่วนตัวกุไม่ค่อยเชื่อว่าจะทำได้เท่าไหร่
Cert ถ้าไม่ใช่สาย Network CCNA นี่แทบไร้ประโยชน์
พึ่งไปตอบคำถามในกลุ่ม Angular มา
โชคดีที่เข้าใจการทำงานเรื่อง Event Loop ของ JavaScript เลยหาทางแก้ได้เร็วขึ้น ไม่หลงทางไปไกล
ถ้าเป็นตอนหัดเขียน JS ใหม่ๆ ต้องคิดว่ามันเป็น Bug ของ library แน่ๆ(เพราะแก้ไม่ได้)
ย้ำอีกครั้ง...Front end developer จำเป็นต้องเข้าใจพื้นฐาน JS ให้ดีครับ
หนังสือแนะนำ
- Secret of JavaScript Ninja
- Series: You don't know JS
- Speaking JavaScript
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เพื่อนโม่ง line pay นี่มันเสถียรหรือยังอ่ะ ปลอดภัยไหมด้วย อยากลองใช้แต่กลัวอ่ะ
Angular ใช้ๆ ไป สุดท้ายยอมแพ้ กรูหนีกลับไปใช้ jQuery เขียนถึกๆ เหมือนเดิมดีกว่า
แม่งโคตรกาก bug DOM เยอะสัดๆ แถมมัดมือชก ทุกอย่างต้องเอาไปไว้ที่ Google หมด ไม่งั้น page speed คะแนนเตี้ยติดดิน
เคยเจอล่มครั้งนึง อยากจะกรีดร้อง ไม่มี Support WTF
เพื่อนโม่ง มีรหัส aes 256 บิท ชุดนึง รู้cipher รู้plaintext แต่ไม่รู้key จะหาkeyยังไงวะ
เพื่อนโม่งคนไหนเขียนJAVAเป็นช่วยแนะแนวหน่อยสิว่า ถ้าอยากเป็นJAVAสาย Web developmentนี่จำเป็นต้องเรียนรู้พวกPHPไรงี้มากมายมั้ยวะ? คือมีพื้นฐานHTMLอยู่แล้วไงแต่ไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับSQLเลยไม่รู้ว่าจะไปต่อยังไงนี่ดิ ตอนนี้เพิ่งหัดเรียนเขียนJAVAอ่ะ อยากเรียนเพราะเห็นแม่งเข้าได้กับทุกplatformแถมไม่ต้องมีpointerเหี้ยไรให้งงชิบหายแบบCและC++ด้วย
>>280 PHP กูว่าถ้าอยากรู้จะศึกษาก็ได้ แต่ไม่ได้จำเป็นเพราะสายงาน backend Java มันก็มี Java ใช้อยู่แล้ว
SQL กูมองว่าเป็นอะไรที่ค่อนข้างพื้นฐานนะ ยังไงก็ควรรู้ไว้ ยิ่งงานทาง backend ใหม่ๆยังไงก็ต้องใช้
อนึ่งไอ้ที่ Java ชอบโฆษณาว่ารันได้ทุก platform มันเป็นอะไรที่เก่าแล้ว พวกภาษา script ใหม่ๆเดี๋ยวนี้ก็ข้าม platform ได้ทั้งนั้น
ปล. ขอถามเพื่อความชัวร์ว่ามึงไม่ได้กำลังหมายถึง JavaScript แต่เข้าผิดว่ามันคืออันเดียวกับ Java ใช่มั้ย เพราะเห็นพูดถึงงานสายเว็บเป็นหลัก
>>281 กูแยกแยะออกอยู่แล้วว่าJavascriptกับJavaแม่งคนละตัวกันเพราะเคยลองJavascriptมาก่อนแต่แม่งใช้งานยุ่งยากสัสๆ แต่กุยังสงสัยไงว่าถ้าเรียนSQLเดี่ยวๆแบบไม่ต้องเรียนPHPมันจะได้มั้ย แล้วกูสงสัยด้วยนะว่าถ้าเอาjavaมาเป็นตัวพัฒนาเว็บแล้วมันจะใช้แทนPHPเลยใช่มั้ย? เพราะHTML+CSSกูพอมีพื้นฐานมาบ้างแล้วก็กำลังจะศึกษาพวกBoostrapเพิ่มเติมด้วย
ปล.ว่าแต่ถ้าจะเรียนรู้งานFront-endด้วยกูจำเป็นที่จะต้องรู้Javascriptด้วยป่ะวะ? ไม่ค่อยอยากใช้งานมันเพราะแม่งsyntaxจำยากสัสๆ
>>282 SQL ศึกษาแยกจาก PHP ได้อยู่แล้ว
จริงๆแล้วมันก็เป็นส่วนเกี่ยวกับ database ที่มักถูกเรียกใช้งานจากโค้ดซึ่งเป็นภาษาอื่นๆก็ได้ ไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าต้อง PHP
แต่หลักสูตรการสอนทั่วไปเวลาเรียนคอร์สเกี่ยวกับเว็บหลายที่มันชอบเอาไปไว้ใกล้ๆกับ PHP เฉยๆเพราะมันเป็นส่วนที่ต่อกับ backend
ส่วน Java กับ PHP มันเป็นส่วน backend เหมือนกัน ถ้าเคสทั่วไปก็คือแทนกันไปเลยนั่นแหละ
ส่วนงานเว็บทำ frontend ยังไงก็ต้อง JS อ่ะ มันคงอยู่ไปอีกนาน
ถึง framework ที่มาครอบหลายอย่างจะทำให้รูปแบบการเขียน JS เปลี่ยนไปมากจนแทบจะเหมือนเขียนภาษาใหม่ก็เถอะ
แต่ยังไงศึกษาพื้นฐานของมันให้พอรู้ไว้บ้างดีกว่า
ถ้ามึงไม่ชอบ syntax มัน การใช้ framework กับหา tool ดีๆมาช่วยอาจจะช่วยให้มึงไม่รู้สึกแย่กับมันมากจนเกินไปได้อยู่
ถามเพื่อนโม่ง อยากเริ่มศึกษาJavaเพื่อเขียนแอปแอนดรอยต้องเริ่มจากไหนดี ภาษาอังกฤษก็ได้ กุลองมาหลายที่แล้วตามเวป หนังสือก็ซื้อมาแต่ยังไม่เข้าใจเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะออกแนวให้พิมๆตามมันไป แล้วลองรันโค้ดตัวอย่างดูไรงี้ มันไม่อธิบายว่า แต่ละคำที่มันให้พิมทำหน้าที่อะไร กุรุ้สึกไม่ต่างจากจดตามที่ครูพูดให้ฟังสมัยเรียน จำได้แต่ไม่เข้าใจ
จุดประสงค์คืออยากทำแอปดิกเป็นของตัวเอง กุเป็นนักแปล โปรแกรมดิกที่ใช้มีศัพท์น้อยมาก เพิ่มเองไม่ได้ เปิดดิกเป็นเล่มก็ไม่สะดวก ช้าด้วย
เลยคิดว่า อยากทำแบบที่ตัวเองอยากได้ขึ้นมาเองเลย
แบบนี้ควรไปศึกษาอะไรบ้าง
>>284 เริ่มศึกษา Java ยังไงดีนี่กูแนะนำไม่ค่อยได้แหะ แต่ส่วนตัวไม่ได้อ่านหนังสือไทยเพราะไม่ชอบที่มันชอบแปลศัพท์เทคนิคหลายๆคำที่ควรจะทับศัพท์ไปเลย
ส่วนการเขียน App Android นี่สำคัญคือพื้นฐาน Java ควรจะดี พวก syntax พื้นฐาน, OOP, พวก utility พื้นฐานที่มากับโปรแกรม ควรจะต้องรู้ไว้ก่อน
ที่ต้องรู้อีกอย่างคือ XML เพราะ config file กับไฟล์จัด layout หน้าต่างๆใช้ XML เกือบหมด
จากนั้นตอนจะเริ่มเขียนที่ต้องเริ่มจากแบบ tool กับ framework ของ Google เพราะมันใช้ภาษา Java เขียนก็จริง
แต่การเขียนให้มันเป็น App Android ก็คือต้องเขียนตาม framework ของมันอีกที โดยเฉพาะพวก Activity Lifecycle นี่ถ้าไม่แม่นจะงงมาก
อื่นๆที่อาจจะต้องใช้ (ถ้าทำๆไปแล้วต้องใช้ค่อยศึกษาก็ได้) SQL, REST API, JSON, library หรือ framework อื่นๆนอกจากตัวมาตราฐาน
ระหว่าง PostgreSQL MySQL MariaDB อันไหนใช้งานดีสุด
มึงกูขอถามไรหน่อย ไม่รู้ถูกมู้ไหม คือกูอยากบล็อกเว็บโม่งอ่ะ ลองบล็อกจากrouterแล้วมันไม่ได้ มึงมีวิธีไหม
พวกมึง คือตอนนี้กุเรียนวิศวะคอม ม แห่งนึงในไทย
กุมีความสงสัยว่า กุเข้าไป กุมีความรู้แค่เขียนภาษา C แบบพื้นๆ
กุจะจบออกมาได้ขนาดไหนวะ ถ้าคิดว่ากุเข้าไปในมหาลัย กุตั้งใจเรียนเหี้ยๆ
แล้วจบออกมา งานแม่งหาง่ายยากยังไงแค่ไหน ช่วยบอกกุที
AngularJS มันต้องเขียนตัวเว็บให้มี API ดึงได้สินะ แลดูแล้วเหมือนจะมีช่องโหว่เยอะ ไม่เหมาะกับมือใหม่...
แต่ JavaScript เร็วจริง
ถามนิด คือตอนนี้กูพอเขียนโปรแกรมเป็น มีพื้นฐานภาษา c,c++,java
แต่กูไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องเขียนเว็บเลย ถ้ากูอยากฝึกเขียนเว็บกูควรศึกษาภาษาอะไรบ้าง และถ้าเป็นไปได้อยากให้ช่วยแนะนำเว็บหรือหนังสือให้ด้วยก็จะขอบคุณมาก
>>296 อ่านอิ้งออกก็จัดไป
http://w3schools.com/
ปูพื้นฐานไว้ก่อน
http://codeschool.com/
อันนี้แจ่มมาก เรียน Angularjs Jquery หรือภาษาอื่นๆ สอนได้ดีมากๆ
บอทมายคราฟ...
https://www.blognone.com/node/83219
>>296 ถ้าเว็บส่วนที่เป็น frontend จริงๆก็ HTML --> JavaScript + CSS
แล้วที่เหลือก็ไปศึกษา framework / library อื่นๆต่อ อย่างพวก bootstrap, JQuery
ถ้างาน backend ด้วยก็ต้องศึกษา Database กับตัวงาน backend ถ้าเขียน java เป็นอยู่แล้วลองเริ่มดู JSP แล้วไปต่อพวก Java EE
หรือถ้าอยากเขียนเป็น JS เพราะยังไงก็ต้องเรียนอยู่แล้วก็ลองดูพวก Node.js
จริงๆภาษา backend มีตัวเลือกอื่นๆอีกเยอะอย่างเช่น PHP แต่ก็ต้องเรียนภาษาใหม่เพิ่มอีก
ถ้าไม่ได้มองแนวที่ต้องเขียนเองเป็นหลักลองดูพวก CMS สำเร็จรูปอย่าง WordPress, Joomla, Drupal ดู
โม่ง กูถามหน่อยดิว่าเรียนเขียนเว็บฝั่งback-endพวกมึงเริ่มกันที่ไหนบ้างวะ? ส่วนตัวกูมืดแปดด้านอย่างรุนแรงเลยหว่ะ
>>300 กูเริ่มกับบริษัทคนจีน win app ว่ะ มาถึงมันก็จับให้เล่นสดกับ ERP บริษัท ผ่านไป 2 ปี เงินเดือนน้อยแต่ประสบการณ์เพียบ
พอเปลี่ยนงานใหม่ หลังจากนั้นไม่ว่าอะไรๆ ก็ง่ายไปหมดเพราะจากเดิม db หลายพัน table หลายร้อย columns เหลือไม่ถึงร้อย table
ระบบอะไรก็เข้าใจหมดแล้ว
แถม web มี framework สำเร็จรูปนี่ง่ายเข้าไปใหญ่ วางระบบเสร็จปุ๊ป เสร็จที่เหลือมึงแทบจะก็อปวาง backend code โครงสร้าง
แม่งเหมือนกันหมด อย่างเก่งก็เสียเงินดูคอส์เวลา framework หรือมี tech อะไรใหม่ๆ แค่นั้น
กูมีข้อสงสัยนะโม่ง คือ กูเรียนHTML+CSS มาพอจับทางได้ว่า
-HTMLมันเหมือนโครงของเว็บ เป็นที่อยู่ให้เนื้อหา แบ่งหมวดหมู่ต่างๆ
-CSS เอาไว้ตกแต่งเว็บให้มีหน้าตาที่ดีขึ้น ทำหน้าที่หนุนหลังให้HTML
แล้วทีนี้กูเริ่มเรียนjavascriptกูเลยเกิดคำถามในหัวนะว่า มันเอามาใช้ทำอะไรวะ? คำตอบที่ค้นอากู๋มามันบอกว่าเอาไว้ทำให้เว็บมีการตอบโต้กับผู้ใช้งานได้ แต่ก็ยังไม่เก็ทอ่ะว่าตอบโต้แบบไหนนอกจากสร้างกล่องpop-up กับ นาฬิกาอัตโนมัติบนเว็บได้ คือ มันต่อยอดไปแนวๆไหนวะกุไปไม่เป็นเลยกับjavascriptอ่ะ? มันจะช่วยให้เว็บที่กูเขียนดูดีขึ้นมายังไงมั่งวะ?
Javascript เข้าใช้ในการแปลงหน้าเวปให้มีการคำนวนอย่างง่ายๆ น่ะ แต่มันไม่เหมือนPhp หรือASP นะ อันนั้นมัน ต้องลิงค์กันกับเซิร์ฟเวอร์ ให้มันทำงานแต่อันนี้ใมันจะรันในเครื่องไคเอนท์เลย แบบการแสดงผล ออกมาเป้นเลขหนึ่งแต่กูต้องการให้มันแสดงเป็น 2 เลยให้ไป บวก 1 ลงไปแบบนั้น
ประโยชน์อะไรเหรอ มันก็ ไว้ทำ หน้าเวป ให้มีการคำนวนขึ้นมาแค่นั้นแหละสมัยก่อนชอบๆกันแต่สมัยนี้ ... มันไม่ใช้แล้วล่ะ 5555
>>302 ง่ายๆ น่ะมึงลองดูเว็ป panasonic ก็ได้
https://dream-fita-rio2016.panasonic.com/ja/
แล้วมึงคิดว่าหน้าเว็ปแบบนั้นใช้ถ้าใช้ css อย่างเดียวจะไหวไหม
ตย. JS
http://openlayers.org/en/latest/examples/draw-features.html
อันนี้ใช้วาดรูปทับบนแผนที่
>>302 ลูกเล่นการเคลื่อนไหวของหน้าเว็บเกือบทั้งหมดเป็น js (แต่สมัยนี้รู้สึกว่าจะมี css ที่ทำอะไรคล้าย ๆ กันได้บ้างแล้วเหมือนกัน) ดึงข้อมูลจาก server มาโดยไม่ต้องโหลดหน้าใหม่ก็ใช้ js จะโพสต์สเตตัสในเฟสบุ๊คก็ใช้ js กดไลค์ก็ใช้ js จะคุม state ในหน้าเว็บก็ต้องใช้ js ส่วนที่ interact กับผู้ใช้ ถ้าจะเขียน logic ลงไปก็ต้องใช้ js ถ้ามี form ให้ผู้ใช้กรอก จะ validate ก็ต้องใช้ js ประโยชน์มันเยอะมาก ถ้าเขียนเว็บยังไงก็ต้องใช้เป็น เพียงแต่ว่าเดี๋ยวนี้มี framework มาครอบ พักหลัง ๆ เลยเริ่มใช้พวก framework กันมากกว่าน่ะ
จะว่าไป เขียนเว็บให้ดีไม่ใช่สักแต่โค้ด ต้องออกแบบเป็นด้วย ไปทำความรู้จักกับ ui/ux ด้วย
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.