ผู้จบการศึกษาจาก ม.โทไดและฮาวาร์ดกล่าว
มีวิธีการทบทวนการเรียน 4 ประเภท
ที่มีคนไม่น้อยทำกัน แต่แสนจะไร้ประโยชน์
อันนี้เล่าย่อๆ
แต่ในบทความต้นจะมีอธิบาย
ที่มาทางวิชาการของหลักการเหล่านี้อีกทีครับ
-----------------
1. พยายามจะจำอะไรในครั้งเดียว
เช่นการนั่งติวสอบนานๆ
คุณแค่เพิ่มภาระให้สมอง
แต่มันไม่ได้ทำให้ความรู้ติดอยู่นาน
ทำไปบ่อยๆก็มีแต่ทำให้ผลการเรียนตกในระยะยาว
สิ่งที่ควรทำคือการแบ่งระยะให้มีเวลาระหว่างการทบทวน
เรียนครั้งแรก > เว้น 2 วันแล้วทบทวน > เว้น 1 สัปดาห์ > เว้น 1 เดือน
แล้วจะจดจำเนื้อหาได้ดีกว่าในระยะยาว
---------------------
2. การเริ่มเรียนจริงจังทีละขั้นตั้งแต่ต้นจนจบ
การเรียนแบบนี้จะทำให้คุณเห็นใบไม้ แต่มองไม่เห็นป่า
ไม่เข้าใจว่าสิ่งที่ตนเรียนอยู่มีความสำคัญยังไง
วิธีการที่ดีกว่า
คือเรียนและอ่านแบบข้ามๆรอบนึงก่อนให้เห็นภาพรวม
พอมันมีช่องว่างทางความรู้จากการอ่านข้ามๆแล้ว
สมองของมนุษย์จะเกลียดช่องว่างเหล่านั้น
เมื่อคุณทบทวนอ่านอีกทีรอบสองแบบละเอียด
ความรู้จะเข้าไปยึดติดในช่องว่างเหล่านั้นได้ง่ายกว่า
-------------------
3. การทบทวนเนื้อหาทุกเรื่อง
มันเป็นเรื่องเสียเวลามาก
กับการมาทบทวนเรื่องที่คุณรู้เข้าใจอยู่แล้ว
อย่างสมมุติว่าคุณสอบได้ 100 คะแนนอยู่แล้ว
มันไม่ได้มีอะไรที่จะให้คุณมาปรับปรุงพัฒนาอีกได้
คุณจะมาทบทวนอีกรอบ มันก็เสียเวลาเปล่า
สิ่งที่คุณควรทำ
คือหาว่าอะไรที่ตนยังไม่เข้าใจ
แล้วเอาเวลาไปเน้นลงกับเรื่องเหล่านั้นมากกว่า
------------------
4. พยายามจำโดยการเขียนลงกระดาษทุกเรื่อง
เรามีตัวอย่างการเรียนของกลุ่มคนที่สอบตกเข้าโทได
นั่นคือกลุ่มคนที่เขียนทวนบทความสำคัญซ้ำๆกันหลายรอบ
ปัญหาของมันคือ
แทนที่จุดประสงค์ของคุณคือการทบทวนบทความ
การเขียนซ้ำกัน มันดันกลายเป็นจุดประสงค์หลักแทน
ผู้ที่จบการศึกษา ม.ฮาวาร์ด อันดับหนึ่งของชั้นบอก
สิ่งที่ตนทำ คือการจดจำด้วยประสาททั้งห้า
คือพอเขียนอะไรไปแล้ว ก็ให้พูดไปด้วย
เพื่อให้ ข้อมูลการมอง ผสานกับข้อมูลเสียงที่ได้ยิน
และยังมีการเรียนโดยวิ่งแล้วฟัง Podcast ไปด้วย
เพราะประสาทสัมผัสจะถูกกระตุ้น
ให้สมองทำงานจดจำได้มากขึ้น
----------
หากคุณเป็นคนที่นั่งเรียนเท่าไหร่ก็ไม่ได้ผล
ให้ลองมาดูว่าคุณเข้าข่ายเหล่านี้หรือไม่
แล้วทำตาม
มันอาจจะได้ผลมากกว่า
การมานั่งนานๆอยู่กับโต๊ะ
แล้วอ่านเขียนทบทวนอย่างเดียวครับ